ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในที่สุด “กรรม” ก็ไล่ล่าพิธีกรชื่อดังอย่าง “นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา” เข้าจนได้แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5-6 ปีก็ตาม เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2555 ที่ผ่านมาว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และตัวนายสรยุทธมีความผิดในฐานะ “ผู้สนับสนุน” ทำให้ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงิน 138,790,000 บาท
และที่ต้องขีดเส้นใต้สองเส้นเอาไว้ก็คือ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เลยทีเดียว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แถลงผลการประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ได้พิจารณาเรื่องกล่าวหานางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ บมจ.อสมท กับพวก กรณีช่วยเหลือ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกินกำหนดเวลาในสัญญาเป็นเงิน 138,790,000 บาท โดยมีการแก้ไขใบคิวช่วยเหลือบริษัทไร่ส้มฯ ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง น.ส.มณฑา ธีระเดช และบริษัทไร่ส้มฯ ทำให้ บมจ.อสมทได้รับความเสียหาย ตามที่อนุกรรมการไต่สวนชุดที่มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน เสนอ
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดือน มิ.ย.2546 บมจ.อสมท ทำสัญญาว่าจ้างนายสรยุทธเป็นพิธีกรแบบรายวัน ในปี 2547 นายสรยุทธตั้งบริษัทไร่ส้มฯ ขึ้นมาผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” กับ บมจ.อสมท โดยทำสัญญา 2 ช่วง ช่วงแรก ออกอากาศทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยมีการตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้กับ บริษัทไร่ส้มฯ ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินต้องชำระค่าโฆษณาเกินให้ บมจ.อสมท ในอัตรานาทีละ 200,000 บาท ช่วงที่สอง ออกอากาศทุกวันจันทร์-วันศุกร์ โดยมีการตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้กับ บริษัทไร่ส้มฯ ครั้งละ 2.30 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินต้องชำระค่าโฆษณาเกินให้ บมจ.อสมท ในอัตรานาทีละ 240,000 บาท
จากการไต่สวนปรากฏว่า นางพิชชาภาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียวในการจัดทำคิวโฆษณารวม ได้ให้ความช่วยเหลือ บริษัทไร่ส้มฯ โดยไม่รายงานการโฆษณาเกินของ บริษัทไร่ส้มฯ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.2548 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2549
“ในการนี้ จากการไต่สวนยังพบว่า นายสรยุทธได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาติ สาขาพระรามสี่จ่ายเงินให้กับนางพิชชาภา โดยมีการทำเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 739,770.50 บาท เพื่อตอบแทนที่นางพิชชาภามิได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัทไร่ส้ม”
นายกล้านรงค์เปิดเผยต่อว่า ต่อมาในเดือน ก.ค.2549 ผู้บริหาร บมจ.อสมท เรียกนางพิชชาภามาสอบ ซึ่งได้ยอมรับว่ามีการใช้น้ำยาลบคำผิดเฉพาะคิว โฆษณาเกิน เวลาในส่วนของบริษัทไร่ส้มฯ เพื่อปกปิดความผิดที่ได้กระทำขึ้นตามคำแนะนำของนายสรยุทธและ น.ส.มณฑา แม้หลังจากนั้นบริษัทไร่ส้มฯได้มีการชำระเงินค่าโฆษณา บมจ.อสมท นัวนที่ 31 ส.ค.และวันที่ 15 ก.ย.ในปี 2549 เป็นเงิน 103,953,710 บาท โดยบริษัทไร่ส้มฯ ขอหักส่วนลด 30% จากยอดทั้งหมด 138,790,000 บาท แต่ทาง บมจ.ไม่ยินยอม เพราะบริษัทไร่ส้มไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกันไว้ จึงขอคิดดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมเป็นเงินที่บริษัทไร่ส้มฯ ต้องจ่ายต่อ บมจ.อสมท 152,969,497.67 บาท
ต่อมาในปี 2551 บริษัทไร่ส้มฯ ได้ฟ้องต่อศาลปกครอง ขอเรียกเงินคืนจาก บมจ.อสมท โดยอ้างว่า สัญญาระหว่าง บมจ.อสมท กับบริษัทไร่ส้มฯ มีการแบ่งค่าโฆษณากันคนละครึ่ง แล้วทาง บมจ.อสมท ก็โฆษณาเกินเวลาเช่นกัน เรื่องนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลปกครอง
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ว่า นางพิชชาภา (หรือนางชนาภา บุญโต) มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความมผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 8 และ 11 ,น.ส.อัญญา หรือสาริศา อู่ไทย ซึ่งเป็นหัวหน้างานและเป็นผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้าของนางพิชชาภา มีมูลความผิดทางวินัย ฐานประมาทเลินเล่อ ส่วนทางอาญาขาดเจตนา ให้ยกคำร้อง
“ส่วนนายสรยุทธและ น.ส.มณฑา ซึ่งได้ใช้ให้นางพิชชาภา ไม่ต้องรายงานการโฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และบริษัทไร่ส้มฯ ในฐานะนิติบุคคล จึงมีมูลความผิดฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6,8 และ 11 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86” นายกล้านรงค์กล่าวสรุป
เวลาผ่านได้ 5 ปี วันนี้ ป.ป.ช.ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ออกมาชัดเจนว่า นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา มีความผิดจริง ส่วนเมื่อไปถึงมืออัยการและนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลแล้ว ผลจะออกมาอย่างไร สังคมต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
หมายเหตุ : ขณะนี้ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นได้ที่ http://www.facebook.com/#!/Astvmanagerweekend