คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 4
พิมภาหันไปส่งสายตาทางฤชวีทั้งจิกแล้วขยิบตาสุดชีวิต ฤชวีมองพิมภาที่ขยิบตาใส่
“อ๋อ ใช่ครับ ผมชอบพิมมานานแล้ว”
“แล้วหายไปไหนตั้งนาน รู้ไหมว่ายัยพิมเกือบจะแต่งงานไปแล้ว”
“ก็ พอรู้ว่าพิมไม่ได้แต่งงาน ต้นเขาก็เลยขอพิมแต่งงาน”
“ง่ายๆ ซะงั้น”
พิมภาอึกอัก ลำบากกับการโกหก ฤชวีมองพิมภาแล้วจับมือ
“ไม่ง่ายหรอกครับที่ผมจะได้โอกาสจากคนที่ผมรัก ตอนที่ผมรู้ว่าพิมจะแต่งงาน ผมเสียใจมาก เมื่อพิมให้โอกาสผม ผมจะไม่ยอมปล่อยมันไป” ฤชวีส่งสายตาหวานมาก พิมภามองการแสดงของฤชวีอย่างทึ่งๆ
“รู้ไหมว่าพิมทำเอาแม่เครียดทั้งคืน แม่กลัวว่าลูกจะเสียใจจนประชดประชันสร้างเรื่องเสียหาย จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าจดทะเบียนกับใครไม่รู้เล่นเอาแม่ใจหายหมด”
“แหม แม่ขา ใครจะไปทำอะไรขาดสติแบบนี้นะ”
พิมภาหันหน้าหนีพิมมาลาก่อนที่จะหลุดพิรุธแต่เจอสายตาฤชวีที่เป็นคำถามว่า “เหรอ” พิมภาจิกตาดุฤชวี
เสียงนาฬิกาปลุกในห้องน้ำดังเข้ามา
“พิม เสียงนาฬิกาปลุกดังแน่ะ”
“ดังเดี๋ยวมันก็ดับแม่...วันนี้วันอะไร” พิมภาถามเมื่อนึกได้
“วันศุกร์”
“สายแล้ว”
พิมภารีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องแล้วนึกได้รีบวิ่งออกมาลากฤชวีกลับเข้าไปในห้อง ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลมองหน้ากัน
“อะไรมันจะปุ๊บปั๊บขนาดนี้นะแม่”
พิมมาลาจะเดินไปนั่งแต่สายตาของพิมมาลาเห็นเอกสารขอจดทะเบียนสมรส พิมมาลาหยิบมาดูพลางมองทางห้องพิมภาอย่างใช้ความคิด
พิมภารีบแต่งตัว แต่งหน้าเสร็จปั๊บหันมาพูดกับฤชวีอย่างรวดเร็ว
“คุณต้น ฉันต้องไปทำงานก่อน ฝากทางนี้ด้วยนะ”
“ฝาก เอ่อ”
“พ่อแม่ฉันใจดี แค่คุณต้องทำให้เนียนที่สุด อย่าให้เขาจับได้ว่าเรากำลังโกหกก็พอ”
“ฟังดูง่ายมากครับ การโกหกมันเป็นบาปนะครับ”
“แต่ทำพ่อแม่เสียใจบาปกว่านะ เอาเถอะน่า คุณก็เลี่ยงท่านหน่อยแล้วกัน” พิมภาหยิบกุญแจสำรองให้ “นี่กุญแจห้องฉัน คุณถือเอาไว้ ว่าแต่แก๊งค์เมื่อคืนไม่ใช่คนของคุณแน่นะ”
“แน่สิครับ”
“ถ้าพาคนมายกเค้าบ้านฉันล่ะก็ ฉันเอาตายแน่”
ฤชวียิ้มอย่างระอา
“ครับผม กลัวแล้วครับ”
พิมภาจดเบอร์โทรศัพท์ใส่ช็อตโน้ตใส่มือฤชวี
“นี่เบอร์โทรศัพท์ฉัน แล้วเบอร์คุณล่ะ” พิมภาส่งมือถือให้ “กดให้ฉันด้วยจะได้เมมไว้” ฤชวีกดเบอร์ “แล้วถ้ามีเรื่องอะไรต้องโทรรายงานฉันทันที โอเคมั้ย”
“ครับ”
“ฉันไปล่ะ”
พิมภารีบออกไป ฤชวีมองตามพิมภาไปแล้วถอนใจอย่างหนักใจแต่ก็มองเบอร์ในมืออย่างอดยิ้มไม่ได้
พิมภาออกมาเห็นภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลนั่งรออยู่
“พิมไปทำงานก่อนนะแม่”
“แล้วสามีแกล่ะ”
“เอ่อ อาบน้ำอยู่จ๊ะ”
“พ่อว่าเราน่าจะคุยกัน”
“ให้พิมกลับมาจากทำงานก่อนได้มั้ยจ๊ะ เดี๋ยวพิมจะเสียงาน”
“รีบไปเถอะลูก”
“จ๊ะ”
รถของลัลนาแล่นเข้ามาจอดเอี๊ยดหน้าออฟฟิศ รถของพิมภาตามเข้ามาจอดช้ากว่า กลุ่มซูซี่กรี๊ดดีใจมาก ผิดกับนันทิกานต์ เดีย ฤทธิ์ที่หน้าเสีย พิมภากับลัลนาก้าวลงมาจากรถ ทั้งคู่เดินมาที่หน้ารถ พิมภาหน้าเสีย ลัลนายิ้มเยาะ
“วันนี้เธอมาช้า แต่วันหน้าเธอจะตามฉันไม่ทันแน่”
ลัลนาเดินเชิดๆ ไปอยู่กับแก๊งตัวเอง พิมภามองโกรธตัวเอง นันทิกานต์กับแก๊งค์รีบเข้าไปหาพิมภา
“เป็นอะไรวะพิม แกไม่เคยพลาดขนาดนี้นะ”
“พี่พิมไม่สบายหรือเปล่า ไปหาหมอมั้ย”
“หรือมีใครทำอะไรพี่พิม ฤทธิ์จะไปเล่นงานมันให้เอง”
พิมภายกมือห้าม
“หยุด พี่ปวดหัว เดี๋ยวค่อยคุย โอเคไหม”
“โอเคค่ะ/ครับ”
รถของสุกัญญาแล่นเข้ามาจอดเสียงเบรกดังมากก เอี๊ยดดด ทุกคนหันไปมอง คนขับรถของสุกัญญาลงมาเปิดประตูให้ สุกัญญาก้าวลงมา กลุ่มลัลนารีบเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณสุ”
สุกัญญาหน้าเครียด
“พิม ลัลรู้หรือเปล่าว่าสินค้าของเราถูกก๊อปปี้” ทุกคนตกใจ “เข้าห้องประชุมเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ/ครับ”
พิมภากับลัลนาและแก๊งค์รีบตามสุกัญญาไปทันที
ที่ห้องประชุม ตัวอย่างสินค้าของบริษัทนารีกับสินค้าของบริษัทซันชายน์ถูกวางลงบนโต๊ะประชุม
“สินค้าตัวใหม่ของซันชายน์”
พิมภาหยิบขึ้นมาดู
“แป้งวิ้งค์”
“แพ็คเก็จ ฟอนท์ตัวหนังสือ ก๊อปเป๊ะมาก”
ลัลนาหยิบของสองบริษัทมาเปรียบเทียบ
“รองพื้นสูตรเฉพาะของเรา” ลัลนาบีบออกมาเทสต์ที่ฝ่ามือ “เนียน ซึมซาบเร็ว เหมือนของเรามากค่ะ”
“เราเตรียมงานสองตัวนี้มาเป็นปี ตั้งใจจะเป็นไฮไลท์ของกลางปีนี้ มาเจอตัดหน้าแบบนี้มัน...”
“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่”
“มีคนขายความลับบริษัทเหรอคะ”
พิมภากับลัลนามีความคิดตรงกัน มองหน้ากันอย่างไว้เชิง ทุกคนตกใจกับความคิดนี้
ฤชวียังอยู่ในห้องพิมภา หลังจากล้างหน้าเรียบร้อยแล้วฤชวียืนดูรูปของพิมภากับครอบครัว ฤชวีมองยิ้มๆ ชอบใจ
“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะเนี่ย” เสียงเคาะประตูดัง ฤชวีเดินไปเปิดประตูแล้วชะงักที่เห็นภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลยืนอยู่หน้าห้อง “มีอะไรเหรอครับ”
“เราอยากไปขับรถเล่น ก็เลยมาถามว่าสนใจมั้ย”
ฤชวียิ้มอย่างอัธยาศัยดี
“ผมไม่...”
“สนใจใช่มั้ย” ภาณุวัฒน์ถามเสียงเข้ม
“อ่า พอดีผมไม่ว่างน่ะครับ จะต้องไปเอาของ”
“อ้อ งั้นก็ดีเลย ไปสิไป” ฤชวีเหวอ
ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลยิ้มแบบมีแผน ฤชวีมองรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวว่ามีอะไรแน่
ที่บริษัทนารี พิมภานั่งดูสินค้าที่ก๊อปปี้อย่างพินิจพิเคราะห์
“เป็นไปไม่ได้ที่จะก๊อปกันได้ขนาดนี้”
นันทิกานต์ใช้ความคิด
“เอาตามตรงนะ แวบแรกฉันคิดว่าแกอาจจะโดนยัยลัลแกล้ง แต่ยายลัลมันก็โดนด้วย หลุดจากยายลัลก็ยากเลยคราวนี้ ฝีมือใครวะ”
“ทำไมมันถึงมีแต่เรื่องนะ ขอชีวิตง่ายๆ ให้ฉันบ้างได้มั้ยปวดหัว”
“ง่ายๆ มันไม่เหมาะกับคนอย่างแกไง ทำไมทำเป็นโปรยหัวข้อปริศนา มีเรื่องอะไรอีกนอกจากเรื่องงาน อีพี่เอกมันกลับมาเหรอ”
“มันยิ่งกว่านั้นอีก ชีวิตฉันตอนนี้พลิกผันมากแนน”
“ขอบอกว่าที่เป็นอยู่ก็มากแล้ว มีกว่านี้อีกเหรอ” พิมภาพยักหน้าหนักใจ “ไหนแจงมาสิ แบบละเอียดยิบนะ”
ภัทรพลขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านฤชวี ทุกคนเปิดประตูเดินลงมาจากรถ ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลมองบ้านของฤชวีอย่างสำรวจ
“บ้านของนายเหรอ”
“ครับ ผมเกิดที่นี่ โตที่บ้านหลังนี้ครับ”
“ไม่จน เรื่องปอกลอกยัยพิมคงไม่ใช่” ภัทรพลพูดเบาๆ กับผู้เป็นแม่
“เชิญข้างในครับ”
ฤชวีเปิดประตู มิ้นท์เดินออกมาเห็นฤชวีก็รีบวิ่งออกมา
“พี่ต้น” มิ้นท์วิ่งมาจับมือฤชวี “พี่หายไปไหนมาทั้งคืน พี่กิ่งโทรมาถามมิ้นท์ มิ้นท์เป็นห่วงแทบแย่”
ภัทรพลหันมาหาฤชวีแบบไม่พอใจ
“นี่นายมีเมียแล้วเหรอ”
ภาณุวัฒน์หันขวับมาทันที
“มีเมียแล้วมายุ่งกับพิมทำไม”
“พ่อต้น”
“ใจเย็นๆ ครับ นี่มิ้นท์ เป็นน้องสาวของผมครับ” ฤชวีรีบบอก
ภาณุวัฒน์กับภัทรพลหันมองมิ้นท์ มิ้นท์ยิ้มรับงงๆ มองว่าพวกนี้เป็นใครกัน
เมื่อเข้ามาในบ้าน รูปถ่ายฤชวี มิ้นท์กับครอบครัว ใบปริญญา หนังสือนิยายของฤชวี ปกพิมพ์ภาษาอังกฤษ Love story? ถูกวางลงบนโต๊ะ ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลมองอย่างพินิจ ฤชวียกน้ำมะนาวคั้นใส่น้ำแข็งมา 5 แก้ว
ภาณุวัฒน์หยิบใบปริญญามาดู
“จบเกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วยนะ”
“ที่ว่าเป็นนักเขียนนิยาย พิมพ์ที่อังกฤษเลยเหรอ”
“ครับ ตอนอยู่เมืองนอกผมเริ่มลองเขียนแล้วไปเสนอ ก็นานครับกว่าจะได้ตีพิมพ์ แต่ตอนนี้ผมกำลังแต่งนิยายแต่เป็นแบบของไทยๆ อีกสักสามเดือนคงจะได้ตีพิมพ์ครับ”
“ดีเลย แม่ชอบอ่านนิยาย จะได้ติดตามผลงาน”
“ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง”ฤชวีรีบหยิบทุกอย่างที่ขอส่งให้ ภาณุวัฒน์รับมาแล้วกดมือถือ
“ฉันมีคนจะให้แกช่วยเช็คหน่อย” ภาณุวัฒน์มองฤชวี “ก็ทั้งทางกองตรวจคนเข้าเมือง ประวัติอาชญากร แบบละเอียดที่สุดนะ”
ฤชวีทำหน้าไม่ถูก ภาณุวัฒน์ขยับห่างออกไปคุยโทรศัพท์ พิมมาลากับภัทรพลยังดูรูป ดูหนังสือที่ฤชวีเขียน
ภาณุวัฒน์เดินกลับมาแล้วเดินเข้าไปคุยกับพิมมาลา ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลหันมามองฤชวีอย่างพินิจแล้วหันไปจับกลุ่มปรึกษากัน มิ้นท์ดึงฤชวีให้ห่างออกมา
“พี่ต้น คุณลุงคุณป้ากับพี่คนนั้นเขาเป็นใคร แล้วทำไม...”
“ครอบครัวคุณพิม”
“คุณพิม คนที่พี่ชอบน่ะเหรอ แล้วทำไม”
“เรื่องมันซับซ้อน ไว้พี่จะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทีหลัง ตอนนี้ช่วยพี่ก่อน”
“โอเค”
“เราเสร็จธุระแล้ว กลับกันเถอะ” ภาณุวัฒน์บอก
“ใจเย็นสิพ่อ พ่อต้นจะมาเอาของไม่ใช่เหรอลูก” พิมมาลาถามฤชวี
“ใช่ครับ” พิมมาลาได้ช่องทันที
“ภัทรไปช่วยพ่อต้นเก็บของสิลูก”
“ช่วย? ทำไมต้อง...”
“ช่วยเก็บช่วยดูจะได้ไม่ตกหล่นไงลูก เข้าใจไหม”
ภัทรพลเข้าใจว่าให้ไปสอดส่องในห้องนอน
“อ๋อ ครับแม่”
ฤชวีมองอย่างรู้ทัน ฤชวีเดินขึ้นบนบ้านไป ภัทรพลตาม มิ้นท์หันมาทางพิมมาลากับภาณุวัฒน์จะถาม แต่เสียงมือถือดังขึ้นซะก่อน มิ้นท์มองโทรศัพท์แล้วตกใจ
“คุณย่า”
มิ้นท์รีบรับสายแล้วออกไปคุยที่มุมหนึ่ง
ฤชวีหยิบเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เก็บของใช้ใส่กระเป๋า พลางมองภัทรพลที่เดินสำรวจไปรอบๆ ห้องนอนเขา
“มีแต่รูปเดี่ยวกับรูปครอบครัว แล้วรูปกับแฟนเก่ากับเพื่อนไม่มีเหรอ”
“รูปกับแฟนไม่มีหรอกครับ”
“จะบอกว่านายไม่เคยมีแฟนงั้นเหรอ”
“เคยมีครับ เคยมีคนเดียวตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว”
ภัทรพลยืนจ้องฤชวี
“นายชอบยัยพิมตรงไหน”
ฤชวีอึ้งไปที่โดนคำถามจู่โจม แล้วก็ยิ้ม
“คุณพิมเป็นคนสวย ไม่ยอมใคร แต่ก็มีมุมน่ารักหลายมุมที่ผมประทับใจ”
“เพ้อนะเนี่ย ยังไม่เจอเวอร์ชั่นโหดล่ะสิ”
“อืม ถึงจะรู้จักคุณพิมไม่นานแต่ผมก็เชื่อว่าคุณพิมเป็นคนดีครับ”
“ของแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ แต่ถ้านายทำให้น้องฉันเสียใจ นายไม่มีแผ่นดินอยู่แน่ๆ” ฤชวียิ้มรับ “นี่ฉันขู่นายอยู่นะ ยิ้มอะไร”
“กำลังคิดว่าคุณพิมคงภูมิใจมากที่คุณพ่อคุณแม่กับพี่ชายทั้งรักทั้งห่วงขนาดนี้”
ภัทรพลมองฤชวีงงๆ
“นี่นายไม่คิดจะกลัวกันบ้างหรือไง”
“ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่าคุณภัทรทำเพราะรักคุณพิม ผมเก็บของเรียบร้อยแล้วครับ ไปกันเถอะครับ”
มิ้นท์วิ่งเข้ามาเสียงดังอย่างแตกตื่น
“พี่ต้น” มิ้นท์เห็นภัทรพลมองว่ามีอะไร มิ้นท์ดึงฤชวีเข้าคุยใกล้ๆ “แย่แล้วพี่ต้น คุณย่ากำลังมา พี่ต้นต้องรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
ฤชวีตกใจ รีบไปหยิบกระเป๋า
“คุณภัทรครับ ผมเก็บเรียบร้อยแล้วรีบไปกันเถอะครับ”
“รีบไป รีบไปไหน”
“ไปเถอะครับ”
ฤชวีไม่ตอบแต่เดินนำลงไป มิ้นท์ตาม ภัทรพลเลยต้องรีบตามไปอีกคน
ฤชวีถือกระเป๋าลงมาอย่างเร่งรีบ โดยมีมิ้นท์กับภัทรพลตามลงมา
“คุณพ่อคุณแม่ครับ เรารีบไปกันเถอะครับ” ฤชวีบอกอย่างรีบร้อน
“ทำไมต้องรีบ”
“นั่นสิ เกิดอะไรขึ้น”
“นั่นสิ ทำไมอยู่ลุกลี้ลุกลนจะกลับ” ภัทรพลถามอย่างสงสัย
“คือ คือ ผมลืมไปว่าบ่ายๆ จะต้องไปซื้อของให้คุณพิม แล้วผมต้องรีบไปคุยงานที่สำนักพิมพ์ต่อครับ รีบไปกันเถอะครับ”
พิมมาลา ภาณุวัฒน์ ภัทรพลมองฤชวีอย่างสงสัย
“แค่ซื้อของทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย”
“เวลามันน้อยน่ะครับ แล้วถ้าซื้อของให้คุณพิมไม่ทันพี่ภัทรก็รู้นี่ครับ เวลาคุณพิมไม่ได้ดั่งใจเป็นยังไง”
“เป็นยังไง” ภัทรย้อนถาม ฤชวีอึ้ง ไม่นึกว่าจะถูกย้อนถาม ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพล รอฟังคำตอบจากฤชวี
“ว่าไง เวลายายพิมมันโกรธเป็นยังไง”
ฤชวีไม่รู้จะตอบยังไง แล้วก็ตัดสินใจตอบไป
“นิ่ง เงียบ ถามอะไรก็ไม่พูด เหมือนโดนผีเข้า”
ฤชวีรอลุ้นว่าคำตอบจะเป็นผลอย่างไร ภัทรพลนิ่ง ฤชวีลุ้นมาก แล้วภัทรพลก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“แสดงว่าโดนของจริงไปแล้ว ยายพิมมันเป็นแบบนี้แหละเวลามีอะไรก็ไม่ยอมพูดออกมา พวกฟอร์มเยอะก็แบบนี้ บางทีก็ปล่อยให้เราลุ้นแทบตาย”
ฤชวีโล่งอก
“นั่นสิครับ...ลุ้นแทบตาย”
“งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะครับ”
ภัทรพลเดินนำออกมาที่หน้าบ้าน
“มิ้นท์รับหน้าคุณย่าไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่สะดวกจะโทรหา”
“โอเค”
ฤชวี ภาณุวัฒน์ ภัทรพล พิมมาลา ขึ้นรถ ภัทรพลขับรถออกไป
ภายในรถภัทรพล ฤชวีนั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับโดยมีภัทรพลเป็นคนขับ ภาณุวัฒน์กับพิมมาลานั่งด้านหลัง
ฤชวีถอนใจหลับตาพิงเบาะอย่างโล่งอก ระหว่างนั้นรถของชุติภาแล่นเข้ามา รถของชุติภาสวนกับรถของภัทรพล ชุติภามองออกไปหน้าต่างนอกรถแล้วชะงักเมื่อเห็นฤชวีอยู่ในรถของภัทรพลที่แล่นสวนออกไป
“ตาต้น นายศักดิ์ กลับรถเดี๋ยวนี้”
ชุติภาสั่งคนขับรถ
“กลับรถเหรอครับ”
“ใช่ ตามรถคันที่สวนออกไปเดี๋ยวนี้”
“ครับ”
ศักดิ์กลับรถ แล้วรีบขับตามรถภัทรพลไปทันที ชุติภามองตามอย่างหมายมาด
มิ้นท์รอชุติภาอยู่ที่บ้าน แต่ชุติภายังมาไม่ถึงสักทีจนมิ้นท์มีท่าทางร้อนรน
“ไหนว่าสิบนาที ทำไมคุณย่ายังมาไม่ถึงอีกนะ”
มิ้นท์ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
บนถนนรถของภัทรพลแล่นอยู่ รถของชุติภาแล่นตามไม่ห่างนัก ชุติภามองตามรถภัทรพลอย่างจับจ้อง
“ตามให้มันชิดๆ กว่านี้หน่อย อย่าให้หลุดไปได้นะ” ชุติภาสั่งคนขับรถ ขณะนั้นมือถือชุติภาดัง ชุติภามองแล้วกดรับ “ว่าไงยัยมิ้นท์”
“คุณย่าอยู่ไหนคะ ทำไมถึงช้านัก”
มิ้นท์คุยโทรศัพท์อย่างร้อนใจ
“ฉันก็กำลังตามพี่ชายแกอยู่ไง”
“ตามพี่ชาย” มิ้นท์คิดตามแล้วตกใจ “หะ นี่พี่ต้นกลับมาแล้วเหรอคะ”
“ไม่ต้องมาแสดง พี่ชายแกนั่งรถสวนออกมาจากซอยบ้านแก แกจะไม่รู้ได้ยังไง เดี๋ยวฉันจะปาดลงไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย” มิ้นท์ตกใจรีบกดวางสายทันทีแล้วรีบกดใหม่ “ยัยมิ้นท์ แกได้ยินย่าไหม ยัยมิ้นท์”
ชุติภาไม่ได้ยินเสียงมิ้นท์ก็รีบกดโทรกลับไป แต่เป็นสัญญาณว่าสายไม่ว่างเพราะขณะนั้นมิ้นท์กำลังพยายามโทรหาฤชวี
“มาไม่มีสัญญาณอะไรตอนนี้เนี่ย”
มิ้นท์บ่นอย่างหงุดหงิด ชุติภาได้ยินสัญญาณว่าสายไม่ว่างจึงมองโทรศัพท์อย่างรู้ทัน
“คิดจะเตือนพี่ชายแกใช่ไหม ขับให้เร็วกว่านี้”
“ครับๆๆ”
บนถนนรถของภัทรพลแล่นพ้นไฟเขียวไปเป็นคันสุดท้าย รถของชุติภาต้องจอดติดไฟแดง
“ฉันไม่ได้สั่งให้จอด”
“ติดไฟแดงครับท่าน”
“ฝ่าไฟแดงไป ไปสิ”
ศักดิ์จำต้องขยับรถฝ่าไฟแดงวิ่งไป จนต้องหลบรถที่วิ่งมาจากอีกทางชุลมุนไปหมด ตำรวจที่อยู่ในป้อมเห็นจึงรีบยกวอ.ขึ้นมาพูด ตำรวจออกมาจากมุมหนึ่งเดินออกมาโบกให้รถของชุติภาหยุด
“ตำรวจเรียกครับคุณท่าน”
ศักดิ์บอกชุติภาแล้วเปิดกระจก ตำรวจเดินเข้ามา
“คุณฝ่าไฟแดง ขอใบขับขี่ด้วย”
“ฉันกำลังรีบ” ชุติภาบอก
“คนของคุณขับรถผิดกฎหมายต้องรับใบสั่งครับ”
“งั้นก็ช่วยเขียนให้มันเร็วหน่อย”
ชุติภาหงุดหงิด
รถของชุติภาแล่นมาตามถนน ชุติภามองหารถภัทรพลอย่างร้อนใจ
“เจอหรือยัง”
ศักดิ์เพ่งมองหา
“เจอแล้วครับ”
ศักดิ์บอกเมื่อเห็นของรถของภัทรพลกำลังแล่นอยู่ข้างหน้า
“รีบตามไปสิ”
มีรถแซงเข้ามา ศักดิ์พยายามขับไล่เปลี่ยนช่องตาม แต่ไม่เห็นรถของภัทพลแล้ว
“หายไปแล้วครับ”
“จะหายไปง่ายๆ ได้ยังไง”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
รถของภัทรพลแล่นเข้ามาจอดในปั๊มน้ำมัน
“ลงไปซื้ออะไรรองท้องก่อนเถอะแม่เลยเวลากินข้าวมาแล้วเดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหาอีก”
“ก็ดีเหมือนกันนะ ไปเถอะแม่”
ทุกคนลงจากรถ ภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์ลงจากรถเดินเข้าไปในมินิมาร์ท มือถือพิมมาลาดังขึ้นมา พิมมาลากดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณหญิง ค่ะ ด่วนเหรอคะ ได้ค่ะคงไปถึงสักเย็นๆ หน่อยนะคะ ค่ะ สวัสดีค่ะ” พิมมาลาวางสายหันมาหาภัทรพลกับภาณุวัฒน์ “แบบที่เราส่งให้คุณหญิงท่านอยากแก้ไขให้เราเข้าไปคุย”
“ถ้างั้นเดี๋ยวไปส่งนายต้นที่คอนโดแล้วก็ตียาวไปจันท์เลยดีกว่า”
ขณะนั้นรถของชุติภากำลังจะแล่นผ่านปั๊มน้ำมัน ชุติภาเห็นรถของภัทรพลจอดอยู่ที่มินิมาร์ทหน้าปั๊ม
“อยู่ในปั๊ม เลี้ยวเข้าไปเลย” ศักดิ์เบรกรถเพราะขับเลยมาหน่อย “ถอยกลับไปเร็ว”
ศักดิ์รีบถอยรถกลับไปอย่างระมัดระวัง ชุติภามองอย่างร้อนใจ
ภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์อยู่ในร้านมินิมาร์ท ฤชวีเดินออกมารู้สึกไม่สบายใจจึงเดินชะลอให้ช้าลงแล้วหยิบมือถือออกมาโทรหามิ้นท์
มิ้นท์เห็นว่าฤชวีโทรเข้ามารีบกดรับสาย
“พี่ต้น คุณย่ากำลังตามพี่ไป”
ฤชวีตกใจมองไปรอบๆ
“จริงเหรอ มิ้นท์รู้ได้ยังไง”
ภัทรพลเดินออกมา
“นายต้น ไปได้แล้ว”
ฤชวีรับคำแล้วรีบเดินไป ฤชวีเปิดประตูกำลังจะก้าวขึ้นรถ แต่สายตาเห็นรถของชุติภากำลังถอยมาที่ทางเข้ากำลังจะตั้งลำเพื่อเลี้ยวเข้ามา แต่ยังติดรถคันอื่นที่เลี้ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฤชวีตกใจ
รถของชุติภาตั้งลำจะเลี้ยวเข้ามา รถของภัทรพลกำลังจะออกจากปั๊ม
“อยู่โน่น ไปขวางไว้ เร็ว”
ชุติภารีบบอกคนขับรถเมื่อเห็นรถภัทรพลกำลังขับออกไป ศักดิ์รีบขับไปขวางหน้ารถของภัทรพล ภัทรพลเบรกเอี๊ยด ภัทรพลกดกระจก
“ขับแบบนี้มันอันตรายนะเว้ย”
ชุติภาก้าวลงจากมาแล้วก้าวฉับๆ มาตรงประตูที่นั่งข้างคนขับแล้วเปิดประตูออกทันที
“ตาต้น”
แต่กลายเป็นภาณุวัฒน์ที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ชุติภาชะงัก ภาณุวัฒน์มองชุติภางงๆ
“มีอะไรเหรอครับ”
ชุติภาก้มมองในรถ เห็นแค่พิมมาลากับภัทรพล ชุติภาอึ้ง
“ทำไมไม่อยู่”
“นี่ยาย หาอะไรไม่ทราบครับ”
ชุติภาพยายามมองให้ละเอียดแต่ไม่มี
“ไม่มีอะไร ฉันคงจะจำรถผิดคัน ขอโทษที” ชุติภาปิดประตูรถ ภัทรพลขับรถออกไป ชุติภาเดินกลับมาที่รถอย่างหัวเสีย “นี่แกตามถูกคันหรือเปล่า ทะเบียนรถใช่คันเดียวกันไหม”
ชุติภาถามศักดิ์ ศักดิ์ลังเล
“คือผมไม่ได้สังเกตนะครับ ตามแต่รุ่นรถกับสี”
“แกนี่มันไม่ได้เรื่อง ไม่น่าไว้ใจความจำแกเลย”
“แล้วคุณท่านจำได้ไหมครับ”
ชุติภาจำไม่ได้เหมือนกันจึงยิ่งโมโห
“ใครใช้ให้แกยอกย้อนฉัน”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น จะทำยังไงต่อครับท่าน”
“ก็กลับสิ”
ชุติภาขึ้นรถ รถของชุติภาแล่นออกไป ฤชวีโผล่ออกมาจากมุมหนึ่งมองตามอย่างโล่งใจที่เอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด
ฤชวีมาที่ออฟฟิศกิ่งแก้วแล้วนั่งลงด้วยสีหน้าเหนื่อย ๆ
“ต้นตัดสินใจบอกเขาว่าต้องรีบมาคุยงานแล้วก็แยกตัวออกมาเลย เฮ้อ”
กิ่งแก้วเลื่อนแก้วน้ำให้อย่างเป็นห่วง มิ้นท์รีบเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ครบสามสิบสองไหมพี่”
“เกือบตาย”
“ก็ยังไม่ตายนี่พี่”
“แล้วคุณย่าโทรหามิ้นท์หรือเปล่า”
“พอคลาดกับพี่ก็โทรคาดคั้นมิ้นท์ใหญ่เลย แต่มิ้นท์ทำมึนใส่ว่ารีบไปทำงาน คุณย่าก็เลยยอมหยุดจี้มิ้นท์ คงเซ็งด้วยล่ะ ถามอะไรจากมิ้นท์ไม่เคยได้คำตอบสักที” ฤชวีค่อยโล่งใจ มิ้นท์ขยับเข้ามาทำท่าจะสอบสวนฤชวีแทน “แต่มิ้นท์ต้องได้คำตอบจากพี่เดี๋ยวนี้ว่าพี่น่ะไปรู้จักพ่อแม่คุณพิมของพี่ได้ยังไงแล้วที่แห่กันไปบ้านวันนี้ มันเกิดอะไรขึ้น”
กิ่งแก้วเข้ามาจ้องแล้วเสริมอีกคน
“แล้วที่หายไปทั้งคืนทำให้กิ่งกับมิ้นท์ห่วงแทบแย่น่ะ ไปไหนมา”
ฤชวีโดนจ้องจนอึดอัดรู้ว่าต้องตอบแน่ๆ ฤชวีเตรียมจะเล่า ทุกคนรอฟัง
นันทิกานต์ตกใจไม่อยากเชื่อเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพิมภา
“แกโดนหยอดยา” นันทิกานต์จับเนื้อตัวพิมภาพลิกไปมาสุดฤทธิ์ “แล้วแกบุบสลายตรงไหนหรือเปล่า มันขยำขยี้แกใช่ไหม”
“โอ้ย ไอ้แนน ไอ้บ้า แกฟังฉันให้จบได้ไหม ฉันไม่เป็นไร นายต้นมาช่วยฉันไว้ได้ทัน”
“ต้น ต้นเชียงใหม่ ต้นสมุย ต้น...”
“มันก็ต้นเดียวกันนั่นล่ะ แล้วฉันก็เมายาโทรไปบอกพ่อว่ามีสามี ตอนนี้ฉันเลยต้องให้นายต้นมาช่วยเป็นสามีให้”
“หะ แกไม่โดนปู้ยี้ปู้ยำ แต่แกได้คุณต้นคนนั้นเป็นสามีเลยเหรอ”
“เอาใหม่ พูดให้ดี ฉันกับเขาเป็นสามีภรรยาจดทะเบียนในนามตัวฉันยังบริสุทธิ์ย่ะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ อยู่ดีๆ ก็มีสามีตอนไร้สติ” พิมภาหน้าเครียด
“ฉันขอโทษนะพิม ฉันไม่น่าปล่อยให้แกอยู่ที่ผับนั่นคนเดียวเลย”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว วันหลังอย่าทำ” นันทิกานต์หน้าจ๋อย “ล้อเล่นน่า ช่างมันเถอะ ฉันก็ปลอดภัยแล้วนี่ไง”
“แล้วตอนนี้แกปล่อยให้คุณต้นอยู่กับพ่อแม่แกเหรอ”
“เออสิ ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แต่ฉันไม่อยากให้พ่อกับแม่เสียใจที่ฉันก่อเรื่องอีกแล้วน่ะสิ”
“เฮ้อ งั้นแกก็ต้องเดินหน้าต่อไป คนอย่างพิมภาเดินหน้าไม่มีวันถอยหลังอยู่แล้วนี่”
พิมภาคิดตามเครียดๆ
มิ้นท์กับกิ่งแก้วนั่งอึ้งเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฤชวี
“ถึงขั้นอ้างตัวเป็นสามีเลยเหรอพี่”
“ก็เรื่องมันจำเป็น”
“มิน่าพ่อแม่พี่ชายคุณพิมถึงพาเหรดกันมาที่บ้านเรา” หันไปเล่าให้กิ่งแก้วฟัง “เช็คประวัติละเอียดยิบเลยนะพี่กิ่ง”
“มันไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอต้น”
“กิ่งต้องใช้คำว่าพรหมลิขิตถึงจะถูก”
“ฮิ้ว นี่ความรักทำให้ฤาษีต้นกล้าน้ำเน่าได้ขนาดนี้”
“อื้อหือ เจอกันแบบบังเอิญ ได้ช่วยเหลือกันหลายครั้งจนต้องมาผูกพันกันในที่สุด นี่ถ้าเอาเรื่องของต้นกับคุณพิมมาแต่งเป็นนิยายก็คงดีนะ”
“แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวนะกิ่ง ต้นอยากเก็บไว้” ฤชวีชี้ที่ใจ มิ้นท์ทำเสียงเหมือนลมขึ้น
“เบาลงหน่อยพี่ เพ้อแล้วเนี่ย”
“ถ้ามันเป็นแค่นิยายพระเอกก็คงต้องอดทนทำทุกอย่างเพื่อเลื่อนฐานะตัวเองจากสามีกำมะลอ ให้เป็นสามีตัวจริงให้ได้ ถูกมั้ย”
ฤชวีฟังอย่างสนใจคิดตาม
“กิ่งคิดว่าต้นจะเลื่อนจากสามีกำมะลอเป็นตัวจริงได้ไหม”
กิ่งแก้วมองฤชวียิ้มให้กำลังใจ
“ได้สิต้น เคยได้ยินเพลงนี้มั้ย น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน”
“เก่ามากเลยพี่กิ่ง”
กิ่งแก้วมือดึงจมูกมิ้นท์อย่างแกล้งๆ ให้หยุดพูดแต่ยังพูดกับฤชวี
“แล้วหัวใจอ่อนของคุณพิมถ้ากระหน่ำความดี มอบความจริงใจให้ ต้นต้องชนะใจคุณพิมได้แน่ๆ”
“จริงเหรอ”
“จริง มิ้นท์ยืนยันได้” กิ่งแก้วยังดึงจมูกมิ้นท์บิดไปมาเล็กน้อย “ใช่มั้ย มิ้นท์”
“โอ้ย ใช่ๆ” มิ้นท์สะบัดจนหลุดจับจมูกอย่างเจ็บๆ “พี่ชายมิ้นท์น่ะ หน้าตาหล่อ ยิ้มอบอุ่น หุ่นเท่ห์ แถมเป็นนักเขียนหย่ายย สาวคนไหนไม่สนใจก็บ้าแล้ว จีบเลยพี่ จีบเลย”
“ถ้าอย่างนั้น ต้นลุยเลยนะ”
“สู้ๆ”
“งั้นต้นไปก่อนนะ จะไปซื้อกับข้าวสำหรับทำมื้อเย็น ขอบใจนะทั้งคู่เลย”
ฤชวีรีบออกไป มิ้นท์มองกิ่งแก้วอย่างไม่แน่ใจ
“พี่กิ่ง ไปบิลด์แบบนี้จะดีเหรอพี่”
“แล้วมิ้นท์เคยเห็นต้นชอบใครมากขนาดจะลงมือจีบไหมล่ะ” มิ้นท์ส่ายหน้า “ก็แสดงว่าคนนี้ต้องพิเศษมากๆ เราต้องช่วยเป็นกองเชียร์ให้ต้นล่ะถูกต้องที่สุด”
“มิ้นท์เชียร์พี่ชายขาดใจอยู่แล้ว ขอให้คุณพิมแพ้ความดีพี่ต้นทีเถิด เพี้ยง”
เย็นวันนั้นพิมภาเดินออกมาหน้าออฟฟิศพลางหยิบโทรศัพท์อออกมากดโทรหาภัทรพล
“พี่ภัทร นี่พี่อยู่ไหนเนี่ย กลับจันทบุรีแล้วเหรอ แล้วพ่อกับแม่ล่ะ กลับกันหมดเลยเหรอ อืม ขับรถดีๆ นะพี่”
พิมภาวางสาย “มาไวไปไว แล้วเราจะยังไงล่ะเนี่ย”
พิมภารีบออกไป
พิมภาเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วต้องอึ้งเมื่อเห็นสภาพห้องที่เก็บดูเรียบร้อยเป็นที่เป็นทางมาก พิมภามองเลขที่หน้าห้อง
“นี่ฉันเข้าไม่ผิดห้องใช่มั้ย”
พิมภามองไปในห้องเห็นฤชวีนั่งอยู่กับพื้นจัดแจกันดอกไม้สีขาวเล็กๆ บนโต๊ะกลางหน้าทีวี สีหน้าฤชวีดูสดชื่นมาก ฤชวีหันมายิ้มสดใสให้พิมภา
“กลับมาแล้วเหรอครับ”
“นายเก็บห้องฉันเหรอ”
“จัดนิดๆ หน่อยๆ ครับ สักครู่นะครับ” ฤชวีเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถือแก้วน้ำส้มดูเย็นฉ่ำมาให้ “ทำงานมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำส้มก่อนนะครับ” พิมภายังมองระแวงลังเล “คุณมองเหมือนกลัวว่าในน้ำส้มจะมีอะไรเหรอครับ”
พิมภาสะดุ้งที่ฤชวีรู้ทัน
“เปล่านะ ฉัน คือ ฉันไม่ชอบกินน้ำส้มคั้นตามร้าน มันใส่น้ำเชื่อมเยอะ เดี๋ยวอ้วน”
“อันนี้ผมคั้นเองไม่มีน้ำเชื่อม รับรองหวานธรรมชาติครับ”
“อืม ฉัน”
“โอเค งั้นเอาแบบนี้นะครับ” ฤชวีหยิบแก้วอีกใบมาแล้วเทน้ำส้มใส่ประมาณเกือบครึ่งแล้วดื่มให้ดู “โอเคมั้ยครับ”
พิมภามองอาการฤชวี
“อืม”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” ฤชวีถือแก้วน้ำส้มออกไป
“นายจะเอาไปไหน”
“ทิ้งน่ะครับ”
“มา” พิมภามองฤชวี “หวังว่าฉันคงมองนายไม่ผิดนะ” พิมภารับแก้วน้ำส้มมาลองจิบ “ก็...อร่อยดี”
“ขอบคุณครับ ที่คุณไว้ใจผม”
พิมภายิ้มฝืนๆ แล้วบ่นกับตัวเอง
“เสี่ยงไปมั้ยเนี่ย ยัยพิมเอ๊ย” ฤชวีหยิบแจกันดอกไม้เล็กๆ เก๋ๆ ที่จัดเสร็จแล้วมาบนโต๊ะให้สดชื่น “นายจัดดอกไม้...”
“การจัดดอกไม้มันเป็นการฝึกสมาธิแล้วก็ดอกไม้สวยๆ สบายตาดีครับ”
พิมภาเห็นบนโต๊ะเป็นอาหารไทยหลายอย่างซึ่งแต่ละอย่างดูน่ากิน
“แล้วกับข้าวนี่ล่ะซื้อมาจากที่ไหน” พิมภามองฤชวีที่ยิ้มๆ “นายอย่าบอกนะว่า...”
“ผมทำเองครับ”
“ทั้งโต๊ะน่ะเหรอ” พิมภาทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“ลองชิมดูสิครับว่าใช้ได้ไหม”
“ชิมให้ดูก่อนสิว่ากินแล้วไม่สะ (สลบ)เอ่อ...ไม่ตายน่ะ”
ฤชวีรู้ทันแต่ก็ยอมตักชิมให้ดูทุกอย่าง
“ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”
พิมภามอง แล้วตัดสินใจชิมมั่ง สีหน้าบ่งบอกกว่าอร่อยแต่พอเห็นฤชวีมองอยู่ก็ทำฟอร์ม
“ก็ พอกินได้”
“ผมตักข้าวให้นะครับ”
ฤชวีตักข้าวส่งให้พิมภา แล้วตักให้ตัวเอง พิมภากินข้าวอย่างทึ่งๆ เพราะยิ่งกินยิ่งอร่อย พลางมองฤชวีอย่างมีคำถามว่าทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ ฤชวียิ้มปลื้ม
คืนนั้นเมื่อลัลนากลับถึงบ้าน เธอถือกระเป๋าเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาที่หน้าบ้าน
“ห้องแล็ปของเราเช็คละเอียดแน่แล้วใช่ไหมพี่ซูซี่ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ส่วนผสมของรองพื้นของซันชายน์กับนารีจะคล้ายกันมากๆ ขนาดนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ พี่ซูซี่เช็กให้ละเอียดเลยนะว่าสินค้าตัวอย่างตั้งแต่เริ่มประชุม เริ่มผลิตมีฝ่ายไหนที่ได้รับไปบ้างแล้วพรุ่งนี้เรียกมาให้ประชุมกับลัลด่วน”
“ฉันบอกให้ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”
ลัลนาชะงักที่ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากในบ้านจึงรีบเข้าไป
ลัลนาเข้ามาในบ้านชะงักที่เห็นนวลจันทร์กำลังกระชากกุญแจรถจากวรรณา แม่ของเธออยู่
“อย่าเอาของวรรณไปเลยค่ะพี่นวล”
“รถนี่มันของฉัน ปล่อยมือนะ นังบ้า”
“แม่” ลัลนาเข้ามาผลักแยกนวลจันทร์จนหลุดไป “นี่ทำรุนแรงเกินไปแล้วนะ”
“แค่นี้ยังน้อยสำหรับพวกหน้าด้านอย่างแกสองคนแม่ลูก คิดจะสูบเลือดสูบเนื้อผัวฉันไปถึงไหน สารเลว แกไปขอรถคันใหม่จากคุณพี่มาใช่ไหม”
“เปล่านะจ๊ะ คุณพี่เขาให้ฉันเอง”
“ไม่จริง เงินทุกบาท ของทุกอย่างของคุณพี่เป็นของฉันไม่ใช่กาฝากอย่างแก เอาของฉันคืนมา” นวลจันทร์เข้ามากระชากอีก ลัลนาทนไม่ไหวผลักนวลจันทร์จนเซไปกระแทกพื้น “นังลัล แกกล้าผลักฉันเหรอ”
“ที่นี่บ้านของแม่กับฉัน แม่ใหญ่ไม่มีสิทธิ์มาอาละวาด ออกไปจากบ้านฉัน ไม่อย่างนั้นลัลจะฟ้องพ่อว่าแม่ใหญ่มาอาละวาดที่นี่”
“ก็เอาสิ ลูกเมียน้อยอย่างแกกับเมียหลวงอย่างฉันคิดว่าพ่อแกจะฟังใคร อีกาฝาก”
“หุบปาก” ลัลนาขึ้นเสียงอย่างเจ็บใจ
“แกกล้าขึ้นเสียงกับฉันเหรอ ฉันจะให้คุณพี่เฉดหัวแกจากบริษัท”
วรรณาเห็นว่าชักจะไปกันใหญ่ จึงรีบส่งกุญแจรถส่งให้นวลจันทร์
“พี่นวลเอาไปเถอะจ๊ะ อย่าไปทำลัลมันเลยนะ”
“แม่ อย่าให้” นวลจันทร์กระชากกุญแจรถจากมือวรรณา ลัลนาไม่ยอมตามไปกระชากคืน “เอาคืนมานะ มันของแม่ฉัน”
นวลจันทร์กระชากไปจนได้ ลัลนาจะตามแต่วรรณาเข้ากอดลัลนารั้งไว้ไม่ให้ตามไป
“ช่างเถอะลูก อย่าตามเลยลัล อย่า”
“เอาคืนมา”
วรรณากอดตัวลัลนาไว้ ลัลนามองตามอย่างเจ็บใจ
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วพิมภานั่งอยู่ที่โซฟารับแขกพลางหันมองฤชวีที่ยืนล้างจานอยู่ พิมภายกขาขึ้นวางพาดยาวบนโซฟา ฤชวีล้างจานเสร็จเดินออกมา
“คุณพิมครับ”
พิมภาสะดุ้งรีบเอาขาลง มือจับกระโปรงให้คลุมขา หยิบหมอนอิงมากอดบังตัวไว้
“อะไร” พิมภาเสียแข็งจนฤชวีสะดุ้งเหมือนกัน
“คือผมจะถามว่าทานผลไม้ไหมครับ ผมปอกแอปเปิ้ลไว้ให้” ฤชวีจะนั่งลงที่โซฟา พิมภาลุกทันที
“ไม่ล่ะ ฉันจะอาบน้ำ” เมื่อพูดไปแล้วพิมภานึกได้ว่าเหมือนอ่อย “ฉันไม่ได้ตั้งใจบอกนายแบบนั้น โอ้ย เอ่อ ฉันหมายถึงฉันจะนอนแล้ว อย่ารบกวน”
“อ๋อ ครับ”
พิมภารีบเดินเข้าไปในห้อง ฤชวีมองตามยิ้มๆ
พิมภาเข้ามายืนกลางห้องนอน
“ตั้งสติหน่อยยัยพิม” พิมภาบอกตัวเองแล้วหงุดหงิด ถอดเสื้อคลุมตัวนอกจะโยนใส่ตะกร้าผ้าแล้วชะงักที่เห็นว่าในตะกร้าว่างเปล่าไม่มีผ้าสักชิ้น “เฮ้ย ไปไหนหมด”
พิมภารีบออกไปที่ห้องรับแขกทันที
พิมภาเดินออกมาที่ห้องรับแขก
“นายต้น”
ฤชวีกำลังเก็บเสื้อผ้าที่แห้งเข้ามาจากระเบียงพอดีชะงัก
“มีอะไรเหรอครับคุณพิม”
พิมภามองเสื้อผ้าที่อยู่ในมือฤชวีแล้วตกใจ
“เสื้อผ้าของฉัน ทำไม”
“ผมซักให้น่ะครับ เห็นมันกองจนล้นแล้ว นี่ก็แห้งทุกตัวแล้วครับ”
“แล้ว พวก เอ่อ เอ่อ พวกชิ้นน้อยๆ ของฉันล่ะ”
“อ๋อ เสื้อนะ...”
“หยุด ไม่ต้องขยายความถ้าเข้าใจก็ตอบมา”
“คือ ผมแยกไว้ในตะกร้าเล็กน่ะครับ คิดว่าคุณคงอยากจะจัดการเองมากกว่า”
“นายนี่...” พิมภาอายจนด่าไม่ถูก คว้าเสื้อผ้ามาจากมือฤชวีอย่างโมโห “นายไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับของๆ ฉันนะ”
“ขอโทษครับ ผมแค่อยากช่วยเก็บ”
“นายมันยุ่ง บ้า”
พิมภาอายรีบคว้าเสื้อผ้าเข้าไปในห้อง ฤชวีมองตามจ๋อยๆ ที่ทำไม่ถูกใจพิมภา
พอเข้ามาในห้อง พิมภาโยนเสื้อผ้าลงบนเตียงอย่างฉุนเฉียว
“บ้าจริง ไม่นะพิม อย่าโมโห อย่าอารมณ์เสีย ต้องมีสติ หายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ” พิมภาสะกดจิตตัวเองให้สงบโดยเร็วที่สุด “ตั้งสติ ตั้งสติ”
พิมภาหงุดหงิดเปิดเพลงให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยแล้วคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป
ส่วนที่บ้านลัลนา ลัลนาทายาที่มือวรรณาที่เป็นรอยช้ำ
“ทำไมเราจะต้องยอมมันด้วย” ลัลนาถามอย่างเจ็บปวด
“ลูกต้องยอมรับความจริงว่าแม่มาทีหลัง เป็นแค่เมียรองไม่ใช่ตัวจริง”
“แต่พ่อไม่เคยปกป้องแม่กับลัล ไม่เคยสนใจว่าบ้านโน้นจะมาระรานทำร้ายเราขนาดไหน สักวันลัลจะเล่นงานคืน”
“ลัล”
“ลัลจะไม่ยอมแพ้ คนอย่างลัลจะต้องเป็นตัวจริง เป็นที่หนึ่งเท่านั้น”
สายตาลัลนามุ่งมั่นมาก วรรณามองลัลนาแล้วหนักใจว่าเปลี่ยนความคิดลัลนาไม่ได้แน่นอน
เพลงในห้องนอนพิมภายังเปิดคลออยู่ พิมภาอาบน้ำออกมาเรียบร้อยยังเต้นตามเพลงอารมณ์ดูจะดีขึ้น พิมภาใส่เสื้อสายเดี่ยวสบายๆ กางเกงขาสั้นอยู่บ้าน เธอหยิบขวดน้ำที่วางในห้องมาเทดื่มแต่น้ำหมด พิมภาถือขวดน้ำจะไปเอาขวดใหม่
ฤชวีนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟากำลังหยิบหนังสือจะเลือกอ่าน พิมภาเดินออกมาจากห้องเดินไปที่ตู้เย็น ฤชวีมองพิมภาในชุดสบายๆ ยิ่งตะลึง ละสายตาไม่ได้ถึงกับเคลิ้ม
สายตาฤชวีที่มองพินิจพิมภาอย่างชื่นชมในความน่ารักตั้งแต่เรียวขา มองขึ้นมาจนเจอกับพิมภาที่หันมาพอดี ฤชวีตกใจรีบหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านด้วยท่าทางมีพิรุธมาก พิมภามองฤชวีอย่างจิกๆ พิมภาเห็นว่าหนังสือที่ฤชวีถืออ่านน่ะกลับหัวกลับหางอยู่
“สนุกมั้ย หนังสือน่ะ” พิมภาแกล้งถาม
“สนุกครับ”
“เก่งนะ อ่านกลับหัวกลับหางก็ได้”
ฤชวีมองหนังสือในมือตัวเองตกใจรีบพลิกหนังสือกลับเห็นพิมภาจ้องตาดุ ฤชวียิ้มจ๋อยๆ พิมภาหยิบมีดเล็ก สำหรับปอกผลไม้ออกมา
“ถ้านายเข้ามาในห้องฉัน นายตายแน่”
พิมภาเดินกลับเข้าห้อง ฤชวีแทบอยากจะเอาหัวโขก
“ไม่น่าเลย”
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
พิมภากลับเข้าห้องล็อคประตูเอามีดมาวางตรงแถวหัวเตียง เธอเทน้ำดื่มแล้ววางอย่างหงุดหงิด พิมภาขึ้นไปบนที่นอนดับไฟแล้วล้มตัวลงนอน พิมภานอนแล้วพลิกตัวไปมาจนทนไม่ไหวเปิดไฟ ลุกไปที่ตู้เสื้อผ้าเลือกๆ แล้วหยิบกางเกงขาเดฟแบบหนาและรัดมาใส่ พิมภาเดินไปส่องที่กระจก
“อย่างน้อยก็ถอดไม่ง่ายล่ะน่า”
พิมภาโดดขึ้นเตียงนอน ไม่สบายตัวแต่สบายใจ พยายามข่มตาให้หลับ
ฤชวีเปิดโน้ตบุ๊ก เห็นว่าหน้าจอเป็นภาพของพิมภาที่เชียงใหม่ในหลายอิริยาบถที่จัดวางบนหน้าจอเป็นสกรีนเซิร์ฟเวอร์ ฤชวีมองยิ้มๆ พลางเหลือบมองทางห้องพิมภา
“ถ้าเป็นพรหมลิขิตจริงๆ โปรดทำต่อไปนะครับ อย่าหยุด”
ฤชวีเริ่มพิมพ์งานพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
กลางดึกคืนนั้นพิมภานอนพลิกตัวไปมาจนหงุดหงิดเด้งตัวขึ้นมานั่ง
“โอ้ย จะหลับได้ยังไงล่ะเนี่ย” พิมภามองไปที่ประตูแล้วลุกขึ้นไปแนบหูฟัง “ทำไมเงียบจัง”
พิมภาตัดสินใจค่อยๆ เปิดประตูแง้มดูเห็นฤชวีนั่งฟุบหน้าหลับอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก พิมภาเดินย่องออกมา พิมภาขยับเข้ามายืนดูฤชวีที่นอนหลับพลางมองที่หน้าจอที่ดับ
“ขอดูนิดนึงนะ”
พิมภาเข้ามาข้างๆ กำลังจะเอื้อมมือไปกดแป้นสเปซบาร์ แต่ฤชวีรู้สึกตัวขึ้นมามองเห็นพิมภาที่กำลังจะกดสเปซบาร์
“คุณพิม”
พิมภาชะงักค้าง ตาเหลือบมองฤชวี ตาต่อตาประสานกัน ฤชวีมองมือของพิมภาที่จะกดสเปซแต่ค้างอยู่ พิมภามองมือตัวเองก็สะดุ้งรีบชักมือกลับ
“ฉันจะดูว่านายปิดคอมฯหรือเปล่า เดี๋ยวเครื่องมันร้อน ไฟช็อตขึ้นมา ฉันจะเดือดร้อน”
พิมภาบอกอย่างร้อนตัว ฤชวีรู้ทันแต่ยิ้มว่าเชื่อ
“ขอบคุณครับ”
“ตื่นก็ดีแล้ว ปิดเครื่องซะ ปิดไฟด้วย ฉัน...”
ฤชวีชะงักที่เห็นว่าพิมภาใส่กางเกงยีนส์หนานอน
“คุณพิมครับ”
“อะไร”
“ใส่กางเกงแบบนี้ นอนสบายเหรอครับ”
พิมภามองตัวเองที่เป็นกางเกงยีนส์หน้าเหวอๆ
“สบาย ฉันชอบ”
พิมภายิ้มฟอร์มๆ แล้วรีบเดินเข้าไปในห้อง ฤชวียิ้มรู้ทันขำเล็กๆ ว่าน่ารักดี
วันต่อมาเมื่อเข้าออฟฟิศ พิมภากรี๊ดลั่นอย่างหมดความอดทน
“ไม่ไหวแล้ว”
นันทิกานต์อุดหูอย่างสุดทน
“อะไรของแกไอ้พิม ไม่ไหวเรื่องอะไรอีกล่ะ”
“ก็เรื่องนายต้นน่ะสิ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
“ฮะอย่าบอกนะว่าแกหื่นจนทนไม่ไหวจะปล้ำเขาน่ะ”
“บ้า ฉันไม่ไหวที่จะต้องมีผู้ชายแปลกหน้ามาอยู่ร่วมห้องด้วยต่างหาก”
“ทำไมล่ะ เท่าที่ฉันฟังก็ดีออก กลับบ้านก็มีคนมาเอาน้ำส้มเย็นๆ มาให้ ทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าวรอ ดีจะตาย”
“แต่มันไม่เป็นส่วนตัวแกเข้าใจไหม ห้องของฉัน แต่ฉันต้องแต่งตัวมิดชิดแทบจะปิดถึงคอหอย จะนอนเกลือกกลิ้งกับพื้นก็ไม่ดี อยากจะใส่ชุดชั้นในเดินว่อนรอบห้องเหมือนเคยก็ไม่ได้ จะเข้าห้องน้ำจะตดยังต้องขมิบเสียงเลย มันอึดอัดแกเข้าใจมั้ย ที่สำคัญนายต้นเอาเสื้อผ้าฉันไปซัก”
“แล้วมันไม่ดีตรงไหน”
“ก็ตรงที่นายนั่นแยกเสื้อในกางเกงในให้ฉันด้วย แกเข้าใจมั้ยว่าฉันไม่ได้ถอดชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วเอามาพับเป็นสามเหลี่ยมใส่ตะกร้า”
“แกหมายถึง แกรูดมันลงเป็นเลข8 แล้วใช้ขาเกี่ยวลงตะกร้างั้นสิ”
“ก็เออสิ พอกันที ฉันจะต้องทวงอธิปไตยของฉันคืน”
“แกจะทำยังไง”
พิมภามีสายตามุ่งมั่นมาก
ฤชวีนั่งจิบกาแฟด้วยสีหน้ากลุ้ม ๆ ตรงหน้ากิ่งแก้วเป็นขนมช็อกโกแลตลาวา
“ก็ทำตัวไม่ถูกน่ะสิ อยากดูแลแต่ต้นก็รู้ว่าคุณพิมเขาระแวง”
กิ่งแก้วยิ้มขำๆ
“กลุ้มขนาดต้องเรียกกิ่งมาแต่เช้าเลยนะ ถามจริงๆ นะต้น ต้นจริงจังมากเลยใช่ไหม”
“ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย อยากดูแล อยากเห็นเขายิ้มให้ มันบรรยายไม่ถูกจริงๆ ต้นจะทำยังไงดีล่ะกิ่ง อยากให้เขาไว้ใจ ให้เขาให้โอกาสต้นให้เราได้ศึกษากันและกัน”
“อยากเป็นสามีตัวจริงก็ต้องอดทนนะ มุ่งมั่นเข้าไว้ สักวันนางเอกก็จะใจอ่อนเอง”
“ก็หวังว่าอย่างนั้นนะ”
“แต่ถ้าเป็นพระเอกอย่างต้น นางเอกอย่างคุณพิมคงจะลำบากนะถ้าคุณย่าชุติภารู้เรื่องนี้”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งกิ่ง”
“พูดเหมือนไม่รู้จักย่าตัวเองนะ ถ้าคุณย่าไม่ชอบคุณพิม ชีวิตนางเอกต้องเดือดร้อนแน่ๆ อาจจะโดนบีบให้ตกงาน เหยียดหยามจนนางเอกทนไม่ไหว”
กิ่งแก้วใช้หลอดคนวิปครีมในแก้วโกโก้ปั่นจนปนกันเละไปหมด “เรียกได้ว่าเละน่ะ อาจจะแย่ถึงขนาดคุณพิมเกลียดต้นไปเลยก็ได้นะ แต่จะว่าไปตรงจุดนี้ถ้าเอาเป็นอุปสรรคความรักของตัวละคร ก็น่าสนใจมาก แต่ถ้าผ่านคุณย่าชุติภาไปได้ก็ต้องมีก๊อกสอง ความขัดแย้งระหว่างพระเอกนางเอกก็ต้องเป็นเรื่อง โกหก ความรักที่มันเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการโกหก มันไม่มีทางจะยั่งยืนหรอก” กิ่งแก้วใช้ช้อนเจาะตัวขนมช็อคโกแลตลาวา จนลาวาไหลเยิ้มออกมา
“เมื่อวันที่ความจริงมันเปิดเผย ความรักปลอมๆ ที่ก่อไว้มันก็ก็ต้องจบลงด้วย ทางของเรื่องมันน่าจะเป็นแบบนี้ใช่ไหมนักเขียนใหญ่”
ฤชวีคิดตามทุกคำ
“ไม่นะ ต้นจะไม่ยอมให้คุณพิมเดือดร้อน ต้นจะไม่เริ่มต้นด้วยการโกหก มันต้องมีทางแก้ใช่ไหมกิ่ง”
“มันก็มีได้ทางเดียว ก็ต้องจบเรื่องโกหกแล้วเริ่มต้นใหม่ ถ้าไม่อยากเป็นสามีกำมะลอแล้วจริงๆ น่ะนะ”
“ขอบใจมากนะกิ่ง” ฤชวีลุกจะเดินออกไป
“เดี๋ยวสิต้นแล้วตกลงว่าจะเอายังไง”
“เริ่มต้นใหม่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”
ฤชวียิ้มอย่างกระตือรือร้นแล้วรีบออกไป กิ่งแก้วมองตามยิ้มๆ อย่างเอาใจช่วย
คืนนั้นพิมภานั่งรอฤชวีอยู่ในห้องรับแขก
“เราต้องจบเรื่องนี้ ต้องจบปัญหา” ฤชวีเปิดประตูเข้ามา “นายต้น”
“คุณพิม ฟังผมก่อนครับ คือ ผมขอยกเลิกการเป็นสามีกำมะลอครับ” พิมภาอึ้ง “ผมไม่อยากจะเริ่มต้น...(คบกับคุณ) ด้วยการโกหก เพราะมันจะทำให้เราต้องโกหกตลอดไปไม่สิ้นสุด คุณไม่ควรจะหลอกทุกคนว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ผมว่าสิ่งที่คุณทำมันไม่ถูกต้อง”
พิมภาโดนตำหนิก็ของขึ้น
“นายไม่มีสิทธิ์มาบอกว่าที่ฉันทำมันถูกหรือว่าผิด”
“ถ้ามันเป็นเรื่องถูกต้อง คุณก็คงไม่ต้องโกหกหรอกจริงไหมครับ”
พิมภาอึ้งที่โดนต้อนให้ตอบว่าตัวเองผิด
“ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ฉันไม่ได้อยากโกหก แต่มันเป็นเรื่องผิดพลาดน่ะเข้าใจมั้ย ทั้งเรื่องที่ผับนั่น เรื่องที่โดนหยอดยา เรื่องที่เจอนาย เรื่องที่ต้องจดทะเบียน มันเป็นความผิดพลาดของฉัน เพราะเรื่องบ้าๆ พวกนั้น ถึงต้องมีนายเป็นตัวปัญหาอยู่นี่ไง”
“ผม เป็นตัวปัญหาเหรอ” ฤชวีอึ้งมองหน้าพิมภา
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้านายไม่มาที่นี่ ฉันจะต้องโกหกทุกคนไหม”
“ไม่ครับ เป็นเพราะผมเอง ผมทำให้คุณมีปัญหา” ฤชวีบอกอย่างเจ็บปวด พิมภาเห็นฤชวีอึ้งๆ ก็อารมณ์อ่อนลงเพราะรู้สึกว่าเธอพูดแรงไป
“เอาล่ะ ฉันอยากจบเรื่องนี้ ให้มันจบแค่นี้เถอะ นายไปได้แล้ว”
ฤชวีอึ้งมองพิมภาแบบใจร้ายมาก พิมภารู้สึกผิดนิดๆ แต่ปากพูดไปแล้ว
“ลาก่อนครับ”
ฤชวีคว้ากระเป๋าตัวเองออกไป
“จบซะที”
พิมภาบอกตัวเองแต่สีหน้าไม่ได้รู้สึกดีสักนิด
ฤชวีเดินออกมาที่หน้าคอนโดนึกถึงคำพูดของพิมภา
“เรื่องที่เจอนาย เรื่องที่ต้องจดทะเบียน มันเป็นความผิดพลาดของฉัน เพราะเรื่องบ้าๆ พวกนั้น ถึงต้องมีนายเป็นตัวปัญหาอยู่นี่ไง เอาล่ะ ฉันอยากจบเรื่องนี้ ให้มันจบแค่นี้เถอะ นายไปได้แล้ว”
ฤชวีเดินออกไปด้วยความเสียใจ
พิมภานั่งอ่านเอกสารแต่ไม่มีสมาธิ เธอสะบัดหัวแล้วตั้งใจหยิบมาอ่านใหม่อีกครั้ง
“ทำไมมันไม่เข้าหัวเลยนะ”
พิมภาบ่นอย่างหงุดหงิดแล้ววางเอกสารลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น ภายในตู้เย็นกล่องพลาสติกใสวางแช่อยู่ในตู้ มีโพสท์-อิทติดอยู่ที่กล่องว่าเพื่อความสดชื่นครับ พิมภาดึงกล่องออกมาเดินมาวางที่โต๊ะเปิดออกแล้วเธอก็ชะงักเมื่อ
เห็นของที่อยู่ในกล่องเป็นสัปปะรดกับมะละกอที่ปอกไว้เรียบร้อย แล้วเรียงเป็นหน้ายิ้ม พิมภาถึงกับหน้าเสีย
“ฉันไม่ผิด ไม่ผิด โธ่เอ๊ย”
สีหน้าพิมภารู้สึกผิดมากจึงพิงกับโซฟาหน้าเซ็งหนักยิ่งรู้สึกผิดไปกันใหญ่
วันต่อมาพิมภาก้าวเข้ามาในบริษัทเจอลัลนากับซูซี่ ต่างคนต่างชะงัก สีหน้าหงุดหงิดทั้งคู่ นันทิกานต์ที่ตามมาติดๆ เข้ามายืนข้างพิมภาทันที
“เจอตัวซวยแต่เช้าเลย”
ลัลนาพูดขึ้นลอยๆ พิมภาหน้าตึง หันไปหานันทิกานต์
“หายใจเบาๆ หน่อยสิจ๊ะลัล อากาศแถวนี้มันสกปรกเพราะปากเธอหมดแล้ว” พิมภาทำเป็นดมๆ “เอ๊ะ ไม่ใช่ปากสกปรกแต่หัวเน่าต่างหาก”
ลัลนากำลังจะตอบโต้แต่เสียงสุกัญญาดังขึ้นซะก่อน
“พิม” ลัลนาชะงัก ทุกคนหันไปเห็นสุกัญญาเดินเข้ามา “ตามไปพบพี่ที่ห้องด้วย”
“ค่ะ”
สุกัญญาเดินไป พิมภาหันมาส่งตาเย้ยลัลนาแล้วเดินออกไป นันทิกานต์ทำท่าดมใกล้ลัลนา ลัลนาขยับหนี
“ใช่จริงๆ ด้วย กลิ่นหมาหัวเน่าแรงจริงๆ”
นันทิกานต์หัวเราะชอบใจแล้วเดินออกไป ลัลนาแค้นมากหันมาเห็นซูซี่พยายามจะดมๆ หา
“ดมหาอะไรคะพี่ซูซี่”
“เอิ่ม เปล่าจ๊ะ” ซูซี่รีบเปลี่ยนเรื่อง “แต่เรียกไปคุยส่วนตัวแบบนี้ คุณสุลำเอียงเห็นๆ เลยนะคะน้องลัล เป็นแบบนี้แล้วน้องลัลจะชนะน้องพิมพี่ว่ายากนะ”
ลัลนามองตามสายตาไม่ยอมแพ้
ภายในห้องทำงานสุกัญญา สุกัญญามองพิมภาอย่างกดดัน
“เรื่องสินค้าที่ถูกก็อปปี้ คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”
“เช็คอย่างละเอียดแล้วค่ะ เป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวอย่างสินค้าแป้งวิงค์จะหลุดไปอยู่ในมือคนนอก ต้องเป็นคนในที่เอาตัวอย่างของเราไปให้ซันชายน์ เพราะนอกจากนักวิจัยในห้องแล็ปก็จะมีแค่พิมกับแนนเท่านั้นที่ได้เห็นตัวอย่างสินค้า”
“รู้ใช่ไหมว่าพูดแบบนี้ คุณกับแนนจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที”
“ทราบค่ะ แต่เพราะพิมกับแนนบริสุทธิ์ใจ พิมจึงวิเคราะห์ให้คุณสุฟังตามนี้”
สุกัญญามองพิมภาอย่างพอใจ
“ดี แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป”
“พิมจะสืบหาหนอนในบริษัทเราให้เจอค่ะ”
สุกัญญามองอย่างพอใจ
นันทิกานต์เดินมาที่หน้าห้องสุกัญญา เห็นลัลนากับซูซี่มายืนรออยู่ที่หน้าห้อง ซูซี่เห็นนันทิกานต์มาเดี่ยวก็เปิดศึกทันที
“มาสอพลอเจ้านายพร้อมเพื่อนเหรอจ๊ะ”
“พอดีแนนลิ้นไม่มีแฉกเยอะเหมือนพี่ ใช้ลิ้นทำงานจนแทนสมองตลอดเวลา”
พิมภาเดินออกมาจากห้อง ลัลนามองอย่างไม่พอใจ พิมภารู้ทันว่าลัลนาอยากรู้
“แมสเซ็นเจอร์จะไปส่งของที่ไหนอีกล่ะ”
“เสียใจด้วยนะ ที่คราวนี้ฉันทำมากกว่านั้นเยอะ”
ลัลนาหน้าตึงไม่พอใจ
“เธอขอทำล่ะสิ”
“คิดดีๆ นะ คุณสุเป็นฝ่ายเรียกฉันเข้าไปเอง”
“ก็คุณสุเขาไว้ใจพิม” นันทิกานต์บอก ลัลนามองไปทางนันทิกานต์ “อิจฉาเหรอจ๊ะ ที่ตัวเองไม่โดนเรียกเข้าไป”
“ทำตัวเหมือนลูกเมียน้อยเลยนะ อิจฉาไปซะทุกเรื่อง แค่เจ้านายเรียกฉันยังต้องอิจฉาทั้งที่ไม่รู้ว่าเรียกไปคุยเรื่องอะไรเนี่ยนะ”
ลัลนาโกรธที่กระทบปมตัวเอง
“อุ้ย โป๊ะแตก” ซูซี่บอกออกมา
“นี่อย่าบอกนะว่า เธอเป็นลูกเมียน้อยจริงๆ เหรอเนี่ย”
“หุบปาก” ลัลนาตวาดพิมภากับนันทิกานต์อึ้งไป แบบนี้คอนเฟิร์มว่าชัวร์ ลัลนาอายมากกลบเกลื่อนด้วยความอาฆาต “สักวันฉันจะเหยียบเธอให้จมอยู่ใต้ฝ่าเท้าฉัน”
“คิดว่าทำได้ก็ลองดู”
พิมภาบอกอย่างใม่ยอมแพ้ สองสาวจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ลัลนาเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างหัวเสีย
“เจ็บใจนัก พลาดให้มันรู้จุดอ่อนซะได้” ลัลนามองซูซี่อย่างโกรธๆ
“พี่ขอโทษ”
“ขอโทษก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เรื่องที่ลัลให้เรียกทีมของเรามาประชุม”
“ทุกคนรอที่ห้องประชุมเล็กแล้วค่ะ น้องลัลกำลังคิดว่ามีคนเอาความลับบริษัทไปขายใช่ไหมคะ”
“มันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าลัลรู้ว่าเป็นฝีมือใคร ลัลไม่ปล่อยมันไว้แน่” ลัลนามุ่งมั่นด้วยแรงแค้น
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานพิมภา นันทิกานต์กำลังวิเคราะห์เหตุการณ์กับพิมภา
“ที่แกบอกคุณสุไปก็ถูก เพราะในทีมไม่มีใครได้ตัวอย่างแป้งวิงค์นี้นอกจากแกกับฉัน”
นันทิกานต์มองหน้าพิมภา “แกคิดว่าเป็นฉันหรือเปล่า”
“ต่อมสติปัญญาฉันยังทำงานอยู่ ฉันเชื่อว่าคนอย่างแกตายดีกว่าทรยศเพื่อน ทรยศบริษัท ฉันเชื่อว่าแกไม่ได้ทำ”
“ขอบใจ แต่หน้าแกดูไม่ค่อยดี มีอะไรหรือเปล่า”
พิมภาพยายามฝืนเชิด
“ฉันไล่นายต้นออกไปแล้ว”
“ไล่เหรอ แกใช้คำนี้แสดงว่าเมื่อคืนมีเรื่องใช่ไหม บอกมาสิ แกพูดกับเขาว่ายังไง”
นันทิกานต์คาดคั้น พิมภาหน้าเครียด
ฤชวียืนเตร็ดเตร่อยู่ที่ชายหาดหน้าโรงแรมซึ่งเป็นกองถ่ายโฆษณา มิ้นท์ขยับเข้ามาพยายามปลอบโยนฤชวี
“อย่าคิดมากเลย มองความจริงนะพี่ เจอกันแค่ไม่กี่วันจะให้เขามาเกรงใจถนอมน้ำใจเรามันก็เป็นไปไม่ได้”
“พี่รู้แต่ทำใจรับไม่ไหวจริงๆ” ฤชวีถอนหาใจ “พี่ไม่รู้จะไปไหน”
“ก็รู้ไม่งั้นพี่ไม่ถ่อมาหามิ้นท์ถึงจันทบุรีหรอก”
เสียงทีมงานตะโกนเรียกมิ้นท์
“มิ้นท์ จะเริ่มถ่ายแล้ว”
“จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ...มิ้นท์ต้องไปทำงานก่อน เลิกงานเดี๋ยวมิ้นท์มาหานะ”
“ไปทำงานเถอะ”
มิ้นท์เดินออกไป ฤชวีเดินไปตามชายหาดเศร้าๆ
ฤชวีเดินอยู่ที่ชายหาดอย่างเหงาๆ ภัทรพลขับรถมาตามถนนเลียบชายหาดภัทรพลเห็นฤชวีก็จำได้รีบจอดรถวิ่งไปหาฤชวี
“นายต้น นายต้น”
ฤชวีหันมาเห็นภัทรพลก็ชะงักอึ้งไม่คิดว่าจะมาเจอ
“พี่ภัทร ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ”
“เอ้า ก็บ้านผมอยู่ที่นี่ ไม่รู้เหรอว่ายัยพิมเป็นคนจันทบุรี”
ฤชวีถึงบางอ้อ
“อ้อ ครับ”
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี่” ภัทรพลมองหาพิมภา “มากับยัยพิมเหรอ แล้วยัยพิมอยู่ไหน”
“คุณพิมไม่ได้มาครับ”
“ไม่ได้มา” ภัทรพลสงสัย เลยมองฤชวีอย่างจับผิด “แล้วนายมาทำไม มากับใคร”
“เอ่อ ผมมาหาน้องสาวน่ะครับ พอดีมิ้นท์เขามาถ่ายโฆษณา ผมมีธุระกับเขานิดหน่อย”
“น้องคุณ อยู่ที่ไหนล่ะ”
“ที่โรงแรมโน่นน่ะครับ”
“เอ ผมก็ไม่เคยเห็นเขาถ่ายโฆษณาซะด้วย พาผมไปดูหน่อยได้ไหม อยากเห็น”
จริงๆ แล้วภัทรพลอยากจะไปเช็คว่าฤชวีโกหกหรือเปล่า
“ได้สิครับ”
“นำไปเลย”
ฤชวีเดินนำภัทรพลไป
ที่ชายหาดหน้าโรงแรม ภัทรพลเห็นมิ้นท์กำลังวิ่งวุ่นกับการจัดพร็อพแชมพูตรงหน้าพรีเซนเตอร์โฆษณา ฤชวีมองภัทรพลที่ดูสีหน้าดีขึ้น
“มิ้นท์เป็นครีเอทีฟน่ะครับ แต่ก็ทำทุกอย่าง พวกบ้างานน่ะครับ”
“อ๋อ ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาที่นี่คนเดียวล่ะ เพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ไม่พายัยพิมมาฮันนีมูนซะเลย”
“ให้ลางาน คุณพิมไม่ยอมง่ายๆ หรอกครับ แต่ผมต้องเอาของมาให้มิ้นท์ ผมก็เลยคิดว่ามาคนเดียวดีกว่า”
“เหรอครับ คุณคงไม่ได้ทะเลาะกับยัยพิมใช่ไหม”
“เอ่อ เปล่าครับ ไม่ได้ทะเลาะ”
“แล้วนี่คุณจะอยู่ถึงเมื่อไหร่”
“ก็ คงไม่นานหรอกครับ”
ภัทรพลมองฤชวีรู้สึกว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ
นันทิกานต์ยังคุยกับพิมภาเรื่องฤชวี นันทิกานต์ตกใจมากเมื่อรู้ว่าพิมภาว่าฤชวี
“แกบอกว่าเขาเป็นตัวปัญหาเหรอ แรงไปหรือเปล่าไอ้พิม”
“บอกว่าเป็นปัญหา ไม่มีคำว่าตัว”
“มันต่างกันตรงไหน แปลได้ความหมายเหมือนกัน แกไม่น่าพูดแบบนั้น”
“ก็ฉันโมโหมาว่าฉันผิดได้ยังไง”
“แล้วแกผิดจริงหรือเปล่าล่ะ”
“จริง” พิมภาอ้อมแอ้มตอบ นันทิกานต์มองอย่างคาดคั้น “เออ ฉันผิดๆๆ พอใจยัง”
“แกมันจอมพาลเลยนะ เสียหน้าแล้วเหวี่ยงใส่คนอื่นเขา ฉันถามหน่อยแกด่าเขาไปขนาดนั้น ตอนนี้แกรู้สึกยังไง” พิมภาอ้ำอึ้ง “ฟังฉันนะ ถ้าตอนนี้แกรู้สึกว่าสะใจ ฉันขอบอกเลยว่าแกเลวมาก” พิมภาสะอึก “แต่ถ้าแกรู้สึกเสียใจ แสดงว่าแกยังมีความเป็นคนอยู่”
“แรงไปป่ะเพื่อน”
“ก็ฉันเป็นเพื่อนแก นี่ยังน้อยกว่าที่แกไปด่าคนที่เขามาช่วยเหลือแกว่าเป็นตัวปัญหา ถ้าเป็นแกโดนแบบนี้แกจะทนได้เหรอ”
พิมภาพูดไม่ออกแต่ยังทำฟอร์มไม่แคร์
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาไม่สบายใจเมื่อภัทรพลมาบอกเรื่องฤชวี
“แต่งงานกันไม่กี่วันก็ทะเลาะกันซะแล้วเหรอ ตาต้นบอกเหรอ”
“นายต้นไม่ได้พูดแบบนั้น แต่ภัทรว่าหน้าจ๋อยๆ ต้องทะเลาะกันแรงแน่ๆ แล้วถ้านายต้นมันทนยัยพิมไม่ได้ ต้องหย่ากันแน่ๆ”
“พ่อไม่ยอม ยัยพิมจะเป็นม่ายผัวหย่าไม่ได้” ภาณุวัฒน์จะเดินออกไป พิมมาลารีบดึงไว้
“พ่อจะไปไหน”
“ไปลากคอลูกเขยกลับกรุงเทพฯน่ะสิ”
“ตั้งสติดีๆ นะพ่อ สองคนนั้นทะเลาะกันก็แย่แล้ว ถ้าพ่อไปกดดันลูกเขยซ้ำอีก ลูกสาวเราได้เป็นม่ายจริงๆ แน่ ที่ถูกต้องเราควรจะช่วยให้พิมกับตาต้นปรับความเข้าใจกันไม่ใช่เหรอพ่อ”
“ก็จริง”
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะแม่”
“ตอนนี้เรื่องลูกค้าก็เหลือแค่รอให้ช่างทำงานให้เสร็จ ถ้าอย่างนั้นก็ได้เวลาของครอบครัวนะ”
สองหนุ่มต่างวัยมองพิมมาลาว่าจะให้ทำอย่างไร
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
พิมภาหน้าเครียด นันทิกานต์ยื่นหน้าเข้ามากดดันให้รู้สึกผิดหนักไปอีก
“นี่แกจะกดดันฉันทำไมเนี่ย ก็ฉันทำไปแล้ว”
“ถามอีกคำ แกไล่เขาไปแบบนี้แล้วพ่อแม่แกจะว่ายังไง”
“พ่อแม่ฉันกลับไปแล้ว เดี๋ยวอีกสักพักค่อยบอกว่านายต้นต้องไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้แล้วก็ค่อยบอกว่าเขามีคนอื่นก็เลิกกันไง”
“นี่คิดแผนโยนความผิดให้คนอื่นอีก แกนี่มัน...”
“ก็ฉันอยากให้มันจบๆ ไปซะที่นี่”
“ถ้ามันจบได้จริงก็ดี”
เสียงมือถือพิมภาดังขึ้น พิมภากดรับว่าเป็นพิมมาลาโทรมา
“สวัสดีจ๊ะแม่ ว่าไงจ๊ะ อะไรนะ” พิมภาตกใจ
พิมมาลาคุยมือถืออยู่ที่บ้าน ภัทรพลกับภาณุวัฒน์เป็นไทยมุงคอยฟังเหตุการณ์
“งานแม่เสร็จแล้วก็เลยอยากไปพักผ่อนที่กรุงเทพฯสักสองสามอาทิตย์ แม่กับพ่ออยากรู้จักลูกเขยให้มากกว่านี้ด้วย”
“แต่ไปๆ มาๆ มันเหนื่อยนะแม่ พิมว่า...”
“พรุ่งนี้แม่จะเข้าไปที่คอนโดนะลูก” พิมมาลาตัดบทแล้ววางสายเลย
“เดี๋ยวแม่ ฮัลโหล แม่”
“มีอะไร” นันทิกานต์ถามอย่างสงสัย
“พ่อกับแม่จะมากรุงเทพฯ พรุ่งนี้น่ะสิ จะทำยังไงดี”
“ฉันรู้แต่ว่าถ้าไม่มีสามีอยู่เป็นตัวเป็นตน ความแตกโพล๊ะ ก็เตรียมผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้พ่อแม่แกรอบสองได้เลย” พิมภาถึงกับเครียด
อีกด้านหนึ่ง มิ้นท์ลากฤชวีให้มานั่งที่โต๊ะระเบียงห้อง ที่มีข้าวผัดวางอยู่สองจาน
“ทานข้าวนะพี่ สภาพนี้ทั้งวันไม่ยอมทานอะไรเลยใช่ไหม” ฤชวีนิ่ง แต่ยังไม่จับช้อน “อย่าทำแบบนี้สิพี่ต้น มิ้นท์ไม่สบายใจ”
“พี่ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่จะเป็นได้ขนาดนี้”
“ถ้างั้นไม่ไปยุ่งกับคุณพิมก็คงจะดีแล้ว ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้ เพราะตอนเริ่มต้นพี่ยังเป็นแบบนี้ ถ้ามันตกหลุมไปมากกว่านี้พี่จะเป็นยังไง ยิ่งติสท์อยู่ด้วย แต่ที่จริงเจอกันแค่ไม่นาน ไม่น่าทำให้พี่อาการหนักได้ขนาดนี้นะ แบบนี้มั้งที่เขาว่าความรักบางทีก็ไม่มีเหตุผล”
“ทุกการกระทำบนโลกนี้มีเหตุถึงมีผล พี่เชื่ออย่างนั้น”
“แต่ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับผลของมันใช่ไหมพี่”
ฤชวีเครียด เสียงมือถือฤชวีดัง ฤชวีมองโทรศัพท์สีหน้าเปลี่ยนเป็นดีใจแต่ยังมองนิ่ง มิ้นท์ยื่นหน้ามามอง
“คุณพิมโทรมา รับสิพี่”
ฤชวีสูดลมหายใจนิดๆ ตั้งสติแล้วกดรับ
“สวัสดีครับ”
พิมภาอยู่ที่คอนโด เธอรัวเป็นชุดโดยมีนันทิกานต์คอยเป็นกำลังใจสุดชีวิต
“นายต้น ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน”
“คุณพิมมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”
ฤชวีถามเสียงเรียบ พิมภามองโทรศัพท์แบบหมั่นไส้
“หืม เย็นชาได้อีกนะ” พิมภาพยายามปรับอารมณ์ “คือฉันมีเรื่องจะขอให้นายช่วยหน่อย พ่อแม่ฉันจะมากรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตัวปัญหาอย่างผมล่ะครับ”
มิ้นท์มองฤชวีแบบอึ้งๆ
“แรงนะเนี่ย” มิ้นท์บ่นกับตัวเอง
พิมภาโดนย้อนจะของขึ้น พูดกับนันทิกานต์แบบไม่มีเสียง
“เขาย้อนฉัน”
“ใจเย็นๆ แกต้องพึ่งเขา ใจเย็นๆ” นันทิกานต์เตือนสติ พิมภาพยายามจะใจเย็นที่สุด แล้วพูดใหม่
“ก็เราเริ่มต้นเรื่องนี้มาด้วยกัน มาช่วยสานต่อให้จบก่อนได้ไหม”
“แต่เมื่อวานคุณเป็นคนบอกผมเองว่าทุกอย่างมันจบแล้ว จำได้ไหมครับ ผมคงไม่สะดวกที่จะกลับไป”
“นี่โตๆ กันแล้วพูดให้มันรู้เรื่องกันหน่อยได้ไหม” พิมภาขึ้นเสียงอย่างโมโห
“คุณยังจำได้ไหมครับว่าคุณพูดอะไรไว้กับผม”
ฤชวีย้อนถาม พิมภาอึ้งไป
“จำได้ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“แล้วยังไงครับ”
“ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง นายกลับมาช่วยฉันหน่อยสิ”
“ก็ทำให้เห็นสิครับว่าคุณอยากให้ผมช่วยจริงๆ”
“ก็ฉันพูดขอร้องนายอยู่นี่ไงว่ามาช่วยฉันหน่อย”
“ถ้าจะให้ผมช่วยคุณ แค่โทรศัพท์มาคุยแบบนี้ผมไม่โอเค”
“นี่นายอย่าลีลามากได้ไหม จะให้ทำยังไงก็ว่ามา”
“คุณตามมาง้อผมสิ ทำเป็นไหมครับ” พิมภาอึ้งเงียบไป นันทิกานต์มองว่ามีอะไรเพราะเห็นพิมภาหน้าเครียดปนแค้นมาก “แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ก็ถือซะว่าจบแค่นี้ ขอโทษนะครับ ผมต้องรีบทำงาน”
“เดี๋ยว” พิมภารีบบอกอย่างตกใจ
“มีอะไรครับ”
“บอกฉันมาว่าคุณอยู่ที่ไหน”
ฤชวียิ้มพอใจ มิ้นท์มองว่าฤชวียิ้มอะไร
พิมภาเดินออกมาที่รถ นันทิกานต์วิ่งตามมา
“ใจเย็นๆ นะไอ้พิม”
“เย็นยังไงไหว กล้าสั่งให้ฉันไปง้อ คิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“แล้วทีแกสั่งให้เขาไปจากชีวิตแก แกเป็นใคร”
“ฉัน โอ้ย นี่แกเพื่อนใครเนี่ย”
“เพื่อนแกเนี่ยแหล่ะ ไอ้พิม แกฟัง ตอนนี้แกต้องพึ่งเขา แกทำผิดกับเขา แกไปง้อมันเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว ทีใครทีมัน เข้าใจไหม”
“เข้าใจ แต่ฉัน”
“พอ ขึ้นรถได้แล้ว จำไว้ว่าแกต้องพึ่งเขา”
พิมภาหงุดหงิดขัดใจแต่ก็เดินไปขึ้นรถ นันทิกานต์ขึ้นตาม พิมภาขับรถออกไปอย่างหัวเสีย
มิ้นท์ปรบมือให้ฤชวี สีหน้าทึ่งมาก
“โห มิ้นท์ไม่นึกเลยว่าพี่จะร้ายกาจแบบนี้ บีบให้เขามาง้อเนี่ยนะ”
“คุณพิมเอาแต่ใจจนเคย พี่ไม่อยากให้เขาคิดว่าเขาเป็นคนที่หมุนโลก ทุกอย่างต้องได้ดังใจไปซะหมด จนลืมนึกถึงใจคนรอบข้าง” มิ้นท์มีสีหน้าคิดหนัก “ทำไม คิดอะไร”
“แค่กำลังย้อนคิดว่าพี่ต้นเคยใช้วิธีนี้กับมิ้นท์บ้างมั้ย”
“มิ้นท์ไม่เคยเอาแต่ใจนี่ แต่ถ้ามิ้นท์อยากลอง”
“ไม่ต้อง” มิ้นท์ร้องเสียงหลง แล้วทำเสียงอ้อน “น้องไม่ชอบความกดดัน อย่าทำแบบนั้นกับน้องนะพี่นะ ว่าแต่ถ้าคุณพิมมาจริงๆ พี่ก็จะยอมกลับไปกับเขาเลยใช่ไหม”
“ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอกนะ”
มิ้นท์มองฤชวีอย่างหวาดๆ ที่เห็นมุมเด็ดขาดของฤชวี
รถพิมภาแล่นมาบนถนน ภายในรถพิมภาหัวเสียเปิดเพลงดัง นันทิกานต์มองอย่างเซ็งๆ
“ทำไมฉันต้องขับรถกลางดึกเพื่อไปง้อผู้ชายด้วย”
พิมภาบ่นอย่างหงุดหงิด
“เพื่อพ่อ เพื่อแม่ ท่องไว้แก หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ” พิมภาพยายามระงับอารมณ์เต็มที่ เหยียบคันเร่ง นันทิกานต์กอดเบลท์ด้วยความกลัว “ไอ้พิม ฉันไม่รีบ”
รถพิมภาขับไปบนถนนด้วยความเร็ว
ฤชวีอยู่ที่ห้องพักมิ้นท์และคอยเหลือบมองโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาจนมิ้นท์สังเกตเห็น
“ห่วงก็โทรไปถามสิพี่”
“ตอนนี้เราต้องนิ่งที่สุด อย่างคุณพิมน่ะ ถ้าเราอ่อนให้นิดเดียว เขาจะพยายามเหนือกว่าเราทันที รอให้เขาโทรมา”
“พี่รู้จักเขาลึกขนาดนั้นเลยเหรอ”
“พี่มั่นใจว่าเขาเป็นแบบนั้น”
“แล้วถ้าเขาไม่โทร”
เสียงมือถือฤชวีดัง ฤชวีรีบหยิบมาดูแล้วยิ้ม มิ้นท์เข้ามาฟังอย่างสนใจ
พิมภาเดินคุยโทรศัพท์มือถือเข้ามาที่ล็อบบี้ของโรงแรม
“ฉันมาถึงแล้ว ลงมาสิ”
ฤชวียิ้มแต่ทำเสียงเพลียๆ
“ผมไม่ค่อยสบาย ลงไปไม่ไหว ไว้ตอนเช้าค่อยคุยกันนะครับ”
“ฉันไม่มีเวลาจะมาเอิงเอยกับคุณนะ”
มิ้นท์มองฤชวีที่ยิ้มพอใจ ฤชวีไม่ต่อปากต่อคำ
“เก้าโมงที่สระว่ายน้ำนะครับ” ฤชวีบอกแล้ววางสาย มิ้นท์ยิ่งอึ้งมองฤชวีแบบไม่อยากเชื่อ
“ใจร้าย ถ้าเขาโมโหกลับไปไม่ง้อล่ะ”
“เขาไม่กลับหรอก”
ฤชวียิ้มอย่างมั่นใจแล้วรีบเดินออกจากห้องไป มิ้นท์งงว่าจะไปไหน ขณะนั้นพิมภากำลังหัวเสียแต่ทำอะไรไม่ได้
นันทิกานต์เปิดประตูห้องลากพิมภาเข้ามาในห้อง พิมภาฝืนๆ ไม่ค่อยตามมานัก
“เข้ามาน่า ไอ้พิม”
“ทำไมฉันต้องมาเสียเวลาเป็นคืนๆ เพราะตานั่นด้วยนะ”
“เอาน่า แกใจเย็นๆ นอนพักก่อนนะ ตอนเช้าจะได้มีแรงไปง้อคุณต้นเขา”
“พูดแล้วมันน่าโมโห ฉันอุตส่าห์ถ่อมาง้อเขาถึงที่นี่ ยังมีหน้ามาเล่นตัวอีก ฉันอยากจะบุกไปโวยถึงห้องเลย แกไม่น่าห้ามฉัน”
“ไอ้พิม แกมานี่” นันทิกานต์จับพิมภาไปยืนหน้าแอร์แล้วใช้รีโมทเปิดลมให้แรงขึ้น “เป็นไง เย็นขึ้นบ้างไหม แกต้องพึ่งเขา อย่าใจร้อน หายใจลึกๆ ใช้สติอย่าใช้อารมณ์ไม่อย่างนั้นแกจะเสียงานใหญ่ โอเคมั้ย”
พิมภาสูดลมหายใจ
“ไม่โอเค”
“อ้าว ไอ้นี่ งั้นนอน ตอนเช้าจะได้มีแรงจัดการเขา โอเคไหม”
“โอ้ย แกอยากนอน นอนไปเลย ฉันไม่มีอารมณ์นอน” พิมภาหงุดหงิดจะเดินออกไป
“แล้วแกจะไปไหน” นันทิกานต์จะตาม พิมภาหันมายกมือห้าม
“ไม่ต้องตามมานะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”
นันทิกานต์ยกสองมือยอม
“ไม่ตามก็ได้แต่ห้ามไปเดินที่เปลี่ยว แล้วก็” นันทิกานต์หยิบโทรศัพท์มือถือส่งให้ “เอาติดตัวไปด้วย โอเคมั้ย”พิมภารับมือถือจากนันทิกานต์เดินออกไป
“อารมณ์พีคขนาดนี้ คุณต้นตายแน่”
ฤชวีลงมาที่สระว่ายน้ำของโรงแรมแล้วมองหาพิมภา ฤชวีเห็นพิมภากำลังเดินมาจึงรีบหลบ พิมภาเดินออกไปด้านนอกที่สระว่ายน้ำ พิมภาเดินวนไปมาอย่างหงุดหงิด
“ไม่เคยมีใครกวนประสาทฉันได้ขนาดนี้ นายต้น” พิมภาเดินไปนั่งที่เก้าอี้นอนริมสระ พิมภาหงุดหงิดมากแต่พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ “ใจเย็นๆ ไว้ เดี๋ยวจะเสียงาน ใจเย็น ใจเย็น”
พิมภาหลับตาด้วยความเพลีย ฤชวียืนมองห่างๆ อย่างเป็นห่วง พิมภาเริ่มหลับลึก ฤชวีมองแล้วหันมาเห็นพนักงาน
“น้องครับ”
พนักงานหันมามองว่ามีอะไร
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นลัลนาอยู่ที่บ้าน เธอกำลังนั่งดูภาพฉากที่จะใช้เปิดตัวรองพื้น มือก็จดลงในสมุดอย่างว่องไว ซูซี่นั่งหาวอยู่ข้างๆ แล้วเริ่มสัปหงก
“พี่ซูซี่” ซูซี่เด้งตัวขึ้นมานั่งทันที “ช่วยพิมพ์คอมเม้นท์ของลัลแล้วส่งเป็นเปเปอร์ให้ฝ่ายกิจกรรมด้วย ผิดพลาดอะไรเราจะได้มีหลักฐานแย้งได้”
“เราจะยืนยันที่จะเปิดตัวรองพื้นตัวนี้จริงๆ เหรอน้องลัล ก็เห็นๆ อยู่ว่ามันซ้ำกับของซันชายน์ ถึงจะมั่นใจว่าเราเป็นตัวจริง แล้วโดนก็อปก็เถอะ แต่เราเปิดตัวทีหลัง คนจะมองว่าเราต่างหากที่ก็อปเขานะคะ”
“เชื่อเถอะค่ะพี่ซูซี่ เพราะถ้าส่วนผสมของทางซันชายน์เป็นอย่างที่ทางห้องแล็ปส่งมาจริงๆ คุณภาพสินค้าของซันชายน์ต่ำกว่าของเรา เมื่อลูกค้าได้สัมผัสคุณภาพ เราตีซันชายน์แตกแน่ แค่เราต้องมองให้ถูกจุดว่าข้อดีสินค้าเราคืออะไร แล้วยกตรงนี้ขึ้นมาโฆษณาให้ติดหูลูกค้า เราชนะแน่”
ซูซี่มองความมั่นใจของลัลนาอย่างชื่นชม
“พี่ชอบน้องลัลตรงนี้ล่ะ เชื่อมั่นสู้ไม่ถอย พี่ช้อบ ชอบ ถึงใครจะบอกว่าน้องลัลเล่นเส้น แต่พี่รู้ว่าไม่ใช่ น้องลัลได้เป็นแบรนด์เมเนเจอร์เพราะความสามารถล้วนๆ”
“ลัลมีผู้ช่วยที่ดีด้วยล่ะค่ะ”
ลัลนากับซูซี่ยิ้มให้กันอย่างอันดีต่อกัน เสียงเตือนจาก what’s app ดังขึ้น ลัลนาหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเป็นภาพช่อดอกไม้สีขาวแล้วค่อยๆ ลดลงเห็นเป็นหน้าภัทรพล
“ภัทรพลคนน่ารัก รายงานตัวครับผม ดอกไม้สำหรับคนสวยนะครับ” ลัลนาจะกดปิด “อ๊ะ อย่าปิดนะครับ”
ลัลนาชะงัก “ถึงผมไม่ใช่ YouTube ให้คุณได้ดูอย่างเพลิดเพลิน ไม่ใช่ Google ที่คุณอยากจะค้นหา ไม่ใช่ Facebook ที่อยู่ใกล้คุณตลอดเวลา: แต่ผมเป็น “ผู้ชายธรรมดา” ที่หาซื้อไม่ได้ ตามร้านค้าทั่วไป ฝันดีนะครับ”
ลัลนามองโทรศัพท์แบบแกกล้ามาก
“คนที่เมมชื่อเสร่อนี่ใครคะ” ซูซี่ถามอย่างแปลกใจ
“ก็พี่ชายยัยพิมไงคะ”
“อื้อหือ รุกน่าดูนะคะ น้องลัลจะเล่นด้วยเหรอ”
“ผู้ชายของลัลต้องพร้อมทุกด้าน แบบนี้ไม่เฉียดสเปกลัลสักนิด”
“แล้วทำไมไม่บล็อกไม่ลบเบอร์ล่ะคะ”
“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งนะคะ”
“เอาไว้สืบข่าวนี่เอง น้องลัลมองการณ์ไกลมาก”
“ถ้าคิดจะเป็นที่หนึ่งมันต้องวางแผนให้รอบด้าน โดยเฉพาะคนที่ร้ายอย่างยัยพิม ลัลจะเขี่ยให้พ้นทางให้ได้” ลัลนายิ้มออกมาอย่างร้ายๆ
นันทิกานต์อยู่ที่ห้องพัก เธอเริ่มกระวนกระวายที่พิมภาหายไปนาน
“ไปไหนนะ ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก”
นันทิกานต์นึกเป็นห่วงเพื่อนจึงตัดสินใจลุกออกไปจากห้อง
นันทิกานต์เดินตามหาพิมภาจนมาถึงทางที่เดินออกไปสระน้ำ นันทิกานต์จะเดินออกไปแต่ชะงักซะก่อนเมื่อเห็นพิมภานอนหลับอยู่บนเก้าอี้ริมสระ และฤชวีเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมให้พิมภาแต่พิมภาหลับลึกไม่รู้สึกตัว
“หลับได้ทุกที่ ไม่กลัวอันตรายบ้างเลยเหรอครับคุณพิม” ฤชวีบ่นออกมาเบาๆ แล้วนั่งมองหน้าพิมภา “จมูกเชิดๆ แบบนี้ คุณนี่มันเด็กดื้อชัดๆ”
ฤชวีนั่งมองพิมภาสายตาเอ็นดูพิมภามาก นันทิกานต์ยืนมองแล้วตัดสินใจเดินเข้ามาหาฤชวี
“คุณต้นคะ”
ฤชวีหันมามองนันทิกานต์
“คุณเป็นเพื่อนคุณพิมใช่ไหมครับ”
“แนนค่ะ”
“สวัสดีครับ”
นันทิกานต์มองพิมภาที่หลับสนิท
“คุณต้น ช่วยพิมด้วยนะคะ”
“ขอให้ผมคุยกับคุณพิมก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
“ผมว่าเราพาคุณพิมไปพักบนห้องดีกว่าไหมครับ”
“ก็ดีค่ะ พิม พิม”
นันทิกานต์ปลุกพิมภา แต่พิมภางัวเงียปัดอย่างรำคาญ มือผลักหน้านันทิกาน์ออก
“อื้อ”
“ไอ้พิม”
“อย่ายุ่ง จะนอน”
นันทิกานต์พยายามจะขยับเข้าประคองแต่พิมภาไม่ให้ความร่วมมือเลย
“ขอโทษนะครับ” นันทิกานต์มองฤชวีที่ขยับเข้ามา ฤชวีเข้ามาอุ้มพิมภายกขึ้น นันทิกานต์มองประทับใจ “ห้องคุณพิมอยู่ที่ไหนครับ”
“ทางนี้เลยค่ะ”
นันทิกานต์เดินนำ ฤชวีอุ้มพิมภาตามไป
ฤชวีวางพิมภาลงบนเตียง พิมภาขยับพลิกนอนหันหลังให้ทันที ฤชวีขยับผ้าขึ้นมาห่มให้พิมภา สายตามองพิมภาอย่างเอ็นดู นันทิกานต์ยืนมองท่าทีของฤชวีอย่างจับสังเกต ฤชวีหันกลับมาเห็นนันทิกานต์มองอยู่ก็ยิ้มให้
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“คุณต้นคะ แล้วเรื่อง”
“พรุ่งเก้าโมงที่สระว่ายน้ำนะครับ”
“ได้ค่ะ” ฤชวีออกไป นันทิกานต์ปิดประตูตามหลังแล้วมานั่งมองพิมภาที่หลับไม่รู้เรื่อง “ยัยพิม แกนี่มันเสน่ห์แรงจริงนะ” นันทิกานต์ดึงจมูกพิมภาอย่างหมั่นไส้ พิมภาปัดมือประท้วงแล้วหลับต่อ นันทิกานต์มองยิ้มๆ “ฉันว่าแกต้องโชคดีแน่ๆ เลยว่ะพิม”
วันต่อมาที่งบริษัทนารี ลัลนากำลังดูข้อความที่ลงตามเว็บเพื่อสร้างกระแสที่ถูกปริ๊นท์ออกมา
“บริการสุดห่วยของนารีเหรอ”
“ใช่ค่ะพี่ ลูกค้าคนที่ใช้ชื่อว่าเบอรี่ เข้ามาโพสท์ว่าการบริการของช็อปนารีว่าบริการไม่ดี พอต่อว่าเรื่องคุณภาพสินค้าก็โดนเจ้าหน้าที่ของนารีวีนใส่กลางช็อป”
“ลูกค้าบรรยายเป็นฉากๆ เลยนะคะว่าโดนด่าสาดเสียเทเสีย เพราะเจ้าหน้าที่คนนั้นไม่พอใจที่ลูกค้าตำหนิการบริการ”
“ทำให้บริษัทเสียชื่อ เจ้าหน้าที่คนนั้นเป็นใคร” ลัลนาถามอย่างโมโห
“ลูกค้าระบุว่าเป็นน้องพิมจ๊ะ”
“ยัยพิมเหรอ”
“ตอนนี้ลูกค้าไปสร้างกระแสพวกเว็บเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ให้คนแอนตี้สินค้าของนารีด้วยนะคะ”
“ลูกค้าคนนี้ระบุว่าพรุ่งนี้จะไปก่อม็อบที่หน้าช็อปของเรา เรื่องใหญ่แน่คราวนี้”
“แบบนี้ก็ดีสิคะ น้องพิมโดนเล่นงานแน่”
“มันไม่ดีหรอกค่ะพี่ แบบนี้รองพื้นของเราที่จะเปิดตัวจะโดนกระทบไปด้วย โธ่เอ๊ย คุณสุรู้ข่าวหรือยังนะ”
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะลัลนาดัง ซูซี่รีบรับสาย
“ห้องคุณลัลนาค่ะ ค่ะ จะแจ้งคุณลัลนาเดี๋ยวนี้ค่ะ” ซูซี่วางสายแล้วหันมาบอกลัลนาที่มองอยู่ “Marketing Manager เรียกน้องลัลไปประชุมที่ห้องคุณสุค่ะ”
“ตำแหน่งมันว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ คุณสุแต่งตั้งใคร”
“หวังว่าคงไม่ใช่น้องพิมนะคะ รีบไปดูเถอะค่ะ”
ลัลนารีบออกไป
ลัลนาเดินเข้ามาในห้องสุกัญญา เห็นสุกัญญาอยู่ในห้องคนเดียว
“นั่งก่อนสิ”
ลัลนานั่งลง สีหน้าไม่ค่อยดี
“มีโทรศัพท์แจ้งลัลว่า Marketing Manager เรียกประชุมนี่คะ แล้ว...”
“เรื่องสินค้าโดนก็อปปี้ เรื่องข่าวในอินเตอร์เน็ทมันแสดงให้เห็นว่าตอนนี้บริษัทของเรามีปัญหาหลายด้านที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงกับยอดขายของบริษัท และเราต้องการคนช่วยแก้ไข ก่อนที่บริษัทของเราจะเสียหายไปมากกว่านี้ พี่จึงหาคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้เพื่อมาช่วยเหลือบริษัทเรา”
ลัลนาสงสัยว่าเป็นใคร ประตูห้องเปิดเข้ามา ตรีวิญก้าวเข้ามา ตรีวิญเป็นนักการตลาดที่กำลังฮอทที่สุด อายุยังน้อย หน้าตาดี บุคลิกดี มั่นใจในตัวเองสูง
“คุณตรีวิญจะมารับตำแหน่ง Marketing Manager ต่อไปนี้ฝ่ายการตลาดทั้งหมดจะขึ้นตรงกับคุณตรีวิญทุกเรื่อง”
“สวัสดีครับ คุณลัลนา” ลัลนาชะงักที่ตรีวิญดูจะทำการบ้านเกี่ยวกับทีมการตลาดมาก่อน ตรีวิญมองหา “แบรนด์เมเนเจอร์ที่มีปัญหาอยู่คือคุณพิมภาไม่ใช่เหรอครับ แล้วคุณพิมภาล่ะครับ อยู่ที่ไหน”
สุกัญญายกโทรศัพท์โทรหาเลขา
“ตามคุณพิมภาให้พี่ที ไม่เข้าบริษัทเหรอ นันทิกานต์ล่ะ” สุกัญญามีสีหน้าไม่พอใจ
“งั้นถามจากทีมเขาสิว่าตอนนี้พิมอยู่ที่ไหน”
จบตอนที่ 4
อ่านต่อตอนที่ 5 เวลา 17.00น.