นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วัน “ซูซี่ สุษิรา แองจิลีน่า แน่นหนา” นางเอกสาวลูกครึ่งไทย - อังกฤษ จะเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย เหตุผลในการโบกมือลาวงการ ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวรในครั้งนี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ อดีตแฟนหนุ่ม “เจมส์ แม็กกี้” ที่คบหาดูใจกันมานานถึง 4 ปีหันไปสวีตหวานควง “ฟลอเรนซ์ วนิดา เฟเวอร์” ออกงานแต่ง “ชาคริต - วุ้นเส้น” แม้ฟลอเรนซ์จะอ้างความเป็นเพื่อนที่คบกับเจมส์มาตั้งแต่เด็ก แต่เป็นไปได้อย่างไรที่ฟลอเรนซ์จะบอกว่า ไม่รู้ว่าทั้งคู่คบหากัน !!?
ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่เข้ามาทำงานเป็นนางเอกละคร นางเอกภาพยนตร์เต็มตัว ซูซี่ สุษิรา ก็เจอสารพัดข่าวเสียๆ หายๆ ทั้งเรื่องความเรื่องมาก เบี้ยวงาน เลือกงาน มาสาย ฯลฯ จนกระทั่งถึงขั้นเคยตกเป็นข่าวว่าเกาหลากับนักแสดงหนุ่ม “หลุยส์ สก็อต” ที่เคยแสดงคู่กันในละครเรือนหอรอเฮี้ยนมาแล้ว และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซูซี่มีผลงานละครออกมาไม่มาก อีกทั้งงานละครหลายเรื่องของเธอในสมัยที่เซ็นสัญญาอยู่กับบอรดคาซท์ก็แทบจะเงียบหายไปกับสายลม
จะมีก็แต่ “มุกเหลี่ยมเพชร” ละครเรื่องล่าสุดที่เธอแสดงคู่กับ “โฬม พัชฏะ นามปาน” ที่ฉุดให้ชื่อซูซี่เป็นที่สนอกสนใจของนักดูละครมากขึ้นกับบทตำรวจสาวนักบู๊ที่ต้องเปลี่ยนบุคลิกมาเป็นสาวติ๊งต๊องอย่างหนูมุกเพื่อปลอมตัวเข้ามาสืบเรื่องเพชรที่ถูกปล้นไป
แต่หลังจากชื่อเสียงของเธอเริ่มโด่งดังมากขึ้น จู่ๆ ซูซี่ก็ออกมาประกาศว่าจะขอพักงานบันเทิงเพื่อไปเรียนต่อด้านกราฟิกดีไซน์ที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจากที่เรียนคณะนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มานานหลายปี แล้วก็ยังไม่มีท่าว่าจะได้รับปริญญาบัตรมาเชยชมสักที งานนี้ซูซี่อ้างว่าเพราะเธอจริงจังทุ่มเทให้กับงานแสดงและงานในวงการบันเทิงมากจนไม่มีเวลาให้กับการเรียน จึงถึงเวลาที่เธอจะต้องขอพักงานในวงการบันเทิงเพื่อไปเรียนต่อในสาขาที่เธอชื่นชอบจริงๆ เสียที
แต่บรรดาขาเมาท์ที่แอบรู้เรื่องลึกๆ ของซูซี่กลับไม่เชื่อคำอธิบายของเธอ พวกเขาเหล่านั้นฟันธงตรงกันว่าสาเหตุจริงๆ ที่ซูซี่ต้องพักงานในวงการแล้วไปเรียนต่อไกลถึงประเทศออสเตรเลียก็เพราะว่าเธอเพิ่งอกหักพ่ายรักจาก “เจมส์ แม็กกี้” แฟนหนุ่มที่คบหามานานถึง 4 ปีเต็มไปหมาดๆ นั่นเอง
ซูซี่กับเจมส์รู้จักกันมานาน ทั้งสองพบกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยที่เรียนชั้นอนุบาลในโรงเรียนอินเตอร์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้กัน ทำให้ซูซี่กับเจมส์ต้องเดินทางไปโรงเรียนพร้อมกัน และกลับบ้านด้วยกันเสมอ ด้วยความที่ทั้งซูซี่และเจมส์ต่างก็เป็นลูกครึ่งทั้งคู่ ทำให้ทัศนคติในการใช้ชีวิต ตลอดจนวัฒนธรรมต่างๆ สามารปรับจูนเข้าหากันได้ไม่ยากนัก และจากความใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปจนถึงขั้นที่มาคบหาแบบเรียกกันว่าแฟนได้เต็มปากเมื่อตอนที่ทั้งคู่อายุได้ 18 ปี
ช่วงนั้นเป็นจังหวะเวลาที่ทั้งซูซี่และเจมส์ต่างก็ก้าวเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงอย่างจริงจังด้วยกันทั้งคู่ โดยฝ่ายหญิงได้เซ็นสัญญากับบรอดคาซท์รับงานแสดงละครเรื่องแรกคือ สื่อรักชักใยอลวน โดยแสดงคู่กับ “ศิระ แพทย์รัตน์” เมื่อปี พ.ศ. 2551 แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จนกระทั่งได้มาประกบคู่กับ “สมาร์ท กฤษฎา พรเวโรจน์” ในละครเรื่องเพลิงสีรุ้งเมื่อปี พ.ศ. 2552 ส่งให้ชื่อ ซูซี่ สุษิรา เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ก่อนจะมีผลงานละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ชื่อเรือนหอรอเฮี้ยน กับ หลุยส์ สก็อต ในปี พ.ศ. 2554 แล้วมาดังเปรี้ยงปร้างกับบทหนูมุกหรือมุกดา ตำรวจสาวสุดเท่ในละครมุกเหลี่ยมเพชร เมื่อต้นปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมา
ส่วนเจมส์มีผลงานถ่ายแบบประปราย ก่อนจะมีภาพยนตร์เรื่อง 9 วัดที่แสดงคู่กับ “นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา” แต่ก็ถือว่าชื่อเสียงของเขายังเป็นรองซูซี่อยู่หลายขุม ในขณะที่ซูซี่กำลังโด่งดังจากบทหนูมุกอยู่นี่เอง จู่ๆ เธอก็ออกมาประกาศบอกแฟนๆ ว่ากำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อด้านกราฟิกดีไซน์ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทำให้ต้องยุติงานในวงการบันเทิง ช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่หลายคนเริ่มสังเกตว่าความรักที่เคย “หวานจนเลี่ยน” ของเจมส์กับซูซี่เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ค่อยเห็นทั้งสองตัวติดกันเหมือนเช่นเคย มิหนำซ้ำหลายคนยังแอบเห็นเจมส์ดอดมาตามเฝ้านางแบบสาว “ฟลอเรนซ์ วนิดา เฟเวอร์” เวลาที่เธอต้องมาทำงานอีเวนต์ในห้างสรรพสินค้า เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้หลายฝ่ายก็สรุปตรงกันว่าความรักที่เคยหวานชื่นของซูซี่กับเจมส์น่าจะปิดฉากลงแล้ว
เมื่อความลับไม่มีในโลก สุดท้ายซูซี่ก็ออกมายอมรับว่าเธอเลิกรากับเจมส์แล้วเมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา โดยฝ่ายชายเป็นคนขอเลิก ส่วนเหตุผลของการเลิกราซูซี่ตอบไม่ได้เพราะไม่ใช่ฝ่ายขอเลิก แต่เธอยอมรับว่านี่เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เธอเสียใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว
ส่วนหนุ่มเจมส์พูดถึงการยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูซี่เอาไว้ว่าสาเหตุมาจากการที่ซูซี่ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ส่วนเขาก็ต้องทำงานโดยจะเบนเข็มมาเน้นในด้านการทำธุรกิจ ซึ่งการที่ต่างฝ่ายต้องไปทำภารกิจของตัวเองนี่เองที่ทำให้ต่างฝ่ายก็เริ่มห่างกันไป จนกลายมาเป็นการเลิกรา!!
ในช่วงที่ทั้งคู่ยังไม่ได้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ จู่ๆ เจมส์ก็จูงมือฟลอเรนซ์ไปงานแต่งงานของ “ชาคริต แย้มนาม” กับ “วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์” ท่ามกลางความประหลาดใจของคนที่ได้พบเห็น วันนั้นเจมส์กับฟลอเรนซ์ยังไม่ได้เคลียร์ เวลาผ่านไปไม่กี่วันทั้งคู่ก็ควงกันมางานประกาศรางวัลสุพรรณหงษ์ทองคำอีก ซึ่งงานนี้นักข่าวไม่รอช้ารีบแห่กันไปดักเจมส์กับฟลอเรนซ์กันจ้าละหวั่น แต่ทั้งคู่ก็ยอมแค่ให้ถ่ายรูปคู่กัน แต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์คู่กัน ก่อนที่ต่างฝ่ายก็ต่างให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้แบบ “แยกกันพูด”
ทั้งสองให้การตรงกันว่ามาสปาร์กรักกันหลังจากที่เจมส์เลิกกับซูซี่แล้ว ซึ่งตรงกับที่ซูซี่ก็เคยพูดถึงความสัมพันธ์ของอดีตแฟนหนุ่มของเธอที่มีคนเห็นไปไหนมาไหนกับฟลอเรนซ์บ่อยๆ ว่าน่าจะเกิดหลังจากที่เจมส์ขอเลิกกับเธอแล้ว ฟลอเรนซ์บอกว่ารู้จักเป็นเพื่อนกับเจมส์มานานถึง 8 ปีแล้ว แต่เธอกลับบอกว่าไม่รู้ว่าเจมส์กับซูซี่เป็นแฟนกัน ทั้งๆ ที่คู่ “เจมส์ - ซูซี่” สวีทเว่อร์ รักกันออกสื่อจนหลายคนตาร้อน ซูซี่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอทุ่มเทและจริงจังกับรักครั้งนี้มาก และเชื่อมั่นในตัวของเจมส์มากว่าจะอยู่กับเธอไปจนแก่เฒ่า ไม่แปลกอะไรที่เมื่อวันหนึ่งเจมส์มาบอกเลิกจะทำให้ซูซี่เฮิร์ตหนักขนาดนี้
ซูซี่ สุษิรา อาจเป็นนางเอกละครอีกหนึ่งคนที่อาภัพสุดๆ เจอทั้งสารพัดข่าวฉาวไม่เว้นวัน ทั้งข่าวว่าเธอเกี่ยงงาน เลือกงาน ข่าวลือว่าเธอทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน จนผู้จัดละครกับพระเอกหลายคนไม่ค่อยอยากร่วมงานกับเธอ มาจนถึงข่าวล่าสุดที่ต้องเลิกรากับอดีตแฟนที่คบหากันมานานถึง 4 ปี แบบนี้ หลายคนที่รักซูซี่พยายามเอาใจช่วยเธอให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้
เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซูซี่ไปรับประทานอาหารกับ “หน่อง อรุโณชา ภานุพันธ์” แห่งบอรดคาซท์อดีตต้นสังกัดของเธอด้วยสีหน้าที่ดูแฮปปี้มากๆ แม้จะผอมซูบลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังได้กำลังใจดีจากผู้หลักผู้ใหญ่และเพื่อนฝูง อย่าง “แอริณ สิรีภรณ์ ยุกตะทัต” ที่เดินทางไปส่งซูซี่กลับเชียงใหม่ถึงสนามบิน ทั้งกอด ทั้งหอมร่ำลากันอย่างซาบซึ้ง ตอนนี้ซูซี่อยู่ในช่วงเตรียมตัวแพกกระเป๋าเพื่อเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็หวังว่าการไปครั้งนี้จะไม่ใช่ไปแล้วไปลับ เพราะซูซี่ให้สัญญากับแฟนๆ ว่าปิดเทอมเมื่อไหร่จะรีบเดินทางกลับมาโผล่หน้าให้แฟนๆ หายคิดถึงอย่างแน่นอน
.........................................................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 135 วันที่ 5 - 11 พฤษภาคม 2555