เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 5
หญิงมานศรียังคงอึ้งอยู่กับสายตาของเทพ สักครู่เขาก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้ชิดเธอ หญิงสาวใจเต้นแรง ตกใจ ตัวแข็งทื่อ หม่อมหม่อมสรัสวดีเดินเข้ามาเห็นพอดี ยิ้มพอใจ แต่รีบขัดจังหวะ
“เป็นยังไงบ้างคะคุณเทพ”
เทพชะงัก หญิงมานศรีได้สติ รีบปล่อย เทพพยายามทรงตัว นึกเจ็บใจที่หม่อมสรัสวดีเข้ามาขัดจังหวะ แต่หันไปยิ้มกลบเกลื่อน
“ก็อย่างที่เห็นล่ะครับ”
หญิงมานศรีรีบเข้าไปเกาะแขนแม่ทันที หม่อมสรัสวดีจับมือของลูกสาวเอาไว้เพื่อปลอบใจ
“โถ...ดูซิ...ตายแล้ว ภรรยาคุณก็ไม่อยู่เลยสักคน ทำไงดีล่ะคะเนี่ย”
“ไม่เป็นไรครับ”
เทพสบตาหญิงมานศรี หม่อมสรัสวดียิ้มๆ
“เอาอย่างนี้ดีกว่า...”
พิไลพรหน้าง้ำมาก ขณะทำแผลให้เทพ ไม่ชอบ ไม่อยากอยู่ใกล้ เทพนั่งเครียด หน้าเข้ม หม่อมสรัสวดีเดินเข้ามา
“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะพร”
“เสร็จแล้วค่ะ พรขอตัวนะคะ”
พิไลพรไม่รอให้หม่อมสรัสวดีอนุญาต รีบเก็บอุปกรณ์เดินออกไป เทพรอจนพิไลพรเดินออกไป
“หม่อมตั้งใจขัดจังหวะผม!”
“คุยกันตรงนี้คงไม่เหมาะมั้งคะคุณเทพ เดี๋ยวเมียๆคุณมาได้ยิน สิ่งที่คุณลงทุนทำมาทั้งหมดมันจะสูญเปล่า”
หม่อมสรัสวดียิ้มอย่างมีไมตรีให้ เทพคล้อยตาม
พวงทองวางสำรับข้าวให้ทิวที่ทำแผลเรียบร้อยแล้ว พวงทองมองทิวอย่างเอ็นดู
“เจ็บตัวได้ทุกวันสิน่าเรา”
ทิวยังนั่งเฉย
“พี่จำได้นะ ว่าตอนเด็กๆพี่เป็นคนทำแผลให้ทิวทุกวัน เพราะความซน จนคุณแม่บ่นว่าไม่ไหวจะดูแลแล้ว เลยโยนให้เป็นหน้าที่ของพี่แทน”
“พูดถึงมันอีกทำไม”
“เพราะพี่คิดถึงสายสัมพันธ์ของเราน่ะสิทิว”
“มันขาดหายไปตั้งแต่วันที่พี่ยอมเป็นเมียมัน”
พวงทองอึ้ง ไม่กล้าบอกน้องว่าถูกข่มขืน
“ทิว...คุณเทพเป็นคนดี ทิวได้อ่านจดหมายของคุณพ่อแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมทิวยังไม่เชื่ออีก”
ทิวชะงัก คิดถึงจดหมายที่พวงทองเอามาให้อ่านเมื่อคืนก่อน
ทิวเปิดจดหมายอ่านเห็นลายมือเป็นตัวหวัด แต่อ่านง่าย สะอาดตา สวยงาม
“ถึง...มิตร...ฉันรู้ว่านายไม่พอใจที่ฉันไม่เอาเรื่องเทพ แต่ฉันเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย...ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรที่จะแสดงได้ว่าเทพกำลังจะคิดโกงฉัน นอกจากคำพูดของนาย ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้”
ทิวหยุดอ่านเพียงเท่านี้
ในอดีต...ทัดอยู่ในในห้องทำงานซึ่งเป็นห้องเดียวกับที่เทพทำงานอยู่ เขากำลังนั่งเขียนจดหมายอยู่ เทพเดินเข้ามา ทัดหยุดเขียนจดหมายทันที เงยหน้ามองเทพ ที่ทำหน้าเศร้าเสียใจมาก ทัดลุกขึ้นมาหา
“มีอะไร”
“พี่ทัด...ผมขอโทษ”
เทพคุกเข่าลง
“เทพ นายจะทำอะไร”
เทพก้มลงกราบ ทัดรีบจับตัวเทพให้ลุกขึ้นมา
“เทพ อย่าทำแบบนี้”
“พี่เป็นเหมือนพี่เหมือนพ่อคนที่สองของผม ถ้าไม่ได้พี่ผมคงไม่มีวันนี้...พี่รู้ใช่มั้ย”
“ฉันรู้”
“ถ้าผมคิดอกตัญญูกับพี่ ขอให้ผมมีอันเป็นไปภายใน...”
เทพยังพูดไม่จบทัดรีบขัด
“ไม่เอาเทพ อย่าแช่งตัวเอง ฉันไม่เชื่อในสิ่งที่คนกล่าวหานาย ไม่ใช่ด้วยแค่คำพูดยืนยันความบริสุทธิ์ใจของนาย แต่เป็นเพราะสิ่งที่นายทำเคียงบ่าเคียงไหล่ฉันมาตลอดเวลาต่างหาก”
“ขอบคุณครับ...พี่ทัด”
เทพยิ้มซึ้งในน้ำใจของทัด
ทิวอ่านจดหมายต่อ
“เทพเป็นคนดี แกเชื่อฉันเถอะมิตร เลิกสงสัยในเจตนาของเทพได้แล้ว ฉันรอการกลับมาของแก ลูกน้องคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุด...จากทัด”
ทิวพับจดหมาย ไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้อ่าน
ทิวตะคอกลั่น
“ผมไม่เชื่อ นี่อาจจะเป็นจดหมายปลอม”
“จำลายมือพ่อตัวเองไม่ได้หรือไง”
ทิวอึ้ง
“พ่อหลงกลมัน พี่ก็หลงเสน่ห์มัน ทุกคนต่างก็เชื่อมัน แต่ไม่มีใครเชื่อผม”
“เพราะทิวอคติ และไม่มีสติ ความบุ่มบ่ามของทิวมีแต่จะทำให้ทิวเดือดร้อนและไม่มีความสุข ฟังพี่บ้างสิ พี่มีแต่ความหวังดีให้ทิวนะ”
ทิวอึ้ง พวงทองมองหน้าทิวด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างจริงใจ ทิวเบือนหน้าหนี
“พี่กลับล่ะ”
พวงทองเดินออกไป ก่อนจะหันมาพูดเบาๆกับทิว
“พี่ไม่ได้หลงเสน่ห์เขา...แต่เมื่อเขาไม่ได้ทำอย่างที่ทิวกล่าวหา ในฐานะภรรยา พี่ก็ต้องปกป้องเขา”
ทิวยิ่งโกรธ ปัดสำรับข้าวเกลื่อนกระจาย พวงทองสะดุ้งด้วยความตกใจและเสียใจกับการกระทำของน้องชาย ก่อนจะเดินออกไป ทิวลงนั่ง อกแทบจะระเบิด ก่อนที่เขาจะชะงัก คิดบางอย่างได้
ทิวเปิดจดหมายของพ่อออกอ่านอีกครั้ง....
“แสดงว่าลุงมิตรคิดเหมือนเรา...แต่ลุงมิตรตายไปแล้ว”
ทิวคิดถึงภาพลุงมิตรเมื่อครั้งยังทำงานคุมคนงานตัดอ้อย ลุงมิตรคนใจดีและมีเมตตา ทิวลงนั่งรู้สึกเครียด
หญิงมานศรีนอนคิดมากอยู่บนเตียง คิดถึงสายตาของเทพเมื่อสักครู่ที่มองหญิงมานศรีด้วยความลึกซึ้ง
“บ้าน่า...เขาคงไม่คิดอะไรกับเราอย่างนั้นหรอก”
หม่อมสรัสวดีเดินเข้ามาหา หญิงมานศรีผุดลุกขึ้นนั่ง
“หม่อมแม่ไปไหนมาคะ หญิงไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ”
“แม่ไปคุยกับคุณเทพมาจ๊ะ”
หญิงมานศรีหน้าแดง หลบสายตาหม่อมสรัสวดีทันที
“เหรอคะ คุยเรื่องอะไรคะ”
“ลูกหญิง แม่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็หลายปี มีเหรอที่แม่จะดูสายตาคุณเทพไม่ออกว่าคิดยังไงกับลูกหญิง”
“เขาคิดยังไงกับหญิงคะ”
“ลูกเองก็เป็นคนฉลาด คงจะรู้ว่าเขาคิดยังไงเหมือนกัน”
“หญิงไม่กล้าคิดค่ะ”
“ไม่คิดน่ะดีแล้วลูก...ถึงคุณเทพจะเป็นคนดีและเป็นสุภาพบุรุษแค่ไหน แต่เขาเองก็มีพันธะ ถึงจะไม่ใช่ตามกฎหมาย”
หญิงมานศรีอึ้ง
“หญิงคิดว่า หม่อมแม่จะ...”
“สนับสนุนคุณเทพให้ลูกหญิงเหรอ คิดแบบนั้นได้ยังไง”
“หญิงขอโทษค่ะ เรียนตรงๆ ว่าหญิงเคยคิด...แต่หญิงไม่ควรฟังใคร นอกจากเสียงในหัวของตัวเอง”
“จ๊ะ ถูกแล้ว เพราะเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกหญิง ทำให้เขายับยั้งชั่งใจและให้สัญญาลูกผู้ชายกับแม่ว่าจะหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้...จะมีเพียงความเป็นพี่ชายและน้องสาวเท่านั้น ลูกหญิงเชื่อเขามั้ย”
หญิงมานศรีโล่งอก
“ค่ะ หญิงเชื่อคุณเทพ คุณเทพเป็นคนดี”
“ดีมากจ๊ะลูก”
หม่อมสรัสวดีลูบหัวลูกสาวด้วยความรักและอ่อนโยน โดยที่หญิงสาวไม่รู้ว่าความจริงแล้วสิ่งที่เทพและหม่อมสรัสวดีคุยกันมันคนละเรื่อง
เทพนอนแช่น้ำอยู่ในอ่าง พลางคิดถึงสิ่งที่คุยกับหม่อมสรัสวดี เมื่อครู่ที่ผ่านมา
“ทำอะไรลงไป อยากให้ลูกหญิงหนีไปจากที่นี่หรือไง”
“ผมรักคุณหญิงมากนะครับหม่อม ผมเก็บความรู้สึกนั้นไว้อีกไม่ได้แล้ว”
“แต่คุณทำให้ลูกหญิงตกใจ ทั้งๆที่ตอนนี้ลูกหญิงเริ่มไว้วางใจคุณแล้ว ทำแบบนี้ ไม่ฉลาดเลย”
เทพแอบไม่พอใจที่ถูกหม่อมสรัสวดีด่า แต่ทำเป็นเสียใจ
“ผมขอโทษ...แล้วผมต้องทำยังไง”
“ฉันจะจัดการเอง แล้วจำไว้ ต่อไปนี้ห้ามแสดงความรู้สึกต่อลูกหญิงแบบนั้นอีก ถ้าอยากได้หงส์งาม ก็อย่าบุ่มบ่าม ไม่งั้นก็คงได้แค่อีกาไปนอนกก”
หม่อมสรัสวดีเดินออกไป เทพมองตามหม่อมสรัสวดี เจ็บใจ
เทพเจ็บใจหงุดหงิด
“ออกคำสั่งดีนักนังแก่! รอให้ฉันได้ครอบครองหงส์งามซะก่อนเถอะ แกจะถูกฉันเอาคืน”
ขวัญตาเดินเข้ามา ในชุดนอนยั่วยวน
“หงุดหงิดอะไรอยู่คะ ขวัญตานวดให้เอามั้ย จะได้หายเครียด”
เทพตะคอกทันที
“ใครใช้ให้เธอเข้ามาตอนนี้”
ขวัญตาตกใจ กลัว
“ก็คุณเทพบอกว่าคืนนี้จะมาหาขวัญตา”
“ก็ไปรอที่ห้องสิ เดี๋ยวฉันไปเอง ไป๊!”
ขวัญตาตกใจ รีบเดินออกไป เทพทิ้งตัวลงให้จมน้ำเพื่อดับความร้อนรุ่ม
ขวัญตาปิดประตูห้องเทพยืนตกใจ และเสียใจอยู่ ผ่องทิพย์ที่หน้ายังเป็นริ้วๆเดินมา
“หึ...คิดว่าคืนนี้จะแย่งเวลาของฉันไปได้สำเร็จงั้นสิ”
“สำเร็จหรือไม่สำเร็จเดี๋ยวก็รู้ นังหน้าหนาม”
ผ่องทิพย์เจ็บใจ ข่วนหน้าขวัญตาอย่างแรง
“นี่แน่!”
ขวัญตาหน้าหัน
“โอ๊ย”
ขวัญตาหันมาอีกทีเลือดซิบๆที่แก้ม โกรธมากจิกหัวผ่องทิพย์มาตบๆ ผ่องทิพย์ก็ไม่ยอมแพ้ จิกตีกับขวัญตาไม่เลี้ยง เทพกระชากประตูออกมาอย่างแรง สองสาวชะงัก เทพมองอย่างไม่พอใจ ตะคอกไล่
“ไปตีกันที่อื่น รำคาญ คืนนี้ฉันจะนอนคนเดียว!”
เทพสังเกตเห็นหน้าของผ่องทิพย์ นึกรังเกียจ
“อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ จนกว่าแผลจะหาย”
เทพปิดประตูกระแทกดังปัง สองสาวหันมามองหน้ากัน แล้วร้องกรี๊ดใส่กัน หม่อมสรัสวดียืนดูอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างพึงพอใจ เดินออกไป ยิ้มอารมณ์ดี
เช้าวันใหม่...ทิวกำลังเดินเข้าโรงงาน ทันใดนั้นเสียงขวัญตาดังขึ้น
“พี่ทิว...”
ทิวชะงัก หันไปเห็นขวัญตายืนหน้าเศร้าอยู่
“ขวัญตามีเรื่องจะคุยด้วย”
ทิวหันเดินหนี ขวัญตายังตาม
“เดี๋ยวก่อนสิพี่ทิว หยุดก่อน”
ทิวหยุดชะงัก ถอนใจ
“กลับไปอยู่ในที่ของเธอ”
“ขวัญตากำลังมีเรื่องทุกข์ใจนะพี่ ขวัญตาไม่รู้จะไปปรึกษาใคร”
“ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธออีกต่อไปแล้ว”
ขวัญตาตกใจน้ำตาร่วง ทิวอึ้งเมื่อเห็นน้ำตาของอดีตคนรัก
ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.
เทพคุยกับหญิงมานศรีอยู่หน้าห้องทำงาน
“แน่ใจนะครับว่าจะไปเอง”
“เป็นหน้าที่ของหญิงค่ะ ถ้าหญิงไม่กล้าเผชิญหน้า หญิงก็จะไม่มีทางหลุดพ้นจากความกลัว และถ้าเขารู้ว่าหญิงกลัว...เขาจะยิ่งได้ใจ”
“ตามใจ ผมจะให้นายล้วนคอยช่วยดูคุณหญิงอยู่ห่างๆ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณเทพ สำหรับ...เอ่อ...”
“พี่ชายต้องปกป้องน้องสาวครับ คุณหญิง”
หญิงมานศรียิ้มอย่างโล่งอก
“ค่ะ หญิงเองก็จะทำงาน และช่วยดูแลพี่ชายคนนี้เท่าที่น้องสาวคนหนึ่งจะทำได้ค่ะ”
เทพยิ้มให้หญิงมานศรีดูจริงใจว่าเป็นพี่ชายมาก แต่ในใจช่างเต็มไปด้วยราคะ แรงปรารถนาในตัวหญิงสาว
ทิวลากตัวขวัญตา ผลักไสให้ออกไปจากโรงงาน
“ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าเธอ”
“ใช่สิ...เพราะตอนนี้มีแต่หน้าของนังคุณหญิงนั่นอยู่เต็มสองตาล่ะสิ เลยไม่อยากเห็นหน้าฉันอีก”
“ฉันยอมตาบอดซะดีกว่า ที่จะต้องเห็นหน้าผู้หญิงมักมากอย่างเธอสองคน”
ทันใดนั้นเสียงหญิงมานศรีดังขึ้น
“คงจะไม่ได้หมายถึงฉันด้วยใช่มั้ย”
ทิวกับขวัญตาชะงัก หันไป หญิงมานศรีเดินมาอย่างมั่นคง
“ฉันเอาเอกสารสำหรับกรรมการผู้ถือหุ้นมาให้เซ็นรับทราบ กรุณาเซ็น ฉันจะรอรับกลับไปเลย”
ทิวปัดเอกสารจนกระจาย
“ไม่เซ็น!”
ทิวเดินหนีไป หญิงมานศรีพยายามสงบอารมณ์ ขวัญตาไม่พอใจจึงพูดถากถาง
“แหม...คุณหญิง อุตส่าห์ลงทุนมาเองเลยเหรอ”
“ค่ะ เพราะเป็นหน้าที่”
“ไม่ใช่เพราะติดใจรสสวาทของพี่ทิวหรอกเหรอ เห็นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกลางป่ากลางเขา เลยต้องมาหาให้สมกับความคิดถึง”
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง...”
“ฉันทำไม”
“คนเราทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจ และก็อย่าคิดว่าหญิงจะเป็นเหมือนคุณนะ ที่หิวสวาทอยู่ตลอดเวลา จนไม่เป็นอันทำอะไร คนที่ติดใจนายทิวน่าจะเป็นคุณมากกว่า...ถ่านไฟเก่าคุขึ้นมาหรือไงคะ อย่าสนุกจนลืมล่ะว่าตอนนี้ตัวเองเป็นภรรยาของใคร”
หญิงมานศรีพูดจบรีบเก็บเอกสารแล้วเดินลิ่วออกไปทันที ขวัญตายืนอึ้ง ด่าตอบไม่ทัน
“นังผู้ดีมันด่าเป็นด้วย มันด่าฉัน กรี๊ด!”
ทิวสวมแจ็กเก็ตทับ กำลังจะออกไปข้างนอก หญิงมานศรีตามเข้ามายื่นเอกสารให้
“เซ็นค่ะ”
“ไม่เซ็น!”
หญิงมานศรีวางไว้ข้างหน้าเขา
“เซ็นค่ะ”
ทิวทำท่าจะปัดทิ้งอีก แต่หญิงสาวรีบกระชากกลับเอาไปได้ ก่อนที่มันจะปลิวกระจายอีกรอบ
“ดื้อด้าน!”
“นายต่างหากที่ดื้อด้าน”
“เฮ้ย!”
“และหยาบคาย”
“พูดอีกคำเดียวนะ...”
“ไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
“เธอ!”
ทิวฉุนกึกโผเข้าหา
“ฉันจะตะโกนให้คนช่วย”
ทิวยั้งไว้แต่ต้องรีบไป
“ถอยไป!”
“ไม่ถอย จนกว่าจะได้ลายเซ็นของนาย”
หญิงมานศรียื่นเอกสารให้
“ไม่ถอยเหรอ ได้...”
ทิวหอบหญิงมานศรีขึ้นบ่าแล้วเดินออกไปเลย
“ว้าย ทำอะไร ปล่อยนะ ปล่อย ช่วยด้วย!”
“แหกปากไปเหอะ ไม่มีใครกล้าหรอก คุณหญิงเลขา หึๆๆๆๆ”
ทิวอุ้มหญิงมานศรีเดินออกไป
ทิวแบกหญิงมานศรีมาตามทางเดิน คนงานมองกัน ตะลึง หญิงมานศรีอายมาก
“ปล่อยฉัน!”
“เห็นมั้ย มีใครกล้ายุ่งที่ไหน ทีหลังอย่ามาขู่ เพราะฉันไม่กลัว”
เข้มวิ่งมา
“นาย จะพาคุณหญิงเลขาไปไหน”
“ไปเคลียร์!”
หญิงมานศรียิ่งตกใจ
“ว้าย ช่วยฉันด้วย นายเข้ม!”
“เรื่องของนาย ผมยุ่งไม่ได้ครับ ขอโทษครับคุณหญิงเลขา”
เข้มเดินถอยหลังไป ทิวหัวเราะลั่น แบกหญิงมานศรีเดินต่อไป
ทิวแบกหญิงมานศรีมาที่ลานจอดรถ หญิงสาวทุบหลังเขาปั่กๆๆๆ
“โอ๊ย!”
ทิววางหญิงมานศรีลง
“บอกมา จะเซ็นดีๆหรือจะให้ฉัน...”
ทิวมองหน้าท้าทาย
“จะทำอะไรฉัน!”
“นายไปไหน ฉันก็จะตามไปด้วย คอยดูสิ จนกว่านายจะยอมเซ็นเอกสารให้ฉัน”
“ตามใจ อยากไปก็ไป ไม่ได้ห้าม”
ทิวขึ้นรถไป สตาร์ท เร่งเครื่องจะออกรถ
“เดี๋ยวก่อน รอด้วย!”
หญิงมานศรีรีบเปิดประตูรถขึ้นตามไปแทบไม่ทัน เพราะทิวออกตัวแล้ว
“ช้าๆสิ ฉันยังขึ้นไม่เรียบร้อยเลย”
รถของทิววิ่งฉิวแล่นไป
ลุงมิตรเดินมานั่ง ในสวนหย่อมของโรงพยาบาล พิไลพรตามมาดูแล
“ลุง นั่งตรงนี้นะ อยากมาดูต้นไม้ใช่มั้ย”
ลุงมิตรพยักหน้า
“เดี๋ยวพรมารับนะ อย่าเดินไปไหนนะ”
ลุงมิตรพยักหน้าอีก พิไลพรเดินไปดูอยู่ห่างๆ เพื่อนพยาบาลเดินมาคุยกับพิไลพร ลุงมิตรมองต้นไม้ แล้วเหม่อมองออกไปนอกถนน เห็นรถ เห็นคนขวักไขว่ ลุงมิตรปวดหัว พิไลพรหันมามองอีกที แต่ลุงมิตรไม่อยู่เสียแล้ว
“คนไข้หายไปไหน!”
ลุงมิตรปวดหัวอย่างรุนแรงเดินมาผ่านตรอกแคบๆ รีบเข้าไปนั่งคุดคู้ หลบเสียงอื้ออึงในนั้น พิไลพรวิ่งผ่านหน้าตรอกนั้นไป โดยไม่ได้สังเกตเห็น เธอวิ่งผ่านไป ลุงมิตรมองไปรอบๆเห็นเสื้อเป็นผ้าขี้ริ้วเก่าๆ เป็นเสื้อม่อฮ่อมคนงานใช้ใส่เวลาตัดอ้อย เขามองคุ้นๆ แล้วหยิบขึ้นมาใส่
พิไลพรกับเพื่อนพยาบาลวิ่งมาเจอกัน
“เจอมั้ย แต้ว”
“ไม่เจอ”
“ฉันก็ไม่เจอ ซวยแล้วฉัน ลุงเอ๊ย ลุง ไปไหนของเขานะ”
พิไลพรและเพื่อนพยาบาลกลุ้มใจที่ตามหาลุงมิตรไม่เจอ
ทิวแกล้งขับรถแร็วและซิ่ง เหลือบมองดูหญิงมานศรีที่กำลังยึดตัวเองไว้กับที่จับข้างประตูด้วยความเสียวอย่างสะใจ
“กลัวล่ะสิ!”
“มีใครไม่กลัวตายบ้าง”
“แล้วตามมาทำไม”
“ถ้ารู้ว่านายจะขับรถเหมือนกับอยากจะไปตายแบบนี้ก่อนล่วงหน้า ฉันคงไม่ตามมา”
“เก่งก็เก่งให้ตลอด ไม่ต้องมาอ้างข้างๆคูๆ”
ทิวหักพวงมาลัยสวิงสวาย หญิงมานศรีเสียหลัก เซล้มมาซบเขา
“ว้าย!”
ทิวรีบสะบัดออก
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
“คิดว่าอยากนักหรือไง”
หญิงมานศรีปัดตามแขนตัวเอง แสดงความรังเกียจจนเห็นได้ชัด ทิวหมั่นไส้
“ต่อปากต่อคำนักนะ”
ทิวเร่งความเร็วขึ้นอีก หญิงมานศรีหลับตาปี๋
ลุงมิตรที่สวมเสื้อผ้าขี้ริ้วเดินมาเรื่อยเปื่อยตามถนน เห็นไร่อ้อยอยู่ตรงข้าม ลุงมิตรคุ้นๆ วิ่งข้ามถนนไปทันที ตัดหน้ารถของทิวที่วิ่งมาในระยะประชั้นชิด ทิวและหญิงมานศรีเห็นคนตัดหน้ารถ ตกใจ
“ระวัง!”
ทิวตะโกนลั่น “เฮ้ย...หลบไป!”
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 5(ต่อ)
รถของทิวจอดนิ่งสนิทห่างจากลุงมิตร ที่ตกใจตัวแข็งทื่ออยู่กลางถนนเพียงนิดเดียว หญิงมานศรีและทิวได้สติ รีบลงมาจากรถ
“ลุง...เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ยคะ”
“จู่ๆก็วิ่งตัดหน้ารถทำไมลุง”
หญิงมานศรีจำได้
“ลุง...ที่โรงพยาบาล”
ทิวกำลังหัวเสียโวยวายเสียดัง
“เกือบตายแล้วเห็นมั้ยเนี่ย!”
ลุงมิตรตกใจขึ้นไปอีก หญิงมานศรีหันไปปรามทิว
“อย่าเสียงดังได้มั้ย แค่นี้ลุงก็ตกใจจะแย่แล้ว”
ลุงมิตรวิ่งเตลิดไปยังฝั่งตรงข้ามของถนนทันที
“ลุง เดี๋ยวก่อนจะไปไหน...”
ทิวไม่สนใจ
“ไปไหนก็เรื่องของเขาสิ”
“เป็นเรื่องของเราเหมือนกัน...นายจำลุงคนนั้นไม่ได้หรือไง ลุงเขาออกมาจากโรงพยาบาลได้ยังไง...แสดงว่า หนีออกมา นายทิว เราต้องไปพาลุงกลับมา”
“อยากไปก็ไปคนเดียว”
หญิงมานศรีตัดสินใจวิ่งตามลุงไปทันที
“เฮ้ย...ไปจริงเหรอเนี่ยเดี๋ยวก่อน...จะไปไหน กลับมานี่”
หญิงมานศรีไม่ฟังวิ่งต่อไป ทิวเซ็ง รีบตามไปทันที
ลุงมิตรวิ่งหนีมาทางหนึ่ง หญิงมานศรีวิ่งไล่ตามมา
“ลุง เดี๋ยวก่อน...”
ทิวตามมารั้งตัวหญิงมานศรีเอาไว้ได้
“วิ่งมาคนเดียวแบบนี้ได้ไง บ้าหรือเปล่า”
“นายนั่นแหละบ้า ที่ไม่ช่วย อีกอย่าง นายเป็นคนทำลุงตกใจ จนวิ่งหนีเตลิดไปไหนก็ไม่รู้”
“ลุงเขาวิ่งมาตัดหน้ารถฉันเองนะ”
“แต่นายขับรถเร็ว ประมาท และลุงเขาต้องเกือบตายเพราะนาย”
ทิวอึ้ง
“ถ้าไม่คิดช่วยก็อย่ามาขวาง ฉันต้องพาลุงเขากลับโรงพยาบาล ปล่อย...คนไม่มีมนุษยธรรม”
หญิงมานศรีสะบัดจนหลุดจากทิว วิ่งตามหาลุงมิตรต่อไป ทิวเจ็บใจตัดสินใจ ตามไปช่วยลุงมิตร
เทพตบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโห เมื่อล้วนมารายงาน
“คุณหญิงไปกับไอ้ทิว ไปไหน!”
“ไม่มีใครรู้ครับ ว่านายทิวไปไหน ไม่ได้บอกใครเอาไว้”
“ออกไปตามหาเดี๋ยวนี้! ฉันไม่ไว้ใจมัน มันอาจจะทำร้ายคุณหญิง...เพื่อให้ฉันเจ็บใจ”
“ครับ นายใหญ่”
ล้วนเดินออกไป เทพอารมณ์เสียสุดๆ
ลุงมิตรวิ่งหนีมา หลบไปทางหนึ่ง เหยียบโคลนบนพื้นเป็นรอยเท้า หญิงมานศรีวิ่งตามหา
“ลุงคะ ลุง ไม่ต้องกลัวนะคะ ลุง ออกมาเถอะค่ะ ฉันมาดี ฉันจะพาลุงไปหาพิไลพรนะ”
ทิววิ่งเข้ามา
“ลุงเขาคงจะยืนฟังเธออยู่หรอกมั้ง...ทำอะไรไม่คิด”
“ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรแล้วมาคอยป่วนประสาท บอกแล้วไง ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้อง”
ทิวตัดบทชี้มือไป
“ฉันจะไปทางโน้น เธอไปทางนั้น”
หญิงมานศรีจะไป นึกขึ้นได้
“แต่ฉันไม่รู้ทาง ถ้าฉันหลงล่ะ”
“งั้นเธอก็ไปกับฉัน เว้ย...ทำตัวเป็นภาระจริงๆ”
ทิวลืมตัวจับมือหญิงสาวเอาไว้ หญิงมานศรีสะบัดออก
“ไม่ต้องจับ ไม่ใช่เด็ก ไปเองได้ ไม่อยากเป็นภาระของใคร”
หญิงสาวออกเดินนำไปทางเดียวกับชายหนุ่ม
“เดินนำน่ะ ไปถูกหรือไง”
หญิงมานศรีชะงักหน้าแตก แต่ทำฟอร์ม...ยืนนิ่ง ทิวเหลือบไปเห็นรอยเท้าของลุงมิตรบนโคลนที่พื้น รีบบอก
“ไปทางนี้...ไม่ใช่ทางนั้น”
“แล้วทำไมไม่บอกซะตั้งแต่ทีแรก นำไปสิ”
ทิวออกเดิน ก่อนจะหันมาชี้แจง
“ที่ฉันไปช่วย...ไม่ใช่เพราะคำสั่งของเธอ แต่เพราะฉันก็มีมนุษยธรรม รู้ไว้ซะ”
หญิงมานศรีไม่รู้ไม่ชี้ แต่แอบดีใจที่ทิวไปตามลุงมิตรด้วย ทิวส่ายหัวรีบเดินไป หญิงสาวค่อยเดินตามไปอย่างหมั่นไส้
ลุงมิตรเดินข้ามทางน้ำในทุ่งนาไปจับต้นไม้ เพื่อช่วยดึงตัวเอง จนกิ่งไม้หัก ลุงมิตรรีบลุกขึ้น วิ่งต่อไป ทิวเดินนำหญิงมานศรีมาถึงลำธาร วิ่งข้ามไปอย่างแคล่วคล่อง แต่เธอเดินอย่างทุลักทุเล หวาดเสียว ไม่คล่องเหมือนเขาจนลื่นล้มลง
“โอ๊ย!”
ทิวตกใจ หันไปมอง
“มา ฉันช่วย!”
ทิวรีบเดินไปหา ส่งมือให้
“ไม่ต้อง! บอกแล้วไง ว่าไม่ชอบเป็นภาระของใคร”
“ตามใจ!”
ทิวหันเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ หญิงมานศรีพยายามลุกขึ้นเอง แต่ลำบากเหลือทน ทิวแอบมองด้วยหางตา เห็นว่าเธอลำบาก อยากจะช่วย แต่ทำใจแข็ง ไม่สนใจ ปล่อยให้ช่วยตัวเองอยู่อย่างนั้น
พนักงานรีบออกมาจากห้องเทพ ปิดประตูแทบไม่ทัน พนักงานหน้าตาตื่น พวงทองเข้ามามองอย่างสงสัย
“เป็นอะไร”
“นายใหญ่โมโหใหญ่เลยค่ะ ไม่รู้ว่าโมโหเรื่องอะไร”
พนักงานเดินออกไป พวงทองแปลกใจ ตัดสินใจ เดินเข้าไปเคาะประตูห้อง
“ใครอีกวะ!”
พวงทองพยายามใจเย็น
“ฉันเอง...พวงทอง”
เสียงในห้องเทพเงียบๆไป พวงทองเปิดประตูเข้าไป
“มีอะไร!”
“ฉันกำลังจะไป...”
“จะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาบอกให้ฉันรับรู้”
“แต่ทุกครั้งที่ฉันจะไปทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่ ถ้าฉันไม่บอกคุณ คุณก็จะโกรธฉัน...ตกลงจะเอายังไงกันแน่”
เทพอึ้ง...
“งั้นต่อไปนี้ ฉันคงไม่จำเป็นต้องบอกคุณอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
เทพของขึ้น พาล
“ประชดฉันทำไม”
“ฉันไม่ได้ประชด แค่ตั้งคำถาม”
“นั่นแหละเขาเรียกว่าประชด ทำไม พูดดีๆกับฉันไม่เป็นเลยใช่มั้ย”
เทพจับพวงทองลงมานั่งที่เก้าอี้อย่างแรง แล้วจับหน้าพวงทองบีบอย่างกักขฬะ
“พูดดีๆเป็นมั้ย!”
“พูดแล้ว!”
“เขาไม่ได้เรียกว่าดี เขาเรียกว่า...ไม่ได้เต็มใจพูด ฉันบอกให้พูดกับฉันดีๆ”
พวงทองปิดปากแน่นสนิท รู้สึกเจ็บจนน้ำตาซึม
“ฉันเจ็บ!”
“ขอร้องฉันสิ ให้ฉันปล่อยเธอ ขอร้องดีๆ อ้อนวอนฉัน ให้ฉันเห็นใจเธอ”
“ฉันเจ็บ!”
เทพเดือดที่พวงทองไม่ทำตามคำสั่ง เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะเทพชะงัก พวงทองผลักเทพออกไป
“ใคร!”
เสียงล้วนดังเข้ามา
“ผมล้วนครับนายใหญ่!”
เทพมองพวงทองอย่างเจ็บใจ พวงทองเชิดหน้า จัดเสื้อผ้าให้เข้ารูป แล้วเปิดประตูเดินออกไปทันที ล้วนหลบให้แล้วเข้ามาหาเทพ
“ว่าไง...”
“ลูกน้องผมรายงานมาว่า เจอรถนายทิวจอดทิ้งไว้ที่ข้างทาง ใกล้กับที่นาของผู้ใหญ่เดชครับ”
เทพประหลาดใจ ว่าทิวและหญิงมานศรีไปทำอะไรที่นั่น
“มันกับคุณหญิง...ไปทำอะไรที่นั่น!”
“กำลังออกไปตามหากันอยู่ครับ นายใหญ่”
“ตามหาให้เจอ เร็วที่สุด ถ้าคุณหญิงถูกนายทิวทำอะไรแม้แต่เพียงปลายเล็บ ลูกน้องแก ตาย”
เทพเดินออกไปจากห้องอย่างฉุนเฉียว ล้วนถอนหายใจ กลุ้มใจกับคำสั่งของเจ้านาย
ทิวยืนเท้าเอวรอหญิงมานศรีให้เดินข้ามทางน้ำมาอย่างพยายามใจเย็นที่สุด แต่ก็เร่ง
“เร็วๆสิ อืดอาดเป็นไส้เดือน ป่านนี้ลุงคนนั้นหนีข้ามประเทศไปแล้วมั้ง!”
“เกินไป! เร็วแล้ว”
“เร็วอีก”
“อย่าเร่งได้มั้ย”
“ไม่ได้ เร็วเข้า เร็วๆ ได้ยินมั้ย บอกว่าให้เร็วๆ”
หญิงมานศรีเจอเร่งเร้า เลยต้องรีบเร่งแต่ก็ลื่นอีก คราวนี้ถลาหน้าคว่ำไปหาเขา ทิวตกใจ จะรับ แต่นึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวเคยพูดเอาไว้ว่าไม่รับความช่วยเหลือ เลยปล่อยให้ล้มไป
“ว้าย!โอ๊ย...” หญิงมานศรี ยกศอกขึ้นดู เลือดซิบๆ “คนใจร้าย ทำไมไม่รับตัวฉันเอาไว้ ปล่อยให้ล้มทำไม!”
“ไหนบอกว่า...ไม่ชอบทำตัวเป็นภาระของใครไงครับคุณหญิง”
“นายแกล้งฉัน!”
“ไม่ได้แกล้ง เอาจริง ลุกขึ้น อย่ามามัวสำออย เร็วๆ”
หญิงมานศรีพยายามลุกอย่างลำบาก ทิวไม่รอ
“ช้านัก เดี๋ยวก็ทิ้งไว้คนเดียวหรอก”
ทิวเดินลิ่วออกไป
“รอด้วยสิ!”
หญิงมานศรีพยายามวิ่งตามทิวไป เจ็บตัวก็เจ็บ แต่ก็อดทน
ลุงมิตรมาถึงเถียงนาร้าง นั่งพัก หอบเหนื่อย ค่อยๆลงนอนนิ่งๆ ทิวและหญิงมานศรีเดินเข้ามา เห็นลุงมิตร หญิงมานศรีดีใจจะตะโกนเรียก แต่ทิวเอามือปิดปากเอาไว้ซะก่อน
“อย่าเพิ่งเรียก”
“ทำไมล่ะ”
“จะให้แกตกใจ วิ่งหนีไปอีกรอบหรือไง”
“แล้วต้องทำไงล่ะ”
“อยู่เฉยๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“นายจะทำอะไร”
“บอกว่าให้อยู่เฉยๆ...เดี๋ยวก็โดนจัดการก่อนหรอก”
หญิงมานศรีผงะ รีบถอยห่างทันที ทิวค่อยๆเดินไปหาลุงมิตรที่นอนนิ่งอยู่ หญิงมานศรีมองลุ้นอยู่ห่างๆ
เทพเดินเข้ามาในคฤหาสถ์ ตะโกนลั่น
“มีใครอยู่บ้าง!”
ขวัญตารีบวิ่งเข้ามาเสนอหน้าทันที
“ขวัญตาอยู่นี่ค่ะ”
“ฉันไม่ได้อยากเจอเธอ พวงทองอยู่ไหน กลับมาหรือยัง”
“ไม่ทราบค่ะ”
เทพเดินเข้าข้างในไปอย่างหงุดหงิด ขวัญตาน้อยใจมาก...ผ่องทิพย์แอบดูเทพอยู่ที่มุมหนึ่ง ไม่กล้าเข้ามา เพราะหน้าตัวเองยังไม่หายดี
ทิวย่องเข้ามาพบว่าลุงมิตรนอนนิ่งอยู่ ทิวรู้สึกว่าผิดปกติ เขย่าตัวเบาๆ แต่ลุงมิตรก็ยังไม่รู้สึกตัว
“ลุง...ลุง...”
ลุงมิตรไม่รู้สึกตัว ทิวรีบเข้าไปเช็กอาการทันที เขาก้มฟังหัวใจ เอามืออังที่จมูก หญิงมานศรีรีบเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น ลุงเขาเป็นอะไร”
“สลบ ไม่รู้สึกตัวเลย หัวใจวายหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ทำอะไรสักอย่างสิ”
“ไม่ต้องสั่งก็กำลังจะทำอยู่นี่ไง”
ทิวประคองลุงมิตร หิ้วปีก แล้วหันไปตะคอกหญิงมานศรีที่ยืนงงๆ ตกใจอยู่
“ยืนบื้ออยู่ทำไม มาช่วยกันสิ”
“ช่วยยังไง”
“ทำแบบที่ฉันทำ เร็วสิ!”
ทิวเสียงดังทำให้เธอตกใจ
“ได้!”
หญิงมานศรีรีบเข้าไปหิ้วปีกลุงมิตรอีกข้าง ทั้งสองคนรีบออกแรงดึงขึ้นมา
ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.
ลูกน้องล้วนพากันออกตามหาทิว และหญิงมานศรีแยกย้ายไปตามหาคนละทาง เมื่อออกมาจากป่าอ้อย มองไปที่ข้างถนนที่รถของทิวเคยจอดอยู่ แต่ปรากฏว่ารถหายไปแล้ว
“เฮ้ย...รถมันหายไปแล้ว!”
ทิวกับหญิงมานศรี พาลุงมิตรมาส่งที่โรงพยาบาล พิไลพรเข็นเตียงที่มีลุงมิตรนอนไม่ได้สติอยู่เข้าไปในห้องฉุกเฉินกับเพื่อนพยาบาล ครู่หนึ่งก็ออกจากห้องมา
“ขอบคุณมากนะคะคุณทิว”
พิไลพรหันไปบอกทิว หญิงมานศรีรีบแย้ง
“ต้องขอบคุณหญิง ที่เตือนสติให้เขาช่วยลุงเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม”
ทิวและพิไลพรอึ้ง...ทิวเซ็งจัด
“ขอบคุณทั้งสองคนล่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
พิไลพรรีบเดินเข้าห้องฉุกเฉินไป ทิวหันมามองหน้าหญิงมานศรีเอือมๆ ก่อนจะเดินออกไป
“เดี๋ยวจะไปไหน”
“จบเรื่องแล้ว ฉันก็จะไปธุระของฉัน”
ทิวเดินหนี หญิงมานศรีตาม
ทิวจะเปิดประตูรถ หญิงมานศรีเข้ามาปิด
“อะไรของเธออีกเนี่ย น่ารำคาญ”
“เรื่องของนาย...ยืนอยู่ตรงนี้”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าลืมว่า สถานะของเธอในตอนนี้เป็นลูกจ้าง...และฉันเป็นเจ้านาย”
“ไม่ลืมหรอก เมื่อนายเป็นเจ้านาย ก็ควรทำหน้าที่ของตัวเองให้สมกับเป็นนายคน ไม่ใช่คอยให้ลูกจ้างอย่างฉันต้องวิ่งไล่ถามหาความรับผิดชอบ”
“ความรับผิดชอบอะไร!”
หญิงมานศรีเดินไปเปิดประตูรถอีกข้าง หยิบเอกสารเดินมาส่งให้ทิว
“เซ็นค่ะ!”
ทิวถอนใจกับความดื้อ และตื๊อของหญิงสาว เขากระชากเอกสารมาจะเซ็น...
“ปากกาล่ะ จะให้กัดนิ้วตัวเองเซ็นด้วยเลือดหรือไง”
“ท่าทางจะชอบดูหนังจีนกำลังภายในนะ”
ทิวตะคอก
“ปากกา!”
หญิงมานศรีตกใจ รีบส่งให้
“นี่ ปากกา”
ทิวประชากปากกามาจะเซ็นเอกสาร แต่เปลี่ยนใจยัดส่งคืนให้ หญิงมานศรีรับมาแทบไม่ทัน
“อะไรของนายอีกเนี่ย!”
“ยังไม่มีอารมณ์”
ทิวรีบขึ้นรถ หญิงมานศรีตามอย่างไม่ยอมลดละ
พวงทองอยู่หน้าสถูปที่เก็บกระดูกพ่อแม่ เธอวางพวงมาลัยบนป้ายรูปพ่อกับแม่ แล้วยืนมองอย่างอาลัยรัก กลิ่นยอบตัวอยู่ใกล้ๆ
“ไปรอที่รถไป”
“ค่ะ”
กลิ่นออกไป เหลือเพียงพวงทองตามลำพังแล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ตัวโยน ดั่งทำนบของความเก็บกดได้พังลง...
พวงทองเริ่มสงบลง หลังจากที่ร้องไห้อย่างหนัก...กลิ่นเดินเข้ามาเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
“คุณพวงทองคะ กลับกันหรือยังคะ”
พวงทองรีบเช็ดน้ำตา
“เดี๋ยวตามไป”
กลิ่นเดินออกไป พวงทองหันมองรูปพ่อกับแม่อีกครั้ง
“คุณพ่อ คุณแม่คะ...วันที่หนูหมดกรรมและตามคุณพ่อคุณแม่ไป วันนั้นหนูคงไม่ต้องร้องไห้เสียน้ำตาให้ผู้ชายคนนั้นอีก...ต่อให้เขาทำดีกับหนูมากแค่ไหน แต่หนูจะไม่มีทางใจอ่อนยอมให้ความเกลียดชัง กลายเป็นความรักเด็ดขาด หนูจะไม่มีวันรักเขา...ไม่มีวัน!”
พวงทองพยายามรวบรวมความเข้มแข็ง ไหว้ลาสถูปพ่อกับแม่ ค่อยๆเดินจากไป รูปของทัดและบุษบาที่ติดที่สถูปนั้น มองตามหลังพวงทองไป
รถของทิวจอดลงไหล่ทาง เขาลงมาจากรถ อ้อมมาเปิดประตูฝั่งหญิงมานศรี เธอมองเขาอย่างแปลกใจ
“อะไร”
“ตอนนี้มีอารมณ์แล้ว”
หญิงมานศรีตกใจ รีบปิดป้องตัวเอง เข้าใจผิด คิดว่าโดนอีกแล้ว
“อย่านะ!”
ทิวส่ายหน้าเซ็งๆ
“มีอารมณ์เซ็นเอกสาร!”
หญิงมานศรีโล่งใจ
“เอามา ปากกาด้วย เร็วๆ”
หญิงมานศรีรีบส่งเอกสารและปากกาให้ ทิวรับมาเซ็น แล้วยัดคืนให้แล้วลากเธอลงมาจากรถ
“ว้าย จะทำอะไรฉัน”
“สุดทางของเธอแล้ว ต่อจากนี้ไป...ฉันจะไปคนเดียว”
“แล้วฉันจะกลับยังไง”
“เรื่องของเธอ อยากมาเอง ก็หาทางกลับเอาเอง”
“แต่ฉันไม่...”
“หม่อมราชวงศ์หญิงมานศรีครับ...อวดเก่งก็เก่งให้ตลอดรอดฝั่งสิครับ ถอยไป”
หญิงมานศรีสะดุ้งรีบหลบ ทิวขึ้นรถ หญิงสาวจะตามไปอีก แต่เขาเปิดกระจกโผล่มาตะคอก
“ขืนเธอขึ้นมา...ฉันไม่รับประกันความปลอดภัย อารมณ์เซ็นเอกสารที่ฉันมีเมื่อกี้ อาจจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์อื่น...หรืออยากเจอ!”
หญิงมานศรีหน้าตื่น
“ไม่!”
ทิวกระชากรถออกไปทันที หญิงมานศรีเจ็บใจมาก
“ไอ้คนโรคจิต อารมณ์แปรปรวน ใจดำ จะทิ้งกันจริงๆเหรอ”
หญิงมานศรีชักหวั่นใจมองไปรอบๆตัว เห็นแต่ทุ่งนาเวิ้งว้างบนถนนเส้นเล็กๆ ยากที่จะมีรถผ่านมาสักคัน
มุมหนึ่งในคฤหาสน์...ล้วนตบหน้าลูกน้องตัวเอง เทพยืนดูอยู่อย่างไม่พอใจ
“เรื่องง่ายๆ ทำไม่ได้ พวกเอ็งรีบไสหัวไปเลย ถ้าไม่อยากทิ้งชีวิตไว้ที่นี่”
ลูกน้องล้วนรีบวิ่งออกไป เทพนั่งเครียด หม่อมสรัสวดีเข้ามา
“ตามหาลูกหญิงเจอหรือยังคะคุณเทพ”
“ยังครับ”
หม่อมสรัสวดีเครียดและไม่พอใจ
“มีอะไรตื้นลึกหนาบาง เกี่ยวกับนายทิวที่ฉันควรจะรู้มั้ยคะ”
เทพถอนใจ ดูกลุ้มและเครียด และดูเหมือนไม่อยากจะเล่า
“ผม...”
“ดิฉันต้องการรู้ทุกอย่าง เกี่ยวกับทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับลูกหญิงค่ะ ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้าย”
“ครับ...”
เทพเล่าเรื่องของทิวให้ตัวเองดูดีที่สุด
ทิวมาที่สถูปเก็บกระดูกพ่อแม่ เขามองดูรูปพ่อกับแม่ที่สถูป เห็นพวงมาลัยดอกไม้สดและผลไม้วางอยู่แล้ว
“พี่พวงไม่เคยขาดตกบกพร่องเรื่องนี้เลยนะครับคุณพ่อ คุณแม่...”
ทิวอึ้งไป น้ำตาซึม
“จริงๆแล้ว ผมก็ไม่อยากให้พวกเราต้องห่างเหินกันแบบนี้ แต่ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจพี่พวง พี่ผ่อง...ทำไมถึงปล่อยให้ความรักมันบังตาตัวเองจนมองข้าม ความเลวระยำของมันได้ขนาดนี้”
ทิวรู้สึกอัดอั้นและไม่เข้าใจเหตุผลของพี่ๆ
หม่อมสรัสวดีไม่พอใจเมื่อได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิว
“คุณปล่อยให้ผู้ชายคนนี้เข้าใกล้ลูกหญิงได้ยังไง”
“ผมไม่คิดว่า...นายทิวจะกล้าทำอะไรคุณหญิง เขาคงจะให้เกียรติผมและคุณหญิงบ้าง”
“จะไปเอาอะไรกับคนจิตใจหยาบกระด้าง และเจ้าคิดเจ้าแค้น...หรือจะปล่อยให้ลูกหญิงถูกเขาทำร้ายเพื่อแก้แค้นคุณให้ได้ก่อน ถึงจะคิดป้องกัน”
“ไม่ใช่นะครับ”
“ฉันไว้ใจให้คุณมาดูแลลูกหญิง ตกลงฉันคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่”
เทพฉุนกึกพูดเสียงเข้มใส่ทันที
“หม่อมครับ! กรุณาใจเย็นก่อน”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง
“ผมเคยให้สัญญากับหม่อมไว้แล้ว ว่าผมไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรคุณหญิงได้แม้เพียงปลายเล็บ...ผมต้องรักษาสัญญา”
“คุณคงให้ค่ากับสัญญานี้น้อยเกินไปซะล่ะมั้ง...ถึงได้ปล่อยให้ลูกหญิงไปเจอกับคนอันตรายแบบนั้นทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ ฉันจะพาลูกหญิงกลับบ้าน”
“แล้วผมต้องทำยังไง หม่อมถึงจะมั่นใจในคำสัญญาของผม”
หม่อมสรัสวดีจ้องหน้า
“คุณรักและต้องการลูกหญิงมากแค่ไหน”
เทพแววตาแน่วแน่
“ที่สุดในชีวิต”
“อะไรที่จะแทนค่าของลูกหญิงได้ ฉันต้องการสิ่งนั้นเป็นหลักประกัน”
เทพตาวาว เมื่อหม่อมสรัสวดีต่อรองเรียกค่าตัวหญิงมานศรีเพิ่ม
อ่านต่อหน้า 3 เวลา 17.00 น.
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 5(ต่อ)
เย็นนั้น...หญิงมานศรีเดินมาตามถนนที่ทอดยาวไกล ในขณะที่พระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลงเรื่อยๆ หญิงสาวอ่อนเพลียและอ่อนล้าเต็มทน มองหารถ ไม่มีผ่านมาสักคัน เธอเมื่อยมากจึงลงนั่งพัก ทันใดนั้นหญิงสาวก็เห็นรถวิ่งมาแต่ไกล ดีใจ รีบลุกขึ้นโบก รถคันนั้นเคลื่อนตัวมาใกล้เรื่อยๆ
แต่แล้วหญิงมานศรีก็ชะงัก เพราะเป็นรถของทิว รถของทิวแล่นมาจอดชายหนุ่มไขกระจกลงมองหญิงสาว
“ยังจะเดินอ่อยใครอยู่อีก ทำไมไม่กลับไปทำงาน”
หญิงมานศรีเจ็บใจมากที่ดูถูกตลอดเวลา
“นายทิว!”
ทิวชี้ไปข้างหน้า
“เดินต่อไปอีกสักหน่อยจะเป็นบ้านพักคนงาน ฉันคอนเฟิร์มนะว่าทุกคนยังไม่มีเมีย...ไปขอเขานั่งพักสิ เผลอๆอาจจะได้สนุกก่อนกลับ”
หญิงมานศรีเข้าไปจะจิกตี
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันเกลียดนาย ฉันเกลียดนาย”
ทิวรีบออกรถไปซะก่อน และหัวเราะด้วยความสะใจ
“ฮ่ะๆๆ”
“ฉันเกลียดนาย”
หญิงมานศรีตะโกนด่าทิวด้วยความเจ็บใจ เจ็บแค้นจนน้ำตาแทบไหลออกมาด้วยความเกลียดชัง
ทิวขับรถมาไกลจากหญิงมานศรีมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นหญิงสาวตะโกนด่าอยู่ข้างหลัง เขารู้สึกสงสารชั่วแวบก่อนจะตัดใจ เร่งเครื่องวิ่งออกไปอย่างเร็ว...หญิงมานศรีเห็นรถของทิววิ่งฝุ่นตลบหายไปจากสายตา
“ฉันเกลียด...นาย...”
หญิงมานศรีเดินอยู่ตามลำพังบนถนนสายเปลี่ยวที่เริ่มมืด เสียงหรีดหริ่งจักจั่นเรไรเริ่มร้องระงม หญิงสาวรู้สึกกลัว
ทิวเข้ามาในบ้าน เข้มรออยู่อย่างร้อนใจ
“นาย...ไปไหนมา คุณหญิงเลขาล่ะ กลับมาด้วยแล้วใช่มั้ย”
“ให้คนไปรับทีไป”
“รับที่ไหนล่ะนาย...” เข้มถามอย่างร้อนใจ
ฟ้ามืดลงทุกขณะ หญิงมานศรีเดินมาอย่างอิดโรย
“ทำไมไม่มีรถ ไม่มีคนผ่านมาเลย”
เสียงผิดปกติดังสวบสาบใกล้ตัวหญิงสาวตกใจ สะดุ้งเฮือก รีบวิ่งหนีไปทันที...หญิงมานศรีวิ่งมาตามถนน แสงหน้ารถกระบะเลี้ยวสาดส่องเข้ามาจากทางโค้ง หญิงสาววิ่งหนีมาโดยไม่ได้มองทาง จนเกือบชนเข้ากับรถ หญิงสาวหันมาตกใจมาก
“ว้าย!”
รถกระบะจอด คนงานลงมา
“คุณหญิงเลขาครับ!”
หญิงมานศรีโล่งใจที่มีคนมาช่วย
หญิงมานศรีนั่งลงโดยมีหม่อมสรัสวดีและพิไลพรดูแลไม่ห่าง เทพยืนดูอยู่อย่างไม่พอใจแต่พยายามเก็บอาการ ขวัญตายืนอยู่ข้างๆเทพ มองมาอย่างหมั่นไส้ พวงทอง กลิ่นเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มร้อน
“ดื่มก่อนนะคะ...จะได้รู้สึกดีขึ้น”
หญิงมานศรีรีบมา
“ขอบคุณค่ะ”
หม่อมสรัสวดีหันไปถามลูกสาวอย่างห่วงใย
“ลูกหญิง นายทิวคนนั้นทำอะไรลูกหรือเปล่า เขาพาลูกไปไหน ทำไมถึงได้...”
หญิงมานศรีตัดบท
“หม่อมแม่คะ...”
หญิงมานศรีมองหน้าแม่ เทพและทุกคน ตัดสินใจไม่กล่าวโทษทิว
“นายทิวไม่ได้ทำอะไรหญิงค่ะ”
ทุกคนอึ้ง เทพไม่อยากจะเชื่อ หญิงมานศรีคิดถึงที่คนงานมาส่งที่หน้าคฤหาสน์...คนงานมาเปิดประตูให้หญิงมานศรีลงมาจากรถ
“ขอบใจมากนะจ๊ะ คุณเทพให้ตามหาฉันใช่มั้ย”
คนงานเผลอหลุดปากพูด
“นายทิวครับ...อุ๊บ”
หญิงมานศรีอึ้งไป ไม่คาดคิด คนงานตีปากตัวเอง
“นายไม่ให้บอก ไม่ให้บอก...เอ่อ ไปล่ะครับ”
คนงานรีบวิ่งขึ้นรถขับออกไป หญิงมานศรีแปลกใจมากที่ทิวให้คนมาช่วย
เทพไม่เชื่อสิ่งที่หญิงมานศรีพูด
“แต่คุณหญิงไปกับนายทิว...แล้วก็กลับมาในสภาพแบบนี้ จะให้พวกเราคิดเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้”
หญิงมานศรีไม่พอใจ
“คุณเทพคิดว่าคนอย่างหญิง จะยอมให้นายทิวทำอะไรได้ง่ายๆเหรอคะ”
“ผมไม่ได้คิด...”
“แต่คุณเทพพูดออกมา ขอบคุณนะคะสำหรับความปรารถนาดี แต่กรุณาเชื่อคำพูดของหญิงเถอะค่ะ ว่านายทิวไม่ได้ทำอะไรหญิง”
ทุกคนดูเหมือนจะไม่ยอมเชื่อ หญิงมานศรีมองหน้าทุกคน ยืนยันหนักแน่น
“หญิง...ตามไปให้เขาเซ็นเอกสารจนเรียบร้อย หญิงก็กลับ แต่หลงทาง นายทิวเป็นคนส่งคนไปรับหญิงกลับมาทุกอย่างจบนะคะ”
หม่อมสรัสวดีตัดบท
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้วจ๊ะ แต่ทีหลัง จะไปไหนมาไหน อย่าลืมเอามือถือติดตัวไปด้วยสิจ๊ะลูกหญิง...ทุกคนเป็นห่วงนะลูก”
“มือถือ”
หญิงมานศรีเพิ่งนึกได้ว่ามือถือไม่อยู่กับตัว เธอครุ่นคิดอย่างสงสัยว่าตอนที่ถูกทิวลากจากรถ มือถือของเธอคงตกอยู่บนเบาะ โดยที่ไม่รู้ตัว หญิงมานศรียิ้มกลบเกลื่อน
“ค่ะ...คราวหลังหญิงจะไม่ลืมค่ะ หญิงขอตัวนะคะ”
หญิงมานศรีลุกเดินออกไป พิไลพรตามออกไปทันที เทพมองตามอย่างไม่พอใจ ขวัญตาแอบมองเทพอยู่ รู้สึกหงุดหงิด แต่พวงทองรู้ดีว่าความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่หญิงมานศรีบอก
พิไลพรปิดประตูห้องตามหญิงมานศรีมา แล้วถามทันที
“จริงเหรอคะคุณหญิง”
“อะไรจริง ไม่จริง”
“ที่คุณหญิงเล่า”
“พร...ว่าหญิงโกหกเหรอ”
“ค่ะ”
หญิงมานศรีอึ้ง
“มือถือคุณหญิงอยู่ไหนคะ”
หญิงมานศรีหน้าเจื่อน
ทิวนั่งมองมือถือของหญิงมานศรี ดูไปดูมาตัดสินใจกดดูหน้าจอ เห็น misses call หลายเบอร์มาก เป็นเบอร์ของเทพทั้งหมด
“หึ...เป็นห่วงเป็นใยมากกันขนาดนี้ หัวใจแกคงจะพลุ่งพล่านทุรนทุรายสินะ”
ทิวนึกสะใจเรื่องหญิงมานศรีที่ทำให้ไปกวนใจเทพได้
เทพดื่มเครื่องดื่มอย่างอารมณ์เสีย มองแก้วในมือด้วยความแค้น
“ไอ้ทิว!”
เทพแค้นจนบีบแก้วแตกคามือ...ขวัญตาเข้ามาเห็นพอดี ตกใจ
“ว้าย คุณเทพ! ทำแบบนี้ทำไมคะ”
ขวัญตารีบเข้ามาดูแล แต่ถูกเทพเหวี่ยงมือผลักจนกระเด็น
“ไม่ต้องมายุ่ง!”
“คุณเทพ นี่ขวัญตาเมียคุณนะ จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง คุณบาดเจ็บ”
เทพรู้สึกตัวว่าหงุดหงิดเว่อร์ รีบข่ม พยายามใจเย็น
“ไปก่อนไป ฉันกำลังไม่สบายใจ”
“เรื่องคุณหญิงหญิงมานศรีน่ะเหรอคะ ที่กวนใจคุณ”
เทพไม่พูด
“ตั้งแต่คุณหญิงนั่นเข้ามาที่นี่...คุณเทพเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม”
“ฉันก็เหมือนเดิม”
“ไม่! ความสนใจทั้งหมดของคุณไปอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น...หรือที่หม่อมหม่อมสรัสวดีพูดกับพี่ผ่องทิพย์มันเป็นความจริง คุณสองคนกำลังร่วมมือกันหาทางเอานังคุณหญิงนั่นมาเป็นเมียใช่มั้ย”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะขวัญตา”
“ขวัญตาหยุดพูดก็ได้...แต่ขวัญตาจะไม่หยุดคิด จำสัญญาที่ให้ไว้ได้มั้ยคะ”
เทพอึ้ง
“ขวัญตาจำแม่นค่ะ และจะไม่มีวันยอมเป็นคนที่ถูกลืม ใครหน้าไหนก็มาทำให้คุณเทพผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับขวัญตาไม่ได้เด็ดขาด”
ขวัญตาน้อยใจเทพ วิ่งหนีออกไป
เทพจะตาม แต่หงุดหงิดเกินกว่าจะทำอย่างนั้น “โธ่เว้ย!”
ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.
ขวัญตาเดินมาตามทาง เห็นบุญปลูกเข้ามาพร้อมถุงยาในมือที่มุมหนึ่ง พวงทองเข้ามาทักบุญปลูก
“ดึกแล้ว ขึ้นมาทำไมอีก”
“คุณนายให้บุญปลูกเอาสมุนไพรสมานแผลที่หน้ามาให้อย่างด่วนค่ะ เนี่ยเพิ่งไปขอจากอาจารย์มาได้นะคะ รอคิวตั้งนาน”
พวงทองตัดบท
“ไปเถอะไป”
“ค่ะ”
บุญปลูกเดินออกไป ขวัญตาคิดแค้นผ่องทิพย์
“นังผ่อง แกคือคนแรกที่ฉันจะจัดการ”
ขวัญตาคิดบางอย่างได้จึงเดินตามบุญปลูกไป...
“เดี๋ยว!”
บุญปลูกชะงัก ไม่ค่อยพอใจ
“ทำไมคะ”
“จะไปไหน”
“ทำไมคะ”
“คิดว่าตัวเองเป็นใคร...เป็นขี้ข้า ถามก็ตอบดีๆ”
“เป็นขี้ข้าคุณนายผ่องค่ะ ไม่ใช่ขี้ข้าคุณ”
“ย้อนเหรอ!”
ขวัญตาตบบุญปลูกเปรี้ยง บุญปลูกเซถลาไปล้มกองบนพื้น ถุงยาหล่นบนพื้น กระปุกยาหล่นออกมากระจาย
“โอ๊ย ว้าย นัง...”
ขวัญตาถลึงตาใส่
“นังอะไร...นังขี้ข้า”
“นัง...เมียน้อย!”
“อยากโดนอีกทีใช่มั้ย ได้!”
ขวัญตาจะเข้าไปซ้ำ บุญปลูกกลัว วิ่งหนี จนลืมถุงยา
“ว้าย! อยู่ให้โดนเหรอคะ เห็นบุญปลูกเป็นกระสอบทรายกันหรือไงโว้ย คนบ้านนี้”
ขวัญตายิ้มเยาะ มองที่กระปุกยาสมานแผลที่หน้า แล้วมองกระปุกยาหม่องในมือที่เอาฉลากออกแล้ว
“ต้องเป็นยาอาจารย์หม่อง ถึงจะเหมาะกับหนังหน้าแก นังผ่อง”
ขวัญตาเปลี่ยนกระปุกยาสมานแผล กับยาหม่องตัวเองเก็บใส่ถุงเรียบร้อย แล้วรีบออกไป บุญปลูกกลับเข้ามาอีกอย่างหวาดระแวงมาเก็บถุงยาไป
พิไลพรนั่งหน้ามึนอยู่ในห้องพักของหญิงมานศรี
“พรไม่เข้าใจ”
“หญิงก็ไม่เข้าใจ เขาเกลียดหญิง แล้วเขาให้คนมาช่วยหญิงทำไม”
“พฤติกรรมซับซ้อน...แต่พรว่า...”
พิไลพรนิ่งไป
“ว่าอะไร”
“พรว่า เนื้อแท้แล้วคุณทิวเป็นคนดีค่ะ”
“พร...ดูคนต้องดูให้นานๆ”
“พรดูคนที่การกระทำค่ะ ไม่ใช่คำพูด”
หญิงมานศรีอึ้ง
“คุณทิวพูดว่าเกลียดคุณหญิง ต่อว่าต่างๆนานาให้คุณหญิงเจ็บช้ำใจ แต่กลับช่วยตามหาลุงพามาส่งโรงพยาบาล...สั่งให้คนงานไปรับคุณหญิงกลับ เพราะคงรู้สึกผิดที่ปล่อยคุณหญิงไว้อย่างนั้น”
หญิงมานศรีนิ่ง เฉย ไม่เชื่อพิไลพร
“หรือคุณหญิงคิดว่า...คนที่ปากหวานพูดจาดีคือคนดี”
“หญิงไม่ได้คิดอย่างนั้น...ก็บอกแล้วไงว่าดูคนต้องดูให้นานๆ”
พิไลพรยื่นมือถือตัวเองให้
“โทรไปทวงมือถือตัวเองคืนมาก่อนเถอะค่ะ”
“พรโทรให้หน่อยสิ”
หญิงมานศรีเดินหนีไป พิไลพรส่ายหน้ากับท่าทีไว้ตัวของหญิงมานศรี
มือถือของหญิงมานศรีดังขึ้น ทิวสะดุ้ง มองหน้าจอเห็นชื่อ พิไลพร ทิวลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ดี
“คุณพรอาจจะโทรมาถามหามือถือ”
ทิวตัดสินใจรับ...
“ฮัลโหลครับคุณพร...”
หญิงมานศรีเข้ามา กลั้นใจพูด
“ไม่ใช่พิไลพร แต่เป็นเจ้าของมือถือเครื่องนั้น”
ทิว ชักอยากจะยียวนเล่น
“แล้วเจ้าของมือถือชื่ออะไร”
“รู้อยู่แล้ว ทำไมต้องถาม”
“เพราะอาจจะมีคนมาสวมรอย”
“นายรู้อยู่แล้วว่าเป็นมือถือฉัน”
“ฉันไหน”
“นายทิว!”
พิไลพรอยู่ข้างๆ ส่งสัญญาณให้พูดดีๆ
“เดี๋ยวไม่ได้เครื่องคืนนะคะ พูดดีๆค่ะ”
หญิงมานศรีพยายามใจเย็น
“ฉันคือหม่อมราชวงศ์หญิงหญิงมานศรี กฤติยา ได้ยินชัดมั้ย”
ทิวยิ้มขำ
“เต็มยศ ครบเครื่อง...แต่อยากรู้ว่าจะครบรสหรือเปล่า”
หญิงมานศรีฉุนกึก
“นายทิว! ฉันจะพูดกับนายแค่นี้...เอามือถือมาคืนให้ฉันด้วย”
“อยากได้คืนมาเอาเอง”
“ฉันจะไปแจ้งความว่าถูกนายลักพาตัว มือถือของฉันที่อยู่กับนายคือหลักฐานเอาผิด คิดว่าตำรวจจะเชื่อใคร หม่อมราชวงศ์อย่างฉันหรือคนกักขฬะอย่างนาย”
“โห...คุณหญิง แรงนะคะ”
หญิงมานศรีไม่สนใจคำทักท้วงของพิไลพร ทิวเจ็บใจ
“ได้ ฉันจะเอาไปให้ถึงห้องนอนเลย รอนะจ๊ะทูนหัว เดี๋ยวจะไปหา”
“ว้าย ลามก!”
หญิงมานศรีรีบกดวางสาย รู้สึกกลัว ไม่ไว้ใจทิว
“พร...คืนนี้นอนเป็นเพื่อนหญิงนะ”
พิไลพรแปลกใจกับท่าทางของหญิงมานศรี
ผ่องทิพย์นั่งร้องไห้จนตาบวมแดง พลางมองหน้าตัวเองที่มีรอยแผลอยู่ที่หน้ากระจก บุญปลูกนั่งสัปหงกอยู่
“บุญปลูก อีกกี่วันหน้าฉันถึงจะหายเป็นปกติล่ะ ฉันคิดถึงคุณเทพจะแย่อยู่แล้ว แต่ฉันไปเจอเขาไม่ได้...ฮือๆๆๆๆ”
บุญปลูกยังนั่งหลับ ผ่องทิพย์หันไปตวาด
“นังบุญปลูก!”
บุญปลูกสะดุ้ง
“ขาคุณนาย!”
“ง่วงก็ไปนอนไป”
“โห...ใจดีเป็นนางฟ้าเลยค่ะวันนี้ บุญปลูกไปนะคะ”
บุญปลูกลุกออกไป
“เดี๋ยว!”
“คะ”
“มาทายาสมานแผลที่แกเอามาให้ฉันก่อน”
“โหย...จะขี้เกียจไปถึงไหนคะคุณนาย แค่นี้ทำเองก็ได้ค่ะ”
“นังบุญปลูก”
“ค่ะๆๆ ทาค่ะทา...นะค้า ทา”
บุญปลูกรีบเข้ามาหยิบกระปุกยามา เปิดฝา กลิ่นยาหม่องเข้าจมูกผ่องทิพย์
“กลิ่นมัน...แสบๆจมูกนะ”
บุญปลูกอารมณ์ง่วงนอน
“โอย ยาดีก็งี้แหละค่ะ มันจะแสบๆ ฉุนๆ...มาค่ะ”
บุญปลูกควักยาแล้วป้ายลงหน้าผ่องทิพย์ทันที ป้ายๆ เข้าตาเข้าหน้า ผ่องทิพย์ แสบมาก เธอร้องกรี๊ดดังลั่น...
เทพยืนหน้าเครียด ล้วนเข้ามาข้างหลัง
“นายครับ...”
“จัดการเอาเงินเข้าบัญชีนังหม่อมนั่นไปแล้วหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“มันใช้ลูกสาวมันหาเงินเข้ากระเป๋าได้อย่างหน้าไม่อาย”
“นายใหญ่จะปล่อยให้มันข่ม และขู่อยู่อย่างนี้เหรอครับ”
“ไม่หรอก...ปล่อยมันไปก่อน แต่อาจจะหาทางให้มันกลับกรุงเทพไปก่อน เพื่อที่ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆหน่อย”
ทิวเดินลิ่วๆเข้ามาในคฤหาสถ์ ผ่านเข้าไป เทพเห็น แค้นๆ
“แต่ไอ้ทิวนี่สิ มันทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองขึ้นทุกวัน”
“นายจะเก็บมันไว้ทำไมให้เป็นหอกข้างแคร่”
“หึ...ใครบอกว่าฉัน...”
ทันใดนั้นเสียงพวงทองดังขัดจังหวะ
“จะทำอะไรทิว”
เทพและล้วนตกใจหันไป เห็นพวงทองยืนอยู่ หน้าซีดตกใจ
“คุยอะไรกัน ทิวทำไม จะทำอะไรน้องชายฉัน”
เทพสบตาล้วน ที่หลบตา เทพถอนใจ ต้องคิดหาเหตุผลแก้ตัวอีกแล้ว
ทิวเดินเข้ามาในบ้าน ตะโกนลั่น
“มือถือของใคร ก็มาเอาคืนไป”
หญิงมานศรีเดินเข้ามากับพิไลพร
“วางไว้ตรงนั้น แล้วก็ไปได้แล้ว”
“ไม่ต้องมาสั่ง ก็อยากจะไปเร็วๆอยู่แล้ว”
ทิววางมือถือลง หญิงมานศรียิ้มเยาะ ทิวเปลี่ยนใจหยิบมือถือขึ้นมา แล้วปล่อยทิ้งลงพื้น เครื่องแตกกระจาย
“นายทิว!”
พิไลพรอึ้ง
“โธ่ คุณทิว...”
“คนที่ควรจะยิ้มเยาะเธอ คือฉันต่างหาก หม่อมราชวงศ์หญิงหญิงมานศรีกฤติยา”
หม่อมสรัสวดีเข้ามา ไม่พอใจทิว
“หยุดสามหาวกับลูกหญิงของฉันได้แล้ว นายทิว”
ทิวหันไปมองหน้าหม่อมสรัสวดี ยิ้มเหยียด
“อ้อ...มีแม่คอยปกป้อง องครักษ์พิทักษ์ลูก ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวคุณมาเป็นเมียไอ้พี่เขยผมง่ายๆหรอก”
“ไปทำตัวต่ำๆข้างนอก ไม่ใช่ต่อหน้าฉันและลูก”
“มีเกียรติมีศักดิ์ศรีอะไรนักหนาที่ผมต้องแคร์ สนับสนุนลูกสาวให้ขายตัวแลกเงินไม่ต่ำกว่าหรือไง”
หม่อมสรัสวดีตบหน้าทิวอย่างแรง หญิงมานศรีและพิไลพรตกใจ ทันใดนั้นผ่องทิพย์ก็ร้องกรี๊ดเข้ามา บุญปลูกตกใจ วิ่งตามมา ทุกคนชะงัก หันมองผ่องทิพย์
“กรี๊ด ช่วยด้วย แสบๆๆ ร้อน”
“คุณนายขา บุญปลูกขอโทษ...บุญปลูกไม่ได้เป็นคนเอายาหม่องมาทาให้นะคะ ใครก็ไม่รู้อ่ะ”
“ใคร!”
ผ่องทิพย์กวาดสายตามองทุกคน เตรียมอาละวาด
อ่านต่อหน้า 4 เวลา 9.30 น.
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 5(ต่อ)
ผ่องทิพย์เขม้นมองไปที่หม่อมสรัสวดีอย่างแค้นใจ
“นังหม่อม...แก...ต้องเป็นแกแน่ๆ หน้าฉันเยินขนาดนี้ยังไม่พอใช่มั้ย ฉันจะทำให้แกเยินบ้าง คอยดู”
ผ่องทิพย์ปราดเข้าไปจะตบหม่อมสรัสวดี หญิงมานศรี เข้ามารับเอาไว้แทน
“อย่านะ”
หญิงมานศรี ถูกฝ่ามือของผ่องทิพย์จนหน้าหัน ทิวและทุกคนตกใจ โดยเฉพาะทิวเป็นห่วงหญิงมานศรี มาก
พวงทองถามเทพด้วยสายตาโกรธแค้น
“ฉันถามว่าคุณจะทำอะไรทิว”
เทพตัดสินใจต่อยหน้าล้วนอย่างแรง แล้วทำเกรี้ยวกราด พวงทองตกใจ ล้วนเองก็ตกใจ
“ถึงแกจะไม่ชอบทิว แต่ถึงยังไง เขาก็เป็นนายและเป็นน้องชายของเมียฉัน หัดรู้จักที่ต่ำที่สูงซะบ้าง”
ล้วนอึ้ง รับมุกเทพแทบไม่ทัน
“อย่าให้ฉันได้ยินอีก ไม่อย่างนั้น แกจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป”
“ครับนาย...”
“ขอโทษคุณพวงซะ เห็นมั้ยว่าแกกำลังทำให้คุณพวงตกใจ”
“ผมขอโทษครับคุณพวง”
พวงทองอึ้ง มองเทพไม่อยากจะเชื่อนัก
“ฉันขอโทษที่ไม่ดูแลลูกน้องตัวเองให้ดี เธอสบายใจเถอะนะ ทิวคือน้องชายของฉัน ฉันไม่มีวันทำผิดคิดร้ายกับเขาแน่นอน”
พวงทองค่อยๆอ่อนลง กลิ่นเข้ามาหน้าตาตื่น
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”
เทพ พวงทอง ล้วน ตกใจ
“เรื่องอะไร!”
หม่อมสรัสวดีปราดเข้าไปจะตบผ่องทิพย์
“แก!”
หญิงมานศรีดึงตัวแม่เอาไว้
“หม่อมแม่คะ อย่าค่ะ พอเถอะค่ะ”
“แต่มันทำลูกหญิง”
ผ่องทิพย์ได้โอกาสตบหม่อมสรัสวดีคืนทันที
“อยากโดนใช่มั้ย ได้”
“โอ๊ย!”
ทิวทนไม่ไหว เข้าไปรั้งตัวผ่องทิพย์ที่กำลังจะเข้าไปซ้ำหม่อมสรัสวดีเอาไว้
“หยุดได้แล้วพี่ผ่อง”
“ฉันไม่หยุด มันทำให้ฉันเสียโฉมจนเข้าหน้าคุณเทพไม่ติด แล้วยังจะมาแกล้งสลับยาหม่องให้ฉันทาหน้าอีก ฉันจะเอามันให้ตาย”
หญิงมานศรีมองหม่อมสรัสวดีด้วยความประหลาดใจ สงสัย
“หม่อมแม่...จริงเหรอคะ”
เทพเข้ามากับพวงทอง กลิ่นและล้วน เทพถามเสียงแข็ง
“เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนชะงัก ทิวไม่สบอารมณ์ที่เห็นเทพ และรู้สึกอึดอัดใจกับสถานการณ์ผัวๆเมียๆเต็มบ้านของเทพ ทิวรีบผละออกไปพวงทองมองตามทิวอย่างเป็นห่วงแล้วตามไป เทพหันมาถามทุกคน
“ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น”
บุญปลูกตกใจ รีบฟ้อง
“คุณนายผ่องตบหน้าคุณหม่อม แต่คุณหญิงเข้ามาขวางเลยถูกตบแทนค่ะ แต่คุณนายผ่องก็ตบคุณหม่อมจนได้นะคะ”
ผ่องทิพย์ตวาดแว๊ด
“นังบุญปลูก” บุญปลูกรีบหุบปากทันที
“ฉันต้องมาเสียผู้ใหญ่เพราะความไม่มีสติของภรรยาคุณ...กรุณาเคลียร์ให้ด้วย”
หม่อมสรัสวดีรีบเดินออกไป หวังจะไปให้พ้นจากสายตาตั้งคำถามของลูกสาว หญิงมานศรี ตามไป พิไลพรจะตามหญิงมานศรีหันมาบอก
“หญิงขอคุยกับหม่อมแม่เป็นการส่วนตัวนะพร”
“ค่ะ...”
พิไลพรรีบฉีกเดินออกไปอีกทาง เมื่อเห็นหญิงมานศรี เดินตามหม่อมสรัสวดีไปแล้ว เทพมองผ่องทิพย์อย่างไม่พอใจ บุญปลูก ล้วนและกลิ่นค่อยๆเดินแยกไปออกไป
หญิงมานศรีเดินตามแม่มาจาทัน แล้วตั้งคำถาม
“หม่อมแม่คะ หญิงต้องการรู้ความจริง”
หม่อมสรัสวดีชะงัก ตัดสินใจบอก...
“ความจริงก็คือ...เมื่อมันทำร้ายลูกหญิง แม่จะไม่ยอมปล่อยมันให้อยู่อย่างสบายใจ”
“หม่อมแม่ทำอะไรเขาคะ”
“ลูกหญิงอย่ารู้เลย”
“หม่อมแม่คะ หญิงไม่อยากให้หม่อมแม่ต้องไปรบรากับคนพวกนั้นเลยนะคะ”
“ลูกหญิง...แม่กำลังปกป้องเกียรติของเรานะ”
“แต่หญิงไม่เห็นด้วยที่หม่อมแม่ต้องไปทำร้ายร่างกายเขากลับ เพราะนั่นเท่ากับ เราต่างหากล่ะคะที่เป็นคนทำลายเกียรติตัวเอง ไม่ใช่เพราะคนอื่นเลย”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง ทำเป็นไม่พอใจ
“แม่ทำด้วยความรักและปรารถนาดี ลูกหญิงก็มาต่อว่าแม่ น้อยใจจริงๆ”
หญิงมานศรีอึ้ง หม่อมสรัสวดีเดินหนีไปทันที หญิงสาวเหนื่อยใจที่แม่น้อยใจตน
ทิวเดินเข้ามาในบ้านพักลงนั่งอย่างหงุดหงิด พวงทองตามเข้ามา
“ทิว...”
“เห็นมั้ย...ว่ามันทุเรศสายตาขนาดไหน ตบตีกันเหมือนพวกไม่ได้รับการอบรม เพราะผู้ชายเลวๆคนเดียว พี่คิดว่าวิญญาณคุณพ่อคุณแม่บนสวรรค์มองลงมา จะรู้สึกยังไง”
“ท่านคงเป็นทุกข์ที่เห็นเราสามคนเป็นเหมือนกับศัตรู ไม่ใช่พี่น้องที่เกิดคลานตามกันมา”
“เพราะพวกพี่ทำตัวเอง”
พวงทองอึ้ง
“เราต่างคนต่างทำตัวเองแต่แค่เพียงครึ่งเดียว อีกครึ่ง...เราไม่สามารถไปกำหนดหรือกะเกณฑ์อะไรได้”
พวงทองคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองถูกข่มขืน เธอนั่งนิ่งอึ้งเหม่อลอย ทิวมองพี่สาวอย่างแปลกใจก่อนจะเรียก
“พี่พวง พี่พวง”
พวงทองสติกลับมา
“ทิว...บางอย่างพี่ก็ไม่ได้อยากให้มันเกิด แต่พี่...ทำอะไรไม่ได้”
“พี่พวงหมายความว่ายังไง...”
“ทิว...”
“พี่ทำอะไรไม่ได้ ไอ้เทพมันบังคับอะไรพี่...บอกมา”
พวงทองตัดสินใจไม่บอกเมื่อเห็นทิวโกรธมาก
“ไม่มีอะไรหรอก คุณเทพไม่ได้บังคับอะไรพี่เลย”
ทิวโกรธ ไม่พอใจ เดินหนีไป
“พี่กลับไปเถอะ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมา”
“ระวังตัวหน่อยนะทิว พี่เป็นห่วง ไม่อยากให้ทิวมีเรื่องกับนายล้วน”
“ก็เพราะนายมันสั่งไง แต่ผมไม่มีทางตกเป็นเป้านิ่งให้มันทำอะไรง่ายๆหรอก”
ทิวเดินเข้าบ้านไป พวงทองกังวลใจ กลัวว่าทิวจะทำอะไรเกินกว่าเหตุ
“ถ้าทิวรู้...มือของทิวก็จะเปื้อนเลือด พี่ไม่อยากเห็นทิวต้องกลายเป็นฆาตกร”
พวงทองน้ำตาซึม ต้องเก็บความจริงเพื่อปกป้องน้องชาย
หญิงมานศรีเดินกลับมา พิไลพรที่รออยู่ถามอย่างเป็นห่วง...
“คุณหญิงคะ จะรับ...”
หญิงมานศรีตัดบท
“ไม่จ๊ะ พรไปพักผ่อนเถอะ”
หญิงมานศรีเดินไป
“คุณหญิงจะไปไหนคะ ห้องอยู่ทางนี้”
“หญิงจะไปขอโทษคุณผ่องทิพย์แทนหม่อมแม่...”
หญิงมานศรีเดินไป พิไลพรเป็นห่วงตัดสินใจตามไปด้วย
“พรไปเป็นเพื่อนค่ะ”
หญิงมานศรียิ้มๆ แต่ก็ยอมให้พิไลพรตามไปด้วย เพราะรู้ดีว่าพิไลพรเป็นห่วงในสวัสดิภาพของเธอ
ผ่องทิพย์โดนเทพตบกระเด็นติดฝาผนัง เทพชี้หน้าด่าอย่างโกรธจัด
“ไปยุ่งกับคุณหญิงทำไม ฉันเตือนเธอแล้วใช่มั้ย”
“ฉันก็เตือนคุณแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าได้คิดเอามันเป็นเมียอีกคน เพราะฉันไม่ยอม”
“รู้มั้ย...เพราะเธอเป็นอย่างนี้ ฉันจะทำมันให้ดู”
เทพเดินออกไป ผ่องทิพย์เข้าไปรั้ง
“กรี๊ด!อย่านะ อย่า ฉันไม่ยอม”
“ถอยไป!”
เทพสะบัดผ่องทิพย์ออกไป เปิดประตู ผ่องทิพย์ยังดึงแขนดึงแข้งขา หญิงมานศรี และพิไลพรยืนตกใจที่เห็นเทพกำลังปัดมือของผ่องทิพย์
“คุณหญิง...”
แล้วเทพก็แก้สถานการณ์ เข้าไปกอดผ่องทิพย์ที่กำลังบ้าคลั่งเอาไว้
“ผ่อง ใจเย็นๆก่อน ผ่อง”
ผ่องทิพย์อึ้ง งงที่จู่ๆเทพก็เข้ามากอด
“ฉันไม่ได้ไปไหน ฉันอยู่กับเธอแล้วไง ใจเย็นๆนะ ใจเย็นๆ”
ผ่องทิพย์ร้องไห้
“คุณเทพ ฮือๆๆๆ ผ่องรักคุณนะ ผ่องเสียคุณไปให้ใครไม่ได้ ถ้าผ่องไม่มีคุณผ่องก็อยู่ไม่ได้ ผ่องต้องขาดใจตาย”
เทพเบื่อมาก แต่ฝืนยิ้ม
“จ๊ะ ฉันรู้...ฉันรู้ ไม่ต้องร้องนะ”
ผ่องทิพย์กอดเทพแน่น เทพหันไปยิ้มให้หญิงมานศรี และพิไลพร
“คุณหญิงคะ พรว่า...คุณผ่องมีคนปลอบใจที่ดีกว่าคำขอโทษของเรานะคะไปเถอะค่ะ”
หญิงมานศรี รีบเดินออกไป รู้สึกอายๆหน้าแดงที่เห็นฉากรักของเทพและผ่องทิพย์ พิไลพรตาม เทพมองตามจนสองคนลับไปก็สะบัดผ่องทิพย์ออกทันที ผ่องทิพย์งุนงง
“คุณเทพ...”
“ฉัน...รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
“ผ่องนวดให้”
“ไม่ต้อง...ฉันอยากนอนคนเดียว ไม่อยากให้ใครกวน”
เทพเดินเซ็งออกไป ผ่องทิพย์นั่งอึ้งว่าขณะนี้เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
วันใหม่...หญิงมานศรีนั่งทำงานอยู่ เทพเดินเข้าห้องมา
“คุณหญิงครับ”
หญิงมานศรีสะดุ้ง
“คะ”
เทพยิ้มให้
“เอ่อ...คุณผ่องทิพย์เธอเป็นยังไงบ้างคะ”
“ผมเองก็มีเรื่องเกี่ยวกับผ่องทิพย์ ที่อยากจะบอกให้คุณหญิงรับรู้”
“เรื่องอะไรคะ”
ล้วนเข้ามาหน้าตาบ่งบอกว่ายุ่งยากใจ
“นายครับ...”
เทพเห็นสีหน้าของล้วนแล้วรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่อง
ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.
ในอีกมุมหนึ่งที่ไร่อ้อย...ทิวกำลังคุยอยู่กับลุงกับป้า เจ้าของที่ดินไร่อ้อย อย่างเคร่งเครียด เข้มคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ
“ได้อ้อยไม่ค่อยดีเลยคุณทิว ราคาตก ฉันก็ไม่ได้อยากขายมันหรอก แต่ทำไปก็แทบจะไม่เหลืออะไร พอดีคุณเทพมาขอซื้อ ก็ว่าจะขาย”
“ทำไมทำแล้วจะไม่เหลือ...เหลือที่ดินของบรรพบุรุษไง ถ้าลุงขาย สุดท้ายเงินก็หมด ต้องกลายมาเป็นลูกจ้าง ค่าแรงวันละไม่เท่าไหร่”
ลุงกับป้ามองหน้ากัน
“เชื่อผมเถอะเป็นเจ้าของที่เอง ผลผลิตไม่ดี เดี๋ยวผมช่วย ลุงอยู่ได้ พวกผมก็อยู่ได้ อยู่ได้ด้วยกันทั้งหมด ไม่ใช่โรงงานของผมเติบโตแต่พวกลุงล้มตาย ชุมชนเราก็ตาย ผมไม่เอา”
“ขอบใจนะพ่อทิว...แต่...พ่อทิวเองก็เป็นหุ้นส่วนของคุณเทพ ทำไม...”
ขณะเดียวกันล้วนขับรถของเทพวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว เทพกับหญิงมานศรีนั่งมาด้วย เข้มวิ่งมารายงานทิว
“นายใหญ่มานาย”
เทพ หญิงมานศรี ล้วนเดินลงมาจากรถ ทิวปักหลักรอ
“นายมาคุยอะไรกับลุงเค้า ฮึ ทิว”
“ไม่ได้มาคุยเฉยๆนะ แต่มาอธิบายให้ลุงฟังอย่างละเอียดเลยล่ะว่าทำไมจึงไม่ควรขายไร่อ้อยให้คุณ”
ทิวและเข้มเดินจากไป ยิ้มเย้ยๆ เทพมองตามทิวเจ็บใจ หญิงมานศรี ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น
“มีเรื่องอะไรกันคะ”
เทพเดินมาที่รถพลางอธิบายให้หญิงมานศรีฟัง ใส่ไฟทิวเรื่องซื้อไร่อ้อยจากชาวบ้าน
“คุณหญิงเห็นมั้ยว่า สองคนนั่นเป็นแค่ลุงกับป้าที่อายุเยอะแล้ว เรี่ยวแรงก็ไม่มี ผมอยากช่วยแกด้วยการซื้อที่ทั้งหมด ได้เงินมามากกว่าแกปลูกอ้อยขายเป็นสิบๆปีซะอีก”
“แล้วทำไมนายทิวต้องทำแบบนี้คะ”
“คุณหญิงก็รู้ว่าทำไม”
“เขาเกลียดคุณ”
“ใช่ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่ผมตั้งใจทำ เขาก็จะหาทางขัดขวางและทำลาย”
ล้วนเสริม
“ทั้งๆที่นายใหญ่ทำแต่สิ่งดีๆให้กับทุกคน คุณหญิงคงหายสงสัยแล้วว่าทำไม ผมถึงไม่ค่อยให้ความเคารพคุณทิวนัก”
เทพสบตากับล้วนเป็นเชิงขอบใจที่ล้วนช่วยส่งเสริม
“คนอะไร...ไม่มีมโนธรรม!”
หญิงมานศรีไม่พอใจทิวอย่างจริงจัง เทพแอบยิ้มพอใจ
“หญิงไปรอที่รถนะคะ”
หญิงมานศรีเดินออกไป เทพรอจนหญิงสาวลับหลัง จึงหันไปสั่งการล้วน
“ไปเตือนมันหน่อย...จะได้ไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของฉัน”
“ครับนาย”
สั่งล้วนแล้ว เทพเดินนำล้วนกลับไปที่รถ ล้วนขับรถพาทั้งคู่มาส่งที่บ้าน แล้วขับรถออกไปอย่างเร็ว หญิงมานศรีมองตามรถอย่างแปลกใจ
“มีอะไรคะ ทำไม...”
“ผมยังมีอีกเรื่องที่อยากให้คุณหญิงได้รับรู้ไว้ ซึ่งความจริงแล้ว ผมไม่อยากจะบอกเลย แต่ถ้าไม่บอก คุณหญิงอาจจะไม่เข้าใจ”
“เรื่องอะไรคะ”
เทพทำเป็นถอนหายใจ แล้วบอกกับหญิงมานศรีว่าผ่องทิพย์เป็นโรคประสาทอ่อนๆ
เข้มเดินตามทิวมามุมหนึ่งไร่อ้อย
“มาขัดคอนายใหญ่แบบนี้...เราจะซวยมั้ยนาย”
สมุนของล้วนซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ เล็งปืนมาที่ทิวและเข้มตัดสินใจยิงทันที เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด
เปรี้ยง!
ทิวหลบโดยสัญชาติญาณ แล้วก็มองเห็นเข้มนอนราบอยู่บนพื้น กลัวตายจัด
“ใครวะ!”
สมุนของล้วนวิ่งหนีหายไป
“ใครไม่รู้! รู้แต่ว่า...เข้มตายหรือยัง”
ทิวเตะเข้ม
“ตัวก็ใหญ่แต่ใจมดเหลือเกินนะแก”
ทิวมองไปรอบๆ...รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ทิวเห็นรอยกระสุนเจาะที่ต้นไม้ข้างๆที่อยู่ใกล้เขามาก
“กระสุน!”
“โห เฉียดไปนิดเดียวเองนาย เกือบตายแล้ว”
ทิวขบกรามแน่นด้วยความแค้น
หญิงมานศรี รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงปืน หันไปถามเทพอย่างสงสัย
“เหมือนเสียงปืน...ได้ยินหรือเปล่าคะ”
“อ๋อ เป็นปกติของที่นี่ครับ บางทีคนงานก็ยิงนกตกปลาไปตามเรื่อง”
“อ๋อ...ค่ะ”
“คุณหญิง...ฟังผมนะ พยายามอย่าอยู่ใกล้ผ่องทิพย์”
“น่าสงสารเธอนะคะ...ไม่น่าเลย”
“ใช่ ผมก็ไม่คิดว่า ผ่องทิพย์จะเป็นโรคประสาทอ่อนๆ กลัวการสูญเสียจนทำให้อาละวาดควบคุมตัวเองไม่อยู่ คงเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่เขาเสียล่ะครับ”
“คุณเทพไม่คิดจะช่วยเธอให้หายดีเหรอคะ”
“ผมทำมาตลอด แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป...ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ผ่องทิพย์ต้องกลับมาอยู่ในโลกปกติให้ได้”
“หญิงเอาใจช่วยนะคะ”
เทพยิ้มให้ หญิงมานศรีเห็นใจเทพด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ผ่องทิพย์ถูกขังอยู่ในห้อง ทุบประตูตะโกนลั่น
“เปิดประตูสิ เปิดประตู!”
บุญปลูกยืนหน้าเศร้าอยู่หน้าห้อง มองประตูที่ถูกล็อกด้วยกุญแจเอาไว้
“คุณนายขา...ทำใจให้เย็นๆ สงบๆนะคะ คิดถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน นอนหลับสบาย”
ผ่องทิพย์ถีบประตูโครม จนบุญปลูกผงะจากประตูด้วยความตกใจ
“แกสิไปหลับให้สบายในหลุมเลย นังบุญปลูก ไปเอากุญแจมาเดี๋ยวนี้!”
“กุญแจอยู่กับนายล้วนค่ะ บุญปลูกไม่กล้าหรอก หน้ามันยังกะยักษ์กะมาร...นายใหญ่สั่งเอาไว้ว่าให้คุณนายสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องสักพักก่อน นะคะว่าง่ายๆนะ อย่าดื้อ”
ผ่องทิพย์ทนไม่ไหว
“กรี๊ด”
บุญปลูกอุดหู เหนื่อยหน่าย
“พูดกับคนหรือสากกะเบือกันแน่วะเนี่ย”
พวงทอง เข้ามากับขวัญตาก็มองอย่างแปลกใจ
“มีอะไร บุญปลูก...ทำไมล็อกประตูห้องคุณผ่องแบบนั้น”
ขวัญตายิ้มเยาะ สะใจ บุญปลูกหน้าเสีย ไม่รู้จะอธิบายให้พวงทองที่หน้าเครียดมากยังไงดี
ทิวเดินหน้าเหี้ยมเข้ามาในออฟฟิศเทพ ในมือกำบางอย่างเอาไว้อยู่ ทิวเดินมาถึงหน้าห้องเทพ หญิงมานศรี ซึ่งนั่งทำงานอยู่ เข้าไปขวางเอาไว้
“นัดไว้หรือเปล่า”
“ไม่ต้องนัด ฉันก็มีสิทธิ์เข้าไป”
“แต่นายก็ควรจะมีมารยาท”
ทิวตะคอก
“เป็นแค่เลขา แต่ใช้คำว่าฉันกับนายกับฉันได้ยังไง พูดใหม่”
“ฉันไม่มีวันพูดดีกับคนไม่มีคุณธรรมอย่างนาย เชิญออกไปได้แล้ว”
ทิวมองหน้าหญิงมานศรี ท้าทาย ไม่สนใจผลักประตูเข้าไป หญิงมานศรีพยายามห้าม
“เอ๊ะ บอกว่าคุณเทพไม่อยู่”
“ไม่ได้โง่! ทำไมจะไม่รู้ ว่าอยู่”
ทิวผลักประตูเข้าไปจนได้ หญิงมานศรีต้องรีบตามเข้าไป
เทพนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเมื่อทิวผลักประตูเข้าไป หญิงมานศรีตามเข้ามาหน้าตาตื่น เทพหันไปทักทาย
“อ้าวทิว...”
“หญิงห้ามเขาไว้แล้วค่ะ แต่...”
ทิวยิ้มเยาะหญิงสาว
“บอกแล้วไง ว่าฉันจะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้”
“ว่ามาสิ...นาย...”
เทพพูดไม่ทันขาดคำ ทิวโยนปลอกกระสุนลงบนโต๊ะ
“ปลอกกระสุน...เอามาให้ฉันทำไม”
“เพราะมันเป็นของลูกน้องคุณที่ตั้งใจยิงผม”
“กล่าวหากันลอยๆได้ทุกวันนะ”
“ก็ได้...จะไม่ยอมรับก็ได้ แต่นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป สงครามระหว่างคุณกับผมมันได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
ทิวมองหน้าเทพอย่างท้าทาย เทพไม่หลบตา
“ฉันก็ลูกผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อกำลังถูกท้าทายศักดิ์ศรีแบบนี้ ทั้งๆที่พยายามอดทนมาโดยตลอด...ต่อไปนี้ ฉันก็จะไม่ออมมือให้กับคนพาลอย่างนายอีกเหมือนกัน แม้ว่าฉันจะรักนายมากแค่ไหนก็ตาม ทิว”
ทิวระเบิดหัวเราะ ขำ
“ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ”
ทิวหัวเราะที่เห็นการเสแสร้งของเทพก่อนจะหันมาหัวเราะใส่หน้าหญิงมานศรี ทิวหัวเราะออกไป เทพมองทิวอย่างจงเกลียดจงชัง หญิงมานศรีตามทิวออกไปทันที
“คนโรคจิต”
เทพหยิบปลอกกระสุนขึ้นมาดู สายตาวาว ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาล้วน
“ล้วน...คราวนี้ เอาให้ปางตาย ให้มันเข็ดหลาบสักที”
เทพกระแทกหูโทรศัพท์อย่างฉุนเฉียว
ด้านหญิงมานศรีเดินตามทิวมา
“เดี๋ยวก่อนนายทิว ทำไมไม่เปิดตาเปิดใจให้กับความดีซะบ้าง”
ทิวหันกลับมาตะคอกใส่
“ถ้าคิดจะสั่งสอนฉัน เก็บปากเธอไว้ให้ฉันจูบ ดูจะมีประโยชน์มากกว่านะ...ว่ามั้ย ทุกคน”
ทิวหันไปถามพนักงาน ที่ต่างอึ้งกันเป็นแถวที่ได้ยินทิวพูดเรื่องจูบกับหญิงมานศรี
“หรือทนไม่ไหว อยากโดนตรงนี้ มา”
ทิวจะเข้าไปหา หญิงมานศรีขยับหนีทันทีอย่างเจ็บใจ
“คนอย่างนาย...มันเกินเยียวยาจริงๆ”
หญิงมานศรีเดินหนีไปอย่างเจ็บใจ รู้สึกอายสายตาพนักงาน ทิวยิ้มเยาะ ไม่สนใจโลก เดินออกไป
ทิวมาขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่เข้มติดเครื่องรออยู่ เข้มขี่ออกไป รถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาจากมุมหนึ่ง ตามรถมอเตอร์ไซค์ของทิวและเข้มไป
ผ่องทิพย์ทั้งเตะ ทั้งถีบทั้งทุบประตูห้องไม่หยุด
“เอาฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ พี่พวงช่วยฉันด้วย ไม่ใช่วัวไม่ใช่ควายนะ เอามาขังไว้แบบนี้ไม่ได้”
พวงทองอยู่หน้าห้องถอนใจ ไม่รู้จะจัดการยังไงดี
“บุญปลูก...นายใหญ่บอกหรือเปล่า จะให้คุณผ่องอยู่ในห้องนานแค่ไหน”
ขวัญตาสอดขึ้นทันที
“ขังลืมได้เลยก็ดีนะ”
พวงทองมองดุ ขวัญตาทำไม่รู้ไม่ชี้ บุญปลูกส่ายหน้า
“ไม่ได้บอกค่ะ บอกแค่ว่า...ให้หายบ้าก่อน ค่อยออกมา”
ผ่องทิพย์ตวาดลั่นออกมา
“นังบุญปลูก นังตอแหล คุณเทพไม่มีทางว่าฉันบ้า แกนั่นแหละที่ว่าฉัน”
ขวัญตาทนไม่ไหว
“คนที่นี่ทุกคนว่าพี่ผ่องบ้าทั้งนั้นแหละค่า”
“นังขวัญตา! อย่ามาสาระแน พี่พวง ช่วยผ่องด้วย”
พวงทองหันไปสั่งบุญปลูก
“บุญปลูก ไปบอกนายล้วน...ว่าฉันขอกุญแจ”
บุญปลูกหน้าจ๋อย
“แต่...”
“ไม่มีแต่!”
“ก็ได้ค่ะ...”
บุญปลูกรีบออกไป พวงทองถอนใจ ขวัญตายิ้มแสยะ สมน้ำหน้าผ่องทิพย์เหลือเกิน
“เฮ้อ...สงสารคนกำลังตกกระป๋อง ทำอะไรก็ผิด แถมถูกด่าว่าบ้า”
ผ่องทิพย์ตวาดแว้ด
“แกก็เหมือนกันนังขวัญตา กำลังถูกเฉดหัวทิ้งเป็นของเก่า ยังจะมาลอยหน้าลอยตาอยู่ได้”
ขวัญตาฉุนทันที เดินออกไป พลางบ่น
“ถูกเฉดหัวทิ้งเป็นของเก่าเหรอ ฮึ...คนอย่างขวัญตาไม่เคยสิ้นไร้ไม้ตอกหรอก ไม่มีคุณเทพ ก็ยังมี คนอื่นให้แก้ขัด”
ขวัญตายิ้มพราว เมื่อคิดถึงทิว
อ่านต่อตอนที่ 6 เวลา 17.00 น.