xs
xsm
sm
md
lg

มาหยารัศมี ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาหยารัศมี ตอนที่ 5

ธิติรัตน์ ศรัณย์ และวีระอยู่ที่บริษัท สองหนุ่มศรัณย์และวีระกำลังยิ้มให้และขอบใจเดือนแรมที่ยอมมาช่วยงานเป็นแบบให้กะทันหัน เดือนแรมมาในสภาพดวงหน้าดูช้ำ เพราะเมื่อคืนร้องไห้อย่างหนัก

“ขอบใจมากนะแรม ที่มาช่วยพี่” ศรัณย์เอ่ยขึ้น
“แรมต้องขอบคุณพี่ๆ มากกว่าค่ะ ที่เรียกแรมมาทำงาน” เดือนแรมว่า
วีระมองอย่างสงสารและเห็นใจ “แล้วแรมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ธิติรัตน์มองขวางๆ “นั่นสิ....หน้าตาท่าทางแบบนี้จะทำงานไหวเหรอ”
เดือนแรมมองธิติรัตน์รู้สึกน้อยใจขึ้นมา เจ๊กอไก่รีบตอบแทน
“ไหวค่ะ น้องแรมเป็นคนมีความรับผิดชอบมาก รับผิดชอบมาก ได้อีก! โอเคนะคะ รับผิดชอบมากได้อีก”
ธิติรัตน์มองเดือนแรมยิ้มอย่างดูหมิ่น “เจ้าตัวไม่เห็นพูดอะไร มีแต่เจ๊พูดแทน”
เดือนแรมรีบตอบทันที เสียงหนักแน่น “แรมทำได้ค่ะ ให้ทำอะไรแรมก็ทำได้ทั้งนั้น”
เห็นท่าไม่ดี เจ๊กอไก่รีบตัดบท “งั้นเดี๋ยวเจ๊พาแรมไปแต่งหน้าแต่งตัวเลยนะคะ ปะ แรม”
เจ๊กอไก่พาเดือนแรมเดินเลี่ยงออกไป ศรัณย์มองธิติรัตน์ขวางๆ
“เป็นอะไร ถึงได้หงุดหงิดใส่แรมแต่เช้า”
วีระเสียงเข้ม ดุใส่ “นั่นสิ! แรมไม่ได้เป็นกระโถน ไว้ให้นายคอยระบายนะชาย”
ธิติรัตน์ไม่แคร์ยิ้มอย่างดูแคลน กวนกลับ “เกิดเป็นผู้หญิงนี่ดีจริงๆ มีคนปกป้องตลอด” แล้วเดินหนีไป
ศรัณย์ส่ายหน้า เหนื่อยหน่ายใจ “คิดบ้าๆ แรมอาจจะมีปัญหาอะไรอยู่ก็ได้”
ธิติรัตน์เดินไป แต่ได้ยินประโยคสุดท้ายของศรัณย์

ทีมงานเตรียมการถ่ายทำ ธิติรัตน์ยังคิดถึงคำพูดของศรัณย์เมื่อครู่นี้
“คิดบ้าๆ แรมอาจจะมีปัญหาอะไรอยู่ก็ได้”
ธิติรัตน์หน้าบึ้ง “จะมีปัญหาอะไร”
คำพูดเหน็บแต่สายตาแอบมองอย่างเป็นห่วง ธิติรัตน์เดินหงุดหงิดงุ่นง่านสักพัก ทนไม่ไหวต้องเดินกลับเข้าไปด้านใน

ขณะที่ธิติรัตน์จะเดินเข้าไปด้านใน เดือนแรมแต่งหน้าทำผมสวย แต่งตัวสวยเจิดมากๆ เดินสวนออกมา ธิติรัตน์ชะงัก แกล้งดุกลบเกลื่อน
“หน้าตาแบบนี้จะทำงานได้ยังไง?ไม่มืออาชีพเอาซะเลย”
เดือนแรมงง ถูกธิติรัตน์เหน็บอีกแล้ว
“วันหลังอยากร้องไห้ก็ร้องอยู่บ้าน ที่นี่ต้องการคนตั้งใจทำงาน ไม่ใช่คนที่วันๆ ละเมอเพ้อพกถึงแต่ผู้ชาย”
พูดแค่นั้นธิติรัตน์ก็เดินต่อเข้าข้างใน เดือนแรมยืนอึ้งน้อยใจ น้ำตาคลอหน่วย ทำท่าจะหยด แต่เดือนกลั้นกลืนข่มจนไม่หยด
เจ๊กอไก่เห็นสุดแสนจะสงสารเดือนแรม

ธิติรัตน์จะถึงข้างในแล้ว เจ๊กอไก่เดินตาม เรียกเบาๆ น้ำเสียงเกรงใจ
“คุณชายคะ”
ธิติรัตน์หันมามอง ถามเสียงสุภาพ “มีอะไรครับ”
“เจ๊อยากอธิบายเรื่องแรม”
ธิติรัตน์หน้าตึง ของขึ้นทันควัน เจ๊กอไก่เห็นอาการรีบบอก
“แรมมีปัญหาส่วนตัวจริงๆ ค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องผู้ชาย”
น้ำเสียงของเจ๊นักปั้นเศร้า สงสารเดือนแรมจริงๆ ธิติรัตน์มองอย่างสนใจ เจ๊กอไก่เล่าต่อ
“แรมมีปัญหาที่บ้าน...ไม่ใช่นิดหน่อยแต่มาก.....ที่ผ่านมาแรมก็ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองตลอด แรมไม่เคยทำตัวเหลวไหลอย่างที่คุณชายคิด ที่มาทำงานวันนี้ เพราะแรมอยากได้เงินไปจ่ายค่าเทอม แล้วก็ซื้อของขวัญวันเกิดให้กับพ่อ....พ่อที่แรมรักมาก แต่เค้าไม่รักแรมเลย แรมน่าสงสารมากค่ะ”
ธิติรัตน์นิ่งเฉย แต่เริ่มจะเห็นใจ เพราะเคยรับรู้เรื่องมาแล้ว แต่ยังทำไก๋ ไม่รู้ “แรมลำบากขนาดนั้นเชียว”
“ค่ะ...โอ๊ย!!ยิ่งเล่า เจ๊ก็ยิ่งน้ำตาไหล” เจ๊กอไก่ทำท่ากระซิก จะร้องไห้
ธิติรัตน์ขำ หัวเราะ “เยอะไปแล้วเจ๊ เยอะไปแล้ว”
ธิติรัตน์เปิดกระเป๋า หยิบเงินให้สองหมื่นบาท เจ๊กอไก่งง รีบถาม
“คุณชายจะจ้างเจ๊ร้องไห้เหรอคะ”
“เปล่า ผมไม่ชอบเห็นน้ำตาผู้ชาย”
เจ๊กอไก่เซ็งเป็ด “ซะงั้น”
ธิติรัตน์พูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย “ผมฝากไปให้แรม เพราะกว่าเงินทำงานวันนี้จะออกก็อีกหลายวัน เผื่อแรมจะเอาไปใช้อะไร”
“ขอบคุณคุณชายมากค่ะ ขอบคุณแทนแรมจริงๆ”
เจ๊กอไก่มองอย่างซาบซึ้ง ตื้นตันใจแทนเดือนแรม

มุมหนึ่งในสตูดิโอ เจ๊กอไก่ยื่นเงินให้ เดือนแรมมองงง
“เป็นไปได้ยังไง เจ๊ให้เงินค่าตัวแรมก่อน”
“เออ...เอาไปใช้เถอะ ถ้ายึกยัก เจ๊เอาคืนนะ”
“ได้ค่ะ แรมก็ไม่อยากรบกวนเจ๊...ไว้แรมค่อยเอาตามดิวก็ได้” เดือนแรมทำท่าปฏิเสธ
เจ๊กอไก่เอาเงินยัดใส่มือให้ บอกความจริง “เออ....เอาไปเถอะ ไม่ใช่เงินเจ๊”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“มีคนใจดีเค้าฝากมาให้แรม” เจ๊กอไก่บอก
“ใครคะ?”
“เค้าไม่ให้บอก”
“ไม่บอกแรมก็ไม่เอา” เดือนแรมเอาเงินคืน
“เอาไปเถอะน่า..รับรองไม่ใช่เงินเสี่ย เค้าเป็นคนดี...แรมกำลังอยากได้เงินไปเสียค่าเทอม ซื้อของขวัญให้พ่อไม่ใช่เหรอ? รับไปเถอะ...เจ๊รับรอง คนที่ฝากมาให้เค้าเป็นคนดีจริงๆ”
เดือนแรมยอมรับเงินจากเจ๊กอไก่

ธิติรัตน์กับทุกคนง่วนกับการทำงาน เดือนแรมยืนเพ่งมองธิติรัตน์
“คนเดียวในโลกที่ดีกับแรมขนาดนี้ มีเพียงคนเดียว” มองเงิน “แรมรู้..ว่าเงินนี้เป็นของคุณชาย”
เดือนแรมมองธิติรัตน์อย่างตื้นตันใจ เจ๊กอไก่เดินมาหา
“แรม..พร้อมแล้ว มาทำงานเลยจ้ะ”
“ค่ะเจ๊”

เดือนแรมเป็นแบบถ่ายภาพนิ่ง โฆษณาโลชั่นบำรุงผิว ธิติรัตน์เป็นช่างภาพงานนี้
เดือนแรมโพสท่าสวยงาม ดวงตาระยิบระยับ มองตรงมาที่เลนส์กล้อง
เหมือนกำลังยิ้มให้ธิติรัตน์ รอยยิ้มกว้างสวยธิติรัตน์เผลอตัวยิ้มออกมา กดชัตเตอร์ไม่ยั้ง เดือนแรมสวยเหลือเกิน
พอธิติรัตน์เห็นเดือนแรมยิ้มให้ไม่หยุด ก็ทำตาขวางใส่ เดือนแรมงง

งานลุล่วงเรียบร้อยเกือบเย็นๆ เลิกกองแล้วทีมงานต่างช่วยกันเก็บของ เจ๊กอไก่เดินไปไหว้ขอบคุณศรัณย์กับวีระ ธิติรัตน์กำลังเก็บกล้องและอุปกรณ์อยู่ เดือนแรมเดินมาหา พอธิติรัตน์เห็นก็หันหน้าหนี
เดือนแรมถามเสียงงอนง้อ “คุณชายโกรธอะไรแรมอีกคะ”
“ทำไมฉันต้องโกรธเธอด้วย อย่าสำคัญตัวเองผิดเดือนแรม”
“อ้าว!!คุณชายไม่พูด ไม่ยิ้มให้กับแรม ซ้ำคุณชายยิ้มอยู่ แต่พอเห็นแรม คุณชายก็ทำหน้าบึ้ง”
ศรัณย์เดินเข้ามาทันได้ยิน เลยแซวผสมโรง “นั่นสิ! ประจำเดือนมาผิดเวลารึไง? หงุดหงิดทั้งวัน
ศรัณย์เดินไปแบบไม่ฟังคำตอบ งานเข้าเดือนแรม ธิติรัตน์โกรธอีก
“เธอทำให้เพื่อนว่าฉันจนได้..เดือนแรม”
เดือนแรมหน้าจ๋อย “แล้วมาดุแรมทำไมคะ? แรมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
ธิติรัตน์นึกได้ เพราะเดือนแรมไม่ได้ทำอะไรจริงๆ พาลพาโลกลบเกลื่อน
“ก็...ทำเธอทำให้ฉันหงุดหงิด รู้ตัวไว้ด้วยเดือนแรม” เก็บของเดินหนีไปเลย
“หาเรื่องจริงๆ เลย” เดือนแรมมองตาม ยิ้มกว้างสุขใจ “สำหรับคุณชาย แรมยกให้หนึ่งคน..เพราะคุณชายคือผู้มีพระคุณของแรมค่ะ แรมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนคุณชายค่ะ” สีหน้าแววตาขณะมองตาม เทิดทูนธิติรัตน์เหมือนเคย

ค่ำนั้นตากล่ำกุลีกุจอมาเปิดประตูวังให้ ธิติรัตน์ขับรถเข้ามาจอด ก้าวลง ละเอียดวิ่งมารับ เรื่องมื้อเย็น
“วันนี้หม่อมไม่อยู่ คุณชายจะให้จัดสำรับที่ไหนคะ?”
“สนามก็ได้....ง่ายๆ”
“ค่ะ”

ธิติรัตน์ รับประทานอาหารได้น้อย จนละเอียดหน้าจ๋อย
“คุณชายทานน้อยจัง ไม่ถูกปากหรือคะ”
“เปล่า พอดีทานข้าวกองถ่ายมาบ้างแล้ว”
ละเอียดยิ้มโล่ง “แหม...ละเอียดก็โล่งใจไป นึกว่าคุณชายจะเบื่อรสมือละเอียดซะแล้ว”
ตากล่ำที่คอยรับใช้อยู่ด้วยแหย่ขึ้น “เบื่อหน่อยก็ดีนะครับคุณชาย”
ละเอียดฉุน “ตากล่ำ! หาเรื่องให้ฉันถูกปลดแล้วมั้ยล่ะ?”
“ไม่ได้ปลดแค่เปลี่ยนให้หนูแรมทำแทนเป็นบางวัน เพราะอาหารที่หนูแรมทำ อร้อย..อร่อยนะครับคุณชาย”
ธิติรัตน์ยิ้มรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา “งั้นเหรอ?”
ละเอียดดันเห็นดีด้วย “ค่ะ..และถ้าเป็นหนูแรม ละเอียดจะไม่ว่าอะไรเลยเพราะหนูแรมทำอาหารอร่อยจริงๆค่ะ”
ตากล่ำนึกขึ้นได้ “พูดถึงหนูแรมแล้วน่าสงสารจังเลยนะครับ”
ธิติรัตน์สนใจขึ้นมา “สงสารทำไม”
“ก็วันนั้นที่ผมไปส่งหนูแรมที่บ้าน ได้ยินคนที่บ้านเค้าด่า ว่าหนูแรมไม่ใช่ลูกเจ้าของบ้านน่ะสิครับ”
ธิติรัตน์นิ่งงันไป รับรู้ที่ว่าพ่อไม่รักเดือนแรม แต่ยังไม่รู้ว่าบ้านที่กล่ำไปส่งคือบ้านเมิน และเดือนแรมเป็นลูกสาวที่เมินไม่รัก!
ละเอียดฟังแล้วตกใจ “ต๊าย! มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
“ยิ่งกว่านี้อีก ไอ้ฉันก็อยากรู้ต่อ แต่ถูกด่ามาซะก่อน เลยรีบเผ่นแทบไม่ทัน” ตากล่ำเมาท์เพลิน นึกได้ขึ้นมา “แหะๆ ขอโทษครับคุณชาย เพลินปากไปหน่อย”
สองคนเก็บสำรับออกไปแล้ว ธิติรัตน์นั่งนิ่ง
“ฉันเอาใจช่วยเธอนะแรม” ธิติรัตน์แหงนหน้ามองท้องฟ้า “เดือนแรม...จะได้เป็นเดือนเต็มดวงซะที”
ดวงจันทร์ยามนี้ ส่องแสงกระจ่างสวยไปทั่วผืนฟ้า

วันต่อมาเดือนแรมเดินตรงไปที่ร้านถ่ายรูป พร้อมรูปของเมินผู้เป็นพ่อ
“มีเงินทำรูปให้คุณพ่อแล้วแรม”
เดือนแรมเดินเข้าในร้านแต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นรูปขนาดเท่าตัวจริงของตัวเองที่ธิติรัตน์เอามาทำ ตั้งอยู่ในร้าน เดือนแรมยืนมองอึ้ง ตะลึง! ช่างจอมเม้าท์ในร้านเห็นก็ร้องทัก
“อ้าว! คุณ...ในรูปว่าสวยแล้ว ตัวจริงยิ่งสวยกว่าอีก อ้าว! แล้วแฟนคุณล่ะ”
เดือนแรมทำหน้างง “แฟน?”
ช่างรีบบอก “ผู้ชายที่เอารูปมาทำไงครับ...เห็นบอกจะมาเอาตั้งหลายวัน ก็ไม่เห็นมาซักที นี่ผมกะจะเอาไปส่งให้เค้าอยู่พอดี”
“งั้น..ก็ไปส่งเถอะค่ะ” เดือนแรมว่า
“อ้าว! แล้วคุณไม่ได้มาเอารูป” ช่างประหลาดใจ
“เปล่าค่ะ...ฉันเอารูปคุณพ่อมาทำ” เดือนแรมยื่นรูปเมินให้ ช่างทำหน้างงๆ
“อ้อ งั้นเดี๋ยวผมเอาไปส่งให้เค้าเอง ไหนครับรูปคุณ...จะทำแบบไหนครับ?”
ช่างช่างเม้าท์ชวนคุย เดือนแรมตอบ แต่ตาแอบมองรูปตัวเองยิ้มกว้าง

ธิติรัตน์นั่งทำงาน อยู่กับศรัณย์ และวีระ เลือกรูปของเดือนแรมที่จะใช้ในงานโฆษณา
“นางแบบสวยแล้ว ยังจัดแสง จัดมุมได้สวย ฉันว่าลูกค้าเห็นผลงาน ต้องพอใจอย่างแน่ๆ เลย” ศรัณย์ยิ้มอย่างพอใจ
“ถ้าเป็นแบบนี้ บริษัทเราไปโลดแน่ งานสร้างชื่อแน่นอน” วีระบอก
ธิติรัตน์ยิ้มอย่างพอใจเหน็บสองเพื่อนเข้าให้ “ชมแต่นางแบบ ไม่ชมคนถ่ายบ้างหรือไง”
“ก็ฉันบอก แสงสวย มุมสวย ก็เหมือนชมแกแล้วไงชาย..หรือจะให้ชม ว่าแกสวยแข่งแรม” ศรัณย์ล้อ “ฮื้อ!!ชายสวยจัง สวยพอๆ กับแรมเลย”
เห็นเพื่อนๆ หัวเราะ ชอบใจ ธิติรัตน์หัวเราะขำ “พวกบ้า”
ระหว่างนั้นทีมงานคนหนึ่งเคาะประตู เปิดเข้ามา “มีคนเอารูปมาส่งครับ”
“รูปอะไร” ธิติรัตน์งง

เป็นรูปขนาดใหญ่เท่าตัวจริงของเดือนแรม ที่ธิติรัตน์สั่งทำนั่นเองทุกคนมองอย่างตะลึง รูปนั้นสวยมาก ธิติรัตน์แอบกัดฟันกรอดพึมพำกับตัวเอง
“ก็บอกว่าจะไปรับเอง เอามาส่งทำไม”
“พอดีไม่มีคนไปรับซักที แต่เค้าจ่ายเงินไว้แล้วเจ้าของร้านเลยให้ผมเอามาส่งครับ” พนักงานบอก
ศรัณย์มองรูป ชอบมาก หันไปมองธิติรัตน์ “ใครสั่งทำตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
ธิติรัตน์หน้าตาเลิ่กลั่ก พูดไม่ออก
เป็นจังหวะเดียวกับที่ เจ๊กอไก่เดินเข้ามาอีกทางกับเดือนแรม เห็นรูปขนาดใหญ่บึ้ม
เจ๊กอไก่กรี๊ดออกมาทันที
“ต๊าย! รูปน้องแรม ไปถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมเจ๊ไม่รู้เลย”
เดือนแรมกับธิติรัตน์มองสบตากัน พนักงานที่มาส่งของรีบบอก
“คุณธิติรัตน์เป็นคนสั่งทำน่ะครับ คุณธิติรัตน์อยู่ไหนครับช่วยเซ็นรับของหน่อยครับ”
ทุกคนหันไปมองธิติรัตน์เป็นตาเดียว ธิติรัตน์ทำหน้าไม่ถูก เซ็นรับของเขินๆ
ที่สุดธิติรัตน์บอกออกมาเสียงอ้อมแอ้ม “ก็ลองถ่ายดู จะได้รู้ ว่ามุมไหนใช้ได้ ใช้ไม่ได้”
ศรัณย์ยิ้มและพูดเย้า “เฮ้ย!!แล้วทำไมไปกันสองคนวะ พวกฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
เจ๊กอไก่สวนคำผสมโรง “เจ๊ก็ไม่รู้ค่ะ”
ธิติรัตน์กับเดือนแรม ได้แต่เขิน ใบ้กินกันทั้งคู่
ทุกคนหัวเราะ ยิ้มอย่างแฮปปี้ โดยไม่รู้ว่าดุจแขยืนมองอยู่ กำมือแน่นด้วยความโกรธ
“ฉันควรกำจัดเธอ หรือว่า มาหยารัศมีกันแน่?”
นัยน์ตาดุจแขวาวโรจน์ โกรธเดือนแรมมาก

เย็นนั้นเพ็ญประกายซึมเหม่อ ท่าทางไม่ค่อยสดชื่น จันทราสงสัยในอาการลูกสาว จนอดถามไม่ได้
“มาหยารัศมี ทำไมลูกไม่คอยติดต่อคุณชายบ้างล่ะจ๊ะ? สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ลูกเข้าหาคุณชายบ้างก็ได้ เดี๋ยวคุณชายเค้าก็หาว่าไม่สนใจเค้าหรอกลูก”
ชุติมาโผล่เข้ามาหัวเราะขำ คิกคัก “ติดต่อจนไม่รู้จะติดต่อยังไงแล้วคุณน้า..เพียงแต่เป็นทาร์เก็ตที่ไม่เข้าตา คุณชายเค้าก็เลยไม่ได้สนใจ” พูดเยาะเน้นๆ “คุณเพ็ญ”
จันทราโกรธจัด ถลึงตาใส่ชุติมา “ชุติมา” หันมาพูดกับเพ็ญประกาย “ยังไงลูก”
“เอ่อ...จริงอย่างพี่ชุติมาว่าค่ะ” เพ็ญประกายหันมาเถียงชุติมา “แต่ไม่ใช่อย่างพี่ชุเข้าใจ” แล้วหันมาทางแม่ “คุณชายตั้งใจที่จะมาทานข้าวกับมาหยาที่บ้าน”
จันทราซักทันที “แล้วทำไมไม่มาล่ะลูก?”
เพ็ญประกายบอกเสียงอ่อยๆ “คุณชายติดงานด่วนค่ะ”
พอได้ยินชุติมาหัวเราะเยาะทันที “รู้ทั้งรู้ว่าข้อแก้ตัวของผู้ชาย ยังจะโง่เชื่อ”
จันทราตาเขียว ตวาดเสียงดัง “ชุติมา”
“โถๆๆๆๆ ไม่ต้องมาทำตาเขียวใส่ชุหรอกค่ะคุณน้า ชุแค่อยากบอก ที่ผู้ชายเค้าไม่มาสนใจคุณเพ็ญ ดีไม่ดี เค้าอาจจะมีผู้หญิงของเค้าอยู่แล้วก็ได้”
เพ็ญประกายเถียงอีก “จะมีได้ยังไงคะ ก็มาหยาเป็นคู่หมั้นเค้า”
ชุติมาเบ้ปากอย่างอิจฉา “คู่หมั้นกำมะลอ”
จันทราพูดตอกหน้า “ถึงจะคู่หมั้นกำมะลอ แกก็ยังอยากเป็น”
เพ็ญประกายหันหน้าไปมองชุติมา เพิ่งรู้ความจริง สองสาวสบตา สู้สายตากันอยู่ เพ็ญประกายเริ่มเปิดศึก
“มิน่า...พี่ชุติมาถึงได้คอยกระแนะกระแหนมาหยาตลอดเวลา” เยาะเย้ยนิ่มๆ ตามสไตล์สาวหวาน “อิจฉาใช่มั้ยคะ” เชิดหน้าท้าทาย
“นังเพ็ญ!!” ชุติมาถลึงตาใส่ ถลันตัวจะเข้าตบ
“นังชุติมา”
จันทราตวาดแว้ด โกรธจัด กระชากผมชุติมาสุดแรงจนหน้าหงายเงิบ ตาจิกมองชุติมา
“อย่ามาทำกำเริบ ไม่งั้น ฉันไสหัวแกออกจากบ้านแน่” ผลักหัว “ไป๊..จะไปไหนก็ไป๊”
ร่างของชุติมาเซถลาไปตามแรงผลัก แทบล้ม ชุติมามองสองคนอย่างโกรธเกลียด
“ไปก็ได้ แต่แม่ลูกคอยเตือนกันไว้บ้างก็ดี ที่คุณชายเค้าไม่มาสนใจยัยเพ็ญเป็นเพราะเค้ามีคนอื่น” ชุติมาสะบัดหน้าเดินหนีไป
“อย่าไปฟังลูก ชุติมามันขี้อิจฉา” จันทราปลอบลูกสาว
เพ็ญประกายพูดเสียงแผ่วๆ “แต่เพ็ญกลัวเหมือนกันนะคะ ว่าคุณชายจะมีคนอื่น”
สีหน้าเพ็ญประกายหวาดหวั่นใจ

เย็นย่ำวันเดียวกันเดือนแรมยืนอยู่ตรงหน้ารูปเท่าตัวจริงของตัวเอง ลูกน้องธิติรัตน์ทยอยกลับ
เดือนแรมยิ้มให้ธิติรัตน์อย่างปลื้มใจ ไหว้ขอบคุณ “ขอบคุณมากค่ะคุณชาย”
“ขอบคุณทำไม?”
เดือนแรมหน้าแหยๆ “ก็...คุณชายเคยบอกจะให้แรม”
“ถ้าฉันเคยบอก งั้นเธอก็เอาไปสิ”
“ขอบคุณค่ะ” เดือนแรมยกมือไหว้อีก
ธิติรัตน์แกล้งดุเสียงดัง “รีบยกไปสิ”
เดือนแรมผวา “ค่ะ” จะเข้าไปยก
ธิติรัตน์เข้าไปช่วย “เธอนี่มันบ้าจริงๆ รูปใหญ่ขนาดนี้...จะยกไปได้ยังไง”
เดือนแรมพูดซื่อๆ จริงใจ “ได้ไม่ได้...แรมก็จะพยายามค่ะ เพราะแรมกลัวคุณชายโกรธ”
ได้ฟังอย่างนั้นธิติรัตน์ สะอึก อึ้งไปทันที ดวงตามีประกายอ่อนโยนสงสาร รู้สึกผิดนิดๆ
“ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเหรอ?”
“เปล่าค่ะ...เพียงแต่อะไรที่คุณชาย สบายใจ แรมก็พร้อมที่จะทำ”
ธิติรัตน์ยิ้มอ่อนโยน “เธอนี่มันจริงๆ เลย ไป...เดี๋ยวฉันให้คนไปส่งที่บ้านเธอ ว่าแต่บ้านเธออยู่ที่ไหน”
เดือนแรมนิ่ง สีหน้าเหมือนหนักใจมาก ธิติรัตน์จับสังเกตได้ “มีอะไร”
“แรมอยากได้นะคะ แต่แรมไม่รู้จะเอาไว้ที่ไหน? ที่บ้าน ไม่ยอมแน่ๆ”
“ใคร? พ่อของเธอ หรือว่าภรรยาใหม่พ่อเธอ?”
เดือนแรมแน่วนิ่งไม่ตอบ ธิติรัตน์ถอนหายใจ
“ถ้าอย่างนั้นเอาไปเก็บไว้ที่บ้านฉันก่อนก็ได้”
นั่นแหละเดือนแรมจึงยิ้มออกมาได้ ด้วยความดีใจมาก “ขอบคุณค่ะ”
เดือนแรมมองธิติรัตน์อย่างเทิดทูน ธิติรัตน์มองเดือนแรมอย่างเอื้อเอ็นดู
จนแล้วจนรอด ธิติรัตน์ก็ลืมถามเรื่องบ้านของเดือนแรมอีกจนได้

คนงานยกรูปเดือนแรมขนาดเท่าตัวจริงมาไว้ด้านในวัง พอคนงานออกไปแล้วธิติรัตน์ยืนมองภาพเดือนแรมแล้วยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว หม่อมรัตนาเดินมามองเห็นอาการของลูกชายก็ได้แต่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร ธิติรัตน์มองจ้องใบหน้าเดือนแรมในรูปอยู่อย่างนั้น

ดุจแขนัดจารุณีออกมาเที่ยวที่ผับหรูในค่ำคืนหนึ่ง ดุจแขดื่มเหล้าจนเมามาย ท่าทางกลุ้มหนัก จารุณีเย้ยตามประสาปากไว
“ไหนเธอเคยบอกว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนั้นในสายตาไง” แน่นอนจารุณีหมายถึงเดือนแรม ที่ดุจแขเล่าให้ฟัง
“เห็นท่าทางเซื่องๆ ซึมๆใครจะรู้ ว่ามันจะยั่วคุณชาย” ดุจแขยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
“ยั่วตรงไหน?”
“ก็ทำตัวติดกับคุณชายขนาดนั้นแหละเค้าเรียกว่าให้ท่า”
จารุณีเหน็บอีก “งั้นที่เธอทำก็ให้ท่าคุณชายเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ว่า...คุณชายเค้าไม่ได้สนใจเธอ”
“นี่! เธอมาเพื่อด่าฉันใช่มั้ย?”
“ใช่! ที่ฉันด่า เพราะฉันไม่อยากให้เธอหลอกตัวเอง”
“ฉันไม่ได้หลอกตัวเอง คุณชายยังรักฉันอยู่”
“ทำหึงหวงเพราะประชด กับรังเกียจ มันต่างกันนะแข ไม่เชื่อ...เธอก็ลองควงผู้ชายซักคนสิ แล้วเธอจะรู้ว่าคุณชายเค้าหึงเธอหรือเปล่า?”
ดุจแขนิ่งคิดตามคำแนะนำของจารุณี ก่อนจะบอก “มันก็จริง ผู้ชายชอบทำตัวเป็นหมาหวงก้าง โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว!”
ดุจแขยิ้มมั่นใจตามเคย

วันต่อมา ขณะที่วีระทำงานอยู่ เสียงมือถือดังขึ้น วีระรีบกดรับ
“ครับคุณแข”
ดุจแขอยู่ที่ออฟฟิศตัวเอง ยิ้มอย่างมั่นใจ ว่าวีระต้องไปด้วยแน่ๆ
“คืนนี้ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยนะคะ”
“ผมอยากไปนะครับ แต่คืนนี้นัดกับนายชาย จะไปคุยงานกัน”
“ที่ไหนคะ?” นิ่งฟัง “ค่ะ.ไว้โอกาสหน้าเจอกัน” ดุจแขหยอดหวาน “แขคิดถึงคุณวีระนะคะ”
“ครับ”
วีระวางสายสีหน้างง แต่อมยิ้มนิดๆ หวั่นไหว ดุจแขอารมณ์เสีย นัยน์ตาวาวร้ายกาจ

ดุจแขกลับออฟฟิศ นั่งทำงานหน้าหงิก อารมณ์เสีย คิดไม่ตก “แล้วจะควงใครไปเย้ยล่ะเนี่ย?”
ค่ำนั้นดุจแขกลับบ้านมาชวนสรรชัยไปทานข้าว สรรชัยถามดุจแขอย่างตื่นเต้นดีใจ “นึกยังไง คืนนี้ถึงจะชวนผมไปทานข้าว”
“จะไปหรือเปล่าล่ะ?”
“ไปสิ...ที่ไหน?” สรรชัยเนื้อเต้น
ดุจแขยิ้มมีเลศนัย “ที่ไหนก็ได้....แต่ฉันมั่นใจว่า คืนนี้ต้องเป็นคืนพิเศษของฉันแน่นอน

สรรชัยยิ้มอย่างดีใจนึกว่าหมายถึงตัวเอง ดุจแขยิ้มอย่างมั่นใจ คิดว่าเธอเอาธิติรัตน์อยู่

อ่านต่อหน้า 2

มาหยารัศมี ตอนที่ 5 (ต่อ)

ภายในร้านอาหารหรู บรรยากาศสบายๆ ของค่ำคืนนั้น ธิติรัตน์นั่งคุยงานกับเพื่อนอยู่ สามคน คุยหารือกันเบาๆ แชร์ไอเดีย นั่นก็ดี นี่ก็เก๋ แล้วจังหวะหนึ่งธิติรัตน์ก็สรุปว่า เสนอลูกค้าหลายๆ แบบแล้วกัน

จังหวะนั้น ดุจแขเดินเข้ามากับสรรชัยพอดี สรรชัยสีหน้ายิ้มแย้มมีสุขล้น ดุจแขเห็นธิติรัตน์แล้วจึงแกล้งคล้องแขนสรรชัยยั่ว พร้อมเอ่ยขึ้น
“นั่งตรงนั้นดีกว่านะคะ” ลงนั่งข้างโต๊ะธิติรัตน์ จึงแกล้งหันมาอ้อนสรรชัย “มุมนี้โรแมนติคดีค่ะ”
ธิติรัตน์เห็นดุจแข แต่ไม่ได้รู้สึกอะไร เหลือบไปมองสรรชัย ชะงัก จำได้ขึ้นมาว่าเคยเห็นสรรชัยไปกับแรม
ธิติรัตน์คิดในใจ “ผู้ชายคนนั้น”
ดุจแขเห็นอาการธิติรัตน์ก็แอบยิ้ม คิดในใจ
“หึงแขล่ะซี้คุณชาย? แขจะทำให้คุณชายลืมผู้หญิงทุกคน ทั้งนังมาหยารัศมีและนังเดือนแรม”
ดุจแขยิ้มพราย พาสรรชัยทรุดตัวลง

เวลาเดียวกันเดือนแรมทำงานบ้านอยู่ ชุติมานั่งมองเขม็งคิดอยู่ในใจ
“ถ้าฉันหาจดหมายนั่นเจอ คุณเมินจะต้องไล่แกออกจากบ้าน คุณแม่จะได้เห็นหัวฉันซักที” จู่ก็หันมาเรียก “แรม มานวดให้ฉันหน่อย”
เดือนแรมมอง สีหน้าไม่พอใจนัก “แรมไม่ใช่หมอนวดค่ะ”
“แต่ฉันสั่ง แกต้องทำ จะนวดไม่นวด” ชุติมาวางอำนาจ ร้องตะโกนเรียกจันทราทันที “คุณน้า”
เดือนแรมทำสีหน้าเหนื่อยใจ ไม่อยากมีเรื่อง “ค่ะๆ เดี๋ยวแรมนวดให้”
ชุติมานั่งวางท่า เชิดคอให้เดือนแรมมานวด เดือนแรมนวดให้ ไม่ถูกใจชุติมาแว้ดใส่ทันที
“โอ๊ย! เจ็บ...แกจะฆ่าฉันหรือไงนังแรม”
เดือนแรมระอาใจนัก ทำหน้าเนือยๆ “ขอโทษค่ะ” นวดเบามือลง “ชุติมาหันมาค้อน”
“ฮู้ย! นวดยังกะคนไม่มีแรง ทั้งๆ ที่ปกติแกน่ะใช้แรงงาน”
เดือนแรมเหนื่อยใจ “ขอโทษค่ะ” เดือนแรมเปลี่ยนแรงนวดที่คิดว่าจะพอดี
ชุติมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ร้องลั่น “ว้าย”
เดือนแรมตกใจ รีบบอก “เจ็บอีกหรอคะ? แรมระวังแล้วนะคะ”
จู่ๆ ชุติมาก็ชูสร้อยคอที่ตัวเองกระชากขึ้นมาเอง “แกกระชากสร้อยฉัน”
เดือนแรมตกใจ ปนงง “แรมเปล่า”
“เปล่าได้ยังไง? นี่ไง แกกระชากจนขาด นังแรม แกต้องชดใช้ให้ฉันมีเงินเท่าไหร่แกเอามา”
ชุติมาตรงเข้าไปรื้อค้นตามตัว เดือนแรมปัดป้องพัลวัน
“อย่าค่ะอย่า แรมไม่ได้มีเงิน”
“มีสิ ทำไมจะไม่มี ฮึ๊ย!!”
ชุติมาขัดใจนัก ผลักเดือนแรมออกอย่างแรง แล้ววิ่งตรงไปที่ห้องของเดือนแรมอย่างเร็วรี่
ชุติมาวิ่งเข้าไปในห้องเดือนแรม ตรงเข้าไปรื้อค้นตามที่นอน เดือนแรมตรงเข้าไปห้ามท่าทางตกใจ มองที่กรอบรูปพ่อที่วางอยู่โต๊ะหนังสือหัวที่นอน อย่างหวั่นกลัว
“อย่าคะคุณชุ อย่า”
ชุติมาผลักเดือนแรมอย่างแรง “ออกไป”
เดือนแรมไม่ยอม ไม่ว่าชุติมาจะรื้อค้นตรงไหน ตามไปกระชากออกทุกที
ชุติมาโมโหจนเดือดดาล “นังแรม”
ชุติมาหันมาผลักแรมแล้วรื้อค้นต่อ เดือนแรมโมโห บอกเสียงดัง “อย่า”
เดือนแรมฉุดรั้งชุติมาสุดแรง จนร่างของชุติมาเซไปจนโต๊ะหนังสือ จนกรอบรูปเมินหล่นลงมา
พร้อมๆ กับที่ร่างชุติมาจะชนกระแทกผนังห้องอย่างแรง ชุติมาร้องลั่น
“โอ๊ย”
เดือนแรมหน้าซีดเผือด ไม่ได้สนใจชุติมา มองไปที่กรอบรูปที่หล่น กรอบรูปส่วนด้านหน้าหลุดออกแล้ว รูปเมินเลื่อนออกมา และเผยให้เห็นภายใต้รูปที่มีจดหมายและการ์ดของธิติรัตน์ เดือนแรมรีบตะปบเอาไว้แน่น ขณะที่ชุติมาชี้หน้าด่ากราดเดือนแรม
“แกจะฆ่าฉัน ฉันจะไปฟ้องคุณน้า นังแรม”
ชุติมากระทืบเท้าออกไป เดือนแรมรีบจัดกรอบรูปให้เป็นปกติเหมือนเดิม แล้วตามชุติมา
ไปอย่างตกใจ

ด้านดุจแขยังแกล้งใกล้ชิดนัวเนียกับสรรชัยยั่วธิติรัตน์
ดุจแขมองหน้าสรรชัยออดอ้อนเสียงหวาน “บริกรมาช้าจังเลยนะคะ”
“เดี๋ยวผมไปตามเอง” สรรชัยจะลุกไป
ดุจแขดึงมือสรรชัยรั้งเอาไว้ มองตาหวานเยิ้ม “ไม่ต้องค่ะ เค้าอาจจะยุ่งอยู่ เดี๋ยวคงมา”
สรรชัยยิ้มมองมือและจ้องสายตาดุจแขเป็นปลื้ม
ธิติรัตน์เขม้นมองสรรชัยตาเขม็งคิดอยู่ในใจ “ผู้ชายคนนี้คือใครกัน? ทำไมวันนั้นถึงมาอยู่กับแรม?”
ดุจแขเหลือบตามองธิติรัตน์ นึกว่าหึงสรรชัย พอบริกรเอาเมนูมาให้ดุจแขโน้มตัวไปแนบชิดสรรชัยก้มลงอ่านเมนู ตั้งใจยั่วคุณชายให้หึงเต็มที่
ดุจแขยิ้มพราย “ทานอะไรดีคะ?” ปากถามสรรชัยแต่ปรายตามองไปทางธิติรัตน์
สรรชัยมองเห็นสายตาดุจแขจึงมองตามไป พอเห็นธิติรัตน์ก็เข้าใจทันทีว่าดุจแขทำ
อย่างนี้ทำไม สรรชัยหน้าเคร่งขึ้นมาทันที
“ตอนแรกผมก็หลงดีใจ ที่แท้...”
ดุจแขงงงวย “อะไรคะ”
สรรชัยไม่ตอบ ยิ้มมองดุจแขอย่างรู้ทัน “เอาเป็นว่าผมจะทำตามเกมคุณแล้วกัน”
สรรชัยเอื้อมมือมาคว้าร่างดุจแขเข้ามากอดแนบชิด จมูกแทบชิดแก้มดุจแข
ดุจแขตกใจเพราะมันมากเกิน เสียงขุ่นทันควัน “สรรชัย”
สรรชัยขบกรามแน่นกัดฟันกรอด “ก็นี่ไม่ใช่หรือที่คุณต้องการ”
พูดจบสรรชัยก็เอียงจมูกเข้าชิดแก้มดุจแขมากขึ้น ธิติรัตน์มองด้วยสายตาทั้งตำหนิและดูถูก ไม่ได้หึงหวงเลยสักนิด ดุจแขรับรู้ถึงความหมายของสายตานั้น หน้าร้อนผ่าว ผลักสรรชัยออก
“ออกไป”
สรรชัยผงะไป ดุจแขรีบลุกจากโต๊ะไปหาธิติรัตน์
“คุณชายคะมันไม่ใช่อย่างที่คุณชายเข้าใจนะคะ แขกับเค้าไม่ได้เป็นอะไรกัน?”
ธิติรัตน์ยิ้มเหยียด “เป็นหรือไม่เป็น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม”
“แต่คุณชายมองแขด้วยสายตาดูถูก”
“ไม่ใช่แค่ผมหรอก คนทั้งร้าน เค้าก็มองทั้งนั้นแหละ”
ถูกฉีกหน้าขนาดนี้ ดุจแขทนไม่ไหวแล้ว “คุณชาย”
ธิติรัตน์ยิ่งมองดูถูกมากกว่าเก่า “กรุณาให้เกียรติคนที่มากับคุณด้วย”
“ไม่ค่ะ! เพราะแขไม่ได้แคร์เค้า คนที่แขแคร์คือคุณชาย” พุ่งเข้ามาคว้าแขนธิติรัตน์อย่างไม่แคร์ใคร
สีหน้าสรรชัย ทั้งโกรธและสะเทือนใจ ธิติรัตน์มองสรรชัย เห็นใจอีกฝ่าย
“ดุจแข อย่ามายุ่งกับผม”
ธิติรัตน์ปัดมือดุจแขออก แล้วเดินออกไป วีระเรียกถ่วงเวลาให้ดุจแข
“จะไปไหนชาย เรายังคุยงานกันไม่เสร็จเลย”
ศรัณย์มอง เริ่มไม่พอใจวีระ “ไว้คุยกันต่อวันหลังก็ได้”
“คุณชาย” ดุจแขรำพันออกมา
ดุจแขตามธิติรัตน์ออกไป สรรชัยแสนเจ็บปวด ได้แต่กำมือแน่น รักมากก็ยิ่งแค้นมาก

ธิติรัตน์จะออกนอกร้าน ดุจแขวิ่งตามไปกระชากแขน “อย่าเพิ่งไปค่ะคุณชาย”
“ดุจแข” ธิติรัตน์โมโหมากแล้ว
ดุจแขละล่ำละลัก “ฟังแขก่อนนะคะ สรรชัยเป็นหลานคุณสงครามค่ะ เค้ากับแขไม่ได้เป็นอะไรกัน?”
ธิติรัตน์รำคาญหนัก “มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับผมจริงๆดุจแข”
ดุจแขยิ้มยังเข้าข้างตัวเอง “เกี่ยวสิคะ ทำไมจะไม่เกี่ยว เพราะคุณชายกำลังหึงแข คุณชายยังรักแขอยู่”
“เพ้อเจ้อ” ธิติรัตน์ตวาด
ดุจแขคว้าแขนธิติรัตน์ “แขไม่ได้เพ้อเจ้อค่ะ คุณชายยังรักแขอยู่ คุณชายเลยทนเห็นแขอยู่กับผู้ชายอื่นไม่ได้”
ธิติรัตน์มองจ้องหน้าดุจแขอย่างระอา “ดุจแข เมื่อไหร่คุณจะยอมรับซักทีว่าเรื่องของเรามันจบกันลงไป” เน้นเสียงชัดๆ “นานแล้ว และตอนนี้ผมก็มีคนที่อยู่ในใจของผม”
ดุจแขสาวมั่นเสียงสั่น สุดจะรับไหว “แขไม่เชื่อ”
“งั้นผม จะขอให้เค้า ออกมาพบกับคุณ”
ดุจแขมองตาธิติรัตน์ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ธิติรัตน์หยิบมือถือขึ้นมากดโทร.หาเดือนแรม

ชุติมาวิ่งหน้าตั้งจะไปฟ้องจันทรา ตะโกนลั่นบ้าน “คุณน้าขา คุณน้า”
เพ็ญประกายเดินเข้ามาพอดี “มีอะไรคะพี่ชุ?”
“นังแรม มันกระชากสร้อยฉันขาด ฉันจะไปฟ้องคุณน้าให้เอาเรื่องมัน”
เดือนแรมวิ่งมาถึง เพ็ญประกายรีบถาม
“จริงหรือเปล่าจ้ะแรม?”
เดือนแรมไม่ทันตอบ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น เดือนแรมรีบตะปบ ชุตอมาเปลี่ยนเรื่อง
“ผู้ชายโทร.มาหาแกใช่มั้ย? เอามานี่!”
สองคนยื้อยุดไปมา จังหวะหนึ่งชุติมาตรงเข้ามาแย่งมือถือ เดือนแรมแย่งเอาไว้
“อย่าค่ะ
“เอามานี่!”
ชุติมาคว้าเอาไว้ได้ แต่เดือนแรมรีบตะครุบคืน จังหวะนั้นมือของเดือนแรมกดรับโดยไม่รู้ตัว
ต่ธิติรัตน์นึกว่าเดือนแรมรับจึงรีบบอก
“รีบมาหาฉันเดี๋ยวนี้”
ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงคนทะเลาะกันดังเข้ามา
“ฉันบอกให้เอามานี่” ชุติมาแย่งมา
เดือนแรมเสียงกร้าว “อย่าค่ะอย่าเอาของแรม” แย่งคืนไป
ธิติรัตน์ จับสำเนียงรู้ว่ามีเรื่องร้ายตกใจมาก
“เธอเป็นอะไร? บอกมาเธออยู่ที่ไหน? ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้”
ธิติรัตน์ตกใจ เป็นห่วงมาก กดสายแล้วผลุนผลันออกไปทันที ดุจแขได้แต่ร้องเรียก
“คุณชายคะคุณชาย”
ดุจแขยืนนิ่งคับแค้นอยู่ตรงนั้น

ชุติมา และเพ็ญประกายได้ยินเสียง ชะงักไป เสียงคุ้นหูนัก
“เอามานี่” ชุติมาคว้ามือถือไปได้
เดือนแรมหน้าซีด ตกใจ ไม่ทันตั้งตัว ชุติมามองเหยียดเย้ยเดือนแรม
“ฉันจะเรียกให้หมอนั่นมาที่นี่ คุณเมินจะได้รู้ ว่าแกชอบนัดผู้ชาย” กดสายโทร.ออก
ธิติรัตน์ที่อยู่หน้าร้าน รับสายทันที ถามอย่างเป็นห่วง “เธออยู่ที่ไหน เป็นอะไรแรม”
เสียงธิติรัตน์ดังก้อง ชุติมาจะยกขึ้นมาพูด “อย่าค่ะพี่ชุ”
เพ็ญประกายรีบคว้ามือถือมา เดือนแรมใจเต้นไม่เป็นส่ำมองที่มือถือระทึก เพ็ญประกายตัดสินใจยื่นคืน
“ขอบคุณค่ะ” เดือนแรมรีบวิ่งหนีไป
ชุติมาตะโกนไล่หลังไป “หยุดเดี๋ยวนี้นังแรม”
ชุติมาทำท่าจะตาม เพ็ญประกายขวางไว้ “อย่าค่ะพี่ชุ”
ชุติมาทำตาเขียวใส่ “มาห้ามทำไม” เรียกจิก “ยัยเพ็ญ” เปลี่ยนเป็นเยาะ “อ้อ!!ต้องเรียกว่ามาหยาสินะ แต่ฉันเรียกไม่ลงหรอกจะอ้วก”
ชุติมาทำท่าอ้วกใส่แล้วกระแทกร่างจนเพ็ญประกายเซหลุนๆ เดินหน้าบึ้งตามเดือนแรมไป

ด้านเดือนแรมวิ่งหนีออกมาที่หน้าบ้านตามองมือถือ ท่าทางเป็นกังวล
“คุณชายโทร.มาดึกขนาดนี้ มีเรื่องอะไร?”
เดือนแรมกดโทร.ออก ชุติมาวิ่งตามมา “หยุด! เดี๋ยวนี้นะนังแรม หยุด”
เห็นชุติมาวิ่งตามมา เดือนแรมก็รีบวิ่งออกไปอีก ทิ้งให้ชุติมาเข่นเขี้ยวพึมพำอยู่คนเดียว
“ฮึ้ย! นังแรม มันต้องออกไปหาผู้ชายแน่ๆ”

เดือนแรมวิ่งออกมาตามทาง กดมือถือ ในขณะที่ธิติรัตน์เดินตรงมาที่รถท่าทางกังวล เสียงมือ
ถือดัง ธิติรัตน์ดูเบอร์ “แรม”
ดุจแขไม่ยอมวิ่งตามมากระชากแขน มือถือธิติรัตน์แทบหลุดมือ ธิติรัตน์โกรธจัด แต่ดุจแขไม่สนบอก
“อย่าเพิ่งไปค่ะคุณชาย คุยกับแขก่อน แขยังรักคุณชายอยู่ แขอธิบายได้ค่ะ”
ธิติรัตน์กำมือถือแน่นกลัวหล่น มือถือยังคงดังอยู่ “ดุจแข คุณบ้าไปแล้ว เลิกยุ่งกับผมซักที”
สรรชัยวิ่งตามออกมาทันได้ยิน และได้ยินดุจแขสวนคำออกมา
“อย่าโกหกตัวเองค่ะ จริงๆ แล้วคุณชายยังรักแขอยู่ คุณชายยังหึงแขอยู่คุณชายแค่โกรธ”
สีหน้าสรรชัยเจ็บปวด ขณะที่ธิติรัตน์โมโหหนัก “คุณบ้าไปแล้วดุจแข”
“แขไม่ได้บ้า แขรักคุณชายและคุณชายก็ยังรักแขอยู่ ได้ยินมั้ยคะคุณชายยังรักแขอยู่”
“ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะพูดกับคุณ” ธิติรัตน์เดินหนีไปที่รถ
ดุจแขตามมากระชากแขน บอกเอาแต่ใจ “แขไม่ให้คุณชายไป”
คราวนี้ธิติรัตน์โมโหจัด “ดุจแข”

เห็นธิติรัตน์ไม่รับสาย เดือนแรมยิ่งจิตตก
“คุณชายโกรธเราอีกแน่ๆเลย ถึงไม่รับโทรศัพท์” สีหน้ากลุ้มใจมาก

ธิติรัตน์สะบัดมือดุจแขสุดแรง เดินหนีขึ้นรถ ดุจแขกรี๊ดจะตามแต่สรรชัยกระชากร่างไว้
“พอได้แล้ว”
ศรัณย์กับวีระวิ่งออกมา เห็นธิติรัตน์ขับรถออกไป และเห็นสรรชัยฉุดกระชากดุจแขอยู่
ดุจแขพยายามสะบัดตัวออกจากการดึงรั้งของสรรชัย “อย่ามายุ่งกับฉัน” มองตามรถธิติรัตน์ “เห็นมั้ยคุณชายไปแล้ว”
“เค้าไปแล้ว เราก็ควรจะไปแล้วเหมือนกัน กลับบ้าน” กระชากมือดุจแขไป
ดุจแขยื้อสุดชีวิต “ไม่กลับ”
สรรชัยตะคอกเสียงดัง “กลับ!!” ลากตัวดุจแขขึ้นรถไปจนได้
ศรัณย์ กับวีระมองอยู่ วีระได้แต่ทำหน้าอึ้งๆ

เดือนแรมเดินถือโทรศัพท์หน้าเคร่ง ออกมาถึงร้านอาหารปากซอยบ้านแล้ว
“คุณชายโกรธเราแน่ๆ ทำไงดีแรม?” ทำท่ากดมือถือใหม่

ส่วนศรัณย์กับวีระเดินกลับเข้าไปในร้าน วีระบอกเสียงเสร้า “สงสารคุณแขจัง”
ศรัณย์ชักหงุดหงิด “ฉันว่าน่าสมเพชมากกว่า ไม่น่าทำตัวลดคุณค่าตัวเองอย่างนั้นเลย”
วีระเถียงแทนอีก “ก็คุณแขรักนายชาย”
“ก่อนที่จะรักใคร ควรรักตัวเองก่อน อย่างน้อยก็ต้องคิดถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง” เสียงมือถือดังศรัณย์รับ “ว่าไงแรม?”
“เอ่อ...คุณชายอยู่กับคุณศรัณย์หรือเปล่าคะ?”
“ตะกี้อยู่ คุยงานกันอยู่ แต่ตอนนี้ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แรมมีอะไรหรือเปล่า?”
“ตะกี้คุณชายโทร.หาแรม แต่พอแรมโทร.กลับคุณชายไม่รับสาย ไม่ทราบว่าคุณชายมีอะไรกับแรมหรือเปล่า?”
“คงอยากจะคุยงานด้วยมั้ง งั้นแรมมาที่นี่ เดี๋ยวฉันโทร.ตามนายชายให้” ศรัณย์บอกชื่อร้านอาหารที่นั่งอยู่
“ค่ะ”
เดือนแรมยิ้มรู้สึกโล่งใจ มุ่งหน้าไปตามทางเดิน
ส่วนธิติรัตน์ขับรถมาอย่างหงุดหงิด “เธออยู่ไหนนะแรม?” นึกขึ้นได้ “ใช่! ตากล่ำ” กดมือถือโทร.หาบ่าวในวัง แล้วทำหน้าหงุดหงิดสุดๆ “เออตากล่ำนี่ จะปิดมือถือทำไม?” เสียงมือถือดัง ธิติรัตน์กดรับ “ฉันยุ่งอยู่นะศรัณย์ เดี๋ยวโทร.กลับ” วางสายโดยไม่ทันฟังศรัณย์
ศรัณย์นิ่วหน้า เซ็งโครต “เอ้า! นายชายนี่ แล้วจะคุยกันยังไง ว่าแรมจะมา”

ธิติรัตน์มองมือถือ เห็นมิสคอล นึกได้ “อ้าว! แรม” รีบกดโทร.กลับหาเดือนแรม
เดือนแรมนั่งอยู่บนรถเมล์ กดรับสาย “คะคุณชาย”
น้ำเสียงธิติรัตน์ร้อนรนกังวลใจไปไหมด “เธออยู่ที่ไหน”
“อยู่บนรถเมล์ค่ะ”
“รถเมล์? ลงมาเลย แถวไหน เดี๋ยวฉันไปรับ” ธิติรันตน์เสียงแข็ง
“ค่ะๆๆ”
สีหน้าธิติรัตน์ขณะนั้นกังวลหนัก

เดือนแรมลงรถที่ป้ายรถเมล์ ยืนคอยอยู่ ชะเง้อมอง รถธิติรัตน์จอดเทียบ
ธิติรัตน์โน้มตัวมาเปิดประตูออก บอกเสียงดุ “ขึ้นมา”
“ค่ะ” เดือนแรมรีบก้าวขึ้น
“แล้ว ตะกี้เธอเป็นอะไร? เสียงเอะอะโวยวาย” ธิติรัตน์รีบถามทันควัน
เดือนแรมหน้าจ๋อย “ไม่มีอะไรค่ะ”
“มีเรื่องกับที่บ้านอีกแล้วใช่มั้ย?” ธิติรัตน์นึกรู้
เห็นเดือนแรมเงียบ ธิติรัตน์ถอนหายใจ
“แล้วจะออกมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ เดี๋ยวก็ถูกที่บ้านดุอีกหรอก”
“ก็...คุณชายโทร.หาแรม แรมเป็นห่วง กลัวว่าคุณชายจะมีเรื่องอะไร?”
ธิติรัตน์มองเดือนแรม ชะงักไปนิด เดือนแรมถามอย่างเป็นห่วงมาก
“คุณชายมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มี”
เดือนแรมมองอย่างห่วงใย “คุณชายต้องมีแน่ๆ ค่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่โทร.หาแรม”
ธิติรัตน์ชะงักไป ตระหนักว่าเดือนแรมรู้ใจทุกอย่าง
“ไม่ว่าคุณชายจะมีเรื่องอะไร แรมก็พร้อมรับฟังและอยู่เคียงข้างคุณชายค่ะ”
ธิติรัตน์ฟังน้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่นนั้น มองเดือนแรมอย่างซึ้งใจ

สองคนอยู่ที่ริมน้ำสวยๆ แห่งหนึ่ง ธิติรัตน์เดินนำมา เดือนแรมเดินตามหลังแบบสงบ
เสงี่ยมเจียมตัว รอฟังจดจ่อ ธิติรัตน์ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ สองคนนั่งลงที่ม้านั่งบริเวณนั้น
“เป็นผู้ชาย ทำอะไรก็ดูจะผิดไปซะหมด แต่ฉันเหนื่อยใจจริงๆ”
เดือนแรมมองตาแป๋ว ธิติรัตน์เงียบงัน ทำท่าครุ่นคิดหนักใจ เดือนแรมเดินไปนั่งที่เก้าอี้
ยาวนั่งได้สองคน รอฟัง
ธิติรัตน์เงียบอยู่ มองเหม่อไปบนท้องฟ้า เดือนแรมมองตาม เห็นดาวสวย ตาของแรมเริ่มปรือทั้งเหนื่อยและง่วงนอน ธิติรัตน์บอกเสียงแผ่ว
“ใช่!!ครั้งหนึ่งฉันรักดุจแขมาก เคยโกรธเคยเกลียดเพราะแค้นที่เค้าหักหลัง ทรยศ และก็เคยคิดว่าตลอดชีวิต ฉันคงลืมความเจ็บปวดแบบนั้นไม่ได้ แต่พอมาถึงวันนี้...ทุกอย่างมันจบ จบแล้วจริงๆแรม ฉันไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดดุจแข แต่ฉันก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเค้าอีก ทุกอย่างมันคือความว่างเปล่า”
เดือนแรมเผลอหลับไปแล้ว ธิติรัตน์ไม่รู้ ยังพูดต่อ
“แต่พอมาวันนี้ ที่เห็นดุจแขมากับผู้ชายคนนั้น คนที่ฉันเห็นเดินอยู่กับเธอ ฉันกลับอยากรู้ว่า เค้าเกี่ยวกับดุจแข แล้วก็เธออย่างไร?”
ธิติรัตน์เอะใจหันมามอง เห็นเดือนแรมหลับไปแล้ว วูบแรกธิติรัตน์ฉุนกึก
“เดือนแรม” คิดขึ้นได้ เข้าใจว่าคงเหนื่อยและง่วง ธิติรัตน์ยิ้มอย่างเอ็นดู “เฮ้อ...เธอนี่จริงๆ เลย จะฟังกันหน่อยก็ไม่ได้”
ธิติรัตน์เดินมานั่งข้างๆ มองอย่างเอ็นดู ก่อนจะนิ่งงันไป สงสัยใจตัวเองขึ้นมาอีก
“ความจริง...เรื่องของฉันมันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ แล้วฉันจะโทร.หาเธอทำไม”
ธิติรัตน์ได้แต่ถามตัวเอง พร้อมๆ กับเสียงของหม่อมรัตนาดังขึ้นในความคิด
“คนที่ทำให้เราหงุดหงิดใจได้ตลอดเวลา แม้จะหายใจก็ผิด แสดงว่าเราแคร์เค้ามากกว่าใคร คนที่เรานึกถึง...คิดถึงเค้าเป็นคนแรก ทั้งๆ ที่..บางที เรื่องนั้นอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยกับเค้า แสดงว่าเค้าคือคนพิเศษ ที่เรากำลังมีเค้าอยู่ในหัวใจ”
ธิติรัตน์นิ่งคิด อึ้งไปอีกนิดแล้วมองจ้องเดือนแรม เริ่มรู้สึกพิเศษบางอย่างในใจ แต่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่..ฉันไม่ได้มีเธออยู่ในหัวใจ แค่..ไม่มีใครทนฉันได้เท่าเธอ” ทอดสายตามองเดือนแรมอย่างอ่อนโยน “แต่ยังไงก็ขอบใจเธอมาก ที่อุตส่าห์มาหาฉัน ทั้งๆที่เธอ” แอบยิ้มขำกับตัวเอง “มานั่งหลับให้ฉันดู”
คุณชายมองแรม รับภาพแรมหัวเซๆเอนไปอีกทางแบบคนสัปหงก ร่างแทบล้ม
คุณชายคว้าตัวแรมเอาไว้ ก่อนที่จะเอามือประคองศีรษะแรมให้มาซบกับไหล่ตัวเอง คุณชายเผลออมยิ้มออกมา ทอดสายตามองดูดาวบนท้องฟ้า ภาพแทนสายตาเห็นดาวสวยกระจ่างฟ้า ท่าทางคุณชายอุ่นใจ สุขใจ แล้วคุณชายก็หาวออกมา เผลอหลับอยู่ตรงนั้นในลักษณะเอนศีรษะชนกันกับศีรษะแรม

เวลาเดียวกัน ดุจแขเดินกระแทกเท้าเดินเข้าบ้านอย่างโมโหและหงุดหงิด จะหนีขึ้นห้อง สรรชัยตามมากระชากอย่างแรงจนดุจแขแทบเซล้ม ดุจแขร้องลั่น เหวี่ยง วีนใส่
“โอ๊ย!!อย่ามายุ่งกับฉัน”
สรรชัยมองหน้าดุจแขอย่างเจ็บปวด “คุณคิดว่าผมอยากยุ่งกับคุณงั้นเหรอ?” ตะคอกน้ำเสียงดุดัน “ความรักของผมมันแปรเปลี่ยนไปแล้วดุจแข”
ดุจแขมองสรรชัย อึ้งไป เพราะสรรชัยไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน สรรชัยกระชากดุจแขขึ้น
“ไม่มีผู้ชายคนไหนทนเห็นตัวเองโง่เป็นควายได้หรอก โดยเฉพาะต้องเห็นเมียตัวเองเที่ยวเสนอตัวให้ผู้ชายอื่น แต่เค้าไม่เอา” ผลักร่างดุจแขออก จนดุจแขล้มลงไป
“ก็บอกแล้วไง ฉันไม่ใช่เมียคุณ”
สรรชัยยิ้มหยัน “ช่างน่าสมเพช มีคนยกย่องให้เป็นเมียก็ไม่เอา แต่กลับต้องการเป็นแค่นางบำเรอ ผู้หญิงสำส่อนมักง่าย ได้...ตั้งแต่วันนี้ต่อไป ผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน” กระชากตัวเข้ามา หรือถ้าจะเป็น ก็เป็นแค่ ชายหญิงอารมณ์เปลี่ยว คู่นอนแบบวันไนท์แสตนด์ และผู้หญิงอย่างคุณก็ไม่มีค่าอะไรเลย” สรรชัยผลักดุจแขออกสุดแรง แล้วเดินหนีไป
ดุจแขกรี๊ด ตะโกนด่าไล่หลัง “ไอ้บ้า ไอ้องุ่นเปรี้ยว ที่ด่าฉัน เพราะฉันไม่สนคุณน่ะสิ”
สรรชัยหันกลับมา ด่าตอกหน้า “คุณคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ที่ผมด่าคุณ เพราะคุณทำลายคุณค่าความเป็นลูกผู้หญิงในตัวคุณจนไม่เหลือเลยต่างหาก และผมก็อายแทนผู้หญิงที่ดีๆ ที่ต้องใช้คำว่าผู้หญิงร่วมกับคุณ”
“ไอ้สรรชัย”
“อ้อ!!ไม่ใช่แค่ผมหรอกนะที่จะด่า ผู้ชายทั้งโลก ก็พร้อมที่จะด่า ผู้หญิงที่ไม่ให้ค่าตัวเองอย่างคุณ รวมทั้งคุณชายธิติรัตน์ รู้เอาไว้ซะด้วย!!”
ดุจแขโกรธจนคลั่งแล้ว เถียงน้ำเสียงสั่น “ไม่จริง!!คุณชายยังรักฉันอยู่ คุณชายไม่เคยมีใครนอกจากฉัน เค้ายังหึงฉัน”
“เลิกหลอกตัวเองได้หรอก ผู้ชายด้วยกัน ผมดูออก และก็รู้ด้วยว่า ตอนนี้คุณชายเค้ารักคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ” สรรชัยเดินหนีไปทันที
“ไม่...ฉันไม่ให้คุณชายรักใครทั้งนั้น นอกจากฉัน” ตะโกนก้อง “คุณชายจะต้องไม่มีใครนอกจากฉัน”
ดุจแขคลั่งหนัก ร้องไห้โฮออกมา จนไม่เหลือเค้าสาวมั่น

ดวงอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า เดือนแรมรู้สึกตัว ลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกเหมือนศีรษะ
ตัวเองถูกอะไรทับอยู่ เดือนแรมเงยหน้าขึ้นมอง ตาโตตกใจ
อุทานไม่มีเสียง “คุณชาย”
เดือนแรมรีบเอาตัวเองออกมา กลัวธิติรัตน์ตื่น เดือนแรมเพ่งมองราชนิกูลแสนดีตรงหน้า ความรู้สึกอ่อนหวานเริ่มเกิดขึ้นมาในหัวใจ
เดือนแรมมองธิติรัตน์ด้วยสายตาเทิดทูนบูชา ก่อนจะเดินออกไป
เดือนแรมเดินมาถึงห้องน้ำสาธารณะแถวๆ นั้น ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วก็ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาทำท่าจะเช็ดหน้า แต่ชะงักนึกบางอย่างได้ เดือนแรมเก็บผ้าเช็ด แล้วยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าตัวเองแทน เดินกลับไป

เห็นธิติรัตน์ยังนั่งหลับอยู่ เดือนแรมเดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าเรียกเสียงแผ่วเบา
“คุณชายคะคุณชาย”
ธิติรัตน์สะดุ้ง ลืมตาตื่นขึ้น เห็นเดือนแรมนั่งคุกเข่ายิ้มให้อยู่ ธิติรัตน์กวาดตามองไปทั่วบริเวณ
“สว่างแล้วนี่?”
“ค่ะ..คุณชายไปล้างหน้าล้างตานะคะ เดี๋ยวเราไปตักบาตรกัน”
“งั้นเดี๋ยวฉันมา” ธิติรัตน์ลุกขึ้นจะเดินไป
เดือนแรมเรียกไว้ “เดี๋ยวค่ะคุณชาย” ธิติรัตน์หันมา เดือนแรมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ “ผ้าเช็ดหน้าค่ะ”
“ขอบใจ”
ธิติรัตน์หยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือเดือนแรมแล้วเดินออกไป เดือนแรมยืนยิ้มมองตาม

ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ธิติรัตน์หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด เห็นรอยปักคำว่า ‘เดือนแรม’ ก็อมยิ้ม
“เชยได้อีกนะแม่คุณ”
คุณชายหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหน้า แล้วก็ชะงัก ภาพแทนสายตาเห็นคำว่า”เดือน
แรม”อยู่ตรงหน้า ติดดวงตา คุณชาย...เหวอไปนิด
“ผู้หญิงที่ใกล้ชิดฉันที่สุด เห็นจะมีแต่เธอ...เดือนแรม”
ธิติรัตน์เขม้นมองที่ตัวหนังสือคำว่า “เดือนแรม” อยู่อย่างนั้น

รุ่งเช้าวันนั้น ดุจแขสวมเสื้อผ้าชุดเดิม นอนอยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาไหลริน พูดเสียงแปร่งปร่า
“ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน แขก็ไม่ยอมปล่อยคุณชายไปให้มันทั้งนั้น”
ดุจแขเสียงกร้าว เหมือนคนที่หวงของรักอย่างที่สุด โดยไม่รู้ว่าสรรชัยยืนมองอยู่
สายตาดุจแขเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่แวบเดียวก็กลับแข็งกร้าวขึ้นมา สรรชัยมองรูปของสงคราม
“เวรกรรมมันมีจริง สิ่งที่ผมทำกับคุณอา มันตามมาสนองผมแล้วครับ”
สรรชัยมองรูปสงครามด้วยความเสียใจ

แสงทองเรื่อเรืองจับที่โค้งขอบฟ้า ฝูงนกโบนบินออกหากิน ธิติรัตน์กับเดือนแรมกำลังนั่งคุกเข่าใส่บาตรพระด้วยกัน กิริยาสองคนเป็นสุขใจยิ่งนัก อุ่นใจ อิ่มบุญ

เวลาเดียวกัน หม่อมรัตนาอยู่ในห้องชั้นบนของตึกในวัง กังวลและห่งใยที่ธิติรัตน์ไม่กลับบ้าน หม่อมชะเง้อคอยลูกชาย บ่นพึมพำ

“ตาชายไปไหน? ป่านนี้ยังไม่กลับ โทร.มาบอกแม่ซักนิดก็ไม่มี เฮ้อ…”
หม่อมรัตนาเดินออกมานอกห้อง จะลงบันไดข้างล่าง มีเสียงรถแล่นเข้ามา หม่อมชะเง้อมองจนลืมดูบันได เท้าของหม่อมก้าวพลาด
“ว้าย!”
ร่างของหม่อมรัตนาเสียหลัก ซวนเซ แล้วร่วงลงมา ละเอียดเดินมาเห็นพอดี ตกใจร้องลั่น
“หม่อม”
ละเอียดกระโจนขึ้นไป เป็นจังหวะเดียวกันกับที่หม่อมคว้าช่วงบันไดไว้ได้ทัน เท้าเคล็ด เจ็บเอาการ

ธิติรัตน์เดินเคียงมากับเดือนแรมหน้าตาอิ่มเอิบ สองคนดื่มด่ำบรรยากาศยามเช้าที่บริเวณริมน้ำ แสนสวยงามและสดชื่น
“เหมือนที่เค้าพูดจริงๆ ทำบุญแล้วอิ่มเอิบมีความสุขใจ ขอบใจมากนะแรม ที่พาฉันมาใส่บาตร”
เดือนแรมยิ้มบางๆ “ยินดีค่ะ” นึกเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาหน้าจ๋อยไป “เมื่อคืน...แรมขอโทษด้วยนะคะ ที่เผลอหลับไปไม่ได้ฟังคุณชาย”
ธิติรัตน์มองเดือนแรมอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร แค่มีเธอมานั่งข้างๆ ฟังฉันระบายก็พอแล้ว” นึกเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา มองอย่างเป็นห่วง “ตกลง เธอจะไม่เล่าให้ฉันฟังเลยหรือว่ามีเรื่องอะไรกับที่บ้าน”
เดือนแรมยิ้มเศร้า ปฏิเสธที่จะเล่า “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นล่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้าน บ้านอยู่ไหนล่ะ?”
เดือนแรมจะตอบ แต่เสียงมือถือดังขัดขึ้น ธิติรัตน์รีบรับ
ธิติรัตน์นิ่งฟัง “ว่าไงละเอียด?” ตกใจมากกับสิ่งที่ฟัง “คุณแม่ตกบันได”

ไม่นานหลังจากนั้น หม่อมรัตนานั่งบนโซฟา ข้อเท้าพันแผลแล้ว หม่อมบอกคุณชาย
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย ไม่รู้ละเอียดจะโทร.ไปให้ชายตกใจทำไม”
“ละเอียดตกใจแล้วก็เป็นห่วงหม่อมนี่คะ”
หม่อมรัตนาหันมาถามลูกชาย “แล้วนี่เมื่อคืนหายไปไหน ทำไมไม่กลับบ้าน”
เดือนแรมที่นั่งอยู่พื้น หันมามองสบตาธิติรัตน์ หม่อมถามน้ำเสียงระแวง
“ไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่มั้ย”
“ครับ”
“งั้นต่อไป ถ้าจะไม่กลับบ้าน ชายโทร.มาบอกแม่ด้วยนะลูก แม่เป็นห่วง”
“ครับคุณแม่”
“หม่อมอยากรับประทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ เดี๋ยวแรมทำให้” เดือนแรมอาสา
“ตามใจเถอะจ้ะ แรมทำอะไรก็อร่อย” หม่อมยิ้มด้วยความเอ็นดู
ธิติรัตน์ยิ้ม อ่อนโยน “งั้นถึงเวลาเธอต้องโชว์ฝีมือให้ฉันชิมแล้วนะแรม”
“ด้วยความยินดีค่ะ”

เดือนแรมยิ้มกว้างอย่างเต็มสุข ทุกคนมองมาอย่างเอ็นดู

อ่านต่อหน้า 3

มาหยารัศมี ตอนที่ 5 (ต่อ)

ด้านเมินถามถึงเดือนแรมด้วยความแปลกใจ ที่ไม่เห็นมาคอยรับใช้ ขณะที่ทุกคนทานอาหารเหมือนทุกวัน

“แรมล่ะ?”
ชุติมารีบบอกทันที “ออกไปกับผู้ชายตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ”
จันทราแกล้งทำเป็นไม่รู้ “อะไรนะ ออกไปกับผู้ชายตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับ”
“ค่ะ.....มีผู้ชายโทร.มาหา แล้วแรมก็ออกไปกับเค้าแล้วหายไปทั้งคืน” ชุติมาใส่ไฟต่อ
แม้นเทพเดินเข้ามาพร้อมอาหารที่มะลิให้เอาฝาก ได้ยินเข้าพอดี แม้นเทพมองชุติมาด้วยความไม่พอใจ
เมินเองก็ไม่พอใจมาก “เลือดชั่วนี่มันแรงจริงๆ” หันไปเห็นหลานชาย “ว่าไงต้อม”
“คุณแม่ให้เอาแกงเลียงมาให้ครับ” แม้นเทพบอก
“มะ...งั้นมาทานข้าวด้วยกันเลย”
แม้นเทพพูดเสียงเคร่ง “ผมกลับไปทานกับคุณแม่ดีกว่าครับ คุณแม่รออยู่ อีกอย่าง ผมไม่เชื่อว่าแรมจะทำตัวอย่างนั้น”
เมินยิ่งโมโหใหญ่ “แกไม่ใช่พ่อมัน แกจะรู้ได้ยังไง?”
“เพราะผมเชื่อในคุณงามความดีในตัวแรม” จ้องหน้าชุติมาพูดเหน็บ “ผมไม่ได้เชื่อคำพูดนินทาว่าร้ายของคน ขอตัวนะครับ” แม้นเทพเดินกลับบ้านไปทันที
เมินโกรธที่ถูกหลานชายต่อว่า “ต้อม...นายต้อม”
“คุณจะโมโหไปทำไมคะคุณเมิน...คุณต้อมเค้าก็ต้องปิดหูปิดตาเข้าข้างแรมอยู่แล้ว”
แม้นเทพที่กำลังจะเดินไปชะงัก หลบมุมยืนนิ่งฟัง ได้ยินเมินบอกเสียงเข้ม
“ถ้าแรมกลับมา บอกให้ไปหาฉัน” แล้วลุกออกไปด้วยความโกรธๆ
ชุติมาเหยียดยิ้มสะใจ “นังแรมเจอดีแน่ๆ เลยค่ะคุณแม่ เอ๊ยคุณน้า” ชุติมาเผลอหลุดปาก
แป้นได้ยินตาเป็นประกายวาบ ส่วนจันทราถลึงตาใส่ชุติมา
“ฉันก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น แต่ฉันไม่เชื่อว่าคุณเมินจะทำอย่างที่ฉันต้องการ”
“ทำไมคะ”
“มาหยารัศมีไม่ลงมาทานข้าว คุณเมินไม่รู้ แต่นังแรมหายไป คุณเมินรู้ แกว่าฉันควรจะดีใจหรือเสียใจล่ะ”
จันทราลุกเดินออกไปหน้าเครียดออกไปอีกคน แม้นเทพได้ยินนึกสงสัย
“ใคร? มาหยารัศมี?”

เพ็ญประกายนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้อง นึกถึงเสียงผู้ชายที่โทร.หาเดือนแรมเมื่อคืน
“เธออยู่ที่ไหน? เป็นอะไรแรม?”
เพ็ญประกายเครียดไม่หาย เพราะจำเสียงได้ “เสียงเหมือนคุณชาย...”
จันทรามาเคาะประตูหน้าห้อง แล้วเปิดเข้ามา มองลูกสาวอย่างเป็นห่วง
“ทำไมไม่ลงไปทานข้าวจ้ะมาหยา”
“มาหยาไม่หิวน่ะค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ”
จันทรานึกรู้ได้ทันที “เรื่องคุณชายใช่มั้ย? ลูกหนอลูก เค้าไม่มาหา ลูกก็ไปหาเค้าก็ได้นี่ แม่บอกแล้วไง ว่าไม่มีอะไรเสียหาย เอาสิลูก โทร.ไปหาเค้าเลย โทร.เลย”
เห็นเพ็ญประกายนั่งนิ่ง จันทราหยิบมือถือที่วางใกล้ๆ ยื่นให้ เพ็ญประกายรับมา

ที่วังศิลาลาย อาหารมือนี้หม่อมรัตนากับลูกชายรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย มีเดือนแรมคอยดูแลรับใช้ กับละเอียด และตากล่ำ คุณชายหันมามอง ถามขึ้น
“แล้วก็ไม่มาทานด้วยกัน”
“เดี๋ยวแรมทานกับป้าละเอียด ลุงกล่ำได้ค่ะ”
ธิติรัตน์เย้าอย่างอารมณ์ดี “แต่ฉันว่า เธอไม่อยากทานฝีมือตัวเองมากกว่า”
หม่อมรัตนาเอ็ด ปรามลูกชายเข้าให้ “ชาย...แรมอุตส่าห์ทำให้ ยังจะว่าแรมอีก” หม่อมหันมาทางเดือนแรมชื่นชมฝีมือ “รสมือของแรมดีจริงๆ จ้ะ”
“ขอบพระคุณมากค่ะหม่อม” เดือนแรมยิ้มกว้าง เป็นปลื้ม
“งั้นก็มาทานด้วยกัน เร็ว”
เดือนแรมยิ้มเยื้อน ทำท่าจะนั่ง แต่เสียงมือถือของคุณชายดังขึ้น ธิติรัตน์เห็นเป็นเบอร์เพ็ญประกาย
มองหน้าเดือนแรมแล้วกดรับโทรศัพท์ “ครับ”
เพ็ญประกายถามธิติรัตน์น้ำเสียงหวาดหวั่น
“วันนี้คุณชายว่างมั้ยคะ? มาหยาอยากชวนมาทานข้าว”
“ขอโทษนะครับ วันนี้ผมไม่สะดวก ไว้ผมโทร.หาวันหลัง” กดวางสาย หันมาคะยั้นคะยอเดือนแรม “ทานข้าว เร็ว”
“ค่ะ”
ธิติรัตน์ตักกับข้าวให้เดือนแรมด้วยท่าทางสบายและอ่อนโยน ทุกคนแอบมองอมยิ้มตามๆกัน
ส่วนเพ็ญประกายพอวางสาย ก็ร้องไห้โฮผวากอดจันทราด้วยความน้อยใจ
“เป็นอะไรมาหยา ลูกเป็นอะไร?”
“คุณชาย....คุณชาย”
“ทำไมลูกทำไม?”
“มาหยากลัว..กลัวว่าคุณชายจะมีคนอื่น เค้าไม่สนใจมาหยา ไม่มาหา ไม่โทร.มา ไม่อะไรทั้งนั้น มาหยากลัว กลัว” เพ็ญประกายพรั่งพรูความกังวลออกมา
“ไม่ต้องกลัว ถ้าแม่อยู่ตรงนี้ แม่ไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนมาแย่งคุณชายของลูกทั้งนั้น”
“แต่ถ้าคุณชาย มีผู้หญิงคนนั้นจริงๆ” เพ็ญประกายไม่วายกังวล
“ขอให้รู้ว่าเป็นใคร แม่จะกำจัดมันเอง” จันทราประกาศกร้าว

ธิติรัตน์เดินมากับเดือนแรมตรงไปที่รถ “เดี๋ยวฉันไปส่ง วันนี้ฉันจะได้รู้จักบ้านเธอซักที”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณชายอยู่ดูแลหม่อมเถอะนะคะ แรมเป็นห่วงหม่อม หม่อมเองก็คงอยากให้คุณชายอยู่ด้วย” เดือนแรมท้วง
“งั้นเดี๋ยวฉันให้ตากล่ำไปส่งเธอแล้วกัน”
“คุณชายคะ...”
ธิติรัตน์มองจ้องเดือนแรมตาหวานใส่โดยไม่รู้ตัว “มีอะไร”
“แรมขอผ้าเช็ดหน้าของแรมค่ะ”
ธิติรัตน์ผ่อนลมหายใจ “เฮ้อ!!นึกว่าเรื่องอะไร เธอนี่งกจริงๆ ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวก็ทวงคืน”
“แรมจะเอาไปซักค่ะ”
“เดี๋ยวฉันซักให้ก็ได้...แล้วจะเอาไปคืน” ธิติรัตน์ตัดบท
เดือนแรมยิ้ม เสียงอ่อนโยน “แรมซักเองดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณชายซักไม่สะอาด”
ธิติรัตน์ยิ้มอย่างเอ็นดู “ถ้าหวงนักก็เอาไป” ควักผ้าเช็ดหน้ายื่นคืนให้
เดือนแรมรับมา ธิติรัตน์ร้องเรียกหาตากล่ำ
“ตากล่ำๆ”
ตากล่ำวิ่งเข้ามา “ครับ”
“ไปส่งแรมด้วย”
“ครับ เชิญครับคุณแรม”
“แรมกลับก่อนนะคะคุณชาย” เดือนแรมยกมือไหว้นอบน้อม แล้วเดินนำออกไปที่รถ
ตากล่ำจะเดินตาม คุณชายเรียกไว้ “ตากล่ำ”
“ครับ”
ธิติรัตน์พูดสั่งเบาๆ “ดูให้ฉันอย่างละเอียดเลยนะ บ้านของแรมอยู่ที่ไหน? เป็นยังไง ตอนอยู่ที่บ้านแรมเป็นยังไง และคนในบ้านทำอะไรกับแรม?”
“ครับๆ ถ้าเห็นอะไรผมจะเอามือถือถ่ายมาให้คุณชายดูเลย”
ธิติรัตน์พยักหน้า ตากล่ำรีบเดินไปที่รถพาแรมขับรถไป คุณชายมองตามสายตาห่วงใย

แม้นเทพ เดินครุ่นคิด ติดใจเรื่องชื่อที่ออกจากปากจันทรา
“มาหยารัศมี ใครกัน?”
ชุติมาเดินเข้ามาข้างหลังได้ยินพอดี สาวแสบหัวเราะเยาะ “ก็..คุณเพ็ญประกายไงคะพี่ต้อม?”
แม้นเทพหันมา จ้องหน้าเขม็ง “บอกแล้วไง ฉันไม่ใช่พี่เธอ”
ชุติมาเบ้ปากใส่ แล้วร้องโวยลั่น “โอ๊ย! ฉันไม่อยากนับญาติกับครอบครัวของคุณหรอก มีแต่คนแปลกประหลาด คุณเมิน เมียก็มีชู้ ยัยเพ็ญ แม่ก็อุปโลกน์ให้เป็นมาหยารัศมีบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ส่วนคุณ ก็ดีแต่ปากเก่งกับผู้หญิง ไม่เห็นจะมีอะไรดีซักคนเลย”
แม้นเทพสวนคืน “ดีสิ....และที่ดีมากคือ ฉันไม่ได้เป็นญาติผู้หญิงกะหรั่วๆ อย่างเธอ” เดินหนีไปไม่อยากตอแย
ชุติมาโกรธตัวสั่น “ไอ้พี่ต้อม ไอ้บ้าพี่ต้อม”
ชุติมาหันรีหันขวาง มองหาอาวุธ เห็นก้อนหินที่พื้นตรงนั้นหยิบขึ้นมา แล้วขว้างใส่แม้นเทพทันที ก้อนหินถูกหลังแม้นเทพเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย” แม้นเทพหันมา โกรธแล้ว
ชุติมาเยาะเย้ย แลบลิ้นใส่ พร้อมกับยิ้มยั่ว แม้นเทพไม่พูดอะไรมองชุติมานิ่งๆ ตั้งแต่หัวจรด
เท้า ชุติมาท้าไม่ยี่หระ
“มองทำไม? มาสิ...มาเอาคืนฉันสิ”
“ผู้หญิงหยาบคายอย่างเธอ มันน่าสมเพสอยู่แล้ว ฉันคงไม่ลดตัวลงไปต่อกรด้วยหรอก”
ถูกด่าอีกแล้วชุติมาโกรธจนตัวสั่น “ไอ้...”
“ยิ่งพูดก็ยิ่งเห็นไปถึงนิสัย นิสัยที่มันคงถูกสะสมตั้งแต่เธอยังเด็ก ที่เรียกว่า...”
แม้นเทพหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ชุติมาตัวสั่นเทิ้ม กำมือแน่น แม้นเทพยิ้มหยันพูดต่อ
“ซึ่งครอบครัวของเธอคงจะหล่อหลอมเธอมาแบบนั้น”
แม้นเทพเดินหนีไป ชุติมากรี๊ด
“ปากว่าไม่เอาคืน แต่เล่นด่าไปถึงพ่อแม่ฉัน ญาติโกโหติกาฉันเลยนี่หว่า ไอ้บ้า ไอ้แม้นเทพไอ้ผู้ชายปากจัด คอยดู!!ยิ่งแกด่าฉัน ฉันก็จะยิ่งแกล้งนังแรม”
ชุติมาได้แต่ฮึดฮัดอยู่คน

ขณะที่ชุติมาเดินฮึดฮัดออกมาที่หน้าบ้าน เห็นรถคันหนึ่งมาจอด ชุติมามอง พลางตะโกนถาม
“ใครน่ะ”
เป็นตากล่ำกับเดือนแรมเดินมา ชุติมาเขม้นมอง “นังแรม! ตาแก่คนนั้น...”
ชุติมาตาวาวโรจน์เดินลิ่วไปทันที
เดือนแรมยกมือไหว้ขอบคุณกล่ำ “ขอบคุณมากค่ะลุงกล่ำ ที่ช่วยมาส่งแรม”
“ด้วยความเต็มใจครับ” มองเข้าไปข้างใน เห็นชุติมาเดินลิ่วมา “รีบเข้าไปเถอะครับคุณแรม”
เดือนแรมมองตามตากล่ำเห็นชุติมาก็รีบบอก “ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณลุง”
ตากล่ำหันหลัง แต่เอามือกดมือถือบันทึกภาพเอาไว้ ชุติมาเดินลิ่วมา ร้องเรียก
“อย่าเพิ่งไปไอ้แก่”
สมใจตากล่ำนัก มือถือบันทึกภาพและเสียงชุติมาไว้หมดแล้ว
“คุณชุติมาพูดไม่เพราะเลยค่ะ” เดือนแรมต่อว่า
“ทำไมฉันต้องพูดเพราะกับตาแก่ตัณหากลับ แล้วก็พวกผู้หญิงใจแตกอย่างแก”
ตากล่ำสะดุ้งโหยง “อุ๊ยโหย๋วว!” หันมาเอามือถือถ่ายตรงๆ เลย
“อย่ามาถ่ายรูปฉันนะไอ้แก่ ฉันไม่มีทางไปเป็นเมียน้อยแกหรอก” ปราดจะเข้าเอาเรื่อง
เดือนแรม ตกใจมาก ร้องห้ามเสียงหลง “อย่า!! คุณชุ!” ดึงตัวชุติมาเอาไว้
“คิดจะช่วยผัวแก่ของแกเหรอยังแรม?” ผลักเดือนแรมออก ก่อนถลันเข้าหาตากล่ำ
ตากล่ำจัดหนัก ถ่ายต่อ ได้ภาพเต็มๆ “โอ้โห!!สุดยอดๆๆ” บันทึกภาพได้หมดแล้ว
“ไอ้บ้า ถูกด่าแล้วยังจะมาถ่ายรูปฉันไปนอนฝันหวานอีก ไอ้โรคจิต” ชุติมาเข่นเขี้ยว ทำท่าแขยง “หือ! ขอกระทืบซะหน่อยเถอะ ไอ้แก่”
“โอ! ถึงขนาดจะกระทืบไม่ไหวละครับท่าน ไปก่อนนะหนูแรม” วิ่งจู๊ดขึ้นรถไป
ชุติมาวิ่งตาม ตะโกนด่า “อย่าเพิ่งไปไอ้แก่ กลับมาให้ฉันกระทืบก่อน”
ตากล่ำขับรถไปลิบแล้ว จันทราก้าวฉับๆ ออกมา “เอะอะเสียงดังอะไรกัน?”
“ก็นังแรมสิคะคุณน้า มันจะพาผัวแก่ของมันเข้าบ้าน” ชุติมาฟ้อง
จันทราอึ้ง งง “ผัวแก่”
“ก็คงเป็นผู้ชายที่มันหายไปด้วยทั้งคืนนั่นล่ะคะ อย่างว่าหน้าตาอย่างแกจะมีหนุ่มๆ ที่ไหนมาพิศวาส ก็มีแต่พวกคนแก่แค่นี้แหละ”
เดือนแรมมองชุติมาปั้นน้ำเป็นตัว อย่างเหนื่อยใจเหลือเกิน “แรมจะไม่พูดอะไรหรอกค่ะ เพราะสติปัญญาอย่างคุณชุติมาคงคิดได้แค่นี้” หันหลังเดินเข้าบ้านไป
ชุติมากรี๊ดที่ถูกด่า “นังแรม..นังแรมๆๆๆๆๆๆ” ถลันตัวจะตามไป
จันทรากระชากเสื้อรั้งเอาไว้ “ไม่ต้อง มันปากดีนัก ฉันจะจัดการมันเอง”
จันทรามองตามเดือนแรมสายตามีเลศนัย...ไม่ใช่เรื่องดีแน่

จันทราเลี่ยงออกมาที่อีกมุมหนึ่งของบ้าน หยิบมือถือขึ้นมากดโทร.ออก
“พี่เจิม ถึงเวลาของพี่แล้ว”
เจิมนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในเพิงขายยาดอง ผุดยิ้มออกมา
“ได้...ฉันจะจัดการส่งลูกน้องไปทำงานให้เธอ จันทรา”
เจิมกระดกยาดองเข้าปาก ยิ้มสบายอารมณ์ จันทรายิ้มสาแก่ใจ
“เสร็จแน่นังแรม!!”

ทางด้านธิติรัตน์ยืนร้อนใจ กระวนกระวายรอการกลับมาของตากล่ำ จนหม่อมรัตนาผิดสังเกต
“มีอะไรหรือจ๊ะชาย?”
“ก็ตากล่ำน่ะสิครับ ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก”
“ตากล่ำก็เพิ่งไปไม่นานนี่ลูก...ชายมีธุระด่วนให้ตากล่ำทำหรือจ๊ะ”
“ก็เรื่องแรมนั่นละครับคุณแม่...ที่ผมร้อนใจ”
ระหว่างนั้นละเอียดวิ่งเข้ามาบอก “ตากล่ำกลับมาแล้วค่ะคุณชาย”
ธิติรัตน์เดินลิ่วออกไปทันที

เย็นมากแล้ว ตากล่ำเดินเข้ามา ธิติรัตน์เดินไป เจอกันตากล่ำตกใจ
“อะจ๊าก!!”
“ตกใจอะไรนักหนาตากล่ำ”
“ก็ผมเพิ่งถูกด่ามา แถมจะโดนไล่กระทืบด้วยครับคุณชาย”
ธิติรัตน์มองหน้าบ่าวชรา สีหน้าตกใจ

ธิติรัตน์ตรงเข้าห้อง เอามือถือของตากล่ำมาโหลดคลิปลงคอมพ์ทันที พอเปิดดูก็เห็นเป็นใบหน้าชุติมากำลังเกรี้ยวกราดและถ้อยคำผรุสวาท
ธิติรัตน์ตกใจ จำได้ว่าเป็นคนในบ้านเมิน “ชุติมา”
ภาพในจอคอมพ์ยังเล่นต่อ และสุดท้ายเป็นภาพชุติมาวิ่งตามตากล่ำ
หม่อมรัตนาอึ้ง ตกใจ ทำท่าจะเป็นลม “ตาย! ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูน่ากลัวจังเลย” สีหน้าแขยง
“โอ้โห! ทั้งแรงทั้งหยาบคายด้วยครับหม่อม ผมงี้สงส๊าน สงสารหนูแรม” ตากล่ำว่า
ธิติรัตน์ลุกพรวดขึ้นทันทีอย่างร้อนใจ รู้แล้วว่าที่แท้เดือนแรมคือลูกสาวเมิน และถูกทรมาน
“จะไปไหนชาย?”
“ผมปล่อยให้แรมอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้อีกแล้วครับคุณแม่”
น้ำเสียงธิติรัตน์เด็ดเดี่ยวนัก เดินออกไปเร็วรี่ เป็นห่วงเดือนแรมมากเหลือเกิน

เดือนแรมทำงานบ้านอยู่ จันทราเดินเข้ามาโดยมีชุติมาเดินตาม
“แรม ออกไปซื้อน้ำเต้าหู้ที่หน้าปากซอยให้ฉันหน่อยไป”
“ค่ะคุณน้า”
ชุติมาสั่งเพิ่ม “แล้วเลยไปโจ๊กมาให้ฉัน ใส่ไข่ลวกด้วย เอาร้อนๆ เลยนะ ร้อนแบบลวกปากเลย ไม่งั้นฉันไม่กิน”
เดือนแรมทำหน้าเหนื่อยๆ แต่รับคำ “ค่ะ”
จันทรายื่นแบงค์พันให้ ชุติมาตาวาว
“โห! ตั้งพัน งั้นแกไปซื้อไก่ทอด พิซซ่า ซื้อองุ่น ซื้อเชอรี่ มาให้ฉันด้วย”
จันทราเอ็ด “ไม่ต้อง”
ชุติมาขัดใจนัก “คุณน้า”
“รีบไปแรม”
“ค่ะ” เดือนแรมเดินออกไป
ชุติมาหันมาโวยใส่จันทรา “ทำไมคุณแม่ใช้มันไปซื้อของแค่นั้นเองคะ ไม่เห็นจะเยอะ ไม่เห็นจะหนักเลย แถมให้มันไปตั้งพัน”
“สติปัญญาแกคิดได้แค่นี้จริงๆ สมกับที่นังแรมมันด่า”
ชุติมาหน้าหงิก ถูกด่าอีกแล้ว “ก็ชุไม่เห็นแม่จะจัดการอะไรมันเลย”
“ฉันจะจัดการกับใคร ไม่จำเป็นต้องใช้มือฉันหรอก นังโง่”
จันทราเดินหนี ชุติมายืนงวยงง

เดือนแรมซื้อของเสร็จแล้ว เดินหิ้วของกลับบ้านพะรุงพะรัง เหงื่อซ่ก
“ร้อนจัง”
เดือนแรมควักผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาทำท่าจะเช็ด แต่ต้องชะงัก
“ตาย..ยังไม่ได้ซักเลย” ยืนลังเลสักครู่ ก่อนจะตัดสินใจ “คุณชายใช้ไม่เปื้อนหรอก แรมขออนุญาตนะคะคุณชาย”
เดือนแรมใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนใบหน้าตัวเอง แล้วอมยิ้มเขินๆ เดินไป โดยไม่รู้ว่าคนร้ายลูกน้องเจิมสองคนเดินตามมา จนเมื่อเดือนแรมรู้สึกได้ว่ามีคนเดินตามจึงหยุด ชายสองคนนั้นก็หยุดเหมือนกัน เดือนแรมรับรู้
“มีคนตามเรา”
เดือนแรมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น กวาดมองรอบข้างแบบระแวดระวังตัว ชายสองคนรู้ตัวเช่นกัน

เวลาเดียวกัน ธิติรัตน์ขับรถมาท่าทางร้อนรน กังวลใจหนัก
“ทำไมฉันถึงโง่อย่างนี้ ไม่เฉลียวใจเลย ว่าเธอจะอยู่ที่บ้านหลังนั้นเดือนแรม”
ธิติรัตน์เหยียบคันเร่ง จู่ๆ มีลูกบอลกลิ้งมากลางถนน ตามด้วยร่างเด็กวัยประมาณ 6 ขวบ คนหนึ่งวิ่งตามเข้ามาเก็บลูกบอล
“เฮ้ย”
ธิติรัตน์หักรถหลบเข้าข้างทางอย่างรวดเร็ว มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งตามหลังมาเร็วและแรง รถเบรกไม่อยู่ พุ่งชนเข้ารถธิติรัตน์ดังโครม!!
ธิติรัตน์หน้าเสีย รู้ทันทีปัญหารออยู่ตรงหน้า ในเวลาที่กำลังรีบเร่ง

เดือนแรมกำผ้าเช็ดหน้าและกระชับถุงของในมือแน่น สาวเท้าเร็วรี่ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง พอถึงทางเปลี่ยว สองวายร้ายวิ่งมาดักหน้าทันที เดือนแรมผงะ ถอยหลังกรูด เดือนแรมกำถุงอาหารร้อนๆ ในมือเตรียมเป็นอาวุธ คนร้ายเดินเข้าหา เดือนแรมรู้ทันทีว่าถูกปองร้าย
หนึ่งในสองบอก “จับมัน”
“แน่ใจนะว่าไม่ผิดตัว” อีกคนลังเล
“ใช่!นายสั่ง นังคนนี้”
เดือนแรมรู้ทันทีว่ามีคนสั่ง ไม่ทันถามอะไร หนึ่งในนั้นก็เข้ามา เดือนแรมเอาถุงโจ๊กร้อนๆ ในมือ
ฟาดหน้าสุดแรง จนทำให้ผ้าเช็ดหน้าในมือร่วงหล่นลง ถุงโจ๊กแตกใส่หน้าคนร้าย ร้องลั่น
“ร้อนๆๆๆ ตาฉันๆๆๆๆๆ”
เดือนแรมกดขยี้ถุงโจ๊กใส่หน้ามันอีก
“เก่งนักเหรอนังแรม?”
อีกคนโกรธจัด ปราดเข้ามาหา คราวนี้เดือนแรมเอาถุงน้ำเต้าหูฟาดผลัวะใส่หน้า แต่วายร้ายคนนั้นหลบทันและบิดข้อมือเดือนแรมอย่างแรง เดือนแรมร้องลั่น
“โอ๊ย”
คนร้ายปราดเข้ามาหา ตบเข้าที่หน้าเดือนแรมอย่างจังสองสามฉาด แล้วชกเข้าที่ท้อง
สุดแรง เดือนแรมเจ็บ จุกตัวงอล้มลง และหนึ่งในสองวายร้ายก็ลากเดือนแรมเข้าไป ขณะที่อีกคนร้องลั่น เจ็บลูกตา

ด้านธิติรัตน์สุดจะปวดหัวเดินไปที่รถคู่กรณีตามมาด่า โต้เถียงกันไปมา
“ขับรถยังไงวะ?”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมขอโทษ แต่ผมบอกก็แล้วไงว่าผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
“รับผิดชอบตรงไหน? คุณจะหนี”
“ผมโทร.ตามประกันแล้วครับ เค้ากำลังมา” ธิติรัตน์จะไปต่อ
“แต่ยังไงคุณก็ต้องอยู่” คู่กรณีไม่ยอม
“ผมขอร้องล่ะครับผมมีธุระจริงๆ” ค้นกระเป๋าตัวเอง “นี่ครับนามบัตรผม มีอะไรคุณติดต่อผมได้ ผมพร้อมรับผิดชอบ ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”
ธิติรัตน์เดินขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ไทยมุงแถวนั้นตะโกนขึ้นมา
“มันจะหนีๆๆๆ”
“คนสมัยนี้ มันแล้งน้ำใจกันจริงๆ”
“เค้าก็รับผิดชอบอยู่ไง๊ จะด่าเค้าไปทำไม”
เสียงจ้อกแจ้กจอแจตามประสาไทยมุงดังขรม วิพากษ์ไปต่างๆ นานา

เดือนแรมยังถูกคนร้ายฉุดเข้าข้างทาง เดือนแรมร้อง
“ไฟไหม้ๆๆๆๆๆ”
คนร้ายหันขวับหลงกล “เฮ้ย!!ไหม้แถวไหนวะ?”
เดือนแรมฉวยโอกาสสะบัดตัวสุดแรงเกิด แต่คนร้ายรู้ตัวก่อน
“อ๋อ! มุกๆ อย่ามาเล่นตลกกับฉันนังแรม”
คนร้ายตบหน้าเดือนแรมอย่างแรง จนเดือนแรมผงะ แล้วมันก็ต่อยท้องอีก คราวนี้เดือนแรมนิ่ง
หมดสติ คนร้ายลากเดือนแรมเข้าป่าข้างทางไป โดยไม่รู้ว่ารองเท้าเดือนแรมหล่นอยู่ที่พื้น

ธิติรัตน์ขับรถมาตามทาง มองจากแสงไฟเห็นข้างหน้าข้าวของหล่นเกลื่อนที่กลางถนน ธิติรัตน์เบี่ยงรถหลบ แต่ต้องเบรกทันที เมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งหล่นอยู่ที่พื้น คุ้นตาอย่างประหลาด
ธิติรัตน์รีบลงจากรถ ตรงไปที่ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เห็นมีลายปัก “เดือนแรม” อยู่
“แรม” ธิติรัตน์นึกรู้ สังหรณ์ใจ กวาดตามองหาทั่วบริเวณ รู้ทันทีเกิดเรื่องร้ายกับเดือนแรม

ธิติรัตน์วิ่งตามหาเดือนแรม บริเวณทางเปลี่ยวแถวนั้น “แรม...เดือนแรม”
ส่วนวายร้ายลูกน้องเจิม โยนร่างเดือนแรมลงกับพื้น จ้องมองอย่างหื่นกระหาย แล้วกระชากคอ
เสื้อของแรมออก มองตาวาว
ธิติรัตน์วิ่งตามมาเห็นรองเท้าเดือนแรมหล่นอยู่ คว้าขึ้นมาดู
“แรม...” ตะโกนเรียก “แรมเธออยู่ไหน แรม?”
ธิติรัตน์สาวเท้าเข้าไปในราวป่าเบื้องหน้าทันที

ธิติรัตน์วิ่งตามเข้ามาในป่า พึมพำอย่างร้อนใจมาก “แรมอยู่ไหน” นึกแผนออกจึงแกล้งร้องตะโกนขึ้น “หยุด!!นี่จนท.ตำรวจ”
ได้ผล คนร้ายตกใจ “ตำรวจมา..เฮ้ย!มาได้ยังไงวะ”
คนร้ายกระชับปืนในมือแน่น ลุกขึ้นพร้อมกวาดมองหาว่าตำรวจอยู่ไหน?

คนร้ายเดินมาท่าทางระแวดระวัง เสียงดังสวบสาบๆ จนธิติรัตน์ได้ยินเสียงนั้น หันมองไปก็เห็นคนร้าย จึงรีบหลบมุมหลังต้นไม้ ตากวาดมองหาอาวุธ เห็นไม้ท่อนหนึ่ง ธิติรัตน์หยิบมันขึ้นมากำแน่น คนร้ายกวาดตามองหา
“ไม่เห็นมีเลย”
คนร้ายเดินไป จังหวะนั้นไม้ในมือของธิติรัตน์ทุบเข้าที่ต้นคอของคนร้ายสุดแรง จนมันร้องลั่น โอ๊ย! และล้มลง ธิติรัตน์หวดซ้ำ แต่วายร้ายเบี่ยงตัวหลบและยันเข้าด้านหลังของคุณชายจนล้มลง คนร้ายยกเท้าจะกระทืบซ้ำ ธิติรัตน์เบี่ยงตัวหลบ คว้าไม้ที่หล่นอยู่ ฟาดเข้าที่ปลายคางของมันอย่างจัง คนร้ายร้องลั่นและล้มลงไปนอนนับดาว ธิติรัตน์วิ่งเข้าไป

ธิติรัตน์วิ่งมา เห็นเดือนแรมนอนหมดสติอยู่ รีบวิ่งไปประคองขึ้นมา “แรม! แรม!”
ธิติรัตน์เอามือลูบดวงหน้าซีดขาวของเดือนแรม แสนสงสาร ทั้งรักและห่วง “โธ่เอ๊ย!แรม”
เดือนแรมเริ่มรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมา เห็นดวงหน้าธิติรัตน์ เรียกเสียงแผ่วๆ “คุณชาย”
ธิติรัตน์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่จะดึงร่างของเดือนแรมเข้ามากอดแนบแน่น ทั้งหวงและห่วง

เพ็ญประกายเดินวนเวียนไปมาอยู่ในห้อง ท่าทีกลุ้มใจ พึมพำออกมา
“หรือเราจะคุยกับคุณชายตรงๆ ดี ว่าคุณชายมีใครหรือเปล่า?” ลังเลใจ “แล้วถ้าคุณชายมีล่ะ?” นิ่งคิด “อย่าเพิ่งคิดมากเพ็ญ” ปลอบตัวเอง “โทร.คุยกับคุณชายก่อน”
เพ็ญประกายหยิบมือถือขึ้นมากดโทร.ออก
ในรถธิติรัตน์ที่จอดอยู่ข้างทาง เสียงมือถือดังขึ้น แต่ไม่มีคนรับ
“คุณชายไม่รับสายเรา” เพ็ญประกายน้ำตารื้นน้อยใจนัก

ธิติรัตน์ขับรถมาตามทาง เดือนแรมนอนพิงเบาะอ่อนแรง มือธิติรัตน์กุมมือเดือนแรมแน่น
“เธอไม่เป็นไรแล้วนะแรม”
“แรมเป็นหนี้ชีวิตของคุณชายอีกแล้ว”
“ที่ฉันทำทุกอย่าง เพราะฉันห่วงเธอ” สายตาธิติรัตน์บ่งบอกว่ารักเดือนแรมแล้ว
เดือนแรมซาบซึ้งจนน้ำตารื้น “ขอบพระคุณค่ะคุณชาย”
เดือนแรมจะยกมือขึ้นมาไหว้ แต่ธิติรัตน์กลับกำมือเดือนแรมแน่น ไม่ยอมให้ยกมือขึ้นมา
กอบกุมไว้ส่งมอบความรู้สึกดีๆ ให้อยู่อย่างนั้น
เพ็ญประกายออกมาเดินเล่นหน้าตาซึมเศร้า เห็นรถแล่นมาจอด เพ็ญประกายจำได้ว่าเป็นรถใครมองอย่างดีใจ
“คุณชาย”
เพ็ญประกายทำท่าจะวิ่งไปแต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นธิติรัตน์เดินลงมาเปิดประตูให้เดือนแรม
ธิติรัตน์มองคอเสื้อเดือนแรมที่ขาดเพราะคนร้ายกระชาก ธิติรัตน์จึงหยิบเสื้อสูทตัวเองในรถมาคลุมให้
เพ็ญประกายยืนนิ่ง ช็อกคาที่ เนื้อตัวเย็นเยียบ แข็งไปทั้งตัว
คุณชายมองจ้องหน้าเดือนแรมสายตาลึกซึ้งอ่อนโยน
“ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว จากนี้ไปชีวิตของเธอจะไม่มืดมนเป็นคืนเดือนแรม เพราะเธอจะมีฉันคอยดูแลและปกป้องตลอดไป”
เดือนแรมมองหน้าธิติรัตน์อย่างซาบซึ้งใจ น้ำตารื้นขึ้นมาอีก ธิติรัตน์ดึงรั้งร่างเดือนแรมเข้ามากอดแนบแน่นเต็มรัก อบอุ่น และอ่อนโยน

เพ็ญประกายน้ำตาไหลอาบแก้ม ไร้เสียงสะอื้น หัวใจแหลกสลายอยู่ตรงนั้น

อ่านต่อหน้า 4

มาหยารัศมี ตอนที่ 5 (ต่อ)

กลางดึกคืนนั้นพอส่งเดือนแรมแล้ว ธิติรัตน์กลับวังศิลาลายทันที ขณะกำลังเดินเข้ามาด้านใน เห็นละเอียดเดินนำกล่ำที่แบกกล่องตามมา

กล่ำอุทานอย่างตกใจ “โอ!! คุณชายกลับมาแล้ว ขอโทษนะครับ พอดีผมจัดของในห้องเก็บของอยู่ ไม่ทันได้ยิน”
“ไม่เป็นไร” มองสองคนแล้วนึกสงสัย “แล้วมาจัดของอะไรดึกดื่นป่านนี้??
ละเอียดรีบบอก “ของคุณชายตอนกลับมาจากเมืองนอกน่ะค่ะ หม่อมให้จัด เพราะหลายกล่องคุณชายยังไม่ได้เปิดดูเลย”
“เอาไปไว้ในห้องให้ฉันแล้วครับ”
สองคนรับพร้อมกัน “ครับ” / “ค่ะ”
ละเอียดสังเกตเห็นเนื้อตัวธิติรัตน์เลอะเทอะจึงถาม “แล้วนี่คุณชาย ไปทำอะไรมาคะ? ทำไม?...”
“ไม่มีอะไร?”
ธิติรัตน์ตัดบทแล้วเดินนำไป ละเอียดกับกล่ำเดินตาม สองคนมองหน้ากัน นึกสงสัย
ธิติรัตน์อาบน้ำเสร็จ เดินมาที่โต๊ะ มีกล่องหลายกล่องวางอยู่ ธิติรัตน์รื้อดูทีละกล่อง กล่องไหนจะเอาไม่เอา แล้วก็มาถึงกล่องๆ หนึ่ง ภายในมีแต่จดหมายซองสีชมพูหวาน ธิติรัตน์ทำหน้างง
“จดหมายอะไร?”
ธิติรัตน์หยิบมาหนึ่งฉบับมาเปิดออกอ่าน เป็นจดหมายเดือนแรมที่เขียนถึงตอนธิติรัตน์เรียนอยู่อเมริกา
“สวัสดีค่ะคุณชาย...แรมนะคะ...คุณชายสบายดีหรือเปล่าคะ? แรมอ่านข่าว ได้รู้ว่า อากาศที่นั่นหนาวมาก แรมเป็นห่วง คุณชายรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ธิติรัตน์ทำหน้างง นึกถึงเหตุการณ์ที่ เมา เหวี่ยง เพราะถูกดุจแขหักอก ไม่ยอมอ่านจดหมายเลย
“แรม” ธิติรัตน์รำพัน
ธิติรัตน์วางจดหมายฉบับนั้น รีบหยิบจดหมายฉบับอื่นๆ ขึ้นมา ล้วนเป็นลายมือเดียวกัน เป็นจดหมายจากเดือนแรม
ธิติรัตน์อ่านอีกฉบับ “คุณชายคะ....ผลสอบของแรมออกแล้วนะคะ....แรมได้เอทุกวิชา แรมส่งเกรดมาให้คุณชายดูด้วยนะคะ”
ธิติรัตน์วางจดหมายฉบับนั้นลง แล้วหยิบฉบับใหม่ขึ้นมาอ่าน
“สวัสดีค่ะ คุณชายคงสบายดีนะคะ แรมระลึกถึงคุณชายค่ะ นั่งอ่านจดหมายที่คุณชายเขียนมาให้ทุกวันเลย”
ธิติรัตน์นึกถึงจดหมายที่ตัวเอง ฝากธิดาให้เดือนแรมตอนถึงอเมริกาใหม่ๆ
“จดหมายฉบับนั้น...”
“...ฉบับเดียวที่เราเขียนถึงแรม”
ธิติรัตน์พึมพำ สีหน้าเสียใจมาก

เดือนแรมเปลี่ยนชุดใหม่ แต่น้ำตายังคลอเบ้า ทั้งตกใจ กลัว อบอุ่นหัวใจ ตื้นตัน หลาย
อารมณ์ปนเปกันไปหมด
ภาพตอนที่ธิติรัตน์ช่วยเดือนแรมจากคนร้ายลูกน้องเจิม เดือนแรมหยิบการ์ดและจดหมายของธิติรัตน์ขึ้นมากอดแนบอก น้ำตาคลอหน่วย รู้สึกอบอุ่น และตื้นตันในหัวใจ แววตาลึกซึ้งรู้ตัวแล้วว่าในใจคิดอย่างไรต่อราชนิกูลแสนดี
“แรม…แรมรู้ว่าไม่สมควร...แต่....แรม....แรมรักคุณชาย ค่ะ”

ด้านธิติรัตน์ หยิบผ้าพันคอสีชมพูที่เดือนแรมถักให้ และนึกถึงสิ่งดีๆ ที่เดือนแรมทำให้
สองคนสองหัวใจต่างดื่มด่ำอยู่กับความคิด ความรัก และความปรารถนาดีที่มีให้แก่กัน เป็นความรู้สึกแสนหวาน พิสุทธิ์ อบอุ่นอ่อนโยน และอาทร แทรกซึมในหัวใจสองดวง
“เธอคือ...ผู้หญิงของฉัน เดือนแรม” ธิติรัตน์แน่ใจตัวเองยิ่งแล้ว
ดวงตาของธิติรัตน์และเดือนแรมมีแต่ความตื้นตัน อบอุ่นหัวใจ ธิติรัตน์เดินไปที่หน้าต่าง พร้อมๆ กับที่เดือนแรมก็ทอดสายตาขึ้นไปบนฟ้า
สองใจมองจันทร์บนฟ้าดวงเดียวกัน

แต่อีกคน เพ็ญประกายกำลังนั่งร้องไห้เงียบๆ อยู่ในห้อง ดวงตาเจ็บช้ำใจ
เพ็ญประกายพูดพร่ำ กับตัวเองเสียงแผ่วๆ “ทำไม? ทำไมต้องเป็นแรม...ทำไม?”
เพ็ญประกายน้ำตาไหล นอนไม่หลับอยู่กับความช้ำชอกใจอย่างนั้นทั้งคืน จวบจนแสงทองของวันใหม่สาดเข้ามาในห้อง

เพ็ญประกายในสภาพหน้าบวม หมองเศร้า ขอบตาช้ำ เดินลงมาเจอแม่ จันทรามองอย่างห่วงใย
“ไม่สบายหรือเปล่ามาหยา ...ท่าทางลูกไม่ค่อยดีเลย”
ชุติมาเดินมาด้านหลังได้ยินคำว่ามาหยาเบ้ปากใส่ พูดเสียงเบาๆ
“จะอ้วก เรียกกันว่ามาหยาไม่กระดากปากเลย!”
เพ็ญประกายหน้าเศร้า บอกปฏิเสธ “มาหยาไม่ได้เป็นไรค่ะคุณแม่”
จันทราเป็นห่วงมากขึ้น “ไม่เป็นได้ยังไง?” เดินเข้ามาจับตัวอย่างเป็นห่วง “ดูซิ...หน้าซี้ดซีด...ตัวก็..รุมๆ แม่ว่าไปหาหมอหน่อยมั้ยลูก?”
ชุติมาหัวเราะเยาะออกมาดังๆ “ไข้ใจ หมอที่ไหนก็คงรักษาไม่ได้”
จันทราหันขวับมา ตาเขียวใส่ “ชุติมา”
“ก็ไม่จริงหรือคะ? ท่าทาง” ชุติมาพูดเสียงประชดประชัน “น้องมาหยา ซังกะตายอย่างนี้ ไม่เหมือนคนไม่สบายซักนิด” เพิ่มน้ำเสียงหนักเน้น “แต่เหมือนคนกำลังจะตาย!”
เพ็ญประกายมองชุติมาอย่างไม่พอใจ แต่บอกจันทราไป “ตายแน่ๆ ค่ะ...”
ระหว่างนั้นเพ็ญประกายเห็นเดือนแรมเดินอยู่ด้านนอก มองสีหน้าเจ็บปวด
“โดยเฉพาะถ้ามีคนทำตัวเป็นแมวขโมย มาแย่งคุณชายไป”
ชุติมาสันหลังหวะ เข้าใจผิดว่าเป็นตัวเองปราดเข้ามาถลึงตาใส่ “เพ็ญประกาย”
เพ็ญประกายหันมา สบตากร้าว ไม่กลัวแล้ว “ไม่ใช่เพ็ญประกาย แต่นี่คือมาหยารัศมีของคุณชายธิติรัตน์”
“หน้าด้าน รู้ตัวว่าไม่ใช่ ยังกล้าอุปโลกน์ตัวเอง”
จันทราเยาะใส่ไม่ไว้หน้า “ก็ยังดีกว่าแก หมาเห่าเครื่องบิน”
ชุติมาโกรธ “คุณ...มะ” เกือบหลุดคำว่าแม่ “น้า”
“ป่วยการที่จะคุยกับหมา เพ็ญขอตัวค่ะคุณแม่” เพ็ญประกายเดินหนีไป
“เพ็ญประกาย” ชุติมาโกรธจัดจะถลันตามไป
จันทราเข้ามาขวางพลางชี้หน้า “หยุด! ไม่งั้น แกโดนดี”
ชุติมาหัวเราะเยาะใส่หน้า “ก็ยังดีกว่าโดนดูถูก ขนาดยัยเพ็ญยังหลุดเรียกตัวเองว่าเพ็ญนับประสาอะไร ใครจะเชื่อ?”
จันทรามองค้อนชุติมา เดินตามเพ็ญประกายไป

เพ็ญประกายเดินออกมานอกบ้าน เห็นเดือนแรมรดน้ำต้นไม้อยู่มองจ้องอย่างเจ็บช้ำ เพ็ญประกายเดินเข้าไปหา ถามหยั่งเชิง
“เมื่อคืนไปไหนมาหรือแรม กลับซะดึก?”
เดือนแรมหันมาอย่างตกใจ “พี่เพ็ญ..เห็นหรือคะ?”
เพ็ญประกายจ้องหน้าถามเดือนแรมเสียงแข็งด้วยความหวงหึงในใจ “ทำไมต้องตกใจด้วย ไปทำอะไรผิดมาเหรอ?” เริ่มรู้ตัว จึงหย่อนเสียงลง “แค่เมื่อคืน ตอนพี่นอนแล้วแรมยังไม่กลับมา พี่เลยรู้ว่าแรมกลับดึก ว่าไงไปไหนมา?”
เดือนแรมอึกอัก “เอ่อ...ไป..ไปซื้อของให้คุณอาค่ะ”
เพ็ญประกายมองจ้องหน้า รู้สึกเสียใจที่เดือนแรมไม่ยอมบอก “เหรอ?”
สองคนตกอยู่ในภาวะเงียบ ลำบากใจทั้งคู่ เพ็ญประกายบอก ตั้งใจ จงใจให้เดือนแรมรู้
“พี่มีเรื่องจะบอก”
“อะไรคะ?”
“พี่....ตกลงที่จะหมั้นกับคุณชายธิติรัตน์แล้วนะ”
เดือนแรมอึ้ง อุทานเสียงแผ่ว ถึงจะรู้มาแล้วแต่อดใจหายไม่ได้ “คุณชายธิติรัตน์?”
“คุณชายธิติรัตน์ กมเลศ ในนามมาหยารัศมี จ้ะ” เพ็ญประกายบอกเสียงจริงจัง
เดือนแรมยืนอื้ออึงอยู่ตรงนั้น ขณะที่เพ็ญประกายจับตามองเดือนแรมนิ่ง

เดือนแรมทำงานบ้านด้วยจิตใจห่อเหี่ยว เสียงเพ็ญประกายเมื่อครู่นี้ดังก้องในความคิด
“พี่ตกลงที่จะหมั้นกับคุณชายธิติรัตน์แล้วนะ....คุณชายธิติรัตน์ กมเลศในนามมาหยารัศมีจ้ะ”
เดือนแรมปวดใจแทบจะหมดแรงลงตรงนั้น

ด้านธิติรัตน์ยังอยู่ที่วังศิลาลาย เดินไปมาท่าทางครุ่นคิด ตรึกตรอง ภาพเหตุการณ์และเรื่องราวของเดือนแรมผุดขึ้นมา ทั้งตอนที่ตนช่วยเหลือเดือนแรม เดือนแรมเล่าหน้าหมองว่าพ่อไม่รัก แม่เลี้ยงว่าบ้า และตอนที่ดุจแขว่า เพ็ญประกายมีน้องบ้า
สีหน้าของธิติรัตน์กลุ้มหนักบอกตัวเอง “ฉันต้องหาทางพาเธอออกมาจากบ้านหลังนั้นให้ได้แรม”

ส่วนเดือนแรมที่ใบหน้าเศร้าหมอง ก็บอกตัวเอง
“เราก็รู้อยู่แล้วนี่...ว่าพี่เพ็ญคือคู่หมั้นของคุณชาย…มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีแรม...มันเป็นเรื่องที่น่ายินดี และเราก็ไม่ควรที่จะอยู่ใกล้ชิดคุณชายอีกต่อไป”
เดือนแรมหลับตาลง กดข่มความเจ็บปวด ลึกลงในใจ
จันทราเดินออกมาเห็น นึกสงสัยและหันมาเห็นว่าเดือนแรม “นังแรม”
จันทราตกใจมาก ที่เดือนแรมไม่ได้เป็นอะไร

จันทราโทร.นัดเจิมออกมาเจอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งละแวกบ้านทันที พอเจอหน้าจันทราหัวเสียมาก
“พี่ทำงานยังไง? ทำไมนังแรมมันไม่เห็นเป็นอะไรพี่เจิม”
“ลูกน้องฉันบอก มีคนมาช่วยมันได้ทัน”
“คนมาช่วย ตลก..ตลกไปรึเปล่า??”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะ แต่มีคนมาช่วยมันจริงๆ”
“ทำไมมันดวงดีอย่างนั้น?”
เจิมหรี่ตาดุร้าย เหยียดยิ้ม “ไม่มีใครดวงดีได้ตลอดเวลาหรอก”
“ใช่! ไม่มีใครดวงดีได้ตลอดเวลาหรอก โดยเฉพาะนังแรม”
จันทราทำตาขุ่นเขียวใส่ ไม่พอใจ

สายวันนั้น เดือนแรมอยู่ในชุดนักศึกษากำลังจะเดินออกนอกบ้าน ใบหน้าของเดือนแรมยังเศร้าอยู่
บอกตัวเองในใจ “ต่อไป..เธอจะไม่มีคนเคียงข้างอีก” เสียงเบาลง ปลุกปลอบตัวเอง “เธอต้องเข้มแข็งเดือนแรม”
เดือนแรมจะเดินออกไป เจอจันทราที่กลับมาพอดี
จันทรามองตาเขียว ถามเสียงขุ่น “จะไปไหน?”
เดือนแรมมอง ในใจนึกสงสัย “ไปเรียนค่ะ”
“แล้วไหน? ของที่ให้ไปซื้อ....แถมเมื่อคืนเธอก็หายไปทั้งคืน”
เดือนแรมบอกเสียงแข็ง “เมื่อคืนแรมถูกทำร้ายค่ะ”
จันทราทำหน้าเยาะ เหมือนไม่เชื่อ “ทำร้าย”
เดือนแรมเหน็บแทงใจดำ “คุณอาดูเหมือนไม่สนใจและไม่สงสัยเลยนะคะ ว่าแรมถูกทำร้าย”
หน้าตาจันทราเลิ่กลั่ก “ก็...ฉันไม่เชื่อว่าเธอถูกทำร้าย”
เดือนแรมยิ้มเยาะ “แรมถูกทำร้ายค่ะ และคนร้ายยังบอกอีกด้วยว่า ถูกสั่งมา”
จันทราตาวาววาบขึ้นแวบหนึ่ง ตกใจ นึกไม่ถึงว่าคนร้ายหลุดปากพูดขนาดนี้
“อย่ามาสร้างเรื่อง” จันทรากลบเกลื่อน
“แรมไม่ได้สร้างค่ะ” เดือนแรมตัดสินใจพูดขู่ออกมาบ้าง “เมื่อคืนแรมก็ไปแจ้งตำรวจไว้ด้วย”
จันทราหน้าซีด เมินที่จะไปทำงานเดินออกมาพอดี ถามอย่างสงสัย “มีอะไรกัน?”
จันทรารีบบอก “เมื่อคืน จันให้แรมไปซื้อของ แต่แรมหายไปทั้งคืน แล้วก็ยังมาสร้างเรื่องว่าถูกทำร้าย”
เมินดูตกใจมาก “อะไรนะ แรมถูกทำร้าย?”
เมินกลับเข้าบ้าน ถามเรื่องราว เดือนแรมนั่งเรียบร้อยเล่าให้เมินฟัง
“ค่ะแรมถูกทำร้าย เรื่องก็เป็นอย่างที่แรมเล่าให้คุณพ่อฟังนี่ล่ะคะ”
เมินตรงเข้ามาจับตามเนื้อตามตัว ห่วงลูกจนลืมความโกรธเกลียด “แล้วลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?”
เดือนแรมมองพ่ออย่างตื้นตัน น้ำตาคลอ จันทราแอบมองสีหน้าไม่พอใจฉายชัด
“เจ็บนิดหน่อยค่ะ โชคดีมีคนมาช่วยได้ทัน”
“ต่อไปดึกๆ ดื่นๆ ใครจะใช้ไปไหน ไม่ต้องไป เข้าใจมั้ย?”
“ค่ะ”
เมินถอนหายใจ หิ้วกระเป๋าทำงานเดินออกไป เดือนแรมมองตามตื้นตันไม่หาย

เมินเดินออกไป เจอจันทรายืนมองตาขวาง
“หมายความว่าต่อไป ฉันจะไหว้วานใช้อะไรแรมไม่ได้ใช่มั้ยคะ?”
“อะไรของเธอ?”
“ก็ฉันได้ยินคุณบอกแรม ต่อไปใครจะใช้ไปไหนไม่ต้องไป มันหมายความว่ายังไงคะ ถ้าจะไม่ใช่ ไม่ให้ฉันใช้แรม”
“เธอก็ดูเวล่ำเวลาหน่อยสิ ดึกดื่นขนาดนั้นแล้ว จะให้แรมออกไปทำไม?” เมินเอ็ดเข้าให้
“ก็แล้วเวลาแรมออกไปข้างนอก และหายตัวไปทั้งคืนล่ะ มันแปลว่าอะไร?”
เมินทำหน้างง ไม่รู้เรื่อง จันทราใส่ไคล้ต่อ
“คุณคงไม่รู้สินะคะ บางที แรมก็หายไปกับผู้ชายทั้งคืนแล้วก็ไม่กลับบ้าน”
เมินอึ้งไป หน้าเครียดขึ้นมาทันที จันทราได้ที ใส่ไฟต่อ
“เพราะฉะนั้นมันคงไม่ได้เป็นปัญหาแล้ว ถ้าฉันจะใช้แรมให้ออกไปซื้อของข้างนอก ปัญหามันอยู่ที่ แรมสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจจากคุณ และคุณก็หลงเชื่อ ทั้งๆที่คุณน่าจะรู้ ว่าแรมถอดแบบ ความมารยาสาไถย์มาจากใคร?”
จันทราทิ้งไพ่ เดินสะบัดหน้าพรืดหนีเข้าบ้านไป
เมินอึ้ง เดือนแรมเห็นภาพนั้นมองพ่อด้วยความสงสาร เสียใจ และเห็นใจ

เดือนแรมในชุดนักศึกษา เดินหารือมากับเจ๊กอไก่ พอเจ๊นักปั้นฟังจบแล้วบอกทันที
“คุณจันทรานี่ในหัวเค้าคงมีแต่เรื่องชั่วร้ายนะ ถึงได้คอยหาเรื่องแรมได้ตลอดเวลา แรมไม่ต้องไปสนใจหรอกนะ ยังไงๆ คนดีผีก็คุ้ม”
“แรมไม่ได้สนใจเค้า แรมสนใจพ่อ แรมไม่อยากให้พ่อทุกข์ใจเพราะแรม”
เจ๊กอไก่งง “ก็แรมไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แต่แรมเป็นต้นเหตุให้คุณอาโกรธคุณพ่อ”
“ช่างเค้าสิ” เจ๊ว่าเชิดๆ
“ไม่ได้หรอกเจ๊...เพราะคนที่ทุกข์ใจ ลำบากใจคือพ่อ แรมไม่อยากให้พ่อมีปัญหา”
เจ๊กอไก่ถามเป็นงานเป็นการ “แล้วจะเอายังไง?”
“แรมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่า ถ้าแรมยังไม่ยอมออกจากบ้าน คุณจันทราต้องเล่นงานแรมอีกแน่”
สีหน้าเดือนแรมกลุ้มใจหนัก

พอหม่อมรัตนาฟังที่ลูกชายพูดจบก็ ถามย้ำธิติรัตน์อย่างตกใจ
“อะไรนะ ชายจะพาแรมมาอยู่ที่นี่”
“ครับ”
“ในฐานะอะไรลูก?”
ธิติรัตน์อึ้งไป ไม่ได้คิดเหตุผลรองรับ รู้แต่ว่าห่วงมาก “ก็...มาช่วยงานผมที่นี่”
“มันจะเหมาะหรือลูก?? อีกอย่างชายก็มีคู่หมั้นแล้ว แม่ว่ามันจะไม่เหมาะ”
“คู่หมั้นของผมคือมาหยารัศมี แล้วถ้าคุณเพ็ญประกายไม่ใช่มาหยารัศมีตัวจริงละครับ?”หม่อมรัตนามองหน้าลูกชาย สายตาเต็มไปด้วยคำถาม

คืนนั้นเพ็ญประกายนั่งอยู่บนเตียง จิตใจร้อนรุ่ม น้ำตาคลอ ภาพตอนธิติรัตน์กอดเดือนแรมวนเวียนหลอกหลอนในความคิด
“คุณชายไม่มีสิทธิ์ไปทำอย่างนั้นกับใคร ไม่ใช่แค่แรม ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหน้าไหนก็ทำอย่างนั้นไม่ได้”
เพ็ญประกายหยิบนิตยสารแฟชั่นไฮโซขึ้นมา เปิดพลิกดู เป็นสถานที่ที่ติดต่อ
เพ็ญประกายเพ่งมอง ดวงตาครุ่นคิด นึกใจในว่าต้องทำอะไรบ้างแล้ว

อีกวันถัดมาดุจแขกำลังเม้งแตก วีน เหวี่ยงปาแฟ้มเอกสารใส่พนักงานคนหนึ่งอย่างฉุนฉียว
“งานง่ายๆ แค่นี้ทำไม่ได้ก็ออกไปเลย ไป๊”
“ค่ะๆ”
พนักงานคว้าเอกสารแล้วเดินลนลานออกไป จารุณีเดินสวนเข้ามาทันได้ยินที่ดุจแขบ่น
“เบื่อจริงๆ พวกไม่ได้เอาสมองมาทำงาน ไม่รู้จะโง่ไปถึงไหน?”
จารุณีมองอย่างตำหนิ “เธอเป็นพ่อแม่เค้าหรือไง? ถึงได้มาจิกด่าเค้าอย่างนี้น่ะ”
“ถึงไม่ใช่ ฉันก็เป็นเจ้านาย จ่ายเงินเดือนเค้า”
“เจ้านายแต่ไม่ใช่เจ้าชีวิต เงินเดือนแค่นิดเดียว เธออย่าทำราวกับเค้าเป็นทาสเธอเลย”
ดุจแขฉุน ตาเขียว เสียงขุ่นใส่ “จารุณี”
“ถ้าอยากมีเรื่อง ไปมีกับคนอื่นไป”
พูดจบจารุณีเดินตรงไปยังคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน เปิดหาบางอย่าง
ดุจแขมองงงๆ “อะไร?”
“ข่าวอัพเดท ล่าสุด คุณชายธิติรัตน์ เปิดตัวคู่หมั้น มาหยารัศมี”
ดุจแขกรีดร้องเสียงก้อง “ไหน...มาหยารัศมี?”

สรรชัยกำลังจะเปิดประตูเข้ามาได้ยินเสียงดุจแข นิ่งฟัง
ดุจแขรีบก้มลงมองจอคอมพ์ เห็นเป็นใบหน้าเพ็ญประกายหรา ดุจแขอึ้ง คาดไม่ถึง
“ยัยเพ็ญประกายนี่เหรอ คือมาหยารัศมี คู่หมั้นคุณชาย”
สายตาดุจแขมีแต่แววเย้ยหยัน ไม่ได้รู้สึกว่าเจอคู่แข่งที่น่ากลัวเลยสักนิด

สรรชัยยืนมอง นิ่งงัน นัยน์ตาเจ็บช้ำอยู่ในที ก่อนจะผละเดินหนีไป

อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น