พริกกับเกลือ ตอนที่ 3
มารศรีมองศยามด้วยความรู้สึกผิด
“ดิ่ง...”
มารศรีจะขยับเข้าหา แต่ศยามเดินฉีกหลบ มารศรีได้แต่มองอย่างปวดร้าว จิตรวรรณที่แอบมองอยู่จากมุมหนึ่งพึมพำกับตนเอง
“นายดิ่งรู้จักกับคุณมารศรีได้ยังไง...มาคุยอะไรกัน”
จิตรวรรณนึกขึ้นได้ว่าควรเก็บรูปไว้เป็นหลักฐาน รีบหยิบมือถือขึ้นมา จะเอามาถ่าย แต่อยู่ๆมีคนเดินมาชนจนมือถือหล่น
“โอ๊ย ระวังๆหน่อยสิ”
จิตรวรรณรีบหยิบมือถือขึ้นมา จะมาถ่าย แต่ปรากฏว่าศยามกับมารศรีหายไปจากตรงนั้นแล้ว จิตรวรรณแปลกใจ รีบมองหาไปรอบๆ แต่หาไม่เจอ
“เฮ้ย...หายไปแล้วอ่ะ ว้า...”
จิตรวรรณได้แต่เจ็บใจ
ศยามเดินหนี มารศรีเดินตาม
“ดิ่ง เดี๋ยวก่อนสิ ดิ่ง”
“ผมไม่น่ามาเจอคุณเลย ไม่น่าเลย...”
มารศรีเข้าไปขวาง
“เพราะคุณยังรักฉันอยู่!”
ศยามอึ้ง ปวดร้าว
“คุณถึงอยากเจอฉัน...คุณถึงมา แต่ฉันต่างหากที่อยากเจอคุณมากกว่า”
ศยามพยายามข่มใจ ไม่แสดงอารมณ์
“คุณมีอะไรอยากจะพูด รีบพูดมา แล้วเราจะไม่เจอกันอีก”
มารศรีร้องไห้ น้ำตาไหล
“คุณคงจะโกรธและเกลียดฉันมากเลยใช่มั้ย”
“จู่ๆผู้หญิงที่ผมรักก็หายตัวไป...แล้วจู่ๆผมก็รู้ว่าเธอไปแต่งงานกับพ่อตัวเอง ผมควรจะรู้สึกอย่างนั้นมั้ย”
“แล้วคุณคิดว่าฉันอยากให้เป็นอย่างนี้เหรอ”
“แต่...ที่ผมเห็น คุณมีความสุขมาก”
“ฉันไม่เคยมีความสุขเลย ไม่มีสักวินาทีเดียว เพราะฉันต้องทำ เพราะฉันไม่มีทางเลือก”
“ทางเลือกอะไรที่ทำให้คุณทำเรื่องทุเรศๆแบบนี้ คุณรู้ใช่มั้ยว่าท่านเป็นพ่อผม แล้วทำไม”
“พ่อคุณข่มขืนฉัน!”
“อะไรนะ!”
ศยามตกใจ ช็อก”
“ไม่จริง พ่อผมไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด พ่อผมเป็นคนดี”
“ไม่มีใครดีพร้อมไปหมดทุกอย่างหรอกนะ! พ่อคุณชอบฉัน อยากได้ฉัน ทั้งๆที่ฉันบอกเขาไปแล้ว ว่าฉันเป็นแฟนคุณ”
“คุณโกหก!”
“ฉันจะโกหกเพื่ออะไร ทั้งๆที่มันทำให้ฉันอับอาย ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ไม่เหลือคุณค่า ไม่กล้ากลับไปสู้หน้าคุณแบบนี้ ฉันจะทำทำไม! หา!”
มารศรีร้องไห้หนัก วิ่งหนีไป
“ศรี...เดี๋ยวก่อน ศรี!”
ศยามวิ่งตามารศรีไป เพราะรู้สึกเป็นห่วงและเริ่มหวั่นไหวกับเหตุผลของเธอ
มารศรีวิ่งปาดน้ำตาออกมาที่ริมแม่น้ำ ศยามวิ่งตามมา
“เดี๋ยวก่อนศรี...”
ศยามคว้ามือเอาไว้ได้ มารศรีกลับเป็นฝ่ายผละถอยออกจากเขาเสียเอง
“ออกไป! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ฉันมันสกปรกโสโครก ฉันมันไม่ดีพอสำหรับคุณอีกแล้ว”
“ศรี...”
“ขอให้คุณโชคดี เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ลาก่อน ปล่อยฉัน!”
“คุณจะไปไหน”
มารศรีช้ำใจ หันไปที่ริมแม่น้ำ วิ่งไปปีน ทำท่าจะกระโดด
“ศรี...อย่านะ”
ศยามเข้าไปห้ามดึงออกมา ไม่ยอมให้กระโดด
“ปล่อย...ฉันไม่อยากอยู่สู้หน้าคุณอีกแล้ว ปล่อย”
“ไม่...อย่าทำอย่างนี้นะศรี”
ศยามดึงรั้งมารศรีเอาไว้ แล้วดึงเข้ามากอด ปลอบ มารศรีค่อยๆสงบลง กอดตอบ อย่างสุขสมใจ ที่ทุกอย่างสำเร็จตามแผน
รัตนาเตรียมเอกสารการประชุมเป็นชุดๆอยู่ที่โต๊ะทำงาน เจตนาเดินเข้ามาสั่ง
“รัตนา เย็นนี้ บอกให้ยัยจี๊ดเข้าประชุมด้วยนะ” เจตนามองไม่เจอจิตรวรรณ “แล้วนี่ ยัยจี๊ดหายไปไหน”
“เอ่อ...คุณจี๊ด...ไป...”
เจตนารู้ได้ทันที
“บอกมาตามตรง ไม่ต้องปกป้องลูกสาวผม”
แต่แล้วจู่ๆจิตรวรรณก็เดินเข้ามา
“จี๊ดอยู่นี่ค่ะพ่อ”
“ถ้าแกคิดว่าเป็นลูกฉันแล้วจะทำตัวมีอภิสิทธิ์กว่าพนักงานคนอื่นล่ะก็...ลาออกไปดีกว่า”
“จี๊ดไปดูแลรักษาผลประโยชน์ของบริษัทมาค่ะ”
เจตนางงๆ
“ผลประโยชน์อะไร”
“พ่อคงคิดไม่ถึงแน่ว่านายดิ่ง พนักงานใหม่ของพ่อ แอบไปนัดเจอใครมา”
เจตนาและรัตนาแปลกใจ
มารศรียอมสงบ นั่งอยู่กับศยาม
“ฉันจะเล่าความจริงให้คุณฟังค่ะ ดิ่ง”
“ผมกำลังฟังอยู่”
มารศรีพยายามทำเป็นเข้มแข็ง เล่าเรื่องให้เขาฟัง เธอบอกกับศยามว่าเมื่อเธอกลับมาจากเมืองนอก เธอกลับพบพ่อกับแม่นั่งเครียดอยู่ในบ้าน
“ที่ฉันต้องรีบกลับเมืองไทย เพราะโรงงานของพ่อกับแม่มีปัญหา...ท่านอาจจะกลายเป็นคนล้มละลาย...ศรีสงสารท่านมาก ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง”
แต่ความจริงในอดีตนั้น มารศรีกระแทกกระเป๋า ด่าทอพ่อแม่
“แปลว่าหนูกลับไปเรียนต่อก็ไม่ได้...ทุกอย่างถูกยึด แล้วหนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทุกคนต้องหัวเราะเยาะที่หนูตกต่ำ”
“ใจเย็นๆลูก พ่อกับแม่กำลังหาทางออกกันอยู่” แม่เตือน
“เพื่อนของพ่อลูกจะช่วยเรา” พ่อบอก
“ใครล่ะคะ จะโง่เสียเงินมาช่วย”
เศกเดินเข้ามา พ่อกับแม่มารศรีเห็นก็ดีใจ มารศรีหันไปดู
มารศรีตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ
“คุณเศกก็เข้ามา ศรีเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของคุณพ่อ ศรีดีใจที่รู้ว่าเขาเป็นคุณพ่อของดิ่ง ศรีเลยแนะนำตัวว่าเป็นแฟนดิ่ง”
แต่ความจริงแล้ว มารศรี มองเศกตาเชื่อม เปิดประตูใจเต็มที่ คุยกับเศก ซึ่งนั่งอยู่กับพ่อแม่
“ศรีไม่รู้จักลูกชายคุณเศกจริงๆค่ะ แปลกนะคะ เรียนอยู่เมืองเดียวกันแท้ๆ”
“เจ้าดิ่งมันเป็นคนเก็บตัวนะจ๊ะ วันๆขลุกอยู่แต่กับตำรา”
“ศรีก็ไม่ค่อยมีสังคมค่ะ ชอบอยู่ในห้องสมุด คุณเศก...อายุมากแล้วแต่ยังดู สง่าอยู่เลยนะคะ”
เศกหัวเราะชอบใจ รู้สึกพึงพอใจสาวน้อยแอ๊บแบ๊วที่ชื่อมารศรี
มารศรีเล่าเรื่องที่เธอปั้นแต่งขึ้นมาต่อ
“เขาบอกว่าชอบฉันตั้งแต่แรกพบ ถึงฉันจะพยายามถอยห่าง...จนวันนึง...ในงานเลี้ยงประจำปีของลักชัวรี่คาร์ ฉันเป็นตัวแทนพ่อกับแม่ไปแสดงความยินดี...ขากลับ คุณเศกอาสาไปส่งฉัน ฉันปฏิเสธ เพราะไม่อยากใกล้ชิดเขา”
แต่ในความเป็นจริงนั้น มารศรีเดินมาที่จอดรถของโรงแรมกับเศก
“รถศรีเนี่ยเกเรจริงๆ ดันเสียซะได้ เลยต้องรบกวนคุณเศก เกรงใจจังค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมยินดี เชิญ...”
“ขอบคุณนะคะ...อยู่ใกล้คุณเศกแล้ว ศรีรู้สึกอบอุ่นและก็ปลอดภัยจังเลย”
เศกอึ้ง รู้สึกหวั่นไหวกับสายตาของหญิงสาว มารศรีจะขึ้นรถ แล้วทำเป็นเซซบลงกับอกของเขา
“คุณศรี ไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ศรี...ปวดหัว...ศรีเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ศรีกลัว”
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ ผมจะดูแลคุณเอง”
มารศรีเหลือบมองอย่างขอบคุณ เศกสบตาอย่างอ่อนไหว
“แล้วถ้า...จะดูแลศรีตลอดไป...ได้มั้ยคะ”
เศกอึ้ง หัวใจพองโต ยิ้มออกมาอย่างดีใจ...มารศรียิ้มตอบ
มารศรีแสร้งร้องไห้ซบอกศยาม
“แต่ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเขาอ้างเรื่องบุญคุณ จะไม่ช่วยพ่ออีกต่อไป ฉันเลยตกหลุมพราง...ขึ้นรถ...จากนั้นฉันก็หมดสติ มารู้สึกอีกทีก็...ในห้องนอนของเขา ฉันถูกเขาข่มขืน ได้ยินมั้ย ฉันถูกเขาข่มขืน”
“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว”
ศยามเบือนหน้าหนี มารศรียังตามไปซ้ำ
“ฉันเลยต้องแต่งงานกับเขา เพื่อรักษาเกียรติยศของตัวเอง ของพ่อและแม่เอาไว้ คุณเข้าใจฉันหรือเปล่า ว่าฉันไม่มีทางเลือก”
ศยามกำหมัดแน่น ทั้งแค้นและเสียใจ มารศรีสะอื้น
“ไม่เชื่อใช่มั้ย งั้นไปสิ ไปถามพ่อคุณเอง ว่ามันจริงอย่างที่ฉันพูดหรือเปล่า”
ศยาม โพล่งออกมาอย่างเสียใจ
“ผมไม่มีทางกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีก”
มารศรีอึ้ง...นึกสะใจ สมใจ เข้าแผน ศยามลุกขึ้นยืน จะไป
“ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนแบบนั้น....และคุณ...ก็ไม่ใช่ไม่มีทางเลือก คุณเลือกได้ศรี คุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับคนที่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคุณ ถ้าคุณไม่ได้รัก...คุณรักพ่อผมหรือเปล่า”
“ฉันไม่เคยรักเขา...แต่ฉันรักพ่อและแม่ของฉัน ฉันทำเพื่อพวกท่านค่ะดิ่ง”
ศยามอึ้ง...ตัดสินใจเดินจากไปทันที
“ดิ่งคะ ดิ่ง...”
ศยามไม่หันมา...มารศรียิ้มสะใจ
“เมื่อคุณไม่กลับ...มรดกส่วนที่เป็นของคุณก็จะกลายมาเป็นของฉันมากขึ้น เงิน...ทำให้ฉันสบาย...ไม่ใช่ความรัก”
มารศรีสวมแว่นกันแดด...เดินออกไปอีกทางอย่างมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือก
ศยามเดินมาตามทาง แววตาเจ็บปวด นึกถึงคำพูดของมารศรี ชายหนุ่มเครียด สับสน
“พ่อ...มันเป็นไปได้ยังไง”
ศยามทรุดเศร้าข้างฟุตบาตร
ศยามเดินกลับเข้ามาในบริษัท แต่ต้องผงะ เพราะจิตรวรรณเข้ามายืนขวาง
“วันนี้นายไม่รอดแน่”
“อะไร”
“อุ๊ย ซื่อ ใส อินโนเซ้นส์ แหวะ ไม่มีใครเขาเชื่อนายอีกแล้ว”
รัตนารีบเข้ามา
“คุณดิ่ง...คุณเจตนาเรียกให้เข้าพบด่วนค่ะ”
ศยามอึ้ง รู้ได้ทันทีว่าจิตรวรรณต้องฟ้องอะไรเจตนาสักอย่าง ศยามตามรัตนาไป...จิตรวรรณสะใจ
“พวกกิ้งก่าเปลี่ยนสี ตีสองหน้า วันนี้นายหัวหลุดจากบ่าแน่”
จิตวรรณตามไปด้วยทันที
ศยามเดินเข้ามาในห้อง เจตนานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาถามทันทีที่ได้พบหน้า...
“ยัยจี๊ดบอกฉันว่า...นายไปเจอกับคุณมารศรี ภรรยาคุณเศก เจ้าของบริษัทที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจของฉัน”
ศยามอึ้ง...ไม่คิดว่าจิตรวรรณจะตามไปเห็น จิตรวรรณพรวดตามเข้ามาในห้องด้วย
“ท่าทางสนิทสนมกันมากด้วยนะคะ”
เจตนาปราม
“ยัยจี๊ด ออกไปก่อน พ่อจะคุยกับเขาเอง”
“ไม่ค่ะ จี๊ดจะอยู่ดูน้ำหน้าพวกไส้ศึก...ยอมรับมาเลย ว่านายคือคนที่คุณมารศรีว่าจ้างให้มาเป็นสายลับล้วงข้อมูลของบริษัทเราใช่มั้ย”
ศยามพูดขึ้นเรียบนิ่ง
“คุณมารศรีกับผม เป็นเพื่อนกันครับ”
“คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนาย มีเพื่อนระดับคุณมารศรีเหรอ เพ้อเจ้อโกหกหน้าด้านๆ”
“ผมพูดความจริงครับ ผมกับคุณมารศรีเคยรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน แล้วเราก็ไม่ได้เจอกันนานมาก”
“เรียนอะไร เรียนที่ไหน...โรงเรียน...”
เจตนาปราม
“พอๆๆ”
“โรงเรียนอะไรล่ะ บอกมาสิ ฉันจะไปเช็ค ว่ามีจริงหรือเปล่า ซึ่งขอเดา ว่านายมั่ว สารภาพความจริงมาเดี๋ยวนี้”
“จี๊ด พ่อบอกให้พอ! ออกไปได้แล้ว นายดิ่ง”
จิตรวรรณหงุดหงิด
“คุณพ่อ...จะไม่ไล่หมอนี่ออกเหรอ ไม่ได้นะคะ”
“จะให้พ่อไล่ออก เพราะแค่เขาเป็นเพื่อนกับภรรยาคู่แข่งเหรอจี๊ด”
“เพื่อนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือถึงจะจริง...คุณพ่อไม่กลัวความลับบริษัทรั่วไหลไปถึงหูเขาเหรอ มันไม่คุ้มกันเลย...ยังไงคุณพ่อก็ต้องไล่มันออกไป”
“ดิ่ง...ออกไปทำงานไป” เจตนาพยักหน้าให้
“ครับ” ศยามเดินออกไป
“คุณพ่อ!” จิตรวรรณโมโห ที่ไม่ได้ดั่งใจ
“ถ้าไม่มีหลักฐาน พ่อไม่ไล่ใครออกทั้งนั้น แกก็ออกไปทำงานได้แล้ว ไม่อย่างนั้นพ่อจะไล่แกออก”
จิตรวรรณขัดแค้นใจที่พ่อไม่เข้าข้าง กระฟัดกระเฟียดออกไป เจตนาเหนื่อยใจกับลูกสาวมาก แต่ก็คิดถึงเรื่องของศยาม
“เป็นเพื่อนกับภรรยานายเศกเหรอ...โลกกลมจริงๆ”
เจตนาไม่ติดใจอะไร ลงมือทำงานต่อ
ศุวิมลกลับเข้ามาที่บ้าน ต้องแปลกใจ เพราะพวกพนักงานบริษัทมายืนรออยู่ 3-4 คน มีแม่บ้านอยู่ด้วย
“มาทำอะไรคะ”
พนักงานหญิงคนหนึ่งเข้ามาบอก
“รอคุณท่านเซ็นต์เอกสารค่ะ แต่คุณท่านยัง...”
แม่บ้านหนักใจ
“ข้าวปลาอาหาร คุณท่านก็ไม่แตะเลยค่ะคุณศุ”
ศุวิมลมองไปอีกด้านเห็นเศกกำลังนั่งเลื่อนลอยอยู่ที่ระเบียงริมสวน ที่โต๊ะข้างๆมีแฟ้มเอกสารวางรออยู่ไม่สนใจงานการ เอาแต่ซึมเหม่อ ศุวิมลมองพ่ออย่างหนักใจ
เศกยังนั่งซึม ศุวิมลเดินเข้ามาหา
“คุณพ่อไม่ไปทำงาน...”
“พ่อไม่อยากไป...ไม่รู้จะทำไปทำไม”
“คุณพ่อ...ศุกำลังให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยตามหาพี่ดิ่งให้แล้ว อีกไม่นานต้องได้ข่าวแน่ๆค่ะ คุณพ่ออย่าเพิ่งท้อแท้หมดหวังนะคะ”
มารศรีเข้ามา
“ถ้าคุณดิ่งเขาตั้งใจจะหลบหน้า ตามหาไปก็เท่านั้นแหละค่ะ”
ศุวิมลไม่พอใจ
“ความคิดของพี่ดิ่ง...มีแต่พี่ดิ่งที่รู้ คนที่ไม่รู้ กรุณาอย่าสันนิษฐานให้คนอื่นเสียหาย”
“ศรีพูดไปตามเนื้อผ้านะคะคุณศุ...ไม่เห็นต้องว่าศรีขนาดนี้เลย”
เศกปรามลูกสาว
“แกเลิกก้าวร้าวคุณศรีได้แล้ว ตอนนี้คุณศรีเป็นคนในครอบครัว เป็นเมียพ่อ ให้เกียรติเขาบ้าง”
“แต่เมียพ่อก็ควรจะรู้ว่า อะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด โดยเฉพาะเรื่องพี่ดิ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเขา”
“พ่อไม่อยากได้ยินชื่อไอ้ลูกเนรคุณ ห้ามใครพูดถึงมันอีก ในเมื่อมันตัดพ่อออกจากชีวิตของมันได้ พ่อก็ตัดมันออกจากชีวิตของพ่อได้เหมือนกัน”
“คุณพ่อ...”
ศุวิมลอึ้ง เศกเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที มารศรีแอบยิ้มสมใจ ก่อนจะตีหน้าเศร้า เป็นห่วงเศกตามไป
“คุณเศกคะ ศรีหาอะไรให้ทานนะคะ...”
ศุวิมลคิดจะต้องทำอะไรสักอย่าง
“พี่อยู่ที่ไหน พี่ดิ่ง...”
ศยามเดินกลับมาที่ศูนย์บริการ หยิบเครื่องมือจะไปดูรถ อยู่ๆจิตรวรรณเดินพุ่งเข้ามาปัดอุปกรณ์นั้นออกจากมือเสียงดังโคล้งเคล้ง ทุกคนที่อยู่บริเวณ นั้นหันมามองเป็นตาเดียว จิตรวรรณชี้หน้า อาฆาต
“ไม่ว่านายคิดจะทำอะไร ขอให้รู้ไว้ ว่าฉันจะคอยจับผิด และจะหาทางเล่นงานนายให้ได้...ระวังตัวไว้ให้ดี”
“ถามจริง ตั้งแต่เริ่มทำงานมา คุณได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้างหรือยัง”
“จับผิดนายนี่แหละงานของฉัน”
ศยามมองหยัน
“อืม...ความสามารถต่ำดี”
จิตรวรรณโกรธจี๊ด
“นายดูถูกฉัน!”
“ดีใจจัง ที่ไม่ได้ดูผิด ขอตัวนะ ผมจะไปทำตัวให้มีประโยชน์กับบริษัท”
ศยามหยิบผ้าอุปกรณ์ไปทำงาน
จิตรวรรณโมโหมาก
“นายดิ่ง!”
ยอดชายกับใจดีผ่านเข้ามา รีบมาห้ามจิตรวรรณไว้
“จี๊ดๆๆๆ...มีอะไร หยุดก่อน ใจเย็น”
ยอดชายกับใจดีห้ามเอาไว้ จิตรวรรณขัดใจมาก กวาดตาไปมองพวกลุงแปลงและแต๋ว โพ ด้วง...ทุกคนสยอง รีบไปทำงานใครงานมัน
จิตวรรณนั่งคุยกับยอดชายและใจดีที่มุมกาแฟ ทั้งสองตกใจกับสิ่งที่จิตวรรณบอก
“คุณดิ่งเป็นไส้ศึก”
ใจดีแย้งอย่างไม่เชื่อ
“แกคิดมากไปเองหรือเปล่า เขาอาจจะเป็นเพื่อนกันจริงๆก็ได้”
ยอดชายออกความเห็น
“ฉันสองคนก็ฐานะยากจน ยังเป็นเพื่อนกับเธอได้เลย”
“มันไม่เหมือนกัน”
ยอดชายกับใจดีงง
“ยังไง”
“ก็...” จิตรวรรณเถียงไม่ออก “นี่ พวกแกเข้าข้างนายนั่นมากกว่าเพื่อนเหรอ”
ยอดชายถอนใจบางๆ
“พวกเราไม่ได้เข้าข้างใคร แต่แค่เขารู้จักกัน ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นไส้ศึก เหตุผลมันไม่พอ”
“นายนั่นไม่น่าไว้ใจ...เพียงพอแล้ว”
ใจดีตัดบท
“พอเหอะ อคติเต็มหัวใจแบบนี้ พูดไปก็ไม่เวิร์กอ่ะยอด”
จิตรวรรณชักฉุน
“ไม่เวิร์ก...ตกลงพวกแกจะเป็นมิตรหรือศัตรูกับฉัน”
ยอดชายกับใจดีพูดพร้อมกัน
“ศัตรู!”
จิตรวรรณชะงัก
“พวกแกเปลี่ยนไป ตั้งแต่นายนั่นเข้ามาสร้างความวุ่นวายในชีวิตฉัน”
ยอดชายกับใจดีหน้าตื่น
“จี๊ด”
จิตรวรรณเริ่มลามไปเรื่อย
“ทำเหมือนฉันโง่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แล้วพวกแกก็ยังมีอคติกับพี่เทวัญหาว่าพี่เทวัญกำลังจะนอกใจฉัน...อ๋อ ที่พวกแกเข้าข้างนายดิ่ง เพราะนายนั่นก็เกลียดพี่เทวัญเหมือนกันใช่มั้ย...ใส่เสื้อสีเดียวกันนี่เอง”
ยอดชายตัดบท
“ใจดี ไปทำงานเหอะ เริ่มเยอะแล้ว”
ยอดชายกับใจดีรีบแยกออกไปทันที จิตรวรรณหงุดหงิดไม่ได้อย่างใจ
พริกกับเกลือ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ศยามเตรียมเอารถไปเทสต์เครื่อง ลุงแปลงเดินผ่านมาเห็น จึงถาม
“จะเอารถไปเทสต์เรอะ เจ้าดิ่ง”
“ครับลุง”
“เรื่องคุณหนูจี๊ด อย่าไปถือสาแกเลยนะ อดทนไว้ จริงๆ แล้วแกเป็นคนแพ้ความดีนะ...ลุงรู้ว่าเอ็งเป็นคนดี อีกไม่นานคุณจี๊ดก็ต้องยอมแพ้”
“แสดงว่า....คุณเทวัญเป็นคนดี คุณจี๊ดเลยยอมแพ้ให้”
ลุงแปลงมองหน้า
“หรือว่าเอ็งไม่คิดว่าเขาดีล่ะ”
“ไม่ทราบครับลุง ผมรู้จักเขาแค่เพียงไม่นาน คนเราดูกันแค่สั้นๆไม่ได้หรอก ครับ”
“ก็จริง...เอ็งไปทำงานเถอะ”
ศยามยิ้มให้ลุงแปลง ที่เดินออกไป ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องของจิตรวรรณ
“นอกจากนิสัยจะเสีย วิจารณญาณในการดูคนยังเสียอีกต่างหาก ยัยจี๊ด”
ศยามขึ้นรถขับออกไป
จิตรวรรณเดินตามหาเทวัญ ยุพากำลังเทรนเซลส์สาวรุ่นน้องอยู่ที่มุมหนึ่ง
“รถของโมเดิร์นคาร์เปรียบเมือนเพชร จะมาขายเหมือนขายของโหลไก่กาไม่ได้ เจ๊ไม่ให้ผ่าน”
ยุพาเหลือบไปเห็นจิตรวรรณ ก็หันไปบอกรุ่นน้อง
“รอก่อนนะ”
ยุพาเข้าไปประจบจิตรวรรณทันที
“คุณจี๊ดขา สวัสดีคะ คุณแม่สบายดีมั้ยคะ ฝากความระลึกถึงท่านด้วยนะคะ”
“พี่ชื่ออะไรคะ”
ยุพาหน้าเสียที่จิตรวรรณจำไม่ได้
“พี่ยุพาค่ะ...เป็นคนสนิทคุณแม่คุณจี๊ดไงคะ”
“อ๋อ หัวหน้าเซลส์ สายของคุณแม่...เห็นพี่เทวัญมั้ย”
“เห็นว่าออกไปพบลูกค้า ยังไม่กลับมาเลยค่ะ มีเรื่องทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าคะ”
จิตวรรณจ้องหน้าไม่พอใจ
“ไม่มีงานการทำหรือไงคะ”
ยุพายังไม่รู้สึก
“มีค่ะ แต่พี่ยินดีเป็นกาวใจให้นะคะ...พี่ถนัด บอกได้”
จิตรวรรณรำคาญ เดินเชิดออกไป ไม่สนใจ
“อุย...สะบัดบ๊อบใส่ เจ๊ไม่ให้ผ่านค่ะ”
ยุพาสะบัดบ๊อบกลับไปหาลูกน้องต่อ
เทวัญประคองเงาะออกมาจากห้องของโรงแรมม่านรูด จู๋จี๋หวานฉ่ำ พากันขึ้นรถออกไป...รถของเทวัญเลี้ยวปร๊าดออกจากม่านรูด โดยไม่ทันได้ดูว่ามีรถกำลังแล่นมา รถคันนั้นเบรกกะทันหัน เกือบชน รถเทวัญเบรกเอี๊ยด ทั้งสองคันคากันอยู่หน้าม่านรูด เทวัญลงมา อารมณ์เสีย
“ไม่เห็นหรือไง ว่ามีรถออก”
ศยามคือคนที่ลงมาจากรถ...เทวัญอึ้ง
“ไอ้ดิ่ง!”
เงาะตามลงมา
“ชนกันหรือเปล่าคะพี่เทวัญ”
ศยามเห็นเงาะก็อึ้งไป...เงาะตกใจมากที่เห็นศยาม หน้าถอดสี ทำอะไรไม่ถูก รีบกลับขึ้นไปนั่งบนรถเทวัญ
“แก...ตามฉันมาใช่มั้ย!”
“ผมเอารถลูกค้ามาเทสต์ กำลังจะกลับ”
ศยามจะกลับไปขึ้นรถ
“เดี๋ยวก่อน...แกบอกฉันซิ ว่าแกเห็นอะไร”
ศยามพูดตรงๆ
“คุณออกมาจากม่านรูดกับคุณเงาะเพื่อนคุณจี๊ด”
เทวัญขู่ทันที
“ไม่ใช่...แกเห็นฉันมาคนเดียว! ไม่งั้น...แกเดือดร้อนแน่”
ศยามยิ้มเยาะ มองหน้าเทวัญอย่างไม่ยี่หระ
“คุณควรจะไปทำอะไรให้มันไกลๆออฟฟิศหน่อยนะ...แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้มีนิสัยขี้ฟ้องใคร ยิ่งเรื่องคาวๆแบบนี้อยู่นอกเหนือความสนใจของผม”
ศยามขึ้นรถขับออกไป เทวัญมองตามกลัวว่าศยามจะปากโป้ง เทวัญกลับไปขึ้นรถ เงาะกังวลใจมาก
“เขาจะเอาเรื่องไปบอกจี๊ดหรือเปล่าคะ พี่เทวัญจะเดือดร้อนหรือเปล่าคะ”
เทวัญหลุดปากตะคอก
“เงียบน่า!”
เงาะสะดุ้ง ตกใจกลัว เทวัญรู้สึกตัวว่าเผลอพูดไม่ดีกับเงาะ เอื้อมมือไปโอบให้กำลังใจเงาะ
“ไม่มีใครต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ ยกเว้นมัน...ไอ้ดิ่ง”
เทวัญกระชากรถออกไป
เทวัญเดินเข้ามาในออฟฟิศ เช็คเครื่องแต่งกายให้เข้าที่เข้าทาง จิตรวรรณโผล่ออกมาดักเทวัญเอาไว้ หน้าตาเครียด เทวัญตกใจ คิดว่าจิตรวรรณรู้เรื่องเงาะจากศยาม
“ทำไมพี่เทวัญทำแบบนี้!”
“น้องจี๊ด ฟังพี่ก่อนนะ พี่กับ...”
จิตรวรรณไม่ฟัง
“ทำไมพี่เทวัญไม่รีบจัดการนายนั่นให้จี๊ดคะ”
เทวัญอึ้ง
“นายนั่น...”
“ก็นายดิ่งไง อย่าบอกนะ ว่าพี่เทวัญไม่ใส่ใจความทุกข์ของจี๊ด ลืมว่าจี๊ดไม่ไว้ใจ ไม่ชอบหน้า อยากไล่นายนั่นไปให้พ้นๆ”
เทวัญโล่งใจ รีบเอาใจแก้ตัว
“พี่ไม่ได้ไม่ใส่ใจ แต่ตอนนี้พี่เองก็มีเรื่องวุ่นวายให้จัดการเยอะ...จี๊ดใจเย็นๆก่อนนะ มันไปทำอะไรให้จี๊ดไม่พอใจอีก”
“นายดิ่งนัดเจอกับคุณมารศรี ภรรยาคุณเศก”
“อะไรนะ!”
“อ้างว่าเป็นเพื่อนเก่า ไม่ได้เข้ามาสืบความลับให้ทางโน้น ใครจะเชื่อ...แต่คุณพ่อและเพื่อนๆจี๊ดเชื่อมัน พี่เทวัญ จี๊ดไม่ไหวแล้วนะ ทำไมทุกคนต้องเข้าข้าง ปกป้องนายนั่น”
จิตรวรรณรู้สึกว่าต้องรีบลงมือเอง
“พี่เทวัญงานยุ่งใช่มั้ยคะ ไม่เป็นไร...จี๊ดจะจัดการเอง”
จิตรวรรณรีบออกไป
“เดี๋ยวก่อนจี๊ด”
จิตรวรรณไม่ฟัง...เทวัญครุ่นคิด ตัดสินใจอะไรบางอย่าง ต้องรีบกำจัดศยามออกไป
ค่ำนั้น...ศยามเดินเข้ามาที่ห้อง แต่ก็ชะงัก วันดีและจิตรวรรณเข้ามาขวางที่หน้าห้อง ป้าเพ็ญตามมาห่างๆ รู้สึกเห็นใจศยาม วันนดีจ้องหน้าแล้วพูดเสียงแข็ง
“ฉันคงให้เธออยู่ร่วมชายคาไม่ได้อีก เธอคงจะรู้ว่าเพราะอะไร”
ศยามเหลือบมองจิตรวรรณ ที่ยืนเย้ยอยู่ รู้ได้ทันทีว่าเธอฟ้องวันดี
“คุณเจตนาอาจจะไม่เห็นว่ามันสำคัญ แต่ฉันไม่ใช่! ฉันต้องตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อความปลอดภัยของโมเดิร์นคาร์ เธอต้องไปอยู่ที่อื่น”
จิตรวรรณไล่ทันที
“รีบๆไปสิ!”
ศยามเย้ย
“กลัวคุณท่านจะมาเห็นเสียก่อนหรือไง”
ทันใดนั้นเสียงเจตนาดังขึ้น
“มีเรื่องอะไรกัน คุณวันดี ยัยจี๊ด”
จิตรวรรณสะดุ้ง หันไป รับเจตนาเดินมากับแช่ม สีหน้าเคร่งเครียด วันดียืนนิ่ง เตรียมพร้อมปะทะกับสามี ศยามหนักใจ
วันดีต่อว่าเจตนาอย่างไม่พอใจ
“คุณมองคนในแง่ดีเกินไป ถึงขนาดนี้แล้ว ยังคิดว่านายดิ่งไว้ใจได้อยู่อีกเหรอคะ”
จิตรวรรณเสริม
“จี๊ดไม่เข้าใจคุณพ่อเลย”
เจตนาหน้าเรียบเฉย
“การเชื่อใจคนสักคนหนึ่ง มันไม่มีอะไรต้องเข้าใจยาก”
ศยามอึ้ง ที่เจตนาให้ความเชื่อใจมากขนาดนี้ วันดีไม่พอใจ
“สักวัน ถ้านายเศกเล่นงานคุณสำเร็จ จะรู้สึก”
“ผมรู้จักนายเศกดี เขาเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่เป็นมาเฟีย...เป็นไม่ได้ที่นายดิ่งเข้ามาแทรกซึมในบริษัทโดยยอมลงทุนเอาตัวเองเข้าเสี่ยงตายช่วยผมแบบนั้น”
ทุกคนอึ้ง ศยามตัดสินใจพูดขึ้น
“ผมขออนุญาตครับ...”
ทุกคนหันไปมองศยาม
“ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านและครอบครัวมีปัญหากัน...ผมขอไปดีกว่าครับ”
จิตรวรรณหมั่นไส้
“ดี ที่รู้ตัว”
เจตนาเสียงเข้ม
“อยู่ที่นี่แหละ!”
จิตรวรรณหน้าเหวอ
“คุณพ่อ!”
วันดีไม่พอใจสุดๆ
“คุณ!”
“เพื่อพิสูจน์ว่านายบริสุทธิ์ใจจริงอย่างที่ยืนยันกับฉัน และทำให้ทุกคนเห็น ว่านายไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่เข้าใจ เพราะฉะนั้น นายต้องอยู่”
ศยามอึ้ง
“ครับ...ขอบคุณครับ”
เจตนามองหน้าภรรยากับลูกสาว
“และขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นคุณกับยัยจี๊ดระรานนายดิ่ง ถ้าไม่อยากมีเรื่องกับผม”
เจตนาท่าทางเอาจริงมาก จิตรวรรณกับวันดีพูดไม่ออก แต่ก็ไม่พอใจท่าทีของเจตนา
ศยามสบตาจิตรวรรณ ที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ชายหนุ่มรู้ว่าปัญหามันยังไม่จบ
จิตรวรรณเดินงุ่นง่าน อารมณ์เสียอยู่ในห้องนอน
“ยัง มันยังไม่จบ นายดิ่ง!”
ด้านล่าง...ศยามมองไปที่ห้องนอนของจิตรวรรณ
“ยัยคุณหนูนิสัยเสีย...จะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าเรื่องตัวเองยังเอาตัวไม่รอด”
ศยามคิดถึงภาพเทวัญกับเงาะในรถ...
“นายเทวัญ...ใส่ร้ายพ่อว่าพยายามทำลายธุรกิจคุณเจตนา...เป็นคู่หมั้นยัยคุณหนูนิสัยเสีย แต่กลับ...มีความสัมพันธ์แบบลับๆกับเพื่อนยัยนั่น...ตัวอันตรายชัดๆ”
ศยามมั่นใจในความคิดของตัวเองเรื่องเทวัญ
รถเทวัญเข้ามาจอดหน้าอพาร์ตเม้นต์ เงาะลงมาจากรถ เทวัญตามลงมา
“เงาะจ๊ะ”
“อย่าบอกนะว่าจะตามไปส่งเงาะที่ห้อง”
“ช่วงนี้...เราห่างกันสักพักนะ”
เงาะชะงัก
“อะไรนะคะ”
“ถึงไอ้ดิ่งมันจะไม่ปากโป้ง แต่พี่ก็ไม่ไว้ใจ...เราอย่าเพิ่งทำอะไรให้จี๊ดเห็นพิรุธเลยดีกว่า”
เงาะไม่ค่อยชอบใจนัก
“ถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ”
“ก็จนกว่า...พี่จะแน่ใจว่าไอ้ดิ่งมันจะไม่อยู่ปากโป้งเรื่องของเรา”
“อย่านานนักนะ เงาะต้องอกแตกตายแน่ๆเลย ถ้าต้องห่างพี่เทวัญนานๆ”
“เอาน่า...ดีซะอีก ยิ่งห่าง ความรักของเราจะยิ่งมีค่านะ รู้มั้ย”
“ก็ได้...”
เทวัญหอมหน้าผากเงาะ
“ฝันดีนะจ๊ะ จำไว้นะ ถ้าอยากให้ความรักของเราสมหวัง...เงาะต้องใจเย็น ถ้าพี่จบกับจี๊ดไม่สวย พี่จะถูกออกจากงานโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวออกมาสักบาท”
“ค่ะ”
เงาะยิ้มให้แล้วเดินออกไป...เทวัญยิ้มส่งจนหญิงสาวลับไป แล้วเขาก็หน้าเครียดทันที
“เสียใจด้วยนะเงาะ เธอหมดอายุสำหรับพี่แล้วล่ะ”
เทวัญขึ้นรถขับออกไป...สักพักยอดชายและใจดีเดินเข้ามา มีเรื่องจะต้องคุยกับเงาะ
ในห้องพัก...เงาะนั่งนิ่ง ทำไม่รู้ไม่ชี้ ใจดีและยอดชายจ้องหน้าคาดคั้น ใจดีพูดขึ้น
“เอาความจริงนะเงาะ”
“ความจริงเรื่องพี่เทวัญเหรอ...ก็เขาเป็นแฟนจี๊ด แล้วไง”
ยอดชายถามตรงๆ
“แล้วเธอไปยุ่งอะไรกับแฟนเพื่อนหรือเปล่า”
เงาะอึ้ง ตกใจ ไม่คิดว่าเพื่อนจะรู้ เงาะคิดถึงคำพูดของเทวัญเมื่อครู่
‘จำไว้นะ ถ้าอยากให้ความรักของเราสมหวัง...เงาะต้องใจเย็น ถ้าพี่จบกับจี๊ดไม่สวย พี่จะถูกออกจากงานโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวออกมาสักบาท’
เงาะรีบปฏิเสธยอดชายและใจดีทันที
“ฉันไม่เคยยุ่งกับพี่เทวัญ”
ใจดียืนยัน
“แต่ฉันเห็นเธอกับพี่เทวัญเขี่ยเท้ากัน”
เงาะไม่พอใจ
“นี่ ยัยใจดี อย่ามาทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ยัยจี๊ดจนต้องมาใส่ร้ายกัน”
“ฉันไม่ได้...”
ยอดชายตัดบท
“พอเถอะใจดี”
ใจดีชะงัก เห็นสายตาห้ามของยอดชาย ใจดีจำใจหยุด
“ถ้าเงาะยืนยัน พวกเราก็จะเชื่อเธอ”
“จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ว่า...ฉันมันคนไม่สำคัญ เชิญไปเลียแข้งเลียขายัยจี๊ดตามสบาย”
ใจดีระอา
“เงาะ แกพูดเกินไปนะ”
“ก็ฉันน้อยใจนี่ เอะอะทุกคนก็เข้าข้างเอาใจยัยจี๊ด จนไม่สนว่าฉันจะเป็นไงมากล่าวหากันแบบนี้ ฉันเสียหาย ฉันเสียใจ”
ยอดชายกับใจดีอึ้ง มองหน้ากัน...รู้สึกแย่เหมือนกันที่ทำให้เงาะเสียใจ
ยอดชายกับใจดียืนอยู่หน้าห้อง เงาะปิดประตูใส่หน้าโครม ยอดชายกับใจดีสะดุ้ง หันมามองหน้ากัน ใจดีถอนใจ
“เหมือนเราเป็นคนผิดเลยเนาะ”
“อืม...ช่างเหอะ...เพื่อนอาจจะคิดได้เลยรีบกลับตัว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“แล้วก็โมโหเราเนียนๆ”
“หน้าที่เราคือคอยเตือนสติเพื่อนเวลาที่เห็นว่าเพื่อนกำลังจะทำผิด ก็คอยดูต่อไป”
ใจดีและยอดชายพยักหน้าให้กัน ก่อนจะพากันออกไป
ศยามเดินกลับมาที่หน้าห้องเจอกับจิตรวรรณที่ยืนอยู่
“คุณ...มาทำอะไรที่ห้องผม”
“นี่บ้านฉัน ฉันอยากจะเดินไปไหนมาไหน มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน”
ศยามสงสัย ระแวง
“คิดจะทำอะไร”
“นี่บ้านฉัน ฉันจะทำอะไร ก็เป็นสิทธิ์ของฉัน”
“ผมขี้เกียจเถียงกับคุณแล้ว”
“มันก็เป็นสิทธิ์ของนาย”
ศยามเข้าห้องไป จิตรวรรณหันไปกวักมือเรียก นายแช่มโผล่ออกมา เอาแม่กุญแจมาคล้องล็อกห้องเอาไว้ ศยามที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงกุกกักๆ รีบเดินมาจะเปิดประตู
“คุณจะทำอะไรนะ”
จิตรวรรณรีบมาดันประตูเอาไว้
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน...นายแช่ม เร็วๆ”
แช่มมือไม้สั่น
“ไม่อยากมีเรื่องกับคุณท่านเลยให้ตาย”
จิตรวรรณดุ
“ก็ปิดปากเงียบสิ! คุณพ่อไม่มีทางรู้แน่”
“เสร็จแล้วครับ”
แช่มล็อกประตูเสร็จ ศยามเปิดประตูไม่ออก
“ทำยังงี้มันเกินไปนะ คุณจี๊ด เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
“เพื่อความปลอดภัยของบ้านฉัน ฉันจะล็อกห้องนายทุกคืน...ถ้าไม่ชอบอยู่ในกรง ก็ออกไปจากบ้านฉันสิ...” หญิงสาวหันไปกำชับแช่ม “เอากุญแจมานี่”
จิตวรรณดึงลูกกุญแจมาจากแช่ม ศยามตะโกนออกมา
“อยากมีเรื่องกับพ่อคุณหรือไง”
“ถ้าฉันเดือดร้อน นายจะต้องถูกฉันแก้แค้นคืนร้อยเท่าพันเท่า”
จิตรวรรณเดินหัวเราะ สะใจออกไป
“ยัยเด็กมีปัญหา...”
ศยามหงุดหงิดมาก
เช้าวันใหม่ ศยามเดินกระวนกระวายอยู่ในห้อง ออกจากห้องไม่ได้ มองเวลาที่บอกเวลาแปดโมงแล้ว รีบไปที่หน้าต่างมุ้งลวดข้างประตู เรียกแช่มที่เดินผ่านมา
“พี่แช่ม เปิดประตูให้ผมที ผมสายแล้ว”
“พี่ไม่มีกุญแจ ถึงมีพี่ก็ไม่กล้าเปิดหรอก พี่ไม่อยากเป็นศัตรูกับคุณจี๊ด”
จิตรวรรณเดินมาถึงหน้าห้อง
“เม้าท์อะไรฉัน”
“ก็เม้าท์” แช่มสะดุ้ง “จ๊าก เปล่าครับๆๆ”
แช่มรีบออกไป หลบมุมแอบดู ศยามตะโกนลั่น
“เปิดประตูเร็วๆ คุณทำให้ผมไปทำงานสายแล้วรู้ตัวหรือเปล่า”
“ถือว่าฉันปรานี”
จิตรวรรณเปิดประตูให้ ศยามหน้าเครียดออกมา
“ฉันจะขังนายแบบนี้ทุกวัน...ถ้าไม่อยากไปทำงานสาย ก็ย้ายไปอยู่ห้องเช่าที่อื่น”
จิตรวรรณจะเดินกลับไป แต่อยู่ๆศยามคว้าตัวเอาไว้
“นายจะทำอะไรฉัน ปล่อย”
ศยามผลักจิตรวรรณเข้าไปในห้องตัวเอง แล้วแย่งแม่กุญแจมาล็อก ขังไว้ในนั้น
“ปล่อยฉันนะ !”
“ถ้าคุณขังผมทุกวัน ผมก็จะขังคุณไว้เหมือนกัน ตาต่อตาฟันต่อฟัน...คุณจะได้รู้ว่ามันสนุกแค่ไหนที่ถูกขัง”
“นายกล้าทำกับฉันในบ้านฉันเหรอ ฉันจะฟ้องพ่อ”
“เชิญ”
ศยามเอากุญแจใส่กระเป๋ากางเกงเดินออกไปเลย จิตรวรรณโวยวายเรียก
“เอากุญแจมา นี่ ปล่อยฉันนะๆๆ”
แช่มเดินออกมามอง ตะลึงในความกล้าของศยาม แช่มทึ่งๆในตัวชายหนุ่ม
“สุดยอด กล้าเปิดสงครามกับมหาอำนาจ...ใจเด็จมากๆ”
“นายแช่ม เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้...ไปเอาเลื่อยมา เร็วๆๆๆ”
จิตรวรรณโวยวาย แช่มรีบร้อนไป
ศยามเพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดช่างเสร็จ รีบร้อนเข้ามาในศูนย์บริการ ด้วงเข้ามาต่อว่ากวนๆ
“เมื่อวานก็อู้งาน วันนี้ก็มาสาย...คิดว่าเป็นเด็กเส้นเด็กฝากแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอวะ”
ศยามพูดเรียบนิ่ง
“พอดีเมื่อเช้าผมมีเรื่องนิดหน่อย ขอโทษทุกคนด้วยครับ”
แต๋วเข้ามาถาม
“มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะดิ่ง”
ด้วงล้อเลียน
“มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะดิ่ง แหม ได้ใหม่แล้วลืมเก่านะจ๊ะแต๋วจ๋า”
แต๋วหันไปตวาด
“เงียบไปเลย พี่ด้วง!”
แต๋วเดินออกไปอย่างหงุดหงิด ลุงแปลงตัดบท
“เอ้าๆๆ ทำงานๆๆ รถของคุณสมภพ ซ่อมเบรก ตรวจช่วงล่าง ทำเสร็จยัง”
“ยัง”
โพหงุดหงิดไปหยิบเครื่องมือออกไป ทันใดนั้นเสียงมือถือด้วงดังขึ้น ลุงแปลงมองหน้าด้วง
“ไอ้ด้วง ถ้าเรื่องส่วนตัว ฉันหักเงินเดือน”
“คุณเทวัญโทรมานะลุง ไม่รับได้ไง”
ด้วงรีบออกไป ลุงแปลงมองอย่างแปลกใจ
“ไอ้นี่ ตีซี้ผู้บริหาร...มีเรื่องอะไรให้มันทำนักวะ คนละแผนกแท้ๆ”
ศยามมองตามอย่างสงสัย
เทวัญคุยมือถืออยู่ในห้องทำงาน
“เอาให้มันพูดไม่ได้ ถึงตายฉันก็ไม่สน”
เทวัญวางสาย
“ฉันไม่มีทางปล่อยให้แกทำฉันพังก่อนหรอกไอ้ดิ่ง ในเมื่อฉันยังไปไม่ถึงเส้นชัย!”
เทวัญยิ้มเหี้ยม
โพกับด้วงกำลังเดินมานั่งพัก จิตรวรรณเข้ามา
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
โพกับด้วงตกใจ คิดไม่ถึงว่าจิตรวรรณจะมาหาและมีเรื่องเสวนาด้วย จิตรวรรณหน้าเครียดมาก
ศยามซ่อมรถเสร็จ ปิดกระโปรงรถ...วางใบรอเทสต์ลงบนกระจกรถ แล้วเดินออกไป จะไปล้างมือ ด้วงรีบเข้ามา หันมอง พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น ด้วงหยิบที่คลายน็อตขึ้นมาเหลียวมองที่ไปที่ล้อรถทำการคลายน็อตล้อ
เพื่อเวลาที่ศยามเอารถไปเทสต์แล้วล้อรถจะหลุด และเกิดอุบัติเหตุ!
พริกกับเกลือ ตอนที่ 3 (ต่อ)
มุมหนึ่งศูนย์บริการโมเดิร์นคาร์ ด้วงแอบคลายน็อตล้อหน้าพลางเหลียวมองซ้ายขวา หน้าหลัง มองลอดใต้ท้องรถ กลัวใครมาเห็น เท้าศยามเดินเข้ามาจากทางอีกฝั่งหนึ่งของรถ ด้วงรีบลุกขึ้น ซ่อนที่คลายน็อตล้อไว้ข้างหลัง
“ทำอะไร” ศยามสงสัย
“ทำเหรียญหล่น เลยเก็บ”
ด้วงเดินหนี ศยามมองตามด้วงอย่างสงสัย หันมองรถ จะสำรวจ...ลุงแปลงเข้ามา
“เจ้าดิ่ง...ไปเทสต์รถหรือยัง...ใกล้เวลาลูกค้าจะมารับรถแล้ว”
“ครับลุง”
ศยามรีบขึ้นรถไป สตาร์ทรถขับออกไปโดยไม่ได้ตรวจสอบอีก ด้วงยืนแอบดูอยู่ ยิ้มสะใจ
จิตรวรรณนั่งเหม่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ขณะที่รัตนานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่ไปคุยกับด้วงและโพก่อนหน้านี้
‘ฉันรู้ว่านายสองคนไม่ถูกกับนายดิ่ง’
โพกับด้วงพยักหน้ารับ
‘แล้วรู้ใช่มั้ยว่าฉันก็ไม่ชอบนายนั่น’
โพกับด้วงพยักหน้ารับ
‘นายสองคนอยู่ใกล้นายนั่นมากกว่าฉัน...จัดการเขี่ยมันไปให้พ้นๆได้มั้ย’
โพถามงงๆ
‘หมายถึงอะไรครับ’
‘ก็ให้มันถูกไล่ออกไง หรือจะให้ไปตายที่ไหนก็ช่าง แล้วฉันจะให้รางวัลอย่างงาม แต่ต้องไม่ให้พ่อฉันรู้’
โพกับด้วงอึ้ง ไม่ตอบรับ
‘ไม่งั้น...คนที่ฉันจะหาทางไล่ออกแทนนายนั่นคือนายสองคน’
โพกับด้วงรับคำ
‘ครับ...’
จิตรวรรณเดินออกไป โพและด้วงหันมามองหน้ากัน เอาไงดี
รัตนายืนมองจิตรวรรณที่นั่งคิดเครียดๆอยู่ เรียกขึ้นเบาๆ
“คุณจี๊ดคะ”
จิตรวรรณยังนั่งนิ่ง
“คุณจี๊ดคะ!”
จิตรวรรณสะดุ้ง
“ว่าไง!”
“ท่านเชิญที่ห้องค่ะ”
จิตรวรรณลุกขึ้น เดินผ่านหน้ารัตนา ก่อนจะหยุด ปรายตามอง
“ใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร”
รัตนาแปลกใจ
“เอ่อ...”
“กลิ่นตลาดนัดมาก บ่งบอกถึงรสนิยม...นี่ เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราวของพ่อ ฉันหรอกน่ะ อย่าหวังว่าท่านจะอุ้มชูให้เกียรติ คิดให้ดีนะ ถอนตัวตอนนี้ยังทัน”
จิตรวรรณเข้าห้องทำงานของเจตนา รัตนาหน้าเสีย แต่พยายามสลัดความคิดไม่สบายใจอกไป เดินตามไปเงียบๆ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ศยามที่ขับรถออกไป เกิดอาการพวงมาลัยสั่น ทันใดนั้น รถเสียการทรงตัว ศยามตกใจ หักพวงมาลัยเข้าข้างทางทันที!!
ในห้องทำงาน...เจตนากำลังสั่งงานจิตรวรรณ ขณะที่รัตนายืนอยู่ด้วย
“พรุ่งนี้ ฉันจะให้แกไปฝึกงานที่แผนกการตลาดของเทวัญ”
“จี๊ดจะเป็นเลขาคุณพ่อ”
“ฉันรู้ว่าแกอยากเป็นเลขาฉันเพราะจะมาจับผิดฉันแทนแม่ของแก”
จิตรวรรณหน้าเสีย...เหลือบตามองรัตนาที่ยืนนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ
“ถามจริงๆ แกมาทำงานทำไม”
“จี๊ดอยากช่วยคุณพ่อ”
“เปล่า...แกอยากเอาชนะนายดิ่ง”
จิตรวรรณจะเถียง เสียงโทรศัพท์ในห้องเจตนาดังขึ้น เจตนารับสาย
“ฮัลโหล...ว่าไง ยอดชาย...” เจตนาตกใจ “รถล้อหลุดระหว่างเอาไปเทสต์!”
จิตรวรรณและรัตนาอึ้ง ตกใจ แปลกใจ
“แล้วนายดิ่งเป็นอะไรมากมั้ย!...เป็นตายเท่ากัน”
จิตรวรรณหน้าซีดเผือด
ศยามในสภาพหมดสติ หัวแตก เลือดเปรอะเต็มตัว ถูกลำเลียงลงจากรถพยาบาลและถูกเจ้าหน้าที่เข็นเข้าห้องฉุกเฉิน ยอดชายและลุงแปลงวิ่งมาจากทางหนึ่ง มาหยุดยืนที่หน้าห้องฉุกเฉิน รู้สึกเป็นห่วงศยามมาก
จิตรวรรณเดินตามเจตนาและรัตนามาที่รถ รัตนาแย้งขึ้น
“ไม่ให้นายแช่มขับล่ะคะท่าน”
“ฉันใช้มันไปทำธุระ ไม่เป็นไรฉันขับเอง ยัยจี๊ด แกจะไปโรงพยาบาลกับพ่อด้วยมั้ย”
“ค่ะ” จิตรวรรณเปลี่ยนใจ “เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะ จี๊ด...ขอเคลียร์งานดีกว่า”
จิตรวรรณรีบกลับเข้าข้างในไป เจตนา และรัตนามองตาม เจตนาเห็นปฏิกิริยาลูกสาวดูตื่นๆ แต่ไม่ติดใจอะไร แต่รัตนารู้สึกสงสัย
“ไป รัตนา”
เจตนาและรัตนารีบขึ้นรถไป ยุพาผ่านออกมาเห็นเจตนาและรัตนาขึ้นรถกันไปสองคน...ยุพาชะงัก แอบดู หูตาวาว
“อุ๊ย...รีบร้อนออกไปกันแค่สองคน ท่านขับรถเองด้วย...อุ๊ย...น่าสงสัยที่สุด ฮอตไลน์ทันทีจ้า”
ยุพาสนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆ
จิตรวรรณเดินเข้ามา ลงนั่งหน้าซีด
“จะตายมั้ยเนี่ย...ใช่ฝีมือสองคนนั่นหรือเปล่า...ถ้าใช่ ฉันก็เป็นผู้จ้างวาน โอ๊ย...ฉันไม่ได้ตั้งใจอ่ะ”
“คุณจี๊ดคะ...”
จิตรวรรณสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมอง เห็นรัตนายืนอยู่”
“คุณจี๊ดใช้ให้ใครทำอะไรคุณดิ่งคะ”
จิตรวรรณอึ้งและตกใจมาก เมื่อรัตนารู้
เทวัญคุยมือถือด้วยความสะใจ
“ดี...แล้วพยายามอย่าทำตัวมีพิรุธให้เรื่องมาถึงฉัน คราวนี้ ถึงไม่ตาย มันก็น่าจะรู้ว่าชีวิตมันไม่ปลอดภัยถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป...ฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีแกเดี๋ยวนี้เลย”
เทวัญวางสาย ยิ้มสมใจ ทางด้านด้วงกดวางสายมือถือ ยิ้ม พอใจเช่นกัน
“เฮ้อ...มีเงินไปเที่ยวเกะแล้วเว้ย...”
โพเดินมาจากมุมหนึ่ง มาทางข้างหลังด้วง กระชากให้หันมา
“ฝีมือแกใช่มั้ย ไอ้ด้วง!”
“เออ...ฝีมือฉันเอง ก็พี่มันใจเสาะนี่หว่า”
“ถึงฉันจะไม่ชอบขี้หน้าไอ้ดิ่ง แต่ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นฆาตกร ฉันจะพาแกไปสารภาพความผิดกับตำรวจ”
ด้วงฮึดฮัด
“ฉันโดน พี่ก็โดน แล้วคุณจี๊ดก็ต้องโดนด้วย เอาเหรอ!”
โพอึ้ง...
จิตรวรรณเปิดประตูห้องเจตนาเข้ามา รัตนาเดินตามมา แล้วปิดประตู ล็อค เพราะกลัวใครจะมาได้ยิน
“ดิฉันเห็นคุณจี๊ดสีหน้าไม่สู้ดี เลยขออนุญาตท่านมาดูแล แล้วก็ได้ยินสิ่งที่คุณจี๊ดพูดเมื่อกี้”
“เออ ฉันเป็นคนบอกให้สองคนนั่นจัดการทำให้นายดิ่งถูกไล่ออก จะวิธีไหนก็ได้ แล้วฉันก็เผลอหลุดปากเพราะโมโหว่าจะให้ตายๆไปเลยก็ได้...ฉันไม่คิดว่า...จะทำกันขนาดนี้”
“โธ่ คุณจี๊ด”
“ฉันแค่อยากให้นายนั่นไปให้พ้นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าให้ตาย”
“ดิฉันรู้ค่ะ คุณจี๊ดไม่ใช่คนใจดำถึงกับขนาดสั่งฆ่าคนได้”
จิตรวรรณมองหน้ารัตนา อึ้งๆ
“เธอ...จะ...บอกคุณพ่อเรื่องนี้มั้ย”
รัตนานิ่งคิด แวตัดสินใจ...
“ดิฉันจะไม่บอกคุณท่านหรอกค่ะ แต่คุณจี๊ดต้องเป็นคนบอกท่านเอง”
จิตรวรรณใจเสีย เมื่อรัตนาบอกอย่างนั้น
ศยามที่ปลอดภัยแล้ว ถูกรักษาเรียบร้อย มีผ้าพันแผลที่หัว แขนเข้าเฝือก และแผลถลอกตามเนื้อตัวนอนอยู่บนเตียง เจตนายืนอยู่ข้างเตียงกับยอดชายและลุงแปลง
“เจ้ายอดชายบอกฉันซะน่าตกใจ ว่านายอาการเป็นตายเท่ากัน”
ลุงแปลงหันมาบอก
“แค่หัวแตก แขนหักเท่านั้นครับท่าน”
“ก็ผมตกใจนี่ครับ เห็นสภาพรถที่ชนกับเสาไฟฟ้าเละขนาดนั้น...ไม่รอดก็น่าจะสาหัส”
ศยามถอนใจ
“แช่งผมซะแล้ว คุณยอดชาย”
“ผมขอโทษ...”
เจตนามองศยามอย่างห่วงใย
“นายดิ่งดวงแข็ง พระคุ้มครอง เลยแคล้วคลาด แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้เกิดอุบัติเหตุ”
“ผมเอารถออกไปเทสต์หลังจากที่ซ่อมเสร็จแล้ว จู่ๆล้อหน้าก็หลุด ทำให้รถเสียหลักครับ”
“เป็นไปได้ไง ไม่ได้เช็คก่อนเอารถออกไปหรือไง”
“เช็คทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ แต่...”
ศยามอึ้งไป คิดถึงภาพที่เขาเห็นด้วงก้มๆเงยๆอยู่ที่ล้อรถหน้าซ้าย
“แต่อะไร”
ศยามคิดๆ
“ผม...ไม่แน่ใจ...”
“ปกติดิ่งเป็นคนรอบคอบมาก เรื่องน็อตที่ล้อหลวมจนหลุด ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้”
“ผมขอโทษครับสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น”
“เทียบกับชีวิตของนายไม่ได้หรอก นายปลอดภัยก็ดีแล้ว พักผ่อนเถอะ”
ยอดชายโล่งใจที่ศยามไม่เป็นอะไรมาก
“หายแล้ว เดี๋ยวผมจะพาไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ล้างซวยนะคุณดิ่ง”
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น รัตนาเปิดประตูเข้ามา จิตรวรรณค่อยๆเดินตามเข้ามา แบบลุ้นๆ เจตนาหันไปมอง
“อ้าว...ยัยจี๊ด...มาจนได้นะ”
จิตรวรรณโพล่งออกมา
“ตายหรือยังคะ”
ศยามเซ็งกับคำพูดของจิตรวรรณ ยอดชายยิ้มแหยๆ
“ฉันรายงานท่านโอเวอร์ไปหน่อย คุณดิ่งปลอดภัยดี แค่หัวแตก แขนหัก”
จิตรวรรณดีใจ
“จริงเหรอ! เย้!”
ทุกคนแปลกใจที่จิตรวรรณดีใจเรื่องศยาม...ยกเว้นรัตนามองขำๆ จู่ๆจิตรวรรณก็เข้าไปกอดรัตนา
“นายดิ่งไม่ตาย นายดิ่งไม่ตาย”
รัตนาอึ้งๆ ทุกคนก็อึ้ง...ที่เห็นจิตรวรรณดีใจกับรัตนาคนที่จิตรวรรณเคยตั้งแง่รังเกียจ ก่อนที่จิตรวรรณจะนึกขึ้นได้ รีบผละออกมาจากรัตนา...ทำฟอร์มเหมือนเดิม
“จริงๆแล้ว ไม่น่ารอดเลยเนอะ เสียดาย”
ทุกคนงงกับปฏิกริยาของจิตรวรรณ ศยามมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ กึ่งขำๆ จิตรวรรณตัดสินใจบางอย่างดึงมือรัตนาออกไปทันที ทุกคนมองตามแปลกใจ โดยเฉพาะเจตนา
จิตรวรรณดึงมือรัตนามาคุยกันในที่ปลอดคน
“ไหนๆนายนั่นก็ปลอดภัยแล้ว ฉันไม่อยากให้คุณพ่อรู้เรื่องฉัน เธอเก็บมันเป็นความลับได้มั้ย”
รัตนาอึ้ง
“คุณจี๊ด...”
“เธออยากได้อะไร ฉันจะซื้อให้ หรือไม่ก็...”
ยอดชายเข้ามา
“พี่รัตนาเขาไม่ชอบรับสินบนใครหรอกจี๊ด”
จิตรวรรณตกใจ
“ยอด!”
ยอดชายมองหน้าเพื่อนสาว
“มีเรื่องอะไรที่ฉันควรจะรู้มั้ย”
จิตรวรรณอึ้ง...ไม่กล้าสบตายอดชาย
ยอดชายจับมือจิตรวรรณพยายามลากไป
“โอย...ยอดปล่อย!”
รัตนาห้ามยอดชาย
“คุณยอดคะ เบาๆค่ะ”
“ต้องหนักๆพี่ เพื่อนผมคนนี้มันบาปหนา ต้องพาไปขอโทษคุณดิ่ง”
จิตรวรรณโวยวาย
“ฉันไม่ผิด นายนั่นไม่ระวังตัวเอง อาจจะไม่ได้เกิดจากฝีมือของคนที่ฉันจ้างก็ได้”
ยอดชายชะงัก
“เธอจ้างใคร”
“ไม่บอก ฉันไม่อยากให้พวกนั้นซวย...ถูกไล่ออก ไม่มีงานทำเพราะฉันหรอก”
ยอดชายไม่พอใจ
“จี๊ด คนทำผิดแล้วสำนึกผิด ทุกคนพร้อมให้อภัย แต่ถ้าไม่ จะมีแต่คนรุมประนาม...และสาปแช่ง”
จิตรวรรณไม่สน
“แล้วไง”
“แล้วไง ถามคำ จะใช้ชีวิตให้มีความสุขต่อไปได้ยังไง ในเมื่อมีแต่ความผิดบาปอยู่ในใจ”
จิตรวรรณอึ้ง
“เธอจะไม่ขอโทษก็ได้ งั้นเรื่องนี้ รู้ถึงหูท่านแน่นอน”
ยอดชายจะเดินออกไป เหมือนตั้งใจจะไปฟ้องเจตนา จิตรวรรณตัดสินใจ
“ก็ได้!”
ยอดชายชะงัก ไม่เดินต่อ
“แต่...ให้พ่อกับลุงแปลงกลับไปก่อนได้ป่ะ”
“ได้...แต่ฉันจะอยู่เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเธอจะไม่เบี้ยว”
จิตรวรรณหน้าง้ำ เดินนำทุกคนออกไป
ยอดชายหันมายิ้มกับรัตนาอย่างโล่งใจ ก่อนจะรีบตามจิตรวรรณไป
ต่อจากตอนที่แล้ว
เทวัญเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาในห้อง เจตนานั่งทำงานอยู่
“เห็นคุณรัตนาบอกว่านายดิ่งปลอดภัยแล้วใช่มั้ยครับ”
“ใช่...นั่งสิ”
“ครับ...แล้วน้องจี๊ดอยู่ไหนครับ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน”
“เขาขออนุญาตอยู่จัดการเรื่องนายดิ่งที่โรงพยาบาลให้ฉัน”
เทวัญชะงัก
“อะไรนะครับ”
เจตนามองหน้า
“น่าแปลกใจมั้ยล่ะ”
“ครับ...”
เทวัญแปลกใจ และไม่พอใจ นึกหวาดระแวง
จิตรวรรณนั่งนิ่ง ยอดชายยืนประกบ ศยามนอนอยู่บนเตียงมองมาที่ ทั้งสอง ยอดชายหันไปเตือน
“จี๊ด...นานมากแล้วนะ”
“ก็ฉันทำใจอยู่ รอหน่อยสิ หรือว่ารอไม่ได้ ไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ กลับไปเลยไป”
“รู้น่า...ว่าถ้าฉันไป เธอก็จะแอบไปด้วยเหมือนกัน”
“คนอย่างฉันไม่เคยผิดคำพูด”
“ผิดบ่อยมาก”
จิตรวรรณหงุดหงิด
“โอ๊ย ฉันไม่ใช่นักโทษนะ คุมซะไม่ให้กระดุกกระดิกเลยหรือไง”
ศยามถอนใจเบาๆ
“มีอะไรจะพูดกับผมก็พูดมา”
“ฉัน...เอ่อ...”
ยอดชายทนไมไหว พูดเองเลย
“จี๊ดเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บครับ”
ศยามมองหน้าจิตรวรรณเขม็ง หญิงสาวรู้สึกฝืดคอขึ้นมาทันที
เทวัญเดินอย่างเร่งรีบ จะไปโรงพยาบาล
“ทำไมน้องจี๊ดทำดีกับไอ้ดิ่ง”
เงาะเข้ามาคว้าแขนของเทวัญเอาไว้
“พี่เทวัญคะ เงาะมีเรื่องจะคุยด้วย”
เทวัญรีบแกะมือเงาะออก
“ปล่อยก่อนเงาะ เดี๋ยวคนมาเห็นจะสงสัย บอกแล้วไงว่าให้ห่างกันสักพัก”
“ไม่ต้องเดี๋ยวแล้วล่ะค่ะ ทั้งยอดชายและใจดี สงสัยเรื่องของเราแล้ว”
“อะไรนะ”
“พี่เทวัญรีบทำอะไรสักอย่างสิคะ”
“ให้เวลาพี่หน่อย ไปทำงานก่อนไป”
“สัญญานะคะ”
เทวัญหงุดหงิด
“เออน่า!”
เงาะอึ้ง...เทวัญรีบยิ้มให้
“พี่รีบ แล้วจะโทรหานะ”
เทวัญรีบเดินออกไป รู้สึกเจ็บใจที่มีแต่เรื่องไม่ได้อย่างใจ เงาะมองตามตาปริบๆ กลุ้มใจ
จิตรวรรณพยายามแก้ตัว
“แต่ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเลยเถิดขนาดนี้!”
ศยามมองหน้าจิตรวรรณ
“ไม่แปลกใจหรอก”
จิตรวรรณทำก๋ากั่นกลบเกลื่อน
“แล้วจะทำไม”
ยอดชายไม่ชอบใจ
“จี๊ด ไหนบอกว่าจะมาขอโทษ ยังจะลอยหน้าลอยตาอยู่อีก หรืออยากจะให้ฉันบอกพ่อเธอ”
“ก็ได้...ฉันขอโทษ”
ศยามเสียงแข็ง
“แต่ผมไม่ให้อภัย”
“นี่ ฉันขอโทษแล้ว เป็นอันจบ...นายอยากจะผูกใจเจ็บต่อไปก็เชิญ ใครแคร์”
จิตวรรณจะเดินออกไป ศยามพูดขึ้น
“ผมจะแจ้งตำรวจจับคุณ ข้อหาพยายามฆ่า”
จิตรวรรณชะงัก
“อะไรนะ”
ศยามมองหน้า
“แคร์ได้หรือยัง”
จิตรวรรณโมโห
“นายต้องการอะไร จะเอาเงินเท่าไหร่”
“นิสัยไม่เคยเปลี่ยน...ผมไม่ต้องการเงินคุณ ผมต้องการการชดใช้ที่ยุติธรรม ถ้าไม่อยากติดคุก คุณต้องมาดูแลผมจนกว่าผมจะหายดี”
“อะไรนะ!”
จิตรวรรณอึ้ง ไม่ยอม หันมองยอดชาย
“เห็นด้วย...ยุติธรรมที่สุด”
จิตวรรณปรี๊ด
“ยอด!”
ยอดชายแนะ
“จี๊ดดูแลคุณดิ่งไปนะ จะไปบอกคุณพ่อจี๊ดให้ ว่าจี๊ดเห็นใจนายดิ่งที่ต้องเจ็บตัวในหน้าที่ เลยอาสาดูแลจนกว่าคุณดิ่งจะหายดี เหตุผลดีเป็นบ้า”
ยอดชายรีบออกไป
“เหตุผลปลวกมากต่างหาก ยอด กลับมาก่อน”
จิตรวรรณฮึดฮัด หันมามองศยาม ที่ยิ้มเผล่ให้อยู่ หญิงสาวเจ็บใจมาก
พริกกับเกลือ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ส่วนทางด้านมารศรีนั่งดูแหวนเพชรที่สั่งทำเอาไว้ พนักงานถามอย่างยิ้มแย้ม
“ถูกใจคุณมารศรีมั้ยคะ”
“ค่ะ งามทั้งน้ำทั้งตัวเรือน...ถูกใจมาก”
ศุวิมลเดินเข้ามา ชะงักมอง
“ขอบคุณนะคะที่เอามาให้ พอดีศรีไม่ค่อยว่างไปไหนหรอกค่ะ ต้องดูแลคุณเศก”
“ลูกค้าประจำอย่างคุณมารศรี เรายินดีบริการค่ะ เรียบร้อยแล้ว ขอตัวกลับนะคะ”
พนักงานลากลับไป สวนกับศุวิมลที่มองมาอย่างไม่พอใจนัก
“เดือนนี้แหวนเพชรกี่วง สร้อยเพชรกี่เส้นแล้วล่ะคะ”
มารศรีชะงักไม่พอใจ
“ไม่ทราบสิคะ ศรีไม่ได้นับ เพราะศรีไม่ได้ขอ คุณเศกเป็นคนซื้อให้ศรีเอง”
ศุวิมลไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เปลี่ยนเรื่อง
“คุณพ่อกลับมาหรือยังคะ”
“คุณเศกไม่ได้ไปออฟฟิศค่ะ ทำงานอยู่ในห้อง ขอตัวนะคะ”
มารศรีลุกขึ้นเดินเข้าข้างในไป...ศุวิมลหันไปถามแม่บ้าน
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้างวันนี้”
“ยังไม่ออกมาจากห้องตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ ดิฉันเห็นคุณศรีไม่เข้าไปถามอะไร ดิฉันก็เลยไม่กล้าเข้าไปยุ่ง คิดว่าท่านคงจะสั่งเอาไว้”
ศุวิมลนึกเป็นห่วงพ่อมาก
จิตรวรรณยังอยู่ในห้องพักคนไข้กับศยาม หญิงสาวประกาศเสียงดังฟังชัด
“ฉันจะไม่มีวันดูแลปรนนิบัติคนข้างถนนอย่างนายเด็ดขาด”
“แสดงว่าอยากติดคุก”
“ฉันไม่กลัว เรื่องแค่นี้ ยังไงคุณพ่อก็มีปัญญาประกันตัวฉันออกมาอยู่แล้ว”
“ตอนนั้นคุณก็ได้ลงหน้าหนึ่ง นักข่าวรุมทึ้ง ทั้งพ่อแม่ บริษัท เสียประวัติกันไปหมด แถมหม้ายขันหมาก เพราะคงไม่มีใครอยากแต่งงานกับฆาตกร”
จิตรวรรณนิ่งไปนิด
“ก็ได้!”
พยาบาลถือถาดยาเข้ามา
“ยาก่อนอาหารเย็นค่ะ”
พยาบาลเดินออกไป
“ผมต้องกินยา”
จิตรวรรณฮึดฮัดๆ ขัดใจๆ ศยามชี้ไปที่ยา แล้วชี้มาที่ปากตัวเอง แล้วอ้าปากรอ หญิงสาวไม่มีทางเลือก จำใจต้องไปป้อนยาให้ชายหนุ่ม
“ฝากไว้ก่อนเถอะ! อ้าปากกว้างๆ!”
ศยามอ้าปาก...จิตรวรรณซัดยาใส่ในปากเขาอย่างขยะแขยงมาก
“นี่คุณ! ให้ป้อนยา ไม่ใช่ให้ปาเป้า”
“ก็ฉันไม่อยากโดนเนื้อตัวนายนี่”
ทันใดนั้นศยามก็ตาเหลือก
“ยาติดคอ...น้ำ...ขอน้ำหน่อย ค่อกๆ”
จิตรวรรณตกใจกระวีกระวาดหาน้ำ
“อย่าเพิ่งติดคอตายนะ รอก่อนสิ รอก๊อน”
ศุวิมลเดินมาเคาะประตูทำงานของพ่อ
“คุณพ่อคะ”
ไม่มีเสียงตอบออกมาจากในห้อง
“คุณพ่อคะ”
เสียงเงียบอีก ศุวิมลใจไม่ดี เปิดประตูเข้าไป แล้วก็ต้องตกใจ เพราะเห็นเศกฟุบอยู่บนโต๊ะ
“คุณพ่อ!”
จิตรวรรณพยุงศยาม แล้วป้อนน้ำให้ ศยามดื่มน้ำ กลืนยา
“เรียบร้อยหรือยัง”
“ขอน้ำอีกได้มั้ย ผมคอแห้ง...”
“เรื่องมาก...รอแป๊บ”
หญิงสาวเดินไปรินน้ำอุ่น
“ขอน้ำเย็นได้มั้ย อยากดื่มให้ชื่นใจหน่อย ช่วงนี้จิตใจมันห่อเหี่ยว”
จิตรวรรณเดินไปเปิดตู้เย็น
“คิดอีกที ผมไม่ค่อยสบาย ควรจะดื่มน้ำอุ่นน่ะถูกแล้ว...หายช้าขึ้นมา เดี๋ยวคนแถวนี้อกแตกตาย”
จิตรวรรณชักฉุน
“จะเอาไงเนี่ย เดี๋ยวจะน้ำอุ่น เดี๋ยวจะเอาน้ำเย็น เอาให้แน่ ถ้ายังเปลี่ยนใจไปมาอยู่แบบนี้ จะเอาน้ำในส้วมให้กิน ไม่ไหวแล้วนะ ฉันจะกลับ”
“จะรีบกลับไปไหน”
“ฉันต้องไปทำงาน”
“แต่คุณต้องอยู่ดูแลผมจนกว่าจะหาย”
“จะให้ฉันลางานเพื่อนายหรือไง”
“หรือจะให้ผมโทรแจ้งตำรวจ”
“ไม่ต้องขู่ฉันเลย...อยู่ก็อยู่ จะเอาอะไรอีก”
“ผมปวดฉี่”
จิตรวรรณอึ้ง ช็อก
“หา...”
“พาผมไปฉี่ทีสิ”
จิตรวรรณแค้นๆ
เทวัญเดินดุ่มๆมาตามทางเดิน...พยายามโทรเข้ามือถือของจิตรวรรณ รอสายอย่างหงุดหงิด...จิตรวรรณประคองศยามมาที่ห้องน้ำ
“เอ้า เข้าไป”
จิตรวรรณรีบปล่อยมือ ไม่อยากตามเข้าไปด้วย
“เข้ามาประคองผมด้วยสิ”
“จะบ้าเหรอ จะให้ฉันเข้าห้องน้ำพร้อมกับนายได้ยังไง”
เสียงมือถือดังขึ้น จิตรวรรณจะไปรับโทรศัพท์
“ผมต้องมามีสภาพแบบนี้เพราะคุณ สภาพผมไม่ปกติ ถ้าเกิดผมลื่นล้ม หัวแตกไปจะทำยังไง...อ๋อ หรือคุณอยากจะดูแลผมต่อไปนานๆ”
“ชาติที่แล้วเกิดเป็นงูหรือไง ขู่อยู่ได้ ขอรับโทรศัพท์ก่อนได้มั้ย”
“ไม่ได้ ฉี่จะราดแล้ว”
“เออ”
จิตรวรรณจำใจต้องทำ
เทวัญกดสายทิ้ง
“ไม่รับสาย ทำอะไรกันอยู่วะ”
เทวัญร้อนใจ เดินเข้าข้างในไป
จิตรวรรณประคองศยามเข้ามาในห้องน้ำ แล้วหลับตา หันหน้าหนี
“โอ๊ย ทำไมฉันต้องเจออะไรอย่างนี้ด้วย”
หญิงสาวจำใจเข้าไป หลับตา หันหน้าหนี ชายหนุ่มยิ้มๆ
“อย่าแอบดูนะ”
“ฉันไม่คิดสั้นอย่างนั้นหรอก เร็วๆเข้า”
ศยามแอบหยิบฝักบัวชำระมาฉีดให้เกิดเสียง จิตรวรรณรีบอุดหู
“อี๋ๆๆ ฉี่เบาๆหน่อยสิ”
ศยามขำๆกับท่าทีตลกๆของจิตรวรรณ
เทวัญเดินมาที่เคาน์เตอร์รีเซฟชั่นของโรงพยาบาล ขณะเดียวกันนั้น รถเข็นนอนที่มีเศกนอนอยู่ถูกนำเข้ามาอย่างรวดเร็ว ศุวิมล มารศรีตามมาด้วยอย่างเป็นห่วง สวนกับเทวัญ ไม่มีใครเห็นกัน
จิตรวรรณประคองศยามเดินมาที่เตียง ลงนอนบนเตียงเรียบร้อย
“คุณ...ปิดทีวีให้ที ผมจะนอน”
“รีโมทมี อยู่ตรงนั้นน่ะ ก็ปิดด้วยรีโมทสิ”
“ไม่ได้ มันเปลืองไฟ ต้องปิดที่สวิตซ์เท่านั้น ช่วยกันประหยัด โลกจะได้ไม่ร้อน”
“โหย หยุดบ่น แล้วรีบๆนอนหลับไปเลยนะ”
จิตรวรรณเดินไปปิดสวิตซ์ทีวีให้ แต่พอจะกลับมานั่ง พยาบาลถือถาดอาหารเย็นเข้ามา
“อาหารเย็นค่ะ”
พยาบาลเดินออกไป จิตรวรรณมองถาดอาหารเซ็งๆ แล้วหันไปมองศยาม ชายหนุ่มชี้ไปที่ถาดอาหารแล้วชี้ที่ปากตัวเอง
“หิวแล้ว”
จิตรวรรณจำใจทำเลื่อนโต๊ะทานข้าวไปใกล้ๆศยาม เปิดฝาถ้วยอาหาร
“เกิดมาฉันยังไม่เคยป้อนข้าวใครเลยนะ เป็นบุญปากนะจะบอกให้”
“กับแฟนก็ไม่เคย”
“ไม่เคย มีแต่เขาป้อนฉัน”
“แหวะ...”
“กินไป”
จิตรวรรณตักข้าวต้มร้อนๆยัดปาก ศยามสะดุ้งโหยง
“โอ๊ย ร้อน!”
จิตรวรรณหัวเราะขำ
“สมน้ำหน้า! ฮ่ะๆๆๆ”
เทวัญเปิดประตูเข้ามาเห็นจิตรวรรณกำลังหัวเราะร่วน ไม่พอใจ
“น้องจี๊ด...”
ศยามและจิตรวรรณชะงักทันที
เจตนาปรึกษายอดชายและรัตนาอยู่ในห้องทำงาน เจตนาหันมาบอก
“ฉันว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ ต้องมีใครจงใจทำให้มันเกิด”
ยอดชายและรัตนาสบตากัน
“นาย...ยอดชาย ไปสืบเรื่องนี้มาให้ฉัน ใครที่มีปัญหากับนายดิ่ง และไม่ต้องการให้นายดิ่งอยู่ที่นี่”
ยอดชายหน้าเสีย
“ก็เห็นจะมีแต่จี๊ดคนเดียวมั้งครับท่าน”
“ยัยจี๊ดไม่ใช่คนใจเหี้ยม ไม่มีทางทำแบบนั้น”
ยอดชายกับรัตนาสบตากันอีก ซึ่งก็รู้สึกเห็นด้วยกับเจตนา
“คุณยอด ลองไปคุยกับคุณดิ่งเพิ่มเติมดูนะคะ ตอนที่ไปเยี่ยมเมื่อบ่าย เหมือน คุณดิ่งจะนึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติขึ้นมาเหมือนกัน”
“ครับ”
ทุกคนครุ่นคิดเรื่องที่ศยามประสบอุบัติเหตุ
เทวัญเข้ามา จิตรวรรณรีบเข้าไปหาเทวัญ
“ทำไมน้องจี๊ดไม่รับโทรศัพท์พี่”
“พอดี จี๊ด...ยุ่งอยู่ค่ะ”
“ทำอะไร ถึงยุ่ง”
“พานายนี่เข้าห้องน้ำค่ะ”
เทวัญหน้าตื่น
“อะไรนะ”
ศยามพยักหน้ารับว่าใช่
“แล้วทำไมมันเข้าไปเองไม่ได้ ทำไมจี๊ดต้องไปช่วยมัน พยาบาลก็มี ทำไมไม่เรียกใช้”
จิตรวรรณอึกอัก
“ก็...”
“จะให้ผมบอกมั้ยครับคุณจี๊ดว่าทำไม”
จิตรวรรณรีบห้าม
“ไม่ต้อง...คือ จี๊ด...ตั้งใจจะอยู่ดูแลนายดิ่งเองค่ะ นายดิ่งไม่มีใคร”
เทวัญอึ้ง
“น้องจี๊ด!”
“จี๊ดอยากทำให้คุณพ่อสบายใจค่ะ จบนะคะ พี่เทวัญมาก็ดีแล้ว จี๊ดจะให้ไปส่งที่บ้านหน่อยได้มั้ยคะ จี๊ดจะไปจัดเสื้อผ้า”
“จี๊ดจะไปไหน”
“มานอนเฝ้านายดิ่งค่ะ”
“น้องจี๊ด!”
ศยามพยักหน้ารับว่าใช่กับเทวัญอีกรอบ เทวัญไม่เข้าใจและแค้นใจ
จิตรวรรณเดินมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล
“คุณพยาบาลคะ ฝากคนไข้ห้องนี้ไว้สักครู่นะคะ เดี๋ยวกลับมาค่ะ”
“ได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
จิตรวรรณจะไป เทวัญรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนน้องจี๊ด พี่ไม่เข้าใจนี่มันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆน้องจี๊ดก็เมตตามัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้...”
จิตรวรรณรีบขัด
“จี๊ดยังไม่ไว้ใจนายนั่นอยู่เหมือนเดิมค่ะ แต่ตอนนี้จี๊ดจำเป็นต้องทำค่ะ พี่เทวัญเลิกซักจี๊ดสักทีเถอะ”
“แต่พี่ไม่ชอบให้แฟนพี่อยู่กับผู้ชายสองต่อสอง พี่ไม่ยอม”
“งั้นพี่เทวัญมาอยู่กับจี๊ดด้วยมั้ยล่ะ”
เทวัญอึ้ง
“เก็บความหึงไว้ใช้ให้ถูกคนเถอะ ไม่ใช่กับนายนั่น! ซึ่งไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นแน่ แค่นี้นะคะ เสียเวลาพอแล้ว”
จิตรวรรณเดินหนีไป
“ไอ้ดิ่ง แกต้องการจะเขย่าประสาทฉัน”
เทวัญเดินตามจิตรวรรณไปอย่างแค้นใจ
ค่ำนั้น...เศกนอนหลับอยู่บนเตียง ศุวิมลนั่งจับมืออยู่ข้างเตียง มารศรีนั่งเซ็งอยู่ที่โซฟา หมอเวทย์เข้ามา
“คุณลุงหมอ”
“คุณเศกยังหลับอยู่เหรอครับ”
“ค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ ให้ท่านพักผ่อนเถอะ หนูศุ...คุณพ่อท่านอายุเยอะแล้วนะ อย่าให้ท่านทำงานเยอะหรือว่าเครียดมาก มันไม่ดีต่อสุขภาพ นี่ถ้าพามาหาลุงช้ากว่านี้ อาจจะเส้นเลือดในสมองแตกตายได้”
ศุวิมลพยักหน้า ก่อนจะเหลือบมองมารศรีอย่างไม่พอใจ มารศรีไม่พอใจสายตาของศุวิมล
“ขอบคุณลุงหมอมากค่ะ”
“ลุงไปก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าจะมาใหม่”
“ค่ะ”
ศุวิมลและมารศรีไหว้ หมอเวทย์ออกไป ศุวิมลหันมาคุยกับมารศรีอย่างเคร่งเครียดทันที
“ทำไมปล่อยคุณพ่อให้หมดสติอยู่ได้ตั้งนาน ไม่รู้จักเข้าไปดู วันๆที่บอกว่าต้องดูแลท่าน ทำอะไรมั่ง นอกจากนั่งส่องเพชร”
“อย่ากล่าวหากันง่ายๆแบบนี้สิคะคุณศุ ก็คุณเศกบอกศรีเองว่าไม่ให้รบกวน ศรีก็ทำตามคำสั่ง ผิดตรงไหนคะ ถ้าผิด ก็ต้องไปโทษคุณเศก ไม่ใช่ศรี”
เศกขยับตัว เรียกหามารศรีเบาๆ
“คุณศรี...”
มารศรีเข้าไปหาเศกทันที ออดอ้อน เอาใจ
“คุณเศก ศรีอยู่นี่ค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ คุณปลอดภัยแล้วค่ะที่รัก”
ศุวิมลเจ็บใจ เดินหงุดหงิดออกไปทันที มารศรีมองตามศุวิมล ยิ้มเหยียด
ศุวิมลเดินออกจากลิฟท์อารมณ์เสีย ชนกับยอดชายที่มือนึงถือกระเช้าผลไม้ อีกมือกำลังกดโทรศัพท์เดินเข้ามา ชนกันแรง จนกระเช้าและมือถือของยอดชายหล่นกระเด็น
“โอ๊ย!”
ทั้งคู่เสียหลักไป แต่พอหันมาเห็นหน้ากันก็ต้องผงะ
“นาย!/คุณ!”
“นายอีกแล้วเหรอ”
“ผมสิที่ซวย...มือถือผมอยู่ไหนเนี่ย” ยอดชายมองหา เจอมือถือหล่นอยู่ที่เท้าศุวิมล ใต้กระโปรง “อยู่นี่เอง”
ยอดชายก้มตัวไป ศุวิมลเด้งหลบ
“จะทำอะไร”
ยอดชายหยิบมือถือขึ้นมาจากใต้กระโปรง
“คุณชนจนมือถือผมหล่นเจ๊ง แล้วยังจะโวยวายอีก”
ศุวิมลช็อกเข้าใจผิด
“นี่นายแอบถ่ายใต้กระโปรงฉันเหรอ!”
ยอดชายหน้าเหวอ
“เฮ้ย ไม่ใช่!”
“ไอ้โรคจิต ช่วยด้วย คนโรคจิตถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิง”
ศุวิมลโวยวาย ยอดชายตกใจ ปิดปากหญิงสาวดันเข้าไปในลิฟท์ทันที
“หยุดๆๆๆ”
ประตูลิฟท์ปิดลง...เมื่ออยู่กันสองคนในลิฟต์ศุวิมลผลักยอดชายออกอย่างแรง
“ถ้านายทำอะไรทุเรศๆกับฉัน ฉันเอาเรื่องนายแน่”
“นี่คุณ คุณเป็นคนเดินมาชนผมเอง จนมือถือผมหล่น เป็นชิ้นแบบนี้ แล้วยังมาหาผมโรคจิตอีก บ้าหรือเปล่า”
ศุวิมลชี้ตัวเอง
“ฉันผิดเหรอ”
“เออสิ จะรีบร้อนไปไหนของคุณ เดินชนมาได้”
“ไมได้รีบ แต่อารมณ์เสีย! ฉันไม่มีเวลามาเถียงกับนายตอนนี้” หญิงสาวมองที่แผงบังคับลิฟท์ เห็นลิฟท์ขึ้นมาจอดที่ชั้นๆหนึ่ง ประตูลิฟท์เปิด ศุวิมลจะออกไปยอดชายดึงไว้
“ทำมือถือผมเจ๊งแล้วคิดจะชิ่งหนีเหรอ ไม่มีทางหรอก”
“ปล่อย!”
ประตูลิฟท์ค่อยๆปิด
“ปล่อย ลิฟท์จะปิดแล้ว!”
“ขอโทษผม และชดใช้ค่ามือถือผมมาก่อน”
“ไม่! ปล่อย!”
“โอเค ไม่ปล่อย!”
ยอดชายดึงศุวิมลอย่างแรง จนเธอโผเข้ามากอดเขา จู่ประตูลิฟท์ก็เปิดออกอีกครั้ง พยาบาลจะเข้าลิฟท์เห็นทั้งคู่นัวเนียกันก็ตกใจ
“ขอโทษค่ะ”
ศุวิมลหน้าตื่น
“ไม่ใช่อย่างนั้น...ออกไป!”
ศุวิมลอาศัยจังหวะนั้น ผลักยอดชายออกไปจากลิฟท์ แล้วกดปิดลิฟท์ ยอดชายจะตาม ศุวิมลทั้งจิกทั้งข่วน จนเขาไม่กล้าเข้าไป ประตูลิฟท์ปิดสนิท ยอดชายโมโหไม่หาย
“ยัยอาจารย์เฮี้ยนเอ๊ย!”
ลิฟท์จอดอีกฉันหนึ่ง ศุวิมลออกมาจากลิฟท์ จะเดินกลับห้องเศกนึกขึ้นได้
“คุณพ่อยังมียัยมารศรีดูแล แต่ผู้ป่วยที่นี่ ยังไม่มีใครรู้ตัวว่ามีไอ้ไรคจิตอยู่ที่นี่”
ศุวิมลเปลี่ยนใจหันเดินกลับไปกดลิฟท์ รอ
ศยามหัวเราะขำอาการของยอดชายที่หัวเสียเรื่องศุวิมล
“ตามผมไม่เลิก ไปโน่นก็เจอ มานี่ก็เจออีก ไม่รู้จะจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหน เนี่ยเหลือสภาพมาเยี่ยมคุณดิ่งแค่เนี้ยแหละ...”
ยอดชายชี้ให้ดูตะกร้าผลไม้ที่ยับเยิน
“และมือถือเละๆของผมอีกเครื่อง เซ็ง”
ศยามยิ้มๆ
“สงสัยจะเป็นเนื้อคู่กันล่ะมั้ง”
“คู่เวรคู่กรรมน่ะสิ เจ้าประคุ้ณ อย่าได้พบได้เจอกันอีกเล้ย พ้วงๆๆๆ”
ยอดชายยกมือไหว้ท่วมหัว
ศุวิมลเดินมากับร.ป.ภ.ที่ทางเดินหน้าห้องพักผู้ป่วยมุมหนึ่ง
“ไม่แน่ใจค่ะว่าอยู่ชั้นไหน แต่ทำทีมาเยี่ยมไข้ ต้องอยู่ในห้องๆไหนสักห้องแน่ค่ะ”
“เคยเจอแต่โรคจิตกับผู้หญิงนะครับ ไม่เคยเจอโรคจิตกับผู้ชายด้วยกัน”
ศุวิมลตกใจ
“ว้าย...ได้ทั้งสองเพศเหรอเนี่ย อ๊าย ทุเรศ...โรคจิตชนิดเบี่ยงเบนทางเพศไงคะ ตามหาเถอะค่ะ อันตรายนะคะ”
“ครับๆ”
ร.ป.ภ.เคาะประตูห้องหนึ่ง
“ขออนุญาตครับผ๊ม”
ยอดชายคุยกับศยามถึงข้อมูลเพิ่มเติม
“ผมคุยกับคุณเจตนา...ท่านมั่นใจว่ายัยจี๊ดไม่มีทางให้คนลงมือฆ่าคนได้หรอก ต้องมีคนอื่นที่ไม่ชอบหน้าคุณ และคิดจะกำจัด”
ศยามอึ้ง...
“ผมสงสัย นายโพกับนายด้วง เพราะสองคนนี้เคยมีเรื่องกับคุณ”
“ผมเห็นนายด้วงมาก้มๆเงยๆที่รถเมื่อเช้า ถามก็ตอบเลี่ยงไป ผมสะเพร่าเอง พอลุงแปลงเร่งให้เอารถไปเทสต์ เลยไม่ได้ตรวจสอบรถอีกที”
“นายด้วงเหรอ...ผมจะรีบสอบสวนเรื่องนี้”
“ขอบคุณนะครับ”
“แล้วยัยจี๊ดไปไหนครับ”
ยอดชายสงสัย
วันดีนั่งอารมณ์เดือดอยู่ในบ้าน จิตรวรรณเข้ามา
“คุณแม่คะ คืนนี้จี๊ด...”
วันดีโวยวายทันที
“พ่อแกกับนังเลขานั่นออกไปทำอะไรกันเมื่อตอนบ่าย แกรู้มั้ย”
จิตรวรรณชะงัก
“เอ่อ...”
“ทำไมแกไม่ไปกับสองคนนั่น”
“จี๊ดไม่...”
เจตนาเข้ามาพอดี
“อ้อ...มาพอดี ถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่า คุณไปไหนสองต่อสองกับนังนั่น คุณเจตนา แล้วทำไมไม่รับสายฉัน”
เจตนาเบื่อหน่าย
“ไปฟังใครมาอีก”
“หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง คุณทำเน่าๆอะไรไว้ สุดท้ายกลิ่นมันก็ฟ้องตัวมันเองบอกมา ไปกกกันที่โรงแรมไหน”
จิตรวรรณรีบขัด
“คุณแม่คะ คุณพ่อกับยัยรัตนาไม่ได้ไปกกกันอย่างที่คุณแม่เข้าใจนะคะ จี๊ดเป็นพยานได้”
วันดี ตกใจ คิดไม่ถึงว่าจิตรวรรณจะเข้าข้างรัตนา
“ยัยจี๊ด!”
“รัตนาอยู่กับจี๊ด ไม่ได้ไปกับคุณพ่อสองต่อสอง อย่างที่เจ๊ยุพารายงานแม่หรอกค่ะ”
“แกเข้าข้างนังเมียน้อยนั่นเหรอ แกเป็นอะไรไปแล้วจี๊ด ฉันเป็นแม่แกนะ”
“ก็จี๊ดพูดเรื่องจริงนี่คะ คราวนี้ เจ๊ยุพาใส่ไข่มากไปแล้วค่ะ คุณแม่อย่าหูเบานัก สิคะ”
วันดีตบหน้าจิตรวรรณอย่างแรง
“ไม่ต้องมาสอนฉัน!”
จิตรวรรณตกใจ เสียใจ
“คุณแม่...”
เจตนาโมโห
“คุณวันดี มากเกินไปแล้วนะ ลูกผิดอะไร”
“เออ! เป็นฝ่ายเดียวกันแล้วนี่ ฉันมันหัวเดียวกระเทียมลีบ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาสนใจฉัน! ต่างคนต่างอยู่”
วันดีเดินหนีไป...จิตรวรรณมองตามแม่อย่างเสียใจ เจตนาเข้ามาปลอบลูกสาว
“จี๊ด...เจ็บมั้ยลูก”
จิตรวรรณร้องไห้ออกมา
“คุณพ่อ...”
ศุวิมลและร.ป.ภ.เดินมาตามทางเดิน เกือบถึงหน้าห้องศยาม...ในห้อง ยอดชายเข้าห้องน้ำ ศยามเดินยืดแข้งยืดขา
“อย่าเดินไปไหนไกลนะคุณดิ่ง”
“ครับ”
ศยามเปิดประตูห้องออกไป
ศยามเปิดประตูห้องออกมาหันหลังให้ศุวิมลและร.ป.ภ.ที่เดินมา ศุวิมลหันไปบอกร.ป.ภ.
“ห้องต่อไปเลยค่ะ คุณร.ป.ภ. รับรองต้องเจอแน่ๆ”
ศยามหันมาเห็นน้องสาว ศุวิมลก็เห็นศยาม ทั้งสองต่างตกใจ
“พี่ดิ่ง!” / “ยัยศุ!”
ทั้งคู่มองอย่างดีใจที่ได้พบกัน
โปรดติดตาม "พริกกับเกลือ" ตอนต่อไป