ภูผาแพรไหม ตอนที่ 5
พันทิญา พิพัฒน์ และวนิดาที่ใส่กำไลที่พิพัฒน์ให้นั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งในร้านอาหารหรู
“แค่ของขวัญเล็กๆน้อยๆ..คุณน้าไม่เห็นต้องเลี้ยงข้าวผมเลยครับ” พิพัฒน์เกรงใจ
วนิดายกกำไลขึ้นแล้วพูด “กำไลราคาตั้งหลายแสนเล็กน้อยที่ไหนกันละคะ..แค่เลี้ยงข้าวน้าว่าน้อยไปด้วยซ้ำ”
“ถ้าน้อยไปงั้นให้คุณน้าตอบแทนน้ำใจคุณพัฒน์ด้วยอะไรดีน้า...” พันทิญาแกล้งพูดเย้า “รับคุณพัฒน์เป็นหลานอีกคนดีมั้ยคะ”
“ดีเลยจ้ะดีมาก..น้ามีแต่หลานสาวอยากมีหลานชายมานานแล้ว..มาเป็นหลานน้านะจ๊ะ” วนิดาทำเป็นชวน
“ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติผม”
พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ
“ทานเยอะๆนะจ๊ะ” วนิดาบอก
วนิดากุลีกุจอตักอาหารให้พิพัฒน์อย่างเอาใจ
พันทิญากระซิบบอกพิพัฒน์ “พันเคยพาแฟนมาเจอน้าดา..แต่น้าดาไม่เคยรับใครเป็นหลานไม่เคยตักอาหารให้ใครเลยแต่น้าดาตักให้คุณแสดงว่าน้าดาชอบคุณมากนะคะ”
พิพัฒน์ยิ้มแฉ่งอย่างดีใจ พันทิญาตามองพิพัฒน์แต่แกล้งเอาข้อศอกเขี่ยกระเป๋าให้ตก พิพัฒน์รีบก้มหยิบให้ มีกระดาษแผ่นหนึ่งกระเด็นออกจากกระเป๋าเป็นรูปกระเป๋าใบหรูที่พันทิญาตัดมาจากนิตยสาร พิพัฒน์ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้พันทิญา
พันทิญารับกระดาษไป “ตายจริง..ว่าจะสแกนรูปกระเป๋าส่งไปให้ยัยนุ่นลืมจนได้..” พันทิญาพูดกับพิพัฒน์ “พันจะซื้อกระเป๋าแต่ที่นี่ไม่มีเลยจะให้เพื่อนที่กรุงเทพช่วยดูให้น่ะค่ะ” พันทิญายื่นรูปให้พิพัฒน์ดู “สวยมั้ยคะ”
“สวยมากครับ..” พิพัฒน์ชม
“เป็นรุ่น limited ค่ะทำออกมาน้อยมาก..พันชอบมากแล้วก็อยากได้มากที่สุดเลยค่ะ”
พิพัฒน์พยักหน้ารับรู้แล้วลอบมองรูปและอ่านชื่อรุ่นกระเป๋า พันทิญากับวนิดาลอบมองกันแล้ว ยิ้มสมใจ
ภูผาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของชัย ชัยกับบุญศรีกำลังดูข่าวภาคค่ำกันอยู่
ภูผารีบเข้ามาถามชัย “คุณแพรมาขอโทษพี่แล้วใช่มั้ยครับ”
“ยังไม่ได้มา” ชัยตอบ
ภูผายิ่งโกรธ “โกหกซ้ำซาก”
“เค้าบอกว่าจะมาเหรอ” ชัยถาม
“ครับ”
“แต่น้าเค้ามาหาแม่นะ ขอโทษขอโพยแทนคุณแพรจนแม่เกรงใจ..แล้วแก้วก็เล่าว่าเจอพี่สาวคุณแพรจะมาขอโทษชัยแต่เปลี่ยนใจไม่เข้ามาเพราะจะให้คุณแพรมาเอง” บุญศรีเล่า
“คอยตามล้างตามเช็ดให้กันอย่างนี้น่ะสิ..คุณแพรถึงเป็นเด็กไม่รู้จักโตไม่รู้จักรับผิดชอบความผิดตัวเอง” ภูผาว่า
“แกเข้าใจผิดคุณแพรเป็นผู้ใหญ่มากแล้วพี่ก็เชื่อว่าวันนี้คุณแพรตั้งใจมาจริงๆแต่อาจจะมีธุระด่วนเลยมาไม่ได้..” ชัยพูดอย่างมีความหวัง “พรุ่งนี้คงมา”
“เลิกหวังอะไรลมๆแล้งๆจากผู้หญิงขี้โกหกคนนี้ซะทีเถอะครับ..จะได้ไม่ต้องเสียใจอีก” ภูผาคิด “ผมลืมของไว้ที่รถเดี๋ยวมานะครับ”
ภูผาเดินออกจากห้องไป
ชัย บุญศรี และทวีปมองภูผาด้วยความหนักใจ
แพรไหมที่อยู่ในชุดนอนเพิ่งสวดมนต์เสร็จกำลังกราบหมอนบนเตียงของเธอ ทันใดนั้นเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น แพรไหมหยิบมาดู
“คุณภูผา...” แพรไหมกดรับสายแล้วรีบพูดเร็วจี๋ด้วยความกลัว “วันนี้ฉันมีธุระด่วนเลยไม่ได้ไปเยี่ยมคุณชัยขอโทษจริงๆค่ะ”
ภูผายืนอยู่หน้าห้องชัยได้ยินแพรไหมรีบขอโทษเช่นนั้นก็หัวเราะขำ
“ขำอะไรคะ” แพรไหมถาม
ภูผาชะงักอย่างเสียฟอร์ม “ใครขำ”
“คุณไง..ฉันได้ยินเสียงคุณหัวเราะ”
ภูผารีบทำเสียงเข้ม “เสียงคนอื่นไม่ใช่ผม...รู้ตัวสินะว่าผมจะโทรมาพูดเรื่องอะไรถึงได้รีบอธิบายรีบขอโทษ”
“วันๆพูดกับฉันแค่เรื่องเดียวคุณโทรมาฉันจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเรื่องอะไร..ฉันจะไปหาคุณชัยพรุ่งนี้คุณจะได้เลิกจิกฉันซะที แค่นี้นะคะ”
“เดี๋ยว” ภูผาพูด
แพรไหมชะงักและไม่กล้าวางสาย
“ขอให้นอนฝันร้าย” ภูผาพูดต่อ
แพรไหมโวยวาย “แช่งให้ฉันฝันร้ายทำไมคุณใจร้ายแบบนี้ล่ะ”
“คนที่ทำร้ายจิตใจคนอื่นอย่างคุณไม่คู่ควรกับการฝันดี...สวัสดี”
ภูผาวางสายแล้วยิ้มขำอย่างสะใจที่แกล้งแพรไหมได้
แพรไหมแค้นใจ “งั้นคุณก็ต้องฝันร้ายเหมือนกันเพราะคุณทำร้ายจิตใจฉัน”
พิพิธอยู่ในชุดออกกำลังกายเปิดเพลงกำลังซ้อมท่าคาโปเอร่าอย่างตั้งใจ พิพัฒน์ในชุดออกกำลังกายวิ่งเข้ามาวิ่งอยู่กับที่ตรงหน้าน้องชายแล้วเอ่ยถาม
“จะไปหาเจ้าแสงมณีกี่โมง”
พิพิธหยุดซ้อม “เดี๋ยวโทรถามเค้าก่อนว่าอยู่บ้านตอนไหน”
พิพิธเดินไปหยิบไอโฟนมากดหาแสงมณี
“ไม่มีสัญญาณ..” พิพิธบอก
“เพิ่งจะ 8 โมง..คงยังไม่ตื่นมั้ง”
“เจ้าบอกว่าตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าทุกวันคงยังไม่เปิดเครื่องมากกว่า..” พิพิธรีบอวด “แต่เฮียไม่ต้องห่วงเพราะผมตีซี้กับแม่นมแล้วก็ขอเบอร์บ้านเค้ามาแล้ว”
พิพิธกดเบอร์บ้านแสงฉายทันที
โทรศัพท์บ้านแสงฉายดังขึ้น ดวงใจรีบวิ่งมารับสาย
“สวัสดีค่ะ..บ้านเจ้าแสงฉายค่ะ...” ดวงใจหยุดฟัง “คุณพิพิธเหรอคะ..วันนี้คุณหญิงจะไป..” ดวงใจเกือบหลุดบอกว่าปางช้างแต่ชะงักได้ก่อน “ไปธุระกับคุณชายยังไม่รู้จะกลับตอนไหนไว้คุณค่อยโทรนัดคุณหญิงอีกทีแล้วกันนะคะ”
ดวงใจวางสาย สักพักแสงมณีในชุดออกกำลังกายก็เดินเข้ามา
ดวงใจรีบบอก “คุณพิพิธโทรมาค่ะบอกว่าจะขอมาหาคุณหญิง..แต่ดวงใจบอกไปแล้วว่าวันนี้คุณหญิงไม่อยู่ แต่ไม่ได้บอกหรอกนะคะว่าไปปางช้าง กลัวคุณพิพิธตามไปแล้วคุณหญิงจะคุยกับคุณภูผาไม่สะดวก”
“รู้ใจหญิงที่สุด...” แสงมณีชม
แสงมณีหอมดวงใจอย่างเอาใจ ดวงใจยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมกับมองแสงมณีด้วยความรักหมดใจ
พันทิญาพูดกับศุภลักษณ์ที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกในร้าน
“คุณแม่ให้เด็กตามพันมาพบเรื่องอะไรคะ”
ศุภลักษณ์นั่งอยู่กับแพรไหมและแสงฉาย
“แม่อยากถามเรื่องยัยแพร”
แพรไหมพูดอย่างเซ็งๆ “คุณแม่จะให้แพรไปเที่ยวปางช้างกับเจ้า..แพรบอกว่าไปไม่ได้เพราะนัดไปธุระกับพี่พันคุณแม่ไม่เชื่อเลยให้คนไปตามพี่พันมาน่ะค่ะ”
“แพรนัดกับพันว่าจะไปธุระด้วยกันจริงๆค่ะ” พันทิญาบอก
แพรไหมมองแสงฉายแล้วยิ้มเยาะแล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินพันทิญาพูดต่อ
“แต่ยกเลิกไปก่อนก็ได้” พันทิญาพูดต่อ
แพรไหมพูดกับพันทิญา “ธุระของพี่พันสำคัญมากยกเลิกไม่ได้นะคะ”
“ไม่ได้สำคัญมากมายอย่างที่แพรคิดหรอก แพรไปเที่ยวกับเจ้าเถอะ”
แพรไหมมองพันทิญาอย่างงอนๆ
“ขี่ช้างไม่เห็นสนุกตรงไหนเลย..แพรไม่อยากไป” แพรไหมบอก
พันทิญาคิดแล้วยิ้มอย่างมีแผน “เอาอย่างนี้ดีมั้ย..พี่ไปเป็นเพื่อนแพรจะได้สนุกขึ้น”
“ยัยพันไปด้วยหรือไม่ไป แพรก็ต้องไป” ศุภลักษณ์ยืนยัน
“ยังไงก็ต้องโดนบังคับให้ไปมีพี่พันไปด้วยก็ดีค่ะแพรจะได้ไม่” แพรไหมมองแสงฉาย “เบื่อมาก”
แสงฉายมองแพรไหมแล้วยิ้มขำ ศุภลักษณ์มองแพรไหมอย่างหนักใจ
แสงฉายเอ่ยขึ้น “เชิญครับ”
แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่พอใจแล้วเดินออกไป พันทิญามองแสงฉายแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินตาม
แต่ศุภลักษณ์เรียกไว้ “พัน”
พันทิญาหันมองศุภลักษณ์
“เจ้าไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับยัยแพรให้เค้าไปรถเจ้าแค่สองคนเถอะ..พันขับรถไปเองดีกว่า”
พันทิญาทำเป็นยิ้มร่าเริง “ค่ะ”
พันทิญาหันหน้าจะเดินไปและแล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนจากร่าเริงเป็นไม่พอใจทันที
พนักงานร้านแพรไหมกำลังดูแลลูกค้าที่มาซื้อผ้า แพรไหมกับแสงฉายเดินจากห้องรับแขกจะตรงไปขึ้นรถที่จอดอยู่ที่หน้าร้าน แพรไหมรีบกดส่งข้อความหาปรางแก้ว
“คุณแม่ใช้ทำธุระไปหาคุณชัยไม่ได้แล้วนะคะ”
เสียงข้อความไอโฟนแพรไหมดังขึ้น แพรไหมกดอ่านในใจ
“ค่ะ...จะมาเมื่อไหร่บอกนะคะจะได้พาคุณป้าออกจากห้อง”
แพรไหมอ่านข้อความแล้วยิ้มอย่างสบายใจ แสงฉายมองแพรไหมอย่างจับผิด แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปเปิดประตูหน้าร้านให้แพรไหมเดินออกไป
แสงมณีที่แต่งตัวอย่างสวยงามกำลังนั่งในบ้านอย่างตื่นเต้น สักพักดวงใจก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงาน “คุณภูผาขับรถเข้ามาแล้วค่ะ”
แสงมณีพยักหน้าแล้วแกล้งหยิบนิตยสารมาอ่านเหมือนไม่ได้รอ ภูผาเดินเข้ามาในห้องรับแขกบ้านแสงมณี
“มาแล้วเหรอ..ตรงเวลาดีจริง” ดวงใจแกล้งทัก
ภูผายิ้มให้ดวงใจแล้วพูดกับแสงมณี
“ไปกันเลยมั้ยครับ”
“ค่ะ” แสงมณีรับคำ
แสงมณีลุกขึ้นแล้วชะงักเมื่อเห็นทวีปเดินเข้ามา
“คุณมาทำไม” แสงมณีถามเสียงแข็ง
“ก็มาอารักขาเจ้าไงคร้าบ” ทวีปทำเสียงกวน
ดวงใจพูดกับภูผาอย่างไม่พอใจ “ลูกน้องในบริษัทคุณเยอะแยะทำไมต้องเอาหมวดทวีปมาเป็นองครักษ์คุณหญิง”
“ลูกน้องในบริษัทไม่มีใครเก่งสู้ทวีปได้เลยครับ” ภูผาบอก
ทวีปยิ้มกวน “เจ้าถูกนักฆ่ามืออาชีพตามล่าให้มือปราบมืออาชีพอย่างผมคุ้มกันรับรองปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น..เอารถเจ้าไปใช่มั้ยขอกุญแจรถด้วยครับ”
ดวงใจหยิบกุญแจรถแสงมณีส่งให้ทวีปอย่างหงุดหงิด แสงมณีมองทวีปอย่างหงุดหงิดเช่นกัน ส่วนทวีปมองแสงมณีแล้วยิ้มสะใจ
ชัยนอนอยู่บนเตียง หมอใช้หูฟังฟังเสียงหัวใจของชัย สักพักหมอก็เอาหูฟังออก พยาบาลยื่นชาร์ตบันทึกอาการให้หมอ
“ความดันปกติ...ไม่มีไข้....ทานข้าวได้..วันนี้กลับบ้านได้แล้วครับ” หมอบอก
ปรางแก้ว บุญศรี และชัยยิ้มอย่างดีใจ
บุญศรีเข้ามากอดชัย “ได้กลับบ้านซะทีนะลูก”
ชัยยิ้มกอดตอบบุญศรีอย่างมีความสุข “ครับ”
หมอกับพยาบาลเดินออกไป
ปรางแก้วดีใจมาก “แก้วโทรบอกพี่ภูกับพี่วีปก่อนนะคะ”
“ภูบอกว่าทำงานเสร็จจะโทรมา..รอให้ภูโทรมาแล้วค่อยบอกก็ได้อย่ากวนเค้าเวลางานเลย” บุญศรีบอก
ปรางแก้วรับคำ “ค่ะ...”
ปรางแก้วนึกถึงแพรไหม เธอกดโทรศัพท์ส่งข้อความหาแพรไหมทันที
เต็นท์สีขาวสวยงามตั้งอยู่ในปางช้าง บนโต๊ะในเต้นท์มีขนมกับผลไม้วางอยู่ แสงฉาย แพรไหม แสงมณี และพันทิญานั่งในเต๊นท์ ส่วนภูผากับทวีปยืนอารักษ์ขาที่หน้าเต๊นท์ องครักษ์คนอื่น ๆ ยืนกระจายกำลังรอบบริเวณ
ภูผามองแพรไหมที่นั่งข้างแสงฉายอย่างไม่พอใจ แพรไหมหลบสายตาภูผาอย่างรู้สึกผิด ธนายกถาดเครื่องดื่มเดินเข้ามา แสงฉายหยิบแก้วชาเขียวน้ำผึ้งส่งให้แพรไหม
“ชาเขียวน้ำผึ้งของคุณครับ”
แพรไหมรับแก้วน้ำมาโดยไม่ขอบคุณแสงฉายแม้แต่คำเดียว พันทิญามองแพรไหมด้วยความอิจฉา ธนาเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟพันทิญา
“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบดื่มอะไรเลยสั่งเหมือนของคุณแพรมาให้” แสงฉายบอก
พันทิญาพูดอย่างหงุดหงิด “ไม่เป็นไรค่ะ..พันไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรก็ดื่มได้ทั้งนั้น”
แสงฉายยกแก้วน้ำส้มคั้นให้แสงมณี
“ขอบคุณค่ะ” แสงมณีพูด
แสงฉายพูดกับแพรไหม “วิวสวยนะครับ..ชอบมั้ย”
แพรไหมตอบห้วนๆ “เฉยๆ”
“พี่ว่าสวยดีออก ยิ่งเจ้าเหมาปางไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามายิ่งสวย..ไม่มีใครมาเดินให้รกตา” พันทิญาบอก
แพรไหมอยากรีบกลับจึงเอ่ยขึ้น “เรามาขี่ช้างกันไม่ใช่เหรอคะ..ขี่กันเลยเถอะค่ะจะได้รีบกลับ”
แสงฉายรับคำ “ครับ”
แสงฉายหันไปพยักหน้ากับธนา ธนาค้อมศีรษะให้แสงฉายแล้วเดินออกไป แสงฉายมองแพรไหมอย่างมีความสุข แต่พันทิญามองตามแพรไหมอย่างหมั่นไส้ ส่วนแสงมณีลอบมองภูผาแล้วยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน
เวลาผ่านไป คนงานช่วยกันยกบันไดขึ้นช้างมาวางที่หน้าเต็นท์ ควาญช้างคนแรกไสช้างเชือกหนึ่งมารอ เจ้าของปางที่ยืนดูแลความเรียบร้อยเข้ามาพูดกับแสงฉายอย่างนอบน้อม
“เชิญครับ”
“แพรนั่งกับพี่พันนะคะ” แพรไหมออกตัว
พันทิญาพูดกับแพรไหม “นั่งกับเจ้าเถอะ พี่นั่งคนเดียวได้..”
แพรไหมหน้าหงิกด้วยความไม่พอใจ
พันทิญามองแพรไหมอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะมองแสงฉายแล้วยิ้มอย่างมีแผน
พันทิญาพูดกับแพรไหม “พี่ขึ้นก่อนแล้วกันนะ”
พันทิญาเดินไปขึ้นบันได เธอเหลือบมองแสงฉายที่ยืนใกล้ๆแล้วแกล้งก้าวพลาดตกบันได
“ว้าย” พันทิญาร้องลั่น
ทุกคนมองพันทิญาด้วยความตกใจ แสงฉายรีบเข้าไปรับ พันทิญาฉวยโอกาสกอดแสงฉายแน่น เธอมองแสงฉายด้วยสายตาหวานฉ่ำและทำท่าอ่อยสุดๆ แสงฉายมองพันทิญาอย่างรู้ทันจึงรีบประคองพันทิญาให้ยืน
“ขอบคุณค่ะ” พันทิญากล่าว
แสงฉายพยักหน้าแล้วยิ้มให้พันทิญาอย่างอ่อนโยน
“จะไม่ถามหน่อยเหรอคะว่าพันเจ็บตรงไหนรึเปล่า” พันทิญาพูด
“ไม่ละครับ..ผมมารับคุณไว้ทันเลยรู้ว่าคุณไม่เป็นไร” แสงฉายบอก
พันทิญามองแสงฉายอย่างไม่พอใจแล้วเดินไปขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปนั่งเสลี่ยงหลังช้าง แสงฉายมองพันทิญาแล้วยิ้มเยาะก่อนจะหันมาพูดกับแพรไหม
“เชิญครับคุณแพร”
ควาญช้างคนแรกไสช้างของพันทิญาออกไปยืนรอ ควาญช้างคนที่สองไสช้างมารอแพรไหมที่บันได
แพรไหมนั่งเสลี่ยงบนช้างเชือกหนึ่ง แสงฉายกำลังจะขึ้นตาม
แพรไหมรีบห้าม “อย่าเพิ่งขึ้นค่ะ..ฉันอยากถ่ายรูปบนหลังช้างก่อน แต่อยากถ่ายคนเดียว”
แสงฉายมองแพรไหมด้วยความเข้าใจแล้วพูดตอบ
“ครับ”
ภูผากับทวีปยืนอารักษ์ขาแสงมณี
ทวีปกระซิบภูผา “ดูเหมือนคุณแพรไม่ค่อยชอบเจ้า..เค้าคงโดนแม่เค้าบังคับให้คบกับเจ้าจริงๆ”
“ไม่จริง..กลัวฉันบอกเจ้าเรื่องเค้ากับพี่ชัยน่ะสิเลยสร้างภาพหลอกพวกเรา” ภูผามั่นใจ
ทวีปมองภูผาด้วยความหนักใจ ส่วนภูผามองแพรไหมอย่างไม่พอใจ
แพรไหมพูดกับพันทิญา “ถ่ายรูปให้แพรหน่อยสิคะ”
พันทิญาหยิบไอโฟนขึ้นมาถ่ายรูปให้แพรไหม แต่พันทิญาใช้แฟลชทำให้ช้างเชือกที่แพรไหมนั่งอยู่ตกใจร้องดังลั่นแล้ววิ่งเตลิดไปทันที
ควาญช้างร้องด้วยความตกใจ “เฮ้ย”
แพรไหมก็ร้องออกมาอย่างตกใจ “ว้าย”
“คุณแพร” แสงฉายตกใจ
แสงฉายมองแพรไหมด้วยความเป็นห่วง แสงฉายรีบกระโดดโหนต้นไม้ขึ้นไปนั่งหลังช้างเชือกเดียวกับพันทิญาแล้วพูดกับควาญช้างของพันทิญา
“ตามไปเร็ว”
ควาญช้างรีบไสช้างตามไป พันทิญาหน้าหงายด้วยความตกใจ “ว้าย”
ภูผามองช้างของแพรไหมที่วิ่งเตลิดไปด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นควาญช้างอีกคนขี่ช้างอีกเชือกรออยู่ใกล้ๆ จึงรีบตะโกนบอก “เอาช้างมา”
ภูผาวิ่งขึ้นบันได ควาญช้างตัวนั้นรีบไสช้างเข้ามา ภูผารีบกระโดดขึ้นหลังช้าง ควาญช้างรีบไสช้างออกไป
แสงมณีพูดกับเจ้าของปาง “ฉันจะตามพวกเค้า ไปเอาช้างมาอีก”
เจ้าของปางช้างรับคำ “ครับ”
ทวีปหันมาถาม “เจ้าจะตามไปทำไม”
“ถามได้ก็ตามไปช่วยคุณแพรน่ะสิ”
“ช่วยยังไง” ทวีปถามต่อ
แสงมณีคิดไม่ออก “ช่วย..ช่วย”
“คิดไม่ออกว่าจะช่วยยังไงก็รออยู่นี่เถอะครับ” ทวีปบอก
“ช่วยไม่ได้อย่างน้อยก็ตามไปดูว่าคุณแพรเป็นยังไงบ้างก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” แสงมณีบอก
“แต่ผมว่าเวลานี้ไม่ทำอะไรเลยดีกว่า..เกิดเจ้าไปแล้วช้างเจ้าตื่นหรือโดนคนร้ายดักทำร้ายกลางทาง จะวุ่นวายกันหนักเข้าไปอีก..รออยู่นี่ละครับ”
แสงมณียืนยัน “แต่ฉันอยากไป”
“ผมขออนุญาตขัดใจเพื่อความปลอดภัยของเจ้าครับ” ทวีปบอก
แสงมณีส่งเสียงเรียก “ธนา”
“ผมเห็นด้วยกับผู้หมวดครับ” ธนาตอบทันที
แสงมณีมองธนาอย่างไม่พอใจแล้วมองทวีปด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเดินไปนั่งในเต็นท์อย่างเซ็งๆ ทวีปมองตามแล้วยิ้มสะใจก่อนจะเดินไปยืนอารักษ์ขาอยู่ใกล้ๆ
ช้างเชือกที่แพรไหมนั่งวิ่งเตลิดเข้ามาในป่า ควาญช้างพยายามควบคุมแต่ช้างไม่ยอมเชื่อฟัง
แพรไหมร้องด้วยความหวาดกลัว “ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
ควาญช้างอีกคนไสช้างที่พันทิญากับแสงฉายนั่งตามมา พันทิญาเกาะเสลี่ยงแน่นด้วยความหวาดกลัว
แสงฉายสั่งควาญ “ตามไปให้เร็วกว่านี้”
ควาญรีบบังคับช้างให้วิ่งเร็วขึ้น ทันใดนั้นควาญช้างอีกคนก็ไสช้างที่ภูผานั่งวิ่งเข้ามา
“ไสช้างไปตีคู่กับช้างคุณแพรให้ได้” ภูผาสั่ง
ควาญช้างตัวที่ภูผานั่งรีบไสช้างให้วิ่งเร็วขึ้นทันที
บุญศรีนั่งปักผ้าอย่างมีความสุขในบ้าน ชัยแต่งตัวหล่อใส่น้ำหอมจนหอมฟุ้งเดินเข้ามา
“หอมฟุ้งมาเชียว..อาบน้ำใส่ชุดหล่อๆใส่น้ำหอมแบบนี้ลูกดูสดชื่นขึ้นเยอะเลย” บุญศรีชมลูกชาย
“จะออกไปหาคุณแพรก็ต้องทำตัวให้สดชื่นหน่อยสิครับ” ชัยบอก
บุญศรีถามด้วยความเป็นห่วง “นัดเค้าแล้วเหรอ”
“ยังครับ...ยังไม่ได้บอกเค้าด้วยซ้ำว่าออกจากโรงพยาบาล..เซอร์ไพร้สน่ะครับ”
ชัยจะเดินออกไป
บุญศรีรีบทัก “เดี๋ยวลูก”
ชัยชะงักแล้วหันมามอง บุญศรีเดินมากอดชัย
“ถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่หวังก็กลับมาหาแม่อย่าหนีแม่ไปไหนอีกนะ”
“คุณแพรออกตามหาผม คุณแพรมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล..ผมมั่นใจครับว่าคุณแพรยังรักผมคราวนี้ผมไม่ผิดหวังแล้วละครับ”
บุญศรีกอดชัยด้วยความหนักใจ
เจ้าของปางนั่งกุมหัวด้วยความกลุ้มใจแล้วก็คอยชะเง้อไปทางป่าอย่างร้อนใจ แสงมณีเดินชะเง้อไปทางป่าด้วยความร้อนใจเช่นกันเพราะยังไม่เห็นวี่แววว่าใครจะมากลับมา เธอจึงไปนั่งเหมือนเดิม ทวีปมองธนากับองครักษ์ที่ยืนห่างออกไปแล้วมองแสงมณีอย่างมีแผน สักพักเขาก็เดินไปหาแสงมณี
“เครียดเหรอครับ” ทวีปเอ่ยถาม
“ช้างคุณแพรเตลิดเข้าป่าจะให้นั่งยิ้มสบายใจเหมือนคุณได้ยังไง” แสงมณีบอก
“ผมก็ไม่ได้สบายใจนักหรอกครับ..แต่รู้ว่าไอ้ภูต้องช่วยคุณแพรให้ปลอดภัยได้เลยไม่เครียด..ผมว่าเรามาหาเรื่องคุยกันดีกว่านะครับเจ้าจะได้หายเครียดบ้าง”
“คุยอะไร”
“เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับว่านักธุรกิจที่ซื้อขายแร่กับเจ้าแสงฉายมีใครบ้าง”
แสงมณีรู้ตัวว่าทวีปหลอกถามเพื่อทำคดี “ฉันไม่รู้ อยากรู้ก็รอถามพี่ชายเอาเอง”
แสงมณีเดินไปนั่งเก้าอี้อีกตัวโดยหันหลังให้ทวีป ทวีปมองด้วยความหมั่นไส้
ช้างของแพรไหมวิ่งเตลิดมาถึงริมแม่น้ำ ควาญช้างไสช้างที่แสงฉายกับพันทิญานั่งอยู่มาทางด้านขวา ส่วนควาญอีกคนไสช้างที่ภูผานั่งตีคู่มาทางซ้าย
“คุณแพรส่งมือมา..” ภูผาบอก
แพรไหมพยายามยื่นมือให้ภูผา แต่ก็ไม่ถึง แสงฉายมองภูผากับแพรไหมอย่างไม่พอใจ พันทิญาที่ยังเกาะเสลี่ยงแน่นลอบยิ้มอย่างสะใจ ภูผายื่นมือไปจนจับมือแพรไหมได้
“ยืนขึ้นแล้วกระโดดมานะครับผมจะจับคุณไว้เอง” ภูผาบอก
แพรไหมมองภูผายิ้มด้วยความมั่นใจก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น
แสงฉายมองภูผากับแพรไหมอย่างไม่พอใจ เขาเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ข้างหน้า พอช้างวิ่งผ่านต้นไม้แสงฉายก็โหนกิ่งไม้พุ่งเข้าไปรวบตัวแพรไหม ภูผากับแพรไหมที่ยังจับมือกันอยู่มองแสงฉายด้วยความตกใจ แสงฉายยิ้มเยาะภูผา เขาอุ้มแพรไหมโหนกิ่งไม้เหวี่ยงตัวกลับมานั่งที่ช้างตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยแพรไหมนั่งอยู่บนตักแสงฉาย ช้างของแพรไหมวิ่งเตลิดลงน้ำไป ควาญช้างอีกสองคนบังคับช้างของตนให้หยุดวิ่ง
แสงฉายโอบแพรไหมแล้วปลอบ “ไม่เป็นไรแล้วนะครับคุณแพร ไม่เป็นไรแล้ว”
ภูผามองแสงฉายที่กอดแพรไหมรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก พันทิญามองแพรไหมที่อยู่ในอ้อมแขนของแสงฉายด้วยความอิจฉา แพรไหมขยับตัวจะออกจากตักแสงฉายแต่แสงฉายยังกอดแน่น แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่พอใจ
ศุภลักษณ์เดินตรวจของอยู่ภายในร้าน พิพัฒน์ถือถุงใส่กระเป๋าเปิดประตูเข้ามาในร้าน ศุภลักษณ์หันไปมอง
พิพัฒน์ยกมือไหว้ “สวัสดีครับ...”
ศุภลักษณ์พยักหน้าให้เป็นเชิงรับไหว้ “มาหายัยพันเหรอ”
“ครับ”
“ยัยพันไม่อยู่ออกไปเที่ยวปางช้างกับยัยแพรกับเจ้าแสงฉายแต่ไปตั้งแต่สาย ๆ แล้วเดี๋ยวคงกลับ”
“งั้นผมขออนุญาตรอคุณพันที่นี่นะครับ”
“ตามสบายค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
พิพัฒน์เดินไปนั่งที่โต๊ะบริเวณนั้น ศุภลักษณ์มองกริยาของพิพัฒน์อย่างพิจารณาแล้วก็ยิ้มด้วยความพอใจ
ศุภลักษณ์นั่งคุยกับพิพัฒน์อย่างเป็นมิตรอยู่ภายในร้านของเธอ
“เห็นยัยพันเล่าว่าร้านเพชรที่กรุงเทพติดใจเพชรร้านคุณ..สั่งของเพิ่มจนคุณแทบหาเพชรมาขายแทบไม่ทันเลยใช่มั้ย”
พิพัฒน์ยิ้มเขิน “ผมโชคดีเพราะน้องชายน่ะครับ...พิพิธออกแบบเก่งทำออกมาแล้วสวยทุกแบบเลยถูกใจลูกค้า”
พนักงานในร้านยกกาแฟกับน้ำมาเสิร์ฟให้พิพัฒน์กับศุภลักษณ์แล้วเดินไป
“ยกความดีความชอบให้น้องชาย..ไม่ยอมรับว่าบริหารธุรกิจเก่งคุณนี่ถ่อมตัวน่าดูนะคะ” ศุภลักษณ์ชม
พิพัฒน์กับศุภลักษ์คุยกันด้วยความถูกคอ ทั้งสองต่างก็หัวเราะอย่างมีความสุข ที่หน้าร้านชัยเดินมาอย่างมีความหวัง เขาเห็นพิพัฒน์นั่งคุยอยู่กับศุภลักษณ์ก็ชะงัก
“มานั่งเฝ้าเลยเหรอ” ชัยพูดกับตัวเอง
ชัยมองศุภลักษณ์ด้วยความสงสัย พนักงานในร้านคนหนึ่งเดินออกมา ชัยรีบไปหา
“คุณครับ...ผู้หญิงที่นั่งคุยกับผู้ชายคนนั้นใครครับ” ชัยถาม
“คุณศุภลักษณ์เจ้าของร้านค่ะ” พนักงานตอบ
ชัยพึมพำ “แม่คุณแพร..” ชัยพูดอย่างหมั่นไส้ “มิน่าเอาอกเอาใจไอ้คนรวยนั่นนัก..” ชัยหันไปพูดกับพนักงาน “ช่วยตามคุณแพรให้ผมหน่อยครับ..บอกเค้าว่าคนชื่อชัยมาหา”
“คุณแพรไม่อยู่ค่ะแต่ได้ยินคุณศุบอกว่าอีกไม่นานก็กลับ...คุณเข้าไปรอในร้านก่อนนะคะ”
พนักงานจะเปิดประตูให้แต่ชัยรีบห้าม
“ไม่เป็นไรครับ..ผมรอข้างนอกดีกว่า”
“ค่ะ”
พนักงานเดินออกไป ชัยมองศุภลักษณ์ที่คุยกับพิพัฒน์ด้วยความหมั่นไส้
“แม่คุณแพรเห่อคนรวย..คนจนอย่างเราเข้าไปเค้าได้ตะเพิดออกมาน่ะสิ”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 5 (ต่อ)
ควาญช้างสองคนไสช้างทั้งสองตัวกลับมา โดยช้างตัวที่หนึ่งมีพันทิญา แสงฉาย และแพรไหมนั่งอยู่ พันทิญาลอบมองแพรไหมที่นั่งตักแสงฉายอย่างหงุดหงิด
ช้างอีกตัวมีภูผานั่งมาคนเดียว เขาทำหน้าหงิกมองแพรไหมอย่างไม่พอใจ แสงมณีที่นั่งหน้าบึ้งเห็นทุกคนกลับมาก็วิ่งไปหาด้วยความดีใจ ทวีปกับเจ้าของปางวิ่งตาม
ควาญช้างไสช้างมาที่บันได แพรไหมรีบลุกจากตักแสงฉายแล้วเดินลงมา แสงฉายมองตามแล้วยิ้มขำก่อนจะเดินลงตาม พันทิญาตามลงมาด้วย
แสงมณีถามแพรไหม “เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ”
“ไม่ค่ะ..ต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยฉันไว้” แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่พอใจ “แต่จะขอบคุณกว่านี้ถ้าไม่ฉวยโอกาส”
“ผมไม่ได้ฉวยโอกาส แต่ที่กอดไว้เพราะกลัวคุณตกช้าง” แสงฉายอธิบาย
ภูผาที่เดินลงจากบันไดมามองแพรไหมด้วยความหมั่นไส้
ทวีปกระซิบ “ตอนขี่ช้างไปกินรังแตนมาเหรอวะ ทำไมหน้าบูดงี้”
“แกก็ดูคุณแพรสิ..บอกรู้สึกผิดกับพี่ชัยแต่ยอมให้เจ้าแสงฉายกอดมาตลอดทาง” ภูผาบอก
ทวีปมองภูผาอย่างงงๆ เจ้าของปางวิ่งเข้าไปนั่งคุกเข่าไหว้แสงฉายด้วยท่าทีหวาดกลัว
“ผมต้องกราบขอประทานโทษเจ้าด้วยนะครับ..ช้างคงตกใจแสงแฟลชเลยตื่น”
“นี่แกโทษว่าฉันเป็นคนทำให้ช้างตื่นเหรอ” พันทิญาโวยวาย
“มิได้ครับ..ผมแค่อยากอธิบายว่าปกติเวลามีคนถ่ายรูปไอ้ทองไม่เคยตกใจ แต่วันนี้มันเป็นอะไรไม่รู้จู่ๆก็ตกใจแสงแฟลชของคุณ..เป็นความผิดของช้างผมเองครับ..ผมต้องกราบประทานโทษด้วยครับ”
เจ้าของกราบแสงฉายอย่างหวาดกลัว
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยผมเข้าใจ” แสงฉายบอก
“ขอบคุณครับ..ขอบคุณ” เจ้าของปางพูด
แพรไหมเริ่มอยากกลับ “ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะเที่ยวต่อแล้ว..กลับกันเถอะค่ะ”
แสงฉายกับแสงมณีพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“งั้นพี่กลับเลยนะ..เอารถมาคนละคันอยู่แล้ว” พันทิญาบอก
“ค่ะ..แพรเข้าห้องน้ำล้างเนื้อล้างตัวแล้วก็กลับเลยเหมือนกัน”
ภูผามองแพรไหมอย่างไม่พอใจแล้วก็ครุ่นคิด
แพรไหมเดินออกมาจากห้องน้ำที่ปางช้างแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภูผามายืนดักหน้า
แพรไหมรีบพูด “เมื่อกลางวันฉันตั้งใจไปหาคุณชัย แต่เจ้ามารับมาที่นี่ซะก่อนเลยไม่ได้ไป”
“คุณก็บอกเจ้าไปสิว่ามีธุระมาไม่ได้..หรือไม่กล้าขัดใจเพราะกลัวเจ้าไม่แต่งงานด้วย”
“ฉันตอบคำถามคุณไม่ไหวหรอกค่ะ..เอาเป็นว่ากลับถึงร้านฉันจะรีบออกไปหาคุณชัยทันที”
“ถ้าคุณผิดคำพูดอีกวันนี้เจ้าแสงฉายได้รู้เรื่องคุณกับพี่ชัยแน่”
แพรไหมกลัวแต่แกล้งมองภูผาอย่างแบบเชิดๆแล้วเดินออกไป ภูผามองตามแพรไหมด้วยความหงุดหงิด
แสงฉายกับแพรไหมเดินมาที่รถ ธนาเปิดประตูรถให้แพรไหม โดยที่กระเป๋าของแพรไหมอยู่บนรถ แพรไหมขึ้นนั่งแล้วหยิบไอโฟนออกมาจึงเห็นว่ามีข้อความ แสงฉายขึ้นมานั่งอีกด้าน แพรไหมกดอ่านจึงเห็นว่าเป็นข้อความของปรางแก้ว
“พี่ชัยออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ”
แพรไหมยิ้มดีใจจะโทรหาพันทิญาแต่แสงฉายมองเธออยู่ แพรไหมมองแสงฉายอย่างไม่พอใจแล้วค่อยๆ เก็บไอโฟนใส่กระเป๋าก่อนจะหันมองออกไปนอกรถ
พิพัฒน์นั่งอ่านนิตยสารรอพันทิญาอย่างใจเย็นอยู่ในร้านแพรไหม เขาเงยหน้ามองออกไปหน้าร้านก็เห็นชัยเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ
“นายชัย..”
พิพัฒน์เดินออกจากร้านด้วยความร้อนใจ
ชัยเดินไปเดินมาหน้าร้านอย่างร้อนใจเพราะอยากเจอพันทิญามาก
ทันใดนั้นชัยก็ได้ยินเสียงพิพัฒน์ดังขึ้น “มาทำอะไรที่นี่”
ชัยหันไปเห็นพิพัฒน์ยืนอยู่ก็มองอย่างไม่พอใจ
“มาหาคุณแพร” ชัยตอบห้วนๆ
พิพัฒน์ไม่พอใจ “คุณก็เห็นแล้วว่าเค้าเกลียด เค้ากลัว ทำไมคุณไม่เลิกยุ่งกับเค้าซะที”
“ไม่จริง..คุณแพรรักผมเคยเป็นแฟนกับผมเค้าจะเกลียดจะกลัวผมได้ยังไง..ที่คุณพูดอย่างนี้เพราะคุณอยากให้ผมเลิกยุ่งกับคุณแพร”
“เคยเป็นแฟน..ทำไมคุณถึงสร้างจินตนาการให้ตัวเองเก่งอย่างนี้..ถามจริงๆคุณมีญาติพี่น้องบ้างมั้ย”
“ถามโง่ๆ ใครจะไม่มีญาติพี่น้อง”
“มีแล้วทำไมพวกเค้าไม่พาคุณไปรักษา คุณจะได้ออกจากโลกจินตนาการของคุณแล้วใช้ชีวิตแบบคนปกติได้”
“ชีวิตผมปกติดีเพราะผมไม่ได้บ้า” ชัยบอก
“ไม่ได้บ้าเหรอ..ไม่ได้บ้าแล้วจะเรียกชื่อคนผิดๆถูกได้ยังไง..ผมจะบอกให้นะว่าผู้หญิงที่คุณเรียกว่าแพรเค้าไม่ได้ชื่อแพร แต่ชื่อ”
ทันใดนั้นเสียงพันทิญาก็ดังขึ้น “แพรไหมค่ะ”
ชัยกับพิพัฒน์หันไปตามเสียงก็เห็นพันทิญาเดินยิ้มเข้ามา
ชัยดีใจมาก “คุณแพร”
พันทิญาพูดกับพิพัฒน์ “ขอแพรคุยกับคุณชัยเป็นการส่วนตัวหน่อยนะคะ”
พิพัฒน์งง “แต่”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ..คุณชัยรักแพรเค้าไม่ทำอะไรแพรหรอก”
พิพัฒน์มองพันทิญาด้วยความงง ชัยมองพิพัฒน์แล้วยิ้มเยาะสะใจ แล้วก็มองพันทิญาด้วยสายตารักใคร่ พันทิญายิ้มหวานให้ชัย
พันทิญาจูงชัยมาที่ข้างร้านซึ่งเป็นมุมลับตาคนด้วยใบหน้าไม่พอใจ แต่ชัยมองพันทิญาที่เดินจูงมือเขาแล้วก็ยิ้มมีความสุข พันทิญาที่หน้าหงิกมากหันไปคุยกับชัยอย่างออดอ้อน
“วันนั้นที่วัด แพรขอโทษนะคะที่ไม่ได้กลับไปหาคุณ..คุณแม่เป็นอะไรก็ไม่รู้เกิดเปลี่ยนใจไม่อยากให้แพรคบกับคุณขึ้นมาเลยลากแพรกลับบ้าน..แพรร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดขอร้องว่าขอไปบอกให้คุณขึ้นจากน้ำก่อนคุณแม่ก็ไม่ยอม”
“ผมคิดเหมือนกันว่าต้องเป็นแบบนี้...ผมรู้ดีว่าปัญหาของเราไม่ได้เกิดจากคุณผมไม่โกรธคุณหรอกครับ”
“ขอบคุณมากนะคะที่เข้าใจแพร..แพรทราบจากคุณภูผาว่าคุณไม่สบายมาก...แพรเคยหนีคุณแม่ไปหาคุณครั้งนึงแต่คุณหลับ..หลังจากนั้นแพรก็หนีคุณแม่ไปไม่ได้เลยไม่ได้ไปเยี่ยมคุณอีก..คุณคงไม่โกรธแพรนะคะ”
“แค่รู้ว่าคุณพยายามไปหาผมก็ดีใจมากแล้ววันนี้ผมก็ตั้งใจมาหาอยากให้คุณรู้ว่าผมออกจากโรงพยาบาลแล้วคุณจะได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลให้เสียเที่ยว”
พันทิญาจับหน้าชัยอย่างอ่อนโยน “แพรดีใจนะคะที่คุณหายป่วย” พันทิญาสวมกอดชัย “คุณรู้มั้ยคะว่าแพรห่วงคุณมาก คิดถึงคุณมาก อยากไปหาคุณใจจะขาดแต่หนีคุณแม่ไปไม่ได้”
ชัยกอดพันทิญาอย่างมีความสุข
“ผมก็รักคุณมาก คิดถึงคุณมากครับ...” ชัยจับพันทิญาผละออกมา “ผมทรมานมากนะที่ไม่มีคุณ ผมจะไม่ยอมเสียคุณให้ใคร ผมจะไม่ยอมอยู่โดยไม่มีคุณอีกแล้ว..วันนี้นี้เป็นไงเป็นกัน”
พันทิญาสงสัย “คุณจะทำอะไรคะ”
“คุยกับผู้ชายคนนั้น คุยกับแม่คุณว่าเรารักกันมากและเราจะแต่งงานกัน”
ชัยเดินออกไปจะไปหาพิพัฒน์กับศุภลักษณ์
“คุณชัย..อย่าเข้าไปค่ะ คุณชัย” พันทิญาร้องห้าม
ชัยไม่ฟังเสียงยังคงเดินดุ่มๆ ออกไป พันทิญารีบวิ่งตามทันที
พิพัฒน์นั่งอยู่ในร้านคอยชะเง้อมองหน้าร้านด้วยความเป็นห่วงพันทิญา ส่วนศุภลักษณ์ยืนอ่านเอกสารที่พนักงานเอามาให้เซ็น ทันใดนั้นชัยก็เดินมาหน้าร้าน
พันทิญารีบวิ่งเข้ามาจับตัวชัย “อย่าค่ะ”
“ผมทนให้ความรักของเราเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ไหวอย่าห้ามผมเลยครับ” ชัยบอก
พิพัฒน์เห็นชัยกับพันทิญายืนอยู่ที่หน้าร้านก็รีบเดินออกมาดูด้วยความเป็นห่วง พันทิญาเห็นพิพัฒน์จะเดินออกมาก็มองชัยอย่างร้อนใจแล้วพยายามคิดก่อนจะรีบไปขวางหน้า
“แพรจะคืนดีกับคุณ..” พันทิญาพูด
ชัยชะงักมองพันทิญาอย่างดีใจ
“เย็นนี้แพรจะทานข้าวกับคุณแล้วเราค่อยคุยกันนะคะ”
พิพัฒน์เห็นชัยกับพันทิญายืนอยู่ที่หน้าร้านก็รีบเดินออกมาดูด้วยความเป็นห่วง
“คุณจะทำอะไร” พิพัฒน์ถาม
ศุภลักษณ์ที่ยืนอยู่ได้ยินเสียงพิพัฒน์ก็รีบเดินมาดู
“มีอะไรกัน” ศุภลักษณ์ถาม
“เพื่อน” พันทิญาไม่กล้าพูดว่าตัวเองชื่อแพร “.เอ้อ..คุณชัยจะมาลาคุณแม่น่ะคะ..” พันทิญามองชัยอย่างขอร้อง “ใช่มั้ยคะคุณชัย”
ชัยที่ยืนยิ้มเพราะดีใจที่พันทิญาจะคืนดีด้วยรีบพูด
“ครับ..” ชัยไหว้ศุภลักษณ์ “ผมกลับก่อนนะครับ”
ชัยเดินออกไป พันทิญามองชัยอย่างโล่งอก พิพัฒน์ ชกับศุภลักษณ์มองชัยอย่างงงๆ
“เพื่อนที่ไหนทำไมแม่ไม่เคยเห็นหน้า” ศุภลักษณ์ถาม
“คุณชัยอยู่เชียงใหม่มาทำธุระที่กรุงเทพเลยแวะมาเยี่ยมพันน่ะค่ะ...” พันทิญาบอก
ศุภลักษณ์พยักหน้าว่าเข้าใจ พันทิญามองศุภลักษณ์อย่างโล่งอก
พันทิญาเปิดประตูเดินนำพิพัฒน์ที่ถือถุงกระเป๋าเข้ามาในห้องทำงานของเธอ
“พันกลัวคุณแม่เครียดที่พันถูกคนบ้าตามตื๊อเลยต้องบอกว่านายชัยเป็นเพื่อน..คุณคงไม่คิดว่าพันเป็นคนขี้โกหกนะคะ” พันทิญาถาม
“ไม่เลยครับไม่เลย..ผมกลับทึ่งมากกว่าที่คุณมีจิตวิทยาชั้นสูงพูดให้คนบ้ากลับไปโดยไม่อาละวาด”
พันทิญายิ้มด้วยความภูมิใจแล้วแกล้งถ่อมตัว
“ก็แค่คิดว่านายชัยรักยัยแพร ถ้าสวมรอยเป็นยัยแพรแล้วพูดดีๆ เค้าคงยอมฟัง..ไม่ได้ใช้จิตวิทยาชั้นสูงอะไรหรอกค่ะ”
“บอกว่าชื่อพันนายชัยยังคลั่งคุณแล้วตอนนี้คุณรับว่าชื่อแพรไหมนายชัยคงยิ่งคลั่งแล้วก็ตามตื๊อคุณมากกว่าเดิม..คุณกำลังทำให้ตัวเองเดือดร้อนนะครับ” พิพัฒน์เตือน
“ยัยแพรกำลังจะมีความสุขกับเจ้าพันไม่อยากให้นายชัยวุ่นวายกับยัยแพร..พันยอมเดือดร้อนแทนค่ะ”
พิพัฒน์ชื่นชม “เสียสละเพื่อน้องสาวขนาดนี้..ควรแล้วที่คุณจะได้” พิพัฒน์ยื่นถุงกระเป๋าให้พันทิญา “รางวัล”
พันทิญามองพิพัฒน์อย่างแปลกใจ เธอรับถุงมาเปิดดูแล้วหยิบกระเป๋าออกมาด้วยความตื่นเต้น
“กระเป๋าที่พันอยากได้” พันทิญาตื่นเต้น
“ผมฝากเพื่อนที่ฮ่องกงซื้อให้คุณ” พิพัฒน์บอก
พันทิญาหอมแก้มพิพัฒน์อย่างเอาใจ
“ขอบคุณนะคะคุณพัฒน์..ขอบคุณมาก”
พันทิญาโผเข้ากอดพิพัฒน์ พิพัฒน์กอดตอบพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข พันทิญาลอบยิ้มร้ายเพราะรู้สึกสะใจที่ทำให้พิพัฒน์ซื้อกระเป๋าให้เธอได้
ทวีปขับรถโดยมีภูผานั่งอยู่ข้างๆ ส่วนแสงมณีนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แสงมณีมองทวีปด้วยความหมั่นไส้แล้วหันไปมองภูผาพร้อมกับพูดอย่างอ่อนโยน
“ฉันอยากรู้จังเลยว่าพี่ชายช่วยคุณแพรได้ยังไง..คุณภูผาเล่าให้ฟังหน่อยสิคะ”
ภูผานึกถึงภาพแสงฉายที่ช่วยแพรไหมแล้วพูดขึ้นมาอย่างเจ็บปวดใจ
“เจ้าให้ควาญไสช้างตีคู่ช้างของคุณแพร..แล้วโหนตัวจากกิ่งไม้ไปอุ้มคุณแพรแล้วกระโดดกลับมาที่ช้างของตัวเองครับ”
แสงมณีตื่นเต้น “แค่ฟังก็เห็นภาพแล้วว่าพี่ชายต้องเท่มากๆคงเหมือนพระเอกในละครช่วยชีวิตนางเอกเลยใช่มั้ยคะ”
“ครับ” ภูผารับคำ
“ในงานคุณดิเรกก็โดดเตะมีด วันนี้ก็โหนตัวจากหลังช้าง...เจ้าแสงฉายเคยฝึกการต่อสู้ของทหารรึเปล่าครับ” ทวีปถามขึ้น
“บอกแล้วไงว่าอยากรู้อะไรไปถามพี่ชายอย่าถามฉัน” แสงมณีปัด
ทวีปมองแสงมณีผ่านกระจกด้วยความหมั่นไส้ เขาเปิดไฟเลี้ยวจะตรงไปบ้านแสงฉาย
“คุณจะไปไหน” แสงมณีถาม
“บ้านเจ้าไงครับ” ทวีปตอบ
“ฉันบอกเหรอว่าจะกลับบ้าน” แสงมณีถามต่อ
“เปล่าครับ..แต่เจ้าก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะไปไหนใครจะไปรู้ละครับว่าจะไม่กลับบ้าน” ทวีปบอก
“ไม่รู้ก็ถามสิ”
ทวีปเบรกรถหยุดทันทีด้วยความโมโห
“ว้ายยยย...” แสงมณีพูดกับทวีปอย่างโมโห “หยุดรถทำไม”
ทวีปยิ้มกวนประสาท “หยุดเพื่อถามไงครับ..ว่าเจ้าจะไปไหน”
แสงมณีมองทวีปอย่างไม่พอใจ ทวีปยิ้มกวนๆ ด้วยความสะใจ ส่วนภูผามองทวีปอย่างเอือมระอาในความกวนของเขา
บุญศรีปักผ้าอย่างไม่มีสมาธิเพราะเป็นห่วงชัย เธอลุกไปที่โทรศัพท์แล้วยกหูขึ้นจะกดเบอร์ แต่ก็เกรงใจชัยจึงวางหูลงแล้วจะเดินกลับไปนั่งปักผ้าตามเดิมแต่ทนไม่ไหวจึงเดินมากดโทรศัพท์ไปหาชัย ขณะนั้นชัยกำลังไขประตูเพื่อเปิดร้านที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า เสียงมือถือของเขาดังขึ้น ชัยหยิบมือถือมาดูเห็นเป็นชื่อแม่
ชัยพูดอย่างมีความสุข “ครับแม่...คุยเรียบร้อยแล้วครับคุณแพรจะกลับมาคืนดีกลับผม”
บุญศรีพูดอย่างกลุ้มใจ “งั้นเหรอลูก...เย็นนี้ชวนคุณแพรมากินข้าวที่บ้านเราสิจะได้ฉลองที่ลูกออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ฉลองที่คุณแพรยอมคืนดีกับลูกด้วยเลย”
“ไม่ได้แล้วละครับ..วันนี้คุณแพรจะไปฉลองกับผมที่ร้านอาหาร” ชัยบอก
ชัยเปิดประตูร้านพร้อมกับพูดโทรศัพท์ไปด้วย
“นี่ผมแวะมาดูร้านกะว่าเปิดร้านเสร็จจะโทรบอกแม่ว่าไม่กลับไปทานข้าวบ้านแต่แม่ก็โทรมาซะก่อน...แล้ววันหลังผมจะพาคุณแพรไปทานข้าวที่บ้านเรานะครับ”
ชัยวางสายจากบุญศรีอย่างมีความสุข เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วเดินเข้าร้านไป
ที่ร้านแพรไหม ศุภลักษณ์ที่นั่งคุยกับแพรไหมและแสงฉายพูดอย่างตกใจ
“ช้างที่ยัยแพรนั่งตกใจจนวิ่งเตลิด..” ศุภลักษณ์ถามแพรไหม “เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ” แพรไหมตอบ
แสงฉายแปลกใจ “ผมนึกว่าคุณพันเล่าให้คุณน้าฟังแล้ว..”
“ยัยพันมาถึงก็เจอเพื่อนที่มาจากกรุงเทพ พอเพื่อนกลับไปก็คุยกับคุณพัฒน์ต่อ..คุณพัฒน์เพิ่งกลับไปเมื่อกี๊น้ายังไม่ได้คุยกับยัยพันเลย”
แสงฉายยกมือไหว้ “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ชวนคุณแพรไปเที่ยวจนเกือบเป็นอันตราย”
“เจ้าก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้..อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ”
“แพรมีธุระจะคุยกับพี่พัน..ขอไปหาพี่พันก่อนนะคะ” แพรไหมบอก
เสียงวนิดาดังขึ้น “น้าไปด้วย”
ทุกคนหันไปเห็นวนิดายิ้มแฉ่งเดินเข้ามา แสงฉายไหว้วนิดา วนิดารับไหว้แล้วเดินยิ้มเข้ามาอย่างมีความสุข
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยยัยแพร” วนิดาพูดกับแสงฉาย
“เธอรู้เรื่องแล้วเหรอ” ศุภลักษณ์ถาม
“ยัยพันโทรเล่าให้ดาฟังค่ะ..ยัยพันชมไม่ขาดปากเลยนะคะเจ้าเก่งมากแล้วก็ซาบซึ้งใจจริงๆที่เจ้าเสี่ยงชีวิตช่วยยัยแพรไว้”
“เพื่อคนที่ผมรัก..ต่อให้ต้องตายผมก็ยอมครับ” แสงฉายบอก
ศุภลักษณ์มองแสงฉายด้วยความชื่นชม ส่วนวนิดาแอบทำหน้าหมั่นไส้ แพรไหมมองแสงฉายอย่างหนักใจ
พันทิญาลองหิ้วกระเป๋าอยู่ในห้องทำงานอย่างมีความสุข ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิด วนิดาวิ่งถลาเข้ามาจับกระเป๋าพันทิญาด้วยความตื่นเต้น
“ต๊ายยย...ของจริงสวยกว่าในรูปตั้งเยอะ” วนิดาบอก
แพรไหมเดินตามวนิดาเข้ามา พันทิญารีบเอาไปอวด
“ยี่ห้อ สี รุ่นเหมือนของแพรเปี๊ยบ..พี่ไม่ได้จะเลียนแบบนะแต่คุณพัฒน์ซื้อให้พี่ไม่ได้เลือกเอง” พันทิญารีบบอก
“พี่พันสะสมกระเป๋ายิ่งรุ่นพิเศษแบบนี้คงยิ่งอยากซื้อ..ต่อให้พี่พันซื้อเองแพรก็คิดว่าพี่พันเลียนแบบหรอกค่ะ” แพรไหมเข้าใจ
“จะใช้วันไหนเราต้องบอกยัยพันก่อนนะ..น้าไม่อยากให้เรากับพันหิ้วของเหมือนกันเดี๋ยวมันดูโหลไม่มีราคา” วนิดาบอก
“แพรคงใช้เฉพาะวันที่ถูกคุณแม่บังคับเท่านั้นละคะ..” แพรไหมพูดกับพันทิญา “คุณชัยออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”
พันทิญามองแพรไหมอย่างไม่พอใจ “พี่รู้แล้ว”
“คุณชัยโทรหาพี่แล้วเหรอคะ”
“ถ้ามันแค่โทรมาพี่คงไม่ต้องปวดหัว...มันมาที่นี่แล้วเจอคุณพัฒน์ดีนะที่พี่มาถึงพอดี ถ้าพี่มาช้ากว่านี้คุณพัฒน์อาจจะรู้ไปแล้วก็ได้ว่าเคยคบมัน” พันทิญาบอก
วนิดาดุแพรไหม “เรารู้เรื่องนายชัยตั้งแต่เมื่อไหร่..ทำไมไม่รีบโทรบอกยัยพัน”
“ตอนอยู่ในรถเจ้าค่ะ..ถ้าแพรโทรเจ้าก็ต้องรู้เรื่องไปด้วย”
“ทำไมไม่ส่งข้อความมาบอก” วนิดาถามต่อ
“แพรเห็นว่าเดี๋ยวก็มาเจอพี่พันแล้วเลยตั้งใจจะมาบอกที่ร้านน่ะค่ะ”
“ประมาทเรื่องตัวเองจนหนีการแต่งงานกับเจ้าไม่ได้ยังไม่พอ..ยังประมาทเรื่องพี่อีกนี่ถ้าพี่กลับมาไม่ทันแล้วคุณพัฒน์รู้เรื่องไอ้ชัยแล้วเลิกกับพี่เธอจะรับผิดชอบความเสียใจของพี่ไหวมั้ย หา” พันทิญาต่อว่า
“แพรขอโทษค่ะ...พี่เจอคุณชัยแล้ว พี่เอาแหวนคืนคุณชัยรึยังคะ”
“เรานี่ไปเรียนถึงเมืองนอกได้ยังไงทำไมถึงถามเหมือนไม่มีสมองอย่างนี้..ขืนเอาแหวนคืนตอนนั้นมันได้สติแตกแล้วเข้ามาอาละวาดในร้านน่ะสิ”
“แพรบอกคุณภูผาไปว่ากลับมาจะไปหาคุณชัย..พี่พันช่วยเอาแหวนไปคืนคุณชัยวันนี้เลยได้มั้ยคะ” แพรไหมถาม
“เราเป็นอะไรทำไมถึงดูแคร์นายภูผานั่นนัก” วนิดาสวน
“ไม่ได้แคร์ค่ะ แต่คุณภูผาบอกว่าถ้าไม่รีบไปขอโทษคุณชัยจะบอกเรื่องนี้กับเจ้า..”
“ไอ้ภูผาไม่มีโอกาสได้บอกเรื่องนี้กับเจ้าหรอกเพราะพี่นัดกินข้าวกับไอ้ชัยแล้ว..เย็นนี้พี่จะเอาแหวนไปคืนมัน”
พิพิธนั่งดูหนังเรื่ององค์บาก 2 ในฉากที่ตัวละครฝรั่งต่อสู้กับจา พนม ด้วยท่าคาโปเอร่าอยู่ที่ร้านเพชรของเขา พิพิธทำท่าคาโปเอร่าตามในหนังอย่างตั้งใจ พิพัฒน์เดินเข้ามามองพิพิธแล้วยิ้มขำ ความแคบของพื้นที่ทำให้ข้อศอกพิพิธกระแทกกับโต๊ะบริเวณนั้น
“โอ้ย” พิพิธร้องลั่น
พิพัฒน์หัวเราะลั่น
พิพิธหันมามอง “ผมเจ็บแทนที่จะช่วยกลับหัวเราะเยาะรักน้องจริงๆเลย..แล้วนี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับทำไม่ไม่ให้ซุ่มให้เสียงบ้างเลย”
“เพิ่งมา..แต่ก็ทันเห็นแกเต้นแรงเต้นกาจนกระแทกโต๊ะแล้วก็ร้องลั่นเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวก”
พิพิธรู้สึกเสียฟอร์ม “จบกัน อวสาน..ตอนทำท่าเท่ๆไม่เห็นหรอก..เห็นตอนพลาดทุกที..เฝ้าร้านด้วยนะเฮีย”
“จะไปไหน” พิพัฒน์ถาม
“หาอะไรเย็นๆกินน่ะครับ..ซ้อมมาเป็นชั่วโมงแล้วหิวน้ำ”
“ซ้อมเป็นชั่วโมง..ฟิตจริงๆ”
“ความเป็นความตายของเจ้าแสงมณีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น...ผมต้องซ้อมให้หนักจะได้เก่งๆแล้วช่วยเจ้าได้” พิพิธบอก
อ่านต่อหน้าที่ 3
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 5 (ต่อ)
แสงมณีเดินซื้ออุปกรณ์วาดรูปที่แผนกเครื่องเขียนของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ภูผาถือตะกร้าใส่ของเดินตาม ส่วนทวีปเดินอารักขาอยู่ห่างๆ
“คุณภูผาชอบวาดรูปมั้ยคะ” แสงมณีถาม
“ไม่ครับ...ผมไม่มีหัวทางศิลปะ” ภูผาตอบ
“ศิลปะอยู่ที่การฝึกฝนค่ะ..ถ้าคุณอยากวาดก็บอกนะคะฉันพอจะแนะนำได้”
ทวีปรีบพูด “ผมอยากวาด”
“คนที่จะวาดรูปได้ต้องเป็นคนจิตใจดีภาพที่ออกมาจะได้สะท้อนความคิดดีๆ..อย่างคุณฝึกไปก็วาดไม่สวยอย่าเสียเวลาเลย” แสงมณีว่า
“เจ้าว่าผมจิตใจไม่ดีเหรอ” ทวีปย้อนถาม
แสงมณียักไหล่มองทวีปแล้วเดินออกไป ทวีปมองแสงมณีอย่างหมั่นไส้
ภูผาพูดกับทวีป “อยู่ใกล้พยานปากเอกแล้วก็หยุดปากหมาซะบ้าง..จะได้ไม่เสียโอกาสที่หาเบาะแสตามจับคนร้าย”
พูดจบภูผาก็เดินไป ทวีปหน้าหงิกที่โดนภูผาว่าแล้วเขาก็เดินตามไป
แสงมณีเดินนำหน้า ภูผาถือถุงอุปกรณ์วาดรูปเดินตาม ส่วนทวีปมองแสงมณีอย่างหมั่นไส้ ภูผาพยักหน้าให้ทวีป ทวีปถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ แล้วพูดกับแสงมณีอย่างนอบน้อม
“เจ้าซื้อของเสร็จแล้ว..จะกลับบ้านหรือไปที่อื่นต่อครับ”
แสงมณีย้อน “ถามทำไม”
ทวีปเริ่มรำคาญ “เอ้า..”
ภูผากระแอม
ทวีปรีบกลับมานอบน้อม “ก็เจ้าบอกว่าเวลาจะไปไหนให้ผมถาม..ผมเลยถามจะได้ขับรถพาเจ้าไปถูกไงครับ”
แสงมณีมองทวีปอย่างผู้ชนะ “ดีมาก”
ทวีปมองด้วยความหมั่นไส้ “แล้วตกลงเจ้าจะไปไหนต่อครับ”
“แถวนี้แหล่ะ...” แสงมณีหันไปหาภูผา “ทางนี้ค่ะคุณภูผา”
แสงมณีเดินเลี้ยวไปทางหนึ่ง ภูผาเดินตามแล้วหันมามองทวีปอย่างขำๆ ทวีปมองตามแสงมณีด้วยความหมั่นไส้แล้วเดินตามไป
แสงมณีเดินนำภูผากับทวีปมาหน้าร้านกาแฟ
แสงมณีพูดกับภูผา “ดื่มกาแฟด้วยกันนะคะ”
ทวีปรีบตอบ “ครับ”
“ฉันชวนคุณภูผา” แสงมณีบอก
“องครักษ์สองคนแต่ชวนแต่ไอ้ภู เจ้าทำไมลำเอียงอย่างนี้ละครับ” ทวีปว่า
“ก็มีแต่คุณภูผาที่พูดจาดีกับฉัน ฉันก็เลี้ยงเค้าคนเดียวสิ..” แสงมณีพูดกับภูผา “เชิญค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ภูผาตอบ
แสงมณีเดินนำเข้าร้านไป
“ฉันพูดดีกับเค้าแล้วนะโว้ย..เค้านั่นแหล่ะที่ไม่ยอมพูดดีกับฉัน” ทวีปบอก
“ปากหมาใส่ตั้งหลายครั้ง พูดดีแค่สองประโยคจะให้เค้าพูดดีด้วย..แกนี่มันเอาแต่ใจจริงๆ..เฝ้าหน้าร้านนะ ฉันจะระวังคนในร้านให้เอง” ภูผาสั่ง
ภูผาเดินตามแสงมณีไป ทวีปถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด
แสงมณีเดินเข้ามาในร้านกาแฟ ภูผาเดินตาม แสงมณีมองภูผาแล้วยิ้มตาหวาน
“ดวงใจไม่มาด้วยฉันไม่มีเพื่อนคุย..คุณนั่งคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะคะ”
ภูผารับคำ “ครับ”
แสงมณีกับภูผาเดินเข้าไปในร้าน พิพิธที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ก่อนในร้านกำลังนั่งอ่านหนังสือคาโปเอร่าอยู่ เขาเงยหน้ามาเห็นแสงมณีก็ยิ้มด้วยความดีใจสุด ๆ แล้วรีบลุกไปหา
“เจ้าครับ” พิพิธเรียก
“คุณพิพิธ”
พิพิธมองภูผาอย่างแปลกใจ “เจ้ามากับคุณภูผาเหรอครับ”
“คุณภูผาเป็นองครักษ์ของฉันค่ะ” แสงมณีบอก
“อ๋อ...เมื่อเช้าคุณดวงใจบอกรึเปล่าครับว่าผมโทรหาเจ้า” พิพิธถาม
“บอกค่ะ..แต่ฉันยุ่ง ๆ ที่ต้องไปธุระกับพี่ชายเลยไม่ได้โทรหาคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ..เห็นเจ้าหายตกใจแล้วก็ออกมาช้อปปิ้งได้อย่างนี้ผมก็ดีใจแล้ว..นั่งด้วยกันนะครับ”
แสงมณีตอบอย่างเกรงใจพิพิธ “ค่ะ”
“เจ้ามีเพื่อนคุยแล้ว..ผมไปนั่งรอ” ภูผาชี้ไปที่โต๊ะหนึ่ง “โต๊ะโน้นนะครับ”
แสงมณีรับคำ “ค่ะ”
ภูผาเดินไป แสงมณีมองตามภูผาอย่างเสียดายที่ไม่ได้นั่งคุยกับเขา ทวีปยืนมองแสงมณีที่นั่งคุยกับพิพิธด้วยความหมั่นไส้
ชัยนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ เขากำลังนั่งดูเฟสบุ๊คของพันทิญา ชัยดูรูปพันทิญาในเฟสบุ๊คแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข แล้วเขาก็ก๊อปรูปพันทิญามาไว้ในเครื่องของตัวเองหลายรูป
ที่บ้านภูผา บุญศรีนั่งปักผ้าอย่างไม่มีสมาธิเพราะกลุ้มใจที่ชัยจะคืนดีกับแพรไหม
เสียงปรางแก้วดังขึ้น “คุณป้าคะ”
บุญศรีเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปรางแก้วถือถุงกับข้าวมาเต็มสองมือ
บุญศรีรีบลุกไปหาปรางแก้ว “ซื้อของมาเยอะแยะเลย”
“เราจะฉลองกันแก้วเลยจะทำกับข้าวหลายอย่างหน่อยน่ะค่ะ” ปรางแก้วบอก
“ต้องเปลี่ยนไปฉลองพรุ่งนี้แล้วละจ้ะ..หนูแพรจะคืนดีกับชัยเย็นนี้ชัยจะไปทานข้าวกับหนูแพร” บุญศรีบอก
ปรางแก้วดีใจ “คุณแพรยอมคืนดีกับพี่ชัยแล้ว...แก้วดีใจกับพี่ชัยด้วยจริงๆค่ะ”
“แต่ป้ากลุ้มใจ”
ปรางแก้วมองบุญศรีด้วยความแปลกใจ
“คุณวนิดาน้าหนูแพรบอกป้าเองว่าหนูแพรเป็นคนเจ้าชู้..ป้ากลัวว่าหนูแพรจะทำให้ชัยเสียใจอีก”
“คุณแพรทั้งสวยทั้งรวยน่าจะมีผู้ชายเข้ามาให้เลือกเยอะ..แต่เค้าเลือกคืนดีกับพี่ชัยแก้วว่าเค้าต้องรักพี่ชัยจริงค่ะ”
บุญศรีกลุ้มใจ “ป้าก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น ชัยจะได้มีความสุขซะที”
บุญศรีถอนหายใจด้วยความหนักใจ ปรางแก้วมองบุญศรีอย่างเข้าใจ
พิพิธยิ้มแฉ่งถือกาแฟแก้วหนึ่งเดินกลับเข้ามาในร้าน เขายื่นกาแฟให้พิพิธที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่
“ของเฮีย”
พิพัฒน์รับแก้วกาแฟ “ออกไปกินกาแฟพักเดียวยิ้มปากแทบฉีกถึงหู..ถูกหวยรึไง”
“ยิ่งกว่าถูกหวยอีกครับ..ผมเจอเจ้าแสงมณีที่ร้านกาแฟ” พิพิธบอก
“โดนคนตามฆ่ายังออกจากบ้านอีก..ใจกล้าจริงๆ”
“เจ้าบอกว่าไม่อยากใช้ชีวิตบนความกลัวน่ะครับ”
“บอกตรงๆนะพิธว่าเฮียไม่อยากให้แกอยู่ใกล้เจ้าแสงมณีเลย เฮียกลัวว่าเกิดอะไรขึ้นแกจะพลอยฟ้าพลอยฝนถูกลูกหลงไปกับเค้าด้วย”
พิพิธรีบทำท่าคาโปเอร่า “ผมน่ะมีวิชาแล้วดูแลตัวเองได้ แล้วก็มั่นใจว่าดูแลเจ้าแสงมณีได้ด้วย”
“เย็นนี้กินอะไรกันดี” พิพัฒน์ถาม
“เฮียอยากกินอะไรก็ตามสบายเลยครับเพราะผมไม่อยู่..ผมนัดกินข้าวกับเพื่อนน่ะครับ” พิพิธบอก
แสงฉายเดินเข้ามาในบ้าน เขาเห็นดวงใจนั่งอ่านนิตยสารอยู่ก็รีบเดินไปหา
“กลับมาแล้วเหรอคะ..คุณหญิงละคะ” ดวงใจถาม
แสงฉายแปลกใจ “แยกกันตั้งแต่บ่ายแล้ว..ยังไม่มาอีกเหรอ”
“แยกกันตั้งแต่บ่าย..แยกกับคุณชายแล้วทำไมไม่รู้จักรีบกลับบ้านไปเถลไถลที่ไหนเนี่ย”
ดวงใจหยิบมือถือขึ้นมาจะโทรไปตามแสงมณี แต่ก็ได้ยินเสียงรถเข้ามาเสียก่อน ดวงใจกับแสงฉายมองไปทางหน้าบ้านก็เห็นรถแสงมณีเข้ามา
“มาพอดี” ดวงใจบอก
“สอบสวนกันเองนะครับผมไม่เกี่ยว” แสงฉายว่า
แสงฉายมองดวงใจแล้วขำก่อนจะเดินเข้าไป ดวงใจมองออกไปหน้าบ้านด้วยความโมโหแล้วเดินออกไป
ภูผายืนข้างรถแสงมณีที่จอดอยู่หน้าบ้าน ทวีปเปิดประตูรถให้แสงมณี
ทวีปยิ้มหวาน “เชิญครับ”
แสงมณีมองทวีปอย่างเชิด ๆ ส่วนทวีปมองแสงมณีด้วยความหมั่นไส้ ภูผาหยิบถุงของที่อยู่กระโปรงท้ายรถออกมา ทันใดนั้นดวงใจก็ถลาเข้ามาถามอย่างไม่พอใจ
“ไปไหนมาคะ”
แสงมณีแกล้งดวงใจ “เดี๋ยวนะคะ..” แสงมณีพูดกับภูผา “เอาของไว้ในบ้านแล้วก็กลับได้เลยค่ะ”
ภูผารับคำ “ครับ”
ภูผากับทวีปช่วยกันขนของเข้าบ้าน แสงมณีมองตามภูผาไปอย่างเสียดาย
“วันนี้หญิงไม่มีโอกาสคุยกับคุณภูผาเลย..เสียดายจริงๆ” แสงมณีบอก
“ไม่ต้องเปิดประเด็นให้ดวงใจถามเลยค่ะ เพราะดวงใจยังไม่อยากรู้เรื่องคุณภูผาแต่อยากรู้ว่าคุณหญิงไปไหนมา”
แสงมณีแกล้งพูด “ขี่ช้างกับพี่ชายไงคะ”
ดวงใจทำเสียงเข้ม “หลังจากแยกกับคุณชายแล้ว”
แสงมณียิ้มขำ “ทำเสียงเขียวน่ากลัวเชียว...”
“แต่ก็ไม่เคยกลัว..เลิกแกล้งดวงใจแล้วก็บอกซะทีเถอะค่ะว่าไปไหนมา”
แสงมณีหัวเราะขำดวงใจ “ซื้อของค่ะ..ซื้อเสื้อมาฝากดวงใจตั้งหลายตัวสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ”
ดวงใจตื่นเต้น “จริงเหรอคะ”
“ค่ะ..ไปดูกันค่ะว่าถูกใจรึเปล่า”
แสงมณีจะพาดวงใจเข้าไปในบ้าน แต่แล้วดวงใจก็ชะงัก
“ดวงใจโกรธคุณหญิงอยู่นี่”
“ความโกรธทำให้เสียสุขภาพหายโกรธแล้วไปดูเสื้อกันเถอะค่ะ” แสงมณีบอก
ดวงใจมองแสงมณีอย่างงอนๆ แล้วก็ใจอ่อน
“ก็ได้ค่ะ”
แสงมณียิ้มแฉ่งด้วยความดีใจที่ทำให้ดวงใจหายโกรธได้
ทวีปขับรถกลับโดยมีภูผานั่งอยู่ข้างๆ ภูผากดโทรศัพท์ไปหาบุญศรี
“ผมทำงานเสร็จแล้วครับกำลังจะเข้าไปที่โรงพยาบาลแม่จะให้ผมซื้ออะไรเข้าไปมั้ย” ภูผาหยุดฟังแล้วก็ดีใจ “พี่ชัยออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
ทวีปหันมามองภูผาด้วยความดีใจ
แล้วภูผาก็หน้าหงิก “ครับ”
ภูผาวางสายจากบุญศรี
“พี่ชัยออกจากโรงพยาบาลมื้อเย็นแม่แกคงจัดเต็ม..ฉันไปกินข้าวบ้านแกนะโทรบอกแก้วหน่อยสิว่าให้มาบ้านแก” ทวีปบอก
“แก้วช่วยแม่ทำกับข้าวอยู่ที่บ้าน..” ภูผาบอก
“เห็นเรียบร้อยๆ เรื่องกินไวกว่าฉันอีกเหรอเนี่ย...” ทวีปแซว
ภูผาหน้าหงิกด้วยความรู้สึกโกรธชัยจึงนิ่งไม่ตอบอะไร
ทวีปมองภูผาด้วยความแปลกใจ “เป็นไรทำไมหน้าหงิกงี้วะ..”
“พี่ชัยน่ะสิ..หายจากบ้านแล้วก็ไปนอนโรงพยาบาลตั้งหลายวัน..ออกจากโรงพยาบาลแทนที่จะกินข้าวกับแม่กลับไปกินกับผู้หญิง”
“เย็นนี้พี่ชัยไปกินข้าวกับคุณแพรเหรอ” ทวีปถาม
ภูผาพยักหน้าอย่างเซ็งๆ
ณ ร้านอาหารบนตึกสูงที่เห็นแสงไฟในกรุงเทพยามค่ำคืน ชัยนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาหยิบดอกไม้ช่อใหญ่ที่วางไว้บนเก้าอี้อีกตัวขึ้นมามองแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ขณะเดียวกัน พันทิญาก็ยืนคุยโทรศัพท์กับพิพัฒน์อยู่ในสวนหน้าบ้าน
“คิดถึงคุณมากค่ะ..ไม่ได้ปากหวานค่ะพันพูดจริงๆ”
พันทิญาหัวเราะคิกคักอย่างมีจริต แพรไหมออกมาเดินเล่นในสวนได้ยินเสียงพันทิญาหัวเราะก็ชะงักหันไปมอง เธอเห็นพันทิญากำลังนั่งคุยโทรศัพท์อย่างมีความสุข
แพรไหมดูนาฬิกาแล้วเดินไปหาพันทิญา เธอชี้ที่นาฬิกาเป็นเชิงบอกว่าเลยเวลาที่พันทิญานัดชัยแล้ว พันทิญามองแพรไหมอย่างไม่พอใจแล้วพูดโทรศัพท์เสียงอ่อนเสียงหวาน
“คุณแม่ให้คนมาตามพันไปทานข้าวแล้วดึกๆพันโทรหาใหม่นะคะ”
พันทิญาวางสายจากพิพัฒน์ ก่อนจะมองแพรไหมอย่างไม่พอใจ
“เห็นอยู่แล้วคุยโทรศัพท์อยู่เร่งอยู่ได้” พันทิญาว่า
“แพรเห็นว่าเลยเวลาที่พี่พันนัดคุณชัยแล้ว..กลัวว่าถ้าพี่ไปช้ากว่านี้คุณชัยจะไม่รอน่ะค่ะ”
“หลงพี่จนหัวปักหัวปำอย่างนั้นถึงเช้ามันก็รอ”
พูดจบพันทิญาก็เดินออกไปอย่างหงุดหงิด แพรไหมมองพันทิญาด้วยความหนักใจ
แสงฉายกับแสงมณีนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน สักพักดวงใจใส่เสื้อใหม่เดินนำติ่งที่ถือถาดผลไม้เข้ามา ดวงใจมีท่าทางอารมณ์ดียกจานผลไม้มาวางบนโต๊ะ แสงฉายกับแสงมณีมองดวงใจแล้วยิ้มขำ
แสงฉายแกล้งแซว “ทำไมวันนี้ดวงใจดูสวยเป็นพิเศษ”
“เสื้อใหม่ค่ะ..คุณหญิงซื้อมาฝาก” ดวงใจตอบ
“ได้ข่าวว่าซื้อฝากเป็นสิบๆตัว จนดวงใจลืมโกรธที่น้องหญิงเถลไถลเลยใช่มั้ย” แสงฉายแซวต่อ
แสงฉาย แสงมณี และติ่งหัวเราะขำดวงใจ
ดวงใจพูดกับแสงมณีอย่างงอนๆ “นินทาดวงใจให้คุณชายฟังเหรอคะ”
“ไม่ได้นินทาค่ะ...แค่เล่าให้พี่ชายฟังว่าดวงใจใจดี๊ใจดีหายโกรธหญิงเร็วมาก ๆเท่านั้นเอง” แสงมณีบอก
“หายโกรธเร็วก็ถูกหัวเราะเยาะ..ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจะหลงกลแผนของฝากของคุณหญิง ต่อไปนี้ถ้าดื้ออีกดวงใจจะไม่พูดกับคุณหญิงอาทิตย์นึงเลย” ดวงใจงอน
“พรุ่งนี้ผมจะคอยดู” แสงฉายบอก
“พรุ่งนี้!! ...อย่าบอกนะคะว่าพรุ่งนี้คุณหญิงจะออกไปข้างนอกอีก” ดวงใจถาม
“ไปวาดรูปค่ะ”
“แล้วคุณชายก็อนุญาต”
“ผมอยากให้น้องหญิงมีความสุข”
ดวงใจประชด “แต่ไม่อยากให้ปลอดภัย...” ดวงใจยิ่งงอน “เข้าข้างกันอย่างนี้ดวงใจคงห้ามอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
แสงฉายกับแสงมณีมองดวงใจที่งอนแล้วก็หัวเราะขำ
พิพิธนั่งคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนานอยู่ในร้านอาหารบนตึกสูง
“ล้อว่าฉันน้ำลายยืด..ฉันจำได้นะโว้ยว่าตอนอยู่ ป.3 แกฉี่รดกางเกง” พิพิธแซวเพื่อน
เพื่อนๆหัวเราะลั่น แล้วพิพิธก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพันทิญาเดินเข้ามาในร้าน พันทิญามองหาชัย เธอเห็นชัยนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งก็ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
พิพิธพูดกับเพื่อน “เดี๋ยวฉันมานะ”
พิพิธเดินไปจะทัก แต่พันทิญาเดินไปหาชัยเสียก่อน พิพิธมองตามก็เห็นพันทิญาเดินไปหาชัย ชัยยิ้มดีใจที่พันทิญามาเขาจึงยืนยิ้มต้อนรับ พิพิธมองพันทิญาด้วยความสงสัย เขาแอบเข้าไปใกล้ๆ แล้วหยิบมือถือมาแอบถ่ายรูปพันทิญากับชัยทันที
พันทิญามองชัยอย่างเซ็งๆ แต่ชัยมองพันทิญาแล้วยิ้มอ่อนโยนด้วยความรักสุดหัวใจ ชัยหยิบช่อดอกไม้ยื่นให้พันทิญา
“สำหรับคนที่ผมรักที่สุดในชีวิต” ชัยพูด
พันทิญารับดอกไม้มาอย่างรำคาญใจ เธอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าคนในร้านเยอะ
“ทำไมมาร้านที่คนเยอะๆอย่างนี้ละ” พันทิญาถาม
“ร้านนี้อาหารอร่อยครับ” ชัยบอก
“แต่แพรอยากคุยกับคุณเงียบ ๆ เราไปที่อื่นกันได้มั้ยคะ”
“ได้ครับได้..คุณอยากไปร้านไหนละครับ”
“แพรยังคิดไม่ออก...รู้แต่ว่าตอนนี้ไม่อยากอยู่ในที่คนเยอะๆ”
“เดี๋ยวค่อยคิดก็ได้ครับ”
ชัยวางแบงค์ร้อยไว้บนโต๊ะเป็นค่าน้ำดื่ม พันทิญาลุกจากโต๊ะแล้วรีบเดินออกไปโดยไม่สนใจดอกไม้ ชัยรีบหยิบช่อดอกไม้เดินตามพันทิญาไป พิพิธที่แอบอยู่มุมหนึ่งมองตามพันทิญาไปอย่างสงสัย เขาจะเดินตามแต่เพื่อนคนหนึ่งมาดึงตัวเขาไว้ก่อน
“จะไปไหน” เพื่อนพิพิธถาม
“เจอคนรู้จักเลยว่าจะไปคุยกับเค้าหน่อย” พิพิธตอบ
“อ้าวไอ้นี่..นาน ๆ ฉันกลับมาแทนที่จะคุยกับฉันกลับจะไปคุยกับคนอื่น..ทำให้น้อยใจเดี๋ยวฉันบินกลับเมกาเดี๋ยวนี้เลย”
พิพิธรู้สึกผิด “เออๆไม่ไปก็ได้..คืนนี้ฉันคุยกับแกยันเช้าเลยถ้าแกเมาหลับไปก่อนแกโดนเตะแน่”
เพื่อนคนนั้นหัวเราะแล้วกอดคอพิพิธเพื่อลากกลับไปที่โต๊ะ
พันทิญากับชัยที่ถือช่อดอกไม้เดินมาที่ลานจอดรถ พันทิญามองไปรอบๆ เห็นพนักงานโบกรถนั่งอยู่คนเดียวก็หันมาพูดกับชัย
“คุยกันตรงนี้ก็ได้”
“ผมพอนึกร้านที่คนไม่พลุกพล่านออกแล้ว เราไปคุยกันที่นั่นก็ได้ครับ” ชัยเสนอ
“แค่คำพูดไม่กี่คำไม่ต้องไปไหนให้เสียเวลาหรอกคุยตรงนี้แหล่ะ”
ชัยมองพันทิญาด้วยความแปลกใจ พันทิญาหยิบแหวนในกระเป๋ามายื่นให้ชัย
“เอาของแกคืนไป”
ชัยมองพันทิญาที่มีท่าทีแข็งกระด้างพูดจาห้วนขึ้นด้วยความตกใจ
“คืนแหวน..คุณหมายความว่าไง”
“แกนี่มันโง่เกินควายจริงๆผู้หญิงเอาแหวนมาคืนยังไม่รู้อีกว่าหมายความว่ายังไง..ไม่รู้ก็ยืนคิดให้ตายอยู่ตรงนี้แหล่ะ”
พันทิญาปาแหวนใส่ชัยแล้วเดินออกไปทันที ชัยมองพันทิญาอย่างตกใจ เขาเก็บแหวนแล้วรีบวิ่งตาม
“คุณแพร..คุณแพร”
พันทิญาจะเดินไปที่รถแต่ชัยวิ่งมาดึงแขนเธอไว้
“คุณจะเลิกกับผมเหรอ” ชัยถาม
“อย่าใช้คำว่าเลิกเพราะเราไม่เคยคืนดีกัน” พันทิญาบอก
“แต่คุณบอกว่าจะคืนดีกับผม”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
“คุณโดนแม่คุณบังคับให้เลิกกับผมอีกแล้วใช่มั้ยครับ..พาผมไปหาคุณแม่คุณเดี๋ยวนี้เลยนะครับผมจะคุยกับคุณแม่คุณเอง”
“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะว่าแม่ฉันไม่เกี่ยว..ฉันอยากเลิกกับแกเพราะฉันไม่ได้รักแก”
พันทิญามองชัยด้วยความรำคาญ เธอสะบัดแขนแล้วเดินต่อ ชัยวิ่งไปดักหน้า
ชัยพูดด้วยน้ำตาคลอ “คุณแพร..บอกมาว่าผมต้องทำยังไงคุณถึงจะรักผมจะยอมทำทุกอย่าง”
“รวยให้ล้นฟ้า มีพ่อแม่เป็นไฮโซ...ถ้าแกทำได้ในชั่วข้ามคืนฉันจะรักแก”
พันทิญาจะเดินไปแต่ชัยขยับไปขวางไว้แล้วมองพันทิญาอย่างเสียใจน้ำตาร่วง
“ถึงผมจะจนมีพ่อแม่ผมจะเป็นคนธรรมดาแต่ผมก็รักคุณมากนะครับ”
“ความรักมันทำให้ชีวิตสุขสบายไม่ได้..ฉันไม่สนหรอก”
“ผมจะทำงานให้มากกว่านี้ผมจะหาเงินให้ได้มากๆ..ผมสาบานว่าจะเลี้ยงดูคุณให้สุขสบายอย่าเลิกกับผมเลยนะครับ”
“เจ้าของร้านมือถืออย่างแกต่อให้ทำงานมากกว่านี้ร้อยเท่าก็ไม่มีวันรวยเท่าพ่อค้าเพชรแฟนใหม่ฉัน..ฉันคงโง่มากถ้าเลิกกับเค้ากลับมาคบกับแก”
“แต่ผมอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้”
พันทิญาตวาดลั่น “อยู่ไม่ได้ก็ไปตายซะ”
พนักงานโบกรถได้ยินเสียงพันทิญาตะโกนก็วิ่งมาดู แล้วเขาก็ตกใจเมื่อเห็นชัยทะเลาะกับพันทิญา
ชัยร้องไห้อย่างเสียใจ “ไม่ว่าผมจะทำยังไงคุณก็ไม่คืนดีกับผมใช่มั้ย”
“ไม่มีวัน”
“งั้นอยู่ไปผมก็เหมือนตายทั้งเป็น..ผมจะไม่ยอมทรมานแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว”
“นั่นเรื่องของแกไม่เกี่ยวกับฉัน”
พันทิญาเดินออกไปอย่างหงุดหงิดแล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงชัยตะโกน
“คุณแพร”
พันทิญาถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดแล้วหันไปก็เห็นชัยยืนอยู่บนกำแพงลานจอดรถ พันทิญามองด้วยความตกใจ
ชัยตะโกน “ไม่มีคุณชีวิตผมก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว..”น้ำตาของชัยไหลพราก “ผมรักคุณ ผมรักคุณ”
พูดจบชัยก็กระโดดลงจากกำแพงลานจอดรถไปทันที
พันทิญาร้องลั่น “กรี๊ดดดด”
พนักงานที่ลานจอดรถร้องด้วยความตกใจ “เฮ้ย”
พนักงานโบกรถรีบวิ่งไปชะโงกดูจุดที่ชัยกระโดดลงไปก็เห็นชัยนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
พนักงานตะโกนลั่น “มีคนโดดตึก..ช่วยด้วย..มีคนโดดตึก”
รปภ.ที่เฝ้าตามชั้นต่างวิ่งออกมาดู พันทิญามองรปภ.อย่างตกใจ
“ฉันไม่ได้ทำมันนะ มันโดดเอง..ฉันไม่ได้ทำ”
พันทิญารีบวิ่งไปที่รถแล้วขึ้นรถขับออกไปทันที รปภ.รีบวิ่งไปดูตรงที่ชัยกระโดดลงไป
ชัยกำแหวนไว้ในมือแน่น เขานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เนื้อตัวถลอกเลือดไหลออกจากแผล มีเลือดไหลทะลักออกมาจากปากและจากจมูก
แพรไหมนั่งรอพันทิญาไปดูทีวีไปในห้องรับแขกที่บ้าน เธอหัวเราะลั่นกับละครตลกที่ดูอยู่ สักพักวนิดาก็เดินเข้ามามองแพรไหมอย่างหมั่นไส้
“มีความสุขเหลือเกินนะ”
“แพรสบายใจที่เรื่องคุณชัยจบได้ซะทีน่ะค่ะ..ป่านนี้พี่พันคงขอโทษแล้วก็คืนแหวนให้คุณชัยแล้ว”
“ยัยพันไม่ผิดแต่ต้องลดตัวไปขอโทษเพราะอยากให้นายชัยไปให้พ้นๆ.. แต่น้าไม่คิดหรอกนะว่าไอ้ชัยจะปล่อยยัยพันง่ายๆ”
“คุณชัยรักพี่พันมากเค้าก็คงต้องตื๊อบ้างละคะ”
“รู้ว่าเค้าไม่รักยังจะตามตื๊อ..น้าละสงสารยัยพันจริงๆที่ต้องเจอคนพูดไม่รู้เรื่องแบบนายชัย” วนิดาบอก
วนิดานั่งลงข้างแพรไหมอย่างหงุดหงิด
“พี่พันฉลาดต้องมีวิธีพูดให้คุณชัยเข้าใจแล้วก็เลิกตามตื๊อได้..คุณน้าอย่าห่วงเลยค่ะ”
วนิดาหน้าเครียดเพราะเป็นห่วงพันทิญา
อ่านต่อหน้าที่ 4
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 5 (ต่อ)
พันทิญาขับรถมาตามถนนอย่างรวดเร็วแล้วหักรถเข้าจอดข้างทาง เธอยังตื่นตกใจสติแตกกับเรื่องของชัย
“ไอ้บ้าชัย ไอ้โง่ แกทำแบบนี้ทำไมถ้ามีคนจำหน้าฉันได้แล้วตำรวจตามตัวฉันจะทำยังไง...ตายตกนรกหมกไหม้ไปเลยนะจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตฉันอีก”
พันทิญาสาปแช่งชัยด้วยความโกรธจัด
ภูผา บุญศรี ปรางแก้ว และทวีปนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ทวีปมองกับข้าวอย่างตื่นเต้น
“น่ากินทุกอย่างเลย..” ทวีปพูดกับบุญศรี “ผมขอกินข้าว5จานเลยนะครับ”
“ถ้ากินไหว 10 จานป้าก็ไม่ว่าหรอกจ้ะ” บุญศรีบอก
ทุกคนหัวเราะขำทวีป ปรางแก้วตักกับข้าวให้ภูผาอย่างเอาใจ
“จานนี้แก้วทำเอง..พี่ภูชิมหน่อยนะคะว่าอร่อยรึเปล่า”
ภูผากินกับข้าวที่ปรางแก้วตักให้แล้วเอ่ยชม
“อร่อยมาก..รสชาติเหมือนที่แม่พี่ทำเลย”
“แก้วเป็นศิษย์ก้นครัวของแม่..รสมือจะไม่เหมือนครูได้ยังไงล่ะ” บุญศรีบอก
“พรุ่งนี้คุณป้าจะฉลองที่พี่ชัยออกจากโรงพยาบาลพี่ภูอยากทานอะไรเป็นพิเศษบอกนะคะ แก้วจะทำให้เอง”
ภูผายิ้มให้ปรางแก้วอย่างขอบคุณ
“ถามแต่ไอ้ภูแล้วถ้าพี่อยากกินอะไรเป็นพิเศษจะทำให้มั้ย” ทวีปแซว
ปรางแก้วเขิน “ทำสิคะ..ใครอยากทานอะไรแก้วก็ทำให้ทุกคนละค่ะ”
ทุกคนหัวเราะขำปรางแก้ว
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ภูผาขยับจะลุกไปรับ
บุญศรีรีบพูด “น่าจะเป็นชัย...แม่รับเองลูก..” บุญศรีเดินไปรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล..ใช่จ้ะ...” บุญศรีนิ่งฟังแล้วก็ตกใจมาก “อะไรนะ”
บุญศรีตกใจมากจนหูโทรศัพท์หลุดมือและเข่าอ่อน ภูผา ทวีป ปรางแก้วมองอย่างตกใจแล้วรีบวิ่งไปหาบุญศรี
“แม่...มีอะไรครับ..” ภูผาถามแต่บุญศรียังนิ่ง “แม่..แม่”
“ชัยโดดตึกฆ่าตัวตาย” บุญศรีบอก
ทุกคนมองหน้ากันอย่างตกใจ
รถโรงพยาบาลวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลรีบเข็นเตียงไปท้ายรถ บุรุษพยาบาลอีกคนรีบเปิดท้ายรถซึ่งมีชัยนอนเลือดออกปากออกจมูกอยู่ โดยมีพยาบาลคอยดูแล บุรุษพยาบาล 2-3 คนช่วยกันเอาตัวชัยลงจากรถแล้วอุ้มขึ้นเตียงก่อนจะช่วยกันเข็นจะเข้าไปในโรงพยาบาล ภูผา ทวีป ปรางแก้ว และบุญศรีมาถึงพอดีจึงรีบวิ่งเข้ามาดูชัย
บุญศรีร้องไห้ “ชัย..ลูกแม่....ชัย”
บุรุษพยาบาลเข็นชัยเข้าไปในโรงพยาบาล ภูผา ทวีป ปรางแก้ว และบุญศรีรีบเดินตามเข้าไป
บุรุษพยาบาลเข็นร่างชัยที่นอนบนเตียงมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน ภูผา ทวีป ปรางแก้ว และบุญศรีวิ่งตามมา
บุญศรีร้องไห้ “ชัย..อย่าเป็นอะไรนะลูก..ลูกต้องอยู่กับมานะ..อยู่กับแม่”
บุรุษพยาบาลเข็นชัยมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินแล้วเข็นร่างชัยเข้าไป บุญศรีจะตามเข้าไป
ภูผาดึงบุญศรีไว้ “เค้าไม่ให้เข้าครับแม่”
“แก้วเข้าไปดูให้เองค่ะ”
พูดจบปรางแก้วก็เข้าไปในห้องฉุกเฉิน ภูผา ทวีป และบุญศรีมองเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างเป็นห่วงชัย
พันทิญาขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน เธอลงจากรถแล้วจะวิ่งเข้าบ้านไป แพรไหมกับวนิดาที่ได้ยินเสียงรถรีบวิ่งออกมาหา
“ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ยคะพี่พัน” แพรไหมถาม
พันทิญาไม่กล้าพูด เธอมองเข้าไปในบ้านอย่างระแวง
“คุณแม่ล่ะ” พันทิญาเอ่ยขึ้น
“ทำงานอยู่ในห้องค่ะ” แพรไหมตอบ
“พี่ศุเพิ่งเข้าห้องทำงานไปแป๊บเดียวยังไม่ออกมาหรอก...ไม่ต้องกลัวพี่ศุได้ยินเรื่องนายชัย ..เป็นไงบ้าง” วนิดาถาม
พันทิญาหน้าเจื่อน “พันเอาแหวนคืนมันแล้วก็บอกเลิกมันค่ะ”
“แล้วคุณชัยเข้าใจพี่มั้ยคะ เค้าโกรธพี่มากรึเปล่า” แพรไหมซักต่อ
“ไม่โกรธ”
แพรไหมยิ้มอย่างดีใจ
พันทิญาพูดอย่างโมโห “แต่มันเสียใจมาก..มากจนเป็นบ้า”
“คลั่งขนาดนั้นแล้วมันทำอะไรพันรึเปล่า” วนิดาถามต่อ
“มันไม่ได้ทำพันค่ะ..แต่มันทำตัวเอง”
วนิดางง “ทำตัวเอง”
“ไอ้ชัยมันเสียใจมากที่พันเอาแหวนไปคืนแล้วเลิกกับมัน....มันเลยโดดตึกฆ่าตัวตายค่ะ”
แพรไหมกับวนิดาตกใจมาก
“แล้วเค้าเป็นยังไงบ้างคะ” แพรไหมรีบถาม
“พี่ไม่รู้ เห็นมันโดดพี่ก็ตกใจเลยรีบขับรถออกมา...” พันทิญาพูดกับวนิดา “ถ้าไอ้ภูผารู้ว่าไอ้ชัยฆ่าตัวตายเพราะพันมันอาละวาดแน่ๆ”
แพรไหมหน้าเจื่อนด้วยความร้อนใจเพราะกลัวภูผา วนิดากับพันทิญาก็ร้อนใจมากเช่นกัน
พิพิธชนแก้วกับเพื่อนๆ ในร้านอาหารบนตึกสูงอย่างมีความสุข
“สำหรับปริญญาเอกบริหารธุรกิจจากอเมริกาและการมีเพื่อนเป็นด็อก” พิพิธบอก
“ด็อกเตอร์...มีเตอร์ด้วย” เพื่อนรีบแก้
ทุกคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แล้วกระดกเหล้าจนหมดแก้ว
พิพิธวางแก้วลงแล้วพูดกับเพื่อน
“ฉันก็ให้ความบันเทิงแกมาสักพักแล้ว..ขอเวลาสักห้านาทีนะ”
“ถ้าแกจะไปคุยกับคนรู้จักคงไม่แค่ห้านาทีหรอก..” เพื่อนบอก
“จะโทรหาพี่พัฒน์โว้ยมีธุระต้องคุยกับเค้า”
เพื่อนแกล้งเศร้า “ถึงฉันจะไม่อยากจากแกแม้นาที แต่แกมีธุระกับพี่ฉันคงต้องยอมให้แกไป”
“ถุย...น้ำเน่า”
“ไม่เน่าอยู่แก็งนี้ไม่ได้หรอก” เพื่อนของพิพิธว่า
ทุกคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน พิพิธมองเพื่อนอย่างขำ ๆ แล้วเดินออกไป
พิพิธเดินหน้ามาที่หน้าร้าน จากหน้าตายิ้มแย้มเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เขารีบหยิบไอโฟนมากดหาพิพัฒน์ทันที
พิพัฒน์กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน เสียงมือถือดังขึ้น พิพัฒน์กดรับสายพิพิธ
“ปกติออกไปกินเหล้ากับเพื่อนไม่เช้าไม่กลับแล้วก็ไม่เคยโทรมาแต่คืนนี้โทรหาเฮีย..แกเมารึเปล่า”
พิพิธพูดหน้าเครียด
“ไม่ได้เมาครับแต่มีเรื่องสำคัญจะบอกเฮีย...ผมเห็นคุณพันมาทานข้าวกับผู้ชาย”
“เฮียเพิ่งคุยกับคุณพันตอนหัวค่ำเค้าบอกกำลังจะทานข้าวกับแม่เค้าที่บ้านจะไปข้างนอกกับใครได้ยังไง..แกเมาจนตาฝาดเห็นคนอื่นเป็นคุณพันแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวเฮียก็รู้ว่าผมตาฝาดหรือเฮียโดนหลอก..แค่นี้นะครับ”
พิพิธวางสายจากพิพัฒน์ แล้วเปิดรูปที่ถ่ายพันทิญากับชัยส่งไปให้พิพัฒน์
พิพัฒน์ขำพิพิธ “สงสัยจะเมาจริงๆ”
เสียงไอโฟนดังบอกว่ามีข้อความส่งเข้ามา พิพัฒน์เปิดดูก็เห็นรูปพันทิญานั่งยิ้มกับชัยที่โต๊ะอาหาร และรูปพันทิญารับดอกไม้จากชัย พิพัฒน์หน้าเครียดเพราะโกรธที่โดนพันทิญาโกหก
ภูผา ทวีป และบุญศรีรอฟังอาการชัยอยู่ที่หน้าฉุกเฉินอย่างร้อนใจ
ภูผาคิดแล้วก็โมโห “ต้องเป็นผู้หญิงร้อยเล่มเกวียนนั่นแน่ ๆที่ทำให้พี่ชัยทำแบบนี้”
“เรายังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุปรักปรำคุณแพรแบบนี้ถ้าเค้าไม่ได้ทำลูกจะบาปนะ” บุญศรีบอก
“พี่ชัยออกไปเจอเค้าแล้วก็โดดตึกถ้าไม่ใช่เพราะคุณแพรจะเป็นเพราะใคร”
พูดจบภูผาก็เดินไปนั่งอย่างหงุดหงิด
ทวีปเดินตามมานั่งข้างๆ แล้วพูดปลอบใจ
“ยังไม่ต้องหงุดหงิดได้มั้ยวะลูกน้องฉันกำลังสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์..ถ้าคุณแพรเป็นต้นเหตุจริงหงุดหงิดตอนสรุปปากคำแล้วก็ยังทัน”
ภูผานั่งหน้าหงิกไม่ยอมพูดกับทวีป ทวีปกับบุญศรีมองภูผาด้วยความหนักใจ ทันใดนั้นปรางแก้วก็เปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา ทุกคนรีบเข้าไปรุมปรางแก้ว
“พี่ชัยอวัยวะภายในบอบช้ำมากต้องผ่าตัดด่วนค่ะ” ปรางแก้วบอก
“ชัยจะตายมั้ยแก้ว..ชัยจะตายมั้ย” บุญศรีละลักละล่ำ
ปรางแก้วลำบากใจ “หมอบอกว่าห้าสิบห้าสิบค่ะ...”
“ชัย” บุญศรีเข่าอ่อนจะล้มลง ภูผารีบเข้ามารับ
“แม่” ภูผาตกใจ
ภูผารีบพาบุญศรีไปนั่ง ทวีปกับปรางแก้วมองย่างสงสาร
ปรางแก้วเดินไปหาภูผา “พี่ภูคะ” ปรางแก้วชูแหวนในมือขึ้น “แหวนวงนี้อยู่ในมือพี่ชัยค่ะ”
ภูผารับแหวนจากปรางแก้วมาดู
“คงเป็นแหวนที่พี่ชัยให้คุณแพร..” ภูผาโกรธจัด “ตอนคืนแหวนคุณแพรต้องพูดอะไรให้พี่ชัยเสียใจมากแน่ๆพี่ชัยถึงประชดด้วยการโดดตึก”
ภูผาเอาแหวนใส่กระเป๋าแล้วจะวิ่งออกไป
ทวีปรีบดึงไว้ “จะไปไหน”
“บ้านคุณแพร” ภูผาตอบ
“เอาเรื่องคุณแพรไปเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ..แต่ตอนนี้พี่ชัยกำลังจะผ่าตัดต้องการเลือดเพื่อต่อชีวิต..พี่ภูกับพี่ชัยเลือดกรุ๊ปเดียวกันพี่ภูต้องบริจาคเลือดให้พี่ชัยค่ะ” ปรางแก้วบอก
ภูผานิ่งไปเพราะเป็น ห่วงชัยขึ้นมาจับใจ
ปรางแก้วเดินนำภูผามาที่ห้องบริจาคเลือด
“พี่ภูนอนรอที่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมีพยาบาลเข้ามาเจาะเลือดให้” ปรางแก้วบอก
ภูผาพยักหน้าแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย ปรางแก้วมองภูผาที่ยังโกรธแพรไหมอย่างหนักใจแล้วเข้าไปปลอบ
“อารมณ์มีผลกับความดันเลือด..ทำใจให้สบายนะคะความดันพี่ภูจะได้กลับมาปกติ”
ภูผาถอนหายใจ “พี่จะพยายาม”
“แก้วไม่ได้เป็นพยาบาลห้องผ่าตัดแต่ขออนุญาตคุณหมอเข้าไป..แก้วไปเปลี่ยนชุดแล้วเข้าไปดูพี่ชัยก่อนนะคะ”
ภูผามองปรางแก้วอย่างซึ้งใจในความดีแล้วพยักหน้าให้ ปรางแก้วเดินออกไป ภูผานอนมองเพดานแล้วพยายามสูดหายใจลึกๆ เพื่อตั้งสติ
พันทิญากดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องอย่างร้อนใจ
พันทิญาบ่นด้วยความหงุดหงิด “ไม่เห็นมีข่าวสักช่อง” พันทิญาโยนรีโมทลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ว่าไอ้พนักงานโบกรถพูดถึงพันว่าไงบ้าง”
แพรไหมเริ่มกลัว “ไม่ว่าใครจะพูดยังไงคุณภูผาก็ต้องคิดว่าคุณชัยฆ่าตัวตายเพราะแพรอยู่ดี”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดว่านายภูผาจะคิดอะไรกับแพร แต่เราต้องมาช่วยกันคิดว่าทำยังไงนายภูผาถึงจะไม่มาอาละวาดจนทำให้คนอื่นรู้ว่ายัยพันเป็นคนหลอกนายชัยมากกว่า” วนิดาบอก
“แพรว่าเราควรไปโรงพยาบาลเพื่อขอโทษครอบครัวคุณภูผา” แพรไหมเสนอ
“ทำไมต้องไป ในเมื่อไอ้ชัยมันอ่อนแอแล้วฆ่าตัวตายเอง” พันทิญาแย้ง
“แต่ถ้าเราไม่ไปแล้วคุณภูผาเอาเรื่องคุณชัยไปบอกเจ้า..เจ้าก็ต้องให้คนสืบจนรู้อยู่ดีว่าคนที่คบคุณชัยเป็นพี่พัน..เราไปคุยกับครอบครัวคุณภูผาก่อนที่เรื่องจะบานปลายใหญ่โตจะดีกว่านะคะ”
วนิดาครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราอาจจะต้องทำตามที่ยัยแพรบอก”
พันทิญาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
แพรไหมดีใจ “งั้นพรุ่งนี้เราไปหาคุณภูผากันแต่เช้าเลยนะคะ”
วนิดาพูดอย่างหมั่นไส้ “ย่ะ”
พันทิญาหงุดหงิด “ไอ้ชัย ไอ้คนชั้นต่ำ ไอ้สารเลว เพราะแกคนเดียวที่ทำให้ชีวิตฉันวุ่นวาย”
ศุภลักษณ์เดินเข้ามาได้ยินแต่พันทิญาพูดต่อว่าอยู่ก็ถามขึ้น
“ใครทำอะไรให้พันวุ่นวาย”
ทุกคนมองศุภลักษณ์อย่างกลัวๆ
“มะ ไม่มีค่ะ” พันทิญาบอก
“เอ้อคือ ยัยพันกำลังเล่าว่าช่วงนี้งานยุ่งมากชีวิตเลยวุ่นขึ้นน่ะค่ะ” วนิดาแก้ต่างให้
ศุภลักษณ์เดินเข้ามามองพันทิญาอย่างสงสารแล้วพูดปลอบ
“เพิ่งเริ่มงานก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอย่างนี้แหล่ะ..ทำไปเรื่อยๆพอพันเข้าใจงานมากขึ้นทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางเอง”
“ค่ะคุณแม่” พันทิญารับคำ
“ดึกแล้ว..เลิกคุยเรื่องงานแล้วก็พักผ่อนกันได้แล้ว”
ทุกคนขานรับพร้อมกัน “ค่ะ”
ประตูห้องพันทิญาถูกเปิดออก พันทิญาเดินเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิด เสียงไอโฟนของพันทิญาดังขึ้น พันทิญาสะดุ้งเฮือกแล้วรีบดูหน้าจอ
“นึกว่าตำรวจ” พันทิญากดรับสายแล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ค่ะคุณพัฒน์..พันกำลังหยิบโทรศัพท์จะโทรหาคุณ คุณก็โทรเข้ามาพอดี ใจเราตรงกันจริงๆเลยนะคะ”
พิพัฒน์พูดเสียงเครียด “ครับ...พรุ่งนี้คุณว่างมั้ยครับผมอยากชวนคุณทานกลางวันด้วยกัน”
“สำหรับคุณพันว่างเสมอค่ะ...” พันทิญาหยุดฟัง “อ้าว..โทรมาแค่นี้เองเหรอคะ”
พิพัฒน์นั่งคุยโทรศัพท์หน้าเครียด
“ผมง่วงแล้วน่ะครับ..พรุ่งนี้เจอกัน”
พิพัฒน์จะวางสายแต่พันทิญาทักขึ้น
“อย่าเพิ่งวางค่ะ”
“ว่าไงครับ”
“ฝันดีนะคะ”
“ฝันดีครับ”
พิพัฒน์วางสายโดยที่ยังหน้าเครียดอยู่
แพรไหมอยู่ในชุดนอนนั่งอยู่ข้างๆ เตียงด้วยท่าทีที่ยังกลุ้มใจเรื่องภูผาและเป็นห่วงชัย แพรไหมถอนหายใจอย่างหนักใจแล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วกราบหมอน
“ขอให้คุณพระช่วยคุ้มครองให้คุณชัยปลอดภัยด้วยนะคะ”
ชัยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัดโดยมีท่อช่วยหายใจเสียบอยู่ในปาก เสียงเครื่องวัดหัวใจดังยาวเป็นสัญญาณบอกว่าหัวใจของชัยหยุดเต้น หมอที่กำลังผ่าตัดตะโกนอย่างตกใจ
“คนไข้หัวใจหยุดเต้น”
ปรางแก้วที่ยืนดูการผ่าตัดอยู่มองอย่างตกใจ
หมรีบตะโกนบอก “CPR”
พยาบาลคนหนึ่งรีบกดหน้าอกชัยเพื่อปั้มหัวใจ พยาบาลอีกคนหยิบเครื่องชาร์จ CPR มาเตรียมพร้อม ปรางแก้วมองชัยอย่างหวั่นใจ
แสงมณีใส่ชุดนอนยืนอยู่ในห้องเสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าสวยงามแขวนอยู่เต็ม เธอมองอย่างเลือกไม่ถูกว่าจะใส่ชุดไหน ดวงใจที่อยู่ในชุดนอนยืนมองอยู่ก็พูดอย่างประชดประชัน
“ใส่กางเกงดีมั้ยคะ เอาชุดที่ทะมัดทะแมงหน่อยเวลาถูกพวกนักฆ่าไล่ล่าได้วิ่งหนีสะดวก”
แสงมณีมองดวงใจแล้วยิ้มขำ “ตอนนี้มีแต่พี่ชายกับดวงใจเท่านั้นที่รู้ว่าหญิงจะไปที่ไหน..คุณภูผากับตาหมวดนั่นก็ยังไม่รู้...เก็บเป็นความลับสุดยอดขนาดนี้พวกนักฆ่าไปดักฆ่าหญิงไม่ได้หรอกค่ะ”
“ความประมาทนำมาซึ่งหายนะ..เกิดอะไรขึ้นมาอย่าหาว่าดวงใจไม่เตือนละกันนะคะ”
แสงมณีมองดวงใจที่ยังงอนอย่างขำๆ
“หญิงละอยากให้คุณภูผาเอาคนอื่นมาแทนตาหมวดนั่นจริงๆ..เห็นหน้าทีไรหงุดหงิดทุกที” แสงมณีบอก
“เค้าอยากได้ข้อมูลไปทำคดีคงทำทุกวิธีเพื่อหลอกถามคุณหญิง..อย่าหลงกลแล้วเผลอตอบอะไรไปนะคะ”
“หญิงไม่มีทางหลงกลตาหมวดจอมเจ้าเล่ห์นั่นหรอกค่ะ”
ดวงใจมองแสงมณีแล้วยิ้มอย่างพอใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ดวงใจกับแสงมณีเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ดวงใจเดินไปเปิดประตูก็เห็รแสงฉายใส่ชุดนอนยืนอยู่หน้าห้อง
แสงมณีเดินไปหาแสงฉายอย่างรู้ทัน “มาหาหญิงดึกๆอย่างนี้แสดงว่ามีเรื่องจะปรึกษา..วันนี้จะให้หญิงเป็นที่ปรึกษาเรื่องอะไรคะ”
แสงฉายมองแสงมณีแล้วยิ้มขำไม่ตอบอะไร
เวลาผ่านไป หนังสือชุดเจ้าสาวหลายเล่มวางอยู่บนโต๊ะที่ห้องรับแขกบ้านแสงฉาย
“อีกไม่นานพี่ก็จะแต่งงานกับคุณแพรแล้ว..พี่อยากให้น้องหญิงช่วยเลือกชุดหมั้นกับชุดเจ้าสาวให้คุณแพร” แสงฉายบอก
แสงมณีมองแสงฉายอย่างเกรงใจ “ให้เจ้าสาวเลือกเองไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“น้องหญิงก็รู้ว่าคุณแพรไม่มีวันยอมเลือก”
แสงมณีมองแสงฉายอย่างหนักใจ “พี่ชายแน่ใจจริงๆใช่มั้ยคะว่าจะแต่งงานกับคนที่” แสงมณีพูดอย่างเกรงใจ “ไม่ได้รักพี่ชาย”
“ยิ่งกว่าแน่ใจ..จำที่ท่านพ่อเล่าให้พวกเราฟังไม่ได้เหรอว่าท่านแม่ไม่ได้รักท่านพ่อ แต่พอแต่งงานกัน อยู่ด้วยกัน ท่านแม่ได้เห็นความรักที่ท่านพ่อมีให้ ท่านแม่ก็ใจอ่อนสุดท้ายก็รักท่านพ่อหมดหัวใจ”
“พี่ชายคิดว่าหลังจากอยู่ด้วยกันคุณแพรจะรักพี่ชายหมดหัวใจแบบที่ท่านแม่รักท่านพ่อ”
แสงฉายพยักหน้า แสงมณีกอดแสงฉายด้วยความห่วงใย
“ขอให้สิ่งที่พี่ชายคิดสมหวังทุกประการนะคะ..หญิงอยากให้พี่ชายมีความสุขค่ะ”
แสงฉายกอดแสงมณีอย่างซึ้งใจ
พยาบาลดึงเข็มออกจากแขนภูผาที่นอนให้เลือดอยู่แล้วปิดพลาสเตอร์
“อย่าเพิ่งลุกนะคะเพราะอาจจะหน้ามืดได้..เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำหวานมาให้ดื่ม” พยาบาลบอก
“ขอบคุณครับ”
พยาบาลเดินออกไป
ภูผานอนครุ่นคิดเพราะยังโกรธเรื่องแพรไหม เขาหันมองไปทางประตูแล้วลุกขึ้นเดินไปมองที่ประตูอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครภูผาก็รีบเดินออกจากห้องไปทันที
ภูผาเดินมาเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เขาสตาร์ทรถแล้วจะขับออกไปแต่แล้วก็ต้องชะงัก
“บ้านคุณแพรอยู่ไหน..” ภูผาหยิบมือถือขึ้นมาจะกดโทรหาทวีป “ไอ้วีปไม่ยอมบอกแน่”
ภูผาครุ่นคิดแล้วกดมือถือเข้าอินเทอร์เนต เขาเปิดไปที่เวปเยลโล่เพจเจท เพื่อดูที่อยู่ของศุภลักษณ์ กุลนันท์วงศ์
บุญศรีกับทวีปนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างร้อนใจ พยาบาลถือถาดใส่แก้วน้ำหวานเดินเข้ามาถาม
“คุณภูผาละคะ”
“อยู่ในห้องบริจาคเลือดครับ” ทวีปตอบ
“ฉันเป็นพยาบาลประจำห้องนั้นค่ะ คุณภูผาให้เลือดเสร็จแล้วฉันเลยไปเอาน้ำหวานมาให้..แต่คุณภูผาไม่อยู่ในห้องเลยคิดว่าอยู่ตรงนี้น่ะค่ะ”
“ภูยังไม่ได้เดินมาตรงนี้เลยค่ะ” บุญศรีบอก
“ห้องน้ำรึเปล่า..ผมไปดูให้นะครับ” ทวีปอาสา
“ฉันลองไปเรียกดูแล้วค่ะ ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย” พยาบาลบอก
ทวีปคิดแล้วก็ตกใจ “หรือว่ามันจะไป..” ทวีปพูดกับพยาบาลอย่างร้อนใจ “..ฝากดูคุณป้าด้วยนะครับ”
ทวีปรีบวิ่งออกไปอย่างร้อนใจ
“วีป..จะไปไหนลูก..วีป”
บุญศรีมองตามทวีปอย่างร้อนใจ พยาบาลมองตามทวีปอย่างงงๆ
ทวีปวิ่งหน้าที่มาที่ลานจอดรถแล้วพยายามมองหารถตัวเอง
“เอารถจอดไหนวะ..” ทวีปคิดออก “มารถไอ้ภูนี่”
ทวีปวิ่งออกไปหน้าโรงพยาบาลอย่างร้อนใจ
จบตอนที่ 5
ติดตามอ่านภูผาแพรไหม ตอนต่อไป พรุ่งนี้