แววมยุรา ตอนที่ 11
นิติธรออกมาหน้าคฤหาสน์ทศพลเพื่อรอแววกับชลธิชา ทั้งสองสวัสดีนิติธร
“คุณนิติธรคะ ชลธิชาเพื่อนแววที่จะมาช่วยดูแลเรื่องงานจัดเลี้ยงน่ะค่ะ” แววแนะนำ
นิติธรพูด “ขอบใจนะหนู”
“ยินดีค่ะ..วันนี้ธิชาคงต้องขอถ่ายรูปสถานที่จัดงานไปคุยกับทางโรงแรมเลยนะคะ ทางนั้นจะได้พอนึกภาพออกว่าจะจัดงานออกมาในรูปแบบไหน”
“เอาเลยจ้ะ..เดี๋ยวผมจะพาไปดูเอง”
พูดจบนิติธรก็เดินนำหน้าแววกับชลธิชาเข้าไปคฤหาสน์
ชลธิชากับแววตื่นตาตื่นใจกับความใหญ่โต สวยงามภายในคฤหาสน์
ชลธิชากระซิบกับแวว “โอ้โฮ..สมแล้วที่เขาเรียกว่าคฤหาสน์นะแวว”
“จะคฤหาสน์หรือกระต๊อบ มันก็บ้านเหมือนกันนั่นล่ะ” แววบอก
“แววนี่..ไม่มีจินตนาการเอาซะเล้ย...” ชลธิชาพูดกับนิติธร “แต่แปลกนะคะ บ้านใหญ่โตขนาดนี้ แต่ไม่เห็นมีรูปเจ้าของบ้านติดไว้สักรูปเลยนะคะ”
“คุณสยุมภูว์เป็นคนเก็บตัวน่ะครับ ไม่ค่อยชอบให้ใครเห็นหน้าค่าตา”
“แล้วคุณสยุมภูว์จะยอมเปิดตัวในงานเลี้ยงหรือเปล่าคะ” ชลธิชาถาม
“เราคงต้องไปลุ้นกันในงานแล้วล่ะครับ”
นิติธรพาแววและชลธิชามาถึงบริเวณโอ่โถงที่ใช้จัดเลี้ยง
“ผมว่าตรงนี้น่าจะเหมาะนะ หนูสองคนว่ายังไง” นิติธรถาม
ชลธิชาถ่ายรูปบริเวณนั้น แววมองไปรอบๆ
“ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก คุณสยุมภูว์ยังไม่เคยกลับมาพักที่นี่สักคืน...แถมยังไม่ยอมบอกอีกด้วยว่าพักอยู่ที่ไหน แต่อีกไม่นานคฤหาสน์ทศพลจะได้ต้อนรับทายาทที่แท้จริงของของคุณสีหราชเสียทีสินะ” นิติธรพูดกับชลธิชา “เชิญถ่ายรูปตามสบายเลยนะหนู ลุงขอตัวก่อน”
นิติธรเดินออกไป ชลธิชามองไปรอบๆ
“โถๆๆ..มีบ้านใหญ่โตแต่กลับไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง..เศร้าจริงๆเลย” ชลธิชาเปรยออกมา
“รอไว้เอาใจช่วยในงานดีกว่ามั้ยธิชา”
“แปลว่าเธอจะชวนฉันมางานด้วยใช่มั้ย”
“ไม่มาได้ไง ช่วยกันขนาดนี้ถ้าไม่ให้มาด้วย ฉันคงเป็นเพื่อนที่แย่เต็มที” แววบอก
“ถ้าชั้นชวนยัยเริงมาด้วยล่ะ” ชลธิชาถาม
“ว่าแล้วเชียว...”
แววพยักหน้ารับ ชลธิชาดีใจ
เพิ่มพงษ์เดินมาที่ลานจอดรถของโรงแรมพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“คุณสยุมภูว์ไปรอที่หน้าโรงแรมเลยนะครับ ผมกำลังจะลงไปตอนนี้แล้ว”
เพิ่มพงษ์เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง เขาก้มลงไขกุญแจรถขณะเดียวกับที่ชลธิชาขับรถเข้ามาจอดข้างๆ เพิ่มพงษ์เงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าแววอยู่ในรถข้างๆ แววกำลังจะหันมาแต่เพิ่มพงษ์ปรับที่นั่งให้นอนลงไปทัน แววทำหน้าเหมือนผิดสังเกต
แววเปิดประตูลงมาจากรถแล้วแอบหันไปดูตรงที่นั่งคนขับของรถคันข้างๆ เพิ่มพงษ์เอาเสื้อแจ๊กเก็ตคลุมหน้าเหมือนนอนหลับอยู่ แววก็ไม่ได้สนใจ
ชลธิชามาเรียก “ไปกันเถอะแวว ทางนั้นเขาโทรมารอเราแล้วล่ะ”
ชลธิชาพาแววเดินเข้าไปในอาคาร เพิ่มพงษ์ค่อยๆเปิดเสื้อแจ๊คเกตออกแล้วทำหน้าโล่งอกเมื่อเห็นว่าแววเดินไปแล้ว เขารีบกดโทรศัพท์หาสยุมภูว์แต่ไม่มีใครรับ
“คุณสยุมภูว์...ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ”
เพิ่มพงษ์กดตัดสายโทรศัพท์แล้วตัดสินใจออกรถไปทันที
สยุมภูว์เดินออกมาจากลิฟท์แล้วจะเดินตรงไปที่ทางเข้าโรงแรม แต่กลับหยุดชะงักแล้วมองไปที่ป้ายทางเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเดินไปทางนั้น แววเดินออกมาจากลิฟท์อีกตัว เธอเห็นหลังสยุมภูว์แว้บๆ แววก็ทำหน้าสงสัย
แววพูดกับตัวเอง “นายจักรนี่นา..ทำไมมาอยู่ที่นี่นะ” แววหันไปบอกชลธิชา “รอฉันแป้บนึงนะ เดี๋ยวมา”
แววรีบตามสยุมภูว์ไปทันที ขณะที่สยุมภูว์เดินพ้นมุมตึกไป แววเดินตามมาอย่างกระชั้นชิด แต่จังหวะที่จะเลี้ยวตามสยุมภูว์กลับมีพนักงานโรงแรมเดินสวนออกมาจนเกือบจะชนกัน แววจึงรีบขอโทษ
สยุมภูว์เดินเข้าไปในห้องน้ำชาย ขณะที่แววรีบเดินตามมาหยุดที่หน้าประตูห้องน้ำแต่ก็ไม่กล้าเข้าไป
“เอาไงดีเนี่ย..ตกลงว่าใช่นายจักรหรือเปล่านะ”
แววอยากรู้แต่ก็ยังลังเลไม่กล้าเข้าไป ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แววเห็นเป็นชื่อของชลธิชาเลยกดรับ
“แวว..เธอทำอะไรอยู่เนี่ย” ชลธิชาถาม
“คือ..ฉันเดินมาเข้าห้องน้ำน่ะ..รอเดี๋ยวนะ” แววบอก
“เร็วหน่อยนะแวว พี่เขารออยู่”
“อืมม์..แป้บเดียวล่ะ เดี๋ยวฉันไปหา”
แวววางสายแล้วมองที่ประตูห้องน้ำ เธอตัดสินใจผลักประตูเดินเข้าไป ขณะที่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินออกมา เขาเห็นว่าแววกำลังจะเข้าไปก็ทำหน้าแปลกๆ แววยิ้มแหยๆ แล้วเดินถอยออกมา แววสังเกตตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เห็นว่าชายคนนั้นอยู่ในชุดเดียวกับที่สยุมภูว์ใส่
ชายคนนั้นถามขึ้น “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ”
ชายคนนั้นเดินออกไปโดยไม่สนใจแวว แววมองตามด้วยสีหน้ายิ่งสงสัยมากขึ้น
“ทั้งเสื้อ ทั้งกางเกง..หรือว่าฉันจะตาฝาด” แววพูดกับตัวเอง
แววตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำชายเข้าไป เธอเห็นพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำในชุดเครื่องแบบโรงแรมใส่หมวกและผ้าปิดปาก เสียบหูฟังแล้วผิวปากตามเพลง พนักงานกำลังถูพื้นห้องน้ำอยู่โดยไม่ได้สนใจแววที่เปิดประตูเข้ามา แววมองคนทำความสะอาดแล้วเอ่ยถาม
“ขอโทษนะคะ..ยังมีใครอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าคะ”
พนักงานซึ่งก็คือสยุมภูว์เงยหน้าขึ้นมองแววแต่ทำเป็นไม่ได้ยินเลยไม่ตอบ
แววตะโกน “ขอเข้าไปหน่อยนะคะ”
เมื่อสยุมภูว์เห็นว่าแววจำตนเองไม่ได้ เขาเลยพยักหน้าให้แววเข้ามาในห้องน้ำชาย แววมองไปที่ประตูห้องน้ำทุกห้อง เธอเห็นว่าประตูเปิดอยู่ทุกห้องแต่ก็ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำ
สยุมภูว์แอบยิ้มแล้วเดินไปจะเช็ดกระจกแต่แอบมองแวว แววมองกลับมา ทั้งสองประสานสายตากันผ่านกระจก สยุมภูว์ลุ้นว่าแววจะจำหน้าตนเองได้หรือไม่
แววเอ่ยออกมา “ขอบคุณนะคะ”
สยุมภูว์ยิ้มให้ แววเดินออกไป สักพักสยุมภูว์จึงโผล่หน้าไปดูแต่เห็นว่าแววไม่อยู่แล้ว เขาจึงยิ้มอย่างโล่งอก
รถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรม สยุมภูว์ในชุดพนักงานทำความสะอาดวิ่งผ่านหน้ารีเซฟชั่นตรงไปขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่ รถแท็กซี่วิ่งออกไปทันที
สยุมภูว์ถอดหน้ากากปิดจมูกและหมวกพนักงานออก
“สรุปว่าเราคิดถูกมั้ยที่ให้มิสเตอร์เหลียงย้ายมาพักที่นี่” สยุมภูว์ถาม
“ใครจะคิดล่ะครับว่าอยู่ๆคุณแววจะโผล่มา อย่างกับรู้ว่าเราอยู่ที่นี่” เพิ่มพงษ์บอก
“แล้วแววมาที่นี่ทำไม คุณเพิ่มพงษ์”
“ผมโทรเช็คคุณนิติธรแล้วครับ คุณแววมาติดต่อฝ่ายจัดเลี้ยงให้ไปจัดงานคุณสยุมภูว์น่ะครับ”
“ป่านนี้จะคิดออกหรือยังว่าเพิ่งไปเจอใครมา”
ขณะเดินออกมาที่ลานจอดรถกับชลธิชาแววก็มีสีหน้าที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ชลธิชาสังเกตเห็น
“เป็นอะไรหรือเปล่าแวว ดูไม่ค่อยมีสมาธิตั้งแต่ตอนคุยงานแล้ว”
“ฉันเห็นนายจักรมาที่นี่” แววบอก
“เขาจะไปที่ไหนก็ไม่เห็นจะแปลกเลยนี่นา...”
“แต่ฉันไม่คิดว่าเขามาที่นี่ในฐานะคนสวนน่ะสิ”
ชลธิชางง “เธอหมายความว่าไง”
แววส่ายหน้า “ไม่เป็นไร..อีกไม่นานฉันคงได้รู้ว่าสิ่งที่ฉันสงสัยมันเป็นจริงหรือฉันเพ้อเจ้อไปเอง”
เริงใจทำหน้าตื่นเต้นเมื่อชลธิชาบอกว่าจะมีงานเลี้ยงใหญ่
“ตายแล้ว..น่าตื่นเต้นที่สุด ทำยังไงฉันถึงจะได้ไปงานนี้ล่ะเนี่ย”
“ใครเขาจะลืมหล่อน ยัยแววฝากฉันมาชวนหล่อนไปงานด้วย...เจ้าตัวเขาต้องกลับไปทำงานต่อน่ะ” ชลธิชาบอก
“ปาร์ตี้หน้ากากเสียด้วย” เริงใจนิ่งคิด “เธอว่าคุณสยุมภูว์เขาคิดอะไรอยู่เหรอ ถึงต้องจัดให้เป็นงานปาร์ตี้หน้ากาก”
“ก็คงอยากให้คนในงานสนุกล่ะมั้ง จะได้คุยไปลุ้นไปว่าใครคุยกับเราอยู่” ชลธิชาบอก
“ถ้าคุณเอกไปงานนี้ด้วยก็ดีสิ ฉันจะได้ถือโอกาสระบายความในใจเสียเลย”
ชลธิชาคิดตามแล้วยิ้มออกมา เพราะเธอรู้ว่าจะไปทำอะไรที่งานนั้น
เพิ่มพงษ์เดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานลับ เขามองซ้ายมองขวากำลังจะพูดรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู แต่รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจ่อที่ด้านหลัง
เสียงแจ๊คดังขึ้น “หยุด !!”
เพิ่มพงษ์ชะงักเมื่อรู้ว่าเป็นแจ๊ค
เพิ่มพงษ์รับมุก “แกต้องการอะไร”
“ต้องการ...เอ่อ..ต้องการอะไรดีวะ” แจ๊คนึกไม่ออก
เพิ่มพงษ์แอบยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็ใช้วิชาต่อสู้ด้วยมือเปล่าจัดการกับแจ๊คจนลงไปนอนหมอบในเวลาห้าวินาที โดยที่แจ๊คไม่ทันตั้งตัว
“แจ๊คล้อเล่นคร้าบ...อย่าทำอะไรแจ๊คนะ”
“ล้อเล่น..แต่มันทำให้ข้าตกใจเว้ย เจอมวยไทยไชยาของข้าเข้าไป ร้องไม่เป็นภาษาเลยนะไอ้แจ๊ค”
“น้าเพิ่มอ่ะ..ไม่เห็นต้องเอาจริงเอาจังอย่างนี้เลย” แจ๊คบ่น
“ไม่เอาจริงเอาจัง งั้นเอ็งก็อยู่โยงเฝ้าห้องอย่างนี้ล่ะ ไม่ต้องออกปฏิบัติการกับข้า”
แจ๊คตาโต “ห๊า..ออกปฏิบัติการเหรอ..แจ๊คไปด้วยดิ ที่ไหนอ่ะ”
เพิ่มพงษ์พูดจริงจัง “เราจะไปปฏิบัติภารกิจลับจับยาเสพติดที่งานเลี้ยงของคุณสยุมภูว์กัน”
แจ๊คได้ฟังก็ยิ่งฮอร์โมนพลุ่งพล่านอยากจะออกไปทำภารกิจในนาทีนั้น
แววนั่งคิดเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ เธอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...
แววเดินออกมาจากลิฟท์อีกตัว เธอเห็นหลังสยุมภูว์แว้บๆ ก็ทำหน้าสงสัย
แววพูดกับตัวเอง “นายจักรนี่นา..ทำไมมาอยู่ที่นี่นะ”
แววยิ่งสงสัย แล้วเธอก็นึกถึงเหตุการร์ต่อจากนั้น...
ผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินออกมา เขาเห็นว่าแววกำลังจะเข้าไปก็ทำหน้าแปลกๆ แววยิ้มแหยๆ แล้วเดินถอยออกมา แววสังเกตตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่าชายคนนั้นอยู่ในชุดเดียวกับที่สยุมภูว์ใส่
แววพยายามนึกอะไรบางอย่าง
แววพูดกับตัวเอง “นี่ฉันตาฝาดไปจริงๆหรือเนี่ย”
ทันใดนั้น ภาพของสยุมภูว์จากด้านหลังปรากฏขึ้นที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของแวว
“ค่ะ..คุณสยุมภูว์”
“คิดเรื่องงานเลี้ยงอยู่หรือเปล่าแวว” สยุมภูว์ถาม
แววแปลกใจที่เห็นว่าสยุมภูว์นั่งหันหลังให้เธอ “เอ่อ..เปล่าค่ะ”
“มีเรื่องอื่นที่คุณสนใจมากกว่าเรื่องนี้เหรอ”
แววตัดสินใจพูด “แววอยากรู้ว่าคุณ...”
สยุมภูว์พูดสวนขึ้นมา “ผมเป็นใคร”
แววอึกอัก “เอ่อ..ค่ะ”
“ยังไงเราก็จะได้เจอกันอยู่แล้วนี่..อีกไม่กี่วันเอง”
“แววทราบค่ะว่าเราจะได้พบกัน..แต่แววก็ไม่รู้ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงได้กวนใจแวว”
“ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้างเนี่ย” สยุมภูว์นิ่งไป “คุณอยากเห็นหน้าผมใช่มั้ย”
แววจับตาดูว่าสยุมภูว์จะทำอะไร สยุมภูว์ค่อยๆหันหน้ามาที่กล้องจนกระทั่งเห็นหน้าเต็มๆ ของเขาที่มีหน้ากากปกปิดอยู่ แววตะลึงไป
สยุมภูว์ยิ้มให้ “แล้วเจอกันที่งานนะแวว ผมให้คนเตรียมชุดราตรีให้คุณแล้ว หวังว่าคุณจะชอบนะ” สยุมภูว์ออฟไลน์ไป
แววยังอึ้งไม่หาย “คุณสยุมภูว์ !”
มาลตี วัณณรี และโรสยืนดูชุดราตรีสวยงามอลังการที่สยุมภูว์ให้ที่ร้านมาส่งถึงที่บ้าน
“คุณสยุมภูว์จัดให้ !!” โรสตะลึง
มาลตียืนมองชุดราตรีชุดนั้นงงๆ
“ยังกับชุดแต่งงานแน่ะ..หรือว่า...” มาลตีทำตาโตด้วยความดีใจ “แววมันจะแต่งงานกับเจ้านาย..ต๊ายตาย..ลูกสาวฉันจะมีผัวเป็นเศรษฐีเว้ย”
แววเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยๆ เธอเห็นวัณณรี โรส มาลตีกำลังรุมดูชุดราตรีอยู่ ทั้งสามหันมาเห็นแวว
“พี่แววโชคดีจังเลย...แอบไปกิ๊กกับเจ้านายตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ปิดเงียบเลยนะ”
“ส่งชุดแต่งงานมาอย่างนี้ แปลว่าจะมาสู่ขอแล้วใช่มั้ย” มาลตีถาม
แววงง “อะไรกันแม่ สู่ขอ แต่งงานไรกัน”
“แหม..ก็ดูสิคะ เจ้านายคุณแววน่ะส่งชุดแต่งงานมาให้ แล้วจะให้พวกเราคิดยังไง” โรสเสริม
“ชุดแต่งงานอะไรกัน นั่นมันชุดที่คุณสยุมภูว์ส่งมาให้แววใส่ไปงานต่างหาก”
“อะไรกัน..แค่ชุดใส่ไปงาน...โธ่ ฉันก็ฝันหวาน..นึกว่าจะสบายมีลูกเขยเป็นเศรษฐี” มาลตีเซ็ง
“แล้วนั่นกล่องอะไรน่ะพี่แวว” วัณณรีถาม
แววหันไปเห็นกล่องที่ส่งมาด้วยสองกล่อง เธอเปิดกล่องหนึ่งออกดู ด้านในเป็นหน้ากากติดลูกไม้สวยงามและหรูหราพร้อมกล่องใส่เครื่องประดับเล็กๆ
“หน้ากาก...นี่คะ..มีชุดสวยๆแล้วจะใส่หน้ากากทำไมน่ะ” โรสงง
“มันเป็นงานปาร์ตี้หน้ากากน่ะโรส” แววบอก
วัณณรีมองอีกกล่อง “แล้วอีกกล่องหนึ่งล่ะ”
แววเปิดกล่องใส่เครื่องประดับดู ทุกคนเห็นตุ้มหูเพชรเม็ดเล็กๆ อยู่ภายใน
โรสถามขึ้น “ของแท้หรือเปล่าคะเนี่ย”
มาลตีหยิบกล่องเพชรมาดูใกล้ๆ แล้วยิ้มอย่างพอใจ
“แท้หรือไม้แท้...ฉันก็หลงรักเจ้านายยัยแววเข้าแล้วล่ะ ส่งมาทั้งชุด ทั้งต่างหู” มาลตีมองไปที่อีกกล่องหนึ่งที่ยังไม่ได้เปิด “กล่องนั้น..”
วัณณรีส่งสายตาขออนุญาตแวว แววพยักหน้า วัณณรีจึงเปิดกล่องแล้วหยิบรองเท้าคู่สวยออกมา
วัณณรีพูดอย่างปลาบปลื้ม “วัณขอรักเจ้านายพี่แววด้วยคนนะ เฮ้อ..ผู้ชายอะไรช่างละเอียดอ่อนขนาดนี้”
แววมองวัณณรี มาลตี และโรสที่ทำหน้าปลาบปลื้มสยุมภูว์ แววยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากบ้านสยุมภูว์
แววเอ่ยอย่างเคืองๆ “ดึกๆดื่นๆอย่างนี้ยังจะทำเสียงดังรบกวนชาวบ้าน ไม่เกรงใจกันเลย”
แววเดินออกจากห้องรับแขกไป
แววออกมายืนตะโกนเรียกสยุมภูว์ที่ริมรั้ว
“นี่..นายจักร นายทำอะไรของนาย..เกรงใจกันหน่อยสิ”
สยุมภูว์โผล่มาที่ริมรั้ว แววตกใจเมื่อเห็นสยุมภูว์ในระยะประชิด
“ว๊าย..ตาบ้านี่..ตกใจหมด นายทำอะไรของนาย..เสียงดังลั่นไปหมด”
“ผมจับหนูอยู่น่ะคุณ..แต่สงสัยจะหนีลงท่อระบายน้ำไปแล้ว คุณมาว่าผมเสียงดังฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ ผมก็ได้ยินเสียงสิบแปดหลอดมาจากบ้านคุณเหมือนกัน มีอะไรกันเหรอ”
“อ๋อ..พอดีคุณสยุมภูว์ส่งเสื้อผ้ามาให้ฉันน่ะ แม่กับน้องสาวฉันก็เลยตื่นเต้นนิดหน่อย”
“เสื้อผ้าอะไร ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น” สยุมภูว์ทำเป็นสงสัย
“ชุดราตรีที่ฉันจะใส่ไปงานเลี้ยงของบริษัทน่ะ”
“ต้องใส่ชุดราตรีด้วยเหรอ แปลว่าต้องเป็นงานใหญ่น่ะสิ แล้วคุณชอบมั้ย”
“ก็..” แววกำลังจะตอบแต่สงสัยขึ้นมาก่อน “ท่าทางนายอยากรู้เหลือเกินนะ”
“อ้าว..ผมก็อยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณนั่นล่ะ”
“ย่ะ..ซาบซึ้งมาก”
“ใจคอจะไม่ชวนผมไปงานด้วยเหรอ”
“นายอยากไปจริงๆเหรอ” แววถาม
“อยากไปสิ..แต่คนอย่างผม คุณคงไม่ชวนหรอกใช่มั้ย”
“นายพูดอย่างนี้อีกแล้ว ตั้งแต่งานประมูลเพชรนั่นแล้วนะ” แววว่า สยุมภูว์ทำหน้าเศร้า แววเห็นก็ใจอ่อน “ก็ได้...ยังไงนายก็เคยช่วยเหลือฉัน”
สยุมภูว์ทำท่าทางดีใจมาก “จริงหรือ..คุณห้ามเปลี่ยนใจนะ”
“ไม่เปลี่ยนใจหรอก..แต่นายต้องเตรียมหน้ากากไปด้วยนะ เพราะงานนี้มันเป็นงานปาร์ตี้หน้ากาก”
“น่าสนุกจังเลย..ขอบใจมากนะแวว”
“แต่งตัวหล่อๆล่ะ” แววกำชับ
“ผมจะหล่อให้คุณตะลึงเลยล่ะ”
สยุมภูว์ทำหน้ามั่นใจสุดขีด แววเห็นก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
สยุมภูว์เข้ามาในบ้าน โดยมีเพิ่มพงษ์รอคุยกับเขาอยู่
“สาวๆเขาพร้อมกันแล้วนะ แล้วเรื่องงานของเราล่ะ คุณเพิ่มพงษ์” สยุมภูว์ถาม
“พร้อมยิ่งกว่าพร้อมครับ คณนิติธรถึงกับคุยว่าให้จัดพรุ่งนี้ก็ยังได้”
สยุมภูว์ยิ้มอย่างพอใจ “แล้วมิสเตอร์เหลียงล่ะ”
“คุณเหลียงจะนัดเซ็นสัญญาพรุ่งนี้ครับ” เพิ่มพงษ์ยื่นเอกสารให้สยุมภูว์ “นี่ครับ..สัญญา หุ้นส่วนทุกท่านเห็นชอบแล้วนะครับ รอแต่ลายเซ็นต์ของคุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์รับเอกสารสัญญามาพลิกดูแล้วพยักหน้า
“ผมว่าสัญญาสามพันล้านตอนนี้ คงไม่สำคัญเท่างานปาร์ตี้ใช่ไหมครับ...นี่คงอยากจะเร่งวันเร่งคืนให้ถึงงานปาร์ตี้เร็วๆแล้วล่ะซี้” เพิ่มพงษ์ถาม
สยุมภูว์ยิ้มให้แทนคำตอบ เขามองไปที่หน้ากากของเขาที่ถูกถอดวางทิ้งไว้
ด้านหน้าคฤหาสน์ แววถือก้านหน้ากากมาบังหน้าไว้ แววหันไปมองชลธิชากับเริงใจที่ยืนประกบซ้ายขวา
“พร้อมแล้วนะสาวๆ..เข้าไปในงานกันเถอะ” แววชวนเพื่อน
แวว ชลธิชา และเริงใจเดินเข้าไปในคฤหาสน์ทศพล มีคนเปิดประตูต้อนรับ ทั้งสามเดินเข้าไปในบรรยากาศหรูหราอลังการในงาน มุมหนึ่งมีเครื่องดนตรีสามชิ้น แขกเหรื่อในงานสวมหน้ากากตามคอนเซ็ปท์ของงาน พนักงานยกถาดเครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟทั้งสามสาว
เริงใจมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ “ถ้าไม่เชิญฉันมา มีเคืองนะเนี่ย ยัยแวว”
“ก็เพราะรู้ไงถึงเชิญ” แววนึกออกจึงหันไปคุยกับชลธิชา “หวังว่านายเอกจะไม่พลาดนะ”
“จะพลาดได้ไงล่ะ...เขาคอนเฟิร์มกับฉันเอง” ชลธิชาบอก
“แอบไปตอนไหนยัยธิชา มุบมิบไม่ยอมบอกเพื่อนนี่มีแผนอะไรหรือเปล่ายะ” เริงใจทำเป็นฉุน
“แอบอะไรกัน ยัยแววบอกให้ฉันไปชวนนะ” ชลธิชาบอก
“จริงเหรอแวว”
แววพยักหน้ารับก่อนจะมองไปรอบๆงานเหมือนมองหาใครบางคน แววพยายามจับตาดูผู้ชายที่ใส่หน้ากากเหมือนที่เธอเคยเห็น...
ภาพในอดีตหวนกลับมาในหัวของแวว ภาพในจอคอมพิวเตอร์ สยุมภูว์ค่อยๆ หันหน้ามาที่กล้องจนกระทั่งเห็นหน้าเต็มๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากของเขา แววถึงกับตะลึงไป
เมื่อยังไม่เห็นหน้ากากที่เธอคุ้นตา แววก็ทำหน้าผิดหวัง
ประตูใหญ่หน้าคฤหาสน์เปิดออก รถสุดหรูของสยุมภูว์วิ่งผ่านเข้ามาในอาณาเขตของคฤหาสน์ สยุมภูว์หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมซึ่งเป็นหน้ากากครึ่งหน้าไม่ใช่อันเดียวกับที่แววเคยเห็น รถของเขาแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ พนักงานต้อนรับมาเปิดประตูให้ สยุมภูว์ก้าวลงมาจากรถแล้วมองคฤหาสน์ด้วยความคุ้นเคย พนักงานเปิดประตูคฤหาสน์ให้ สยุมภูว์ก้าวเข้าไปในงาน
แววมองหาสยุมภูว์อยู่เพียงลำพัง ชลธิชากับเริงใจเพิ่งเสร็จจากการคุยกับแขกคนหนึ่ง ชลธิชาหันมาเห็นแววมองหาใครบางคนอยู่ก็ถามขึ้น
“มองหาคุณสยุมภูว์อยู่เหรอแวว”
“ใช่…”
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าคนไหนคือคุณสยุมภูว์” ชลธิชาถาม
“ฉันจำหน้ากากของเขาได้” แววบอก
แววมีสีหน้ามั่นใจ
นิติภูมิยื่นแผนที่ของคฤหาสน์ทศพลให้ศักดา
“ของที่ฉันต้องการอยู่ในตู้เซฟห้องทำงานพ่อฉัน” นิติภูมิบอก
ภาพเหตุการณืก่อนหน้านี้ย้อนกลับมา นิติธรพยายามเปิดตู้นิรภัยในห้องทำงาน ประตูห้องทำงานที่ปิดอยู่ค่อยๆเปิดแง้มออกเล็กน้อย นิติภูมิแอบดูอยู่ เขาเห็นนิติธรเก็บกล่องข้อมูลไว้ในตู้นิรภัย
นิติภูมิบอกศักดา “มันเป็นกล่องข้อมูลสำคัญที่เก็บความลับของโครงการที่สยุมภูว์จะทำร่วมกับมิสเตอร์เหลียงเร็วๆนี้ ข้อมูลนี้มีค่ามหาศาลในตลาดมืด เพราะถ้ามันเล็ดรอดไปถึงบริษัทคู่แข่งเมื่อไร ทศพลกรุ๊ปก็จะมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง มันจะเสียทั้งเงิน ทั้งความน่าเชื่อถือในวงการ”
ณ เหตุการณ์ปัจจุบัน ศักดากำลังฟังนิติภูมิอย่างตั้งใจ
“ส่วนรหัสตู้เซฟ ก็อย่างที่ฉันเคยบอกแก ซ้าย ซ้าย ขวา ซ้าย แต่แกไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาเพราะฉันจะถ่วงเวลาพ่อไว้ จนกว่าจะรู้ว่าแกได้ของมาแล้ว” นิติภูมิบอก
“แล้วเราจะจัดการไอ้สยุมภูว์ด้วยหรือเปล่าครับ” ศักดาถาม
“ถ้ามันทำให้แผนเราสะดุด ก็ถือว่ามันรนหาที่เอง”
“ครับ คุณนิติภูมิ”
“พวกแกเข้างานไปได้แล้ว” นิติภูมิสั่ง
ศักดาและลูกน้องสวมหน้ากากก่อนจะเดินผละออกไป นิติภูมิมองตาม เขาสวมหน้ากากแล้วเดินตามไปอย่างไม่ให้ผิดสังเกต
นิติภูมิเดินผ่านแจ๊คที่ยืนรออยู่เพิ่มพงษ์อยู่ แจ๊ควางท่าเต็มที่เพราะใส่สูทสุดโก้ สักพักเพิ่มพงษ์ก็เดินเข้ามาหา
“เอ้า..เอาไป ข้าหาตั้งนานกว่าจะได้มาเนี่ย” เพิ่มพงษ์บอก
เพิ่มพงษ์ยื่นหน้ากากให้แจ๊ค แจ๊ครับมาดู เขาเห็นว่าเป็นหน้ากากสีชมพูลายจุดที่ดูน่ารักไม่เข้ากับเสื้อผ้า
“โอ๊ย..อะไรเนี่ยน้าเพิ่ม เสื้อสูทหรูหราแต่หน้ากากแบบนี้เนี่ยนะ ไม่ใส่ได้มั้ยอ่ะ” แจ๊คบ่น
“เขาก็ใส่กันทั้งนั้นแหละ แกไม่ใส่เดี๋ยวไอ้พวกนั้นมันก็ผิดสังเกตหรอก” เพิ่มพงษ์บอก
“แต่แจ๊คว่าถ้าใส่หน้ากากนี้เข้าไป มันยิ่งกว่าผิดสังเกตอีก”
“ไม่หรอกน่า..แกใส่หน้ากากลายกุ๊กกิ๊กอย่างนี้ สาวๆเขาชอบนะเว้ย ดูเป็นผู้ชายอารมณ์ดี ไม่มีพิษมีภัย แกจะได้คอยหาข่าวจากเขาด้วยไง”
แจ๊คเริ่มคล้อยตาม “โห..แผนการล้ำลึกมาก...เอาวะ..ใส่ก็ใส่”
แจ๊ครีบใส่หน้ากาก เพิ่มพงษ์ใส่หน้ากากของตัวเองด้วย
แจ๊คถาม ”เข้าไปได้หรือยังอ่ะ”
“จะรออะไรเล่า”
แจ๊คเดินนำหน้าเข้าไป เพิ่มพงษ์มองตามแล้วยิ้มขำที่แกล้งแจ๊คได้
“เชื่อคนง่ายจริงจริ๊ง แจ๊คเอ๊ย...”
เพิ่มพงษ์เดินตามแจ๊คเข้าไปในงาน
เอกรินทร์สวมหน้ากากทำหน้าที่พิธีกรอยู่หน้ากล้อง
“งานเลี้ยงที่คุณสยุมภูว์จัดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นงานสังคมงานใหญ่ที่สุดงานหนึ่งก็ว่าได้นะครับ บรรยากาศในงานมีความเรียบหรู สมกับฐานะของบุตรชายคนเดียวของคุณสีหราช ทศพลที่หายหน้าหายตาไปนานนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งก่อน ไม่แน่นะครับว่าเราอาจจะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของคุณสยุมภูว์ในวันนี้”
ทีมงานหลังกล้องพูดออกมา “โอเคค่ะพี่...พี่ต้องการถ่ายอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ”
“ถ่ายบรรยากาศเก็บไว้อีกหน่อยก็ได้นะ”
เอกรินทร์สั่งงานลูกน้องเสร็จก็จะถอดหน้ากากออก
เสียงชลธิชาดังขึ้น “ยังไม่ได้เวลาถอดหน้ากากเลยนะคะ”
เอกรินทร์หันไปเห็นชลธิชา “คุณธิชา..” เอกรินทร์มองไปรอบๆงาน “บรรยากาศงานเยี่ยมยอดมากเลยครับ”
“ชมคนผิดแล้วมั้งคะ ธิชาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงานนี้เลย”
“อ้าว..งั้นคุณเริงก็โกหกสิครับว่าคุณกับแววเป็นคนดูแลงานนี้”
“อ๋อ..ค่ะ..ธิชาก็แค่แนะนำเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น” ชลธิชาบอก
พนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มเดินผ่านมา เอกรินทร์เรียกแล้วหยิบแก้วเครื่องดื่มให้ชลธิชาแก้วหนึ่ง ให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
“งั้นผมขอชนแก้วสำหรับคำแนะนำดีๆที่ทำให้งานบรรยากาศดีๆอย่างนี้เกิดขึ้นได้มั้ยครับ”
ชลธิชายกแก้วขึ้นชน “เชียร์ส ค่ะ”
ทั้งสองชนแก้วกันแล้วจิบเครื่องดื่ม
“ธิชาไม่รบกวนนะคะ คุณเอกจะได้ทำงานต่อ” ชลธิชาจะเดินออกไป
เอกรินทร์แตะแขนชลธิชาเป็นเชิงปราม
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ...ผมพักกองอยู่”
เอกรินทร์ยิ้มให้ชลธิชาผ่านหน้ากาก ชลธิชายิ้มอย่างมีความสุข
ไลลายืนรอนิติภูมิที่หน้างาน นิติภูมิเดินเข้ามาหา
“ขอโทษนะครับที่ให้รอ..เข้าไปในงานกันเถอะครับ คุณไลลา” นิติภูมิชวน
“ชวนไลลามาแล้ว ก็อย่าทิ้งไลลาไปคุยกับเลขาเจ้านายคุณนะคะ..ไม่งั้นไลลาคงกร่อยแย่”
“คนสวยๆอย่างคุณ คงมีแต่หนุ่มๆอยากเข้ามาคุยด้วยมั้งครับ”
“งั้น..เข้าไปพิสูจน์กันเถอะค่ะ..อยากรู้แล้วว่าความสวยของไลลาจะดึงดูดใจเจ้าของงานอย่างคุณสยุมภูว์ได้หรือเปล่า” ไลลาพูด
แล้วไลลาก็ควงนิติภูมิเดินเข้าไปในงาน
แววกำลังตรวจดูความเรียบร้อยในงาน เธอเห็นว่าดอกไม้ดอกหนึ่งที่จัดอยู่ยังไม่เข้าที่เข้าทางจึงเดินเข้าไปจัด
ทันใดนั้นเสียงสยุมภูว์ก็ดังขึ้น “ผมหล่อถูกใจคุณหรือเปล่า”
แววได้ยินเสียงสยุมภูว์ เลยหันมามอง เธอเห็นว่าสยุมภูว์ในชุดสุดหล่อสวมหน้ากากครึ่งหน้ายืนยิ้มให้
“นายจักร” แววเอ่ยออกมา
“ตะลึงในความหล่อของผมล่ะสิ” สยุมภูว์ถามกวนๆ
“ก็เพราะนายใส่หน้ากากไงถึงดูดี”
“โห..ไม่ให้กำลังใจกันเลย ผมอุตส่าห์ไปเช่าชุดมาตั้งแพง” สยุมภูว์มองไปรอบๆ “เขาแต่งตัวสวยๆมาเดินโชว์กันแค่นี้เหรอ”
“ใครบอก..เขาจะมีการเต้นรำกันด้วยต่างหาก นายอยู่รอก็แล้วกัน”
“อ้าว..ผมไม่มีคู่แล้วจะเต้นกับใคร”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า..งานนี้ทุกคนจะมีคู่เต้นของตัวเอง สลับกันไป..น่าสนุกออก”
“งั้นเหรอ..คุณก็จะได้เต้นกับผมด้วยสิ”
“เดี๋ยวก็รู้..ฉันขอตัวก่อนนะ..ต้องไปเตรียมตัวต้อนรับคุณเหลียง”
แววผละออกไป สยุมภูว์มองตามยิ้มๆ แล้วเดินออกไป
เริงใจรับเครื่องดื่มจากพนักงานเสิร์ฟ ก่อนที่เธอจะเห็นแป้งร่ำยืนอยู่ในงาน เริงใจทำหน้าสงสัย
“ยัยแป้งนี่นา..ใครเชิญหล่อนมายะ”
เริงใจวางแก้วไว้ที่โต๊ะใกล้ๆ ก่อนจะเดินไปหาแป้งร่ำ
สยุมภูว์ยืนจิบเครื่องดื่มหลบมุมอยู่ในงาน เขามองบรรยากาศในงาน
เสียงไลลาทักขึ้น “ยืนยิ้มอยู่คนเดียวอย่างนี้ ถูกใจอะไรเหรอคะ”
สยุมภูว์หันไปเห็นไลลา “ครับ..”
“รอใครอยู่หรือเปล่าคะ” ไลลาถาม
สยุมภูว์ส่ายหน้า “ยินดีทีได้รู้จักครับ คุณ..”
“ไลลาค่ะ แล้วคุณ..”
นิติภูมิเดินเข้ามาหาไลลาพอดี สยุมภูว์จึงยังไม่ทันได้แนะนำตัว
“คุณไลลาครับ..เชิญทางโน้นได้มั้ยครับ มีคนอยากรู้จัก” นิติภูมิบอก
“ค่ะ...คุณนิติภูมิ” ไลลาพูดกับสยุมภูว์ “ขอตัวนะคะ..คุณ..”
นิติภูมิมองสยุมภูว์หัวจรดเท้าแต่จำเขาไม่ได้
“เพื่อนผมรออยู่ทางนั้นครับ..คุณไลลา” นิติภูมิบอก
สยุมภูว์พยักหน้าให้อย่างเป็นเชิงอนุญาต นิติภูมิกับไลลาเดินออกไป สยุมภูว์มองตามแล้วส่ายหน้า เพิ่มพงษ์เดินเข้ามาหาสยุมภูว์
“คุณเหลียงมาถึงแล้วนะครับ” เพิ่มพงษ์รายงาน
สยุมภูว์พยักหน้ารับแล้วเดินออกไปพร้อมเพิ่มพงษ์
รถของเหลียงแล่นมาจอดที่ด้านหน้าคฤหาสน์ พนักงานต้อนรับเปิดประตูรถให้ เหลียงและเลขาฯ ลงมาจากรถ นิติธรและแววลงไปต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับครับคุณเหลียง” นิติธรเอ่ย
เหลียงตอบรับ “ครับ คุณนิติธร..คุณแวว”
ทันใดนั้นเสียงสยุมภูว์ก็ดังขึ้น “ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ทศพลครับ”
ทุกคนหันไปตามเสียงก็เห็นว่าสยุมภูว์ยืนรออยู่ แววเห็นสยุมภูว์ในหน้ากากแบบเต็มหน้าเหมือนที่เธอเคยเห็นผ่านหน้าจอ เธอไม่รู้ว่าเขาคือสยุมภูว์แต่ก็จำหน้ากากนี้ได้เป็นอย่างดี
แววเปรยออกมา “คุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์ยิ้มให้แวว เขาแอบยิ้มกับความประหลาดใจของเธอ
อ่านต่อหน้าที่ 2
แววมยุรา ตอนที่ 11 (ต่อ)
ถาดอาหารหน้าตาน่ากินวางอยู่ที่โต๊ะอาหารในคฤหาสน์ทศพล แจ๊คยื่นมือไปหยิบอาหารสำหรับแขกขึ้นมาชิมแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย แจ๊คมองซ้ายมองขวาก่อนจะโกยอาหารใส่เสื้อสูทเหมือนกลัวว่าใครจะมาแย่ง พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งถือถาดเครื่องดื่มเดินผ่านมา แจ๊คโบกมือเรียกก่อนจะหยิบเครื่องดื่มแก้วหนึ่งมาชิม
“ขออีกแก้วนะคร้าบ” แจ๊คบอก
แจ๊คถือแก้วเครื่องดื่มสองมือ แล้วสลับกันชิมด้วยสีหน้ามีความสุขสุดๆ
ศักดาทำทีเป็นจิบเครื่องดื่ม ขณะที่สายตาสอดส่ายสายเข้าไปในงาน ก่อนที่จะไปหยุดนิติธร สยุมภูว์ เหลียง และเลขาฯ ที่กำลังเดินเข้ามาในงาน ศักดากดสมอล์ทอล์กคุยกับนิติภูมิที่แยกตัวออกไปจากไลลาทันที
“ฉันจะถ่วงเวลาพ่อฉันไว้เอง...แกหาทางขึ้นไปห้องทำงานพ่อฉันได้เลย” นิติภูมิบอก
“ครับคุณนิติภูมิ” ศักดารับคำ
ศักดากดวางสายแล้วเรียกพนักงานเสิร์ฟ เขาวางแก้วเครื่องดื่มลงบนถาดแล้วค่อยๆปลีกตัวออกมาจากงาน อีกด้านหนึ่งเพิ่มพงษ์กำลังจับตาดูนิติภูมิที่วางสายแล้วเข้าไปคุยกับไลลา
“นิติภูมิ..คุยโทรศัพท์กับใคร”
เพิ่มพงษ์ทำสีหน้าสงสัย
นิติธรเชิญสยุมภูว์และเหลียงขึ้นไปบนเวที ขณะที่พนักงานเข็นรถบรรจุแชมเปญแช่ในถังน้ำแข็งเดินมาตรงหน้าพวกเขา แขกในงานจดจ่ออยู่ที่เวที
นิติธรเริ่มกล่าว “ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ได้เวลาสำคัญที่สุดในค่ำคืนนี้แล้วครับ ผมขอต้อนรับมิสเตอร์เหลียง ประธานบริษัทไชน่าอะกรี (China-Agri) และคุณสยุมภูว์ร่วมฉลองการร่วมทุนครั้งสำคัญครั้งนี้ครับ”
แขกในงานปรบมือเมื่อเห็นเหลียงและสยุมภูว์ขึ้นมาที่หน้าเวทีพร้อมหุ้นส่วนคนสำคัญคนอื่นๆ
“ผมขอให้คุณเหลียงกล่าวอะไรสักนิดครับ”
“ขอบคุณครับ” เหลียงพูด “การร่วมลงทุนในโปรเจ็คท์สำคัญนี้ นอกเหนือจากจะเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของไชน่าอะกรีและทศพลกรุ๊ปแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่มีต่อกันมานานและจะดำเนินต่อไปครับ”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง
“ขอเชิญคุณสยุมภูว์ครับ” นิติธรผายมือไปที่สยุมภูว์
“ผมขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานคืนนี้นะครับ ทศพลกรุ๊ปคงจะมีวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีคู่ค้าที่ไว้ใจเราอย่างไชน่าอะกรี ผมขอดื่มให้กับความไว้เนื้อเชื่อใจที่เรามีต่อกันครับ” สยุมภูว์กล่าว
พนักงานหยิบขวดแชมเปญให้สยุมภูว์ สยุมภูว์เขย่าขวดแล้วดึงฝาออก แชมเปญพุ่งกระฉูด ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดี แชมเปญถูกเทใส่แก้ว สยุมภูว์และเหลียงชนแก้วกัน ช่างภาพชักภาพจนเกิดแสงแฟลชวูบวาบ
พนักงานเสิร์ฟแชมเปญให้กับแขกในงานจนกระทั่งมาหยุดที่หน้าแจ๊ค แจ๊คหยิบไปจิบสองแก้ว เขาดื่มแชมเปญเหมือนดื่มน้ำแล้วทำสีหน้าพอใจ ก่อนที่พนักงานเสิร์ฟจะวนมาเสิร์ฟอีกรอบ แจ๊คเอาแก้วเปล่าคืนแล้วหยิบมาอีกสองแก้ว แล้วเขาก็กระดกแชมเปญจนหมดทั้งสองแก้ว
แจ๊คพุ่งเข้ามาอาเจียนที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ แจ๊คเงยหน้าขึ้นมาด้วยสภาพใบหน้าแดงก่ำเพราะเมาค็อกเทลที่เสิร์ฟในงาน
“น้ำอะไรอ่ะ..กินแล้วถึงเมาขนาดนี้” แจ๊คบ่น
แจ๊คล้างหน้าล้างตาแล้วใส่หน้ากากก่อนจะออกจากห้องน้ำ แจ๊คเปิดประตูออกมา หน้าห้องน้ำแล้วยืนงงอยู่สักพัก
“เมื่อกี้แจ๊คมาทางไหนล่ะเนี่ย..” แจ๊คมองซ้ายมองขวา “ไปทางไหนดีอ่ะ”
แจ๊คเห็นหลังผู้ชายคนหนึ่งอยู่ไกลๆ จึงยิ้มออก
“นั่นไง...มีเพื่อนแล้ว”
แจ๊ครีบเดินตามไปทันที
สยุมภูว์กับนิติธรเดินออกมาส่งเหลียงกับเลขาฯ ที่หน้าคฤหาสน์ รถคันหนึ่งขับมาจอดรอ สยุมภูว์จับมือแสดงความยินดีกับเหลียง
“น่าเสียดายนะครับที่คุณเหลียงต้องกลับก่อน”
“พอดีผมต้องกลับไปประชุมพรุ่งนี้น่ะครับ โอกาสหน้าผมคงได้ต้อนรับคุณที่เมืองจีนนะครับ” เหลียงบอก
“ครับ...คุณเหลียง” สยุมภูว์รับคำ
เลขาฯ เปิดประตูรถให้เหลียง เหลียงกำลังจะขึ้นรถแต่ก็ชะงักแล้วหันกลับมาพูด
“ถ้าเราพบกันอีกครั้ง ผมหวังว่าจะได้เห็นคุณไปกับคนที่คุณไว้ใจที่สุดนะครับ”
สยุมภูว์แปลกใจ “คุณเหลียงหมายถึง…”
“ผมคิดว่าคุณรู้ว่าใครนะ”
เหลียงก้าวขึ้นรถ สยุมภูว์มองตามจนกระทั่งรถแล่นออกไป
“เชิญข้างในเถอะครับ ผมคิดว่าแขกในงานกำลังรอให้คุณสยุมภูว์ไปเปิดฟลอร์อยู่” นิติธรบอก
“ครับ..คุณนิติธร..เดี๋ยวผมจะตามเข้าไป”
นิติธรเดินเข้าไปในงาน สยุมภูว์ยืนคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว
สยุมภูว์นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นในโณงแรมห้าดาวที่เหลียงพัก...
เหลียงกับสยุมภูว์เซ็นสัญญาธุรกิจร่วมกัน เลขาฯ เปิดกระเป๋าเดินทางทีเตรียมมา มีกล่องเก็บข้อมูลอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบนั้น นิติธรเปิดกระเป๋าเดินทางอีกใบซึ่งมีกล่องเก็บข้อมูลลักษณะเดียวกัน เพิ่มพงษ์ต่อสายสัญญาณเชื่อมระหว่างกล่องเก็บข้อมูลทั้งสองผ่านโน๊ตบุ้ก หน้าจอโน๊ตบุ้กแสดงสัญญาณว่ามีการโอนข้อมูลระหว่างกล่องเก็บข้อมูลทั้งสองจนกระทั่งเสร็จ
“เรียบร้อยแล้วครับ” เพิ่มพงษ์บอก
เลขาฯ และนิติธรปิดกระเป๋าเดินทาง ทั้งสองเดินออกไปพร้อมกับเพิ่มพงษ์ เหลือเพียงสยุมภูว์และเหลียงที่ยังนั่งคุยกันอยู่
“คุณโชคดีนะที่เจอเลขาดีๆอย่างนี้ อย่าปล่อยให้หลุดมือไปไหนล่ะ” เหลียงเอ่ยขึ้น
สยุมภูว์ยิ้มอย่างมีความหมาย “ผมจะปล่อยให้คนที่ผมไว้ใจที่สุดในชีวิตคนหนึ่งไปไหนง่ายๆได้ยังไงล่ะครับ”
เหลียงพยักหน้าเพราะเข้าใจความหมายของสยุมภูว์ “คุณเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดคนหนึ่งเลยล่ะ..แววรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“แววจะได้รู้ในงานครับ” สยุมภูว์บอก
“ผมจะเอาใจช่วยนะคุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์ยิ้มรับ เหลียงลุกขึ้นยืนจับมือกับสยุมภูว์...
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต สยุมภูว์ก็ยืนยิ้มอยู่คนเดียว แล้วเขาก็เดินเข้าไปในงาน
แววกำลังยืนคุยกับนิติภูมิ โดยที่สยุมภูว์ที่เปลี่ยนเป็นหน้ากากครึ่งท่อนแบบที่นายจักรสวมกำลังแอบมองแววอยู่
เสียงไลลาทักขึ้น “แอบดูใครอยู่หรือคะ”
สยุมภูว์หันไปตามเสียง เขาเห็นว่าไลลายื่นแก้วเครื่องดื่มให้ สยุมภูว์รับมา
“คุณนิติภูมิเขาทิ้งคุณได้ยังไงครับ” สยุมภูว์ถาม
“เขาคงจะติดลมกับเลขาคุณสยุมภูว์อยู่มั้งคะ ท่าทางสนิทสนมกันเชียว แม่นั่นก็แค่แค่พริตตี้ที่อยู่ๆก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นเลขา แล้วก็ชอบหว่านเสน่ห์ผู้ชายไปทั่ว...ไม่รู้ว่าคุณนิติภูมิชอบเข้าไปได้ยังไง...อย่าบอกนะคะว่าคุณก็หลงเสน่ห์แม่นี่ด้วยเหมือนกัน”
“แปลว่าผมมีคู่แข่งเยอะหรือครับ”
“แน่นอนสิคะ คู่แข่งคุณน่ะมีทั้งคนสวน นักข่าว แล้วก็นักธุรกิจใหญ่อย่างคุณนิติภูมิ..คุณมีอะไรไปสู้เขาได้หรือเปล่าล่ะคะ” ไลลาถาม
“ผมไม่สนหรอกครับ ตราบใดที่คุณแววยังไม่ได้เลือกใคร”
“คุณดูมั่นใจจังเลยนะคะ ชักอยากรู้แล้วว่าคุณมีอะไรดี..บอกได้หรือยังล่ะคะว่าคุณเป็นใคร ชื่ออะไร”
“เอาไว้รู้พร้อมๆกันตอนถอดหน้ากากดีมั้ยครับ”
“ไลลาชอบจังเลยค่ะ..ผู้ชายลึกลับ น่าค้นหาอย่างนี้”
ไลลาส่งสายตาซ่อนความหมายลึกซึ้งให้สยุมภูว์
แววกำลังยืนคุยอยู่กับนิติภูมิ โดยไม่รู้ว่าสยุมภูว์กำลังแอบจับตาดูเธออยู่
นิติภูมิเอ่ยชมแวว “วันนี้คุณสวยมากเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ..คุณนิติภูมิ แววคงต้องขอบคุณคุณสยุมภูว์ล่ะค่ะเพราะลำพังแววคงไม่มีปัญญาจะไปซื้อชุดสวยๆอย่างนี้ที่ไหน”
นิติภูมิมีสีหน้าชิงชัง “ดูแลดีอย่างนี้ แล้วคุณจะใจอ่อนมั้ย”
แววนิ่งคิด “ใจอ่อนเรื่องอะไรหรือคะ”
“ก็ที่คุณสยุมภูว์เขาพยายามทำคะแนนเอาใจคุณไง”
นิติภูมิส่งสายตาคาดคั้นรอคำตอบจากแววจนแววอึดอัด
“คงไม่มั้งคะ..แววเป็นแค่เลขาที่โชคดี ได้เจอเจ้านายใจดีเท่านั้น”
นิติภูมิยิ้มกลบเกลื่อนความรุ่มร้อนในใจ แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น นิติภูมิเห็นเป็นชื่อศักดา
อีกมุมหนึ่ง สยุมภูว์ก็กำลังคุยกับไลลา แต่เขาก็แอบมองนิติภูมิที่กำลังคุยกับแววไปด้วย
“คุณคงอยากคุยกับแม่เลขาคนนั้นเต็มทีแล้วสินะคะ” ไลลาถาม
“ผมไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะหรอกครับ คงกำลังคุยกันถูกคอ” สยุมภูว์บอก
“แน่นอนค่ะ..คุณนิติภูมิน่ะคาดหวังในตัวแม่นั่นมาก ไลลาเชียร์ขาดใจเลยล่ะค่ะ เพราะขืนมาเป็นน้องสะใภ้ไลลา คงได้ทะเลาะกันตายไปข้างหนึ่ง”
สยุมภูว์เห็นว่านิติภูมิหลบออกไปรับโทรศัพท์ เขาจึงรีบบอกกับไลลา
“ขอตัวสักครู่นะครับคุณไลลา”
สยุมภูว์เดินออกไปโดยไม่รอคำตอบจากไลลา ไลลาบ่นตามหลัง
“คุยกันตั้งนาน อยู่ๆนึกจะไปก็ไป..เสียมารยาทจริงๆ..ตานี่...ตกลงก็ยังไม่ได้รู้สักทีว่าชื่ออะไร”
เอกรินทร์กับชลธิชาเดินออกมาจากงาน ชลธิชาแสดงสีหน้าเหมือนลังเลว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เอกรินทร์เห็นท่าทางอึกอัดของชลธิชาจึงถามขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณธิชา”
ชลธิชาลังเล “เอ่อ...” ชลธิชาตัดสินใจ “ธิชามีเรื่องสำคัญอยากบอกคุณเอกน่ะค่ะ”
“เรื่องสำคัญ...เรื่องอะไรหรือครับ”
“คือ..” ชลธิชาตัดสินใจ “ธิชาอยากบอกคุณเอกว่า..”
เริงใจเดินเข้ามามองหาเอกรินทร์กับชลธิชา เธอเห็นทั้งสองยืนคุยกันเลยแอบดูอยู่ห่างๆ
“ว่ามาเลยครับ..ไม่ต้องเกรงใจ” เอกรินทร์บอก
“ธิชาอยากบอกว่า ธิชารู้สึกดีกับคุณเอกค่ะ..ทั้งที่รู้ว่ายังไงก็ต้องทำใจเพราะคงเปลี่ยนใจคุณเอกจากแววไม่ได้ เหมือนที่จะให้ธิชาเปลี่ยนใจจากคุณเอกง่ายๆ ไม่ได้เหมือนกัน..ถึงรู้อย่างนั้น แต่ธิชาก็มีความสุขที่ได้ทำให้คุณเอกมีความสุข แม้สิ่งนั้นมันจะเล็กน้อยเหลือเกิน”
เอกรินทร์เห็นสายตาซาบซึ้งของชลธิชาที่มีต่อเขา ชลธิชาพูดต่อ
“ธิชาไม่ได้คาดหวังว่าคุณเอกจะหันมามองธิชาบ้าง แค่ได้พูดสิ่งที่อยากพูดมานาน ให้คุณเอกรับฟัง ธิชาก็พอใจแล้ว ขอบคุณมากนะคะคุณเอก”
เอกรินทร์ยิ้มให้ชลธิชาอย่างเข้าใจ เขาจับมือชลธิชาขึ้นมากุมไว้อย่างจะปลอบใจ เริงใจเข้ามาเห็นทั้งสองคุยกันด้วยท่าทางซาบซึ้งก็ถึงกับชะงักไป เริงใจจะเข้าไปถามให้รู้เรื่อง แต่เธอก็ตัดสินใจเดินออกไปก่อน
ศักดาเดินมาถึงหน้าห้องทำงานนิติธร โดยไม่ได้เอะใจว่าแจ๊คเดินตามมาห่างๆ แจ๊คเห็นศักดาไขกุญแจห้องทำงานของนิติธร
แจ๊คพูดกับตัวเอง “ปั๊ดโธ่..อุตส่าห์ตามมา..นึกว่าจะเดินไปงาน แจ๊คต้องเดินย้อนกลับไปอีก เสียเวลาจริงๆเลย”
แจ๊คหยิบขนมที่แอบใส่ไว้ในสูทขึ้นมากินแก้เซ็ง แล้วเขาก็เดินย้อนกลับไปโดยไม่ได้สนใจว่าศักดาเข้าไปทำอะไรในห้องนั้น
เริงใจเดินเข้ามาในห้องน้ำด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด เธอล็อคประตูห้องน้ำแล้วกรี้ดเสียงดังเพื่อระบายอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่
“..ยัยธิชา เพื่อนตัวแสบ...แอบฉวยโอกาสกับคุณเอก อารมณ์เสียที่สุด..อย่างนี้มันต้องเติมหน้าสู้…!!”
เริงใจค้นลิปสติกในกระเป๋าด้วยมือไม้สั่น สักพักเธอก็เห็นว่าแป้งร่ำเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา เริงใจเห็นว่าแป้งร่ำรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วอาเจียนเสียงดัง เริงใจมองตามด้วยความสงสัยก่อนจะเดินไปดู
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เริงใจถาม
แป้งร่ำกดชักโครกแล้วออกจากห้องน้ำ ตรงมาที่อ่างล้างหน้า
เริงใจถามต่อ “งานเพิ่งจะเริ่มก็เมาแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะ..แป้งไม่ได้เมา”
“ไม่ได้เมา..งั้นก็อาหารเป็นพิษ”
“แป้งไม่เป็นไรค่ะคุณเริง”
แป้งร่ำรีบผลุนผลันออกจากห้องน้ำไป เริงใจยิ่งสงสัยจึงรีบเดินตามไปทันที
เริงใจเดินตามมาดึงแป้งร่ำเอาไว้
“ทำไมเธอต้องหนีฉันด้วย เธอมีอะไรปิดบังฉัน” เริงใจถามต่อ
“แป้ง..บอกคุณไม่ได้ค่ะ ขอโทษนะคะ”
แป้งร่ำเดินหนีเริงใจไปทันที ทำให้เริงใจยิ่งคิดมาก
เริงใจเดินมาหาชลธิชาที่ยืนคุยกับเอกรินทร์อยู่แล้วก็สะกิดให้ชลธิชาออกมาคุยด้วยกันเพียงลำพังกับเธอ
“เริงขอตัวธิชาแป้บนึงนะคะคุณเอก” เริงใจพูดกับเอกรินทร์
ชลธิชาเดินตามเริงใจออกมา
“มีอะไรหรือยัยเริง”
“เมื่อกี้ฉันเจอยัยแป้งเข้าไปโอ้กอ้ากในห้องน้ำน่ะ”
ชลธิชาเป็นห่วง “แล้วคุณแป้งอยู่ไหนล่ะเนี่ย เป็นอะไรมากหรือเปล่าไม่รู้”
“นั่นล่ะที่แปลก...พอฉันจะเข้าไปช่วยก็รีบปัดว่าไม่เป็นไร ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่บอก”
“คุณแป้งเขายังไม่สนิทใจกับเธอหรือเปล่า”
“ก็อาจจะเป็นไปได้น่ะ..แต่ช่วงนี้ฉันว่าแม่นี่อ่อนแอเกินเหตุนะ วันก่อนก็มาเป็นลมร้านเรา วันนี้ก็โอ้กอ้ากอย่างกับ...” เริงใจจะพูดต่อแต่ก็หยุดไว้
“เธอไม่ได้หมายความว่าคุณแป้ง...”
“เริ่มอยากรู้แล้วสิ...ได้เวลาที่เธอจะใช้ความเป็นเพื่อนให้เป็นประโยชน์แล้วล่ะ”
“แต่เรื่องนี้มันเรื่องส่วนตัวมากๆนะเริง..ถ้าคุณแป้งเขาไม่ได้ท้องล่ะ” ชลธิชากังวล
แป้งร่ำเดินเข้าไปคุยกับเอกรินทร์ด้วยท่าทางสนิทสนม ชลธิชากับเริงใจเห็นเข้าก็มองหน้ากัน
“หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดนะ” เริงใจโพล่งออกมา
ชลธิชาเริ่มหน้าเสีย
อ่านต่อหน้าที่ 3
แววมยุรา ตอนที่ 11 (ต่อ)
แป้งร่ำกำลังเตรียมตัวจะออกจากงาน ชลธิชาเห็นเข้าก็เรียกแป้งร่ำไว้ แป้งร่ำหันมาเห็นชลธิชา
“คุณแป้งจะกลับแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ..คุณธิชา พรุ่งนี้แป้งมีงานเช้าน่ะค่ะ เลยต้องขอตัวก่อน”
ชลธิชาทำท่าเกรงใจเพราะไม่รู้ว่าจะถามเรื่องที่อยากรู้ดีหรือไม่
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณธิชา”
“พอดีธิชาเพิ่งรู้ว่าคุณแป้งไม่ค่อยสบาย ก็เลยเป็นห่วงน่ะค่ะ”
แป้งร่ำมีท่าทีไม่อยากพูด “แป้งไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้น..ก็..ไม่เป็นไรค่ะ..แต่คุณแป้งอย่าลืมนะคะว่าถ้ามีอะไร ธิชาพร้อมจะรับฟังเสมอ”
ชลธิชาจะเดินกลับไป แป้งร่ำเห็นว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนจึงร้องเรียก
“คุณธิชาคะ”
ชลธิชาชะงักแล้วหันกลับมาหาแป้งร่ำ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือ..แป้งมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกคุณค่ะ”
แป้งร่ำมองหน้าชลธิชาเหมือนอยากระบายความอัดอั้นใจ
ไฟในงานเริ่มหรี่ลง แขกในงานต่างพากันส่งเสียงฮือฮา เสียงดนตรีก็เปลี่ยนไป พิธีกรขึ้นไปประกาศบนเวที
“ได้เวลาที่แขกทุกท่านรอคอยแล้วนะครับ คืนนี้คุณสยุมภูว์จะร่วมเต้นรำกับทุกท่านครับ...ขอเชิญคุณสยุมภูว์ครับ”
สยุมภูว์ปรากฏตัวขึ้นที่มุมหนึ่ง ไฟฟอลโลว์สาดไปที่สยุมภูว์ซึ่งเดินออกมาพร้อมหน้ากาก แววมองสยุมภูว์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าใบหน้าใต้หน้ากากเป็นอย่างไร ส่วนนิติภูมิยืนอยู่ข้างๆ แวว เพิ่มพงษ์จับตาดูนิติภูมิอยู่ห่างๆ ไม่ให้คลาดสายตา
ศักดาใส่ถุงมือกำลังหมุนลูกบิดตู้เซฟตามรหัสที่นิติภูมิบอก โดยคุยโทรศัพท์กับนิติภูมิไปด้วย
“ผมพยายามตั้งหลายครั้งแล้วครับคุณนิติภูมิ แต่ยังเปิดไม่ได้เลยครับ” ศักดารายงาน
“แกไม่ต้องรีบ พ่อฉันยังอยู่ในงาน พยายามต่อไป” นิติภูมิบอก
นิติภูมิตัดสายไป ศักดาหมุนรหัสนั้นอีกครั้งแต่ยังไม่สำเร็จ
“ซ้าย..ซ้าย..ขวา..ซ้าย ปิดเซฟ..หรือว่ามันต้อง...” ศักดานิ่งคิด “ลองดู”
ศักดาลองหมุนรหัสเซฟย้อนหลัง
ไฟฟอลโลว์สาดไปที่สยุมภูว์ที่มองแขกรับเชิญที่รายล้อมเขาอยู่ สยุมภูว์ตรงเข้าไปหาไลลาที่ส่งสายตารอเขา ไลลาเตรียมจะโค้งรับ แววเห็นว่าสยุมภูว์กำลังจะเข้าไปขอไลลาเต้นสายตาของเธอก็หม่นลงเล็กน้อย นิติภูมิจับสังเกตได้จึงยิ้มออกมาแล้วรีบฉวยโอกาสหันไปโค้งให้แวว
“เต้นรำกับผมนะครับ” นิติภูมิเอ่ย
แววยังไม่ตอบ ขณะเดียวกับที่สยุมภูว์เพิ่งผละจากไลลาออกมา ไลลาโค้งเก้อเมื่อเห็นว่าสยุมภูว์กำลังเดินไปโค้งขอเต้นรำกับแวว ไลลาได้แต่ยืนเจ็บใจ
สยุมภูว์ตรงมาโค้งต่อหน้าแววทั้งที่มีนิติภูมิยืนอยู่ข้างๆ
สยุมภูว์พูดออกมา “แวว...ให้เกียรติผมนะครับ”
แววมองนิติภูมิ ก่อนจะมองไปที่สยุมภูว์แล้วโค้งรับสยุมภูว์ สยุมภูว์ควงแววออกไปเต้นรำกลางฟอร์ นิติภูมิได้แต่รู้สึกเจ็บใจ
ที่ห้องทำงานของนิติธร ศักดาลุ้นกับการหมุนครั้งสุดท้ายของเขา เขาได้ยินเสียงดังกริ๊ก แล้วเซฟก็เด้งเปิดออก
เพิ่มพงษ์ยืนหลบมุมจับตาดูนิติภูมิที่ผละออกมาจากวงเต้นรำ เขาเห็นได้ชัดว่านิติภูมิมีสีหน้าเจ็บใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ เพิ่มพงษ์สงสัยท่าทีมีพิรุธของนิติภูมิที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“จะมีเรื่องเซอร์ไพร้ซ์อะไรอีกนะ” เพิ่มพงษ์เปรยออกมา
ประตูตู้เซฟถูกเปิดออก ศักดายิ้มกริ่มเมื่อเห็นกล่องเก็บข้อมูลข้างในนั้น
“แกรู้ใช่ไหมว่าเซนเซอร์จะทำงานทันทีที่จับได้ว่าไม่มีของในตู้” นิติภูมิถามผ่านโทรศัพท์
“ครับคุณนิติภูมิ ผมเตรียมของมาแทนแล้ว” ศักดาบอก
“งั้นก็รีบทำงานของแกซะ ฉันอยากจะให้ทุกอย่างมันจบเต็มทีแล้ว”
นิติภูมิตัดสายไป ศักดาหยิบกล่องเก็บข้อมูลที่เตรียมมาแล้วหาทางจะเอามันวางแทนที่กล่องเก็บข้อมูลในตู้เซฟด้วยสีหน้าลุ้นระทึก
แววเต้นรำกับสยุมภูว์ ท่ามกลางแขกที่มาร่วมงานคนอื่นๆ แต่ทั้งสองรู้สึกเหมือนอยู่กันเพียงลำพัง สยุมภูว์จ้องตาแวว แววหลบสายตาของเขา
“ขอบคุณนะ..ที่คุณไม่ปฏิเสธผม” สยุมภูว์พูด
“คุณเป็นเจ้านายแววนะคะ แววคงปฏิเสธคุณไม่ได้”
“ผมเป็นแค่เจ้านายนะ ไม่ใช่เจ้าของชีวิตคุณ...คุณอยากเต้นรำกับผมต่อหรือเปล่า”
แววยิ้ม “ค่ะ..คุณสยุมภูว์”
แววเต้นรำในอ้อมกอดของสยุมภูว์ด้วยสีหน้ามีความสุข นิติภูมิเห็นทั้งสองคนเต้นด้วยกันอย่างมีความสุขก็ยิ่งเจ็บใจมากขึ้นไปอีก
“มีอะไรที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับผมอีกหรือเปล่า” สยุมภูว์ถาม
“คือ..แวว..”
แววยังไม่กล้าบอกความในใจของเธอ สยุมภูว์มองหน้าแววอย่างซาบซึ้งเพื่อรอฟังคำตอบ แต่เมื่อแววยังไม่ตอบเขาก็พาแววเต้นตามสเต็ปท์ต่อไปอย่างอบอุ่น เอกรินทร์มองภาพนั้นแล้วก็ตัดใจ
ศักดาพยายามจะวางกล่องเก็บข้อมูลแทนที่กล่องที่อยู่ในตู้เซฟด้วยการดันกล่องในตู้ออกแล้วเอากล่องใหม่เข้าไปแทนทีละน้อย ตัวเลขบนหน้าจอดิจิตอลกระพริบเล็กน้อยแต่ก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม ศักดาค่อยๆขยับกล่องให้เข้าไปแทนที่ทีละนิดจนกล่องข้อมูลในตู้เลื่อนออกมาเรื่อยๆ
แจ๊คยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะวางอาหาร เขาเอาแต่หยิบของกินโดยไม่เห็นเพิ่มพงษ์ที่เพิ่งเดินเข้ามา
“เปรมเลยนะไอ้แจ็ค..ข้าสั่งให้มาจับตาดูพวกมีพิรุธค้ายา แล้วเอ็งมาทำอะไรตรงนี้” เพิ่มพงษ์ดุ
“แจ๊คก็มาซุ่มโป่งดูไอ้พวกนั้นไง”
แจ๊คหยิบขนมกินต่อเนื่องโดยไม่สนใจคำพูดของเพิ่มพงษ์ เพิ่มพงษ์เลยเอาขนมยัดปากแจ๊ค
“หลักฐานคาปากอย่างนี้ ยังมาปากดีอีกนะไอ้นี่”
“นานๆแจ๊คจะได้ออกมาสังสรรค์ น้าเพิ่มก็ปล่อยมั่งเหอะ”
“เออ..เอ็งไม่ต้องบอกข้าก็รู้ แล้วเอ็งอยู่ตรงนี้นี่เห็นใครมาทำพิรุธให้เห็นหรือเปล่า”
แจ๊คทำท่านึก เพิ่มพงษ์ส่ายหน้า
“ข้าจะหวังอะไรจากเอ็งได้ล่ะเนี่ย”
แจ๊คทำหน้าตื่นเต้น “แจ๊คนึกออกแล้ว”
เพิ่มพงษ์ถามอย่างไม่คาดหวัง “เอ็งเห็นอะไร”
แจ๊คพูดสีหน้าจริงจัง “แจ๊คแอบเห็นคนแอบย่องออกไปจากงาน”
“นี่มันงานเลี้ยงนะว้อย แขกจะเข้าจะออกมันเรื่องปกติ..มันเป็นพิรุธยังไง”
“พิรุธสิน้า..ข้างล่างมีของกินตั้งเยอะแยะ แต่ไอ้คนนั้นมันแอบหนีขึ้นไปนอนข้างบน อย่างนี้น่ะมีพิรุธเต็มๆ”
“ขึ้นไปข้างบน...ตั้งแต่เมื่อไร ไอ้แจ๊ค”
เพิ่มพงษ์เริ่มสนใจ แจ๊คพยายามนึก
ศักดาพยายามวางกล่องข้อมูลที่เตรียมมาเข้าไปแทนที่กล่องข้อมูลเดิมโดยไม่ให้เซนเซอร์น้ำหนักเปลี่ยน กล่องข้อมูลเลื่อนพ้นจากตู้นิรภัยมาเรื่อยๆ ขณะที่กล่องข้อมูลปลอมเข้าไปแทนที่ทีละเซนติเมตร โดยที่ตัวเลขบนหน้าจอดิจิตอลยังไม่ขยับ ศักดามีสีหน้าลุ้นสุดเมื่อเห็นว่ากล่องข้อมูลกำลังเลื่อนออกมาจนจะพ้นตู้นิรภัย
แจ๊คเดินนำเพิ่มพงษ์ขึ้นไปบนชั้นสองของคฤหาสน์ แต่พอถึงทางแยกที่จะไปทางซ้ายขวา แจ๊คกลับจำไม่ได้
“ซ้าย..ขวา..หรือ ขวา..ซ้าย..เมื่อกี้แจ๊คไปทางไหน..จำไม่ได้แล้วอ่ะน้าเพิ่ม”
“ไอ้สมองปลาทอง..ผ่านมาไม่ถึงชั่วโมง จำไม่ได้แล้ว”
“ก็น้าเพิ่มนั่นแหละ เอะอะก็ตบกบาล แจ๊คเลยความจำเสื่อม”
เพิ่มพงษ์ตบกบาลแจ๊คอีกที “นี่..เอาอีกสักดอก จะได้หายเสื่อม..ไปทางไหน”
แจ๊คพยายามนึก แต่ก็ชี้ส่งๆไปทางหนึ่งอย่างไม่มั่นใจนัก เพิ่มพงษ์มองตาม
ศักดาขยับให้กล่องเก็บข้อมูลที่เตรียมมาเข้าไปอยู่ในตำแหน่งเซนเซอร์ ตัวเลขดิจิตอลยังนิ่งไม่ขยับ ศักดายิ้มพอใจกับแผนการของตัวเอง ขณะที่ทำให้กล่องเก็บข้อมูลเลื่อนพ้นออกมาจากตู้นิรภัยได้
แจ๊คเดินโผล่ออกมาจากมุมตึก เพิ่มพงษ์ตามมาหน้าเซ็งสุดๆ แต่แจ๊คกลับดีใจ
“โธ่เอ๊ย..ห้องนี้นี่เอง เดินหาตั้งนาน”
เพิ่มพงษ์มองตาม “ห้องคุณนิติธร !!”
เพิ่มพงษ์ลองหมุนลูกบิดประตูก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อค
เพิ่มพงษ์เปรยขึ้น “มีคนอยู่เหรอ..”
“ให้แจ๊คพังประตูเข้าไปเลยมั้ยน้า”
“ทีนี้ล่ะทำเก่งนัก พังเขาไปแล้วถ้าไอ้ข้างในมันสวนออกมาเอ็งจะทำไง”
เพิ่มพงษ์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
แววยังอยู่ในอ้อมกอดของสยุมภูว์ท่ามกลางคู่เต้นรำคู่อื่นๆ
“คุณนึกออกหรือยังว่าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผมอีก” สยุมภูว์ถามขึ้น
“แววอยากรู้ว่าคุณคือ..” แววลังเลที่จะถาม
สยุมภูว์ยิ้มแล้วรอให้แววพูดต่อ
แววตัดสินใจพูดต่อ “คือ..คนๆเดียวกับที่แววสงสัยหรือเปล่า”
“คุณสงสัยว่าผมจะเป็นคนอื่นเหรอ”
“ค่ะ..แววอยากรู้ว่าคุณให้คนอื่นปลอมตัวเป็นคุณ แล้วคุณเองปลอมเป็นคนอื่นหรือเปล่าคะ”
“คุณคิดว่าผมปลอมเป็นใคร” สยุมภูว์ถาม
แววมองหน้าสยุมภูว์ สยุมภูว์จ้องตอบกลับมา
“คนสวนข้างบ้านแววค่ะ” แววตอบ
“แล้วถ้ามันเป็นจริงอย่างที่คุณสงสัย คุณจะทำยังไง”
“แววแค่อยากรู้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคงมีทางเดียวที่ผมจะพิสูจน์ให้คุณรู้สินะ”
“คุณจะทำอะไรคะ”
สยุมภูว์ยิ้มกริ่มแต่ไม่ตอบอะไร เขาดึงแววให้เต้นตามสเต็ปท์ต่อ ท่ามกลางแขกในงานที่กำลังสนุกเต็มที่
กล่องข้อมูลในตู้เซฟพ้นออกมาจากตู้เซฟในที่สุด ศักดาขยับให้กล่องเก็บข้อมูลที่เตรียมมาเข้าไปอยู่ในตำแหน่งเซนเซอร์ได้ทันก่อนที่ตัวเลขดิจิตอลจะขยับ ศักดายิ้มพอใจกับผลงานของตัวเอง
ประตูห้องค่อยๆแง้มออก ขณะที่ศักดากำลังเก็บกล่องข้อมูลที่เพิ่งขโมยมาใส่กระเป๋าแล้วหนีออกไปทางนอกหน้าต่าง
เพิ่มพงษ์กับแจ๊คโผล่เข้ามาในห้องพอดี ทั้งสองช่วยกันดูทั่วๆ ห้องโดยไม่รู้ว่าศักดาเพิ่งหนีออกไป เพิ่มพงษ์ไม่เจอความผิดปกติในห้องแล้วเขาก็จะออกจากห้องไป เขาหันไปหาแจ๊คจึงเห็นว่าแจ๊คเปลี่ยนไปใส่หน้ากากอันใหม่แล้ว
เพิ่มพงษ์งง “เอ็งไปเอาหน้ากากใครมาใส่”
“ของใครก็ไม่รู้น้าเพิ่ม..แต่ที่แน่ๆมันเท่ห์กว่าอันที่น้าเพิ่มให้แจ๊คอีก”
“แล้วเอ็งไปเอามาจากไหน”
“ไม่รู้ใครมาทำตกไว้ แจ๊คก็ถือว่ามันไม่มีเจ้าของก็แล้วกัน” แจ๊คบอก
“เอ็งหมายถึง ในห้องนี้น่ะเหรอ”
แจ๊คพยักหน้าหงึกหงัก รับคำของเพิ่มพงษ์ เพิ่มพงษ์เข้าไปดึงหน้ากากจากหน้าแจ๊คมาดู
เพิ่มพงษ์ตกใจ “ซวยแล้วไง”
เพิ่มพงษ์รีบกดโทรศัพท์แล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันที แจ๊คได้แต่ยืนงงเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ประตูใหญ่หน้าทางเข้าคฤหาสน์ค่อยๆปิดลง โดยที่ศักดากำลังบึ่งมอเตอร์ไซค์ออกมาจากมุมมืด แล้วพุ่งออกจากบ้านไปได้ทันก่อนที่ประตูจะปิดสนิท เพิ่มพงษ์วิ่งออกมาที่หน้าบ้านด้วยความเหนื่อยหอบ เขาเห็นท้ายรถศักดาผ่านไปแว้บๆก่อนที่ประตูจะปิดลง เพิ่มพงษ์จึงได้แต่เจ็บใจ
นิติธรเปิดตู้เซฟจะหยิบกล่องเก็บข้อมูลขึ้นมาดู
เพิ่มพงษ์ทักไว้ “อย่าเพิ่งครับคุณนิติธร”
นิติธรชะงัก เพิ่มพงษ์ใช้ผ้าที่หาได้แถวนั้นมาหยิบกล่องข้อมูลขึ้นมาดู นิติธรเห็นกล่องข้อมูลนั้น
นิติธรส่ายหน้า “ของของเราถูกขโมยไป อย่างที่คุณสงสัยครับ”
นิติภูมิเข้ามาในห้องแล้วแกล้งเล่นละครว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น
นิติภูมิแกล้งถามกับนิติธร “เกิดอะไรขึ้นครับพ่อ”
ทุกคนหันไปมองนิติภูมิ นิติภูมิซ่อนพิรุธ เพิ่มพงษ์ก็ทำเป็นไม่สนใจนิติภูมิก่อนจะเล่าให้เขาฟัง
“มีโจรกระจอกเข้ามาขโมยของของเราไปครับ แต่ถึงมันจะได้ของที่มันต้องการไป แต่ผมได้ของของมันมา”
เพิ่มพงษ์ชูหน้ากากของศักดาขึ้นมาดู นิติภูมิเห็นก็เจ็บใจ
“เราแค่ต้องการหาว่าใครเป็นคนใส่มันมาเท่านั้น” เพิ่มพงษ์บอก
“ถ้าอย่างนั้นก็มีคนๆหนึ่งที่น่าจะช่วยเราได้ครับ” นิติธรบอก
เอกรินทร์กำลังเพลย์เทปบนหน้าจอโทรทัศน์เพื่อตามหาตัวคนที่ใส่หน้ากากอันนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่จอ พวกเขาเห็นหน้าของแขกในงานสวมหน้ากากละลานตายากจะหาตัวได้
เพิ่มพงษ์รีบบอก “หยุดตรงนี้เลยครับ คุณเอกรินทร์”
เอกรินทร์หยุดเทปให้ ทุกคนมองไปที่หน้าจอด้วยความสนใจ บนหน้าจอปรากฏร่างของศักดาเดินหายไปในกลุ่มแขกที่มางาน แต่เห็นหน้าเพียงเสี้ยวหนึ่งที่สวมหน้ากาก
เพิ่มพงษ์ร้องขอ “ย้อนหลังไปอีกหน่อยได้มั้ยครับ”
เอกรินทร์เล่นเทปย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ศักดาเดินเข้ามาแต่ยังหันหลังให้กล้องแล้วเดินหายไป
เอกรินทร์หยุดภาพที่เห็นหน้าเพียงเสี้ยวเดียว
“หลังจากนี้ก็ไม่มีภาพนายคนนี้ปรากฏในเทปอีกเลยครับ” เอกรินทร์บอก
เพิ่มพงษ์กับนิติธรมีสีหน้าเป็นกังวล นิติภูมิแอบทำสีหน้าโล่งอกแล้วยิ้มออกมาอย่างสะใจ
“ถึงเราจะไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่อย่างน้อยเราก็สบายใจได้อย่างหนึ่ง” นิติธรเอ่ยออกมา
“พ่อหมายความว่าไงครับ” นิติภูมิงง
นิติภูมิมองนิติธรด้วยความอยากรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
ที่โกดังร้าง ศักดาพยายามเจาะข้อมูลจากกล่องเก็บข้อมูล แต่ที่หน้าจอขึ้นว่า Fail และขึ้นกล่องข้อความขอพาสเวิร์ดของไฟล์ที่จะเปิด
ศักดาเจ็บใจ “ไอ้บ้าเอ๊ย !”
ศักดาแสดงสีหน้าเจ็บใจ แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ศักดาเห็นว่านิติภูมิโทรมาจึงรีบกดรับ
นิติภูมิหลบออกมาคุยโทรศัพท์ที่มุมหนึ่งภายในงาน
“แกเลิกพยายามได้แล้วเพราะมีแต่ไอ้สยุมภูว์กับมิสเตอร์เหลียงเท่านั้นที่รู้พาสเวิร์ดที่จะเปิดข้อมูลพวกนั้นได้” นิติภูมิบอก
“แล้วคุณนิติภูมิจะให้ผมทำยังไงกับของนี่ล่ะครับ” ศักดาถาม
“ฉันจะให้ไอ้สยุมภูว์มันไปบอกรหัสแกที่นั่น เตรียมตัวต้อนรับมันก็แล้วกัน”
นิติภูมิวางสายจากศักดาแล้วกดโทรศัพท์หาลูกน้องศักดาที่ยังปะปนอยู่ในงาน ลูกน้องของศักดาคนหนึ่งรับโทรศัพท์แล้วเดินหายออกไปจากงาน นิติภูมิวางสายแล้วมองไปที่แววที่กำลังเต้นรำกับสยุมภูว์ด้วยท่าทางมีความสุข
สยุมภูว์กำลังเต้นรำกับแวว สีหน้าของแววบ่บอกถึงความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจเหตุผลที่ผมต้องทำอย่างนั้นนะ” สยุมภูว์บอก
“ค่ะ..แววเข้าใจ ถ้าคุณสยุมภูว์คิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยตัวเองตอนนี้ แววก็เข้าใจได้ค่ะ ยังไงคุณก็ยังเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดของแววเสมอค่ะ”
สยุมภูว์ยิ้มปลื้ม “แวว...คุณไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องที่ดีที่สุดของผมนะ”
แววถามต่อ “หมายความว่ายังไงคะ”
“คนที่มีแต่คนจ้องจะทำร้ายอย่างผม คงไม่มีความสุขอะไรมากไปกว่าการได้เจอคนที่ผมจะไว้ใจที่สุดในชีวิตหรอกนะแวว”
“ขอให้คุณได้พบคนคนนั้นนะคะ”
สยุมภูว์ยิ้ม “คนคนนั้นอยู่ไม่ไกลจากผมหรอก”
“ใครกันคะ”
แววสบตาสยุมภูว์เป็นเชิงถาม สยุมภูว์จ้องตาเธออย่างซาบซึ้งจนแววประหม่าและเบือนหน้าหนี
“คุณสยุมภูว์คะ..คือแวว..”
แววทำท่าจะผละออกไปแต่สยุมภูว์ดึงแววเอาไว้
“คุณไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าผมเป็นใคร” สยุมภูว์ถาม
“เอ่อ..ค่ะ..คุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์ดึงแววให้เต้นตามสเต็ปท์ของเขาจนมาอยู่ในตำแหน่งกลางวง สยุมภูว์จ้องตาแวว แล้วจับมือแววให้โอบไปที่รอบคอของเขา
“ถอดหน้ากากของผมออก เมื่อคุณพร้อม” สยุมภูว์บอก
ทุกคนในงานจับตาดูแววเป็นตาเดียวกัน แววมองหน้าสยุมภูว์แต่เธอยังมีท่าทางยังลังเล สยุมภูว์ดึงแววเข้ามากอดกระชับขึ้น มือแววเลื่อนไปที่ปมเชือกด้านหลังหน้ากากของสยุมภูว์และกำลังดึงปมเชือกหน้ากากออกทีละน้อย แววสบตากับสยุมภูว์ด้วยความซาบซึ้ง
“คุณกำลังจะได้รู้ในสิ่งที่คุณอยากรู้ แล้วคุณจะบอกผมในสิ่งที่ผมอยากรู้ได้ไหมแวว ใครที่อยู่ในใจคุณ..สยุมภูว์หรือนายคนสวนคนนั้น”
“คุณทำให้แววงงไปหมดแล้วนะคะ”
สยุมภูว์ยิ้ม “ผมแค่อยากจะขอเป็นคนดูแลคุณในฐานะที่คุณเป็นผู้หญิงที่ผมรักที่สุดได้ไหม…แวว”
เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วทั้งห้อง เอกรินทร์นิ่งไปด้วยความผิดหวัง ส่วนนิติภูมิแสดงสีหน้าเคียดแค้น ชิงชัง แววอึ้งไป บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความนิ่งเงียบเพราะต่างก็รอคำตอบจากแวว แววผละออกไปแล้วขยับถอยห่างออกมาจากสยุมภูว์สองก้าวหลังจากปลดเชือกที่ผูกหน้ากากออกแล้ว แต่หน้ากากยังไม่ทันพ้นจากหน้าสยุมภูว์ ส่วนแววก็ยังไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับ
ทันใดนั้นไฟทั้งหมดในคฤหาสน์ก็ดับลง เสียงฮือฮาด้วยความตกใจดังขึ้นทันที
ไฟในห้องจัดเลี้ยงสว่างขึ้นอีกครั้ง สยุมภูว์ยืนอยู่พียงลำพังที่กลางฟอร์ ในมือของเขามีหน้ากากของตัวเอง สยุมภูว์มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใคร สยุมภูว์หน้าเศร้าก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ เพิ่มพงษ์ที่ดูเหตุการณ์อยู่รีบตามสยุมภูว์ไป ส่วนไลลาถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นว่าใครคือสยุมภูว์
“คุณจักร..คือคุณสยุมภูว์!”
นิติภูมิที่ได้รู้ก็รู้สึกเจ็บใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
แววมยุราตอนที่ 11 (ต่อ)
สยุมภูว์หลบมาจิบเครื่องดื่มเพียงลำพัง เพิ่มพงษ์เดินเข้ามาหา
“มันคงเป็นความผิดของผม ที่ไปรวบรัดแววอย่างนั้น” สยุมภูว์โทษตัวเอง
“ผมว่าคุณแววคงตกใจน่ะครับที่คุณสยุมภูว์ขอเธอแต่งงานกะทันหันไปสักหน่อย” เพิ่มพงษ์บอก
“ผมควรจะทำยังไงต่อคุณเพิ่มพงษ์”
“คุณแววคงอยากอยู่คนเดียวมั้งครับ”
“แต่ผมอยากขอโทษแวว”
“ถ้าคุณไปในฐานะนายจักร แววอาจจะยอมคุยด้วยมั้งครับ”
สยุมภูว์ยิ้มออก “ขอบคุณมากครับ คุณเพิ่มพงษ์”
สยุมภูว์รีบออกไปทันที เพิ่มพงษ์มองตามแล้วยิ้มออกมา
สยุมภูว์ขึ้นรถสปอร์ตขับรถอกไปจากคฤหาสน์ นิติธรยืนดูอยู่แล้วยิ้มๆ ก่อนที่นิติภูมิจะเดินตามออกมา
“เจ้านายพ่อเขาจะรีบไปไหนน่ะ” นิติภูมิถาม
“ก็ไปตามหนูแววที่บ้านน่ะสิ” นิติธรตอบ
“ไปตามแววเหรอ” นิติภูมิถามต่อ
“ใช่..” นิติธรมองลูกชายตัวเองด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า”
นิติภูมิไม่ตอบได้แต่ยิ้มๆ นิติธรไม่ได้ใส่ใจแล้วเดินเข้าไปในงาน นิติภูมิมองตามจนแน่ใจว่านิติธรออกไปแล้วก็กดโทรศัพท์หาใครบางคนทันที
รถคันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าโกดังร้างที่ศักดายืนรออยู่รับโทรศัพท์อยู่ด้านใน
“ครับคุณนิติภูมิ..เมื่อไรที่แขกของผมมาถึงแล้วผมจะโทรไปหาไอ้สยุมภูว์ทันที” ศักดารับคำ
ลูกน้องของศักดาเดินเข้ามาพร้อมกับใครอีกคน ศักดาเห็นก็ยิ้มออกมา
“อ้าว..มาถึงพอดีเลยครับ คุณนิติภูมิ ผมขอต้อนรับแขกก่อนนะครับ”
ศักดางสายแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้แววที่ถ๔กผ้าคลุมหัว ลูกน้องศักดาพาแววไปนั่งที่เก้าอี้
ศักดาดึงถุงผ้าออกจากศรีษะของแวว ส่วนลูกน้องที่เหลือก็มัดแววไว้ที่เก้าอี้
แววงงว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
“แกเป็นใคร..พาฉันมาที่นี่ทำไม”
ศักดาไม่สนใจจะตอบ
ศักดาพูดกับลูกน้อง “หมดหน้าที่แกแล้ว..ออกไปได้”
ลูกน้องศักดาเดินออกไป ศักดาหันมายิ้มให้แววที่กำลังทำหน้าตื่นตระหนกอยู่
นิติภูมิวางสายจากศักดาแล้วก็ยิ้มออกมา
“แววอยู่ที่นั่น ไอ้สยุมภูว์ก็คงกำลังตามไป แล้วจะขาดคนสำคัญอย่างฉันได้ยังไง”
นิติภูมิรีบออกไปจากคฤหาสน์ทันที
ชลธิชากับเริงใจนั่งซึมอยู่ในรถ
“อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องนั้นเลยธิชา” เริงใจให้กำลังใจเพื่อน “ฉันว่าเรามาลุ้นเรื่องยัยแววก่อนดีกว่า ป่านนี้ไม่รู้ว่าคุณสยุมภูว์เขาตามไปง้อหรือยัง”
“แต่เรื่องนี้มันก็คาใจฉันเหมือนกันนะ” ชลธิชาสารภาพ
“ถ้าอย่างนั้นเราหาจังหวะรอถามคุณเอกให้แน่ใจดีมั้ย”
“แต่คุณแป้งเขาขอไว้นะ”
“ฉันว่าคุณเอกเขาไม่ได้เป็นคนไร้ความรับผิดชอบขนาดนั้น ยัยแป้งต่างหากที่ทำตัวน่าสงสัย” เริงใจบอก
“เริง อย่างน้อยเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน..เธอน่าจะเห็นใจคุณแป้งบ้างสิ”
“เธอจำไม่ได้หรือไงว่ายัยแป้งเคยทำอะไรมาก่อน”
“แต่เธอก็เห็นแล้วว่าคุณเอกไม่ได้ติดใจอะไร ฉันว่าคุณแป้งคงไม่แย่ขนาดจะทำผิดซ้ำหรอก”
“เธอจะเอาใจช่วยแม่นั่นไปถึงไหน”
“เธอก็มองคุณแป้งในแง่ดีบ้างสิ เธอก็เห็นอยู่ว่าเขาอยากเป็นเพื่อนกับเราแค่ไหน”
“ฉันมองตามความเป็นจริงต่างหาก..ฉันไม่อยากให้ใครมาหลอกฉันง่ายๆแบบนี้”
ชลธิชาเสียงดุ “เริง...พอเถอะ”
เริงใจไม่พอใจ เธอเปิดประตูแล้วออกจากรถไป ชลธิชามองตามแล้วถอนใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย
รถของสยุมภูว์แล่นมาจอดที่หน้าบ้านแวว สยุมภูว์นั่งรวบรวมกำลังใจในรถสักพักก่อนจะถอดหน้ากากออกแล้วลงจากรถไป
สยุมภูว์เดินมาเคาะประตูบ้านแวว สักพักวัณณรีก็เปิดประตู
“พี่แวว..กลับมาแล้วเหรอ” วัณณรีถาม
วัณณรีเห็นสยุมภูว์ใส่สูทเต็มยศก็ทำหน้าแปลกใจ
“อ้าว..นายจักร “วัณณรีมองหาแวว “นายมาส่งพี่แววเหรอ..พี่แววล่ะ”
สยุมภูว์ทำหน้าแปลกใจ
“แววยังไม่ได้กลับมาหรือวัณ”
“ยังเลย..”
สยุมภูว์เริ่มแปลกใจ “แววไม่ได้ติดต่อกลับมาเลยเหรอ”
“เปล่านี่นา..มีอะไรเหรอ” วัณณรีสงสัย
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ที่บ้านแววก็ดังขึ้น
“สงสัยพี่แววจะโทรมาแล้วล่ะ” วัณณรีบอก
สยุมภูว์โล่งอก วัณณรีเดินเข้าไปรับโทรศัพท์ สยุมภูว์ยืนรออยู่ข้างนอก
วัณณรีรับโทรศัพท์ สยุมภูวที่ยืนรออยู่หน้าบ้านจับตามองวัณณรีด้วยความเป็นห่วง
“พี่แวว..”
เสียงศักดาพูดผ่านสายโทรศัพท์ “ไปเรียกไอ้สยุมภูว์มาคุยกับฉัน”
วัณณรีงง “อะไรนะ..นี่แกเป็นใคร..พูดอะไรน่ะ”
“หูหนวกหรือไง..ไปเรียกสยุมภูว์มาคุยกับฉัน”
“แกจะบ้าหรือเปล่า จะโทรเจ้านายพี่แววแล้วโทรมาหาฉันทำไม”
“แกอยากจะคุยกับพี่สาวแกมั้ย” ศักดาถาม
เสียงแววดังเล้ดลอดเข้ามาในสาย “วัณ..ช่วยพี่ด้วย.วัณ”
วัณณรีตกใจเมื่อได้ยินเสียงแววแล้วเสียงแววก็หายไป
“พี่แวว..แกทำอะไรพี่แววน่ะ..พี่แวว..พี่แววอยู่ที่ไหน”
“ฉันบอกให้แกไปเรียกไอ้สยุมภูว์มาคุยโทรศัพท์ไง”
“แกจะโทรหาคุณสยุมภูว์ก็โทรไปที่บ้านเขาสิ”
สยุมภูว์เข้ามาดึงโทรศัพท์ไปจากมือวัณณรี วัณณรีหันไปมองเห็นสยุมภูว์ทำหน้าเครียดเธอก็ยิ่งงง
สยุมภูว์ถามศักดา “แกต้องการอะไร”
“ไอ้สยุมภูว์”
“ใช่..ฉันเอง..ตอนนี้แววอยู่ที่ไหน”
สยุมภูว์หน้าเครียดเมื่อศักดาบอกสถานที่ที่จับแววไป
สยุมภูว์รีบออกมาจากบ้านแวว วัณณรีเดินตามออกมาสีหน้าร้อนรน
“นี่มันอะไรกัน..พี่จักรคือคุณสยุมภูว์เหรอ” วัณณรีถาม
“พี่ไม่มีเวลาอธิบายเรื่องนั้นนะวัณ พี่เป็นห่วงแวว แววถูกจับตัวไปเพราะพี่” สยุมภูว์บอก
“ไม่ว่าพี่จะเป็นใครพี่ต้องช่วยพี่แววออกมาให้ได้นะ”
“แววจะต้องไม่เป็นไร..วัณ”
สยุมภูว์ขึ้นรถแล้วสตาร์ทรถออกไป วัณณรีมองตามสีหน้าเป็นห่วง
“พี่แววอย่าเป็นอะไรนะ” วัณณรีพูดกับตัวเอง
เสียงมาลตีดังจากในบ้าน “อะไรกันยัยวัณ...แววกลับมาแล้วเหรอ”
วัณณรีกลับเข้าไปในบ้าน แต่เธอไม่รู้จะบอกแม่ดีหรือไม่
“อ้าว..ถามแล้วไม่ตอบ..ว่าไงล่ะยัยวัณ” มาลตีถามย้ำ
“แม่..พี่แววถูกจับตัวไป” วัณณรีตัดสินใจบอก
“แกอย่ามาล้อฉันเล่นนะ”
วัณณรีส่ายหน้า มาลตีเห็นสีหน้าจริงจังของวัณณรี ก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลม
วัณณรีรีบเข้าไปประคอง “แม่ !”
นิติธรเดินตามเพิ่มพงษ์ออกมาอย่างกระชั้นชิด
“คุณทราบแล้วเหรอครับว่าคุณสยุมภูว์จะไปไหน” นิติธรถาม
“ใช่ครับ..ไอ้พวกนั้นมันเป็นคนบอกเอง” เพิ่มพงษ์บอก
“คุณคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่องข้อมูลของเราถูกขโมยไปหรือเปล่า” นิติธรถามต่อ
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น..มันจะลักพาตัวแววไปทำไมล่ะครับ”
“มันลักพาตัวแววไปเพราะต้องการตัวคุณสยุมภูว์”
เพิ่มพงษ์ กับนิติธรมองหน้ากัน
“รหัสผ่านของกล่องเก็บข้อมูล” นิติธรโพล่งออกมา
“หวังว่ามันจะต้องการแค่นั้นนะครับ”
“คุณคิดว่ามันเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่พยายามจะลอบทำร้ายคุณสยุมภูว์หรือครับ”
“ผมขอคิดในแง่ร้ายไว้ก่อนนะครับ จะได้รับมือมันถูก” เพิ่มพงษ์บอก
เพิ่มพงษ์เดินไปที่รถที่จอดอยู่ แล้วเขาก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว นิติธรมองตามอย่างมีความหมาย
ประตูคฤหาสน์เปิดออก รถของเพิ่มพงษ์ขับออกไป สักพักก็มีรถอีกคันขับตามออกไปทันที
โรสเอายาดมมาให้มาลตีที่นอนเหยียดอยู่ที่โซฟาในสภาพที่ใกล้จะเป็นลม
“คุณมาลตีให้โรสโทรเรียกรถพยาบาลดีกว่ามั้ยคะ ท่าทางไม่ค่อยดีเลย” โรสถาม
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะรู้ว่ายัยแววไม่เป็นอะไร..แล้วนี่ยัยวัณไปไหน เดี๋ยวก็โดนจับตัวไปอีกคนหรอก ป่านนี้ไม่ถูกย่ำยีป่นปี้ไปแล้วหรือลูก” มาลตีเป็นห่วงลูกสาว
วัณณรีเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเป็นกังวลเพราะเอาแต่รอโทรศัพท์ มาลตีขยับลุกขึ้น
“ได้ข่าวคราวพี่แกบ้างมั้ย ยัยวัณ”
“คุณสยุมภูว์ยังไม่โทรมาเลยแม่” วัณณรีบอก
“เขาไม่โทรมา แกก็โทรไปถามสิ แม่เป็นห่วงยัยแววใจจะขาดแล้ว ยัยแววมันไปทำให้ใครโกรธหรือไง ทำไมเขาถึงมาทำกับลูกสาวแม่อย่างนี้”
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะแม่ ให้พี่แววกลับมาอย่างปลอดภัยก่อนเถอะ”
วัณณรีมองที่โทรศัพท์ด้วยสีหน้าท่าทางกระวนกระวายใจ
ศักดายืนอยู่ตรงหน้าแววที่ถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ในโกดังร้าง แววมองศักดาแล้วเอ่ยถาม
“แกเป็นใคร..จับฉันมาทำไม
“เงียบๆไว้เถอะคุณแวว เราไม่ได้ต้องการจะทำร้ายคุณ” ศักดาบอก
“แล้วจับฉันมาทำไม”
ศักดายิ้มไม่ตอบแต่อะไร ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบกับศักดา ศักดาพยักหน้า
“แขกคนสำคัญของผมมาถึงพอดี.. “ ศักดาบอก
ศักดายิ้มๆ แววยิ่งสับสนเพราะไม่รู้ว่าศักดาหมายถึงอะไร
รถของสยุมภูว์มาจอดที่หน้าโกดัง สยุมภูว์ลงมาจากรถแล้วมองไปรอบๆ ก่อนจะเข้าไปในโกดังที่เปิดรออยู่ สยุมภูว์เดินเข้ามาแล้วเห็นว่าแววถูกจับมัดอยู่
“นายจักร..นายมาที่นี่ทำไม นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” แววร้องถาม
สยุมภูว์จะเข้าไปหาแวว แต่กลับต้องชะงักเมื่อลูกน้องของศักดาโผล่มากันไว้ ศักดาเดินตามออกมา
“แกน่ะเหรอ..สยุมภูว์” ศักดาถาม
แววงง “นายจักร”
ศักดาหันไปมองแววแล้วมองหน้าสยุมภูว์
“ฉันจะให้แกพิสูจน์..เพราะมีแต่สยุมภูว์เท่านั้นที่รู้รหัสผ่านของเครื่องเก็บข้อมูลที่แกได้มาไอ้เหลียง”
“แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าถ้าแกได้พาสเวิร์ดไปแล้ว แกจะปล่อยฉันกับแววไป” สยุมภูว์ถาม
“แกไม่มีสิทธิ์ถามคำถามนี้กับฉัน” ศักดาบอก
ลูกน้องของศักดาปรากฏตัวขึ้นมาประกบสยุมภูว์
“ถ้าแกบอกรหัสผิดแม้แต่ตัวเดียว แกตายทั้งคู่หรือถ้าแกไม่ยอมบอก..แกก็ตายเหมือนกัน” ศักดายื่นคำขาด
สยุมภูว์รู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือก ศักดายื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้เขา
จอมอร์นิเตอร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งต่อสายผ่านกล้องเว็บแคมทำให้นิติภูมิเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโกดังทั้งหมด ส่วนอีกจอหนึ่งต่อเข้ากับเครื่องเก็บข้อมูลที่ศักดาขโมยมา บนหน้าจอนั้นขึ้นกล่องข้อความสำหรับให้ใส่พาสเวิร์ด นิติภูมิดูภาพจากมอร์นิเตอร์และเห็นว่าสยุมภูว์กำลังกดรหัสในมือถือของศักดา
ศักดารับโทรศัพท์มาดูตัวเลข ศักดามองลูกน้องทั้งสองคน ลูกน้องทั้งสองเข้าไปประกบสยุมภูว์ สยุมภูว์ดึงดันแต่ลูกน้องของศักดาก็จับเขามัดไว้กับเก้าอี้จนได้
ศักดาพูดกับลูกน้อง “ดูไอ้สองคนนี้ไว้ให้ดีๆล่ะ”
ศักดาเดินออกไป ลูกน้องของศักดาออกไปยืนห่างๆ แววมองสยุมภูว์อย่างโกรธๆ
“นายจักร..นายจะทำให้เราแย่ทั้งสองคนนะ” แววบอก
สยุมภูว์ส่ายหน้า “มันได้พาสเวิร์ดนั่นไปแล้ว อย่างน้อยมันก็ควรจะปล่อยคุณไปนะแวว”
แววมองสยุมภูว์อย่างไม่เชื่อสายตา
“นายจักร..ตกลงว่านายคือ..”
สยุมภูว์ยิ้มให้ “คุณอยากจะคิดว่าผมเป็นนายจักรเพื่อนบ้านปากเสียของคุณก็ได้นะ แต่ผมอยากให้คุณตอบผมก่อนว่าจะยอมให้ผมเป็นคนดูแลผู้หญิงที่ผมรักที่สุดได้ไหม…แวว”
แววนึกออกแล้วน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมา “คุณสยุมภูว์...คุณคือสยุมภูว์จริงๆด้วย”
“ถึงมันจะสายเกินไปแต่ผมก็อยากฟังคำตอบจากคุณนะ” สยุมภูว์ย้ำ
แววส่ายหน้า แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพราก
ศักดากดรหัสที่ได้จากสยุมภูว์ ก่อนที่เครื่องจะขึ้นข้อความว่ารหัสผ่านถูกต้อง ศักดากับนิติภูมิยิ้มออก
“มันคือไอ้สยุมภูว์ตัวจริง...ไม่ใช่ไอ้คนสวนกระจอกคนนั้น” นิติภูมิยิ้ม
นิติภูมิหันไปดูมอร์นิเตอร์ที่ต่อกับกล้องในโกดัง เขาเห็นว่าแววกับสยุมภูว์กำลังคุยกัน
“เราจะเอายังไงกับมันครับ” ศักดาถาม
“ปล่อยแววไป..ส่วนไอ้สยุมภูว์กว่าจะได้ตัวมันมาไม่ใช่ง่ายๆนะ..ฉันไม่ปล่อยมันกลับไปแน่ๆ” นิติภูมิย้ำ
“ครับ..คุณนิติภูมิ”
ศักดาเดินออกไป นิติภูมิมองไปที่มอร์นิเตอร์ก่อนจะหยิบปืนออกมา
“หกนัดนี้สำหรับแก..ไอ้สยุมภูว์” นิติภูมิพูด
นิติภูมิยิ้มร้าย แล้วเขาก็หยิบกระสุนบรรจุใส่ปืนทีละนัดอย่างใจเย็น
จบตอนที่ 11
ติดตามอ่านแววมยุราตอนต่อไป พรุ่งนี้