xs
xsm
sm
md
lg

ภูผาแพรไหม ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภูผาแพรไหม ตอนที่ 3

แสงมณีกับแสงฉายยกตะกร้าที่มีแต่ผลไม้ราคาแพง ๆ ให้ภูผา แสงมณีมองสบตาภูผาด้วยสายตาหวานฉ่ำ

“หายเร็วๆนะคะ”
ภูผารับตะกร้าไป “ขอบคุณครับ”
ปรางแก้วเข้ามาช่วยภูผารับตะกร้าไป
แสงฉายมองภูผาอย่างไม่ชอบหน้าแต่ก็แสร้งทำเป็นพูดชื่นชม
“เอาชีวิตตัวเองปกป้องคนอื่น...ลูกผู้ชายเกินร้อยอย่างนี้นี่เองคุณแพรไหม” แสงฉายพูดเน้น “ว่าที่ราชินีของผมถึงชื่นชมคุณนัก”
ภูผาได้ยินก็เจ็บแปลบที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ภูผารับคำ “งั้นเหรอครับ”
บุญศรีถามอย่างซื่อๆ “หนูแพรไหมเป็นแฟนเจ้าเหรอจ๊ะ แล้วทำไมต่างคนต่างมาไม่มาด้วยกัน”
ภูผามองแสงฉายอย่างรอคำตอบ ปรางแก้วที่เห็นแพรไหมเถียงกับแสงฉายมองแสงฉายอย่างเกรงใจก่อนจะเดินไปยืนข้างๆบุญศรี แสงฉายหน้าเจื่อนอย่างเสียหน้า แล้วรีบแก้ตัว
“ผมไม่ได้บอก..คุณแพรเลยไม่ทราบว่าผมจะมา”
บุญศรีจะถามต่อ “แล้ว”
ปรางแก้วจับแขนบุญศรีเป็นเชิงเตือนให้เลิกพูดถึงแพรไหม บุญศรีหันไปมองเพราะนึกว่าปรางแก้วมาจับเพราะกลัวว่าเธอจะหน้ามืด
“ป้าเพิ่งยืนเดี๋ยวเดียวหน้าไม่มืดหรอก” บุญศรีพูดกับแสงฉาย “แล้วหนูแพรไหมไปไหนแล้วละจ๊ะ ทำไมไม่เข้ามาด้วย”
“คุณแพรมีธุระเลยกลับไปแล้วน่ะครับ” แสงฉายบอก
บุญศรีพยักหน้าเข้าใจ
ปรางแก้วรีบกระซิบบอก “เค้าทะเลาะกันค่ะ”
“เอ้อ..” บุญศรียิ้มแหยๆ กับแสงฉาย “หมดเรื่องถามแล้วจ้ะ เชิญเจ้าคุยกับภูผาตามสบาย”
บุญศรีรีบเดินไปนั่ง โดยมีปรางแก้วประคองไป
แสงฉายพูดกับภูผา “ตั้งแต่กลับจากเชียงใหม่คุณแพรชมคุณให้ผมฟังทุกวันเลยนะครับ”
แสงฉายมองภูผาอย่างสังเกตแต่ภูผาก็ยังคงนิ่งอยู่
ภูผาพูดประชดแพรไหม “ผู้หญิงก็อย่างนี้ละครับพูดเรื่องซ้ำๆได้ทุกวัน”
“ในห้องนี้ผู้หญิงเยอะกว่า พูดแบบนี้ไม่กลัวผู้หญิงรุมเหรอคะ” แสงมณีถาม
ภูผาหัวเราะแทนคำตอบ แสงมณีหัวเราะขำภูผา บุญศรีกับปรางแก้วยังเกรงใจแสงฉายเรื่องแพรไหมจึงยิ้มเจื่อนๆ แสงฉายมองภูผาอย่างไม่ชอบหน้า

แพรไหมเดินเข้ามาในบ้าน ศุภลักษณ์เดินมาหาอย่างไม่พอใจ พันทิญากับวนิดาเดินตามมาด้วย
“ทำไมแพรต้องแอบไปเยี่ยมคุณภูผาด้วย” วนิดาโพล่งขึ้น
แพรไหมแปลกใจ “คุณน้ารู้ได้ยังไงคะว่าแพรไปไหนมา”
พันทิญารีบพูด “เจ้าบอก”
ศุภลักษณ์มองวนิดากับพันทิญาอย่างไม่พอใจ
“คุณแม่โทรหาเจ้า ให้เจ้าส่งคนตามหาแพรเหรอคะ” แพรไหมถาม
“ก็ใช่น่ะสิ...แม่ตื่นมาไม่เห็นแพรคิดว่าหนีออกจากบ้านไปอีกเลยโทรบอกเจ้า..” ศุภลักษณ์รีบถามเพื่อเบี่ยงประเด็น “แพรยังไม่ได้ตอบเลยนะว่าทำไมต้องแอบไปเยี่ยมคุณภูผา”
“ถ้าบอก..คุณแม่ก็ต้องให้แพรไปพร้อมเจ้า” แพรไหมบอก
“แล้วทำไมไปพร้อมเจ้าไม่ได้..หรือแพรมีอะไรกับคุณภูผาเลยต้องหาโอกาสไปเจอเค้าสองต่อสอง” พันทิญาสวน
แพรไหมยิ่งไม่พอใจ “เมื่อไหร่พี่พันจะเชื่อคะว่าแพรกับเค้าเป็นแค่เพื่อนกัน..แล้วที่แพรไม่อยากไปพร้อมเจ้าทุกคนก็รู้ว่าเพราะอะไร”
ศุภลักษณ์มองแพรไหมอย่างหนักใจ
“แพรต้องไปทำงาน..ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
แพรไหมเดินออกไป พันทิญากับวนิดามองแพรไหมด้วยความหมั่นไส้ ศุภลักษณ์มองตามแพรไหมด้วยความหนักใจแล้วพูดกับวนิดากับพันทิญาอย่างไม่พอใจ
“สั่งแล้วสั่งอีกว่าให้ยัยแพรรู้ไม่ได้ว่าเจ้าส่งคนตาม เธอก็ยังตั้งคำถามให้ยัยแพรสงสัย แถมพันก็ยังบอกอีกว่ารู้ว่ายัยแพรไปโรงพยาบาลจากเจ้าดีนะที่แม่แก้ตัวได้ ..เก็บความลับอะไรไม่ได้เลย”
วนิดากับพันทิญามองศุภลักษณ์อย่างกลัวๆ ศุภลักษณ์มองทั้งคู่อย่างไม่พอใจแล้วเดินไป พันทิญามองตามศุภลักษณ์แล้วเปลี่ยนสีหน้าจากกลัวเป็นยิ้มเยาะ
“มีแต่คุณแม่คนเดียวเท่านั้นละค่ะที่อยากให้เรื่องนี้เป็นความลับ” พันทิญาพูดกับวนิดา “พันไปหายัยแพรก่อนนะคะ”
วนิดายิ้มแล้วพยักหน้า พันทิญาเดินออกไป

แพรไหมเลือกเสื้อผ้าในตู้ที่อยู่ในห้องของเธอ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แพรไหมเดินไปเปิดประตู พันทิญายืนอยู่หน้าห้อง แพรไหมมองพันทิญาอย่างไม่พอใจแล้วเดินเข้าห้องไป
พันทิญาเดินเข้าห้องแล้วปิดประตู “โกรธที่พี่พูดว่าแพรมีอะไรกับคุณภูผาเหรอ”
แพรไหมเงียบไม่ตอบอะไร
พันทิญาลอบมองแพรไหมอย่างไม่พอใจแล้วตีสีหน้าอ่อนโยนพร้อมพูดกับเธอ
“พี่รู้ว่าแพรไม่ได้มีอะไรกับเค้า..แต่ที่พี่พูดเพราะอยากให้คุณแม่เข้าใจว่าแพรมีคนรักแล้วคุณแม่จะเห็นใจไม่ยกแพรให้เจ้า”
แพรไหมชะงักแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะคะที่แพรเข้าใจพี่พันผิด”
พันทิญายิ้มให้แพรไหมคล้ายจะให้อภัย
“แต่คุณแม่เคยพูดว่าความเหมาะสมสำคัญกว่าความรัก...ต่อให้แพรมีคนรักจริงๆคุณแม่ก็ยกแพรให้เจ้าอยู่ดีละค่ะ” แพรไหมตัดพ้อ
“เฮ้อ...ยิ่งคิดพี่ยิ่งสงสาร..ถ้าแต่งกันไปเจ้าคงเลี้ยงแพรเหมือนนกในกรงทอง..สุขสบายแต่ไร้อิสระ..เพราะขนาดยังไม่แต่งเจ้ายังส่งคนตามดูแพรตลอดเวลา”
“เจ้าส่งคนตามแพรตลอดเวลา?”
“ไม่งั้นจะรู้เร็วอย่างนี้เหรอว่าแพรไปที่โรงพยาบาล...คุณแม่ไม่อยากให้แพรรู้เพราะกลัวแพรโกรธเจ้า..แต่พี่ว่าเจ้าสมควรถูกโกรธเพราะก้าวก่ายสิทธิส่วนตัวแพรมากเกินไป”
แพรไหมหน้ามุ่ยด้วยความโกรธแสงฉาย พันทิญามองแพรไหมแล้วยิ้มสะใจ

ในห้องพักที่โรงพยาบาล ปรางแก้วแกะส้มเป็นกลีบมาเรียงใส่จาน แสงฉายกับแสงมณีนั่งคุยกับบุญศรีที่โซฟา
“คุณป้าเลี้ยงยังไงครับคุณภูผาถึงเป็นคนกล้าหาญแบบนี้...ผมได้จำวิธีไปสอนลูกบ้าง” แสงฉายถามแกมประชด
“ยังไม่ทันแต่งเลย คิดไปถึงเรื่องลูกแล้วเหรอคะ” แสงมณีถามพี่ชายตัวเอง
“พี่อยากมีลูก” แสงฉายปลายตาเย้ยภูผาเล็กน้อย “แต่งแล้วพี่จะให้คุณแพรมีลูกให้พี่เลย”
ภูผารู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูกจึงเมินหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากฟังแต่ก็ไม่ใครสังเกตุเห็น
“เรื่องความกล้าภูไม่ได้ได้มาจากป้าหรอกค่ะ แต่ได้มาจากพ่อเค้า พ่อเค้าเป็นตำรวจที่ใจกล้ามาก” บุญศรีบอก
แสงฉายพยักหน้ายิ้มให้บุญศรีอย่างอ่อนโยน
แสงฉายดูนาฬิกาแล้วพูดกับบุญศรี “ผมรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณภูผามามากแล้วเห็นทีต้องกลับซะที” แสงฉายเดินไปหาภูผา “ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยชีวิตมณี” แสงฉายหยิบเช็คมูลค่า10 ล้านออกมายื่นให้ “น้ำใจเล็กๆน้อยๆจากผม”
ภูผามองเช็คใบนั้น “10 ล้านไม่เล็กน้อยหรอกครับ..แต่ผมรับไว้ไม่ได้”
แสงฉายกับแสงมณีมองภูผาด้วยความทึ่ง
ภูผาพูดด้วยความรู้สึกผิด “ผมทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแต่บกพร่องให้คนร้ายพกอาวุธเข้ามาในงานจนเกือบทำให้ทุกคนเป็นอันตราย..ถ้าผมยังกล้ารับเงินของเจ้าผมคงเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีที่สุด”
แสงฉายมองภูผาอย่างไม่เชื่อแต่ก็ทำยิ้มอ่อนโยนกลบเกลื่อน แสงมณี ปรางแก้ว และบุญศรีมองภูผาอย่างชื่นชม
“เอาเรื่องศักดิ์ศรีมาพูดตื๊อยังไงคุณก็คงไม่รับเงินผม” แสงฉายเก็บเช็คใส่กระเป๋า “แต่ยังไงผมก็อยากตอบแทนคุณนะ..วันไหนเดือดร้อนไปหาผม ผมจะช่วยคุณทุกอย่าง”
“ขอบคุณครับ”
แสงมณีมองภูผาอย่างชื่นชม ปรางแก้วมองแสงมณีที่กำลังมองภูผาด้วยสายตาชื่นชมอย่างหวั่นใจ

แสงฉายกับแสงมณีเดินคุยกันมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
แสงฉายพูดจาดูถูก “ทำทีเป็นรู้สึกผิดแล้วไม่รับเช็ค...อยากได้มากกว่านี้ละไม่ว่า”
“น้องรู้ค่ะว่าพี่เจอแต่คนที่อยากได้ประโยชน์จากพี่..แต่สีหน้าแววตาคุณภูผาไม่ได้ดูเป็นคนแบบนั้นเลยนะคะ” แสงมณีบอก
“น้องยังเด็กไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนหรอก..จำคำพี่ไว้นะว่าไม่มีใครไม่หิวเงิน”
“แต่เค้าเอาชีวิตมาเสี่ยงนะคะ ถ้าตายเค้าจะได้ประโยชน์อะไร”
“อย่างน้อยเค้าก็รู้ว่าเราต้องตอบแทนครอบครัวเค้าให้สุขสบายไปทั้งชาติ..แล้วถ้ารอดเค้าก็จะเป็นฮีโร่ที่เราต้องตอบแทนบุญคุณตลอดชีวิต..ไม่มีใครทำอะไรโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอก..เชื่อพี่”
แสงมณีมองแสงฉายอย่างหนักใจ แสงฉายกับแสงมณีเดินมาถึงโถงหน้าลิฟท์ ธนา ยศ เลิศ และองครักษ์อีก 6 คนที่นั่งรออยู่ลุกขึ้นอย่างนอบน้อม
“พี่จะเข้าออฟฟิศแล้วเลยไปหาคุณแพร..แยกกันตรงนี้เลยละกันนะ” แสงฉายบอก
แสงมณีรับคำ “ค่ะ”
แสงฉายเดินไป ธนารีบวิ่งไปกดลิฟท์ให้ แสงมณีมองแสงฉายอย่างหนักใจที่แสงฉายมองภูผาในแง่ร้ายเช่นนั้น

อีกด้านหนึ่ง ทวีปเดินมาจะตรงไปที่ลิฟท์ ส่วนแสงมณีเดินมาอีกทาง โดยมียศ เลิศ และองครักษ์ 3 คน อารักขาอย่างเข้มงวด ทวีปกับแสงมณีเดินประจันหน้ากันอย่างจัง
ทวีปพูดอย่างโมโห “ได้เจอกันจังๆซะที...เจ้าใช่มั้ยที่เอากระดาษแปะหลังผมว่าผมปากหมาจนคนหัวเราะเยาะผมทั้งงาน”
ยศ เลิศ องครักษ์ 3 คนขยับจะเข้าไปจัดการทวีป
แสงมณีสั่งเสียงเข้ม “ฉันจัดการเอง” แสงมณีพูดกับทวีป “เจอหน้าปุ๊บก็เห่าทักปั๊บเลยนะ”
“เป็นเจ้าจริงๆ...อย่าคิดนะว่าตำแหน่งใหญ่โต มีเงินล้นฟ้าแล้วจะเที่ยวรังแกใครก็ได้”
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น..แล้วฉันก็คงไม่ทำอะไรใครถ้าไม่ถูกรังแกก่อน”
“ผมรังแกอะไรเจ้า” ทวีปถาม
“คุณว่าฉัน”
“แค่คำว่าซุ่มซ่ามไม่รู้จะโกรธแค้นอะไรนักหนา..หยุมหยิมตัวแม่”
“ว่าฉันซุ่มซ่ามยังไม่พอ ยังว่าฉันหยุมหยิมอีกเหรอ”
“เอ้า..แค่คำว่าซุ่มซ่ามทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ไม่เรียกว่าหยุมหยิมตัวแม่แล้วจะให้เรียกว่าอะไร”
แสงมณีมองทวีปอย่างโมโห เธอเห็นแก้วน้ำที่ใส่น้ำเพื่อบริการคนที่มาในโรงพยาบาลจึงหยิบแก้วน้ำขึ้นแล้วเอาน้ำสาดใส่ทวีป ทวีปหลบอย่างรวดเร็วแล้วหยิบน้ำอีกแก้วสาดใส่เสื้อแสงมณีบ้าง
แสงมณีร้องลั่น “ว้าย”
ยศกับเลิศจะเข้ามาจัดการ แต่ทวีปตั้งการ์ดรอ
แสงมณีพูดกับการ์ด “หยุด!!” แสงมณีเดินไปหาทวีปอย่างโมโห “กล้าดียังไงเอาน้ำสาดฉัน”
“ทีเจ้ายังกล้าสาดผมเลย” ทวีปยื่นหน้าไปพูดใส่อย่างกวนๆ “ผมไม่อ่อนข้อให้ผู้หญิงเจ้าอารมณ์อย่างเจ้าหรอกนะ”
ทวีปยักคิ้วเย้ยแสงมณีอย่างกวนๆ แสงมณีมองทวีปด้วยความแค้นใจสุดๆ

ในห้องพักของภูผา บุญศรีพูดกับปรางแก้วอย่างรู้สึกผิด
“แก้วมาจับ..ป้าก็ยังถามถึงหนูแพรอยู่นั่น..ดีนะที่เจ้าแสงฉายไม่โกรธเอา”
“คุณป้าไม่รู้ว่าคุณแพรกับเจ้าทะเลาะกันนี่คะ เจ้าจะโกรธคุณป้าได้ยังไง”
ภูผาพูดด้วยความหมั่นไส้ “ไม่บอกก็รู้ว่าใครผิด..ผู้หญิงคนนั้นยั่วให้คนโมโหเก่งจะตาย”
บุญศรีนึกได้ “เออ...แล้วหนูแพรยั่วโมโหอะไรลูก...เค้าทำอะไรแก้วถึงร้องไห้”
“เค้าโกหกจนทำให้แก้วเข้าใจผิดน่ะครับ” ภูผาบอก
“แต่ตอนนี้แก้วรู้แล้วว่าเค้าโกหกเพราะจำเป็น..แก้วเข้าใจคุณแพรแล้วละค่ะ” ปรางแก้วพูด
“คุณแพรปากหวานก้นเปรี้ยว แก้วอย่าหลงคารมเค้าง่าย ๆ สิ” ภูผาเตือน
“แก้วคิดตามเหตุผลค่ะ...พี่ภูก็ควรจะคิดถึงเหตุผลแล้วก็เลิกโกรธคุณแพรได้แล้วนะคะ”
“พี่เกลียดคนโกหก..นั่นแหล่ะเหตุผลของพี่”

ปรางแก้วมองภูผาอย่างหนักใจ บุญศรีมองภูผาอย่างหนักใจตามปรางแก้วด้วยเช่นกัน


เสียงพระสวดมนต์ดังอยู่ในศาลาวัด บริเวณหน้าพระที่กำลังนั่งสวดมีเครื่องสังฆทานวางอยู่ พันทิญาใส่แหวนที่ชัยซื้อให้เทน้ำแผ่เมตตา โดยมีพิพัฒน์จับมือพันทิญาอยู่ ทั้งคู่มองตากันอย่างมีความสุข

พระสวดจบ พันทิญากับพิพัฒน์ก็ก้มลงกราบ แล้วพระก็เดินออกไป
“พันอุทิศบุญกุศลที่ทำวันนี้ให้นายชัยหมดเลยค่ะ..เค้าจะได้ไม่จองเวรจองกรรมกับพันอีก” พันทิญาบอก
พิพัฒน์ชื่นชม “ไม่แจ้งตำรวจแล้วยังทำบุญให้คนบ้าที่ตามก่อกวน..คุณต้องเป็นนางฟ้าลงมาจุติแน่ ๆ เลยครับ”
“งั้นคุณก็คงเป็นเทวดามาเกิด..เราถึงได้มีศีลเสมอกัน ชอบทำบุญเหมือนกันอย่างนี้”
พิพัฒน์จับมือพันทิญาแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ผมดีใจนะครับที่ได้ทำบุญกับคุณชาติหน้าเราจะได้เจอกันอีก” พิพัฒน์เหลือบเห็นแหวน “แหวนคุณน้ำงามจังเลยครับ”
พันทิญารีบบอก “คุณแม่ซื้อให้น่ะค่ะ”
“ท่าทางคุณแม่คุณจะดูเพชรเก่งวันหลังผมคงต้องไปขอคำปรึกษาบ้าง”
“คุณแม่ไม่กล้าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรอกค่ะ..ท่านคงชวนคุณคุยเรื่องผ้ามากกว่าเรื่องเพชร”
พันทิญากับพิพัฒน์หัวเราะกันอย่างมีความสุข
“ผมเอาน้ำไปเทก่อนนะครับจะได้รีบไปดูวิวริมน้ำ..ผมอยากเห็นแล้วละครับว่าวิวจะสวยอย่างที่คุณโฆษณาไว้รึเปล่า”
พิพัฒน์ถือน้ำออกไปเทที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พันทิญามองพิพัฒน์แล้วยิ้มสมใจที่พิพัฒน์หลงเสน่ห์ของเธอ เธอมองรอบๆ บริเวณศาลาที่บรรยากาศร่มรื่นอย่างมีความสุขแล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นชัยในสภาพมีผ้าก็อตแปะหัว ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ และอยู่ในสภาพโทรมมากเดินซึมเศร้าเหมือนคนไร้วิญญาณมาจากทางหนึ่ง
“ไอ้ชัย!!”
พันทิญาหันไปมองพิพัฒน์ที่กำลังเทน้ำอย่างร้อนใจ แล้วรีบเดินออกไปหาชัยทันที

ชัยเดินเหม่อมาเกือบถึงที่ที่พิพัฒน์เทน้ำอยู่ พิพัฒน์ได้ยินเสียงคนเดินก็จะหันไปดู แต่พันทิญากระชากชัยไปหลังต้นไม้ต้นหนึ่งเสียก่อน ทำให้พิพัฒน์ไม่เห็นชัย ชัยเห็นพันทิญาก็ยิ้มอย่างดีใจสุดๆ
“คุณแพร!!”
พันทิญาแสร้งยิ้มหวานให้ชัยแล้วแอบมองพิพัฒน์ พอเห็นพิพัฒน์เดินกลับไปที่ศาลาเธอก็พูดกับชัย
“ไปคุยกันทางโน้นดีกว่าค่ะ”
พันทิญาจับมือชัย ชัยมองมือพันทิญาที่จับมือของเขาแล้วก็ยิ้มดีใจ พันทิญาจูงชัยเดินออกไป ชัยไม่มองทางแต่มองพันทิญาพร้อมทั้งยิ้มอย่างมีความหวัง

ปรางแก้วกับบุญศรีช่วยเปิดฝาถ้วยกับข้าวของโรงพยาบาลเพื่อจัดให้ภูผากิน ส่วนทวีปนั่งกินผลไม้ไปคุยกับภูผาไป
“ที่ออฟฟิศแกเรียบร้อยดี...แล้วฉันก็อธิบายแผนคุ้มกันคุณหญิงดวงแขที่จะมาเปิดงานแสดงภาพวาดให้ลูกน้องแกฟังตามที่แกสั่งหมดแล้ว”
“ขอบใจมากนะที่เป็นธุระให้” ภูผาบอก
ทวีปยิ้มแฉ่งแต่ยังไม่ทันตอบอะไร มือถือของปรางแก้วก็ดังขึ้น ปรางแก้วรับสาย
“สวัสดีค่ะ คุณแพร”
ภูผาชะงักเมื่อรู้ว่าแพรไหมโทรมา
แพรไหมนั่งที่โต๊ะทำงานซึ่งตรงหน้ามีกระดาษวาดลวดวายออกแบบลายผ้าไหมกับไอแพดวางอยู่
“คุณคุยกับคุณภูผาเรื่องฉันรึยังคะ” แพรไหมหยุดฟัง “ยังไม่หายโกรธอีก..โกรธนานจริง..แล้วคุณภูเป็นยังไงบ้างหมอให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่คะ”

ที่ห้องพักของภูผา บุญศรีเลื่อนชั้นวางอาหารมาให้ภูผา ภูผาทำเป็นกินข้าวแต่หูก็ฟังปรางแก้วคุยกับแพรไหมอย่างตั้งใจ
“อาการดีขึ้นมากแล้วแต่เรื่องกลับบ้านหมอยังไม่ได้บอกค่ะ..ได้ค่ะถ้ารู้แล้วฉันจะโทรบอกคุณ ..สวัสดีค่ะ”
พูดจบปรางแก้วก็วางสายไป
“โทรมาถามอาการด้วย..ดูคุณแพรเค้าห่วงแกม้ากมากถามจริงเค้าคิดอะไรกับแกรึเปล่าวะ” ทวีปถามขึ้น
ภูผาตอบทันที “คิด”
ปรางแก้วหน้าเจื่อน
“คิดว่าฉันเป็นควายเลยหลอกฉันทุกเรื่องไง” ภูผาพูดต่อ
“หนูแพรไหมยังเด็กอาจจะทำอะไรไปเพราะไม่ได้คิดให้รอบคอบหายโกรธเค้าซะทีเถอะลูก” บุญศรีบอกลูกชาย
ภูผากินข้าวต่อไม่สนใจ ปรางแก้วกับบุญศรีมองภูผาอย่างหนักใจ
“ต้องให้คุณแพรทำยังไงวะแกถึงจะหายโกรธเค้า” ทวีปถาม
“อยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวฉันก็ลืมไปเอง”
ทวีปมองภูผาอย่างระอา “แล้วแต่แกละกัน..ฉันไปทำงานก่อนล่ะ”
“อ้าว..นึกว่าจะอยู่กินข้าวกลางวันก่อนวันหลังถ้าจะแวะมาบอกเรื่องงานแค่นี้ก็ไม่ต้อง โทรมาก็ได้”
“ไม่ได้หรอกโว้ย..แกกำลังเจ็บฉันต้องหมั่นมาดูเผื่อแกเป็นอะไรไปกะทันหันฉันจะได้ไม่เสียใจที่ไม่ได้ดูใจแก”
“ไอ้ปากหมา” ภูผาว่า
ทวีปหัวเราะลั่นแล้วเดินออกไป ภูผา ปรางแก้ว และบุญศรีมองตามทวีปแล้วยิ้มขำ

แพรไหมใช้ไอแพดเข้ากูเกิ้ลแล้วกดหา “วิธีทำให้ผู้ชายหายโกรธ” ข้อมูลในกูเกิ้ลขึ้นหน้าจอหลายโพส แพรไหมยิ้มดีใจจะกดเข้าไปดูแต่ก็เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเสียก่อน
“เชิญค่ะ” แพรไหมบอก
แสงฉายเปิดประตูเข้ามา แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่พอใจแล้ววางไอแพดไว้บนโต๊ะ
“ผมมารับคุณไปทานข้าวแล้วเลยไปช้อปปิ้ง..แต่ถ้าคุณปวดหัว ปวดท้องผมจะพาคุณไปให้หมอรักษาก่อนแล้วค่อยไป” แสงฉายพูดดัก
“สรุปว่ายังไงฉันก็ต้องไปกับเจ้า”
แสงฉายตอบรับ “อือหือ”
“งั้นรีบไปเถอะค่ะ ได้รีบทาน รีบช้อป รีบกลับ”
แพรไหมหันไปหยิบกระเป๋า แสงฉายมองแพรไหมแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วเขาก็บังเอิญมองไอแพดทำให้เห็นหัวข้อที่แพรไหมโพสไว้ แสงฉายมองแพรไหมอย่างจับผิดทันที

พันทิญาลากชัยมาที่มุมสวยในวัดซึ่งมองเห็นแม่น้ำ ชัยกำลังเสียใจจนเบลอทำให้พูดจาเหมือนคนเพ้อๆ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
พันทิญาถามอย่างหงุดหงิด “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ผมเสียใจมากที่คุณทิ้งผมไป ผมเอาแต่ดื่ม ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากพูดกับใคร ไม่อยากกลับบ้านเลยมาอยู่ที่นี่”
พันทิญาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วเอามือมากอดอก ชัยเห็นแหวนที่นิ้วพันทิญาก็ยิ้มดีใจแล้วจับมือพันทิญา
“คุณยังใส่แหวนของผมแสดงว่าคุณยังรักผม..คุณเปลี่ยนใจแล้วใช่มั้ยครับ คุณไม่เลิกกับผมแล้วเลยตามหาจนรู้ว่าผมอยู่ที่นี่..ใช่มั้ยคุณแพร ใช่มั้ย”
พันทิญามองชัยอย่างสมเพชแต่แสร้งพูดดีด้วย
“ค่ะ..แพรเปลี่ยนใจแล้ว” พันทิญานิ่งคิด “รอที่นี่ก่อนนะคะเดี๋ยวแพรมา”
“ไปไหนครับ”
“เอ้อ..หาคุณแม่น่ะค่ะ คือ..แพรร้องไห้คิดถึงคุณทุกวันคุณแม่เลยรู้สึกผิดมากที่บังคับแพรให้เลิกกับคุณเลยออกมาตามหาคุณด้วย...แพรจะไปพาคุณแม่มาหาคุณนะคะ”
พันทิญาจะเดินไปแต่ชัยจับแขนไว้ “ให้ผู้ใหญ่มาหาคงไม่เหมาะ ผมเป็นฝ่ายไปหาท่านเองดีกว่า”
พันทิญามองชัยอย่างหงุดหงิดแต่แกล้งทำเป็นยิ้ม
“คุณแม่ไม่ถือหรอกค่ะ..คุณรอที่นี่เถอะ”
“แต่ผมไม่เจอคุณตั้งหลายวัน ผมคิดถึงไม่อยากให้คุณห่างไปไหนอีกแล้ว..ผมจะไปกับคุณจะบอกคุณแม่คุณว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ผมจะบอกคุณแม่คุณว่าเราจะแต่งงานกัน”
พันทิญามีสีหน้ารังเกียจชัยสุด ๆ เธอมองแม่น้ำแล้วได้ความคิดแสร้งผลักชัยออกอย่างนุ่มนวล
พันทิญาตีสีหน้าหนักใจ “คุณแม่คงไม่ยอมให้เราแต่งงานกันง่าย ๆ หรอกค่ะจนกว่าคุณพิสูจน์ความรักที่คุณมีต่อแพรให้ท่านเห็นก่อน”
“ผมยินดีทำทุกอย่าง...บอกมาเลยครับว่าผมต้องทำยังไง”
พันทิญามองชัยอย่างหงุดหงิดแล้วก็ครุ่นคิด เธอเห็นกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากแล้วก็ยิ้มอย่างมีแผน

หลังจากได้ยินข้อเสนอของพันทิญา ชัยก็พูดทวนด้วยความตกใจ
“ให้ผมว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ”
“ค่ะ...เป็นวิธีที่คุณพ่อทำเพื่อพิสูจน์ความรักที่ท่านมีต่อคุณแม่..คุณแม่เลยยอมใจอ่อนแต่งงานด้วย”
“ใช้วิธีเดียวกับคุณพ่อคุณ..คุณแม่คุณต้องเชื่อว่าผมรักคุณจริง”
พันทิญาพยักหน้า “คุณลงไปเลยนะคะ แพรจะไปตามคุณแม่พอคุณแม่มาถึงก็จะเห็นคุณอยู่กลางแม่น้ำ..คุณแม่จะได้เชื่อว่าคุณกำลังพิสูจน์ความรักที่คุณมีให้แพรจริงๆ”
“แต่ผมอยากไปกับคุณ..ผมกลัว..กลัวว่าคุณแม่คุณจะเปลี่ยนใจแล้วไม่ยอมให้คุณมาหาผมอีก”
พันทิญามองชัยอย่างหงุดหงิดแล้วแสร้งยิ้มหวานก่อนจะเอามือประคองแก้มชัย
“คุณแม่ไม่ใจร้ายกับเราแล้วละค่ะ..แพรไปแป๊บเดียวก็มาแล้ว” พันทิญาจูบชัย “ทำตามที่แพรบอกนะคะ”
ชัยใจอ่อน เขายิ้มอย่างมีความสุขแล้วกระโดดลงแม่น้ำ
“น้ำเชี่ยวมากเลยครับ” ชัยหันมาบอก
“ดีสิคะ..คุณแม่จะได้รู้ว่าคุณรักแพรจนไม่กลัวตาย...แพรไปตามคุณแม่นะคะ”
ชัยพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างมีความสุข พอพันทิญาหันหลังให้ชัยจากหน้าตาที่ยิ้มแย้มของเธอก็เปลี่ยนเป็นยิ้มสะใจ แล้วเธอก็เดินจากไป พันทิญาเดินออกไปนิดนึงแล้วหันมามอง เธอเห็นชัยว่ายออกไปกลางแม่น้ำ
“ไอ้โง่!”

พันทิญายิ้มสะใจแล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน
 
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้

ภูผาแพรไหม ตอนที่ 3 (ต่อ)

พิพัฒน์นั่งรออยู่ที่ศาลา เขามองหาพันทิญาจนกระทั่งเห็นพันทิญาเดินมาจากทางหนึ่งอย่างรีบร้อน พิพัฒน์จึงรีบเดินไปหา

“ไปไหนมาครับ”
“เอ้อ..ห้องน้ำค่ะ”
“ไปเดินเล่นริมน้ำกันเถอะครับ” พิพัฒน์ชวน
“พันเปลี่ยนใจแล้วค่ะ”
พิพัฒน์แปลกใจ “คุณชวนผมมาทำบุญวัดนี้เพราะอยากให้ผมเห็นวิวริมน้ำ..ทำไมเปลี่ยนใจไม่พาผมไปดูแล้วล่ะครับ”
“พันเพิ่งนึกออกน่ะค่ะว่านัดคุณแม่ไปทำธุระ..วันหลังเราค่อยมาใหม่นะคะ”
พิพัฒน์ยิ้มอ่อนโยน “ครับ”
พันทิญามองพิพัฒน์แล้วยิ้มอย่างโล่งอก

แสงมณีที่เปลี่ยนชุดแล้วนั่งระบายสีรูปเดิมที่เพ้นท์ค้างไว้ เธอเทสีที่ผสมเสร็จแล้วทิ้งอย่างหงุดหงิดแล้วผสมใหม่
“ยังไม่หายหงุดหงิดเรื่องหมวดทวีปนั่นใช่มั้ยคะ” ดวงใจถามอย่างรู้ทัน
“ค่ะ..ยิ่งคิดยิ่งแค้นคนอะไรไม่รู้ปากร้าย ดิบ เถื่อน” แสงมณีบอก
“ถ้ายังไม่มีสมาธิก็หยุดวาดก่อนเถอะนะคะ..ดวงใจจะทำน้ำผลไม้อร่อย ๆให้ทาน”
“ค่ะ”
ดวงใจยังไม่ทันเดินออกไป ยศก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“หมวดทวีปมาขอพบเจ้าครับ” ยศบอก
แสงมณีถามด้วยความสงสัย “เค้าบอกรึเปล่าว่ามาพบทำไม”
“บอกว่าธุระสำคัญจะขอคุยกับเจ้าเท่านั้นครับ” ยศย้ำ
“เรื่องมาก” แสงมณีว่า
“โชคเข้าข้างดวงใจจริงๆ ถูกห้ามไม่ให้ไปหาแต่คู่กรณีกลับมาถึงบ้าน..ก่อนคุยธุระขอดวงใจแก้แค้นแทนคุณหญิงก่อนนะคะ”
พูดจบดวงใจก็รีบเดินออกไปอย่างโมโห
“ดวงใจจะทำอะไรคะ..ดวงใจ..” แสงมณีพยายามเรียกไว้
แล้วแสงมณีกับยศก็รีบเดินตาม

ทวีปเดินดูรูป และดูของในบ้านแสงฉายอย่างสังเกตเป็นพิเศษ โดยมีเลิศยืนคุมอยู่ สักพักติ่งยกถาดที่มีแก้วน้ำเดินเข้ามา แล้วดวงใจก็เดินเข้ามา แสงมณีกับยศเดินตามมา ดวงใจหยิบแก้วน้ำจากในถาดปรี่เข้าไปสาดใส่ทวีปด้วยความโมโห
ทวีปร้องลั่น “เฮ้ย”
“เป็นไงสนุกมั้ย..ชอบไม่ใช่เหรอสงกรานต์ก่อนเทศกาลน่ะ” ดวงใจพูดกับติ่ง “ไปเอาน้ำมาอีก”
“เอามาถังใหญ่ๆเลยนะ..เพราะผมก็อยากรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่บ้านนี้เหมือนกัน” ทวีปบอก
ดวงใจมองทวีปอย่างไม่พอใจ
ทวีปพูดกับแสงมณีอย่างหมั่นไส้ “คงฟ้องว่าผมเอาน้ำสาดเจ้าสินะ..ผู้ปกครองของเจ้าถึงโกรธผมขนาดนี้”
“มีอะไรฉันก็เล่าให้ดวงใจฟังอยู่แล้ว ไม่ได้ฟ้อง” แสงมณีบอก
“แล้วเล่าด้วยมั้ยว่าเจ้าเอาน้ำสาดผมก่อนผมเลยสาดกลับ”
“ถึงคุณหญิงจะทำคุณก่อนแต่คุณก็ไม่ควรตอบโต้เพราะคุณหญิงเป็นผู้หญิง” ดวงใจท้วง
“เป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเที่ยวระรานผู้ชายได้ตามอำเภอใจนี่ครับ..ผมว่าป้าเลิกเข้าข้างคุณหญิงของป้าแบบไร้เหตุผลซะทีเถอะจะได้ไม่เสียคนมากไปกว่านี้”
“ฉันเลี้ยงคุณหญิงให้อยู่ในศีลในธรรม จิตใจดีมีเมตตา แต่ไม่เคยเลี้ยงให้ยอมเวลาถูกคนปากร้ายจิกกัด” ดวงใจพูด
“ก็เจ้าของป้าทำให้คนร้ายหนีไปได้จะให้ผมพูดดีด้วยได้ยังไง” ทวีปบอก
“ยังไงคุณก็ไม่ยอมรับใช่มั้ยว่าคุณผิดที่พูดจาไม่ดีกับฉันก่อน” แสงมณีถาม
“ไม่”
“งั้นก็รีบบอกว่ามาว่ามานี่ทำไมจะได้รีบๆกลับไปซะที..มีธุระอะไร”
“ผมจะมาสอบปากคำที่เจ้ากับเจ้าแสงฉายถูกคนบุกทำร้ายในงานคุณดิเรก”
แสงมณีกับดวงใจมองหน้ากันอย่างตกใจ
แสงมณีรีบพูด “ฉันกับพี่ชายไม่เคยมีศัตรู คนร้ายคงทำร้ายผิดคน”
“แต่คนร้ายพุ่งเป้าที่เจ้ากับเจ้าแสงฉายจะผิดคนได้ยังไง..บอกผมมาเถอะว่าใครที่ทำร้ายเจ้าผมจะไปตามจับตัวมาให้เอง”
“คุณหญิงก็พูดเสียงดังฟังชัดว่าไม่มี ไม่มี ยังจะคาดคั้นอีก..คุณหญิงไม่มีอะไรจะตอบคำถามคุณหรอกกลับไปได้แล้ว..ยศ เลิศ” ดวงใจเรียกลูกน้องทันที
ยศพูดกับทวีป “เชิญครับ”
ทวีปมองแสงมณีอย่างสงสัยแล้วเดินออกไป
แสงมณีมีท่าทีหนักใจ “ดูท่าแล้วเค้าคงไม่เชื่อหญิง”
“ถ้าเค้ามาถามอีกก็ปฏิเสธให้หนักแน่นเข้าไว้..ถามแล้วไม่ได้คำตอบเดี๋ยวเค้าก็เชื่อคุณหญิงเองค่ะ” ดวงใจบอก
แสงมณีมองทวีปอย่างหนักใจ

ชัยยังคงลอยคออยู่กลางแม่น้ำข้างวัด เขามองหาพันทิญา
“ไปตั้งนานแล้วทำไมไม่มาซะที” ชัยคิดแล้วตกใจขึ้นมา “หรือคุณแม่คุณพาคุณแพรกลับไปแล้ว”
ชัยรีบว่ายน้ำเข้าฝั่ง แต่ว่ายมาได้นิดเดียวก็เป็นตะคริว
“โอ้ย...” ชัยเริ่มว่ายต่อไม่ไหว “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ชัยตะเกียกตะกายเอาตัวรอดสุดชีวิตแต่สุดท้ายเขาก็หมดแรงค่อย ๆ จมลงไปในแม่น้ำ

ที่ห้างหรูแห่งหนึ่ง ธนากับองครักษ์คนหนึ่งเดินนำหน้า แสงฉายกับแพรไหมเดินกลาง ปิดท้ายด้วยการ์ดอีก 2 คน
แพรไหมหันมองการ์ดอย่างอึดอัด “แค่ทานข้าว ช้อปปิ้ง ต้องให้องครักษ์แห่มาเป็นขบวนท่าทางจะศัตรูเยอะ”
“ผมศัตรูเยอะตั้งแต่เกิดมาเป็นรัชทายาทเมืองเชียงทวายแล้วละครับ..ยิ่งตอนนี้ได้ขึ้นดูแลเมืองแล้วยิ่งต้องระวังตัวให้มาก” แสงฉายบอก
“งั้นแยกกันเดินดีกว่า...ฉันไม่อยากถูกลูกหลง”
พูดจบแพรไหมก็จะเดินไป แต่แสงฉายจับแขนเธอไว้อย่างสุภาพ
“องครักษ์ผมเก่งทุกคนพวกเราไม่มีวันเป็นอะไร” แสงฉายบอก
“แต่มีคนเดินล้อมหน้าล้อมหลังแล้วฉันอึดอัด”
“อีกหน่อยเป็นราชินีของผมแล้วไปไหนคุณก็ต้องมีองครักษ์ไปด้วยแบบนี้เหมือนกัน..ฝึกไว้ตั้งแต่ตอนนี้จะได้ชิน”
แพรไหมสะบัดตัวเพื่อให้แสงฉายปล่อยมือ แต่แสงฉายไม่ปล่อยแถมเลื่อนจากแขนไปจับมือแบบคู่รัก แพรไหมพยายามจะเอามือออกแต่แสงฉายทำเป็นไม่สนใจจับมือแพรไหมไว้แน่น
แสงฉายมองเข้าไปในร้านกระเป๋า “กระเป๋าสวยดี...เข้าไปดูกันนะครับ”
แพรไหมรีบบอก “ฉันไม่อยากได้”
“แต่ผมอยากซื้อให้”
แสงฉายดึงแพรไหมเข้าร้านไป ธนาเดินตาม องครักษ์คนอื่นๆ ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าร้าน

พนักงานกำลังพรีเซ้นกระเป๋าใบหรูให้แสงฉายกับแพรไหมฟัง
“รุ่นนี้เป็นรุ่น limited Edition ทั่วโลกมีแค่ 1000 ใบ..ประเทศไทยมี 4 ใบคือที่นี่สองแล้วก็สาขากรุงเทพอีก 2 ค่ะ”
แสงฉายพูดกับแพรไหม “ลองถือให้ดูหน่อยสิครับ”
“สั่งให้ฉันใส่สร้อย ใส่ชุด ถือกระเป๋า..เมื่อไหร่จะเลิกทำเหมือนฉันเป็นตุ๊กตาของเจ้าซะที” แพรไหมว่า
“ผมไม่เคยมองคุณเป็นตุ๊กตา...แต่ผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าที่ราชินีของผมสวยเพียบพร้อมมีรสนิยมผมเลยต้องทำแบบนี้”
“งั้นเจ้าก็ควรไปหาคนที่สวย เพียบพร้อม มีรสนิยมอยู่แล้ว.. ไม่ใช่มาเปลี่ยนฉัน”
“ผมไม่รักใครเลยนอกจากคุณ..คุณเท่านั้นที่จะเป็นราชินีของผม”
แสงฉายหยิบกระเป๋าจากพนักงานแล้วยัดใส่มือแพรไหม
“เหมาะกับคุณมาก..เอาใบนี้” แสงฉายสรุป
พนักงานรับคำ “ค่ะ”
แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่พอใจ

ศุภลักษณ์นั่งเลือกแบบลายผ้าไหมที่ฝ่ายออกแบบสเก็ตมาให้อยู่ที่ร้านแพรไหม ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นยังไม่ทันที่ศุภลักษณ์จะอนุญาต พันทิญาก็เปิดประตูเข้ามา
“คุณแม่ขาา”
ศุภลักษณ์พูดอย่างรู้ทัน “มาหาถึงร้าน พูดหวานตั้งแต่เปิดประตู....เพิ่งกลางเดือนเงินหมดแล้วเหรอ”
“เงินเดือนไม่กี่บาทซื้อกระเป๋า 2 ใบก็หมดแล้วละค่ะ..พันขอไม่เยอะหรอกค่ะแสนเดียว”
“เท่ากับเงินที่แม่ให้ทุกเดือน..แม่ไม่ให้”
“คุณแม่ไม่เคยไม่ให้เงินพัน..คราวนี้เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่ให้คะ”
“เพราะแม่รู้สึกว่าแม่เลี้ยงพันผิด..ตามใจจนพันไม่เห็นค่าของเงิน...ต่อไปนี้ถ้าพันอยากได้เงินพันต้องทำงาน”
“พันไม่ได้เรียนธุรกิจ ไม่มีหัวทางศิลปะที่จะช่วยออกแบบลายผ้าเหมือนยัยแพร พันทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“หัด..เดี๋ยวก็ทำได้เอง”
พันทิญาพยายามต่อรอง “แต่...”
“ถ้าไม่ทำงานพันก็ไม่ได้เงิน”
“คุณแม่จะให้พันทำตำแหน่งอะไรคะ”
“ชอบออกสังคม รู้จักคนเยอะ..ตำแหน่งที่เหมาะกับพันที่สุดคือประชาสัมพันธ์”
“ตำแหน่งนี้พันโอเคค่ะ” พันทิญาบอก
ศุภลักษณ์มองพันทิญาที่ยอมทำงานแล้วก็ยิ้มพอใจ
“เงินพันเกลี้ยงกระเป๋าจริงๆ..พันขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าก่อนเลยนะคะ”
ศุภลักษณ์มองพันทิญาอย่างเอ็นดูแล้วหยิบสมุดเช็คมาเขียน พันทิญาเห็นดังนั้นก็ยิ้มด้วยความพอใจ

ทวีปนั่งขับรถใบหน้าเคร่งเครียดเพราะคิดเรื่องคดี เขานึกถึงเหตุการณ์วันที่แสงมณีถูกปองร้าย...

ทวีปที่วางโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลบังเอิญหันมาเห็นแสงมณีกำลังเก็บมีดพอดี ทวีปมองแสงมณีด้วยความสงสัย

พอนึกถึงเหตุการณ์นั้น ทวีปก็พึมพำออกมา
“แอบเก็บหลักฐานแต่บอกว่าไม่มีศัตรู..ต้องหาทางให้ยัยเจ้าวัยทองพูดความจริงให้ได้”
ทันใดนั้นเสียงมือถือของทวีปก็ดังขึ้น

ทวีปกดรับ หลังจากนิ่งฟังเขาก็ดีใจมาก “เจอตัวพี่ชัยแล้ว!!”


ชัยในชุดคนไข้นอนหน้าซีดให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงในโรงพยาบาล โดยมีบุญศรีนั่งร้องไห้ลูบหัวชัยเพราะคิดถึงลูกชาย

“ลูกแม่..” บุญศรียกมือไหว้ฟ้า “ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่คุ้มครองชัยเจ้าค่ะ”
ภูผาที่มีผ้าคล้องไหล่ ทวีป และปรางแก้ว มองบุญศรีด้วยความสงสาร
“มีคนเจอพี่ชัยนอนสลบอยู่ท่าน้ำแถววัดเลยพามาส่งที่นี่แล้วแจ้งไปที่ลูกน้องฉัน..ส่วนกระเป๋าสตางค์พี่ชัยที่เจอในศพคืนก่อนลูกน้องฉันสืบประวัติศพแล้วมันนั่นเป็นขี้ยาหากินด้วยการขโมยของ..เลยสันนิษฐานว่ามันน่าจะขโมยกระเป๋ามาจากพี่ชัย” ทวีปบอก
ภูผากับบุญศรีพยักหน้ารับรู้
“อาการพี่ชัยก็ไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ..หมอบอกว่าร่างกายพี่ชัยอ่อนแอมากคิดว่าหลายวันที่ผ่านมาพี่ชัยไม่ค่อยทานข้าวแล้วก็ไข้ขึ้นสูง..พักสักอาทิตย์นึงก็ดีขึ้นค่ะ” ปรางแก้วพูด
บุญศรีพูดกับทวีป “แล้วลูกน้องวีปบอกรึเปล่าว่าชัยตกน้ำได้ยังไง..มีคนทำหรือชัยจะ..” บุญศรีนิ่งไปเพราะรู้สึกเจ็บปวดก่อนจะพูดออกมา “ฆ่าตัวตาย”
“อุบัติเหตุมากกว่าครับแม่..พี่ชัยเข้มแข็งกว่าที่แม่คิดพี่ชัยไม่คิดสั้นหรอกครับ” ภูผารีบพูด
บุญศรีพยักหน้าเข้าใจ
จู่ๆ ชัยก็เพ้อออกมา “คุณแพร คุณแพร ผมรักคุณ..อย่างทิ้งผมไปนะคุณแพร”
ภูผามองชัยด้วยความสงสารแล้วพูดอย่างแค้นใจ
“เพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียวที่ทำให้พี่ชัยเป็นแบบนี้..เจอเมื่อไหร่จะลากตัวมากราบเท้าพี่ชัยเดี๋ยวนั้นเลย”

ณ ร้านกาแฟหรูริมน้ำ องครักษ์ยืนดูแลอยู่ห่าง ๆ โดยมีธนายืนใกล้แสงฉายกับแพรไหมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะสบาย ๆ ริมน้ำ แพรไหมนั่งนิ่งตาเหม่อมองไปที่แม่น้ำแล้วนึกถึงภูผา...

ภูผานั่งอยู่ริมระเบียง แพรไหมนั่งกินข้าวกับภูผา แพรไหมตักอาหารให้ ภูผามองอย่างชื่นชม
“หน้าตาท่าทางคุณคุณหนูจะตายไม่ยักรู้ว่า เอาใจคนอื่นก็เป็น” ภูผาบอก
“แค่นี้เอง ... ที่คุณเสี่ยงชีวิตช่วยฉัน...ฉันยังไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงเลย”
“ไม่น่าเชื่อว่าคนเอาแต่ใจอย่างคุณคิดถึงใจคนอื่นด้วย”
“ฉันไม่ได้เอาแต่ใจ..แล้วฉันก็เชื่อเรื่องการดูแลซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะให้ใครมาดูแลฉันอยู่ฝ่ายเดียวด้วย”
ภูผามองแพรไหมด้วยแววตาชื่นชม

หน้า 2.2

พอนึกถึงเหตุการณ์นั้น แพรไหมก็ยิ้มมีความสุขขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมอง แพรไหมหันไปก็เห็นแสงฉายจ้องอยู่
“เครื่องดื่มมาแล้วครับ” แสงฉายบอก
“อ้าว..มาตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่ได้ยินเสียงเลย”
“ตอนที่คุณนั่งเหม่อมองแม่น้ำแล้วก็ยิ้ม..ปกติอยู่กับผมคุณไม่เคยยิ้มเลยอยากรู้จริงๆว่าคุณคิดอะไรทำไมถึงทำให้ยิ้มได้”
“จะก้าวก่ายกระทั่งความคิดฉันเลยเหรอคะ”
“ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณเป็นสิ่งที่ผมควรรู้”
แพรไหมยกแก้วชาขึ้น “คนของเจ้าสืบประวัติฉันเก่งจะตายลองให้เค้าสืบดูสิคะว่าฉันคิดอะไร”
แพรไหมยิ้มเยาะแสงฉายอย่างกวนๆ แล้วดื่มชา
แสงฉายมองแพรไหมอย่างไม่พอใจ เขามองเธออย่างจับผิดแล้วพูด “เมื่อเช้าผมให้เงินคุณภูผา 10 ล้านแต่เค้าไม่รับ..”
แพรไหมแอบยิ้มชื่นชมภูผา “คนอย่างคุณภูผาทำอะไรไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอกค่ะ”
“อยู่กับเค้าแค่วันเดียวดูคุณรู้จักเค้าดีเหลือเกินนะ”
แพรไหมหันมองแสงฉายอย่างเย็นชา
“บางครั้งการรู้จักใครสักคนก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเพราะเราใช้ความรู้สึก” แพรไหมสวน
“ไม่กลัวเหรอว่า..จะรู้สึกผิด”
“เจ้าก็ไม่ได้ใช้เวลาทำความรู้จักฉัน..ทำไมไม่ถามตัวเองบ้างว่าที่รู้สึกกับฉันเป็นความรู้สึกที่ผิดรึเปล่า”
“ถึงผมจะหลงรักคุณจากรูปถ่ายแต่ก่อนตัดสินใจให้คุณเป็นว่าที่ราชินีผมก็ศึกษานิสัยใจคอคุณหมดแล้ว”
“ด้วยการอ่านจากกระดาษที่ลูกน้องเจ้ารายงาน”
“อ่านจากกระดาษหรือเรียนรู้จากตัวคุณ..คุณก็ยังเป็นคุณ”
“แต่ความรู้สึกมันต่างกัน...เพราะตัวหนังสือพูดแทนไม่ได้ว่าฉันทุกข์มากที่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเจ้า”
พูดจบแพรไหมก็ยกชาขึ้นดื่มต่ออย่างอารมณ์ดี แสงฉายมองแพรไหมอย่างหงุดหงิด แพรไหมยิ้มเยาะสะใจที่กวนประสาทแสงฉายได้

แสงฉายเดินมากับแพรไหม โดยมีธนาและองครักษ์เดินตาม แสงฉายเอื้อมไปจับมือแพรไหม แพรไหมสะบัดออกทันที
“ฉันเดินเองได้” แพรไหมบอก
“ผมแค่อยากดูแลคุณ ตามประสาคนรักกัน”
แพรไหมสวนทันที “ใครรักคุณ.”
“วันนี้ ไม่รัก วันหนึ่งก็ต้องรักอยู่ดี ... ถ้าคุณจะลองเปิดใจ แล้วก็ให้โอกาสผม”
“ไม่มีทาง...”
แพรไหมเดินเลี่ยงออกมา แสงฉายเดินตาม ธนาและลูกน้องเดินตามไป ทันใดนั้นพิมก็เดินออกมาจากมุมหนึ่งแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูด
“พวกมันกำลังไป... ลงมือได้เลย”

รถสองคันจอดอยู่บนถนนเปลี่ยว อโณทัย นารา ธี และอารัญ กลุ่มนักฆ่าจากเชียงทวายยืนอยู่ข้างรถ
อโณทัยวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วออกคำสั่ง
“เตรียมอาวุธปืนให้พร้อม”
“คราวนี้ มันเหลือแต่ซากแน่ “ ธีบอก
“ถ้ามันรอดไปได้ ก็ไม่ใช่คนแล้ว” อารัญมั่นใจ
นาราหันไปดุ “อย่าอวดเก่ง...คราวที่แล้ว ก็ทำงานพลาด”
“ก็มันอยู่กันตั้งหลายคน”
อโณทัยรีบปราม “พอที ... มัวแต่ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ทำงานพลาดอีกหรอก”
นาราและอารัญต่างเงียบแล้วแยกย้ายกันไปที่รถ นาราไปขับรถคันหลัง อโณทัยตามไปนั่งข้างๆ
อารัญเดินไปขับรถคันแรก โดยมีธีเดินถือปืนไปนั่งข้างๆ ทั้งสี่ต่างก็นั่งรอในรถด้วยใจระทึก
สักพักรถแสงฉายก็แล่นมา โดยมีรถองครักษ์แล่นตามหลังอีกคัน อารัญขับรถที่ซุ่มอยู่พุ่งออกไปตัดหน้าทันที รถแสงฉายเสียหลักแต่คนขับก็ประคองรถไว้ได้ แพรไหมที่อยู่ในรถตกใจจนกรีดร้องออกมา แสงฉายดันแพรไหมเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“อย่ากลัว... ผมจะดูแลคุณเอง” แสงฉายบอก
ธนาและองครักษ์ ซึ่งประกอบไปด้วยคมและเชี่ยวกดกระจกลงแล้วใช้ปืนยิงสู้กับกลุ่มนักฆ่า นาราขับรถออกไปขนาบข้างแล้วพุ่งตัวออกไป องครักษ์อีกกลุ่มหนึ่งพุ่งออกไปนอกรถแล้วยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด ธนาที่นั่งอยู่ในรถหันไปหาคมกับองครักษ์ที่ขับรถ แล้วออกคำสั่ง
“ขับต่อไป... “
“แล้วคนของเรา” คนขับรถถาม
“... ดูแลชีวิตเจ้าก่อนเถอะน่ะ...ไปเร็ว” ธนาสั่ง
คมกับองครักษ์ที่ทำหน้าที่ขับรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ธนากับเชี่ยวยิงแหวกทางเพื่อปล่อยให้กลุ่มองครักษ์ทั้ง 3 คนต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่า ทั้งหมดสู้กันอยู่พักใหญ่ แล้วกลุ่มองครักษ์ของแสงฉายก็ถูกฆ่าตายเรียบ


พิพิธขับรถมาจอดที่หน้าบ้านแสงฉาย องครักษ์ที่ยืนเฝ้าประตูเดินมาหา
พิพิธกดกระจกลง “ผมมาหาเจ้าแสงมณีครับ”
องครักษ์ถาม “นัดไว้รึเปล่าครับ”
“เปล่าครับ” พิพิธตอบ
“คุณชื่ออะไรครับ”
“พิพิธ”
“สักครู่นะครับ”
องครักษ์เดินไปกดโทรศัพท์ในอยู่ที่ป้อมทันที
“มีคนมาของพบเจ้าแสงมณี..ชื่อคุณพิพิธครับ”
องครักษ์วางโทรศัพท์ลงแล้วมาพูดกับพิพิธ
“เชิญครับ”
องครักษ์กดรีโมทเพื่อเปิดประตูรั้ว พิพิธยิ้มอย่างดีใจแล้วขับรถเข้าไปทันที

แสงมณีกับพิพิธนั่งอยู่ในสวน ดวงใจยกน้ำมาเสิร์ฟ แต่เสิร์ฟเสร็จแล้วก็ยังไม่ยอมไปกลับยืนจ้องพิพิธไม่วางตา พิพิธมองดวงใจอย่างเขินๆ ที่โดนจ้อง แสงมณีมองดวงใจแล้วยิ้มขำก่อนจะกระแอมออกมา ดวงใจรู้สึกตัวเลยรีบเดินเข้าไปในบ้าน
“ดวงใจเป็นแม่นมที่เลี้ยงฉันกับพี่ชายมาตั้งแต่เด็กน่ะค่ะ” แสงมณีบอก
“ท่าทางจะหวงเจ้ามากนะครับ..จ้องผมไม่วางตาเลย”
แสงมณีกับพิพิธหัวเราะขำดวงใจ
“มาหาฉัน มีธุระอะไรรึเปล่าคะ” แสงมณีถาม
“ผมเอารูปที่วาดมาให้เจ้าช่วยดูน่ะครับ ได้คำแนะนำจากเจ้าผมจะได้วาดเก่งขึ้น”
แสงมณีมองพิพิธอย่างรู้ทันว่ามาจีบ เธอจึงยิ้มขำ
“ถึงฉันจะพอความรู้เรื่องศิลปะอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เก่ง..คุณเอาไปให้ศิลปินที่วาดเก่งๆ ดูดีกว่าค่ะ เค้าคงให้คำแนะนำคุณได้ดีกว่าฉัน”
“อย่าถ่อมตัวเลยครับ..ผมรู้มาว่าเจ้าจบศิลปะจากอิตาลีต้องแนะนำผมได้แน่..ช่วยดูรูปผมหน่อยนะครับ”
“ถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวฉันก็ยินดีค่ะ”
พิพิธดีใจมาก “ขอบคุณมากครับ..ผมไปเอารูปในรถก่อนนะครับ”
พิพิธรีบออกไปอย่างดีใจ แสงมณีมองตามพิพิธแล้วยิ้มขำ

ชัยยังคงหลับบนเตียงคนไข้ ส่วนบุญศรีกับภูผานั่งคุยกันอยู่ที่โซฟา
“ภูยังไม่หายดีกลับไปนอนบ้านเถอะเดี๋ยวแม่เฝ้าชัยเอง” บุญศรีบอกลูกชาย
“ผมแค่เป็นแผลแต่ร่างกายแข็งแรงดี..แต่แม่เป็นทั้งเบาหวานความดันแม่นั่นละครับที่ต้องกลับไปนอนบ้านนอนสบายๆ จะได้หลับสนิท” ภูผาพูด
“แต่แม่อยากอยู่เฝ้าชัย”
“พี่ชัยปลอดภัยแล้ว..แม่อย่าห่วงเลยครับ”
“แต่แม่จะกลับค่ำๆแล้วพรุ่งนี้แม่จะมาแต่เช้านะ”
“ครับ”
บุญศรีกับภูผาชะงักเมื่อได้ยินเสียงชัยเพ้อออกมา
“คุณแพร คุณแพร”
บุญศรีกับภูผารีบวิ่งไปดูข้างเตียง ชัยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนเพลีย
“คุณแพร”
“ชัย..แม่เองลูก..แม่เอง” บุญศรีบอก
ชัยมองบุญศรีอีกครั้งเพื่อให้เห็นหน้าชัด
“แม่..” ชัยหันไปมองภูผา “ภู..”
บุญศรีกับภูผายิ้มอย่างดีใจที่เห็นชัยฟื้น

ชัยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บุญศรียกแก้วน้ำให้ดื่ม ชัยดื่มน้ำอย่างกระหายจนหมดแก้ว
“เอาอีกมั้ยลูก” บุญศรีถาม
“พอแล้วครับ” ชัยตอบ
“ทำไมจะไปไหนไม่บอกผมกับแม่ ผมกับแม่เป็นห่วงพี่มากนะครับ” ภูผาว่า
ชัยยกมือไหว้บุญศรี “ขอโทษนะครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง..” ชัยพูดกับภูผา “แกด้วย..แต่ตอนนั้นพี่เสียใจมากจนไม่มีสติ พี่เลยยังไม่พร้อมจะเจอใคร”
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง..ดีขึ้นบ้างรึยังลูก”
ชัยไม่ตอบแต่น้ำตาไหลอย่างเจ็บปวดใจ บุญศรีมองชัยอย่างสงสารแล้วก็ร้องไห้ตามก่อนจะดึงชัยมากอด
“ไม่เป็นไรนะลูก..ใครไม่รักแม่รักนะลูกนะ..ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ชัยร้องไห้สะอิ้งจนตัวโยน
“ผมรักเค้ามาครับแม่..ผมเสียใจจนแทบทนไม่ได้..ผมอยากให้เค้ากลับมาหาผมแต่ผมไม่รู้จะทำยังไง..แม่ช่วยด้วยนะครับ ช่วยให้เค้ากลับมาหาผมที”
“แม่จะลองไปพูดกับเค้าดู...บ้านเค้าอยู่ที่ไหนลูก” บุญศรีถาม
“ผมไม่รู้จักบ้านเค้า..ผมรู้แต่ว่าบ้านเค้าทำธุรกิจขายผ้าไหม..เค้าชื่อแพรไหม นามสกุลกุลนันท์วงศ์”
“แพรไหม กุลนันวงศ์” ภูผาพูดกับชัย “เดี๋ยวผมจะโทรถามวีปดูว่ารู้จักรึเปล่า ถ้ารู้จักผมจะพาแม่ไปหาเค้าเอง”
ภูผาหยิบมือถือแล้วเดินออกไปนอกห้องทันที

ภูผากดโทรศัพท์หาทวีป
“วีป..แกรู้จักร้านขายผ้าไหมที่มีลูกสาวชื่อแพรไหม กุลนันท์วงศ์มั้ย”
“มีอะไรบ้างที่เวิร์ลไวด์วีปไม่รู้...” ทวีปพูดแกมหยอกตัวเอง
“รู้ก็รีบบอกฉันเดี๋ยวนี้ว่าร้านนั้นอยู่ที่ไหน”
ทวีปเดินคุยโทรศัพท์อยู่บนโรงพัก
“แถวถนน..” ทวีปบอกชื่อถนน “ชื่อร้านแพรไหม เจ้าของร้านชื่อศุภลักษณ์ กุลนันท์วงศ์”
ภูผาตกใจ “ศุภลักษณ์..นี่แกกำลังจะบอกฉันว่าแพรไหมคนที่ฉันช่วยที่เชียงใหม่นามสกุลกุลนันท์วงศ์เหรอ”
“ก็เออน่ะสิ...อ้าวจู่ ๆ ก็วางอะไรของมันวะ” ทวีปงง

ภูผาวางสายด้วยความโกรธจัด
“แพรไหมคุณเองเหรอ..คุณต้องมากราบเท้าขอโทษพี่ชายผม”

ภูผาเดินออกไปด้วยความโกรธจัด

อ่านต่อหน้า 3

ภูผาแพรไหม ตอนที่ 3 (ต่อ)

แสงมณีนั่งดูภาพวาดสีช็อคหลายภาพที่พิพิธวาดมา ทั้งหมดล้วนเป็นภาพสถาปัตยกรรมวังเก่า วัด เจดีย์พระธาตุ ส่วนพิพิธนั่งมองแสงมณีตาหวานฉ่ำ

“ให้สีสวย แต่ลายเส้นแข็งไปนี๊ดดูออกเลยว่าเป็นงานผู้ชาย..แต่โดยรวมสวยทุกรูปค่ะ” แสงมณีชม
“ขอบคุณครับ...เจ้าแนะนำผมหน่อยสิครับว่าต้องทำยังไงลายเส้นผมถึงจะดูอ่อนโยนขึ้นกว่านี้”
“ฝึกวาดให้มาก ตอนวาดก็ต้องใจเย็นกว่านี้จะช่วยได้ค่ะ..มีแต่ภาพตึก โบสถ์ เจดีย์ ทำไมคุณถึงชอบวาดภาพสถาปัตยกรรมละคะ”
“ผมชอบวิธีคิดของคนโบราณครับ...ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นอย่างมีความหมาย” พิพิธชี้ที่รูป “แค่ที่มาของช่อฟ้าอย่างเดียวก็อธิบายกันได้เป็นวันๆเลยละครับ”
“น่าสนใจ..วันหลังถ้ามีโอกาสคงต้องให้คุณอธิบายให้ฟังบ้าง”
พิพิธมีท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาก “วันไหนก็ได้เต็มใจมากครับ...”
แสงมณีมองพิพิธแล้วยิ้มขำ
“ผมขออนุญาตดูภาพวาดของเจ้าบ้างได้มั้ยครับ”
แสงมณีลุกขึ้น “เชิญค่ะ”
พิพิธยิ้มดีใจ แสงมณีเดินไป พิพิธรีบเดินตามทันที

ลูกค้าเดินดูผ้าอยู่ในร้านแพรไหม โดยมีพนักงานในร้านคอยดูแล สักพักภูผาก็เดินเข้ามาในร้านอย่างโมโห
“ไปตามคุณแพรไหมมาหาผมเดี๋ยวนี้” ภูผาออกคำสั่ง
ทุกคนในร้านมองภูผาอย่างงงๆ
พนักงานคนหนึ่งบอก “คุณแพรไม่อยู่ค่ะ”
“ไปไหน..อีกนานมั้ยกว่าจะกลับ”
“ไม่ทราบค่ะ” พนักงานตอบ
“เป็นลูกจ้างประสาอะไรเจ้านายไปไหนก็ไม่รู้เรื่อง”
ทันใดนั้นเสียงพันทิญาก็ดังขึ้น “ใครโวยวายอะไร”
ภูผาหันไปเห็นพันทิญายืนอยู่
“คุณเองเหรอ...” พันทิญายิ้มเจ้าชู้ใส่ “เสียงดังเชียว..ใครทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอคะ”
“น้องสาวคุณ..คุณเป็นพี่คงรู้ดีกว่าลูกจ้าง..คุณแพรไปไหน”
“ไม่รู้ค่ะ..รู้แต่ว่าไปกับเจ้าแสงฉายคุณมีธุระอะไรกับยัยแพรเหรอคะ”
“น้องสาวคุณยั่วให้พี่ชายผมรักจนหัวปักหัวปำแล้วเฉดหัวทิ้ง” ภูผาบอก
พันทิญาได้ยินก็ตกใจแล้วสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
ภูผายิ่งพูดยิ่งโมโห “น้องสาวคุณทำให้คนดี ๆ คนนึงกลายเป็นไอ้ขี้เมาซึมเศร้าหลบหน้าผู้คนจนต้องไปนอนวัด..ทำให้พี่ชายผมไร้สติเดินตกน้ำจนแทบเอาชีวิตไม่รอด”
พันทิญาพึมพำ “เมา นอนวัด ตกน้ำ” พันทิญารู้ว่าเป็นชัยก็ตกใจ “คุณเป็นน้องไอ้..” พันทิญาชะงักแล้วพูดดีๆ “นายชัย”
“คุณรู้จักพี่ชัย?”
“เอ้อ..ยัยแพรเคยพูดถึงน่ะค่ะ..” พันทิญาคิดแล้วมองอย่างมีแผน “ยัยแพรนี่ร้ายจริงๆ..กลับจากนอกไม่เท่าไหร่ก็ไปหลอกหักอกผู้ชายซะแล้ว....” พันทิญาอยากให้ภูผากลับไปจึงออกอุบาย “ยัยแพรจะกลับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้คุณอยากให้ยัยแพรทำอะไรบอกไว้ก็ได้ฉันจะบอกให้”
“ผมอยากคุยกับเค้าเอง..นานแค่ไหนผมก็จะรอ”
ภูผาเดินไปนั่งมุมหนึ่งด้วยท่าทีโมโห ส่วนพันทิญามองภูผาอย่างร้อนใจ

องครักษ์ของแสงฉายยังคงขับรถ โดยมีธนานั่งคู่กับเชี่ยวและองครักษ์อีกคน แพรไหมกับแสงฉายนั่งอยู่ที่เบาะหลัง โดยแพรไหมยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนแสงฉายนั่งหน้าเครียด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...” แพรไหมถาม
แสงฉายฝืนยิ้มแล้วพยายามทำเหมือนเหมือนไม่ใช่เรื่องร้ายแรง “คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“ไม่จริง... พวกนั้น มันต้องการเอาชีวิตคุณแน่...คุณไม่น่าพาฉันมาเสี่ยงด้วยเลย ถ้าฉันเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ”
“ถ้ามันจะทำอะไรคุณ ต้องข้ามศพผมไปก่อน” แสงฉายบอก
“แต่ฉันไม่ต้องการให้คุณมาปกป้องฉัน...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” แพรไหมค้าน
“ตอนนี้ไม่...อีกหน่อยก็เป็น”
แพรไหมหันไปมองแสงฉายตาขวาง “...พูดเอาแต่ได้...ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ถึงแม่ฉันจะชอบคุณ แต่เรื่องความรัก ฉันตัดสินใจเองได้...แล้วฉันก็ไม่อยากเป็นเจ้าสาวของคนที่ถูกตามฆ่าหรอก ...กลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย”
แสงฉายมองแพรไหมแล้วยิ้มขำ ทันใดนั้นเสียงมือถือของแพรไหมก็ดังขึ้น
“ค่ะพี่พัน...คุณแม่ให้พี่มาทำงานที่ร้าน” แพรไหมดีใจ “ดีจังเลยค่ะแพรจะได้ไม่เหงา...อยู่บนรถกำลังกลับร้านค่ะ..เดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะคะ”
แพรไหมวางสายแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถอีกครั้ง แสงฉายมองแพรไหมก่อนจะยิ้มอย่างมีแผนเพราะมั่นใจว่าแพรไหมไม่มีทางรอดไปได้

วนิดายืนดูน้อยตัดกิ่งไม้อยู่ที่หน้าบ้านแพรไหม
“ทางซ้ายให้สั้นลงหน่อย..รถเข้ารถออกเดี๋ยวจะเกี่ยวเป็นรอย” วนิดาสั่ง
น้อยตัดต้นไม้ตามที่วนิดาสั่ง ทันใดนั้นเสียงมือถือวนิดาก็ดังขึ้น
วนิดาหยิบมือถือมาดูแล้วกดรับ “ว่าไงจ๊ะพัน..” วนิดานิ่งฟังแล้วก็ตกใจมาก “น้องชายนายชัยมาอาละวาด”
น้อยหันมามอง วนิดามองน้อยเพราะกลัวน้อยได้ยินแล้วจึงเดินไปคุยอีกมุมหนึ่ง
พันทิญาก็หลบคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งของร้านแพรไหม โดยมองภูผาที่นั่งรอแพรไหมอย่างร้อนใจ
“ค่ะ..มันโมโหมากจะรอเจอยัยแพรให้ได้เลยค่ะ”
“รอยัยแพรก็เอาเรื่องกับยัยแพรไม่เกี่ยวกับพันสักหน่อย” วนิดาบอก
“ยัยแพรไม่รู้เรื่องยังไงก็ต้องปฏิเสธแล้วถ้ามันเกิดสงสัยพันขึ้นมาจะทำยังไงละคะ..” พันทิญาร้อนใจมาก “ยัยแพรก็กำลังกลับมาแล้วด้วย..คุณน้าช่วยคิดหน่อยสิคะว่าทำยังไงไม่ให้ไอ้ภูผาเจอยัยแพร”
วนิดาวางสายจากพันทิญาแล้วก็ครุ่นคิดอย่างหนักใจ

ทวีปนั่งอยู่ในห้องประชุมที่โรงพัก โดยมีลูกน้อง 4 คนนั่งอยู่ด้วย
“ผมไปสอบปากคำเจ้าแสงมณีมาแล้ว เค้าบอกว่าไม่มีศัตรูแล้วก็ไม่รู้ว่าใครตามฆ่าเค้า” ทวีปรายงาน
“แต่หมวดเห็นเค้าเก็บมีดของกลางไป เค้าโกหกหมวด” ลูกน้องคนที่หนึ่งพูด
ทวีปพยักหน้า “ผมมั่นใจว่าเค้ารู้แน่ๆว่าใครตามฆ่า แต่ที่ไม่บอกเพราะคงอยากแก้แค้นเอง”
ลูกน้องคนที่สองเอ่ยขึ้น “งั้นเราก็ต้องสืบหาตัวคนร้ายให้ได้ก่อนที่เจ้าแสงฉายจะส่งคนไปฆ่าพวกมัน”
“ใช่....” ทวีปชี้ลูกน้อง “พวกคุณคอยจับตาดูเจ้าแสงฉาย คุณสองคนคอยดูเจ้าแสงมณี..ส่วนผมจะพยายามเข้าให้ถึงตัวพวกเค้าสองคนทุกครั้งที่มีโอกาส..แต่เจ้าแสงมณีกับเจ้าแสงฉายมีองครักษ์คุ้มกันขอให้พวกเราทุกคนระวังตัวอย่าให้พวกเค้ารู้เด็ดขาดว่าพวกเราจับตามองอยู่”
ลูกน้องทุกคนรับคำ “ครับผม”
ทวีปมองลูกน้องแล้วยิ้มพอใจ

ภูผายังคงนั่งหน้าบึ้งรอแพรไหมอยู่ในร้านแพรไหมด้วยความโมโห ทันใดนั้นรถแสงฉายวิ่งมาจอดหน้าร้าน พนักงานในร้านเดินมาบอกภูผา
“นั่นรถเจ้าแสงฉาย..คุณแพรกลับมาแล้วค่ะ”
ภูผามองไปที่รถอย่างโมโหแล้วรีบเดินไป พันทิญาที่แอบมองภูผาอยู่มุมหนึ่งรีบวิ่งออกมาด่าพนักงานด้วยความโมโห
“ไปบอกมันทำไม..นังโง่”
พันทิญารีบเดินตามภูผาไปทันที พนักงานคนนั้นมองพันทิญาอย่างงงๆ
พันทิญาเดินตามภูผามาอย่างร้อนใจแล้วดึงแขนของเขาไว้
“คุณอย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลยค่ะ ฉันกลัวว่าถ้าเจ้ารู้เรื่องเจ้าจะโกรธยัยแพร” พันทิญาบอก
“โกรธสิดี...ผู้หญิงหลายใจอย่างน้องสาวคุณไม่คู่ควรจะเป็นราชินีเชียงทวายหรอก”
ภูผาเดินไป พันทิญามองอย่างร้อนใจรีบเดินตาม

แพรไหมเปิดประตูรถออกมา ภูผาเดินมาหาแพรไหมด้วยความโกรธจัด โดยมีพันทิญาเดินตามมาอย่างร้อนใจ แพรไหมยังไม่ทันเห็นภูผา พอกำลังจะก้าวลงจากรถเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น
“ค่ะน้าดา...” แพรไหมนิ่งฟังแล้วก็ร้อนใจมาก “ค่ะๆแพรจะรีบไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ”
แสงฉายหันมาถาม “มีอะไรเหรอครับ”
แพรไหมพูดอย่างร้อนใจ “น้าดาค่ะ..น้าดาบอกว่าจู่ๆหัวใจก็เต้นเร็วหายใจไม่ออก..ให้ฉันรีบกลับบ้านพาไปหาหมอ”
แพรไหมจะลงจากรถ แต่แสงฉายดึงไว้ “กว่าคุณจะเดินไปที่รถ กว่าจะขับรถออกไปน้าดาอาจจะอาการหนักกว่าเดิม...ผมพาไปดีกว่า”
“ไม่” แพรไหมบอกปัด
“อย่าดื้อสิครับ คุณน้าของคุณต้องการหมอนะ”
แพรไหมจำต้องก้าวตามขึ้นรถไป แล้วปิดประตูรถอย่างร้อนใจ แล้วองครักษ์ก็ขับรถออกไปอย่างรีบร้อน
ภูผารีบวิ่งตามรถ “คุณแพรกลับมาเดี๋ยวนี้นะ..กลับมา”
พันทิญาวิ่งตามออกมามองอย่างแปลกใจ
“คุณโทรบอกคุณแพรใช่มั้ยว่าผมจะมาเอาเรื่อง..เค้าเลยรีบหนีไป” ภูผาหันมาถาม
“ถ้าฉันโทร..ยัยแพรคงไม่มาล่อตาคุณถึงหน้าร้านแล้วค่อยหนีหรอก” พันทิญาบอก
ภูผามองพันทิญาอย่างไม่พอใจ
พันทิญายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูด “ยัยแพรคงอยากอยู่กับเจ้าเลยอ้อนให้พาไปเที่ยวต่อ..ไปต่ออย่างนี้ท่าทางจะยาวคุณค่อยมาใหม่ดีกว่า”
“ฝากบอกเค้าด้วยนะว่าพี่ชัยไม่สบายมากอยู่ที่โรงพยาบาล..ให้ไปกราบเท้าขอโทษพี่ชัยซะถ้าไม่ไปผมจะมาลากเค้าไปเอง”
ภูผาเดินออกไปอย่างโมโห พันทิญามองตามภูผาด้วยความโล่งใจ เธอครุ่นคิดแล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน

สมใจกับน้อยวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในบ้านแพรไหม ส่วนแพรไหมวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างร้อนใจ โดยมีแสงฉายเดินตามเข้ามา วนิดานั่งพิงอยู่ที่โซฟาพร้อมกับดมยาดมไปด้วย
สมใจพูดอย่างรู้สึกผิด “สมใจกับน้อยมัวแต่ทำงานอยู่นอกบ้านไม่รู้ว่าคุณไม่สบาย”
“น้อยไปชงยาหอมให้นะคะ” น้อยบอก
น้อยวิ่งไปหลังบ้าน
วนิดาพูดกับแพรไหม “น้าติดต่อยัยพันไม่ได้ จะโทรหาพี่ศุก็กลัวว่าจะตกใจเลยโทรหาเรา”
“อย่าเกรงใจเหมือนแพรเป็นคนอื่นสิคะ..แพรเป็นหลานมีอะไรคุณน้าโทรหาแพรได้ตลอดเวลา..รีบไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
แพรไหมกับแสงฉายเข้าไปประคองวนิดา แต่วนิดาไม่อยากไปจึงพูดต่อรอง “เอ้อ..น้าค่อยยังชั่วแล้วล่ะหัวใจเต้นเป็นปกติแล้ว หายใจก็สะดวกขึ้นไม่ต้องไปหรอก”
“โรคเกี่ยวกับหัวใจอันตรายมากนะครับผมว่าไปให้หมอตรวจหน่อยดีกว่าเป็นอะไรจะได้รักษาทัน” แสงฉายบอก
“แต่น้าไม่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร น้ากลัว”
แพรไหมปลอบ “อาจจะไม่เป็นไรอะไรมากก็ได้..ไปให้หมอตรวจหน่อยนะคะจะได้สบายใจ”
แสงฉายคะยั้นคะยอ “ไปนะครับ”

วนิดามองแสงฉายอย่างเกรงใจ


ชัยนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้เพราะฤทธิ์ยา ส่วนบุญศรีกับปรางแก้วนั่งดูข่าวโทรทัศน์อยู่ สักพักภูผาก็เปิดประตูเข้ามาอย่างหงุดหงิด

“ไปนานเชียว..งานยุ่งเหรอลูก” บุญศรีถาม
“ผมไม่ได้ไปทำงานหรอกครับ” ภูผาบอก
“อ้าว...แล้วไปไหนมา” บุญศรีถาม
ภูผาเดินมามองชัยอย่างสงสารแล้วพูดกับบุญศรี
“หาแฟนพี่ชัย”
ปรางแก้วถามด้วยความตื่นเต้น “เจอมั้ยคะ”
“เจอ..แต่พี่ยังไม่ทันคุยเค้าก็ออกไปซะก่อน..แต่บอกพี่สาวเค้าแล้วว่าน้องสาวทำวีรกรรมอะไรไว้..ฝากเค้าบอกน้องสาวให้มาขอโทษพี่ชัย” ภูผาบอก
บุญศรีพูดอย่างเข้าใจ “รู้เรื่องแล้วเดี๋ยวเค้าคงมา”
“ลองไม่มาดูสิครับ..ผมจะได้ไปลากมาเอง”
“เค้าไม่มาก็ไม่ต้องบังคับเค้าหรอกลูก..สุดแต่เค้าเถอะ”
“ไม่ครับ..เค้าต้องรับผิดชอบสิ่งที่เค้าทำผมต้องให้เค้ามาขอโทษพี่ชัยให้ได้..” ภูผาโมโห “ถ้ารู้ว่าเป็นคนทำให้พี่ชัยเสียใจ..ผมจะปล่อยให้นักเลงจับตัวเค้าไปตั้งแต่ที่งานลอยกระทงจะไม่ช่วยเค้าไว้อย่างนี้เลย”
ปรางแก้วมองภูผาด้วยความตกใจ
“พี่ภูกำลังจะบอกว่าคุณแพรไหมที่เป็นแฟนพี่ชัยกับคุณแพรไหมที่พี่ช่วยไว้ที่เชียงใหม่คือคน ๆ เดียวกันเหรอคะ”
ภูผาพยักหน้า ปรางแก้วกับบุญศรีมองหน้ากันด้วยความตกใจ

บุรุษพยาบาลเข็นวนิดาที่นั่งอยู่บนรถเข็นเข้ามาในโรงพยาบาล แพรไหมกับแสงฉายเดินตาม ส่วนธนา กับองครักษ์ 3 คนตามประกบ
แสงฉายพูดกับวนิดา “หมอที่เก่งที่สุดในกรุงเทพฯประจำอยู่โรงพยาบาลนี้ผมเลยพามาที่นี่น่ะครับ”
วนิดายิ้มให้แสงฉายอย่างชื่นชม
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเห็นแสงฉายก็รีบออกมาต้อนรับ “สวัสดีค่ะเจ้า..มีอะไรให้โรงพยาบาลเรารับใช้คะ”
“น้าดาหัวใจเต้นผิดปกติผมเลยพามาตรวจ..ให้อาจารย์หมอวิชัยตรวจนะตรวจให้ละเอียดที่สุด” แสงฉายบอก
“ค่ะเจ้า” เจ้าหน้าที่รับคำ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็เดินกลับไปที่เคาเตอร์ วนิดามองแสงฉายอย่างชื่นชม ส่วนแสงฉายยิ้มให้แพรไหมเหมือนขอคะแนนความดีจากเธอ แต่แพรไหมมองแสงฉายด้วยความหนักใจ

หมอวิชัยใช้หูฟังฟังเสียงหัวใจของชัยที่หลับอยู่บนเตียง ส่วนภูผา ปรางแก้ว และบุญศรีมองชัยด้วยความเป็นห่วง
หมอวิชัยเก็บหูฟัง “หัวใจ ปอดปกติ..ยังมีไข้แล้วก็ความดันต่ำนิดหน่อย..พักอีกสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้ว”
ภูผา ปรางแก้ว และบุญศรีมองชัยอย่างดีใจ สักพักเสียงมือถือหมอวิชัยก็ดังขึ้น
“ครับ..ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้...” หมอวิชัยพูดกับพยาบาล “ห้องต่อไปเดี๋ยวค่อยขึ้นมา..เจ้าแสงฉายพาญาติมาตรวจ ผมต้องลงไปดูเค้าก่อน”
หมอกับพยาบาลหันมาพยักหน้าเป็นเชิงบอกลาแล้วเดินออกไป
ภูผานิ่งคิด “เจ้าแสงฉายมา..แพรไหมก็ต้องมาด้วย”
ภูผาเดินออกไปด้วยความโมโห ปรางแก้วกับบุญศรีมองอย่างตกใจแล้วรีบเดินตาม
ปรางแก้วพูดกับบุญศรี “คุณป้าอยู่กับพี่ชัยเถอะค่ะ..แก้วไปเอง”
ปรางแก้วเดินตามไปอย่างร้อนใจ ส่วนบุญศรีมองตามด้วยความ หนักใจ

ภูผาเดินมาตามทางด้วยความโมโห
ปรางแก้วรีบวิ่งมาดักหน้า “ถ้าเจอคุณแพรพี่ภูต้องใจเย็นๆ คุยกับเค้าดี ๆนะคะ”
“เค้าทำให้พี่ชัยเกือบตาย..ทำไมต้องให้พี่พูดดีกับเค้า”
“พี่ภูเล่าให้แก้วฟังเองว่าแฟนพี่ชัยถูกแม่บังคับให้เลิกกับพี่ชัยไปคบคนรวย..คุณแพรคงไม่ได้อยากเลิกไม่ได้อยากทำให้พี่ชัยเสียใจอย่างนี้หรอกค่ะ”
“ตอนอยู่กับเจ้าหน้าตาเค้ามีความสุขจะตาย..พี่ว่าเค้าไม่ได้ถูกแม่บังคับแต่เลิกกับพี่ชัยเพราะใฝ่สูงอยากเป็นราชินีของเชียงทวาย”
ปรางแก้วหน้าเจื่อนเพราะเถียงไม่ออก ภูผากดลิฟท์แล้วเดินเข้าไป ปรางแก้วรีบตามไปทันที

สมใจกับน้อยกำลังทำความสะอาดบ้าน สักพักพันทิญาก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างร้อนใจ
“น้าดาล่ะ” พันทิญาถาม
“ไปโรงพยาบาลค่ะ” น้อยตอบ
พันทิญาแปลกใจ “โรงพยาบาล?...ไปทำไม”
“คุณดาไม่สบายเลยโทรให้คุณแพรมารับไปหาหมอค่ะ” สมใจรายงาน
พันทิญาแปลกใจ “ไม่สบายทำไมไม่โทรหาเราแต่โทรหายัยแพร...” พันทิญาคิดแล้วก็ยิ้มอย่างรู้ทัน

แพรไหมกับแสงฉายนั่งอยู่ในห้องรับรองพิเศษซึ่งมีทั้งกาแฟ น้ำเปล่า และผลไม้วางอยู่บนโต๊ะ แพรไหมนั่งหน้าเครียดเพราะเป็นห่วงวนิดา ส่วนแสงฉายมองแพรไหมแล้วยิ้มอ่อนโยน
“น้าดาอาจจะไม่ได้เป็นอะไรมากก็ได้อย่าเพิ่งเครียดเลยครับ” แสงฉายปลอบ
แพรไหมมองแสงฉายอย่างหนักใจ “ยังไงฉันก็อดห่วงไม่ได้...”
“ผมไม่อยากให้คุณกังวล” แสงฉายจับมือแพรไหมอย่างอ่อนโยน “ผมอยากให้คุณมีแต่ความสุข”
แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่พอใจก่อนจะดึงมือออกอย่างสุภาพ แสงฉายมองแพรไหมแล้วยิ้มขำ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ธนาเปิดประตู พยาบาลเข็นรถเข็นที่วนิดานั่งอยู่เข้ามาโดยมีเจ้าหน้าที่เดินตามเข้ามา
แพรไหมรีบลุกมาหาวนิดา “หมอว่าไงบ้างคะ”
“หัวใจปกติดี...นี่หมอกำลังจะส่งไปเอ็กซเรย์ปอด..” วนิดาบอก
“ผลเอ็กซเรย์รอประมาณครึ่งชั่วโมง..ดิฉันแวะมาแจ้งเจ้ากับคุณแพรจะได้รู้ว่าต้องรอนานแค่ไหนน่ะค่ะ” เจ้าหน้าที่บอก
“ขอบคุณค่ะ”
“ดิฉันขออนุญาตพาคุณวนิดาไปตรวจเลยนะคะ”
เจ้าหน้าที่เดินออกไป พยาบาลเข็นรถเข็นวนิดาตามไป แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะคิดๆแล้วเดินตามออกไป
แสงฉายดึงแพรไหมไว้ “คุณจะไปไหน”
“ไปเป็นเพื่อนคุณน้า..คุณน้าจะได้มีเพื่อนคุยตอนรอตรวจ”
แสงฉายรู้ว่าแพรไหมไม่อยากอยู่ด้วยสองต่อสองจึงพูดดัก “ผมไปด้วย”
“ที่นั่งข้างนอกไม่สบายเหมือนในนี้เจ้ารอที่นี่เถอะค่ะ”
“แต่ผมอยากไป”
แพรไหมมองแสงฉายอย่างเซ็งๆแล้วจะเดินออกไป ทันใดนั้นเสียงมือถือแสงฉายก็ดังขึ้น
แสงฉายหยิบมือถือขึ้นมาดู “คุณวีระคงโทรมาสั่งซื้อแร่..” แสงฉายพูดกับแพรไหม “ผมขอคุยงานก่อนเดี๋ยวตามไป”
แพรไหมพูดกวนๆ “อย่าตามเลยค่ะ..ฉันอยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง”
แพรไหมเดินออกไปอย่างดีใจ แสงฉายมองแพรไหมแล้วยิ้มเยาะเพราะอยากเอาชนะ

ภูผาเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาลพลางมองหาแพรไหมด้วยความโมโห ปรางแก้วเดินตามมาอย่างร้อนใจ ภูผาเห็นแพรไหมเดินตามเจ้าหน้าที่ที่กำลังเดินนำไปห้องเอ็กซเรย์ โดยมีพยาบาลเข็นรถเข็นที่วนิดานั่ง
ภูผาเห็นก็ยิ่งโมโห “มาด้วยจริงๆ”

ภูผาเดินไปหาแพรไหม ปรางแก้วรีบเดินตาม

อ่านต่อหน้า 4

ภูผาแพรไหม ตอนที่ 3 (ต่อ)

เจ้าหน้าที่เดินนำ แพรไหมเดินตาม ส่วนพยาบาลเข็นวนิดาตามมา แล้วแพรไหมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภูผายืนขวางหน้า ปรางแก้วที่เดินตามมามองภูผาอย่างร้อนใจ

แพรไหมเห็นภูผาก็ดีใจ “คุณภูผา..”
ส่วนวนิดามองภูผาด้วยความตกใจ
“ออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ” แพรไหมถาม
“ไม่ต้องสนใจผมหรอกสนใจพี่ชัยดีกว่า..พี่ชัยไม่สบายมากให้น้ำเกลืออยู่ข้างบน” ภูผาบอก
แพรไหมงง “พี่ชัย..ใครคะ”
ภูผายิ่งโมโห “ใคร!!!....เลิกกันไม่กี่วันลืมพี่ชายผมได้สนิทใจอย่างนี้เลยเหรอ”
แพรไหมยิ่งงง “เลิก?”
ภูผาตวาด “เล่นละครเก่งอย่างนี้นี่เองพี่ชัยถึงหลงเชื่อคุณ..พี่ชัยเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังหมดแล้วไม่ต้องตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่องหรอก”
วนิดาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลงจากรถเข็นมาขวาง
“ฉันรู้นะว่าคุณคือคนที่ช่วยยัยแพร..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายัยแพรจะเป็นหนี้บุญคุณจนคุณตะโกนใส่หน้ายัยแพรอย่างนี้ได้”
“คุณภูผาคงเข้าใจอะไรผิดน่ะค่ะ” แพรไหมบอก
“ถ้าคุณชื่อแพรไหม กุลนันท์วงศ์..ผมก็ไม่ได้เข้าใจอะไรผิด”
“ฉันชื่อแพรไหม กุลนันท์วงศ์แต่ฉันไม่รู้จักพี่ชัยคนที่คุณพูดถึงแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าที่คุณพูดว่าเลิก..หมายถึงใครเลิกกับใครแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“งั้นขึ้นไปหาพี่ชัยกับผมคุณจะได้รู้ว่าเกี่ยวยังไง”
ภูผาจับมือแพรไหมแล้วจะลากไปหาชัย
แพรไหมร้องเพราะเจ็บมือ “โอ้ย”
“แค่นี้เจ็บแล้วเหรอ..รู้ไว้ว่ายังน้อยกว่าที่พี่ชายผมเจ็บหลายร้อยเท่า”
ปรางแก้วรีบห้าม “ปล่อยคุณแพรเถอะค่ะ..ค่อยพูดค่อยจากันดีกว่า”
“แก้วก็เห็นว่าพูดดีๆแล้วเค้าไม่ยอมรับ” ภูผาบอก
ภูผาจะลากแพรไหมไป วนิดามองอย่างร้อนใจแล้วเข้ามาจับมือภูผาออก
“ปล่อยหลานฉันเดี๋ยวนี้นะ..”
“ไม่รู้ใช่มั้ยว่าหลานสาวไปทำชั่วทำเลวกับใครมาถึงได้ปกป้องกันอย่างนี้” ภูผาว่า
“ต่อให้ยัยแพรทำเรื่องไม่ดีจริงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ฉุดกระชากลากถูยัยแพรแบบนี้..นี่ถ้าเจ้าแสงฉายรู้ว่ามีคนรังแกว่าที่ราชินีเค้าคงไม่ยอม” วนิดาบอก
“ก็ไปฟ้องเค้าสิ..ฟ้องเลย..เจ้าแสงฉายจะได้รู้ว่าว่าที่ราชินีทิ้งผู้ชายอีกคนเพื่อมาหาเค้า” ภูผาท้า
วนิดามองภูผาอย่างไม่พอใจ
“ก่อนที่เจ้าจะมาสู่ขอยัยแพรจากพี่ศุ..เจ้าส่งคนสืบประวัติยัยแพรอย่างละเอียดเจ้ารู้ว่ายัยแพรไม่เคยเป็นแฟนพี่แก” วนิดาบอก
“ผมจะพาเจ้าไปหาพี่ชัย..มีคนยืนยันยังไงเจ้าก็ต้องเชื่อ”
วนิดามองภูผาอย่างร้อนใจ
“ว่าไง..จะให้ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าฟังหรือจะยอมไปขอโทษพี่ชัยกับผมดีๆ” ภูผาถาม
แพรไหมปฏิเสธ “ฉันไม่รู้จักพี่ชายคุณจริงๆ นะคะ”
ภูผาได้ยินก็ยิ่งโมโห “ผมจะพาคุณไปทำความรู้จักกับพี่ชายผม”
ภูผาจับมือแพรไหมแล้วจะลากออกไป ทุกคนมองเหตุการณ์ด้วยความตกใจ แต่ก่อนที่ภูผาจะลากแพรไหมออกไป เจ้าหน้าที่ก็วิ่งนำ รปภ. ของโรงพยาบาลมาจับตัวภูผาไว้เสียก่อน
ภูผาถาม “จับผมทำไม”
“คุณจะได้หยุดสร้างความวุ่นวายให้คนอื่น” รปภ. บอก
“จับส่งตำรวจเลยจะได้หายบ้า” วนิดาพูดเสียงดัง
ภูผาขัดขืน รปภ.จะลากภูผาออกไป แต่ทวีปเข้ามาเสียก่อน
“หยุดก่อนครับ..ผมเป็นตำรวจผมจัดการมันเองครับ” ทวีปเข้าไปกระซิบภูผา “ไม่คิดถึงตัวเองก็คิดถึงคุณป้าบ้าง” ทวีปกระชากภูผาออกมา “ไปสงบสติอารมณ์ก่อนไป”
ภูผาหันมองแพรไหมอย่างไม่พอใจ “ผมไม่หยุดแค่นี้หรอกนะผมจะทำให้คุณไปกราบเท้าขอโทษพี่ชัยให้ได้”
ทวีปรีบลากภูผาออกไป ปรางแก้วรีบเดินตาม วนิดามองภูผาอย่างไม่พอใจ ส่วนแพรไหมมองตามภูผาไปด้วยความงุนงง

ทวีปลากภูผาที่เดินหน้าหงิกมาที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“แกเป็นบ้าไปแล้วรึไงถึงตะคอกคุณแพรลากคุณแพรอย่างนั้น” ทวีปถาม
“แกยังไม่รู้น่ะสิว่าคุณแพรนี่แหล่ะหักอกพี่ชัยถึงได้ด่าฉัน” ภูผาบอก
“คุณนายบุญศรีแม่แกโทรบอกฉันแล้วโว้ย..แล้วยังบอกอีกว่ากลัวความโกรธของแกจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ให้ฉันรีบมา...ดีนะที่โรงพักอยู่ใกล้เลยมาเร็วไม่งั้นแกคงถูกลากคอไปโรงพักแล้ว”
ภูผาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
“พี่ภูโกรธที่คุณแพรโกหกเป็นทุนอยู่แล้วพอรู้ว่าเค้าทำให้พี่ชัยเสียใจเลยโกรธกว่าเดิม..โกรธมากอย่างนี้พี่ภูคุยดีๆกับเค้าไม่ได้หรอกค่ะ..ให้คุณป้าไปคุยดีกว่า” ปรางแก้วเสนอ
“แม่ตามผู้หญิงร้อยเล่มเกวียนอย่างคุณแพรไม่ทันหรอก..เค้าต้องเจอพี่มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ” ภูผาบอก
“อย่าลืมสิว่าเค้าเป็นถึงว่าที่ราชินีเมืองเชียงทวาย..เจ้าแสงฉายมีทั้งเงินทั้งอิทธิพลถ้าคุณแพรโกรธแล้วฟ้องเจ้า..เจ้าอาจจะเล่นงานให้แกเดือดร้อนก็ได้” ทวีปค้าน
“แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยกลัวใคร”
“ฉันรู้..แล้วฉันก็ไม่ได้ห่วงแก..พี่ชัยหายออกจากบ้านแกก็เพิ่งโดนยิงแกว่าถ้ามีเรื่องอีกแม่แกจะรับไหวมั้ย”
ภูผาถอนหายใจอย่างหนักใจ “เอาเป็นว่าฉันจะรอให้ใจเย็นแล้วค่อยไปคุยกับคุณแพรดีๆละกัน”
ทวีปกับปรางแก้วมองภูผาด้วยสายตาเป็นกังวล

แพรไหมประคองวนิดาให้เดินมาตามทาง โดยมีพยาบาลกับเจ้าหน้าที่เดินตามดูแลอย่างใกล้ชิด
วนิดาพูดกับเจ้าหน้าที่ “ขอบใจนะที่ไปตามยามมา..ไม่งั้นหลานฉันคงแย่” วนิดาส่งเงินให้หนึ่งพันบาท “นี่รางวัลของเธอ”
เจ้าหน้าที่ยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
แพรไหมกับวนิดา “แพรไม่เคยรู้จักพี่ชายคุณภูผาเลยทำไมเค้าถึงบอกว่าแพรเป็นแฟน”
“นายภูผานั่นบอกว่าพี่ชายเค้าไม่สบายมาก อาจจะไข้ขึ้นเพ้อเรื่อยเปื่อยจนนายภูผาเข้าใจผิดก็ได้” วนิดาบอก
“งั้นแพรก็ควรไปอธิบายกับคุณภูผาเค้าจะได้เลิกเข้าใจผิด” แพรไหมเสนอ
วนิดาร้อนใจจึงรีบบอก “โมโหคลั่งเป็นหมาบ้าอย่างนั้นพูดไปก็ไม่รู้เรื่องหรอกให้เค้าหายคลั่งแล้วค่อยหาโอกาสอธิบายดีกว่า”
“ค่ะ...”
“แล้วเราไม่ต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเจ้า บอกพี่ศุหรอกนะ..เดี๋ยวจะสืบสาวราวเรื่องจนเรื่องไปกันใหญ่” วนิดากำชับ
“แพรตั้งใจว่าจะไม่บอกอยู่แล้วละค่ะ..ขี้เกียจปวดหัว”
วนิดามองแพรไหมด้วยความโล่งใจ

แสงมณีนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการวาดรูปอยู่ที่บ้าน สักพักดวงใจก็ยกน้ำผลไม้มาให้
“คุณหญิงรู้ใช่มั้ยคะว่าคุณพิพิธจีบคุณหญิง” ดวงใจถาม
“หญิงไม่ใช่เด็กนะคะ เห็นเค้ามองตาหวานเยิ้มขนาดนั้นจะได้ดูไม่ออกว่าคุณพิพิธคิดยังไง” แสงมณีตอบ
ดวงใจถามต่อ “ชอบเค้ามั้ยคะ”
“คุณพิพิธคุยสนุก อารมณ์ดี ชอบวาดรูปเหมือนหญิง แต่หญิงคิดกับเค้าแค่เพื่อนค่ะ”
“เฮ้อ..หนุ่มๆมาจีบกี่คนก็คิดแค่เพื่อน..สงสัยอนาคตคุณหญิงจะต้องอยู่ที่เดียวกับดวงใจ..บนคาน”
แสงมณีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“หญิงรักดวงใจแต่ก็ไม่คิดจะเจริญรอยตามดวงใจทุกเรื่องหรอกนะคะ โดยเฉพาะเรื่องขึ้นคานไม่ยอมแน่”
“งั้นก็ลองเปิดใจพิจารณาคุณพิพิธดูสิคะ ดวงใจจะได้รู้ว่าคุณหญิงไม่อยากขึ้นคานจริงๆ”
“หญิงเปิดใจรับใครเข้ามาไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะตอนนี้มีคนอยู่ในใจหญิงแล้ว”
ดวงใจได้ยินก็ตื่นเต้น “ใครคะ ผู้ชายที่โชคดีคนนั้นเป็นใคร”
“คุณภูผา...เค้าเป็นผู้ชายคนแรกที่หญิงอยู่ใกล้ๆแล้วทำให้ใจหญิงสั่น” แสงมณีบอก
“ดวงใจจะส่งคนไปสืบประวัติเค้าให้นะคะ..ถ้าประวัติดีไม่มีอะไรด่างพร้อย ดวงใจจะเชียร์เต็มที่เลยค่ะ”

แสงมณีพยักหน้าแล้วยิ้มมีความสุข ดวงใจมองแสงมณีด้วยความตื่นเต้น


รถแสงฉายแล่นมาจอดที่หน้าบ้านของแพรไหม ธนาจะเปิดประตูให้แพรไหมแต่แพรไหมเปิดเองก่อน ส่วนองครักษ์เชี่ยวเปิดประตูให้แสงฉาย แพรไหม วนิดา และแสงฉายก้าวลงจากรถ

พันทิญารีบวิ่งมาหา “คุณน้าเป็นยังไงบ้างคะ”
“หายดีแล้วล่ะ” วนิดาบอก
“หายก็ยังต้องพักผ่อนมากๆจะได้ไม่เป็นอีก...ขึ้นนอนเลยนะคะพันพาไปส่งที่ห้อง”
วนิดามองพันทิญาอย่างแปลกใจ พันทิญารีบส่งซิกให้วนิดาทันที
“เอ้อ..จ้ะน้าก็รู้สึกเพลียๆเหมือนกันเข้านอนเร็วหน่อยก็ดี” วนิดาพูดกับแสงฉาย “ขอบคุณเจ้ามากนะคะที่พาน้าไปหาหมอแล้วยังออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้อีก”
“อีกไม่นานเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว...ถือว่าเป็นการซ้อมดูแลคนในครอบครัวแล้วกันครับ” แสงฉายบอก
วนิดา ศุภลักษณ์ และแสงฉายหัวเราะขำกันอย่างมีความสุข แต่แพรไหมมองแสงฉายด้วยความหนักใจ
พันทิญาลอบมองแพรไหมด้วยสายตาอิจฉา
ศุภลักษณ์พูดกับแสงฉาย “เชิญในบ้านก่อนค่ะ”
แสงฉายรับคำ “ครับ”
วนิดาพูดกับแสงฉาย “น้าขอไปพักก่อนนะคะ”
แสงฉายยิ้มแล้วพยักหน้า พันทิญาเดินเข้ามาประคองวนิดา แพรไหมคิดแล้วลุกมาประคองอีกข้าง
“แพรช่วยค่ะ..”
ศุภลักษณ์รู้ทันลูกสาว “น้าเค้าหายแล้วให้พันพาไปคนเดียวก็ได้...แพรพาเจ้าเข้าไปคุยในบ้านเถอะ”
“แพรอยากไปส่งเพราะกลัวว่าถ้าคุณน้าเป็นลมพี่พันจะประคองไม่ไหว..อีกอย่างเมื่อเช้าแพรตื่นเช้ามากแพรง่วงส่งคุณน้าเสร็จแพรเข้านอนเลย..คุณแม่พาเจ้าเข้าไปเองดีกว่าค่ะ” แพรไหมบอก
แพรไหมประคองแล้วรีบพาวนิดาเข้าบ้าน ศุภษณ์มองแสงฉายอย่างเกรงใจ
แสงฉายยิ้มอ่อนโยนแล้วพูดกับศุภลักษณ์ “ไม่เป็นไรครับ”

แพรไหมกับพันทิญาประคองวนิดามาถึงหน้าห้องของแพรไหม
“ถึงห้องแพรแล้ว..แพรเข้าห้องไปเถอะ” พันทิญาบอก
“แพรอยากช่วยพี่พันพาส่งคุณน้าที่ห้องก่อน”
วนิดามองแพรไหมอย่างเซ็งๆแล้วแสร้งพูดดีด้วย “พันคนเดียวก็ส่งได้..แพรเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้วไปพักเถอะ”
แพรไหมจำยอม “ค่ะ”
แพรไหมเดินเข้าห้องของตัวเองไป
“ไปคุยในห้องพันกันค่ะ” พันทิญาชวนวนิดา

แล้วพันทิญากับวนิดาก็รีบเดินเข้าไปในห้องพันทิญาทันที

พันทิญากับวนิดาเดินเข้าห้องมาอย่างร้อนใจ
“ขอบคุณคุณน้ามากนะคะที่แกล้งไม่สบายแล้วโทรให้ยัยแพรพาไปโรงพยาบาล..ไม่งั้นไอ้ภูผาอาจจะได้คุยกับยัยแพรจนรู้แล้วก็ได้ว่าพันคือคนที่ทิ้งพี่ชายมัน”
“ไอ้ภูผาเจอยัยแพรแล้ว” วนิดาบอก
พันทิญาตกใจ “เจอแล้ว!!”
“ที่โรงพยาบาล..มันเข้ามาต่อว่าแต่ยัยแพรไม่รู้เรื่องมันเลยจะลากยัยแพรไปหาพี่ชายมัน..โชคดีที่ยามมาจับตัวมันไว้ก่อนมันเลยพายัยแพรไปไม่ได้”
“ไอ้ภูผานี่มันน่ากลัวจริงๆ..ท่าทางมันเจ็บแค้นแทนไอ้ชัยมากเลยค่ะตราบใดที่ยัยแพรยังไม่ไปขอโทษพี่ชายมัน..มันคงตามยัยแพรไม่เลิกเราจะทำยังไงกันดีคะ”
วนิดานิ่งคิด

เวลาผ่านไป หลังจากฟังเรื่องจากปากพันทิญา แพรไหมที่อยู่ในชุดนอนก็พูดอย่างตกใจ
“พี่พันเคยเป็นแฟนกับพี่ชายคุณภูผา!!”
พันทิญากับวนิดานั่งคุยกับแพรไหมอยูในห้องของแพรไหม
พันทิญาพูดเสียงอ่อน “ดูๆกันอยู่พักเดียวพอพี่รู้ว่าไปด้วยกันไม่ได้เลยบอกเลิก”
“คบพี่พันแล้วทำไมคุณภูผาถึงคิดว่าแฟนพี่ชายเค้าคือแพรละคะ”
พันทิญาแกล้งรู้สึกผิด “พี่บอกเค้าว่าพี่ชื่อแพร”
แพรไหมมองพันทิญาด้วยความตกใจ
“พี่แค่อยากเล่นเกมสนุกๆ..กะว่าเป็นแฟนกันแล้วจะบอกความจริงเพื่อเซอร์ไพร้สเค้าแต่ยังไม่ทันบอกก็เลิกกันไปซะก่อน”
“มิน่าตอนที่แพรบอกว่าไม่รู้จักคุณชัยคุณภูผาถึงไม่เชื่อ...เราไปหาคุณชัยกับคุณภูผาด้วยกันนะคะทุกคนจะได้เลิกเข้าใจผิด” แพรไหมเสนอ
“นายภูผาไม่เข้าใจหรอกว่าที่ยัยพันใช้ชื่อแพรเป็นแค่เกมสนุกๆ เค้าต้องหาว่ายัยพันตั้งใจหลอกนายชัยแล้วอาจจะยิ่งโมโหจนทำร้ายยัยพันก็ได้” วนิดาบอก
“คุณภูผาดุแต่ก็เป็นสุภาพบุรุษแพรว่าเค้าไม่ทำร้ายผู้หญิงหรอกค่ะ” แพรไหมแย้ง
“ไม่ทำร้าย..แล้วไอ้ที่เค้าฉุดกระชากเราที่โรงพยาบาลเรียกว่าอะไร” วนิดาถาม
แพรไหมหน้าเจื่อน “แต่ถ้าปล่อยให้เค้าเข้าใจผิดอย่างนี้..เค้าก็ตามต่อว่าแพรไม่เลิก”
“น้ากับพี่พันรักเรามากไม่ปล่อยให้เราเดือดร้อนอย่างนั้นหรอก..น้าหาทางออกไว้แล้ว...แพรต้องไปยอมรับกับนายภูผาว่าเคยเป็นแฟนกับนายชัย”
“แต่คุณภูผาอยากให้แพรไปขอโทษพี่ชายเค้า...ถ้าเจอกันทุกคนก็ต้องรู้อยู่ดีว่าไม่ใช่แพร” แพรไหมบอก
“ก็ไม่ต้องไปเจอ..คุณภูผาแค่อยากให้คนที่ทำคุณชัยเสียใจรับผิด แค่แพรไปสารภาพแล้วฝากไปขอโทษพี่ว่าเค้าก็พอใจแล้วล่ะ” พันทิญาเสนอ
แพรไหมมองพันทิญาอย่างหนักใจ
“ตอนเราจะหนีเจ้ายัยพันช่วยเราทุกอย่าง..แค่ไปขอโทษคนแทนเราคงทำเพื่อยัยพันได้นะ” วนิดาย้ำ
แพรไหมมองวนิดากับพันทิญาด้วยความหนักใจ

ภูผานอนอยู่ที่โซฟาในห้องคนไข้ที่ชัยพักฟื้นแต่ก็นอนไม่หลับเพราะคิดถึงแพรไหม...

เสียงแพรไหมดังก้องในหัวของเขา “ฉันชื่อแพรไหม กุลนันท์วงศ์แต่ฉันไม่รู้จักพี่ชัยคนที่คุณพูดถึงแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าที่คุณพูดว่าเลิก..หมายถึงใครเลิกกับใครแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน”

ภูผาคิดก็ยิ่งโมโห “เกิดมาผมไม่เคยเห็นใครโกหกเก่งเท่าคุณมาก่อนเลย”
แล้วภูผาก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงชัยตะโกนลั่นห้อง
“คุณแพร!!”
ภูผาหันไปเห็นชัยนอนละเมอถึงแพรไหม
“คุณแพร..อย่าทิ้งผมไป..”
ภูผารีบวิ่งมาดูชัย
ชัยร้องไห้โฮ “ผมรักคุณ..อย่าทิ้งผมไป..ผมรักคุณ”
ภูผามองชัยอย่างสงสารก่อนจะจับไหล่แล้วเรียกเบาๆ
“พี่ชัยครับ..พี่ชัย”
ชัยลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือเห็นภูผายืนอยู่เขาก็ร้องไห้โฮ
“พี่ฝันถึงคุณแพร..ฝันว่าเค้าจะไปจากพี่..มันเป็นแค่ความฝันใช่มั้ย..มันเป็นแค่ความฝัน มันเป็นแค่ความฝัน”
แล้วชัยก็หลับต่อเพราะฤทธิ์ยา ภูผามองชัยด้วยความสงสารจับใจ

เช้าวันต่อมา ศุภลักษณ์กับวนิดานั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร พันทิญาเดินเข้ามา ศุภลักษณ์มองพันทิญาที่ตื่นเช้าด้วยความแปลกใจ
“พันตื่นมาทำอะไรแต่เช้าจ๊ะ” ศุภลักษณ์ถามขึ้น
“ทำงานไงคะ..” พันทิญาตอบ
“แต่พันบอกเองว่าขอเริ่มงานบ่ายเพราะตื่นเช้าไม่ไหว”
“พันรู้สึกว่าเอาเปรียบคุณแม่เกินไป อยากทำงานให้คุ้มเงินเดือนที่คุณแม่จ้างเลยเปลี่ยนใจเข้างานแต่เช้าน่ะค่ะ”
วนิดารีบเสริม “หลานดาขยันอย่างนี้ปลายปีพี่ศุต้องให้โบนัสเยอะๆนะคะ”
ศุภลักษณ์พยักหน้า พันทิญากับวนิดายิ้มให้กันอย่างดีใจ
ศุภลักษณ์มองหา “ปกติยัยแพรไม่เคยลงมาสายขนาดนี้นี่..” ศุภลักษณ์ตกใจ “หรือว่าจะหนีไปอีกแล้ว..ไปดูยัยแพรกันเร็ว”
ศุภลักษณ์ลุกขึ้นอย่างร้อนใจเพราะจะไปดูแพรไหมที่ห้อง ทันใดนั้นแพรไหมก็เดินหน้าเศร้าเข้ามา
“แพรไม่ได้หนีไปไหนหรอกค่ะ..ตื่นสายน่ะ” แพรไหมบอก
พันทิญาพูดกับแพรไหม “ไปกันเลยมั้ย”
“จะไปไหนกันแต่เช้า” ศุภลักษณ์ถาม
“พันกับแพรเบื่อกาแฟที่บ้านเลยจะออกไปนั่งที่ร้านมองวิวภูเขาสวยๆเปลี่ยนบรรยากาศน่ะค่ะ” พันทิญาอธิบาย
“ฟังดูน่าสนุก...แม่ไปด้วย” ศุภลักษณ์บอก
แพรไหมมองศุภลักษณ์อย่างลำบากใจ พันทิญากับวนิดามองหน้ากันด้วยความตกใจ
วนิดารีบเข้ามาพูดกับศุภลักษณ์ “ให้เด็กๆเค้าไปกันเองเถอะค่ะ..เผื่อเค้าจะคุยความลับอะไรกันตามประสาสาวๆ”
“ก็จริง...ดื่มกาแฟให้มีความสุขนะลูก” ศุภลักษณ์อวยพร
พันทิญากับแพรไหมรับคำ “ค่ะ”
พันทิญาจูงมือแพรไหมออกไปอย่างร่าเริง ศุภลักษณ์มองตามพันทิญากับแพรไหมแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

ประตูรั้วบ้านถูกเปิดออก รถของพันทิญากับรถของแพรไหมแล่นออกจากบ้าน ลูกน้องของแสงฉายที่แอบซุ่มอยู่เดินออกมามองตามรถแพรไหมแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดแอบไว้แล้วขี่ตามทันที

พันทิญากับแพรไหมขับรถมาถึงทางแยกแล้วเลี้ยวไปคนละทาง ลูกน้องของแสงฉายขี่รถมอเตอร์ไซด์ตามรถแพรไหม แต่คนที่ขับรถแพรไหมอยู่คือพันทิญาที่กำลังใส่สมอลทอล์ค พันทิญามองกระจกหลังเห็นลูกน้องแสงฉายขี่มอเตอร์ไซด์ตามมาก็ยิ้มสมใจรีบกดโทรศัพท์หาแพรไหมทันที
“คนของเจ้าไม่รู้จริงๆด้วยว่าคนที่ขับรถแพรเป็นพี่...โดนภูผาดุด่ายังไงแพรก็ต้องอดทนนะ..ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าคนที่ทิ้งคุณชัยคือพี่”
แพรไหมกำลังขับรถของพันทิญาอยู่รับคำอย่างหนักใจ “ค่ะ”

ภูผาขับรถมาจอดหน้าออฟฟิศของตัวเองแล้วเดินเข้าไป แพรไหมนั่งอยู่ในรถพันทิญาที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าออฟฟิศ เธอลอบมองภูผาอย่างหวั่นใจจะเปิดประตูลงจากรถแล้วก็ชะงักเมื่อนึกถึงคำพูดของภูผา

“เห็นแก่ตัว...คุณรู้มั้ยว่าความเห็นแก่ตัวของคุณทำให้แก้วเสียใจจนร้องไห้ไม่หยุด..ในโลกนี้มีคนประเภทเดียวที่ผมเกลียดที่สุดคือคนโกหก แล้วผมก็ไม่คิดเลยว่าคนที่หน้าตาใสซื่ออย่างคุณจะเป็นคนประเภทนั้น...ลงจากรถผมเดี๋ยวนี้”
แพรไหมปิดประตูรถ
“มาเพื่อขอโทษเค้าคงไม่โกรธมาก” แพรไหมพึมพำกับตัวเอง
แพรไหมเปิดประตูรถแล้วชะงักอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดของภูผา
ภูผาพูดด้วยความโมโห “ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ..ตั้งแต่เจอกันผมได้ยินคำขอโทษจากคุณไม่รู้กี่ครั้งแล้ว..ทางที่ดีผมว่าคุณเลิกโกหกเลิกทำตัวเป็นเด็กพูดไม่รู้เรื่องดีกว่าคุณจะได้ไม่ต้องทำผิด จะได้ไม่ต้องขอโทษบ่อยๆจนคำนี้ดูไม่มีค่า”
แพรไหมปิดประตูอีกครั้ง
แพรไหมเริ่มโวยวาย “กลัว กลัว กลัว..ทำไมฉันต้องกลัวคุณขนาดนี้ด้วย”แพรไหมสูดลมหายใจอย่างแรงเพื่อให้กำลังใจตัวเอง “เพื่อพี่พัน..”

แพรไหมตัดสินใจเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถไป

อ่านต่อตอนที่ 4 เวลา 17.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น