xs
xsm
sm
md
lg

มนต์รักตลาดสด ตอนที่ 3-4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มนต์รักตลาดสด ตอนที่ 3

อาซ้ง กับเจ๊แต๋วเป็นพ่องานแม่งานกำลังคอยดูแลการจัดสถานที่อยู่...อาซ้งดูเรื่องจัดโต๊ะกับไฟวิบวับ...อีกด้านเจ๊แต๋วดูแลอาหารที่กำลังนำมาส่ง เป้งกับต๋อยเดินกร่างเข้ามาในงาน เป้งหาเรื่องอาซ้ง

“เฮีย...ทำงี้กับผมได้ไง”
“อะไรของลื้อวะ”
“ในตลาดนี้ ผมหน้าตาดีสุด หน้าที่การงานก็มี ผมอยู่มากี่ปีแล้ว เฮียไม่เคยเลี้ยงวันเกิดให้ผม แต่ไปเลี้ยงได้หอยดวงทุกปี น้อยใจนะเนี่ย”
“สองมาตรฐานชัดๆ”
“นี่แน่ะ สองมาตรฐาน!”
อาซ้งยันโครมพร้อมกับตวาดสั่ง
“ไปเลยไป ไปยกโต๊ะมาให้หมด...ไป”
เป้งกับต๋อยถอยออกไปอย่างฮึดฮัด
เป้งหันมาขู่อาซ้ง
“ปีหน้าถ้ายังทำงี้อีก มีเรื่อง เฮ้ย...ไอ้ต๋อยไปโว๊ย”
ต๋อยทำท่ากวนๆจะเดินออกไปแต่หันเห็นเป้งเดินไปอีกทาง
“ลูกพี่กลับทางนี้”
เป้งเขกหัวต๋อยดังป้าป
“กลับอะไรล่ะ...ไปยกโต๊ะดิ...ไม่ได้ยินเฮียสั่งหรือไง”
ต๋อยงงๆ
“เอ๊า...ไรวะ”
โป้งกับต๋อยกำลังช่วยกันยกโต๊ะมาตั้ง อาซ้งสั่งอีก
“เอาโต๊ะมาเพิ่มอีกสิ แค่นี้มันจะไปพออะไร ไม่ใช่โต๊ะจีนลิงนะ จะได้หยิบๆ แล้วปีนขึ้นไปกินบนเสาไฟฟ้า”
ต๋อยบ่น
“ป้าเธ่อ...มันเหนื่อยนะคร้าบ แบ่งงานไม่ยุติธรรม มันก็ต้องเห็นใจกันบ้าง”
อาซ้งส่ายหน้าเซ็ง...เจ๊แต๋วนำหน้าทีมแม่ครัวยกกับข้าวเข้ามา
“ยกมาๆ ยกมาให้หมด งานนี้จัดเต็ม จัดหนัก ถ้าไม่รักไม่กล้าจัดถึงขนาดนี้”
อาซ้งแขวะ
“ทุเรศน่าอาแต๋ว อาดวงมันเพิ่งจะยี่สิบฝ่าๆ ลื้อจะไปรักมันทำไม สงสารมันบ้างสิ”
เจ๊แต๋วหันมาแว๊ดใส่
“ไม่ต้องมายุ่งกับอั๊วเลยนะอาซ้ง จัดไข่ของลื้อไปเถอะ เดี๋ยวก็เน่าอีกหรอก”
อาซ้งสะดุ้ง
“ฮึ่ย ขงไข่อะไรเล่า อั๊วกำลังจัดโต๊ะอยู่ ลื้อนี่มันปากคอไม่น่ารักอย่างนี้น่ะสิ อาสรพงษ์อีถึงไม่เอา”
เจ๊แต๋วไล่เอาถาดฟาดอาซ้ง ตีกันผัวะผะๆๆ
“โอ๊ย...อั๊วพูดความจริง ลื้อจะมาโกรธทำไมวะ โอ๊ย...เจ็บนะเว้ย โอ๊ยๆๆๆ อาจารุณีช่วยด้วย”

เย็นนั้น...ที่ร้านเสริมสวย เฉียดสวย เสียงอั้มดังลั่นออกมานอกร้าน
“และผู้ชนะเลิศแห่งค่ำคืนนี้ได้แก่...”
อั้มแต่งตัวทำผมแต่งหน้าเสร็จแล้ว แต่งชุดราตรีเต็มที่กำลังอ้าแขนหน้าตาระรื่นเตรียมประกาศ
“แท๊นแท้นแทน...แท่นแท้นแท๊น...นางสาว...”
ทันใดนั้นก็มีขวดสเปย์ขว้างมาโดนหัว อั้มเซไป
“แอร๊ยย”
ลั้นลาแสร้งทำหน้าตาตะหนกตกใจ
“ต๊ายยย...ไม่ได้ตั้งใจ...โทษทีนะ เห็นว่าไม่มีไมค์ก็เลยจะโยนให้นึกว่าจะคาบทัน”
“คนน๊ะไม่ใช่แมว จะคาบได้ยังไง...แกเห็นฉันสวยเลยจะแกล้งฉันใช่มั๊ยล่ะ”
ลั้นลาหมั้นไส้
“ช่าง...กล้าพูด...สวยตรงไหนยะหล่อน...”
ลั้นลาเดินเข้าไปหาเจ๊เฉียดที่กำลังเก็บไดร์เป่าผมอยู่ ลั้นลาเดินมานั่งลงที่เก้าอี้หน้ากระจก
“เจ๊เฉียด...วันนี้จัดเต็ม จัดหนักๆเลยนะ เอาให้อายกันไปข้างนึงเลย”
“แหม...ปกติเจ๊ก็จัดให้เต็มอยู่แล้วล่ะ...แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญบารมีโครงสร้างหนังหน้าของแต่ละคนด้วยนะ...ว่าจะรับได้แค่ไหน”
ลั้นลาค้อนขวับเข้าให้
“อีเจ๊...ใครให้ออกความคิดเห็น...ทำไป”
เจ๊เฉียดสะดุ้ง อั้มหัวเราะร่านำมาก่อนเลย
“แทงใจดำล่ะสิ...แกกับฉันโครงสร้างบุญบนใบหน้ามันผิดกันเว้ย...”
อั้มหัวเราะหุๆๆๆ ลั้นลามองหน้า อั้มรีบบอก
“อ๊ะๆๆ...ห้ามลอกเลียนแบบสไตล์ของฉันนะ ฉันสงวนลิขสิทธิ์”
ลั้นลาที่นั่งให้เจ๊เฉียดสางหัวอยู่ปรี๊ดขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้อย่างแรง
“เจ๊...ของฉันเอาเกาหลีๆจัดๆ เลยนะ หน้าผมเชยๆ อย่างนังอั้ม ฉันไม่เอาเด็ดขาด”
“นังลั้นลา คิดเหรอว่าแค่ทรงผมจะมาเอาชนะยังไงคืนนี้สายตาของพี่ดวงก็ต้องจับจ้องมาที่ฉันคนเดียว คนอื่นอย่าได้หวัง ไม่อยู่ในสายตาพี่ดวงแน่นอน”
“แกอย่าได้ประมาทฉันเชียว ฉันน่ะตัวเก็งตลอด ตัวเก็งทุกปี”
“แต่ไม่เคยได้สักปี เฮะๆๆๆ ตัวเก็งหรือว่าตัวเกร็งกันแน่ยะ เฮะๆๆ”
“เดี๋ยวรู้ เดี๋ยวได้รู้แน่ เจ๊เฉียด เอาเฉียดใกล้ๆ เลยนะคืนนี้ อย่าเฉียดให้ห่างเหมือนปีก่อนนะ เอาเฉียดงามให้มากที่สุด เฉียดไปเฉียดมาไม่เอาแล้วนะ”
เจ๊เฉียดยิ้มกว้างมั่นมาก
“ไว้ใจเจ๊เถอะน่า ความงามของผู้หญิงทุกคนในตลาดนี้อยู่ในมือเจ๊เฉียดคนเดียว ไม่งั้นจะกล้าเปิดสาขาสองเหรอ”
เจ๊เฉียดฉีดสเปร์ แต่พลาด ผิดทิศ ฉีดเข้าหน้าลั้นลาเต็มๆ
“ว้ายย! ผิดทางแล้วอีเจ๊!”
เจ๊เฉียดตกใจ
“ว้าย...เจ๊ขอโทษ เจ๊ไม่ได้ตั้งใจ”
อั้มหัวเราะร่า
“ฮ่าๆๆๆๆ เจ๊ ยังนังลันล้านะ มันต้องไบกอนเขียว ถึงจะเอาอยู่เฮะๆๆ”
“หือ นังอั้ม ทนไม่ไหวแล้ว”

ลั้นลาลุกขึ้นมาไล่ตบอั้มไปทั่วๆ ร้าน เสียงกรี๊ดกร๊าด ข้าวของพินาศยับเยินหมด

ค่ำนั้น สายมุกมาขออนุญาตแม่ไปงานวันเกิดดวง คุณนายสร้อยเพชรไม่ยอมโวยเสียงดัง

“ไม่ได้...ไม่ได้เด็ดขาด แม่ไม่อนุญาตให้แกไปงานเลี้ยงนั่น ไม่มีทาง”
“ทำไมล่ะคะคุณแม่ เขาอุตส่าห์ชวน แล้วอีกอย่าง คนพวกนั้นเขาก็เป็นคนที่ค้าขายอยู่ในตลาดของเรานะคะ แทนที่คุณแม่จะมาห้ามมุก มุกว่าเราน่าจะไปด้วยกันทั้งสองคนจะดีกว่านะคะ”
“อี๋...จะให้ฉันไปงานวันเกิดระดับนั้นน่ะเหรอ ฉันไม่ไปหรอก แล้วแกก็ห้ามไป”
“คุณแม่ไม่มีเหตุผลเลยนะคะ”
“เหตุผลน่ะมีแน่ ทำไมจะไม่มี ใช่...ตลาดนั่นเป็นของเรา ค่าเซ้ง ค่าเช่าก็เป็นของเรา แต่เราอยู่ในระดับที่สูงกว่าพวกนั้น เราไม่ใช่คนระดับเดียวกัน ถ้าแกเข้าใจอะไรผิดๆ อยู่ ก็ปรับจูนซะใหม่ เราสูง มันเตี้ย เราสูง มันเตี้ย ท่องเอาไว้”
คุณนายสร้อยเพชรกระฟัดกระเฟียดออกไป สายมุกถอนใจด้วยความเซ็ง
“ใครจะไปท่อง เฮ้อ...โดนห้ามอย่างนี้ แล้วจะไปได้ยังไงกันล่ะ”

สายมุกนั่งเซ็ง...พะวงเปิดประตูเข้ามาพร้อมผ้าที่รีดแล้ว
“เอาผ้ามาส่งค่ะ”
“ขอบใจจ้ะพี่พะวง”
พะวงเดินเอาไปเก็บที่ตู้
“ถ้าจะขอบใจพี่ก็ช่วยแก้ผ้าอยู่บ้านดีกว่าค่ะ พี่จะได้เบาแรง ไม่ต้องซักต้องรีด”
สายมุกมองๆ พะวงเห็นว่าผมยาวแปลกๆ
“พี่พะวงทำไมยาวเร็วจังคะ ยาวผิดหูผิดตาเลย”
พะวงยิ้ม
“เฮะๆๆๆ ผมจริงที่ไหนล่ะคะ นี่มันวิก เห็นเขากำลังฮิตกัน พะวงเลยไปตลาดนัด ซื้อมาใส่เกร๋ๆ สีทองก็มีนะคะ แบบดัดแบบยืดมีหมดค่ะ”
“อ๋อ...”
สายมุกเริ่มคิดบางอย่างออก
“แต่ว่าเสื้อผ้าชุดนี้มันดูไม่ค่อยเข้าผมเก๋ๆ ทรงนี้เลยนะคะ”
“อ่ะจริงดิ” พะวงตกใจมาก “อุ้ย...มืดค่ำ ออกไปหาซื้อใหม่ก็ไม่ได้”
“ไม่ต้องตกใจค่ะ มุกมีวิธีช่วย”
“วิธีอะไรคะ”
“พี่พะวงก็เลือกเอาชุดของมุกสักชุดสิคะ” สายมุกเข้ามาช่วย “ชุดนี้ก็เหมาะนะ แต่ว่าอันนี้โดนสุดๆ”
“อุ้ย...พะวงไม่กล้าใส่เสื้อผ้าของคุณมุกหรอกค่ะ พะวงเกรงใจ ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดีนะคะ”
“ก็เอางี้สิคะ พี่พะวงก็เอาชุดที่ใส่อยู่เนี่ยมาแลกกับของมุก ถือว่าแลกกัน มุกไม่ได้ให้ฟรีๆ ซะหน่อย”
“แต่ว่าชุดของคุณมุกมันแพง มันแลกกันไม่ได้หรอกค่ะ มันไม่คุ้ม”
“งั้นก็...แถมวิกให้มุกด้วยสิคะ คราวนี้รับรองว่าคุ้มแน่ๆ ค่ะแล้วทีนี่พี่พะวงก็ไม่ต้องเกรงใจ ตกลงไหมคะ”
“ไม่ตกลงก็ควายแล้วค่ะคุณมุก”
“งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ”
พะวงดีใจ
“แอร๊ยย เปลี่ยนเลยนะคะ” พะวงถอดวิกส่งให้ “เอานี่ค่ะ มัดจำ”
สายมุกรับวิกมา พะวงรีบหอบเสื้อผ้าเข้าไปที่ห้องน้ำ สายมุกมองวิกในมือมีแผนเจ้าเล่ห์ในใจ

พะวงในชุดสายมุกแบบจัดเต็มเปิดประตูออกมา ดัดหน้าดัดตาเดินไปทางหนึ่ง
“คนมันถึงเวลาสวย ยังไงมันก็ต้องสวย เฮะๆๆ”
คุณนายสร้อยเพชรเดินมาจากอีกทางเห็นด้านหลังของพะวง คิดว่าเป็นสายมุกเลยไม่ได้สนใจ เดินไปนั่งดูทีวี

สายมุกอยู่หน้ากระจก ในชุดของพะวงพร้อมวิกผมรับตัวเองไม่ค่อยได้
“เอิ่ม...อืม...เอาน่า คนเรางาม งามที่ภายในไม่ใช่ภายนอก”
สายมุกหลอกตัวเองสุดๆ เปิดประตูออกไป หญิงสาวมองไปเห็นแม่กำลังดูทีวีอยู่...สายมุกปิดประตูเบาๆ รีบย่องหนีไปอีกทางหนึ่ง คุณนายสร้อยเพชรหันมาเห็นด้านหลังเข้าพอดี คิดว่าเป็นพะวง
“พะวง”
สายมุกชะงักตัวแข็ง
“เอาน้ำชามาเติมให้ฉันหน่อยซิ”
สายมุกดัดเสียง
“ค่าคุณนาย”

สายมุกรีบวิ่งออกไปอย่างโล่งใจ

มนต์รักตลาดสด ตอนที่ 3 (ต่อ)

คุณนายสร้อยเพชรนั่งดูละครไปหัวเราะไป สายมุกถือกาน้ำชาเข้ามา ก้มหน้างุดๆ เพื่อซ่อนใบหน้าดัดเสียงพูด

“ได้แล้วค่าคุณนาย”
สายมุกวางกาแล้วจะรีบออกไป คุณนายสร้อยเพชรเรียกไว้
“เดี๋ยว”
สายมุกชะงักคิดว่าโดนจับได้
“มานวดให้ไหล่ให้ฉันก่อนสิยะ ลืมหน้าที่หล่อนรึไง”
“นวดไหล่...อ่อ...จ้า”
สายมุกเดินอ้อมไปด้านหลัง นวดไหล่ให้
“แรงๆ หน่อยสิ”
“จ้าๆ”
“ฉันบอกให้แรงๆ เอ๊ะ...แกนี่มือไม่คงที่รึไง นวดให้มันแรงๆสิ เอาแบบเมื่อวานน่ะ จำได้ไหม แรงๆ”
“จ้า จ้า แรงๆ จ้า”
สายมุกว่าแล้วก็สับโชะลงที่ไหล่ทั้งสองข้างของแม่
“โอ๊ยย!”
สายมุกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก คุณนายสร้อยเพชรหันมา
“นี่แกทำบ้าอะไรของแก แกจะฆ่าฉันเหรอ”
“ก็...คุณนายบอกให้แรงๆ”
“แต่ไม่ใช่แรงแบบนี้ ไปเลย แกจะไปไหนก็ไป ไปให้พ้นหน้าเลย ไป!”
“จ้า...จ้า อยากจะไปตั้งนานแล้วล่ะจ้า”
สายมุกรีบวิ่งออกไป...คุณนายมองตามไปอย่างขุ่นเคือง
“ทำไมท่าทางมันลุกลี้ลุกลนชอบกล”

บริเวณลานหน้าตลาดถูกจัดเป็นงานเลี้ยง เสียงเพลงกระหึ่มแสงสีวิบวับ แม่ค้าพ่อค้ากินไปคุยกันไป... เป้งกับต๋อยจับจองพื้นที่หน้าตู้เพลงคาราโอเกะ ใส่เต็มที่ ทั้งร้องทั้งเต้น เจ๊แต๋วรับแขกอยู่หน้างาน เจ๊เฉียดเดินเข้ามาพร้อมของกินหม้อนึง
“ทำไมเพิ่งมาล่ะเจ๊เฉียด มัวทำอะไรอยู่ถึงได้มาเอาป่านนี้น่ะ”
“ก็นังอั้มกับนางลั้นลาน่ะสิไม่ยอมออกจากร้านสักที นี่ฉันหนีออกมาก่อนนะเนี่ยไม่งั้นอดมาแน่ๆ ฉันทำยำหมูยอมาให้ด้วยนะ”
“อุ๊ยตาย...แต้งค์กิ้ว...เอาไปไว้ที่โต๊ะเลยเจ๊”
เจ๊ฉียดเดินออกไปเจ๊แต๋วหันไปทักอีกคน
“เอ้า แล้วนี่ทำไมมามือเปล่า บอกให้ติดของกินมาด้วย จะได้ร่วมๆ ช่วยๆ กันไป งกจริง” เจ๊แต๋วหันไปทักอีกคน “ อุ้ยยตายย สวยนะยะคืนนี้ ย้อมผมใหม่ เหรอ มองไม่เห็นหงอกเลยอ้ะ”
อีกด้าน...อาซ้งกำลังคุยกับคนอื่นๆ
“เฮ่ย...พวกลื้อจะไปกลัวอะไรวะ อาดวงมันก็ไปเจรจาแล้ว อีคุณนายก็ยอมแล้ว เราก็ค้าขายกันไปตามปกติ อย่าคิดมากๆๆ วันนี้วันดี วันเกิดอาดวง เอ้า ยิ้ม”
อาซ้งยกไอโฟนขึ้นถ่ายรูปหมู่...ขณะเดียวกันนั้น อั้มกับลั้นลาแข่งกันสวยเข้ามาหน้างาน ยังเถียงกันไม่หยุด
“หลบๆ หลบไปๆๆ”
“คนจะสวย ใครก็ช่วยไม่ได้ นอกจากพี่ดวงคนเดียว”
“แอร๊ย อย่ามาแทะเล็มพี่ดวงของอั้มนะ อั้มไม่ชอบให้ใครพูดถึงของส่วนตัว”
“อื้อหือ นังอั้ม แกไปหาไส้ หาตับกินข้างในเถอะไป”
“แกก็กินเหมือนฉัน ไปหาด้วยกันสิ”
“ฉันไม่ได้กินเหมือนแก...ฉันกินไก่สดย่ะ”
เจ๊แต๋ว ที่กำลังรินน้ำใส่แก้วอยู่ พูดสวนขึ้นมาทันที
“ไปด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ หนวกหู!”
อั้มมองเจ๊แต๋วไม่พอใจ
“มีปัญหาอะไรเจ๊แต๋ว อย่าบอกนะว่าจะมาร่วมแย่งพี่ดวงอีกคน สงครามนี้ไม่รับคนชรา มันเป็นภาระ”
เจ๊แต๋วฟาดอั้มด้วยขวดน้ำ กระเด็นไปโดนลั้นลาด้วย ทั้งสองร้องลั่น
“ว้าย!”
เจ๊แต๋วตวาดไล่
“ไปเลย ไปๆ ไปให้พ้นหน้า มาอยู่ได้ทุกปี น่ารำคาญ”
อั้มกับลั้นลาเดินเชิดเข้าไปข้างใน ซันเดินกินอาหารตุ้ยๆ มาเจ๊แต๋วหันไปถาม
“ไอ้ซัน ไอ้ดวงอยู่ไหน”
“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ มัวแต่หาของกิน”
ซันเดินไป

แหววยืนหน้างออยู่มุมหนึ่ง ซันเข้ามาเจอ
“ทำไมมายืนตรงนี้ล่ะแหวว ไม่หิวเหรอ”
“ไม่หิว หมั่นไส้!”
“อะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรแกเลยนะ”
“ไม่ใช่แก แต่...โน่น”
แหววชี้ไป ซันมองตามไป เห็นดวงยืนแกร่วรออยู่คนเดียวด้านหน้างาน
“อ้าว...แล้วแกไปหมั่นไส้ไอ้ดวงมันทำไมวะ มันก็คงรอแขกวีไอพีของมันไง”
แหววเบ้ปาก
“เฮอะ...ทำยังกับว่าเขาจะมา”
“แล้วแกรู้ได้ไงว่าเขาจะไม่มา”
“คนอย่างนั้น เขาไม่ก้มลงมามองพวกเราหรอก พนันกันยังได้ว่ายังไงคุณหนูสายมุกก็ไม่มา”
“ได้...แต่ถ้ามา แกต้องจูบฉันหนึ่งที”
“ไอ้ทะลึ่ง!”
แหววตบเปรี้ยง ซันร้องลั่น
“โอ๊ย!”
“ได้เลย ฉันจะจูบแกสามทีก็ได้ เพราะฉันมั่นใจว่ายังไงเขาก็ไม่มา”
ทันใดนั้นเสียงของสายมุกก็ดังขึ้น
“นายดวง”
แหววตกใจหันไปมอง ดวงที่รออยู่ท่าทางเศร้า รีบเงยหน้าขึ้นมอง สายมุกมาถึงในสภาพพะวง เสื้อผ้าหน้าผมคนใช้มาก ดวงอึ้งๆ แหววมองอย่างไม่แน่ใจ
“เฮ่ย ใช่รึเปล่าวะ”
สายมุกเข้าไปหา ดวงดีใจ
“คุณหนูจริงๆ ด้วย”
“ขอโทษนะ คือ...เอ่อคือ...” หญิงสาวแก้ตัวไป “ฉันคงเข้าใจผิดไปเองน่ะ ฉันคิดว่าเป็นงานแฟนซี ก็เลย...จัดมาซะเต็มที่เลยอ่ะ”
“อ๋อ...งานแฟนซี ไม่ใช่หรอกครับ งานธรรมดานี่แหละ แต่ไม่ว่าคุณหนูจะใส่ชุดไหน ก็สวยอยู่ดีนั่นแหละครับ”
สายมุกยิ้มเขิน
“ฉันมีของขวัญมาให้”
หญิงสาวยื่นกล่องของขวัญให้ ชายหนุ่มตะลึงนิ่งไป
“ไอ้ดวงได้รับของขวัญจากคุณหนูสายมุก” ดวงเงยหน้าถาม “บอกสิครับว่า ผมไม่ได้ฝันไป”
สายมุกเงื้อมมือตบฉาดอย่างแรง ดวงเกือบล้ม เซแถ่ดๆ
“อีกทีมั๊ย”
ดวงยกมือห้าม
“ไม่ๆๆๆ ไม่ต้องแล้วครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่ได้ฝันไปแน่นอน”
แหววกับซันมองมา แหววโกรธมากฟึดฟัดวิ่งหนีไปทางหนึ่ง ซันอึ้งๆ
“อ้าว...ไปไหนเล่า มาจูบกันก่อนสิ”
ดวงพาสายมุกเข้าไปในงาน

ดวงกับสายมุกเดินเข้ามา ทุกคนเห็นสายมุกแล้วเงียบลงทันที หญิงสาวทำตัวไม่ถูก อาซ้งรีบเข้ามาลากตัวดวงออกไปแอบคุย
“ไอ้ดวง คุณหนูสายมุกอีมาได้ไง อย่าบอกนะว่าลื้อไปเชิญมา”
เจ๊แต๋วรีบเข้ามาสมทบ
“สนุกแล้วไหมล่ะ อยู่ๆ พาลูกสาวนังคุณนายมา โอ๊ย...แล้วตัวแม่มันจะตามมาด้วยรึเปล่า”
“ไม่หรอกครับ ผมชวนแต่คุณหนูสายมุกคนเดียว”
อาซ้งถอนใจ
“แค่คนเดียวบรรยากาศก็ป่นปี้บรรลัยหมดแล้ว”
เป้งสอดขึ้น
“เสียตรงไหนไม่ทราบ ไอ้ที่ทำเสียอยู่เนี่ยมันพวกเราทั้งนั้น อย่าไปโทษเขา”
ต๋อยเสริม
“ใช่...รีบต้อนรับขับสู้กันดีกว่า งานเราจะได้ดูมีสกุลขึ้น”
อาซ้งตวาด
“เฮ้ย หุบปาก!” อาซ้งหันมาบอกดวง “ลื้อพาอีกลับไปเถอะ ก่อนที่คนอื่นๆ จะหมดสนุก หนีกลับบ้านกันหมด”
ดวงจ๋อยไป
“แต่ว่า...”
เจ๊แต๋วจ้องหน้าพูดเสียงแข็ง
“ไม่มีแต่! รีบพานังคุณหนูนั่นออกไปซะ หรือจะให้ฉันไปไล่”
ทันใดนั้นเสียงของสายมุกก็ดังขึ้น
“ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ”
ทุกคนหันมามอง สายมุกหน้าเสียๆ เดินเข้ามาบอกดวง
“ขอบคุณนะที่ชวนฉันมา ฉันกลับก่อนนะ”
ดวงอึ้ง
“คุณหนูครับ”
จังหวะที่สายมุกหันตัวออกไปนั้น ดวงก็เข้าไปคว้ามือไว้ หญิงสาวหันกลับมามอง
“ผมไม่ให้ไป ยังไงก็ไม่ให้ไป”
อาซ้งกับเจ๊แต๋วชะงัก สายมุกฝืนยิ้ม
“ยังไงฉันก็ต้องไป ฉันมีธุระต้องทำน่ะ แค่จะแวะเอาของขวัญมาให้นายก็เท่านั้นเอง”
สายมุกเดินออกไป...ดวงมองตามไปก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามไป
“คุณหนู”
เจ๊แต๋วตะโกนเรียก
“ไอ้ดวง กลับมา จะไปตื้อทำไม...ไอ้ดวง”
เป้งทุบกำปั้นตนเอง
“มีเคือง เห็นแล้วชักมีเคือง”
ต๋อยงงๆ
“เคืองอะไร”
“ไอ้ดวงนี่มันชักจะมากไปหน่อยแล้วเว้ยเฮ้ย มีคนจัดงานวันเกิดให้ยัง...ยังไม่พอ มีผู้หญิงเอาของขวัญวันเกิดมาให้ถึงที่อีก คิดแล้วเคืองเว้ย!”
“จะคงจะเคืองอะไรก็ให้มันเจียมๆ เอาไว้หน่อยก็แล้วกัน หนังหน้ามันเทียบกันไม่ได้ นะ เข้าใจนะ”
เป้งเคืองค้อนขวับใส่ต๋อย

สายมุกเดินออกมาด้านหน้าตลาด ดวงวิ่งไล่ตามมา

“คุณหนูสายมุก รอผมก่อน”
“ตามฉันมาทำไม กลับไปที่งานเถอะ”
“ผมจะไปส่ง คุณอุตส่าห์มา ยังไงผมก็ต้องไปส่ง”
ดวงไปที่ซาเล้ง เตรียมสตาร์ท
“ขึ้นรถเถอะครับ”
สายมุกชะงัก
“แต่ว่า...”
“นั่งข้างหน้าเลยครับ”
“แต่ฉัน...”
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมจะไปส่ง”
“ฉันขับรถมา”
สายมุชี้ไปที่รถที่จอดอยู่ ดวงหน้าแตก
“เอิ่ม...คือ...ผมลืมไปครับ”
สายมุกเห็นท่าทีขัดเขินของดวงแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ สองคนยิ้มกันขำๆ

สายมุกขับรถออกไป โบกมือบ๊ายบายให้ดวงที่ยืนส่งอยู่
“สุขสันต์วันเกิดนะ”
“ขับรถดีๆ นะครับ”
ดวงมองตามรถไปจนลับตา ยิ้มอย่างสุขใจ

สายมุกค่อยๆ ย่องกลับเข้ามาในบ้าน เห็นว่าไฟปิดมืดสลัว
“โชคดีไป คุณแม่หลับไปแล้ว”
ทันใดนั้นไฟก็เปิดพรึ่บ! สายมุกตกใจร้องกรี๊ด คุณนายสร้อยเพชรนั่งหน้าเม้งรออยู่
“คุณแม่...ยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
“ถ้าฉันนอนก็คงจับไม่ได้ว่าแกแอบหนีไปเที่ยวน่ะสิ สารภาพมาตรงๆแกไปงานเลี้ยงไอ้พวกตลาดมาใช่ไหม”
สายมุกนิ่งอึ้ง
“ฉันบอกแกแล้วทำไมแกไม่เชื่อฉัน ทำไมต้องคอยขัดคำสั่งฉัน”
“ก็คุณแม่สั่งแบบไม่มีเหตุผลนี่คะ”
“พวกมันเป็นคนชั้นต่ำ เราเป็นคนชั้นสูง สถานะของมันกับเราแตกต่างกันสุดขั้ว เหตุผลแค่นี้แกยังไม่พอใจอีกเหรอ”
“นั่นมันเป็นสิ่งที่คุณแม่คิดเอาเอง คุณแม่วัดเอาเอง”
“นี่แกเถียงฉันเหรอ”
“มุกจำเป็นต้องเถียงค่ะ พวกเราก็เป็นคนเหมือนๆ กัน ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลย มุกว่าคุณแม่เลิกใช้เถอะค่ะ ไอ้วิธีแบ่งชั้นวรรณะเนี่ย มันน่าอาย”
คุณนายสร้อยเพชรโกรธขึง
“ยายมุก! นี่แกไปติดเชื้อไอ้พวกตลาดมาแล้วใช่ไหม”
“พอเถอะค่ะคุณแม่ เลิกดูถูกพวกเขาได้แล้ว”
สายมุกจะเดินไป คุณนายสร้อยเพชรคว้าแขนไว้
“แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าจะรับปากกับแม่ว่าจะไม่ไปยุ่งกับไอ้พวกตลาดอีกเป็นอันขาด”
“มุกไม่รับปากหรอกค่ะ เลิกบังคับมุกได้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่มีเหตุผล”
สายมุกเดินไป....คุณนายสร้อยเพชรได้แต่ฮึ่มฮั่มเจ็บใจอยู่คนเดียว
“ต้องเป็นเพราะพวกมันแน่ๆ ไอ้พวกตลาดมันต้องล้างสมองลูกสาวฉันแน่ๆ”

ที่งานเลี้ยง...อาซ้งกับเจ๊แต๋วขึ้นไปบนเวที
“ฮัลโหลๆ ฟังกันหน่อยๆ”
“อย่ามัวแต่กินฟรีจนลืมว่าวันนี้วันอะไรนะยะ”
“ฮึ่ย เขาจะไปลืมกันได้ยังไงล่ะอาแต๋ว วันสำคัญขนาดนี้ ใครๆก็จำได้...ปีนี้เราก็มารวมกันเป็นครั้งที่ 25 แล้ว 25 ปีที่พวกเราค้าขายกันอย่างสุขสบาย ใครขายหมูก็ขายไป ใครขายไข่ ขายไป ขายผัก ขายไป ขายไข่ ขายไป ขาย...”
เจ๊แต๋วปรามๆ
“พอได้แล้วอาซ้ง ลื้อจะไล่ให้ครบทั้งตลาดเลยเหรอ”
“อย่าขัดสิ อั๊วหมายถึงว่าพวกเขาหมกหมุ่นกับการขายที่หน้าแผงเป็นอย่างเดียว ส่วนอื่นๆ ทั้งเตรียมของ รับของ ส่งของ เก็บของ พวกเราไม่ต้องไปยุ่งให้มันวุ่นวาย เพราะมันมีคน คนหนึ่งที่ยอมทุ่มเทแรงกาย แรงใจ วุ่นวายแทนพวกเรามาตลอด”
เจ๊แต๋วเสริม
“โดยที่ไม่ได้ค่าจ้างอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว”
ทุกคนเฮลั่น อาซ้งพูดต่อ
“หนำซ้ำกลางค่ำกลางคืนมันยังนอนเฝ้าตลาดให้พวกเรา ตลาดเราไม่มีขโมยมากี่ปีแล้ว พวกลื้อลองคิดดู”
ทุกคนเฮอีก เจ๊แต๋วตะโกนลั่น
“ขอเสียงปรบมือให้กับไอ้ดวงของพวกเราหน่อย”
คนปรบมือ เป่าปากเชียร์กันใหญ่...ซันผลักดวงขึ้นไป อาซ้งรีบบอก
“พูดอะไรหน่อยอาดวง”
“ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร ทุกสิ่งที่ผมทำ ผมทำไปก็เพื่อตอบแทนพวกเราทุกคน” ดวงเขินๆ “ที่นี่ไม่ใช่แค่ตลาด...ทุกสิ่งที่ผมทำไม่ใช่แค่งาน....แต่ที่นี่คือบ้านของผม ทุกคนคือญาติพี่น้องของผม คือครอบครัวของผม”
ทุกคนเริ่มซึ้ง ดวงยังคงพูดต่อ
“ถ้าทุกเช้าที่ผมตื่นขึ้นมา ผมไม่คิดทำอะไรเพื่อครอบครัวของผม ผมก็ไม่รู้จะตื่นขึ้นมาทำไม” ชายหนุ่มเริ่มน้ำตาคลอๆ “ผมคงไม่มีวันนี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะทุกๆ คนที่นี่ ผมขอขอบพระคุณทุกท่านที่เมตตาผม ช่วยเปลี่ยนเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งคนนี้ให้กลายเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก ขอขอบพระคุณจริงๆ ครับ”
ทุกคนปรบมือเฮกันใหญ่ อาซ้งตะโกนนำขึ้น
“แฮปปี้เบิ้ดเดโว้ย”
ดนตรีขึ้น เป้งกับต๋อยบรรเลงคาราโอเกะ เป้งหันมาบอกต๋อย
“จัดไปโว้ยยย โคตรอิจฉามันเลย แต่ จัดไป”
ลั้นลากับอั้มแย่งกันชิงตัวดวงไปแด้นซ์ ซันกับแหววแด้นซ์ด้วยกันอย่างเริงร่า อาซ้งกับเจ๊แต๋วแทงโก้ไปรอบๆ...ซันหันไปบอกแหวว
“ไปปลดปล่อยภาระก่อนนะ ไปด้วยกันป่ะ”
“แกจะไปฉี่ก็ไปคนเดียว ไม่ต้องมาชวน”
แหววถีบซันออกไป...อีกด้านอั้มกับลั้นลาแย่งดวงกัน
“หลบไปนังลั้นลา ชาตินี้อย่าได้หวัง ชาติหน้าค่อยมาใหม่”
ลั้นลาตบเสยเปรี้ยง อั้มกระเด็นไป ลั้นลาชอบใจ
“ขอโทษนะ ต้องจัดหนัก เพราะว่าชาติชาติหน้าไม่ว่าง ต้องเอาชาตินี้” ลั้นล้าหันไปหาดวง “มาเลยจ้ะพี่ดวง ไม่ต้องเขิน สบายๆ เลยจ้ะ”
ดวงกลัวๆ ลั้นลาดึงตัวไปเต้นรำจนได้

ซันยืนฉี่อยู่ ได้กลิ่นแปลกๆ
“กลิ่นอะไรวะ...จะว่าฉี่เราก็ไม่ใช่ๆ”
ซันมองไปรอบๆ แล้วทำตาโตด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!”

บรรยากาศในงานยังคงคึกคักกันอยู่ ซันตะโกนมาแต่ไกล
“ไฟไหม้ ไฟไหม้!”

ทุกคนหยุดกึก

มนต์รักตลาดสด ตอนที่ 4

โอมใส่แว่นสามมิติ ดูฟุตบอลจากจอทีวีสามมิติอยู่และกำลังคุยโทรศัพท์ไปด้วย

“ลงมือแล้วใช่ไหม ดี...จับตาดูไว้ให้ดี อย่าให้ไฟลาม ฉันยังไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ แค่กระทุ้งให้พวกมันสะดุ้งก็พอ”
โอมวางสายไป พร้อมรอยยิ้มร้าย
“ยุคนี้ สมัยนี้ ใครต้องการตลาดสดกันวะ”
โอมว่าแล้วก็เชียร์บอลต่อ

บรรยากาศในตลาดวุ่นวายชุลมุนช่วยกันดับไฟ อาซ้งตะโกนเร่งคนอื่นๆ
“เร็วๆ เดี๋ยวมันลาม ดับให้ได้เร็วๆเข้าๆ”
เจ๊แต๋วตวาด
“ก็มาช่วยกันดับสิ ตะโกนสั่งอยู่ได้ หนวกหู!”
อั้มตกใจด้วยท่าสวยๆ
“ว้ายยย ตายแล้ว ตายแล้ว ไฟไหม้ค่า ช่วยด้วยค่า ไฟไหม้”
ลั้ลลาวิ่งถือถังน้ำเข้ามาสาดโครมใส่อั้มเต็มๆ
“ไฟไหม้กูไม่ว่า แต่กูเกลียดขี้หน้ามึง”
ลั้นลาวิ่งกลับไป อั้มดิ้นพล่าน
“แอร๊ย! ดับไฟในทรวงหน่อยนะยะ ยังไงฉันก็สวยกว่าหล่อนเยอะ”
ทุกคนช่วยกันให้วุ่นวาย ต๋อยกับเป้งวิ่งถือถังน้ำสวนกันแล้วชนกันเองโครม!
“ปัดธ่อ ทำไมไม่เลี้ยวไปทางโน่นเล่าพี่”
“มึงอย่าเลย อย่ามาโทษกูเลย กูมาของกูดีๆ มาอย่างมีสติ แต่มึงสับขาหลอกตลอด กูจะรู้ได้ยังไงว่ามึงจะไปทางไหน”
“งั้นต่อไปนี้ฉันจะเลียบขวา พี่เลียบซ้าย ตกลงไหม”
“มึงไม่ต้องมาเลียบซ้ายเลียบขวา กูว่าไปพร้อมๆ กัน ดีที่สุด ไปเร็ว!หิ้วถังกูไปด้วย” เป้งส่งถังน้ำให้ต๋อยรับไป “เร็ว...ตามกูมา!”
ต๋อยหน้าเหวอ
“เอ๋า...ทำไมพี่ไม่หิ้วไปเองล่ะ”
“ไม่ใช่เวลาถาม ดับไฟให้ได้ก่อน เดี๋ยวกูจะเล่าให้ฟัง”
ต๋อยหิ้วถังน้ำสองมือวิ่งย่องแย่งตามไปงงๆ
“โอ้ย! ต๋อยว่ามันไม่ยุติธรรมอ้ะ มันไม่ใช่อ้ะ มันไม่ใช่!”
เป้งหันมาเร่ง
“เร็วๆ!”

สายมุกยืนเหม่ออยู่ที่หน้าต่างห้องนอน
“ป่านนี้ นายคงมีความสุขมากสินะ นายดวง...สุขสันต์วันเกิดนะ”

ดวงพยายามดับไฟสุดฤทธิ์ เนื้อตัวหน้าตาดำไปหมด
“น้ำๆๆ เอาน้ำมาอีก เร็ว”
ซันวิ่งหอบถังน้ำสองใบมา
“กำลังมา”
เจ๊เฉียดกับแหวว ช่วยกันแบกถังน้ำมาอย่างเหนื่อยอ่อนเหงื่อโทรม แหววรีบบอก
“มาแล้วๆๆ”
ดวงยื่นมือไปรับ
“ส่งมาเลย”
เจ๊เฉียดหยุดหอบ
“โอยย...หายใจไม่ทัน”
แหววหันไปเห็น
“อ้าวเจ๊ อย่าเพิ่งมาเป็นลมตรงนี้นะไม่พร้อมจะดูแลนะ”
เจ๊เฉียดเข่าอ่อน แหววลากไปนั่งข้างๆ
“ขอพักแป๊ปนึง เดี๋ยวคงหายไม่ต้องดูเจ๊หรอกไปดูไฟเถอะ”
“มีอะไรก็ตะโกนเรียกแล้วกันนะ...ฉันไปตักน้ำก่อนล่ะ”
แหววรีบผละไป สวนทางกับลั้นลาและอั้มซึ่งตอนนี้สภาพทั้งสองคนเหมือนพวกจิตภูติไม่มีผิดเพราะมาสคราร่าราคาถูกละลายน้ำดวงตาที่เคยกลมโตกลับเล๊ะเท๊ะดำโบ๋ ทั้งสองคนหยุดหอบเหนื่อยแล้วหันมาเจอหน้าเองตกใจร้องลั่น
“อ๊ากกก...”

การดับไฟจบลง ควันยังมีอยู่ ทุกคนมารวมตัวกันที่ลานด้านหน้าหน้าดำ ตัวดำเพราะเขม่ากันไปหมด ซันหน้าดำท่าทางเหนื่อยมาก หันไปจับมือดวง พูดเสียงแหบแห้ง
“ไอ้ดวง แฮปปี้เบิ้ดเดย์”
ควันโชยออกจากปากซัน อาซ้งหน้าเครียด
“นี่มันอะไรกันวะ กำลังสนุกกันอยู่ดีๆ แท้ๆ ดันมามีเรื่องได้ อั๊วไม่อยากจะเชื่อเลย”
เจ๊แต๋วถอนใจ
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะอาซ้ง ดูสารภาพของพวกเราแต่ละคนสิ รอดมาได้ก็บุญแล้ว”
“นี่ถ้าฉันไม่ปวดฉี่ ป่านนี้ตลาดเราเละ เหลือแต่ตอไปแล้ว” ซันพูดกราดไปทั่วๆ “ทุกคนเป็นหนี้ฉันนะ ฟังเอาไว้ อย่าลืมตอบแทนบุญคุณด้วย”
“งั้นฉันขอตอบแทนคนแรกเลยแล้วกันนะ” แหววตบหัว “นี่แน่ะ!”
ซันหงายไป
“โอ๊ย”
อั้มพยายามเช็ดหน้า แล้วเติมปาก ติดขนตาใหม่อีกรอบ
“พี่ดวงอย่าเพิ่งหันมาทางนี้นะจ้ะ อั้มยังไม่พร้อม”
“แต่กูพร้อม!”
ลั้นลายันโครม
“แอร๊ยย!”
อั้มหงายไปใส่เป้งกับต๋อยเข้าพอดีเป้งส่ายหน้า
“เบื่อจริงๆ อีพวกสวยพยายาม พยายามไม่เลิก”
ต๋อยขัดขึ้น
“เอ้า...ความพยายามเป็นหนทางสู่ความสำเร็จนะพี่”
“มึงดูหน้ามันสิ” เป้งบุ้ยหน้าให้ต๋อยมองอั้มที่แต่งหน้าอยู่ “ล้มเหลวชัดๆ ล้มเหลวขั้นเทพ”
ต๋อยเห็นด้วย
“เออ...นั่นสิ”
ลั้นลาหันไปถามอาซ้ง
“เอาไงต่อ งานวันเกิดน่ะ จะต่อเลยหรือว่าจะเลื่อนไปก่อน”
ดวงพูดสวนขึ้นมา
“พอๆๆ พอเถอะครับ ไม่ต้องฉลองให้แล้วก็ได้ แค่นี้ผมก็ซึ้งใจแล้วล่ะครับ ทุกคนกลับไปนอนเถอะครับ เหนื่อยกันมามากแล้ว เดี๋ยวผมจัดการเก็บของเอง”
ซันหันมาบอกดวง
“เออ...เดี๋ยวอยู่ช่วยด้วยคน”
แหววเอาด้วย
“ฉันด้วย”
อาซ้งถอนใจ
“จะให้กลับไปนอนได้ไงวะ ตลาดถูกเผาอย่างนี้ ใครจะไปหลับลงแล้วอีกอย่าง ถ้าไฟมันลุกขึ้นมาอีกครั้ง จะทำยังไง”
เจ๊แต๋วเห็นด้วย
“ใช่...ยังไงคืนนี้ก็ต้องอยู่เฝ้าตลาดกันหมดนี่แหละ”
ทุกคนฮือฮาเห็นด้วยๆ อั้มร้องขึ้น
“อ๊ายย อั้มจะได้ค้างคืนกับพี่ดวง ตื่นเต้นอ้ะ”
ลั้นลาหมั่นไส้
“มาเต้นข้างๆนี่มา จะได้ตบถึง”
เจ๊แต๋วมองหน้ากับอาซ้ง สายตากังวลด้วยกันทั้งคู่
“ลื้อคิดว่าไงอาแต๋ว”
“อั๊วยังไม่อยากด่วนสรุป แต่ที่แน่ๆ อั๊วต้องหาคำตอบให้ได้ ว่าไฟมันไหม้เพราะอะไร”

วันใหม่...พะวงหอบตะกร้าจ่ายกับข่าวรีบร้อนกลับเข้ามา
“คุณนาย เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่า คุณนายขา”
พะวงวิ่งเข้าบ้านไปรีบรายงานเรื่องไฟไหม้ตลาด กับคุณนายสร้อยเพชรและสายมุก คุณนายสร้อยเพชรตกใจมาก
“ฮะ! ไฟไหม้ตลาด แกแน่ใจเหรอพะวง”
“แน่สิคะคุณนาย พะวงเพิ่งไปจ่ายตลาดกลับมาเนี่ย เขาพูดกันให้แซ่ดว่าเมื่อคืนตลาดเกิดไฟไหม้ ดีที่ชาวตลาดเขาดับไฟได้ทัน ไม่งั้นป่านนี้ ฮ่าๆๆๆ”
คุณนายสร้อยเพชรจ้องหน้า
“แกจะหัวเราะทำไมนังพะวง”
พะวงหุบแทบไม่ทัน
“อุ้ย...ลืมตัวไปค่ะ คือลึกๆ แล้วมันรู้สึกสะใจสมน้ำหน้าคุณนายอ่ะค่ะ”
“นังพะวง!”
คุณนายสร้อยเพชรจะเล่นงานพะวง สายมุกรีบตัดบท
“เอาเถอะค่ะคุณแม่ แค่รู้ว่าตลาดปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะค่ะ”
“ตลาดมันอยู่ของมันดีๆ มาเป็นสิบปี อยู่ๆ มันจะเกิดไฟไหม้ได้ยังไง” คุณนายสร้อยเพชรคิดๆ “หรือว่า…”
คุณนายจะรีบออกไป
“คุณแม่จะไปไหนคะ”
“ก็ไปตลาดน่ะสิ งานนี้ฉันว่าต้องเป็นฝีมือไอ้พวกพ่อค้าแม่ค้าพวกนั้นแน่ มันคงจะแค้นที่ฉันจะขึ้นค่าเช่าเลยคิดจะเผาตลาดฉัน ฉันต้องไปเฉ่งมัน”
คุณนายสร้อยเพชรออกไปอย่างหงุดหงิด สายมุกรีบตาม

“คุณแม่ เดี๋ยวสิคะคุณแม่”

ทุกคนมารวมตัวกัน…เจ๊แต๋วบอกอย่างมั่นใจ

“มันต้องเป็นฝีมืออีนังคุณนายแน่ๆ รับรอง ต้องใช่แน่ๆ”
อาซ้งแย้งขึ้น
“อาแต๋วลื้อบ้ารึเปล่า ตลาดนี้ก็ของอีคุงนาย อีคุงนายอีจะเผาตลาดตัวเองทำไมวะ”
“นี่ไง เห็นไหม ติดกับมันจนได้ พอลื้อคิดอย่างนี้ มันก็เข้าทางอีคุณนายทันที”
อาซ้งไม่เข้าใจ
“อะไรของลื้อวะ”
“เอ้า...ใครๆ ก็ต้องคิดเหมือนลื้อ แล้วอีคุณนายก็จะรอดตัวไป กลายเป็นพวกเรานี่แหละที่โกรธอี เลยจุดไฟเผาตลาดอีซะเลย”
อั้มหน้าตื่น
“เจ๊จะบอกว่า พวกเรากำลังจะถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนเผาตลาดงั้นเหรอ”
เจ๊แต๋วพยักหน้า
“ถูก!นั่นคือแผนของอีคุณนาย มันคิดจะขับไล่พวกเรา”
ทุกคนฮือฮา แหววพยายามแย้ง
“แม่...มันซับซ้อนไปรึเปล่า”
ซันหันมาถามแหวว
“พ่อแกเป็นซีเอสไอเหรอ”
ทุกคนฮือฮากันดังขึ้นเรื่อยฟังแล้วมึน หรือจะจริง ยังไงกันแน่ แล้วตกลงใครเผา เราจะโดนจับไหม ดวงตัดบท
“เอาเถอะครับ ผมว่าทุกคนใจเย็นๆก่อนดีกว่า เอาเป็นว่ายังไงตอนนี้ตลาดก็ปลอดภัยแล้ว พวกเราก็ยังมีที่ทำมากินอยู่ ที่เหลือก็แค่ระวังให้มากขึ้น ต่อไปนี้ผมจะเฝ้ายามตอนกลางคืนเอง”
อาซ้งขัดขึ้น
“ลื้อจะเฝ้าได้ยังไงทั้งคืน กลางวันก็ต้องทำงาน เดี๋ยวลื้อก็ตายกันพอดี”
เจ๊แต๋วเห็นด้วย
“ใช่ๆ แค่หาตัวคนร้ายให้เจอ จับมันส่งตำรวจ แค่นี้ก็หมดปัญหาแล้ว”
ซันหันไปถามอย่างสงสัย
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะเจ๊ว่าใครเป็นคนร้าย”

เป้งกับต๋อย กำลังกินกาแฟ คุยกันเครียดๆ…เป้งหันมามองหน้าต๋อยนิ่งๆ
“หรือว่าจะเป็นแกวะไอ้ต๋อย”
ต๋อยสะดุ้ง
“อ้าว พี่เป้ง ใส่ความกันอย่างนี้ ตบกันเลยดีกว่าอ่ะ”
ลั้นลาประชด
“เอาเวลาตบกันไปสืบหาตัวคนชั่วดีกว่ามั้ง ทำตัวให้มันมีประโยชน์หน่อย”
ต๋อยเถียง
“ประโยชน์มันก็พอมีอยู่ แต่มันไม่มีคุณค่า ชีวิตมันไร้ๆ เห็นใจกันบ้างสิ”
ทั้งสามเงียบๆ กันไป…เป้งดูดกาแฟแล้วครุ่นคิด ขณะเดียวกันนั้น รถคุณนายสร้อยเพชรเข้ามาจอดลงหน้าตลาด…ทั้งสามเห็นเข้าพอดี เป้งสั่งเสียงเข้ม
“เฮ่ย...เงียบ!”
ต๋อยชะงัก
“หือ...ก็ไม่มีใครพูดอะไรนี่พี่”
“กูบอกให้เงียบ!”
เป้งพยักเพยิดให้ดูที่รถ...คุณสร้อยเพชรลงจากรถ จะเข้าไปด้านในตลาด สายมุกรีบตามมาจับตัวไว้
“ใจเย็นๆ ก่อนสิคะคุณแม่ เดี๋ยวก็มีเรื่องกันหรอกค่ะ”
“มีก็มี! พวกมันกล้าดีเผาตลาดฉัน ยังไงฉันก็ต้องเอาเรื่อง”
“แต่นั่นมันแค่สิ่งที่คุณแม่คิดเอาเองนะคะ ความจริงจะเป็นยังไงเราก็ยังไม่รู้”
“มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง ต้องพวกมันนี่แหละ”
เจ๊แต๋วนำหัวขบวนคนอื่นออกมาพอดี
“ไปเลย ไปถามนังคุณนายให้ถึงบ้านกันเลยว่าใช่ไม่ใช่”
คุณนายสร้อยเพชรเผชิญหน้ากับเจ๊แต๋ว และคนอื่นๆ บรรยากาศการเผชิญหน้าตึงเครียด เจ๊แต๋วเชิดใส่ไม่ยอมแพ้
“แหม พูดถึงก็มาพอดี สงสัยจะรู้ตัว”
คุณนายสร้อยเพชรไม่ฟัง รีบเบียดเข้าไปด้าน
“หลบๆ หลบไปๆ”
ดวงกับสายมุกมองหน้ากัน ยิ้มให้กัน

คุณนายสร้อยเพชรเข้ามามองสำรวจไปรอบๆ เจ๊แต๋วนำทีมกลับมา
“ผิดหวังเหรอคุณนาย”
“พูดเรื่องอะไรของหล่อน ฉันจะต้องผิดหวังเรื่องอะไร”
“เอ้า...ก็ผิดหวังที่ตลาดสร้อยเพชรมันยังวับวาวเจิดจรัสอยู่ ไม่ได้ไหม้เหลือแต่ตอกะโกอย่างที่คุณนายคิดไว้นะสิ”
อั้มถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ตกลงว่าจะเผาไล่ที่กันใช่ไหมคุณนาย”
ลั้นลาโวย
“แร๊งง นี่ไม่ใช่แก่ธรรมดานะ แก่ปีศาจอ้ะ แก่แร๊งง”
คุณนายสร้อยเพชรฉุนกึก
“นี่...พูดอะไรใช้สมองคิดหน่อยนะยะ แล้วก็สารภาพมาดีๆ ว่าเป็นฝีมือใครที่กล้าดีมาเผาตลาดของฉัน”
ทุกคนเริ่มงง อะไร ยังไงนี่
“คงจะไม่พอใจใช่ไหมที่ฉันจะขึ้นราคาค่าเช่า ถึงได้ลุกขึ้นมาประท้วงด้วยการเผาตลาด จะสารภาพมาดีๆ หรือว่าจะให้ฉันแจ้งตำรวจ”
ดวงเข้ามา
“ใจเย็นก่อนๆ เถอะครับคุณนาย รับรองว่าไม่ใช่ฝีมือพวกเราแน่นอนครับ”
“แล้วมันฝีมือใคร”
อาซ้งมองหน้า
“มาถามอั๊ว อั๊วจะไปรู้เหรอ พวกอั๊วสนุกกันอยู่ดีๆ ไฟมันก็ไหม้ ดีแค่ไหนแล้วที่พวกอั๊วชวยกันดับไว้ได้ทัน ไม่งั้นตลาดลื้อเจ๊งไปแล้ว”
คุณนายสร้อยเพชรตวาดแว๊ด
“หยุด...หุบปากได้แล้ว!”
ทุกคนตกใจ เงียบกันหมด
“อย่าคิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้ฉันกลัวเนื้อตัวสั่น จนต้องยอมลดค่าเช่าให้ไม่มีทาง อย่าให้ฉันรู้ตัวก็แล้วกันว่าไอ้หน้าไหนที่มันเป็นคนลงมือ รับรอง ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่”
อาซ้งจ้องหน้าเอาเรื่อง
“จะทำไม...ลื้อจะทำไม”
คนเริ่มฮือ เจ๊แต๋วสุดทน หันไปคว้ากะหล่ำปลีมาขว้างใส่
“ก็ทำยังงี้ไงล่ะ!”
คุณนายสร้อยเพชรร้องลั่น
“ว้ายย หยุดนะ!”
เจ๊แต๋วคว้าผักโน่นนี่ปาใส่ใหญ่ด้วยความโกรธ คนอื่นๆ เริ่มฮือตาม สายมุกเห็นท่าไม่ดีเข้าไปดึงแขนแม่
“คุณแม่คะ กลับกันเถอะค่ะ”
แม่ค้า พ่อค้าอื่นๆ ช่วยกันขว้างปาผักใส่คุณนาย ดวงพยายามห้าม
“หยุดก่อนครับ ทุกคน ใจเย็นครับ” ดวงหันไปบอกสายมุก “รีบพาคุณแม่คุณออกไปก่อนเร็วเข้า”
สายมุกรีบดึงตัวคุณนายสร้อยเพชรที่พยายามขัดขืน
“ไปเถอะค่ะคุณแม่”
“ทำไมๆ พวกแกจะทำอะไรฉัน”
สายมุกดึงสร้อยเพชรออกไปจนได้ พวกแม่ค้าโวยวายขว้างผักตามหลังไป แต่แล้วเจ๊แต๋วก็ตะโกนขึ้น
“หยุด!”
ทุกคนงงๆ
“อ้าว”
เจ๊แต๋วชี้ไปที่แผงผักของตัวเองที่แทบไม่เหลือของ
“พวกแกก็ไปเอาของตัวเองมาปาสิ มาปาผักฉันทำไม๊!”

ดวงวิ่งตามสายมุกออกไป เห็นรถคุณนายแล่นออกไปแล้ว…ดวงมองตามไป

มนต์รักตลาดสด ตอนที่ 4 (ต่อ)

คุณนายสร้อยเพชร พาสายมุกไปพบกับโอมที่ร้านอาหาร โอมทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้เห็นใจ ปลอบใจคุณนาย

“พวกมันกล้าทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอครับ ไม่ได้แล้ว อย่างนี้ต้องจัดการ”
สายมุกมองโอมอย่างสงสัย
“คุณจะทำอะไรคะ”
“ก็เล่นงานพวกมันที่เผาตลาด แล้วยังกล้าทำร้ายคุณแม่น้องมุกอีกน่ะสิครับ”
คุณนายสร้อยเพชรยุยง
“เอาเลยโอม จัดไปเลย จัดให้หนัก”
“แน่นอนครับ ไม่ต้องห่วง ผมจัดการให้เองครับ”
“มันอาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ดีกว่าค่ะ”
โอมได้ที
“ถ้าน้องมุกคิดว่าอย่างนั้นก็…โอเคครับ ผมจะไม่แจ้งความก็แล้วกัน”
“จะห้ามพี่เขาทำไมยายมุก ให้พี่ไปแจ้งความเลย ตำรวจจะได้สืบหาตัวคนร้าย จะได้รู้ๆ กันไปว่ามันเป็นฝีมือพวกมัน”
โอมสะดุ้งแต่นิ่งไว้
“เอ่อ...ใจเย็นครับคุณน้า เอาเป็นว่าเรื่องคนร้าย เดี๋ยวผมจะให้คนของผมตามสืบหาตัวให้ อย่าห่วงไปเลยครับ”
“แน่นะตาโอม ต้องหาตัวมันมาให้น้าให้ได้จริงๆ นะ”
“แน่นอนครับ คุณน้าไม่ต้องห่วง”
“ยังไงมันก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน ดีไม่ดี พวกมันจะรวมหัวกันทั้งตลาด คอยดูนะ ถ้ามีหลักฐานเมื่อไหร่จะไล่มันออกไปให้หมดเลย”
“สมควรแล้วครับคุณน้า ในเมื่อเราเองก็ไม่ต้องการตลาดอยู่แล้ว เราจะต้องการพ่อค้าแม่ค้าไปทำไมกันล่ะครับ จริงไหมครับ”
คุณนายสร้อยเพชรพยักหน้ารับ ดมยาดมไปด้วย สายมุกหน้าตากังวล โอมแอบยิ้มสมหวัง

โอมจอดรถในซอยเปลี่ยวลับตา...นักเลงที่รออยู่รีบบอกกัน
“มาแล้วพี่”
“เงินแค่ไม่เท่าไหร่ ให้รอซะกูเมื่อย”
นักเลงทั้งสองรีบเข้ามาที่รถ...โอมกดกระจกลง หน้าตาไม่พอใจ
“ถูกใจไหมครับคุณชาย บอกแล้วไงฝีมือพวกผมโอเคอยู่แล้ว”
“นี่แกไม่รู้อะไรเลยเหรอ”
นักเลงงงๆ
“อะไรเหรอครับ”
“นี่แสดงว่าพวกแกไม่ได้อยู่ติดตามเช็คผลงาน ถึงไม่รู้ว่าทำงานไม่สำเร็จ”
นักเลงหน้าเหวอ
“อ้าว...ไม่สำเร็จยังไงล่ะครับ สั่งให้เผา ผมก็ไปเผาแล้วนี่ครับ”
“แต่ไอ้พวกตลาดมันดับไฟได้ทัน ทำไมแกไม่เฝ้าไว้ก่อน มันดับแกก็ต้องจุดใหม่ จุดให้มันไหม้ให้ได้ ไม่ใช่หนีออกมาก่อนแบบนี้ โง่ชะมัดเลย!”
“ก็คุณบอกไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ เราก็เลยแค่เล่นเบาๆ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว” โอมส่งเงินให้ “เอาไปครึ่งเดียวก่อน”
นักเลงทั้งสองชะงักอึ้ง
“อ้าว”
“ฉันมีงานจะให้พวกแกทำต่อ ทำลายตลาดนี้ได้เมื่อไหร่ ฉันจ่ายไม่อั้นแน่”
โอมขับรถออกไป...นักเลงมองตามไปด้วยความโมโห
“ฮึ่ย...มันจ่ายแค่ครึ่งเดียว”
“เอาน่าพี่ มันบอกแล้วไงว่ายังมีงานหน้า”
“ไอ้งกเอ้ย...งานหน้า กูจะเรียกให้หนำใจเลย”
นักเลงบ่นอย่างหงุดหงิด

สายมุกไปเรียนโยคะที่บ้านครูสอน กับหนูดีซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ทั้งคู่เรียนร่วมกับนักเรียนหลายคนที่สนามหน้าบ้าน
“พ่อค้าเนี่ยนะ จะบ้าเหรอมุก เธอกล้าไปชอบเขาได้ยังไง” หนูดีเรียนไปคุยกับสายมุกไป
“ไม่ได้ชอบ ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าชอบเขา”
“เอาเถอะ จะเรียกว่าสนใจ ปลื้ม หรืออะไรก็แล้วแต่ สำคัญตรงที่เขาเป็นพ่อค้าในตลาดสดของแม่เธอน่ะสิ”
“เขาไม่ใช่พ่อค้า”
“อ้าว...ไม่ใช่พ่อค้าแล้วเขาเป็นอะไรล่ะ อยู่ในตลาด ไม่ใช่พ่อค้าก็ต้องลูกค้าล่ะน่า”
“ฉันไม่เคยเห็นเขาขายอะไรสักทีอ่ะนะ รู้แค่ว่าเขาอยู่ที่นั่น”
“แล้วเธอคิดจะทำยังไงต่อไป จะจีบเขาเหรอ”
“บ้า! ใครจะไปกล้า”
“ดีแล้วล่ะที่เธอไม่กล้า เพราะถ้าเธอกล้าจีบนายนั่นเมื่อไหร่ ฉันว่าแม่เธอกรี๊ดตลาดแตกแน่”
“ฉันไม่กล้าคิดอะไรขนาดนั้นหรอก แค่นี้ที่ตลาดก็มีปัญหามากพออยู่แล้ว”
สายมุกถอนใจอย่างกลุ้มๆ

ประเวทกับดารานั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ประเวทหันมาบอก
“เอาน่า เดี๋ยวรถก็มา”
“มาแล้วไง ถึงรถมาแต่เราไม่มีที่ไป เราจะขึ้นรถไปทำไมล่ะพี่”
ประเวทถอนใจเครียด
“หรือว่าชะตาชีวิตเราสองคนต้องจบลงที่บ้านพักคนชรา”
“โอ๊ย หรูไปแล้ว เขาจะยอมให้เราเข้ารึเปล่าก็ไม่รู้”
“ไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี้ก็ไม่เอา แล้วจะเอาไงวะ”
ดาราหน้าเศร้าหมอง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน มันคงเป็นเพราะเวรกรรมที่ฉันทิ้งลูกไว้แน่ ชีวิตฉันถึงต้องมาตกระกำลำบาก ไม่มีลูกคอยหาเลี้ยงยามแก่เฒ่า ยังไงก่อนตาย ฉันก็ต้องหาทางชดใช้บาปกรรมนี้ให้ได้ ฉันไม่อยากตกนรก”
“ก็ว่าไป ถ้าเกิดเราเจอลูก แต่ลูกเรามันเหมือนเราเป๊ะ ไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรซักอย่าง เจอไปก็เท่านั้น เครียดเปล่าๆ”
“แต่ฉันมีความรู้สึกว่ามันจะไม่ใช่อย่างนั้น พี่จำวันนั้นไม่ได้เหรอ”

ดารานึกถึงอดีตเมื่อ 25 ปีก่อน...ประเวทกับดาราหอบลูกน้อยไปฝากหลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่ง หลวงพ่อถอนใจออกมาก่อนจะปฏิเสธ
“เด็กวัดมันเยอะแล้วนะโยม อย่าเอามาเพิ่มเลย จะไม่มีที่ยืนกันอยู่แล้ว โยมเอากลับไปเลี้ยงเองเถอะ”
“แหม...หลวงพ่อก็ทำเป็นใจดำไปได้ เพิ่มอีกแค่คนเดียว วัดไม่แตกหรอกค่ะ”
“ใช่...ผมยกให้มันเป็นเด็กวัดส่วนตัวของหลวงพ่อเลยนะครับ จะเรียกจะใช้อะไร มันจะจัดหาให้ทุกอย่าง”
“รับไว้เถอะนะคะหลวงพ่อ”
“อย่าคิดทิ้งลูกเลยโยม เมื่อสร้างให้เขาเกิดมาแล้ว ก็รับผิดชอบเลี้ยงดูเขาให้ดีเถอะ วันข้างหน้าแก่เฒ่ามาเขาจะได้เลี้ยงดูโยมต่อไป” หลวงพ่อมองเด็ก “เด็กคนนี้ลักษณะดี มีบุญใหญ่ เลี้ยงเขาไว้เถอะโยม”

ประเวทจำเรื่องในอดีตได้ แต่ทำหน้าเหนื่อยใจ
“โอ๊ย หลวงพ่อท่านพูดอย่างนั้น ก็เพราะจะหลอกให้เราเอาลูกกลับไปไงไม่ใช่เรื่องจริงหรอก”
“แต่พี่อย่าลืมนะว่าพระ โกหกไม่ได้ ป่านนี้ลูกเราอาจจะเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ที่ไหนสักแห่ง ยังไงฉันก็ต้องหาตัวให้เจอให้ได้”
ดารามั่นอกมั่นใจ มีความหวังมาก


ดวงเก็บกวาดตลาดโดยมีซันช่วย...แหววนั่งเล่นไอแพดอยู่ใกล้ๆ ตะโกนถาม
“เสร็จรึยังวะ ชักช้ากันอยู่ได้ หิวแล้วนะ”
ซันมองๆก่อนจะแดกดัน
“หิวก็กินเข้าไปสิ ไอ้แผ่ดนั้นน่ะ ยัดปากเข้าไปเลย”
“คนเชยๆ เอ้าท์ๆ ล้าๆ อย่างแกอย่ามาพูดดีกว่า ไม่รู้จักล่ะสิ”
ดวงหันมาบอก
“ฉันว่าพวกแกสองคนกลับบ้านไปเถอะ”
ซันมองเพื่อน
“ได้ยังไง ฉันตั้งใจแล้วว่าคืนนี้จะอยู่ยามสลับกับแก”
แหววพูดขึ้นบ้าง
“ส่วนฉันก็จะคอยดูแลเรื่องกาแฟรอบดึก แล้วก็คอยปลุกพวกแก ถ้ามีใครหลับ”
“ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันทำเองคนเดียวได้ ตลาดนี้ก็เหมือนบ้านของฉัน ฉันไม่ยอมให้มันตกอยู่ในอันตรายหรอก ยังไงก็ต้องดูแลให้มันปลอดภัยให้ได้”
“เฮ่ย ถึงแกจะรู้สึกว่าที่นี่มันจะเหมือนบ้านแก แต่ในความจริงมันก็คือตลาดสดของคุณนายสร้อยเพชรเขานะเว้ย”
“ฉันรู้…แต่บางครั้ง ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าที่นี่เป็นบ้านของฉันจริงๆ”
แหววมองหน้าดวง
“ถ้าแกอยากเป็นเจ้าของที่นี่จริงๆ แกก็ต้องรวยมากๆ แล้วซื้อต่อคุณนายมาเลย”
ซันหันขวับมามองแหวว
“เอางั้นเลยรึ”
แหววพยักหน้า
“เอางั้นเลยสิ ซื้อมาจัดการบริหารเองไปเลย ฉันจะช่วย ฉันเรียนบริหารอยู่ ส่วนแกก็ไม่ยามก็ภารโรง เลือกเอาแล้วแต่ถนัด”
ด้วงถอนใจ
“หยุดพูดเถอะ พูดไปก็เท่านั้น มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้หรอก”
“คนเราอ่ะนะ ดูถูกอะไรก็ดูถูกได้ แต่อย่าดูถูกโชคชะตาของตัวเอง”
แหววดึงล็อตเตอรี่ออกมาจากกระเป๋า ซันนึกได้
“เฮ้ย...ลืมไปเลย วันนี้วันอะไร”
“วันหวยออกเว้ย!”
แหวววิ่งออกไปทันที
“เฮ้ย...รอด้วย”
ซันวิ่งตามไป ดวงมองตามทั้งคู่ไปขำๆ
“พวกแกคิดว่าฉันจะถูกลอตเตอรี่งั้นเหรอ” ดวงหัวเราะขมๆ “คนอย่างฉันเนี่ยนะจะได้เป็นเศรษฐี บ้า!”

ชายหนุ่มทำงานต่อไป

อั้มซึ่งย้ายที่ตั้งชั่วคราวมาอยู่หน้าตลาด…คนนั่งฟังหวยออกกันเต็มร้าน…ลั้นลาชงกาแฟไปลุ้นหวยไปมือก็คนแก้วอยู่นั่น อั้มหันไปแดกดัน

“นี่กาแฟฉันกินวันนี้นะ เห็นชงแกว่งช้อนไปมา ติ้วๆๆๆ อยู่นั่นแกปิดร้านแล้วนั่งลุ้นหวยอย่างเดียวเลยก็ได้นะนังลั้น”
“เรียกชื่อฉันให้มันจบๆหน่อย ลั้นลา...บ่อใช่ ลั้น...เฉยๆ ยูโน และอีกอย่างนะถ้าฉันถูกหวยจริงๆจะรวยมาให้อิจฉาจนน้ำตาเล็ดเลย”
“จ้า ขอให้รวยจ้า จะได้มีเงินไปผ่าตัดซะที ครึ่งๆ กลางๆ เห็นแล้วรำคาญแทน”
ลั้ลลาหยุดชงกาแฟ
“แกน่ะสิครึ่งๆ กลางๆ ตกลงลูกครึ่งหรือลูกค่างกันแน่ยะ พูดจาเสียอารมณ์”
ลั้ลลาเอากาแฟไปเสิร์ฟอย่างกระฟัดกระเฟียด เป้งนั่งนิ่งๆ ทำเหมือนไม่สนใจ ต๋อยหันมาถาม
“เป็นไรพี่ ทำเงียบ ทำไม่ระทึก”
“คนอย่างกูแค่หวย เอาไม่อยู่หรอกเว้ย มันต้องหุ้น ออร่าระดับกูต้องเล่นหุ้น”
“อื้อหือ...หุ้น กล้าพูดเนอะ แบบว่าหุ้นกันคนละครึ่ง ฉันน้ำแข็ง พี่โซดา อะไรเงี่ยเหรอ”
“ฮึ่ยย!”
เป้งตบหัวต๋อยป้าบ แหวววิ่งเข้ามา แหกปากมาแต่ไกล
“ออกยัง ออกยัง”
อั้มหันไปถาม
“อะไรของแกวะนังแหวว”
“ก็รางวัลน่ะสิ ถึงไหนแล้ว”
“กำลังจะออกรางวัลที่หนึ่งแล้ว” ลั้ลลาบอก
แหววโล่งใจ
“โชคดีที่มาทัน”
“โชคดีอะไรของแกนังแหวว แทงเยอะรึไงงวดนี้ กะดาวน์ผัวเลยว่างั้น” อั้มแดกดัน
แหววหันมาดุ
“ฮึ่ยย! เงียบๆ สิ จะฟัง”
เสียงประกาศรางวัลที่ 1 ดังขึ้น แหววลุ้นสุดตัว พอประกาศจบ แหววลุกพรวดหน้าตาช็อคมาก วิ่งกลับออกไปทันที ชนเข้ากับซันที่เพิ่งมาถึง
“อ้าว เฮ้ย...เป็นไง...โดนมั่งป่ะ”
แหววไม่ตอบแต่วิ่งไปเลย ซันงงๆ
“อ้าว...ไอ้แหวว เฮ้ย...ไอ้แหวว อะไรของมันวะ”
ซันวิ่งตามไป อั้มกับลั้ลลามองตามไปด้วยความสงสัย
“สองคนนี้มันแปลกๆ นะ มันต้องมีอะไรกันแน่ๆ”
อั้มมองๆแล้วตาลุกโชน
“นั่นน่ะสิ หรือมันจะได้เสียกันแล้ว”
ทุกคนสะดุ้ง
“เย้ย!”

ดวงจัดเก็บกวาดตลาดอยู่ แหววววิ่งตึงตังเข้ามา
“ไอ้ดวง...ไอ้ดวง”
“อะไรของแกวะ”
แหววกระโดดกอดดวงแน่น
“เฮ้ย...แหวว อะไร เป็นอะไร”
“ฉันดีใจ โคตรดีใจเลยอ้ะ”
“ดีใจเรื่องอะไรของแก”
“ไอ้ดวง ฟังนะ แกถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ย้ำ แกถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง อ๊ายย!”
แหววกรี๊ดและล้มฮวบเป็นลมไป ดวงตกใจ
“เฮ้ยไอ้แหวว”
ซันวิ่งตามเข้ามา
“อ้าว...เฮ้ย ไอ้แหววมันเป็นอะไรของมันวะ”
“มันบอกว่า ฉันถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง แล้วมันก็เป็นลมไปเลย”
“ล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง เฮะๆๆ”
ซันทรุดฮวบ ดวงหน้าเหวอ
“อ้าว...เฮ้ย...ไอ้ซัน...ไอ้บ้า เป็นลมไปอีกคนแล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย” ดวงใจเต้น “มันเรื่องจริงเหรอวะ”

ซัน แหวว ดวง สุมหัวกันตรวจเรียงเบอร์ เทียบกับล็อตเตอรี่ แหววดีใจสุดๆ
“เป๊ะ! เป๊ะ! ทุกเลข สรุปว่าแกถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเป๊ะๆ ไอ้ดวงเพื่อนรัก”
ซันหมั่นไส้
“แหม รักมันขึ้นมาเชียวนะ”
“ฉันรักมันมาตั้งนานแล้ว โง่อย่างแกจะไปรู้อะไร”
ซันฉุนกึก
“เอ๊ะ...นางนี่”
ดวงปราม
“เฮ้ย จะมาทะเลาะอะไรกันตอนนี้ บอกฉันก่อนสิ ว่า ฉันต้องทำยังไงต่อ”
“แกก็เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปกองสลากเพื่อรับเงินรางวัล” แหววบอกอย่างยิ้มแย้ม
ซันจบบ่าเพื่อน
“ซึ่งฉันอาสาจะไปเป็นเพื่อนแกเอง”
ดวงแปลกใจ
“ง่ายๆ แค่นั้นเหรอ”
“เอ้า...แล้วมันจะมีอะไรยากวะ ก็ในเมื่อแกมีล็อตเตอรี่ใบที่ถูกรางวัลอยู่ในมือ เงินรางวัลมันก็ต้องเป็นของแกสิ เตรียมตัวเป็นเศรษฐีได้แล้วไอ้ดวง” แหววอธิบาย
ดวงยังงงไม่หาย
“เศรษฐี…เป็นยังไงอ่ะ ไม่เคยเป็น”
“เดี๋ยวได้เงินมาแกก็รู้เองล่ะน่า”
แหววหัวเราะชอบใจ ซันหน้าตาซีเรียสชึ้นมา
“แต่ฉันว่าเรื่องนี้เราอย่าเพิ่งให้ใครรู้เลย เก็บไว้ก่อนปลอดภัยสุด”
แหววไม่เข้าใจ
“ทำไมวะ ของอย่างนี้มันต้องป่าวประกาศสิ ต้องบอกให้รู้กันไปทั่วตลอดเลย มันถึงจะถูก”
“แกจะบ้าเหรอ อยากให้ไอ้ดวงมันซวยรึไง”
ดวงยิ่งงง
“แกหมายความว่าไงวะ ตกลงฉันโชคดีหรือซวยกันแน่วะเนี่ย”
“ฟังนะ ตอนซื้อล็อตเตอรี่ชุดนี้ มันไม่ต้องมีหลักฐาน ไม่ต้องลงทะเบียนไม่ต้องอะไรเลย มันเป็นเรื่องของโชคล้วนๆ”
ดวงอึ้งๆไป นึกถึงลุงตาบอด ซันอธิบายต่อ
“เพราะฉะนั้นใครจะเอาไปขึ้นเงินก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแก ถูกป่ะ”
“เออจริง”
“แล้วถ้าเกิดคนชั่วๆ มันรู้เข้า มันมาปล้นล็อตเตอรี่แกไปรับรางวัลแทนก็หมดกัน จบ”
แหววเห็นด้วย
“แกมีเหตุผล งั้นรู้กันสามคนจนกว่าแกจะได้เงิน”
ดวงส่ายหน้า
“แค่สามคนไม่ได้หรอก…ยังไง ก็ยังมีอีกคนที่ต้องรู้”
ซันสงสัย
“ใครวะ”
“พวกแกอย่าลืมสิ ว่าล็อตเตอรี่พวกนี้ ฉันไม่ได้ซื้อมา”

ดวงนึกถึงอดีต เมื่อครั้งที่เขาช่วย ลุงขายล็อตเตอรี่ตาบอดไว้ ลุงตาบอดส่งล็อตเตอรี่ชุดใหญ่ให้เขา
“ทั้งเนื้อทั้งตัวลุงไม่มีอะไรจะตอบแทนน้ำใจของพ่อหนุ่ม...นอกจากสิ่งนี้ รับไว้”
“ผมแค่อยากจะช่วย ไม่ต้องตอบผมหรอกครับ”
“รับไว้เถอะ”
“ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ ครับ”
“งั้นคิดเสียว่าลุงฝากไว้ ก็แล้วกัน ขืนเอาไปด้วยจะโดนปล้นอีกฝากไว้ แล้วลุงจะกลับมาเอา”
ลุงตาบอดยัดล็อตเตอรี่ใส่มือดวง

ดวงมองล็อตเตอรี่ในมือ
“ลุงคนขายแกให้ฉันมา ยังไงฉันก็ต้องบอกแกเรื่องนี้ แล้วเงินรางวัล มันก็ควรเป็นของแก ไม่ใช่ของฉัน”
แหววขัดขึ้น
“เฮ่ย แต่ลุงแกหยิบยื่นให้แกเป็นรางวัลที่แกเข้าไปช่วยลุงเขาไว้นะ ล็อตเตอรี่เนี่ย มันก็ต้องเป็นของแกอยู่แล้วไอ้ดวง อย่าคิดมากสิ”
“ถึงแกจะอยากบอกตาลุงนั่น แกจะไปบอกแกที่ไหนวะ บ้านช่องแกอยู่ไหน ก็ไม่มีใครรู้”
แหววเห็นด้วยกับซัน
“เออ...นั่นสิ”
ดวงอึกอัก
“แต่ฉัน….”
ซันตัดบท
“ไอ้ดวง คิดอย่างนี้สิ ตาลุงนั่นอาจจะเป็นผู้นำโชคมาให้แกก็ได้นะเว้ย แกจะไม่รับไว้ จะปฏิเสธ มันก็เรื่องของแก แต่ฉันไม่เห็นด้วย”
แหววมองหน้าดวง
“แกเป็นคนดี ดีโคตรๆ ดีมาตลอด แกจะมีโชคดีบ้างไม่ได้เหรอ ทำไมต้องปฏิเสธมันด้วย”
ดวงอึ้งเงียบไป
“ขอเวลาฉันคิดก่อนแล้วกันว่าจะเอายังไง”

ซันกับแหววมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ดวงครุ่นคิด หน้าเครียด

โปรดติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้ 9.30 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น