ขุนเดช ตอนที่ 11
คืนนั้นดาราอยู่ที่แคมป์ทำงาน เธอเดินไปเดินมาครุ่นคิดบางอย่างพลันสายตาก็มองไปที่ดาบดำซึ่งได้มาจากดงต้นพุทธรักษา ดาราตัดสินใจหยิบดาบขึ้นมาแล้วชักดาบออกจากฝัก ดาบดำในมือของดาราเป็นดาบดำเล่มเดียวกับที่วีรบุรุษบาปใช้ ดาราหน้าเสียตกใจ
“ขุนเดช...หรือว่าเธอ”
ระหว่างนั้นเสียงรถมาจอดที่หน้าแคมป์ แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาดาราหันไปตกใจ
ยงยุทธเข้ามาเจอดารากำลังรีบร้อนเอาผ้ามาพันรอบดาบดำ
“นั่นคุณทำอะไรอยู่น่ะ...ดารา”
ดาราชะงักเพราะยังซ่อนดาบดำไม่เรียบร้อยกลัวยงยุทธจะเห็นเข้าเลยเอาตัวบังไว้
“เอ่อ...ชั้น...ชั้นกำลังทำงานอยู่”
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”
“เอ่อ...งั้น...เธอช่วยหยิบแฟ้มเอกสารตรงนั้นให้ชั้นหน่อยสิ”
“อันนั้นน่ะเหรอ”
“ใช่จ้ะ”
ยงยุทธหันหลังให้แล้วเดินไปหยิบแฟ้ม ดารารีบหันมาซ่อนดาบดำจนยงยุทธเอาแฟ้มมาให้
“นี่แฟ้มคุณ...” ยงยุทธมองอย่างสงสัย “คุณทำงานอะไรอยู่ ดูท่าทางรีบๆ ชอบกล”
“เปล่านี่ ไม่มีอะไร ว่าแต่เธอมาซะค่ำเชียวมีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ”
“ว่าจะมาคุยกับคุณเรื่องขุนเดชโดนลอบยิง อยากรู้ว่าขุนเดชรับผิดชอบงานอะไรอยู่บ้าง”
“ได้สิ...ชั้นกำลังจะเสร็จงานอยู่แล้ว เดี๋ยวเราแวะออกไปหาอะไรกินแล้วคุยกัน เธอไปรอชั้นที่รถแล้วกัน เดี๋ยวชั้นตามไป”
“จ้ะ”
ยงยุทธมองดาราอีกครั้งอย่างสงสัยแล้วออกไป ดาราหันมามองดาบดำที่ซ่อนอยู่ในห่อผ้าแล้วเป่าปากโล่งอก
กำนันบุญมีสีหน้าเจ็บใจเมื่อรู้ว่าขุนเดชยังไม่ตาย
“ไอ้ขุนเดช!...ดวงมันแข็งจริงๆ เจอยิงจังๆ ขนาดนั้นมันยังรอดมาได้ มันห้อยพระหรือว่ามีของดีอะไรติดตัววะ”
“มันไม่ได้ห้อยพระอะไรหรอกพ่อ เขาว่ากันว่าของที่อยู่ติดตัวมันอยู่ตลอดเวลาก็มีแต่ดาบหักเก่าๆ ของพ่อมันเท่านั้น”
“ลำพังดาบหักๆ เก่าๆ ใช้ดายหญ้ายังไม่ได้แบบนั้น คงไม่ได้เป็นของวิเศษที่ช่วยให้มันรอดได้หรอกกำนัน” ผกาบอก
“ผกา...ชั้นทำตามที่เธอแนะนำแล้ว แต่ไอ้ขุนเดชยังรอดอยู่แบบนี้จะให้ทำยังไงต่อ ไอ้หมวดขี้โอ่นั่นมันก็คงไม่หยุดสืบง่ายๆ แน่ แล้วถ้าเกิดมันสาวกลับมาถึงชั้นได้อีก มันเล่นชั้นแน่”
ผกานิ่งไปแล้วหันไปมองกำนันบุญ
“ถ้าไม่อยากให้ลูกชายกำนันถูกหมวดยงยุทธตามมาเอาเรื่องก็คงต้องหาตัวตายตัวแทน”
กำนันบุญนิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนจะยิ้มเข้าใจ
“สมกับเป็นเธอจริงๆ ผกา...ได้...ชั้นจะจัดการเอง”
บัวทองยังดูแลขุนเดชอยู่ที่อนามัย
“ชั้นบอกอาหมอว่ายังไม่ให้พี่ขุนเดชกลับไปพักฟื้นที่บ้าน เพราะเดี๋ยวจะไม่มีคนดูแล”
“แต่พี่ดูแลตัวเองได้”
“ยังไม่ได้หรอกขุนเดช” จ่าแท่นเดินเข้ามา
“ลุงจ่า”
“ผู้หมวดเขาเป็นห่วง เพราะยังไม่ได้เบาะแสของคนที่ลอบยิงเอ็งก็เลยสั่งให้ข้ามาช่วยเฝ้า ถ้าพวกมันย้อนกลับมาเล่นงานอีกข้าจะได้ช่วยเอ็งได้”
“ผมว่ารบกวนเวลาพักผ่อนของอาจ่าเปล่าๆ ถ้ามันย้อนกลับมาเล่นงานผมอีก ผมจะจับมันส่งให้ยงยุทธเอง”
“ทำเป็นคุย ถ้าพี่ขุนเดชมีของดีของขลังช่วยชีวิตเหมือนที่วีรบุรุษบาปมีล่ะก็ ชั้นจะช่วยพูดให้ลุงจ่ากลับไปนอนตีพุงที่บ้านให้”
“บัวทองรู้ได้ยังไงว่าหมอนั่นมีของดีช่วยชีวิต”
“ก็ขนาดเขาถูกจับฝังทั้งเป็นแต่ยังรอดมาได้ ถ้าเขาไม่มีของดีไว้คุ้มครองตัวชั้นว่าป่านนี้ เขาตายไปนานแล้ว”
“อาก็คิดอย่างบัวทองเหมือนกัน ยังสงสัยเลยว่าดาบที่วีรบุรุษบาปใช้คงจะไม่ใช่ดาบธรรมดา ต้องเป็นดาบลงอาคมแน่”
ขุนเดชนิ่งไปคิดถึงว่าดาบดำของเขาเวลานี้ตกไปอยู่ในมือใคร
“งั้นตกลงว่าคืนนี้พี่ขุนเดชต้องอยู่ที่นี่ ถ้าอยากได้อะไรก็บอกลุงจ่า แล้วพรุ่งนี้ชั้นจะทำข้าวต้มมาเยี่ยมพี่แต่เช้า ...ชั้นฝากพี่ขุนเดชด้วยนะลุงจ่า”
จ่าแท่นยิ้มรับ บัวทองออกไปขุนเดชเห็นจ่าแท่นอมยิ้ม
“ยิ้มอะไรน่ะอาจ่า”
ยงยุทธขับรถจี๊ปมาส่งดาราที่หน้าบ้าน
“ถึงแล้วนะดารา” ดาราเอาแต่นั่งเงียบมาตลอดเหม่อครุ่นคิดจนไม่รู้ตัว “ดารา…ดารา”
ยงยุทธต้องสะกิดไหล่เรียกดาราจึงรู้สึกตัว
“ถึงแล้วเหรอ...ขอบใจนะยงยุทธ”
ดาราลงจากรถแล้วจะเข้าบ้าน แต่ยงยุทธสงสัยรีบตามไปเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนดารา”
“มีอะไรอีกเหรอ ชั้นเล่าให้เธอฟังเรื่องงานที่ขุนเดชกำลังทำอยู่ตอนนี้ให้หมดแล้วนี่”
“เรื่องนั้นผมพอจะได้ข้อมูลไปตรวจสอบแล้ว แต่ผมว่าท่าทางของคุณกำลังมีเรื่องอื่นปกปิดผมอยู่”
ดาราชะงัก ยงยุทธจ้องหน้าอย่างจับพิรุจ
“เปล่านี่…ชั้นไม่มีอะไรที่ต้องปิดเธอ”
ยงยุทธจับบ่าดารามาบีบอย่างจริงจัง
“ดารา…คุณก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เรามีศัตรูรอบด้าน ไหนจะพวกกำนัน พวกไอ้ประดับ แล้วยังวีรบุรุษบาปอีก ผมไม่อยากให้คุณคิดทำอะไรเสี่ยงๆ อีก” ดารานิ่งเงียบ “จะต้องให้ผมพูดย้ำอีกกี่ครั้งว่าผมห่วงคุณ”
ดาราแตะมือยงยุทธอย่างนิ่มนวล
“ขอบใจนะยงยุทธ แต่ชั้นไม่ได้มีอะไรปกปิดเธอ คืนนี้ชั้นเหนื่อยแล้ว ชั้นขอพักผ่อนนะ”
ดารายิ้มให้แล้วเข้าบ้าน ยงยุทธได้แต่มองตามแม้ดาราจะปฏิเสธแต่ท่าทีของเธอก็ดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอยู่
ดาราเข้ามาในบ้านแล้วหยุดหน้าเครียดครุ่นคิดระหว่างนั้นเจอบัวทองที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จผมยังเปียกอยู่
“กลับมาแล้วเหรอคะอาจารย์ ผู้หมวดพาไปไหนมาเหรอคะ”
“ไปทานข้าวแล้วก็คุยเรื่องขุนเดชจ้ะ”
“ตกลงว่าหมวดเขาพอจะสืบได้มั้ยคะว่าฝีมือใคร”
“ตอนนี้คงยัง แต่ชั้นบอกเขาหมดแล้วว่าขุนเดชไปรับงานตกแต่งโบราณสถานที่ไหนบ้าง เพราะยงยุทธคิดว่าขุนเดชอาจจะไปขัดผลประโยชน์ใครเข้า”
“ขอให้หมวดตามจับไอ้คนที่คิดร้ายกับพี่ขุนเดชให้ได้ด้วยเถอะ จับได้เมื่อไหร่บัวทองจะพาชาวบ้านไปรุมด่ามัน”
“บัวทองจ้ะ…แล้วอาการขุนเดชเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกค่ะ แต่ดื้ออยากจะออกจากอนามัยให้ได้ บัวทองก็เลยต้องอ้างว่าอาหมอไม่ให้กลับ แถมลุงจ่ายังพาตำรวจมาช่วยเฝ้าเพราะกลัวถูกปองร้ายอีก พี่ขุนเดชก็เลยต้องอยู่ที่นั่น” ดาราฟังแล้วนิ่งคิด บัวทองสงสัย “อาจารย์มีอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่าจ้ะ บัวทองไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
บัวทองรับคำแล้วเดินไป ดาราหน้าเครียดๆ กังวลยากที่จะตัดสินใจ
จ่าแท่นหิ้วกาแฟมาให้ตำรวจที่เฝ้าอยู่หน้าห้องที่ขุนเดชพักอยู่
“ขอบคุณครับจ่า”
“มีอะไรผิดปกติรึเปล่า”
“ไม่มีครับจ่า เมื่อสักครู่หมอน้อยเพิ่งมาดูอาการ”
“ไม่มีอะไรก็ดี อย่าแอบงีบหลับล่ะ”
จ่าแท่นตบบ่าตำรวจให้ทำงานต่อ แล้วเข้าไปในห้องขุนเดช
จ่าแท่นอยู่กับขุนเดชในห้องชวนขุนเดชคุย
“ถ้าเอ็งสงสัยว่าพวกไหนที่มันจ้องเล่นงานเอ็งอยู่ ก็บอกมานะหมวดเขาจะได้ไปตามสืบ”
“งานของชั้นต้องไปดูแลโบราณสถานหลายที่ พวกลักขุดกรุมันเลยไม่ชอบขี้หน้าชั้น”
“ถ้าเป็นฝีมือไอ้พวกนั้น ผู้หมวดกับข้าก็คงเจองานหนัก เพราะพวกมันมีเยอะแยะเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด”
“ก็เพราะอย่างนี้ไงจ่าถึงต้องมีวีรบุรุษบาปมาคอยช่วยตำรวจ”
“เฮ้ย...เอ็งอย่าพูดอย่างนี้ให้หมวดเขาได้ยินเชียวนะเว้ย ถึงจะเป็นเพื่อนรักกันแต่ถ้าเข้าหูเขาเมื่อไหร่มีเคืองแน่ เพราะหมวดเขาหมายหัวไอ้หมอนั่นเป็นอันดับหนึ่ง”
“แล้วอาจ่าล่ะ” จ่าแท่นนิ่งไป “อาจ่าไม่เห็นด้วยกับหมวดเหรอ”
จ่าแท่นขยับเข้าใกล้ซุบซิบเบา
“ข้าคุยกับเอ็งสองคนนะเว้ย อย่าให้หมวดรู้เชียว บอกตรงๆ นะ ข้าสนับสนุนวีรบุรุษบาป อยากให้มันฆ่าพวกโจรให้หมด หมวดจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“แล้วอาจ่าอยากรู้รึเปล่าว่าวีรบุรุษบาปเป็นใคร”
“ถามมาได้...ใครๆ เขาก็อยากรู้กันทั้งนั้นแหละ หรือว่าเอ็งไม่อยากรู้”
ขุนเดชไม่ตอบได้แต่นิ่งเงียบ
กลางดึกคืนนั้นมีชาย 2 คนพากันเข้ามาที่อนามัย สภาพคนหนึ่งบาดเจ็บเลือดอาบให้อีกคนประคอง
“หมอ...หมอ...ช่วยด้วยครับ...หมอ”
หมอน้อยรีบออกมาเห็นสภาพก็ตกใจ
“ไปโดนอะไรมา”
“น้องชายผมถูกยิงมาครับ หมอช่วยมันด้วย”
หมอน้อยรีบหันไปสั่งพยาบาล
“รีบไปเตรียมห้องผ่าตัดด่วนเลย มา...รีบพาเข้าไปข้างในก่อน”
หมอน้อยเข้าไปช่วยพยุงคนเจ็บพาเข้าไปในอนามัย
ตำรวจที่เฝ้าหน้าห้องเข้ามาหาจ่าแท่นในห้อง
“เสียงเอะอะโวยวายอะไรข้างนอก”
“มีชาวบ้านถูกยิงมาขอให้หมอช่วยครับ”
“เหรอ...งั้นคุณไปดูทีสิว่าไปมีเรื่องกับใครมา จะได้วิทยุให้ร้อยเวรที่โรงพักไปจัดการ”
“ครับจ่า”
ตำรวจเดินออกไป ขุนเดชมีสีหน้าครุ่นคิดสงสัยอย่างระแวง
ตำรวจเข้ามาที่ห้องซึ่งใช้เป็นห้องผ่าตัด
“หมอน้อยครับ”
ตำรวจเปิดประตูเข้ามาแล้วตกใจเพราะเจอหมอน้อยกับพยาบาลถูกทำร้ายจนหมดสติอยู่ที่พื้น ยังไม่ทันจะชัก ปืนออกมามือปืนที่หลบอยู่ก็โผล่ออกมาทุบต้นคอตำรวจจนสลบ พวกมันมองหน้ากันแล้วยิ้มร้าย
บัวทองเคาะประตูห้องนอนดารา
“อาจารย์คะ...อาจารย์”
“มารบกวนอะไรอาจารย์เขาน่ะบัวทอง” คำปันถามลูกสาว
“บัวทองจะเอาหนังสือที่ยืมไปมาคืนอาจารย์จ้ะแม่”
“แต่นี่มันไม่ใช่เวลามากวนอาจารย์เขานะ เจอเรื่องวุ่นๆ มาทั้งวัน เธอคงอยากพักผ่อน”
“งั้นไว้พรุ่งนี้ชั้นค่อยเอามาคืนก็ได้”
“ไปนอนได้แล้ว”
“จ้ะแม่”
บัวทองกับคำปันพากันเดินไป ดารายืนหลบอยู่ไม่ไกล ดาราสีหน้าตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
ดารากลับมาที่แคมป์โบราณคดี เข้ามาที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบเอาดาบดำที่ห่อไว้ในผ้าขึ้นมาตัดสินใจนำติดตัวออกไปด้วย
จ่าแท่นเห็นลูกน้องหายไปนาน
“หมู่หายไปนานจัง มีเรื่องอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวอากลับมานะ”
“ครับอาจ่า”
จ่าแท่นออกไป แต่ขุนเดชเริ่มระแวง คิดว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ
จ่าแท่นเดินมาตามทางเดินในอนามัย เห็นมีคนฟุบหมดสติอยู่พื้นก็ตกใจรีบเข้าไปดู
“คุณ...คุณ”
มือปืนที่แกล้งทำเป็นหมดสติจ่อปืนเข้าที่พุงจ่าแท่น
“อยู่เฉยๆ ไม่งั้นโดนระเบิดพุงแน่”
“พวกแก”
จ่าแท่นพยายามจะขัดขืน มือปืนอีกคนเลยเข้ามาทุบต้นคอด้วยด้ามปืนจนจ่าแท่นสลบ พวกมันบรรจุกระสุนปืนใส่ลูกซองแล้วเตรียมพร้อม
มือปืนคนแรกเข้ามาในห้องแต่เจอขุนเดชที่ดักรออยู่แล้วใช้เข็มฉีดยาแทนอาวุธจิ้มเข้าที่คอ ขุนเดชเอามือปิดปากมันไม่ให้ส่งเสียงแล้วจับบิดคอทีเดียวมันแน่นิ่ง มือปืนอีกคนตามเข้ามามันรีบยิงใส่ ขุนเดชเลยเอาเพื่อนมันบังกระสุนจนโดนยิง...ปังๆๆ ขุนเดชผลักมันใส่จนปืนหลุดจากมือ
ขุนเดชกับมือปืนเข้าสู้กับมันด้วยมือเปล่าส่วนมันใช้มีดพกเล่นงาน ขุนเดชเพลี้ยงพล้ำไปนิดหน่อยเพราะยังบาดเจ็บอยู่ แต่ก็สามารถใช้เชิงมวยแก้เกมพลิกกลับมาเล่นงานมันได้จนมันโดนมีดพกตัวเองปักไหล่ มันถีบขุนเดช แล้ววิ่งหนีออกไป
ขุนเดชเข้ามาปลุกหมอน้อยที่หมดสติจนรู้สึกตัว
“เป็นยังไงบ้างครับอาหมอ”
“ขอบใจ อาไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ว่าแต่ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร”
“คิดว่าน่าจะเป็นพวกเดียวกับที่ลอบยิงผม มันคงมาเก็บงาน”
“เธอจัดการมันไปแล้วเหรอ”
“เสร็จไปหนึ่ง เหลืออีกคนมันบาดเจ็บอยู่คงไปได้ไม่ไกล ผมว่าจะตามไปจัดการกับมัน”
“ระวังตัวนะขุนเดช”
ขุนเดชพยักหน้ารับแล้วรีบออกไป
ถนนลูกรังมืดๆ ดาราถือดาบดำของวีรบุรุษบาปรีบเร่งเดินทางมาที่อนามัย แต่ระหว่างทางเจอมือปืนที่บาดเจ็บกำลังเดินโซซัดโซเซแล้วล้มลง
“คุณ!”
ดาราวางดาบดำที่พันผ้าเอาไว้บนพื้นแล้วรีบช่วยพยุงแต่กลับถูกมือปืนใช้มีดพกจ่อคอหอย
“อยู่เฉยๆ อย่าขัดขืน ไม่งั้นชั้นเสียบคอแกแน่”
ดาราหน้าเสีย ระหว่างนั้นขุนเดชตามมาเห็นเข้าพอดี
“ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ”
“ปล่อยก็โง่สิวะ…ถ้าแกเข้ามา ชั้นจะฆ่านังนี่จริงๆ”
มือปืนกดมีดลงที่คออย่างเอาจริง ขุนเดชหน้าเครียด ดาราเสียงสั่น
“ขุนเดช”
ขุนเดชกำหมัดขบกรามเจ็บใจ ก่อนจะสังเกตเห็นสายตาของดาราที่มองมาที่ห่อผ้าบนพื้น
“ถ้าแกตามมาชั้นจะฆ่านังนี่ซะ…ไป”
มือปืนลากดาราพาออกไปด้วยกันเพื่อใช้เป็นตัวประกัน ขุนเดชรีบไปหยิบห่อผ้าที่พื้นขึ้นมาเมื่อคลี่ออกจึงพบว่าเป็นดาบดำของตัวเอง ขุนเดชถึงกับอึ้ง
“ดารา”
มือปืนฉุดกระชากลากตัวดาราให้มากับมัน
“มานี่…ชั้นจะไม่ปล่อยแกไปจนกว่าชั้นจะไปพ้นจากที่นี่”
ดาราคิดว่าตัวเองต้องไม่รอดแน่เพราะมันคงต้องฆ่าเธอแน่ เมื่อเห็นว่ามันบาดเจ็บอยู่เธอเลยเสี่ยงขัดขืน จับมือมันมาบิดในจังหวะที่มันเผลอจนมีดมันหลุดมือแล้ววิ่งหนี
“นังตัวแสบ…คิดสู้ชั้นเหรอ”
มือปืนวิ่งตามไปแล้วจิกผมดาราไว้ทัน มันกระชากเธอแล้วตบหน้าจนล้มเลือดกบปาก มันชกเข้าที่ท้องน้อยดาราอีกทีจนจุก ตาปรือใกล้จะหมดสติ มือปืนยิ้มร้ายคิดจะจัดการกับดาราแต่ทันใดนั้นขุนเดชก็โผล่เข้ามาพร้อมกับดาบดำ ขุนเดชฟันฉับที่กลางหลังมือปืน
“อ๊ากกกกกก”
มือปืนร้องลั่นหันกลับไปเห็นขุนเดชยืนจังก้าแววตาดุดัน
“ฟ้า…ดิน…เป็นพยาน…ดาบเดือนดับ”
ขุนเดชควงเพลงดาบเดือนดับฟันคอมัน...ฉับ! คอมือปืนขาดกระเด็น
ดาราตาปรือๆ เห็นภาพพร่าๆ ของขุนเดชที่ลงมือสังหารมือปืน
“ขุน…ขุนเดช…เธอ…เธอ…คือ”
ดาราหมดสติไป ขุนดชเข้ามาประคองเธอและมองด้วยสายตาเป็นห่วง
หมอน้อยเอาแอมโมเนียมาให้จ่าแท่นดมจนรู้สึกตัว
“เป็นไงมั่งจ่า”
“อู้ยยย..ยังมึนตึบไม่หายเลยครับหมอ”
ระหว่างนั้นยงยุทธรีบเข้ามา
“จ่า”
“ผู้หมวด”
“เกิดอะไรขึ้น ผมวิทยุเรียกมาหลายครั้งแต่ไม่มีใครตอบผม”
“พวกมือปืนมันบุกเข้ามาเล่นงานผมครับ ผมไม่ทันระวังก็เลยโดนมันซัดซะหมอบ”
ยงยุทธนึกเป็นห่วงขุนเดชขึ้นมาทันที
“ขุนเดช”
ยงยุทธรีบวิ่งไปดูทันที
ยงยุทธรีบเข้ามาในห้อง เจอศพมือปืนนอนตายและไม่เจอขุนเดชอยู่บนเตียง แต่ไปพบนอนหมดสติอยู่ที่พื้น ข้างเตียงยงยุทธเรียกสติจนขุนเดชรู้สึกตัว
“เกิดอะไรขึ้นขุนเดช”
“ชั้นถูกพวกมันเล่นงาน แต่วีรบุรุษบาปมาช่วยชั้นไว้”
“วีรบุรุษบาป”
ขุนเดชพยักหน้ารับแล้วหันไปมองหมอน้อยที่เข้ามาพร้อมกับจ่าแท่น ขุนเดชส่งสัญญาณทางสีหน้าว่าได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
วันต่อมาที่บ้านกำนันบุญ สัมฤทธิ์มารายงานให้พ่อฟัง
“ไอ้พวกที่ส่งไปถูกฆ่าตายหมดแล้ว”
“จ้ะพ่อ”
“ฝีมือขุนเดชรึเปล่า”
“ไม่ใช่...พวกตำรวจมันว่าเป็นฝีมือของวีรบุรุษบาป เพราะตอนที่คนของเราถูกฆ่าไอ้ขุนเดชยังอยู่ที่อนามัย”
“ถ้าอย่างนั้นที่เคยสงสัยมาก็คงไม่ใช่มัน แล้วไอ้คดีลอบยิงมันล่ะ”
“เป็นไปอย่างที่คุณผกาแนะนำเลยจ้ะพ่อ พวกตำรวจตามไปค้นบ้านไอ้พวกนั้นเจอปืนที่ชั้นใช้ซุ่มยิงไอ้ขุนเดชแล้วเอาไปซุกไว้ งานนี้ชั้นก็เลยรอดตัว”
“เอ็งต้องขอบใจคุณผกาที่ช่วยคิดแผนดีๆ ให้”
“ชั้นขอบใจมากเลยจ้ะ ตั้งแต่มีคุณผกา อะไรๆ มันก็ง่ายไปซะหมด”
สัมฤทธิ์เยินยอ ผกาอมยิ้มชอบใจสบตากับกำนันบุญ
กำนันบุญเอากล่องสร้อยมุกมาเปิดให้ผกาดู
“เป็นไง ชอบมั้ย”
“สวยจังเลยค่ะกำนัน”
“ชั้นให้เธอ ของสวยๆ งามๆ ราคาแพงแบบนี้ เหมาะกับผู้หญิงอย่างเธอเท่านั้น”
กำนันบุญเอาสร้อยมาสวมคอให้ผกา แล้วหอมแก้มกอดรัดนัวเนีย ผกาหน้าเคลิ้มมีความสุขก่อนจะรู้วึกว่ามีคนมอง ผกาเห็นทิพย์ลูกสาวสติไม่สมประกอบของกำนันบุญแอบซุ่มยืนจ้องเขม็งอยู่หลังพุ่มไม้ ผกาเห็นตกใจ
“ว๊าย”
“เป็นอะไรไปผกา”
“ลูกสาวกำนันน่ะสิ มายืนจ้องหน้าชั้น” ผกาบอกอย่างไม่พอใจ
“ไหน”
“นั่นไง”
ผกาชี้ให้ดูอีกทีแต่ทิพย์ไม่อยู่แล้ว
“ไม่เห็นมีเลย”
“ชั้นเห็นจริงๆ นะกำนัน...ลูกสาวกำนันมายืนตาถมึงถึงจ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อชั้น น่ากลัวจะตาย”
“ไม่ต้องกลัวไปหรอกผกา อย่างนังทิพย์มันไม่มีปัญญาทำอะไรใครได้หรอก แม่มันคงปล่อยให้หลุดมาเดินเพ่นพ่าน”
“สติไม่สมประกอบแบบนี้ ทำไมไม่ส่งไปอยู่โรงพยาบาล จะมาวุ่นวายดูแลเองทำไม”
“ก็เคยคิดจะส่งมันไปเหมือนกัน แต่ว่า...”
กำนันบุญหน้านิ่งไปเพราะคิดถึงเรื่องราวบางอย่างเมื่อในอดีต
บรรยากาศป่าลึกวังเวงน่ากลัวเมื่อ 10 ปีก่อน กำนันบุญกับวงศ์เพื่อนนักล่าสมบัติวัยเดียวกันเดินเหนื่อย และหิวอยู่ในป่าพร้อมกับลูกหาบที่เหลืออยู่คนเดียว สภาพของทุกคนอิดโรยแทบจะหมดแรง กำนันบุญเดินมาหยุดพักที่ใต้ต้นไม้เอาน้ำในกระติกมากินแต่ก็หมดเกลี้ยง ระหว่างนั้นลูกหาบล้มหมดสติขาดใจตาย กำนันบุญรีบเข้าไปดูลมหายใจ
“มันตายแล้ว ไอ้วงศ์!” กำนันบุญเข้าไปกระชากคอเสื้อวงศ์มาตะคอก “เอ็งต้องพาข้าออก ไปให้พ้นจากไอ้ป่าบ้าๆ นี่ให้ได้ ไม่งั้นข้าได้ฆ่าเอ็งแล้วเอาเนื้อมาต้มกินให้หายหิวแน่”
“ใจเย็นสิวะไอ้กำนัน...ข้าไม่ได้เป็นคนชวนเอ็งให้มาตามหาสมบัติกับข้านะเว้ย”
“ก็เอ็งบอกว่ารู้ที่ซ่อนสมบัติทองคำของแม่นางเมือง ข้าก็อยากเห็นสมบัติที่ร่ำลือกันเป็นตำนานให้เป็นบุญตาข้าน่ะสิวะ”
“งั้นเอ็งก็อย่าบ่น ข้าทั้งเหนื่อยทั้วหิวเหมือนกัน ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรตกถึงท้องเอ็งกับข้าไม่รอดออกจากที่นี่แน่”
วงศ์หันมายกกระติกน้ำขึ้นดื่มแต่กระติกตัวเองก็ไม่มีน้ำเหลือเหมือนกัน วงศ์หัวเสียปาทิ้งและสบถ
“โธ่เว้ย”
“ไอ้วงศ์...เอ็งโกหกข้าใช่มั้ย ที่จริงแล้วเอ็งไม่รู้ที่ซ่อนสมบัติทองคำแม่นางเมือง”
กำนันบุญถามอย่างสงสัย วงศ์หน้าเสีย กำนันบุญเลยเข้าไปกระชากคอเสื้อมาต่อยหน้าจังๆ วงศ์เลือดกบปาก
“ข้าขอโทษว่ะไอ้กำนัน ข้าแค่ได้ยินเขาว่ากันว่ามันอยู่แถวนี้ แต่ข้าไม่มีทุน ข้าก็เลยต้องโกหกเอ็ง”
“มึง! มึงหลอกให้กูมาลำบากอยู่ในป่านี้…กูไม่เอาชีวิตมึงไว้แน่”
กำนันบุญยกปืนเล็งจะยิงวงศ์ทิ้ง แต่วงศ์รีบยกมือไหว้ขอชีวิต
“อย่าฆ่าข้าเลยนะไอ้กำนัน ข้าขอโทษ…ข้าสาบานว่าถ้าข้าเจอสมบัติทองคำของแม่นางเมืองเมื่อไหร่ ข้าจะยกให้เอ็งหมดทุกชิ้น สาบานต่อเจ้าป่าเจ้าเขาเลย”
กำนันบุญยังชี้ปากกระบอกปืนไปที่วงศ์แล้วคิดอยู่อีกครู่จึงลดปืนลง
“ก็ได้ข้าจะไม่ฆ่าเอ็ง แต่เอ็งสาบานแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนที่เอ็งไม่ทำตาม เอ็งรู้ใช่มั้ยว่าคนอย่างข้าเวลาเอาจริงแล้วเป็นยังไง”
วงศ์รีบพยักหน้ารับอย่างหวั่นเกรงกำนันบุญ ระหว่างนั้นมีเสียงร้องของชะนีดังก้องไปทั่วป่า
“เอ็งได้ยินมั้ย เสียงชะนี หลงป่ามาตั้งหลายวันโชคเข้าข้างไม่ให้เราอดตายแล้วเว้ย”
กำนันบุญหันไปทางต้นเสียง
กำนันบุญกับวงศ์วิ่งเข้ามาแหงนหน้ามองไปที่ยอดไม้ กำนันบุญเห็นชะนีก็รีบยกปืนเล็งวงศ์ร้องห้าม
“เฮ้ย...อย่าเพิ่งยิง”
“อะไรของเอ็งอีกวะ”
“นั่นมันชะนีแม่ลูกอ่อน เอ็งอย่าได้ยิงเชียวไม่งั้นเอ็งเจอมันอาฆาตแน่”
“เอ็งไม่ให้ข้ายิงมันแล้วจะเอาอะไรกิน ตัวอื่นมันหนีไปหมดแล้วไม่เห็นเหรอไง”
“แต่นังรำพันเมียเอ็งมันกำลังท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ไร้สาระน่า...ถ้าข้าไม่ยิงมันตอนนี้ ข้าก็ต้องอดตายอยู่ในป่า ถอยไป”
กำนันบุญผลักวงศ์กระเด็นแล้วยกปืนเล็งก่อนจะลั่นไก...เปรี้ยง!
กำนันบุญหน้าเครียดเมื่อนึกถึงอดีตจนผกาแปลกใจต้องแตะตัวกำนันบุญจึงรู้สึกตัว
“มีอะไรเหรอ ชั้นเห็นกำนันนิ่งไปเลย”
“ไม่มีอะไรหรอก...ถ้านังทิพย์มันยังมาป้วนเปี้ยนให้ผกาไม่สบายใจ ชั้นจะสั่งให้ล่ามมันไว้ในบ้านไม่ให้มาเดินเล่นแถวนี้อีกจะได้ไม่ทำให้ผกาตกใจ”
“ก็ดี...ถ้ากำนันรับปากชั้นจะได้สบายใจ เพราะชั้นล่ะเกลียดเข้าไส้เลย...พวกปัญญาอ่อน”
ระหว่างนั้นสัมฤทธิ์เข้ามา
“พ่อ...พ่อ”
“มีอะไรวะ”
“โทรเลขจากนายประดับ”
สัมฤทธิ์รับโทรเลขมาเปิดอ่านแล้วสีหน้าครุ่นคิด ผกาเข้ามาถามอย่างสนใจ
“ประดับว่ายังไงเหรอกำนัน”
“ท่านเรียกให้ชั้นเข้าไปพบที่กรุงเทพฯ อยากให้ชั้นช่วยตามหาโลหะศักดิ์โบราณชิ้นต่อไป”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ขุนเดช ตอนที่ 11
ดารารู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำศิลา ก็แปลกใจที่ตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับอาจารย์”
“หมอ...นี่...นี่ชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
หมอน้อยไม่ตอบกลับเอากระติกน้ำมาวางใกล้ๆ ดาราเลยยิ่งสงสัย
“ผมว่าอาจารย์ดื่มน้ำสักหน่อยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะหมอ แต่ชั้นอยากเจอขุนเดช เขาเป็นคนพาชั้นมาที่นี่ใช่มั้ย”
หมอน้อยไม่ทันตอบ ขุนเดชเข้ามา
“ใช่...ผมเป็นคนพาคุณมาเอง เพราะผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณตามลำพัง”
หมอน้อยเป็นห่วงเรื่องที่ขุนเดชจะพูดกับอาจารย์ดาราเลยแตะไหล่ขุนเดช
“แน่ใจเหรอขุนเดช”
“เธอเห็นทุกอย่างแล้ว เราคงปิดเธอไม่ได้อีกขอผมอยู่ตามลำพังกับเธอนะครับอาหมอ”
หมอน้อยนิ่งไปแล้วพยักหน้ายอมปล่อยให้ขุนเดชอยู่ตามลำพังกับดารา
อีกด้านหนึ่งที่บ้านคำปัน คำปันมีสีหน้าแปลกใจสงสัยเมื่อยงยุทธมาถามหาอาจารย์ดารา
“อาจาย์ดาราน่ะเหรอคะหายตัวไป”
“ครับ พวกอาจารย์ที่แคมป์ไม่มีใครเห็นเธอตั้งแต่เช้าแล้ว ผมก็เลยลองมาตามที่นี่”
“น้าไปวัดมาแต่เช้ามืดก็เลยไม่รู้ว่าอาจารย์ออกจากบ้านไปตอนไหน บัวทองเห็นรึเปล่า”
“ก็เห็นตั้งแต่เมื่อคืนนี้แหละจ้ะแม่ เช้ามาชั้นก็วุ่นๆ อยู่แต่ในครัวเลยไม่ทันสังเกต”
“แล้วอาจารย์ไม่ได้บอกใครไว้เลยเหรอคะว่าไปไหน”
“เปล่าครับ เหมือนกับว่าอยู่ๆ เธอก็หายไปเลย”
บัวทองคิดสงสัย
“แม่...แม่จำเมื่อคืนได้มั้ย”
“จำอะไรได้ล่ะ”
“ก็ที่เมื่อคืนชั้นมาเคาะประตูห้องเรียกอาจารย์อยู่ตั้งนานแล้วอาจารย์ไม่ออกมานั่นไง”
“ตอนนั้นอาจารย์เขานอนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่หรอก ปกติอาจารย์เขาชอบทำงานดึกๆ ชั้นยังสงสัยเลยว่าทำไมเรียกตั้งนานแล้วไม่ออกมา จนแม่มาบอกให้ชั้นอย่าไปกวนเขา”
“บัวทองสงสัยว่าดาราจะออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนเหรอ”
“ค่ะหมวด”
ยงยุทธเริ่มคิดสงสัยและเป็นห่วง
ดารามองขุนเดชเดินไปคุกเข่าพนมมือไหว้พระศิลาซึ่งไร้เศียร
“คุณรู้จักพระศิลาองค์นี้ใช่มั้ยดารา” ดาราพยักหน้ารับ “งั้นคุณก็คงรู้ด้วยว่าพ่อผมยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องพระศิลา” ดาราพยักหน้ารับอีก “คืนนั้นผมอยู่ที่นี่กับพ่อด้วย”
ดาราชะงัก
“ขุนเดช”
“พ่อรู้ว่าพวกโจรจ้องจะมาตัดเศียรพระศิลา พ่อถึงมารอจัดการกับพวกมัน พ่อใช้ดาบดำต่อสู้กับพวกมันอย่างไม่คิดชีวิต เพราะมันเป็นหน้าที่ของผู้ที่ให้สัตย์ปฏิญาณต่อพระ ร่วงเจ้าว่าจะรักษาสมบัติของแผ่นดินไว้ให้ลูกให้หลาน ไม่ยอมให้รากเหง้าและภูมิปัญญาบรรพบุรุษถูกย่ำยี...เพราะว่าพ่อผมคือ...ทหารของพระร่วง”
“เธอจะบอกชั้นว่า เธอต้องสืบทอดหน้าที่ต่อจากพ่อใช่มั้ยขุนเดช”
“ผมเห็นพวกมันตัดคอพ่อผม แล้วพวกมันก็ตัดเศียรพระศิลา ถ้าหลวงพ่อสุขไม่ช่วยชีวิตผมไว้ในวันนั้น ก็คงไม่มีผมในวันนี้”
“งั้นก็หมายความว่าเธอเป็นวีรบุรุษบาปเพราะต้องการแก้แค้น”
“ไม่ใช่” ขุนเดชบอกเสียงดังขึงขัง “เพราะว่าแผ่นดินนี้มีพวกใจบาปหยาบช้ามากเกินไป เพราะพวกมันมักจะตายช้ากว่าคนดี ผมถึงต้องมาเป็นเพชรฆาตไล่ล่าฆ่าพวกมันเพื่อคนดีๆ จะได้ ไม่ถูกพวกมันฆ่าตาย”
ขุนเดชพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาแข็งกร้าวดุดัน ดาราเห็นท่าทางของเขาแล้วก็น้ำตาคลอสะเทือนใจ
“ขุนเดช...เพราะเรื่องแค่นี้เองใช่มั้ย...เพราะความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในหัวใจของเธอ ทำให้เธอทิ้งชั้น ทิ้งมิตรภาพของเพื่อนไว้ข้างหลัง รู้มั้ยว่าเธอไม่ได้ทำร้ายคนอื่นอย่างเดียว แต่เธอทำร้ายยงยุทธ ทำร้ายชั้นด้วยนะชุนเดช”
ดาราร้องไห้เข้าไปทุบตีขุนเดชอย่างสะเทือนใจ “เธอทำร้ายชั้นทำไม...ฮือๆๆๆ ใจคอของเธอทำด้วยอะไร...ฮือๆๆๆ คนใจร้าย ฮือๆๆๆ”
ขุนเดชนิ่งสีหน้าเรียบเฉยปล่อยให้ดาราทุบหน้าอกร้องไห้ฟูมฟาย
ยงยุทธและบัวทองช่วยกันเดินตามหาดาราที่โบราณสถานเพราะคิดว่าดาราอาจจะแวะมาแต่ก็ไม่เจอ
“เจอมั้ยบัวทอง”
“ไม่เลยค่ะ ผู้หมวดล่ะคะ”
“ผมก็ไม่เห็นเหมือนกัน”
“หรือว่าอาจารย์จะเข้ากรุงเทพฯเหมือนครั้งที่แล้ว”
“ผมตรวจสอบแล้วดาราไม่ได้ไปไหน”
“งั้นทำไมอาจารย์ถึงหายตัวไปเฉยๆ ล่ะคะ”
ยงยุทธนิ่งคิดไป นึกถึงเมื่อคืนนี้ที่ดารามีท่าทางแปลกๆ
“ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่ผมรู้สึกว่าเธอมีท่าทีแปลกๆ”
“บัวทองก็รู้สึกเหมือนกัน อาจารย์เอาแต่เหม่อคิดอะไรอยู่คนเดียว พยายามถามก็แล้ว แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย”
“ถ้าเธอไม่ยอมพูดกับผม ไม่ยอมพูดกับคุณ ก็เหลือคนเดียวที่อาจจะรู้ว่าเธออยู่ไหน”
จบตอน 23
ขุนเดช ตอน 24.1
ดาราร้องไห้ซบหน้าที่แผ่นอกขุนเดชอย่างเจ็บปวด ขุนเดชจับมือเธอให้หยุดทุบตี
“ชั้นรู้ดีว่าการเลือกเส้นทางนี้ของชั้นเป็นการทำลายมิตรภาพและทำร้ายเธอ แต่ฟ้าได้ลิขิตให้ชั้นเกิดมาเพื่อเป็นเพชรฆาต”
“ชั้นไม่เชื่อเรื่องลิขิตฟ้า ตัวเราต่างหากที่เป็นคนกำหนดชีวิตเราเอง”
“แล้วที่หลวงพ่อสุขพยายามเลี้ยงผมให้อยู่ในศีลในธรรม แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้ล่ะ”
ดาราชะงักไป
“ขุนเดช แต่ถ้าเธอไม่เลิกทางนี้ เธอรู้ใช่มั้ยว่าจุดสุดท้ายเธอจะต้องลงเอยยังไง”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็พร้อมรับมัน”
“ไม่ ชั้นไม่ยอมเสียเธอไป ถ้าเธอยังเห็นว่าชีวิตชั้นยังมีความสำคัญกับเธออยู่ ชั้นก็ขอแลกเพื่อให้เธอกลับเนื้อกลับตัว”
“คุณจะทำอะไรน่ะดารา” ขุนเดชถามอย่างสงสัย ดารามีสีหน้าจริงจังถอยออกมาแล้วรีบวิ่งออกจากถ้ำ
“ดารา”
ยงยุทธกับบัวทองมาหาขุนเดชที่กระท่อม
“พี่ขุนเดช...พี่ขุนเดช” บัวทองกับยงยุทธเข้ามาดูในกระท่อมแต่ก็ไม่เจอขุนเดช “พี่ขุนเดชก็ไม่อยู่ หรือว่าเขาจะไปด้วยกันคะหมวด”
ยงยุทธมีสีหน้าครุ่นคิด ระหว่างนั้นหมอน้อยเข้ามา
“ตามหาขุนเดชกับอาจารย์ดาราอยู่เหรอครับหมวด”
“คุณหมอ...ครับ เรากำลังตามหาอาจารย์ดาราอยู่ คิดว่าขุนเดชน่าจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับหมวด อาจารย์ดาราอยู่กับขุนเดช”
“แล้วอาจารย์กับพี่ขุนเดชไปไหนกันเหรอคะ”
“อาจารย์เขาได้ข้อมูลเพิ่มเติมของโบราณสถานบนเขาหลวง ก็เลยชวนขุนเดชขึ้นไปสำรวจด้วยกัน”
“โธ่เอ้ย...เล่นเอาตกใจแทบแย่ นึกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับอาจารย์แล้วซะอีก”
บัวทองโล่งอกแต่ยงยุทธยังไม่หายสงสัย
“ขอบคุณครับหมอ ผมจะตามพวกเขาไป”
“เดี๋ยวสิครับหมวด...หมวด”
ยงยุทธไม่ฟัง รีบเดินออกไปบัวทองรีบตามไปด้วย หมอน้อยมีสีหน้ากังวล
ขุนเดชวิ่งตามดารามาที่น้ำตก ซึ่งดาราเข้ามายืนรออยู่แล้ว
“ดารา...คิดจะทำอะไรของคุณ”
“พวกเราทุกคนรักเธอนะขุนเดช ไม่มีใครต้องการให้เธอเลือกเดินทางผิด”
“ผมไม่ได้เลือกเดินทางผิด ผมทำในสิ่งที่ถูกต่างหาก ถ้าไม่มีใครตามจัดการพวกมัน แผ่นดินนี้จะไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกหลานของเราอีก”
“แต่เธอเคยสัญญากับพ่อชั้นว่าจะดูแลชั้น...ใช่มั้ยขุนเดช”
“ใช่...ผมเคยสัญญา”
“งั้นชีวิตชั้นกับวีรบุรุษบาป...เธอจะเลือกใคร”
ดาราขยับไปยืนหมิ่นเหม่ที่โขดหินที่ข้างล่างน้ำไหลเชี่ยว ขุนเดชอึ้ง
“อย่านะดารา...กลับเข้ามา”
“ไม่...ตอบชั้นมาสิขุนเดช ชีวิตชั้นกับวีรบุรุษบาป เธอจะเลือกรักษาใครไว้”
“อย่าทำอย่างนี้ดารา...ผมขอ”
ดาราขยับถอยไปยิ่งหมิ่นเหม่กว่าเดิมอีกจนเกือบจะตกลงไปอยู่แล้ว ขุนเดชขยับเข้าใกล้แต่กลับหยุดชะงัก
“ดารา....ผม...ผม”
ดาราน้ำตาไหลอย่างเสียใจ
“เธอเลือกวีรบุรุษบาป เธอไม่รักชั้น ไม่รักทุกคนที่รักเธอ”
ดาราเสียใจแล้วหันกลับไปกระโจนลงสู่น้ำตกด้านล่าง
“ดารา”
ขุนเดชเป็นห่วงรีบกระโจนโดดตามลงไปทันที...ตูม
ยงยุทธเร่งฝีเท้ามาตามทางเดินในป่า แต่บัวทองที่รีบตามมาด้วยสะดุดรากไม้ล้มร้องเจ็บ...โอ๊ย! ยงยุทธรีบย้อนกลับไปช่วยประคองบัวทอง
“บัวทอง...เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะหมวด”
บัวทองพยายามจะลุกเองแต่รู้สึกเจ็บข้อเท้า หน้าเหยเก
“ชั้นว่าเธอพักอยู่แถวนี้ก่อนดีกว่า ชั้นเจอดารากับขุนเดชแล้วชั้นจะกลับมารับเธอ”
“ค่ะหมวด”
ยงยุทธพยุงให้บัวทองไปนั่งพักที่โคนต้นไม้ใหญ่แล้วเดินต่อไป บัวทองมองตามสีหน้าครุ่นคิด
ขุนเดชประคองดารามาขึ้นฝั่งในสภาพเปียกโชกทั้งคู่ ดาราไอโขลกๆ เพราะสำลักน้ำ
“อย่าทำอย่างนี้อีกนะ ถ้าผมไม่ตามไปช่วยคุณขึ้นมา ป่านนี้คุณกลายเป็นศพอยู่ในแอ่งนั่นแน่”
ดาราหันมาน้ำตาคลอไม่พอใจตบหน้าขุนเดชทันที...เพี๊ยะ ขุนเดชหน้าหัน
“เธอปล่อยให้ชั้นตายอยู่ในนั้น ยังดีกว่าปล่อยให้ชั้นอยู่อย่างทรมานเพราะความกระหายเลือดของเธอ” ขุนเดชหน้านิ่ง ดาราเข้าไปทุบตีไม่ยั้งมือ “ต้องให้คนที่รักเธอทุกคนตายเพื่อเธอให้หมดก่อนใช่มั้ย เธอถึงจะยอมหยุด ชั้นอยากได้ขุนเดชคนเดิมกลับมา ขุนเดชที่จิตใจงามไม่มีความโหดร้ายทารุณ ขุนเดชที่ชั้นเคยรัก ชั้นอยากให้เขากลับมา…ฮือๆๆๆ”
ขุนเดชปล่อยให้ดาราทุบๆ จิตใจตอนนี้ของเขาก็เริ่มเปราะบาง น้ำตาคลอเหมือนกันแต่ก็กลั้นทน
“ขุนเดชคนนั้นมันตายไปแล้ว คุณจะไม่มีวันได้พบกับมันอีก”
“ไม่จริง…ชั้นไม่เชื่อ”
ด้วยความโมโหขุนเดชตัดสินใจจับมือดาราแล้วกดเธอลงกับพื้นตาสบตาหน้าเกือบชิด ดาราชะงัก
“ขุนเดชไม่เคยเป็นคนดี มันเป็นได้แค่คนเลวที่รอให้นรกมาพามันไปใช้กรรม ถ้าคุณยังไม่เชื่อ ผมก็จะทำให้คุณเห็นว่าไอ้ขุนเดชมันสารเลวแค่ไหน”
ขุนเดชประกบปากจูบดาราอย่างรุนแรงในลักษณะของการปลุกปล้ำ ดาราพยายามดิ้นสุดฤทธิ์
“อย่านะ...ปล่อย...ปล่อยชั้น...ปล่อย”
ดาราดิ้นแรงแต่ก็สู้กำลังขุนเดชไม่ได้ เธออ่อนแรงและเผลอเคลิ้มไปตามความรู้สึก ยงยุทธเดินเข้ามาแล้วเห็นภาพขุนเดชกับดาราซึ่งเป็นภาพบาดตาบาดใจ และที่ตามหลังมาก็คือบัวทองที่เดินกะเผลกตามเข้ามา ทั้งคู่ถึงกับอึ้งหน้าเสีย บัวทองน้ำตาเอ่ออย่างไม่รู้ตัวรีบถอยกลับไป ยงยุทธเองก็เจ็บปวดและเศร้าจึงตามบัวทองไปทิ้งขุนเดชกับดาราไว้ลำพัง
ดาราถูกขุนเดชจูบอยู่ได้อีกครู่ก็รู้สึกตัวผลักขุนเดชออกจากตัวทันที ดาราตบหน้าเขาอีดหนึ่งฉาด...เพี๊ยะ
“ชั้นไม่น่ามาหลงรักคนเลวอย่างเธอเลย...ชั้นเกลียดเธอขุนเดช ชั้นเกลียดเธอ”
ดาราวิ่งออกไป ขุนเดชลุกขึ้นแล้วมองตามหน้านิ่งยอมรับความเกลียดชัง
บัวทองร้องไห้เสียใจข้อเท้าก็เจ็บต้องมาหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตาไหลอาบสองแก้มเพราะช้ำใจที่พี่ขุนเดชทำร้ายหัวใจเธอ ยงยุทธตามเข้ามาอย่างเป็นห่วง
“บัวทอง”
บัวทองพยายามจะกลั้นน้ำตา แต่กลั้นยังไงน้ำตาก็ไม่ยอมหยุด
“อย่าเข้ามานะคะหมวด...บัวทองไม่เป็นอะไร”
บัวทองปากแข็งทั้งๆ ที่ตัวเองยังสะอื้น สองมือปาดน้ำตาไม่หยุด ยงยุทธสงสารเลยเข้าไปจับไผล่บีบปลอบใจ
“เธอรักขุนเดชเหรอบัวทอง” บัวทองไม่ตอบกลับยิ่งสะอื้น ยงยุทธเลยจับบัวทองหันมา “ที่เธอเห็นเมื่อกี้นี้มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็ได้”
“แล้วหมวดล่ะคะ...หมวดก็รักอาจารย์ดาราไม่ใช่เหรอ”
ยงยุทธไม่ตอบ ได้แต่หน้าครียดเพราะตัวเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน ยงยุทธจับหัวบัวทองมาซบที่อกแล้วปล่อยให้ บัวทองปล่อยโฮร้องไห้เสียใจ
ขุนเดชกลับมาที่กระท่อมแล้วคุยกับหมอน้อยเรื่องดารา
“ว่าไงนะ เธอเปลี่ยนใจให้อาจารย์ดาราเห็นด้วยกับเธอไม่ได้เหรอ”
“ครับอาหมอ ดาราพยายามขอร้องให้ผมหยุด แต่ผมทำตามที่เธอต้องการไม่ได้”
“อาเข้าใจอาจารย์ดารานะ เธอเป็นเพื่อนสนิทกับเธอและยงยุทธ คงไม่อยากเห็นพวกเธอต้องมาไล่ล่ากันเอง เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้อาช่วยพูดมั้ย”
“ไม่ได้ผลหรอกครับอาหมอ ดาราไม่ชอบการกระทำของวีรบุรุษบาป ใครพูดอะไรก็คงเปลี่ยนใจเธอไม่ได้”
“งั้นถ้าเธอไปบอกหมวดยงยุทธล่ะ”
“ผมคิดไว้แล้วครับว่ายงยุทธต้องรู้เรื่องนี้เข้าสักวัน จะช้าหรือเร็วก็ต้องแตกหักกับเพื่อน”
ขุนเดชชักดาบดำออกจากฝักสีหน้าจริงจัง
รถจี๊ปของอาจาย์ประทีปขับมาตามทางถนนลูกรังจนฝุ่นตลบ ในรถมีอาจารย์ประทีป ดำรง เปี๊ยะและกบ ที่ท้ายรถมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อสำริด ศิลปะแบบเชียงแสนที่อาจารย์ประทีปกำลังนำกลับมาที่แคมป์ แต่ระหว่างทางรถยางแตกกระทันหัน จนต้องจอดรถกลางถนน
“จอดรถทำไมล่ะอาจารย์”
“รถยางแตกครับ”
“งั้นเดี๋ยวผมเปลี่ยนยางให้ครับ”
เปี๊ยะกับดำรงลงไปดูยางหน้ารถ อาจารย์ประทีปกับกบรออยู่บนรถ แต่อาจารย์ประทีปรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เหมือนมีคนจับตาดูอยู่ ดำรงดูยางรถแล้วรีบกลับมาบอก
“แย่แล้วครับอาจารย์ รถเราโดนวางตะปูเรือใบ”
สังหรณ์ของอาจารย์ประทีปชักเข้าเค้า อาจารย์ประทีปรีบเปิดลิ้นชักรถเพื่อจะหยิบปืนออกมา แต่เสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง
อาจารย์ประทีปกับดำรงชะงักเมื่อเห็นคนร้ายสองคนสวมหมวกไหมพรมปิดหน้าปิดตายิงปืนขู่ ซึ่งก็คือไอ้เนกับไอ้นะ
“อยู่เฉยๆ อย่าคิดขัดขืน...ชั้นต้องการแค่พระที่พวกแกขุดมาเท่านั้น”
ดำรงหน้าเสีย
“อาจารย์ เอาไงดีครับ”
“ให้พวกมันไปไม่ได้”
อาจารย์ประทีปจะเอื้อมมือไปหยิบปืนมาต่อสู้ ไอ้เนยกปืนเล็งขู่จริงจัง
“อยากเจ็บตัวใช่มั้ย คิดว่าขู่เล่นงั้นเหรอ”
“อาจารย์คะ...หนูกลัว”
กบเข้าไปเกาะแขนดำรงอย่างหวาดกลัว ทุกคนต่างหน้าเสีย
ที่คฤหาสน์ของปราชญ์ ประดับกับคนใช้ช่วยประครองปารมีที่ดูยังไม่ค่อยแข็งแรงดีให้นอนลงบนเตียง ประดับช่วยห่มผ้าให้
“เดี๋ยวชั้นจะอยู่ดูแลเธอเอง” ประดับบอกคนใช้ คนใช้ออกไปทิ้งให้ประดับอยู่กับปารมีตามลำพัง “พี่ไม่เห็นด้วยเลยนะครับที่คุณปาจะขอมารักษาตัวที่บ้านแบบนี้”
“ปาไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล ต่อให้อยู่ห้องพิเศษแต่ไหนปาก็ไม่อยากอยู่”
“แต่ถ้าอาการคุณปาไม่ดีขึ้นมา กว่าจะตามหมอให้มาถึงที่นี่ พี่เป็นห่วง”
“ถ้าพี่เป็นห่วงปาจริงๆ พี่ประดับก็ต้องไปเยี่ยมปาทุกวัน ไม่ใช่ทิ้งๆ ขว้างๆ ให้ปานอนเห็น แต่หน้าหมอหน้าพยาบาลอยู่คนเดียว”
“พี่มีงานต้องรับใช้ท่าน”
“หึ...ก็เพราะอย่างนี้ไงคะ ปาถึงต้องกลับมาอยู่ที่นี่ ปาเจ็บหนักเข้าโรงพยาบาล แต่พ่อกับแม่ก็ไม่เคยโผล่หน้าไปเยี่ยมปาเลย”
“ท่านเป็นห่วงคุณปานะครับ แต่ที่พวกท่านไปโรงพยาบาลไม่ได้ เพราะถ้านักข่าวรู้...”
“พอได้แล้วค่ะพี่ประดับ ลูกจะตายคาเตียงอยู่ในโรงพยาบาล มันก็ไม่เสียหายเท่ากับหน้าตาในสังคมของพวกเขาหรอก”
ปารมีพูดไปก็มีอาการเหนื่อยหอบไม่ค่อยดีเลย
“คุณปาอาการยังไม่ค่อยดี พี่ว่าพักอยู่เฉยๆ ก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่จะเอาน้ำมาให้”
ประดับเดินออกมาที่หน้าห้องเจอเบิ้มที่ยกถาดเหยือกน้ำมาให้
“ท่านกับคุณหญิงออกมาจากงานเลี้ยงแล้ว อีกชั่วโมงคงจะถึงครับ”
ประดับพยักหน้ารับ
“แล้วที่ชั้นให้แกเตรียมไว้ล่ะ”
“นี่ครับ” เบิ้มยกถาดให้ดู “ผมใส่ยาเบื่อที่คุณประดับสั่งให้หามาแล้ว ตามปริมาณที่บอกไว้เลยครับ”
ประดับมองแก้วน้ำในถาดแล้วหยิบขึ้นมาดูสีหน้าดูเหี้ยมโหด
“ดี...ชั้นจะให้มันกินยาเบื่อทุกวัน ความตายจะค่อยๆ คืบคลานหามันทีละนิด มันจะไม่ทันได้ปากโป้งหรือพูดอะไร จะได้ไม่ต้องมาเกะกะขวางทางชั้น”
ประดับเอาน้ำให้ปารมีกินแล้วดูอย่างเยือกเย็น
“ปา...ปารู้สึกเหนื่อยจังเลยค่ะพี่ประดับ”
“เพราะคุณปายยังไม่หายดีไงครับ เดี๋ยวคุณปานอนพักผ่อนเลยนะครับ พอท่านมาผมจะเรียนให้ว่าคุณปาอยากพักผ่อน”
“แล้ว...” ปารมีเหนื่อยหอบ “แล้วเรื่องที่...ที่ปาแท้งลูกเราล่ะคะ”
“ชู่ววว์...คุณปาอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเด็ดขาด ตอนนี้ท่านยังโกรธอยู่คุณปาก็รู้ว่าเวลาท่านโมโหท่านจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ไว้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วผมจะพูดกับท่านเอง”
“พี่...พี่ประดับ...ต้องสัญญานะ”
“ครับ...พี่สัญญา”
ประดับทำพูดดีจัดผ้าห่มให้แล้วปล่อยให้ปารมีนอนหลับไป
ปราชญ์กับคุณหญิงกลับเข้ามาในคฤหาสน์ ประดับรออยู่
“ยัยปาเป็นยังไงบ้างประดับ”
“คุณปายังอ่อนเพลียอยู่ ตอนนี้หลับไปแล้วครับ”
“อาการไม่ดีเลยเหรอ”
“จะไปห่วงมันทำไม มันไม่ตายก็ถือว่ามันดวงดีแล้ว”
“นี่คุณ นั่นลูกนะ”
“ลูกล้างลูกผลาญน่ะสิ รู้มั้ยว่าผมต้องหมดเงินไปเท่าไหร่ถึงจะปิดปากพวกนักข่าวไม่ให้มันขุดคุ้ยเอาเรื่องยัยปามาเขียนโจมตีผม” ปราชญ์เเข้าไปบีบแขนคุณหญิง “แล้วที่มันสันดานเสียแบบนี้ก็เพราะคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก ปล่อยให้ประดับมันจัดการไป” ปราชญ์ผลักเมียจนเซ แล้วหันไปถามประดับ “ที่ชั้นนัดกำนันบุญไว้น่ะ มารึยัง”
“มารอท่านได้สักครู่ใหญ่แล้วครับ”
ปราชญ์เดินออกไปอย่างไม่สนใจอะไร คุณหญิงเจ็บใจเข้าไปกอดแขนประดับ
“ประดับ ดูเขาสิ...ดูที่เขาทำกับชั้น ชั้นเกลียดเขา...ชั้นเกลียดเขา”
ประดับแกะมือคุณหญิงออก
“คุณหญิง...ปล่อยเถอะครับ ถ้าท่านกลับมาเห็นเข้าผมจะแย่”
“แต่ชั้นเหลืออดกับเขาแล้วนะประดับ ชั้นอยากไปให้พ้นๆ เราไปด้วยกันนะ”
“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ...อำนาจของท่านมากมายขนาดไหนคุณหญิงก็รู้ ถ้าเราทำอะไรไม่คิด เราจะถูกตามล่า ผมว่า...คุณหญิงกลับมาเหนื่อยๆ ไปพักเถอะครับ”
ประดับรีบแกะมือคุณหญิงแล้วเดินตามปราชญ์ไป คุณหญิงได้แต่กระทืบเท้าหัวเสียสั่งเสียงลั่น
“หายหัวไปไหนกันหมด เอาเหล้ามาให้ชั้นเดี๋ยวนี้”
บัวทองนั่งเหม่ออยู่ที่ระเบียงคำปันเข้ามา
“บัวทอง...บัวทอง”
บัวทองชะงัก
“จ๊ะแม่”
“เหม่อคิดอะไรอยู่ แม่เรียกตั้งนาน”
“เอ่อ...เปล่าจ้ะแม่”
“ถ้าว่างไม่มีอะไรทำ งั้นก็เอาปิ่นโตไปให้ขุนเดช”
“ชั้นไม่ว่างจ้ะแม่ ชั้นว่าจะซ้อมรำ”
“คิดจะมาซ้อมอะไรตอนนี้”
“ก็แม่ชอบว่าชั้นขี้เกียจซ้อม พอชั้นจะขยันซ้อม แม่กลับมาบอกไม่ต้องซ้อม ตกลงแม่จะเอายังไงกับชั้น”
“บัวทอง” คำปันตีแขนลูกสาวทันที “นี่แน๊ะ เดี๋ยวนี้เถียงแม่ฉอดๆๆ”
“ก็ชั้นไม่อยากเอาปิ่นโตไปให้พี่ขุนเดชนี่”
“ไม่ได้...สายป่านนี้แล้วเดี๋ยวขุนเดชหิวเอาไป”
“ชั้นไม่ไป”
“บอกให้ไป...แล้วถ้าอยากซ้อมก็ค่อยกลับมาซ้อม...ไปสิ”
คำปันยัดปิ่นโตใส่มือ บัวทองทำหน้าเซ็งๆ
ขุนเดชคุมคนงานบูรณะโบราณสถาน หันมาเห็นบัวทองขี่จักรยานเอาปิ่นโตเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว
“ทำไมวันนี้มาช้าจังล่ะบัวทอง พี่หิวจะแย่อยู่แล้ว” บัวทองไม่พูดอะไรหน้านิ่งๆ เฉยๆ จัดแจงเอาอาหารในปิ่นโตออกมาวางเรียงให้แต่มีอาการกระแทกปิ่นโต “เป็นอะไรไปน่ะบัวทอง ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ” บัวทองก็ยังไม่พูดกระแทกปิ่นโตจนแกงกระฉอก “เอ้า...หกหมดแล้วบัวทอง แล้วจะเหลืออะไรให้พี่กินล่ะ”
“ไม่เหลือก็ไม่ต้องกิน”
บัวทองกระแทกน้ำเสียงแล้วเดินสะบัดหน้าออกไปอย่างไม่พอใจ ขุนเดชอึ้งงง
บัวทองเข็นจักรยานหน้าง้ำงอน ขุนเดชรีบตาม
“เดี๋ยวก่อน...บัวทองเป็นอะไร...ถ้าไปมีเรื่องกับใครมาก็บอกพี่สิ”
“ทำไมพี่ถึงชอบคิดว่าชั้นจะต้องไปมีเรื่องกับคนอื่น”
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”
“จะไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นได้ไง ก็พี่เพิ่งพูดว่าชั้นไปมีเรื่องกับคนอื่นมา ใช่สิ...ชั้นมันนิสัยไม่ดี เป็นเด็กกะโปโลไม่เรียบร้อย หาแต่เรื่องเดือดร้อนให้พี่ตลอด งั้นต่อไปนี้ชั้นจะไม่เอาปิ่นโตมาให้ จะไม่เข้าใกล้พี่อีก แบบนี้พอใจใช่มั้ยพี่ขุนเดช”
บัวทองระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วจะไป แต่ขุนเดชรีบคว้าแขนแล้วดึงมาคุยกันแบบลับตาคนที่หลังเจดีย์
“พี่ว่าบัวทองต้องเข้าใจอะไรพี่ผิดอยู่แน่ๆ”
“ชั้นไม่มีอะไรที่จะต้องเข้าใจพี่ผิด...ปล่อยชั้นนะ ชั้นจะกลับบ้าน”
“บัวทอง” ขุนเดชบีบไหล่สองข้างของบัวทอง สายตาจริงใจจนหน้าใกล้มากๆ ทำเอาบัวทองชะงัก “ที่พี่เคยบอกว่าพี่เป็นห่วงบัวทอง พี่ไม่ได้หมายความแค่เรื่องความปลอดภัยอย่างเดียว แต่พี่ห่วงไปถึงความรู้สึกของบัวทองด้วย บัวทองเข้าใจมั้ย”
ขุนเดชสบตาอย่างจริงจัง บัวทองอึ้งไปตามองตาเห็นถึงความรักที่ขุนเดชมีให้เธอ
“พี่...พี่ขุนเดชพูดจริงเหรอ” ขุนเดชหน้าตาจริงจังตอบ “งั้นชั้นถามอะไรพี่แล้ว พี่ต้องตอบมาตามตรงนะ”
“บัวทองอยากถามอะไรล่ะ”
บัวทองกำลังจะถามเรื่องที่เห็นขุนเดชกับดารา แต่ระหว่างนั้นขุนเดชเห็นดาราเข้ามาพร้อมกับยงยุทธ สีหน้าของขุนเดชเปลี่ยนไปทันทีจนบัวทองสังเกตได้
“พี่ขุนเดช”
ขุนเดชไม่ได้ยินเพราะมัวแต่มองดารากับยงยุทธที่เดินเข้าไปด้านในพื้นที่โบราณสถาน บัวทองน้ำตาคลอ
“ว่าไงนะบัวทอง”
“ชั้นไม่มีอะไรจะถามพี่แล้ว...ปล่อยชั้น”
บัวทองปัดมือขุนเดชออกแรงๆ แล้วรีบวิ่งออกไปทันที
“บัวทอง”
ขุนเดชอยากจะตามไปแต่ในเวลานี้เรื่องของดารากับยงยุทธสำคัญกว่า
อ่านต่อหน้าที่ 3
ขุนเดช ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทั้งอาจารย์ประทีป ดำรงและเปี๊ยะ มีสภาพหน้าตาถูกซ้อมมา บาดเจ็บไปตามๆ กัน
“เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงครับอาจารย์”
“ระหว่างที่ผมกำลังนำพระพุทธรูปที่ขุดพบกลับมาศึกษา พวกมันก็โผล่เข้ามาดักปล้น”
“ผมกับอาจารย์พยายามจะขัดขวาง แต่ก็ถูกพวกมันเล่นงาน”
“แล้วกบล่ะคะอาจารย์ กบไปด้วยไม่ใช่เหรอ”
“พวกมันได้พระไปแล้ว แต่มันยังไม่พอใจ มันฉุดกบไปกับพกวมันด้วยครับ”
เปี๊ยะบอกอย่างเจ็บใจ หยินหน้าเสียตกใจ
“กบถูกพวกมันฉุดไปด้วยเหรอ...อาจารย์คะช่วยกบด้วยนะคะ”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะทุกคน ตอนนี้เราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันเป็นใคร อาจารย์พอจะจำหน้าพวกมันได้รึเปล่าครับ”
อาจารย์ประทีปส่ายหน้า
“มันปิดหน้าปิดตา ผมก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นใคร”
“งั้นก็ต้องรีบแกะรอยตามพวกมันไปก่อนที่นักศึกษาจะถูกทำร้าย ไม่ต้องห่วงนะดารา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม”
ยงยุทธรีบออกไป ดารามีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งหยินซึ่งตกใจกลัวจนร้องห่มร้องไห้สงสารเพื่อน ดารายิ่งหดหู่
“ขอให้พวกมันอย่าทำอะไรเพื่อนหนูเลย...ฮือๆๆๆ”
ดาราโอบกอดปลอบใจหยิน
“ไม่ต้องกลัวนะหยิน ตำรวจต้องช่วยกบกลับมาได้แน่ๆ”
ดาราปลอบใจไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปอย่างที่คิดรึเปล่า ระหว่างนั้นสายตาของดาราเหลือบไปเห็นขุนเดชยืนดูอยู่ ขุนเดชได้ยินทุกอย่างที่คุยกัน สีหน้าของขุนเดชจริงจังจนดารากังวล
กำนันบุญเอาพระพุทธรูปที่ปล้นมาจากอาจารย์ประทีปให้ปราชญ์
“ของฝากเล็กๆ น้อยๆ ครับท่าน หวังว่าท่านจะถูกใจ”
ปราชญ์พิจารณาดูพระพุทธรูปอย่างสนใจอยู่ครู่แล้วรู้สึกไม่ชอบ
“ชั้นไม่ชอบ พระพุทธรูปเชียงแสนชั้นมีเยอะแล้ว กำนันเอากลับไปเถอะ”
“แต่องค์นี้เพิ่งถูกขุดพบเลยนะครับท่าน”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนชั้นอาจจะรับไว้ แต่ตอนนี้ของที่ชั้นสนใจมันต้องมีอะไรมากกว่าแค่พระพุทธรูปธรรมดาแบบนี้ แต่เพื่อไม่ให้เสียความตั้งใจที่อุตส่าห์หอบหิ้วมา...ประดับ ส่งไปเป็นของขวัญวันเกิดให้ท่านสมศักดิ์”
“ครับท่าน”
“ว่าแต่เรื่องที่ท่านตามให้ผมมาพบ ผมยินดีรับใช้ทุกอย่างขอเพียงแต่ให้ท่านสั่ง”
ปราชญ์พยักหน้าแล้วหันไปทางประดับที่เอาภาพถ่ายจากแฟ้มมายื่นให้กำนันบุญดู
“กำนันรู้จักไอ้หมอนี่รึเปล่า”
กำนันบุญรับภาพมาดูแล้วนึกออก
“รู้จักครับท่าน...ไอ้วงศ์ ผมกับมันเคยทำงานด้วยกัน แต่มันหายสาบสูญไปตั้งหลายปีแล้ว ใครๆ ก็นึกว่ามันตาย”
“ไอ้หมอนี่มันยังไม่ตายหรอกกำนัน แล้วมันก็ไม่ได้หายสาปสูญไปไหน ตอนนี้มันเป็นเจ้าของบ่อน ร่ำรวยซะยิ่งกว่ากำนันอีก”
“ไอ้วงศ์เนี่ยนะรวยกว่าชั้น ชั้นไม่เชื่อหรอก ไอ้เนี่ยมันเหมือนขอทาน ดีแต่แบมือขอเงินคนอื่น ติดหนี้เขาไปทั่ว แล้วเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของมัน...ก็ชั้นนี่แหละ”
“ที่ชั้นตามกำนันมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ ชั้นอยากให้กำนันไปเอาโลหะวัตถุโบราณศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ไอ้วงศ์มันร่ำรวยมาให้ชั้น”
“ไอ้วงศ์มันมีโลหะศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหรอครับท่าน”
“มีสิ...รูปปั้นนางรำทองคำ สมบัติของแม่นางเมือง”
บรรยากาศภายในบ่อน พวกผีพนันทั้งชายหญิงเล่นพนันกันหน้ามืดตามัว นักพนันคนหนึ่งเล่นจนหมดตัวถูกหิ้วปีกพาพามาหาวงศ์ ส่วนวาสนาเมียสาวของวงศ์นั่งทาเล็บอยู่ใกล้ๆ วาสนาแต่งตัวจัดจ้าน ปากแดงแป้ด เสื้อผ้าฉูดฉาด สร้อยคอทองคำ แหวนเพช ต่างหูเพชรประโคมเต็มตัว
“ชั้นไหว้ล่ะจ้ะพี่วงศ์ ขอทุนให้ชั้นอีกสักก้อน ชั้นอยากถอนทุนจริงๆ”
“เอ็งความจำเสื่อมเหรอไงวะ ยืมข้าไปหลายหมื่นแล้ว ไม่เห็นเอ็งจะหามาคืนข้าสักแดง”
“งั้นชั้นเอาบ้านจำนองกับพี่ก็ได้”
“เชอะ...บ้านอย่างกับรังหนูของแกน่ะเหรอ ยังไม่พอไว้เก็บสมบัติของชั้นเลย”
“งั้นชั้นยกลูกสาวชั้นให้พี่ก็ได้ พี่จะเอามันไปเป็นขี้ข้ารับใช้อะไรก็ได้ตามสบาย”
วงศ์มีสีหน้าสนใจขึ้นมาทันที
“ลูกสาวเอ็งอายุเท่าไหร่”
“18 จ้ะ”
วงศ์มีสีหน้าสนใจหันไปมองหน้ากับวาสนา ทั้งผัวทั้งเมียดูต้องประสงค์อย่างพร้อมเพรียง
“พามันมาหาชั้น” วาสนาบอก
ในห้องส่วนตัวของวงศ์ เด็กสาวหน้าตาซื่อๆ ตื่นกลัวอยู่กับวงศ์และวาสนา สองผัวเมียเดินวนรอบตัว พิจารณาทุกสัดส่วน วงศ์ดูแล้วต้องตาต้องใจ
“ผิวพรรณดีนะเนี่ย”
วงศ์ยื่นมือไปจะเชยคางแต่ถูกวาสนาตีมือ...เพี๊ยะ
“ไอ้วงศ์ อย่าแม้แต่จะคิด ไม่งั้นข้าจะตัดของเอ็งให้เป็ดกิน”
“ข้ารู้น่า....ของเนี่ยมันไม่ใช่ของข้า ข้าก็แค่อยากพิสูจน์ว่าเหมาะสมรึเปล่า”
“เรื่องนั้น ข้าถามมันเอง” วาสนาหันมาถามเด็กสาว “แกยังบริสุทธิ์อยู่รึเปล่า” เด็กสาวชะงักมองอย่างสงสัยวาสนาเลยจิกหัวถาม ข่มขู่ให้ตอบ “ตอบมาสิ...แล้วก็ห้ามโกหกด้วย ไม่งั้นชั้นจะจับแกส่งไปให้พวกนักพนันข้างนอกรุมโทรม”
“ใจเย็นสิอีวาด เดี๋ยวเด็กมันก็กลัวฉี่ราดหรอก”
“เอ็งเงียบไปเลยไอ้วงศ์...ว่าไงตอบชั้นมา”
เด็กสาวกลัวสุดๆ
“ชั้น...ชั้นยังบริสุทธิ์อยู่จ้ะ”
“อย่าโกหกเชียวนะ”
“จ้ะ ชั้นไม่โกหก”
“ดีมาก แบบนี้แหละที่ท่านชอบ”
วาสนาพูดไปก็ดึงเส้นผมหญิงสาวออกมาหนึ่งเส้น เด็กสาวมองอย่างสงสัย
วงศ์กับพวกลูกน้องพาเด็กสาวออกมาที่ดาดฟ้าตึก
“พาชั้นมาที่นี่ทำไม ชั้นจะกลับบ้าน”
“แกจะไม่ได้กลับบ้านแกอีกแล้วนังหนู”
“จะ...จะทำอะไรชั้น”
“ไม่ต้องกลัว...พวกชั้นไม่ทำอะไรแกหรอก เพราะชั้นไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับเครื่องเซ่นของแม่นางเมือง”
“หมายความว่ายังไง”
“เดี๋ยวแกก็รู้ ฮ่าๆๆๆๆ”
วงศ์กับลูกน้องพากันลงไป พวกมันปิดประตูแน่นหนา เด็กสาวพยายามทุบประตูเรียกและร้องตะโกนขอความ ช่วยเหลือ จนกระทั่งอยู่ๆ ก็มีเสียงดนตรีไทยดังขึ้น เด็กสาวหันขวับแปลกใจ
วงศ์เข้ามายืนดูวาสนาทำพิธีเซ่นไหว้รูปปั้นนางรำทองคำซึ่งวาสนากำลังพนมมือขมุบขมิบ ปากท่องคาถามีเส้นผมของเด็กสาวใส่พานวางตรงหน้า วาสนาเอียงหน้าหันมาที่วงศ์ซึ่งพยักหน้ารับ วาสนายิ้มพอใจแล้วหันไปท่องคาถาบูชาต่อ
เสียงดนตรีไทยดังไม่หยุด แถมเสียงยังหลอนจนเด็กสาวต้องเอามืออุดหู ระหว่างนั้นเห็นผีนางรำหน้าขาวตา แดงก่ำ แต่งชุดนางรำแบบนางรำเขมร จ้องหน้าเธอด้วยแววตากราดเกรี้ยว
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เด็กสาวร้องด้วยความตกใจ ผีนางรำหายวับไป เด็กสาวถอยหลังแล้วผงะเพราะเจอผีนางรำมายืนอยู่ข้างหลัง เด็กสาวร้องกรี๊ดด แล้วตัวแข็งทื่อเหมือนถูกเข้าสิง เดินตาลอยไปหยุดหมิ่นเหม่ที่ริมดาดฟ้าก่อนจะกระโดดลงไปอย่างไม่รู้ตัว
ที่พื้นด้านล่างเด็กสาวนอนตายเลือดเต็มพื้น ผีนางรำหน้าขาวตาแดงก่ำยืนมองจากบนดาดฟ้าพร้อมเสียงดนตรีไทยเดิม
บัวทองกลับมาบ้านพร้อมกับความเสียใจน้ำตายังไม่ทันแห้ง
“บัวทอง...จะรีบไปไหน ไหนบอกจะซ้อมรำไม่ใช่เหรอ” คำปันถามลูกสาว บัวทองนิ่งหันหลังให้แม่รีบเช็ดคราบน้ำตาจนคำปันสงสับ “บัวทอง...เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม”
“ชั้น...ชั้นไม่ได้ร้องไห้จ้ะแม่ ฝุ่นมันเข้าตาชั้น”
“โธ่เอ้ย...แม่ก็นึกว่าเป็นอะไร มา...มาซ้อมรำได้แล้ว คนอื่นเขารออยู่”
“วันนี้ชั้นไม่มีอารมณ์ซ้อมแล้ว”
“อ้าว...ก็เอ็งบอกอยากซ้อมรำไม่ใช่เหรอ”
“ก็ตอนนี้ไม่อยากซ้อมแล้วนี่”
บัวทองตัดบทห้วนๆ แล้วรีบเดินเข้าบ้านไป คำปันมองตามสงสัย
“นังลูกคนนี้นี่ ผีเข้าผีออก”
ขุนเดชเดินมาที่มอเตอร์ไซค์กำลังจะขี่ออกไป แต่ระหว่างนั้นดาราตามเข้ามา
“เธอจะไปไหน”
“ผมว่าคุณรู้อยู่แล้วนะ”
“ชั้นไม่ให้เธอไปนะขุนเดช นี่ไม่ใช่หน้าที่เธอ”
“คุณพูดถูกไม่ใช่หน้าที่ของขุนเดช แต่เป็นหน้าที่ของวีรบุรุษบาป”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับชั้นนะ ยงยุทธกำลังจัดการเรื่องนี้ เธอห้ามเข้าไปยุ่ง”
“คุณจะห้ามผมยังไงอีก ในเมื่อผมไม่ฟังคุณ”
ดาราเจ็บใจเข้าไปดึงกุญแจมอเตอร์ไซค์ออกมาจากที่เสียบกุญแจ
“ที่ชั้นยังไม่บอกยงยุทธเรื่องเธอ เพราะชั้นยังเห็นว่าเธอเป็นเพื่อน”
“ไม่หรอกดารา ผมว่าที่คุณยังไม่บอกยงยุทธเพราะคุณกลัวว่าผมกับมันจะฆ่ากันตายมากกว่า”
ขุนเดชเข้าไปจับมือดารามาบิดจนดาราร้องเจ็บ...โอ๊ย กุญแจมอเตอร์ไซค์ร่วงจากมือ ขุนเดชหยิบมาสตาร์ท
“ขุนเดช...ชั้นห้ามเธอนะ...ขุนเดช”
ขุนเดชไม่ฟังบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์จนรถพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ดารามีสีหน้าเป็นห่วง
ยงยุทธกับจ่าแท่นเข้ามาแกะรอยตามหานักศึกษาที่ถูกคนร้ายพาตัวไป
“เจอร่องรอยมั้ยจ่า”
“ทางผมไม่เจอเลยครับ ทางหมวดก็ไม่เหมือนกันเหรอครับ”
“พวกมันคงรู้ว่าต้องโดนตามล่าแน่มันเลยกลบเกลื่อนร่องรอยหมด”
“ป่าแถวนี้พวกเราไม่ชำนาญด้วย ถ้ายังตามหาลูกศิษย์อาจารย์ดาราไม่พบ ผมกลัวว่า...”
“ไม่ได้นะจ่า...เราจะต้องไม่หยุดการค้นหา” ยงยุทธหันไปสั่งลูกน้อง “พวกคุณไปกับผม เราจะไปหาดูทางด้านนั้นกัน”
ยงยุทธพากำลังตำรวจออกไปอีกด้าน จ่าแท่นหันมาครุ่นคิด
“ผมไม่ได้อยากจะหักหน้าผู้หมวดนะครับ แต่งานนี้ถ้าได้วีรบุรุษบาปมาช่วยล่ะก็...”
ขุนเดชก้าวเข้ามายืนกลางป่าในมือถือดาบดำ ขุนเดชสังเกตรอบๆ ตัวอยู่ครู่ก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ขุนเดชหลบไปยืนหลังต้นไม้ก่อนจะเห็นสัมฤทธิ์กับไอ้เนเดินเข้ามา
“ทางไหนวะ”
“ทางนี้จ้ะพี่”
สัมฤทธิ์เดินตามไอ้เนไป ขุนเดชก้าวออกมามองตามพวกมันไปอย่างสงสัย
กบนอนหมดสติอยู่ในกระท่อมร้างกลางป่า ไอ้นะดึงหมวกไหมพรมขึ้นไปคาดไว้บนหัวแล้วมองอย่างหื่น แต่มันยังไม่ทันลงมือทำอะไร สัมฤทธิ์กับไอ้เนก็เข้ามา
“ไอ้นะ...มึงจะทำอะไรของมึงห๊า”
“พี่สัมฤทธิ์”
“นี่ถ้าไอ้เนไม่ไปบอกกู มึงคงเล่นงานนังนี่ป่นปี้ไปแล้วใช่มั้ย”
“โธ่พี่...ของติดไม้ติดมือ”
“ติดไม้ติดมือเหรอ...ไอ้สันดาน” สัมฤทธิ์เข้าไปตบหัวลไอ้นะ ผั๊วะ แรงๆ จนหัวคะมำ “พ่อข้าสั่งให้ปล้นพระไปให้นาย ไม่ได้สั่งให้มึงไปฉุดนังนี่มา”
“ชั้นขอโทษจ้ะพี่...แต่ชั้นเห็นนักศึกษาพวกนี้แล้วชั้นอดใจไม่ไหวจริงๆ”
“แต่ถ้าไอ้พวกนั้นมันรู้มันจะพาลซวยมาถึงข้า แล้วถ้าพ่อข้ารู้อีกคน...ข้าโดนกระทืบแน่”
“ไม่หรอกพี่...นังนี่ไม่เห็นหน้าพวกเรา แถมยังโดนชั้นโป๊ะยาสลบเข้าไปให้อีก พอชั้นจัดการกับมันเสร็จแล้วชั้นจะเอาศพไปหมกไว้ใครก็หาไม่เจอ ลูกพี่ไม่ซวยแน่”
สัมฤทธิ์นิ่งไปสีหน้าครุ่นคิด
“ท่าทางพี่จะสนใจด้วย ชั้นให้พี่ก่อนก็ได้นะ”
สัมฤทธิ์ตบหัวไอ้นะอีกที
“ไอ้เวร...ข้าไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเว้ย เอ็งจะทำอะไรก็รีบทำ อย่าให้มีปัญหาตามมา เข้าใจมั้ย”
“จ้ะพี่”
สัมฤทธิ์กับไอ้เนออกไปจากกระท่อมทิ้งไอ้นะให้อยู่กับกบ
สัมฤทธิ์กับไอ้เนเดินออกมานอกกระท่อม
“ปล่อยมันไว้แบบนี้ ชั้นว่ามันจะหาเรื่องเดือดร้อนให้เรานะพี่”
“ไม่หรอก ที่ข้าปล่อยให้มันจัดการนังนักศึกษานั่น เพราะข้าต้องการส่งสัญญาณให้พวกมันรู้”
“สัญญาณอะไรพี่”
“ก็ไอ้พวกอาจารย์นักโบราณคดีพวกนั้นไง ถ้ามันรู้ว่าไม่มีใครปกป้องพวกมันได้ มันจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองหนีเตลิดกลับกรุงเทพ ไม่มาเกะกะขวางทางพวกเราอีกไง”
“จริงอย่างพี่ว่า”
สัมฤทธิ์ยิ้มพอใจแล้วเดินออกไปพร้อมกับไอ้เน
ไอ้นะเข้าไปนั่งใกล้ๆ กบที่ยังสลบหมดสติอยู่ มันออกอาการหื่นลูบไล้ไปทั่วตัว
“ของดีมีการศึกษา ลาภปากข้าจริงๆ” ไอ้นะเลียปากแพล่บ รีบปลดกระดุมเสื้อตัวเอง แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา “ไอ้เน...ถ้าเอ็งอยากต่อคิวข้า เอ็งไปรอก่อน” ไอ้นะรีบปลดกระดุมต่อแต่ไม่ได้ยินเสียงเดินออกไป
“เฮ้ย...ข้าบอกให้ไปรอข้างนอกไง มายืนดูแบบนี้ข้าไม่มีอารมณ์เว้ย”
ไอ้นะหันขวับไปแล้วชะงักเมื่อเจอวีรบุรุษบาปยืนจังก้าในมือถือดาบดำ
“วะ...วะ...วีรบุรุษบาป”
ไอ้นะถูกถีบกระเด็นทะลุฝาผนังกระท่อมมานอนจุก วีรบุรุษบาปเดินออกมาควงดาบดุดันเอาเรื่อง ไอ้นะรีบลุกไปคว้าดาบมารับเพลงดาบที่วีรบุรุษบาปฟันฉับลงมา หวุดหวิดคมดาบจะแสกหน้าไปนิดเดียว ไอ้นะกับวีรบุรุษบาปประเพลงดาบกันสองสามเพลง กบซึ่งได้สติเดินสะลึมสะลือออกมาจากกระท่อม วีรบุรุษบาปหันไปมองกบพอดีเลยทำให้ถูกไอ้นะฟันเข้าที่แขนได้เลือด
วีรบุรุษบาปหันมาเอาจริงถีบยอดอกไอ้นะแล้วควงดาบเตรียมจะตัดคอไอ้นะที่นั่งเหวอ ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น
สัมฤทธิ์กับไอ้เนกลับมาช่วยไอ้นะ วีรบุรุษบาปเลยต้องรีบถอยไปช่วยพยุงพากบหนีออกไปก่อน
ยงยุทธกับจ่าแท่นตามเสียงปืนที่ได้ยินเข้ามา
“จ่าได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางไหน”
“ทางนี้ครับหมวด”
“รีบไปดูเถอะ”
ยงยุทธกับจ่าแท่นเดินไปได้ครู่ก็พบกบปลอดภัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“หมวดครับ...นั่นนักศึกษาที่โดนจับตัวไป”
“กบ...เป็นอะไรรึเปล่า”
“หมวด...ช่วย...ช่วยชั้นด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะ เธอปลอดภัยแล้ว จ่า...พากำลังไปสำรวจรอบๆ นี้ด้วย”
“ครับหมวด”
จ่าแท่นพาตำรวจออกไปเหลือยงยุทธดูแลกบ
“เธอหนีพวกมันออกมาเองเหรอ”
“เปล่าค่ะหมวด มีคนมาช่วยหนูออกมา”
“ใคร” กบชี้มือไปข้างหน้าช้าๆ ยงยุทธมองตามแล้วชะงักเพราะคือวีรบุรุษบาป “วีรบุรุษบาป”
ยงยุทธจะยกปืนขึ้นเล็ง แต่กบจับมือห้ามไว้
“อย่าค่ะหมวด”
ยงยุทธชะงักหันมาที่กบแล้วหันกลับไปไม่เจอวีรบุรุษบาปเพราะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ดารารีบเข้ามาในห้องพร้อมกับพวกเพื่อนนักศึกษา หลังจากที่หมอน้อยช่วยดูอาการให้กบเรียบร้อยแล้ว
“อาจารย์คะ”
กบโผเข้าสวมกอดดาราแล้วร้องไห้เพราะยังไม่หายตกใจกลัว
“ไม่เป็นไรนะ ปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครทำร้ายเธอแล้วล่ะ”
“ค่ะอาจารย์”
“พวกเราเป็นห่วงเธอมากเลยนะยัยกบ”
“ขอบใจ...ชั้นก็คิดว่าจะไม่รอดแล้วเหมือนกัน เปี๊ยะ แล้วอาจารย์ดำรงกับอาจารย์ประทีปล่ะเป็นไงบ้าง”
“ก็เจ็บกันไปตามๆ กันนั่นแหละ แต่ทุกคนเขาห่วงแกมากกว่า”
“อาจาย์คะ เพราะวีรบุรุษบาปคนเดียวเลยนะคะ ถ้าไม่ได้เขาตามไปช่วยไว้ ป่านนี้หนูคง...”
กบไม่กล้าพูดออกมาเพราะแค่นึกก็กลัวจนน้ำตาไหลร้องไห้สะอื้น
“ไม่ต้องห่วงนะ อาจารย์จะทำเรื่องส่งพวกเธอกลับกรุงเทพ พวกเธอจะได้ไม่ต้องมาเสี่ยงชีวิตอยู่ที่นี่อีก”
“อาจารย์”
ทุกคนตกใจกับสิ่งที่ดาราบอก
ดาราออกมาพบกับยงยุทธที่เพิ่งมาถึง
“ลูกศิษย์คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ยังตกใจอยู่บ้างแต่มีเพื่อนๆ เขาคอยอยู่ดูแล แล้วทางคุณล่ะ”
“ผมเจอแต่ร่องรอยที่วีรบุรุษบาปสู้กับพวกโจรที่จับตัวนักศึกษาไป คิดว่าไอ้หมอนั่นคงโดนพวกโจรเล่นงานไปเหมือนกัน”
“เขาบาดเจ็บด้วยเหรอ”
“หมวดเขาพยายามตามรอยเลือดของวีรบุรุษบาปไปครับ แต่หมอนั่นคงรู้เลยกลบเกลื่อนร่องรอยทำให้ตามต่อไม่ได้”
ดารามีสีหน้าเป็นห่วงขึ้นมาเพราะรู้ว่าวีรบุรุษบาปคือขุนเดช
“ลูกศิษย์คุณพอจะมีเบาะแสอะไรให้ผมได้บ้างรึเปล่า” ดารานิ่งไปคิดหนัก “ดารา...ถึงมันจะช่วยชีวิตคนของเราไว้ แต่มันก็เป็นคนที่ทางการต้องการตัว มันอาจจะรู้เห็นเรื่องขโมยวัตถุโบราณ ยังไงผมก็ต้องจับมัน”
ดารามองหน้ายงยุทธอย่างหนักใจตัดสินใจไม่ถูกว่าจะบอกความจริงยงยุทธดีมั้ย ระหว่างนั้นสาลี่กับฮวดเข้ามา
“อะไรของผู้หมวดคะเนี่ย เอะอะอะไรก็จะตามจับแต่วีรบุรุษบาป ละเว้นเขาไว้สักคนไม่ได้เหรอไงคะ”
“แม่สาลี่...อะไรเนี่ย อยู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาว่าผู้หมวดเขาแบบนี้”
“ก็พวกเราชักจะเหลืออดแล้วไงน่ะสิจ่า พวกเราได้ยินข่าวว่านักศึกษาถูกจับตัวไป แต่วีรบุรุษบาปช่วยชีวิตไว้ได้ พวกเราก็เลยตามมาให้กำลังเพราะรู้ว่าหมวดจะต้องตามจองล้างจองผลาญวีรบุรุษของพวกเราไม่เลิก ใช่มั้ยพวกเรา”
พวกชาวบ้านฮือฮาเห็นด้วยกับที่สาลี่พูด
“อาสาลี่ อั้วว่าลื้อปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของตำรวจเขาดีกว่า อย่าไปก้าวก่ายเลย”
“ไอ้ฮวด เอ็งเงียบไปเลย คนชั่วต้องได้รับกรรม ส่วนคนดีก็ต้องได้รับความเห็นใจ ถ้าปล่อยให้คนทำดีถูกกล่าวหา แล้วแบบนี้ใครที่ไหนมันจะอยากทำดี...อาจารย์ดาราว่าจริงมั้ยคะ”
“เอ่อ...ก็...ก็จริงค่ะ”
“นั่นไง...เห็นมั้ยคะผู้หมวด ขนาดอาจารย์ดารายังเห็นด้วยเลย วันนี้พวกเราก็เลยมาขอร้องผู้หมวดให้เลิกตามจับวีรบรุษบาปแล้วปล่อยให้เขาทำหน้าที่ปกป้องสมบัติของพวกเรา...ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น” สาลี่กับพวกชาวบ้านยกมือพรึ่บ สาลี่หันไปตาถลึงใส่อาฮวดที่ยกมือแค่ครึ่งเดียว “ไอ้ฮวด” ฮวดรีบยกมือชูสุดแขนตามเมียสั่ง แถมยังหันไปมองจ่าแท่นที่เผลอชูมือเห็นด้วยกับพวกชาวบ้าน “นั่นไง ขนาดลูกน้องหมวดยังเห็นด้วยเลย”
“ชะอุ๋ย...ผมลืมตัว”
จ่าแท่นสะดุ้งรีบลดมือลงแล้วขยับมายืนข้างยงยุทธอย่างเนียนๆ
“ผมเข้าใจนะครับว่าทุกคนรู้สึกยังไง แต่บ้านเมืองมีกฏหมายไว้รักษาความสงบสุข ใครดีใครเลวเรามีกฏหมายและจริยธรรมเป็นตัวตัดสิน และสิ่งที่วีรบุรุษบาปทำก็ผิดทั้งกฏหมายและจริยธรรม”
“หมายความว่าถึงพวกเรามาขอร้อง หมวดก็จะไม่ละเว้น”
“นอกจากจะไม่ละเว้นแล้ว ถ้าใครให้ความร่วมมือกับไอ้หมอนั่น...ผมจะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน มีความผิดร่วมกัน มิสิทธิ์ติดคุกเหมือนกัน”
ยงยุทธขู่จริงจังทำเอาพวกสาลี่กับชาวบ้านพากันหน้าเสีย
“หมวดเขาเอาจริงนะ...ชั้นว่าพวกแกกลับบ้านไปเถอะ ไปทำมาหากินตามหน้าที่ตัวเอง ไปสิ...เดี๋ยวหมวดก็จับติดคุกหมดหรอก”
สาลี่ไม่พอใจคิดจะอยู่ต่อแต่หันหลังไปเห็นพวกชาวบ้านเดินหนีไปหมดแล้วพร้อมกับฮวดผัวตัวเอง
“อ้าว...จะรีบไปไหนกัน ไอ้ฮวด...กลับมาเดี๋ยวนี้”
“อั้วไม่ว่าง...อั้วต้องไปชงโอเลี้ยง”
“ไอ้...ไอ้ขี้ขลาด...หึ...สวัสดีค่ะหมวด ไว้แวะไปกินโอเลี้ยงที่ร้านบ้างนะคะ”
สาลี่ทำเป็นไหว้งามๆ แล้วรีบตามทุกคนไป ยงยุทธหันมาจริงจังกับจ่า
“จ่า...อย่าให้ผมเห็นจ่าเข้าข้างพวกใช้กฏหมู่มากกว่ากฏหมายอีกนะ”
“ครับหมวด”
ยงยุทธเดินเข้าไปในอนามัยทิ้งดารายืนสีหน้าหนักใจ
ภายในกระท่อมขุนเดชกำลังทำความสะอาดแผลที่แขนที่โดนไอ้นะเล่นงานมา ระหว่างนั้นดาราเข้ามายืนมอง ขุนเดชหน้านิ่ง
“ดารา”
“พวกที่ทำร้ายพวกอาจารย์ประทีป ทำร้ายลูกศิษย์ชั้นแล้วขโมยวัตถุโบราณไป พวกมันเป็นใคร”
“ลูกน้องกำนันบุญ”
“ปล่อยให้ยงยุทธจัดการได้มั้ย”
“ไม่ได้หรอก คุณก็รู้ดีว่ามีคนที่มีอิทธิพลใหญ่คับประเทศหนุนหลังพวกมันอยู่”
“พวกเดียวกับที่ตามล่าหาโลหะวัตถุศักดิ์สิทธิ์โบราณ”
“ใช่...พวกมันช่วยกันตามล่าหาของพวกนั้น เพื่อทำให้นายใหญ่ของมันเป็นสัตตะโลหะบุรุษ ชายผู้มีอำนาจและบารมีเป็นหนึ่งเดียวในแผ่นดิน ถ้าพวกมันทำสำเร็จ แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ ผู้คนจะล้มตาย คนชั่วจะครองเมือง”
ขุนเดชพูดไปเลือดจากแผลที่ทำความสะอาดไว้ก็ไหลซิบๆ ออกมา ดาราตัดสินใจเข้าไปหยิบสำลีมาซับเลือดให้
“ดารา” ดาราไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตาซับเลือดใส่แผลให้ “ผมขอโทษนะ...ผมไม่อยากทำให้คุณเสียใจ ไม่อยากทำลายความรักที่คุณมีให้ แต่ถ้าผมกลับไปเป็นขุนเดชคนเดิม ลูกหลานของเราจะ...”
ขุนเดชไม่ทันพูดจบดาราก็เอามือแตะปากให้ขุนเดชหยุด น้ำตาของเธอคลอ
“เธอไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ชั้นขอแค่คำสัญญาคำเดียว สัญญาว่าถ้าเธอหยุดสัตตะโลหะบุรุษได้ เธอจะเลิกเป็นวีรบุรุษบาป สัญญากับชั้นได้มั้ยขุนเดช” ขุนเดชนิ่งไป “สัญญากับชั้นสิขุนเดช”
ดาราทวงถามด้วยน้ำตาเอ่อจนไหลมาตามแก้ม ขุนเดชค่อยใช้มือปาดน้ำตาอย่างนิ่มนวล
“ได้...ผมสัญญา”
ดาราดีใจสวมกอดขุนเดชแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้น ขุนเดชโอบดาราเอาไว้ในอ้อมกอด
อ่านต่อหน้าที่ 4
ขุนเดช ตอนที่ 11
ที่โบราณสถานแห่งหนึ่ง คนร้ายกำลังลักลอบเข้ามาขุดกรุ คนหนึ่งดูต้นทางอีกคนเอาระเบิดไปวางไว้รอบๆ ฐานเจดีย์ แล้วลากสายชนวนระเบิดออกมาในระยะปลอดภัย พวกมันเตรียมจะกดชนวดระเบิดแต่ยงยุทธก้าวเข้ามาแล้วเอาปืนจ่อหัว
“ถ้าพวกแกกดระเบิดทำลายเจดีย์เมื่อไหร่ล่ะก็...สมองของพวกแกได้ระเบิดตามแน่”
พวกโจรชะงักหน้าเสียรีบชูมือยอม
“ยอม...ยอมแล้วครับ”
“จ่า...ไปจัดการระเบิดที”
จ่าแท่นที่มาด้วยรีบเข้าไปจัดการถอดสายชนวนระเบิดออก ยงยุทธจับโจรใส่กุญแจมือได้คนนึงแต่อีกคนกลับ ขัดขืนพยายามต่อสู้เอาหัวโขกจนยงยุทธผงะ มันพยายามแย่งปืนจากมือยงยุทธจนยื้อยุดกันไปมา
“หมวด”
จ่าแท่นหันมาเห็นก็ตกใจรีบชักปืนขึ้นมาจะยิง แต่เล็งไม่ได้เพราะทั้งคู่อยู่ไม่นิ่งและกลัวพลาดถูกยงยุทธ
สองคนยื้อยุดแย่งปืนกันจนเสียงปืนดัง…เปรี้ยง ทั้งคู่ชะงักนิ่งมองตากัน จ่าแท่นหน้าเสียไม่รู้ว่าใครโดนยิง
“หมวด”
ดาราอยู่ในอ้อมกอดของขุนเดช เมื่อผละออกมาสองคนต่างสบตากัน แต่ทั้งคู่ก็ยั้งอารมณ์เอาไว้
“ขอบใจนะที่ช่วยทำแผลให้ และก็เข้าใจในสิ่งที่ชั้นทำแต่ชั้นเป็นห่วงเธอกับยงยุทธ”
“ชั้นจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เมื่อเธอหยุดสัตตะโลหะบุรุษได้ วีรบุรุษบาปจะต้องหายสาปสูญไป”
“ชั้นไม่ได้หมายความแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ชั้นอยากรู้ว่าระหว่างเธอกับยงยุทธไปถึงไหนแล้ว” ดารานิ่งไป
“ดารา...ชั้นว่าเธอน่าจะดูออก ยงยุทธจะไม่มีวันทำให้เธอเสียน้ำตา”
“หยุดเถอะขุนเดช ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือชั้นต้องปกปิดไม่ให้ยงยุทธรู้เรื่องเธอ และไม่ให้เขามาขวางการทำงานของเธอ ส่วนเรื่องอื่น... ค่อยว่ากัน ชั้นไปทำงานล่ะ”
ดาราทิ้งท้ายแล้วรีบเดินออกไป ขุนเดชมองตามอย่างเป็นห่วง
หมอน้อยเดินออกมาจากห้องรักษาคนไข้ จ่าแท่นรีบเข้ามาถาม
“เป็นยังไงบ้างครับหมอ” หมอน้อยส่ายหน้าให้รู้ว่าช่วยไม่ได้ “ตายเลยเหรอครับ”
“มาช้าเกินไป หมอช่วยไม่ได้”
จ่าแท่นหน้าเสียแล้วหันไปที่ยงยุทธซึ่งยืนอยู่ข้างหลัง ยงยุทธหน้านิ่ง
“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ เลยต้องมารบกวนนอกเวลางาน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับหมวด”
“เดี๋ยวจ่าจัดการติดต่อญาติผู้ตายด้วยนะ”
“ได้ครับ หมวดไปพักเถอะครับเดี๋ยวผมจัดการทุกอย่างให้เอง”
ยงยุทธออกไปดูหน้าเครียดๆ หมอน้อยมองตามสงสัย
“ดูหมวดจะเครียดๆ นะจ่า คนร้ายพยายามขัดขืนการจับกุม ยังไงก็ไม่ใช่ความผิดของหมวดเขานี่”
“ครับหมอ แต่ที่หมวดเขาดูเครียดก็เพราะเขาไม่อยากถูกมองว่าใช้วิธีตัดสินลงโทษโจรด้วยชีวิตเหมือนที่วีรบุรุษบาปทำ”
วันต่อมา ยงยุทธเข้ามาแล้วสั่งกาแฟกับฮวด
“ฮวด...เอากาแฟร้อนให้ชั้นแก้ว”
ยงยุทธสั่งแล้วไม่ทันไปนั่งที่โต๊ะ สาลี่ก็นำพวกชาวบ้านที่อยู่ในร้านเข้ามาเอาอกเอาใจเอาปาท่องโก๋มาให้
“ปาท่องโก๋ร้อนๆ กินกับกาแฟอร่อยเข้ากัน แต่สาลี่ไม่คิดตังค์ฟรีสำหรับหมวดค่ะ”
ฮวดเข้ามาพร้อมกาแฟ
“นี่ครับกาแฟของหมวด”
“แก้วนี้ก็ฟรีนะคะหมวด สาลี่จัดให้ค่ะ”
ยงยุทธหันมองสาลี่ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“อะไรกันน่ะสาลี่”
“ก็ผลงานการจับโจรของหมวดเมื่อวานนี้ไงคะ ถูกใจพวกเรามากจะจัดการกับพวกรกแผ่นดินมันต้องตาต่อตาฟันต่อฟันเหมือนอย่างที่วีรบุรุษบาปทำ ใช่มั้ยพวกเรา”
พวกชาวบ้านพยักหน้ารับเห็นด้วย
“อ๋อ...นี่เห็นผมยิงโจรตาย ก็เลยสะใจกัน”
“จะไม่สะใจได้ยังไงล่ะคะหมวด เดี๋ยวนี้โจรผู้ร้ายมันชุกชุม ขุดกรุ ตัดเศียรพระขายพวกคนใหญ่คนโต รวยกว่าพวกเราที่หาเช้ากินค่ำซะอีก”
“ใช่แล้วครับหมวด ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด ภาษีก็จ่ายไม่เคยเว้น แต่ก็รวยสู้พวกโจรไม่ได้ คิดแล้วมันชีช้ำกะหล่ำปลี เวงกรรม เวงกรรมนะหมวด”
“ตอนนี้มีทั้งหมวดมีทั้งวีรบุรุษบาปคอยฆ่าพวกมัน รับรองว่าพวกเราได้นอนหลับกันเต็มอิ่มทุกคืนแน่ เอ้าไชโยให้หมวดหน่อยพวกเรา”
พวกชาวบ้านโฮร้องไชโยดีใจ แต่ยงยุทธกลับลุกพรวดแล้วตบโต๊ะเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ทุกคนตกใจชะงัก
ยงยุทธมองทุกคนแล้วไม่พูดอะไรเดินออกจากร้านไปทันที พวกชาวบ้านพากันงง
ยงยุทธกลับบ้านพักแล้วซ้อมยิงปืนลั่นไกใส่ขวดแก้วที่วางเรียงรายแตกกระจาย เพราะกระสุนแต่ละนัดถูกยิงมาจากอารมณ์ที่กำลังขุ่นมัว...เปรี้ยงๆๆๆ
ยงยุทธนึกถึงภาพตอนที่เห็นขุนเดชกับดาราจูบกันที่น้ำตก จิตใจยงยุทธยิ่งปั่นป่วนเลยกระหน่ำยิงหมดแม๊ก จนได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา เลยหันปากกระบอกปืนใส่เกือบเผลอจะยิงใส่
“ชั้นเองนะยงยุทธ” ดาราบอกอย่างตกใจ
“ดารา” ยงยุทธรีบลดปืนลง
“เธอเป็นอะไร เธอเกือบจะยิงชั้นแล้วนะ”
“เปล่า...ผมไม่ได้เป็นอะไร”
ยงยุทธเก็บปืนแล้วรีบเดินออกไปเหมือนไม่อยากจะคุยกับดารา
“เดี๋ยวสิยงยุทธ...ยงยุทธ” ดารารีบตามไปขวาง “อย่ามาปฏิเสธชั้นว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร ชั้นไม่ใช่คนที่ เพิ่งจะรู้จักเธอนะ”
“ผมอยากอยู่คนเดียว”
“ทำไม...ถ้าเธอไม่สบายใจอะไรก็บอกชั้นมาได้”
“ผมบอกว่าผมอยากอยู่คนเดียว” ยงยุทธขึ้นเสียง ดาราถึงกับชะงัก
“ก็ได้...ชั้นจะไม่กวนเธอ”
ดารารีบเดินออกไป ยงยุทธได้แต่ยืนนิ่งแล้วเจ็บใจตัวเองจนต้องสบถออกมา
“โธ่เว้ย”
ยงยุทธตามมารั้งดาราไว้
“เดี๋ยวก่อนดารา...ผมไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเสียงกับคุณ...ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไรหรอกยงยุทธ ถ้าเธอคิดว่าชั้นอยู่ด้วยแล้วช่วยอะไรเธอไม่ได้ ไว้เธออารมณ์ดีแล้วเราค่อยคุยกัน”
“เดี๋ยวสิ...คุณก็รู้ว่าคุณสำคัญกับผมมากแค่ไหน แต่ที่ผมขึ้นเสียงกับคุณเมื่อกี้...มันเป็น เพราะว่า...” ยงยุทธมองดาราแล้วภาพที่เห็นที่น้ำตกก็แว้บเข้าอีก แต่ยงยุทธตัดสินใจเก็บมันเอาไว้อย่างกล้ำกลืน “เพราะเรื่องที่ผมยิงคนร้ายตาย”
“เรื่องนั้นชั้นได้ยินชาวบ้านเขาคุยกันแล้ว ชั้นว่าเธอไม่ควรเก็บเอามาเป็นอารมณ์”
“คุณจะไม่ให้ผมคิดเลยได้ยังไง ในเมื่อพวกเขาเอาผมไปเปรียบเทียบกับไอ้หมอนั่น นอกจากพวกเขาจะไม่ช่วยผมเคารพกฏหมายแล้ว ยังกลับไปยกย่องเชิดชูไอ้ฆาตกรอย่างมัน” ดาราพูดไม่ออกได้แต่นิ่งไปเพราะตัวเองก็ช่วยเหลือวีรบุรุษบาปอยู่ “ทำไมคุณถึงเงียบไปล่ะ...อย่าบอกนะว่าแม้แต่คุณก็เห็นด้วย”
“ยงยุทธ...ชั้นว่าบางทีเธอน่าจะปล่อยให้วีรบุรุษบาปทำงานของเขาไปนะ”
“ดารา นี่คุณ” ยงยุทธอึ้งไป
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นบัวทองกำลังรำฟ้อนแก้บนประกอบกับเสียงบรรเลงดนตรีไทย ขุนเดชเข้ามายืนดูบัวทองที่รำได้สวยงามถูกใจ คำปันเห็นก็เข้ามาทัก
“อ้าวขุนเดช...ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอ”
“กำลังจะไปครับน้า แต่ได้ยินว่าบัวทองมารำแก้บนก็เลยแวะมาดู”
“เพื่อนน้าเขารับงานไว้แต่ไม่ว่างมาน้าก็เลยให้บัวทองมารำแทน แต่กว่าจะลากให้มาช่วยได้นี่สิ” คำปันทำหน้าเหนื่อยใจ
“ทำไมเหรอครับน้า”
“เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอะไรเอาแต่เก็บตัว ไม่พูดไม่จา ชอบนั่งเหม่อ ถามอะไรก็ไม่บอก น้ากลัวว่าจะไปมีเรื่องกับใครมาแล้วไม่ยอมบอกน้านี่สิ”
ขุนเดชฟังแล้วสงสัยมองไปที่บัวทองซึ่งกำลังรำอยู่ บัวทองเห็นขุนเดชมองมาก็ชะงักไปจนทำให้รำผิดจังหวะจนกลายเป็นรำไม่ถูกไม่สวยขึ้นมาดื้อๆ
“ดูสิ...รำได้แบบนั้นได้ยังไง ขายหน้าเจ้าภาพเขาแย่แล้วบัวทอง”
ยงยุทธเข้ามาบีบไหล่ดาราด้วยอารมณ์โมโห
“บอกผมมาสิดาราว่าคุณไม่ได้เห็นด้วยกับพวกชาวบ้าน”
“ปล่อยชั้นก่อนนะยงยุทธ ชั้นแค่อยากจะคุยกับเธอดีๆ”
“งั้นที่คุณมาหาผมก็เพราะจะคุยเรื่องนี้น่ะสิ ผมไม่อยากคุย ไม่อยากได้ยินชื่อไอ้วีรบุรุษบาปอีก”
“ยงยุทธ...ถ้าเธอยอมลดทิฐิของเธอลงบ้าง แล้วมองว่าเขาทำเพื่อช่วยพวกเรา เธอก็จะเข้าใจเขานะ”
“คุณให้ผมยอมเข้าใจพวกโจรเนี่ยนะดารา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนคุณก็ไม่เห็นด้วยกับมัน ผมถามหน่อยเถอะใครมาเป่าหูให้คุณมาพูดกล่อมผม”
ดารานิ่งไป
“เปล่า...ไม่มี”
“อย่ามาโกหก ไอ้ขุนเดชใช่มั้ย มันบอกให้คุณมาขอร้องผมใช่มั้ยดารา”
“ไม่เกี่ยวกับขุนเดช ชั้นว่าเธอกำลังพาลไปถึงคนอื่น ไว้ชั้นค่อยคุยกับเธอวันหลังแล้วกัน”
ยงยุทธรั้งไว้จับมือดารามาบีบอย่างแรง
“ผมไม่ได้พาลหาเรื่องมัน แต่ผมเห็นกับตาว่าคุณกับมันแอบไปทำอะไรกันที่น้ำตก”
ดาราถึงกับอึ้ง
“นี่เธอ...เธออยู่ที่นั่นด้วยเหรอ”
ยงยุทธจ้องดาราด้วยแววตาเจ็บปวด
บัวทองรำแก้บนเสร็จกำลังเช็ดเครื่องสำอางค์ ขุนเดชเข้ามาคุยด้วย
“บัวทอง” บัวทองเห็นขุนเดชก็รีบลุกเดินหนี แต่ขุนเดชก็ตามเข้าไปคว้าแขนไว้ “เดี๋ยวสิบัวทอง...คุยกับพี่ก่อนไม่ได้เหรอ”
“ชั้นกำลังยุ่งไม่ว่างคุยกับพี่หรอก”
“แต่บัวทองรำเสร็จแล้ว”
“เสร็จที่นี่ก็มีงานที่อื่นอีก ชั้นไม่ได้มีเวลาว่างหรอก”
“แต่น้าคำปันบอกให้พี่มาคุยกับบัวทอง เพราะเห็นท่าทางบัวทองมีเรื่องไม่สบายใจ”
“แม่นะแม่”
“ทีนี้บัวทองจะคุยกับพี่ได้รึยัง”
“ไม่...เพราะไม่อยากคุย”
บัวทองสะบัดหน้าจะออกไปแต่ขุนเดชคว้าข้อมือไว้...หมับ บัวทองชะงักมองเห็นหน้าขุนเดชเหมือนจะเอาจริง
“พี่...พี่ขุนเดชจะทำอะไรชั้น”
อีกด้านหนึ่งยงยุทธเผลอลืมตัวจิกมือบีบไหล่ดาราอย่างเจ็บใจ
“ยงยุทธ...ที่เธอเห็นนั่น...มัน...มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ”
“ไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเหรอ...ดารา...คุณกับมันลักลอบไปเจอกันสองต่อสอง ทั้งๆ ที่ผมเป็นห่วง คิดว่าคุณจะเป็นอันตราย แต่คุณกลับไปพรอดรักกัน”
เพี๊ยะ ดาราโกรธจัด ตบยงยุทธจนหน้าหัน
“เธอกำลังดูถูกชั้นนะ”
“ใช่...ผมมันเลว พูดจาดูถูกคุณ เพราะผมมันคิดเองเออเองว่าคุณเลิกรักมันแล้วหันมาให้โอกาสผม ผมมันโคตรเลวเลย แค่ที่คุณตบผมไปมันยังไม่พอหรอก” ยงยุทธจับมือดาราแล้วมาตบหน้าตัวเอง “ตบผมอีกสิดารา...ตบผมให้เลือดชั่วมันออกมา คุณจะได้เกลียดผมจริงๆ”
ยงยุทธพยายามเอามือดารามาตบหน้าตัวเอง ดาราร้องไห้เสียใจแกะมือยงยุทธแล้วผลักเขาไปไกลจากตัว
“เลิกบ้าซะทีได้มั้ย เพราะเธอเป็นคนแบบนี้ไง”
“เพราะผมเป็นคนแบบนี้...คุณถึงไม่รักผมซะทีใช่มั้ย”
“ยงยุทธ”
ยงยุทธเจ็บปวดเสียใจกำหมัดแน่น
“คุณกลับไปได้แล้ว เรื่องที่คุณมาขอร้องผม ผมคงทำให้ไม่ได้ ตราบใดที่ผมยังทำหน้าที่อยู่ที่นี่และยังมีลมหายใจอยู่ ผมจะตามล่ามัน มันจะต้องได้รับโทษที่มันทำ”
ยงยุทธยืนยันหนักแน่นใจแข็ง ดาราน้ำตาไหลอาบสองแก้ม
“ถ้าเธออยากคิดอะไรก็คิดไป แต่วันนึงเธอจะเข้าใจชั้นกับขุนเดช”
ดาราปาดน้ำตาแล้วออกไป ทิ้งให้ยงยุทธยืนเจ็บใจตัวเอง
ขุนเดชฉุดแขนบัวทองพามาที่กระท่อม
“ปล่อยชั้นนะพี่ขุนเดช...บอกให้ปล่อย ชั้นเจ็บนะ”
ขุนเดชยอมปล่อยมือ บัวทองจะเดินหนีแต่ขุนเดชเข้าไปขวาง
“พี่จะยอมให้บัวทองกลับไป จนกว่าจะบอกพี่มาว่าบัวทองไม่สบายใจเรื่องอะไรอยู่”
“ชั้นไม่อยากจะพูดถึง”
“แต่บัวทองต้องพูด เพราะพี่คิดว่าบัวทองกำลังเข้าใจอะไรผิด”
“ชั้นเห็นกับตาขนาดนั้น มันไม่มีทางเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก”
“เห็น...บัวทองไปเห็นอะไรมา” ขุนเดชถามอย่างสงสัย บัวทองนิ่งไม่อยากพูดถึงเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเจ็บปวด “บัวทอง...บัวทองเห็นอะไร”
บัวทองหันกลับมาน้ำตาเอ่อล้น
“ชั้นเห็นพี่กับอาจารย์อยู่ด้วยกันที่น้ำตก” ขุนเดชชะงักไป “ว่ายังไงล่ะพี่ขุนเดช บอกชั้นมาสิว่าที่ชั้นเห็นนั่นไม่ใช่พี่ พูดออกมาต่อหน้าพระที่พี่หล่อ สาบานมาว่าชั้นตาฝาดไปเอง”
ขุนเดชนิ่งไปครู่แล้วตัดสินใจ
“ใช่ พี่อยู่กับอาจารย์ดารา ที่บัวทองเห็น บัวทองคิดว่ายังไงก็เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ”
“พี่ขุนเดช แล้ว...แล้วที่พี่บอกว่าพี่...”
“ชอบบัวทองน่ะเหรอ...พี่โกหก พี่แค่สงสารบัวทองก็เลยพูดเพื่อให้บัวทองสบายใจ”
เพี๊ยะ ขุนเดชโดนบัวทองตบหน้าหันทันที บัวทองน้ำตานองหน้าเสียใจ
“พี่ทำกับชั้นแบบนี้ได้ยังไง พี่ใจร้ายกับชั้นได้ยังไง”
บัวทองร้องไห้เข้าไปทุบอกขุนเดชไม่ยั้งมือ ขุนเดชยืนนิ่งให้บัวทองทุบ
“เพราะพี่มันเป็นพวกหลอกลวง ในเมื่อบัวทองรู้ความจริงแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องโกหกบัวทองอีก”
“งั้นพี่ก็รู้ว่าพี่ไม่ได้ทำร้ายชั้นคนเดียว แต่พี่ทำร้ายหมวดยงยุทธด้วย ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพื่อนพี่”
“เรื่องแบบนี้บัวทองไม่เข้าใจหรอก ลองถ้ารักใครสักคนจริงๆ บัวทองจะทำทุกอย่างได้เพื่อเขา”
“งั้นบัวทองก็เข้าใจแล้ว เข้าใจว่าต่อไปนี้บัวทองจะเกลียดพี่ขุนเดช จะไม่มีวันอภัยให้พี่เด็ดขาด”
บัวทองร้องไห้ออกไป ขุนเดชได้แต่ยืนเศร้ามองไปทางพระพุทธรูปที่ตัวเองหล่อเอาไว้แล้วมองตามบัวทองไป
“พี่ขอโทษนะบัวทอง พี่มันเป็นคนบาปหนา ที่เดียวที่เหมาะกับพี่ก็มีแต่ในนรกเท่านั้น”
ในบ่อน นักพนันเล่นพนันกันอย่างหน้ามืดตามัว กำนันบุญ ประดับพร้อมเบิ้มและลูกน้องของประดับอีกสองสามคนเดินเข้ามา คนคุมบ่อนลูกน้องวงศ์เข้ามากัน
“เฮ้ย...ที่นี่รับเฉพาะขาประจำ ขาจรน่ะออกไปเลย”
“ข้าไม่ได้มาเล่น ข้ามีธุระกับไอ้วงศ์ ไปเรียกมันมาคุยกับข้า”
“หน้าอย่างเอ็งสงสัยจะมาขอเงินพี่วงศ์ ไสหัวไปเลยพี่วงศ์ไม่รับแขก”
คนคุมบ่อนเข้าไปผลักไหล่เลยทำให้กำนันบุญโกรธจับมือมันมาบิดแล้วหักแขนจนเสียงกระดูกหักดัง...กร่อบ มันร้องโอดโอยครวญครางเจ็บปวด พวกนักพนันหยุดหันมามอง
“ลูกพี่เอ็งเป็นหนี้ข้าอยู่ ถ้ามันไม่โผล่หัวออกมากำนันบุญที่นี่ได้เละเป็นโจ๊กแน่”
กำนันบุญผลักคนคุมบ่อน พวกลูกน้องคนอื่นๆ จะเข้ามาเอาเรื่อง แต่ประดับ เบิ้มและลูกน้องคนอื่นๆ ชักปืนพร้อมเล่นงาน พวกนักพนันเห็นมีเรื่องแน่ก็ตกใจร้องลั่น วิ่งหนีเอาตัวรอดวุ่นวาย
ที่ห้องส่วนตัว วงศ์กับวาสนากำลังนั่งนับเงินสดๆ อย่างอารมณ์ดีแต่ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก
“ข้างนอกมันเอะอะโวยวายอะไรกัน แกไม่ไปดูหน่อยเหรอไอ้วงศ์”
“ไม่มีอะไรหรอก พวกมันคงจับพวกโกงไพ่ได้ เดี๋ยวพวกมันก็จัดการจับไปตัดมือเอง”
วงศ์หันมานั่งนับเงินสดในมืออย่างสบายอารมณ์ ระหว่างนั้นลูกน้องคุมบ่อนวิ่งทะเล่อทะล่าแขนหักเข้ามา
“พี่วงศ์ แย่แล้วพี่”
“อะไรของเอ็งวะ...ตำรวจมาเหรอ”
“เปล่าพี่...เจ้าหนี้พี่ที่ชื่อกำนันบุญกำลังยำพวกเราเละอยู่ข้างนอก”
“กำนันบุญ” วงศ์นึกได้ก็ตกใจหน้าเสีย “เวรตะไลแล้วกู”
“กำนันบุญ...ใครเหรอไอ้วงศ์ ทำไมเอ็งต้องหน้าซีดด้วย”
“เอ็งอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ รีบเก็บข้าวของให้หมดเราต้องรีบหนีแล้ว”
วงศ์สั่งแล้วก็รีบไปหยิบกระเป๋าแล้วโกยเงินสดใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ
“เดี๋ยวสิไอ้วงศ์ ไอ้กำนันบุญมันเป็นใคร ทำไมเอ็งต้องกลัวมันด้วย”
“ก็บอกว่าอย่าเพิ่งถามไง ถ้าไม่อยากตายเอ็งรีบเอารูปปั้นนางรำทองคำใส่กระเป๋าแล้วรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เร็วสิ”
วงศ์ตวาดเสียงดัง วาสนาเลยรีบทำตามรีบเข้าไปยกมือไหว้รูปปั้นนางรำทองคำใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบทันที
พวกลูกน้องวงศ์นอนสลบแน่นิ่งหัวแตกเลือดอาบเรียงราย หน้าคว่ำบนโต๊ะไพ่ ลูกน้องวงศ์คนหนึ่งถือมีดอยูในมือเป็นคนสุดท้ายที่เผชิญหน้ากับประดับ
“อย่า...อย่าเข้ามานะเว้ย ไม่งั้นข้าเสียบพุงเอ็งเป็นรูแน่”
ประดับไม่มีทีท่าเกรงกลัว กลับยิ้มร้ายอย่าชอบใจกวักมือให้มันเข้ามา ลูกน้องวงศ์ปรี่เข้ามาจ้วงแทงไม่ยั้งแต่ประดับใช้ชั้นเชิงที่เหนือกว่าขยับหลบอย่างสวยงามก่อนจะจับมือมันมา บิดจนเสียงกระดูกหักดังลั่น มันร้องโอดโอย ประดับจบด้วยศอกเข้าที่กลางหลังทีเดียวมันฟุบแน่นิ่ง
“ไปเอารูปปั้นนางรำทองคำมาได้แล้วกำนัน”
กำนันบุญกับเบิ้มรีบเข้าไปข้างใน ประดับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่หน้าตากวนสุดฤทธิ์แต่รออยู่ครู่กำนันบุญก็กลับมา
“ไอ้วงศ์มันหนีไปแล้ว”
“ว่าไงนะกำนัน แล้วรูปปั้นนางรำทองคำล่ะ”
“มันเอาไปด้วย”
ประดับเข้าไปกระชากคอเสื้อกำนันบุญทันที
“กำนันรู้ใช่มั้ยว่าถ้าไม่ได้รูปปั้นนางรำทองคำกลับไปให้ท่าน กำนันจะต้องลงเอยยังไง”
กำนันบุญแกะมือประดับออกอย่างไม่พอใจ
“ข้ารู้...ไม่ต้องมาสั่งข้าหรอกเว้ย ขี้ขลาดอย่างไอ้วงศ์มันหนีคนอย่างกำนันบุญไม่พ้นหรอก”
บัวทองหลบมานั่งเงียบๆ น้ำตาไหลอาบสองแก้มยังเสียใจเรื่องขุนเดชไม่หาย ระหว่างนั้นผกานั่งเรือแจวมาถึงที่ท่าน้ำพร้อมกับไอ้เน พอก้าวขึ้นท่าก็เห็นบัวทองนั่งอยู่คนเดียว ผกานึกสนุกอยากแก้แค้นบัวทอง จึงยิ้มร้ายๆ เข้าไปหาเรื่อง
“ไงยะแม่นางรำแก้บน โดนผู้ชายทิ้งมาเหรอไงถึงมานั่งร้องห่มร้องไห้กระซิกๆ” บัวทองหันขวับมามองอย่างเคือง “ต๊ายตาย...อย่ามามองชั้นอย่างกับจะกินหัวสิ ชั้นเป็นห่วงเธอหรอกนะ ได้ข่าวว่าเธอเคยถูกไอ้วีรบุรุษบาปลักพาตัวไป หายไปอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน หรือว่า...ผลจากโดนมันพาตัวไปเลยทำให้”
ผกามองที่ท้องบัวทองแล้วยิ้มเยาะ บัวทองชะงักสงสัย
“อะไร...แกพูดมาให้ดีนะ”
“แหม...บัวทองก็ เห็นเธอมาแอบนั่งน้ำตาเล็ด ชั้นก็อดคิดไม่ได้สิว่าเธอถูกมันเจาะไข่แดงแล้วก็เฉดหัวทิ้ง โถๆๆๆ พลาดท่าเสียทีให้โจร น่าสงสารซะจริง”
“แก...นังปากเสีย”
บัวทองปรี่เข้าไปจะตบแต่ถูกไอ้เนจับมือไว้
“อย่า อย่ามาทำอวดดีกับคุณผกา ไม่งั้นชั้นจะไม่เกรงใจว่าแกเป็นผู้หญิง”
“เอาสิไอ้หมารับใช้กำนัน วันนี้ชั้นอารมณ์ไม่ดี อยากเตะผู้ชายปากหมาอยู่เหมือนกัน”
“นังนี่”
ไอ้เนเงื้อมือจะตบแต่บัวทองชิงเตะผ่าหมากมันจนจุกตัวงอ ก่อนจะยกเท้าถีบยันจนไอ้เนกระเด็นตกลงไปใน คลอง...ตูม แล้วหันขวับมาที่ผกาซึ่งยืนอึ้งเหวอเพราะเห็นบัวทองกำหมัดเอาจริง
“นัง...นังบัวทอง อย่าคิดว่าแกเตะไอ้เนได้แล้วจะทำชั้นได้นะ ถ้าหน้าตาชั้นมีแผลขึ้นมาล่ะก็ กำนันเอาเรื่องแกแน่”
“ต่อให้มา 10 กำนัน นังบัวทองก็ไม่กลัว”
บัวทองเข้าไปตบหน้าผกาทันที...เพี๊ยะ ผกาหน้าหันแล้วปรี๊ดแตก
“อีบัวทอง”
ผกาไม่ยอมปรี่เข้าไปเอาเรื่องตบคืนจนกลายเป็นลงมือลงไม้แลกตบกันไปมาวุ่นวาย
ในร้านอาฮวด วงศ์กับวาสนานั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งเหมือนรอพบใครสักคนท่าทางวาสนาดูลุกลี้ลุกลน
“ไอ้วงศ์เมื่อไหร่ไอ้มือปืนที่เอ็งนัดจะมาสักที”
“ใจเย็นน่า มันอยากได้เงิน เดี๋ยวมันก็มา”
“แต่ถ้าพวกไอ้กำนันบุญมันรู้เรื่องว่าแกมาป้วนเปี้ยนในถิ่นมัน เราจะไม่รอดนะ”
“ไม่หรอก...ที่ข้ายอมเสี่ยงโผล่มาที่นี่เพราะข้าต้องการให้มันรู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน มันจะได้โผล่มาจัดการข้า ทีนี้ล่ะ...มือปืนที่ข้าจ้างมาจะจัดการสะสางหนี้ของมันกับข้าให้จบๆ ไปซะที”
วงศ์มีสีหน้ามั่นใจได้ครู่ชายฉกรรจ์หน้าตาดูโหดก็เดินเข้ามาในร้าน พอมันเห็นวงศ์ก็เดินเข้าไปนั่งด้วยแล้วสุมหัวคุยกันเรื่องวางแผนเล่นงานกำนันบุญ ระห่างนั้นขุนเดชเข้ามาที่ร้าน
“วันนี้จะกินอะไรดีขุนเดช”
“เหมือนเดิมแล้วกันอาฮวด”
“ได้ๆๆ โกปี๋ยกล้อเหมือนเดิม”
ฮวดหันไปชงกาแฟให้ ขุนเดชเดินไปนั่งรอที่โต๊ะแล้วเหลือบไปมองที่โต๊ะวงศ์ซึ่งกำลังคุยวางแผนกัน สัญชาติ ญาณของขุนเดชรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติ
บัวทองกับผกาตบตีกันชนิดไม่มีใครยอมใคร ผกาจิกหัวบัวทองมาตบแต่ถูกบัวทองจับมือไว้หมับแล้วชกเข้าดั้งจมูกจนเลือดกำเดาไหลพราก ผกาผงะเจอเลือดเปรอะหน้าก็ร้องกรี๊ดลั่น
“อี...อีบัวทอง...เลือด...เลือด ไอ้เน ยืนเซ่ออยู่ทำไม จัดมันสิ”
ไอ้เนที่เพิ่งขึ้นจากน้ำมาได้รีบเข้าไปจับบัวทองมาล็อคแขน บัวทองดิ้นแต่สู้แรงไม่ได้
“นังตัวแสบ...แกทำจมูกชั้นเบี้ยว ทำหน้าชั้นเป็นรอย วันนี้แกต้องเสียโฉมกลับไป”
ผกาปรี่เข้าไปตบบัวทองซ้ายๆ ขวาๆ ไม่ยั้งมือ บัวทองสู้ไม่ได้เพราะโดนไอ้เนจับล็อค ทันใดนั้นยงยุทธเข้ามาห้าม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ผกาชะงักหันเมื่อไปเห็นยงยุทธสีหน้าเอาจริง แต่ผกาไม่กลัวปรี่เข้าไปจะตบบัวทองอีกทียงยุทธเลยจับมือไว้...หมับ “ต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่แบบนี้ ชั้นว่าคงต้องให้เธอไปสงบสติอารมณ์บ้าๆ ในคุกแล้ว”
ยงยุทธจับผกาใส่กุญแจมือทันที ผกาตกใจ
ขุนเดชกินกาแฟไปก็มองพวกวงศ์ไปอย่างสนใจจนพวกมันคุยกันเสร็จ มือปืนรับซองเงินจากวงศ์
“อย่าให้พลาดล่ะ ถ้างานนี้เอ็งทำสำเร็จข้ามีเงินพิเศษให้แน่” มือปืนยิ้มรับแล้วเดินออกไป วงศ์หันมาเรียกฮวด
“เก็บตังค์ด้วย”
ฮวดเข้าไปรับเงินจากวงศ์ที่ให้แบงค์ใหญ่
“แบงค์ใหญ่อย่างนี้อั้วไม่มีทอนหรอก”
“ไม่มีทอนก็เอาเก็บไว้ใช้”
“ไอ้ย่ะ...ลื้อนี่ใจดีจริงๆ ขอให้ร่ำขอให้รวยนะ”
วงศ์กับวาสนาเดินออกจากร้านไป ขุนเดชมองตามอย่างสนใจ ฮวดถือเงินเดินเข้ามาที่ขุนเดช
“สงสัยจะเป็นเศรษฐีแจกเงินเป็นว่าเล่น ถ้าอั้วอยากจะรวยอย่างนั้น ต้องทำมาหากินอะไรดีนะขุนเดช”
“ทำอาชีพสุจริต ไม่มีหนี้ ไม่โกงใคร แค่นั้นก็รวยความสุขแล้วอาฮวด”
“เออ...นั่นสิ...จริงอย่างที่ลื้อว่า”
จบตอนที่ 11
ติดตามอ่านขุนเดชตอนต่อไป พรุ่งนี้