ดอกโศก ตอนที่ 19
สมใจกับสมปองรีบชิ่ง กลับมาถึงบ้านตอนเย็นๆ สองแม่ลูกนั่งมองตากัน
“แม่...” สมปองเรียก
สมใจนั่งนิ่งอยู่
“แม่...” เรียกดังขึ้นนิด
สมใจหันมา นัยน์ตาหมอง “ปองเอ๊ย แม่ว่า...” สะอึกออกมา
“อะไรแม่”
“อยากตายว่ะ”
“เฮ้ย...อะไรน่ะแม่...เออ แต่ฉันก็เข้าใจนะ เฮ้อ...มืดแปดด้านไปหมดแล้ว”
“เห็นหน้าไอ้โศกมั้ย...เอ็งเห็นมั้ยวะปอง ตอนมันเข้ามาตามคุณนัยน่ะ”
“เห็นสิแม่ ทำไมจะไม่เห็นล่ะ ก็ยืนอยู่ด้วยกัน ชั้นไม่ได้ตาบอดนี่”
สมใจหน้าเศร้า
“หน้ามัน...”
สมใจนึกถึงใบหน้าดอกโศก ตอนเดินมาตามอัศนัยเมื่อไม่นานมานี้ ดอกโศกไม่เห็นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายายกับน้า มา สองคนแอบอยู่ สมใจสะท้อนในอกเห็นดอกโศกยิ้มหวานสดใสมองอัศนัยที่เดินออกไปรับหน้า
อัศนัยเองก็เก็บงำความรู้สึกได้อย่างมิดชิด
สองแม่ลูกจ้องมองดอกโศกที่เงยหน้าพูดกับอัศนัย ท่าทางน่ารัก พูดแล้วก็หัวเราะขำๆ
สมใจดึงตัวเองกลับมาพูดต่อ “...หน้ามันบานเป็นกระด้งฝัดข้าว”
สมปองหันมาเหล่มองแม่ “เป็นไงแม่”
“ใหญ่...” สมใจทำมือ “มันกำลังมีความสุข โธ่ โศกเอ๊ย ยายจะช่วยแกยังไงเนี่ย”
“วันนี้ถ้ามันเห็นเรามันต้องสงสัยว่าเราไปหาคุณนัยทำไม...แม่ว่ามั้ย” สมปองปรารภ
“ก็ใช่น่ะสิ เอ๊อ ไอ้ปอง ไม่งั้นเราจะหลบมันทำไม๊”
“ไม่ใช่ นั่นน่ะข้ารู้แล้ว กะลังจะพูดว่าถ้ามันเห็นแม่จะบอกมันว่าไง”
ยายคิดนิด “ไม่รู้เว้ย ข้าอาจจะบอกมันไปเลยก็ได้ ให้มันหมดๆ เรื่องไป”
“ชั้นคิดถึงใจมันไม่ออกเลย เฮ้อ...ไอ้โศกของน้าเอ๊ย แต่...วันหนึ่งมันก็ต้องรู้นะแม่...ว่าไม๊แม่”
สมใจแค้นนัก “ฮื่อ...อีนังแม่มันคงมาเอาคู่รักมันคืน ปองแกก็รู้ นังสุดจิตต์พี่สาวแกมันเป็นคนรักแรงเกลียดแรง มันรักคุณนัย ถึงมันไม่เกลียดไอ้โศก แต่มันก็ไม่รักมันจะยอมเสียคุณนัยน่ะเหรอ...ชั้นยอมเสียหัวเลยว่ะ”
“เสียทำไมแม่” สมปองงง
“นังโง่....ยอมเสียหัวข้าเลยถ้ามันยอมเสียคุณนัยให้ไอ้โศก”
“คุณนัยเค้ารักไอ้โศกซะขนาดนั้น เค้าไม่ยอมกลับไปหาแม่ปรียากมลหรอก” สมปองหัวเราะขำๆ
“โง่ไม่สร่างซานังนี่” สมใจด่าเอา
“เอ๊า....ตัวเองเลี้ยงลูกให้โง่นี้หว่า เรียนก็ไม่ให้เรียน” สมปองเย้าขำๆ
“เออ....ผิดไปแล้ว มันยังงี้ตัวคุณนัยน่ะไม่ไปหรอก แต่คนที่ไปก็คือไอ้โศกนั่นแหละ”
สมปองเห็นด้วยขึ้นมาทันที “เนอะแม่เนอะ ถ้ามันรู้ว่าพี่จิตต์เค้าเป็นแม่ มันไม่อยู่หรอก มันหนีไปสุดโลกเลยเชื่อชั้นเถอะ”
สมใจนั่งนิ่ง อึ้ง แล้วหน้าบูดเบี้ยวด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ
“แม่....แม่เป็นอะไร”
สมใจสะอึกนิดๆ “วันหนึ่งไอ้โศกก็ต้องรู้ แกรู้มั้ย” มองหน้าสมปองหน้าเข้มด้วยความรู้สึกเจ็บในใจ “ใครจะเป็นคนบอกไอ้โศก”
สมปองมีสีหน้าเจ็บปวดไม่ต่างแม่ “แม่ถามชั้นทำไม....คำตอบมันแหงๆ อยู่แล้ว มันก็ลูกแม่ล่ะวะคนบอกน่ะ”
สมปองหันมองไปทางอื่นหน้าเจ็บๆ เพราะสงสารหลานจับใจ
“ต่อไปนี้นะไอ้ปอง เอ็งจำคำแม่ไว้ อะไรที่ทำให้ดอกโศกเป็นสุขแกต้องทำ เพราะว่าต่อไปมันจะโศกยิ่งกว่าชื่อมันอีกเพราะอีนังสุดจิตต์คนเดียว”
สมปองมองหน้าแม่ยิ่งนานถามเสียงเรียบแต่บาดลึก “ใครตั้งชื่อดอกโศกให้มันล่ะ....ฮะแม่ ใครตั้ง”
สมใจไม่ตอบนั่งหน้าหมอง เศร้าสุดๆ
อัศนัยนอนเอนๆ ท่าสบาย บนเสื่อ กำลังอ่านหนังสือ ดอกโศก ปลอกผลไม้ อัศนัยกางหนังสือ แต่นัยน์ตามองจ้อง สายตาหมอง...กลัดกลุ้ม ไม่เป็นสุข
ดอกโศก เอาผลไม้ใส่จานเลื่อนให้
อัศนัยบอกเสียงหวาน “ป้อนหน่อยนะ”
“ค่ะ” ดอกโศกป้อนให้
อัศนัยอ้าปากรับ จับมือดอกโศก “คุณนัยจะไม่ยอมเสียดอกโศกให้ใคร แล้วก็จะไม่ยอมให้ใครมาเอาตัวคุณนัยไปจากดอกโศกเป็นอันขาด”
ดอกโศกสายตามั่นคง “คุณนัยจะไม่เสียดอกโศกให้ใครแน่นอนค่ะ”
“จริงนะ” อัศนัยลุกขึ้นทันที “สัญญา...ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นดอกโศกจะไม่จากคุณนัยไป”
“ค่ะ สัญญา” ดอกโศกยกสามนิ้ว แบบลูกเสือ
อัศนัยจับมือมาจูบ แล้วทิ้งตัวลงนอน หลับตา ดึงมือดอกโศกมาแนบไว้ที่อก ตรงหัวใจ
ดอกโศกมองด้วยสายตา
อัศนัยพูดทั้งๆที่หลับตา “อย่าลืมสัญญานะดอกโศก...อย่าลืม” อัศนัยพึมพำ
ดอกโศกจ้องมองหน้าอัศนัยอย่างดื่มด่ำ
อัศนัยลืมตา เห็นสายตาดอกโศก ลุกขึ้นโอบดอกโศกไว้กับอก ซบหน้าแนบเรือนผมดอกโศก สายตากังวลใจร้าวรานใจสุดขีด
เวลาเดียวกันสมปองเอาถ้วยกาแฟมาวางแหมะตรงหน้าแม่
“เอ้า กาแฟ จะติดอะไรนักหนานะกาแฟเนี่ย เห็นกินปั๊บหลับปุ๊บ”
“ปอง แกว่าเรื่องนี้มีใครรู้แล้วมั่งเนี่ย ย่าแหม่มรู้รึยัง แล้วพวกบ้านตามันรู้แล้วยังว่าน้องสาวปรากฏตัวแล้ว”
สมปองย้อน “ถามฉัน?”
สมใจเหล่ก่อน “ข้าถามคนอื่นได้มั้ยเนี่ย”
“อ๋อ งั้นถามฉันจริงด้วย ฉันจะรู้ได้ไงล่ะ”
“นังปอง กูถามให้มึงช่วยคิด มึงไม่รู้กูก็รู้แล้วว่ามึงไม่รู้ เอ๊า...พูดจนลิ้นพันกัน เฮ้อ...” หยิบยาดมท่าสูดแรงๆ ปื๊ด... “ทำเสียเส้นไอ้ลูกเวรเนี๊ย”
“ตกลงถามว่าไง”
สมใจพยายามสงบสติอารมณ์ “แกว่า มีใครรู้มั่ง”
สมปองอ้าปากจะตอบ โทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน
“ฮัลโหล คุณนัย” สมปองหน้าเครียดขึ้นมาทันที “ได้ยินแล้วคุณนัย ใจเย็นๆ นะ ฉันว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม่กะฉันเท่านั้น” นิ่งฟัง “ได้...ได้ โอเค” สมปองปิดเครื่อง
“ว่าไง” สมใจตั้งท่าคอยฟัง
“เขากำลังจะพาไอ้โศกมาส่ง”
“แค่นั้น” สมใจถาม
“จะเอาแค่ไหน”
“เค้าต้องพูดมากกว่านี้แน่ๆ แกปิดข้าน่ะสินังปอง” สมใจว่า
“เอ๊า เดี๋ยวก็ถามเขาเองล่ะกัน” สมแองลุกขึ้น
“ปอง” สมใจเสียงสั่น “แม่กลัวจริงๆ เว้ยปอง....จะทำไงดี”
สมปองลงนั่ง มองหน้าแม่ แล้วเห็นใจขึ้นมาโอบหลังแม่เบาๆ สมใจเอนตัวเข้าหาสมปอง ร้องไห้เสียงสะท้าน สะอื้นจนตัวสั่น
สมปองตบหลังยายเบาๆ “แม่...นี่มันเป็นความจริง แม่ต้องยอมรับนะ คนหนึ่งลูกคนหนึ่งหลานกับผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วยังไงๆ มันก็ต้องมีคนผิดหวังอย่างน้อยก็คนหนึ่งล่ะ”
“มันก็หลานแกนั่นแหละปองเอ๊ย” เสียงคำพูดของสมใจเจือสะอื้น “สงสารไอ้โศก...สงสารมัน เกิดมาไม่เคยพบความสุขกะเค้าพอจะมีก็....” แล้วรู้สึกอัดอั้นจนร้องไห้แรงๆ ขึ้นมาอีก สะอื้นจนตัวโยน “ชีวิตมันถูกสาปหรือไง”
สมใจมองหน้าลูก เห็นสมปองขยับจะพูด ชิงพูดอย่างรู้ทัน
“เออ ผิดไปแล้วที่ตั้งชื่อมันว่าดอกโศก ไม่ต้องมาจิกด่าข้าอีกหรอก”
อัศนัยคุยโทรศัพท์ แต่ยืนหน้าไม่ดีอยู่ แล้วจู่ๆ ก็ทุบโต๊ะ แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกมา
ดอกโศกเข้ามายืนใกล้ๆ แล้ว “เป็นอะไรคะ”
อัศนัยสะดุ้งสุดตัว หันขวับมาเต็มแรง “ดอกโศก”
“คะ”
“มายืนเมื่อไหร่”
“มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“ไม่...บอกคุณนัยมายืนนานหรือยัง”
“อยากบอกจังว่ายืนอยู่นานแล้วได้ยินหมด...” ดอกโศกแกล้งอำ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ พูดเย้า เพราะขำท่าทีขึงขังของอัศนัย “เพิ่งมาค่ะ”
อัศนัยจ้องดอกโศก แล้วคว้าตัวเข้ามากอดไว้แนบแน่น
“มีเรื่องอะไรคะ คุณนัย โมโหใคร”
อัศนัยส่ายหน้าอยู่ไปมา รู้สึกใจคอวาบหวิว หวั่นไหวในใจยิ่งนัก
คืนนั้นอัศนัยกับสมใจ นั่งที่ม้านั่งข้างนอก หน้าตาไม่ดีทั้งคู่
สมใจพูดเสียงเบาๆ “วันนี้มีคนเอาของมาส่ง คุณนัยต้องลำบากทำไม๊ฉันนอนกันได้...เคยแล้ว”
“อ๋อ....ครับยาย ไม่เป็นไรครับ”
เสียงสมหวังดังมา “เฮ้ย....อุแม่จ้าวเอ๊ย ใครให้มาวะไอ้โศก”
สมหวังยืนมองที่นอนซึ่งปูผ้าขาวผ่อง หมอนใบใหญ่ปลอกหมอนสีขาว
“กูจะนอนลงมั้ยเนี้ย”
สมหมายรีบบอก “ต้องลอง” พลางเปิดมุ้งเข้าไป นอนกลิ้งเกลือก
สมหวังรีบพุ่งตัวตามเข้าไปท่าทีน่าขำมาก
“วันนั้นไงที่เขาอยู่จนค่ำ น้าปูที่นอนอยู่เห็นแล้วล่ะเค้ามายืนมอง คงทุเรศเอาเต็มทนเห็นนอนเรียงกันเป็นหมูอยู่ในเล้า” เสียงสมปองพูดกับดอกโศก เบาๆ
ดอกโศกทำหน้านิ่งๆ
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าไม่เอา”
ดอกโศกเปิดมุ้งเข้าไป สมปองตามเข้ามา
ดอกโศก “อยากบอกเหมือนกันล่ะน้าปอง” แล้วล้มตัวลงนอน “เฮ้อสบาย”
สมปองนั่งมองหลานสาวจนนอนหลับตา สายตาวิตกกังวลหนัก ถอนหายใจยาว ชะเง้อมองออกไปข้างนอก
“ก็...ขอบใจนะ คุณนัย ให้อะไรต่ออะไรมาเรื่อย” สมใจบอกอย่างเกรงใจ
“ผมควรทำยังไงต่อไปครับยาย” อัศนัยเข้าเรื่อง
“ฉันห้ามแล้วนะคุณ แต่นังสุดจิตต์ลูกสาวฉันเนี่ย...ฉันไม่รู้ว่าคุณนัยรู้จักมันแค่ไหน”
อัศนัยนิ่งเงียบ
“แต่งานเนี้ย มันบอกไอ้โศกแน่”
อัศนัยเหมือนจะขาดใจเสียนาทีนั้น นั่งก้มหน้าต่ำอยู่ในฝ่ามือทั้งสองข้าง
สมใจเข้าใจความรู้สึกชายหนุ่ม ลูบหลังปลอบๆ “ค่อยๆ คิดนะคุณนัย” ด้วยกิริยานอบน้อมนิดหน่อย
พออัศนัยเงยหน้าขึ้นมา ก็มีเงาน้ำตาจางๆในดวงตา “ผมเสียดอกโศกแน่ครับยาย”
สีหน้าสมใจสลดไปด้วย
“อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นครับยาย” อัศนัยพยายามกล้ำกลืนจนสีหน้าเป็นปกติ “ดึกแล้ว ผมลาครับ”
“คุณนัย ใจเย็นๆ เถอะนะ เขาอาจจะไม่บอกไอ้โศกก็ได้” สมใจยังพยายามปลอบ
“ยายรู้จักปรียากมลดีแล้วนี่ครับ”
“มันก็ไม่แน่ รู้จักเขาตอนเขายังไม่มีลูก”
“คิดว่ามีลูกแล้วเขาจะเปลี่ยนหรือครับ” อัศนัยถาม
สมใจหน้าเสีย “ไม่คิด” พูดเสียงเบามาก
“ผมรู้จักเขาดี เขาเป็นคนที่จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้ ถูกหรือผิดเขาไม่สนใจ ที่สำคัญครับยาย..” อัศนัยค้างคำพูดเอาไว้
“อะไรเหรอ” สมใจถาม
อัศนัยนิ่งไปนาน ลำบากใจ ไม่อยากพูดคำนี้เลย “ปรียากมลเกลียดดอกโศกมาก”
สมใจใจหล่นวูบ “โธ่เอ๊ย โศกเอ๊ย” ใจคอไม่ดีเลย “โศกของยาย” น้ำตาเริ่มคลอตาแล้วด้วยความอัดอั้น
สมปองมานั่งที่หน้าประตูเงียบๆ สมใจหันไปถามเบาๆ “โศกล่ะ” สมปองบอกแม่ “นอนแล้ว”
“ผมคิดว่าไม่มีอะไรยับยั้งปรียากมลได้”
“คุณนัย...รีบแต่งงานกับโศกได้มั้ย” สมปองโพล่งขึ้น
อัศนัยนิ่งไปอึดใจ สีหน้าตรึกตรอง
สมปองพูดต่อ “ทีนี้จะบอกก็ไม่แปลก ยังไงก็แต่งแล้ว”
“ดอกโศกก็ไปจากผมอยู่ดีถ้ารู้ อีกอย่างผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขอดอกโศกแต่งงานตอนนี้ ถึงผมมีดอกโศกก็ไม่ยอมหรอกครับยาย” อัศนัยหันมาบอกสมปอง “เรื่องแต่งงานยาก ปอง ไม่มีประโยชน์ด้วย หยุดดอกโศกไม่ได้หรอก”
“หยุดไอ้โศกไม่ได้แต่อาจหยุดแม่มันได้”
“ปอง ทันทีที่เขารู้ว่าเราจะแต่งงาน เขาไม่รอไปบอกกลางงานแต่งงานหรอก เขาบอกวินาทีนั้นเลย” อัศนัยว่า เพราะรู้จักปรียากมลดี
สามคนนิ่งอึ้งกันไปหมด
“เป็นแม่นะ...ขนาดนั้นเลยเหรอ” สมปองเริ่มระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
สมใจแตะแขนสมปอง ส่ายหน้าว่า ป่วยการพูด
“ข้อนี้ผมเข้าใจเขา เขาไม่ได้เลี้ยงลูกเลยจะให้รักแบบแม่ลูกทั่วไปไม่ใช่หรอกปอง”
สมปองเห็นด้วย “จริง...คุณนัย”
“เราสามคนไปพูดกับเขาอีกครั้งมั้ยคุณนัย” สมใจเอ่ยขึ้น
“ยายครับ เราไปพร้อมกันหมดปรียากมลจะเดินสวนกับเราออกมาหาดอกโศกทันที
“ใช่ คิดว่าเราไปรุมว่าเขา” สมปองว่า
“ผมอาจจะไปคนเดียว แต่ผมเดาว่าเขาไม่ยอม แล้วยังจะบีบผมให้เลิกติดต่อกับดอกโศก อ้างว่าแม่กับลูกรักกับผู้ชายคนเดียวกันไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่บีบผม เพราะเขาคิดว่าผมยังไม่รู้”
อัศนัยบอกอย่างมั่นใจ
อ่านต่อหน้า 2 เวลา 9.30 น.
ดอกโศก ตอนที่ 19 (ต่อ)
ค่ำนั้นปรียากมลนั่งคอยอัศนัยในห้องรับแขก อย่างสงบ เหมือนว่าได้ตัดสินใจบางอย่างมาเด็ดขาดแล้ว
หม่อน กับหมื่น อยู่อีกทางมองมา ยินเสียงแตรรถ หมื่นกระโจนไป
ปรียากมล ไม่แม้แต่ขยับตัว นั่งนิ่ง หม่อนมองจ้อง ใจไม่ดีไม่รู้จะมีเรื่องอะไรกันอีก
อัศนัยเดินเข้ามา มีหมื่นตามมา อัศนัยบอกเบาๆ “เอารถไปเก็บแล้ว ไปนอนทั้งสองคน” โยนกุญแจใส่มือหมื่น
อัศนัยเข้าไปนั่งใกล้ๆ “ปรียากมล มานานแล้วหรือ”
ปรียากมลนิ่ง แต่หันไปมอง ทางหม่อนและหมื่น
หม่อนกับหมื่นรู้ตัวทันที เห็นแต่หลังเดินไวๆ ออกไปเร็วรี่
“ดื่มอะไรไหมผมจะ...” อัศนัยขยับตัว
“อัศนัย” ปรียากมลเรียกไว้
อัศนัยนั่งลงอย่างเดิม
“ดอกโศกเป็นลูกสาวฉัน”
อัศนัย นั่งพิงพนักเก้าอี้ สีหน้านิ่งมาก
ปรียากมลพูดต่อ “ดีแล้วที่คุณไม่ทำท่าตกใจ ตื่นเต้นเพราะฉันรู้ว่าคุณรู้แล้ว”
อัศนัยหันมอง ประหลาดใจมาก
“ฉันเห็นแม่ฉันกับน้องสาวฉันมาหาคุณเมื่อเย็นนี้ เห็นตอนเขากลับออกไปเดาว่าเขาคงพากันมาบอกเรื่องดอกโศกเพราะเขาไม่เคยมา...ใช่มั้ย”
“คุณล่ะ ปรียากมล คุณรู้มานานหรือยัง”
“ไม่นาน ฉันรู้วันที่เจอกันที่ร้านอาหารที่คุณชอบไป ความจริงฉันไปวันนั้นเพราะ...” ปรียากมลหัวเราะแค่นๆออกมา “ฉันคิดถึงคุณคิดว่าคุณอาจจะไปคุณก็ไปจริงๆ แล้ว....ลูกสาวฉันเขามากับมิสซิสเบนส์ แม่อดีตสามีฉัน”
อัศนัยหัวเราะประชดด้วย “ช่างบังเอิญจริงๆ เหมือนใครเขียนบทไว้ให้เลย...หึ”
“ฉันแปลกใจทำไมดอกโศกอยู่กับแหม่มคนนี้นเพราะ ความจริงฉันไม่รู้จักเขาหรอกเพิ่งเห็นวันนั้นนั่นแหละ ได้ยินใครไม่รู้จักชื่อเขาว่ามิสซิสเบนส์...ฉันเดาว่าน่าจะใช่ ไปถามแม่...ก็จริง”
อัศนัยนิ่งไปด้วยว้าวุ่นในใจ
“ฉันดีใจที่ได้พบลูก...รู้สึกผิดที่ทิ้งเขาไป”
“ไม่จริงหรอก” เสียงอัศนัยเบาหวิว ไม่มองปรียากมล
“อะไรนะ”
เสียงอัศนัยดังขึ้นนิด “คุณไม่ได้ดีใจที่ได้พบลูก”
“อ่านใจฉันออกได้ขนาดนั้น ทำไมไม่อ่านให้รู้ว่าฉันรักคุณแค่ไหน”
“ปรียากมล พอเถอะอย่าพูดอะไรอย่างนี้ผมไม่ฟัง”
“ใครพูดคุณถึงฟัง” ปรียากมลถามน้ำเสียงประชดอยู่ในที
อัศนัยหันมามองตา หน้านิ่งๆ “คุณก็รู้ว่าใคร”
ปรียากมล จ้องอัศนัยนิ่งที่สุด ความรู้สึกอยู่ข้างใน สีหน้าไม่ขยับเลยมีแต่สายตาเจ็บปวดลึกอยู่ในใจ ไม่หายใจแรง ไม่เคลื่อนไหวอะไรบนใบหน้าเลย
อัศนัย มองจ้อง ใจนึกสังหรณ์ว่า พายุจะมาเมื่อไหร่
ในที่สุด ปรียากมลก็คลายสีหน้าเป็นปกติ แต่เรียบ สงบนิ่ง มือแตะหน้าอัศนัยนิ่งๆ อยู่สักครู่ ยิ้มนิดๆ แล้วลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้านิดหน่อยแล้วเดินออก
“ปรียากมล” อัศนัยเรียกไว้
ปรียากมาไม่หยุด เดินต่อไปเรื่อยๆ
อัศนัยเดินตามมาจนถึงตัว ไปขวางหน้าไว้ “ปรียากมล”
ปรียากมลมองหน้าอัศนัย “หือม์”
อัศนัยถามตรง “รักลูกมั้ย”
ปรียากมลนิ่ง
“ผมถามคุณจริงๆ นะ คงมีแม่ไม่กี่คนที่มาพบกันตอนลูกโตเป็นสาวแล้ว...ผมสงสัยว่าเขารักลูกรึเปล่า เมื่อพบกันแล้ว”
“ไม่หรอกอัศนัย รักได้ไง ไม่เคยอยู่ด้วยกันไม่เคยเลี้ยงก็ขนาดอยู่ด้วยกัน...เลี้ยงมา...ไม่รักก็ยังมีเลย” ปรียากมลสะเทือนใจขึ้นมา
“แต่ก็เป็นลูก”
ปรียากมลสวนกลับ “ลูกคืออะไร คือคนที่คลอดออกมาจากท้อง ฉันเจ็บปางตายรู้มั้ย เพราะฉะนั้นถ้าฉันคิดถึงลูกมันคือความเจ็บปวด นอกจากนั้นฉันไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับลูกเลย”
“ทำไมคุณถึงต้องเอาดอกโศกไปไว้กับแม่ ทำไมไม่เลี้ยงเอง”
“ฉันจนมาก พ่อเขาหายไปไหนไม่รู้ตั้งแต่ฉันท้องสองเดือน ฉันทำงานแต่เงินไม่พอจ้างคนเลี้ยง...ก็ต้องหาคนช่วยเลี้ยง”
อัศนัยถามต่ออีก “ทำไมคุณไม่กลับไปอยู่กับแม่”
ปรียากมลนิ่งสีหน้าอึดอัด
“ปรียากมล” อัศนัยคอยคำตอบ
“ฉันกลับไม่ได้แต่เหตุผลอะไรคุณอย่ารู้เลยนะ”
“คุณคิดว่าจะรักลูกได้มั้ย”
“ฉันไม่รู้ เดี๋ยวก็ลองดู” ปรียากมลพูดไม่มีเยื่อใย
หัวใจอัศนัยสิ้นหวังแล้ว ไม่มีทางทัดทานได้ และไม่มีเหตุผลด้วย “คุณจะบอกดอกโศกเองหรือ”
“ฉันไม่รู้ว่าป่านนี้แม่ฉันบอกเขาไปหรือยัง” หันมาทางอัศนัย มองจ้องตาจนทะลุถึงหัวใจ “คุณรู้มั้ย? คุณไปบ้านแม่ฉันมานี่”
อัศนัยเสียงแผ่วมาก “ยัง”
ปรียากมลนิ่งไปอีกอึดใจ แล้วเดินออก พูดโดยไม่ยอมหยุดเดิน “ฉันไม่รู้ว่าแม่ว่าอะไร” เดินลับตัวไป
อัศนัยหมดแรง เซไปนั่ง นิ่งอึ้ง
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
(*ต่อจากตอนที่แล้ว)
อัศนัยยืนมองใบหน้าดอกโศกในภาพที่ตัวเองวาด จากวัยเด็กภาพแรกที่วาดสายตาชายหนุ่มเลื่อนไป...เลื่อนไป...จนถึงภาพปัจจุบัน ภาพในวันที่ดอกโศกมานั่งให้วาด...ในวันที่ความรักเปิดตัวแก่กันและกัน
สีหน้าอัศนัยเจ็บปวดลึก รู้ตัวว่าพ่ายแน่เกมนี้
อัศนัยตวัดดินสอวาด...วาดอย่างตั้งใจวาด สีหน้าสงบนิ่งพยายามมีสมาธิ แต่ความเจ็บปวดยังแฝงในแววตา
ภาพดอกโศกเสร็จแล้ว เป็นกิริยาดอกโศก...ที่เอียงหน้านิดๆ สบตากับอัศนัย แต่นัยน์ตานั้นโศกซึ้ง หยาดน้ำตาเห็นเป็นเม็ดหยดบนแก้ม
อัศนัยนั่งนิ่งงัน ตรงนี้ขอตัดเฉพาะเสียงไม่เอาภาพ ดอกโศกสาว
เสียงคำพูดหวานซึ้งของดอกโศกที่บอกรักอัศนัยดังขึ้นมาราวกับสายน้ำ
หม่อนเข้ามาเงียบๆ อัศนัยหันไปมอง เห็นหมื่นมาด้วย
“ตีสาม...นอนเถอะคุณนัย”
อัศนัยลุกนั่งตรงๆ “ทำไมยังไม่นอนป้าหม่อน” มองไป “หมื่นอยู่ทำไมป่านนี้”
หมื่นนั่งแอบๆ อยู่ “แม่ปลุกมาครับ” อ้าปากหาวโชว์
“หาวเป็นบ้าอย่างนั้นก็ไปนอนซะ หรือไม่ก็หาวปิดปากหน่อย” อัศนัยพยายามทำตัวให้เป็นปกติเล่นหัวกับหมื่น แล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะจะลุก “มารยาทแย่มากเลยแก ปลุกมันขึ้นมาทำไมป้าหม่อน”
“มาดูคุณนัย เป็นอะไรตั้งแต่กลับมาแล้ว” หม่อนเอ่ยขึ้น
“เปล่า...ไม่เป็นอะไร”
“อย่าหลอกคนแก่ คุณปรียาเธอว่าอะไร มีอะไรมาทะลวงคุณนัยอีก”
อัศนัยอึ้ง “อะไรนะ”
หม่อนย้ำ “ทะลวง”
“แปลว่าอะไร”
“งั้นแหละ ป้าเรียกเองเธอมาทีไรคุณนัยถอยกรูดทุกที”
หมื่นเสริมขึ้น “แม่เลยตั้งว่าเป็นจอมทะลวง”
หม่อนว่าต่อ “แต่คราวนี้เงียบนี่ ไม่เห็นเสียงหวีดหวิวเหมือนตะก่อน”
หมื่นยื่นหน้าถาม “เหงา?...เลยปลุกฉัน”
“เงียบ!” หม่อนเอ็ด หมื่นจ๋อย “คุณนัย ป้ารู้ว่าเรื่องมันไม่ดี...ใช่มั้ย ทำให้คุณนัยไม่สบายใจ ก็คิดดูตอนเย็นยังร่าเริงอยู่กะคุณหนู ป้างี้แสนจะดีใจ คุณปรียาเธอก็หายไปเป็นนานแล้วอะไรๆ ก็คงราบรื่น คุณนัยจะได้มีความสุขเสียทีอยู่คยเดียวโดดเดี่ยวมานาน...แล้วไงเนี่ย มีอะไรมานั่งดูรูปแล้วถอนใจใหญ่”
ขณะฟังหม่อนพูด อัศนัยไตร่ตรองอยู่ ก็พูดต่อทันที “ดอกโศกเป็นลูกสาวปรียากมล”
หม่อนอ้าปากค้าง ยิ่งกว่าเห็นผี หมื่นหน้าเฉย
“ได้ยินเต็มๆ ไม่ต้องพูดอีกทีเลยคุณนัย...” หม่อนครางเบาๆ แล้วเสียงดังขึ้น “คุณนัย...อย่าหลอกกันหยั่งงี้ไม่ดีนะคุณนัย”
“จริง...เขามาวันนี้...เขาเพิ่งรู้”
อัศนัยเดินขึ้นบันได เล่าเรื่องกันหมดแล้ว
หม่อนเดินตาม วิตกหนัก “คุณนัย อย่างนี้ถ้าคุณหนูรู้ คุณหนูก็....”
“คงงั้นแหละป้าหม่อน คิดเหรอว่าดอกโศกจะยอมแต่งงานกับผม...ก่อนที่เขาจะยอมรับว่ารักผม ผมก็ต้องยืนยันว่าผมไม่เคยมีอะไรเกินเลยกับปรียากมล”
“โธ่เอ๋ย...สงสารคุณหนูเสียจริง”
หมื่นถามหน้าเป็น “อ้าว แล้วคุณนัยล่ะ”
อัศนัยผสม “นั่นสิป้าหม่อน...อะไรกัน ไม่สงสารผมเลยหรือเนี่ย”
“คุณนัย...คุณนัยเป็นผู้ชายไม่เท่าไหร่ก็อาจมีผู้หญิงคนอื่นถึงไม่ใช่คุณปรียาก็เหอะ” หม่อนว่า
“ดอกโศกเขาก็เหมือนกัน”
“คุณหนูจะไม่มีวันมีรักใหม่ เธอจะรักคุณนัยคนเดียวไปจนตายเชื่อป้า”
อัศนัยฟังแล้วยิ่งสะท้อนใจ
“คนอย่างคุณหนูดอกโศก เธอใจคอมั่นคง เธอโตขึ้นมาเนี่ยเธอมีใคร จะสุขจะทุกข์จะหัวเราะหรือร้องไห้เธอมีคุณนัยคนเดียว”
ร่างอัศนัย ทรุดตัวนั่งบันไดทันที
“คิดดูเด็กโตขึ้นมาตีนถีบปากกัด ต่อสู้ทุกอย่าง ต้องช่วยตัวเองช่วยยายช่วยตา แต่ละวันๆ รู้จักแต่คำว่าเหนื่อยยาก....อดทน......จะกินจะเล่นแบบเด็กคนอื่นก็ไม่เคย”
คำพูดหวังดี รักและเข้าใจดอกโศกของหม่อน กระแทกเข้าหน้าทะลุทะลวงถึงหัวใจอัศนัย เสียงเด็กหญิงดอกโศกดังก้องในหัว ประโยคแล้วประโยคเล่า
“คนจนต้องทำมาหากิน ขายได้ที่ไหนก็ขาย”
“คุณนี่สุรุ่ยสุร่ายจริง”
“ชื้อหนังสือพิมพ์ไม่ต้องรู้จักชื่อหรอกค่ะ”
เสียงหม่อนดึงอัศนัยออกจากภวังค์ “เวลาที่มีความสุขที่สุดก็คือวันที่มาบ้านนี้ เพราะมีคุณนัย”
อัศนัยยังนิ่ง
“ใจของเด็กๆ นะคุณนัยมันว่างเปล่าไง รับอะไรได้ง่ายๆ ถ้าเด็กที่สมบูรณ์พูนสุขเกิดมาพรั่งพร้อมก็ไม่เท่าไหร่หรอกแต่เด็กอย่างคุณหนู เธอแล้งความรักไง พอมีใครรักจริงๆเข้าเธอก็รักตอบ แล้วมันจะฝังใจไปนานลืมไม่ได้ง่ายๆ หรอก”
อัศนัยยิ่งฟังยิ่งเจ็บ
“ป้าถึงว่าป้าไม่ห่วงคุณนัย คุณนัยไม่ใช่อย่างคุณหนู คุณหนูเธออ่อนทั้งโลกอ่อนทั้งวัย หัวใจแตกแน่”
อัศนัย ลุกพรวด หันหลังกลับ เดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
ไปก่อนที่หม่อนจะเห็น น้ำตาที่คลอเต็มตา
อัศนัยเดินไปจนสุดบันได
หม่อน กับหมื่น มองตากัน กลุ้มใจเหลือเกิน
19.3-1
เช้าวันรุ่งขึ้น อัศนัยเดินแกมวิ่งลงมาจากข้างบน
หม่อนวางอาหารบนโต๊ะเสร็จแล้ว “คุณนัย...ข้าวต้ม”
“ไม่ดีกว่าป้าหม่อน รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอยาแก้ปวดหัวซักเม็ด”
“ค่ะ...ค่ะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
อัศนัยดูหน้าจอ กดรับด้วยสีหน้ากังวล และหวาดหวั่น “ดอกโศก....มีอะไรรึเปล่า”
ดอกโศกหน้าเป็นมัน ผมยุ่งมีผ้ากันเบื้อนคาดอยู่
“คุณนัยจะมาใส่บาตรกับดอกโศกมั้ยคะ” ดอกโศกโทร.มาจากบ้านกำลังง่วนช่วยยายทำขนม
“ไปสิ...ตั้งใจจะไปอยู่แล้ว”
“ดอกโศกจะคอยนะคะ”
“ครับ....อย่างเร็วเลย...คอยนะ นอนหลับสบายรึเปล่า”
“ไม่สบายหรอกค่ะ”
“ทำไม...เกิดอะไรขึ้น”
“ฝันค่ะ”
“ฝันว่าไง ฝันไม่ดีเหรอ”
“ฝันถึงคุณนัยค่ะ คุณนัยมาแล้วดอกโศกจะเล่าให้ฟังนะคะ”
ดอกโศกกดปิดวางสายพอหันมา เห็นคุณนายประดับยืนอยู่
“คุณนาย” ดอกโศกไหว้อ่อนช้อน “คุณนายไปไหนมาคะ” สีหน้ายิ้มแย้ม
“ดอกโศก...หายไปไหนตั้งนานไม่ไปที่บ้านมั่งเลย”
“คุณนายขาหนูขอโทษค่ะ หนู...”
“เอาเถอะ...ไม่ต้องบอกก็ได้ วันนี้คิดถึงก็เลยมา...ยาย ตา อยู่มั้ย”
“อยู่ค่ะ หนูเพิ่งช่วยยายทำขนมเสร็จพอดี เดี๋ยวหนูไปจัดขนมให้คุณนาย”
“ไม่...ไม่ต้อง ฉันจะไปที่อื่นอีกถือไปหนักน่ะ ดอกโศก”
“หนูขอโทษคุณนายจริงๆ นะคะ”
“จะมาถามทุกข์สุข...คิดถึง เห็นว่าไปทำงานแล้วใช่มั้ย”
“หนูเพิ่งออกค่ะ...จากงาน”
คุณนายประดับอึ้ง ฉงน “อ้าว...ทำไม”
ดอกโศกมีสีหน้าสลดนิดหน่อย “หนูอยู่แล้ว...ไม่ค่อยสบายใจค่ะคุณนาย ออกมาก่อนจะได้ไม่มีปัญหา”
“ไม่ใช่ทิ้งปัญหาให้คนข้างหลังนะ”
“ไม่ใช่แน่นอนค่ะ คุณนาย”
สมใจโผล่ออกมา “โศก...ยายหาหัวกะทิไม่เจอ อ้อ คุณนาย” สมใจยกมือไหว้ “ไปไหนมาค้า...”
“มานี่ล่ะ ไม่เจอดอกโศกหลายวัน”
“คุณนาย...มีเรื่องจะปรึกษา เชิญคุณนายข้างในก่อนค่ะ ดอกโศกจะใส่บาตรล้างหน้าล้างตาก่อนนะ”
อัศนัยก้าวเท้ายาวเดินเร็วๆ ถือของใส่บาตรใส่ถุงมา โดยไม่รู้ว่ามีคนตามหลังมา
เป็นปรียากมล ที่ก้าวช้าๆ มั่นคง นัยน์ตาจ้องจับที่อัศนัยที่เดินอยู่ข้างหน้า
ดอกโศกแต่งตัวใหม่ หน้าผมเรียบร้อย ถือถุงขนมจัดเรียบร้อย เดินออกมาเห็นคุณนายประดับนั่งคุยกับยาย เห็นได้ชัดว่าสมใจเล่าเรื่องให้ฟังไปหมดแล้ว สีหน้าไม่ดีกันทั้งคู่
“ดอกโศก...อะไรล่ะลูก” คุณนายประดับถาม
“ขนมของคุณนายค่ะ หนูจะเอาไปที่บ้านคุณนายๆ ไม่ต้องถือไป”
“โธ่...ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้อง นี่ปองไปไหน”
สมปองหอบชุดเสื้อกำลังเอาใส่ถุง “อยู่นี่ฮะ คุณนาย”
“หอบอะไรพะรุงพะรัง ปอง”
“เครื่องมือหากินฮะ” ชูให้ดู “ชุดเสือโบกธงหน้าปั๊ม”
“ดีกว่าขับตุ๊ก ตุ๊ก มั้ย” คุณนายถามเสียงอ่อนโยน
“ก็แค่ค่าแรงขั้นต่ำฮะ แต่ไม่เสี่ยง ไม่ทะเลาะกับผู้โดยสาร ไม่ฟัดกะไอ้เฮีย ก็โอแล้วฮะคุณนาย” สมปองไหว้ลา แล้วไป “โศก...ฝากเงินใส่ซองถวายหลวงพี่ด้วย”
ดอกโศกหยิบถาดของใส่บาตร เอาโทรศัพท์ตัวเองวางบนถาด สองคนออกไป อัศนัยยืนคอยที่หน้าประตูแล้ว ดอกโศกไหว้ทักทาย สมปองก็ไหว้แล้วไป อัศนัยไหว้ยายกับคุณนายทักทาย เห็นหลังสมปองอยู่ด้วยไกลๆ
“คุณนาย...ฉันอยากตายจริงๆ นะ ไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้เลย”
คุณนายมองในแง่งาม “เขาอาจจะเห็นกับความสุขของลูกก็ได้”
“คุณน้าย...คุณนายรู้จักสุดจิตต์ดีนี่...ดอกโศกคุณนายก็รู้จักดี...”
“ไม่เห็นเขานานแล้ว อาจจะเปลี่ยนนิสัยบ้างกระมัง” คุณนายประดับบอก
ปรียากมลยืนแอบดูมุมแห่งหนึ่ง สีหน้า เครียดคิด
เห็นแม่คนหนึ่งจูงลูกสาวที่ไม่ค่อยยอมเดิน จูงไปพูดไป “เดินเร็วๆไปโรงเรียน”
ส่วนอีกทาง ป้าจาดคุยอยู่กับเพื่อนบ้าน แต่ไม่ดังมาก แค่พอได้ยิน
“บุญของมัน ไอ้โศก”
“นั่นซิ” เพื่อนบ้านเออออ
ป้าจาดว่าต่อ “ยายสมใจว่า คุณนัย เขาชื่อคุณนัย รักมันเหลือเกิ๊น เป็นคนดีด้วย รวยด้วยนะ ยายเมี่ยง”
ยายเมี่ยงตาโต “เหรอ พี่จาด...โห ยายใจสบาย ตาหวังเล่นม้าเพลินล่ะ”
“มันดีเหมือนใครนะไอ้โศก ฉันว่ามันเทวดามาเกิดนะ ผิดกับแม่มันนั่นน่ะ นางมารชัดๆ เบ่งลูกออกมาแท้ๆทิ้งให้แม่เลี้ยงแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย” ป้าจาดว่า
สีหน้าปรียากมลเครียดขึ้นเรื่อยๆ
อัศนัย ดอกโศก ใส่บาตรเสร็จเดินกลับมา มองเห็นมาแต่ไกล
“นั่นไง คุณนัยมาโน้น...อุแหม สวยสมกันนะ กิ่งทองใบหยก” ป้าจาดตบอกผาง
ปรียากมลจดจ้อง...มองจ้อง...
เห็นสองคนเดินเคียงกันมา ดอกโศกเงยหน้าพูด ยิ้มน้อยๆ กับอัศนัย
อัศนัยพยักหน้ายิ้ม พูด แต่มีริ้วรอยความไม่สบายใจ
“ดอกโศกไปอยู่กับป้าหม่อน พี่หมื่นก่อนนะ คุณนัยไปทำงานแล้วจะรีบกลับ” อัศนัยเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงหน้าบ้าน
“ดอกโศกอยากอยู่ทำความสะอาดบ้าน จะไปช่วยยายขายขนมด้วยค่ะ”
“ไปบ้านคุณนัยเถอะวันนี้”
“วันนี้ขอวันนะคะ พรุ่งนี้จะไปค่ะ”
“คุณนัยอยากให้ไปวันนี้ อยากให้ไปทุกวัน ที่จริงอยากให้ไปอยู่เลยเป็นห่วงมาก”
“ห่วงเรื่องอะไรคะ” ดอกโศกอึ้ง หน้าเหวอหน่อยๆ
“ก็...ห่วงทุกอย่าง อยากให้ดอกโศกไปอยู่เลยที่บ้าน แต่งงานเลยดีกว่า”
ดอกโศกหัวเราะกิ๊ก “โห...ใจร้อนจังไม่เหมือน...” ทอดคำค้างไว้
อัศนัยซักทันที “ไม่เหมือนอะไร”
“ไม่เหมือน...คนที่....แก่แล้ว”
อัศนัยนิ่งไปนิด “ใช่คุณนัยแก่กว่าดอกโศกเยอะ ถึงกลัว...กลัวว่าวันเวลาที่อยู่กับดอกโศกจะไม่นาน ถ้าวันนี้เดี๋ยวนี้ทำได้ คุณนัยจะขอยายให้ดอกโศกแต่งงานกับคุณนัยไปอยู่ด้วยกัน”
ดอกโศกยิ้มอ่อนโยน “อีกไม่นานดอกโศกจะแต่งงานกับคุณนัยแล้วจะอยู่ให้คุณนัยดูแลดอกโศกไปตลอดชีวิต”
อัศนัยมองอย่างซาบซึ้งใจมาก
สองคนไม่รู้ว่าปรียากมลยืนแอบอยู่ไม่ไกลนัก
ปรียากมลได้ยินทุกวาจา เจ็บจี๊ดถึงหัวใจ สองคนใกล้ชิดกัน เห็นใบหน้าอัศนัยที่หันหน้ามาทางตัวเองยืนอยู่
ปรียากมลเพ่งมองเห็นชัดว่าสีหน้าอัศนัยอ่อนโยนเหลือเกิน รักใคร่ดอกโศกเหลือแสน
ดอกโศกพูดเสียงแผ่ว “ผู้หญิงแก่เร็วกว่าผู้ชาย ดอกโศกโตทันคุณนัยแน่ค่ะ”
“ดอกโศก” น้ำเสียงอัศนัยแผ่วลงเหมือนกัน “ดอกโศกเป็นที่สุดของคุณนัยนะ คุณนัยไม่มีดอกโศกคุณนัยไม่รู้จะอยู่ได้ยังไง...เหมือนชีวิตขาดหาย เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรทำให้ดอกโศกต้องเปลี่ยนแปลงกับคุณนัย ดอกโศกสัญญานะ ว่าจะคิดจะไตร่ตรอง จะไม่วู่วาม จะไม่ตัดสินใจเร็ว...เอ่อ”พูดไปพูดมาก็ตื้นตันขึ้นมาในอก
ดอกโศกฉงนในใจ “คุณนัยหมายความยังไง พูดแบบนี้”
“พูดไปตามความรู้สึก คุณนัย...” อัศนัยปรับเสียงเหมือนเล่นๆ ให้ขำ “รักเด็กนี่..ก็กลัวล่ะซิ”
ดอกโศกหัวเราะกิ๊กพูดเบา “รู้ตัวด้วย”
อัศนัยถามย้ำ “ไม่ไปจริงๆ เหรอ ครับ”
“เย็นนี้มาทานขนมนะคะ...มามั้ยคะ”
“ตกลง” เดินไปแล้วเดินกลับมาอีก “ดอกโศก”
ดอกโศกรู้ทันหันมายิ้มขำ “คิดถึง” พูดดักคอ
“ใช่...รู้ทุกอย่าง” อัศนัยหันตัวกลับเดินไป นัยน์ตาเขม้นมองสำรวจ ว่าปรียากมลมาหรือเปล่า
ดอกโศกมองตาม แล้วจึงหันกลับเดินเข้าบ้าน
ปรียากมลขยับตัวออกจากที่ซ่อน
ดอกโศกเข้ามา คุณนายประดับกำลังพูดเสียงค่อยๆ กับสมใจ แล้วหยุดหันมายิ้มให้ดอกโศก
ดอกโศก ก้มๆ ตัว เดินเข้าหลังบ้าน
คุณนายประดับหัวชนกับสมใจอีกรอบ
สองคนเห็นดอกโศกออกมาเร็วรี่ คุณนายประดับละตัวออกจากสมใจ
“ไปไหนลูก”
“หนูฝากโทรศัพท์ไว้กับคุณนัยแล้วลืมจ้ะยาย เดี๋ยวหนูมา”
ดอกโศกเดินออกไปเร็วรี่
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30 น.
*ปรียากมลทิ้งไพ่ใบสุดท้ายแล้วจร้า...
ดอกโศก ตอนที่ 19 (ต่อ)
ดอกโศกออกจากบ้านแล้วเดินแกมวิ่งไปตามทาง เพื่อให้ทันอัศนัย
ขณะที่ปรียากมลก้าวเดินตามไปเร็วรี่
สองคนเดินไปจนถึงถนน ดอกโศกเหลียวซ้ายเหลียวขวาหารถอัศนัยไม่มีแล้ว หันหลังกลับจะเดินเข้าบ้าน แต่แล้วต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นปรียากมลยืนอยู่
“คุณปรียากมล” ดอกโศกไหว้
ปรียากมลเผยอปาก เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่พูด
“เอ้อ...คุณมาหาใครคะ”
“เธอ” ปรียากมลบอกห้วน สั้น
ดอกโศกหวาดหวั่น “หาหนู”
“ใช่...หาที่คุยกันหน่อย”
“คุยเรื่องอะไรคะ”
“เรื่องสำคัญ”
“เรื่องอะไร”
ปรียากมลเริ่มมีอารมณ์นิดๆ “บอกแล้วไงว่าเรื่องสำคัญ ทั้งของเธอกับของฉัน”
“แต่...หนูไม่มี...ไม่มีเรื่องจะคุย...”
“มาเหอะ อย่าปฏิเสธเลย คุยจบแล้วเธอถึงจะรู้ว่าเรื่องมันสำคัญจริงๆ”
ดอกโศกจ้องตา ปรียากมลจ้องตาตอบ นัยน์ตามีแววบังคับในที แต่ไม่ดุไม่จิก ไม่วาววาม ไม่เข้ม
ปรียากมลจับข้อมือดอกโศก จูงไป
มือของสองแม่ลูกจับเกี่ยวกัน ปรียากมล ขมวดคิ้ว แล้วคลายเหมือนกระตุกนิดๆ จูงมือดอกโศกไปตามทาง เดินช้า...ไม่ฉุดกระชากแต่อย่างใด
บริเวณริมน้ำใกล้ๆ ชุมชนแห่งนั้น สองคนยืนคุมเชิงห่างกัน หันหน้าไปคนละทาง
ปรียากมลมองไปเบื้อฟน้า คิดไตร่ตรองอย่างหนักมาก
“คุณคะ” เห็นอีกฝ่ายนิ่ง ดอกโศกเริ่มอึดอัด
“เดี๋ยว...อย่าเพิ่งพูดอะไร” ปรียากมลบอก
“แต่หนูต้องกลับบ้านค่ะ ยายคอยอยู่”
“คอยทำอะไร”
“หนูต้องไปทำงานบ้านค่ะ”
“เรื่องที่ฉันจะพูด สำคัญกว่างานบ้านของเธอมาก”
“ขอโทษนะคะ เรื่องของหนูอาจจะไม่สำคัญต่อคุณ แต่หนูคิดว่าขณะนี้งานของหนูสำคัญที่สุด สำหรับหนู”
ปรียากมลมองหน้าลูกสาว สายตาคิด นึกไตร่ตรอง แต่นิ่งสงบ
“ถ้าคุณไม่มีอะไร” ดอกโศกพนมมือไหว้ “หนูลาค่ะ”
ปรียากมลนิ่ง มองดูดอกโศกที่เดินออกไปเรื่อยๆ ไปจนไกลพอควร
ปรียากมลเรียกไว้ “ดอกโศก”
ดอกโศกหันมา
“ฉันจะพูดแล้ว...มาเถอะมานี่”
ดอกโศกเดินกลับมา
“นั่งลง เราอาจจะต้องพูดกันยาว”
“ขอบคุณคะ..”ดอกโศกนั่งลง
“นั่งเข้าไปให้ลึกๆ อย่านั่งหมิ่นๆ แบบนั้น”
ดอกโศกยิ้ม “คุณเตือนอย่างนี้ทุกที”
“งั้นเหรอ เพราะคนไม่รู้ว่านั่งไม่ดีทำให้ปวดหลังเป็นอันตรายระยะยาว”
“ค่ะ” ดอกโศกเขยิบเข้าไปเต็มตัว
ปรียากมลมองจ้อง ก่อนจะเอ่ยออกมา
“ดอกโศก ฉันรู้ว่าอัศนัยรักเธอมาก มันน่าภูมิใจที่เธอทำให้เขารักเธอมากขนาดนี้ แต่ฉันอยากรู้ว่าระหว่างความภูมิใจกับความเสียสละเธอจะเลือกอะไร”
“หนู...ไม่เข้าใจค่ะ”
“ก็อย่างที่ฉันพูด เอาล่ะ ถามอีกทีก็ได้ ระหว่างความภูมิใจกับความเสียสละเธอจะเลือกอะไร”
สีหน้าดอกโศกยังงงงวยมาก
ปรียามกลตัดสินพูดออกไปในวินาทีนั้น น้ำเสียงเรียบ
“จะเลือกอะไร ถ้ารู้ฉันคือแม่ของเธอ”
ดอกโศกช็อคนัยน์ตาเบิกกว้าง
“ฉันคือแม่ของเธอ” ปรียามกลบอกย้ำด้วยสีหน้าเข้มขึ้น)
“แม่...คุณน่ะเหรอ ไม่จริง...ไม่จริง...” ดอกโศกพูดออกมา เหมือนเสียงครางครวญจากส่วนลึกของหัวใจ สั่นสะท้านไปทั้งตัวจนต้องเซไปนั่ง น้ำตาค่อยๆ เอ่อ แล้วพร่างพรูออกมา
คำพูดนั้นกระแทกเข้าหน้าปรียากมลช้าๆ สีหน้าจากเข้มจัดเป็นอ่อนลง
ยินเสียงร้องไห้ของดอกโศก พร้อมๆ กับเสียงร้องของทารกน้อยดังก้องสอดประสานกัน
ปรียากมลสั่นสะเทือนในหัวใจ แต่แล้วคิดถึงอัศนัยขึ้นมา คิดถึงภาพสวีทหวานหยอกล้อ คลอเคลียระหว่างอัศนัยกับตัวเอง
หวนคิดไปถึงวันที่ตัวเองตระหนักชัดถึงความสัมพันธ์พิเศษของอัศนัยกับดอกโศกแล้ว ทุกภาพล้วนแต่เป็นภาพความรักลึกซึ้งของอัศนัยที่มีต่อดอกโศก
ภาพสุดท้ายเป็นภาพอัศนัยกอดดอกโศกในห้องวาดภาพ
และคำพูดอัศนัยที่บอกชัดว่าเขาเลือกดอกโศก ชีวิตนี้จะมีดอกโศกคนเดียว ซึ่งพูดต่อหน้าปรียากมลที่คอนโด
แล้วภาพหวานระหว่างอัศนัยกับตัวเองก็ผุดขึ้นมา สมัยเมื่อสองคนรักกันตอนวัยรุ่น ขี่จักรยาน วิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข
ภาพเหล่านั้นสลับไปสลับมา ฉับไว ราวกับเสียงดนตรีรุนแรงกระแทกกระทั้น
สะท้อนความสับสนในใจปรียากมลอย่างหนักในเวลานี้
ส่วนดอกโศกยังคงนิ่งสนิทเหมือนถูกสาปไปแล้ว
ปรียากมลหันกลับมามองจ้องดอกโศกนิ่งๆ
เวลานั้นสมปองโผล่เข้ามาในบ้านตัวเอง ถามแม่ “คุณนายล่ะแม่”
“ไปแล้ว” สมใจกำลังม้วนเก็บเสื่อที่ปูให้คุณนายประดับนั่ง
“ไอ้โศกล่ะ”
“ไม่รู้...ทำไม” สมใจสงสัย
“มันลืมโทรศัพท์ไว้ที่คุณนัย คุณนัยให้ชั้นพามันไปเอาที่บริษัทเค้า” สมปองบอก
ปรียากมลถามขึ้นมา “ดอกโศก...ยังฟังฉันอยู่รึเปล่า”
ดอกโศกส่ายหน้า
“ไม่...ไม่ค่ะ...ไม่ฟัง คุณพูดไม่จริงหนูไม่เชื่อ” ยังคงสั่นไปหมดทั้งตัว “คุณพูดปดทำไม นี้มันเรื่องอะไรคะ คุณอยากได้คุณนัยใช่มั้ย คุณเอาไปเลยหนูไม่...ไม่มีคุณนัยก็ได้ แต่อย่าหลอกหนูแบบนี้”
“ดอกโศก...ฉันไม่ได้หลอกเธอ” น้ำเสียงปรียากมลเรียบเหมือนเดิมไม่มีขึ้นลง
“คุณหลอก...” ดอกโศกพูดเสียงดังใบหน้านองน้ำตา “หนูไม่ฟังคุณ...หนูไม่ฟัง” ลุกแล้วจะวิ่งหนี
ปรียากมลจับแขนดอกโศก บีบแน่น “ฉันเป็นแม่ของเธอ”
“ไม่ใช่...ไม่ใช่หนูไม่ฟัง” ดอกโศกดึงตัวเองเต็มที่จะหนีให้ไกล แต่กลายเป็นยั่วโมโห
ปรียากมลพูดเสียงเริ่มเข้มขึ้น ไม่ตวาดแต่เสียงหนักแน่น “หยุด...ฉันบอกให้หยุด”
“ไม่” น้ำตาดอกโศกไหลหลั่งพร่างพราย “ปล่อยหนู...ปล่อย”
ปรียากมลจับแขนดึงดอกโศกเข้ามาใกล้ตัว
“ดอกโศก เธอปฎิเสธไม่ได้ ฉันอุ้มท้องเธอมา ไอ้จอร์จพ่อของเธอมันโกหกฉัน มันบอกว่าจะกลับมาแต่งงานกับฉัน ขอกลับไปหาแม่ไปบอกแม่”
“ไม่จริง” ดอกโศก
“แต่มันไม่มา หายหัวไปเลย ฉันรู้ว่ามันอาจจะกลับไปแต่งงานใหม่กับผู้หญิงฝรั่งที่แม่มันหาไว้ให้ มันทำให้ฉันอาย ฉันควรจะทำแท้ง ฉันไม่ควรเก็บเธอไว้ แต่ฉันก็อุตส่าห์อุ้มท้องเธอถึง 9 เดือน”
ดอกโศกยืนโงนเงนโรยแรงเต็มที
“ไม่รู้เลยว่าอุ้มท้องมาให้เธอมาทำร้ายฉัน ฉันรักเขา เราได้เสียกันแล้ว ถ้าเธอไม่เลิกกับอัศนัยก็เท่ากับเธอแย่งสามีของแม่ รู้อย่างนี้ใจคอจะทำได้ลงคอมั้ยดอกโศก”
ปรียากมลพูดด้วยเสียงเรื่อยๆ เหมือนเล่าเรื่องราวธรรมดา ไม่เกรี้ยวกราดใดๆ
ดอกโศกส่ายหน้าไม่อยากฟังอีกต่อไป สะบัดปรียากมลจนเซไป ซมซานลากตัวเองออกไปจากตรงนั้น วิ่งเหมือนจะล้มไปตลอดทาง ปรียากมลเองก็ยืนไม่ไหวนั่งลงตรงนั้นกัดฟันแน่น
ตัดสินใจวางไพ่ใบสุดท้ายไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย
แต่สีหน้านั้น หวาดหวั่นลึกๆ
อัศนัยเดินมาตามทางเข้าบ้าน กำลังโทร.คุยกับบุรี
“พี่บุรีครับ ช่วยส่งโปรเจ็คท์ที่เราจะไปประมูลของใช้ในห้องน้ำโรงแรมเครือเชอราตันให้ผมที่บ้านด้วยครับ ผมจะตรวจคืนนี้ ส่งทั้งไฟล์ทั้งพริ้นท์มาให้ด้วยนะครับ...วันนี้ผมไม่เข้าขอบคุณครับพี่บุรี”อัศนัย กดปิด เดินมาถึงหน้าบ้านพอดี
สมปองเดินออกมาเห็นร้องทัก “คุณนัย”
อัศนัยถามทันที “ไม่เห็นดอกโศกโทร.หาฉันเลยปอง”
สมปองก็สงสัย “ไม่รู้มันไปไหน กำลังตามหาเนี่ย”
“จะไปทางไหนล่ะปอง ไปตามที่โบสถ์หรือเปล่า แล้วยายล่ะ”
สมใจโผล่หน้าออกมา “เฮ้ยปอง...มาช่วยเข็นรถไปหน่อย วันนี้ทำไมมันหนักอย่างนี้ เข็นออกประตูยังไม่ไหวเลย”
“เฮ้อ” สมปองถอนใจแล้วลุกขึ้นบ่นอุบ “ยุ่งจริง”
ระหว่างนั้นดอกโศกวิ่งมาน้ำตาเต็มหน้า วิ่งเลยผ่านอัศนัย ผ่านสมปองไปทางปากซอย อยากหนีปรียากมลไปลิบโลก
“ดอกโศก” อัศนัยตกใจ วิ่งตามไป
“อ้าว เฮ้ย อะไรนั่น แม่นั่นไอ้โศกนี่” สมปองตกใจ วิ่งตามไปอีกคน
“อะไรกันล่ะ ปอง...เฮ้ย ไอ้ปองรอข้าด้วย”
“เข็นรถไปเองนะ”
“เฮ้ย ข้าไปด้วย ไม่ขายแล้วเว้ย ขนมเขนิม...ไปไหนกันละนั่น”
“คงไปบ้านคุณนัยมั้ง แม่วิ่งเลย..วิ่ง หกล้มไม่ต้องลุก”
ทุกคนไปกันหมดแล้ว ปรียากมลเดินมาถึงได้ยินพอดี
อัศนัยจูงมือดอกโศกเข้ามาในห้องโถงของบ้าน ดอกโศกยังนิ่งเงียบสีหน้ายังอ้างว้าง น้ำตาฉ่ำตา
อัศนัยพามานั่ง ตบหมอนอิง จับตัวพิง เหลือบเห็นหม่อน กับหมื่นยืนรีรออยู่ยังไม่เข้าทันที
หม่อนเดินมานิด “เป็นอะไรคุณนัย”
“ป้าหม่อน ขออะไรเย็นๆ ให้ฉัน ขอโกโก้ร้อนให้ดอกโศก อีกสองคนข้างนอกด้วย”
“ค่ะ คุณนัย” หม่อนมองด้วยสายตาเป็นห่วงดอกโศกมาก
อัศนัยทำหน้าให้รู้ว่าไม่เป็นไร
สมใจกับสมปองเข้ามาเร็วๆ อัศนัยหันไปมอง
“รู้สึกจะตามมา” สมใจหมายถึงปรียากมล
“ฉันก็เห็นเขาแวบๆ ตอนขึ้นรถคุณนัย”
“ดอกโศก...ดอกโศกนี้คุณนัยนะครับ ยายกับน้าปองก็อยู่”
ดอกโศกหันมาทางยาย “ยาย...ไม่จริงใช่มั้ยยาย ยายบอกหนูหน่อยว่าไม่จริง เขาไม่ได้เป็นแม่หนู หนูไม่มีแม่ ไม่มีพ่อ หนูมียาย มีน้าปอง มีน้าหมาย มีตา” สะอื้นแรงๆ “หนูไม่อยากมีใครอีก”
ปรียากมลยืนฟังอยู่นอกประตูไม่เสียใจสักนิด มีแค่อารมณ์เจ็บนิดๆ แถมโกรธด้วยซ้ำ
“น้าปอง เขาบอกว่าเขาเป็นแม่หนู หนูไม่เชื่อ ถ้าเป็นแม่ทำไมเขาไม่บอกหนูตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาบอก แล้วทำไมเขาทำกับหนูแบบนั้น เขาเคยตบหน้าหนูด้วย เขาว่าหนูตั้งหลายอย่าง”
“ดอกโศก” อัศนัยเข้าไปประคอง
ดอกโศกกรี๊ดทันที ผลักอัศนัยอย่างแรง นัยน์ตาเจ็บปวดสุดแสน มองอัศนัยแล้วทั้งผลักทั้งตี พร้อมทั้งระเบิดเสียงร้องไห้อย่างรุนแรง เหมือนใจสลายแล้ว
สีหน้าที่มองมายังอัศนัย ทั้งเจ็บปวด ผิดหวัง เสียใจทุกอย่างระคนปนเปอยู่ในนั้น
อัศนัยมองสายตานั้นแล้วรู้ดีว่าความรัก ความหวังของดอกโศกได้พังทลายลงจนสิ้นแล้วอย่างไม่เหลือหลอ
อัศนัยรามือจากดอกโศกลุกขึ้นยืน ในขณะที่ดอกโศกฟุบลงไปกองกับพื้นมีแต่เสียงสะอื้นดังสะท้านสะเทือนไปทั้งห้อง
หม่อนถือถาดใส่เครื่องดื่ม หมื่นยืนอยู่ด้วย สักครู่หม่อนพยักหน้ากับหมื่นถอยออกไป
สมใจหน้าไม่เป็นหน้าแล้ว สงสารหลานสาวผู้อาภัพเหลือเกิน น้ำตาเต็มหน้า
สมปองก็เช่นกัน กุมขมับ น้ำตาคลอๆ แม้จะเป็นคนใจแข็งปานใด
อัศนัยมองหน้าสมใจบอกด้วยสายตาให้ช่วยปลอบ ส่วนตัวเองค่อยๆ ถอยออกมายืนเจ็บปวดอยู่ห่างๆ
สมใจเข้าไปหา ดอกโศกอ้าแขนแล้วโผเข้าสู่อ้อมแขนยาย ซุกหน้ากับอกยายเหมือนจะหนีจากทุกอย่าง
ยายกอดหลานทอดถอนใจ ไม่รู้จะบอกยังไงดี
ดอกโศกกระซิบถามเอากับยาย แม้สายตาจะสิ้นหวังแล้ว
“ยาย...ยาย บอกหนูหน่อยว่าไม่ใช่... บอกหนูหน่อยนะยาย”
สมใจกลั้นสะอื้น “โศก...แต่มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะ”
“มันไม่ใช่ทั้งหมดใช่มั้ยยาย เค้าไม่ใช่แม่หนู เค้าไม่ใช่ลูกของยาย ถ้าเค้าเป็นลูกยายทำไมเค้าไม่มาหายาย ทำไมเค้าทิ้งยายทำไมเค้าทิ้งหนู หนูเห็นเค้ารวยเค้าต้องมาหายาย เค้าต้องมาช่วยยาย เค้าต้องมาเอายายไปอยู่ด้วยน้าปอง..น้าปองเป็นน้องเค้าทำไมเค้าทิ้งน้าปอง” ดอกโศกพร่างพรูความรู้สึกออกมา
สมใจใจหาย “โศก”
“เค้าเป็นลูกยาย เค้าเป็นแม่หนู ทำไมเค้าทิ้งทั้งแม่ทั้งลูกเค้า”
“ฟังยาย...” สมใจจะพูด
ดอกโศกสวนออกมา “หนูไม่เชื่อว่าเค้าจะเป็นแม่คน เค้าเกลียดหนูนะยายเค้าว่าหนูตั้งเยอะแยะ เค้าตบหน้าหนู...เค้าตบ” ชี้แก้มตัวเอง ตอนนี้เสียงดังขึ้นมาก เพราะหมดความอดทนแล้ว “ทำไมเป็นแม่เกลียดลูก ตบหน้าลูกเพราะเรื่อง...เรื่อง...” หันไปมองทางอัศนัย
อัศนัยส่งสายตาทั้งรักทั้งปลอบ
ดอกโศกลุกทันที สะบัดอัศนัยที่รีบเข้ามาหา ซมซานเดินออกจากห้อง
“ดอกโศก” อัศนัยใจหายวูบ
“ไม่...อย่ามายุ่ง...ดอกโศกเกลียดคุณนัย...เกลียด”
สองคนจ้องตากันอย่างใกล้ชิด
ทุกอย่างเงียบงัน หัวใจสองดวงที่เจ็บปวดพอกัน
“ดอกโศก...ดอกโศกคนดีของคุณนัย คุณนัยขอร้องนะ ดอกโศกฟังยายก่อนให้ยายพูดให้ฟังมันไม่ใช่อย่างที่ดอกโศกคิด เรื่องนี้ยายบอกได้ ดอกโศกฟังก่อนนะคนดี ฟังยายอธิบายก่อน”
ดอกโศกจ้องตาอัศนัยนิ่งนาน “ไม่ว่าจะอธิบายยังไง ถ้าเขาเป็นแม่ของดอกโศกจริงคุณนัยจะไม่พบดอกโศกอีกเลย”
อัศนัยใจหายมาก น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อขึ้นมาเป็นเงาจางๆ
“คุณนัยจะไม่มีวันเสียดอกโศก” อัศนัยยืนยัน
ดอกโศกจ้องตานิ่ง สายตายืนยันคำพูดของตัวเอง
อัศนัยพูดบอกอีกคำ
“ไม่มีวันที่คุณนัยจะเสียดอกโศก” นัยน์ตามั่นคงมาก “ไม่มีวันนั้นจำไว้”
จากนั้นอัศนัยถอยออกไป แล้วไปนั่งหันหลังให้ สีหน้าเจ็บปวดมาก
ดอกโศกยืนนิ่งงัน สมปองลุกเดินมาจูงมือ
มือสมปองสอดประสานกับมือดอกโศกกระชับแน่น
นัยน์ตาต่อนัยน์ตามองกัน สมปองบอกด้วยสายตาให้ดอกโศกสงบลงก่อน
สมปองจูงมือ “ฟังยายนะโศก”
ดอกโศกนัยน์ตาแข็งขืนบอกว่าไม่ยอม มองตาสมปองเหมือนจะพูดว่า ไม่อยากฟังอะไรใครแล้ว
สมปองสวมกอดหลานสาวนิ่งๆ ตบหลังปลุกปลอบเบาๆ หลั่งความรักลงไปเต็มๆ
“น้าพาไปหายาย”
นั่นแหละ ดอกโศกจึงยอมไป
ข้างนอกที่หน้าประตูบ้านเวลานั้น ปรียากมลยืนนิ่ง สีหน้าอึดอัด แต่ตัดสินใจแล้วว่าจะทำอย่างนี้
โปรดติดตาม และรออ่านตอนต่อไป…อย่างระทึก*
ดอกโศก ตอนที่ 19 (ต่อ)
สมใจจดจ้องมองดอกโศกที่สมปองพามานั่งตรงหน้า
“โศกเอ๊ย...ฟังยายนะลูก”
“เขาเป็นแม่หนูจริงหรือจ๊ะยาย...” นัยน์ตาดอกโศกดูมีความหวังขณะมองหน้ายาย
สมใจนิ่งอยู่อึดใจ
“ยาย” ดอกโศกเรียกย้ำเอาคำตอบ
“จริงลูก แต่ว่า...”
สีหน้าดอกโศกเข้าใจกระจ่างชัด คราวนี้ไม่มีอะไรเคลือบแคลงสงสัยอีกแล้ว
หัวใจดอกโศกเต้นแรง นัยน์ตาพร่าพราย
“เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายแกหรอก...เขาเพิ่งรู้ว่าแกเป็นลูกเขา” สมใจบอก
แต่ดอกโศกไม่ได้ยินอะไรแล้ว เซซวนล้มลง
สมปองรับไว้ “คุณนัย” เรียกอัศนัยเสียงดัง
อัศนัยเข้ามาอย่างเร็ว ช้อนร่างดอกโศกอุ้มไปวางบนเก้าอี้ยาว จับให้เอนอิงพิงอกตัวเอง กอดเอาไว้เต็มอ้อมแขน กระซิบเรียก
“ดอกโศก....ดอกโศก”
หม่อนเข้ามาอย่างเร็ว ส่งยาดมให้อัศนัย ตัวเองถูมือแรงๆ ให้กลิ่นออก
อัศนัยเอายาดมให้ดม “ดอกโศก ปอง...เป็นลมใช่ไหมเนี่ย”
สมปองมองหลาน “ก็ใช่น่ะสิ มานี่ ต้องคลายอะไรที่รัดไว้”
อัศนัยงง “อะไรล่ะ”
“ก็เนี่ย เอวกางเกง” สมปองว่า
อัศนัยรีบบอก “ปอง...แกะสิ”
“เอ” สมปองจับๆ คลำๆ “แต่เป็นกางเกงยืดนี่”
“โบกๆ ลม ร้อนมั้ง”
“แม่ ....เค้าเปิดแอร์”
ดอกโศกลืมตา พอเห็นอัศนัยกอดอยู่ ก็ผลักเต็มแรง
อัศนัยไม่ยอม ยังกอดรั้งไว้
ดอกโศก หน้าอึดอัด แบบทั้งรักทั้งแค้น ดึงตัวเองไป
อัศนัยกอดไว้แนบแน่น กระซิบเรียกชื่อตลอดเวลา
โดยไม่มีใครคาดคิด มือปรียากมลกระชากดอกโศกไปเต็มแรง ดอกโศกผวา ไปตามมือไปฟุบลงกับพื้น
“ดอกโศก” สามคนเรียกอย่างตกใจ
“สุดจิตต์” สมใจกับสมปองเรียกชื่อสุดจิตต์
“ปรียากมล” อัศนัยเรียกเสียงดัง
ปรียากมลยืนหอบหายใจแรง
อัศนัยผวาเข้าประคองดอกโศก
“สุดจิตต์” สมใจตาขวางใส่ ไม่พอใจอย่างยิ่ง
ปรียากมลบอก “อย่ามาเรียกชั้นสุดจิตต์”
“กูจะเรียก...อีสุดจิตต์มึงทำกับลูกยังงี้ได้ยังไง” สมใจตอกหน้า
“แม่อย่ายุ่ง ไม่ใช่เรื่องของแม่”
“มึงไม่ใช่ลูกกู แล้วอย่ามาเรียกกูแม่เหมือนกัน มึงไปให้พ้นเลย อย่ามายุ่งกะหลานกู ไม่ให้กูเรียกสุดจิตต์ กูก็ไม่เรียก อีคุณปรียากมลมึงจะมาทำอะไรหลานกูไม่ได้ จะทำอะไรดอกโศกไม่ได้”
“ได้ ฉันไม่เป็นลูกแม่ก็ได้ คิดว่าฉันอยากจะเป็นนักรึ เป็นเพราะแม่ไม่เคยคิดว่าชั้นเป็นลูกอยู่แล้ว”
“เออ ...ถ้ามึงกะกูขาดกัน มึงก็ต้องขาดกับดอกโศกกูด้วย มันไม่ใช่ลูกมึงอีกต่อไป”
“ก็ไม่เคยเป็นอยู่แล้วนี่” สมปองเหลืออดแล้ว
ระหว่างนั้นหม่อนเข้ามาช่วยอัศนัยพาดอกโศกไปนั่ง
พวกที่ถียงกันไม่สนใจดอกโศกกับอัศนัย แต่ลุยกันอยู่
“อย่าเสือกนังปอง” ปรียากมลเผยธาตุแท้ออกหมด “ไปให้พ้นเลยแก”
สมปองก็ไม่เหลือความเกรงใจแล้ว “จะไล่ฉันไปไหน...มีสิทธิ์อะไรพี่”
ปรียากมลสวนคำ “ไม่ต้องมาเรียกชั้นพี่”
“เออ...ไม่เรียก ไม่เรียกก็ได้” สมปองบอก
“จำไว้นะ...แกอย่ามาระรานหลานข้า” สมใจตอกหน้า
ปรียากมลสวนทันที “อย่าให้มันมาแย่งผัวชั้นสิ”
“มึงอย่า...เขาไม่ได้เป็นผัวมึงอย่ามาขี้ตู่ ...โธ่ถังเอ๊ย...อยากได้เค้าเป็นผัวตัวสั่น ขี้ตู่กันง่ายๆ อย่างนี้รึ” สมใจเยาะ
“ฉันเป็นเมียเขา ไม่มีใครรู้นอกจากเราสองคน ชั้นเป็นผู้หญิงชั้นพูดขนาดนี้ยังจะไม่เชื่อกันรึ”
อัศนัยได้ยินหันไปจ้องมองปรียากมล ด้วยสายตาหมดสิ้นทุกความรู้สึก เพราะเหมือนหน้ากากปรียากมลได้หลุดออกมาหมด
ทางโน้นยังเถียงกันเร็ว และแรงขึ้นๆ
“เฮอะ อีสุตจิตต์ มึงเป็นยังไง เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว มึงก็ยังเป็นอยู่ บ้าผู้ชาย โกหก หลอกลวง ไม่คิดดีกะใคร” สมใจจัดเต็ม
สมปองหยัน “ขนาดลูกในไส้ยังไม่ยอม”
ปรียากมล คว้าของตรงนั้นปาใส่สมปองเต็มแรง โดนเข้าไปเต็มๆ
สมปองร้อง “โอ๊ย...”
สมใจไม่ไหวแล้วโผเข้ามาผลักปรียากมลเต็มแรง “มึงจะเป็นหมาบ้าไปเป็นที่อื่น อย่ามาทำลูกข้าหลานข้า หนอย....นึกว่าไปร่ำรวยเป็นผู้ดีแล้วจะดีขึ้น นี่สันดานไพร่ก็ยังเหมือนเดิม หยั่งงี้มึงจะออกไปจากสลัมทำไมวะ ออกไปก็ยังเหมือนเดิม”
ปรียากมลนิ่งตั้งแต่แม่พูดว่าไม่ให้ทำกับลูกข้าหลานข้า ชะงักกึก เสียใจมาก
สมใจหยุด สมปองก็หยุด มองปรียากมลที่ยืนทำสีหน้าเจ็บปวด จ้องแม่สายตาร้าวรานใจ
สมใจจ้องตอบ รู้สึกใจหายเห็นสายตาลูก
“แม่เกลียดฉันยังไงก็ยังเกลียดอย่างงั้น ไม่เปลี่ยนเลยเหรอนี่” ปรียากมลพูดเสียงแค่นหัวเราะ อย่างขมขื่น
เสียงอัศนัยพูดเบาๆ กับหม่อน “พาไปอยู่ห้องแขกก่อน”
“ค่ะ...คุณนัย” หม่อนพาดอกโศกไป
อัศนัยลุกมาหาปรียากมล “ปรียากมล พอแล้ว คุณกลับไปเถอะ” น้ำเสียงอัศนัยเบาหวิว
ปรียากมลหันมาทางอัศนัย สีหน้าเหยเก ด้วยความเจ็บถึงที่สุด
“กลับไปคิดให้ดีว่าอะไรเป็นอะไร คุณน่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร”
“คุณนั่นแหละควรจะคิดให้ดี คุณได้แม่และยังจะมาได้ลูก” ปรียากมลไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
อัศนัยจ้องหน้าปรียากมลด้วยสายตาเป็นประกายกล้ามาก “คุณควรจะหยุดพูดอะไรอย่างนี้ได้แล้ว ไม่มีใครเชื่อคุณหรอก คุณมัวเมาอยู่กับเรื่องผมเป็นสามีคุณมากเกินไปจนคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง”
ปรียากมลกัดฟันแน่น
“ทั้งๆ ที่คุณรู้อยู่เต็มอก...ใช่มั้ยว่ามันไม่จริง ...ผม...ไม่...เคย แม้แต่จะคิดที่จะเอาคุณเป็นเมีย”
สมใจได้ยิน สมปองก็ได้ยิน แต่ดอกโศกไม่อยู่แล้ว
สองคนจ้องหน้ากัน แล้วปรียากมลก็หันหลัง เดินกลับออกไป สามคนมองจนลับไป
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
ทางด้านดอกโศกนอนนิ่งอยู่บนเตียง นัยน์ตาแดงช้ำจมูกแดงก่ำ มองเพดานนิ่งอยู่
หม่อมเฝ้าอยู่ข้างเตียง นั่งคุกเข่า จับมือดอกโศกลูบแรงๆ ปลอบโยน
ดอกโศกนิ่งอยู่สักครู่ ก็เปล่งเสียงร้องไห้ดังๆ ออกมา
หม่อนใจหายวาบสงสารจับใจ “คุณหนู....คุณหนูขา”
ดอกโศกมองหน้าหม่อน นัยน์ตาหวั่นไหว หวาดกลัวลึกๆ ท่าทางน่าสงสารมาก
หม่อนกอดปลอบ ดอกโศกร้องไห้เสียงดัง กิริยาร้าวรานใจสุดขีด
อัศนัยเปิดประตูเข้ามาอย่างเร็ว “ดอกโศก” พรวดเดียวเข้ามาถึงตัวทันที
ดอกโศกเห็นอัศนัย หันตัวหนี ไม่ยอม อัศนัยเข้าไปกอด ดอกโศกทั้งดึงตัวเองออกและผลักไสอัศนัยสุดแรง อัศนัยเรียกและพยายามกอดไว้ ดอกโศกสะบัดแล้วไปนั่งซุกอยู่อีกทางหนึ่ง เอามือปัดเนื้อปัดตัวที่อัศนัยจับ แสดงกิริยารังเกียจชัดเจน
หม่อนเข้าไปจับตัวอัศนัย “คุณนัย....อย่าเพิ่งเลยค่ะ”
อัศนัยมองตาหม่อน สายตาเจ็บปวดมากๆ
หม่อนสงสารเต็มที่ ส่งสายตาปลอบเต็มๆ
ดอกโศกฟุบลงไปกับพื้นอย่างแรง จิตใจแตกสลายไม่เหลือแล้ว
“ดอกโศก...ดอกโศกจ๋า” อัศนัยเรียก
“ป้าหม่อน...” ดอกโศกเรียกหาแต่หม่อน เรียกดังขึ้น “ป้าหม่อน”
หม่อนเข้าดอกโศกอ้าแขนเข้าหาหม่อนอัศนัยจำต้องถอยไปยืนคอตก พิงฝาห้องอย่างหมดหวัง
สีหน้าอัศนัยเวลานี้ รู้ตัวแล้วว่าสูญเสียดอกโศกแน่นอน
“ป้าหม่อน..พาหนูไป...หนูจะไป หนูไม่อยากอยู่ตรงนี้” ดอกโศกบอก
“ไม่เป็นไรค่ะป้าอยู่ด้วย คุณหนูนอนก่อนนะคะ”
“ไม่...หนูไม่นอน”
“โธ่...คุณหนูยังไม่สบาย..อยู่ก่อนเถิดนะคะ”
ดอกโศกส่งเสียงกรี๊ดดังลั่น “ไม่...บอกว่าไม่...ไม่...ไม่” ความรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดผึงแล้ว
สมใจกับสมปองอยู่ข้างล่าง หมื่นด้วย ได้ยินเสียงนั้น
สามคนตกใจเงยหน้าดู
ด้านอัศนัย ทำมือกับหม่อนว่าเขาจะไปเอง
“ดอกโศก” อัศนัยเรียกอีก
ดอกโศกหันหน้าหนีแรงๆ หายใจหอบแรง มือไม้ปัดตลอดเวลา กิริยาที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
“ไม่...ไม่”
“ดอกโศกพักก่อน คุณนัยไม่อยู่แล้ว” อัศนัยออกไปทันที
ดอกโศก มองหม่อน สายตาน่าสงสารมาก หม่อนกอดปลอบโยน
อัศนัยลงบันไดมา สมใจกับสมปองกำลังเดินจะขึ้น ท่าทางแหยงๆ ทั้งคู่ สองคนเดินย่องๆ เห็นบ้านเขาใหญ่โต
“คุณนัย โศกเป็นอะไร” สมปองถาม
อัศนัยยืนนิ่งสีหน้าอึด พูดไม่ออก
สมใจยื่นมือไปจับมืออัศนัย ตบเบาๆ ปลอบใจก่อน แล้วจูงลงมา “มานี่...”
สมใจจูงอัศนัยให้มานั่งเก้าอี้ สมปองตามมานั่งด้วย
อัศนัยนั่งนิ่ง..อึดอัดเต็มกลืน มีแต่สีหน้าที่เสียใจมาก พยายามหลับตาเหมือนไม่อยากรู้เห็นอะไรอีก
พอลืมตา มีน้ำตาเป็นเงา กำลังเอ่อล้น สมปองหยิบกล่องทิชชูมาวางใกล้มือ อัศนัยดึงทิชชู เอาปิดตานิ่งๆ ไม่เช็ดน้ำตา เอาทิชชู่ปิดให้น้ำตาแห้งไปเอง
สมใจถามขึ้น “เป็นยังไงมั่งคุณนัย”
“ผมสงสารเขามากครับยาย ดอกโศกน่าสงสารมากหัวใจเขาแตกสลายแล้วครับยาย”
สมใจคราง “โธ่เอ๊ย”
“ผมไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ ผมรู้ว่าเขาร้ายกาจมาก แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะ...” อัศนัยลำบากใจที่จะพูด ค้างคำไว้เท่านั้น
“แต่ชั้นนึก ชั้นบอกคุณแล้วไงว่าเขาไม่ยอมหรอกต่อให้เป็นลูกก็ตามเขาไม่ปล่อยคุณหรอก...” สมใจทอดถอนหายใจ
“ทางเดียวที่เขาจะเก็บคุณไว้ได้ก็คือให้ไอ้โศกไปจากคุณเองเขาถึงต้องบอกมัน” สมปองว่า
สมใจนิ่งคิดตั้งข้อสังเกต “เขารู้ตั้งนานแล้วนะ ทำไมเขาถึงเพิ่งตัดสินใจมาบอก”
คำพูดนั้นเข้าหน้าอัศนัยเต็มแรง คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ในวันที่ไปหาปรียากมล กับมิสซีสเบนส์ พร้อมด้วยดอกโศก
“คุณนึกว่าชั้นอยากเกี่ยวข้องกับคุณนักเหรอ”
“คุณอยากเกี่ยว...แต่มันเกี่ยวไม่ได้มากกว่า”
“ต่อไปชีวิตฉันเหมือนตายแล้ว คุณเป็นคนฆ่าฉันนะอัศนัย คุณเป็นคนฆ่าฉันทั้งเป็น”
อัศนัยดึงตัวเองกลับมา สมปองเอ่ยขึ้น
“ไอ้ฉันก็นึกว่าเค้าจะรู้สึก....รักลูกสาวขึ้นมามั่ง”
“นั่นสิ...รู้มั้ยว่าชั้นใจคอไม่ดีทุกวี่ทุกวัน นึกออกเลยว่าถ้าเขามาเขาก็มาแบบนี้แหละ”
“อยู่แล้ว” สมปองเสริมเบาๆ
“คุณนัย ...ถามจริง คุณไม่รู้มาก่อนใช่มั้ย” สมใจกังขา ถามพาซื่อ
“ไม่ครับยาย...ทำไมยายถึงคิดอย่างนั้น ถ้าผมรู้จะปล่อยให้เรื่องมาถึงขนาดนี้เหรอครับ”
“หมายความว่าคุณจะไม่รักไอ้โศก ถ้าคุณรู้เรื่องก่อน”
คำถามตรงๆ ของสมปองกระแทกเข้าไปที่หน้าอัศนัย ช้าๆ สะเทือนใจที่สุด
“ปอง มีอย่างหนึ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ในชีวิตฉัน คือฉันต้องรักดอกโศก ฉันไม่รักดอกโศกไม่ได้” น้ำเสียงหนุ่มใหญ่เบา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกหวนหาอาลัย “มันเหมือนถูกกำหนดนะปอง ตั้งแต่วันแรกที่พบเขา.... ฉันขับรถเกือบชนเขา”
สองแม่ลูกตั้งใจฟัง
“เขาวิ่งหนีไปกับป้อม เขาไม่ได้ล้ม ไม่ได้เจ็บ ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันต้องตามไปดูเขา...แต่ทำไมฉันถึงไป”
สามคนย้ายไปที่ห้องวาดรูป
อัศนัยหยิบรูปดอกโศกที่ตัวเองวาด เป็นกิริยาที่ดอกโศก...ตกใจที่รถจะชน หันหน้ามามองรถอัศนัย
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงต้องลงจากรถไปตามหาเขา อาจจะเป็นเพราะหน้าเขาตกใจมาก...ฉันเป็นห่วง”
สีหน้าอัศนัยขณะที่พูดเป็นห่วงไม่ต่างจากวันนั้น
อัศนัยหยิบรูปที่สอง เป็นรูปดอกโศกนั่งถือหนังสือพิมพ์ ก้มหน้า
“ดูท่านั่งเขา เขาโศกตั้งแต่ยังเด็กเลยนะ ฉันรู้สึกอย่างนั้นตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่อดอกโศก ถามเขาก็ไม่บอก”
เสียงเด็กหญิงดอกโศกแว่วกังวานในหัวอัศนัย “ซื้อหนังสือพิมพ์ ไม่ต้องรู้จักชื่อหรอกค่ะ”
“เขาเด็กมาก ขายหนังสือพิมพ์อยู่ข้างถนน แต่โต้ตอบกับผู้ใหญ่..อย่างนี้เขาไม่ใช่เด็กธรรมดา”
อัศนัยหยิบภาพวาด ใบอื่นๆ และต่อๆ ไป เล่าไปเรื่อยเหมือนทวนความทรงจำเกี่ยวกับหญิงคนรัก
“ต่อจากนั้น ทุกครั้งที่พบเขา...ไม่เคยที่จะไม่เห็นน้ำตา ไม่เคยเห็นรอยยิ้ม นอกจากเวลาที่มาที่นี่ มาวิ่งเล่นอยู่แถวนี้”
สมใจและสมปอง ฟังอย่างตั้งใจ
อัศนัยพูดต่อไป เรื่อยๆ เหมือนรำพึงนึกถึงความหลัง ขยับตัวมองหน้าสมปอง “ปอง...”
สมปองขานรับ ขณะมองหน้าอัศนัย “ฮะ”
“ฉันรักดอกโศกเหมือนน้ำที่ค่อยๆ ไหลรินเข้ามาในหัวใจ ทีละนิดๆ จนเต็ม....มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันเต็มหัวใจ”
สองแม่ลูกนิ่งฟัง
“ต่อจากนี้อีกสิบปีร้อยปี มันก็จะเต็มอยู่อย่างนี้ไม่น้อยกว่านี้ ไม่มากกว่านี้ เท่านี้...จนฉันตาย แต่...ถ้าฉันรู้เรื่องเขาเป็นแม่เป็นลูกก่อน ฉันจะเก็บความรู้สึกกับดอกโศกไว้ให้ลึกที่สุด จะไม่มีวันให้ดอกโศกรู้เลยแม้แต่นิดเดียว”
สองคนนิ่งเงียบ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
อัศนัยหยิบภาพสุดท้ายที่วาด
“ฉันวาดวันที่ฉันรู้ว่าเขาเป็นลูกปรียากมล ฉันรู้ตั้งแต่วันนั้นว่าฉันเสียดอกโศกแน่”
หยาดน้ำตาอัศนัยน้ำตาหยดจากนัยน์ตาทันที
“คุณนัย” สมใจครางน้ำเสียงเห็นใจมาก
“ใครว่าผู้ชายร้องไห้ไม่ได้...” เสียงหัวเราะฝืนๆ “ผู้ชายก็คนนะ ....ใช่มั้ยปอง...”
สามคนมองจ้องที่หยดน้ำตาของดอกโศกในรูปต่างคนต่างนิ่งงัน
อ่านต่อตอนที่ 20 พรุ่งนี้