มาหยารัศมี ตอนที่ 11
คืนนั้นจันทราเดินวนเวียนไปมาอยู่ในบ้านอย่างหัวเสีย หน้าตาเครียดจัด แน่นอนว่ากำลังคิดแผนการกำจัดเดือนแรมไปให้พ้นทาง
“โอ๊ย!คิดยังไงก็คิดไม่ออก ฉันจะทำยังไงๆๆๆ” นิ่งคิด แล้วเหมือนคิดบางอย่างได้ “จริงสิ..ยังไงต้องให้คุณเมินยกมรดกทุกอย่างให้เพ็ญประกาย” หยิบมือถือกดโทร.ออกทันที รอสายสักครู่หนึ่ง “ฟลุ๊คหลง หายามาให้ฉันหน่อย ขอแบบแรงกว่าเดิม”
วันต่อมา ฟลุ๊คหลงหญิงวัยกลางคนซึ่งเคยได้ยากล่อมประสาทจากสุดใจ ตรงดิ่งมาหาสุดใจที่แฟลตแต่เช้า สุดใจฉงนบอกฟลุ๊คหลงตาโต
“ยาบ้าๆ พรรค์นั้น ฉันไม่มีหรอก”
“แต่พี่เคยทำงานในคลินิกนี่ ขโมยมาให้ฉันหน่อย”
“นังฟลุ๊คหลง ยาพวกนั้นมันเป็นยาอันตราย เชื่อฉันสิ..คนที่เค้าขอให้แกเอาไปให้มากมายอย่างนั้น มันก็ส่อเจตนาที่ไม่ดีแล้ว อย่าไปยุ่ง”
เสียงถกเถียงกันดังมาก จนชุติมาซึ่งใส่ชุดที่แม้นเทพซื้อให้ซึ่งอยู่ ทำธุระอยู่ในห้องน้ำ เงี่ยหูฟัง ได้ยินฟลุ๊คหลงว่า
“แต่ฉันเดือดร้อน ฉันต้องการเงิน” ฟลุ๊คหลงบอก
สุดใจบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เพราะไอ้คำว่าเดือดร้อน ต้องการเงินนี่แหละ มันทำให้ชีวิตฉันต้องตกนรกจนถึงทุกวันนี้ เฮ้อ!! อย่าไปพูดถึงมันเลย แต่ฉันขอเตือนแก อะไรที่ไม่ดี แกอย่าไปยุ่ง ไม่งั้นได้ตกนรกทั้งเป็นอย่างฉันแน่แก”
“งั้นฉันกลับก่อนนะพี่สุดใจ”
ชื่อของสุดใจกระแทกเข้าหน้าชุติมาเต็มๆ และรู้สึกคุ้นๆ ชื่อนี้
ชุติมาพึมพำออกมาเบาๆ “สุดใจ เหมือนแม่เคยพูดถึง” นิ่งฟังต่อ
“ฉันเปลี่ยนมาชื่อวันดีแล้ว”
“ทำไมล่ะพี่?” ฟลุ๊คหลงงง
“มีคนตามฆ่าฉัน”
ชุติมาหูผึ่ง ได้ยินฟลุ๊คหลงอุทานลั่นด้วยความตกใจ
“ฆ่าพี่”
“ก็คนที่มันทำให้ฉันต้องตกนรกทั้งเป็นนี่ล่ะ อย่าไปพูดถึงมันเลย กลับเถอะ”
“แล้วเจอกันพี่” ฟลุ๊คหลงเดินออกไป
ชุติมายืนนิ่ง ตั้งสติอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วจึงเปิดประตูห้องน้ำออกมา สุดใจสะดุ้ง
“อ้าว! ชุยังไม่ออกไปเหรอ?”
“เอ่อ...พอดีท้องผูกค่ะ นั่งนานมาก แทบจะหลับคาห้องน้ำเลย” ชุติมาหาวหวอดๆ ออกมา “เอ่อ.. เดี๋ยวชุออกไปอ่านหนังสือพิมพ์ข้างล่างก่อนนะคะ ว่ามีงานหรือเปล่า”
ชุติมารีบออกไป สุดใจพึมพำ “ชุติมาได้ยินอะไรหรือเปล่าเนี่ย?”
สีหน้าสุดใจดูเป็นกังวลมาก
ชุติมาวิ่งตามฟลุ๊คหลงออกมาเร็วรี่ เห็นฟลุ๊คหลงไปไกลลิบแล้ว
ชุติมาตะโกนร้องเรียกไว้ “พี่ๆๆ เดี๋ยวก่อน”
ชุติมาวิ่งตามอย่างเร็ว แต่แล้วต้องเบรกตัวโก่งเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของแม้นเทพเดินออกมาจากมุมตึก ชุติมาตกใจระคนดีใจ
“พี่ต้อม”
แม้นเทพยิ้ม คลายความกังวลในใจ “เรียกพี่ต้อมได้แล้วเหรอ?”
สองคนเดินคียงกันไป แม้นเทพถามชุติมาอย่างเป็นห่วง
“พี่ไม่รู้ว่าชุปัญหาอะไร แต่พี่อยากให้ชุกลับบ้าน”
“ชุไม่อยากกลับ” ชุติมาน้ำตาคลอแล้ว บอกออกไปอย่างน้อยใจ “ที่นั่นไม่มีใครรักชุซักคน”
“คุณจันทราไง?”
“พี่ต้อมรู้สึกว่าคุณน้ารักชุเหรอคะ?...” ชุติมาพยายามกลั้นน้ำตา “อย่าว่าแต่คิดถึง หรือเป็นห่วงเลย ชุว่าจนป่านนี้ คุณน้ายังไม่รู้เลย ว่าชุหนีออกจากบ้านมา”
จริงอย่างที่ชุติมาคิด เพราะจันทราเดินตามหาชุติมาทั่วบ้าน
“ชุติมาๆ” เปิดประตูห้องดูไม่มี “หายหัวไปไหนของมัน”
จันทราปิดประตู เดินออกมา เจอแป้นรีบถาม
“นังแป้นแกเห็นคุณชุติมาบ้างหรือเปล่า?”
“ไม่เห็นตั้งหลายวันแล้วค่ะ ตอนแรกหนูก็นึกว่าขลุกอยู่ในห้อง แต่พอไม่เห็นหลายๆ วัน หนูเลย คิดว่า คุณชุต้องหนีไปจากบ้านแล้วแน่ๆ ค่ะ”
จันทราได้ยินก็ทั้งห่วงทั้งตกใจ “หนีไปจากบ้าน?”
สองคนนั่งเคียงกันอยู่ที่ริมน้ำแห่งนั้น ชุติมาเล่าน้ำตาไหลพราก
“ตอนเด็กๆ ชุชอบไปเล่นที่ริมน้ำ แต่ตอนนี้ชุเกลียดมาก...เพราะชุรู้สึก ทุกครั้งที่มาที่ริมน้ำ ชุต้องร้องไห้ทุกที” ชุติมายกมือปาดน้ำตา
“ร้องไห้ก็มีทั้งดีใจเสียใจ”
“แล้วพี่ต้อม เคยเห็นชุร้องไห้ด้วยความดีใจเหรอคะ? ตั้งแต่เกิดไม่เคยมีเลย” ชุติมาเย้ยหยันชีวิตตน
น้ำตาของชุติมาไหลออกมาอีก แม้นเทพบอกเสียงอ่อนโยน
“มันต้องมีซักครั้งสิน่า ใครจะร้องไห้ได้ตลอดชีวิต”
“อาจจะเป็นชุ คนเดียวก็ได้มั้ง ขอบคุณพี่ต้อมค่ะที่ยังเป็นห่วง ทั้งๆ ที่พี่ต้อม โกรธชุ”
แม้นเทพตอบเสียงเบาหวิว “นั่นน่ะสิ ทำไมต้องห่วงด้วยก็ไม่รู้”
“เพราะอะไรก็ช่างเถอะค่ะ ยังไงชุก็ขอบคุณ ที่พี่ต้อมเป็นห่วง”
แม้นเทพรีบแก้เก้อ “คนอื่นห่วงชุก็มีน่า”
ไม่ทันขาดคำ เสียงมือถือชุติมาดังขึ้น ชุติมามองเห็นเป็นเบอร์จันทรา ชุติมาไม่รับ
จันทราโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงและห่วง
“นังลูกบ้า โทร.ไปทำไมไม่รับ แกไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นห่วง”
จันทรากดมือถือโทร.กี่ครั้งๆ ชุติมาก็ไม่รับสาย
ชุติมาปล่อยให้มือถือเสียงดังไม่หยุด จนแม้นเทพถามอย่างสงสัย
“นั่นไง มีคนโทร.มาแล้ว ทำไมไม่รับสายเค้าล่ะ”
“ไม่อยากรับ โทร.มาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะถ้าชุตาย ป่านนี้ก็คงตายไปแล้วมั้ง”
“ช่างประชดประชันซะจริง” แม้นเทพแซวปรามๆ
“ความเสียใจมั้งคะ ที่ทำให้ชุเป็นแบบนี้” เริ่มร้องไห้ออกมาอีก “บางทีชุก็คิด ว่าชุเกิดมาทำไม? มีแม่ก็เหมือนไม่มี การที่แม่ไม่รัก มันทำให้ชุ คิดถึงพ่อ ทั้งๆ ที่ความจริงชุไม่อยากจะคิดถึงเลย”
แม้นเทพมองชุติมา สีหน้าครุ่นคิด ฉุกคิดว่าคำพูดชุติมาแปลกมากขึ้นทุกวัน
คืนนั้น ชำนิมาด้อมๆมองๆหน้าบ้าน แต่มองอยู่นานก็ไม่เห็นจันทรา หรือชุติมา
“ทำไมจันทราไม่ออกมาบ้างว้า?”
เมินเดินออกมา ชำนิผงะตกใจ
“คุณเมิน” รีบฉากหลบมาแอบมอง
แม้นเทพขับรถมาจอดทางด้านหลัง ชำนิไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่สนใจด้านใน
แม้นเทพเดินลงจากรถมาถาม “มาหาใครครับ?”
ชำนิสะดุ้งโหยง “ปะ..ปล่าวๆ” มองแบบกลัวๆ แฝงพิรุธจะรีบไป
“เดี๋ยวสิคุณ...เดี๋ยว”
ชำนิเหมือนวัวสันหลังหวะ “อย่ามายุ่ง” ผลักแม้นเทพออก
ชำนิวิ่งหนีไปส่อพิรุธ แม้นเทพวิ่งตาม เมินได้ยินเสียงรีบเดินออกมาดูเห็นด้านหลังของชำนิชัดเจน
ชำนิวิ่งหนีต่อ แม้นเทพวิ่งตาม จู่ๆ มีรถคันหนึ่งวิ่งมาปาดหน้า แม้นเทพหลบ เงยหน้ามองไปอีกที ชำนิหายไปแล้ว แม้นเทพยืนหอบ หัวเสีย
ชำนิยืนแอบมองอยู่อีกมุม สายตากังวลหนัก คิดในใจ
“อย่าให้เค้าสงสัยอะไรเลย พ่อแค่คิดถึงลูก ชุติมา”
แม้นเทพ เดินกลับมา เจอเมินรออยู่ ท่าทางสนใจ และกระวนกระวาย
“มีอะไรหรือต้อม?”
“ใครก็ไม่รู้ครับ มาด้อมๆมองๆ ท่าทางมีพิรุธผมเลยตามไป”
“แล้วจับได้หรือเปล่า?”
“เปล่าครับ..หนีไปไหนก็ไม่รู้...ต่อไปเราคงต้องระวังให้มาก ช่วงนี้มีอะไรแปลกๆ” แม้นเทพตั้งข้อสังเกต
เมินยืนนิ่ง ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ
ตกดึกคืนนั้นจันทรานอนคิดเป็นกังวลเรื่องชุติมา คิดอยู่ในใจ
“นังลูกบ้าเอ๊ยจู่ๆ ก็ทำใจบางๆ ขึ้นมายังกับเป็นลูกผู้ดีมาจากไหนลูกบ้า”
จันทรานอนไม่หลับ เมินเองก็นอนไม่หลับกระสับกระส่าย เหตุการณ์ตอนที่ เมิน
จับได้ว่าราศีมีชู้ และชู้ก็คือชำนิ ตามมาหลอกหลอน
เมินจดจำรูปร่างและท่าทางของชำนิได้แม่น เมินลุกพรวดขึ้นมานั่ง จันทราที่นอนไม่หลับผุดลุกขึ้นถามอย่างสงสัย
“มีอะไรคะคุณ?”
“เปล่า...ขอโทษที่ทำให้ตื่น”
“เปลาค่ะ จันนอนไม่หลับอยู่แล้ว ชุติมาหนีออกจากบ้าน เป็นห่วง”
“แล้วทำไมถึงหนีไปล่ะ?”
“ก็คงน้อยใจตามประสาน่ะค่ะ หายงอนเมื่อไหร่ก็คงกลับมาเอง” จันทรามองจ้องหน้าสามี “ว่าแต่คุณไม่มีอะไรแน่หรือคะ? ท่าทางคุณไม่ค่อยดีเลย”
“ผมเห็น....เหมือนชู้ของราศีจะมาที่นี่” เมินโพล่งขึ้นมา
“ชู้ของราศี” ดวงตาของจันทราลุกโพลง รู้สึกตกใจมาก
จันทราตื่นแต่เช้า รีบหลบมุมออกมาโทรศัพท์ที่นอกตัวบ้าน เพ็ญประกายเห็นเดินตามออกมาดู
“พี่ชำนิ จะมาทำไมเนี่ย?” จันทราบ่นพึมพำ ขณะกดโทร.ออก แต่ติดต่อไม่ได้ “หาเรื่องใส่หัวฉันแล้วมั้ยล่ะ?”
เพ็ญประกายได้ยินเข้า นึกสงสัย “คุณแม่....ใครคะชำนิ?”
จันทราสะดุ้งโหยง “ก็..คนรู้จัก...”
“คนรู้จักแล้วทำไมคุณแม่ต้องตกใจด้วยคะ?” เพ็ญประกายไม่อยากเชื่อนัก
“เอ๊ะ! ยัยเพ็ญ ฉันเป็นแม่แกนะ ไม่ใช่จำเลย แกจะได้มาซักฉันน่ะ” จันทรารีบกลบเกลื่อน
“ก็เพ็ญอยากรู้”
“เรื่องนังแรมกับคุณชายยังปวดหัวไม่พออีกเหรอ? แกจะอยากรู้เรื่องอื่นทำไม?” จันทราสะบัดหน้าพรืด เดินหนีเข้าบ้านไปทันที
“ใครกันชำนิ?”
เพ็ญประกายมองตามพึมพำออกมา นึกสงสัยพฤติกรรมแม่ตัวเองอยู่เหมือนกัน
เวลาเดียวกันที่บ้านมะลิ ทุกคนตั้งวงคุยกันเรื่องชำนิที่แม้นเทพเล่าให้ฟัง ป้าพิมนึกสงสัย
“เป็นพวกมิจฉาชีพหรือเปล่าคะ?”
“ผมว่าไม่ใช่....ท่าทางของเค้ามีพิรุธ เหมือนมองหาใครซักคน”
“จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่มายิงกันหน้าบ้านเราหรือเปล่า ไหนจะเรื่องที่มีคนทำร้ายต้อมอีก” มะลิว่า
“ผมกำลับสืบดูอยู่ แต่ลางสังหรณ์ของผมคิดว่า น่าจะเกี่ยวกับแรม” แม้นเทพมั่นใจ
แม้นเทพแวะมาหาเดือนแรมที่บ้านเมิน เจอแป้นพอดี
“คุณแรมไม่อยู่ค่ะ”
“แรมไปไหน?”
“แป้นก็ไม่ทราบค่ะ ไม่เห็นกลับมาหลายวันแล้ว”
เพ็ญประกายเดินเข้ามาพอดี “แต่เพ็ญรู้ค่ะพี่ต้อม ว่าแรมอยู่ที่ไหน? กับใคร?”
สีหน้าแววตาของเพ็ญประกายเจ็บปวดยิ่งนัก แม้นเทพมองจ้องหน้าเป็นเชิงถาม คอยฟังด้วยความอยากรู้
เดือนแรมกำลังล้างแผล และทำแผลให้ธิติรัตน์ที่ศีรษะตามที่หมอเกรียงบอก ธิติรัตน์ร้องโอดโอยเจ็บแบบเว่อร์สุดขีด
“โอ๊ย”
เดือนแรมงง “พี่หมอเกรียงก็บอกว่าคุณชายไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำไมคุณชายเยอะจังเลยคะ”
ธิติรัตน์ยิ้มกว้าง “ก็มันใกล้หัวใจ”
“ใกล้หัวใจตายเลย” เดือนแรมยิ้มกว้าง มองหน้าธิติรัตน์อย่างเทิดทูน “ขอบคุณนะคะที่ช่วยแรม”
ธิติรัตน์พูดอ้อนด้วยเสียงจริงจังและอ่อนโยน “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นคำอื่นได้มั้ย?”
“อะไรคะ?”
ธิติรัตน์ยิ้มพราย บอกเสียงอ่อนโยนท่าทีกรุ้มกริ่ม “แรม...รักคุณชาย”
เดือนแรมยิ้มหลบตาด้วยความเขิน คุณชายอมยิ้ม บอกเสียงจริงจัง
“ฉันขอโทษเธออีกครั้งนะ ที่ชอบทำอะไรไม่เข้าท่า...ชอบทำให้เธอเสียใจ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจ...รู้แค่ฉันหวงฉันไม่อยากให้สายตาเธอมองคนอื่นนอกจากฉัน”
“แรมไม่เคยมองใครนอกจากคุณชาย สายตาแรมมีไว้มองคุณชายคนเดียว” เดือนแรม
“เพราะ...” ธิติรัตน์รู้อยู่แล้วเต็มอก แต่อยากฟังจากปาก มองหน้าเดือนแรมตาหวานซึ้ง คอยฟัง
“แรมรักคุณชาย
“ฉันก็รัก.....”
ธิติรัตน์จะบอกว่ารักเธอ แต่พูดไม่ทันจบ เพ็ญประกายกับแม้นเทพเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เพ็ญประกายน้ำตาคลอ เรียกออกมาเสียงเครือ
“คุณชาย
เดือนแรมกับธิติรัตน์หันมาทางเสียง เห็นเพ็ญประกายกับแม้นเทพ เดินมาด้วยกัน
“พี่เพ็ญ พี่ต้อม”
บรรยากาศอึมครึมขึ้นมาทันควัน สีหน้าสี่คนมีแต่ความลำบากใจ
เพ็ญประกายร้องไห้ออกมา แต่เก็บกิริยาไม่ให้ฟูมฟาย ดูแล้วน่าสงสารท่าทางเจ็บหนัก พูดว่าพร้อมจะเสียสละ
“ที่ผ่านมา มาหยาก็รู้ ว่าคุณชายแกล้งทำดีกับมาหยา เพื่อประชดแรม แต่ที่มาหยาไม่พูด เพราะคิดว่าวันหนึ่ง ความรักที่มาหยามีต่อคุณชาย จะทำให้คุณชาย หันมารักมาหยาบ้าง แต่ถ้าคุณชายไม่รักมาหยา...แค่บอกมาคำเดียว..มาหยาจะไป”
เพ็ญประกายมองมา แต่เห็นธิติรัตน์เงียบไม่หืออือ จึงร้องไห้ครวญคร่ำออกมาอีก พร่ำรำพันอย่างน่าสงสาร
“การเงียบของคุณชายคือคำตอบ ได้ค่ะ...มาหยาจะไป จะไม่มารบกวนคุณชายอีก แต่ก่อนที่มาหยาจะไป...ขอให้คุณชายรู้ว่า..คุณชายคือรักครั้งแรก รักครั้งสุดท้าย คุณชายเป็นรักเดียวในชีวิตของมาหยา มาหยารักคุณชายค่ะ ลาก่อน”
เพ็ญประกายเดินร้องไห้ออกมาปิ่มว่าขาดใจ อย่างน่าสงสาร ธิติรัตน์มองตามรู้สึกสงสารเห็นใจและรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ จึงเดินตามไป
เพ็ญประกายน้ำตาไหล ดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง เจ็บปวด โกรธ ในหางตาเพ็ญประกายเห็นธิติรัตน์ตามมา จึงเล่นบทผู้ผิดหวังต่อ ทำเป็นไม่รู้ตัว เดินลงไปในน้ำเหมือนจะฆ่าตัวตาย ธิติรัตน์ตกใจ
“คุณเพ็ญ อย่า...คุณเพ็ญ”
สีหน้าเพ็ญประกายโกรธมากที่ธิติรัตน์เรียกชื่อเพ็ญ จึงเดินลึกลงไปอีกเหมือนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต น้ำจะจมหัวเพ็ญอยู่แล้ว คุณชายกระโจนลงไป
“อย่าคุณเพ็ญ”
ธิติรัตน์กระชากร่างเพ็ญประกายขึ้นมา เพ็ญประกายดิ้นรนขัดขืนใส่จริต ร้องคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา
“อย่ามาห้ามเพ็ญค่ะ เพ็ญอยากตาย เพ็ญอยากตาย”
เพ็ญประกายผลักธิติรัตน์ ลงไปในน้ำใหม่ ธิติรัตน์ห้ามเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นไปถึงตัว
ในบ้านที่แม้นเทพกับเดือนแรมอยู่ด้วยกัน
“เพ็ญ” / “พี่เพ็ญ”
สองคนตกใจรีบวิ่งตามเสียงนั้นไป
และเห็นธิติรัตน์พยายามดึงร่างเพ็ญประกายขึ้นมาจากในน้ำ ด้วยความรู้สึกผิด
“อย่าคิดสั้นสิครับคุณเพ็ญ”
“ก็เพ็ญไม่รู้จะอยู่ทำไม?..ชีวิตเพ็ญมันไร้ค่า ไม่มีความหมาย ขนาดในสายตาคุณชาย ก็ยังเป็นได้แค่เพ็ญประกาย ทั้งๆ ที่เพ็ญคือมาหยารัศมี..ว่าที่เจ้าสาวของคุณชาย แต่คุณชายก็ไม่ยอมรับ เพ็ญอยากตาย”
เพ็ญประกายทำท่าจะทิ้งตัวลงในน้ำอีก ธิติรัตน์คว้าเอาไว้
แม้นเทพกับเดือนแรมมองภาพตรงหน้าด้วยความสลดหดหู่ในใจ
ธิติรัตน์พยายามควานคว้าตัวเพ็ญประกายที่ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจขึ้นมา มองดูอย่างลำบากใจ และรู้สึกผิดขึ้นมา
“ผมขอโทษ..ที่ทำให้คุณเพ็ญ...คุณมาหยารู้สึกแย่ขนาดนี้ แต่ได้โปรดอย่าคิดสั้น....อย่าคิดสั้นเพราะผม”
“ก็มาหยาอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณชาย...มาหยารักคุณชาย ได้ยินมั้ยคะ?” เพ็ญประกายกอดธิติรัตน์เอาไว้แน่นพร่ำรำพัน “มาหยารักคุณชาย มาหยาอยู่ไม่ได้..ถ้าไม่มีคุณชาย”
แล้วเพ็ญประกายกอดธิติรัตน์ร้องไห้โฮออกมา ธิติรัตน์รู้สึกผิดและแย่มาก โอบกอดเพ็ญประกายปลอบประโลม เดือนแรมยืนมองภาพนั้นแล้วรู้สึกสะท้อนใจน้ำตาไหลอาบแก้ม แม้นเทพมองเดือนแรมอย่างเข้าใจและสงสารจับใจ แต่จำต้องบอก
“แรมรู้แล้วใช่มั้ยว่าควรทำอย่างไร?”
เดือนแรมพยักหน้าทั้งน้ำตาไหลริน แม้นเทพพูดต่อ
“ถึงเวลาที่พี่จะพูดกับคุณชายสักที”
สองคนยืนอยู่ด้วยกันที่มุมหนึ่ง ธิติรัตน์มีสีหน้าเครียดมาก แม้นเทพเองก็เครียด
“ผมไม่อยากให้ความคาราคาซังโลเลของคุณชาย ทำลายแรมและเพ็ญประกาย เพราะทั้งสองคือน้องของผม คุณชายจะตัดสินใจอย่างไรก็ว่ามา...ยังไงมันก็ต้องมีคนหนึ่งต้องเสียใจอยู่แล้ว
“พูดอย่างลูกผู้ชาย...ผมรักแรม แต่ผมต้องทำตามสัญญาที่ท่านพ่อต้องการเพราะคุณเมินเคยช่วยชีวิตท่านพ่อเอาไว้ ยังไงผมก็จะแต่งงานกับมาหยารัศมี”
“งั้นคุณชายควรปล่อยแรมไป”
แม้นเทพเดินไปทันที คุณชายยืนซึม เครียด และกลุ้มหนัก
ธิติรัตน์กับเดือนแรมเผชิญหน้ากัน สายตาสองคนที่มองกัน ต่างก็เจ็บปวดไม่ต่างกันเดือนแรมพยายามกลั้นน้ำตา หิ้วกระเป๋า ธิติรัตน์ก็หิ้วข้าวของส่วนตัวของตน ไม่มีคำพูด มีแต่ดวงตาที่เจ็บปวด ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินแยกจากกัน เดินแรมเดินไปหาแม้นเทพ ขณะที่ธิติรัตน์เดินไปทางเพ็ญประกาย
ค่ำนั้นธิติรัตน์เดินมาส่งเพ็ญประกาย ที่พยายามมองจ้องพูดออดอ้อน
“ตอนนี้คุณชายอาจจะลืมแรมไม่ได้ แต่มาหยาขอโอกาสได้มั้ยคะ?...โอกาสของคนที่รักคุณชาย มาหยาจะทำทุกอย่างให้คุณชายรักมาหยาให้ได้ค่ะ”
ธิติรัตน์เงียบ เพ็ญประกายน้ำตาไหลพราก ด้วยความน้อยใจ “คุณชายไม่รับปากมาหยา”
“อย่าคิดมากนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย รีบเข้าบ้าน คุณจะได้พักผ่อน” ธิติรัตน์ตัดบท
“แล้วคุณชาย”
“ผมขอตัว”
ธิติรัตน์เดินผละไปทันที เพ็ญประกายน้ำตาไหล รู้ชัดว่ายังไงก็ไม่มีทางได้หัวใจคุณชายแน่แล้ว
ด้านแม้นเทพเดินมากับเดือนแรมตรงไปยังบ้านของมะลิ เดือนแรมพยายามข่มน้ำตาไว้ ไม่ให้ ไหลออกมา แต่พอแม้นเทพกอดปลอบ เท่านั้นแหละเดือนแรมก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ปิ่มจะขาดใจ
“ทำไมชีวิตของแรมอาภัพอย่างนี้พี่ต้อม..ตั้งแต่เกิดมา แรมไม่เคยมีความสุขจนกระทั่งแรมได้พบกับคุณชาย”
ธิติรัตน์เดินเข้ามาด้านหลังของสองพี่น้อง เห็นเดือนแรมร้องไห้และพร่ำพูดต่อ
“แต่แล้ววันนี้....ความสุขในชีวิตของแรมก็หายไป...เพราะคุณชาย...คุณชาย เลือกพี่เพ็ญ…”
“น้องของพี่ไม่ใช่สิ่งของ คุณชายไม่ได้เลือก สิ่งที่คุณชายทำเพื่อความถูกต้อง และแรมก็ควรจะดีใจ ที่แรมได้ทำสิ่งที่ถูกต้องเหมือนกัน อย่างน้อย ในความเป็นพี่น้อง แรมไม่ได้ทำผิดต่อเพ็ญ”
เดือนแรมพยักหน้า น้ำตาเต็มหน้า “ค่ะ...เพื่อความถูกต้อง เพื่อคนที่แรมรัก...ทั้งสองคน...ถึงแรมจะเจ็บเจียนตาย แรมก็ยอม”
“แต่พี่เชื่อในอานุภาพของความรัก...ใจอยู่ที่ไหน...กายของเราก็จะตามไป”
เดือนแรมมองหน้าแม้นเทพ แม้นเทพลูบผลที่ปรกหน้าแรมเบาๆ ปลอบว่า
“ถ้าคุณชายรักแรมจริง สักวัน เค้าจะกลับมา...กลับมาพร้อมความถูกต้องที่จะไม่ทำให้แรมเสื่อมเสีย หรือว่าถูกหยามเกียรติ”
“ค่ะ...แรมจะรอวันนั้น ถ้าคุณชายรักแรม” สองคนเดินเข้าบ้านไป
ธิติรัตน์มองเดือนแรม บอกกับตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันรักเธอ ฉันจะกลับมาหาเธอแน่นอน เดือนแรม”
อ่านต่อหน้า 2
มาหยารัศมี ตอนที่ 11 (ต่อ)
คืนนั้นฝนตกหนักตั้งแต่หัวค่ำ ยิ่งตอกย้ำทำให้หัวใจคนมีความรักต้องเศร้าเหลือแสน ธิติรัตน์ถือผ้าพันคอสีชมพูที่เดือนแรมถักให้ ทอดสายตายืนมองสายฝนตกที่นอกหน้าต่าง ครุ่นคิดในใจ
“คนอาจจะมองว่าฉันโง่ ฉันบ้า ที่ตัดสินใจอย่างนั้นแต่ฉันมีเหตุผลของฉัน ฉันขอโทษที่ทำให้เธอเสียใจ แรม”
เช่นเดียวกับเดือนแรมที่ถือจดหมายและการ์ดที่ธิติรัตน์ให้ ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างโรยแรงร้องไห้เหมือนคนหัวใจสลาย
“ต่อไป..แรมไม่มีคุณชายจริงๆ แล้วใช่มั้ย?” เดือนแรมถามจดหมายเสมือนเป็นตัวแทนคุณชายที่เธอรักสุดหัวใจ
เดือนแรมมองจ้องจดหมายในมือ แสนเสียใจ
ธิติรัตน์เดินเข้าไปในห้องที่เดือนแรมเคยพักในวังศิลาลาย
ภาพความทรงจำแสนสุข ครั้งก่อนเก่าๆ ระหว่างเดือนแรมกับธิติรัตน์ ผุดขึ้นมาราวสายน้ำไหล
ยิ่งคิดถึงจิตใจธิติรัตน์ยิ่งห่อเหี่ยว กวาดตามองรอบห้อง ก่อนจะทอดสายตามองไปที่เตียงนอน ธิติรัตน์เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งตกอยู่ใต้เตียง
ธิติรัตน์เดินเข้าไป หยิบขึ้นมาดู ที่แท้เป็นกระดาษที่เดือนแรมวาดรูปล้อเขานั่นเอง ธิติรัตน์อ่านข้อความที่เขียนกำกับในรูปเสียงเศร้า
“แรมรักคุณชาย....” ธิติรัตน์สะท้อนใจ “ฉันขอโทษ..ที่ฉันทำลายหัวใจของเธอ...แต่ขอให้รู้ว่าฉันก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กับเธอ แรม”
เดือนแรมนั่งร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ แม้นเทพเดินเข้ามาเห็น จึงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
ดึงร่างนั้นเข้ามากอด เดือนแรมซบหน้าลงที่ไหล่แม้นเทพ แม้นเทพลูบผมของเบาๆ
“ถ้าความเจ็บปวดสามารถแบ่งเบากันได้...พี่พร้อมรับความเจ็บปวดทั้งหมดของแรมไว้ที่พี่เอง” เดือนแรมรับรู้ในความรักและห่วงใยนั้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนน้ำตาไหลรินทอดสายตามองสายฝนที่หล่นลงมาแข่งกับน้ำตาของแรม
ด้านเพ็ญประกายหน้าจ๋อยเจื่อนอยู่ในห้อง ขณะที่จันทราหัวเราะดังก้อง
“ในที่สุดฟ้าก็มีตา คุณชายเลือกลูกแม่ สมน้ำหน้านังแรม”
“แต่เพ็ญไม่แน่ใจเลยค่ะ เพ็ญกลัวว่าคุณชายจะกลับไปหาแรม เพราะท่าทางคุณชายยังดูเหมือนว่ารักแรมอยู่ และแรมก็อาลัยอาวรณ์คุณชายมาก”
“ยังงั้นเหรอ? งั้นแม่จะจัดการเอง รับรองมันไม่กล้ากลับไปหาคุณชายอีก” จันทราพูดเสียงกร้าวนัยน์ตาเหยียดเย้ย
รุ่งเช้าเดือนแรมออกมาใส่บาตรที่หน้าบ้าน พระให้พร เดือนแรมอธิษฐานขณะรับพรจากพระ
“ขอผลบุญกุศลที่ลูกทำ ช่วยส่งผลให้ลูกเข้มแข็ง และผ่านวิกฤตชีวิตครั้งนี้ไปได้ด้วยดีค่ะ”
แต่แล้วพอเดือนแรมยืนขึ้น ก็ต้องชะงักกึก เมื่อภาพเก่าๆที่เดือนแรมเคยใส่บาตรกับธิติรัตน์ผุดย้อนขึ้นมาในความคิด เดือนแรมน้ำตารื้นด้วยความสะท้อนใจ
“มันไม่มีวันนั้นอีกแล้วแรม ...ไม่มีอีกแล้ว”
เดือนแรมเดินหน้าเศร้าจะเข้าบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นจันทรา เพ็ญประกาย และแป้นยืนอยู่
ครู่ต่อมาร่างเดือนแรมถูกจันทราผลักอย่างแรงจนเซถลาไปล้มลงกับพื้น เดือนแรมมองตาเขียว
จันทราตวาดอย่างเอาเรื่อง “แกมองหน้าด่าแม่ฉันเหรอนังแรม? แกมองหน้าด่าแม่ฉันเหรอ?”จันทราตบหน้าเดือนแรมเสียงดังผลัวะ
เดือนแรมหันขวับมามองจ้อง “นับวันคุณยิ่งต่ำ ยิ่งหยาบคาย”
“แล้วจะทำไม? จะทำไม?” จันทราเอามือจิ้มหน้าผากเดือนแรม “แกจะตบฉันเหรอ?”
“ถึงแรมอยากจะตบคุณแรมก็ไม่ทำหรอก...เพราะคุณยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของคุณพ่อ และที่สำคัญ แรมไม่อยากให้มือของแรมมีมลทินที่ไปแตะของสกปรก” เดือนแรมเดินหนีไปทันที
ถูกด่าขนาดนี้จันทราหรือจะยอม ตามไปกระชากผม “นังแรม”
เดือนแรมโมโหมาก “ปล่อย!”
เหลียวขวับกลับมามองตาเขียว อย่างสู้คน ค่อยๆ แกะมือจันทราออก สู้ก็สู้ได้ แต่ไม่อยากทำ เพราะนึกถึงพ่อ
จันทราโกรธจัด ร้องตะโกนบอกตัวช่วย เพ็ญประกายและแป้น “ยืนกันอยู่ทำไม?มาช่วยฉันเร็ว”
“ถ้าทำตัวเป็นหมาหมู่ เจอถาดฟาดแน่” เดือนแรมยกถาดที่ของใส่บาตรขึ้นสู้
แป้นตกตะลึงตาค้าง “ว้ายนังแรม ก็สู้คน แรว๊งส์”
“ก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าแกจะแรงแค่ไหน จับมันไว้” จันทราสั่งเสียงกร้าวแข็ง
เพ็ญประกายกับแป้นตรงเข้าไปจับเดือนแรมล็อกไว้ จันทราตบเดือนแรมสุดแรงเกิดจนหน้าหัน
“ปากดีนักใช่มั้ยแก? ปากดีนักใช่มั้ย?”
ระหว่างนั้นเจ๊กอไก่ซึ่งเห็นเหตุการณ์แต่ไกลวิ่งหน้าตั้งเข้ามา “แรม” และไม่พูดพล่ามทำเพลงเอากระเป๋าฟาดจันทรา เพ็ญประกายและแป้น ช่วยเดือนแรมสุดชีวิต
ทุกคนสะดุ้ง เจ็บไปตามๆ กัน เพราะยังไงก็แรงสู้ผู้ชายไม่ได้ จันทราร้องกรี๊ด
เจ๊กอไก่ไม่กลัว ชี้หน้าด่า
“หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ไม่งั้นถุงปุ๋ยในมือหนู ได้ไปอยู่ในปากคุณของป้าแน่”
“แอร๊ย...ต่ำ ใครป้า? แกน่ะสิป้านังตุ๊ดถุงปุ๋ย นังกะเทยหัวโปก นังแรด” จันทราด่ากลับ
“ด่าหนูว่าแรดหนูไม่ว่า แต่กรุณาอย่ามาเรียกหนูว่าป้า หนูไม่ชอบ” เจ๊นักปั้นตั้งท่าสู้ราวกับชายอกสามศอกก็ไม่ปาน “อยากมีเรื่องใช่มั้ยคะ? ชอบทำตัวเป็นหมาหมู่นัก มะ...” โยนกระเป๋าลงแล้วถลกแขนเสื้อ เต้นฟุตเวิร์คเตรียมต่อยมวยแบบผู้ชาย และเสียงเป็นผู้ชายแมนมากไม่แอ๊บแล้ว “ขอเป็นผู้ชายซักวันเถอะว่ะ มะ!!” พูดไปเต้นฟุตเวิร์ค ชกลมไป
สามคนถอยกรูดไม่เป็นท่า ร้องประสานเสียง “แอร๊ยยยยย! ถ่อย”
“โหยยย!! เต้นท่าต่อยมวยมันถ่อยตรงไหน? ถ่อยจริงน่ะพวกแก” เจ๊กอไก่ชี้หน้ากราดด่าเรียงตัวคน “แก แกแล้วก็แก”
แป้นจอมขี้ฟ้อง รีบถวายรายงานทันควัน “แอร้ยยย!!คุณนายขา...มันด่าเราหมาหมู่อีกแล้วค่ะ”
“ฮู้ย!! สะใจจั๊ง ด่าคำเดียว ร้อนตัวทั้งฝูง มะ..จะเดี่ยว จะกลุ่ม จะหมู่ ส่งมา เดี๋ยวเจ๊กอไก่จัดให้” เจ๊นักปั้นหัวโปกถลกแขนเสื้อ
“คนอย่างฉันไม่มีเรื่องกับคนต่ำๆ ถ่อยๆ หัวโปกๆ อย่างแกหรอก นังกอไก่ ไร้สาระ”
เจ๊กอไก่สวนกลับแบบไม่แคร์อายุแล้ว “จ้า..มีป้าคนเดียวล่ะที่มีสาระ แต่สารเลว”
“แก” เพ็ญประกายชี้หน้าเจ๊กอไก่
“ทำไม? อยากได้ซักดอกหรือคะคุณสวยไม่เสร็จ...มะ..อยากเฉาะหน้า ถากโหนกตรงไหนบอกมา เจ๊กอไก่จัดให้”
เพ็ญประกายกรี๊ดหันไปฟ้องจันทรา “ว้าย! คุณแม่ขา..มันว่าเพ็ญสวยไม่เสร็จ มันจะเฉาะหน้า ถากโหนกเพ็ญ”
“จะได้สวยแล้วเสร็จซักทีไงคะ?นี่อะไร โมมาทั้งหน้าจนหน้าเป็นกะเทยแล้วยังสวยไม่เสร็จอีก” เจ๊ด่าซ้ำ
“แอร๊ย...” เพ็ญประกายกรี๊ดลั่น
“อย่าไปยุ่งกับมันเลย ต่ำ ถ่อย...”
จันทราทำท่าขยะแขยงใส่ แล้วพาเพ็ญประกายออกไป
“นังกะเทยบ้า” แป้นด่าแล้วรีบวิ่งตามสองแม่ลูกแบบกลัวๆ
เจ๊กอไก่หันมาทางเดือนแรม “ไม่เป็นไรนะแรม”
เดือนแรมไม่รู้สึกเจ็บแล้ว มีแต่ยิ้มขำออกมา ใจชื้นเป็นกอง “ถ้าเจ๊มาช้ากว่านี้อีกนิด แรมคงได้กินยำรวม...แล้วทำไมถึงมาหาแรมแต่เช้าล่ะ”
“มีงานด่วน...รีบไปแต่งตัวไปจะได้ไปทำงานแล้วไม่ต้องไปสนใจกับพวกสวะ แหม้…ว่าแล้ว คันมือคันไม้ อยากออกกำลังกายจริงจริ๊ง”
สามคนเดินแกมวิ่งมาด้วยท่าทีหอบเหนื่อย เพ็ญประกายโกรธสุดขีดร้องกรี๊ดๆๆ ออกมา
“ผีต้องเจาะปากนังเจ๊กอไก่แน่ๆ เลยค่ะคุณแม่ มันด่าเพ็ญแต่ละที...”
แป้นสาระแนต่อให้ “เจ็บแสบยังกับโดนน้ำมนต์ อุ๊ปส์!!”
จันทรายิ้มเยาะ ปลอบใจลูกสาว “มันอิจฉาล่ะสิที่ลูกแม่ได้ครองหัวใจคุณชาย เพราะฉะนั้น ถึงด่าไม่ทันก็ไม่ต้องสนใจลูก เพราะหนูคือมาหยารัศมี ว่าที่เจ้าสาวของคุณชาย”
สามคนหัวเราะดังก้อง ก่อนที่จันทราจะพาเพ็ญประกายเข้าบ้านไป
เมินนั่งทำงานอยู่ในบ้าน เสียงจันทรากับเพ็ญประกายหัวเราะกันดังก้องลอยเข้ามาในห้องพร้อมกับร่างสองแม่ลูกที่ดี๊ด๊าสุดขีดเดินมา เมินหันไปมอง สีหน้าหงุดหงิดและไม่พอใจมาก
“หัวเราะอะไรกันนักกันหนา?”
“ก็คนเค้ามีความสุข จะให้นั่งหน้ามึนทื่อมะลื่อเหมือนคุณได้ยังไง?”
เมินชักสีหน้าไม่พอใจ เพ็ญประกายเอ่ยขึ้นทันที
“คุณชายธิติรัตน์เค้าตกลงที่จะแต่งงานกับลูกแล้วค่ะ”
“ดีใจขนาดนั้นเชียว” เมินย้อนถาม
จันทราเหน็บกลับ “ก็ใครจะไม่ดีใจล่ะค่ะคุณเมินขา..ลูกจะได้แต่งงานกับคนที่มีชาติตระกูลสูงส่ง” จันทราเน้นคำช้าและชัด “อย่างคุณชายธิติรัตน์ กมเลศ”
เมินเห็นแล้วเหนื่อยใจประชดส่ง “โดยการกระทำต่ำๆ ของพวกเราน่ะเหรอ?”
จันทราแว้ด “อะไรต่ำคะ?”
“ก็การที่อุปโลกน์ยัยเพ็ญเป็นมาหยารัศมีไง”
แม้นเทพในชุดทหารเข้ามาทันได้ยินพอดี หยุดนิ่งฟัง สองแม่ลูกชะงักกึก เมินเหนื่อยใจเต็มทนพูดต่อทันที
“พูดก็พูดนะ ฉันยังรู้สึกผิดจนถึงทุกวันนี้ที่ร่วมผสมโรงกับพวกเธอ หลอกลวงพวกเค้า แล้วก็ยังทำผิดต่อท่านชาย”
แม้นเทพเดินเข้ามา “ถึงเวลาแล้วนะครับ ที่คุณน้าจะพูดความจริง”
สองแม่ลูกหันขวับมามองไม่พอใจมาก “คุณแม้นเทพ” / “พี่ต้อม”
“คนที่คุณชายเค้าอยากแต่งงานด้วยคือมาหยารัศมีนะเพ็ญ” แม้นเทพเตือนสติ
“ก็เพ็ญนี่ไงคะ.. มาหยารัศมี”
“เพ็ญจะหลอกตัวเองไปถึงไหน?”
จันทราขัดขึ้น สีหน้าไม่พอใจหนัก “คุณต้อมคะ...ขอโทษ นี่มันเรื่องในครอบครัวของดิฉันนะคะ”
“ของผมด้วยครับ เพราะผมคือมณีกุลเหมือนกัน” หันมาทางเมิน “คุณน้าครับ...ยังไม่สายนะครับที่จะสารภาพความจริงกับคุณชาย”
จันทราสวนออกมาอีก “ใช่!ไม่สาย แต่ก็คงถูกด่ากันทั้งมณีกุล ว่าปลิ้นปล้อน ตลบตะแลง หลอกลวง ต้องการอย่างนั้นใช่มั้ยคะ?”
“ก็ยังดีกว่า ต้องถูกตราหน้าตลอดชีวิตครับคุณจันทรา...” แม้นเทพมองจ้องหน้าเมิน “คุณน้ากรุณาคิดดู” แล้วเดินหนีไปทันที
เพ็ญประกายร้อนใจวิ่งตามเรียกไว้ “อย่าเพิ่งไปค่ะพี่ต้อม”
จันทราหันมาขอร้อง “คุณเมินคะ?”
เมินรีบยกมือห้าม “ไม่ต้องพูดอะไร ปวดหัว”
แม้นเทพจะเดินออกไปที่รถ เพ็ญประกายวิ่งตาม
“พี่ต้อมคงไม่ทำร้ายเพ็ญใช่มั้ยคะ? เพ็ญอยากแต่งงานกับคุณชาย” เพ็ญประกายขอร้อง
“แต่เพ็ญกำลังทำร้ายคุณชาย”
“เพ็ญไม่ได้ทำร้าย แต่งงานแล้วเพ็ญจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณชาย เพ็ญจะดูแลคุณชายทุกอย่าง เพ็ญจะทำให้คุณชายมีความสุข”
แม้นเทพบอกเสียงเรียบ “แน่ใจหรือคุณชายจะมีความสุข ถ้าต้องอยู่กับคนที่เค้าไม่ได้รัก”
เพ็ญประกายร้องไห้ออกมาน้ำตาไหลพราก “พี่ต้อม”
“ขอโทษที่พี่ต้องพูดอย่างนี้ แต่พี่ไม่อยากให้เพ็ญเห็นแก่ตัว เพราะที่สุดแล้ว คนที่จะทุกข์ที่สุดก็คือเพ็ญ” ทำท่าจะเดินขึ้นรถไป
“พี่ต้อมใจร้าย เพ็ญเกลียดพี่ต้อม” เพ็ญประกาย โวยวายแล้ววิ่งเข้าบ้านไป
แม้นเทพหยุดกึก พูดกับตัวเอง “ถ้าพี่ใจร้ายจริง พี่คงจะบอกเพ็ญไปแล้ว ว่าคนที่คุณชายรักคือแรม..แต่ที่คุณชายยอมแต่งงานกับเพ็ญ เพราะคำว่ามาหยารัศมีเพียงคำเดียว”
เพ็ญประกายร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจกับคำพูดเสียดแทงใจของแม้นเทพ จันทราปลอบ
“คุณต้อมก็ปากเสียเหมือนคุณนายมะลินั่นแหละ อย่าไปสนใจเลยลูก”
“แต่เพ็ญกลัว...กลัวว่าพี่ต้อม จะไปบอกคุณชาย”
“หนูเป็นน้อง ยังไงคุณต้อมก็ต้องเห็นแก่หนู”
เพ็ญประกายสะอึกสะอื้น “แต่เพ็ญก็ไม่สบายใจ...เพ็ญกลัว แรมจะทำให้คุณชายเปลี่ยนใจ”
“งั้นเราต้องหาทางรวบหัวรวบหางคุณชายให้เร็วที่สุด”
เมินที่จะเดินเข้ามาหา เพื่อปลอบได้ยิน ก็ทำหน้าเมื่อยสุดชีวิต
“รวบหัวรวบหางคุณชายให้เร็วที่สุด....เวรกรรมมันเริ่มสนองฉันแล้วใช่มั้ยที่ทรยศราศี สุดท้ายแล้วเพ็ญประกายถึงได้มีความคิดไม่ผิดเพี้ยนกับจันทราเลย”
ตอนสายวันเดียวกันนั้น สุดใจเข็นรถเข็นขายส้มตำออกมากับชุติมาที่หน้าแฟลต สุดใจเอ่ยขึ้น
“ช่วยน้าขายส้มตำไปก่อนนะ ลำบากหน่อย แต่เดี๋ยวน้าให้ตังค์”
“ตอนอยู่ตจว. ชุก็ช่วยตากับยายขายของชำในหมู่บ้าน แค่นี้สบายมากเลยค่ะน้าวันดี อีกอย่าง..ชุไม่เอาเงินกับน้าวันดีหรอก...แค่ที่น้าวันดีช่วยชุ บุญคุณก็ท่วมหัวแล้วค่ะ”
แม้นเทพเดินเข้ามา ชุติมาหน้าเสียไปนิด
“พี่ต้อม....” พูดอะไรไม่ออก เก้อๆ “ทานส้มตำมั้ยคะ เดี๋ยวชุตำให้”
แม้นเทพตอบหน้าเซ็งๆ “เอาสิ...”
ชุติมายิ้มกว้าง ดีใจมาก “งั้นเดี๋ยวชุตำสุดฝีมือเลย”
แม้นเทพทำหน้าจ๋อยๆ ไม่ยอมยิ้มๆ ชุติมามองด้วยความแปลกใจ สุดใจรีบบอก
“เชิญนั่งก่อนค่ะคุณต้อม”
สุดใจเดินนำแม้นเทพไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะ ชุติมามองอย่างเป็นห่วง
ชุติมาตัดสินใจเดินมาถาม “พี่ต้อมมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ?”
สองคนเดินออกมาข้างทางบริเวณหน้าแฟลต แม้นเทพเล่าเรื่องจบ ยิ้มอ่อนโยนออกมา คลายกังวลลงไปบ้างแล้ว
“พี่คิดถูกจริงๆ ที่มาหาชุ อย่างน้อยชุก็เข้าใจความรู้สึกพี่ แรมก็น้อง เพ็ญก็น้อง พี่ไม่รู้จะทำยังไง?”
“อย่างที่พี่ต้อมทำน่ะดีแล้วค่ะ เราคงได้แค่บอก แต่เค้าจะตัดสินใจยังไงก็คงสุดแล้วแต่เค้า”
แม้นเทพถอนหายใจอย่างอัดอั้น “พี่ก็คิดอย่างที่ชุว่านั่นแหละ แต่ที่พี่เสียใจ ตรงที่พี่ช่วยใครไม่ได้เลย ทั้งแรมทั้งเพ็ญ พี่มองเห็นแต่ปัญหา มีแต่คนต้องเจ็บ...”
“ทั้งคุณชาย ทั้งเพ็ญ ต่างเลือกที่จะเป็นอย่างนั้น...สงสารก็แต่แรม...” ชุติมาน่าเศร้าลง
แม้นเทพพยักหน้า “แรมน่าสงสารมาก...เพราะตั้งแต่เกิด แรมไม่เคยได้เลือกอะไรให้กับตัวเองเลย”
ชุติมาหน้าหม่นลงอีก หลุดปากออกไป “คนเราเลือกทุกอย่างในชีวิตไม่ได้หรอกค่ะพี่ต้อม...บางเรื่องชุก็ไม่ได้อยากเลือก แต่ก็มีคนยัดเยียดให้ชุเป็น”
แม้นเทพฉงน “อะไร?”
ชุติมายิ้มกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ชุก็พูดไปเรื่อยเปื่อย”
“ยังไงก็ขอบใจมากนะชุ ที่เสียเวลารับฟังพี่”
“ชุต้องขอบคุณพี่ต้อมมากกว่าค่ะ” ชุติมาทอดเสียงอ่อนโยนอย่างซาบซึ้ง “ที่พี่ต้อมนึกถึงชุ...”
แม้นเทพอมยิ้ม สีหน้างงๆ กับท่าทีชุติมา “อืมห์! พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมพี่ต้องนึกถึงชุด้วย รู้แค่ว่า อยากพูดอยากระบายให้ใครซักคนฟัง และคนคนนั้นก็คือชุ...ขอบใจอีกครั้ง..พี่ไปทำงานก่อนนะ” แม้นเทพเดินกลับไป
ชุติมามองตาม บอกตัวเอง “ชุไม่อยากเห็นพี่ต้อมทุกข์ใจเลย..ทำยังไงชุถึงจะแบ่งเบาความทุกข์จากพี่ต้อมได้นะ?”
สองคนช่วยกันขายจนมืดค่ำระหว่างเก็บของใส่รถเข็น ชุติมาเอ่ยขึ้นกับสุดใจ
“ความรักมันแปลกมากเลยนะคะน้าวันดี มันสามารถสร้างแล้วก็ทำลายคนอื่นได้ในเวลาเดียวกัน”
“ถ้ามีการทำลาย แสดงว่าไม่ใช่ความรัก...เพราะน้าเชื่อว่า ถ้าเรารักใครซักคนจริงๆ เราจะไม่ทำลายเค้าหรอก” สุดใจ หรือวันดีว่า
“ใช่ค่ะคุณน้า....” ชุติมารำพึง “นี่เป็นการพรากคนที่รักกันชัดๆ”
“ใครเหรอจ้ะ พรากคนที่รักกัน?”
“ปะ..เปล่าค่ะ ชุเพียงแค่คิด ถ้าเราต้องพรากคนที่รักกันไม่ให้เค้าอยู่ด้วยกัน มันคงบาปมากเลยนะคะ”
สุดใจหน้าหมองพูดเสียงเศร้า “ใช่...บาป..บาปมาก...โดยเฉพาะการพรากลูกพรากแม่...”
ชุติมาตกใจ ถามอย่างอยากรู้ “น้าวันดี เคยพรากลูกพรากแม่เค้าเหรอคะ?”
“เปล่าจ้ะเปล่า...แต่ก็เกือบไป....แต่ถึงอย่างนั้น...” ยิ่งพูดยิ่งเศร้าลงไปอีก “ทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้วล่ะ ยังไงแม่ลูกเค้าก็ต้องพรากจากกันจนนิรันดร์ และบาปก็ยังติดใจน้าอยู่จนถึงทุกวันนี้ อย่างที่เรียกว่ากรรมตามสนอง อย่าคุยถึงเรื่องเศร้าๆ ดีกว่านะ”
สุดใจตัดบทเลี่ยงไปเก็บของ ชุติมาไม่ได้ติดใจ แต่คิดเรื่องที่แม้นเทพมาหาแทน
ชุติมานอนทอดสายตามองดวงจันทร์ที่นอกหน้าต่างอยู่นานแล้ว กระสับกระส่ายนอนไม่หลับ
เสียงของแม้นเทพดังขึ้นในหัว
“พี่อยากให้เพ็ญเปลี่ยนใจ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวของเพ็ญเอง เพ็ญจะมีชีวิตคู่อย่างมีความสุขได้ยังไง ถ้าคุณชายไม่ได้รักเพ็ญเลย
ชุติมาคิดในใจ “นั่นสิ!!คุณชายไม่ได้รักยัยเพ็ญเลย แล้วจะอยู่กันยังไง?” นอนคิดไปคิดมา “...ต้องทำให้แม่เปลี่ยนใจ”
ชุติมานึกถึงมือถือเดือนแรมเครื่องเก่าที่ถ่ายคลิปจันทราไว้ได้
ชุติมาลุกพรวดขึ้น คิดในใจ “จริงสิ...คลิปพวกนั้นเราเอามาขู่แม่ได้” พูดเสียงเบาๆ “เราต้องช่วยคุณชายกับแรม”
ชุติมามาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าบ้านเมินแต่เช้ามืด มองเข้าไปเห็นจันทรากำลังคุมให้แป้น
ทำความสะอาดสนามหญ้าและตัดหญ้า
“ทำให้มันเนี๊ยบเลยนะนังแป้น แขกไปใครมาจะได้ไม่อายเค้า”
แป้นบ่นอุบ “วันๆ ก็ไม่เห็นจะมีใครมาเลยนี่คะคุณนาย?”
“ตอนนี้ยัง..แต่อีกไม่กี่วันมีแน่...ตอนที่คุณชายยกขันหมากมาสู่ขอมาหยารัศมี”
แป้นตาโต “จริงเหรอคะ? คุณชายยอมแต่งงานกับคุณเพ็ญ อุ๊ย!” รีบตบปากตัวเอง “คุณมาหยารัศมีแล้วเหรอคะ?”
“ใช่! เพราะฉะนั้นแกทำให้เนี้ยบ ไม่เนี้ยบไม่ต้องนอน”
พูดจบจันทราก็นั่งลงบนเก้าอี้ คว้านิตยสารแฟชั่นชุดแต่งงานมาเปิดดูรูปสวย
จันทราพึมเพาเบาๆ “ตัดกี่ชุดดีน้าฉัน..ชุดหมั้น ชุดแต่ง งานกลางวัน กลางคืน…”
แป้นเบ้ปาก ชุติมาทำหน้าเมื่อย เหนื่อยใจ
“โอ๊ย!!นั่งกันอยู่อย่างนี้ คงเข้าไปไม่ได้แน่..เฮ้อ!!เมื่อเช้าก้าวเท้าไหนออกมาวะ ซวยจริงๆเลยชุติมา” ชุติมาบ่น พลางเพ่งสายตามองเข้าด้านใน เห็นจันทราคงนั่งแหมะอยู่ “ฉันจะกลับมาที่นี่มาช่วยเธอให้ได้แรม”
แล้วชุติมาก็ผละออกไปอย่างหัวเสีย
เดือนแรมนั่งหน้าเศร้าแต่งหน้าทำผม เตรียมถ่ายโฆษณา อยู่ที่สตูดิโอบริษัทธิติรัตน์
เจ๊กอไก่บอกช่างแต่งหน้าคนมักคุ้น “เน้นตรงรอบดวงตาให้น้องแรมหน่อยนะคะตุ๊ดตู่...มันช้ำๆ น่ะค่ะ”
“น้องแรมร้องไห้มาหรือเปล่าคะ? ตาช้ำมากเลย” ตุ๊ดตู่ถาม
ธิติรัตน์และเพื่อนเดินเข้ามา ได้ยินพอดี นัยน์ตาธิติรัตน์เศร้าลง เดือนแรมเองก็เศร้าอยู่อย่างนั้น จังหวะหนึ่งสองคนมองหน้ากัน แต่คนอื่นไม่รู้เรื่อง เจ๊กอไก่รีบพูดขึ้นทันที
“นั่นสิน้องแรม แอบร้องไห้มาหรือเปล่าเนี่ย หน้าตาก็เหมือนคนไม่ได้นอนเลย”
ช่างแต่งหน้านาม ตุ๊ดตู่พูดแซวเล่นขำๆ ไม่ได้คิด “อาการแบบนี้เหมือนคนอกหักชัดๆ…”
“ใช่!” เจ๊กอไก่กระแทกเสียงใส่อารมณ์อินจัด “อาการแบบนี้คนอกหักชัดๆ”
“เจ๊เคยอกหักด้วยเหรอ?” ตุ๊ดตู่ถาม
“จะบอกว่าทั้งสวยและรวยมากอย่างเจ๊ ไม่สมควรจะอกหักใช่มั้ย?” เจ๊นักปั้นโว
“ไม่!!จะบอกว่า หนังหน้าอย่างเจ๊กอไก่เคยมีแฟนด้วยเหรอต่างหาก”
ทีมงานในห้องฮากันครืน ยกเว้นเดือนแรมกับธิติรัตน์ที่มองจ้องหน้ากัน ต่างคนต่างเศร้า
เหลือแสน เจ๊กอไก่ ศรัณย์ และวีระ จับกิริยา มองหน้าเดือนแรมกับธิติรัตน์ วีระเอ่ยขึ้น
“อย่ามัวแต่เล่นกันอยู่เลย เร่งมือเข้า จะได้ทำงาน”
“คร่า..เร่งมือหน่อย มัวแต่เมาท์อยู่นั่นแหละ ทำงานๆ แหะๆๆ”
เดือนแรมกับธิติรัตน์มองกันหน้าเศร้าเหมือนเดิม
การทำงานเริ่มขึ้นแล้ว ด้านนอกมีการถ่ายทำภาพเคลื่อนไหวของเดือนแรม โดยที่เดือนแรมยืนอยู่บนนั่งร้านที่ไม่สูงมาก ผมยาวสยาย เห็นท้องฟ้าเป็นแบ็คกราวน์สวย
เจ๊กอไก่ส่งเสียงเชียร์ อวยเด็กในสังกัดเหมือนเดิม
สวยคร่า..สวยคร่า..น้องแรมของเจ๊กอไก่สวยที่สุด สวยไม่บันยะบันยังเลยคนอะไร”
วีระท้วง “แต่ตาของแรมไม่ยิ้มเลยนะ”
ศรัณย์เห็นด้วย “ใช่...ปากยิ้ม หน้ายิ้ม แต่ตาไม่ยิ้ม ดูไม่สดใสเลย”
“เอางี้! น้องแรม...มองกล้องนะ แล้วก็คิดว่ากำลังมองตาคนที่น้องแรมรัก น้องแรมกำลังส่งยิ้มให้เค้า เอ้า! ลองดูจ้ะ” วีระบอก
เดือนแรมพยายามยิ้มทำตามที่วีระบอก แต่ก็เหมือนเดิม ตาไม่ยิ้ม ธิติรัตน์กับเดือนแรมมองสบตากัน สองคนเศร้าหนัก ศรัณย์สั่งทีมงาน
“พักก่อนดีกว่า...”
เจ๊กอไก่เรียก เดือนแรม “ลงมาค่ะลูกลงมา”
แล้วเดินไปยื่นมือให้ เดือนแรมมองแต่ธิติรัตน์ จนก้าวเท้าพลาด เดือนแรมตกใจร้องลั่น
“ว้าย!!”
ร่างของเดือนแรมหล่นลงมาจากนั่งร้าน กองอยู่กับพื้น ทีมงานทุกคนร้องอย่างตกใจ
“แรม”
ธิติรัตน์จะวิ่งเข้ามาหาเดือนแรม แต่หยุดกึก พยายามห้ามใจ ศรัณย์ และวีระมอง ธิติรัตน์งงงวย ขณะที่เจ๊กอไก่วิ่งเข้าไปหาเดือนแรม
“เป็นไงบ้างน้องแรม เป็นไง?”
เดือนแรมเจ็บมากแต่กัดฟัน “ไม่เป็นไรค่ะ”
“ลุกขึ้นมาค่ะลุก” เจ๊กอไก่เข้าไปประคองแต่เดือนแรมไม่ไหว
สรรชัยเดินเข้ามาพอดิบพอดี เห็นก็รู้สึกตกใจมาก
“น้องแรม...” รีบวิ่งเข้าไปหา
เจ๊กอไก่ร้องบอก “คุณสรรชัยช่วยด้วยเถอะค่ะ”
“จับพี่ดีๆ นะน้องแรม”
สรรชัยจะประคอง แต่เดือนแรมเจ็บจนเดินไม่ไหว สรรชัยรีบบอก
“ขอโทษนะน้องแรม”
สรรชัยช้อนอุ้มร่างเดือนแรมขึ้นมาทันที แล้วมองจ้องไปที่ธิติรัตน์เป็นเชิงตำหนิ อะไรวะ? แล้วพาเดือนแรมเดินออกไปกับเจ๊กอไก่ ศรัณย์ กับวีระมองธิติรัตน์เขม็ง
ธิติรัตน์ได้แต่หน้าเครียด เศร้า อยากเข้าไปช่วยใจแทบขาด
ธิติรัตน์เปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง อาการซึมเศร้าเหมือนคนอกหัก เพื่อนสองหนุ่มตามติด
วีระถามเพราะคาใจมาก
“นี่มันเรื่องอะไรกันวะชาย?”
ศรัณย์ถามต่อ “นายกับแรมโกรธกันเหรอ?”
“เปล่า” ธิติรัตน์ตอบ
“แล้วทำไมนายไม่สนใจแรมถ้าตะกี้ไม่ติดว่านายยืนอยู่ฉันเข้าไปช่วยแรมแล้ว” วีระสงสัย
“นี่ก็เกรงใจ เห็นว่าสนิทกัน แล้วฉันก็คิดว่านายจะเข้าไปช่วย” ศรัณย์ว่า
“ที่ไหนได้ มัวแต่ยืนงงกัน คุณสรรชัยเค้าคงว่าเราแล้งน้ำใจ ที่แต่ละคนยืนเซ่อเป็นกระบือ” วีระด่า
ธิติรัตน์เงียบอีก หน้าเศร้า ศรัณย์ถามเสียงดัง
“เฮ้ย!!นายจะไม่พูดอะไรเลยเหรอ?”
วีระผสมโรงด้วย “อย่าบอกนะว่าโกรธ ที่คุณสรรชัยมาช่วยแรมอีก”
ธิติรัตน์บอกเสียงเหี่ยวแห้ง “ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธ ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกอะไรกับแรมทั้งนั้น”
ศรัณย์ท้วงงงหนัก “ทำไมจะไม่มีวะ.....ก็อย่างที่ฉันเคยบอก ถ้านายอยากให้แรมรู้ว่าแรมเป็นคนพิเศษสำหรับนาย นายก็ต้องให้ความพิเศษกับแรม”
ธิติรัตน์โบกมือห้าม “จะพิเศษ จะธรรมดา ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์”
วีระถามทันควัน “ทำไม?”
“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่มีสิทธิ์!” ธิติรัตน์หันไปพูดทางอื่นเบาๆ “ถึงฉันจะรักแรมแค่ไหน ก็ไม่มีสิทธิ์”
อ่านต่อหน้า 3 เวลา 12.00 น
มาหยารัศมี ตอนที่ 11 (ต่อ)
สรรชัยพาเดือนแรมมาที่โรงพยาบาลใกล้ๆ เดือนแรมทำแผลเรียบร้อย มีผ้าพันที่ข้อเท้า เจ๊กอไก่เอ่ยขึ้น
“โชคดีนะที่ไม่หัก แค่กระดูกส้น ไม่งั้นแย่แน่ๆ”
สรรชัยปลอบอีก “อดทนหน่อยนะจ้ะแรม วันนี้อาจจะปวดหน่อย แต่อีกไม่กี่วันเดี๋ยวก็หาย”
“หนักกว่านี้แรมเจอมาเยอะแล้วค่ะ ไม่ว่าจะทั้งกายหรือใจ แค่นี้แรมทนได้” เดือนแรมบอก
“ฮู้ยยย! จะเป็นแรมศรีทนได้หรือจ้ะน้องแรม?” เจ๊กอไก่สัพยอก
เดือนแรมยิ้มเผื่อน “เจ๊กอไก่ ชีวิตแรม...ไม่เคยมีทางเลือกอยู่แล้วนี่คะ...ไม่ว่าใครจะทำอะไร แรมต้องทนทุกเรื่อง”
สรรชัยถอนหายใจ แล้วถาม “คุณชายโกรธอะไรแรมอีกเหรอ?”
“คุณชายไม่ได้โกรธค่ะ”
“แล้วทำไมคุณชายไม่ช่วยแรม” เจ๊นักปั้นคาใจ
“มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่มั้งคะเจ๊....ก็แค่อุบัติเหตุในกอง เท่านั้นเอง”
สรรชัยกับเจ๊กอไก่ได้แต่มองหน้ากันอย่างปลงๆ
ไม่นานนัก สรรชัยกับเจ๊กอไก่เดินออกมาด้วยกัน สรรชัยพูดออกมาอย่างเป็นห่วง
“ผมว่าต้องมีอะไรแน่ๆเพียงแต่แรมไม่ยอมบอกเรา”
เจ๊กอไก่พยักหน้าเห็นด้วย “พันเปอร์เซ็นค่ะ...เพราะคุณชายสามวันดี สี่วันเหวี่ยง....และทุกเรื่องที่เหวี่ยงบอกได้เลยว่าแรมไม่รู้ตัว”
สรรชัยอมยิ้ม “สงสัยคุณชายอยากเปลี่ยนอาชีพเป็นชาวประมง”
มุกนี้ทำเอาเจ๊กอไก่งง “ทำไมคะ?”
“ก็ชอบเหวี่ยงไง .....ผมไปทำงานก่อนนะเจ๊ แล้วเจอกัน” สรรชัยยิ้มแล้วเดินข้ามถนนไป
เจ๊กอไก่งงคาที่ “อะไร..ชาวประมง..ชอบเหวี่ยง” แล้วนึกได้ “อึ๋ย!!คุณสรรชัยเล่นมุขก็ไม่บอก” เจ๊นักปั้นตะโกนไล่หลัง “คุณสรรชัยขา...เดินข้ามถนนให้ระวังรถนะคะ”
สรรชัยหันกลับมา เจ๊กอไก่ยิ้มกระมิดกระเมี้ยน
“แต่ถ้าเดินมาหาเจ๊ให้ระวังรักค่ะ แอร๊ยยยยยย!!”
สรรชัยยิ้มขำก่อนขึ้นรถขับออกไป เจ๊กอไก่ฉงนในใจ อยากรู้เรื่องของสองคน
“เราต้องรู้ให้ได้..มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างแรมกับคุณชาย” เดินกลับเข้าไปข้างใน “จะอยากรู้เรื่องคนอื่นมากเกินไปมั้ยเรา?”
ค่ำนั้นสรรชัยยืนอ่านเอกสารอยู่ในออฟฟิศ ดุจแขยืนอยู่ด้วย พอรู้เรื่องก็ขอออกความเห็น
“คุณชายก็ปากแข็ง เดือนแรมก็ไม่ค่อยพูด สองคนนี้ผนึกกำลังกันเมื่อไหร่ ? ต่อมอยากรู้ของชาวบ้านพังแน่ๆ เพราะถึงอยากจะส.ใส่เกือกกันแค่ไหน เค้าก็ไม่พูด”
สรรชัยหันมามองดุจแข สีหน้าไม่พอใจนัก “ผมไม่ได้สอใส่เกือก...อยากยุ่งเรื่องคนอื่น”
ดุจแขยิ้มเยาะ “โอเคๆ พูดให้มันดีหน่อยก็....แค่ห่วง...ห่วงเกินพี่น้องนะฉันว่า เมื่อไหร่คุณจะยอมรับซักทีว่าหลงรักเดือนแรม”
“แล้วถ้าผมยอมรับแล้วล่ะ?”
ดุจแขใจเสียนิดๆ “สรรชัย”
“อย่างที่คุณบอก..ยิ่งนานวัน มันก็ยิ่งแน่ชัด...ผมหลงรักแรม” เดินหนีไปเลย
“สรรชัย!!” ดุจแขออกอาการฮึดฮัดขัดใจ
สรรชัยหันมายั่ว “เสียดายรองเท้าที่เคยถอดทิ้งแล้วสิท่า! ก็แหงล่ะ! เพราะถึงคุณจะพยายามหาคู่ใหม่แค่ไหน? ก็ไม่ได้ดีเหมือนคู่เดิม”
สรรชัยเดินไป อย่างไม่แคร์
ดุจแขเดินมาที่รถบอกตัวเอง หน้าหมองๆ
“เราไม่ได้เสียดายสรรชัย....ไม่ได้เสียดาย ความรู้สึกของเราที่มีต่อสรรชัยเป็นยังไงกันแน่ดุจแข?”
ดุจแขได้แต่ถามตัวเองอย่างสับสน
ส่วนสรรชัยยืนอยู่ชั้นบนมองดุจแขเดินออกไปที่รถสายตาเศร้า พึมพำอยู่คนเดียว
“ถึงผมจะพยายามลืมคุณแค่ไหน? ผมก็ทำไม่ได้....” หันกลับมาถอนหายใจ “พี่ขอโทษนะแรม พี่ไม่เคยคิดใช้แรมเป็นเครื่องมือ..พี่แค่ต้องการลืมดุจแขให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง”
คืนนี้ฝนเทกระหน่ำลงมาอีกแล้ว เดือนแรมอยู่ที่บ้านป้ามะลิ มองสายฝนร้องไห้คิดถึงธิติรัตน์
นึกถึงตอนที่ตัวเองได้รับอุบัติเหตุแต่ธิติรัตน์ไม่สนใจ เดือนแรมจับเท้าของตัวเองอย่างน้อยใจ
“ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนั่งร้องไห้...เราต้องลืมคุณชายให้เร็วที่สุด แรม”
เดือนแรมปาดน้ำตาทิ้ง
เวลาเดียวกันที่วังศิลาลาย ธิติรัตน์กำลังมองสายฝนคิดถึงเดือนแรมเช่นกัน ธิติรัตน์คิดในใจ
“ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างแรม...ฉันขอโทษ..ซักวันเธอจะเข้าใจ ที่ฉันทำทั้งหมด..เพื่อเธอ และฉันก็หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ มาช่วยไม่ให้เราสองคนต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากไปกว่านี้แรม”
วันต่อมา ธิดาแวะมาที่วังศิลาลาย ธิติรัตน์เดินคุยมากับธิดา สีหน้าแววตาธิติรัตน์หมองเศร้า
“หม่อมน้ายังไม่รู้เรื่องใช่มั้ย?”
“ครับ..ผมไม่อยากให้คุณแม่ไม่สบายใจ”
“แต่ความลับมันไม่มีในโลกนะชาย แล้วนี่มันก็เรื่องใหญ่ซะด้วย”
ธิติรัตน์ถอนหายใจอย่างกลุ้มหนัก
“ชายเองก็กลุ้มใช่มั้ยล่ะ?” ธิดาดูออก
“ครับผมเป็นห่วงแรม”
“พี่เองก็ห่วง..ตอนนี้สภาพจิตใจของแรมคงแย่มาก ชายไม่น่าใจร้ายกับแรมขนาดนี้เลย”
“แต่ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ แรมจะยิ่งเป็นอันตราย”
“พี่เข้าใจ....และรู้ว่าชายกำลังคิดแก้ปัญหาอยู่ เอาเป็นว่าพี่จะเข้าไปดูแลแรมอย่างใกล้ชิดเป็นหูเป็นตาแทนชายเอง ชายไม่ต้องห่วง”
“ขอบคุณครับพี่ดาที่เข้าใจผม ผมฝากแรมด้วย”
“ป่ะ.งั้นไปทานข้าวกัน เห็นศรัณย์กับวีระบอกว่าชายไม่ทานอะไรมาหลายวันแล้ว
ธิดาคล้องแขนธิติรัตน์เดินไป
เจ๊กอไก่เดินพยุงแรมที่ยังเจ็บเท้าอยู่ ที่มหาวิทยาลัย
“อดทนหน่อยนะแรม อีกไม่กี่วันเดี๋ยวก็หาย”
เดือนแรมฝืนยิ้มพยายามปั้นหน้าให้สดใส “แค่นี้เองเจ๊...นิดหน่อย จริงๆแล้วเจ๊ไม่น่ามาเสียเวลาดูแรมเลย แรมดูแลตัวเองได้”
“เจ๊เป็นห่วง เพราะเจ๊รู้ดี ตัวคนเดียวมันโดดเดี่ยวอ้างว้างจะตาย หื้อ!!ว่าแล้วอยากตบกะโหลกเนื้อคู่ของเจ๊ มันไปอยู่ไหน ทำไมไม่ตามหาเจ๊ซักที”
เดือนแรมหัวเราะขำ เสียงมือถือของเดือนแรมดัง เจ๊กอไก่ร้องลั่น
“อย่าบอกนะว่าเนื้อคู่โทรฯมาตามแรม”
“พี่ดาน่ะค่ะ” เดือนแรมหมายถึงธิดา แล้วกดรับสาย “คะพี่ดา?”
ธิดายืนอยู่หน้าร้านอาหาร เห็นไกลๆ ว่าธิติรัตน์นั่งอยู่ข้างในร้าน ธิดา
“พี่แวะมาทำธุระหน้ามหาวิทยาลัยของแรม....พอจะออกมาทานข้าวกับพี่ได้มั้ยจ๊ะ?” ธิดาว่า
“ได้ค่ะพี่ดา” เดือนแรมยิ้ม แต่แอบเศร้า
“งั้นเจอกันที่ร้าน...ล้านละครนะ”
ธิดาอมยิ้มมีอย่างแผนเดินเข้าไปในร้าน
ธิติรัตน์เปิดเมนูอย่างเซ็งๆ ธิดาเดินเข้ามาถามขึ้น
“เลือกอาหารได้รึยังจ๊ะ?”
“ผมไม่อยากทานอะไรเลย พี่ดาเลือกดีกว่าครับ”
“งั้น” ธิดาเรียกพนักงาน อ่านเมนูเลือกอาหาร 5-6 อย่าง
ธิติรัตน์สงสัย “ทำไมพี่ดาสั่งเยอะจังเลยครับ ทานกันแค่สองคน”
“ใครบอกว่าสองคนล่ะจ้ะ?”
ธิติรัตน์ทำหน้างง ประตูร้านเปิด แล้วเดือนแรมกับเจ๊กอไก่ก็เดินเข้ามาเจ๊นักปั้นส่งเสียงนำมาก่อน ดี๊ด๊าดีใจมาก
“คุณช้ายยยยย!!”
ธิติรัตน์กับเดือนแรม มองหน้ากัน
“แรม” / “คุณชาย”
เจ๊กอไก่กับธิดาอมยิ้มแบบรู้กัน ก่อนที่ธิดาจะบอก
“เอ่อพี่มีธุระด่วน ขอตัวกลับก่อนนะ เจ๊กอไก่...เจ๊ก็มีธุระด้วยใช่มั้ยคะ?”
เจ๊กอไก่นั่งที่เก้าอี้แล้ว “เปล่าค่ะ เจ๊ไม่มี วันนี้เจ๊มาดูแรมทั้งวัน...กำลังหิวพอดีเลยค่ะ”
ธิดาปราม “เจ๊...”
“คุณดารีบกลับจัง....ทานอาหารด้วยกันก่อนสิคะ…” เจ๊กอไก่ไม่ยอมขยับ
“เจ๊...” ธิดาเรียกเสียงดังขึ้น
เจ๊กอไก่หัวเราะคิกที่ได้แกล้งสองคน “โอเคค่ะ..คุณชายคะ..เจ๊ขอตัวไปเอาก้างออกก่อนนะคะ..ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอแล้วค่ะ” จากนั้นก็เดินยิ้มหน้าบานออกไปกับธิดา
สองคนนั่งมองหน้ากัน
เวลาเดียวกันเพ็ญประกายแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ไม่เป็นสุข
“ทำไมวันนี้ตาข้างขวากระตุกจัง....โบราณยิ่งว่าอยู่ ขวาร้ายซ้ายดี...” กังวลหนัก “หรือว่าคุณชายจะเปลี่ยนใจ...อย่าให้มีเรื่องอะไรเลย”
เดือนแรมนั่งก้มหน้าเงียบ ธิติรัตน์มองอย่างอาทร
“เท้าของเธอเป็นไงบ้าง?”
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ”
“เจ็บมากมั้ย?”
เดือนแรมก้มหน้า น้ำตารื้น “ไม่ค่ะ...”
“แต่ฉันเจ็บ...” เดือนแรมเงยหน้ามองจ้องธิติรัตน์ “เจ็บ..ที่ไม่ได้ช่วยเธอ”
“แรมเข้าใจคุณชายค่ะ”
“แต่ไม่ทั้งหมด”
เดือนแรมอย่างฉงน ธิติรัตน์บอก
“ทานข้าวนะ จะได้หายไวๆ”
ธิติรัตน์ตักอาหารให้เดือนแรมอย่างเอาใจและอาทร เดือนแรมเงยหน้ามองน้ำตารื้น บอกตัวเองในใจ
“ยิ่งคุณชายดีกับแรมเท่าไหร่ แรมยิ่งเจ็บเท่านั้นค่ะ”
ด้านสองคนเดินมาที่ลานจอดรถ ธิดาบอกเจ๊กอไก่ “ขอบใจมากนะเจ๊ที่ช่วย”
“ยินดีค่ะ....เพราะเจ๊อยากให้น้องแรมมีความสุข นี่พูดตรงๆ เลยนะคะ เจ๊ตามอารมณ์คุณชายไม่ทัน เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย สามวันดีสี่วันเหวี่ยงจริงๆ”
“คุณชายเหวี่ยงเพราะรักแรมมังคะเจ๊?”
เจ๊กอไก่ตาโต “เหวี่ยงเพราะรัก ต๊าย! เจ๊กลัวแรมจะประสาทตายก่อนน่ะสิคะ..กว่าจะรู้ว่าคุณชายรักน่ะ”
“เป็นแฟนคุณชายต้องอดทนค่ะ” ธิดาเย้า
“อ้อ!!งั้นยอมค่ะ”
สองคนหัวเราะชอบใจ หันกลับมองเข้าไปในร้าน
หลังอาหารมือนั้นธิติรัตน์พยุงเดือนแรมเดินออกมา
“จะไปไหนต่อ...ฉันจะไปส่ง”
“ไปทำงานค่ะ แต่แรมไม่รบกวนคุณชายดีกว่า”
ธิติรัตน์ใจหาย “แรม...”
“มันไม่สมควร..อย่าทำให้ใครว่าแรมได้อีกเลยนะคะ...
เดือนแรมค่อยๆ เดินเขยกไป ธิติรัตน์มองตามสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ฉันขอโทษ...ฉันจะไม่ยอมให้ใครว่าเธอได้ แรม...”
ชุติมาตัดสินใจกลับมาที่บ้านเมินอีกครั้ง และกำลังมาด้อมๆ มองๆที่หน้าบ้าน มองเข้าไปไม่เห็นใคร ชุติมายิ้มออก
“บ๊ะ!!โชคดีสมกับก้าวเท้าซ้ายออกมาจริงๆ เจ้าประคุ้ณณณ..จะทำความดี ขออย่าให้มีอุปสรรคใดๆมาขวางเล้ย”
ชุติมาเปิดประตูก้าวเข้าไป เป็นจังหวะเดียวกับที่แป้นเดินมาจากมุมหนึ่ง เห็นพอดี
“คุณชุกลับมา” นึกสงสัย “แล้วทำไมต้องทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ด้วย ยังกับเป็นขโมยหรือว่าคุณชุจะมาขโมยอะไร?”
แป้นตามชุติมาไป
ชุติมาเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง ตรงไปที่ลิ้นชัก เห็นมือถือเดือนแรมวางอยู่ ชุติมายิ้มออก
“นี่ไง?”
ชุติมาเปิดเครื่องเช็คคลิปดู คลิปที่เดือนแรมถ่ายจันทราคุยกับเจิมยังอยู่เหมือนเดิม ชุติมาถอนหายใจ
“ชัดขนาดนี้ เอาไปขู่คุณแม่ได้แน่ๆ”
ชุติมารีบเก็บมือถือใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ว่าแป้นแอบมองจากด้านหลัง
เห็นไวๆ ว่าชุติมาเก็บของซักอย่างไป แต่ไม่รู้อะไร
“คุณชุริอ่านเป็นขโมยจริงๆ ด้วย” แป้นรีบผละไป
เวลานั้นเพ็ญประกายนั่งดูหนังสืออยู่ เป็นแฟชั่นชุดแต่งงานล้วนๆ แป้นวิ่งโร่เข้ามารายงาน
“คุณเพ็ญคะคุณเพ็ญ”
“ฉัน...มาหยารัศมี”
“ค่ะๆ คุณมาหยารัศมี...คุณชุค่ะคุณชุ”
เพ็ญประกายไม่สนใจ “อย่าพูดชื่อนี้ให้ฉันได้ยิน ฉันไม่อยากฟัง”
“แต่....” แป้นเซ้าซี้ ทำท่าคันปาก
“นังแป้น” เพ็ญประกายฉุน
“แล้วถ้าคุณจันทรา รู้ว่าของหายล่ะคะ?”
เพ็ญประกายค่อยสนใจขึ้นมา “แกหมายความว่ายังไง?”
“ก็ตอนนี้คุณชุเข้ามาขโมยของในบ้านน่ะสิคะ”
“พี่ชุเป็นขโมย?”
แม้จะโกรธแต่ก็ไม่เกลียดแค้นมากนัก เพ็ญประกายยังนับถือชุติมาอยู่เหมือนเดิม
ชุติมากำลังจะเดินออกไปนอกบ้าน แต่แล้วเพ็ญประกายก็เดินมาขวางหน้า
“ยังไปไหนไม่ได้”
“ทำไม?”
“ยังจะมาถามว่าทำไม? แป้น ค้นเลย” เพ็ญประกายสั่ง
แป้นแกล้งเรียกชื่อผิด “ค่ะคุณเพ็ญ เอ๊ย!คุณมาหยารัศมี” แล้วเข้าไปค้นชุติมา
ชุติมาโวยวาย “เฮ้ย!อะไรของแกนังแป้น มาค้นอะไรฉัน?”
แป้นพูดใส่หน้า “ก็คุณชุเป็นขโมย”
“ขโมย” ชุติมาตกใจ
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย นังแป้นมันเห็นกับตา แป้นค้น”
เพ็ญประกายสั่งแล้วเข้ามาค้นตัวชุติมาช่วยแป้น ผลักกันไปมา ชุติมาล้มลง ทำท่าจะหนี เพ็ญประกายกับแป้นกระชากข้อเท้า ช่วยกันค้น
แป้นตะครุบกระเป๋ากางเกง ร้องบอก “นี่ไงคะๆๆ มีจริงๆ ค่ะ”
“ไหน??!!” เพ็ญประกายเอามือมาตะปบ เจอของแข็งๆ ในกระเป๋า “เพชร กล่องเพชร ต้องเป็นกล่องเพชรแน่ๆ”
ชุติมาชักทนไม่ไหวตวาดใส่ “เพชรบ้าอะไรจะอยู่ในห้องฉัน”
“งั้นก็เอามาให้ดูสิ เอามา!” เพ็ญประกายบอก
“ไม่!!”
สองคนค้นอีก ชุติมาก็ทั้งผลักทั้งดันสองคนล้มใส่กัน เพ็ญประกายล้มทับแป้น ส่วนชุติมาวิ่ง
ออกไป เพ็ญประกายร้องลั่น
“อย่าหนีนะอย่าหนี นังแป้นไปตามเร็ว”
“จะตามได้ยังไงคะ?คุณเพ็ญนั่งทับแป้นอยู่” แป้นโวยวาย
เพ็ญประกายลุกขึ้น แป้นลุกขึ้นวิ่งตามอย่างเร็วรี่ เพ็ญประกายเจ็บตามตัว แต่ก็ตามออกไป
ระหว่างนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่ สรรชัยมาส่งเดือนแรมที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณค่ะพี่สรรชัยที่ช่วยมารับมาส่งแรม”
“ก็แรมเป็นน้องของพี่นี่...”
เดือนแรมมองอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณค่ะ”
“และพี่ชายคนนี้ก็ช่วยได้มากกว่าการมารับมาส่ง....ถ้าแรมมีอะไรที่หนักใจ ทุกข์ใจ พี่พร้อมแบ่งเบานะ....ถ้าแรมไว้ใจพี่”
เดือนแรมน้ำตาคลอ “แรมไว้ใจพี่สรรชัยค่ะ แต่แรมไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ” พูดเสียงเข้ม “แรมจะเข้มแข็ง มองทุกอย่าง...ให้ไม่เป็นปัญหาค่ะ”
สรรชัยยิ้มให้ เอามือคลึงผม “เก่งมากน้องพี่....พี่เอาใจช่วยจ้ะพี่กลับก่อนนะ แล้วเจอกัน”
“ค่ะ” สรรชัยขึ้นรถขับรถออกไปทันที เดือนแรมเดินเขยกๆ เพราะยังเจ็บเท้าอยู่ เข้าบ้านไป
ชุติมาวิ่งออกมาเจอเดือนแรม รีบต่อว่าทันทีแบบม้วนเดียวจบ พอสองคนวิ่งตามมาข้างหลัง
“เธอนี่มันอ่อนแอจริงๆเลยแรม รู้ว่าคุณชายรัก ยังจะยอมให้คุณชายไปแต่งงานกับยัยเพ็ญอีก”
เดือนแรมงง ไม่รู้เรื่อง ชุติมาใส่อีดอก
“แน่ะ!! พูดแล้วยังมาทำหน้าเซ่อ ตกลงเธอแอ๊บยิ่งกว่ายัยเพ็ญใช่มั้ยเนี่ย?”
“แอ๊บอะไรคะ? จู่ๆ คุณชุก็มาว่าแรม แรมงงไปหมดแล้ว”
“หื้อ!เธอนี่...ก็ที่คุณชายจะแต่งงานกับยัยเพ็ญไง ทำไมเธอไม่แย่งคืน”
ชุติมาพูดไม่ทันจบแป้นก็วิ่งออกมา มีเพ็ญประกายตามหลังส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย!
“อย่าหนีนะ นังหัวขโมย อย่าหนี!”
ชุติมาวิ่งหลบหลังแรม สองคนมาล้อมหน้าล้อมหลัง
“แกขโมยอะไรของบ้านฉัน เอามาเดี๋ยวนี้” เพ็ญประกายตวาด
ทุกคนชุลมุนยื้อกันไปมา โดยมีเดือนแรมคั่นกลาง ผลักกันไปผลักกันมา ที่สุดเดือนแรมก็ล้มลง
“โอ๊ย!!” เดือนแรมเจ็บเท้าซ้ำเข้าไปอีก
ชุติมาตกใจมาก “แรม”
เพ็ญประกายกับแป้นฉวยโอกาส ผลักชุติมาจนล้มลง แป้นล็อกตัวชุติมาไว้
“ค้นเลยคุณเพ็ญ”
เพ็ญประกายล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงชุติมา ล้วงเอามือถือออกมา
“มือถือ” เพ็ญประกายจำได้ว่าเป็นมือถือที่เดือนแรมถ่ายคลิปแม่กับเจิมก็ตกใจ
เดือนแรมตกใจจำได้ว่าเป็นของตัวเอง “ของแรม”
“เอามานี่” ชุติมากระชากมือถือไปแล้วรีบบอกเดือนแรม “ถ้าต้องแย่งคุณชายคืนมาให้ได้นะแรม อี๋!” เอามือผลักหน้าผากเพ็ญประกายจนหงายเงิบแล้ววิ่งหนีไปอีก
“นังชุติมา” เพ็ญประกายวิ่งตามไป
แป้นตามไป เดือนแรมนั่งใจสั่น ตกใจมาก แล้วลุกขึ้นเดินเท้ากะเผลกตามไปอย่างทุลักทุเล
ชุติมากำลังจะวิ่งพ้นออกนอกประตูรั้วบ้านอยู่แล้ว เพ็ญประกายวิ่งตามมาทันกระชากผมไว้
“โอ๊ย”
“เอามาเดี๋ยวนี้” เพ็ญประกายแย่งมือถือคืน
“ไม่!!” ชุติมาผลักเพ็ญประกายสุดแรงเกิด จนเพ็ญประกายเซแซดๆ
“ฉันบอกให้เอามา” เพ็ญประกายกระโจนเข้ามาแย่งใหม่
ชุติมาต้องคอยระวังเอามือถือหลบ โดยเอามือกุมไว้แนบอก จึงเปิดโอกาสให้เพ็ญประกายได้โอกาสทั้งกระชากทั้งจิกผม เหวี่ยงชุติมาไปมา แป้นมองตาโตตกใจ ไม่เคยเห็นเพ็ญประกายร้ายขนาดนี้
ชุติมากรี๊ดลั่น “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”
ชุติมาตบหน้าเพ็ญประกายสุดแรงแล้ววิ่งหนีออกไป เพ็ญประกายล้มลง
“แอร๊ยยย...ฉันจะฟ้องคุณแม่ๆๆๆๆ”
เพ็ญประกายโมโห ผลักแป้นที่ยืนเซ่ออยู่แล้ววิ่งเข้าบ้านไป
เดือนแรมแอบมองอยู่อีกมุมด้วยความสงสัย
“มือถือเราอยู่กับคุณชุ”
ชุติมาในสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง วิ่งมาตามทางแบบลิงโลดพร้อมมือถือในมือ
“พี่ต้อม...ชุหาทางช่วยแรมได้แล้ว....เจอคลิปเด็ดแบบนี้ คุณแม่ไม่กล้าหืออือแน่”
ท่าทางชุติมามั่นใจมาก
เวลาเดียวกันจันทราอยู่ที่ในร้านทำผมประจำ คุยฟุ้งไปสามบ้านแปดบ้าน ช่างออกปากชมประจบ
“หมู่นี้คุณจันทราสวยมากๆเลยค่ะ ผิวก็ผ่อง หน้าก็ตึงเปี๊ยะ ยังกับสาวสิบแปด ดูมีราศี มีออร่า พูดก็พูดเถอะค่ะ ยังกับนางงาม”
จันทราหัวเราะร่าชอบอกชอบใจ “ออร่าว่าที่แม่ยายของคุณชายธิติรัตน์จับมั้งคะ?”
ระหว่างนั้นหม่อมรัตนาทำผมเสร็จแล้ว กำลังจะกลับ เดินมาได้ยินพอดี หยุดฟัง
“อะไรคะ? ว่าที่แม่ยายคุณชายธิติรัตน์” ช่างสอพลอต่อ
“ก็คุณชายธิติรัตน์ กมเลศ ขอลูกสาวดิฉันแต่งงานแล้วนะสิคะ...คงจะมีข่าวดีมาบอกเร็วๆ นี้ล่ะค่ะ...นี่ค่ะทิป” จันทราถูกใจหยิบแบงค์ร้อยยื่นให้
“ขอบคุณค่ะ”
“อุ๊ยๆๆๆขอคืนค่ะ” จันทราดึงแบงค์ร้อยคืนมา “...อารมณ์ดีมีความสุข..เปลี่ยนเป็นแบงค์พันดีกว่านะคะ” แล้วยื่นแบงค์พันให้
“ขอบคุณค่ะ คุณจันทรา”
“ยินดีค่ะ แต่จะยินดีมากกว่านี้ถ้าเรียกดิฉันว่า คุณจันทรา..ว่าที่แม่ยายคุณชายธิติรัตน์ กมเลศค่ะ” ช่างผมอวยส่ง
จันทราเดินยิ้มหน้าบานออกไป โดยไม่รู้ว่าหม่อมรัตนายืนหน้าเครียดอยู่
หม่อมรัตนาเดินกลุ้มออกมาหน้าร้าน หยิบมือถือขึ้นมากดโทร.หาลูกชายทันที
ธิติรัตน์นั่งมองเช็คภาพวิดีโอการทำงานของเดือนแรม ที่เคยใช้เป็น reference
“ฉันคิดถึงเธอแรม....คิดถึงเธอจริงๆ” เสียงมือถือดัง ธิติรัตน์กดรับ “ครับคุณแม่”
“แม่มีเรื่องด่วนจะคุยกับชาย”
ฟังน้ำเสียงหม่อมแม่ ธิติรัตน์ตกใจมาก “เรื่องอะไรครับ?”
“เรื่องที่ชายจะแต่งงานกับมาหยารัศมี”
ธิติรัตน์ ตกใจ ก่อนจะกลายเป็นความหนักใจ
สองแม่ลูกคุยกันซีเรียสอยู่ในตึก ที่วังศิลาลาย หม่อมรัตนาถามลูกชายด้วยท่าทางจริงจังและเครียดมาก
“มันจริงเหรอที่ชายจะแต่งงานกับเพ็ญประกาย?”
“ครับคุณแม่” ธิติรัตน์เสียงอ่อยๆ
หม่อมรัตนาเหนื่อยใจนัก “จะทำอะไรทำไมชายไม่ปรึกษาแม่ก่อนลูก…”
“ผมขอโทษครับ...แต่ในภาวะนั้น ผมจำเป็นจริงๆ แต่คุณแม่อย่าเพิ่งวิตกหรือทุกข์ใจไปเลยนะครับ”
“จะไม่ให้แม่วิตก แม่ทุกข์ใจได้ยังไง? ดูหน้าตาชายก่อนเถอะ...ดูทุกข์ใจมากกว่าแม่ซะอีก”
ธิติรัตน์นิ่งไป “ที่ผมทำเพราะต้องการปกป้องแรม และต้องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับตัวแรม”
“มันไม่เสี่ยงเกินไปเหรอลูก?”
“อยากได้ลูกเสือ เราก็ต้องเข้าถ้ำเสือ” ธิติรัตน์บอกหม่อมแม่
“แต่แม่กลัวว่า ชายจะถูกเสือขย้ำไปซะก่อน เพราะดูท่าแม่เสือตัวนั้น ไม่ธรรมดา”
หม่อมรัตนากังวลหนักกว่าเดิม
ออกจากร้านทำผมจันทราเดินเลือกซื้อผลไม้ราคาแพงอย่างเบิกบานใจ เสียงมือถือดัง จันทรากดรับทันที
“ว่าไงคะคุณลูกขา?”
เพ็ญประกายโทรศัพท์ไป ร้องสะอึกสะอื้นไปอยู่ที่บ้าน
“คุณแม่อยู่ที่ไหน? รีบกลับมาบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
“มีอะไรลูก?”
“พี่ชุค่ะ....พี่ชุเอามือถือของนังแรม ที่มันอัดคลิปคุณแม่กับลุงเจิมไป”
“ห๊า!” จันทราตกใจมาก “แม่จะรีบกลับเดี๋ยวนี้ลูก”
จันทรารีบร้อน จนไม่รอรับผลไม้ เดินขึ้นรถขับออกไปทันที
บริเวณทางเดินระหว่างบ้านมะลิ กับบ้านเมิน เดือนแรมครุ่นคิดในใจเรื่องมือถือที่ชุติมาเอาไป ท่าทางเศร้าๆ
“ถ้ามือถือยังอยู่กับเรา ป่านนี้คุณพ่อคงได้รู้ความจริงไปแล้วว่าคุณน้าใจร้าย เราคงไม่โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานอย่างทุกวันนี้...คงไม่เจ็บปวด ที่ไม่เหลือใคร?”
ว่าพลางเดือนแรมก้มลงมองจดหมายกับการ์ดในมือน้ำตาคลอ มืออีกข้างถือไฟแช็กอยู่
เดือนแรมปลอบตัวเองในใจ “มันจบไปแล้ว อย่าเก็บอะไรไว้เตือนความทรงจำอีกเลย แรม”
เดือนแรมจุดไฟแช็กขึ้นมา เปลวไฟสว่างวาบ จ่อใกล้จดหมายและการ์ด แต่แล้วเดือนแรมก็ดับไฟ ร้องไห้ออกมา
“แรมทำไม่ได้..ถึงแรมอยากจะตัดใจแค่ไหน? แต่สองสิ่งนี้ก็ยังมีค่าที่สุดสำหรับแรม”
เวลาเดียวกันเพ็ญประกายเดินมาในอาการกระฟัดกระเฟียด เห็นเดือนแรม ถือจดหมายและการ์ด ก็นึกรู้ทันที เพ็ญประกายหน้าบึ้งโกรธจัด พูดจาเยาะเย้ย
“ทำไมไม่เผาซะล่ะ?”
“พี่เพ็ญ”
“จะเก็บไว้ให้มันแสลงใจทำไม?ในเมื่อตอนนี้คุณชายก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกับพี่แล้ว หรือถ้าแรมไม่กล้าเผา..พี่จะเผาให้” จะดึงจดหมายและการ์ดมา
“อย่านะคะพี่เพ็ญ”
เพ็ญประกายดึงอย่างแรงแต่เดือนแรมไม่ยอม ผลักเพ็ญประกายสุดแรงจนล้มลง ตาลุกวาวมองจ้องเดือนแรมอย่างโกรธจัด
“เธอกล้าทำฉันขนาดนี้เหรอแรม?”
เพ็ญประกายตบผลัวะ จนเดือนแรมหน้าหัน มองเพ็ญประกายด้วยความเสียใจ เพ็ญประกายด่าเดือนแรม
“ไม่ต้องมาสำออย ต่อให้บีบน้ำตาจนหมดตัว คุณชายเค้าก็ไม่เลือกเธอ เค้าเลือกฉัน”
“คุณชายเลือกมาหยารัศมีค่ะ” เดือนแรมบอก
“เดือนแรม” เพ็ญประกายตบอีก
“แรมไม่สู้หรอกค่ะ เพราะแรมไม่เห็นประโยชน์ ยังไงพี่เพ็ญก็คือพี่ของแรม”
“แต่ถ้าเธอเห็นว่าฉันเป็นพี่ เธอจะไม่พูดกับฉันอย่างนี้..เอาซี้ จดหมายกับการ์ดนั่น เอาไปกกไปกอดเลยแรม.. เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เธอได้จากคุณชาย และก็จำไว้ด้วย อะไรที่มันไม่ใช่ของเธอ ต่อให้เธอดิ้นรนแค่ไหนมันก็ไม่ใช่”
เพ็ญประกายผลักเดือนแรมแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป
เดือนแรมกอดจดหมายร้องไห้ เพ็ญประกายเหลียวกลับมามอง แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความชอกช้ำใจ บอกตัวเองเสียงเครือ
“แต่ถ้ามันใช่...ซักวัน..มันก็คงใช่...ซึ่งพี่คงทนไม่ได้ พี่ทนไม่ได้จริงๆ แรม คุณแม่..คุณแม่ช่วยเพ็ญด้วย”
เพ็ญประกายยกมือปาดน้ำตา แล้วทำเป็นเข้มแข็ง เดินเข้าบ้านไป
พอจันทรากลับมาถึง และรู้รายละเอียก็ยิ่งโกรธมาก ถามเพ็ญประกายเสียงขุ่น
“หมายความว่าที่ผ่านมา...มือถือนังแรมอยู่กับชุติมา”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะคะ? แต่เพ็ญไม่เข้าใจ พี่ชุจะเอาไปทำไม?”
“ชุติมามันมีเลือดชั่วๆ ของพ่อมัน..มันต้องมีแผนชั่วๆ อะไรแน่” จันทรามั่นใจ
“อ้อ! ที่กลับมาเพื่อเอามือถือ..แล้วเราจะทำยังไงดีคะคุณแม่...ถ้าคลิปนั่นหลุดไปถึงคุณพ่อ..คุณชาย”
“เราต้องหาวิธีเอาคืน”
“แล้วตอนนี้พี่ชุอยู่ที่ไหน?” เพ็ญประกายสงสัย
ตัวแม่ระดับจันทรามองออกทันที “แม่ว่าคุณต้อมรู้แน่...เพ็ญประกาย...ลูกต้องไปตะล่อม ถามคุณต้อมมาให้ได้ ว่าชุติมาอยู่ไหน?”
“ค่ะคุณแม่...ถ้ารู้..พี่ชุอยู่ไหน เพ็ญจะจัดการเอง!!”
เพ็ญประกายไปดักรอแม้นเทพที่หน้าบ้านมะลิ แม้นเทพในชุดทหารกลับมาจาก
กรมกอง เพ็ญแกล้งทำเป็นไม่เห็น มองไปทางด้านอื่น เดินกระวนกระวาย แม้นเทพทัก
“รอใครเหรอเพ็ญ?”
“รอพี่ชุค่ะ…”
แม้นเทพแกล้งทำเป็นไม่รู้ “ทำไมเหรอ?”
“ก็พี่ชุหนีออกไปจากบ้าน....คุณแม่ห่วงมาก เพ็ญเองก็ห่วง ไม่รู้จะไปตามได้ที่ไหน? โทร.ไปพี่ชุก็ไม่รับ เฮ้อ…เพ็ญไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ”
“ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?” แม้นเทพแกล้งถาม
“คนอยู่บ้านเดียวกันก็เหมือนลิ้นกับฟันน่ะค่ะพี่ต้อม มีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่สำหรับเพ็ญมันไม่ใช่เรื่องใหญ่”
แม้นเทพยิ้มออกมาอย่างดีใจ ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำร้ายชุติมา “พี่ดีใจที่ได้ยินเพ็ญพูดอย่างนี้”
“ก็จริงๆเพ็ญไม่ได้อะไรกับพี่ชุหรอกค่ะ ถึงพี่ชุจะเป็นแค่หลานคุณแม่ แต่ยังไงก็เป็นพี่สาวของเพ็ญอยู่ดี เฮ้อ…นี่ถ้าพี่ชุไม่ยอมกลับมาสงสัยต้องไปแจ้งความ”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก..พี่รู้ว่าชุอยู่ที่ไหน?”
“จริงเหรอคะพี่ต้อม...พี่ชุอยู่ที่ไหนคะ?”
เพ็ญประกายสมใจ ผุดยิ้มร้ายออกมา
วันต่อมาชุติมาช่วยสุดใจขายส้มตำ เห็นผู้คนมาเข้าคิวรอซื้อเยอะแยะ ชุติมายิ้มร่า
“ถ้าขายดีทุกวันอย่างนี้ก็ดีนะคะ ชุจะได้ไม่ต้องไปหางานทำ จะขายส้มตำกับน้าวันดีทุกวันเลย”
“ค้าขายมันไม่ได้มีเกียรตินะชุ” สุดใจท้วง
“ไม่มีเกียรติแต่มีเงิน อีกอย่าง..ชุคิดว่าเกียรติมันอยู่ที่ตัวเราเองค่ะ ถ้าเราเป็นคนดีเราก็มีเกียรติค่ะ”
“มันก็จริง” สุดใจถามลูกค้า “เอาอะไรดีคะ?”
“มีหมดเลยนะคะทั้งตำซั่ว ตำมั่ว ตำกระท้อน อยากกินอะไรตำได้หมดค่ะ” ชุติมาไม่ทันมองหน้า
เพ็ญประกายเดินเข้ามา ทำหน้านิ่งๆ “ตำ..ชะนีมีมั้ย?”
ชุติมามองหน้าทำปากจิ๊จ๊ะ “เพ็ญ...เป็นบ้าอะไรของเธอ มานี่” ลากแขนออกไป
“ปล่อย” เพ็ญประกายสะบัดตัวออก “ฉันไม่อยู่นานหรอก แค่จะมาเอามือถือคืน”
ชุติมาตอกหน้า “ไม่ให้” สองคนเถียงกันไปมา
“จะให้ไม่ให้”
“ไม่ให้”
เพ็ญประกายตะโกนเสียงดัง “ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย ผู้หญิงคนนี้ขโมยมือถือของฉัน”
ผู้คนแถวนั้นฮือฮา ชุติมาตกใจ
“จะบ้าเหรอ?ฉันไม่ได้ขโมย”
“เธอเป็นขี้ขโมย ฉันถามครั้งสุดท้าย จะคืนมือถือให้ฉันหรือไม่คืน” เพ็ญประกายขู่
ชุติมายืนกรานเสียงแข็ง “ไม่!!”
“ไม่ใช่มั้ย?” เพ็ญประกายคว้าจานส้มตำในมือสุดใจที่จะไปเสิร์ฟลูกค้าสาดใส่ชุติมา
“นังบ้าเพ็ญ!” ชุติมาปรี๊ด...เริ่มหลุดแล้ว คว้าจานส้มตำของลูกค้าที่นั่งแถวนั้น ยีหัวเพ็ญประกาย
เพ็ญประกายร้องกรี๊ดๆ “แอร๊ยย... ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย ขโมยๆๆ”
“ฉันไม่ใช่ขโมย”
“แกเป็นขโมย” เพ็ญประกายเสียงดังขึ้น
“จะหยุดไม่หยุด”
“ไม่หยุด”
“ไม่หยุดใช่มั้ย?” ชุติมาคว้าเอาโหลน้ำปลาร้ามาสาดใส่ตัวเพ็ญประกาย
“แอร๊ยยย...ปลาร้า เหม็นๆๆๆ” เพ็ญประกายกรี๊ดลั่น เต้นเป็นเจ้าเข้า
“กลับเลยนะ ไม่งั้นเธอได้กินส้มตำน้ำปลาร้าทางจมูกแน่ ไป๊”
“ฉันจะฟ้องคุณแม่ ฟ้องคุณแม่” เพ็ญประกายขู่
“ไปเลย ไป๊”
เพ็ญประกายถอยไปอย่างหมดรูป ชุติมาหัวเสียมาก สุดใจถามอย่างเป็นห่วง
“ชุไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“ค่ะน้า...แค่คนบ้ามารังควาน...” ชุติมาแค้นนัก นิ่งคิดในใจ “คุณแม่ต้องให้ยัยเพ็ญมาเอามือถือกับเราแน่ๆ สม!”
ชุติมายิ้มออกมาอย่างสะสาแก่ใจ
โปรดติดตามอ่าน "มาหยารัศมี" ต่อเวลา 17.00 น.
มาหยารัศมี ตอนที่ 11 (ต่อ)
ในขณะที่จันทรานั่งทาเล็บอย่างสบายใจ แต่แล้วจันทราก็ทำจมูกฟุดฟิด ได้กลิ่นบางอย่าง
“อู้ย! กลิ่นปลาร้าหอมจัง...นังแป้น วันนี้แกทำหลนปลาร้าเหรอ?”
แป้นงง “เปล่าค่ะ”
จันทรายิ้มร่า “งั้นกลิ่นแรว๊งส์ขนาดนี้ ต้องตำปูปลาร้า”
แป้นงงอีก “ก็ไม่อีกล่ะค่ะ
“นี่ฉันไม่มีเวลาเล่นยี่สิบคำถามกับแกนะ...แกเอาปลาร้ามาทำอะไร?”
“เปล่าค่ะ...แป้นไม่ได้เอามาทำอะไร?” แป้นว่า
จันทราสงสัยอยู่นั่น “แล้วกลิ่นปลาร้ามันมาจากไหน?”
เพ็ญประกายเดินหน้ำคว่ำเข้ามา “อยู่นี่ค่ะคุณแม่”
จันทรากับแป้นหันไปมองทางเสียง เห็นร่างของเพ็ญประกายเต็มไปด้วยน้ำปลาร้า และเศษมะละกอ มะเขือเทศ และเศษพริกอีกนิดหน่อย
สองคนตกตะลึง “ยัยเพ็ญ” / “คุณเพ็ญ”
เพ็ญประกายโดนราดรดมาทั้งตัว กลิ่นมันโชยมาตั้งแต่รั้วบ้านแล้ว
ครู่ต่อมาเพ็ญประกายที่เนื้อตัวยังเลอะเทอะสกปรกด้วยน้ำปลาร้า ยืนกรี๊ดๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง คราวนี้จันทราเอามือปิดจมูก
“แล้วมันเรื่องอะไรถึงได้ไปเดินตกถังปลาร้ามายัยเพ็ญ?”
“เพ็ญตกถังปลาร้าที่ไหนคะคุณแม่...พี่ชุเอาส้มตำมายีหัวเพ็ญแล้วก็เอาถังปลาร้ามาราดบนตัวเพ็ญ เพียงแค่เพ็ญขอมือถือคืน”
จันทราโมโหจนหลุดปาก “นังลูกคนนี้มันบังอาจมาก”
เพ็ญประกายหูผึ่ง “ลูก? คุณแม่เรียกพี่ชุว่าลูกหรือคะ?”
จันทรา รู้สึกตัว พูดเฉไฉเหมือนทุกครั้ง “ก็เป็นลูกเป็นหลานไงเพ็ญ..ไม่ต้องห่วงนะลูก นังชุติมามันบังอาจมาทำลูกแม่ขนาดนี้ แม่จะจัดการมันเอง”
หน้าตาจันทราเกรี้ยวกราด โกรธจนตัวสั่น
ด้านสุดใจกับชุติมาช่วยกันเก็บของใส่รถเข็น กำลังจะกลับเข้าแฟลตบริเวณพื้นหกเลอะเทอะไปด้วยส้มตำและกลิ่นปลาร้า ชุติมากวาดพื้นบอกสุดใจเสียงจ๋อยๆ
“น้าวันดี ชุขอโทษนะ...ข้าวของเสียหาย สกปรกหมดเลย”
“ช่างมันเถอะแค่ชุไม่เป็นไร น้าก็สบายใจแล้ว” สุดใจอดห่วงไม่ได้ “ว่าแต่ไม่มีเรื่องอะไรแน่นะ”
ชุติมาอ้อมแอ้ม “ค่ะ”
สุดใจพยักหน้ารับรู้ “ถ้ามีอะไรก็บอกน้าแล้วกัน เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล”
“ขอบคุณค่ะ..น้าวันดีดีกับชุจริงๆ”
สุดใจยิ้มบางๆ “งั้นเดี๋ยวน้าวานชุเก็บรถเข็นด้วยนะ น้าจะไปตลาดสั่งของ”
“ค่ะ”
สุดใจเดินพ้นออกไป พอดีกับที่จันทราก้าวเข้ามา ในขณะที่ชุติมากวาดพื้นและเก็บของใส่รถเข็น เข็นไป จันทราเดินตาม
ชุติมาเข็นรถเข็น เข้าไปใต้แฟลต ในซอกประจำ สัญชาตญาณเริ่มรู้สึกว่ามีคนตาม ชุติมาหยุดระวัง มือคว้ามีดมาถือไว้ ก่อนหันกลับมาแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นจันทรา
“แม่”
“แกทำกับฉันขนาดนี้ อย่ามาเรียกฉันว่าแม่”
ชุติมาเสียงเครือรู้สึกเจ็บในใจมาก “ได้ถ้าแม่ไม่รับชุว่าเป็นลูก ต่อไป...ชุก็จะเรียกแม่..ว่าน้า”
จันทราโกรธ ขัดเคืองใจปราดเข้าไปกระชากแขนชุ “ยัยชุ ทำไมแกทำกับแม่กับน้องอย่างนี้... แกไม่รู้เหรอว่าแม่เสียใจ”
ชุติมาย้อนเข้าให้ “แล้วแม่เคยรู้มั้ยว่าชุก็เสียใจเหมือนกัน”
“อ้อ! แกโกรธ แกเลยจะแก้แค้นแม่ แก้แค้นน้อง?!!”
“ชุไม่เคยคิดทำร้ายแม่อยู่แล้ว ส่วนยัยเพ็ญถึงมันจะไม่เคยเห็นว่าชุเป็นพี่ แต่ชุก็ไม่เคยทำร้ายมัน”
จันทราเข้าเรื่อง “แล้วแกเก็บมือถือไว้ทำไม?ทำไมแกไม่ทำลายมัน?”
“เพราะชุไม่อยากให้แม่ให้เพ็ญทำผิดไปมากกว่านี้...แม่...เพ็ญไม่ใช่มาหยารัศมีนะ แม่อย่าหลอกคุณชายเลย เค้าไม่ได้รักเพ็ญ เค้ารักแรม”
“คุณชายจะรักใครก็ช่าง ยังไงเค้าก็ต้องแต่งงานกับยัยเพ็ญ..เอามือถือมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!!”
“ไม่..แล้วถ้าแม่ยืนกรานว่าจะให้เพ็ญแต่งงานกับคุณชาย ชุจะเอามือถือไปให้คุณเมินและคุณชายดู อยากรู้เหมือนกันว่าเค้าจะว่ายังไง?” ชุติมาขู่กลับ
“นังชุ” จันทราโกรธสุดขีดแล้วตบชุติมาดังผลัวะแล้วกระชากผม “นี่แกขู่ฉันใช่มั้ย? แกขู่ฉันใช่มั้ย?” จิกผมสุดแรงโมโห
“แม่ปล่อยชุ ปล่อย!!”
“ฉันไม่ปล่อย เอามือถือมาให้ฉัน เอามา” จันทราจิกผมแรงขึ้นอีก
ชุติมาร้องโอดโอย “ไม่!!” ดิ้นรนและฮึดสู้
“นังชุติมา!!” ลากชุติมาและจิกผมแรงขึ้นด้วยความโมโห
แม้นเทพในชุดทหารวิ่งเข้ามา “หยุดเดี๋ยวนี้หยุด” เข้ามากระชากชุติมาออก ชุติมาโผเข้ากอดแม้นเทพร้องไห้อย่างคนเสียขวัญ จันทรามองจ้องหน้าสองคนด้วยความโกรธ
จันทราหลุดปากจนได้ “อย่ามายุ่งเรื่องแม่ลูกนะคุณต้อม”
แม้นเทพชะงักกึก “แม่ลูก??”
จันทรานึกได้ แก้ตัวมุกเก่า “ก็ลูกๆหลานๆ” จ้องหน้าชุติมา ขู่เสียงเข้ม “ฉันกลับมาอีกแน่ชุติมา และถ้าแกคิดจะทำอะไรฉัน น่าดู!!” สะบัดหน้าเดินไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดโมโหสุดขีด
แม้นเทพลูบผมชุติมาพูดปลอบประโลม “ไม่เป็นไรแล้วชุ ไม่เป็นไร”
สองคนนั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างแฟลต ชุติมานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น แม้นเทพนั่งข้างๆ ถามอย่างห่วงใย
“มีเรื่องอะไรกัน ทำไมคุณจันทราถึงตามมาตบตีชุถึงขนาดนี้”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
แม้นเทพไม่เชื่อ “พี่เชื่อว่าต้องมี!!ต้องเป็นเรื่องใหญ่ด้วย และไม่น่าจะเป็นแค่เรื่องน้าหลาน”
ชุติมาน้ำตาไหลพราก เงยหน้ามองแม้นเทพ คำพูดของแม้นเทพชวนสงสัย แม้นเทพว่า
“หลายครั้งแล้วที่พี่สงสัย การกระทำของคุณจันทรากับชุ...ตะกี้ก็เหมือนกัน” มองจ้องหน้าเพ่งเล็ง “จริงๆ แล้วคุณจันทราเป็นแม่ของชุใช่มั้ย?”
ชุติมาตกใจ “พี่ต้อม!!”
“ถ้าชุไม่บอกความจริง...พี่ก็คงช่วยแก้ปัญหาระหว่างคุณจันทรากับชุไม่ได้”
“ถึงชุเป็นลูกแต่เป็นลูกที่แม่ไม่ต้องการ จะมีประโยชน์อะไรคะที่จะไปเรียกร้อง”
“ชุเป็นลูกคุณจันทรา?” แม้นเทพไม่อยากจะเชื่อเลย
“ใช่ค่ะพี่ต้อม..ชุเป็นลูกของแม่ แต่แม่ไม่ต้องการ” ชุติมาพูดแค่นั้นก็ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น
แม้นเทพได้แต่ดึงชุติมามากอด ปลอบโยน ขณะที่ชุติมาร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ
อีกฟากหนึ่ง ในร้านอาหารแห่งนั้น ทุกคนนั่งกันอยู่ ธิติรัตน์ไม่ทานอะไรเลย วีระงงหนัก
“ถ้างานออฟฟิศเรายังมีต่อเนื่องแบบนี้ ปลายปีพนักงานได้โบนัสกันหลายเดือนแน่”
“ต้องขอบใจน้องแรมนะ ลูกค้าติดใจน้องแรมมากเลย” ศรัณย์ว่า
ธิติรัตน์นิ่งอีก วีระเรียก
“เฮ้ย!!ชาย ที่พูดๆอยู่เนี่ย ฟังบ้างมั้ย?”
“ฟัง” ธิติรัตน์ตอบห้วนสั้น
“ฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาน่ะสิ....ตกลงมีเรื่องอะไร พักหลังๆ มา นายทำท่าเหมือนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” ศรัณย์แซว
“แอบรักใครวะ?” วีระถามซัก
“แอบรักที่ไหน ฉันว่าท่าทางเหมือนคนอกหัก” ศรัณย์ว่า
“คุยงานเสร็จแล้วใช่มั้ย? งั้นฉันขอตัว!” ธิติรัตน์ลุกขึ้นเดินออกไปเฉยเลย
วีระตะโกนถามตามหลังไป “จะรีบไปไหนวะ?”
ธิติรัตน์ตอบกลับ “ธุระ”
ศรัณย์ส่ายหัวบอกวีระ “ท่าทางอย่างนี้ธุระเรื่องหัวใจชัวร์”
เดือนแรมเดินอยู่ในสวนบ้านป้ามะลิ ท่าทางซึมเศร้า ธิติรัตน์ที่อยู่นอกรั้วแอบมองมา ด้วยสายตาเจ็บปวด
“ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอ ไม่ไปไหนเด็ดขาดแรม”
ธิติรัตน์มองเดือนแรมอยู่อย่างนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งบ้านอยู่แถวนั้นเดินผ่านมา มองเห็นธิติรัตน์แอบมองเดือนแรม ก็อมยิ้มพึมพำ
“แฟนงอนล่ะสิท่า” แล้วเดินผ่านไป
ธิติรัตน์เฝ้ามองเดือนแรม โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
วันต่อมาจันทราเดินกระสับกระส่ายไปมา นึกถึงตอนที่ตัวเองหลุดปากให้แม้นเทพได้ยิน
“อย่ามายุ่งเรื่องแม่ลูกนะคุณต้อม”
จันทราหน้าเครียด กังวลไม่หาย
“ไม่น่าหลุดปากเลยเรา ไอ้ต้อมมันต้องฉุกคิดอะไรแน่ๆ”
จันทราเดินลิ่วออกไป
จันทราค่อยๆ เดินย่องมาที่บริเวณบ้านมะลิ เห็นทุกคนนั่งคุยกันอยู่ที่หน้าบ้าน จันทราย่องไปแอบฟัง ยินเสียงมะลิพูดชัดเจนทุกวาจา
“แสดงว่าก่อนที่จะมาคบกับเมินจันทรามีสามีอยู่ก่อนแล้วและมีลูกคือชุติมา”
แม้นเทพรับ “ใช่ครับ”
จันทราตาวาว ได้ยินเสียงพิมพูดต่อ
“มิน่า...ที่ผ่านมาคุณชุติมาถึงได้ก้าวร้าว คอยแต่ประชดประชันเหน็บแนม ที่แท้ก็มีปมในใจนี่เอง”
“แม่จันทรานี่ร้ายจริงๆ ทั้งโกหกหลอกลวง ไม่ดูดำดูดีเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แถมยังพูดหน้าตาเฉยว่าเป็นหลาน นายเมินจะต้องรู้เรื่องนี้จะได้หูตาสว่างซักที”
สีหน้าจันทราที่แอบฟังอยู่โกรธมาก
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
จันทราคำรามอยู่ในรามคอ
ครู่ต่อมาจันทราเดินมาตามทาง คิดแผนร้ายในใจแล้วกดโทรศัพท์หาเมิน ที่เวลานั้นนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ
“ว่าไง?” เมินรับสายแล้ว
“ไซต์งานที่ระยองโทรฯมาบอกฉันว่ามีปัญหา...เรื่องผู้รับเหมาน่ะค่ะ คุณรีบไปดูเลยนะคะ”
เมินงง “ทำไมผมไม่รู้เรื่อง”
จันทราพูดเสียงจริงจัง “ก็เค้าโทร.หาคุณไม่ติด เค้าเลยโทร.มาหาฉัน คุณไปดูหน่อยแล้วกัน”
“เดี๋ยวผมโทร.เช็คก่อนดีกว่า” เมินว่า
“จันว่าอย่าเช็คเลยค่ะ เดี๋ยวผู้รับเหมาจะรู้ตัว แอบไปดูให้เห็นกับตา ถ้ามีปัญหาจริงๆ ก็สั่งเปลี่ยนผู้รับเหมาเลย”
“ก็ได้” เมินวางสาย
จันทราวางสายเช่นกัน ด้วยหน้าตาเหี้ยมเกรียมดุดัน แต่ยังดูมีความกังวลเจืออยู่
มะลิไม่รู้ตัวสักนิดว่าก้าวช้ากว่าจันทรา เดินเข้ามาหาเมินในบ้าน ด้วยท่าทางเคร่งเครียดและร้อนใจและไม่ทันระวัง
“นายเมินๆๆ นายเมินอยู่มั้ย? นายเมิน” มะลิตะโกนเรียกน้องชาย
จันทราย่องมาทางด้านหลัง เอาไม้ฟาดเข้าที่ท้ายทอย
“โอ๊ย!!” มะลิร้องได้คำเดียว ก็ทรุดร่วงลงนอนสลบแน่นิ่งไป
จันทราทิ้งไม้หลบไปรวดเร็ว แป้นเก็บผ้าเดินมาอีกมุมหนึ่ง เห็นมะลินอนอยู่ก็ตกใจ
“คุณนาย...” รีบเข้ามาดู “คุณนาย..คุณนายเป็นอะไร?” แป้นเขย่าแรงๆ แต่มะลิไม่ตื่น
เดือนแรมเดินมาเห็นตกใจมาก “คุณป้า..คุณป้าเป็นอะไรคะ? ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย แป้นตามคนมาช่วยคุณป้าเร็ว”
“ค่ะ” แป้นวิ่งไป
เดือนแรมกอดคุณมะลิร้องไห้โฮตกใจสดชีวิต
จันทราแกล้งทำเนียนคว้าหนังสือมาอ่านไม่รู้ไม่ชี้ เพ็ญประกายเดินเข้ามานั่งด้วย แป้นวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย คุณมะลิเป็นไรก็ไม่รู้นอนสลบอยู่ในสวนค่ะ”
“คุณป้า” เพ็ญประกายตกใจ
จันทราแกล้งทำทีเป็นตกใจบอกลูกสาว “รีบไปดูเร็วยัยเพ็ญ”
ทุกคนเดินออกไปอย่างเร็วรี่ จันทราทำหน้าสาแก่ใจ ก่อนจะตามไป
มะลิถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เวลานั้นนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ทุกคนมองลุ้น ฟื้นไม่ฟื้น มะลิค่อยๆ ลืมตาขึ้น เดือนแรมกับแม้นเทพพูดแทบจะพร้อมด้วยความดีใจ
“คุณแม่”
“คุณป้า รู้สึกตัวแล้ว” เดือนแรมดีใจมากเช่นกัน
ส่วนจันทราหงุดหงิดคิดในใจ “บ้าเอ๊ย! น่าจะฟาดให้แรงกว่านี้ จะได้ตายๆ ไปเลย”
เดือนแรมนึกเป็นห่วงขึ้นมาอีก “คุณป้าเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
มะลินิ่วหน้ายังเจ็บที่โดนตี “เจ็บ...” หันมามองลูกชายแล้วถาม “นี่แม่เป็นอะไรไป ถึงได้มานอนอยู่ที่นี่”
แม้นเทพบอก “คุณแม่ถูกทำร้ายครับ”
จันทราหลุกหลิกทำตัวมีพิรุธ แต่รีบกลบเกลื่อน มะลินึกออกแล้ว
“ใช่! แม่จะเดินไปหานายเมิน แต่จู่ๆก็เจ็บแปล๊บที่หัว มารู้สึกตัวก็อยู่นี่ล่ะ
“สงสัยเป็นพวกขโมยน่ะค่ะ”
“ใช่ค่ะ ที่เพ็ญรู้มา บ้านข้างๆก็โดนไปหลายหลัง บางหลังเจ้าของบ้านถูกทำร้ายสาหัสเลยนะคะ” เพ็ญประกายบอก
“และพี่มะลิก็โชคร้าย ที่เดินมาเจอกับคนร้ายพอดี” จันทรารีบผสมโรง
มะลิมองจ้องหน้าจันทรา “ใช่! โชคร้ายจริงๆ ไม่งั้นอาจมีคนโชคร้ายยิ่งกว่า นายเมินล่ะ”
จันทรารีบบอก “ไปดูไซต์งานต่างจังหวัดค่ะ”
เพ็ญประกายแปลกใจ “คุณพ่อไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“โทร.มาบอกแม่ตะกี้นี่เองจ้ะ” จันทราบอกลูกสาว
“เฮ้อ! ท่าฉันจะโชคร้ายจริงๆ” มะลิปลงๆ
“คุณแม่นอนพักผ่อนก่อนเถอะครับ....ผมจะไปแจ้งความ เพราะถ้าปล่อยไว้เดี๋ยวขโมยขโจรจะได้ใจ”
พิมเห็นด้วย “ดีค่ะคุณต้อม ตำรวจจะได้ตามจับคนร้าย ไม่งั้นได้นอนผวากันทุกวัน”
แม้นเทพยังไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่จันทรามีพิรุธประสาวัวสันหลังหวะ
คืนนั้นพอกลับถึงบ้าน จันทราเดินหน้าเครียดอยู่ที่สนามหญ้า ด้วยท่าทางกังวลใจอย่างหนัก
“แม้นเทพมันมองเราแปลกๆ มันเป็นคนฉลาด มันต้องสงสัยเราแน่ๆ” จันทราฮึดฮัดอย่างขัดใจ “ฉันอยากฆ่ามันตายยกครัวจริงๆ” นึกขึ้นได้ “จริงสิ ยาของนังฟลุ๊คหลง” หยิบมือถือขึ้นมา กดโทร.ออก รอสาย “นังฟลุกหลง...แกอยู่ไหน? ออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้”
ไม่นานหลังจากนั้นจันทราก็พาตัวเองมาอยู่ที่บริเวณแฟลตสุดใจ จันทรานิ่วหน้าแปลกใจระคนหงุดหงิด
จันทราเจอหน้าตวาดแว้ด “นังฟลุ๊คหลงแกจะนัดฉันมาทำไมแถวนี้ ทั้งเก่า ทั้งเหม็น สกปรก โลโซ!”
“พอดี จะมาหาเพื่อนน่ะค่ะ....คุณจันทรามีอะไรหรือคะ?” ฟลุ๊คหลงบอก
“ยาที่ฉันให้แกไปหา ได้มาหรือยัง?” จันทราถาม
“ยังค่ะ ไม่มี อีกอย่างมันอันตรายเกินไป ไม่มีใครกล้ากล้าขโมยออกมาเลย
จันทราเปิดกระเป๋าถือ ล้วงหยิบเงินปึกหนึ่งยื่นให้ตรงหน้า “แล้วถ้าเป็นเงินก้อนนี้ จะกล้าขึ้นบ้างมั้ย?”
ฟลุ๊คหลงมองเงินด้วยสีหน้าลำบากใจ
ระหว่างนั้นชุติมาเดินมาจะขึ้นแฟลตเห็นจันทรากับฟลุ๊คหลงรีบฉากหลบแอบมอง เห็นฟลุ๊คหลง อิดออดอยู่ และได้ยินจันทราบอกสำทับ
“เงินก้อนนี้น้ำหน้าอย่างแกไม่มีทางหาได้ตลอดชีวิต แค่หายามาให้ฉันมันจะยากอะไร ว่าไง? จะเอาไม่เอา?”
“ได้ค่ะหนูจะหายามาให้คุณ” ฟลุ๊คหลงจะคว้าเอาเงิน
จันทราเบี่ยงมือออก หยิบเงินยื่นให้แค่ครึ่งเดียว “อีกครึ่งหนึ่งค่อยมาเอา แล้วแกจะได้เยอะกว่านี้ เร็วๆด้วยล่ะ” จันทราเดินหนีไปทันที
“ต้องเป็นอย่างพี่สุดใจว่าแน่ๆ เลย...คุณจันทราต้องเอายาไปทำชั่วแน่ๆ”
ฟลุ๊คหลงมองดูเงิน นัยน์ตาเหมือนคิดอะไรบางอย่างในใจ ชุติมาเขม้นมอง
ขณะที่ฟลุ๊คหลงกำลังจะเดินขึ้นบันไดแฟลต ชุติมาแถเดินตาม ร้องทักอย่างกันเอง
“อ้าว! พี่”
ฟลุ๊คหลงมองอย่างงวยงง ชุติมารีบบอก
“หนูอยู่กับน้าวันดีไง พี่มาหาน้าวันดีเหรอ?”
“ฮื่อ!”
“น้าวันดีไม่อยู่ มีอะไรฝากหนูไว้ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันค่อยมาหาใหม่” ฟลุ๊คหลงจะเดินกลับไป ชุติมาเรียกไว้
“เดี๋ยวพี่....ผู้หญิงคนที่พี่คุยด้วย สวยจัง เค้าเป็นใคร เป็นนางงามเหรอ?”
“ฮื่อ!!ตอนสาวๆ เค้าเป็นนางงาม” ฟลุ๊คหลงบอกเสียงเนือยๆ
ชุติมาซักต่ออย่างกระตืรือร้น “ท่าทางจะรวยเน๊อะ...ดูผู้ดี๊ผู้ดี”
ฟลุ๊คหลงเริ่มหลุด “โอ๊ย!!ไม่ได้เป็นผู้ดีมาจากไหนหรอก ก็เดินในตรอกกินข้าวในซอยเหมือนพวกเรานี่ล่ะ แต่พอได้ผัวรวยเท่านั้น เฮ้อ!”
“ทำไมเหรอพี่?” ชุติมาสบโอกาสซักต่อทันที
“นางก็ไปทำหน้ามาจนสวยเด้งน่ะสิ เฮ้อ!!แต่ถึงสวยไปก็เท่านั้นล่ะ เลว” ฟลุ๊คหลงหลุดปากด่า
“ทำไมถึงว่าเค้าเลวล่ะพี่?” ชุติมาซัก
“ก็..นางชอบมาให้พี่เอายากล่อมประสาทไปให้ ป่านนี้คนกินคงบ้าไปแล้วล่ะ แต่ละครั้งเอาไปเยอะจะตาย” ฟลุ๊คหลงนึกได้ “อุ๊ปส์!” เอามือตะปบปากรีบบอก “พี่ไปก่อนนะ” เดินหนีไปทันควัน
ชุติมาอึ้ง นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
วันนั้นจันทราเดินไปยังตู้เก็บยาของเมินแล้วล้วงเอายาที่ได้มาจากฟลุ๊คหลงออกมา
จันทราเทยาของคุณเมินออก แล้วเอายาใหม่ใส่เข้าไป ชุติมาเดินเข้ามาพอดี
“คุณน้าทำอะไร? มะ..ชุช่วย”
จันทราสะดุ้งเฮือก ดึงยาออก “ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง”
ชุติมามองเห็น “คุณน้าเปลี่ยนยาทำไมเหรอ?”
จันทรารีบพูดตัดบทกลบเกลื่อน “คุณเมินลืมกิน ยามันเลยเก่า เลยเสื่อม ฉันเลยไปเปลี่ยนมาให้”
“จะเก่าได้ยังไง? อาทิตย์ก่อน คุณน้าเพิ่งไปหาหมอกับคุณเมิน”
จันทราฉุนกึก “ฉันว่าเก่าก็เก่าสิ ฉันดูให้ผัวฉัน ไม่ต้องมายุ่ง จะไปไหนก็ไป ไป๊”
ถูกจันทราตะเพิด ชุติมาเดินหน้าจ๋อย ในอาการงงๆ ออกไป
ชุติมายังยืนอยู่ที่หน้าแฟลตเหมือนเดิม ปะติดปะต่อเรื่องที่ฟังจากฟลุ๊คหลง พึมพำอยู่คนเดียว
“หมายความว่า...แม่เอายากล่อมประสาทให้คุณเมินกิน”
ชุติมาตกใจมาก สีหน้าสลดลงรู้สึกเสียใจมากขึ้นที่จันทราร้ายกาจขนาดนี้
ส่วนจันทราเดินไปที่รถด้วยท่าทีลังเล ก่อนหันกลับไปมองแฟลต
“เสียดายวันนั้นเราไม่ได้ถามว่าชุติมาอยู่ห้องไหน? ไม่เป็นไร ถามใครก็คงรู้”
จันทราเดินย้อนกลับไปที่แฟลต
จันทราเดินตรงเข้ามาที่บริเวณรถเข็นขายส้มตำของสุดใจตั้งประจำเข้าไปถามชาวแฟลตคนที่นั่งอยู่แถวนั้น
“เอ่อ..วันนี้ส้มตำไม่มาขายเหรอ?” จันทรายิ้มเยื้อน มาดผู้ดี
“ขายแต่หมดไปแล้ว”
“แล้วรู้มั้ย? แม่ค้าพักอยู่ที่ไหน?”
“อ้อ วันดีน่ะเหรอ? อยู่ที่ห้อง 303”
“ขอบใจมาก” จันทราเดินออกไปพร้อมผุดรอยยิ้มร้ายในหน้า
ชุติมานั่งหน้าเครียดในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชุติมาสะดุ้งเฮือก เสียงเคาะดังขึ้นอีก
“ใคร? ..น้าวันดีเหรอ?”
เงียบไม่มีเสียงตอบ นอกจากเสียงเคาะที่เป็นจังหวะและดังขึ้น ชุติมาลุกขึ้น คว้าไม้กวาดใกล้ๆมากระชับในมือ ก่อนจะย่องไปที่ประตู เสียงเคาะประตูดังอีก ชุติมาเปิดประตู โผล่ออกไปดู พร้อมไม้กวาด มองสำรวจแต่ไม่เห็นใคร ชุติมาพึมพำ
“ไม่เห็นมีคน? แล้วใครมาเคาะประตู”
“ฉันเอง” จันทราโผล่ออกมาจากเงามืด
ชุติมาสะดุ้งเฮือกเหลียวขวับหันไปมอง “แม่”
พลันที่ประตูปิดลง ชุติมาก็ถามจันทราทันที “แม่จะมาทำไมอีก?”
“แกก็น่าจะรู้ว่าทำไม? เอามือถือมาให้ฉัน”
“แม่ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าฉันจะแฉ ฉันแฉไปนานแล้ว เพราะสิ่งที่แม่ทำมันมากกว่าที่อยู่ในมือถือ ฉันรู้ฉันเห็น แต่ฉันไม่พูด เพราะแม่คือแม่” ชุติมาสะท้อนใจ
จันทรายิ้มเย็น “ดี!! ที่ยังเห็นว่าฉันเป็นแม่...และฉันก็ยังเห็นว่าแกเป็นลูก แต่ถ้าความลับของฉันหลุดออกไป ลูกก็ลูกนะชุติมา!”
“หนูรู้ว่าแม่ทำได้ทุกอย่าง แต่หนูกลัวว่าเวรกรรมที่แม่ทำกับคนอื่น มันจะสนองแม่เข้าซักวัน หนูเป็นลูก ถึงแม่ไม่รักหนู แต่หนูก็รักแม่ หนูขอร้อง เลิกทำชั่วซะเถอะ”
จันทราโกรธจัดที่โดนด่า “นังชุติมา” ตบหน้าชุติมาเสียงดังผลัวะจนชุติมาหน้าหัน “ฉันไม่ได้มาให้แกด่า”
ชุติมาไม่ร้องสักแอะ แต่ไม่วายเตือน “ถ้าความหวังดีของหนูคือการด่า หนูก็ขอโทษ แต่เวรกรรมมันมีจริงๆ นะแม่”
จันทราเงื้อมือขึ้นทำท่าจะตบอีกฉาด “แกนี่มันวอนจริงๆ” แต่แล้วลดมือลงจะเดินออกไปหันมาบอกเย้ย “แล้วไอ้เวรกรรมน่ะ ถ้ามีจริงก็ตามมาเลย ฉันไม่กลัวหรอก” เหวี่ยงประตูปิดดังปัง
ชุติมาสั่นสะท้าน สะอื้นตัวโยน เจ็บลึกในใจ
ชุติมาร้องไห้อยู่อย่างทุกข์ใจแสนสาหัส สุดใจเดินเข้ามาปลอบ
“น้าไม่รู้หรอกนะว่าชุร้องไห้เรื่องอะไร?แต่น้าอยากบอก คนเราร้องไห้ได้ แต่อย่าร้องนาน เพราะคนที่จะแย่ก็คือเราเอง”
“ค่ะน้าวันดี” ชุติมายกมือปาดน้ำตาทิ้ง “ชุก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเรื่องแย่ๆ ถึงได้เกิดกับชุมากขนาดนี้”
“คิดว่าเป็นกรรมเก่าซะจะได้สบายใจ” สุดใจว่า
“งั้นชาติที่แล้ว ชุคงทำกรรมหนักมากๆ ชาตินี้ชีวิตชุถึงได้มีแต่เรื่องทุกข์ใจไม่เว้นแต่ละวัน ชาตินี้จะไม่ยอมทำชั่วอย่างเด็ดขาด ชุกลัวต้องรับกรรม” ชุติมาบ่น
“ใช่...กรรมชั่วนะชุ ต่อให้เราพยายามหนียังไง ถ้าได้ทำแล้ว เราก็ต้องได้รับผลของมัน ที่น้าทุกข์อยู่ตอนนี้ คงจะเป็นเพราะกรรมตามทัน จากเจ้ากรรมนายเวร ผู้หญิงคนนั้น...ที่น้าทำให้เค้าต้องพรากจากลูกเค้าชั่วนิรันดร์”
ชุติมานอนไม่หลับ ครุ่นคิดประติดประต่อร้อยเรื่องราวที่ฟังจากสุดใจ
“เป็นไปได้มั้ย...แรมอาจเป็นมาหยารัศมีตัวจริง” ชุติมาฉุกคิด
เดือนแรมที่ชุติมาเป็นห่วงนั่งซึมเศร้าอยู่ที่บ้านอย่างเดียวดาย
“ทุกวินาทีของเรา มีแต่ความเจ็บปวด เมื่อไหร่..เราจะพ้นช่วงเวลาแบบนี้ซักที”
เดือนแรมคิดในใจ แล้วนั่งเศร้าอยู่ที่เดิม
ธิติรัตน์ ศรัณย์ และวีระ รวมทั้งลูกน้องที่บริษัท หารือกันเรื่องงานอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทุกคนมาคุยงานกันอยู่สักพักแล้ว ในที่สุดธิติรัตน์ก็สรุป
“สรุปตามที่คุยแล้วกันนะ”
“โอเค”
“งั้นฉันกลับก่อน” ธิติรัตน์บอก
ศรัณย์แปลกใจ “อ้าว! แล้วไม่กินข้าวก่อนล่ะ”
“ไม่! รีบ” ธิติรัตน์รีบออกไป
“เดี๋ยวนี้ชายมันเป็นอะไร ทันทีที่เสร็จงานเผ่นออกจากออฟฟิศแทบไม่ทัน” วีระทักท้วง
“นั่นสิ ยังกับนัดใครไว้” ศรัณย์ส่ายหน้างงๆ
“เอ้าพวกเรา...จะกินอะไรสั่งเลย” วีระบอก
พนักงานสั่งอาหารกัน ศรัณย์ วีระ มองตามธิติรัตน์อย่างสงสัย
ที่เดียวที่เดิมที่ธิติรัตน์มา คือบ้านเมิน และกำลังย่องเดินมาแอบมองเดือนแรมอยู่ริมรั้วเหมือนเดิม ธิติรัตน์เห็นเดือนแรมมีท่าทีหมองเศร้าครุ่นคิดในใจ
“ฉันเคยเป็นคนทำให้เธอยิ้มได้”
ธิติรัตน์นึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองถ่ายรูป แล้วบอกให้เดือนแรมยิ้ม ธิติรัตน์รู้สึกผิดอยู่ในใจ
“แต่วันนี้ ฉันเป็นคนที่ทำให้เธอเศร้า...ฉันขอโทษแรม”
ระหว่างนั้นป้าคนเดิมเมื่อคืนก่อนเดินผ่านมาอีก เห็นธิติรัตน์แอบมองเดือนแรมก็ถามขึ้น
“อ้าว! ตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่ดีกันอีกเหรอ?...แม่หนูคนนี้ขี้งอนจริงๆ”
ธิติรัตน์หันมายิ้มให้
“อย่างว่า คนสวยก็เล่นตัวนานอย่างนี้ล่ะ เป็นป้างอนทีไร ผัวเตะอัดข้างฝาทุกที” ป้าหัวเราะชอบใจ แล้วเดินไป
ธิติรัตน์ยิ้มมองจ้องเดือนแรมแต่สายตาเศร้า
ส่วนเพ็ญประกายนั่งมองโทรศัพท์สีหน้าหงุดหงิดอยู่ในห้องนอน
“เหมือนเดิม ไม่เคยโทร.มา โทร.ไปก็ไม่รับ ไม่รู้แต่ละวันคุณชายมัวทำอะไรอยู่ เบื่อจริงๆ เราต้องทนอยู่ในสภาพนี้นานแค่ไหน? เบื่อๆๆๆ”
เพ็ญประกายโวยวายแล้วเดินออกนอกห้องไป
เพ็ญประกายเดินครุ่นคิดอยู่ที่สนามหญ้า ได้ยินเสียงมือถือดังแว่วมา เพ็ญประกายหันไปมองเห็นแม้นเทพอยู่ในชุดนายทหารเพิ่งกลับมา กดรับสาย
“โทร.มาซะดึกเชียวชุมีอะไร?”
เพ็ญประกายหูผึ่ง ขยับเดินเข้าไปใกล้ ทำเนียนเป็นเดินไปหาพี่ชายเนียนๆ ส่งยิ้มทักทายแม้นเทพ ตั้งใจฟัง แกล้วดูดอกไม้ต้นไม้ไปเรื่อยกลบเกลื่อน แม้นเทพยิ้มตอบ
ชุติมาบอก “ชุมีเรื่องด่วนอยากจะคุยกับพี่ต้อมน่ะค่ะ”
“เรื่องอะไรจ๊ะ?”
“เรื่องแรมน่ะค่ะ”
“เรื่องแรม?” แม้นเทพฉงน เพ็ญประกายหูผึ่ง
“คือชุมีเรื่องหลายเรื่องที่จะเล่าให้พี่ต้อมฟัง มันอาจจะเกี่ยวกับแรม และมาหยารัศมี”
“แรม..มาหยารัศมี ได้พรุ่งนี้พี่จะไปหาชุแต่เช้าเลย” แม้นเทพรับคำ
เพ็ญประกายหูผึ่งกังวลหนัก
จันทรานอนอยู่ในห้อง เพ็ญประกายเคาะประตูปังๆ แล้วเปิดถลาเข้ามาในห้อง
“คุณแม่ขาคุณแม่”
จันทราประหลาดใจ ผุดลุกขึ้น “มีอะไรลูก?”
เพ็ญประกายหน้าตากังวลมาก “เพ็ญแอบได้ยินพี่ต้อมคุยกับพี่ชุ....พี่ชุบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกเกี่ยวกับแรมค่ะ”
“เรื่องเกี่ยวกับนังแรม..เรื่องอะไร?” จันทรางงงวย
“เพ็ญไม่ทราบ..แต่ได้ยินมาหยารัศมีเข้าไปเกี่ยวด้วย”
“มาหยารัศมี” จันทราอุทาน
“หรือแรมจะเป็นมาหยารัศมีตัวจริง” เพ็ญประกายว่า
“จะเป็นได้ยังไงในเมื่อ นังแรมมันเป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยง มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับมณีกุลแม้แต่นิดเดียว แต่ยังไงเราไม่ควรประมาท...ไม่ว่าชุติมาจะมาบอกแม้นเทพเรื่องอะไรแม่ก็ไม่ยอม”
จันทราเสียงกร้าวนัยน์ตาวาวโรจน์
จันทราหลบมุมมาคุยโทรศัพท์ที่สนาม เพ็ญประกายกลับขึ้นห้องแล้ว
“พี่เจิม...ฉันมีเรื่องด่วนให้พี่ทำ ไปลากตัวนังชุติมามาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
จันทราวางสาย หน้าตาเหี้ยมโหดและน่ากลัวมาก
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป