xs
xsm
sm
md
lg

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 3

ส่วนที่หน้าเรือนบ้านกำนันศรเวลานั้น ลิ้นจี่กำลังเก็บแก้วน้ำที่เหลือใส่ถาด

หมู่โอฬารกุลีกุจอจะช่วย “ผมช่วยนะครับคุณลิ้นจี่”
โอฬารหยิบแก้วไปวางที่ถาดซึ่งลิ้นจี่ถืออยู่ แต่แล้วก็มีตัวบุ้งตัวนึงหล่นตุบลงมาบนถาด
โอฬารปัดถาดกระเด็น “อร๊ายยย กรี๊ดดดดด บุ้ง เค้ากลัวบุ้ง อี๋ๆๆ”
ไชโยเซ็ง “หมู่โอฬาร ! ไว้หน้าเครื่องแบบบ้างโว้ย เป็นตำรวจภาษาอะไรกรี๊ดซะลั่นบ้าน คุณลิ้นจี่เค้ายังไม่กรี๊ดเลย”

“ก็ผมกลัวคันนี่ครับจ่า ผิวผมบอบบางแพ้ง่ายขอโทษนะครับคุณ…” โอฬารเหลียวไปทางลิ้นจี่ มองแล้วสะดุ้ง “อร้ายยย คุณลิ้นจี่”
สภาพลิ้นจี่เปื้อนน้ำหวาน แดงเถือกชุ่มไปทั้งตัว
“ชั้นเพิ่งอาบน้ำแต่งหน้ามาหยกๆ หมู่นะหมู่ ฮึย”
ลิ้นจี่สะบัดหน้าเดินหนีไป ไชโยมองโอฬารอย่างตำหนิ “ขายหน้ามั้ยหมู่ ทำตัว เฮ้อ”

ผู้กองธัมโมกับกำนันศรยังสนทนากันอยู่ในห้องรับแขก โดยต่างไว้เชิงดูท่าทีกันและกัน
“โรงพักเป็นสถานที่ของผู้รักษากฏหมาย ใครก็ตามที่บุกรุกก็ถือว่าท้าทายกฎหมายด้วยเช่นกัน”
“แสดงว่าไอ้คนร้าย ที่บุกชิงตัวนักโทษเมื่อคืน มันคงคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายล่ะมั้งผู้กอง” กำนันว่า
“ใช่ครับ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากเตือนหมอนั่น ให้เค้าวางมือซะ ก่อนที่จะสายเกินแก้” ผู้กองเหน็บ
“ได้สิ ถ้าเจอตัวเค้าเมื่อไหร่ ผมจะบอกให้นะ ฮ่าๆๆๆ”
กำนันศรว่าดังนั้นแล้วก็หัวเราะแค่นๆ กวนๆ ตามประสา

ด้านเก่งกำลังแอบมองการสนทนาระหว่างผู้กองธัมโมกับกำนันศรจากบนกิ่งไม้ด้วยความเจ็บใจ เมื่อเห็นทั้งคู่ยิ้มแย้มให้กัน
“ฮึ เข้าอีหรอบเดิม สุดท้ายก็กลายเป็นพวกเดียวกัน เนี่ยเหรอเจ้าหน้าที่ของบ้านไม้งาม”
ย้งปีนต้นไม้ขึ้นมาอาการกระดึ๊บๆ “ไอ้น้องทำอะไรอยู่วะ”
“สอดแนมอยู่” เก่งเผลอหลุดปาก แล้วนึกขึ้นได้หันมาหา “เฮ้ย นี่นาย นายขึ้นมาได้ยังไง”
“อ้าว ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า ไหน…สอดแนมอะไรของแกวะ” ย้งชะเง้อมองไปรอบๆ ก่อนจะชะงักไปทางหนึ่ง “โอ้แม่เจ้า เขาพระวิหาร”
“หา? อยู่แถวนี้เหรอ”
เก่งมองไปตามไป จึงเห็นลิ้นจี่กำลังนุ่งกระโจมอกอาบน้ำอยู่กับโอ่งข้างบ้าน
“เฮ้ย นี่นายจะบ้าเหรอ ชั้นเปล่าถ้ำมองนะ”
“โอ้ย อย่ามาไก๋หน่อยเลยไอ้น้อง หลักฐานคาตาขนาดนี้แกนี่มันลามก สกปรกที่สุด”
เก่งฉุน เสียงดัง “นี่นายว่าชั้น แล้วนายดูทำไม”
ย้งยิงมุกแก้เก้อ “ไม่ได้ดูนะ แต่ละสายตาไม่ได้”
จังหวะนั้นเองที่ลิ้นจี่ซึ่งกำลังจ้วงขันตักน้ำอาบ ดันเหลือบตามาเห็นเก่งกับย้งอยู่บนต้นไม้พอดี
“อ๊ายยย” ลิ้นจี่ร้องกรี๊ด

กำนันศร ผู้กองธัมโม และยอดต่างหูผึ่งเพราะเสียงลิ้นจี่
ลิ้นจี่ร้องเสียงดังลั่น “ช่วยด้วย มีคนโรคจิตแอบดูคนสวยอาบน้ำช่วยด้วย...เจ้าข้า”
กำนันศรคำราม “ไอ้ลูกหมาตัวไหนมันกล้ากระตุกหนวดเสือวะ” สั่งการทันที “ไอ้ยอด จัดการ”
ยอดรีบผละไป ธัมโมมองไปที่หน้าต่างแล้วเห็นย้งกับเก่งลิบๆอยู่บนต้นไม้ก็รู้สึกคุ้น
“นั่นมัน...”

ลิ้นจี่กรี๊ดโวยวายลั่น เอาขันเอย เอาสบู่เอย ปาใส่พวกเก่งกับย้งระยะต้องไกลๆ ซึ่งลิ้นจี่เห็นไม่ถนัดว่าใคร
“ไอ้ถ้ำมอง ไอ้บ้ากาม ไอ้หื่น ใครก็ได้จับมันเร็วเข้า”

อึดใจต่อมาย้งวิ่งนำเก่งมาที่กำแพง แต่ดันปีนขึ้นไปไม่ได้
“เง้อ ซวยแล้วไอ้ย้ง ตอนขาเข้า ปีนได้ยังไงวะเนี่ย”
เก่งซึ่งวิ่งตามมาทีหลัง โดดไต่กำแพงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้น้องชายรอด้วย”
ยอดนำสมุนเป็นขโยงโผล่ตามมา ยอดชักมีดพับผีเสื้อบินของมันออกมาควงขวับๆ
“ไอ้บ้ากาม เอ็งจะหนีไปไหนพ้น”
ยอดปามีดไปปักติดผนังกำแพง ห่างจากย้งแค่ไม่กี่คืบ
“เหวอ...แม่จ๋า อาย้งซี๊เลี้ยว”
ยอดเงื้อมีดอีกเล่มจะปาซ้ำ แต่แล้วเก่งก็กระชากคอย้งข้ามกำแพงไปได้ฉิวเฉียด
“ขึ้นมา”
ยอดกับสมุนมองตามอย่างเจ็บใจ

ย้งกับเก่งวิ่งกลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของย้งที่จอดอยู่
“รีบออกรถ”
ย้งยิ้มรับคำ “ได้เลยไอ้น้อง”
จังหวะที่เก่งจะขึ้นรถ แต่แล้วก็ถูกผู้กองธัมโมกระชากแขนไว้จนเธอตัวปลิวไปกับอ้อมอกของอีกฝ่าย
“จะไปไหนนายเก่ง”
เก่งชะงัก “ผู้กอง”
ย้งหันมาตกใจ “เว้ย หมาต๋า” ตี๋ย้งหมายถึงตำรวจ
ธัมโมหันมาเอาเรื่องย้ง “นายย้ง นายกับเพื่อนไม่อายผีสางหรือไง กลางวันแสกๆ
มาแอบดูคนเค้าอาบน้ำ”
เก่ปฏิเสธ “ผมเปล่าซะหน่อย”
“ยังจะปากแข็งอีก ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าพวกนายหนีมาจากบ้านกำนัน” ธัมโมบอก
“ไหนบ้านกำนัน ผมไม่รู้นี่ ผมจะปีนเข้าไปเก็บมะม่วง” เก่งว่า
ย้งขัดขึ้น “มะม่วงที่ไหนวะ ไอ้ต้นที่เราปีนมันสาเกนะ”
เก่งหันมาถลึงตาใส่ย้งดุๆ
“อ๋อ เออใช่ มะม่วง ไอ้เก่งมันจะเก็บมะม่วง ผมก็เลยปีนเข้าไปบอกมันไงผู้กอง ว่าต้นสาเกนะไม่ใช่มะม่วง ฮ่าๆๆ”
ธัมโมไม่ขำ ย้งเลยจ๋อย
“เลิกโยกโย้เถอะนายเก่ง แล้วบอกชั้นมา ว่านายดอดเข้าบ้านกำนันศรทำไม ถ้าเหตุผลฟังขึ้น ชั้นจะปล่อยนาย”
“ก็ได้ ที่ผมแอบเข้าไปก็เพราะผู้กองนั่นแหละ” เก่งขยับตัวเข้ามาระยะประชิดใกล้ธัมโม “ผมสงสัยว่าผู้กองกำลังจะมีนอกมีในกับกำนันศร”
ธัมโมฉุนกึก “พูดส่งเดช”
“อ้าว ก็เห็นสนิทสนมกันแล้วนี่ ผิดกับตอนแรกเหมือนคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางไหน” หันมาหาแนวร่วม...ย้ง “จริงมั้ยย้ง”
ย้งพยักหน้าเห็นด้วย ธัมโมนิ่งคิดก่อนจะปล่อยมือหนูเก่ง
“เอาล่ะ ชั้นเข้าใจ ชั้นรู้ว่ามีชาวบ้านหลายคนกังขาในตัวชั้น คงสงสัยว่าชั้นจะตายโหง หรือจะโกงกินเหมือนเจ้าหน้าที่คนอื่นแต่ชั้นขอรับรองว่า ไม่ใช่แบบนั้น”
เก่งสวนทันควัน “เจ้าหน้าที่ก็พูดเหมือนกันทุกคน”
“ถ้างั้นเจ้าหน้าที่คนนี้ ขอสาบาน ต่อหน้าแม่พระธรณีว่าชั้นจะมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรมของกฎหมาย ถ้าเมื่อใดชั้นไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ก็ขอให้ฟ้าดินลงโทษ”
คำพูดอันจริงจังจริงใจนั้น สะกิดใจย้ง รวมถึงเก่งให้อ่อนท่าทีลง
“ให้มันแน่เหอะ แล้วชั้นจะคอยดู”
 
เก่งบอก ท่าทียังไม่ปักใจไม่เชื่อนัก

ด้านกำนันศรรออยู่ที่ห้องรับแขก ยอดเข้ามารายงาน

“ผู้กองธัมโมไม่เจอคนร้ายครับ ตอนนี้ขอตัวกลับไปแล้ว”
กำนันศรพยักหน้าช้าๆ “ฮืม”
“พ่อกำนันครับ ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันแปลกๆ นะครับ บางทีไอ้โรคจิตที่ว่า มันอาจเป็นสายลับของไอ้ธัมโมก็ได้” ยอดว่า
“ข้าก็คิดแบบนั้น งานนี้เราต้องระวังตัวกันหน่อย” กำนันคิดสักพัก รีบเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องคนของเราที่ถูกจับไป เอ็งเช็คบิลได้เลยอย่ารอให้ตำรวจสาวมาถึงข้า”

ไม่นานต่อมาที่หน้าห้องขังบนโรงพัก ตำรวจคนหนึ่งพาผู้หญิงร่างใหญ่เบิ้มคนหนึ่ง สวมเน็ตคลุมผม มาที่หน้าห้องขัง
“อย่านานล่ะ ผู้กองเค้าสั่งไว้”
ที่แท้เป็นเบิ้มปลอมตัวมา เบิ้มดัดเสียง “ค่ะคุณตำรวจ”
โจรปล้นนรถบัสมองหน้ากันงงๆ จำได้ว่าเป็นเบิ้ม
“พี่เบิ้ม”
เบิ้มหันมาหา “ไม่ต้องห่วง กำนันบอกว่า ต้องช่วยพวกเอ็งแน่ แต่ก่อนอื่น…” ยื่นโอเลี้ยงข้าวผัด “พวกเอ็งต้องกินอะไรรองท้องซะก่อนจะได้มีแรงหนี”
พวกโจรยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ โดยไม่รู้ว่ามีภัยซ่อนอยู่ในข้าวผัดมรณะห่อนั้น

เวลานั้น หมวยใหญ่ง่วนขายของอยู่คนเดียวอย่างคร่ำเคร่งอยู่ที่ร้าน ก่อนที่ย้งจะขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด
“เจ๊ โอเลี้ยงสอง”
หมวยใหญ่ใส่ทันที “ไอ้ย้ง ลื้อหายไปไหนมาทั้งวัน หนอย ปล่อยให้อั๊วขายของ
คนเดียว แล้วยังมาสั่งโอเลี้ยงอีก”
“ใจเย็นน่าเจ๊ อั้วพาเพื่อนมาด้วยนะ”
ย้งก้าวลงจากรถ มีเก่งนั่งมาข้างๆ
หมวยใหญ่ถูกใจนัก ส่ายตัวบิดตัวเขิน “อั๊ยย่ะ น้องหน้าหวานนี่เอง จะทานโอเลี้ยงเหรอจ๊ะ ใส่นมหรือไม่ใส่นมเอ่ย”
เก่งบอก “เอาธรรมดาดีกว่าครับเจ๊ นมไม่ต้องส่าย เอ้ย ไม่ต้องใส่ก็ได้”
“งั้นรอแป๊บนะ เดี๋ยวเจ๊จัดให้”
หมวยใหญ่กระวีกระวาดไปชงโอเลี้ยง ระหว่างนั้นย้งก็มองไปรอบๆ อย่างผิดสังเกต
“เอ แล้วนี่อาป๊าหายไปไหนอ่ะเจ๊ ไม่ขายของเหรอ”
หมวยใหญ่บอกเซ็งๆ “โอ้ย ขานั้นน่ะออกไปกับลุงคงตั้งแต่บ่ายแล้ว เห็นว่าจะไปทำบุญหรือไงเนี่ย”

ภายในบ่อนเสี่ยเล้ง ผู้คนคลาคล่ำ ตาคงสัปเหร่อหยิบรากไม้สกปรกจากย่ามมาอวดให้เถ้าแก่ตงดู
“นี่ไงเถ้าแก่ ว่านขุนแผนชมบ่อน เข้าบ่อนไหนเจ้ามือวายวอด”
เถ้าแก่ตงอึ้ง เพิ่งได้ยิน “มีด้วยเหรอวะอาคงขุนแผนชมบ่อน อั้วเคยได้ยินแต่ขุนแผนชมตลาด”
“เออนั่นแหละ สรรพคุณคล้ายกัน ดีเด่นทางด้านเมตตามหาละลาย” ตาคงว่า
“ละลวย” เถ่แก่ตงบอกงงๆ
“ละลาย พูดไม่ผิดหรอก เพราะไอ้เนี่ยมันละลายทรัพย์เจ้ามือมานักต่อนักแล้ว”
เถ้าแก่ตงตาค้าง “ฮ้า แล้วใช้ยังไงวะ”
“ก่อนเสี่ยงโชค เถ้าแก่ก็ท่องนะโมสามจบนะแล้วอมว่านเนี่ยไว้ใต้ลิ้น”
“เอ่อ ไปให้เตี่ยลื้ออมเหอะอาคง ดุ้นอย่างกับฟืน ใครจะอมไหว”
“ปัดโธ่เถ้าแก่ อย่าซื่อได้ไหม อมทีเดียวหมดก็ปากฉีกพอดีเขาให้เด็ดอมทีละนิดโว้ย นี่ไง” ตาคงอมเป็นตัวอย่าง
เถ้าแก่ตงย้ำ “ได้ผลแน่นะ”
“ไม่ลองไม่รู้ มาด้วยกันลงทุนด้วยกัน อย่างมากก็หมดตูดทั้งคู่”
เถ้าแก่ตงเออออ “เอาวะ อมก็อม” พลางเด็ดรากไปอม “อื้อหือ ขุนแผนรากขมอิ๊บอ๋าย”
ตาคงเอ็ดเอา “อย่าบ่น ท่องตะโมสามจบเร็วเข้า จะได้ลุยกันซะที”
ตาคงว่าแล้วพนมมือสวดคาถาขมุบขมิบ เถ้าแก่ตงทำตาม
ระหว่างนั้น ลิ้นจี่กำลังเคร่งเครียดอยู่ที่วงไพ่
“ไฮโลไม่รุ่ง มุ่งเล่นไพ่ดีกว่า ให้มันรู้ไปสิวะว่าจะหมดตัวอีก”

กลับถึงโรงพัก ผู้กองธัมโม จ่าไชโย หมู่โอฬารกำลังหารือกันอยู่ในห้องทำงานผู้กอง
“เฮ้อ มันก็เป็นแบบนี้แหละครับผู้กอง อย่าว่าแต่ตำรวจอย่างเราเลยครับ คนอย่างกำนันศร ต่อให้ผีก็ไม่กลัวเพราะกำนันศรไม่เคยแพ้ใคร” ไชโยว่า
“งั้นที่ผ่านมา กำนันศรเคยมีคู่ปรับบ้างรึเปล่า” ธัมโมสงสัย
“เยอะครับ แต่ที่เป็นตำนานโด่งดังสุดๆ ก็มีแค่ผู้ใหญ่ทอง เพราะเค้าเป็นคนแรก และคนเดียวที่กล้าปลุกระดมชาวบ้านให้ต่อต้านกำนันศร” โอฬารสาธยาย
“แล้วผลเป็นยังไง”
โอฬารไม่ทันตอบ พลตำรวจนายหนึ่งก็รีบลงมารายงาน
“ผู้กองแย่แล้วครับ ผู้ต้องหาถูกวางยาเบื่อ”
“ฮึ๊ย เรื่องขี้ผง ก็หาอะไรให้ทำแก้เบื่อสิวะ” โชโยบอกฉุนๆ ไม่ทันคิด
โอฬารระอาใจ “เค้าหมายถึงยาพิษจ่า นี่ฮาหรือโง่จริงๆ เนี่ย”
“อ้าว บรรลัยแล้วไง โง่จริงโว้ย”
“ให้คนไปตามหมอ เร็ว” ธัมโมสั่งรวดเร็ว
พลตำรวจรีบวิ่งไป ฉับพลันนั้นลำโพงเสียงตามสายจากบ้านกำนันศรก็ทำงานอีกครั้ง คราวนี้เป็นเพลง “เย้ยฟ้าท้าดิน” เสียงของ สันติ ลุนเผ่
โดยที่ต้นเสียงกำนันศรกำลังกระดกลูกคอตามเสียงเพลงจากเทปคาสเซ็ตอย่างอารมณ์ดี โดยมียอด และเบิ้มยืนยิ้มกริ่มอยู่ข้างหลัง

หมอวาสนาเดินออกมาดูที่หน้าอนามัยด้วยความสงสัย
“แปลกจัง ปกติพ่อไม่เปิดเพลงเวลานี้นี่นา หรือว่า…”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วาสนาหันมองไปเหมือนตระหนักถึงลางร้าย

หมอวาสนาพาตัวเองมาอยู่บนโรงพักและกำลังเปิดไฟฉายส่องดูม่านตาของโจรทั้ง 2 ก่อนจะพบว่าไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง ทั้งคู่ขาดใจในสภาพน้ำลายฟูมปาก ข้าวผัดที่ทานยังไม่หมดกล่องเลยด้วยซ้ำ เห็นหมอวาสนาหยิบกล่องข้าวผัดมาลองดมดูก่อนจะหันไปบอกธัมโม พบว่าไซยาไนต์ไม่มีกลิ่น)
“น่ากลัวจะเป็นไซยาไนต์ค่ะ ถึงได้ออกฤทธิ์ไวขนาดนี้”
ผู้กองธัมโมโมโหมาก รู้ว่าเป็นฝีมือกำนันศรแน่ “เลวมาก ขนาดพวกเดียวกันยังไม่เว้น ไอ้กำนันศรนี่มันชาติชั่วจริงๆ”
หมู่กะจ่า ไชโยกับโอฬารสะดุ้งโหยงอุทาน “เย้ย” ก่อนจะหันไปมองหมอวาสนา เพราะรู้ดีว่าหมอวาสนาเป็นลูกกำนันศร
“ผู้กองคะ ใจเย็นๆ ก็ได้ค่ะ จะกล่าวหาใครมันต้องมีหลักฐาน” วาสนาบอก
“อ๋อต้องมีแน่ครับ ผมต้องหาหลักฐานมาเอาผิดไอ้เดรัจฉานตัวนี้ให้ได้เพื่อความสงบสุขของบ้านไม้งาม”
ไชโยปราม “ผู้กอง…อย่าพูดอีกเลยครับ ได้โปรด”
“ทำไมล่ะจ่า ผมสั่งแล้วไง ว่าห้ามกลัวกำนันศรตาแก่นั่น มันก็เป็นอาชญากร มันโรคจิต”
วาสนายืนพรวด “แต่เค้าเป็นพ่อชั้น”
“ใช่ ดังนั้นเราต้อง…” ผู้กองชะงักกึก “หา คุณหมอว่าอะไรนะครับ”
“กำนันศร.. เป็นพ่อชั้น”
ธัมโมอึ้ง…และหันไปมองจ่าไชโยกับหมู่โอฬารอย่างขอความเห็น
“หรือในทางกลับกัน คุณหมอวาสนา เธอเป็นลูกของกำนันศรครับ” หมู่ว่า
“หรือในทางกลับกันอีกทีก็คือ กำนันศรเป็นคนทำให้หมอวาสนาได้เกิดมาบนโลกใบนี้” จ่าเสริม

ผู้กองธัมโมหันกลับมามองหมอวาสนาที่จ้องอยู่อย่างไม่พอใจ

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 3 (ต่อ)

วาสนาคว้าจักรยานจะปั่นกลับอนามัย แต่แล้วผู้กองธัมโมก็ตามมาดักหน้าไว้

“เอ่อคุณหมอครับรอเดี๋ยว..คือ.. ผมขอโทษครับ ที่พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับพ่อของคุณ”
วาสนาดึงจักรยานออกจะไปต่อ “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ พ่อชั้นเป็นคนร้าย ส่วนผู้กองเป็นพระเอก ไม่เห็นผิดตรงไหนนี่คะ”
ธัมโมยื้อจักรยานไว้ “แต่ถึงยังไงท่านก็เป็นพ่อของคุณ ผมเสียใจจริงๆครับ”
“ปล่อยค่ะ”
“ไม่ครับ จนกว่าผมจะได้ชดใช้ ด้วยการ….”
จู่ๆ วาสนาต่อยเปรี้ยงเข้าเบ้าตาธัมโมจนหน้าหงาย เล่นเอาไชโย โอฬาร และพลตำรวจที่แอบดูอยู่ถึงกับสะดุ้งย่นหน้า ทำหน้าเหมือนกินบ๊วยพร้อมกันทั้งโรงพัก
“คุณได้สิทธิ์นั้นแล้วค่ะผู้กอง เราหายกัน ปล่อยค่ะ”
ธัมโมยังหน้าหงายอยู่ แต่ยอมปล่อยมือจากรถจักรยานของวาสนา
วาสนาปั่นจักรยานลับตัวไปแล้ว จ่าไชโยรีบเอ่ยขึ้น
“เชื่อผมเหอะหมู่ คนอย่างผู้กองไม่มีทางโดนคนร้ายฆ่าตาย”
หมู่โอฬารพูดรัวเร็ว “หนังเหนียวอยู่ยงคงกระพันยิงฟันไม่เข้า เหลาไม้ทิ่มก้นก็ทนได้”
“เปล่า จะตายก็เพราะปากนี่แหละ พูดไม่ดูตาเรือตาม้าเล๊ย” ไชโยบอกหน่ายๆ

ลิ้นจี่กำลังเล่นไพ่อย่างกลัดกลุ้ม เมื่อเจ้ามือกินรวบ
“โอ้ย อะไรกันโว้ย เล่นอะไรก็เสีย หมู่นี้ทำไมดวงมันกุดแบบนี้วะเนี่ย”
ลิ้นจี่คิดหนักพลางมองไปรอบๆตัวเพื่อหาทางแก้สถานการณ์ ก่อนจะสะดุดตากับจำเริญลูกชายเสี่ยเล้งที่เข้ามาดูงานในบ่อนพร้อมมิ่งคนสนิท โดยมีผู้จัดการบ่อนมาต้อนรับ
“สวัสดีครับเสี่ยน้อย มาดูงานเหรอครับ”
“ฮือ เรียบร้อยดีใช่มั้ย”
ผจก.บ่อนรายงาน “หายห่วงครับ บ่อนเราปลอดตำรวจร้อยเปอร์เซ็นต์ ขนาดคนหมู่บ้านอื่นยังถ่อมาเล่นที่นี่เลยครับ”
จำเริญพยักหน้าอย่างพอใจ มิ่งเห็นลิ้นจี่เดินมาอิดออดใกล้ๆ ก็สะกิดเจ้านาย
“เสี่ยน้อยครับ”
จำเริญหันมา “อ้าวนึกว่าใคร คุณนายลิ้นจี่นั่นเอง มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
“แหมอย่าเรียกแบบนั้นสิคะ ฟังดูแก๊แก่ คือว่าลิ้นจี่..เอ่อ…อยากจะต่อทุนน่ะค่ะ เผอิญตะกี๊ดวงกุดไปนิดนึง”
จำเริญยิ้ม “อ๋อนึกว่าอะไร ไม่ต้องห่วงครับ ระดับคุณลิ้นจี่ ผมให้เครดิตเต็มที่ซักสองหมื่นพอมั้ยครับ”
ลิ้นจี่ตาโต “อุ้ย เยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“แหมก็คุณลิ้นจี่มีศักดิ์เป็นถึงแม่เลี้ยงของน้องวาสนานี่ครับผมก็ต้องเอาใจกันหน่อย”
ลิ้นจี่พยักหน้าอย่างรู้ทางของอีกฝ่าย จำเริญหันไปสั่งผู้จัดการบ่อนเรื่องเงิน ระหว่างนั้นเองลิ้นจี่ก็เหลือบไปเห็นเถ้าแก่ตงกับสัปเหร่อคงกำลังหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่ที่โต๊ะไฮโล ทั้งสองโวยวายใส่กัน ท่าทางคงเล่นเสียไปไม่น้อย
ลิ้นจี่คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ แล้วแค่นยิ้มออกมา

ด้านหมวยใหญ่กำลังเก็บร้านด้วยท่าทีกังวล โดยมีเก่งกับย้งเป็นลูกมือ
“เฮ้อ ทำไมอาป๊ายังไม่กลับมาอีกวะ จวนจะค่ำแล้วนะอาย้ง”
“ไม่เป็นไรหรอกมั๊งเจ๊ ไปกับลุงคงก็แบบนี้แหละ ตะลอนๆ สักพักเดี๋ยวก็มา”
ขณะนั้นเก่งหันไปเห็นลิ้นจี่ก็นั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาจอดที่หน้าบ้าน ย้งมองตามเห็นแล้วตกใจ
ย้งกระซิบเก่ง “ฮึ่ย หรือจะมาเรื่องที่เราแอบดูเค้าอาบน้ำวะ”

หมวยใหญ่ทัก “นังลิ้นจี่”
ลิ้นจี่เรียกจิกเช่นกัน “นังหมวยใหญ่”
“จะซื้ออะไร”
“ไม่ซื้อ” ลิ้นจี่บอกเชิดๆ
“ดี เพราะอั้วไม่ขายให้ลื้อเหมือนกัน”
ลิ้นจี่เยาะ “เฮอะทำเป็นอวดดีไปเถ๊อะ จะบอกให้นะ ถึงวันพรุ่งนี้เมื่อไหร่แกก็ไม่มีร้านให้ขายของแล้วย่ะ”
หมวยใหญ่งงปนโกรธ “เอ๊ะนังนี่ จะแช่งกันหรือไง”
“อ้าว ไม่เชื่อก็ไปถามอาป๊าแกที่บ่อนสิยะ เดี๋ยวก็รู้เอง”
คำพูดของลิ้นจี่ทำให้หมวยใหญ่กะย้งตกใจ

ย้งขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงมาถึงหน้าบ่อนก็ค่ำมืดแล้ว
“เจ๊รออยู่นี่นะ เดี๋ยวอั้วเข้าไปตามอาป๊า”
“ไม่ได้อาย้ง อั๊วต้องไปด้วย เจอตัวเมื่อไหร่อั๊วจะดุให้เสียอนาคตเลย”
“เฮ้ย พ่อนะเจ๊ ไม่ใช่ลูก”
“นั่นแหละ จะได้ไม่กล้ามาเข้าบ่อนอีกไง” มองมาที่เก่ง “เอ่อว่าแต่ลื้อเหอะ อาเก่ง ลื้อจะไปด้วยเหรอ”
“แหม สถานที่อโคจรแบบนี้ คนสวยๆอย่างเจ๊ ควรจะมีชายหนุ่มคอยคุ้มกันนะครับ”
หมวยใหญ่ดี๊ด๊า “อร้าย ลื้อนี่หน้าหวานอย่างเดียวไม่พอนะ แถมปากหวานอีกต่างหากเอาไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ เจ๊จะให้รางวัลน๊าาา มีเท่าไหร่ให้พลีให้เลย”
“เอ่อ...เจ๊ เรามาหาพ่อนะ ไม่ได้มาหา..ผัววว” ย้งเตือนสติ
หมวยใหญ่มองค้อนย้งพูดไม่มีเสียง “เชี่ย!”

ที่ประตูทางเข้าบ่อนมิ่งคนสนิทจำเริญกับลูกน้องยืนคุมทางเข้าออก ตรวจตราลูกค้าที่ผ่านไปมา จนกระทั่งย้งพาหมวยใหญ่กับเก่งมาถึง
“พี่มิ่ง เป็นไงบ้างพี่”
“เสี่ยงโชคเหรอวะไอ้ย้ง” มิ่งถาม
“จ้ะพี่ วันนี้ชั้นพาเพื่อนมาด้วย”
มิ่งมองเก่ง “ใครวะ หน้าไม่คุ้น”

หมวยใหญ่กอดเก่งโชว์ พลางป่าวประกาศ “อ๋อ แฟนอั้วเอง อีเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่”
เก่งรีบบอก “ผมชื่อเก่งเป็นญาติของครูเพิ่มครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
มิ่งค่อนแคะ “เฮอะ ท่าทางนุ่มนิ่มแบบนี้เป็นแต๋วรึเปล่าวะ” เห็นเก่งหน้านิ่วก็ยิ่งขำ “ฮั่นแน่ดุซะด้วยโว้ย ไปๆ จะเสี่ยงโชคก็เข้าข้างในโน่น แต่ถ้าเสีย อย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งนะโว้ย ฮ่าๆๆๆ”
ย้งยิ้มรับ รีบพาเก่งกับหมวยใหญ่เข้าบ่อนไป

เก่ง ย้ง หมวยใหญ่เข้ามาในบ่อนแล้วมองหาเถ้าแก่ตงกับสัปเหร่อคง โดยมีมิ่งกับพวกตามเข้ามาคุมเชิงห่างๆ
“นั่นไงอาย้ง อาป๊าอยู่ตรงโน้น”
“โอ้โห หัวยุ่งเป็นรังนกแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าเสียไปหลายอัฐ”
“จะบ่นทำไมวะ รีบเข้าไปตามสิ”
“เดี๋ยวก่อน” เก่งเรียกไว้
หมวยใหญ่ กับย้งมองเก่ง ขณะที่เก่งกำลังมองถ้วยลูกเต๋าในมือของเจ้ามือ ที่กำลังเขย่าลูกเต๋า แต่เสียงฟังดูไม่กรุ๊กกริ๊กเหมือนลูกเต๋าทั่วไป
เจ้ามือวางถ้วยถูกเต๋า แล้วเลื่อนมือออก เห็นนิ้วชี้ข้างหนึ่งของมันชี้โด่เด่แข็งทื่อเหมือนงอไม่ได้
เจ้ามือบอกลูกขา “เอ้า แทงเสียแทงเสีย สูงต่ำวางเงินมาได้เลย”
“เถ้าแก่อย่าแทง” เก่งร้องเสียงดัง
คนทั้งบ่อนหันขวับมองมาที่เก่ง
“มันใช้เต๋าถ่วง พวกมันเล่นโกง”
“เฮ้ย แล้วจะแหกปากทำไมวะ” ย้งรีบห้าม
เก่งชี้หน้าเจ้ามือ “คืนเงินให้ลูกค้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นชั้นจะผ่านิ้วแกแล้วเอาแม่เหล็กที่ซ่อนอยู่ออกมา”
เจ้ามือหน้าเสียรีบยกมือไปซ่อนไว้ข้างหลังแบบเสียวๆ
เถ้าแก่ตงปรามกลัวมีเรื่อง “อาตี๋ อาตี๋ ลื้อใจเย็นๆ ที่โกงแล้วก็โกงไป อั้วไม่สนใจหรอกพวกเรารีบกลับกันเหอะ”
มิ่งตวาดลั่น “กลับไม่ได้โว้ย ไอ้หมอนี่มันพูดจาให้ร้ายบ่อนเสี่ยเล้งมันต้องชดใช้”
เก่งไม่สน “ใครชดใช้กันแน่ พวกแกโกงลูกค้าไปตั้งเท่าไหร่ อยากให้ชั้นพิสูจน์มั้ยล่ะ” เก่งคว้าลูกเต๋าจากถ้วย “นี่ไง”

เก่งปาลูกเต๋าใส่พื้นจนแตก เห็นไส้ในที่มีก้อนเหล็กซ่อนอยู่
มิ่งโกรธจัด “ไอ้จอมแฉ เอ็งอย่าอยู่เลย เฮ้ย กระทืบพวกมัน”

พวกน้องมิ่งวิ่งกรูเข้าหาพวกเก่งทันที ขณะที่ขาพนันคนอื่นกระเจิดกระเจิงหนีไปคนละทาง

คืนเดียวกันนั้น ผู้กองธัมโมอยู่ที่บ้านพักกำลังนั่งให้โอฬารแต่งหน้า โดยมีไชโยคอยลุ้น

ธัมโมส่องกระจก “ไม่เห็นเนียนเลยหมู่ หน้าซีดเหมือนผีดิบเลยเนี่ย”
โอฬารครวญคราง “โธ่เห็นใจผมเถอะครับผู้กอง หน้าคนผมเคยแต่งซะที่ไหน เคยแต่
แต่งหน้าศพ”
“แล้วเห็นรอยโดนต่อยมั้ยจ่า” ธัมโมคาใจ
“เห็นครับผู้กอง ผมว่าสภาพแบบนี้ใส่แว่นดำดีกว่าครับ”
ไชโยส่งแว่นดำให้ธัมโมรับไปสวม ก่อนจะได้ยินเสียงหมวยใหญ่ตะโกนโหวกเหวก
“ผู้กอง ช่วยด้วยค่ะผู้กอง ช่วยหมวยใหญ่ด้วย”
ธัมโมเหลียวขวับ “คุณหมวยใหญ่ เกิดอะไรขึ้นครับ”
ฉากบู๊ที่บ่อนเสี่ยเล้งเมื่อไม่นานผุดขึ้นมาในหัวหมวยใหญ่

เวลานั้นเก่งกำลังต่อสู้กับพวกนักเลง โดยมีหมวยใหญ่คอยหลบอยู่ข้างหลัง
“ทุกคน หนีเร็ว” เก่งตะโกนก้อง
เถ้าแก่ตงกำลังยื้อยุดกับพวกนักเลง โดยมีตาคงที่โดนรุมซ้อมอยู่ไหวๆ
“ไอ้หนุ่มลื้อพาลูกสาวอั้วหนีไป ไม่ต้องห่วงทางนี้ รีบไป” เถ้าแก่ตงบอกเก่ง
ย้งต่อยกับนักเลงอีกมุมหนึ่ง หันมาพูดเสริม “รีบไปไอ้น้องชาย เร็ว”
เก่งมองไปข้างบน เห็นจำเริญถือปืนนำลูกน้องอีกชุดลงมา ก็ตัดสินใจฉุดหมวยใหญ่วิ่งหนีออกไปจากบ่อน

พอเล่าจบ หมวยใหญ่ร้องไห้จ้าเหมือนเด็กๆ
“ตอนนี้อาป๊าอั้วกับน้องชายยังอยู่ในบ่อนเลย ไม่รู้จะโดนกระทืบไปถึงไหนแล้ว”

ผู้กองธัมโมปรารภเสียงเข้ม “บ่อนเสี่ยเล้ง ผมไม่ยักรู้ว่าพื้นที่เรา มีกิจการแบบนี้”
ไชโยอึกอัก “นั่นสิครับ ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน” หันหาพวกหมู่โอฬาร “เนอะหมู่ เพิ่งรู้เนอะ”
“หมู่ สั่งคนของเราให้เตรียมตัว คืนนี้เราจะบุกบ่อนเสี่ยเล้ง” ธัมโมสั่งการ
โอฬาร รับคำ “ครับผม”
ธัมโมนึกขึ้นได้ “เออจริงสิ แล้วนายเก่งล่ะ หายไปไหน”
หมวยใหญ่ชะงัก “อั้วไม่รู้เหมือนกัน อีบอกให้อั้วมาแจ้งความ แล้วก็หายไปเลย”
ธัมโมนิ่วหน้าอย่างแปลกใจ ขณะนั้นเองเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นครืนๆ

ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องโครมคราม เก่งผลุนผลันกลับมาในห้อง โดยมีครูเพิ่มตามมาดู
“อะไรของเอ็งวะนังเก่ง หายหัวไปทั้งวัน จู่ๆก็รีบร้อนกลับมา”
“ไม่มีเวลาตอบแล้วครู ชั้นต้องไปช่วยคน”
ครูเพิ่มงวยงง “อะไรนะ ช่วยใคร ที่ไหน”
เก่งไม่ตอบ แต่นำชุดนางสิงห์กับอาวุธที่ซ่อนไว้ออกมา

ก่อนจะคว้าพลองศอกมาสะบัดทดสอบความพร้อม ปฏิบัติการณ์ครั้งที่สองของนางสิงห์ กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้ว

โปรดติดตาม "นางสิงห์สะบัดช่อ" ตอนต่อไป

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 3 (ต่อ)

ภายในบ่อนพนันเสี่ยเล้งเวลานั้น ไม่เหลือลูกค้าแล้ว มีเพียงมิ่งกับสมุนที่ยืนรุมล้อมเถ้าแก่ตงกับ สัปเหร่อคง และย้งที่ถูกล่ามโซ่มัดไว้กับเสาต้นเดียวกัน ก่อนที่จำเริญจะถือเอกสารฉบับหนึ่งมายื่นให้ตรงหน้าเถ้าแก่ตง

“เซ็นซะเถ้าแก่ จะได้กลับบ้าน”
เถ้าแก่ตงงวยงง “เซ็นอะไรวะ”
“สัญญากู้เงิน เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย” จำเริญบอกเสียงเหี้ยม “มูลค่าสามล้าน”
ย้งฟังแล้วหูผึ่ง “เย้ย… ไอ้บ่อนเล้าหมูของลื้อเนี่ยนะสามล้าน ทำแบบนี้มันปล้นกันนี่หว่า”
“อย่ามีปัญหาโว้ยไอ้ย้ง สามล้านยังน้อยไป” มิ่งขู่
จำเริญเอ่ยขึ้น “ถูกต้อง ข้าวของเสียหายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลูกค้าชั้นเผ่นไปหมดนี่สิ เป็นเรื่อง”
ตาคงฮึดฮัด “อย่าไปยอมมันนะเถ้าแก่ ทำแบบนี้มันเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค”
มิ่งโมโห “พูดมาก อยากเจ็บตัวหรือไงไอ้คง”
ตาคงไม่กลัว “ก็เอาซี่ สัปเหร่ออย่างข้า ไม่สู้ใครอยู่แล้ว แต่บอกไว้ก่อน ถ้าวันไหนพวกเอ็งต้องใช้บริการของข้าขึ้นมา รับรองศพไม่สวยแน่”
มิ่งมองตาคงดุๆ เหมือนจะเอาเรื่อง แต่แล้วก็มีสมุนคนหนึ่งผลุนผลันมารายงาน
“เสี่ย ข้างนอกมีตำรวจแห่มาเพียบเลยครับ”

ห้วงเวลาเดียวกัน ตรงเส้นทางจากบ้านครูเพิ่มไปบ่อน เก่งในคราบนางสิงห์ชุดดำ กำลังมุ่งหน้าไปยังบ่อนเสี่ยเล้ง เก่งกระโดดตีลังกาอย่างแคล่วคล่องว่องไว ก่อนจะตบท้ายด้วยการยิงลูกตุ้มโซ่จากพลองศอกโหนตัวขึ้นไปยืนบนหลังคา เงียบเชียบราวกับนางแมวป่า

ที่บริเวณหน้าบ่อนเสี่ยเล้ง ผู้กองธัมโม จ่าไชโย และหมู่โอฬาร พร้อมด้วยทีมกำลังตำรวจโรงพักบ้านไม้งามยืนประจำตำแหน่งอยู่อย่างเท่ ก่อนที่จำเริญจะเดินนำสมุนบางส่วนออกมาเผชิญหน้าอย่างท้าทาย
“ผมนายจำเริญ เป็นเจ้าของที่นี่ และถ้าเดาไม่ผิดคุณคงเป็นผู้กองคนใหม่ที่ชื่อธัมโม”
ธัมโมพยักหน้าให้ “ผมได้รับแจ้งว่ามีการเปิดบ่อนพนัน แถมมีคนถูกกักขังอยู่ข้างใน ก็เลยแวะมา”

“เสียใจด้วยนะครับ ที่นี่เป็นสถานที่ส่วนบุคคล ถ้าคุณจะเข้าไปก็ต้องมีหมายค้น”
ธัมโมตั้งสติ “นี่เป็นเหตุฉุกเฉิน หวังว่าคุณคงไม่ขัดขวางการปฏิบัติงานของตำรวจนะคุณจำเริญ”
จำเริญมองธัมโมอย่างท้าทาย ก่อนจะขยับแขนเท้าสะเอว จงใจเลิกชายเสื้อเพื่อโชว์ด้ามปืนให้เห็น

ด้านในของบ่อนเถ้าแก่ตง ตาคง และย้งยังคงโดนมัดอยู่รวมกันโดยมีมิ่งและสมุนยืนคุมเข้ม
“งานนี้ต้องโทษไอ้เพื่อนปากเสียของเอ็ง ไอ้ย้ง หนอย ดันแฉออกมาได้เจ้ามือว่าเล่นโกง มันถึงได้ซวยกันหมดแบบนี้” ตาคงโวยวาย
“อ้าว ก็เค้าโกงจริงๆ นะลุง ถ้าไอ้เก่งไม่ช่วยแฉป่านนี้ลุงกับป๊าหมดตูดไปแล้ว” ย้งเคือง
“ไอ๊หยา ช่วยแล้วชิ่ง ไม่รักกันจริงนี่หว่า ถุย” เถ้าแก่ตงด่าเช็ด
“ไม่จริงหรอกป๊า ไอ้เก่งมันต้องกลับมาช่วยชั้นแน่ ชั้นเชื่อใจมัน”

ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเสียงกระทุ้งหนักๆ ดังขึ้นจากเบื้องบน เถ้าแก่ตง ย้ง และตาคง รวมไปถึงบรรดาสมุนของจำเริญพากันแหงนหน้ามองขึ้นไป
เป็นจังหวะที่หลังคาถูกกระทุ้งจนแตกกระจายเหมือนโดนระเบิด เผยให้เห็นร่างของนางสิงห์ดำม้วนตัวลงมาสะบัดพลองศอกอย่างคล่องแคล่ว
“เฮ้ย ใครวะ” มิ่งตะโกน
ย้งมองอย่างตื่นเต้น “นี่มันผู้หญิงชุดดำ คนที่เค้าลือกันนี่ป๊า”
“ไอ๊หยา มีจริงๆ ด้วยอ่ะ” เถ้าแก่ตงตะลึง
ตาคงอึ้ง “แหม หุ่นเป๊ะเหมือนกันนะเนี่ย”
นางสิงห์ไม่พูดพล่ามทำเพลง รีบเปิดฉากเล่นงานพวกลูกน้องของจำเริญทันที พวกลูกสมุนโดนพลองศอกฟาดกระเจิงไปคนละทาง มิ่งตัดสินใจชักปืนเล็งใส่นางสิงห์ทางด้านหลัง ย้งเห็นพอดี
“ระวัง”
นางสิงห์หันมากดปุ่มกลไก ยิงลูกตุ้มโซ่ไปซัดมือของมิ่งจนปืนลั่นหลุดมือไป

ที่หน้าบ่อนเสี่ยเล้ง ผู้กองธัมโมและหมู่มวลคนที่อยู่ด้านนอกต่างพากันได้ยินเสียงปืนชัดเจน
“เสียงปืน “ ธัมโมหันไปสั่งการ “จ่าไชโยคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก ส่วนหมู่โอฬารตามผมมา”
จำเริญชักปืน “เฮ้ย ก็บอกแล้วไง ว่าห้ามเข้า”
ผู้กองธัมโมมองปืนในมือจำเริญ ก่อนจะเล่นงานซัดจำเริญจนทรุดไปกองคาพื้น
จำเริญโมโห “ผู้กอง คุณรู้มั้ยว่าพ่อผมเป็นใคร”

“ผมไม่สน” สั่งการต่อ “จ่า คุมตัวเค้าเอาไว้ ที่เหลือตามผมมา”

เวลานั้นนางสิงห์ตีลังกาหลบพวกสมุนและมิ่ง มาที่พวกของย้ง ก่อนจะหันไปคว้าโซ่ที่มัดพวกย้ง เถ้าแก่ตง กับตาคงไว้กับเสา
“สะบัด” นางสิงห์ท่องคาถา
พริบตานั้นโซ่ทั้งยวงกระชากติดมือมากองกับพื้น ทั้งที่แม่กุญแจยังคาอยู่ เล่นเอาทุกคนพากันตกตะลึง
ย้งทึ่งสุดตีน “โอ้โห ทำได้ไงอ่ะเจ๊”
เก่งบอกย้งอย่างเร็ว “รีบหนีไป ทางนี้ชั้นจัดการเอง”
นางสิงห์หันไปสกัดพวกคนร้าย ย้งรีบพาพ่อกับตาคงหนีไป แต่แล้วก็เจอพวกผู้กองธัมโมที่บุกเข้ามา
ย้งชะงักกึก “ผู้กอง”
ธัมโมตะโกนก้อง “นี่ตำรวจ ทุกคนอยู่ในความสงบ”
มิ่งและสมุนพากันตกตะลึง ส่วนนางสิงห์พอเห็นธัมโมก็รีบใช้ลูกตุ้มโซ่โหนตัวหนีขึ้นชั้นบนไปอย่างว่องไว
โอฬารรีบบอก “นั่นไงครับผู้กอง สาวชุดดำที่ผมเคยเล่า”
ธัมโมรีบสั่งการ “หมู่! คุณจัดการทางนี้นะ เดี๋ยวผมมา”
“อ้าวผู้กอง จะฉายเดี่ยวเหรอครับ ผู้กอง” โอฬารร้องตามดังลั่น
ธัมโมรีบวิ่งตามนางสิงห์ขึ้นไปยังชั้นบนทันที
มิ่งฉวยโอกาสนั้นล่าถอยออกไปทางด้านหลังบ่อนอย่างเงียบเชียบ

นางสิงห์ผลักประตูหนีเข้ามาในออฟฟิศบ่อน แล้วทำท่าจะเผ่นออกทางหน้าต่าง แต่แล้วเธอก็ชะงักมองมาที่ตู้เซฟอย่างนึกขึ้นได้
ผู้กองธัมโมวิ่งตามรอยนางสิงห์มาตามทางเดินชั้นบนบ่อนเสี่ยเล้ง อย่างรวดเร็วจนถึงบริเวณหน้าออฟฟิศ

นางสิงห์เพิ่งโดดหนีไปทางหน้าต่าง ขณะที่ธัมโมตามมาถึง พบว่าตู้เซฟถูกเปิดทิ้งไว้ ข้าวของในตู้หายเกือบเกลี้ยงเหลือแค่ไม่กี่รายการเท่านั้น
“นี่มันเปิดตู้เซฟหรือตู้กับข้าววะเนี่ย เร็วเป็นบ้า”

ธัมโมว่าแล้วมองตามไปที่หน้าต่างอย่างคาใจ

นางสิงห์หิ้วถุงเงินวิ่งมาตรงป่าหลังบ่อนเสี่ยเล้ง เห็นผู้กองธัมโมวิ่งตามมาก่อนจะชักปืนสั่งให้หยุด

“หยุด นี่ตำรวจ”
นางสิงห์ไม่ยอมหยุดวิ่ง ธัมโมจึงต้องยิงขู่ขึ้นฟ้า จนเธอยอมหยุดหันมา
“เอาสิคะผู้กอง ยิงชั้นเลย ถ้าผู้กองไม่กลัวเสียหน้าที่ฆ่าได้กระทั่งผู้หญิง” นางสิงห์บอก
ธัมโมคิดแล้วเก็บปืน “กะอีแค่นังสาวโจรสาว มือเปล่าชั้นก็จับได้”
นางสิงห์ทิ้งถุงเงินลงกับพื้น แล้วยื่นมือให้เหมือนรอให้ธัมโมมาจูงไป แต่พอธัมโมคว้าข้อมือของเธอการต่อสู้ก็เปิดฉากขึ้นทันที ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุกรับอย่างดุเดือดแต่ทำอะไรกันไม่ได้ จังหวะหนึ่งที่นางสิงห์เหวี่ยงหมัดชกมา ธัมโมก็ใช้ไม้ตายสวมกุญแจล็อคข้อมือเธอ แล้วสับอีกข้างเข้ากับข้อมือตัวเองแถมยังล็อคตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอด
“เธอแพ้ชั้นแล้วน้องสาว”
“ยัง”
นางสิงห์พยายามปลดล็อค แต่ธัมโมก็แก้ทางมวยกลับมาล็อคได้อีก
“เป็นผู้หญิงแท้ๆ ริอ่านจะเป็นเสือสางเหมือนผู้ชายไม่ห้าวไปหน่อยเหรอ”
“ไม่ เพราะชั้นเก่งกว่าเสือสางที่ผู้กองว่าซะอีก”
นางสิงห์พยายามปลดล็อค แต่ธัมโมก็แก้ทางมวยกลับมาล็อคได้อีก
“อ้อ เก่งกว่าเสือ งั้นคงเป็นนางสิงห์สิท่า”
“ถูกต้อง”
นางสิงห์เหวี่ยงศอกกระทุ้งท้องธัมโมจนเซ แล้วฉวยโอกาสหมุนตัวหนีมาตั้งหลักก่อนจะสะบัดแขน
“สะบัด”
ขาดคำธัมโมเห็นกับตาว่าข้อมือของนางสิงห์หลุดออกจากพันธนาการไปเหมือนอากาศธาตุ
“เฮ้ย”
จังหวะที่ธัมโมมัวตะลึงอยู่นั้น นางสิงห์ก็คว้ากุญแจมือข้างที่ว่างอยู่ไปคล้องกับต้นไม้ทำให้ธัมโมโดนล่ามไปโดยปริยาย
“เสียใจด้วยค่ะผู้กอง คุณต่างหากที่เป็นฝ่ายแพ้”
นางสิงห์ทำท่าจะไป แต่ธัมโมกลับคว้าแขนเธอไว้อีก
“เดี๋ยว”
“ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอคะ”
“อย่างน้อยก็บอกชั้นมาก่อน ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร ทำไมถึงช่วยชั้นทำไมถึงช่วยนายย้ง”
ที่อีกมุมหนึ่งมิ่งกำลังซุ่มอยู่ และเล็งปืนมาที่นางสิงห์ ขณะที่นางสิงห์ยื่นหน้ามาใกล้ธัมโมอย่างเย้ายวน
“ชั้นช่วยทุกคนที่เป็นศัตรูกับคนร้ายค่ะผู้กอง ถึงเป็นโจรแต่ชั้นก็มีคุณธรรม มีสำนึกรักบ้านเกิด”
ธัมโมอึ้งไป แต่แล้วกระสุนนัดหนึ่งก็ยิงเฉี่ยวแขนนางสิงห์จนล้มไป มิ่งโผล่จากที่ซ่อนอย่างย่ามใจ
“เสร็จกูล่ะมึง”
“อย่ายิง” ธัมฌมตะโกนสุดเสียง
มิ่งไม่ฟังเสียงมันกระหน่ำยิงใส่นางสิงห์ไม่ยั้ง นางสิงห์กลิ้งตัวหลบแล้วหนีไปทางหนึ่ง
“นี่คุณจะบ้าหรือไง คุณมีสิทธิ์อะไรมายิงคนอื่น”
มิ่งท้าทาย “ไม่เอาน่าผู้กอง ผมช่วยจับคนร้ายอยู่นะ”
จากนั้นมิ่งไล่ตามไปทันที ธัมโมโวยวายลั่น
“เดี๋ยวก่อน อย่าตามไป โธ่เว้ย เก็บกุญแจไว้ไหนวะ”

มิ่งวิ่งตามมาที่หลังบ่อน พบว่านางสิงห์ได้หายตัวไป
“ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนนางโจรชุดดำ แน่จริงก็โผล่ออกมาสิโว้ย”
นางสิงห์ยืนกุมแผลอยู่ที่หลังต้นไม้ เธอพยายามกระเถิบซ่อนให้มิดชิดมากขึ้นแต่เท้ากลับเหยียบเอากิ่งไม้จนเกิดเสียงดังกร๊อบ มิ่งหันขวับมาทางต้นไม้แล้วถือปืนย่องเข้าไป
“อยู่ตรงนั้นใช่มั้ยสาวน้อย เธอหนีชั้นไม่พ้นหรอก”
มิ่งง้างนกปืน นางสิงห์สูดลมหายใจเตรียมโผล่ไปสู้ตาย แต่แล้วใครบางคนที่ใช้ผ้าขาวผ้าคลุมศรีษะก็โผล่มาทางด้านหลังของมิ่ง ก่อนจะใช้ท่อนไม้ฟาดมันจนสลบไป
นางสิงห์โผล่มาดูด้วยความแปลกใจ
“ปลอดภัยรึเปล่า”
เก่งจำเสียงได้ “ครูเพิ่ม”
ครูเพิ่มดึงผ้าขาวม้าที่อำพรางโฉมหน้าออก

ในขณะที่ย้งกำลังจูงจักรยานให้วาสนาพลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง
“นี่ถ้าไม่เห็นกับตา ผมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดเลยครับหมอ ผู้หญิงแค่คนเดียวเล่นงานพวกของไอ้มิ่งซะกระเจิง นี่ถ้าผู้กองไม่เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน ผมว่าไอ้มิ่งเสร็จแน่”
วาสนาชะงัก “ผู้กองธัมโมอีกแล้วเหรอ หมอนี่ซ่าทุกงานเลยนะ”
“อ้าว ก็เค้าเป็นตำรวจนี่ครับ” ย้งว่า
“ฮึ ขี้เก๊ก อวดดี ชั้นเกลียดขี้หน้าจะตาย”
ย้งรีบกลับลำตาม “อ๋อใช่ครับ ผมเองก็หมั่นไส้อยู่เหมือนกัน ท่าทางไม่น่าคบเลยครับ” เหล่วาสนา “สู้ผมก็ไม่ได้ น่ารักจริงใจกว่ากันเยอะ”
วาสนายิ้มขำย้งก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นครูเพิ่มยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าอนามัย
“ครูเพิ่ม มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ”
“คุณหมอ ผมรบกวนขอเข็มกับด้ายเย็บแผลหน่อยนะครับ”
ย้งสงสัย “มีใครเป็นอะไรเหรอครู หรือว่าไอ้เก่ง”
“อ๋อ ไม่มีอะไร เมื่อคืนเก่งมันรีบร้อนไปหน่อยน่ะ ก็เลยสะดุดล้ม”
“อ้าวมิน่าล่ะ ถึงได้หายไปทั้งคืน” ย้งว่า
“ถ้างั้นก็พามาที่นี่สิคะครู หนูจะได้เย็บแผลให้”
“เอ่อไม่ต้องหรอกครับ แผลนิดเดียว ผมเย็บเองได้”

วาสนาย่นหน้าเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ครูเพิ่มพยายามฝืนยิ้มกลบเกลื่อน

ตอนกลางวันวันนั้น ผู้กองธัมโม กับจ่าไชโย ออกมาซื้ออาหารด้วยกัน และกำลังเดินกลับที่พัก สองคนเดินไปแทะปาท่องโก๋ไปคุยเรื่องนางสิงห์ชุดดำไป

“เมื่อคืนผมเห็นกับตาว่าคนร้ายถูกยิงที่ต้นแขนดังนั้นถ้ามีผู้หญิงคนไหนในบ้านไม้งามมีแผลบริเวณนั้นก็แสดงว่าต้องเป็นนางโจรชุดดำ” ธัมโมเอ่ยขึ้น
“เอ แล้วผู้กองรู้ได้ยังไงครับ ว่านางโจรจะอยู่ที่บ้านไม้งาม”
“เท่าที่คุยกันเมื่อคืน ผมรู้สึกว่านางโจรมีความผูกพันกับที่นี่มากดังนั้น…”
ผู้กองธัมโมชะงัก เมื่อเห็นเก่งกำลังเดินหิ้วกล่องกระดาษใบใหญ่กลับบ้านและสวนทางกันมา เก่งชะงักเช่นกันเมื่อเห็นธัมโม
“ฮึย เจอกันอีกแล้วเหรอเนี่ย ทำไมต้องเจอกันอยู่เรื่อยวะ”
เก่งเซ็ง จึงแกล้งเดินก้มหน้าทำเป็นมองไม่เห็นธัมโม
“จะรีบไปไหนนายเก่ง”
เก่งทำเป็นชะงักหันมา “นี่ผมเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้วหรือไงครับผู้กองเห็นทักผมอยู่เรื่อย”
“อ้าว ที่ทักเนี่ย เพราะชั้นเห็นนายเป็นเพื่อนหรอกนะ”
“ถามผมบ้างสิครับ ว่าผมอยากเป็นด้วยรึเปล่า” เก่งย้อนให้
“อ้าวไอ้น้อง ผู้กองเค้าถามดีๆนะ เปรี้ยวใส่ทำไมเนี่ย” จ่าไชโยของขึ้น
“สงสัยคงไม่ชอบตำรวจล่ะมั้ง” ธัมโมพูดแทงใจดำ
ไชโยผสมโรงทันที “ถึงว่าสิ หุ่นอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงแบบนี้ หรือว่าจะติดยา”
ธัมโมชะงัก สะกิดใจคำพูดจ่า “เหมือนผู้หญิงเหรอ?”
ไชโยงุนงงเพราะตั้งหลักไม่ทัน ธัมโมหันมามองเก่ง แล้วเดินตรงไปจ้องในระยะประชิด
“ฮึย อยู่ๆมาจ้องผมทำไมเนี่ย”
ธัมโมเสียงเข้ม “ถกแขนเสื้อของนายขึ้น เดี๋ยวนี้”
“ทำไมต้องดุด้วยล่ะ จะให้ถกข้างไหนก็บอกสิ”
“ซ้าย” ธัมโมเสียงเข้ม
จ่าไชโยมองอย่างลุ้นๆ เมื่อเห็นว่าเก่งอิดออดสักพัก จนธัมโมรำคาญเลยถกเสียเอง ปรากฏว่าไม่มีรอยแผลที่แขนแม้แต่น้อย
เก่งกวน “ตกลงผู้กองหาอะไรอยู่เหรอครับ แล้วผมต้องถกขากางเกงด้วยรึเปล่า”
ธัมโมได้แต่เจ็บใจ เพราะรู้สึกว่าลางสังหรณ์ของตนไม่น่าผิดพลาด ขณะที่เก่งแอบยิ้มเย้ย

เก่งกลับมาบ้านครูเพิ่ม และกำลังนั่งนับเงินที่ปล้นมาจากบ่อนเมื่อคืน ใส่ลังกระดาษที่ซื้อมา
“สองแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันห้าร้อย สองแสนเก้าหมื่นแปดพันโอ้โหเยอะขนาดนี้เนี่ย”
ทันใดนั้นเองครูเพิ่มก็ลนลานผลักประตูเข้าบ้านมา
“นังแก้ว เอ็งบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่นอนพัก”
“หา” เก่งงวยงง
“ก็เมื่อคืนแขนเอ็งถูกยิง ข้าจำได้”
เก่งเซ็ง “มาอีกคนแล้ว อยากดูแผลใช่มั้ยนี่ไง”
พลางเก่งเลิกแขนเสื้อให้ดู แต่ไม่มีแผล
ครูเพิ่มตาค้าง “นี่เอ็ง…เอ็งหนังเหนียวหรือไงวะ”
“ชั้นเป็นลูกเลี้ยงของโจรสามเศียรนะครู กระสุนแค่นี้ฆ่าชั้นไม่ได้หรอก ว่าแต่ครูเถอะ มาช่วยชั้นแบบนี้แสดงว่าเปลี่ยนใจแล้วสิท่า”
“เปล่า ข้าเป็นห่วงเอ็งต่างหาก ถ้าเกิดเอ็งเป็นอะไรขึ้นมาวิญญาณของผู้ใหญ่ทองคงไม่ยกโทษให้ข้าแน่” ครูเพิ่มหน้าหมองไปทันที
“แล้วที่ครูเป็นอยู่ทุกวันนี้ คิดว่าพ่อผู้ใหญ่เค้าปลื้มนักเหรอ”
ครูเพิ่มอึ้ง “แก้ว”
“คนมีวิชา มีความสามารถอย่างครู ต้องมากลายเป็นตาแก่ขี้เมา ครูไม่เสียดายชีวิตบ้างหรือไง”
ครูเพิ่มพูดประชดตัวเอง “ข้ามันขี้ขลาดตาขาว ข้าช่วยเอ็งไม่ได้หรอก” แล้วเดินหนีไป

ครูเพิ่มเดินหนีเข้าครัวมาแล้วคว้าขวดเหล้าที่ซุกอยู่จะมาเปิดดื่ม แต่เก่งก็ปราดมากระชากขวดปาทิ้งจนแตก
“นังแก้ว” ครูเพิ่มฉุนขาด
“ครูคิดว่าชั้นไม่กลัวตายงั้นเหรอ ชั้นกลัว ชั้นกลัวตายแต่ชั้นขอตายอย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่าอยู่ไปวันๆเหมือนครู”
ครูเพิ่มอึ้งไป ขณะที่เก่งพยายามโน้มน้าวใจต่อ
“ครูเป็นคนสอนชั้นเอง ว่าคนเราต้องรักแผ่นดินเกิด ต้องสู้เพื่อความถูกต้อง ครูพูดได้ ครูต้องทำได้สิ เราต้องสู้เพื่อบ้านไม้งามนะครู สู้เพื่อบ้านเกิดของเรา”
ครูเพิ่มเริ่มคล้อยตามคำพูดของหนูเก่ง

เวลานั้นกำนันศรซึ่งกำลังจัดรายการอยู่ หันมามองยอดที่เพิ่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
กำนันศรไม่อยากเชื่อ “นังผู้หญิงชุดดำที่ไอ้เบิ้มเคยเล่า ตกลงมันมีจริงเหรอวะเนี่ย”
“ครับกำนัน มีคนเห็นมันปล้นบ่อนของเสี่ยเล้ง วันเดียวกับที่ผู้กองธัมโมเข้าไปกวาดล้าง” ยอดยืนยัน
กำนันศรนึกคลางแคลงในใจ “หรือว่ามันจะพวกเดียวกันวะ”
“ผมว่าเรื่องนี้ เสี่ยเล้งก็คงอยากรู้เหมือนกันครับ”
กำนันศรนึกขึ้นได้ “เห็นได้ข่าวว่ามันจะกลับมาวันนี้นี่หว่า”

จริงดังว่า รถยนต์ของเสี่ยเล้งแล่นมาจอดหน้าโรงพัก คนขับลงมาเปิดประตูให้เสี่ยเล้งและเพลินตาก้าวลงมาจากรถ สองพ่อลูกมองไปที่โรงพักบ้านไม้งามอย่างเยือกเย็น
ผู้กองธัมโมกำลังพิมพ์รายงานอย่างขะมักเขม้น ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น เห็นหมู่โอฬารเข้ามารายงาน
“ผู้กอง มีคนมาขอประกันตัวคุณจำเริญครับ”
ธัมโมเสียงแข็ง “ไม่อนุญาต”
โอฬารรีบทักท้วง “เอ่อแต่คนที่มา คือเสี่ยเล้งนะครับผู้กอง”
ธัมโมมองไปอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด

ครู่ต่อมาผู้กองธัมโมเดินนำหมู่โอฬารมาที่ห้องโถง

“นั่นไงครับผู้กอง คนที่คุยอยู่กับจ่าไชโยนั่นแหละครับเสี่ยเล้งแล้วก็ลูกสาวที่ชื่อเพลินตา”
ผู้กองธัมโมมองไปที่เสี่ยเล้งซึ่งยืนคุยอยู่กับจ่าไชโย โดยมีเพลินตาร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย จังหวะนั้นเองที่เพลินตารู้สึกตัวแล้วหันมองมาเห็นธัมโมเข้าพอดี ต่างฝ่ายต่างตกตะลึง
“ธัมโม”
“เพลินตา”
เสียเล้งหันมาอีกคน และมองสองคนไปมาด้วยความแปลกใจ
“นี่ลูกรู้จักผู้กองธัมโมด้วยเหรอ”
เพลินตากับธัมโมยังคงมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ต่างฝ่ายต่างคาดไม่ถึง พร้อมกันนั้นภาพอดีตของเขาและเธอก็ผุดขึ้นในหัวของทั้งสอง

เมื่อสิบปีก่อนที่สวนลุมพินีช่วงเวลาตอนกลางวัน ธัมโมกับเพลินตาสมัยวัยรุ่นทั้งคู่ วิ่งจูงมือกันมา ก่อนจะจับมือหมุนไปรอบๆ มันเป็นท่าคู่รักโคตรฮิตในสมัยนั้น
ทั้งคู่มีความสุขหัวเราะร่าอย่างน่าอิจฉา…ก่อนจะล้มตัวไปด้วยกันบนผืนหญ้า ธัมโมมองเพลินตาอย่างหลงใหล เพลินตาเองก็หันมายิ้มก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือธัมโม ทั้งคู่ใส่แหวนแบบเดียวกัน วงที่อยู่กับเพลินตาสลักชื่อ “ธัมโม” ส่วนที่อยู่กับธัมโมสลักชื่อ “ เพลินตา”

ภาพความหลังจากไป พร้อมกับพลตำรวจเปิดประตูห้องขัง ก่อนจะบอกแก่จำเริญ
“เชิญครับเสี่ย คุณพ่อคุณมาประกันตัวแล้วครับ”
“แล้วตอนนี้พ่อชั้นอยู่ไหน”
“กำลังคุยกับผู้กองที่ห้องทำงานครับ”
จำเริญเหลียวมองไปด้วยสายตาอันเหี้ยมเกรียม

ที่ห้องทำงานผู้กองธัมโมเวลานั้น ผู้กองธัมโมกำลังนั่งคุยกับเสี่ยเล้งและเพลินตาโดยมีหมู่โอฬารยืนรอรับใช้อยู่ที่มุมหนึ่ง เห็นเสี่ยเล้งกำลังง่วนกับการอ่านและเซ็นเอกสารขอประกันตัว
ขณะนั้นเพลินตาก็แอบเหลือบมองธัมโม ชายหนุ่มทำเป็นไม่มองเธอ เพลินตามองไปที่มือของธัมโมและพบว่าเขายังสวมแหวนที่สลักชื่อเธออยู่
ธัมโมพอนึกขึ้นได้ก็รีบเอามืออีกข้างบังแหวน
“ต้องขอบคุณผู้กองมากครับ ที่ให้โอกาสลูกชายผม หวังว่าต่อไปผมคงได้ตอบแทนผู้กองบ้าง” เสี่ยเล้งว่า
“อย่าลำบากเลยครับเสี่ย ที่ผมยอมปล่อยคุณจำเริญก็เพราะอยากให้บ้านไม้งามพัฒนาอย่างสันติ”
เพลินตาคาใจ “ยังไงเหรอคะผู้กอง”
ธัมโมไม่กล้าสู้หน้าคนรักเก่า “บ่อนของเสี่ย ผมอยากให้ปิดกิจการไปซะ เพราะถ้าผมเจออีกเมื่อไหร่ ผมจับไม่ไว้หน้า”
เสี่ยเล้งเครียดลึกๆ “นี่ผู้กองพูดจริง หรือว่าพูดเพื่อต่อรองครับ”
“ผมพูดจริง ผมรู้ว่าที่นี่มีกฎเหล็กที่เสี่ยกับกำนันศรเป็นวางเอาไว้ร่วมกัน แต่ว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่กฏหมายจะต้องมาก่อน”
เสี่ยเล้งพยักหน้ารับทราบ ขณะที่เพลินตาแอบอมยิ้ม รับรู้ว่าธัมโมเปลี่ยนไปมาก

จ่าไชโยนำตัวจำเริญมาหาเสี่ยเล้ง เพลินตา ที่ยืนรออยู่กับผู้กองธัมโม และหมู่โอฬาร
“ป๊า เพลินตา” จำเริญทักทาย พ่อและน้องสาว
“โทรมไปเลยนะเฮีย”
จำเริญพยักหน้าก่อนจะมองไปที่ธัมโมอย่างแค้นเคือง เสี่ยเล้งรีบกระแอมเตือน
“เอาน่า กลับบ้านแล้วค่อยว่ากัน” หันมาหาธัมโม “โชคดีนะครับผู้กอง แล้วเจอกันครับ”
เสี่ยเล้งไหว้ผู้กองธัมโมแล้วพาจำเริญจากไป เหลือเพลินตาที่รั้งท้ายอยู่และหันมาจ้องธัมโม
“ธัมโมเปลี่ยนไปมากนะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย”
จ่าไชโย กับหมู่โอฬารพากันจ้องผู้กองธัมโมอย่างสนใจ ในขณะที่ธัมโมลูบหนวดเขินๆ
“เพลินตาก็…” เขิน “ยังสวยเหมือนเดิมนะ”
เพลินตายิ้มขำ แค่ยิ้มนั้นก็ทำให้ผู้กองธัมโมใจสะท้าน

ครู่หนึ่งเพลินตาก็เดินมาสมทบกับเสี่ยเล้งและจำเริญที่รออยู่ที่รถเสี่ยเล้งเหล่ไปบนโรงพัก
“งานนี้เราเจอของจริงเข้าแล้ว” หันมาทางเพลินตา “หวังว่าลูกคงมีทางปราบพยศเพื่อนเก่านะเพลินตา”
“ไม่ต้องห่วงค่ะป๊า ตารู้วิธี”
แววตาของเพลินตามาดมั่นยิ่งนัก

ธัมโมถอดแหวนซึ่งสลักชื่อ “เพลินตา” ออกมาดู ก่อนจะตัดใจเก็บใส่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน ภาพอดีตผุดขึ้นมาหลอกหลอนอีกครั้ง

ที่สวนลุมพินีเมื่อสิบปีก่อน หลังจากนั้นไม่กี่เดือนต่อมาธัมโมกับเพลินตาก็ทะเลาะกัน
“ตาเบื่อค่ะธัมโม ไม่มีเหตุผลอื่น ตาเบื่อทุกอย่างที่เป็นคุณเบื่อความดักดาน ความซ้ำซากของคุณ”
“แต่ผมรักคุณนะตา เราสองคนรักกัน”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ อะไรคืออนาคตของเรา จะให้ตาแต่งงานกับนายตำรวจแสนดีแต่ไม่มีจะกินอย่างคุณงั้นเหรอ ตารับไม่ได้หรอกค่ะ เราเลิกกันดีกว่า”
“ไม่นะเพลินตา ผมรักคุณ ผมทำเพื่อคุณได้ทุกอย่าง จะให้ผมคุกเข่าผมก็ยอม อย่าทิ้งผมไปแบบนี้ เพลินตา เพลินตา”
เพลินตาสะบัดแขนเดินหนีไปจากชีวิตธัมโมนับจากวันนั้น

ธัมโมพอนึกมาถึงจุดนี้ก็ปวดใจจนเกินบรรยายรำพึงออกมา “เพลินตา”
ระหว่างนั้นเสียงระฆังดังขึ้นมา ทำให้ธัมโมได้สติ ผู้กองหนุ่มแห่งสถานีตำรวจภูธรบ้านไม้งามหันมองไปด้วยความแปลกใจ และสนใจ
ทั้งผู้กองธัมโม จ่าไชโย กับโอฬาร และหมู่มวลตำรวจพากันงุนงงกับเสียงระฆัง และต่างแห่แหนไปดูที่หน้าต่าง
“นั่นเสียงระฆังวัดไม่ใช่เหรอ เค้ามาตีทำไมตอนนี้” ธัมโมสงสัย
หมู่โอฬารก็งง “เลยช่วงเพลมาตั้งนานแล้วนี่ครับ สงสัยจะฉันของว่าง”
จ่าไชโยขัดขึ้น “พระบ้านแม่ยายหมู่เหรอฉันของว่างตอนบ่าย” หันมาทางผู้กองกับธัมโม “รัวขนาดนี้ ผมว่าพวกเราไปดูกันเถอะครับ”

ขณะที่เบิ้มกับสมุนกำลังชุมนุมอยู่ที่หน้าเรือน กำนันศรถือไม้เท้านำยอดลงมาจากเรือน
“ไอ้บ้าที่ไหนมันเล่นพิเรนทร์วะ ยอด ! เอ็งไปกับข้า ส่วนไอ้เบิ้มเอ็งกับพวกอยู่เฝ้าทางนี้”
เบิ้มรับคำ “จ้ะ พ่อกำนัน”

กำนันศรมองไป โดยไม่รู้ตัวเลยว่าขณะนั้นนางสิงห์ได้แอบโหนตัวจากกิ่งไม้เข้าไปทางหน้าต่างของบ้านกำนันแล้ว


นางสิงห์กระโจนเข้ามาในห้องรับแขก แล้วมองไปที่โต๊ะจัดรายการวิทยุกระจายเสียงชุมชนของกำนันศรอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

เหตุการณ์ตอนที่คุยกับครูเพิ่มผุดขึ้นมาในหัวเก่งที่อยู่ในคราบนางสิงห์ชุดดำ

ตอนนั้นครูเพิ่มได้ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยเก่ง
“ก็ได้ ข้าจะช่วยเอ็งนังแก้ว แต่เอ็งต้องทำตามแผนของข้า”
“ตกลง ครูจะเอายังไง บอกชั้นมาได้เลย”
“อย่างแรกนี่ไม่ใช่การแก้แค้น แต่มันคือการแก้ไขเราจะสู้เพื่ออุดมการณ์ของผุ้ใหญ่ทอง”
เก่งชะงัก “แต่ว่าชั้นต้องล้างแค้น…”
ครูเพิ่มค้าน “ไม่ เพราะถ้ากำนันศรตายเมื่อไร่ พรรคพวกของมันต้องเปิดศึกชิงอำนาจกัน แล้วในที่สุดก็จะมีคนมาแทนที่มัน”
เก่งงง “ถ้างั้น ชั้นต้องทำยังไง”
“โค่นอำนาจ ทำลายกิจการนอกกฎหมายของมันให้หมด” ครูเพิ่มว่า
เก่งอึ้งไปสักพัก ก็ยอมพยักหน้า
“ดี งั้นก่อนอื่น เอ็งต้องหาแนวร่วม ด้วยการประกาศจุดยืนให้ชาวบ้านรับรู้”
เก่งมองไปที่กองเงินซึ่งปล้นมาจากบ่อนเสี่ยเล้ง

นางสิงห์เดินมาดูเครื่องมือกระจายเสียงของกำนันศร ขณะที่วาสนาซึ่งวันนี้หยุดอยู่กับบ้านเดินมาเห็นเข้าก็แปลกใจ
“เธอเป็นใคร”
นางสิงห์ตวัดสายตาคมกริบมองมา วาสนาตกใจคิดในใจว่าอำพรางโฉมแบบนี้ไม่มาดีแน่นอน

ย้งกับเถ้าแก่ตงกำลังยืนชะเง้ออยู่ด้วยกันที่หน้าร้าน
“มีคนตีระฆังแบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่อง ในฐานะพลเมืองดี เราต้องตามไปดู”
เถ้าแก่ตงจะวิ่งไปแต่โดนหมวยใหญ่ลากคอไว้
“ไม่ต้องเลยป๊า เมื่อวานยังไม่เข็ดอีกเหรอ จะหาเหาใส่หัวลูกไปถึงไหนกัน”
เถ้าแก่ตงงอนลูกทำท่าเหมือนกับเป็นเด็ก “อ้าวก็อั้วอยากรู้นี่”
หมวยใหญ่อาสา “งั้นอั้วไปดูให้ ส่วนลื้ออยู่เฝ้าร้าน” หันไปหาน้องชาย “ไป อาย้ง”
“อ้าวเฮ้ย อย่าทิ้งอั้วสิ รออั้วเก็บร้านก่อน อาหมวย อาตี๋” เถ้าแก่ตงโวย แต่ลูกๆ ไม่สน

ที่วัดบ้านไม้งามเวลานั้น ครูเพิ่มเพิ่งวิ่งมาหาที่หลบซ่อนแล้วปรายตามองไปที่หอระฆัง ไม่มีใครรู้ว่าครูเพิ่มเป็นลั่นระฆัง วางของบางอย่างไว้
สักครู่หนึ่งกองเงินที่วางอยู่บนขอบระเบียงหอระฆัง ก็ถูกลมพัดปลิวว่อนจนกระจายเกลื่อนไปทั่วทั้งลานวัด บรรดาชาวบ้านต่างนำทีมโดยสัปเหร่อคงกำลังเก็บเงินกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ในขณะที่ย้งกับหมวยใหญ่เพิ่งมาถึง
“โอ้โหอะไรวะเนี่ย เงินเต็มไปหมดเลยเจ๊” ย้งตาค้าง
“ใครมาเทกระจาดทำบุญวะ” หมวยใหญ่ตะลึง
เถ้าแก่ตงตามมาสมทบ “ไม่ต้องสงสัยแล้ว งานนี้เก็บก่อน คิดทีหลัง”
เถ้าแก่ตงกับลูกๆ ลงไปร่วมเก็บเงินกับเค้าด้วย โดยไม่มีใครสังเกตเลยว่าขณะนั้นครูเพิ่มกำลังซุ่มดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
ขณะเดียวกันกำนันศรกับยอดก็มาถึงที่เกิดเหตุ ไล่เลี่ยกับผู้กองธัมโม จ่าไชโย และหมู่โอฬารที่เพิ่งตามมา
“มีอะไรกันครับกำนัน”
กำนันศรประชด “ประเพณีประจำท้องถิ่นมั้งผู้กอง ผมจะรู้ได้ยังไง ก็เพิ่งมาถึงเหมือนคุณนี่แหละ”
จ่าไชโยตื่นตา “โอ้โหเงินทั้งนั้นเลย เราเข้าไปเก็บเป็นหลักฐานดีมั้ยครับผู้กอง”
หมู่โอฬารขัด “ฮึ่ย ได้ที่ไหนล่ะจ่า แต่งชุดตำรวจดันไปแย่งเก็บเงินกับชาวบ้านเสียภาพพจน์กันพอดี”
ธัมโมไม่ทันได้ตัดสินใจ ก็ได้ยินเสียงเพลงมาร์ชแว่วมาจากลำโพงกระจายเสียง
เป็นเสียงนางสิงห์ “ สวัสดีชาวบ้านไม้งามที่รักทุกท่าน บัดนี้ท่านคงได้รับของขวัญจากเราแล้ว เราคือผู้ผดุงความยุติธรรมของเมืองนี้ และเราขอประกาศว่า นับจากนี้ไป ความชั่วช้าสามานย์ อิทธิพลเถื่อน รวมถึงพวกนอกกฏหมายทั้งหมด จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก”

นางสิงห์พูดกรอกไมโครโฟนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่วาสนาถูกมัดมืออุดปาก นั่งอยู่ที่พื้น
“ที่สำคัญ…พวกคนเลวจะต้องชดใช้ในบาปกรรมที่ได้ก่อขึ้น ขอให้ชาวบ้านไม้งามทุกคนจงร่วมมือกับเรา นี่คือคำประกาศในนามของ…เอ่อ….ในนามของ…”
นางสิงห์คิดถึงตอนสู้กับธัมโมและถูกธัมโมทักว่า “เก่งกว่าเสือ ก็คงเป็นสิงห์ละสิท่า”
“นางสิงห์….พิฆาตทรชน”

ว่าแล้วนางสิงห์ก็เปิดเพลงมาร์ชปลุกใจท่วงทำนองฟังแล้วชวนฮึกเหิมต่อทันที

ท่ามกลางเสียงเพลงมาร์ชชวนฮึกเหิมความงุนงงของทุกคน เถ้าแก่ตงเป็นคนแรกที่ได้สติ
“อ้าวเฮ้ยพวกเราได้ยินแล้วใช่มั้ย สรุปว่าเงินนี่เป็นของพวกเราทุกคนดังนั้นซิวว๊อยยย”
พวกชาวบ้านเฮโลเก็บเงินกันต่อ ไอ้พวกที่กลัวๆ กล้าๆ ตอนแรกก็แห่เข้าไปรวมกลุ่ม
“ใครวะนางสิงห์พิฆาตทรชน” จ่าไชโยสงสัย
“ก็นางโจรชุดดำเมื่อคืนไงจ่า” หมู่เตือนคำจำ
“อ้าวถ้างั้น…เงินพวกนี้ก็ปล้นมาจากบ่อนเสี่ยเล้งน่ะสิ”
กำนันศรยินแล้วขัดใจ “ไม่ห้ามชาวบ้านหน่อยเรอะผู้กอง”
“สภาพนี้คงห้ามไม่อยู่หรอกครับกำนัน แล้วอีกอย่างเงินนอกกฏหมายพวกนี้ ผมไม่อยากยุ่ง”
กำนันศรกับผู้กองธัมโมสบตากันอย่างไว้เชิง แต่ระหว่างนั้นเองธัมโมก็เหลือบไปเห็นลังกระดาษใบหนึ่งหล่นอยู่แถวหอระฆัง แว่บหนึ่งนั้นธัมโมนิ่วหน้าอย่างรู้สึกผิดสังเกต
ขณะนั้นเองยอดดันนึกขึ้นได้ “เอ่อพ่อกำนันครับว่าแต่ไอ้เสียงประกาศตะกี๊มันมาจาก…จาก…เอ่อจาก…”
กำนันศรนึกขึ้นได้ “เฮ้ย บ้านกู”
ย้งเงยหน้าจำได้แม่น “หา!! วันนี้หมอวาสนาอยู่บ้านนี่หว่า”

เบิ้มและสมุนวิ่งกรูขึ้นมาบนเรือนบ้านกำนันศร
เบิ้มสั่งการ “เฮ้ยมันอยู่นั่น จัดการโว้ย”
จากนั้นเบิ้มและสมุนก็กรูกันเข้าเล่นงานนางสิงห์ แต่นางสิงห์กระชากตัววาสนามาเป็นตัวประกัน
วานาโดนอุดปากพูดได้แต่ “อื้อๆๆ” ไปมา
“คุณวาสนา เฮ้ย แก..แกอย่าทำอะไรคุณวาสนานะโว้ย” เบิ้มตะโกน
“หลีกทางให้ชั้น แล้วอีกยี่สิบนาทีชั้นจะปล่อยตัวประกันแต่ถ้าเห็นใครตามไปล่ะก็ ยัยนี่เจ็บตัวแน่” นางสิงห์ประกาศก้อง
เบิ้มตะลึง นางสิงห์ฉวยโอกาสนั้นยกพลองศอกขึ้นแล้วยิงลูกตุ้มโซ่ออกไปนอกหน้าต่าง
ด้านกำนันศรอยู่กับผู้กองธัมโมที่เพิ่งมาถึงหน้าเรือน และเจอกับเบิ้มและพวกที่ลนลานลงบันไดมา
“ว่าไงไอ้เบิ้มเกิดอะไรขึ้น”
เบิ้มรีบบอกพูดอย่างเร็ว “แย่แล้วพ่อกำนัน คุณวาสนาโดนนังโจรชุดดำจับไปแล้ว”
กำนันศรฉุนกึก “ตายโหง แล้วพวกเอ็งมัวทำอะไรอยู่ ปล่อยให้ลูกข้าโดนจับไปได้ยังไง”
เบิ้มพูดไม่ออกตอบไม่ถูก ธัมโมรีบสั่งการ
“หมู่!จ่า! รีบแยกย้ายกันออกตามหาเร็วเข้า”
ไชโยกับโอฬารประสานเสียง “ครับผม”
ย้งที่ซุ่มอยู่ตรงรั้วพอได้ยินเข้าก็รีบปราดออกมา ขณะที่ธัมโมและลูกน้องจะออกไป
จ่าไชโยงง “อ้าว มาขวางทำไมวะไอ้ย้ง คนเค้าจะรีบ”
ย้งอาสา “ให้ผมช่วยนะครับผู้กอง”
หมู่กะจ่ามองหน้าก่อนจะหันไปทางผู้กอง ธัมโมพยักหน้าแปลกใจหน่อยๆ กับการเสนอตัวของย้ง

เก่งคุมตัววาสนามาถึงที่เปลี่ยวละแวกบ้านกำนันศร พอเห็นว่าไม่มีใครตามมาเธอก็ดึงผ้าที่มัดปากวาสนาออกแล้วผลักให้นั่งลง
“แกต้องการอะไร”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณหมอ ภารกิจของชั้นคือกวาดล้างความชั่วในบ้านไม้งาม โดยเฉพาะความชั่วที่เกิดจากกำนันศรพ่อคุณ”
วาสนาจะอ้าปากเถียง แต่แล้วก็เหลือบเห็นย้งกำลังเดินหาเธออยู่พอดี
“ย้ง ชั้นอยู่นี่”
ย้งตกใจ นึกว่าวาสนาถูกนางสิงห์ทำร้าย “คุณวาสนา ผมมาช่วยแล้วครับ”
เก่งอึ้ง “ฮึ่ย”
“แก แกทำร้ายคุณวาสนา แกตาย”
ย้งตั้งท่ามวยจีน ร้องย๊ากๆ แบบบรู๊ซ ลี ก่อนจะเหวี่ยงหมัดใส่นางสิงห์ แต่นางสิงห์หลบอย่างรู้เชิง ย้งชกลมชกแล้งจนจนหอบๆ แฮ่กๆ แต่ไม่โดนสักหมัด
“นี่นาย เมื่อวานชั้นเพิ่งช่วยนายกับพ่อเอาไว้นะ” นางสิงห์โวย
“ไม่สนเว้ย คนอย่างไอ้ย้งบุญคุณต้องทดแทน แต่แค้นต้องชำระก่อน ย๊ากก หมัดสะท้านบู๊ลิ้ม”
นางสิงห์ก้มหลบ หมัดย้งเลยซัดเข้ากับต้นไม้เต็มๆ จนใบร่วงกราว ขนาดวาสนากับนางสิงห์เห็นแล้วยังสะดุ้งแทน “อู้ย”
แต่ย้งยังตีหน้าเข้มแมนอยู่ ร้องเลียนแบบบรู๊ซ ลี
“อู๋ววววอ๋วออออ เอ๊ดเป็ด เอี้ยเอ้ย เจ็บอิ๊บอ๋าย”
“เจ็บมั้ยย้ง” วาสนาถาม
ย้งแทบจะร้องไห้ “เจ็บสิครับคุณหมอ จะเหลือเหรอครับ” ย้งสะบัดมือเร่าๆ “อร้ายยย มือกู เจ็บโว้ย เจ็บๆๆๆ”
“ชิ อยากแส่ดีนัก นี่แน่ะ”
นางสิงห์ว่าพลางฟาดต้นคอย้งจนสลบไป ในจังหวะที่ธัมโมเพิ่งมาถึง
“นายย้ง”
“ผู้กอง คนร้ายอยู่ทางนี้ค่ะ ช่วยชั้นด้วย” วาสนาตะโกน
นางสิงห์เห็นท่าไม่ดีรีบยิงลูกตุ้มโซ่ไปพันกิ่งไม้ ก่อนจะโหนตัวหนีขึ้นไป
ธัมโมมองตาม “นางโจรชุดดำ” รีบบอกวาสนา “คุณรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”
วาสนานึกเป็นห่วง “ระวังตัวนะคะผู้กอง”

ผู้กองธัมโมวิ่งลัดเลาะออกมาจากซอกซอยแห่งหนึ่ง แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นมีผู้คนสัญจรไปมา
ในเวลานั้นเก่งหิ้วเป้ใส่อุปกรณ์และชุดนางสิงห์ เห็นมือไม้เพิ่งเพิ่งกลัดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จพอดี และกำลังเดินหนีไปทางหนึ่ง แต่ธัมโมดันเห็นเข้าเสียก่อน
“นายเก่ง”
เก่งชะงัก ตีหน้าเซ็ง “เว้ย จะตามไปถึงไหนวะ” หันมาปั้นหน้ายิ้มแย้ม “อ้าวผู้กอง เจอกันอีกแล้ว”
ผู้กองธัมโมเดินมา “จะรีบไปไหน”
“แหม ทำไมเจอผมทีไรต้องถามแบบนี้ทุกที ปกติผมชอบเดินเร็วๆ ครับ คือตอนเด็กๆที่บ้านผมเลี้ยงควาย ผมเลยเดินตามควายซะจนติดนิสัย พอใจรึยังครับ” เก่งว่า
“ชั้นกำลังตามจับคนร้าย นายเห็นผู้หญิงชุดดำเดินผ่านมาแถวนี้บ้างรึเปล่า”
เก่งมองๆ “เอ ไม่เห็นนะครับผู้กอง ถ้าไงผู้กองค่อยๆ หาต่อไปนะครับผมขอตัวก่อน”
เก่งจะเดินหนีไปผู้กองเรียกไว้
“เดี๋ยว”
เก่งหันมาหา “อะไรอีกล่ะครับผู้กอง”
“ในเป้นาย มีอะไร”
เก่งหน้าถอดสีเพราะในเป้ยังมีด้ามพลองศอกแลบออกมาเห็นๆ
“ของใช้ส่วนตัวครับ”
“ขอชั้นดูหน่อยได้มั้ย”
เก่งนิ่งงันไป ขณะที่ชาวบ้านคนอื่นสัญจรไปมา แต่เธอกับธัมโมกลับยืนจ้องกันแน่วนิ่ง
“ไม่เป็นไร ชั้นค้นเองก็ได้”

ผู้กองธัมโมเริ่มสืบเท้าก้าวเท้าเดินมาหาเก่ง เล่นเอาเก่งใจเต้นระทึก

โปรดติดตาม "นางสิงห์สะบัดช่อ" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น