xs
xsm
sm
md
lg

ขุนเดช ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ขุนเดช ตอนที่ 9
วันต่อมาระหว่างอยู่ที่สถานีตำรวจยงยุทธชักดาบดำออกจากฝักแล้วลองกวัดแกว่งไปมา ทดสอบน้ำหนักด้วยการเหวี่ยงคมดาบ ระหว่างนั้นจ่าแท่นเขามาพอดี...จ่าแท่นหน้าเหวอเพราะคมดาบห่างจากคอไปไม่ถึงนิ้ว
“มะ...มะ...หมวด...นี่ผมเองคร้าบ”
“จ่า...เข้ามาทำไม่บอก ผมเกือบจะตัดคอจ่าไปแล้วนะ”
“ผมเรียกแล้วแต่หมวดไม่ได้ยิน เอาแต่จรดๆ จ้องๆ ดาบของวีรบุรุษบาป”
“งั้นผมก็ขอโทษด้วย ดาบเล่มนี้มีความสมบูรณ์แบบมาก ทั้งความคม น้ำหนัก และเนื้อเหล็ก ผมไม่เคยพบมาก่อนเลย”
“น่าเสียดายนะครับ ที่คนมีฝีมือดันเลือกเดินทางผิด”
“จ่า...ถึงเขาจะช่วยชีวิตจ่าเอาไว้ แต่อย่าลืมนะว่าดาบเล่มหนึ่งใช้ฟาดฟันอริราชศัตรู นั่นคือดาบวีรบุรุษกู้ชาติ แต่ถ้าใช้ปล้นฆ่าชาวบ้านมันก็ดาบมหาโจร” ยงยุทธพูดไปก็มองดาบดำในมือเขม็ง “ชั้นรอแกอยู่...มาหาชั้นสิไอ้วีรบุรุษบาป”

ขณะนั้นขุนเดชนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางน้ำตกที่ไหลตกมาใส่ตัว ขุนเดชนึกถึงตอนที่ถูกจ็คยิง...วีรบุรุษบาปพยายามฮึดปักดาบดำกับพื้นยันตัวขึ้น แต่นั่นก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะแจ็คสับนกลั่นไก...เปรี้ยง กระสุนปืนเหล็กไหลพุ่งเข้าใส่ที่หัวไหล่ทำให้วีรบุรุษบาปตกลงไปในหลุม
“....ว่ากันว่าผู้ที่โดนยิงด้วยกระสุนเหล็กไหล อาถรรพ์จะทำให้วิญญาณไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เป็นผีโหงพรายทนทุกทรมานไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
ขุนเดชลืมตาขึ้นมา คิ้วขมวดสงสัยบางอย่าง

ขุนเดชกลับมาที่กระท่อมและคุยกับหมอน้อยเรื่องนี้
“สัตตะโลหะบุรุษ”
“ครับอาหมอ...มันเป็นพิธีกรรมความเชื่อของพวกที่ลุ่มหลงในเดรัจฉานวิชา พยายามหาทางให้ตนเองเป็นยอดคนเป็นหนึ่งในปฐพี พ่อเคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง”
“งั้นปืนคาบศิลาเหล็กไหลก็เป็นหนึ่งในโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณที่พวกนั้นนำไปทำพิธี”
“ครับอาหมอ ถ้าเราหยุดพวกมันไม่ได้ ปล่อยให้คนที่แข็งแกร่งเป็นถึงยอดคนแต่จิตใจต่ำทรามลอยนวลอยู่ในแผ่นดิน เห็นทีลูกหลานของเราคงเดือดร้อนกันแน่”
“แต่ตอนนี้เธอไม่มีดาบดำที่จะไปสู้รบปรบมืออะไรกับอิทธิพลของพวกนั้น หมวดยงยุทธก็เตรียมตั้งท่ารอจับถ้าเธอบุกไปชิงคืน”
ขุนเดชนิ่งไปหน้าเครียด หมอน้อยจับบ่าเป็นห่วงแต่แววตาของขุนเดชกลับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

คืนนั้นที่บ้านกำนันบุญ กำนันบุญจัดเลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งให้สัมฤทธิ์กับพวกลูกน้อง
“เอ้า...คืนนี้เต็มที่เลยเว้ย คนอย่างกำนันบุญพูดคำไหนคำนั้น ในเมื่อพวกเอ็งช่วยข้าจัดการกับไอ้วีรบุรุษบาปได้ ข้าก็ต้องสมนาคุณให้ไม่อั้น” พวกลูกร้องเฮลั่นชนแก้วแล้วร้องรำทำเพลงสนุกสนานเมามาย “พ่อแก้แค้นให้เอ็งได้แล้วนะไอ้สัมฤทธิ์”
สัมฤทธิ์ยกมือไหว้พ่อ
“ชั้นขอบใจพ่อมากเลยจ้ะ มันทำกับชั้นไว้เจ็บแสบเหลือเกิน น่าเสียดายที่ชั้นไม่ได้เป็นคนจัดการมันเอง ไม่งั้นชั้นจะกระชากหน้ากากมันออกมาจะได้รู้ว่าเป็นใคร”
“จะเป็นใครตอนนี้มันก็ไม่สำคัญหรอกไอ้สัมฤทธิ์ ยังไงมันก็เป็นศพอยู่ในหลุมไปแล้ว” กำนันบุญหัวเราะเสียงดังแล้วชนแก้วกับลูกชาย “รำพัน เอาเหล้ามาเติมให้ชั้น แล้วให้พวกลูกน้องชั้นด้วย”
“แต่ชั้นว่าพี่กำนันพอเถอะนะจ๊ะ เวลาพี่เมาทีไรแล้ว...”
รำพันก้มหน้าก้มตาไม่กล้าพูดต่อ กำนันบุญเลยโมโห
“ทำไม...ข้าเมาแล้วทำไม” กำนันบุญเข้าไปจิกหัวรำพันขึ้นมา “เอ็งเป็นเมียข้า...ต้องทำตามที่ข้าสั่งทุกอย่าง ไปรอข้าในห้อง”
รำพันตกใจกลัวรีบส่ายหน้า
“คืนนี้ชั้นขอนะจ๊ะพี่กำนัน”
“ชั้นสั่งแก...แกต้องทำตามที่สั่ง ไปรอชั้นที่ห้อง ไป”
กำนันบุญผลักรำพันไล่ตะเพิดจนรำพันต้องวิ่งออกไป พวกลูกน้องรวมทั้งสัมฤทธิ์หัวเราะชอบใจ

ที่ห้องนอน รำพันสะดุ้งตกใจกลัวจนตัวสั่นเมื่อกำนันบุญมาทุบประตูห้องนอนปังๆๆ โวยวาย
“เปิดประตูให้ชั้นเดี๋ยวนี้นะรำพัน...ชั้นบอกให้เปิด”
“พี่กำนัน...ชั้นกลัว พี่กำนันอย่าทำร้ายชั้นเลย”
“นังรำพัน...ข้าเป็นผัวเอ็ง ถ้าเอ็งไม่ยอมเปิดประตูให้เข้าไป เอ็งจะโดนหนักกว่าเดิม เปิดประตูสิเว้ย”
กำนันบุญทั้งเขย่าทั้งเตะประตูอย่างหงุดหงิดหัวเสียผสมอารมณ์เมา
“ชั้นกลัว...ชั้นกลัว...ปล่อยชั้นกับลูกไปเถอะนะพี่กำนัน”
รำพันยืนกอดตัวเอง ร้องไห้ตัวสั่น กำนันบุญหงุดหงิดหัวเสียที่เมียไม่ยอมเปิดประตูเลยหันไปคว้าปืนจะมายิงประตูแต่ผกาเข้ามาเอามือแตะกำนัน
“จะอารมณ์เสียไปทำไมล่ะกำนัน ถ้าเมียกำนันไม่ยอมทำไมไม่ลองมองหาคนอื่นแทนล่ะ”
กำนันบุญชะงัก มองสายตาที่ผกายั่งยวนให้กำนันบุญจึงยิ้มชอบใจ

สัมฤทธิ์กับพวกลูกน้องกำลังเมามายร้องรำทำเพลง
“เอ้า...วันนี้เป็นวันของข้า ทุกคนในสุโขทัยจะได้รู้ว่าแม้แต่วีรบุรุษบาปยังต้องกลัวข้า ชนเว้ย”
พวกลูกน้องเฮลั่น แต่ระหว่างนั้นสัมฤทธิ์ผงะเหวอไปเมื่อหันไปเห็นวีรบุรุษบาปมีผ้าขาวม้าพันหน้ายืนอยู่ที่ระเบียง
“เฮ้ย...นั่น”
สัมฤทธิ์ทำแก้วแตกด้วยความตกใจ
“อะไรเหรอพี่สัมฤทธิ์”
“วี...วีรบุรุษบาป”
พวกลูกน้องตกใจหันไปตามที่สัมฤทธิ์ชี้แต่ไม่มีใครเห็น
“อย่าล้อเล่นแบบนี้สิพี่สัมฤทธิ์ ไอ้วีรบุรุษบาปมันกลายเป็นผีอยู่ในหลุมโน่น จะมาเดินอยู่ที่นี่ได้ไง”
“แต่เมื่อกี้ข้าเห็นมันจริงๆ”
“ชั้นว่าพี่ตาฝาดมากกว่า...มาเถอะพี่ กินเหล้าต่อดีกว่า”
พวกลูกน้องชวนกินเหล้าต่อ แต่สัมฤทธิ์มีสีหน้าไม่สู้ดีเพราะยังกลัววีรบุรุษบาปไม่หาย

ที่ห้องผกา กำนันบุญโดนผกาผลักลงบนเตียง
“พาชั้นเข้ามาในห้องเธอแบบนี้ แสดงว่าเธอตัดใจจากประดับได้แล้ว”
“ชั้นไม่มีทางตัดใจจากประดับได้หรอกกำนัน ประดับเป็นผู้ชายคนเดียวที่ชั้นรัก เวลาที่ชั้นรักใครมาก ชั้นก็เกลียดมันได้มากเหมือนกัน”
กำนันบุญยิ้มชอบใจรีบลุกเข้ามาลูบแขนผกา
“งั้นชั้นจะช่วยปลอบใจเธอให้เอง”
“ใจเย็นสิกำนัน...ชั้นมีเรื่องให้กำนันช่วยมากกว่านั้นอีก ชั้นรู้นะว่ากำนันช่วยเหลือประดับวางแผนหักหลังท่านรัฐมนตรีอยู่”
กำนันบุญนิ่งไป
“เธอต้องการอะไรกันแน่”
ผกาเข้าไปลูบหน้าอกยั่ว
“ชั้นผ่านผู้ชายมาเยอะ ดูแป๊บเดียวก็รู้ว่าผู้ชายคนไหนที่ควรจะยิ่งใหญ่มากด้วยบารมี เป็นยอดคนหนึ่งเดียวบนปฐพี คนอย่างกำนันไม่ควรมาเป็นลูกน้องเดินตามประดับ”
“เธอพูดจริงเหรอ”
“จริงสิ...ถ้ากำนันสัญญาว่ากำนันยิ่งใหญ่กว่ามันเมื่อไหร่ กำนันจะไม่ลืมชั้น”
กำนันบุญยิ้มชอบใจ
“ชั้นให้เธอได้มากกว่าคำสัญญาแน่นอน”
กำนันบุญบอกแล้วกอดรัดคลุกวงในนัวเนียกับผกาอย่างดุเดือดทันที

ประตูห้องนอนผกาค่อยๆ เปิดเข้ามา วีรบุรุษบาปก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ เสื้อผ้าของผกายังกองอยู่ที่พื้น วีรบุรุษบาปยืนมองกำนันบุญที่หลับเพราะเหนื่อยหมดแรงมีผกากอดประคองข้างๆ ผการู้สึกตัวว่ามีคนยืนมองเลยลุกขึ้นมาดูแล้วต้องตกใจจะร้องแต่วีรบุรุษบาปเข้าไปปิดปากแล้วจ้องตาดุเอาเรื่อง ผกากลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก วีรบุรุษบาป ทุบที่ต้นคอทีเดียวผกาก็สลบก่อนจะหันไปมองกำนันบุญอย่างร้ายกาจ

เช้าวันรุ่งขึ้นจ่าแท่นมาเคาะประตูเรียกยงยุทธเสียงดัง
“หมวดครับ...หมวด...หมวดครับ”
ยงยุทธเปิดประตูออกมาในสภาพที่เพิ่งจะตื่นนอนได้ไม่นาน
“มีเรื่องอะไรจ่า มาแต่เช้าเลย”
“วีรบุรุษบาปมันลงมืออีกแล้วน่ะสิครับ”
“ว่าไงนะ”

ที่ถ้ำศิลากำนันบุญหมดสติถูกจับมัดกับเสาไม้มีผ้าปิดตาเอาไว้ให้ได้ยินแต่เสียงลับมีดกับหินลับจนทำให้รู้สึกตัว
“ใคร...ใครวะ ปล่อยข้าไปนะเว้ย” วีรบุรุษบาปไม่ตอบอะไรนั่งลับคมดาบไปเรื่อยๆ กำนันบุญยิ่งสงสัย
“ข้ากำนันบุญสุโขทัย...เอ็งมันรนหาที่ตายที่กล้ามาลูบคมข้า” วีรบุรุษบาปหยุดลับคมแล้วเดินไปดึงผ้าที่ปิดตากำนันบุญออก เมื่อเห็นว่าเป็นวีรบุรุษบาปกำนันบุญก็ตกใจ “แก...ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ วีรบุรุษบาปถูกฆ่าตายไปแล้ว” วีรบุรุษบาปไม่ตอบดวงดาบด้วยเชิงดาบดุดันเอาจริง กำนันบุญเห็นเข้าก็ยิ่งตกใจ “อย่า...อย่านะเว้ย วางดาบเอ็งซะ มีอะไรก็คุยกัน”
วีรบุรุษบาปไม่สนยังรำเชิงดาบต่อและขยับเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เหมือนเพชรฆาตที่กำลังจะตัดสินโทษประหาร
“ฟ้า...ดิน...เป็นพยาน...ดาบ...เดือน...ดับ”
วีรบุรุษบาปฟันดาบเดือนดับลงไปที่กำนันบุญที่หลับตาปี๋ร้องเสียงหลง
“อ๊ากกกกกกกก”

ประดับมีสีหน้าตกใจเมื่อปารมีมาบอกเรื่องท้อง
“ว่าไงนะคุณปา...อย่าล้อผมเล่นแบบนี้สิครับ”
“ปาไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ นะคะพี่ประดับ ประจำเดือนปาไม่มาได้สามเดือนแล้ว” ประดับเครียด “พี่ประดับ ทำไงดี ตอนนี้ปาก็เริ่มแพ้ท้องแล้วด้วย”
“มีคนอื่นรู้เรื่องนี้รึยังครับ”
“ยัง...ปายังไม่ได้บอกใคร แต่แม่...”
ประดับตกใจ
“ทำไมครับ คุณหญิงรู้เรื่องเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่ปาว่าคุณแม่กำลังสงสัยปาเพราะเห็นปาสนิทกับพี่ประดับ”
“คุณปาครับ...ผมจะแก้ปัญหานี้ให้คุณเอง แต่คุณปาต้องรับปากว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด”
“ทำไมล่ะ ก็ให้พ่อกับแม่รู้ไปเลยสิท่านจะได้ให้เราแต่งงานกัน”
“ไม่ได้ครับ คุณปายังเรียนไม่จบ ถ้าท่านรู้ว่าผมทำคุณปาท้องผมโดนเก็บแน่” ปารมีตกใจ
“ก็ได้ค่ะ...แต่ปาจะบอกเรื่องที่ปาแพ้ท้องยังไง”
“บอกไปว่าไม่สบาย แล้วผมจะหาหมอมาช่วยยืนยัน”
“ก็ได้ค่ะ...แต่พี่ประดับต้องสัญญานะว่าพี่จะไม่ทิ้งปา”
ปารมีเข้าไปกอด ประดับดึงมาโอบไว้แต่สีหน้าหงุดหงิดตรงกันข้ามกับคำพูด
“พี่ไม่ทิ้งคุณปาแน่นอนครับ”
ระหว่างนั้นเบิ้มเดินเข้ามา สีหน้าบอกประดับว่ามีเรื่องสำคัญ
“พี่มีธุระต้องไปจัดการ อย่าลืมทำตามที่พี่บอกนะครับ อย่าเพิ่งให้ใครรู้เด็ดขาด”
ปารมีพยักหน้ารับ ประดับเดินออกไป

ประดับเดินออกมาเอามือปัดกระถางต้นไม้จนแตกกระจายระบายอารมณ์
“โธ่เว้ย กำลังไปได้สวยอยู่เลย ดันมาเป็นเรื่องซะได้”
“ผมว่าจะทำอะไรก็ต้องรีบนะครับ ทิ้งไว้นานความลับแตกแน่”
ประดับหันมากระชากคอเสื้อเบิ้มมาตะคอก
“แกไม่ต้องสะเออะมาบอกชั้น ชั้นรู้ว่าต้องทำยังไง คนอย่างชั้นเดินหน้าแล้วจะไม่ยอมให้มีอะไรมาขวางทางเด็ดขาด ถ้ามันจำเป็นชั้นก็ต้องทำ”
ประดับจิกหน้าเหี้ยมคิดบางอย่างที่ดูร้ายกาจก่อนจะผลักเบิ้ม
“นายอยากให้ผมทำอะไรก็บอกมาได้เลยครับ”
“ถึงเวลาชั้นเรียกแกแน่ ว่าแต่แกมีอะไร”
“ที่สุโขทัยติดต่อมา บอกว่ากำนันบุญกำลังมีปัญหาครับนาย”
“ปัญหาอะไรอีก”
“วีรบุรุษบาปมันยังไม่ตายครับ”
ประดับอึ้งไปทันที

ที่ถ้ำศิลา กำนันบุญหลับตาปี๋คมดาบห่างจากคอกำนันไปแค่ไม่ถึงนิ้ว เพราะวีรบุรุษบาปยั้งมือ
“กำนันบุญผู้ยิ่งใหญ่ ถึงเวลาก็กลัวตายเป็นเหมือนกัน”
กำนันบุญค่อยๆ ลืมตาเลยรู้ตัวว่าตัวเองยังรอดอยู่
“ไอ้สารเลว...ข้าหลุดไปได้เมื่อไหร่ ข้าจะตามล่าเอ็ง โคตรเหง้าเป็นใคร ข้าจะสืบให้รู้ให้ได้ เมียเอ็ง แม่เอ็ง ข้าจะจับมาให้ลูกข้าข่มขืน พ่อเอ็ง พี่น้องเอ็ง ข้าจะตัดหัวมัน ลากไส้มันให้หมูกิน”
วีรบุรุษบาปจ้องตาเขม็งแล้วฟันฉับ กำนันบุญหยุดชะงักจ้องมันกลับเพราะคมดาบกรีดแก้มเป็นแผลเลือดซิบๆ
“คิดว่ากำนันจะรอดไปได้งั้นเหรอ”
“ข้าโดนจับมัดไม่มีทางสู้แบบนี้ ถ้าคิดจะฆ่าข้าตั้งแต่แรกล่ะก็เอ็งทำไปนานแล้ว” วีรบุรุษบาปนิ่ง “ต้องการอะไรจากข้า”
“ใคร...ใครเป็นคนสั่งให้กำนันตามหาโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณ”
คำถามนี้ทำให้กำนันบุญชะงักไป
“โลหะศักดิ์สิทธิ์อะไร ข้าไม่รู้เรื่อง”
“กำนัน...ข้าเคยจับลูกชายกำนันฝังดินทั้งเป็นมาแล้ว คิดว่าจะทำแบบนั้นกับกำนันไม่ได้งั้นเหรอ”
“ต่อให้เอ็งเอาข้าไปฝัง เอาข้าไปถ่วงน้ำข้าก็ไม่รู้เรื่อง”
“แน่ใจใช่มั้ยกำนัน”
วีรบุรุษบาปจ้องกำนันบุญตาแข็งกร้าวเอาจริง กำนันบุญเริ่มใจคอไม่ดี
“ขะ...ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
“งั้นเดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
วีรบุรุษบาปขยับเข้าไปใกล้แล้วง้างหมัดชกเข้าที่หน้ากำนันบุญเต็มๆ...พลั๊ก กำนันบุญคอตกสลบเหมือด

อีกด้านหนึ่งที่โบราณสถาน ดำรงกำลังดูแลงานบูรณะโบราณสถานอยู่กับนักศึกษา ส่วนดารากำลังใช้กล้องโพลารอยด์ถ่ายรูปโบราณสถานตามจุดต่างๆ เพื่อทำบันทึกข้อมูล ดาราแพนกล้องไปเห็นบัวทองอยู่ในเฟรมสีหน้าของบัวทองมีเรื่องต้องการคุยกับดารา
“อาจารย์คะ บัวทองขอคุยด้วยได้มั้ยคะ”

ดาราแยกมาคุยกับบัวทอง ดารามีสีหน้าหนักใจจำเป็นต้องปฏิเสธบัวทอง
“ชั้นทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกบัวทอง ดาบเล่มนั้นเป็นหลักฐานทางคดี ยงยุทธคงไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แน่”
“แต่มันเป็นอาวุธที่วีรบุรุษบาปใช้จัดการกับพวกใจบาปที่มาทำลายสมบัติของชาตินะคะ”
“ชั้นเข้าใจ...แต่ว่า”
“ไม่หรอกค่ะ บัวทองว่าอาจารย์ไม่เข้าใจมากกว่า”
“บัวทอง”
“ดูสิคะ...ดูงานที่อาจารย์กำลังทำอยู่ตอนนี้ เจดีย์ถูกทำลาย เศียรพระถูกลักตัด ถ้าไม่มีวีรบุรุษบาปมาช่วยจัดการกับพวกมัน แล้วจะมีโบราณสถานเหลือให้นักวิชาการมาศึกษาหาความรู้เหรอคะอาจารย์”
ดาราชะงักหันไปมองภาพโบราณสถานที่ตนเองและพวกนักศึกษากำลังศึกษาอยู่ สภาพปรักหักพัง พระพุทธรูปไร้เศียรเรียงเป็นแถว เห็นแล้วก็สลดเหมือนกัน
“บัวทอง...ชั้นยกย่องที่วีรบุรุษบาปกล้าหาญในสิ่งที่เขาทำ แต่เขาควรจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง กล้าที่จะเผยตัวออกมาแล้วมาช่วยชั้น ช่วยยงยุทธ”
“หมายความว่าบัวทองคงขอร้องอาจารย์ไม่ได้ บัวทองขอโทษค่ะที่มารบกวนเวลาทำงานของอาจารย์”
บัวทองเศร้าเสียใจเดินออกไป ดาราเป็นห่วงจะตามไปแต่ระหว่างนั้นดำรงเข้ามา
“อาจารย์ดาราครับ คนงานทำความสะอาดโบสถ์ทิศใต้เสร็จแล้ว อาจารย์จะเข้าไปถ่ายรูปเลยรึเปล่า”
“เอ่อ... ค่ะ”

ภายในโบสถ์ร้างเก่าๆ มีพระพุทธรูปปางต่างๆ เรียงรายยังคงความสวยงาม ดาราใช้กล้องถ่ายภาพโพลาลอยด์ ที่คล้องคออยู่ถ่ายเก็บเพื่อทำบันทึกข้อมูล แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาข้างหลังแต่หันไปไม่เจอ
“ใคร” ดาราแปลกใจสงสัยเหมือนเห็นเงาคนผ่านหลังไปไวๆ รีบหันขวับ “ใคร...ชั้นถามว่าใคร”
ไม่มีเสียงตอบมีแต่เสียงประตูปิดเข้ามาดัง...ปัง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นวีรบุรุษบาปยืนจังก้าปิดทางออกขังเธอ กับเขาไว้เพียงลำพัง
“วีรบุรุษบาป”

ยงยุทธกับจ่าแท่นยืนรออยู่ที่ระเบียงบ้านกำนันบุญ สัมฤทธิ์กับผกาออกมาพบ
“มีธุระอะไรก็รีบว่ามา ตอนนี้พวกผมกำลังยุ่ง ไม่มีเวลามาต้อนรับหรอก” สัมฤทธิ์บอก
“ไอ้ธุระที่ว่ายุ่งอยู่เนี่ย ยุ่งเรื่องตามหากำนันอยู่รึเปล่า”
สัมฤทธิ์ผงะไปที่ยงยุทธรู้ทัน
“กำนันถูกวีรบุรุษบาปบุกเข้ามาลักตัวไปจากบ้านแบบนี้ ชาวบ้านเขาลือกันให้แซ่ด คิดจะปิดเพราะกลัวเสียหน้า ยังไงก็ปิดไม่มิดหรอก”
“ถ้ารู้แล้วก็ไปตามจับมันสิจ่า หรือว่าที่มายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ เพราะต้องการค่าจ้าง”
“เฮ้ย...พูดจาแบบนี้มันดูหมิ่นเจ้าหน้าที่นะเว้ยไอ้สัมฤทธิ์”
สัมฤทธิ์เชิดหน้าไม่สนใจ ผกาเข้ามามองหน้ายงยุทธอย่างหมั่นไส้
“กำนันเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ มีคนนับหน้าถือตามากมาย ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเพราะ ฝีมือโจร ผู้ใหญ่ที่คุ้มครองหมวดอยู่ ต่อให้ใหญ่สักแค่ไหน ก็คงช่วยหมวดให้พ้นโดนเด้งไม่ได้หรอก”
“ถ้าผมต้องโดนเด้งจากที่นี่ แต่แผ่นดินสุโขทัยจะสูงขึ้น ชาวบ้านไม่ถูกกดขี่ข่มเหง สมบัติของแผ่นดินไม่ถูกลักขโมยผมว่าคุ้ม”
ผกาอึ้ง สัมฤทธิ์โมโหจะเอาเรื่อง แต่ประดับเข้ามาห้าม
“หยุดนะนายสัมฤทธิ์”
ทุกคนหันไปเห็นประดับเข้ามาท่าทางขึงขังเอาเรื่อง ยงยุทธกับประดับจรดจ้องกัน

ดาราตกใจเมื่อวีรบุรุษบาปจ้องเธอเขม็งแล้วเดินตรงเข้ามาหา
“อย่านะ อย่าเข้ามา”
ดาราพยายามถอยและหาอะไรสักอย่างใกล้ๆ ตัวมาเป็นอาวุธป้องกัน แต่ไม่มีอะไรพอใช้ป้องกันตัวได้นอกจาก กล้องโพลาลอยด์ที่แขวนคอ เลยใช้แฟลชจากกล้องยิงใส่ วีรบุรุษบาปยกมือขึ้นกันแสงแฟลชที่ส่องเข้าหน้า ดาราทำกล้องตกพื้นแล้วรีบวิ่งไปที่ประตูแต่วีรบุรุษบาปก็ตามมาล็อคตัวเธอจากข้างหลังเอามือปิดปาก
“ไม่ต้องกลัว...ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ”
ดาราชะงักไปครู่จนตั้งสติได้
“คุณ...คุณต้องการอะไร”
“ผมต้องการให้คุณช่วย”
“คุณควรจะมอบตัวนะวีรบุรุษบาป”
“ไม่ต้องห่วง...ผมมอบตัวแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“แต่ถ้าคุณไม่ร่วมมือกับตำรวจ คุณอาจจะไม่โชคดีรอดตายมาได้เหมือนครั้งที่แล้ว”
“นรกให้โอกาสผมกลับขึ้นมาเพราะต้องการให้ผมลากคอพวกใจบาปลงไปด้วยกัน”
“อาจารย์ครับ...อาจารย์ดารา”
เสียงดำรงร้องเรียก ดาราจะร้องขอความช่วยเหลือแต่วีรบุรุษบาปเอามือปิดปากแน่น
“ฟังผมให้ดี...ศัตรูของผมมีแต่พวกมัน ส่วนหมวดยงยุทธถ้ายังไม่เลิกขวางทางผม ผมจะ ถือว่าเป็นศัตรูด้วยอีกคน”
“อาจารย์ดาราครับ...อาจารย์”
“ผมจะปล่อยคุณไป แต่คุณต้องทำตามที่ผมสั่ง”
แววตาของดาราตื่นกลัวสงสัยว่าวีรบุรุษบาปต้องการให้เธอทำอะไร

ดำรงเคาะประตูโบสถ์เรียกตั้งนานแต่ดาราไม่ตอบเลยเป็นห่วงใจคอไม่ดี ระหว่างนั้นดาราก็เป็นฝ่ายเปิด ประตูออกมาเอง
“อาจารย์ดารา...เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ผมเรียกตั้งนาน”
“เอ่อ...คือ...” ดาราหน้าเครียด “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ชั้นทำงานเพลินจนไม่ได้ยินเสียงเรียก เชิญอาจารย์ทำงานต่อเถอะค่ะ”
ดำรงเห็นว่าไม่มีอะไรเลยเดินออกไป ดาราหันไปมองในโบสถ์ที่ว่างเปล่าไร้เงาของวีรบุรุษบาปก่อนจะหยิบภาพถ่ายที่ได้จากกล้องโพลาลอยด์ขึ้นมาดู เป็นภาพวีรบุรุษบาปพันหน้าด้วยผ้าขาวม้าดวงตาแข็งกร้าว

อ่านต่อหน้าที่ 2





ขุนเดช ตอนที่ 9 (ต่อ)
กำนันบุญรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาก็ตกใจเมื่อพบว่าตนเองถูกจับมัดกับหลักที่ปักอยู่ในน้ำลึกระดับอก
“อะไรวะเนี่ย...นี่...นี่แกคิดจะทำอะไรชั้น”
วีรบุรุษบาปยืนริมตะลิ่งมองกำนันบุญอย่างเลือดเย็น
“กำนันเป็นคนสุโขทัยก็น่าจะรู้จักที่นี่ดี”
“แก่งหลวง...แกพาชั้นมาที่นี่ทำไม”
“ที่แก่งหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระร่วงเจ้าได้หายไปกับสายน้ำ เลือดเนื้อของท่านได้หล่อเลี้ยงศรีสัชนาลัยให้มีแต่ความร่มเย็น และเป็นที่ที่ข้าถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่าจะ ปกป้องแผ่นดินของพระร่วงเจ้า อาสาเป็นทหารพระร่วง”
“ไอ้บ้า เอ็งไม่ใช่วีรบุรุษหรอก แต่เอ็งมันเป็นคนบ้า มันก็แค่เรื่องเล่าปรัมปรา”
“ถ้ากำนันว่าข้าบ้าเชื่อเรื่องตำนานปรัมปรา แล้วไอ้พวกที่กำนันรับใช้มันล่ะ”
“ข้าบอกแล้วไง ข้าไม่รู้เรื่องเว้ย”
วีรบุรุษบาปจ้องหน้ากำนันบุญเขม็ง
“สัตตโลหะบุรุษ บุรุษผู้เป็นยอดคนเหนือแผ่นดิน”
กำนันบุญชะงักไปเพราะไม่คิดว่าวีรบุรุษบาปจะรู้เรื่องนี้ด้วย

ที่บ้านกำนันบุญ ประดับเดินออกมาส่งยงยุทธที่หน้าเรือน
“ชั้นส่งข่าวไปให้ผู้ใหญ่ในจังหวัดรู้เรื่องแล้ว พอแกกลับไปถึงสถานีคงจะได้รับคำสั่งให้รีบตามหาตัวกำนัน”
“กำนันถูกวีรบุรุษบาปลักพาตัวไปหลายชั่วโมงแล้ว ป่านนี้อาจจะตายแล้วก็ได้”
“ถ้าปล่อยให้กำนันตาย นี่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ คิดดูเอาแล้วกัน ถ้าไม่มีตราโล่ห์คอยคุ้มกะลาหัว แกจะเอาอะไรมาป้องกันตัวจากคนที่อยากแก้แค้นแก”
“ข่มขู่กันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ ผมว่าจับเลยดีกว่าครับหมวด”
จ่าแท่นบอกอย่างไม่พอใจ ยงยุทธยกมือกัน
“ไม่ต้องหรอกจ่า...ถ้าไอ้หมอนั่นคิดจะฆ่ากำนันจริงๆ ป่านนี้คงเป็นศพอยู่ใน บ้านไปแล้ว คนอย่างวีรบุรุษบาปถ้าไม่คิดแก้แค้น ก็ต้องมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า”
ยงยุทธพูดไปก็จ้องหน้าประดับอย่างไม่ยอมให้กัน ก่อนจะออกไปพร้อมกับจ่าแท่น ประดับมองตามแล้วขบ กรามหงุดหงิดหันมาที่ผกากับสัมฤทธิ์และพวกลูกน้อง
“ได้ยินที่ไอ้ยงยุทธมันพูดแล้วใช่มั้ย หาตัวกำนันกับไอ้วีรบุรุษบาปให้เจอ อย่าให้มันรู้ เรื่องเราเด็ดขาด”

ระดับน้ำที่อกกำนันบุญเริ่มสูงขึ้นจนไล่ขึ้นมาที่คอ
“ว่าไง กำนันกำลังช่วยให้ใครเป็นสัตตะโลหะบุรุษ”
“ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าไม่รู้เรื่องเว้ย”
“ถ้าคิดจะปฏิเสธไปเรื่อยๆ เพื่อถ่วงเวลาให้ลูกน้องตามมาช่วยล่ะก็...หึๆ กำนันคิดผิดแล้ว เพราะกว่าพวกนั้นจะรู้ว่าอยู่ไหน ก็คงต้องมางมเอาศพขึ้นจากแก่งหลวง”
กำนันบุญอึ้งนึกขึ้นได้เพราะระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นไล่มาถึงคอ
“ไอ้ชาติชั่ว...ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะเว้ย บอกให้ปล่อย”
กำนันบุญพยายามดิ้น มือกำนันบุญที่อยู่ในน้ำถูกมัดด้วยเชือก กำนันบุญพยายามบิดข้อมือแก้มัดตัวเองสุดฤทธิ์
“ข้าปฏิญาณต่อพระร่วงเจ้าแล้ว ว่าข้าจะรักษาสมบัติของแผ่นดินให้สืบทอดจนชั่วลูก ชั่วหลาน เพราะฉะนั้น มันผู้ใดคิดร้ายต่อสมบัติ ลักขุดลักขโมย เอาไปทำเดรัจฉานวิชา มันกับข้าต้องเจอกัน”
กำนันบุญหน้าตื่นตกใจ ระดับน้ำไต่ขึ้นมาถึงระดับปาก
“ข้าไม่รู้เรื่อง...ปล่อยข้า...ปละ...ปล่อย”
ระดับน้ำเริ่มเข้าปาก ที่ข้อมือกำนันบุญพยายามออกแรงแก้มัดเชือกอย่างสุดความสามารถ

ระหว่างนั้นสัมฤทธิ์กับพวกลูกน้องพาคนออกระดมปูพรมตามหากำนัน
“หาให้ทั่วนะเว้ย ถ้าพ่อข้าเป็นอะไร พวกเอ็งจะโดนข้ายิงกะบาลเรียงตัว”
พวกลูกน้องรีบกระจายกันออกค้นหา สัมฤทธิ์หน้าเครียดห่วงว่าพ่อจะเป็นอะไร ระหว่างนั้นมีรถจี๊ปคันหนึ่งขับ เข้ามา สัมฤทธิ์กับพวกลูกน้องพากันแปลกใจ
เสือแชนกับเสือชิด ชายวัยกลางคนแต่ท่าทางยังดูเหี้ยมเอาเรื่องมาพร้อมกับลูกน้องท่าทางฝีมือดีอีก 2-3 คน พวกมันมีอาวุธสงครามทั้งเอ็ม 16 และปืนกลเหมือนพวกทหารรับจ้างตามชายแดน ทั้งคู่ลงจากรถจี๊ปแล้วมองมาที่สัมฤทธิ์ท่าทางกวนๆ
“เจอหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ จะไม่ยกมือไหว้หน่อยเหรอ ไอ้เปี๊ยก”
“เฮ้ย...พวกแกเป็นใครวะ”
“สงสัยพ่อมันจะยุ่งแต่เรื่องเจ้าชู้ ฉุดผู้หญิงมาทำเมียไม่เลือกหน้า ถึงไม่มีเวลาสอน มารยาทลูก”
“ไอ้แก่ พูดจาหลบหลู่พ่อข้า อยากตายเหรอไงวะ”
สัมฤทธิ์จะเอาเรื่องแต่โดนเสือแชนเข้าไปบีบปากหน้าตาถมึงทึงใส่
“ไอ้เปี๊ยก...พวกข้ามาช่วยพ่อเอ็ง ถ้าเอ็งไม่รู้จักเคารพล่ะก็...ข้าไม่ไว้หน้าพ่อเอ็งแน่”
สัมฤทธิ์หน้าเสีย ไอ้นะกับไอ้เนเองก็ไม่กล้าทำอะไรเพราะเสือชิดกับพวกลูกน้องส่องปืนเอ็ม 16 จ่อหน้า

ยงยุทธกลับเข้ามาที่โต๊ะทำงาน ยังไม่ทันนั่งเพราะกำลังครุ่นคิดเรื่องกำนันบุญ
“อย่างที่นายประดับพูดไว้เลยครับหมวด ผู้ใหญ่ในจังหวัดมีคำสั่งเร่งด่วนให้ หมวดตามหาตัวกำนันให้พบโดยเร็ว” จ่าแท่นเข้ามาบอก ยงยุทธหน้านิ่งคิด ไม่ทันฟัง “หมวดครับ”
“จ่า...ผมสงสัยว่าที่กำนันถูกวีรบุรุษบาปลักพาตัวไปมันต้องมีบางอย่างที่มากกว่าการแก้แค้น”
“แล้วคืออะไรเหรอครับหมวด วีรบุรุษบาปต้องการอะไรกันแน่”
“ผมไม่รู้”
ยงยุทธถอนใจออกมาด้วยอาการหนักใจ ระหว่างนั้นดาราเข้ามา
“ดารา...มีธุระอะไรเหรอ” ยงยุทธถามเมื่อเห็นดารา สีหน้าของดาราดูไม่ค่อยสบายใจจนสังเกตได้ “จ่า”
“ครับหมวด”
จ่าแท่นทำความเคารพแล้วออกจากห้องไปปล่อยให้ดาราอยู่กับยงยุทธตามลำพัง
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ บอกผมมาได้นะ” ดารามองยงยุทธแล้วตัดสินใจยื่นภาพถ่ายของวีรบรุษบาปที่ได้มาจากกล้องโพลาลอยด์ให้ดู ยงยุทธตกใจ “นี่คุณได้รูปมันมาได้ยังไง”
“เขามาพบชั้น ต้องการให้ชั้นมาบอกเธอว่า...ถ้าอยากจับกำนันบุญเข้าคุก อยากรู้ว่าเบื้องหลังของกำนันเป็นใคร เธอต้องคืนดาบให้เขา”
ยงยุทธได้ยินเข้าก็ถึงกับขบกรามเจ็บใจ

วีรบุรุษบาปยืนมองหลักที่มัดกำนันบุญจนจมน้ำไปจนมิดหัว แววตาของวีรบุรุษบาปดูไร้ความปราณี เมื่อเห็นว่ากำนันบุญจมน้ำนิ่งไปได้ครู่ใหญ่ วีรบุรุษบาปจึงเดินลุยน้ำเข้าไป แต่ทันใดนั้นกำนันบุญก็ทะลึ่งตัวขึ้นจากน้ำส่งเสียงร้องคำรามอย่างโกรธแค้นเพราะแก้มัดมือตัวเองได้
“อ๊ากกกกกก...มึงตาย”
กำนันบุญปรี่เข้าไปเอามือบีบคอวีรบุรุษบาป โดยที่วีรบุรุษบาปไม่ทันระวัง วีรบุรุษบาปต้องออกแรงจับมือกำนันบุญออกจากคอ กว่าจะหลุดได้ก็เกือบจะขาดใจ แล้วแลกหมัดกับกำนันบุญกันไปมา กำนันบุญได้เปรียบศอกกลับหลังเข้าที่หน้าวีรบุรุษบาปจนวีรบุรุษบาปผงะ ส่วนกำนันบุญรีบวิ่งขึ้นจากน้ำ

วีรบุรุษบาปตามรอยเท้าของกำนันบุญเข้ามา บรรยากาศวังเวงมีควันจางๆ ปกคลุม วีรบุรุษบาปไม่ประมาทชัก ดาบที่เหน็บหลังออกมาระวังตัว กำนันบุญหลบลอบมองอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากวีรบุรุษบาปเท่าไหร่นัก กำนันบุญฉีกเสื้อที่เปียกน้ำออกเผยให้ เห็นรอยสักลงอักขระตามตัว
“ทีข้าบ้างล่ะไอ้วีรบุรุษบาป”
กำนันบุญพนมมือแล้วขมุบขมิบบริกรรมคาถา รอยสักที่ลงอักขระตามตัวกำนันบุญรืองแสงออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ วีรบุรุษบาปกำดาบแน่นอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่โดนลมกรรโชกเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลมพัดแรงขึ้นๆ จนเหมือนพายุลูกย่อมๆ จนวีรบุรุษบาปแทบจะปลิวไปกับแรงลม วีรบุรุษบาปต้องปักดาบลงที่พื้นแล้วใช้สองมือจับด้ามดาบไว้ให้แน่นเป็นหลักยึดไม่ให้ถูกแรงพายุพัดกระเด็น
กำนันบุญยังร่ายคาถาเรียกลมพายุไม่หยุด ลมเริ่มกรรโชกแรงกว่าเดิมจนกำนันบุญลืมตา...โพล่ง วีรบุรุษกำด้ามดาบปักพื้นแน่นยันตัวเองต้านแรงลมสุดฤทธิ์ แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงพายุได้จึงกระเด็นตามแรงลมไปกระแทกกับต้นไม้อย่างแรง...อั๊ก

ยงยุทธเอาดาบดำของวีรบุรุษบาปมาดูต่อหน้าดารากับจ่าแท่น
“คิดไว้ไม่ผิดว่ามันจะต้องหาทางเอาดาบคืน แผนสูงแต่หมาลอบกัดไปหน่อย”
“แต่ชั้นสงสัย ก็แค่ดาบเล่มเดียว ทำไมเขาถึงต้องยอมเสี่ยงชีวิตบุกไปจับตัวกำนันมาเพื่อให้เธอเอาดาบไปแลกเปลี่ยน”
“ถ้าคุณคิดว่าไม่มีดาบเล่มนี้แล้ว มันจะหาดาบเล่มอื่นมาเป็นอาวุธแทน คุณคิดผิดแล้ว”
“เพราะนักรบที่ไร้อาวุธคู่กาย ก็เหมือนแพ้สงครามตั้งแต่ยังไม่ออกศึกใช่มั้ยครับหมวด”
“ใช่จ่า...ดาบเล่มนี้ลงอักขระยันต์ของเพชรฆาตไว้ บางทีที่มันเอาตัวรอดจากอันตราย ทั้งหลายมาได้ อาจจะเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของดาบเล่มนี้ก็ได้”
“แล้วเธอจะเอายังไง จะเอาดาบนี้ไปแลกตัวกำนันรึเปล่า”
ยงยุทธมองดาบดำในมือสีหน้าครุ่นคิด

ในป่า วีรบุรุษบาปเจ็บจุกจากการกระแทกต้นไม้ ยันตัวลุกขึ้นพร้อมๆ กับลมพายุที่สงบกำนันบุญก้าวออกมาหัวเราะเยาะใส่
“ว่าไงล่ะไอ้วีรบุรุษบาป เก่งนักไม่ใช่เหรอ ไหนคุยโวโอ้อวดว่าเป็นทหารของพระร่วงไง”
วีรบุรุษบาปเจ็บใจจ้องกำนันบุญตาเขม็งกำหมัดแน่นปรี่เข้าไปชก...อ๊ากกกกก
กำนันบุญยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจก่อนวีรบุรุษบาปจะมาถึงตัว กำนันบุญยกมือพนมท่องคาถา ทันใดนั้นวีรบุรุษบาปก็กระเด็นด้วยแรงที่มองไม่เห็น ไม่สามารถเข้าใกล้กำนันบุญได้
“ข้าเตือนเอ็งแล้ว อย่าคิดว่าคนอย่างกำนันบุญมันจะง่ายเหมือนไอ้พวกกระจอกที่เอ็งเคยเล่นงาน เอ็งมันหาเรื่องใส่ตัว...สะเออะอยากรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้”
“ข้าจะไม่ยอมให้มีคนใจบาปอย่างพวกเอ็งอยู่รกแผ่นดิน”
“ฮ่าๆๆ ต่อให้เอ็งมีเก้าชีวิตก็ไม่มีทางขวางทางพวกข้าได้ จะบอกให้เอาบุญ เอ็งตายตอนนี้นับว่าโชคดี เพราะถ้ารู้ว่าคนที่เอ็งอยากไปขวางทางเป็นใครล่ะก็...ฮ่าๆๆ”
กำนันบุญหัวเราะแล้วหันไปคว้าดาบที่วีรบุรุษบาปปักพื้นขึ้นมาไล่ฟาดฟันใส่ วีรบุรุษบาปได้แต่ฉากถอยหลบคมดาบ แต่ก็ยังพอมีเชิงชกหมัดสวนกลับเข้าหน้ากำนันบุญให้ได้ปากแตกเลือดกบปากบ้าง แต่กำนันบุญก็ยังมีไม้เด็ดอีก
วีรบุรุษบาปตกใจเมื่อเห็นงูเห่าตัวใหญ่เลื้อยเข้ามาเหมือนถูกเรียกด้วยอาคมของกำนัน
“ถ้าวันนี้เอ็งหนีรอด ข้าจะถือว่าเอ็งดวงแข็งจริง...ฮ่าๆๆๆ”
งูเห่าชูคอแผ่แม่เบี้ยขู่ฟอดๆ แล้วเลื้อยเข้าใส่ วีรบุรุษบาปรีบถอยหนี เสียงกำนันบุญหัวเราะลั่น

อีกด้านหนึ่งของป่า สัมฤทธิ์พร้อมลูกน้องออกตามหากำนัน
“พ่อ...พ่อ”
“ข้าอยู่นี่”
“พ่อ...เป็นไงบ้าง ชั้นนึกว่าพ่อจะโดนมันฆ่าไปแล้วซะอีก”
“คนอย่างกำนันบุญฆ่าไม่ตายง่ายๆ หรอกเว้ย”
“แต่ก็ไม่น่าพลาดท่าให้ไอ้กระจอกอย่างมัน เสียชื่อกำนันบุญสุโขทัยหมด” เสือแชนบอก
กำนันบุญหันไปเห็นเสือแชนกับเสือชิดที่พากันเข้ามา
“ไอ้แชน...ไอ้ชิด นี่พวกเอ็งมาที่นี่ได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวว่ะไอ้กำนัน แต่ถ้าจะให้สั้นๆ พอเข้าใจล่ะก็...ข้าผ่านมาสุโขทัยแวะมาหาเอ็ง แต่รู้เรื่องเอ็งโดนลูบคม ก็เลยตามช่วย”
“ ข้าไม่ได้โดนมันลูบคมเว้ย ก็แค่ไม่ทันระวัง”
“ไม่ทันระวังเพราะโดนนังหน้าสวยที่ชื่อผกาสูบเรี่ยวแรงจนหมดตัวล่ะสิกำนัน”
กำนันบุญหันไปกระชากคอเสื้อเสือชิดอย่างไม่พอใจ
“ไอ้ชิด...ข้ายังเอาเลือดกบปากเอ็งได้อยู่นะเว้ย”
“ไม่เอาน่าไอ้กำนัน เกลอเก่ากันทั้งนั้น รอดมาได้ชั้นก็ดีใจ แล้วก็ข้ารู้จักเกลอข้าดี เสียชื่อ เสียหน้าแบบนี้คงไม่ปล่อยมันไว้แน่ เอาอย่างนี้ข้าจะไปตัดหัวมันมาให้ ถือซะว่าเป็นของติดไม้ติดมือฝากสหายที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน”
“หึๆๆ ขอบใจว่ะไอ้แชน”
เสือแชนยิ้มรับแล้วพาเสือชิดออกไปกับลูกน้อง สัมฤทธิ์อดเป็นห่วงไม่ได้
“แน่ใจเหรอพ่อ สหายเก่าพ่ออายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว จะรับมือไอ้วีรบุรุษบาปไหวเหรอ”
“เอ็งอย่าดูถูกไอ้แชนไอ้ชิดนะเว้ย สมัยเอ็งยังไม่เกิด สุโขทัยเคยลุกเป็นไฟก็เพราะฝีมือ มันสองตัวนี่แหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ยงยุทธกับจ่าแท่นและกำลังตำรวจอีก 2 นายเข้ามาในบริเวณป่าพร้อมนำดาบดำมาด้วย แต่ยงยุทธชะงักหยุดอยู่กับที่เพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“มีอะไรเหรอครับหมวด”
ยงยุทธยังนิ่งพยายามเงี่ยหูฟังสิ่งผิดปกติรอบๆ ตัว
เสือชิด เสือแชนและพวกลูกน้องทั้งหมดเป็นทหารรับจ้างอาวุธครบอย่างมืออาชีพ พวกมันเอาดินดำมาพรางหน้ากลมกลืนกับสภาพแวดล้อมจนพวกตำรวจไม่รู้ตัวว่าอยู่ใกล้มาก
“บอกพวกเราทุกคนให้ระวังตัว เรากำลังถูกล้อม”
“ใครเหรอครับหมวด พวกวีรบุรุษบาปเหรอครับ”
“ผมไม่รู้ว่าพวกไหน...แต่มันไม่ธรรมดาแน่”
เสือชิดแอบยิ้มร้ายพยักหน้าให้ลูกน้องย่องเข้าไปที่ตำรวจคนหนึ่งอย่างแผ่วเบาสุดฤทธิ์ จนประชิดตัวและ เตรียมจะใช้มีดพกเข้าไปเชือดคอหอย แต่ยงยุทธหันมาเห็นก่อน
“ระวัง”
ยงยุทธชักปืนยิงใส่ทันที...เปรี้ยง กระสุนโดนเข้าที่ไหล่ลูกน้องเสือชิด พวกมันเลยเผยตัวออกมาแล้วระดมยิงใส่
กระสุนจากปืน M16 สาดใส่ไม่หยุด ยงยุทธ จ่าแท่นและตำรวจที่เหลือต้องรีบหาที่หลบกันชนิดกระสุนเฉี่ยวหัว และพยายามยิงตอบโต้กลับไป
“พวกมันเป็นใครครับเนี่ย อาวุธสงครามทั้งนั้น”
“ถ้าเรารวมกันอยู่แบบนี้ มีหวังโดนถล่มตายหมู่แน่ ต้องแยกกันออกไป ผมจะแบ่งพวกมันออกไปเอง”
“อันตรายนะครับหมวด”
“ไม่ต้องห่วง ยังไงผมไม่กลับไปมือเปล่าแน่”
ยงยุทธชูดาบดำให้ดูแล้วเปิดฉากยิงใส่เพื่อให้ตัวเองมีจังหวะหลอกล่อออกไปอีกทาง เสือแชนเห็นยงยุทธหลบออกไปได้ก็หันมาบอกเสือชิด
“ข้าจัดการไอ้หมวดนั่นเอง พวกเอ็งจัดการที่เหลือด้วย”
เสือแชนสั่งแล้วรีบตามยงยุทธไป

วีรบุรุษบาปหนีการตามล่าของงูเห่าอาคมของกำนันบุญเข้ามา อยู่ๆ งูเห่าก็หายไป วีรบุรุษบาปพยายามระวัง งูเห่าตัวที่หนึ่งเลื้อยมาจากข้างหลังแล้วชูคอแผ่แม่เบี้ย วีรบุรุษบาปผงะจะหลบไปอีกทาง แต่งูเห่าตัวที่สองก็โผล่เข้ามาอีก วีรบุรุษบาปผงะจะไปอีกทางงูเห่าตัวที่ 3 ก็เลื้อยเข้ามาอีก จนวีรบุรุษบาปตกอยู่ในวงล้อมของพวกมัน วีรบุรุษบาปไม่มีทางหนีเลยตัดสินใจนั่งขัดสมาธิแล้วประสานมือทำสมาธิ ใช้จิตแผ่เมตตาสู้กับงูอาคม นิ่งไม่ไหวติง ส่วนงูก็ยังคงเลื้อยเข้ามาอย่างน่ากลัว

ยงยุทธยิงปืนหลอกล่อให้เสือแชนไล่ตามแล้วมาหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่ เสือแชนตามเข้ามาเห็นก็ระดม ยิงใส่ด้วย M16 ไม่ยั้ง ยงยุทธต้องวิ่งหนีห่ากระสุนที่ปล่อยให้เสือแชนยิงจนหมดแม๊กกาซีน
“ไวนักเหรอ หึ…รู้จักเสือแชนน้อยไปซะแล้ว”
เสือแชนโยนปืน M16 ทิ้งแล้วชักดาบพกออกมา เนื้อดาบสีเงิน คมดาบสะท้อนแสงคมกริบ ยงยุทธที่หลบอยู่หลังต้นไม้เห็นเสียงปืนเงียบก็โผล่ออกมาพร้อมปืนสั้นประจำตัว แต่เสือแชนหายตัวไป โผล่มาอีกทีอยู่ข้างหลัง มันเงื้อดาบฟาดลงมาแต่ยงยุทธสัญชาติญาณดีไหวทันม้วนตัวหลบได้เฉียดฉิว
“ฝีมือใช้ได้ แต่ยังไม่พอหรอกไอ้หนุ่ม”
เสือแชนเข้าไปเตะปืนในมือยงยุทธจนกระเด็นแล้วไล่ฟาดฟันด้วยดาบในมือ ยงยุทธต้องฉากถอยหลบเป็นพัลวัน จนเมื่อจวนตัวเสือแชนจะฟันลงมาที่กลางกะบาล ยงยุทธก็ตัดสินใจชักดาบดำของวีรบุรุษบาปออกจากฝักแล้วใช้รับคมดาบเสือแชนอย่างหวุดหวิด
เสือแชนเห็นดาบดำที่ยงยุทธชักออกมารับดาบก็ตกใจเพราะรู้จักและคุ้นเคยกับอาวุธชนิดนี้ดี
“ดาบดำ ...นี่เอ็งใช้ดาบดำด้วยเหรอ”
ยงยุทธแปลกใจที่เสือแชนพูดถึงดาบของวีรบุรุษบาปและเรียกดาบเล่มนี้ว่าดาบดำ เสือแชนออกแรงกดแล้วถีบอกยงยุทธจนกระเด็นก่อนจะรุกเข้าไปฟาดฟัน ยงยุทธใช้ดาบดำบวกเชิงดาบต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง

อีกด้านหนึ่งจ่าแท่นเปิดศึกยิงสนั่นกับพวกเสือชิด ฝ่ายตำรวจมีอาวุธแค่ปืนสั้นธรรมดา แต่พวกมันมี M16 ฝ่ายตำรวจเลยโดนไล่ยิง และทำได้แค่ตอบโต้ประปราย แต่จ่าแท่นยังใจเด็ดพยายามยิงตอบโต้
“จ่าครับ...กระสุนพวกเราจะหมดแล้วนะครับ”
“โธ่เว้ย...งั้นถอยออกไปก่อน”
“แล้วจ่าล่ะ”
“ผมจะคุ้มกันให้เอง...รีบไป”
ตำรวจนายอื่นรีบถอยออกไป จ่าแท่นดูลูกกระสุนในรังเพลิงเหลือแค่อีกไม่กี่นัด แต่ก็ยังใจเด็ดลุกขึ้นแล้วยิงไม่ยั้ง เปรี้ยงๆๆๆ ลูกน้องคนหนึ่งของเสือชิดโดนยิงตายเพราะฝีมือจ่าแท่นล้วนๆ เสือชิดเห็นลูกน้องตายก็เจ็บใจ
“ไอ้เวรเอ้ย...กูโกรธแล้วนะเว้ย”
เสือชิดฉุนขาดลุกขึ้นควงปืนเดินลุยเดี่ยวยิงใส่ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่จ่าแท่นลุกขึ้นมายิงเหมือนกัน แต่กระสุน ทั้งคู่หมดพอดี...แช๊ะๆๆ
จ่าแท่นกับเสือชิดประจัญหน้าห่างกันประมาณ 5 เมตรพอให้เห็นหน้าค่าตาว่าใครเป็นใคร จ่าแท่นเห็นหน้า เสือชิดก็มีอาการผงะไป
“แก”
เสือชิดหน้าเหี้ยมถึงปืนในมือจะกระสุนหมด แต่ก็มีปืนพกที่เหน็บเอวอีกกระบอกมันเลยชักออกมาแล้วยิงใส่
จ่าแท่นต้องรีบกระโจนหลบแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอดทันที เสือชิดไล่ยิงตามหลังไม่เลี้ยง..เปรี้ยงๆๆๆ แต่ไม่โดนจ่าแท่นสักนัด

ยงยุทธกับเสือแชนสู้กันด้วยเชิงดาบ ฝีมือของเสือแชนเอาเรื่องแม้จะอายุมากเพราะยังเก๋าพอตัว ยงยุทธโดนรุกไล่ฟาดฟันใส่เกือบจะเพลี่ยงพล้ำถูกแทงแต่ก็ใช้ดาบดำปัดดาบของเสือแชนได้ เสือแชนเจ็บใจที่มีคนรับมือเชิงดาบตัวเองได้เลยงัดเชิงดาบขั้นเด็ดขาดจู่โจมถาโถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ยงยุทธกลายเป็นฝ่ายใช้ดาบดำรับคมดาบของเสือแชนจนในที่สุดเมื่อหมดทางถอยและพอมีจังหวะสวนกลับ ยงยุทธก็ใช้ดาบดำฟาดลงไปที่ดาบของเสือแชนจนดาบของเสือแชนหักครึ่งต่อหน้าต่อตา แถมดาบยังผ่าลงมาที่เข้าที่หัวไหล่อีก เสือแชนร้องลั่น
“อ๊ากกกกกกก”
ยงยุทธถอนดาบออกจากไหล่เสือแชนและตกใจตัวเองไม่คาดคิดว่าอานุภาพของดาบดำจะรุนแรงถึงขนาดนี้
ระหว่างนั้นเสือชิดกับลูกน้องที่เหลือตามเข้ามา พวกมันยิงปืนใส่ ยงยุทธเลยต้องรีบหลบออกไป
“ไอ้แชน”
เสือแชนเลือดโชกแต่ยังกัดฟันทนเอามือกุมแผลที่ไหล่
“ถ้าเอ็งไม่เข้ามาล่ะก็ ข้าคงเสร็จดาบดำไปแล้ว”
เสือแชนบอกกับเสือชิด
“ดาบดำ...นี่เอ็งพูดเรื่องบ้าอะไร ก็เราจัดการกับพวกที่ใช้ดาบดำไปจนหมดแล้วนี่หว่า”
เสือแชนชูดาบหักให้ดู
“นี่ไงฤทธิ์เดชของดาบดำ เห็นแบบนี้เอ็งจะเชื่อได้รึยัง”
เสือชิดถึงกับอึ้งตกใจ

ติดตามอ่านขุนเดช ตอนที่ 9 (ต่อ) พรุ่งนี้





ขุนเดช ตอนที่ 9 (ต่อ)

วีรบุรุษบาปยังนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางงูอาคมที่เลื้อยเข้ามาใกล้และพร้อมจะฉกใส่ ยงยุทธเข้ามาแล้วใช้ดาบดำช่วยฟันงูอาคมจนพวกมันหายวับไปต่อหน้าต่อตา วีรบุรุษบาปค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยงยุทธชี้ดาบดำไปที่หน้าวีรบุรุษบาป
“ดาบของแก ชั้นเอามาคืนให้แล้ว”
วีรบุรุษบาปกับยงยุทธจรดจ้องกันตาต่อตา ท่าทางของยงยุทธทำให้ขุนเดชรู้ว่ายงยุทธไม่ได้ตั้งใจจะคืนดาบให้

จ่าแท่นกลับมาที่จุดรวมพล ดาราช่วยดูแลตำรวจที่บาดเจ็บและออกมาก่อน พอเห็นจ่าแท่นกลับมาก็รีบไปถามถึงยงยุทธ
“แล้วหมวดล่ะคะจ่า”
“พวกเราเจอดักเล่นงานครับ ผมกับหมวดเลยต้องแยกกัน”
“แล้ววีรบุรุษบาปล่ะ”
“หมวดยังไปตามตัวมันอยู่ครับ หมวดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องได้ตัววีรบุรุษบาปมาให้ได้”
ดารามีสีหน้าเป็นห่วงยงยุทธ ระหว่างนั้นบัวทองแอบฟังอยู่ห่างๆ บัวทองเป็นห่วงวีรบุรุษบาปไม่อยากให้ถูกยงยุทธจับ

วีรบุรุษบาปจะลุกขึ้นแต่ยงยุทธใช้ดาบขู่เอาจริง
“อย่า...อย่าแม้แต่จะคิด ยังไงวันนี้ชั้นก็ไม่ปล่อยให้แกลอยนวลไปได้แน่”
“คุณควรจะไปจับพวกกำนันมากกว่าจะมายุ่งกับผม”
“เมื่อไหร่ที่ชั้นมีหลักฐานสาวไปถึงตัวบงการ ชั้นไม่ปล่อยมันแน่”
“งั้นคุณก็น่าจะรู้ไว้ เพราะกำนันบอกผมว่าคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คนที่ทั้งคุณทั้งผมจะสาวไปถึงได้”
“พอได้แล้ว ชั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแกที่แกลากตัวกำนันมาเพราะต้องการแก้แค้น และต้องการให้ชั้นเอาดาบของแกมาคืน แต่ชั้นไม่ใช่ตุ๊กตาที่แกจะมาสั่งให้ทำตามต้องการได้”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นหน้าที่ของผม”
วีรบุรุษบาปไม่สนใจคำขู่ลุกขึ้นยืน ยงยุทธเลยต้องใช้ดาบดำจ่อเข้าที่คอหอยอย่างเอาจริง
“ชั้นบอกให้แกอยู่เฉยๆ แล้วก็อย่าสำคัญตัวผิดว่าสิ่งที่แกทำเป็นหน้าที่ เป็นความถูกต้อง ชอบธรรม เพราะบนโลกนี้มีแต่คำว่าถูกกับผิด และสิ่งที่แกทำ...มันคือผิด”
“งั้นอาจารย์ดาราก็คงไม่ได้บอกคุณ”
“บอกอะไร”
“ถ้าคุณไม่เลิกขวางทางผม ผมจะถือว่าเราคือศัตรู” วีรบุรุษบาปยืนยันหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวขยับคอเข้าไปชิดกับดาบดำที่ยงยุทธจ่อคอเขาอยู่ “เอาเลย...ผมไม่ยอมให้คุณจับหรอก อย่างเก่งคุณก็ต้องฆ่าผมเท่านั้น...ทำสิ...ฆ่าผม เลย...บอกให้ฆ่าผมไง”
ยงยุทธจ้องวีรบุรุษบาปตาเขม็งกดคมดาบลงที่คอจนคมดืบกินเนื้อเลือดซิบ
“หึ...ชั้นไม่ฆ่าแกหรอก ชั้นจะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของแกออกมา”
ยงยุทธเอื้อมมือจะไปถึงผ้าขาวม้าที่พันหน้าวีรบุรุษบาป แต่ทันใดนั้นบัวทองก็เข้ามา
“อย่านะคะหมวด”
เสียงบัวทองทำให้ยงยุทธหันขวับจังหวะนั้นวีรบุรุษบาปรีบชิงโอกาสใช้สองมือประกบดาบดำแล้วบิดแรงๆ ดาบดำก็หลุดจากมือยงยุทธแล้วกลับมาอยู่ในมือวีรบุรุษบาป ยงยุทธเจ็บใจมีปืนอีกกระบอกที่ซุกอยู่ที่ข้อเท้าเลยชักออกมาจะยิง แต่บัวทองก็วิ่งเข้ามาขวางอีก
“อย่านะคะหมวด ปล่อยเขาไปเถอะ บัวทองขอร้อง”
“หลบไปบัวทอง เธอกำลังทำผิดกฎหมาย”
“ไม่ค่ะ...บัวทองไม่หลบ” ยงยุทธตัดสินใจผลักบัวทองจนล้ม แล้ววิ่งไล่ยิงตามวีรบุรุษบาปไปทันที “หมวด”
บัวทองวิ่งตามไป

ยงยุทธไล่ยิงเข้ามาแต่วีรบุรุษบาปหายไป โผล่มาอีกทีข้างหลัง ยงยุทธหันไปใช้ปลอกดาบดำรับคมดาบที่ฟันลงมา สองคนออกแรงถาโถมใส่กัน วีรบุรุษบาปปัดปืนในมือยงยุทธกระเด็น ส่วนยงยุทธก็ปัดดาบดำในมือวีรบุรุษบาปกระเด็นปักพื้น ทั้งคู่หันมาตั้งท่าใช้เชิงมวยรุกเข้าใส่กัน แลกหมัดกันไปมา หมัดต่อหมัด เข่าต่อเข่า ถีบยอดอกกันคนละทีแล้ว กระเด็นไปคนละข้าง ยงยุทธคว้าปืนที่ตกพื้นขึ้นมาได้แล้วหันปากกระบอกปืนใส่ทันที แต่ชะงักอึ้ง
“แก...ไอ้วีรบุรุษบาป
บัวทองที่ตามเข้ามาโดนวีรบุรุษบาปใช้ดาบดำจ่อคอจับล็อคเป็นตัวประกัน
“อย่าเข้ามานะหมวด”
“วี...วีรบุรุษบาป” บัวทองตกใจ
“อยู่เฉยๆ ไม่อย่างนั้นชั้นจะฆ่าเธอ”
บัวทองอึ้ง ยงยุทธเล็งปืนอย่างเจ็บใจ เสียงของดาราดังเข้ามา
“ปล่อยบัวทองเถอะ ชั้นขอร้อง”
ดารากบอกเมื่อตามเข้ามาเห็นบัวทองถูกวีรบุรุษบาปจับเป็นตัวประกัน สถานการณ์ตึงเครียดบัวทองถูกวีรบุรุษบาปเอาดาบจ่อคอจับเป็นตัวประกันและไม่ยอมทำตามที่ดาราขอ
“ทิ้งปืนซะหมวด...ไม่อย่างนั้นผมทำร้ายบัวทองแน่”
“อย่านะ บัวทองไม่เคยคิดทำร้ายคุณ”
“ผมบอกให้หมวดทิ้งปืน...ทิ้งปืน”
วีรบุรุษบาปกดดาบลงที่คอ บัวทองยิ่งตกใจ ยงยุทธจำเป็นต้องลดปืนแล้ววางตามที่โดนสั่ง
“เห็นมั้ยบัวทอง มันไม่ใช่วีบุรุษอย่างที่เธอเชิดชู มันก็เป็นได้แค่โจรใจบาปเหมือนคนที่มันฆ่า”
“พอได้แล้วหมวด...ตั้งแต่นี้ไปเราคือศัตรูกัน...หันหลังไป...ทั้งคู่เลย”
“อย่าทำอะไรบัวทองนะ”
วีรบุรุษบาปทุบต้นคอบัวทองแรงๆ ทีเดียวบัวทองสลบ ดารากับยงยุทธยิ่งตกใจ
“ทำตามที่ผมสั่ง...หันหลัง”
ดารากับยงยุทธจำเป็นต้องหันหลังให้ และเพียงคล้อยหลังไปวูบเดียวเมื่อยงยุทธหันกลับมาก็ไม่พบวีรบุรุษบาปกับบัวทองแล้ว
“บัวทอง”
“ไอ้สารเลว...แกกับชั้นจะต้องเป็นศัตรูกันไปจนวันตาย” ยงยุทธบอกอย่างเจ็บใจ

ขุนเดชอุ้มบัวทองที่หมดสติมาวางที่โขดหิน แล้วปลดผ้าขาวม้าที่พันหน้าออก ลูบหน้าลูบตาบัวทองอย่างเป็นห่วง
“พี่ขอโทษนะบัวทอง พี่ไม่อยากทำให้บัวทองต้องเจ็บเลย...พี่ขอโทษ”
ขุนเดชย้ำคำขอโทษอย่างรู้สึกผิดแล้วบรรจงจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาทั้งๆ ที่บัวทองยังไม่รู้สึกตัว

ที่บ้านกำนันบุญเสือแชนให้ลูกน้องกำนันบุญช่วยทำแผลที่โดนฟันมาพร้อมยกไหเหล้ากระดกเข้าปากเพื่อดับความเจ็บปวด
“ข้าขอโทษนะเว้ยไอ้กำนัน ข้าประมาทไปหน่อยเลยไม่ได้หัวไอ้วีรบุรุษบาปมาให้เอ็ง”
“ไม่เป็นไรหรอกว่ะไอ้แชน เอ็งไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว สหายเก่ามาเยี่ยมเยียนทั้งทีถ้าต้องเอาชีวิตมาทิ้ง ข้าคงเสียใจแย่”
“แล้วกำนันได้ปากพล่อยพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดไปรึเปล่า” ประดับเดินเข้ามา
“คุณประดับ”
“ไอ้นี่น่ะเหรอ หน้าละอ่อนแบบนี้ เอ็งปล่อยให้มันมาจิกหัวใช้ได้ไงวะ”
เสือชิดดูท่าทางเอาเรื่องแต่กำนันบุญจับบ่าบีบแรงเป็นการเตือน
“อย่านะเว้ยไอ้ชิด แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือนเอ็งไม่ได้”
“หึๆๆ” ประดับยิ้มร้ายๆ
“ผมไม่รู้ว่ามันไปรู้เรื่องสัตตโลหะบุรุษมาจากไหน มันถึงได้บุกเข้ามาเอาผมไปเค้นความจริง แต่มันก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมยังเก็บความลับของท่านไว้อยู่” กำนันบุญบอก
“ดีมากกำนัน เรื่องของท่านจะแพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด ต่อไปนี้กำนันก็ต้องระวังตัวให้มาก อย่าให้พลาดท่าง่ายๆ แบบนี้อีก”
“ครับคุณประดับ”
กำนันบุญยอมพูดดีกับประดับ แต่สายตาแอบมองไปที่ผกาซึ่งเข้ามาด้วย ประดับแอบเห็นสายตาของทั้งคู่แต่ทำเฉย
“ตอนนี้กำนันก็มีสหายเก่ามาช่วยแล้ว หวังว่าชื่อเสียงมหาโจรเมื่อหลายสิบปีก่อนจะไม่ต้องมาสิ้นลายเพราะไอ้วีรบุรุษบาปนะ”
ประดับทิ้งท้ายแล้วออกไป ผกามองกำนันบุญนิดนึงแล้วตามประดับไป พวกเสือแชน เสือชิดดูจะไม่พอใจประดับ

ประดับตบหน้าผกาทันทีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...เพี๊ยะ
“นังแพศยา”
“ประดับ”
“เห็นชั้นโง่นักใช่มั้ยถึงได้สวมเขาให้ชั้น”
“ชั้นเปล่านะ”
“เปล่าเหรอ...งั้นบอกชั้นมาสิว่าเธอทำอะไรอยู่กับกำนันตอนที่ไอ้วีรบุรุษบาปบุกเข้ามา”
ผกาหน้าเสีย
“ชั้น...” ผกานิ่งไปครู่แล้วบีบน้ำตาปล่อยโฮ “ชั้นถูกกำนันขืนใจ”
“ว่าไงนะ”
“เพราะเธอนั่นแหละประดับ เธอบอกกำนันว่ายกชั้นให้เป็นรางวัลแล้วก็ทิ้งชั้นไว้ที่นี่ กำนันก็เลย...ฮือๆๆๆ”
“จะร้องไห้ทำไม ใช่ว่าเธอจะเป็นหญิงบริสุทธิ์”
“ประดับ...ถึงชั้นจะเคยผ่านผู้ชายเป็นร้อยเพื่อแลกเงิน แต่ตอนนี้ชั้นเลิกแล้วเพราะชั้นรักเธอ ทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง ชั้นรู้มาว่ากำนันคิดไม่ซื่อกับเธอ ชั้นก็เลยต้องยอม”
“กำนันคิดไม่ซื่อกับชั้นเหรอ”
“ใช่...แต่ตอนนี้ชั้นรู้ว่าเธอยังจำเป็นต้องใช้งานกำนันอยู่ ชั้นจะแกล้งทำเป็นยอมมัน แล้วคอยเป็นหูเป็นตาให้เธอ อย่าโกรธชั้นนะประดับ”
ผกาเข้าไปกอดออดอ้อนมารยาหญิงสะอื้นไห้สุดฤทธิ์ ประดับนิ่งสีหน้าครุ่นคิดแล้วเชยคางผกาขึ้นมา
“ถึงเธอไม่บอกชั้น ชั้นก็ไม่เคยไว้ใจใครนอกจากตัวชั้นเอง ที่ชั้นไม่พอใจเพราะชั้นไม่อยากถูกมองว่าเป็นวัวเป็นควายถูกสวมเขา แต่ถ้าเธออยากทำประโยชน์ให้ชั้นจริงๆ ก็ทำต่อไป เมื่อถึงวันที่ชั้นได้ทุกอย่างสมใจแล้วชั้นจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
“ขอบใจนะประดับ” ประดับมองผกาแล้วเดินออกไป ผกามองตามประดับแล้วยิ้มเยาะร้ายกาจ “ไอ้พวกผู้ชายหน้าโง่...คอยดูเถอะต่อให้เป็นมหาบุรุษยิ่งใหญ่สักแค่ไหน สุดท้ายก็พ้นผู้หญิงอย่างชั้นหรอก...เชอะ”

คำปันใจคอไม่ดีเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบัวทอง
“พี่แท่น...พี่ต้องตามหลานกลับมาให้ได้นะ อย่าให้หลานเป็นอะไรไปนะพี่”
“ไม่ต้องห่วงนะคำปัน พี่สัญญา...ถ้าไอ้วีรบุรุษบาปมันแตะต้องบัวทองแม้แต่ปลายเล็บพี่จะลากคอมันมายิงทิ้ง”
“ชั้นเตือนบัวทองแล้วว่าอย่าไปไว้ใจ แต่ลูกคนนี้ก็ดื้อเหลือเกิน”
คำปันสะอื้นจนจ่าแท่นต้องเข้ามาโอบปลอบใจ ดารารู้สึกหนักใจหันไปมองยงยุทธที่หน้าเครียด

ดาราออกมาหน้าบ้านกับยงยุทธที่ยังไม่หายเจ็บใจ
“ผมไม่น่าปล่อยให้บัวทองถูกมันจับตัวไปเลย”
“เธอพยายามแล้วนะยงยุทธ”
“ทีนี้คุณเห็นแล้วรึยัง มันไม่ใช่วีรบุรุษ มันเป็นโจร มันทำทุกอย่างเพื่อตัวมันเองแล้วอ้างว่าเป็นหน้าที่ที่มันต้องมาสะสาง ไอ้สารเลว”
“แต่ชั้นว่าเขาคงไม่ทำร้ายบัวทองหรอก”
“งั้นมันเอาตัวบัวทองไปทำไม” ดารานิ่งตอบไม่ได้ “ผมจะล่ามัน จะไม่ปล่อยให้บัวทองต้องกลายเป็นเหยื่อคนต่อไป”
ยงยุทธดูไม่พอใจเอามากๆ รีบออกไป ดาราหน้าเครียดหนักใจตามไปด้วย

บัวทองที่หมดสติไปรู้สึกตัวขึ้นมาที่น้ำตกพบว่าตัวเองอยู่คนเดียวตามลำพัง มีผ้าขาวม้าของวีรบุรุษบาปหนุนหัวรองแทนหมอน บัวทองหยิบผ้าขาวม้าผืนนั้นขึ้นมามองอย่างสงสัย
บัวทองเดินเข้ามาที่ริมตลิ่งเห็นวีรบุรุษบาปนั่งหันหลังปิ้งปลาข้างกองไฟ เวลานี้วีรบุรุษบาปไม่มีผ้าขาวม้า พันหน้าปกปิดตัวตนที่แท้จริง บัวทองอยากรู้ว่าเขาเป็นใครเลยพยายามจะเข้าไปดูใกล้ๆ
“หยุดอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ ถ้าเธอเข้ามาใกล้ชั้นอีกก้าวเดียว ชั้นคงต้องทำให้เธอเจ็บตัว”
“แต่ชั้นช่วยทำให้คุณรอดจากหมวดยงยุทธแล้วยังได้ดาบของคุณคืน”
“ถึงเธอไม่ช่วย หมวดยงยุทธก็ทำอะไรชั้นไม่ได้”
“แต่ชั้นเป็นพวกเดียวกับคุณ ชั้นสัญญาว่าชั้นจะไม่เปิดเผยความลับให้ใครรู้”
บัวทองลองเสี่ยงขยับเข้าไปใกล้เพื่อจะได้เห็นหน้าชัดๆ ขุนเดชเลยจำเป็นต้องชักดาบดำออกมาอย่างเอาจริง
“ชั้นไม่ได้ขู่เธอเล่นๆ นะบัวทอง เธอไม่ควรจะรู้จักชั้น ที่ชั้นจำเป็นต้องให้เธออยู่ที่นี่ ไม่ปล่อยเธอกลับไปเพราะไม่อยากให้เธอเดินป่าคนเดียวตอนกลางคืน”
“แล้วจะให้ชั้นอยู่เฉยๆ ทำอะไรล่ะ คุณเล่นปิ้งปลากลิ่นหอมแบบนี้มันทำให้ชั้นหิวนะ”
“สำหรับเธอชั้นเตรียมให้แล้ว แต่ถ้าอยากกินก็ต้องทำตามที่สั่ง”
“ทำอะไร”

บัวทองถูกจับปิดตาด้วยผ้าขาวม้ายืนเก้ๆ กังๆ ขุนเดชเข้าไปตรวจดูปมที่มัดว่าแน่นหนารึเปล่า
“โอ๊ย...เบาๆ หน่อยสิ แค่นี้ชั้นก็มองอะไรไม่เห็นแล้ว รัดแน่นมากเลือดไม่เลี้ยงสมองชั้นขึ้นมาจะว่ายังไง”
“ชั้นไม่ไว้ใจ เพราะท่าทางเธออยากรู้มากว่าชั้นเป็นใคร”
“แต่ชั้นไม่ชอบตื้อใคร ถ้าไม่อยากให้รู้ ไม่รู้ก็ได้แต่ขอเดาว่าที่ไม่กล้าให้เห็นหน้า เพราะหน้าตาคุณคงจะน่าเกลียดน่ากลัว เดินผ่านวัดตอนกลางคืนหมาคงหอนกันเกลียว”
“เธอนี่...หน้าตาก็ดี รำก็สวย ดูน่าจะเป็นกุลสตรี ถ้าเลิกนิสัยปากร้าย เอาแต่ใจ ดื้อรั้น คงจะมีผู้ชายดีๆ มาสนใจ”
“นี่คุณ คุณนั่นแหละปากเสียมาว่าผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง” บัวทองเงื้อมือตบแต่วืดเพราะมองไม่เห็นล้มคะมำ
“คนบ้า...แน่จริงอย่าหลบสิ”
“ชั้นไม่ได้หลบ แต่เธอตบชั้นไม่โดนเอง”
“ก็ถ้ามองเห็น คุณโดนชั้นสั่งสอนแน่”
บัวทองจะแกะผ้าผูกตา แต่ขุนเดชเข้าไปจับมือบีบเตือน
“ชั้นเตือนเธอแล้วนะบัวทอง...ถ้าเธออยากเห็นหน้าชั้น เธอจะต้องเจ็บตัว”
บัวทองนิ่งไปแล้วสะบัดมือไม่ยอมให้บีบมือ
“ก็ได้...ชั้นจะเลิกอยากรู้ เลิกสนใจว่าคุณจะเป็นใคร พอใจแล้วใช่มั้ย” ขุนเดชเงียบ “ทีนี้จะให้ชั้นกินได้รึยัง...ชั้นหิว”

ขุนเดชจูงมือพาบัวทองมานั่งที่ข้างกองไฟ เอาปลาที่ย่างเสร็จร้อนๆ ควันหอมฉุยใส่กระทงใบตองแล้วยื่นให้
“กินซะสิ...จะได้ไม่ต้องโมโหหิวอาวะวาดฟาดงวงฟาดงา”
“คนบ้า...ชั้นไม่ใช่ช้างนะ” ขุนเดชยิ้มแล้วจับมือบัวทองมาวางกระทงใบตองใส่มือ “คุณจับชั้นปิดตาแล้วให้กินปลาเนี่ยนะ ถ้าก้างปลาติดคอชั้นล่ะ”
“เธอนี่เรื่องมากจริงๆ”
“ก็ใครให้คุณจับชั้นมาล่ะ”
“ก็ได้...ชั้นจะป้อนเธอเอง” ขุนเดชเอาปลาในกระทงใบตองมาแกะเนื้อแล้วยื่นให้ “เอ้า..กินซะ” บัวทองอ้าปากงับแต่ไม่โดน ขุนเดชขำ “ทางนี้”
บัวทองงับอีกทีแต่ก็ไม่โดนจนนึกว่าโดนแกล้ง
“นี่...เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งชั้นซะที”
“ไม่ได้แกล้ง...ช่วยก็ได้” ขุนเดชจับหน้าบัวทองเบาๆ แล้วป้อนเนื้อปลาใส่ปากให้ “เป็นไง...อร่อยมั้ย” บัวทองไม่ตอบแต่เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ขุนเดชเลยช่วยป้อนให้อีก บัวทองเคี้ยวตุ้ยๆ เต็มสองกระพุงแก้มดูไป เหมือนโครงการแก้มลิง “กินอย่างกับปอบเลยนะเธอเนี่ย”
“แม่ชั้นสอนว่าเวลากินข้าวห้ามพูด เพราะฉะนั้นคุณโชคดีที่ไม่โดนชั้นด่า เอาอีก...ชั้นหิว”
ขุนเดชอมยิ้มในความแก่นเสี้ยวของบัวทองที่ชวนทำให้เขารู้สึกดี

ก้างปลาที่บัวทองกินไปสองสามตัวกองอยู่ในกระทงใบตองหลังจากบัวทองกินจนอิ่ม ขุนเดชช่วยป้อนน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ให้
“คงอิ่มแล้วใช่มั้ย เพราะถ้ายังชั้นคงต้องไปจับปลาทั้งแม่น้ำมาให้เธอ”
บัวทองทำเป็นไม่สนเพราะเริ่มบิดขี้เกียจและหาว
“ป่านนี้แม่ชั้นคงรู้แล้วว่าชั้นถูกคุณจับตัวมา ทุกคนต้องคิดว่าคุณกำลังทำร้ายชั้น”
“พรุ่งนี้เช้าชั้นจะพาเธอกลับ”
“ชั้นจะบอกแม่ บอกทุกคนว่าคุณไม่ใช่คนเลว”
“เธอไม่จำเป็นต้องช่วยชั้น”
“แต่ที่คุณทำ เป็นเรื่องที่พวกเราควรจะยกย่อง”
“ชั้นฆ่าคน ชั้นทำร้ายเธอนะบัวทอง ถึงจะเรียกชั้นว่าวีรบุรุษ แต่ก็เป็นคนที่ทำบาปเหมือนพวกมัน สักวันชั้นก็ต้องตกนรกไปชดใช้กรรมที่ก่อไว้”
บัวทองนิ่งไปครู่
“วีรบุรุษบาป”
บัวทองค่อยๆ ยื่นมือไปข้างหน้าพยายามไขว่คว้าหาใบหน้าของเขาจนนิ้วแตะโดนที่หน้าเบาๆ ขุนเดชรีบจับมือ เธอให้หยุดก่อนที่บัวทองจะสัมผัสหน้าเขาเต็มๆ
“เธอจะทำอะไร”
“ชั้นรับปากว่าชั้นจะไม่สนใจอยากรู้ว่าคุณคือใคร แต่อย่างน้อยขอให้ชั้นได้สัมผัสใบหน้าของคนที่ชั้นเชิดชูเขาว่าเป็นวีรบุรุษได้มั้ย”
ขุนเดชเงียบไปครู่ก่อนจะยอมให้บัวทองใช้สองมือสัมผัสใบหน้าของเขา ขุนเดชมองบัวทองปล่อยให้เธอสัมผัสเขาทั้งหน้าผาก ดวงตา จมูกและริมฝีปาก
“วีรบุรุษบาป...คุณโกหกชั้น” ขุนเดชชะงักนึกว่าบัวทองรู้ความจริง “คุณไม่ใช่คนหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ใบหน้าของคุณมีความงดงามเหมือนกับหัวใจของคุณ” มือของบัวทองยังสัมผัสอยู่ที่แก้ม ขุนเดชตัดสินจับมือเธอออกแล้วลุกเดินออกไปอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไร “วีรบุรุษบาป...วีรบุรุษบาป...คุณอยู่ไหน”
บัวทองเรียกหาอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ เธอจึงตัดสินใจเสี่ยงแกะปมผ้าขาวม้าที่ปิดตาออก บัวทองอยู่คนเดียวไร้เงาและวี่แววของวีรบุรุษบาปในบริเวณนั้นเลย
“วีรบุรุษบาป”
จบตอน 19

ขุนเดช ตอน 20.1
วันใหม่ต่อมาบัวทองเข้ามาล้างหน้าล้างตาที่ริมตลิ่ง เธอมองจากเงาสะท้อนในน้ำเห็นวีรบุรุษบาปมายืนข้างหลัง แต่ไม่ทันที่บัวทองจะหันหลังกลับไป วีรบุรุษบาปก็ใช้สันมือทุบต้นคอเธอทีเดียวบัวทองหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของวีรบุรุษบาป

วีรบุรุษบาปแบกบัวทองที่หมดสติเดินผ่านทุ่งนา พวกชาวบ้านที่กำลังทำนาอยู่เห็นเข้าก็ตกใจพากันชี้ให้ดูวีรบุรุษบาป ฮวดขี่มอเตอร์ไซค์กลับจากไปซื้อของในตลาดมาพร้อมกับสาลี่เห็นพวกชาวนากำลังชี้ดูอะไรกันอยู่ก็สงสัย
“จอดๆๆๆ ไอ้ฮวด...ตรงโน้นเขาแตกตื่นดูอะไรกันน่ะ” ฮวดจอดมอเตอร์ไซค์แล้วให้สาลี่ลงไปดู สาลี่เห็นเข้าก็ร้องเสียง “ไอ้ฮวด มาดูนี่เร็ว...นั่น...นั่น”
ฮวดเห็นเข้าก็ตกใจ
“ไอ้หย๋า”

สาลี่กับฮวดรีบวิ่งขึ้นมาที่โรงพัก
“ผู้หมวด...ผู้หมวด”
ยงยุทธกับจ่าแท่นรีบออกมาสงสัย
“มีเรื่องอะไรกัน”
“วี...วี...วีรบุรุษบาป” สาลี่เหนื่อยหอบพูดไม่ทัน “โอ้ยเหนื่อย”
“ลื้อนี่...กว่าจะพูดรู้เรื่อง เดี๋ยวอีก็หนีไปได้หรอก ผู้หมวดรีบไปเถอะ วีรบุรุษบาปพาอาบัวทองกลับมาแล้ว”
“ว่าไงนะอาฮวด มันโผล่หัวมาแล้วเหรอ”
ยงยุทธหันมาสีหน้าเอาเรื่อง

ขณะนั้นคำปันยังนั่งเศร้าโศกเป็นห่วงลูกไม่หาย ดาราต้องเข้ามาช่วยปลอบ
“น้าคำปันจ้ะ ชั้นว่าน้าน่าจะทานอะไรบ้างนะ ชั้นทำข้าวต้มไว้ทานสักหน่อยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์ แต่น้ากินไม่ลงหรอก น้าเป็นห่วงบัวทองป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง จะโดนไอ้ฆาตกรนั่นทำร้ายรึเปล่าก็ไม่รู้”
คำปันพูดไปก็สะอื้น ดาราต้องจับมือมาปลอบ
“เขาเคยช่วยชีวิตชั้นกับบัวทองไว้ ชั้นมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายบัวทอง”
“แต่มันจับบัวทองไปอยู่กับมันทั้งคืน จะให้น้าวางใจได้ยังไงคะอาจารย์”
ดารานิ่งไปเพราะคำพูดของคำปันทำให้เธอเองก็อดเป็นห่วงบัวทองไม่ได้ ระหว่างนั้นเองที่ดาราหันไปเห็นวีรบุรุษบาปแบกบัวทองพากลับมา
“น้าคำปันจ้ะ...ดู...นั่น”

ยงยุทธกับจ่าแท่นขับรถจี๊ปอย่างเร่งรีบเพื่อไปให้ทันจับตัววีรบุรุษบาป แต่มาถึงกลางทางก็ดันเจอชาวบ้านที่กำลังต้อนวัวผ่านถนนพอดี ยงยุทธบีบแตรไล่เสียงดัง
“แบบนี้ไปไม่ทันมันแน่”
ยงยุทธตัดสินใจทิ้งรถแล้วรีบวิ่งไปแทน
“หมวด”

วีรบุรุษบาปวางบัวทองลงที่แคร่ใต้ถุนบ้าน บัวทองยังไม่รู้สึกตัวคำปันเข้าไปลูบหน้าลูบตาลูกอย่างเป็นห่วง
“บัวทอง...บัวทอง”
“บัวทองแค่หมดสติไป อีกสักพักก็คงฟื้น”
คำปันหันมาทางวีรบุรุษบาปอย่างไม่พอใจ
“แก...แกทำร้ายลูกชั้น เลวที่สุด”
คำปันหันไปคว้าท่อนไม้ใกล้มือจะเอาเรื่อง ดาราพยายามห้าม
“อย่าจ้ะน้า”
“อย่าห้ามน้านะคะอาจารย์ น้าไม่กลัวหรอกว่ามันจะเป็นไอ้ฆาตกรใจโหด มันทำร้ายลูกน้า น้าต้องเอาเลือดหัวมันออกมา”
“ปล่อยเธอเถอะครับอาจารย์”
ดาราหันไปเพราะคำห้าม คำปันเลยปรี่เข้าไปฟาดหัววีรบุรุษบาปด้วยท่อนไม้ในมือโดยที่วีรบุรุษบาปไม่ตอบ โต้ใดๆ ปล่อยให้คำปันฟาดเข้าหน้าจนหน้าหัน
“วีรบุรุษบาป”
ดาราตกใจ ส่วนวีรบุรุษบาปนิ่งไปแล้วหันมาที่คำปันซึ่งตกใจคิดว่าจะโดนตอบโต้ วีรบุรุษบาปเดินไปใกล้คำปันแล้วคุกเข่าก้มลงกราบขอขมา คำปันกับดาราพากันอึ้งไป

ยงยุทธวิ่งมาถึงที่หน้าบ้านคำปัน ยงยุทธหยุดเตรียมอาวุธปืนขึ้นมาพร้อมสำหรับบุกเข้าไปเผชิญหน้ากับวีรบุรุษบาป
“คราวนี้แกไม่รอดแน่ไอ้วีรบุรุษบาป”
ยงยุทธกระชับปืนแล้วบุกเข้าไปแต่ภาพที่เห็นตรงหน้ามีแต่คำปันเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้บัวทองที่รู้สึกตัวแล้ว
“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก”
“แม่จ๋า”
คำปันกับบัวทองกอดกัน ยงยุทธรีบเข้ามาด้วยความสงสัย
“บัวทอง”
“หมวด”
“แล้ววีรบุรุษบาปล่ะ”
คำปันมองหน้ายงยุทธแล้วนิ่งไป

ขณะนั้นวีรบุรุษบาปอยู่ที่ทุ่งนาและกำลังจะไปแต่ดาราเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน” วีรบุรุษบาปหยุดนิ่ง “ชั้นช่วยให้คุณได้ดาบคืนแล้ว คุณจะไปแบบนี้เลยเหรอ”
“ถ้าคิดจะถ่วงเวลาเพื่อให้หมวดยงยุทธมาจับผมล่ะก็...ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีวันที่เขาจะตามผมทัน”
“ชั้นเปล่าถ่วงเวลา แต่ชั้นอยากให้คุณหยุด ชั้นไม่อยากเห็นการนองเลือดมากกว่านี้”
“สงครามเมื่อเริ่มแล้ว มันเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะต้องมีคนตาย”
“ต้องได้สิ...ความขัดแย้งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาทุกครั้งไป ถ้าคุณบอกชั้นมาว่าสิ่งที่พวกนั้นต้องการคืออะไร ชั้นจะใช้วิธีของชั้นทำให้ทุกอย่างยุติเอง”
“หึ...คุณกับหมวดยงยุทธไม่มีทางหยุดพวกมันได้ด้วยวิธีการอย่างสันติหรอก เพราะสิ่งที่พวกมันต้องการ มันเกินความสามารถที่คนดีๆ จะไปหยุดได้”
“หมายความว่ายังไง”
“สัตตะโลหะบุรุษ ถ้าต้องการหยุดมัน คนๆ นั้นต้องเลวพอๆ กับมัน และต้องกล้าแลกด้วยชีวิต”
ดารามีสีหน้าแปลกใจสงสัย ระหว่างนั้นเสียงยงยุทธเรียกเธอดังแว่วเข้ามา ดาราหันขวับไปทางต้นเสียง พอหันมาอีกทีก็ไม่เจอวีรบุรุษบาปแล้ว ยงยุทธตามเข้ามา
“ดารา...มันอยู่ไหน”
ดาราหันมามองยงยุทธด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

อ่านต่อหน้าที่ 4





ขุนเดช ตอนที่ 9 (ต่อ)

คืนนั้นเมื่อกลับมาที่บ้านพัก ยงยุทธชกกระสอบทรายอย่างหนักหน่วงจนเสียงดัง พร้อมกับฟังจ่าแท่นไปด้วย
“ผมถามบัวทองแล้ว มันไม่ได้แตะต้องบัวทองแม้แต่นิดเดียวครับ”
“แล้วที่มันอยู่กับบัวทองทั้งคืน มันทำอะไร”
“หาอาหารให้กิน แล้วให้นอนหลับพักผ่อนครับ”
ยงยุทธหยุดชกกระสอบทรายแล้วหันมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“แค่นั้นเองเหรอจ่า”
“ครับหมวด บัวทองยืนยันว่ามันไม่ใช่คนเลวอย่างที่หมวดคิด” ยงยุทธดูไม่ค่อยชอบใจจะเดินออกไปแต่จ่าแท่นขวาง “เดี๋ยวสิครับหมวด...ผมรู้ว่าที่หลานสาวผมขัดขวางการจับกุมเป็นเรื่องผิด ต่อไปผมจะกำชับไม่ให้ทำแบบนี้อีก”
“ไม่ต้องห่วงจ่า ผมไม่เอาเรื่องบัวทองหรอก ผมแค่อยากจะรู้ว่าระหว่างที่อยู่กับมัน บัวทองมีโอกาสได้เห็นหน้าตามันรึเปล่า”
“เรื่องนั้นผมถามแล้วครับ”
“แล้วบัวทองว่ายังไง”
จ่าแท่นมองยงยุทธแล้วเล่าตามที่บัวทองเล่าให้ฟัง
“เขาใช้ผ้าปิดตาชั้นไว้ตลอดจ้ะลุง”
“แล้วบัวทองไม่มีโอกาสแอบดูเลยเหรอ”
บัวทองนิ่งไปแล้วนึกถึงตอนที่เธอใช้มือสัมผัสใบหน้าของวีรบุรุษบาปในขณะที่ถูกปิดตาไว้
“ว่ายังไงล่ะบัวทอง ถ้าลูกรู้ว่าเขาเป็นใคร ลุงจ่าจะได้ให้หมวดไปจับตัวมา” คำปันถาม
“ไม่จ้ะแม่...บัวทองไม่มีโอกาสเห็นหน้าเขาเลย เขาดูแลบัวทองแล้วก็ปล่อยให้บัวทองนอนหลับ แค่นั้นจริงๆ จ้ะ”
คำปันนิ่งไปแล้วหันมาที่จ่าแท่น
“พี่จ่าจ๊ะ...ตอนที่เขาพาบัวทองมาส่ง เขายอมให้ชั้นทำร้ายเขา เหมือนรู้สึกผิดต้องการขอโทษชั้นที่ทำให้บัวทองเจ็บ”
จ่าแท่นฟังคำปันแล้วกอดอกสีหน้าคุ่นคิดหนักใจ

“จ่าจะบอกผมว่า จ่าจะยอมให้เรื่องนี้แล้วไป เพราะเจ้าทุกข์ไม่เอาความ”
ยงยุทธถามหลังจากจ่าแท่นเล่าจบ
“เปล่านะครับหมวด ยังไงผู้ต้องหาที่ต้องจับให้ได้อันดับหนึ่งของเราก็ยังเป็นวีรบุรุษบาป แต่ว่า...สำหรับตอนนี้การตามล่าวีรบุรุษบาปคงไม่สำคัญเท่ากับ...”
จ่าแท่นพูดไปสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเจ็บใจ กำหมัดแน่น ขมกรามจนขึ้นสัน เหมือนความแค้นในอดีตปะทุขึ้นมา
“มีอะไรเหรอจ่า”
“ก็ไอ้โจรสองคนที่ถล่มพวกเราจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดน่ะสิครับหมวด ต่อให้ผ่านมาเป็น สิบๆ ปี แต่หน้าพวกมันผมก็ยังจำฝังใจ”
“จ่ารู้จักพวกมันเหรอ...พวกมันเป็นใคร”
“ไอ้เสือแชนกับเสือชิด...ไอ้โจรใจบาปที่ฆ่าตัดคอพี่เดื่อง”
“นายเดื่อง...พ่อของขุนเดช”

บรรยากาศหน้ากระท่อมขุนเดชเช้าวันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์เพิ่งจะพ้นขอบฟ้าได้ไม่เต็มดวงดีนัก ภายในกระท่อมขุนเดชนอนกระสับกระส่ายเพราะฝันร้ายเหงื่อแตกเต็มตัว
ในถ้ำศิลาขุนเดชวัยเด็กซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ แล้วเห็นเงาสะท้อนบนผนังถ้ำว่าพ่อถูกฆ่าตัดคออย่างโหดเหี้ยม
ขุนเดชวิ่งล้มลุกคลุกคลานตื่นตระหนกตกใจกลัว เนื้อตัวมอมแมมในมือ ของขุนเดชข้างหนึ่งถือดาบดำของนายเดื่องที่หักกลางเหลือเพียงครึ่ง อีกมือก็ถือปลอกดาบกำแน่น
เสียงนกแสกร้องดัง สลับกับฟ้าแลบฟ้าร้องครืนๆ ขุนเดชวิ่งหนีพวกโจรมายืนเคว้งอยู่ท่ามกลางความมืดสลัว
“พ่อ...พ่อ...ฮือๆๆๆ”

บัวทองมาหาขุนเดชที่กระท่อม พบขุนเดชนอนกระสับกระส่ายเหงื่อแตกเต็มหน้า
“พี่ขุนเดช” บัวทองเรียกชื่อขุนเดชอีกสองสามครั้งแต่ขุนเดชก็ยังไม่รู้สึกตัว จึงหันไปหยิบผ้ามาช่วยซับเหงื่ออย่างเป็นห่วง “พี่ขุนเดชจ๊ะ...พี่เป็นอะไร พี่ได้ยินชั้นมั้ย” ขุนเดชยังคงอยู่ในภวังค์ของฝันร้าย บัวทองชักสงสัยกลัวว่าจะเป็นไข้ เลยเอามือแตะหน้าผาก “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”
บัวทองนิ่วหน้าสงสัยอยู่ครู่ก่อนจะเริ่มเอ๊ะใจ ลองหลับตาใช้มือสัมผัสแก้ม สัมผัสหน้าผาก ใจเต้นตึกตัก เพราะ ความรู้สึกแบบนี้มันช่างคล้าย...คล้าย...หมับ! ทันใดนั้นขุนเดชลืมตาโพล่ง แล้วจับมือบัวทองบีบ
“จะทำอะไรน่ะบัวทอง”
“พี่ขุนเดช”
บัวทองตกใจเพราะขุนเดชจ้องตาดุใส่

ที่โต๊ะทำงานของดาราในแคมป์โบราณคดี หนังสือเอกสารทางวิชาการกองเต็มโต๊ะ ดาราพยายามไล่เปิดอ่านดูแต่ละเล่ม แต่ก็ไม่พบสิ่งที่กำลังค้นคว้าหาอยู่ ดาราปิดหนังสือแล้วถอนใจยาวหยิบ ภาพถ่ายของปืนคาบศิลาเหล็ก ไหลไปปักหมุดรวมกับภาพถ่ายวัตถุโบราณซึ่งเป็นโลหะวัตถุที่ถูกลักขโมยไปอีก 3 ชนิด ดารามีสีหน้าครุ่นคิดสงสัย เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเคยคุยกับขุนเดช
“ทางราชการต้องการให้เรารวบรวมข้อมูลของทั้งหมดเพื่อเอาไว้ช่วยสืบหาตามคืน แต่ชั้นมีความรู้สึกว่าของที่หายไปน่าจะเป็นฝีมือของคนๆ เดียว” ขุนเดชยังนิ่งเงียบ “เพราะส่วนใหญ่พวกนักสะสมมักจะเลือกสะสมของในยุคเดียวกัน หรือไม่ก็ประเภทเดียวกัน แต่ทั้ง 3 ชิ้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งทางยุคสมัยและประเภท แต่มีอย่างนึงที่เหมือนกัน”
“เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อโบราณ”
ดาราคิ้วขมวดเมื่อคิดมาถึงตรงนี้
“โลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณ...สัตตะโลหะบุรุษ...มันคืออะไรกันแน่”
ดารากอดอกคิดอยู่อีกครู่แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้จึงตัดสินใจหยิบกระเป๋าส่วนตัวจะออกไปแต่สวนกับดำรง
“อาจารย์ดำรงคะ...ชั้นฝากดูงานทางกับช่วยดูนักศึกษาให้ด้วยนะคะ”
“แล้วอาจารย์จะไปไหนเหรอครับ”
“กรุงเทพค่ะ”

ขุนเดชออกจากระท่อมมาตักน้ำล้างหน้าล้างตาด้วยบุคลิคนิ่งขรึม บัวทองตามออกมา
“ทำไมพี่ขุนเดชจะต้องโกรธชั้นด้วย ก็ชั้นเรียกพี่ตั้งนานพี่ก็ไม่ยอมตื่น”
“มีธุระอะไรกับพี่”
“อย่ามาชวนเปลี่ยนเรื่อง บอกชั้นมาก่อน ตอนที่ชั้นถูกวีรบุรุษบาปจับตัวไป พี่ไปอยู่ไหน”
ขุนเดชนิ่งไปครู่
“พี่ก็ไปตามหาเราน่ะสิ”
“หากับใคร”
“อาหมอ”
บัวทองหรี่ตาสงสัยขยับเข้าไปมองหน้าใกล้ๆ จ้องเขม็งทั้งดวงตา ทั้งจมูก ทั้งริมฝีปาก จนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไป จับแต่ก็โดนขุนเดชตีมือทันที...เพี๊ยะ
“โอ๊ย ตีมือชั้นทำไม ชั้นเจ็บนะพี่ขุนเดช”
“พี่ว่าเราชักลามปามใหญ่แล้ว น้าคำปันไม่ได้สอนเหรอไงว่าเป็นเด็กห้ามเล่นหัวผู้ใหญ่”
“ชั้นไม่ได้เล่นหัว ชั้นอยากจับหน้าพี่”
“ยังเถียงอีก...พอเลย เพราะนิสัยเราเป็นแบบนี้ไง ดื้อไม่รู้จักฟัง ถึงได้ทำให้น้าคำปัน ต้องเสียน้ำตา”
“พี่ขุนเดชว่าชั้น”
“ก็ว่าน่ะสิ เพราะไม่เคยคิดจะชม”
ขุนเดชขึ้นเสียงแล้วเอาน้ำในขันกลั้วคอก่อนจะถุยบ้วนทิ้งต่อหน้าบัวทองแล้วเดินออกไป
“อี๋...สกปรก เชอะ...เกือบหลงคิดไปแล้วเชียว...อย่างพี่ไม่มีทางเป็นสุภาพบุรุษได้อย่างเขาหรอก”

ส่วนที่สถานีตำรวจ จ่าแท่นเอาแฟ้มคดีเก่าๆ ฝุ่นจับเขรอะมาวางกองให้ยงยุทธดู
“นี่ครับหมวด ข้อมูลคดีของพี่เดื่องก่อนที่ผมจะถูกสั่งย้าย”
ยงยุทธหยิบมาพลิกดูข้างใน ฝุ่นจับเขรอะจนเห็นได้ชัด พลิกดูอยู่ครู่ก็สงสัย
“ในแฟ้มคดีระบุว่าคดีนี้ปิดไปแล้วนี่จ่า”
“หมวดอย่าไปเชื่อที่แฟ้มนั่นระบุไว้เลยครับ คดีของพี่เดื่องไม่ใช่คดีโจรปล้นฆ่าธรรมดาอย่างที่คิดหรอก ตอนนั้นผมตามสืบจนได้เบาะแสมาแล้วว่าไอ้เสือแชนกับเสือชิดถูกว่าจ้างให้มาลักตัดเศียรพระศิลา ผมเลยเสนอให้มีการจับกุมก่อนที่มันจะเตลิดหนี”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอจ่า”
จ่าแท่นนึกขึ้นมาแล้วก็ยิ่งแค้น น้ำตาคลอเบ้า กัดกรามแน่น
“พวกมันถูกพบตัวที่ซ่องในเมือง แล้วพยายามขัดขืนการจับกุมเลยถูกวิสามัญ”
ยงยุทธยิ่งสงสัย
“ในเมื่อถูกวิสามัญแล้วทำไมจ่าถึงจำได้ว่าพวกนั้นเป็นเสือแชนกับเสือชิด”
“ก็เพราะว่าไอ้คนที่ตาย มันเป็นตัวปลอมน่ะสิครับหมวด”

ที่ป่าช้าวัดเกาะน้อย ขุนเดชถือพุ่มดอกไม้ตั้งใจมากราบศพพ่อ แต่พอมาถึงหลุมศพขุนเดชก็พบคำปันที่มาไหว้เคารพศพอยู่ก่อนแล้ว คำปันนั่งน้ำตาซึมมือลูบภาพถ่ายของนายเดื่อง
“น้าคำปัน”
“ขุนเดช”
คำปันรีบเช็ดน้ำตาไม่อยากให้ขุนเดชเห็น
“ชั้นไม่รู้ว่าน้าจะมา ไม่อย่างนั้นชั้นจะได้รับน้ามาไหว้หลุมศพพ่อด้วยกัน”
“น้าต้องมาสิขุนเดช วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพี่เดื่อง เป็นวันที่น้าไม่เคยลืม”
คำปันพูดไปก็น้ำตารื้น ขุนเดชเข้าใจดีเลยเข้าไปวางพุ่มดอกไม้แล้วก้มลงกราบที่หน้าหลุมศพ เมื่อมองภาพถ่าย ของพ่อแล้วน้ำตาของขุนเดชก็เอ่อเพราะความเสียใจ
“ตอนที่พี่เดื่องจากไปแล้วขุนเดชก็หายตัวไปอีกคน น้าคิดว่าชีวิตนี้คงอยู่ไม่ได้ ถึงตำรวจจะบอกว่าสามารถจัดการกับคนที่ฆ่าพี่เดื่องได้แล้ว แต่น้าก็ยังเป็นห่วงขุนเดช น้ามา ไหว้พี่เดื่องทุกวันขอให้ปกป้องคุ้มครองให้ขุนเดชปลอดภัย วิญญาณของพี่เดื่องคงรับรู้ วันนี้ขุนเดชถึงได้กลับมา”
“จ้ะน้า ทุกวันนี้ชั้นก็ยังรู้สึกว่าพ่อยังอยู่กับชั้น ชั้นยังได้ช่วยงานพ่อ ช่วยสานต่อความตั้งใจของพ่อให้ยังคงสืบต่อไป”
ขุนเดชพูดไปก็มองภาพถ่ายของนายเดื่องที่หน้าหลุมศพ แววตาของขุนเดชแคร่งขรึมจริงจังมากจนคำปันอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้

ขณะนั้นยงยุทธกับจ่าแท่นยังคุยกันเรื่องเสือแชนกับเสือชิด
“เพราะว่าไอ้เสือโจรสองตัวนั่นชื่อเสียงมันโหดเหี้ยม ก็เลยมีน้อยคนที่เคยเห็นหน้ามัน ใครๆ ก็เลยพากันเชื่อว่ามันถูกวิสามัญอย่างนั้นเหรอจ่า”
“ครับหมวด...แต่ผมเคยเจอพวกมันมาแล้วตอนที่พวกมันมาป้วนเปี้ยนดูลาดเลาก่อนลงมือลักตัดเศียรพระศิลา พี่เดื่องรู้จักพวกมันดี แกบอกผมเองว่าจะรักษาพระศิลาไว้ด้วยชีวิต ไม่ให้ไอ้โจรบาปอย่างพวกมันมาลักเอาไป”
“งั้นก็หมายความว่า คดีนี้มีอิทธิพลเถื่อนเข้ามาช่วยพวกมันไว้ จ่าเลยถูกย้าย”
“ครับ...ผมต้องปิดปากเรื่องนี้ไว้ไม่บอกใคร แม้แต่คำปันเพราะผมไม่ต้องการให้อิทธิพลเถื่อนพวกนั้นมาทำให้น้องสาวผมเป็นอันตราย แต่วันนี้ผมจะไม่ยอมให้พวกมันรอดเงื้อมมือกฏหมายไปได้อีก ผมต้องการให้พี่เดื่องได้รับความยุติธรรม”
“ถูกต้องแล้วจ่า แต่ผมอยากให้จ่ารับปากผมอย่างนึง”
“อะไรเหรอครับ”
“อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้ขุนเดชรู้”
“ทำไมล่ะครับหมวด ไอ้สองตัวนั่นมันเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อขุนเดชตายนะครับ” จ่าแท่นถามอย่างแปลกใจ
“ทำตามที่ผมสั่งเถอะจ่า ผมเคยเห็นเวลาที่ขุนเดชบ้าเลือดมาแล้ว ลำพังวีรบุรุษบาปคนเดียวผมก็แย่แล้ว อย่าให้ผมต้องจับเพื่อนตัวเองข้อหาฆาตกรรมเลย”
ยงยุทธพูดไปก็ถอนใจเฮือกใหญ่เป็นห่วงขุนเดช

ยงยุทธเข้ามาถามหาดาราที่แคมป์โบราณคดีแต่ไม่พบ
“อาจารย์ดาราไปกรุงเทพฯ เหรอครับ”
“ครับหมวด ท่าทางรีบร้อน ไม่ยอมบอกด้วยว่าไปทำธุระอะไร” ดำรงบอก
“งานด่วนที่คณะรึเปล่าครับ”
“ไม่น่าจะใช่นะครับ แต่ก่อนไปผมเห็นอาจารย์เอาแต่นั่งศึกษาดูข้อมูลพวกนี้ นั่งคิดอยู่คนเดียวแล้วก็หุนหันไปเลย”
“ขอบคุณครับอาจารย์”
ดำรงออกไป ยงยุทธหันมาครุ่นคิดสงสัยก่อนจะไปหยุดดูที่กระดานที่มีภาพถ่ายของวัตถุโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณ ทั้งโล่ห์โลหะเขียว พระนารายณ์เนื้อเงิน พระพุทธรูปฟ้าผ่าและปืนคาบศิลาเหล็กไหล
“คุณกำลังทำอะไรของคุณ...ดารา”

ที่กรุงเทพ ภายในโกดังร้างแห่งหนึ่ง คนร้าย 3-4 คนกำลังเอาวัตถุโบราณพวกพระพุทธรูป เศียรพระ ใส่ลังไม้เตรียมขนส่ง ตำรวจกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาแล้วเปิดฉากยิงใส่ พวกคนร้ายพยายามยิงตอบโต้แต่สู้ไม่ได้ เพราะตำรวจมีกำลังมากกว่า พวกมันต้องยอมทิ้งปืนแล้วชูมือยอม

สารวัตรพาตัวคนร้ายลักษณะเป็นหัวโจกเข้ามาที่ดาราซึ่งรออยู่
“นี่ครับอาจารย์ ไอ้หมอนี่มันค้าวัตถุโบราณส่งทั้งคนไทยทั้งต่างประเทศมานานแล้ว เรื่องที่อาจารย์สงสัยอยู่ ถามมันดูเผื่อมันจะรู้”
“ขอบคุณค่ะสารวัตร”
ดาราขยับเข้าไปใกล้คนร้ายแล้วเอาภาพถ่ายวัตถุโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณยื่นให้ดู
“ชั้นอยากรู้ว่าวัตถุโบราณพวกนี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วใครเป็นคนครอบครอง”
คนร้ายเห็นภาพวัตถุโบราณแล้วก็มีอาการชะงักไป สีหน้าหนักใจเหมือนไม่อยากพูด
“ของพวกนี้ผมไม่เคยเห็นหรอก” คนร้ายบอก สารวัตรกระชากคอคนร้ายแรงๆ
“รู้อะไรก็พูดมา...ไม่งั้นโทษแกหนักกว่าเดิมแน่”
สารวัตรขู่เอาจริง คนร้ายเลยหน้าเสียมองดาราอย่างกระอักกระอ่วน
“ผมไม่แน่ใจ แค่เคยได้ยินพวกในวงการพูดกันปากต่อปาก ถ้าอยากรู้ว่าจริงรึเปล่าก็ต้องไปสืบเอาเอง”
“ได้...ชั้นขอแค่เบาะแสให้ชั้นได้ตามต่อก็พอ”

ที่บ้านกำนันบุญ เสือแชนกับเสือชิดหิ้วกระเป๋าสัมภาระออกมาเตรียมจะขึ้นรถจี๊ปออกไปพร้อมกับลูกน้อง 2 คน กำนันบุญออกมาส่ง
“ที่จริงพวกเอ็งอยู่กับข้าที่นี่ก็ดีแล้ว ไปอยู่ที่อื่นมันเสี่ยงเกินไป”
“ขอบใจว่ะไอ้กำนัน แต่แผลข้ามันดีขึ้นเยอะแล้ว ข้าขี้เกียจนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่นี่ มันไม่ใช่ที่ๆ ข้าคุ้นเคย”
“พวกเอ็งจะเอาสาวๆ แบบไหนบอกมาสิวะ ข้าจะจัดให้”
“จัดมายังไงก็ไม่ถูกใจ สู้ไปถึงซ่องเลยดีกว่า”
“แต่พวกเอ็งเคยพลาดท่าจนข้าต้องจัดการแก้ปัญหาให้มาแล้วนะเว้ย”
“ข้ารับรอง คราวนี้พวกข้าจะไม่ให้พลาดอีก แล้วที่สำคัญงานนี้ข้าต้องการสืบหาตัวจริงของไอ้วีรบุรุษบาป อยากรู้นักว่ามันไปได้ดาบดำมาจากไหน”
“ถ้าเสือเฒ่าอย่างพวกแก ลากคอไอ้วีรบุรุษบาปมาได้ ชั้นมีรางวัลให้อย่างงาม”
ประดับบอกเมื่อเดินเข้ามา เสือชิดหันมาอย่างไม่พอใจแล้วชี้หน้าประดับ
“เอ็ง...พวกข้าไม่เคยทำตามคำสั่งใคร จะบอกให้รู้นะ ตอนข้าเอามีดตัดคอคนครั้งแรก เอ็งยังไม่เป็นวุ้นเลย”
เสือชิดจ้องหน้าประดับ จนกำนันบุญต้องเข้ามาช่วยเคลียร์
“เอาน่าไอ้ชิด...ถ้าคุณประดับเขาบอกจะมีรางวัลให้ พวกเอ็งก็รีบไปเถอะ บั้นปลายชีวิตจะได้สบายไม่ต้องเร่ร่อนไปปล้นเอาตอนแก่อีก”
“ก็ดี...มีเมียเด็กๆ ตอนนี้ นอกจากแรงต้องดีแล้ว เงินมันก็ต้องถึงด้วย เหมือนอย่างเอ็งไงไอ้กำนัน พวกข้าไปล่ะ” เสือแชนบอกแล้วหันมาที่ประดับ “เตรียมรางวัลไว้ให้พวกข้าก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆ”
เสือแชนกับเสือชิดพากันขึ้นรถจี๊ปไปพร้อมกับลูกน้อง คล้อยหลังไม่นานเบิ้มก็เข้ามาบอกข่าวประดับ
“เอ็งแน่ใจเหรอ”
เบิ้มพยักหน้ารับ ประดับหันมาสีหน้าเอาเรื่อง

จ่าแท่นเข้ามาที่ห้องทำงานของยงยุทธ แต่เห็นยงยุทธที่เพิ่งวางโทรศัทพ์ด้วยสีหน้าดูเครียดๆ
“ใครโทรมาเหรอครับหมวด ดูหมวดไม่ค่อยสบายใจ”
“พรรคพวกผมที่กรุงเทพโทรมาเล่าให้ฟังเรื่องดารา”
“อาจารย์ดาราไปทำอะไรที่กรุงเทพฯเหรอครับ”
ยงยุทธหันมาหน้าเครียด

ที่หน้าบ้านก้องเกียรติ ดาราสวมหมวกแก๊บแต่งตัวทะมัดทะแมงแอบซุ่มอยู่นอกรั้ว ดาราลอบมองเข้าไปในบ้านเห็นก้องเกียรติถือกระเป๋าเอกสารกำลังจะออกจากบ้าน ก้องเกียรติไขกุญแจรถกำลังจะขึ้นรถแต่รู้สึกว่าถูกแอบมองเลยมองมาทางหน้าบ้าน ดาราต้องรีบก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของก้องเกียรติ และรอจนก้องเกียรติขับรถออกจากบ้านไป ดารามองตามและหาทางปีนรั้วเข้าไปในบ้าน

จ่าแท่นตกใจกับสิ่งที่ยงยุทธบอก
“อาจารย์ดาราน่ะเหรอครับ พยายามหาทางเปิดโปงโฉมหน้าคนที่อยู่เบื้องหลังคอยสั่งการพวกกำนันบุญ”
“ใช่จ่า พรรคพวกผมพยายามห้ามเธอแล้วเพราะงานนี้คนที่เกี่ยวข้องไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนที่มีอิทธิพลมาก”
“ผมเดาว่า คงห้ามอาจารย์ดาราไม่ได้”
“เขาถึงได้โทรมาบอกผมไง ดารากำลังเอาตัวเองไปเล่นกับไฟ”
“งั้นผมว่า หมวดคงต้องตามไปห้ามเธอ”
ยงยุทธหันมาหน้าเครียดๆ ยังไม่ทันจะตอบอะไร ตำรวจคนหนึ่งก็เข้ามารายงาน
“หมวดครับ...ได้เบาะแสของเสือแชนกับเสือชิดมาแล้วครับ”

ดาราแอบเข้ามาในบ้านก้องเกียรติและเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของก้องเกียรติที่เต็มไปด้วยหนังสือ และวัตถุโบราณทั้งพระพุทธรูป เครื่องใช้ไม้สอยของคนโบราณ ฯลฯ
ดาราเข้าไปรื้อค้นตามตู้เอกสารเพื่อหาหลักฐาน แต่ก็ยังไม่เจออะไรที่น่าสนใจจึงหันมาสำรวจดูที่โต๊ะทำงาน ของก้องเกียรติ เปิดลิ้นชักก็เจอแต่เอกสารธรรมดา จนไปสนใจลิ้นชักที่ล็อคกุญแจเอาไว้ ดาราพยายามออกแรงแต่ติดล็อคเลยถอยออกมาใช้ความคิด

ก้องเกียรติขับรถอยู่บนถนนก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้หันไปเปิดกระเป๋าเอกสารดูแล้วหัวเสีย
“โธ่เอ้ย...ขี้หลงขี้ลืมจริงๆ เลยเรา”
ก้องเกียรติตัดสินใจหมุนพวงมาลัยกลับรถเพื่อย้อนกลับไปที่บ้านอีกครั้ง

ดาราใช้คลิปหนีบกระดาษพยายามไขแทนลูกกุญแจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ดาราจะทำสำเร็จ เธอพยายามจนเหงื่อแตกก็ยังไม่สามารถเปิดลิ้นชักได้จนได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาจอดในบ้าน ดาราตกใจ

ก้องเกียรติขับรถกลับมาจอดที่บ้าน ก้องเกียรติลงจากรถแล้วเข้าไปในบ้าน ขณะนั้นดารายังพยายามใช้คลิปหนีบกระดาษไขกุญแจล็อคลิ้นชักโต๊ะทำงานก้องเกียรติ แต่ยังไม่สามารถเปิดลิ้นชักได้ จนกระทั่งก้องเกียรติกลับเข้ามาถึงหน้าประตูห้อง มือจับลูกบิดค่อยๆ หมุน ดาราหันไปเห็นประตูกำลังจะเปิดเข้ามา หน้าตึงเครียด ตกใจ เพราะยังไม่สามารถเปิดลิ้นชักได้
ประตูห้องเปิดเข้ามาก้องเกียรติหยุดมองรอบๆ ห้องอย่างสงสัย ดาราออกไปอยู่ที่ระเบียงพยายามไม่ให้ก้องเกียรติเห็นเธอ ก้องเกียรติมองไปทั่วๆ ได้ครู่ก็ไม่ติดใจสงสัยอะไรเลยหันไปหยิบเอกสารบนโต๊ะที่ลืมไว้ แต่ยังไม่ทันออกไปเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล...ท่านเหรอครับ ขอโทษด้วยครับที่ผมไม่ได้ส่งข่าวให้ท่านทราบ ตอนนี้ผมกำลังศึกษาหาวัตถุโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณชิ้นต่อไปอยู่ครับ”
ดาราที่แอบซุ่มอยู่ได้ยินก้องเกียรติพูดถึงวัตถุโลหะศักดิ์สิทธิ์ก็หันมามองด้วยความสนใจ
“ตอนนี้ผมพบว่ามีหลายชิ้นที่น่าสนใจ แต่ผมจำเป็นต้องเลือกชิ้นที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีพลานุภาพเหนือธรรมชาติ ใจเย็นสักนิดนะครับท่าน ผมรับรองว่า...ผมจะทำให้ท่านรัฐมนตรีปราชญ์เป็นสัตตะโลหะบุรุษ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่มากด้วยอำนาจและบารมี”
ดาราได้ยินก้องเกียรติพูดถึงชื่อรัฐมนตรีปราชญ์ก็ตกใจ ก้องเกียรติวางสายไปแล้วจะออกจากห้องแต่หันไปสงสัยแจกันที่วางอยู่ผิดที่ ทำให้ก้องเกียรติรู้ว่ามีคนแอบเข้ามา ก้องเกียรติรีบไปที่ลิ้นชักซึ่งล็อคเอาไว้ใช้กุญแจเปิดออกมาแล้วหยิบปืนที่เก็บไว้ในนั้นรีบไปที่ระเบียง ดาราหน้าเสียรีบกระโดดลงจากระเบียงลงไปกระแทกกับพื้นสนามหญ้าแล้วรีบวิ่งหนีอย่างกระเผลก ก้องเกียรติไม่ทันเห็นว่าเป็นใครแต่ก็ยิงใส่ไปหลายนัด...เปรี้ยงๆๆๆ

คำปันตกใจเมื่อรู้เรื่องจากจ่าแท่น
“ว่ายังไงนะพี่จ่า นี่พี่จ่าไม่ได้ล้อชั้นเล่นใช่มั้ย”
“เรื่องอย่างนี้ใครจะไปล้อเล่นกันล่ะคำปัน”
“แต่ตอนนั้นตำรวจบอกว่าไอ้สองโจรนั่นมันถูกยิงตายไปแล้วนี่”
“นั่นมันศพแพะที่พวกมีเส้นมีสายมันช่วยกันปิดบังความจริงเอาไว้ ที่จริงแล้วไอ้ชั่วสอง ตัวที่ฆ่าพี่เดื่องมันยังไม่ตาย แถมตอนนี้พวกมันยังกล้ากลับมาเหยียบที่นี่ด้วย”
คำปันตกใจไม่คาดคิดว่าจะได้รู้ความจริง ระหว่างนั้นบัวทองเข้ามาพอดี
“อ้าวลุงจ่า...แวะมาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะเนี่ย”
“สักพักแล้ว”
บัวทองสังเกตเห็นสีหน้าแม่ดูแปลกๆ เลยสงสัย
“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าจ้ะ ดูแม่หน้าซีดๆ”
จ่าแท่นรีบปฏิเสธแทน
“ไม่มีอะไรหรอก ลุงเล่าให้ฟังเรื่องจับโจรมา แม่เอ็งก็เลยกลัว เอ้อ...ลุงคอแห้งจัง เอ็งช่วยไปหาน้ำเย็นๆ มาให้ลุงหน่อยได้มั้ย”
“ได้สิจ๊ะลุงจ่า รับรองเย็นชื่นใจแน่ รอแป๊บนึงนะ”
จ่าแท่นรอให้บัวทองไปแล้วจึงหันมาคุยกับคำปันต่ออย่างกระซิบกระซาบเพราะกลัวบัวทองได้ยิน
“เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดนะคำปัน...โดยเฉพาะขุนเดช”
“ทำไม่ะจ๊ะพี่จ่า”
“หมวดเขาขอไว้กลัวว่าความแค้นของขุนเดชจะไปทำให้แผนการจับกุมพวกมันล้มเหลว”
“แต่ถ้าขุนเดชมารู้ทีหลัง เขาจะโกรธเราได้นะพี่”
“พี่ก็ไม่อยากปิดหรอก เห็นใจขุนเดชเหมือนกัน แต่งานนี้พี่กับหมวดเดิมพันไว้สูงจะปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปเหมือนคราวที่แล้วอีกไม่ได้” คำปันมีสีหน้าเครียดๆ ดูหนักใจ “เชื่อพี่นะคำปัน พี่จะเอาความยุติธรรมคืนให้พี่เดื่องให้ได้”
คำปันพยักหน้ายอมทำตามที่จ่าแท่นบอก ขณะนั้นบัวทองถือขันน้ำยืนฟังอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ บัวทองหน้านิ่วคิ้วขมวดสงสัย

ขุนเดชอยู่ที่พื้นที่โบราณสถานช่วยคุมงานบูรณะอยู่กับดำรง
“อาจารย์ดารายังไม่ติดต่อกลับมาเหรอครับ”
“ครับ อาจารย์ประทีปเองก็ยังไม่ได้ข่าว ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากให้ใครติดต่อเธอได้” ขุนเดชมีสีหน้าครุ่นคิด
“ขุนเดชสนิทกับอาจารย์ เธอได้เล่าอะไรให้ฟังรึเปล่า”
ขุนเดชนิ่งแล้วคิดไปถึงคำพูดที่เขาเคยบอกเธอ
“...ชั้นอยากให้คุณหยุด ชั้นไม่อยากเห็นการนองเลือดมากกว่านี้”
“สงครามเมื่อเริ่มแล้ว มันเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะต้องมีคนตาย”
“ต้องได้สิ...ความขัดแย้งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาทุกครั้งไป ถ้าคุณบอก ชั้นมาว่าสิ่งที่พวกนั้นต้องการคืออะไร ชั้นจะใช้วิธีของชั้นทำให้ทุกอย่างยุติเอง”
“หึ...คุณกับหมวดยงยุทธไม่มีทางหยุดพวกมันได้ด้วยวิธีการอย่างสันติหรอก เพราะสิ่งที่พวกมันต้องการมันเกินความสามารถที่คนดีๆ จะไปหยุดได้”
“หมายความว่ายังไง”
“สัตตะโลหะบุรุษ ถ้าต้องการหยุดมัน คนๆ นั้นต้องเลวพอๆ กับมัน และต้องกล้าแลกด้วยชีวิต”
ขุนเดชนึกมาถึงตรางนี้แล้วจึงปฏิเสธดำรง
“เปล่าครับ...เธอไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังเลย”

ประดับมาที่บ้านก้องเกียรติจึงรู้เรื่องขโมยที่แอบเข้ามา
“ไอ้หัวขโมยนั่น มันไม่ได้เข้ามาขโมยอะไรไปสักอย่าง มันจงใจเข้ามารื้อค้นห้องทำงาน เหมือนต้องการจะหาอะไรสักอย่าง”
“แล้วมีอะไรสำคัญหายไปรึเปล่า”
“ถ้าหมายถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านรัฐมนตรี มันไม่ทันได้ไปหรอก เพราะชั้นล็อคกุญแจเก็บไว้อย่างดี”
ประดับหันมาสีหน้าครุ่นคิด เบิ้มเข้ามา
“ผมตรวจดูรอบๆ แล้วครับคุณประดับ ทิ้งร่องรอยไว้เพียบ แสดงว่าไม่ใช่พวกมืออาชีพ”
“งั้นผมก็พอจะรู้แล้วว่า...ใครที่คิดแส่อยากรู้อยากเห็นเรื่องของท่าน ทำงานวิชาการดีๆ ไม่ชอบ อยากแส่หาเรื่องใส่ตัวดีนัก งั้นก็คงต้องจัดให้หน่อย”
ประดับยิ้มร้ายแล้วหันไปพยักหน้ากับเบิ้ม
จบตอนที่ 9
ติดตามอ่านขุนเดช ตอนต่อไปพรุ่งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น