น้องเมีย ตอนที่ 3
ฉลามตบมะเฟืองคว่ำด้วยความแค้น
“มีชู้ใช่ไหมมึง คิดจะนอกใจกูใช่ไหม”
ฉลามทั้งตบทั้งเตะ ซ้อมมะเฟืองจนน่วม
“ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้มีชู้”
“ยังจะมาปากแข็ง กูเห็นกับตาว่ามึงอยู่กับมัน ติดใจกันตั้งแต่คืนนั้นแล้วใช่ไหม ฮะ!”
“เปล่านะ ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่ได้ทำ”
“จนป่านนี้แล้วยังจะปากแข็งอีกเหรอ กูจับได้คาหนังคาเขา ยังจะมีหน้าปฏิเสธอีกเหรอ มึงเห็นกูเป็นอะไร กูคนนะเว้ย ไม่ใช่ควาย”
ฉลามตบฉาด มะเฟืองฟุบไป ลุกไม่ขึ้น ได้แต่สะอึกสะอื้น
“มึงจำไว้นะอีมะเฟือง มึงเป็นผู้หญิงของกู ถ้ากูยังไม่เบื่อ ถ้ากูยังไม่เอ่ยปากไล่ มึงจะไปกับใครไม่ได้ทั้งนั้น จำเอาไว้”
ฉลามออกไป มะเฟืองร้องไห้ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ
“ไอ้ชั่ว...ไอ้สารเลว”
ดาวพามะเฟืองมาที่บ้านตนเองแล้วทำแผลให้ที่มุมปากซึ่งแตก
“โอ๊ย เบาๆสิ เจ็บนะ”
“ทีตอนนี้ล่ะมาเจ็บ ทีตอนนอกใจมัน ทำไมไม่รู้จักกลัวเจ็บไว้บ้าง รู้ก็รู้ว่าไอ้ฉลามมันโรคจิต ชอบลงมือลงไม้ โดนมันซ้อมมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ยังจะหาเรื่องอีก”
“แล้วจะให้ทนรึไง จะให้ฉันอยู่กับผู้ชายชั่วๆ อย่างมันไปจนตายรึไง ไม่มีทางหรอก ก็เพราะมันชั่วน่ะสิ ฉันถึงต้องนอกใจ”
“แล้วมันคุ้มกันไหม ดูสภาพตัวเองซะก่อน มันคุ้มไหมที่ไปนอกใจมัน ส่วนชู้แก ป่านนี้ ตายรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”
มะเฟืองนึกได้ก็หน้าตื่น
“เออ จริงด้วย”
มะเฟืองจะออกไป ดาวเรียกไว้
“จะไปไหน”
“ฉันต้องรีบกลับไปดูเขาก่อน”
“เฮ้ย...อย่าหาเรื่องน่า ปล่อยมันไม่เถอะ เกิดมันตายขึ้นมาจริงๆ แกจะซวยนะ”
“ไม่ถึงตายหรอกน่า อย่างมากก็แค่สลบไปเท่านั้นแหละ ฉันไปก่อนนะ”
มะเฟืองรีบร้อนออกไป
“มะเฟือง อย่าไปเลย ไอ้มะเฟือง...โธ่เอ้ย หาเรื่องจริงๆ เลย” ดาวมองตามเพื่อนอย่างกังวล
มะเฟืองวิ่งกลับมาที่เดิมแต่ไม่เห็นเอกภพแล้ว
“หายไปไหน...” มะเฟืองมองไปรอบๆ “คุณเอกภพ คุณเอกภพคะ คุณอยู่แถวนี้รึเปล่า คุณเอกภพ...”
มะเฟืองเดินหาไปทั่ว ๆไม่เจอใคร
“ขออย่าให้เป็นอะไรเลย”มะเฟืองเป็นห่วงเอกภพมาก
ในห้องคนไข้...เอกภพฟื้นขึ้นมาเจอพยาบาลกำลังวัดความดันให้อยู่ พยาบาลหันไปบอกหมอ
“คนไข้ฟื้นแล้วค่ะคุณหมอ”
เอกภพงงๆ
“ที่นี่ที่ไหนครับ”
“คลินิกคุณหมอศักดาค่ะ เมื่อวานคุณก็มาจ่ายค่ารักษาพยาบาล พอจะจำดิฉันได้ไหมคะ”
เอกภพมองหน้าพยาบาล
“สงสัยยังมึนอยู่ อย่าเพิ่งใช้สมองมากเลยค่ะ เดี๋ยวจะมึนหนักเข้าไปอีก โชดคีนะคะที่มีแท็กซี่ไปพบคุณเข้า เขาใจบุญเลยพาคุณมาส่งที่นี่ ถ้าเจอแท็กซี่ใจหมาแล้วล่ะก็ ป่านนี้คุณจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
พยาบาลหันไปมองที่ประตู
“อ้าว...นั่นไง มาพอดีเลย” พยาบาลหันมาบอกเอกภพ “นั่นไงคะ แท็กซี่ที่ช่วยคุณ”
เอกภพหันไปมอง...พบว่าเป็นนำโชค
เอกภพเตรียมตัวจะกลับบ้าน นำโชคเข้ามาถาม
“แน่ใจนะครับว่าขับรถไหว ผมขับไปส่งดีกว่าไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขับได้ แค่มึนๆ นิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมาก”
เอกภพหยิบกระเป๋าเงินแล้วหยิบเงินออกมา
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผม” ชายหนุ่มส่งเงินให้ “ผมขอตอบแทนนะครับ”
“ไม่เอาหรอกครับ ผมแค่ช่วยเฉยๆ ไม่ได้ต้องการเงิน”
“คิดเสียว่าเป็นค่าเสียเวลานะครับ รับไว้เถอะครับ ให้ผมได้ตอบแทนคนดีๆ อย่างคุณบ้าง นะครับ”
เอกภพส่งเงินให้นำโชค...จังหวะนั้นแว้นสองคันขับรถผ่านมาเห็นเข้าพอดี
“นั่นมันไอ้หมอนั่นนี่หว่า”
แว้นบึ่งรถออกไป นำโชคมองเงินในมือเอกภพแล้วส่ายหน้า
“ผมรับไม่ได้จริงๆ ครับ...ผมขอตัว”
นำโชคจะเดินกลับไปที่รถ แล้วชะงักหันมาหาเอกภพ
“ระวังตัวด้วยนะครับ แถวนี้กุ๊ยมันเยอะ ลองเคยมีเรื่องกันครั้งหนึ่งแล้ว มันต้องมีครั้งต่อๆ ไปแน่...คนอย่างคุณไม่เหมาะกับแถวนี้หรอกครับ อย่ากลับมาอีกจะดีที่สุด ผมไปก่อนนะครับ”
นำโชคขับรถออกไป แต่ไปได้ไม่ไกลนัก ทันใดนั้นก็ถูกปากระจกหน้าเสียงดังปังใหญ่ ทุกอย่างดับวูบลงทันทีได้ยินแต่เสียงมอเตอร์ไซด์ขับจากไป
ฉลามกำลังแทงสนุกอยู่ในผับ แว้น เข้ามาจอดรถ แล้วรายงาน
“เรียบร้อยแล้วพี่ เละ!”
ฉลามยิ้มพอใจ
“ดี...สั่งสอนให้มันรู้ตัวว่าถ้าเสือกยุ่งกับศัตรูของกูแล้ว มันต้องเจอกับอะไร”
เอกภพขับรถเข้ามา บัวปิดประตูรั้วแล้วรีบวิ่งตามไปเปิดประตูรถให้
“ทำไมกลับช้านักล่ะคะ บัวรอตั้งนานแล้ว”
เอกภพผงะไปเพราะยังไม่เคยเจอบัว
“เอ่อ...คุณ…”
“อ๋อ...บัวค่ะ...บัวเป็นหลานน้าชม เพิ่งมาจากต่างจังหวัดน่ะค่ะบัวลืมไปว่า คุณภพยังไม่รู้จักบัว บัวฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
บัวยกมือไหว้แล้วยิ้มให้
“อุ้ย แล้วแผลนั้น...ตายแล้ว เจ็บมากไหมคะ ไปโดนอะไรมาคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก คุณแม่ล่ะ”
“เข้าห้องพระ สวดมนต์ไปแล้วค่ะ”
“ดีแล้ว อย่าบอกคุณแม่แล้วกัน ผมไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง”
“แต่บัวก็ห่วงคุณนะคะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”
“ช่างมันเถอะครับ อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย”
เอกภพเดินเข้าบ้านไป...บัวมองตามไป
“เอาคะแนนๆ จังหวะนี้ต้องรีบทำคะแนน”
บัววิ่งตามไป
ชมกำลังเก็บกวาดครัวอยู่...บัววิ่งเข้ามา มองซ้ายมองขวา
“อะไรของแก หาอะไร”
บัวไม่ตอบ วิ่งไปเปิดตู้เย็นเอาผ้าเย็นออกมา
“นังบัว แกจะทำอะไรของแก”
“ฉันจะทำคะแนน”
บัวผละไปเปิดตู้หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา
“อ้าว...เฮ้ย เอายาออกมาทำไม ใครเป็นอะไรวะ”
“คุณภพเธอบาดเจ็บมา ฉันจะไปช่วยดูแล”
“ฮะ!จริงเหรอ ไปโดนอะไรมา แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า เดี๋ยวฉันไปดูเองดีกว่า”
ชมจะไป บัวรีบดึงไว้
“เฉยๆ เถอะน่า ทำงานไป ไม่ต้องมายุ่ง”
บัวหอบข้าวของเตรียมจะออกไปแต่ชมขวางไว้
“แกน่ะสิอย่ามายุ่ง เพื่อความปลอดภัยของคุณภพ ฉันจัดการเอง”
ชมรีบเดินออกไป บัวไม่ยอม
“ไม่ได้นะ ฉันจะทำเอง เอาคืนมานะ”
“ไม่ให้”
ทั้งสองยื้อแย่งกันไปมา ภัสสรออกมาชะโงกหน้าถามจากระเบียงชั้นบน
“อะไรกัน เอะอะโวยวาย มีอะไรกัน”
ภัสสรพยุงเอกภพมาที่ห้องนอน หลังจากทำแผลให้แล้ว
“แล้วลูกไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นได้ยังไง”
“เพื่อนร่วมงานผมพาไปเลี้ยงต้อนรับน่ะครับ ผมขัดไม่ได้ก็เลยต้องไปแล้วก็เลยมีเรื่องกันตั้งแต่ตอนนั้น”
“แล้วลูกก็เลยต้องไปรับผิดชอบแม่นั่นงั้นเหรอ”
“ที่มะเฟืองเขาบาดเจ็บ ผมเองก็มีส่วน ผมก็เลยอยากช่วยเขาน่ะครับ”
“แม่ไม่เห็นด้วย นังเด็กนั้นมันก็กุ๊ยเหมือนพวกมันนั่นแหละ ไม่งั้นมันจะคบหากันได้ยังไง พอกันทีเสียเงินแล้วยังมาเจ็บตัวอีก ไปแจ้งความแล้วจบเรื่องนี้ซะ”
“อย่าให้ต้องถึงขนาดนั้นเลยครับคุณแม่ ผมก็ไม่ได้เจ็บมากอะไร มะเฟืองเองอีกไม่นานก็คงหาย แล้วก็คงไม่มีอะไรให้ต้องติดต่อกันอีก”
“แล้วถ้ามันไม่ยอมจบล่ะ”
“จบสิครับ จะไม่จบได้ยังไง พอแผลหาย ต่างคนก็ต่างแยกย้าย อาจไม่มีวันได้เจอกันอีกเลยก็เป็นไปได้นะครับแม่”
ภัสสรถอนใจ
“ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ แม่สังหรณ์ใจว่ายายมะเฟืองอะไรเนี่ยมันเป็นตัวซวย จะนำแต่เรื่องซวยๆ มาให้ลูก ขอให้อย่าให้เจอะให้เจอกันอีกเลย”
งามเนตรนั่งคิดเรื่องแต่งงาน นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เอกภพขอแต่งงาน
“ถ้าคุณต้องดูแลคนอื่นจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง งั้นยกหน้าที่นั้นให้ผมนะครับ”
เอกภพล้วงหยิบกล่องแหวนขึ้นมา...เปิดออก
“แต่งงานกับผมนะ ผมอยากดูแลคุณตลอดไป”
งามเนตรถอนหายใจหน้าเครียดมาก นึกไปถึงเรื่องพ่อที่พิการ...
ในอดีต...วันชัยพ่อนั่งรถเข็นอยู่ โดนวิภาแว๊ดๆใส่ตรงหน้าด้วยท่าทีอารมณ์เสีย
“อะไรก็ทำไม่ได้ ต้องให้ฉันทำให้ทุกอย่าง ฉันเป็นเมียนะ ไม่ใช่คนรับใช้ หัดช่วยเหลือตัวเองบ้างสิ ไม่ใช่สักแต่ใช้ๆๆๆๆ น่ารำคาญ”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง ฉันเป็นแบบนี้แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“ก็ไปจ้างคนใช้สิ”
“จะให้เอาเงินที่ไหนมาจ้าง เงินจะกินไปแต่ละวันยังแทบไม่มี”
“อยากมีเงินใช่ไหม อยากมีเงินก็ขายบ้านหลังนี้สิ ขายมันทั้งที่ทั้งบ้าน แล้วเอาเงินไปจ้างคนมาดูแล”
“ขายแล้วจะไปอยู่ที่ไหน นี่มันสมบัติชิ้นสุดท้ายแล้วนะ”
“ก็ไปหาที่อยู่ใหม่สิ อยากจะอยู่คอนโดหรือบ้านเดี่ยวก็ไปซื้อเอาได้บ้านใหม่ ได้คนดูแล โอ๊ย สบายจนตายนะแหละ”
วันชัยเงียบไป
“เดี๋ยวฉันจะไปหานายหน้าให้เขามาช่วยขายให้”
วันชัยยืนยันเสียงแข็ง
“ไม่ขาย ยังไงก็ไม่ขาย”
“แล้วแกจะเก็บไว้ทำไม บ้านก็เก่าซ่อมซ่อ ยังพอจะขายได้ก็รีบขายๆ ไปเถอะ จะเก็บไว้ให้ปลวกมันกินรึไง”
“ก็ยังดีกว่าขายให้เธอกิน”
วิภาชะงักอึ้ง
“ที่กินมายังไม่พออีกเหรอ ยังจะกินบ้านหลังนี้อีกใช่ไหม”
วิภาโกรธ
“นี่แกหาว่าฉันผลาญเงินแกเหรอ”
“แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้ผัวเฮงซวย อยากมีเมียก็ต้องมีปัญญาเลี้ยงดูสิ งกอย่างนี้ เมียเก่าแกมันไม่ได้ป่วยตายหรอก แต่มันอดอยากตาย ไอ้ขี้งก!”
งามเนตรที่แอบฟังมาตลอดในครัวน้ำตาไหลหนักใจ เครียด
เอกภพคุยกับงามเนตรอยู่ในรถ เอกภพไม่ค่อยเห็นด้วย
“ทำไมล่ะเนตร เราก็คบกันมาหลายเดือนแล้วนะ ทำไมผมจะเข้าไปสวัสดีคุณพ่อคุณไม่ได้ ผมอยากเจอท่านนะครับ”
“พ่อเนตรไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมยิ่งควรเข้าไป จะให้ผมทำเฉย ไม่สนใจ ไม่แยแสได้ยังไงกันครับ”
“เอ่อ...แต่ท่านยังไม่รู้เรื่องเราเลยนะคะ”
“หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่ได้บอกท่านเรื่องคบกับผม”
“เนตรจำเป็นน่ะค่ะ”
“นี่มันอะไรกันครับเนตร ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณต้องทำให้มันเป็นเรื่องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วย”
งามเนตรเงียบไป
“คุณคิดอะไรอยู่กันแน่ครับคุณเนตร”
“พ่อเนตรท่านป่วยมาก เป็นอัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เนตรไม่อยากให้พ่อกังวลว่าเนตรจะทิ้งท่าน ไม่ได้อยู่ดูแลท่านอีก”
“ท่านบอกคุณอย่างนั้นเหรอครับ”
“ถึงท่านจะไม่เคยพูด แต่เนตรก็รู้”
“เนตร...บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้นะครับ ถ้าท่านรักคุณ ท่านต้องอยากเห็นคุณมีความสุข ผมอยากให้คุณเล่าความจริงให้ท่านฟัง อยากให้ท่านรู้ว่ายังมีผมอีกคนที่พร้อมจะช่วยคุณดูแลท่าน นะครับคุณเนตร สัญญากับผมนะครับว่าคุณจะบอกท่านแบบนี้”
งามเนตรอึ้งๆ เศร้าๆ
น้องเมีย ตอนที่ 3 (ต่อ)
งามเนตรสะดุ้งเพราะเสียงเปิดปิดประตูปัง! มะเฟืองเข้ามา ไม่สนใจใครจะเดินผ่านไปแต่งามเนตรสังเกตเห็นรอยช้ำบนหน้ารีบลุกขึ้นขวางไว้
“มะเฟือง เดี๋ยวก่อน”
“จะด่าอะไรอีกล่ะ”
“หน้าไปโดนอะไรมา”
“โดนตบ”
งามเนตรตกใจ
“ฮะ!ใครตบ บอกมานะว่าใครตบ”
“จะอยากรู้ไปทำไม”
งามเนตรสังเกตเห็นรอยเขียวช้ำตามแขนด้วย
“นี่มันอะไรกัน ใครทำอะไรเธอ บอกพี่มาเดี๋ยวนี้นะ”
“บอกแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา บอกให้แกสมน้ำหน้าน่ะสิ”
“ถ้าเราโดนทำร้าย เราต้องแจ้งความนะมะเฟือง นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะ”
มะเฟืองชักโมโห
“เอ๊ะ บอกว่าไม่ต้องมายุ่ง”
“ไม่ยุ่งไม่ได้ บอกมาว่าใครทำ แฟนเธอใช่ไหม”
“เลิกแส่เรื่องของฉันซะทีได้ไหม แฟนทะเลาะกันมันก็เรื่องธรรมดา คนไม่มีแฟนอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร ไม่ต้องมายุ่ง”
มะเฟืองเดินหนีเข้าห้อง ปิดประตูปัง! งามเนตรมองตามไปแล้วถอนใจ...มะเฟืองเปิดประตูเข้ามาเห็นวิภากำลังรื้อๆ ค้นๆ ตู้เสื้อผ้าตัวเองอยู่ก็โวยลั่น
“แม่ทำอะไรน่ะ”
“เปล่า ฉันก็แค่มาดูแล พับผ้า เก็บข้าวเก็บของให้แก ก็แค่นั้นแหละ”
มะเฟืองไม่เชื่อ
“โกหก แม่มาค้นหาเงินใช่ไหม หนูไม่โง่ซ่อนไว้ให้ห้องให้แม่หาเจอหรอก”
“แหมๆๆๆ พูดอย่างกับว่าแกจะมีเงินที่ไหนมาซ่อนนักหนา อย่างมากก็เงินร้อยเงินพัน ทำเป็นหวง”
“จะไม่ให้หวงได้ไง ก็มันเงินหนู แม่จะเอาก็ไปเอาเงินพ่อสิ มาแอบขโมยเงินหนูทำไม”
“แล้วพ่อแกมันมีเงินให้ขโมยเหรอยะ”
“ถ้าไม่มีก็ไม่แปลกหรอก ในเมื่อแม่ผลาญไปขนาดนั้นแล้ว ก็สมควรหมดตัว”
“ฉันไม่ได้ผลาญ นั่นมันเงินค่าเลี้ยงดูในฐานะภรรยาย่ะ”
“โอ๊ย! ที่นี่มันน่าเบื่อจริงๆ ชีวิตก็เส็งเคร็ง จนก็จน ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ถามหน่อยเถอะแม่ ไหนๆ ก็เลือกจะเป็นเมียน้อยคนอื่นแล้ว ทำไมไม่เลือกคนที่รวยๆ กว่านี้ฮะ ฉันจะได้เกิดมามีพ่อรวยๆ มีทุกอย่างเหมือนคนอื่นๆ เขาบ้าง แม่นี่ หลับหูหลับตาเลือกจริงๆ เลย”
วิภาโกรธจี๊ด
“ปากดีนักนะนังมะเฟือง รอให้ขายบ้านขายที่หลังนี้ได้เมื่อไหร่ เราก็รวยกันแล้ว คอยประจบพ่อแกไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นนังเนตรมันจะคาบไปกินซะหมด”
โทรศัพท์ดังขึ้น งามเนตรรับสายคิดว่าเป็นเอกภพ
“สวัสดีค่ะ”
“นอนรึยังครับ”
เมื่อไม่ใช่เสียงเอกภพแต่เป็นมาวิน งามเนตรก็ตกใจ
“ยังค่ะ เจ้านายมีอะไรจะใช้เนตรเหรอคะ”
“อย่าเรียกว่าเจ้านายเลยครับ”
“แต่คุณเป็นเจ้านาย แล้วจะให้เนตรเรียกว่าอะไรล่ะค่ะ”
“เรียกชื่อผมแล้วกัน ขอโทษนะครับที่ผมโทรมาดึก พอดีมีเรื่องด่วนเข้ามา ผมอยากให้เรียกประชุมทีมแต่เช้า”
“กี่โมงคะ”
“เก้าโมงครับ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเนตรจัดการให้”
“ขอบคุณครับ เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
งามเนตรวางสายอึ้งๆ ไป
เช้าวันใหม่...งามเนตรรีบร้อนเตรียมอาหารเช้าให้วันชัย ยกชามข้าวต้มมาวางไว้บนโต๊ะ เทน้ำชาใส่แก้ว วิ่งไปหยิบหนังสือพิมพ์มาวางไว้ แล้วเตรียมยาหลังอาหารใส่แก้วไว้ พ่อเข็นรถออกมาเห็นเข้าก็ร้องทักอย่างแปลกใจ
“ลูกมาทำอะไรแต่เช้าน่ะเนตร”
“เตรียมข้าวให้พ่อไงจ้ะ เช้านี้เนตรทำข้าวต้มหมูที่พ่อชอบนะจ้ะ แล้วยาหลังอาหารเนตรวางไว้ให้แล้ว น้ำชาอยู่นี่นะพ่อ แล้วนี่ก็หนังสือพิมพ์”
“แต่นี่มันยังไม่เจ็ดโมงเลย จะรีบไปไหนเหรอลูก”
“เนตรมีประชุมเช้าน่ะจ้ะ เลยต้องรีบออก พ่อกินข้าวแล้วอย่าลืมกินยานะจ้ะ เนตรไปแล้วจ้ะ”
เนตรวิ่งไปคว้ากระเป๋าแล้วออกไปหยิบรองเท้ามาสวม มะเฟืองออกจากห้องมา เห็นเนตรกำลังจะไปรีบวิ่งเข้าไปหา
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”
“มีอะไร พี่รีบ”
“ขอเงินหน่อยสิ”
“แล้วเงินเดือนเธอที่พี่ให้ล่ะ อย่าบอกนะว่าใช้หมดแล้ว นี่มันเพิ่งต้นเดือนเองนะ”
“โอ๊ย ด่าอะไรแต่เช้า ด่าฉันทุกวันไม่เบื่อบ้างรึไง ตกลงจะให้ไม่ให้”
งามเนตรนิ่ง มองหน้ามะเฟือง
“ฉันไปขอพ่อก็ได้” มะเฟืองเดินไปหาพ่อ “พ่อ เอาเงินมาหน่อยดิ”
พ่อหันหลังให้ไม่หันมามอง
“พ่อ หูหนวกรึไง บอกให้เอาเงินมา”
มะเฟืองเข้าไปคว้าแขนพ่อ ปรากฏว่าพ่อกำลังยกแก้วชาร้อนขึ้นจิบ แรงกระชากทำให้แก้วหลุดมือ ชาร้อนหกรดขาพ่อ
“โอ๊ย ร้อนๆๆ”
ด้วยความตกใจพ่อดิ้นจนรถเข็นพลิกคว่ำ งามเนตรตกใจ
“พ่อ”
งามเนตรรีบวิ่งกลับเข้ามาหาพ่อที่กองอยู่ที่พื้น รถเข็นคว่ำอยู่ข้างๆ
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ”
“ฉันเปล่านะ พ่อทำตัวเองต่างหากล่ะ ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ยังจะมาแก้ตัวอีก รีบมาช่วยกันสิ เร็วเข้า” งามเนตรประคองพ่อ “พ่อ...พ่อจ้ะ เจ็บมากไหมจ้ะพ่อ”
งามเตรพาพ่อมาที่โรงพยาบาล...หมอเดินออกมา งามเนตร วิภากับมะเฟืองรออยู่ งามเนตรรีบเข้าไปหาหมอ
“พ่อหนูเป็นไงบ้างคะ”
“ปลอดภัยนะครับ ไม่มีกระดูกแตก กระดูกร้าวอย่างที่หมอกังวล แค่ฟกช้ำบ้าง ไม่กี่วันก็หายครับ ส่วนแผลน้ำร้อนลวกหมอฉีดยาฆ่าเชื้อแก้อักเสบให้แล้ว”
วิภาเข้ามาถามบ้าง
“สรุปว่า เบาๆ ใช่ไหมคะคุณหมอ ไม่หนักใช่ไหมคะ”
“ทานยาแล้วก็ทายา ระวังเรื่องการติดเชื้อ แค่นี้ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ”
วิภาหันไปประชดใส่งามเนตรทันที
“เป็นไงละยะ โวยวายซะบ้านแทบแตก ที่แท้ก็เรื่องเล็กนิดเดียว”
มะเฟืองรีบเสริม
“ใช่...ทำอย่างกับฉันเป็นฆาตกรอย่างนั้นแหละ”
งามเนตรถอนหายใจ เหลือบตาดูนาฬิกาแล้วสะดุ้ง
“แย่แล้ว!”
งามเนตรรีบร้อนเข้ามาในออฟฟิศ นิดารีบเข้ามาหา
“เนตร มัวไปทำอะไรอยู่ ทำไมมาเอาป่านนี้”
“คือว่า...”
“หยุด...ไม่ต้องมาบอกฉัน เก็บไว้อธิบายกับนายเถอะ เขาประชุมกันไปตั้งนานแล้ว รีบเข้าไปเร็วๆ เข้า”
งามเนตรจะเข้าไป แต่นิดาดึงไว้
“เดี๋ยวๆๆ”
“อะไรอีกล่ะ ฉันยิ่งรีบๆ อยู่”
“เอากาแฟเข้าไปด้วย” นิดาส่งถาดใส่แก้วกาแฟให้ “มันจะได้เนียนๆ ฉันอุตส่าห์เตรียมไว้ให้ เอาไปสิ”
“ขอบใจนะ”
งามเนตรถือถาดกาแฟแล้วตรงไปยังห้องประชุม นิดายกมือพนมตามหลัง
“ขอให้เจ้านายคนนี้ใจดีเหมือนหน้าตาด้วยเถอะ อย่าให้โดนด่าเลย เพี้ยง!”
เสียงเคาะประตูทำให้มาวินเหลือบตาขึ้นมอง…เห็นงามเนตรเข้ามาพร้อมถาดใส่แก้วกาแฟสำหรับทุกคน บรรยากาศในห้องกำลังตึงเครียด มาวินหน้าเคร่ง คนอื่นๆ หน้าตื่นๆ มาวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม
“นี่ไม่ใช่เวลาดื่มกาแฟ แต่เป็นเวลาประชุม”
“ขอโทษค่ะ”
เนตรรีบวางถาดกาแฟไว้บนหลังตู้ก่อนเดินไปนั่ง ก้มหน้านิ่งๆ กลัวสายตาเข้มของมาวิน
“ถ้าไม่คิดว่าการประชุมนี่มันสำคัญ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้า เชิญ”
งามเนตรหน้าเสีย คนอื่นๆไม่กล้าพูดอะไร งามเนตรอึ้งๆ ทำตัวไม่ถูก
“แต่ว่าฉันต้องทำรายงานการประชุม…”
เนตรพูดยังไม่ทันจบ มาวินสวนทันที
“ถ้ารู้ว่ามีหน้าที่แล้วยังกล้ามาสาย ยิ่งถือว่าผิด ออกไปซะ คุณเป็นเลขาผม แต่วันนี้ผมไม่จำเป็นต้องมีคุณ”
งามเนตรใจหายวาบ ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกไป ทุกคนคนอึ้งหน้าเสียกันหมด บรรยากาศยิ่งตึงเครียด
งามเนตรเปิดประตูออกมา นิดาเห็นเข้าก็ตกใจ
“ออกมาทำไมล่ะ”
งามเนตรน้ำตาหยดแหมะ
“เฮ้ย...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
งามเนตรไม่ตอบ รีบเดินหนีไปทางหนึ่ง นิดาถอนใจเฮือก
“สงสัยคำอธิษฐานจะไม่ได้ผลอ่ะ”
นิดารีบตามไป
นิดาตามเข้ามาเห็นงามเนตรกำลังร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง
“เนตร ใจเย็น ๆก่อน ทำไมร้องไห้ขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น นายดุเหรอ”
“ฉันผิดเอง…ฉันผิดเอง”
เนตรยิ่งร้องไห้หนัก
“ฉันเชื่อว่าเธอมีเหตุผล เธอไม่ใช่คนหนีงาน เธอขยันจะตายไปแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอมาสาย ฉันเชื่อว่ามันต้องมีเหตุจำเป็นจริงๆ เธออธิบายให้เขาฟังรึยัง”
งามเนตรส่ายหน้า
“แล้วทำไมไม่บอกเขาไปล่ะ”
“เหตุผลของฉันมันเอามาอ้างไม่ได้หรอก”
นิดามองหน้างามเนตร จับผิดแล้วถามขึ้น
“เรื่องพ่อใช่ไหม”
งามเนตรถอนใจ พยักหน้ารับ
“เอางี้ ถ้าเธอไม่กล้าบอกนาย เดี๋ยวฉันจะหาทางบอกให้เอง”
“อย่าเลย ช่างเถอะ”
“ไม่ได้ เธอเป็นเลขาเขานะ ต้องทำงานร่วมกันอีกตั้งนาน คนจะทำงานด้วยกันก็ต้องเข้าใจกันสิ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“นิดา อย่าเลยนะ”
“ไม่ต้องมาห้าม ฉันจะปกป้องเพื่อนรักของฉัน ฉันจะทำให้เจ้านายสุดหล่อแต่ใจร้ายรู้ตัวซะบ้างว่าเขามีเลขาที่แสนดีแค่ไหน”
นิดาหันกลับไป เจอเข้ากับมาวินเต็มๆ
“ว้าย!”
นิดาตกใจ ผวากลับมาหางามเนตรแทบไม่ทัน มาวินมองหน้าท่าทางเข้มๆ
“ไหน ว่ามาสิ คุณมีอะไรจะบอกผมไม่ใช่เหรอ”
ในร้านกาแฟหรู...บริกรวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะ
“เอสเพรสโซ่ที่สั่งครับ”
กันตายิ้มให้กับบริกร
“ขอบคุณค่ะ”
กันตายกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเบาๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอมองเห็นว่าเป็นเบอร์โจ้ก็รับสายยิ้มแย้ม
“ฮัลโหล ว่าไงคะ...ดาร์ลิ้ง”
โจ้เก๊กเสียงหล่อ
“เอ่อ...คุณกันตาครับ” โจ้เลิกเก๊กพูดเสียงปกติ “ฉันขอร้องเถ่อะนะเลิกเรียกฉันว่า ดาล๊งดาลิ๊งสักทีเถ่อะ”
กันตาขำ
“เอ๊า...ทำไมล่ะ”
“ถ้าใครมาได้ยินเข้าฉันเสียหายนะ เดี๋ยวเรทติ้งตกหมดเข้าใจไหม”
“จ้าพ่อเทพบุตรพ่อรูปงาม...แล้วนึกไงถึงได้โทรมาหาฉันเนี่ย”
“ก็จะโทรมาบอกว่า ฉันนัดสถาปนิกมือหนึ่งไว้ให้แล้ว รีบเข้ามาคุยนะ”
“วันไหนจ๊ะ”
“วันนี้ ตอนนี้ และก็เดี๋ยวนี้ด้วย ถ้าเลยจากนี้ไปคิวเต็ม”
“เฮ้ย...อะไรกัน จะให้ไปตอนนี้เลยเนี่ยนะแก ด่วนไปป่ะ”
“ก็แล้วแต่นะ ให้ฉันช่วยฉันก็ช่วยแล้วถ้าไม่มาจะได้ปิดจ๊อบเลย”
กันตาคิดๆ
“อ๊ะก็ได้...เดี๋ยวนี้ก็เดี๋ยวนี้...”
“เร็วน๊ะ...คิดถึง...”
โจ้ส่งจ๊วบทางโทรศัพท์
“ยี๊...ไอ้บ้า...”
กันตาวางสาย แล้วหยิบกระเป๋าเดินออกไป
กันตามาที่ออฟฟิศเอกภพ เธอจับมือกับเขาทักทาย
“กันตาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เอกภพครับ ยินดีที่ได้รับใช้ครับ”
“จะไม่ให้ใช้ได้ยังไงล่ะคะ ก็เพื่อนดิฉัน” กันตามองไปที่อินทีเรีย “เขาบอกว่าบริษัทพวกคุณทำงานเก่งมาก ลูกค้าชมกันทั้งนั้น”
“ณ จุดนี้พูดไปตามความจริงฮ่ะ"
โจ้ ก้มหัวให้อินทีเรีย
“ขอบคุณมากนะครับที่ให้ความไว้วางใจพวกผม รับรองว่าเราจะไม่ทำให้ผิดหวังเป็นอันขาด”
กันตายิ้มสดชื่นมีความสุข
“ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจค่ะ จะแต่งงานทั้งที เรื่องเรือนหอยังไงก็เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งอยู่แล้ว จริงไหมล่ะคะ”
“เรื่องนี้เพื่อนผม” โจ้หันไปตบบ่าเอกภพ “เขาเข้าใจดีครับ เพราะเขาก็กำลังจะแต่งงานเหมือนกัน”
กันตาแปลกใจ
“จริงเหรอคะ”
อินทีเรียยิ้มแย้ม
“ณ จุดนี้ น้ำตาจะไหลฮ่ะ ไม่ได้ดีใจด้วยหรอกนะฮ่ะ แต่เสียดายฮ่ะ หล่ออ่ะ เสียดายมว๊ากอ่ะ”
กันตายิ้มให้เอกภพ
“ว่าที่เจ้าบ่าวกับว่าที่เจ้าสาวร่วมมือกันสร้างเรือนหอ โหฟังแล้วโรแมนติคจังเลยนะคะ หวังว่าคนอื่นคงจะไม่เข้าใจผิดเราสองคนนะคะ”
เอกภพงงๆ
“เข้าใจผิดเรื่องอะไรไม่ทราบครับ”
“ก็เข้าใจว่าเราจะแต่งงานกันนะสิคะ”
อินทีเรียวี๊ดว๊าย
“แอร๊ยย ณ จุดนี้หึงอ้ะ ฟังแล้วหึงเลยอ่ะ อย่าให้เป็นอย่างนั้นเชียวนะ จำเอาไว้เลยว่าคุณเอกภพ สถาปนิกเทพคนนี้เขาเป็นเจ้าบ่าวของคนอื่น ไม่ใช่ของหล่อน ท่องเอาไว้เลยนะ อย่าลืม”
เอกภพยิ้มขำๆ สบตากับกันตา….กันตา ลึกๆ แล้วแอบมีสีหน้าสนใจในตัวเอกภพ
กันตากับอินทีเรียมาที่จอดรถ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะมาเจอคนที่กำลังจะแต่งงานเหมือนกัน”
“อย่าพูด เสียดาย”
“อิจฉาเจ้าสาวเขาเหมือนกันนะ คุณเอกภพดูดี๊ ดูดี ใครได้ไปถือว่าโชคดีมาก”
“นี่หล่อน ณ จุดนี้ หล่อนน่าเกลียดมากนะยะ ตัวเองก็กำลังจะแต่งงาน ยังมีหน้ามาชื่นชมเจ้าบ่าวของคนอื่นอีก น่าเกลียดอ้ะ”
“ก็แค่ชื่นชม ไม่ได้คิดอะไรด้วยซะหน่อย”
“โอ๊ย ถึงอยากคิดก็คิดไม่ได้หรอกย่ะ ไม่มีสิทธิ์ เพราะเขากำลังจะเป็นของนางอื่น ส่วนนางนี่” อินทีเรียชี้กันตา “กับนางนี่” ชี้ตัวเอง “หมดสิทธิ์”
อินทีเรียเดินดิ่งไปที่รถ กันตาหันกลับไปมองออฟฟิศแล้วยิ้ม
“ถ้าเจอกันเร็วกว่านี้ก็ไม่แน่หรอกนะ”
กันตายิ้มร้ายลึก เสียงบีบแตรเรียกดังลั่น หญิงสาวหันกลับมาแล้วเดินไปที่รถ
เมื่อนำรถกลับที่อู่ เฮียเจ้าของู่ด่านำโชคอย่างหัวเสีย
“พัง...ชิบหายหมดแล้ว ขับได้ไม่กี่วัน รถอั๊วะพังหมดแล้ว”
นำโชคหน้าเสีย
“ผมขอโทษครับเฮีย ผมจะใช้ให้”
“จะใช้ให้ ถุย! พูดมาได้ ลื้อจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้คืนให้อั๊ว”
“ผมก็จะขับใช้ไหนี้ให้เฮียไงครับ”
“ไม่มีทาง!อั๊วะไม่ให้ลื้อขับแล้ว โดนปากระจกแบบนี้ แสดงว่าลื้อต้องมีศัตรู ขืนให้คันใหม่ไปก็โดนอีก พอๆๆ อั๊วไม่ให้ลื้อขับแล้ว”
“แต่เฮียครับ ผมจำเป็นจริงๆ นะครับ เห็นใจผมด้วยเถอะนะครับเฮีย ผมต้องหาเงินเรียนหนังสือ”
“ไปหาที่อื่น ไปเลย ไป”
“เฮียครับ”
“ไป๊!”
เฮียตวาดแล้วเดินหนีเข้าไปข้างใน นำโชคถอนใจจำต้องถอยออกมา
ดาวนั่งทำเล็บให้ลูกค้าที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้านเสริมสวยเล็กของแม่ ซึ่งทำผมให้ลูกค้าอยู่ ขณะที่มะเฟืองนั่งอยู่ใกล้ๆ
“สรุปว่าตอนนี้เจ้าชายของแกเขาก็รู้หมดแล้วสิว่าแกมีแฟนแล้วแถมยังขี้หึงอีกต่างหาก”ดาวหันมาคุยด้วย
“เฮ้อ เสียเรื่องหมดเลย ทำไงดีอ่ะ”
“ก็เลิกกับมันสิ แกจะได้เป็นโสดจริงๆไง”
“มันไม่ยอมเลิกน่ะสิ แล้วฉันก็ไม่อยากหาเรื่องด้วย”
“แกก็รู้ว่าไอ้ฉลาม โกรธขึ้นมาทีไร ฉันเจ็บตัวทุกที”
“ถ้าเลิกไปไม่ได้ แกก็ต้องตัดใจจากคุณเอกภพ”
“ไม่มีทาง เป้าหมายดีขนาดนี้ ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ หรอก ยังไงก็ต้องจีบให้อยู่...มีแฟนหล่อๆ รวยๆ ชีวิตฉันจะได้สบายซะที”
“แล้วแกจะทำยังไงเรื่องไอ้ฉลาม”
มะเฟืองคิดๆ
“ฉันว่านะ แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนดีกว่า แค่ทำให้คุณเอกภพเขาเชื่อว่าฉันเลิกกับไอ้ฉลามแล้วก็พอ”
ดาวชะงัก
“แกจะโกหกเขาเหรอ”
“ก็มันจำเป็น รอให้ฉันได้เป็นแฟนคุณเอกภพก่อน เดี๋ยวเขาก็พาฉันไปจากขุมนรกนี่เองแหละ ไอ้ฉลามมันไม่มีปัญญาตามไปได้หรอก คนละชั้น”
“แล้วแกจะหลอกคุณเอกภพเขายังไง มีวิธีแล้วเหรอ”
“เรื่องนั้น ไม่ยากหรอก”
มะเฟืองยิ้มอย่างมีแผนร้ายในใจ
“แต่อาจต้องมีตัวช่วยบ้าง”
ดาวแปลกใจ
“ตัวช่วย...ใครอ่ะ”
วันชัยจะหัดเดิน พยายามดันตัวเองให้ลุกจากรถเข็นให้ได้ แต่สุดท้ายก็ล้มฟาดพื้นไป วิภาเข้ามาเห็นพอดี โวยวายใส่ด้วยความรำคาญ
“ดี สมน้ำหน้า อยากซ่าดีนัก เป็นไงล่ะ”
วันชัยพยายามจะตั้งหลัก วิภามองเยาะ
“ถ้าล้มหัวฟาดก็ไปโทษลูกสาวคนดีของแกโน่นไงล่ะ อยากให้พ่อเดินได้ ถุย!ทำอะไรไม่ดูสังขารพ่อตัวเอง”
“หยุดพูดซะทีได้ไหม ถ้าไม่คิดจะช่วยก็ไม่ต้องพูด”
“ฉันจะไปช่วยอะไรแกได้ล่ะ ฉันไม่ใช่หมอนี่...แต่จ้างนักกายภาพบำบัดมาช่วยได้นะ พวกนั้นเขาเก่งเรื่องดูแลคนเป็นง่อย เอาไหมล่ะ”
“หยุดๆๆๆ ถ้าจะพูดเรื่องให้ขายบ้านหลังนี้ก็หยุดไปเลย ยังไงฉันก็ไม่ขาย”
วิภาหงุดหงิด
“จะเก็บไว้ทำป่าช้าฝังตัวเองรึไง”
“ไม่ต้องมาพูด ฉันไม่ขาย”
มะเฟืองเข้ามา
“ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ หนวกหูชะมัดเลย แม่นี่ทำไมชอบหาเรื่องพ่อแล้วดูซิ ทำไมไม่ช่วยพ่อ ใจดำชะมัดเลย”
มะเฟืองเข้าไปหาพ่อ
“เดี๋ยวมะเฟืองช่วยเองนะจ้ะพ่อ”
“หือ”
วิภามองลูกสาวด้วยความงง
“เดี๋ยวๆๆๆ นังมะเฟืองหยุดก่อน”
วิภาเข้ามาดมกลิ่นฟืดๆๆ มะเฟืองสงสัย
“ดมอะไรแม่”
“แกไปกินเหล้ามาใช่ไหม แกเมาอยู่ใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้เมา”
“ไม่ได้เมาก็ต้องเป็นบ้า อยู่ๆ มาด่าแม่แล้วเข้าข้างพ่อ เอ๊ะ หรือแกจะเมายา”
“ยงยาอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง แม่นี้ทำไมชอบหาเรื่องคนอื่นอยู่เรื่อยเลย จริงไหมจ้ะพ่อ”
วันชัยมองหน้ามะเฟืองงงพอๆ กับวิภา
“นั่งลงนะจ้ะพ่อ ค่อยๆ นั่งจ้ะ”
“มึน เห็นแล้วมัน ฉันไปตีไพ่ดีกว่า อยู่บ้านแล้วมึน”
วิภาออกไป พ่อหันมาถามมะเฟือง
“จะเอาอะไร”
“ทำไมพ่อถามมะเฟืองอย่างนั้นล่ะจ้ะ”
“ปกติแกไม่เคยสนใจใยดีพ่อ”
“แหม พ่อก็ ใครบอกมะเฟืองไม่สนใจ มะเฟืองสนใจแต่มะเฟืองไม่ชอบแสดงออกเหมือนพี่เนตรเท่านั้นแหละจ้ะ พ่ออยู่แต่ในบ้าน อุดอู้เบื่อไหมจ้ะพ่อ มะเฟืองว่าพ่ออย่าอยู่อย่างนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
วันชัยมองหน้ามะเฟืองอย่างไม่ไว้ใจ
“แกคิดจะทำอะไรของแก”
“ทำให้พ่อได้มีโอกาสทำตัวให้มีประโยชน์ไงจ้ะ”
มะเฟืองอมยิ้มเจ้าเล่ห์
น้องเมีย ตอนที่ 4
ช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของงามเนตร...พนักงานส่งดอกไม้โค้งให้แล้วจะออกไป
“เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว แน่ใจนะคะว่าคนส่งเขาส่งให้ฉัน คุณไม่ได้ส่งผิดแน่นะคะ”
“นักงานไม่ผิดหรอกครับ”
“แล้วใครเป็นส่งมาล่ะคะ”
“ขอโทษจริงๆครับ ทางเราบอกไม่ได้ ทางผู้ส่งเขาขอไม่ให้แจ้งชื่อน่ะครับ ขอตัวนะครับ”
พนักงานออกไป งามเนตรมองช่อดอกไม้เล็กๆ นั่นงงๆ…นิดาเข้ามาเห็นเข้า
“โว้ว...โอ้ว...แม่เจ้า คุณเอกภพนี่ช่างโรแมนติคจริงๆ เลยอ้ะ...อิจฉาอ่ะ...ริษยาอ้ะ”
“ไม่ใช่จากคุณภพหรอก”
“อ้าว...ไม่ใช่คุณภพแฟนเธอแล้วใครส่งมา อย่าบอกนะว่ามีคนแอบปิ๊งเธออยู่ โถๆๆๆๆ น่าสงสาร”
“น่าสงสาร”
“เอ้า...ก็ปิ๊งคนมีแฟนแล้วมันจะอกหักน่ะสิตัว แล้วตกลงใครส่งมาล่ะ”
“ไม่รู้ เขาไม่ยอมบอกชื่อ”
“เป๊ะ! อย่างนี้เป๊ะเลย แอบปิ๊งเป๊ะๆ”
“อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ ฉันว่าเขาคนส่งผิดคนน่ะ”
“จะถูกจะผิดยังไงก็ช่างเถอะ ยังไงก็ได้ดอกไม้สวยไว้เชยชมว่าแต่เธอน่ะ เป็นอะไร มีคนส่งดอกไม้สวยๆ มาให้ แต่หน้างี้เครียด ยังกับเขาส่งระเบิดมางั้นแหละ”
“ฉันมีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องอะไร”
งามเนตรชวนนิดามาคุยที่มุมลับตาคน แล้วเล่าให้ฟังเรื่องที่เอกภพขอแต่งงาน
“แต่งงาน!”
“เบาๆ สิ จะเสียงดังทำไม เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหมดหรอก”
“ได้ยินแล้วไง เรื่องดีๆ แบบนี้ ใครได้ยินก็ต้องมาแสดงความยินดีกับเธอทั้งนั้นแหละ...แล้วมีฤกษ์รึยัง จะแต่งเมื่อไหร่”
“เรื่องนั้นคงอีกสักพักน่ะ”
“หมายความว่ายังไง...” นิดามองหน้าเนตร ชักเอะใจ “เธอบอกอะไรฉันไม่หมดรึเปล่าเนี่ย ฮะ...ปิดบังอะไรฉัน”
“ฉันยังไม่ตอบตกลงเขาหรอก”
“โอวพระเจ้าช่วยด้วย นี่อย่าบอกนะว่าเธอปฏิเสธเขา”
“ไม่ได้ปฏิเสธ แค่ขอเวลาอีกหน่อยน่ะ”
“ขอเวลา ขอไปทำอะไรไม่ทราบ ฮะ ผู้ชายดีๆ อย่างคุณเอกภพแค่เขาอ้าปากมา ฉันก็พร้อมรับขบวนขันหมากแล้ว แล้วนี่อะไร ต้องการเวลาไปทำอะไร ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ คิดอะไรอยู่”
“เธอก็รู้ว่าฉันมีภาระ”
“ภาระ เรื่องครอบครัวเธอน่ะเหรอ แล้วยังไง เธอคิดจะดูแลพ่อแม่พี่น้องเธอ ไปจนแก่ตายรึไง ฮะ”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกัน”
“แล้วพวกเค้าเคยช่วยเหลือเธอเหรอ ถ้าเรื่องพ่อ ฉันก็พอเข้าใจหรอกนะว่าเธอกตัญญู แต่ไอ้น้องคนละแม่กับยายแม่เลี้ยงที่วันๆ เอาแต่ใช้เงินพ่อเธอเนี่ย เธอจะไปแคร์ทำไม ไม่เห็นต้องไปเอามาแบกไว้เป็นภาระเลย”
งามเนตรอึ้งไป
“ฉันรับปากพ่อไว้ว่าจะดูแลน้องกับแม่ให้ดีที่สุด”
“โอ้ย...อย่างแม่เลี้ยงเธอน่ะ รอให้พ่อเธอหมดตัวเมื่อไหร่ รับรองนางก็เผ่นแล้ว เชื่อฉันสิ”
งามเนตรฟังที่นิดาพูดอย่างเศร้าใจ
“ก็เพราะแบบนี้แหละฉันถึงต้องอยู่เพื่อพ่อ ฉันไม่อยากเห็นท่านทุกข์ใจ”
งามเนตรหน้าเศร้า นิดาเศร้าตาม
“เฮ้อ...เธอก็เลยคิดว่าตัวเองจะยังไม่พร้อมแต่งงาน ว่างั้น”
“ฉันอยากให้ทุกอย่างมันลงตัวมากกว่านี้”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”
งามเนตรอึ้งไป หนักใจ
“ความรักดีๆ ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ นะเนตร เธอโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้มา เอาเถอะ ในเมื่อเธอตัดสินใจอย่างนั้น ฉันก็ว่าตามเธอ ฉันจะคอยกระทุ้งเตือนเป็นระยะๆ แล้วกันนะถ้ามันนานเกินไป”
“ขอบใจนะนิดา”
ขณะเดียวกันนั้นเพื่อนคนหนึ่งวิ่งออกมาตาม
“เนตร นายเรียก”
“จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ”
งามเนตรรีบผละออกไป นิดาถอนหายใจ
“เฮ้อ...ทำไมนายไม่เรียกหาฉันบ้างนะ”
งามเนตรเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา
“คุณมาวินมีอะไรจะใช้ดิฉันเหรอคะ”
มาวินเหลือบตาขึ้นมองเห็นงามเนตรหน้าเศร้าๆ
“ผมขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อเช้าที่พูดจาไม่ดีคุณนะครับ”
มาวินพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ งามเนตรรู้สึกเกรงใจ
“เอ่อ...ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะคุณมาวินทำถูกแล้ว ดิฉันผิดเองที่มาสาย ต่อไปฉันจะรักษาเวลาให้มากกว่านี้ค่ะ”
งามเนตรจะออกไปแต่มาวินเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ”
งามเนตรหันกลับมา
“คะ”
“ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวเล่าให้ผมฟังได้นะครับ”
งามเนตรมองเขางงๆ มาวินรีบพูดต่อ
“คือ...เราทำงานด้วยกันผมอยากให้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน แชร์ความรู้สึกกันได้ในทุกๆเรื่องที่คุณอยากแชร์”
งามเนตรยิ้มรับในความปรารถนาดีของเขา
“ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“เชิญครับ”
งามเนตรออกไป...มาวินมองยิ้มๆ
เอกภพมาที่บ้านหลังหนึ่งพร้อมกับอิน เพื่อนกะเทยของกันตาที่ไปรับเขา เมื่อมาถึงก็พบกันตารออยู่แล้ว
“โทษทีนะมาเลทไปนิด ไม่คิดว่ารถจะติดน่ะ”อินบอก
กันตายิ้ม
“ไม่เลทหรอกเพราะฉันก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
เอกภพมองบ้าน อินมองตามก่อนจะหันมาถามกันตา
“อย่าบอกนะว่าเธอจะเนรมิตบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอน่ะ”
กันตาพยักหน้า
“อือหืม”
“ตายแล้ว...น่าเสียดายอ่ะบ้านทรงนี้เก๋ไก๋จะตายที่สำคัญนะหายากมากด้วยล่ะ ถ้าพวกสะสมของเก่ามาเห็นบ้านหลังนี้มีหวังทุ่มเงินซื้อไม่อั้นเลยล่ะ...ขออนุญาตเข้าไปสำรวจก่อนนะฮะ”
กันตายิ้มขำๆ อินเข้าไปข้างในก่อน
“เชิญข้างในเลยค่ะ”กันตาหันมาหาเอกภพ
“ครับผม”
เอกภพเดินตามเข้าไปข้างใน มองดูรอบๆบ้าน
“สภาพบ้านยังดีอยู่เลยนะครับ ท่าทางเจ้าของคงดูแลรักษาอย่างดี”
“เป็นบ้านเก่าของครอบครัวฉันน่ะค่ะ”
“โครงสร้างของบ้านออกแบบมาอย่างดี ผมไม่แนะนำให้รื้อถอนนะครับ อย่างที่เพื่อนคุณพูดก็ถูก บ้านสไตล์นี้กำลังเป็นที่นิยม ใครๆ ก็อยากได้ ในเมื่อเรามีอยู่แล้วก็เก็บสภาพไว้แล้วปรับแต่งอีกสักหน่อยให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ แค่นั้นก็น่าจะพอนะครับ”
“ฉันไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ซะด้วยสิคะ เอาเป็นว่า ฉันเชื่อคุณดีกว่า”
“เอ่อ…มันก็เป็นแค่ความเห็นน่ะครับ ถ้าคุณไม่เห็นด้วย หรือมีไอเดียอะไรอยู่แล้วในใจก็บอกมาเลยนะครับ ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่อยู่แล้วครับ”
กันตายิ้มๆ
“ฉันอยู่ได้ทุกที่แหละค่ะ เพราะฉันไม่มีไอเดียเรื่องการตกแต่งจริงๆค่ะ เอาเป็นว่าถ้าคุณภพคิดว่าควรจะตกแต่งยังไงก็ทำตามใจคุณได้เลยค่ะ ฉันเชื่อมือคุณ”
เอกภพอึ้งๆ ไป ขณะเดียวกันนั้น เสียงมือถือของเขาดังขึ้น….กันตายิ้มให้
“เชิญค่ะ”
กันตาอมยิ้มเดินเข้าไปด้านในที่อินอยู่ เอกภพดูมือถือ เห็นว่าเป็นเบอร์มะเฟืองจึงกดรับ
“สวัสดีครับคุณมะเฟือง”
วันชัยนั่งในรถเข็นอยู่ที่มุมหนึ่งสวนสาธารณะ ไม่ค่อยสบายใจไม่ไว้ใจลูกสาว มะเฟืองหลบไปโทรหาเอกภพดัดน้ำเสียงให้ตื่นตกใจ
“คุณเอกภพคะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยมะเฟืองด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
เอกภพถามอย่างตกใจ
มะเฟืองยืนรอหน้าตาร้อนอกร้อนใจ ไม่นานนักรถของเอกภพเข้ามาจอด มะเฟืองรีบบีบน้ำตาแล้ววิ่งไปหา
“ช่วยด้วยค่ะคุณเอกภพ ช่วยมะเฟืองด้วยค่ะ”
“ใจเย็นๆ ครับคุณมะเฟือง บอกผมสิครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไร”
“ก็พ่อมะเฟืองน่ะสิคะ พ่อมะเฟืองไม่สบาย เป็นอัมพาตเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น มะเฟืองกลัวพ่อจะเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้านก็เลยพาท่านออกมดสูดอากาศ เผื่อท่านจะชอบ แต่มะเฟืองลืมคิดว่าพ่อมะเฟืองเป็นอัลไซเมอร์ด้วย มะเฟืองก็เลยปล่อยท่านไว้คนเดียว แล้วเดินไปซื้อน้ำให้ท่าน กลับมาอีกที ท่านก็หายไปแล้ว มะเฟืองตามหาก็ไม่เจอ มะเฟืองทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ขอโทษนะคะที่มะเฟืองโทรไปรบกวน แต่มะเฟืองนึกไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะมาช่วยมะเฟืองได้นอกจากคุณ”
มะเฟืองปิดละครด้วยการร้องไห้โฮ เอกภพปลอบ
“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับ ตั้งสติให้ดี เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมจะช่วยคุณตามหาเอง ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะช่วยเอง”
“ขอบคุณมากค่ะ มะเฟืองคิดถูกจริงๆ ที่โทรไปหาคุณ”
“รีบไปกันเถอะครับ”
เอกภพนำหน้าเข้าไปในสวนสาธารณะ มะเฟืองแอบยิ้มสมใจ...ทั้งสองเดินมาถึงที่มุมหนึ่ง มะเฟืองรีบเข้ามาแสดงความร้อนใจ
“ตรงนี้แหละค่ะ มะเฟืองจอดรถเข็นท่านไว้ตรงนี้แหละ แล้วก็เดินไปซื้อน้ำทางโน้น”
“เอางี้แล้วกันครับ เราแยกกันหา ผมจะขอให้คนอื่น ๆช่วยหาด้วย”
“โอเคค่ะ”
“คุณมะเฟืองไปทางด้านโน่น ส่วนผมจะไปดูทางนี้ ได้เรื่องยังไงมาเจอกันที่นี่นะครับ”
“ค่ะๆๆ”
เอกภพแยกไปทางหนึ่ง มะเฟืองทำเป็นวิ่งไปอีกทางหันกลับมามอง พอพ้นสายตาของเขา เธอก็หยุด หัวเราะชอบใจ
“ขอโทษนะคะคุณเอกภพ สงสัยคุณคงต้องเหนื่อยหน่อยแล้วล่ะ แต่มันจำเป็นอ้ะ มะเฟืองอยากให้คุณเห็นมุมลูกกตัญญูของมะเฟืองบ้าง อย่าโกรธกันนะ”
มะเฟืองเดินไปทางหนึ่ง
วันชัยนั่งอยู่ในรถเข็นอย่างร้อนใจที่หลังต้นไม้ใหญ่ ซึ่งอยู่ในมุมลับตาคน
“อะไรกันนี่ มันจะเอาเรามาปล่อยรึไงวะไอ้ลูกคนนี้”
มะเฟืองเข้ามา
“บ่นอะไรนักหนาพ่อ พาออกมาเที่ยวก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังจะบ่นอีก”
“จะออกมาให้มันยุ่งยากทำไม พาพ่อกลับบ้านเถอะ”
“ยังกลับไม่ได้ ต้องรอก่อน”
“รออะไร”
“บอกให้รอก็รอเถอะน่า อย่าถามมากนักเลย”
“นี่มันอะไรกัน แกทำอะไรของแกกันแน่”
“พ่อไม่ต้องรู้ แต่ฉันนัดเพื่อนไว้ ถ้าฉันพาเขาพ่อไปพบเขา พ่อห้ามพูดอะไรเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ต้องเงียบ เงียบอย่างเดียวเท่านั้น ตกลงไหมพ่อ”
วันชัยมองลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรของแก นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน”
“ตกลงพ่ออยากกลับบ้านไหม ถ้าอยากกลับก็ทำตามที่ฉันบอก ไม่งั้นฉันจะปล่อยให้พ่อค้างคืนในสวนนี้คนเดียวจริงๆ ด้วย เอาไง”
วันชัยอึ้งๆมองหน้ามะเฟืองแล้วถอนหายใจด้วยความกลุ้มที่มีลูกแบบนี้
เอกภพออกตามหาไปรอบๆ ถามคนที่เดินสวนมา
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเห็นผู้ชายแก่ในรถเข็นบ้างไหมครับ”
ชายที่สวนมาส่ายหน้า
“ขอบคุณครับ”
เอกภพตามหาต่อไป
มะเฟืองเช็คเวลา...ชะโงกหน้าออกไปมอง ไม่เห็นเอกภพอยู่แถวนั้น
“โอเค ฉันจะพาพ่อกลับบ้านล่ะนะ อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะพ่อ ห้ามพูดเด็ดขาด เข้าใจใช่ไหม”
วันชัยพยักหน้า ถอนใจเซ็งๆ มะเฟืองเข็นรถพ่อออกไป
งามเนตรกลับมาถึงบ้าน หลังเลิกงาน เธอร้องเรียกพ่อ...
“กลับมาแล้วจ้ะพ่อ”
บ้านว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่
“พ่อจ้ะ...พ่อ...พ่ออยู่ไหนจ้ะ”
งามเนตรเดินหา
“พ่อ...”
หญิงสาวชักใจไม่ดีเมื่อหาพ่อไม่เจอ วิภากลับเข้ามาบ้านมาหน้าตาอารมณ์เสีย
“หมดกัน มีเท่าไหร่ถูกกินหมด ไม่ได้คืนซักบาท ฮึ่ย...วันนี้มันวันซวยจริงๆ”
งามเนตรออกมาเจอวิภาก็รีบถาม
“น้าวิภา พ่อล่ะจ้ะ พ่อไปไหน”
“ฉันจะไปรู้เหรอ ฉันก็เพิ่งกลับมาเนี่ย ตาบอดรึไง”
“แล้วพ่อไปไหน”
วิภาหงุดหงิด
“โอ๊ย มันจะไปไหนได้ ง่อยเปลี้ยเสียขาอย่างนั้น ยังไงมันก็ต้องอยู่ในบ้านนี่แหละ โวยวายไปได้”
วิภาเดินเข้าบ้านไป ไม่ใส่ใจ งามเนตรร้อนใจมาก เธอตัดสินใจออกไปนอกบ้าน...หญิงสาวไปถามข้างบ้านและถามบ้านอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครเห็น เธอหาไปรอบๆจนเหนื่อยหน้ามืด
เอกภพขับรถมาตามถนนใกล้ถึงบ้าน มะเฟืองเริ่มวอกแวก
“เอ่อ...คุณภพคะเดี๋ยวส่งมะเฟืองกับพ่อที่ถนนเข้าหมู่บ้านก็ได้ค่ะ”
“อ้าว...ทำไมล่ะครับ”
มะเฟืองคิดหาเหตุผลไม่อยากให้เขาเห็นบ้าน
“เอ่อ...ทางมันแคบน่ะค่ะ...แล้วอีกอย่างมะเฟืองอยากให้คุณพ่อได้ออกกำลังกายระหว่างทางด้วยค่ะ”
เอกภพพยักหน้า
“อ๋อ...งั้นก็ได้ครับ ถ้าจะลงตรงไหนบอกนะครับ”
รถของเอกภพขับมาตามทางจนถึงแยก งามเนตรเดินมาตามทางด้วยความเหนื่อยอ่อนโผล่มาพอดีกับที่รถเอกภพโผล่มา งามเนตรเห็นรถวิ่งมาตาเริ่มเบลอหน้ามืด เอกภพมองเห็นหน้าว่าเป็นงามเนตรรีบเบรกรถทันที งามเนตรล้มฟุบลงกลางแยกเอกภพตกใจ
“เนตร!”
มะเฟืองเองก็ตกใจ
“นังเนตร!”
มะเฟืองแปลกใจที่เอกภพรู้จักเนตร เอกภพรีบลงจากรถไปประคอง
“เนตร...เป็นอะไรหรือเปล่าเนตร”
มะเฟืองรีบตามลงไป
“นี่...คุณรู้จักมัน...เอ้ย...เขาด้วยเหรอคะ”
เอกภพตอบโดยไม่หันมามองมะเฟืองห่วงแต่งามเนตร
“ครับเรารู้จักกัน”
มะเฟืองไม่สนใจพี่สาวเลย
“คุณรู้จัก...ได้ยังไง”
เอกภพเป็นห่วงงามเนตรที่สลบอยู่
“ผมว่าพาเนตรไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า แถวนี้มีโรงพยาบาลหรือคลินิกอะไรใกล้ๆมั๊ยครับ”
มะเฟืองอารมณ์เสีย
“โอย...อาการแบบนี้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอกค่ะ พักแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็หาย มะเฟืองเป็นออกบ่อยไป”
วันชัยพ่อชะโงกหน้าดูด้วยความเป็นห่วง
“มะเฟือง เนตรเป็นอะไร พาพ่อลงไปดูพี่เขาหน่อย”
มะเฟืองหันไปดุ
“ไม่ต้องลงมาหรอกพ่อ แค่เป็นลมน่ะลูกพ่อไม่ตายง่ายๆหรอก...”
เอกภพอึ้งมองหน้ามะเฟือง
“เอ่อ...คุณเป็น...”
“พี่สาวฉันเอง”
เอกภพหันมองพ่อและมองมะเฟืองอึ้งๆ ชายหนุ่มหันมาเป็นห่วงงามเนตรที่ยังสลบอยู่
“จริงสิ...คุณบอกว่าใกล้ถึงบ้านคุณแล้วนี่ ผมว่าเราพาเนตรกลับบ้านก่อนดีกว่า”
มะเฟืองอึกอักไม่อยากให้ไปบ้าน
“เอ่อ...อย่าเลย...คือ...ทางมันแคบ...เอ่อแล้วก็...”
ยังไม่ทันที่มะเฟืองจะพูดต่อเอกภพก็ตัดบท
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะขับรถไปเท่าที่พอเข้าไปได้ ถ้าไม่ได้จริงๆผมจะอุ้มเนตรเข้าไปเอง”
เอกภพอุ้มงามเนตรขึ้นรถ มะเฟืองงงๆอึ้งๆด้วยความหงุดหงิดที่เห็นเขาใส่ใจพี่สาวจนออกนอกหน้า
“โธ่เอ้ย...อีตัวซวย...มาเป็นลมอะไรที่นี่วะ”
มะเฟืองหมั่นไส้
เมื่อได้มานอนพักที่บ้าน งามเนตรค่อยๆ ฟื้นขึ้นมามองเห็นพ่อก็ดีใจ
“พ่อ...พ่อหายไปไหนมาคะ”
พ่อยังไม่ทันตอบ มะเฟืองรีบพูดขึ้นทันที
“มะเฟืองพาพ่อไปเดินเล่น ขากลับมาเห็นพี่เป็นลมที่กลางถนน ดีนะที่เราผ่านมาพอดีถ้าไม่ได้คุณเอกภพล่ะก็แย่เลย”
งามเนตรงงๆหันมองอีกด้านหนึ่งเห็นหน้าเอกภพที่ยิ้มให้เธอ งามเนตรตกใจคิดไม่ถึงว่าจะเจอเขาที่บ้าน
“คุณภพ”
“คุณดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย”
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ”
มะเฟืองแปลกใจในท่าทีของสองคน
“นี่รู้จักกันด้วยเหรอคะ”
เอกภพยิ้ม
“ครับ”
งามเนตรพยายามส่งสายตาอย่าพูดอะไรมากกว่านี้ พ่อหันมาถาม
“ทำไมถึงเป็นลมไปล่ะ”
“อยู่ๆก็หน้ามืดไปน่ะค่ะ ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ”
พ่อโล่งใจ
“เนตรไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“คุณภพเดี๋ยวเนตรไปเอาน้ำมาให้นะคะ”
งามเนตรจะออกไปเอาน้ำ มะเฟืองรีบอาสาไปเอาให้เองสร้างภาพ
“เดี๋ยวมะเฟืองเอาให้เอง พี่พักก่อนดีกว่า”
มะเฟืองออกไป พ่อแปลกใจสงสัย
“เนตรไปรู้จักกับคุณภพเขาได้ยังไงกันล่ะ”
เนตรอึกอักตอบไม่ถูก เอกภพตอบแทน
“เรารู้จักกันมา 3 ปีแล้วล่ะครับ แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้เข้ามาสวัสดีคุณพ่อเลย”
พ่อตกใจ
“3 ปี”
งามเนตรหน้าเสีย
“เอ่อ...คือ...”
“เราคบกันมา 3 ปี แล้วครับ” เอกภพบอกไปตามตรง
มะเฟืองถือแก้วน้ำจะมาเสิร์ฟได้ยินช็อคอึ้งทำแก้วหลุดมือแตก แพล๊ง ทุกคนตกใจ
“เดี๋ยวเนตรไปดูเองค่ะ”
มะเฟืองยืนนิ่งเจ็บใจด้วยความแค้นอยู่หลังบ้าน
“เป็นแฟนกันอย่างนั้นเหรอ ไม่จริง”
งามเนตรเดินเข้ามาเห็นแก้วที่แตกอยู่ที่พื้น มองหามะเฟืองเห็นมะเฟืองยืนอยู่หลังบ้านรีบเข้ามาหา
“มะเฟืองเป็นอะไรหรือเปล่าพี่ได้ยินเสียงแก้วแตก”
มะเฟืองหันมองตาขวางใส่
“ทำไม แกอยากให้ฉันเป็นอะไรไปงั้นเหรอ”
งามเนตรชะงัก
“พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นนะ”
“แล้วแกคิดอะไร...ทำไมแกต้องปิดบังเรื่องผู้ชายคนนั้นด้วย...ทำไม แกโกหกใช่มั๊ย”
งามเนตรงงไม่เข้าใจที่น้องสาวพูด
“ทำไมพี่จะต้องโกหกด้วย”
“ก็โกหกเพื่อเอาตัวรอด แล้วออกไปจากที่นี่ไง”
“มะเฟืองเข้าใจพี่ผิดนะพี่ไม่เคยคิดจะทิ้งใครๆ”
“แล้วทำไมแกไม่เคยพูดเรื่องผู้ชายคนนี้เลย...ทำไม...แกจะปิดทำไม ทำเป็นติ๋มๆที่แท้ก็ร่านแบบนี้นี่เอง”
งามเนตรเสียใจ มะเฟืองพูดให้พี่สาวรู้สึกผิด
“เนี่ยเหรอลูกสาวที่พ่อรักนักรักหนาที่แท้ก็อยากมีผัวจนตัวสั่นเพื่อที่จะได้ไปให้พ้นจากพ่อที่พิการไปจากบ้านสัปรังเคหลังนี้” มะเฟืองเกรี้ยวกราด “แกคิดแบบนี้ใช่มั๊ย อีพี่ใจดำอีคนเห็นแก่ตัวฉันเกลียดแก”
มะเฟืองพูดด้วยความโกรธแล้วตบพี่สาวเต็มแรงจนล้มลง ก่อนจะเดินออกไปด้วยความโกรธ งามเนตรเสียใจกับคำพูดของน้องสาว
วันชัยมองหน้าเอกภพถามตรงๆ
“เนตรไม่เคยเล่าเรื่องคุณ ให้ผมฟังเลย”
“เนตรคงกลัวคุณพ่อไม่สบายใจน่ะครับ ผมต้องขอโทษแทนเนตรด้วยนะครับ”
เสียงวิภาดังมาแต่ไกล
“อ้าว...อ้าว...นังมะเฟืองจะรีบไปไหน”
พ่อกับเอกภพหันมองตามเสียง วิภาก้าวมาที่หน้าบ้านปากก็ยังหันด่ามะเฟืองไปถอดรองเท้าไป
“ตกเย็นเป็นไม่ได้ออกหากินตลอด นังนี่มันเป็นค้างคาวหรือยังไงกันนะ”
พ่อกระแอมให้วิภารู้สึกตัวว่ามีแขกในบ้าน
“อ่ะแฮ่ม...”
วิภาหันมาเมื่อได้ยินเสียงหน้ายังเหวี่ยงๆอยู่ แล้วหันมาเจอว่าในห้องไม่ได้มีแค่วันชัยก็รีบปรับสีหน้าเป็นปกติ
“อ้าว...”
วันชัยบอกกับเอกภพ
“นี่วิภา แม่ของมะเฟืองน่ะ”
“สวัสดีครับ”
วันชัยหันมาหาวิภา
“นี่ คุณเอกภพ เป็น...แฟนของเนตรน่ะ”
วิภาอึ้งๆรีบปรี่เข้าไปนั่งร่วมวง
“เป็นแฟน...เลยเหรอคะ”
เอกภพยิ้มรับ วิภาหันมองหน้าวันชัย
“โอ๊ย แบบนี้คุณคงจะดีใจแทบหายพิการเลยล่ะสิ ที่ลูกสาวขายออกน่ะ”
วิภามองสำรวจเอกภพ
“แล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ ทำงานอะไร หรือว่าทำงานที่เดียวกัน แม่ลูกเลี้ยงของฉันถึงได้เล่นหูเล่นตาใส่เอาได้น่ะ”
เอกภพอ้ำอึ้ง
“เอ่อ...”
วันชัยหันไปทำตาดุให้วิภาเงียบ
“นี่...ถ้ามีอะไรทำก็ไปทำเถอะ”
“อ่ะนี่ไล่ฉันเหรอ...ทำไม...มีความลับอะไรจะคุยกันรึไง ถึงให้ฉันอยู่ด้วยไม่ได้”
วันชัยส่งสายตาดุใส่
“นี่คุณ”
งามเนตรเดินถือถาดน้ำเข้ามาพอดี วิภาหันมองเหยียดๆ
“ไปก็ได้ เชอะ...น้ำหน้าอย่างหล่อนน่ะ จับไว้ให้นานๆนะ อย่าให้หลุดมือไปล่ะ เสียดายของ”
วิภาเดินหัวเราะขำๆออกไป งามเนตรเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“ดื่มน้ำก่อนนะคะ”
เอกภพช่วยเธอยกแก้วน้ำ วันชัยมองยิ้มๆ
“ต้องขอโทษทีนะ คนที่บ้านนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณพ่อ ครอบครัวของเนตรก็เหมือนครอบครัวของผมอยู่แล้วครับ”
เอกภพมองหน้าคนรักแล้วยิ้มให้ งามเนตรเขินๆ
มะเฟืองหนีมาหาดาวฟุบหน้าที่โต๊ะหน้ากระจกเสริมสวย
“อ๊ายย”
ดาวสะดุ้ง
“อะไรๆ มะเฟือง เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรมะเฟือง”
“อ๊ายย...อีบ้า...อีบ้าๆๆๆๆๆๆ”
มะเฟืองโวยวายเสียงดัง ดาวชักโมโห
“นังมะเฟืองแกจะโวยวายอีกนานมั๊ย ทำเหมือนชะนีถูกแย่งผัวไปได้”
มะเฟืองแค้น
“ก็เพราะถูกแย่งผัวน่ะสิ”
ดาวตกใจ
“ห๊า...ถูกแย่งไอ้ฉลามไปเนี่ยนะ”
“อีบ้า...ไอ้ฉลามที่ไหนล่ะ”
ดาวงงๆ
“อ้าว...แล้วใครวะ”
“ฉันหมายถึง คุณเอกภพ ต่างหาก”
ดาวแปลกใจ
“แล้วเขาไปเป็นผัวแกเอาตอนไหนวะ”
มะเฟืองอารมณ์เสีย
“ผัวในอนาคต”
“อ๋อ...เข้าใจแร๊ะถูกแย่งว่าที่ผัวในอนาคตไป...แหม อยากรู้จริงๆเลยว่าชะนีหน้าไหนที่มาคาบเอาผู้ชายในฝันของเพื่อนสาวฉันไปน่ะ”
มะเฟืองสายตาเครียดแค้น
“ก็อีนังเนตร พี่สาวฉันไง”
ดาวตกใจ มองหน้ามะเฟืองที่ใจร้อนรุ่มด้วยความแค้น
งามเนตรกราบขอโทษวันชัย
“เนตรขอโทษที่ปิดบังพ่อนะจ๊ะ”
วันชัยยิ้มให้ลูกสาว
“พ่อเข้าใจ จำไว้นะเนตร สำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปว่าความสุขของลูกหรอกนะ”
งามเนตรกอดพ่อที่เข้าใจเธอ เอกภพยิ้มดีใจ
“คุณพ่อครับ ผมรักเนตรผมจะดูแลเนตรให้ดีที่สุด และจะไม่มีวันทิ้งเนตรไปไหนอย่างเด็ดขาด ผมสัญญาครับคุณพ่อ”
วันชัยยิ้มให้ชายหนุ่มแล้วหันมาบอกกับลูกสาว
“เนตร...ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อ”
วันชัยลูบหัวลูกสาว งามเนตรยิ้มมีความสุข
“ถ้าดวงใจของพ่อมีความสุข พ่อก็มีความสุข”
งามเนตรกอดพ่ออีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
วันชัยหันไปหาเอกภพ
“บ้านนี้ยินดีต้อนรับนะ”
เอกภพยกมือไหว้
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”
วันชัยยิ้มให้ทั้งสองคน
“เนตรพาพ่อไปส่งที่ห้องที เผื่อลูกจะได้คุยกัน”
“ค่ะพ่อ”
งามเนตรกำลังจะเข็นพ่อออกไป เอกภพลุกขึ้นมาด้านหน้ารถเข็น
“คุณพ่อครับ...ผมจะขออนุญาต แต่งงานกับเนตรครับ”
วันชัยอึ้ง งามเนตรตกใจ
“คุณภพ…”
เอกภพหน้าตามุ่งมั่นยกมือไหว้
“ผมพร้อมที่จะรับผิดชอบเนตรครับ”
วันชัยมองหน้าที่จริงจังของชายหนุ่มแล้วหันมองหน้าลูกสาว งามเนตรกลัวว่าพ่อจะเสียใจรีบปรับอารมณ์ให้พ่อผ่อนคลายจากอาการตกใจลง เธอลงนั่งต่อหน้าพ่อข้างๆเอกภพแล้วจับเข่าพ่อ
“พ่อคะ...ที่คุณภพพูดไม่ได้หมายถึงวันนี้พรุ่งนี้หรอกนะคะ พ่ออย่าเป็นกังวลเลยนะคะ”
วันชัยจับมือลูกสาวแล้วเอื้อมมือจับมือของชายหนุ่ม เอกภพกับงามเนตรมองตากันแล้วหันมองพ่อที่นิ่งงัน วันชัยจับมืองามเนตรมาวางลงที่มือของเอกภพ แล้วยิ้มพูดกับว่าที่ลูกเขย
“พ่อฝากเนตรด้วย”
เอกภพกับงามเนตร มองหน้าพ่อน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบคุณครับ...คุณพ่อ”
สองคนก้มลงกราบแทบเท้าพ่อ วันชัยมองดูสองคนปลื้มใจอย่างที่สุด
มะเฟืองเล่าเรื่องงามเนตรเอกภพอย่างแค้นๆ ดาวถามอย่างอยากรู้มาก
“แล้วงี้ถ้าพี่สาวแกแต่งงานออกไป ใครจะมาคอยดูแลพ่อ และรับใช้ แม่แกวะ ถ้าหวังพึ่งแก ก็คงเป็นไปไม่ได้”
“ฮึ่ย...ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ ต่อให้พ่อดิ้นตายอยู่ตรงหน้า ฉันยังไม่สนเลย”
“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ ไหนแกว่าพี่สาวแกเฉิ่มๆ ติ๋มๆ ไง เป็นไงล่ะเปิดตัวแฟนซะแกหงายหลังเลย”
“ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้นะ ทำไมผู้ชายดีๆ แสนจะเพอร์เฟ็คอย่างเขาต้องมารักนังเฉิ่มบ้านั่นด้วย โอ๊ย...ฉันอยากจะบ้าตาย ทำยังไงดี ช่วยฉันคิดหน่อยสิ”
“ใจเย็นๆ ตอนนี้เขาแค่เป็นแฟนกัน ยังไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อย”
“แกหมายความว่าไง”
“ถ้าแกอยากได้เขามากนัก ก็แย่งมาสิ”
“แย่ง”
“ใช่...แย่งมาซะก่อนที่มันจะสายเกินไป ก่อนที่เขาจะแต่งงานกับพี่สาวแก”
มะเฟืองเริ่มมีความหวังขึ้นมาทันที
ค่ำนั้น...เมื่อเอกภพกลับมาบ้านเขาได้บอกเรื่องที่เขาของามเนตรแต่งงานให้ภัสสรฟัง ทันทีที่รู้ก็โวยลั่น
“ไปขอพ่อเขาแล้วเหรอ บ้าจริงตาภพ ทำเป็นคนไม่รู้จักธรรมเนียมไปได้ เรื่องสู่ขอมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่สองฝ่ายเขาคุยกัน แกต้องให้แม่เป็นคนไปขอ มันถึงจะถูก”
“ขอโทษครับคุณแม่ ไหนๆ เรื่องมันก็เปิดเผยแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสพูดไปน่ะครับ”
“เอาเถอะ ไหนๆ ก็ขอไปแล้ว งั้นแม่จะจัดการเรื่องหาฤกษ์ให้เอง คราวนี้แกไม่ต้องมายุ่ง แม่ขอลงมือเอง”
“ขอบคุณครับคุณแม่”
“นี่แม่เห็นว่าหนูเนตรเขาเป็นคนคนดีหรอกนะ ถึงได้ยอมง่ายๆ”
“ขอฤกษ์ที่เร็วที่สุดเลยนะครับ ผมอยากแต่งเร็วๆ จะได้มีหลานให้คุณแม่เร็วๆ”
“ขอให้จริงเถอะ แม่อยากเลี้ยงหลานจะแย่อยู่แล้ว”
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
บัวตกใจเมื่อรู้เรื่องเอกภพจะแต่งงานจากชม
“อะไรนะ ถึงขั้นจะไปดูฤกษ์กันแล้วเหรอ”
“ก็เออน่ะสิ ดูฤกษ์หมั้นเลิกแต่ง จองโรงแรม ตัดชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว พิมการ์ด เชิญแขก โอ๊ย เรื่องใหญ่อยู่อีกเพียบ”
บัวหน้างอ
“แล้วถ้าไม่มีฤกษ์ล่ะ ถ้าเกิดไปหาฤกษ์แล้วพระท่านบอกว่าไม่ใช่เนื้อคู่กัน จะทำยังไง”
“โอ๊ย เขาคบหาดูใจกันมาตั้งสามปีแล้ว เนื้อคู่กันชัวร์ๆ ทำไม แกมีปัญหาอะไร อย่าบอกนะว่าอยากเป็นเจ้าสาวซะเอง”
บัวนิ่งไปไม่ยอมพูดอะไร ชมมองหน้า
“อย่าไปฝันเล้ย คุณภพกับแกมันคนละฉัน ถ้าจะหวังก็อย่าหวังให้มันสูงนักเลยวะ หวังอะไรที่มันพอจะเป็นไปได้เถอะ”
“หวังอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง บ้าสิ...ไม่ได้คิดอะไรกับคุณภพซะหน่อย ไม่ใช่สเป็ค!”
บัวบอกไปอย่างนั้น แต่ในใจหงุดหงิดมาก
มะเฟืองกับดาวไปดื่มเหล่าด้วยกันในผับเล็กๆ เมื่อเมาแล้วก็เดินโซเซไปที่ตู้เพลง เพลงรักอกหักดังขึ้น มะเฟืองแหกปากร้องตามเสียงดัง ดาวทนไม่ไหว อายคนต้องไปลากตัวกลับมาที่โต๊ะ
“แกจะบ้าเหรอ ทำอะไรลงไป อายคนอื่นเขาบ้างสิ”
“อายทำไม ก็คนมันช้ำอ่ะ”
“แค่อกหัก ไม่จำเป็นต้องประกาศให้คนอื่นเขารู้หรอก แล้วที่สำคัญ แกก็มีไอ้ฉลามอยู่ทั้งคน อย่าลืมสิ”
“อย่าพูดถึงมันได้ไหม ได้ยินชื่อแล้วอารมณ์เสีย ก็เพราะมีผู้ชายแบบมันเป็นแฟนนี่แหละ ฉันถึงต้องคอยนอกใจ มองหาคนอื่น ฉันไม่อยากถูกมันซ้อมไปจนแก่ตายหรอก”
ฉลามมาถึงก็ตรงเข้ามาหามะเฟือง
“มะเฟือง ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
มะเฟืองเบ้หน้า
“ก็ไม่อยากรับ”
“ทำไม อยากเจ็บตัวงั้นเหรอ”
“เอาสิ เอาเลย ให้คนอื่นเขารู้กันไปเลยว่าแกมันเก่งแต่รังแกผู้หญิง ไอ้หน้าตัวเมีย”
ฉลามโกรธจี๊ด
“อีมะเฟือง”
ฉลามจะตบ ดาวเข้ามาขวาง
“อย่านะ”
“หลบไป มึงอยากโดนอีกคนเหรอ”
ฉลามผลักดาวออกไป แล้วกระชากตัวมะเฟือง
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะทำไม่รับโทรศัพท์ มึงอยู่กับชู้ใช่ไหม”
ดาวเถียงแทน
“ชู้บ้าบออะไรกัน...ไม่มี”
ฉลามหันไปขี้หน้า
“มึงหุบปากไปเลย ผัวเมียเขาจะทะเลาะกัน อย่ามาแส่”
มะเฟืองพรวดออกมาทันที
“มึงน่ะแหละอย่ามาแส่!”
ดาวรีบห้าม
“อีมะเฟือง อย่าหาเรื่องน่า”
“หนีมาเมาคนเดียว โทรศัพท์ก็ไม่รับ มีชู้ชัดๆ ทำไม มึงถูกชู้ทิ้งเหรอถึงได้เมาเป็นหมาแบบนี้”
มะเฟืองฟังแล้วปรี๊ดแตกตบหน้าฉลามฉาดใหญ่
“อีมะเฟือง”
ฉลามหันกลับมาจ้องหน้า
“เดี๋ยวนี้มึงกล้าตบกูเหรอ”
“มะเฟือง ไปเร็ว”
ดาวกระชากแขนมะเฟืองให้วิ่งหนี
“เร็วๆ สิ อยากโดนมันซ้อมตายรึไง ไปเร็วๆ”
ดาวลากมะเฟืองที่เมาขาปัดขาเป๋หนีไป ฉลามโมโหมาก
“มึงคิดเหรอว่าจะหนีกูพ้น”
ดาวลากมะเฟืองหนีมาในซอย
“เร็วๆ เข้าสิ แกอยากตายเหรอ ไปตบหน้ามันทำไม”
“ก็มันปากหมาก่อนทำไมล่ะ”
“แล้วมันคุ้มกันไหม แกตบมันได้ทีเดียวแลกกับโดนมันซ้อมไส้แตก คุ้มกันไหมอีโง่”
เสียงมอเตอร์ไซด์ดังมา ดาวหน้าตื่น
“ต้องเป็นมันแน่ๆ หลบก่อนเร็ว”
ดาวดึงมะเฟืองเข้าไปหลบในซอก รถฉลามผ่านไป ดาวรีบดึงมะเฟืองออกมา
“ไปเร็ว รีบไป”
ดาวลากมะเฟืองมาถึงร้าน
“เข้ามาเร็วๆ เข้าสิ ดีนะที่แม่ฉันไม่อยู่ ไม่งั้นเมาหึ่งขนาดนี้ แกถูกเฉดหัวออกไปแน่ เข้ามา”
ดาวพามะเฟืองเข้าร้านไป
มะเฟืองอ้วกอยู่ในห้องน้ำ ดาวบ่น
“กี่รอบแล้วเนี่ย อ้วกให้มันหมดๆ ไปซะทีสิ จะมาอ้วกทั้งคืนไม่ได้ นอนกันพอดี”
มะเฟืองเดินออกมา…ล้มตัวลงนอนบนเตียงดาว หน้าตามึนหมดแรง
“ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ ทำไมต้องเป็นมัน ทำไมไม่เป็นฉัน”
“ของแบบนี้มันพูดยาก เขาอาจจะชอบผู้หญิงนิ่งๆ เหมือนพี่แกก็ได้”
“ไม่มีทาง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้ชายที่ไหนชอบผู้หญิงอย่างมัน”
“ทำใจเถอะวะมะเฟือง ถือซะว่าแกซวยก็แล้วกัน ดันไปปิ๊งผู้ชายที่เขามีแฟนแล้ว แถมแฟนเขาดันมาเป็นพี่สาวแกอีก จบข่าว นอนซะ”
ดาวพลิกตัวหันหลังให้ ตั้งท่าจะหลับ มะเฟืองไม่ยอมนอน ในใจครุ่นคิดถึงแต่เรื่องของเอกภพกับงามเนตร
ทางด้านฉลามกลับมานั่งในผับ กระแทกแก้วเหล้าปัง!
“คอยดูนะมึง ใครกล้ามาแย่งผู้หญิงของกู กูจะเล่นให้แหลกเลย อย่าให้กูเจอแล้วกัน”
ฉลามฮึ่มฮั่ม แววตาร้ายเอาเรื่อง
งามเนตรออกมารอมะเฟืองที่หน้าบ้าน คอยชะเง้อมอง
“ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ…” หญิงสาวกดมือถือ “เฮ้อ ปิดโทรศัพท์ด้วย”
วันชัยพ่อออกมาเรียกที่ประตู
“เนตรเอ้ย เนตร”
“จ้ะพ่อ”
“ทำไมป่านนี้ยังไม่นอน”
“เนตรรอมะเฟืองนะจ้ะพ่อ”
“ป่านนี้แล้วคงไปนอนบ้านเพื่อนเหมือนเคยน่ะ”
งามเนตรท่าทางกลุ้มใจจนพ่อผิดสังเกต
“มีอะไรรึเปล่า”
“คือ…เนตรมีเรื่องต้องคุยกับน้องน่ะจ้ะ”
“เรื่องอะไรเหรอลูก”
งามเนตรอึ้งๆ ในหัวคิดไปถึงตอนที่มะเฟืองตบหน้าตัวเอง...มะเฟืองพูดให้เธอรู้สึกผิด
“เนี่ยเหรอลูกสาวที่พ่อรักนักรักหนาที่แท้ก็อยากมีผัวจนตัวสั่นเพื่อที่จะได้ไปให้พ้นจากพ่อที่พิการไปจากบ้านสัปรังเคหลังนี้” มะเฟืองเกรี้ยวกราด “แกคิดแบบนี้ใช่มั๊ย อี่พี่ใจดำอีคนเห็นแก่ตัวฉันเกลียดแก”
มะเฟืองพูดด้วยความโกรธแล้วตบพี่สาวเต็มแรงจนล้มลง
งามเนตรจับแก้มตัวเอง แล้วตอบพ่อ
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะพ่อ เนตรว่าพ่อเข้านอนก่อนดีกว่านะคะเดี๋ยวเนตรไปส่ง...ไปค่ะ”
งามเนตรเข้าไปเข็นรถพ่อเข้าในบ้าน หันมองประตูบ้านด้วยความเป็นห่วงน้อง
มะเฟืองหันหลังอยู่ เสียงเอกภพดังขึ้น
“มะเฟือง”
มะเฟืองหันขวับกลับมา พอเห็นว่าเป็นเอกภพก็ดีใจ น้ำตาไหล รีบวิ่งเข้าไปหา
“คุณภพ”
“ขอโทษนะมะเฟือง ผมขอโทษ”
“มันไม่จริงใช่ไหมคะคุณเอกภพ บอกมะเฟืองสิคะว่ามันไม่จริง คุณภพยังโสด ยังไม่มีใคร คุณใจดีกับมะเฟืองขนาดนี้เพราะคุณสนใจมะเฟือง”
เอกภพเงียบไป
“ตอบมาสิคะ ตอบมะเฟืองสิคะ ตอบมาสิ”
มะเฟืองฝันละเมอออกมาเสียงดัง
“ตอบมาสิ บอกว่าให้ตอบมา”
ดาวงัวเงีย
“อะไรของแกวะมะเฟือง”
มะเฟืองงงๆ พยายามตั้งสติ รู้ว่าตัวเองฝันไป
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ฝันน่ะ”
“แล้วไป”
ดาวหลับต่อ มะเฟืองหลับไม่ลง ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่มุมหนึ่งของระเบียงถอนใจหน้าตาเจ็บแค้นมาก
“คนอย่างฉันไม่มีวันแพ้คนอย่างแกหรอกนังเนตร ยังไงฉันก็ต้องเอาชนะแกให้ได้”
โปรดติดตาม "น้องเมีย" ตอนที่ 5 พรุ่งนี้ 9.00 น.