กลายเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกลางใจเมืองหลวง เมื่อคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 ราย ซ้อนท้ายจักรยานยนต์มาในความสลัวของราตรี ก่อนที่คนนั่งซ้อนท้ายจะชักทูตมรณะลั่นไกใส่รถเบนซ์สปอร์ต รุ่นอี 350 ซีดีไอ สีขาว ทะเบียน สส 6116 กรุงเทพมหานคร ขณะวิ่งอยู่ภายในหมู่บ้านตะวันนา แยก 5-1 ซอยวิภาวดีรังสิต 32 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จนรถพุ่งไปชนกับกำแพงบ้านเลขที่ 4/129 แยกซอย 5-1 เมื่อกลางดึกวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา
สิ้นเสียงปืนปรากฏร่าง นายอดิศร ศรีสุข อายุ 29 ปี เอเยนต์สลากกินแบ่งรัฐบาล นั่งนิ่งจมกองเลือดหายใจรวยรินบริเวณเบาะที่นั่งด้านคนขับ พบมีแผลถูกยิงเข้าศีรษะ 1 นัด แขน 1 นัด และลำตัวอีก 3 นัด อาการสาหัส พลเมืองดีจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น นอกจากนี้ยังพบนายอดิศักดิ์ ทองห่อ อายุ 25 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกยิงเข้าบริเวณเอวด้านขวา 1 นัด และนายพอพล นราภักดิ์ อายุ 25 ปี พนักงานรับติดตามหนี้สินของบริษัทแห่งหนึ่งกระสุนถูกขาขวา 1 นัด แอบอยู่ในมุมมืด ชาวบ้านช่วยกันรีบนำทั้งคู่ โรงพยาบาลเมโย
หลังรับแจ้งเหตุ ร.ต.ท.นวพล วิทยะเกริกไกร พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พหลโยธิน รีบไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานสืบสวน พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 และ สน.พหลโยธิน และ กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบกระป๋องเบียร์ที่มือปืนดื่มหมดแล้ววางอยู่ 2 กระป๋อง และก้นกรองบุหรี่จำนวนหนึ่งจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ พ.ต.อ.ชาตรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 และ สน.พหลโยธิน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคลี่คลายคดี เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นขัดแย้งทางธุรกิจขายสลากกินแบ่ง ชู้สาวและธุรกิจมืด พร้อมกำชับห้ามเจ้าหน้าที่ให้ข่าวกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด โดยคนที่จะให้สัมภาษณ์สื่อได้คือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และ พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ เท่านั้น
เมื่อนำข้อมูลและหลักฐานมาวิเคราะห์ เจ้าหน้าที่จึงให้น้ำหนักไปที่ ประเด็นหักหลังธุรกิจมืด เนื่องจากสืบสวนในทางลับพบว่า นายอดิศร ศรีสุข คนขับรถเบนซ์สปอร์ตมีประวัติพัวพันกับแก๊งยาเสพติด และมีหมายจับคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในท้องที่ บก.น.7 เมื่อปี 2549 นอกจากนี้ยังมีหมายจับคดีเกี่ยวกับทรัพย์ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 อีกด้วย จึงเทให้น้ำหนักไปที่การขัดแย้งยาเสพติด แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง
แต่แล้วเจ้าหน้าที่ก็กระชับปมสังหารขึ้นมา เมื่อ นายทัศนนท์ หรือแม็ก ธงอาสา อายุ 28 ปี เพื่อนกลุ่มคนเจ็บถูกยิงเสียชีวิต ที่ จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมือปืนเป็นชาย 2 รายซ้อนท้ายจักรยานยนต์ ก่อนคนนั่งซ้อนท้ายจะชักปืนยิงใส่นายทัศนนท์จำนวนหลายนัดเสียชีวิตคาที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนครบาลจึงรีบไปที่เกิดเหตุและประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ภาค 7 ทราบว่านายทัศนันท์เป็นผู้นำร่างโชกเลือดของนายอดิศร ศรีสุข ส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ก่อนที่จะหนีไปพบจุดจบที่หัวหิน
ฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่า นายทัศนนท์ผู้ตาย ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะสาวไปถึงผู้บงการยิงนายอดิศร ศรีสุข และเพื่อนได้ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ นายทัศนนท์ได้โทรศัพท์ไปหานายอดิศรให้มาหาที่บ้านภายในหมู่บ้านตะวันนา โดยบอกว่าตัวเองกำลังร้อนเงิน และต้องการเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้านที่ค้างเขาอยู่ นายอดิศรจึงชวนนายอดิศักดิ์ และนายพอพลนั่งมาเป็นเพื่อน จากนั้นจึงชวนกันไปทานข้าวที่ร้านอาหารในละแวกดังกล่าว ระหว่างที่กินข้าวอยู่นั้น นายอดิศรได้เอ่ยปากชวนนายทัศนนท์ไปเที่ยวดื่มกินที่สถานบริการต่อ แต่นายทัศนนท์ได้บอกปัดปฏิเสธไป
เมื่อกินข้าวเสร็จสรรพ นายอดิศรได้ขับรถเบนซ์สปอร์ตพานายอดิศักดิ์และนายพอพลไปตามถนน ส่วนนายทัศนนท์ก็ขอแยกย้ายกันที่ร้าน ระหว่างนั้นมือปืนวัยรุ่น 2 รายที่นั่งดื่มเบียร์กระป๋องและสูบบุหรี่รออยู่แล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์เป้าหมายขับเข้ามาในเขตสังหารจึงเร่งเครื่องขึ้นประกบยิงจำนวนหลายนัด โดยเน้นไปที่นายอดิศร แต่กระสุนบางส่วนแฉลบไปถูกเพื่อนที่นั่งมาด้วยกันคนละนัด
จากนั้น นายทัศนนท์ซึ่งขับรถตามมาห่างๆ ก็รีบนำร่างโชกเลือดของเพื่อนส่งโรงพยาบาล ก่อนหลบหนีไปกระทั่งถูกเก็บที่หัวหิน ซึ่งจากการประมวลเหตุการณ์และสอบปากคำผู้เจ็บ ซึ่งตอนแรกก็ยังไม่กล้าปริปากพูด เจ้าหน้าที่จึงสอบเครียดจนยอมคายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก
ฝ่ายสืบสวนเชื่อว่า นายทัศนนท์ ผู้ตาย ถูกผู้บงการใหญ่ใช้ให้เป็นตัวล่อให้นายอดิศรออกมาหาและส่งมือปืนตามไปเก็บ จากนั้นกลุ่มผู้บงการได้หลอกให้นายทัศนนท์หลบหนีไปกบดานที่ ชะอำ โดยบอกว่าได้เตรียมบ้านพักไว้ให้แล้ว เมื่อไปถึงก็ถูกมือปืนอีกชุดขับขี่จักรยานยนต์กระหน่ำยิงเสียชีวิตเพื่อปิดปากไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสาวไปถึงตัวเอง
ส่วนมูลเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่ามาจากการหักหลังกันระหว่างนายอดิศร กับแก๊งยาเสพติดซึ่งถือเป็นเครือข่ายรายใหญ่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และเป็นลูกข่ายยาบ้าของภาคเหนืออีกที โดยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายอดิศรได้รับคำสั่งให้นำยาบ้าและยาไอซ์ ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่นายอดิศร ใช้ให้คนอื่นไปแทน จากนั้น ตำรวจ บก.น.7 สืบทราบและยึดยาบ้าของกลางได้ 180,000 เม็ด มูลค่า 40 ล้าน และยาไอซ์อีก 4 กิโลกรัม ทำให้แก๊งหัวหน้ายาเสพติดเครือข่ายดังกล่าวระแคะระคายว่านายอดิศรเล่นไม่ซื่อ มีการยักยอกยาเสพติดและเงินค่ายา เนื่องจากยาบ้าล็อตนี้มีจำนวน 1 ล้านเม็ด แต่ตำรวจจับได้แค่ 180,000 เม็ดเท่านั้น จึงสั่งมือปืนตามเก็บ แต่ดวงไม่ถึงฆาตรอดตายหวุดหวิด ส่วนนายทัศนนท์ถูกตามเก็บเพื่อปิดปากเพราะรู้เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น
หลังจาก นายทัศนนท์ ถูกตามเก็บที่ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าดูแลความปลอดภัยแก่นายอดิศร นายอดิศักดิ์ และนายพอพล ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันเช่นเดียวกับที่เกิดกับนายทัศนนท์
“สาเหตุน่าจะมีเพียงเรื่องเดียว คือ ยาเสพติด ซึ่งการลงมือสังหารนายทัศนนท์ใน จ.เพชรบุรี น่าจะมีใบสั่งให้ลงมือ โดยหลอกให้ นายทัศนนท์ หลบหนีไปที่ จ.เพชรบุรี และน่าจะมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง สั่งให้นายทัศนนท์ไปที่นั่น เมื่อไปถึงจะมีคนมารับ แต่กลับถูกยิงเพื่อฆ่าตัดตอน โดยคนลงมือสังหารที่ จ.เพชรบุรี กับที่กรุงเทพฯ เป็นคนละคนกัน แต่น่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกันที่ใหญ่มาก ซึ่งตำรวจก็ต้องปราบปรามให้หมด และพยายามจับกุมให้ได้โดยเร็วที่สุด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าว
พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวต่อไปว่า สำหรับพยานในคดีนอกจากนายทัศนนท์ที่ถูกแก๊งคนร้ายลวงไปฆ่าปิดปากแล้วยังมีหลักฐานอื่นๆ พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือจากกระป๋องเบียร์ ภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อ ผลการตรวจพิสูจน์หัวกระสุนปืน ซึ่งคาดว่าอีกไม่กี่วันเท่านั้นก็จะทราบผล เบื้องต้นกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุมี 2 ชุด ชุดแรกคือชุดที่ยิงในรถเบนซ์ และชุดที่สองคือชุดที่ยิงนายทัศนนท์ที่ จ.เพชรบุรี เชื่อว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ อย่างไรก็ตาม ตำรวจกำลังเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่ ขณะนี้มีเบาะแสของผู้บงการแล้ว ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ได้สั่งให้ชุดสืบสวนพยายามหาความเชื่อมโยง เพื่อจับมือปืนรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป
อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้ รีบเข้ามาให้ข้อมูลโดยเร็วก่อนที่จะถูกฆ่าตัดตอน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนของ กก.สส.น.2, ชุดสืบสวน สน.พหลโยธิน และชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ช่วยกันทำงานในคดีดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า จากพฤติกรรมของคนร้ายเชื่อว่าเป็นมือปืนรับจ้างมืออาชีพ เนื่องจากมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน โดยการลงมือครั้งนี้หวังผลถึงชีวิตนายอดิศรโดยเฉพาะ ส่วนอาวุธปืนคาดว่าใช้ปืนลูกโม่ เนื่องจากไม่พบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
“คดีดังกล่าวถือเป็นคดีสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก เป็นการก่อเหตุลักษณะขององค์กรอาชญากรรมระดับใหญ่ ที่เป็นผู้สั่งการทั้งสองคดี ซึ่ง ฝ่ายสืบสวนของนครบาล บก.น.2 สน.พหลโยธิน และตำรวจภาค7 กำลังร่วมกันสืบสวน ตอนนี้ใกล้สาวถึงตัวมือปืนและผู้บงการแล้ว เชื่อว่าไม่นานน่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน” พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวด้วยแววตามุ่งมั่น