ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 13
จิรายุขับรถมาส่งกุ้งนางที่หน้าหอ ทั้งสองดูมีความสุข กุ้งนางจะลงจากรถ จิรายุเอื้อมมือไปจับแขนไว้
“เดี๋ยว...”
กุ้งนางชะงัก หันกลับมามองแขนตัวเองที่ถูกจับอยู่ จิรายุรีบปล่อย
“คุณมีอะไร”
กุ้งนาง ถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่มกว่าแต่ก่อน
“คือ..ฉันขอขอบใจเธออีกครั้งนะเรื่องที่เธออธิษฐานช่วยฉัน”
กุ้งนางยิ้ม
“ไม่คิดว่า ฉันอาจจะเห็นแก่ตัวทำเพื่อตัวเองเหรอ เพราะถ้างานล่ม ฉันก็ตกงานเหมือนกันนะ”
“คนเห็นแก่ตัวที่ไหน จะนึกถึงคนอื่นเยอะแยะไปหมด ฉันดีใจที่ได้รู้จักกับเธอนะ กุ้งนาง”
บรรยากาศรอบข้างเงียบ ทั้งสองมองตารู้สึกดีต่อกันอยู่นานจนกุ้งนางเริ่มเขินแต่ทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อก้านมาเคาะกระจกรถด้วยความไม่พอใจ กุ้งนางมองออกไปเห็นก้าน และหันกลับมามองจิรายุอีกครั้ง
“ฉันต้องไปแล้ว”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
กุ้งนางยิ้มให้
“ค่ะ...”
กุ้งนางเปิดประตูออกไป จิรายุยิ้มมองตาม
จิรายุขับรถออกไป ก้านยืนข้างๆมองกุ้งนางที่มองตามรถจิรายุไป
“ไปนอนเถอะ ดึกแล้ว”
กุ้งนางกับก้านเดินไปด้วยกัน แต่ก้านเงียบจนกุ้งนางแปลกใจ
“พี่ก้านเป็นอะไร ทำไมดูแปลกๆ”
ก้านเสียงดุ
“กุ้งไปไหนทำไมไม่บอกกันบ้างอ่ะกุ้ง แล้วทำไมกลับมาเอาป่านนี้”
กุ้งนางรู้สึกเหมือนถูกจับผิด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
“กุ้งโทรบอกพี่ชะเอมแล้วนี่”
“นั่นแหละ พี่ก็ยังเป็นห่วง”
กุ้งนางชักเป็นกังวลที่เห็นก้านโมโห
“นี่พี่ก้านโกรธกุ้งเหรอ”
ก้านนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร
“พี่ก้าน อย่าเงียบแบบนี้ มีอะไรเราค่อยๆ คุยกันดีกว่านะจ๊ะ”
ก้านก็ยังนิ่งเงียบอีก กุ้งนางยิ้มเอาใจ
“เอางี้ พี่ยังไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่ากุ้งขอโทษพี่ก้าน แล้วก็ขอบคุณที่เป็นห่วงกุ้งนะ ต่อไปกุ้ง จะไม่ทำให้เป็นพี่เป็นห่วงอีก นะๆๆ วันนี้เราไปนอน พักผ่อนให้สดชื่น แล้วพรุ่งนี้พี่ก้านต้องหายโกรธกุ้งนะ”
กุ้งนางจะดันแขนก้านให้เดินต่อแต่เขาหยุด
“กุ้ง! พี่ไม่ได้แค่เป็นห่วงกุ้งนะ”
กุ้งนางมองหน้าก้านงงๆสงสัย
“พี่รักกุ้ง...”
กุ้งนางช็อคตกใจ ความในใจของก้านพรั่งพรูออกมา
“พี่รักกุ้งมากนะ...รักมานานแล้ว กุ้งรักพี่บ้างมั้ย”
กุ้งนางจ้องตานิ่ง
“รักสิ...รักมากด้วย...ความรักที่กุ้งมีให้พี่ก้านไม่เคยลดน้อยลงไปเลย”
ก้านยิ้มดีใจหน้าตามีความหวัง กุ้งนางถอนใจเบาๆ
“พี่ก้านเป็นพี่ชายที่แสนดีของกุ้งมาตลอด...กุ้งรักพี่ก้านเหมือนพี่ชายแท้ๆ”
ก้านชะงัก
“พี่ชาย!”
ก้านปล่อยมือจากกุ้งนาง จ้องนิ่งโกรธระคนน้อยใจ
“เพราะพี่มันจนใช่มั้ยกุ้งถึงรักพี่ไม่ได้”
“มันไม่ใช่อย่างงั้นนะพี่”
“ทำไมจะไม่ใช่ ในเมื่อพี่ไม่ใช่ลูกเจ้าของบริษัท ขับรถคันใหญ่ๆ เหมือนคุณจิรายุ”
กุ้งนางอึ้ง
“พี่ก้าน...นี่กุ้งไม่ได้คิดอะไรกับคุณจิเลยนะ พี่คิดมากเกินไปแล้วล่ะ”
“คิดมากเหรอ ที่กุ้งกลับมาป่านนี้ จะให้พี่คิดยังไง บางทีมันอาจจะมากกว่าที่พี่คิดด้วยซ้ำใช่ไหม”
กุ้งนางตบหน้าก้านอย่างแรง หญิงสาวร้องไห้ออกมา
“พี่ก้าน! ฉันไม่คิดเลย ว่าพี่ที่ฉันรักมากที่สุด จะคิดดูถูกฉันแบบนี้”
กุ้งนางวิ่งร้องไห้หนีไป ก้านยืนมองตามด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
กุ้งนางเปิดประตูห้องพักเข้ามา ยืนพิงประตูร้องไห้ ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ชะเอมนอนหลับอยู่บนเตียง สักครู่ชะเอมก็ค่อยๆ รู้สึกตัว จ้องมาที่ประตู เห็นกุ้งนางยืนร้องไห้อยู่
“อ้าว กุ้ง...นั่นร้องไห้ทำไม”
กุ้งนางยังคงนิ่ง
“มีอะไรเหรอกุ้ง”
กุ้งนางพยายามระงับอารมณ์
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ”
กุ้งนางเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ชะเอมมองตามนิ่งคิดสงสัย
“ใครจะเชื่อวะ”
ด้วงหน้าเครียดเมื่อได้รับรู้ในสิ่งที่ก้านบอก
“ไอ้ก้าน...เอ๊ย...ไอ้ก้าน เอ็งพูดยังงั้นกับไอ้กุ้งได้ยังไงวะ”
ด้วงถอนใจเข้ามานั่งใกล้ๆ ก้านซึ่งนั่งชันเข่าอมทุกข์อยู่ที่พื้น ด้วงจ้องนิ่ง
“เอ็งกับไอ้กุ้งก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ ดูมันไม่ออกจริงๆ เหรอว่ากุ้งมันเป็นคนยังไง”
“แต่คุณจิรายุเขาทั้งหล่อทั้งรวย ผู้หญิงที่ไหนก็อยากได้”
“ไอ้ผู้หญิงที่ไหนที่เอ็งว่า รวมกุ้งมันไปด้วยเหรอวะ”
ก้านนิ่งเงียบไม่ตอบ
“หรือว่ารู้ทั้งรู้ว่าไอ้กุ้งไม่ได้รักเอ็ง เลยต้องเอาความรวยของคุณจิมาเป็นข้ออ้าง”
“นี่พี่ด้วงเลิกเชียร์ฉันแล้วเหรอ”
“ก็ไม่อยากเลิกนะ แต่เท่าที่ดู พี่คิดว่ากุ้งมันก็คงรักเอ็งอย่างพี่ชายจริงๆ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเอ็งแล้วว่าจะเดินหน้าต่อเพื่อไขว่คว้าให้ได้มัน หรือเอ็งจะรักกุ้งมันเท่าเดิม แต่แปรรูปเป็นแบบพี่น้อง”
“ถ้าเป็นพี่ด้วง พี่จะทำยังไง”
“คิดให้ดีนะไอ้ก้าน...รักกันอย่างพี่น้องผองเพื่อน นานวันก็ยิ่งแน่นแฟ้น แต่รักอย่างแฟน นานวันก็มีแต่จืดจาง สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนกันอยู่ดี...ถ้าเอ็งรักกุ้งนางจริง ก็ต้องให้เขามีความสุข ไม่ใช่นึกถึงแต่ความสุขของตัวเอง”
ก้าน คิดตาม แต่สีหน้ายังเครียด สับสน ทำใจไม่ได้
กุ้งนางอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วเข้ามานั่งที่เตียง เตรียมจะนอน ชะเอมนั่งมองอยู่บนเตียง เปรยๆ ขึ้น
“รู้มั้ยไอ้ก้านมันมาตามแกตั้งหลายหนจนพี่รำคาญ”
กุ้งนางนิ่งเงียบ ชะเอมยิ้มหยั่งเชิง
“พี่ว่าไอ้ก้านมันรักกุ้งนะ...แล้วกุ้งล่ะคิดยังไง”
กุ้งนางหน้าหม่นหมอง
“ฉันรักพี่ก้านแบบพี่ชาย”
“แต่ไอ้ก้านมันรักกุ้งมากนะ ทั้งรักทั้งห่วง พี่ว่า...”
กุ้งนางตัดบท
“นอนเถอะพี่ชะเอม พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน”
กุ้งนางถอนใจ ล้มตัวลงนอนตะแคงไปอีกด้านหนึ่ง ชะเอมทำท่าจะถามอีก แต่ก็ไม่กล้า สักครู่ก็ล้มตัวลงนอนบ้าง ชะเอม นิ่งคิด หนักใจพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“เฮ้อ...ก๊วนกูจะแตกมั้ยวะเนี่ย”
กุ้งนางหน้าหม่นหมอง ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ
จิรายุนั่งเล่นอีเล็คโทน ฮัมเพลงเพลงเบาๆหน้ายิ้มมีความสุข สักครู่ ชายหนุ่มก็หยุดเล่น นิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาพากุ้งนางขับรถเที่ยวชมกรุงเทพยามราตรี ทานข้าว กันอย่างมีความสุข...จิรายุยิ้มมีความสุขพูดกับตัวเอง
“กุ้งนาง...ขอบคุณนะที่เป็นกำลังใจให้ฉัน”
จิรายุใบหน้าเปื้อนยิ้ม เล่นดนตรีต่อไปอย่างมีความสุข
เสียงดนตรีที่จิรายุเล่นดังออกมานอกบ้าน ชามาดานั่งอยู่ในรถกำลังมองไปที่ห้องนอนของเขา หญิงสาวนิ่งคิดแค้นใจ
“ฮึ...อารมณ์ดี! กำลังฝันถึงนังกุ้งเน่าอยู่สิท่า”
ชามาดาเจ็บใจกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อไหล
เช้าวันใหม่...กุ้งนาง ก้าน ชะเอม และด้วงกำลังกินข้าวกันอยู่ที่โต๊ะ กุ้งนางและก้านนั่งตรงข้ามกัน แต่ไม่มองหน้ากัน ต่างคนต่างกิน บนโต๊ะมีกับข้าวสามอย่าง ผัดผัก แกงเผ็ด แล้วก็ยำตีนไก่ ชะเอมเห็นบรรยากาศดูอึดอัดก็เลยปล่อยมุขกะเรียกเสียงฮา
“พี่ด้วง...กินตีนมั้ยพี่”
ด้วงสะอึกถลึงตาใส่
“ปล่อยหมาออกจากปากแต่เช้าเลยนะ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย เนี่ย...เพื่อนเล่นเหรอ”
ชะเอมแกล้งกวนต่อ
“อุ๊ย จะให้ฉันเขยิ๊บเป็นแฟนพี่เหรอ โอว ไม่นะ...ไม่ปฏิเสธก็ได้จ้ะพี่ดอ...ด้วงจ๋า”
ด้วงสวนขึ้นเสียงเข้ม
“หุบปากได้แล้ว กินข้าวไม่ลง”
ชะเอมเห็นด้วงโมโหก็ขำ หัวเราะคิกๆ
“ฮิฮิ...ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ยิ่งโกรธก็ยิ่งหล่อ ฉันล่ะปวดตับ ปวดไต ใจสั่นไปหมดแย้ว” ชะเอมตักยำตีนไก่ใส่จานข้าวด้วง “นี่จ๊ะยำตีนไก่ กินเยอะๆ นะพี่”
ชะเอมหันไปมองกุ้งนางกับก้าน ก็เห็นทั้งคู่ยังคงเงียบ ชะเอมพึมพำกับตัวเอง
“มุขแป้กเลยตู”
ด้วงเหล่มอง
“ไอ้ก้าน...เป็นใบ้เหรอวะ เงียบเป็นเป่าสากเลยนะแก”
ก้านถอนใจเบาๆ ไม่สนใจ กินข้าวต่อ ด้วงและชะเอมหันมามองหน้ากัน รู้สึกอึดอัดกับก้านและกุ้งนางที่มีท่าทีมึนตึงกัน ชะเอมยิ้มๆ
“กุ้ง...ไอ้ก้านมันชอบแกงเผ็ดนะ ตักให้มันมั่งสิ”
กุ้งนางถอนใจเบาๆ
“ฉันอิ่มแล้วพี่”
กุ้งนางหยิบเงินส่วนของเธอวางบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นเดินออกไป ก้านเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ชะเอมเรียกไว้
“เดี๋ยวสิกุ้ง...”
ด้วงถอนใจเฮือก
“อะไรวะเนี่ย!”
กุ้งนางเดินออกมาหน้าหอพัก ชะเอมและก้านรีบจ้ำอ้าวๆ ตามเข้ามา ก้านเดินตามเอื่อยๆหน้าตาเซ็งๆ ชะเอมตะโกนลั่น
“รอด้วยไอ้กุ้ง จะรีบไปไหนวะ”
กุ้งนางหยุดเดินยืนรอ ชะเอม ด้วงและก้านตามเข้ามาถึงบริเวณที่กุ้งนางยืนอยู่ ด้วงมองกุ้งนางอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรกุ้ง...ไอ้ก้านใช่มั้ย”
กุ้งนางอึดอัด ถอนใจ พูดไม่ออก ขณะเดียวกันนั้น จิรายุขับรถเข้ามาจอด ทุกคนหันไปมอง ก้านชักสีหน้าทันที ชะเอมจ้องนิ่ง
“คุณจิรายุ!”
จิรายุเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้ามาหาหน้าตายิ้มแย้ม
“ฉันมารับ...ไปด้วยกันนะทุกคน”
กุ้งนาง ชะเอมและด้วงหันมามองหน้ากัน ก้านถอนใจมองกุ้งนาง แล้วหันไปมองจิรายุตาขวางๆก่อนจะเดินปึงๆ ออกไป จิรายุมองตามอย่างไม่เข้าใจ ด้วงเรียกไว้
“เฮ้ย ไอ้ก้าน อย่าเพิ่งไป” ด้วงหันมาบอกจิรายุ “เออ...ขอบคุณนะครับท่าน แต่ผมต้องไปกับน้อง”
ด้วงรีบวิ่งตามไป ชะเอมทำหน้าเลิกลัก มองทางโน้นทีทางนี้ที
“เอ่อ...พี่ไปกับพี่ด้วงนะกุ้ง เดี๋ยวพี่เขาจะน้อยใจ...” ชะเอมกันมากับจิรายุ “ขอบคุณนะคะ”
ชะเอมรีบจ้ำอ้าวๆ ตามด้วงไป
“พี่ชะเอม!”
กุ้งนางจะตามชะเอมไป จิรายุรีบมาขวางไว้ จ้องหน้านิ่ง
“ทำไมพวกนั้นเขาไม่ไปกับฉัน”
กุ้งนางอึ้งๆ
“กุ้งกับพี่ก้านมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
กุ้งนางลังเล จิรายุยิ้มให้
“ขึ้นรถสิ”
ก้านเดินเข็นรถขนเครื่องเสียงเข้ามามุมหนึ่งหน้าเครียด จิรายุเดินเข้ามาพอเห็นก้านเขาก็รีบเข้าไปหาทันที
“เดี๋ยวก้าน!”
ก้านชะงักหันมามอง จิรายุเดินเข้ามาหานิ่งมอง
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ก้านหน้าตึงๆ
“ผมกำลังจะไปทำงานครับ ขอโทษนะครับ...ท่าน”
จิรายุรีบดึงแขนไว้
“เดี๋ยวสิก้าน นายโกรธฉันเรื่องอะไร”
“ผมไม่กล้าโกรธท่านหรอกครับ”
“งั้นนายมีปัญหาอะไรก็บอกมา เผื่อฉันจะช่วยได้ เราเป็นเพื่อนกันแล้ว อย่าลืมสิ”
ก้านเสียงแข็ง
“ท่านเป็นเพื่อนผมไม่ได้หรอกครับ ถอยไปเถอะครับ ผมจะไปทำงาน”
จิรายุชักฉุน
“ไม่ถอย! จนกว่าฉันจะคุยกับนายรู้เรื่อง”
ก้านโกรธจัดจะเดินหนี จิรายุโมโหดึงแขนก้านอย่างแรงไม่ให้เดินต่อ
“เฮ้ย...ทำไมนายเป็นคนแบบนี้หา”
ก้านโกรธจัด
“โธ่โว้ย!”
ก้านโมโหผลักอก จิรายุเสียหลักล้มลงไปที่พื้น กุ้งนาง ชะเอมและด้วงเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี ทุกคนต่างก็ชะงักตกใจ กุ้งนางหน้าตื่น
“พี่ก้าน!”
กุ้งนาง ชะเอมและด้วงรีบวิ่งเข้ามา ทั้งสามช่วยกันประคองจิรายุให้ลุกขึ้น กุ้งนางหันไปจ้องก้านอย่างไม่พอใจ
“ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย”
ด้วงชักโกรธ
“นั่นสิ มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจาก็ได้นี่”
จิรายุรีบบอก
“ไม่เป็นไรหรอก ก้านคงไม่ได้ตั้งใจ”
ชะเอมเสียงเข้ม
“ขอโทษคุณจิรายุเดี๋ยวนี้ไอ้ก้าน”
ก้านยืนนิ่งจ้องหน้าจิรายุขบกรามแน่นด้วยความโกรธ แล้วเดินมาหา
“ผมขอลาออก!”
ทุกคนพากันชะงักตกใจ จิรายุถอนใจ หน้าเครียด กุ้งนางตะลึง
“พี่ก้าน...”
ก้าน มองหน้ากุ้งนาง ด้วง ชะเอม
“ฉันจะกลับบ้าน”
ก้านหันหลังเดินจากทุกคน แต่จิรายุวิ่งไปดึงแขนของเขาอีกครั้ง แล้วพูดเสียงเข้ม
“ฉันยังไม่อนุมัติให้ออก...”
“แต่ผม...”
จิรายุสวนขึ้น
“กลับไปคิดให้ดีก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่”
จิรายุโมโหเดินออกไปทันที ก้านหงุดหงิดเดินแยกออกไปอีกทางหนึ่ง กุ้งนางนิ่งคิด หน้าเครียดมากจนน้ำตาเอ่อ หญิงสาวรู้สึกแย่มาก ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา
ชะเอมและด้วงมองกุ้งนางอย่างเห็นใจ ชะเอมเอื้อมมือมาบีบมือเชิงปลอบ
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 13 (ต่อ)
ก้านยืนนิ่งหน้าตาเครียดมาก รู้สึกสับสนหาทางออกไม่ได้ กุ้งนางเดินเข้ามา เธอร้องไห้ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ชะเอมและด้วงตามเข้ามาด้วย กุ้งนางร้องไห้จ้องหน้าก้านนิ่ง
“พี่ก้าน...พี่ไม่ใช่พี่ก้านคนเดิมของฉันอีกแล้ว”
ก้านหันหน้าหนี
“พี่ขออยู่คนเดียวได้ไหม”
กุ้งนางอึ้งพูดไม่ออก ชะเอมเข้ามาผลักก้านอย่างโมโห
“เยอะไปมั้ยไอ้ก้าน เอ็งอยากออกมากใช่ไหม ไปเลย ทิ้งฉันกับกุ้งไว้ที่นี่แหละ”
ด้วงถอนใจหน้าตึงๆ
“เอ็งมันคิดถึงแต่ตัวเอง นี่เหรอวะ คนที่มันรักเพื่อนรักน้อง”
“ไปกุ้ง พี่ด้วง ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ปล่อยมันไป”
ชะเอมโมโหดึงมือกุ้งนางออกไป ด้วงตามไป ก้านหน้าเครียด ทรุดตัวลงนั่งหน้าตาทุกข์หนัก
สุดนภาอยู่ในห้องนั่งเล่น เปิดทีวีไว้ แต่ตัวเองกลับนั่งดูแม็กกาซีนจิบกาแฟสบายอารมณ์ เสี่ยอ๋าในชุดทำงานเดินเข้ามา
“โอ้โห...ดูคนที่จะมาช่วยงานป๋าสิ ป่านนี้ยังไม่แต่งตัวอีก”
สุดนภางง
“แต่งตัว ไปไหนคะ”
“อ้าว...ใครล่ะที่บอกป๋าว่าจะกลับมาช่วยงานน่ะ”
สุดนภาหัวเราะ
“แหม...ให้เริ่มงานเลยเหรอคะ”
เสี่ยอ๋าลงนั่งลูบหัวลูกสาว
“นึกแล้ว...ไอ้ที่จะช่วยงานป๋าน่ะมันข้ออ้าง”
“ฟ้าช่วยจริงๆ แต่ฟ้าไม่อยากทำงานออฟฟิศ”
“แล้วอยากทำอะไรล่ะ”
“ฟ้าอยากเป็นนักร้อง”
เสี่ยอ๋าตกใจ
“ห๊า...ฟ้า คิดอะไรน่ะลูก”
“แม่ฟ้าเคยเป็นนักร้องดังนะคะป๋า ฟ้าก็สายเลือดศิลปินเหมือนกัน”
“โธ่...ลูกสาวเสี่ยอ๋า อยากเป็นนักร้องซะงั้น”
“ป๋าขา ป๋าก็โปรโมทว่า นักร้องหน้าใหม่ไฮโซลูกทุ่ง สุดนภา เบสท์มิวสิคสิคะ”
“เอาชื่อบริษัทเป็นนามสกุลเลยเหรอ” เสี่ยอ๋าคิดตาม “ก็ดี แต่ป๋าบอกไว้ก่อนนะ ให้เป็นเล่นๆนะ ถึงเวลาต้องกลับไปเรียนโท”
สุดนภากอดพ่อ
“ฟ้ารักป๋าที่สุดในโลกค่ะ”
ในห้องประชุม เสี่ยอ๋ากับสุดนภานั่งหัวโต๊ะ มี ครูชาตรีอยู่ในห้อง
“นี่ลูกสาวผม สุดนภา หรือฟ้า จะมาทำงานกับเรา”
สุดนภายกมือไหว้ครูชาตรี
“แล้วคุณฟ้าจะมาทำงานตำแหน่งอะไรครับ”
“ฟ้าอยากเป็นนักร้องค่ะ ถึงฟ้าจะอยู่เมืองนอกมานาน แต่ฟ้าก็รู้จักเพลงของครูนะคะ และฟ้าก็ร้องได้ทุกเพลงด้วย”
“ขอบคุณครับ”
“ครูเตรียมเพลงโดนๆ ให้ลูกสาวผมเลยนะ ลูกสาวผมต้องดัง”
“งั้นเราเรียกประชุมทีมทำเพลงเลยไหมครับ”
“ก็ดี ฝากด้วยนะครู”
ขณะเดียวกันนั้น เลขาเคาะประตูเดินหน้าตื่นเข้ามา
“เสี่ยคะ มีเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ทางพีอาร์อยากขอให้เสี่ยเข้าประชุมได้ไหมคะ”
ทุกคนมองหน้าเลขางงว่าเกิดอะไรขึ้น
ทั้งหมดมองจอทีวีที่กำลังเสนอรายการข่าวบันเทิง พิธีกรกำลังดำเนินรายการ
“เบสท์มิวสิคได้อาย ดาวรุ่งเบนโล กุข่าวหวังโจมตีคู่แข่ง แต่ความแตก ข่าววงในแจ้งเบสท์มิวสิคกะดับอนาคตทายาทสยามซอง ใช้แผนสกปรก สุดท้าย ศิลปิน สยามซองเรียงหน้าดัง อัลบั้มใหม่นทีทอง ชามาดา และศิลปินใหม่ กบ กรรณิการ์ รวมถึง ผู้จัดการวงรูปหล่อมือใหม่ จิรายุ ทายาทสยามซอง”
เสี่ยอ๋ากระชากรีโมทมากดปิดทีวี พีอาร์พูดขึ้น
“นี่เป็นข่าวที่เราอัดไว้จากรายการบันเทิง ตอนนี้แทบทุกรายกัน กับหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเล่นข่าวนี้กันหมดเลยค่ะ”
พีอาร์ยื่นกองหนังสือพิมพ์ให้ เสี่ยอ๋าขว้างหนังสือพิมพ์ทั้งหมดลงพื้น ตวาดพีอาร์เสียงดังลั่น
“ยังมีหน้าเอามาให้ดูอีก ทำไมปล่อยให้ข่าวแบบนี้ออกไปได้”
“แพมก็ขอร้องทุกสื่อแล้วนะคะ แต่เขาบอกข่าวนี้ต้องเล่น”
“ก็ยัดเงินเข้าไปสิ”
“เขาไม่รับกันค่ะ”
“ไป๊...จะไปตายที่ไหนก็ไป ถ้าทำงานกันไม่ได้ก็ปิดแผนกพีอาร์ไปเลยแล้วกัน ไปให้หมด ไป”
ประชาสัมพันธ์และทีมงานทั้งหมดรีบวิ่งออกไป เหลือแต่เสี่ยอ๋า ครูชาตรีและสุดนภา
“ป๋าขา ใจเย็นๆ ก่อนสิคะ เท่าที่อ่านดู เราไปแกล้งเขาก่อนใช่ไหมคะ”
“ฟ้า...นี่มันโลกธุรกิจนะ มันมีแต่การแข่งขัน ไม่มีใครเป็นเพื่อนกันหรอก”
สุดนภายิ้มอย่างมีแผน
“ไม่เป็นเพื่อน ก็เป็นอย่างอื่นได้ค่ะป๋า”
เสี่ยอ๋ากับครูชาตรีมองหน้าสุดนภาอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด เสี่ยอ๋าถามอย่างไม่เข้าใจ
“หมายความว่าไง”
“พี่จิรายุ เอ่อ...คุณจิรายุ เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของฟ้าที่อเมริกาค่ะ ถ้าฟ้าอยากจะเป็นมิตรมากกว่าเป็นศัตรูกับเขา ป๋าจะว่าไงละคะ”
เสี่ยอ๋าไม่พอใจ
“ฟ้า...ลูกรู้รึเปล่า ที่เราต้องเป็นเบอร์สองในวงการ ลูกทุ่ง ก็เพราะมีสยามซองเป็นก้างขวางคอ”
ครูชาตรีแนะ
“เราก็หาวิธีเอาชนะเขาแบบใสสะอาดสิครับเสี่ย”
สุดนภาเห็นด้วย
“นั่นสิคะป๋า เป็นมิตรกับพี่จิไว้ดีจะตาย”
เสี่ยอ๋านึกได้
“ป๋ารู้แล้ว ลูกไอ้จรัล คือเพื่อนฟ้าที่ทำให้ฟ้าไม่อยากกลับไปเรียนต่อ มันเป็นคนที่ฟ้าอยากให้ป๋ารู้จัก”
สุดนภาเขิน
“ค่ะ ป๋า”
เสี่ยอ๋ายิ้มร้าย
“ได้...ถ้าฟ้าอยากเป็นมิตรกับพวกนั้น ป๋าก็จะเป็นให้ นับจากนี้ไปเราจะมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้พวกสยามซอง”
เสี่ยอ๋ายิ้มร้าย ชาตรีมองหน้าเสี่ยอ๋าแล้วขมวดคิ้วครุ่นคิด
จรัล จิรายุ คมกริช และริสากำลังดูคลิปข่าวกันอยู่ในห้องประชุม หน้าจอคอมพ์เป็นภาพงานแถลงข่าว เห็นนักข่าวรุมสัมภาษณ์จิรายุเรื่องรับทอดตำแหน่ง...นักข่าวสัมภาษณ์นทีทองและชามาดา...จรัล คมกริช และริสาดูภาพข่าวกันอย่างพอใจ คมกริชแอบทำหน้าเซ็ง ขัดอกขัดใจ พอคลิปข่าวจบ ริสาก็กดปุ่มปิด จรัลยิ้มชม
“เยี่ยมมาก! ต้องให้ได้อย่างงี้สิลูกพ่อ”
“ท่านประธานคะ ยังมีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อีกค่ะ”
ริสาหยิบแฟ้มข่าวยื่นให้จรัลและจิรายุดู เป็นข่าวที่ตัดมาจากหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ แปะไว้เรียบร้อยบนกระดาษ A4 จัดไว้ในแฟ้มดูเรียบร้อย จรัลและจิรายุดูข่าวกันอย่างสนใจ
“หน้าข่าวบันเทิงของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับมีแต่ข่าวของสยามซองค่ะ”
จรัลยิ้มพอใจ
“ดีมากริสา”
จิรายุสงสัย
“ไม่มีข่าวของเบสท์มิวสิคเลยเหรอ”
“อยู่นี่ค่ะ”
ริสาเปิดแฟ้มข่าวให้ดู จรัลและจิรายุก้มดูภาพข่าวในแฟ้ม คมกริชรีบดูข่าวอย่างสนใจแล้วเขาก็อึ้ง
“มีแต่ข่าวแย่ๆ”
“ต้องแย่สิคะคุณคม โกหก กุข่าวดาวรุ่งท้อง พวกนักข่าวเขาไม่ได้โง่นะคะ อีกหน่อยคงไม่มีใครอยากไปทำข่าวให้เบสท์มิวสิคหรอกค่ะ”
จรัลยิ้มสะใจ
“สะใจจริงๆ ป่านนี้ไอ้เสี่ยอ๋าคงเอาทีนก่ายหน้าผากไปแล้ว ฮะฮ่าๆ”
จิรายุมองพ่ออย่างขัดใจนิดๆ
“ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะพ่อ”
“ทำไมจะไม่ขำวะ ฉันอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง หนอย...คิดจะตัดหน้าเรา สุดท้ายมันก็แพ้ภัยตัวเอง จริงไหมคมกริช”
คมกริชยิ้มเกลื่อน
“เอ่อ...ครับท่าน”
ริสานึกขึ้นได้
“เออ คุณจิคะ ตอนนี้มีคลิปคนอยากเข้ามาเทสเสียงเป็นนักร้องลูกทุ่งแนวใหม่ส่งเข้ามาแล้วนะคะ ท่านประธาน คุณจิ คุณคมจะดูมั้ยคะ”
จรัลคิดๆ
“เอาไว้ก่อน...เฮ้อ นึกแล้วก็เสียดาย เรามีคนอยู่แล้ว แต่กลับเอามาปั้นไม่ได้”
คมกริชและริสาหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย คมกริช อยากรู้มาก
“ใครเหรอครับท่าน”
จรัลทำท่าจะพูด
“ก็...”
จิรายุรีบพูดแทรกขึ้น
“ขออุบไว้ก่อนครับพี่คม...แต่ที่เราออกไปข่าวไปเนี่ยก็เพื่อจะปั้น คนนี้แหละครับ”
จรัลทำหน้างงๆ มองจิรายุอย่างสงสัยว่าทำไมต้องปิดเป็นความลับ คมกริชแอบทำหน้าไม่พอใจ
คมกริช และริสาถือแฟ้มเอกสาร เปิดประตูออกมาจากห้องประชุม คมกริชถอนหายใจหน้าเครียดขรึม ดูออกว่าหงุดหงิด จนริสานึกสงสัย
“เป็นอะไรคะคุณคม”
คมกริชอารมณ์ไม่ดี
“คุณเป็นพีอาร์ แต่ไม่รู้ว่า คุณจิจะปั้นใครเป็นนักร้องใหม่”
“แหม จะอารมณ์เสียเรื่องอะไรคะ ก็คุณจิยังไม่บอก ริสาจะรู้ได้ยังไง”
คมกริชจ้องตาขวาง ริสาชะงัก เห็นคมกริชจ้องตาโต ก็ชักหวาดๆ คมกริชหันมองไปทางห้องประชุมแค้นๆเปรยออกมา
“ข่าวดัง ตอนนี้ก็เลยหน้าบานกันทั้งพ่อทั้งลูก”
ริสางงๆ
“อ้าว คุณคมไม่พอใจเหรอคะ”
คมกริชรู้สึกตัว
“ก็...พอใจไง ถึงได้บอกว่า เจ้านายกำลังสำลักความสุข”
ริสางงๆ
“อ๋อค่ะ งั้นริสาไปก่อนนะคะ”
ริสาออกไป คมกิรชแค้นสุดๆ
“เก่งนักนะไอ้จิรายุ!”
คมกริชจะเดินไปแล้วชะงักคิดได้หันกลับไปมองห้องประชุมอีก
“ศิลปินใหม่...อย่าให้กูรู้ล่ะ กูฉกไปให้เสี่ยอ๋าแน่”
ในห้องประชุม จรัลจ้องหน้าจิรายุอย่างสงสัย
“แกคิดจะทำอะไรวะไอ้จิ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ก็เมื่อกี้ทำไมแกไม่พูดไปเลยว่าคนที่เรากำลังเล็งๆ ไว้ว่าจะปั้นคือกุ้งนาง”
จิรายุถอนใจหน้าตาครุ่นคิด
“ยังไม่ถึงเวลาครับพ่อ...เรื่องแถลงข่าวถูกคู่แข่งตัดหน้า ผมคิดว่า น่าจะมีหนอนบ่อนไส้นะครับ”
จรัลจ้องนิ่ง
“ใคร”
“ยังไม่ทราบครับ”
จรัลคิดๆ เห็นด้วย
“ก็จริงของแก ถ้าเกิดค่ายอื่นรู้ว่าเรามีเพชร เดี๋ยวมันดอดมาฉกไปเจียระไนแล้วจะยุ่ง”
จรัลยิ้มชม เอื้อมมือไปตบไหล่ลูกชายเบาๆ
“เก่งขึ้นเยอะนะไอ้ลูกชาย”
จิรายุยิ้มกริ่ม
“พ่อจะเห็นผมเก่งกว่านี้อีกครับ ถ้าพ่อสนับสนุนให้ผมเป็นนักแต่งเพลง”
จรัลหุบยิ้มทันที ทำท่าจะเขกหัว จิรายุรีบหลบแทบไม่ทัน
“พูดถึงแต่งเพลง แล้วครูคมเงียบไปเลย”
“เพลงอะไร”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ ผมขอตัวนะพ่อ”
จิรายุเดินออกไปทันที
คมกริชยืนมองเหม่อออกไปนอนกหน้าต่าง จิรายุเคาะประตูเข้ามา คมกริชแสร้งยิ้มรับทันที
“ว่าไงครับคุณจิ”
“เรื่องเพลงที่ผมเคยแต่งแล้วขอให้ครูตรวจน่ะครับ”
“จริงด้วย...ผมลืมไปเลย”
คมกริชทำเป็นหา
“แย่จริง คราวที่แล้วก็ว่าจะหาให้คุณจิ แล้วก็ลืม นี่ก็ไม่รู้ไปเก็บไว้ที่ไหน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีเซฟเก็บไว้ในคอมพ์ เดี๋ยวผมพิมพ์เอามาให้ครูดูใหม่ก็ครับ”
“ขอโทษจริงๆนะครับ”
จิรายุเดินออกไป คมกริชยิ้มร้าย แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร
“เสี่ยครับ”
ในห้องประชุมทั้งหมดนั่งฟังเพลงเดโม ที่มีทำนองแล้วเสียงร้องไกด์คลอตามแต่ยังไม่ได้ใส่เนื้อ เสี่ยอ๋ายืนคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่ง
“ฮึ...มันทวงเพลงมันเหรอ ได้ อีกไม่นานมันจะได้ฟังฉบับสมบูรณ์ ทั้งเนื้อร้องทำนองแน่”
เสี่ยอ๋าวางสายแล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะประชุม
“เป็นไง ตกลงเลือกเพลงได้หรือยังลูก”
“ป๋าว่าเพลงนี้เป็นไงคะ ฟ้าช้อบชอบทำนอง”
ครูชาตรีคิดๆก่อนจะแนะนำ
“ผมว่าเพลงเปิดตัวคุณฟ้าเพลงแรกน่าจะเป็นเพลงสนุกๆ ติดหูง่ายครับ”
โปรดิวเซอร์เปิดเพลงให้ฟัง เสี่ยอ๋าฟังแล้วชอบ
“ก็ดีนะ เนื้อเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วครับ เพราะจริงๆ เพลงนี้เราเตรียมไว้ให้ดาวรุ่งสำหรับชุดใหม่ แต่ตอนนี้ผมว่าให้คุณฟ้าก็ก่อนก็ได้ครับ”
“ดี...เออ...แล้วเพลงที่ผมเคยให้ครูดูน่ะ แก้เสร็จยัง เอามาให้ฟ้าร้องสิ”
ครูชาตรีหนักใจ
“จะดีเหรอครับเสี่ย เสี่ยยังไม่บอกผมเลยว่าใครแต่ง”
“ก็บอกแล้วไงว่าเจ้าของเพลงเขาไม่เอาชื่อ เขาขายขาดเลย”
“แต่ว่า...”
ครูชาตรีจะแย้ง เสี่ยอ๋าบังคับทันที
“ครูว่าดีก็เอามาใช้ ผมจะให้ฟ้าออกสองเพลงเลย แล้วผมก็อยากให้เพลงนี้ออกเป็นซิงเกิ้ลมาก่อน”
ครูชาตรีจำต้องรับคำ
“ครับ”
เสี่ยอ๋าหันไปหาสุดนภา
“อย่าทำให้ป๋าผิดหวังนะลูก”
ลุดนภายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กอดเสี่ยอ๋า ครูชาตรีกังวล
กุ้งนางเดินถือแก้วน้ำมานั่งกลุ้มใจที่มุมหนึ่งในบริษัท จิรายุเดินมาดูแล้วนั่งเป็นเพื่อน
“ยุงลงไปไข่แล้ว”
กุ้งนางสะดุ้ง
“คุณจิ”
“ก้านเป็นไงบ้าง”
“ยังไม่เจอกันเลยค่ะ กุ้งก็มัวแต่ซ้อม”
“ฉันว่าก้านคงไม่พอใจฉัน เรื่องเมื่อคืน”
“คุณจิคิดอย่างนั้นเหรอคะ”
“ถึงก้านจะไม่พูด แต่ผู้ชายด้วยกันดูออก”
กุ้งนางถอนใจเครียด
“กุ้งจะอยู่ห่างๆคุณ พี่ก้านจะได้สบายใจ”
จิรายุหน้าเหวอ
“อ้าว... แล้วฉันจะสบายใจไหมล่ะ”
กุ้งนางอึ้ง
“คุณจิ!”
จิรายุยิ้ม
ทันใดนั้นเสียงสุดนภาก็ดังขึ้น
“พี่จิรายุคะ”
จิรายุกับกุ้งนางหันไปตามเสียงก็เห็นสุดนภายืนยิ้มอยู่ จิรายุมองด้วยสายตางงๆ
“ลืมน้องที่นิวยอร์กแล้วเหรอคะ ฟ้าเสียใจนะคะ ถ้าพี่จิจะจำฟ้าไม่ได้”
จิรายุนึกได้
“อ๋อ...น้องฟ้า ขอโทษทีพี่จำไม่ได้ครับ”
“น่าน้อยใจนะคะ ผิดกับฟ้า ไม่เคยลืมพี่จิเลย”
สุดนภากับจิรายุยิ้มให้กัน
“แล้วนี่ใครกันคะ” สุดนภาก็มองไปทางกุ้งนางที่นั่งมองอยู่เช่นกัน
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 14
สุดนภายืนยิ้มให้ กุ้งนางก็ยิ้มตอบ จิรายุแนะนำ
“นี่กุ้งนาง เพื่อนร่วมงานของผมครับ”
“ทำตำแหน่งอะไรคะ”
กุ้งนางสลดไปนิดไม่กล้าพูด จิรายุตอบแทน
“เป็นแดนเซอร์น่ะครับ”
“ว๊าว...เก่งจัง”
กุ้งนางเหวอไปนิดแล้วรีบยิ้มทันที
“คุณชมฉันเหรอคะ”
“ใช่สิ ทำไมล่ะ ฉันว่าแดนเซอร์เป็นอะไรที่สนุกออก ได้ออกกำลังกายทั้งวัน หุ่นดีด้วย”
กุ้งนางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณค่ะ ฉันนึกว่าคุณจะ...”
“ดูถูกน่ะเหรอ” สุดนภาหยักไหล่ “ฉันไม่ชอบสร้างศัตรูพร่ำเพรื่อหรอก”
กุ้งนางกับสุดนภายิ้มให้กัน จิรายุถามยิ้มๆ
“แล้วคุณฟ้ามาที่นี่มีธุระอะไรครับ เผื่อผมจะช่วยได้”
“แหม...เรียกซะห่างเหินเลยนะคะพี่จิ คนวงการเดียวกันแท้ๆ”
จิรายุกับกุ้งนางมองหน้าสุดนภาแล้วงงกัน หญิงสาวอมยิ้ม
“ฟ้าเป็นลูกสาวเสี่ยอ๋า อุ๊ย...ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าฟ้ากำลังจะเป็นนักร้องใหม่ของเบสท์มิวสิคต่างหาก”
จิรายุกับกุ้งนางอึ้งตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ทุกคนนั่งที่โซฟาในห้องทำงานจรัล สุดนภายกมือไหว้จรัลอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณลุง ฟ้าเป็นตัวแทนของเบสท์มิวสิค เพื่อขอโทษในสิ่งที่ป๋าของฟ้าได้ทำไปค่ะ”
คมกริชงง
“เสี่ยอ๋าส่งคุณฟ้ามาเหรอครับ”
“ค่ะ...ป๋าไม่สะดวกมาเอง ทางสยามซองคงเข้าใจนะคะ”
จรัลไม่ชอบใจ
“ฮึ...ขอโทษเงียบไปหน่อยหรือเปล่าหนู”
ริสาเห็นด้วย
“นั่นสิคะ อยู่ๆ ก็มาหาเรื่องกัน พอทำไม่สำเร็จก็ส่งลูกสาวมาขอโทษ ง่ายเหมือนเล่นขายของนะคะ รู้ไหมว่าเราต้องคิดกันหัวแทบแตกเพื่อจะแก้เกมพ่อคุณ”
สุดนภายิ้มรับเจื่อนๆกับสายตาของจรัลและริสาที่มองอย่างไม่พอใจ
ในห้องซ้อมเต้น ทุกคนนั่งฟังล้อมกุ้งนาง ยกเว้นนทีทองกับชามาดาที่กำลังสัมภาษณ์อยู่ ครูแจ๋เข้ามาถาม
“นี่แม่กุ้งนาง เรื่องแบบนี้อย่ามาพูดเล่นนะยะ มันเสียหาย สะเป่ยเฮ่ยย่ะ”
กุ้งนางยืนยัน
“กุ้งไม่ได้พูดเล่นค่ะครูแจ๋ คุณฟ้าบอกคุณจิเอง”
“อุ๊ย...แพ้ราบคาบแล้ว ก็ต้องยกธงขาวสกาวฟ้ายังงี้แหละ”
ชะเอมหันมาถามครูแจ๋
“แผนลับลวงพรางหรือเปล่าคะครู”
ครูแจ๋นึกได้
“ว้าย จริงด้วย อยู่ๆ คนเลวจะมาพลิกเป็นคนดีกันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือฝ่าทีนได้ยังไง มันต้องมีอะไรแอบแฝง รอแทงข้างหลังทะลุถึงหอคอยล่ะยะ”
“แต่คุณฟ้าบอกว่า ไม่ได้คิดเหมือนพ่อ ก็เลยอาสาจะมาเคลียร์ให้ กุ้งว่าต่อไปนี้ทุกอย่างคงดีขึ้น”
นักข่าว ช่างภาพออกไป นทีทองกับชามาดาเดินเข้ามาหากลุ่มกุ้งนาง ชามาดาแว๊ดใส่
“จับกลุ่มอะไรกัน จะออกทัวร์อยู่แล้ว ไม่คิดจะเตรียมตัวทำงานหรือ ฉันไม่ได้ว่างมาซ้อมทั้งวันนะยะ เย็นนี้ก็ต้องเดินสายออกทีวีอีก”
นทีทองปราม
“น้องดาจะบ่นทำไม ที่เขาคุยกันก็เพราะรอเราสองคนสัมภาษณ์อยู่”
ชามาดาค้อนนทีทองที่ขัดใจ
“แล้วนี่คุณจิอยู่ไหน ใครรู้มั่ง”
กุ้งนางบอกเรียบๆ
“ประชุมอยู่ที่ห้องคุณจรัลค่ะ”
“รู้ดีนะ จิบอกแกหรือเปล่าล่ะว่าประชุมอะไร”
“ไม่ได้บอกค่ะ แต่คุณฟ้าลูกสาวเบสท์มิวสิคมา”
ชามาดาหน้าตื่น
“ใครนะ”
ในห้องประชุม...สุดนภาพยายามยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร
“ฟ้าเข้าใจค่ะ คุณลุงคะ ป๋าอาจจะคิดเรื่องธุรกิจมากไปหน่อย คุณลุงคงเข้าใจนะคะ แต่พอฟ้าบอกว่า ฟ้าเป็นรุ่นน้องของพี่จิที่อเมริกา มันก็เท่ากับว่า เรามีสัมพันธ์ที่ดีขึ้น จะเป็นศัตรูกันไปให้เหนื่อยทำไม จริงไหมคะ”
จรัลกับริสายังนั่งนิ่งมองไม่ไว้ใจ คมกริชพูดขึ้น
“แหม...คุณฟ้ามาเป็นฑูตแบบนี้ ผมว่าเราก็น่าจะให้อภัยนะครับท่าน เลิกแข่งกัน มาร่วมมือกันกอบโกยผลประโยชน์น่าจะดีกว่านะครับ”
จรัลหันไปถามลูกชาย
“แกว่าไงไอ้จิ”
จิรายุนิ่งคิด
“ผมก็คิดเหมือนพี่คมครับพ่อ ทางเราไม่ได้เสียหายเท่ากับทางเบสท์มิวสิค เป็นมิตรกันก็ดีกว่าเป็นศัตรูกันครับพ่อ”
จรัลหันมาหาสุดนภา
“งั้นหนูก็กลับไปบอกพ่อหนูว่า เรื่องครั้งนี้ทางสยามซองไม่โกรธ แต่ต่อไปก็ต่างคนต่างอยู่แล้วกัน”
สุดนภายกมือไหว้ทุกคนแล้วหันไปยิ้มให้กับจิรายุ
ทั้งหมดซ้อมเพลงกันอยู่ ชามาดาไม่ค่อยมีสมาธิร้องผิดท่อน นทีทองหยุดเต้น
“หยุด พอก่อน”
เสียงดนตรีหยุด นทีทองหันมาต่อว่าชามาดา
“น้องดา ร้องผิดได้ไง จะออกทัวร์แล้วนะ”
ชามาดาโวยวาย
“โอ๊ย...ผิดถูกก็เรื่องของดา พี่นทีจะมายุ่งทำไม โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว พักก่อน”
“จะพักอะไรกัน เราเพิ่งเริ่มซ้อมนะ”
ชามาดาตวาด
“ก็ดาไม่มีสมาธินี่ อยากซ้อมพี่ก็ซ้อมไปคนเดียวก่อนแล้วกัน”
ทุกคนในห้องรวมทั้งนทีทองจ๋อยไปเลย ระหว่างนั้นจิรายุก็พาสุดนภาเดินเข้าห้องซ้อมมา
“นี่เป็นห้องซ้อมใหญ่ของเราครับ ถ้าเป็นวงใหญ่จะใช้ห้องนี้หมด”
“ยิ่งใหญ่สมเป็นสยามซองจริงๆนะคะ”
สุดนภากับชามาดาหันมาเจอกัน ชามาดาอึ้งตกใจ
“เอ๊ะ...นี่แก...”
สุดนภายิ้ม
“ฟ้า สุดนภา ลูกสาวเสี่ยอ๋า เบสท์มิวสิคค่ะ...พี่จิคะ นี่ชามาดา นักร้องเบอร์หนึ่งสยามซอง ฟ้าเป็นแฟนคลับคุณด้วยนะคะ ดีใจจังที่เจอตัวจริง” สุดนภายิ้มเข้าไปกอดกระซิบข้างหูชามาดา “น่าจะปลดระวางแล้วนะ”
ชามาดากรี๊ด
“อ๊าย...แก...อีบ้า”
ชามาดาผลักสุดนภาออกจิรายุรีบมารับ
“พี่จิคะ...”
สุดนภากอดจิรายุแน่น จิรายุหันไปดุชามาดา
“ทำไมทำแบบนี้ดา”
“ก็มันมาด่าดา”
“ฟ้าไปด่าอะไรคุณ ฟ้าก็พูดด้วยดีๆ นะคะพี่จิ”
“หืออีนี่ แกมันหน้าด้าน ตีสองหน้าเก่งนักนะ”
จิรายุรีบดึงมือสุดนภา
“ไปกันเถอะครับ คุณฟ้า”
สุดนภายิ้มเยาะชามาดา
“แล้วเจอกันใหม่นะคะ คุณชามาดา”
สุดนภาเดินนำจิรายุออกไป ชามาดาอึ้งตกใจยิ่งเห็นสุดนภาเล่นบทนางเอกก็ทนไม่ได้
“อ๊าย”
คนอื่นมองๆ ชามาดาหันไปตวาด
“มองอะไร อีลูกสาวเบสท์ มิวสิค มันบุกมาถึงนี่แล้ว ยังทำหน้าตาเฉยกันอีก ระวังเถ๊อะ อีกหน่อยจะตกงานกันหมด”
ชามาดาออกไปจากห้อง
จิรายุ เดินมาส่งสุดนภาที่ลานจอดรถ
“คุณฟ้า ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ เรื่องชามาดา”
“พี่จิคะ ถ้าเรียกฟ้าว่าคุณฟ้าอีกที ฟ้าโกรธจริงๆด้วย”
“ครับ ฟ้า”
“ชามาดาคงโกรธเรื่องแถลงข่าวมากจนพาลมาลงที่ฟ้า มันก็สมควรแล้วล่ะค่ะ แต่พี่จิไม่ได้โกรธฟ้าแน่นะคะ”
“ครับ”
“ดีค่ะ...ฟ้าถือว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะคะ”
สุดนภายิ้มให้จิรายุพร้อมกับยื่นมือมาให้จับ แล้วจิรายุก็ส่งสุดนภาขึ้นรถขับออกไป
ก้านเดินเข้ามา ใต้ต้นไม้ร่มรื่นมุมหนึ่งในบริษัทสยามซองอย่างเซ็งๆ เขาถอนใจนั่งลง ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน สักครู่ กุ้งนางกับชะเอมก็เดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง ชะเอมยิ้มแย้ม
“เฮ้อ ดีเหมือนกันนะ ที่คุณฟ้ามาเลยได้พักเร็ว”
“ไหนว่าอยากเป็นแดนเซอร์ ทำไมขี้เกียจล่ะ กุ้งว่าเรารีบกลับไปซ้อมดีกว่า”
“จ้า...แม่นางเอก”
กุ้งนางและชะเอมหันไปเห็นก้านนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ก็ชะงัก
“พี่ก้าน!”
ชะเอมหน้าบึ้งตึง
“ไปเหอะกุ้ง”
กุ้งนางกระซิบ
“พี่ชะเอม เราจะไม่คุยกันกับพี่ก้านแบบนี้ตลอดไปเหรอ”
“ใจอ่อนละสิ กุ้ง พี่ไม่ได้โหดร้ายกับไอ้ก้านมันนะ แต่มันทำเกินไป”
“แต่พี่ก้านเขาดูเศร้ามากเลยนะพี่ชะเอม”
“กุ้ง อย่าบอกนะว่าเอ็งจะไปง้อมัน”
“เรื่องแค่นี้ เราน่าปรับความเข้าใจกันได้นะพี่ชะเอม”
กุ้งนางจะเดินเข้าไป แต่ก้านหันมามองแล้วลุกเดินหนีไป
“อ๊าย...เห็นไหมกุ้ง ดูดู๊ดูดูมันทำ ต่อไปนี้ห้ามไปยุ่งกับมันนะ”
กุ้งนางมองตามก้านใจไม่ดี
คมกริชมาหาเสี่ยอ๋าในห้องทำงาน คมกริชถามอย่างสงสัย
“ผมไม่เข้า ทำไมเสี่ยส่งลูกสาวมาที่นี่ เสี่ยจะเป็นยอมแพ้มันแล้วเหรอครับ”
“ใครบอกว่าฉันจะยอมแพ้มัน”
“งั้นส่งลูกสาวมาขอโทษมันทำไม”
“ก็แค่ให้ไปเปิดตัว ไปทำความรู้จักกันไว้”
คมกริชงง
“ผมไม่เข้าใจ”
“ฉันก็แค่อยากลูกสาวฉันได้ใกล้ชิดไอ้จิรายุไว้ ต่อไปจะได้ปั่นหัวมันง่ายหน่อย”
“อ๋อ...อย่างที่เขาว่า บุรุษที่แข็งแกร่งก็ต้องแพ้ความอ่อนหวานของอิสตรีนี่เอง”
เสียอ๋าหัวเราะแล้วกดวางสาย
“ดีไม่ดี ถ้าแต่งงานกันได้ ฟ้าจะทำให้ป๋าได้เป็นเจ้าของสยามซองง่ายขึ้น”
ก้านเดินเรื่อยๆเปื่อยๆมาตามทาง แล้วผ่านห้องซ้อมร้องเพลง ก็ได้ยินกบร้อง ก้านเปิดประตูเข้าไปยืนฟัง กบร้องจนจบเพลงเป็นเพลงแนวแอบรัก แล้วหันมาก็เจอก้าน
“อ้าว พี่ก้าน”
“ขอโทษนะครับที่ผมมารบกวน”
ก้านจะเดินออกไป
“เดี๋ยวสิ...ไม่ได้กวนอะไรหรอก จริงๆวันนี้ กบไม่มีซ้อม แต่มันอดตื่นเต้นไม่ได้ เลยมาซ้อมไว้ก่อนจ้ะ”
กบเดินมาหา ก้านหน้าตาเศร้ามาก
“มีเรื่องไม่สบายใจเหรอพี่”
ก้านนิ่งเงียบ
“มีอะไรบอกกบได้นะ”
ก้านฉุน
“อย่ายุ่งกับเรื่องของผมเลย ซ้อมเพลงของคุณไปเถอะ”
กบอึ้ง
“พี่ก้าน กบไม่ได้คิดจะยุ่งนะ แต่เห็นพี่เคยช่วยให้กำลังใจกบ กบก็อยากจะตอบแทนบ้าง เราอยู่วงเดียวกัน อีกหน่อยก็ต้องเดินทางด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน จะให้อยู่อย่างเกลียดขี้หน้าหรือพี่น้องกันล่ะ”
ก้านอึ้งไปครู่
“ผมขอโทษ”
ชามาดาเปิดประตูห้องทำงานจิรายุเข้ามาด้วยความโกรธ
“ส่งมันกลับหลุมไปแล้วเหรอ”
จิรายุงง
“ใคร”
“ก็นังลูกเสี่ยอ๋าไง เห็นเขาพูดกันว่าเป็นรุ่นน้องที่อเมริกาของจิเหรอ เป็นเมียมากกว่ามั้ง”
จิรายุโมโห
“ทำไมพูดแบบนี้ คนอื่นเขาเสียหาย”
“ทำไมดาจะพูดไม่ได้ หรือกลัวดาจะรู้ทัน ทั้งนังกุ้งเน่านังฟ้า จิก็คิดจะฟันมันใช่ไหม”
จิรายุยิ่งโมโหเสียงดังขึ้น
“ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ก็ดารักคุณ”
จิรายุเสียงดังขึ้นอีก
“เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว มันซ้ำซากน่ารำคาญ คุณไม่ได้รักผม ไม่เคยรักด้วย คุณเป็นผู้หญิงรักเงิน”
ชามาดาตบหน้าจิรายุ เจ็บใจจนน้ำตาคลอ
“ดาไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะเป็นผู้ชายแบบนี้”
จิรายุเน้น
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด เพราะคุณเป็นคนสอนผมเองดา”
ชามาดาอึ้ง
“จำไว้นะจิ ดาจะหาคนที่มีเงินมากกว่าคุณก็ได้ แต่เขาคงไม่ใช่คนที่ดารัก”
จิรายุได้สติ พยายามระงับอารมณ์โกรธ
“เรื่องของเราจบแล้วดา...ผมไม่มีวันกลับไปรักคุณ คุณไปเริ่มต้นใหม่ดีกว่า”
“ได้...ในเมื่อจิทำกับดาแบบนี้ เราจะได้เห็นดีกัน”
ชามาดาเดินออกจากห้องไป จิรายุถอนใจ รู้สึกว่าพูดจารุนแรงกับชามาดาเกินไป
ก้านกับกบนั่งคุยกันอยู่ ชายหนุ่มถอนใจเบาๆ
“จนเกิดเรื่องเมื่อวาน ผมก็เลยรู้ความจริงว่า กุ้งไม่เคยรักผมเกินความเป็นพี่ชาย กุ้งคงจะรักคุณจิรายุ”
กบคิดๆ
“เท่าที่ฟัง กบว่ากุ้งนางคงยังไม่คิดอะไรกับคุณจิรายุหรอก แต่จะคิดก็ตอนที่พี่ไปเหวี่ยงใส่นี่แหละ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็มันทำให้พี่ดูแย่ลงไง ใจร้อนขี้โมโหอย่างงี้จะไปแข่งกับใครเขาได้ ผู้หญิงน่ะชอบผู้ชายที่ใจเย็น ดูอบอุ่นนะ”
ก้านยิ้มมีความหวัง
“คุณกบนี่ฉลาดจริงๆ”
กบถอนใจ
“กบไม่ได้ฉลาดหรอกพี่ก้าน...แต่กบแอบสังเกตพี่มาตลอดต่างหาก”
“ขอบใจนะคุณกบ”
ก้านลุกขึ้น จะออกไป
“จะไปไหนพี่”
ก้านยิ้ม
“ไปทำงานต่อ ไว้ผมจะซื้อน้ำกับขนมมาให้คุณกบเป็นรางวัลนะ”
“ไม่ต้องหรอกพี่”
ก้านเดินยิ้มออกไป กบมองตามไป รู้สึกว่าตัวเองเริ่มรักก้าน หญิงสาวถอนใจ
กุ้งนางนั่งปักเลื่อมอยู่ที่โต๊ะในห้องเสื้อผ้า ก้านเดินเข้ามา กุ้งนางชะงัก
“พี่ก้าน!”
“กุ้ง... เรื่องคุณจิรายุที่พี่พูดกับกุ้ง...”
กุ้งนางตัดบท
“พี่ก้าน ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาพ่อ”
ก้านยิ้ม
“งั้นพี่ขอโทษนะ ที่ทำไม่ดีกับกุ้ง”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพี่ก้านก็เหมือนเป็นพี่ชายฉัน ฉันไม่โกรธหรอก”
กุ้งนางยิ้มให้ ก้านยิ้มรับ
“ขอบใจนะ แต่พี่อยากให้กุ้งรู้ว่า พี่จะไม่เลิกรักกุ้ง”
ชะเอมกับด้วงถือน้ำ และขนมเดินเข้ามา พอเห็นก้านก็หน้าบึ้งกันทันที
“เข้ามาทำไมไอ้ก้าน ไป๊...เหม็นหน้า เกลียด ไป”
ก้านอมยิ้ม
“เกลียดเพื่อนรักได้ลงคอเหรอวะชะเอม”
ชะเอมกับด้วงมองหน้ากันเหวอไป ชะเอมงงๆ
“ทำไมอารมณ์เอ็งเปลี่ยนเร็วนักฮึ ไอ้ก้าน”
“ฉันรู้แล้วว่าฉันทำไม่ถูกเลยมาขอโทษ ขอโทษนะชะเอม...”
กุ้งนางหันมาบอกชะเอม
“พี่ชะเอม อภัยให้พี่ก้านเถอะนะ”
ชะเอม ส่ายหน้า
“เฮ้ย เร็วไป”
ก้านแหย่
“โกรธนานเดี๋ยวหน้าแก่นะ”
ชะเอมจับหน้า
“จริงเหรอ...เออ ก็ได้ แต่ถ้าเอ็งทำตัวแบบนี้อีก เลิกคบกันเลยนะไอ้ก้าน”
“เออ”
ชะเอมพุ่งเข้าไปกอด ก้านเขิน ทุกคนยิ้มหัวเราะกันมีความสุข
วันใหม่..ในห้องประชุมบริษัทสยามซอง ทุกคนนั่งประชุมกันอยู่พร้อมหน้า จิรายุนั่งเป็นประธานการประชุมหน้าตายิ้มแย้ม
“จะออกทัวร์คอนเสิร์ตกันแล้ว ทุกคนคงต้องเหนื่อยกันหน่อยนะครับ ใครมีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไรมั้ยครับ”
ทุกคนหันมามองกัน แล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ ชามาดาลุกขึ้น
“เรียกมาเพื่อพูดแค่นี้ใช่ไหม”
ทุกคนอึ้งที่ชามาดาทำเสียบรรยากาศ นทีทองมองแล้วส่ายหน้าระอาใจ
“ก็คุณจิอธิบายแผนงานไปตั้งเยอะแล้ว น้องดาไม่ได้ฟังรึไง”
“ฟัง...แต่เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว มันซ้ำซากน่ารำคาญ นึกว่าจะมีอะไรแปลกใหม่”
คมกริชเยาะๆ
“ก็แปลกใหม่มากแล้วนะชามาดา ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ท่าเต้น แล้วก็มีกบ กรรณิการ์มาเสริมอีกคน”
ชามาดาเบ้หน้าเหยียดหยัน
“โอ๊ย นักร้องกระจอกเนี่ยเหรอคะพี่คม เคยโชว์แต่เวทีเล็ก งานวัดงานบวชงานบุญ จะทำให้โชว์ของดาเสียรึเปล่าก็ไม่รู้”
กบหน้าเสีย นทีทองหันไปหา
“อย่าไปสนใจกบ อีกหน่อยกบจะดังแน่เชื่อพี่”
“ค่ะ”
ซองจูหันมาหาจิรายุ
“คุณจิครับ”
“ว่าไงซองจู”
“ผมล็อคตารางงานพี่นที งดรับงานอื่นไปตลอดสามเดือนเลยนะครับ”
จิรายุพยักหน้า ก่อนจะหันไปหาวีวี่
“คุณวีวี่ด้วยนะ”
“ค่ะ”
“โอเคครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เลิกประชุมแค่นี้...ขอบคุณทุกคนครับ”
ทุกคนพากันลุกขึ้น ทยอยกันเดินออกไป
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 14 (ต่อ)
นทีทองกับซองจูเดินมา กุ้งนางเดินเข้าไปหา หน้าตายิ้มมีความสุข นทีทองยิ้มๆ
“ว่าไงกุ้งนาง”
“คุณนที...”
นทีทองสวนทันที
“เรียกพี่ได้แล้ว”
“ค่ะ พี่นทีประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ”
นทีทองยิ้มให้
“จ้ะ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่แจ้งแผนทัวร์คอนเสิร์ตน่ะ”
“จะไปไหนมั่งคะ”
“ก็ไปทั่วประเทศเลย ได้เที่ยวกันสนุกแน่กุ้ง...กุ้ง”
“คะ”
“พี่จะบอกว่า หลังๆ มานี่กุ้งกับชะเอมเต้นดีนะ เก่งขึ้นเยอะเลย”
กุ้งนางยิ้มกว้าง
“ขอบคุณนะคะ คุณ เอ้อ...พี่ไม่ได้หลอกให้กุ้งดีใจนะคะ”
ซองจูยิ้มขำ
“พี่นทีจะหลอกกุ้งทำไมล่ะ”
นทีทองยิ้มกับซองจู
“นั่นสิ ซองจูก็เห็นใช่ไหม”
“ครับ”
นทีทองมองกุ้งนาง
“แต่กุ้งอย่าขาดซ้อมนะ คนเรามีพรสวรรค์อย่างเดียวไม่ได้ มันต้องมีพรแสวงด้วย หมั่นฝึกฝน ตั้งใจและอดทนนะ”
กุ้งนางยิ้มซาบซึ้งยกมือไหว้
“ค่ะ กุ้งจะจำไว้ ขอบคุณนะคะพี่นที”
นทีทองจับมือรับไหว้ กุ้งนางน้ำตาคลอ ลืมตัวก้มกราบไปที่อกของเขา นทีทองโอบเธอเบาๆ อย่างให้กำลังใจ จิรายุเปิดประตูออกมาพอเห็นกุ้งนางกับนทีทองก็ชะงักจ้องนิ่ง ชามาดากับวีวี่เดินเข้ามา เห็นจิรายุกำลังมองกุ้งนางกับนทีทองอยู่...นทีทองกับกุ้งนางแยกออกจากกัน หันมาเห็นจิรายุ ชามาดา วีวี่ ชามาดายิ้มร้าย
“อึ้งไปเลยเหรอคะ...นังเด็กนี่มันเก่งจริงๆ จะกวาดทั้งผู้จัดการ ทั้งนักร้อง จะคนแต่งเพลงด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้”
จิรายุฉุนกึก
“คุณพูดอะไร”
“ก็เรื่องที่นังนี่มันอยากดัง ถึงขนาดจะเอาตัวเข้าแลกไปทั่วไงคะ ไปพี่วีวี่”
“ดีค่ะ น้องดาอย่าไปอยากสาระแนเรื่องของคนอื่นเลยค่ะ มันปวดตับ”
ชามาดากับวีวี่เดินเข้าไป หยุดตรงหน้านทีทอง
“พี่นทีคะ ที่นี่มันห้องซ้อมนะคะ ไม่ได้ม่านรูด”
นทีทองโกรธมาก
“ชามาดา”
“จะมาเสียงดังทำไม ดาก็แค่เตือนพี่ จะทำอะไร ก็ให้มันลับหูลับตาคนหน่อยแก่แล้วจะดังไปได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ อย่าให้เป็นดาวร่วงก่อนเวลาอันควรจะดีกว่า”
ชามาดาเดินเชิดออกไป วีวี่ตามไป นทีทองจะตามไปเอาเรื่อง ซองจูรีบดึงไว้
“พี่ครับ...อย่ามีเรื่องเลยครับ ไม่มีประโยชน์อะไร”
นทีทองพยายามสงบใจ
“ขอบใจนะซองจูที่เตือน”
ซองจูยิ้มให้กำลังใจปลอบใจ
“ไปเตรียมตัวซ้อมกันนะครับ”
นทีทองถอนใจแล้วเดินนำซองจูไป กุ้งนางรู้สึกผิดที่ทำให้คนอื่นเข้าใจนทีทองผิด จิรายุเดินมาหากุ้งนาง พูดอย่างจริงจังสับสนใจว่ากุ้งนางจะเป็นอย่างที่ชามาดาพูดรึเปล่า
“ต่อไปจะทำอะไรก็ระวังหน่อย”
กุ้งนางพูดไม่ออกน้ำตาคลอ เสียใจที่จิรายุก็เข้าใจผิดด้วย
“ไปเตรียมตัวซ้อมได้แล้ว”
“ค่ะ”
ทั้งคู่ ต่างก็มองกันอย่างสับสนใจ เพราะต่างคนต่างก็ไม่รู้ความรักเริ่มก่อตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ กุ้งนางเดินออกไป จิรายุมองตามไปแล้วถอนใจ
เช้าวันใหม่...สุดนภากำลังอัดเพลง ร้องอย่างสนุกสนานอยู่...คมกริชอยู่ในห้องควบคุมเสียงหันมาบอกเสี่ยอ๋า
“เพลงที่ผมเอามาให้เสี่ยนี่ ใช้ได้เลยนะครับ”
“ก็ครูชาตรีมันแก้ให้จนดีเลย ว่าไหมคุณคม”
“ผมก็ตั้งใจให้เป็นยังงี้ล่ะครับ คราวนี้ไอ้จิรายุมันคงแค้นอกแทบแตกแน่”
เสี่ยอ๋ายิ้ม
“ดี สะใจจริงๆ...แล้วฟ้าลูกสาวผมร้องเป็นไงมั่ง”
“ดีมากครับเสี่ย ไม่คิดว่าคุณฟ้าจะเก่งขนาดนี้”
“ฉันบอกทีมเต้น ทีมมิวสิควิดีโอให้เตรียมงานแล้ว ฟ้าสุดนภา เบสท์มิวสิค จะต้องออกเพลงแรกให้เร็วที่สุด”
“ธุรกิจเพลง ออกช้ากว่าคู่แข่งวันเดียวก็เสียเงินไปเยอะ นี่สยามซองออกแล้ว เสี่ยคงช้าไม่ได้แล้วล่ะครับ”
เสี่ยอ๋ายื่นซองเงินให้
“นี่ค่าตอบแทนที่คุณมีน้ำใจมาดูแลเรื่องอัดเสียงของลูกสาวผม”
คมกริชรับมา
“ขอบคุณครับ”
สุดนภาร้องเพลงเต้นอย่างสนุกสนานในห้องอัด
อาทิตย์ต่อมา...สยามซองปล่อยเอ็มวีเพลง ของนทีทองและชามาดาออกมาสูสายตาผู้ชม...นอกจากนี้ นทีทองและชามาดาร้องเพลงออกรายการโทรทัศน์...เพลงของชามาดาและนทีทองขึ้นอันดับหนึ่งของรายการวิทยุ
งานคอนเสิร์ต...กบร้องเพลงอยู่บนเวที จากนั้นก็ต่อด้วยนทีทองและชามาดาร้องเพลงอยู่บนเวทีมีผู้คนแห่เข้ามาดูกันล้นหลามตามที่ต่างๆ กุ้งนางและชะเอมเต้นกันอย่างสุดมันบนเวที...มุมหนึ่งหน้าเวที จิรายุมองขึ้นไปบนเวที ยิ้มอย่างพอใจกับความสำเร็จ กุ้งนางหันมาสบตาจิรายุ แล้วก็เต้นต่อไปอย่างสนุก
ค่ำนั้น ในบริเวณล็อบบี้ โรงแรมต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง ทีมงานกำลังแจกกุญแจห้องพักจิรายุยื่นกุญแจให้นทีทอง
“ขอบคุณครับคุณจิ”
นทีทองรับกุญแจห้อง แล้วเดินออกไปกับซองจู จิรายุส่งกุญแจห้องให้ชามาดาที่ยืนอยู่กับวีวี่
“นี่ของคุณ ดา”
ชามาดารับมา หน้าบึ้งๆ
“ขอบคุณ ที่ยังเห็นหัวดา ไม่ให้ทีมงานเอามาให้”
จิรายุหันไปส่งกุญแจให้กบที่ยืนรออยู่กับกุ้งนางและชะเอม
“กบ...พักกันสามคนนะ”
“ค่ะ”
จิรายุหันไปถามกุ้งนาง
“คงไม่อึดอัดนะที่ต้องนอนสามคน”
กุ้งนางยิ้มแย้ม
“ไม่ค่ะ”
ชะเอมเป็นห่วงกบ
“พวกเราโอเค แต่คุณกบสิคะ”
กบยิ้ม
“กบโอเคค่ะ จะได้มีเพื่อนนอนด้วย”
จิรายุยิ้มแล้วเดินออกไป ชามาดาหันไปมองพวงกุญแจในมือกบ แล้วยิ้มหน้าตาเจ้าเล่ห์ กบดึงมือชะเอม
“ไปพี่ชะเอม กบอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว”
“เดี๋ยวดิ หิวอ่ะ ไปหาอะไรกินกันก่อนนะคุณกบ”
กุ้งนางหน้าเหวอ
“หิวอีกแล้วเหรอพี่ เหนื่อยง่วงจะตายอยู่แล้ว”
ชะเอมจ๋อยๆ
“กุ้งจะทิ้งพี่ไปคนเดียวเหรอ”
กุ้งนางถอนใจ
“ก็ได้”
ชะเอมดึงมือกบกับกุ้งนางพากันเดินออกไปทางประตูหน้าโรงแรม ชามาดามองตาม ยิ้มมีแผน กระซิบวีวี่
“ได้เลยค่ะน้องดา”
วีวี่รีบไปที่เคาน์เตอร์พนักงาน
“น้องจ๊ะ ห้องน้องกบ กรรณิการ์น่ะ พี่ขอกุญแจอีกดอกได้ไหม เขาไปข้างนอกกัน พี่เข้าห้องไม่ได้นะจ้ะ”
“ได้ครับ”
วีวี่หันมายิ้มกับชามาดาที่ยิ้มสะใจ
ชามาดาและวีวี่เดินเข้ามาที่หน้าห้องพัก
“น้องดา! จะให้พี่นอนห้องนี้จริงๆ เหรอคะ”
“ใช่” ชามาดายิ้มแสยะ “อย่าลืมล็อคด้านใน คล้องโซ่ด้วย นังกบกระโหลกกะลา กับนังกุ้งเน่ามันจะได้เข้าไปไม่ได้”
“เข้าไม่ได้ ก็ไม่มีที่นอน”
“ต๊าย เริ่มฉลาดแล้วนี่ อย่างงี้ค่อยสมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของดาหน่อย”
วีวี่ไขเปิดห้อง อึกอักๆ ลังเล ชามาดาผลักวีวี่เข้าไปในห้องทันที
“ทำอย่างงี้ น้องดาไม่สงสารเขาเหรอคะ”
ชามาดาจ้องตาโต
“สงสารตัวเองดีกว่ามั้งอีพี่วีวี่ อยากตกงานไหมล่ะ จำไว้ ห้ามเปิดเด็ดขาดจนกว่าจะเช้า”
วีวี่พยักหน้าหงึกๆ อย่างไม่เต็มใจ ชามาดาปิดประตูทันทียิ้มแสยะ
“นังผู้หญิงชั้นต่ำ! อย่างพวกแกมันต้องนอนข้างถนน”
ชามาดายิ้มสะใจ เดินออกไป
กุ้งนาง ชะเอมและกบถือกระเป๋าเสื้อผ้า เดินเข้ามาที่หน้าห้อง ชะเอมหาวฟอดๆ
“ฮื้อ หนังท้องตึง หนังตาชักหย่อนแล้วว่ะ ง่วง...”
กุ้งนางเอากุญแจในมือไขที่ลูกบิดประตู มีเสียงดังแกร๊ก แต่พอหมุนลูกบิด จะเปิดประตูเข้าไป แต่เปิดไม่ได้ กุ้งนางแปลกใจ
“เฮ้ย ทำไมเปิดไม่ได้ล่ะ”
ชะเอมและกบลองเปิดดูบ้าง ก็เปิดไม่ได้จริงๆ กบนิ่งคิด
“มันล็อกจากข้างใน...ต้องมีคนอยู่ในห้องแน่ๆ”
ชะเอมสงสัย
“ใครวะ” ชะเอมเคาะประตูห้องตะโกนถาม “ใครอยู่ในห้อง เปิดประตูหน่อย...เปิดสิ ฉันบอกให้เปิด...เฮ้ย หูแตกรึไงวะ”
กุ้งนางห้าม
“พอเถอะพี่ชะเอม เขาหลับไปแล้วมั้ง เราคงเข้าห้องผิดน่ะ”
“ผิดอะไร ก็เบอร์กุญแจกับเบอร์ห้องเนี่ยตรงกันเด๊ะ”
กุ้งนาง กบและชะเอมหันมามองหน้ากัน ไม่รู้จะทำยังไงดี
กุ้งนาง กบและชะเอมถือกระเป๋าเสื้อผ้า พากันเดินเข้ามาบริเวณโถงเชิงบันไดโรงแรมทิ้งกระเป๋าไว้ที่พื้น แล้วนั่งกันแถวบันไดหน้าเซ็งตามๆ กัน กบถอนใจ
“เฮ้อ...เซ็งจริงๆ คืนนี้จะนอนที่ไหนกันล่ะเนี่ย”
กุ้งนางมองรอบๆ
“นอนแถวนี้ก็ได้มั้ง”
ชะเอมหน้าตื่น
“จะบ้าเหรอไอ้กุ้ง ห้องน้ำห้องท่าก็ไม่มี เต้นกันมาเหนื่อยๆ เนื้อตัวเหนียวไปหมดจะดองเค็มกันยันเช้ารึไง”
ก้านเดินออกมาจากลิฟต์เห็นสาวๆก็แปลกใจ
“อ้าว...ทำไมยังไม่เข้าห้องพักกันอีกล่ะ”
กุ้งนางหันมาบอก
“พวกเราเข้าห้องไม่ได้พี่ก้าน”
ชะเอมถอนใจ
“ไม่รู้ใครมันไปนอนตายอยู่ในห้อง เรียกเท่าไหร่มันก็ไม่ตื่นอ่ะ บ้าจริงๆ มันเข้าห้องผิดได้ไงวะเนี่ย”
“ไปขอโรงแรมเขาเปลี่ยนห้องให้สิ”
กบบอกเซ็งๆ
“เขาบอกว่าห้องเต็ม แล้วก็มีคนมาขอกุญแจไป บอกว่าพักห้องเดียวกับเรา”
ก้านสงสัย
“รู้ไหมใคร”
กบส่ายหน้า
“พนักงานเขาก็ไม่รู้ว่าใคร คนมันเยอะน่ะพี่”
ก้านชักมั่นใจ
“สงสัยจะโดนแกล้งแล้วล่ะ”
ก้านเปิดประตูห้องตนเองเข้ามา สาวๆ ตามมา
“คืนนี้นอนห้องผมไปก่อนนะคุณกบ”
กบหันไปถาม
“แล้วพี่ก้านกับเพื่อนๆ ล่ะ”
“พวกผมไปนอนที่รถก็ได้ เดี๋ยวผมจะบอกพี่ด้วงเองว่าเกิดอะไรขึ้น”
“บอกพี่ด้วงนะว่าชะเอมซึ้ง”
“เออ ทำล้อเล่นไปเหอะนังชะเอม ถ้าพี่ด้วงเขาเอาจริงเอ็งจะว่าไง”
ชะเอมขำๆ
“โอ๊ย พี่ด้วงน่ะทั้งหล่อ ทั้งสูง ทั้งขาว ใครไม่เอาก็บ้าแล้ว”
กุ้งนางตัดบท
“พอๆ เลิกพูดกันได้แล้วพี่ คุณกบเหนื่อยแย่แล้ว”
“งั้นกบขอไปอาบน้ำก่อนนะ ขอบคุณมากนะจ๊ะพี่ก้าน”
กบเดินไป
“งั้นพี่ไปที่รถก่อน จะได้พาพี่ด้วงไปนอนห้องอื่นเลย”
ก้านออกไปจากห้อง กุ้งนางหันมาบอกชะเอม
“งั้นกุ้งไปเดินเล่นก่อนดีกว่า คุณกบอาบน้ำเสร็จ พี่ชะเอมก็อาบต่อเลยนะ อ้อ...อย่าเพิ่งนอนล่ะ เดี๋ยวกุ้งเข้าห้องไม่ได้”
กุ้งนางออกจากห้องไป ชะเอมงงๆ
“เฮ้ย อะไรของมันวะ ไปกันหมด”
กุ้งนางเข้ามาเดินเล่นบริเวณสวน นทีทองนั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ที่ม้านั่ง กุ้งนางหันไปเห็นก็ยิ้ม เดินเข้าไปหาทันที
“พี่นทียังไม่นอนอีกเหรอคะ”
นทีทองยิ้มให้
“พี่ยังไม่ง่วงจ๊ะ เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก นั่งสิกุ้ง”
กุ้งนางรับคำ นั่งลงใกล้ๆ ที่ม้านั่ง
“เป็นไง วันนี้เหนื่อยมั้ย”
กุ้งนางยิ้มๆ
“ไม่ค่ะ สนุกออก แล้วพี่นทีล่ะคะ กุ้งเห็นพี่ทั้งร้องทั้งเต้นตั้งหลายเพลง กุ้งเหนื่อยแทนเลย”
“พี่ชอบร้องเพลง ทำงานที่เรารัก ไม่เหนื่อยหรอก”
กุ้งนางนิ่งคิด แล้วก็ยิ้มหยั่งเชิงถามขึ้น
“อืม...พี่มาเดินสายต่างจังหวัดหลายๆ วัน ครอบครัวพี่คงคิดถึงพี่มากนะคะ”
นทีทองอึ้งๆ
“ครอบครัว”
กุ้งนางแย็บต่อ
“ก็แฟนพี่ไงคะ”
นทีทองกลบเกลื่อน
“เฮ้ย...ไม่เอา ไม่เอา ศิลปินไม่พูดเรื่องแฟน”
กุ้งนางแอบเซ็ง แล้วนทีทองก็จ้องหน้ากุ้งนางนิ่ง รู้สึกคุ้นหน้าเด็กคนนี้มาก จ้องจนกุ้งนางแปลกใจ
“เออ...มีอะไรเหรอคะ”
“เรื่องที่พี่เคยบอกกุ้งไง...กุ้งหน้าเหมือนใครคนหนึ่ง”
กุ้งนางยิ้มดีใจ
“ใครคะพี่นที”
นทีทองคิดๆ
“คนที่พี่รู้จักน่ะ...ไม่ใช่แค่หน้าเหมือนนะ แต่นิสัยของกุ้งยังเหมือนเขาด้วย”
กุ้งนางจ้องนิ่ง
“เขาเป็นคนสำคัญของพี่ใช่มั้ยคะ”
นทีทองพยักหน้ายิ้มๆ
ชามาดายืนโวยวายกับพนักงานที่ล้อบบี้
“สามคนนั่นไม่ได้กลับห้อง เขาบอกไหมว่าจะไปไหน”
“ไม่ทราบหรอกครับ เมื่อกี๊มาขอเปลี่ยนห้อง แต่ห้องเต็มคงกลับไปเรียกคนที่พักด้วยกันแล้วล่ะครับ”
“โอ๊ย...ไม่ได้เรื่อง”
“แล้วตกลงห้องใหม่ที่พี่เปิดจะเอาไหมครับ ถ้าไม่เอาจะได้เก็บไว้ให้สามคนนั่น”
“ไม่คืน แกไม่ต้องยุ่ง”
ชามาดาเดินออกไป
ชามาดาเดินเปิดห้องแล้วเดินหงุดหงิดไปยืนที่ระเบียง
“นังกุ้งเน่า แกไปอยู่ไหนนะ”
ชามาดา เห็นนทีทองกำลังคุยกับกุ้งนางอยู่ในสวนก็จ้องนิ่ง
“ต๊าย...ไม่ต้องเสียแรงจุดธูปเรียกเลย อยู่กันพร้อมหน้าทั้งนังกุ้งเสียบทั้งพี่นที...นังกุ้งเน่าเอ๊ย คืนนี้แกได้เคี้ยวควายแก่สมใจอยากแน่”
ชามาดายิ้มร้ายมีแผน
กุ้งนางและนทีทองยังคงนั่งคุยกันอยู่
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ”
นทีอึ้ง พูดไม่ออก
“พี่นทีบอกมาเถอะค่ะ กุ้งอยากรู้”
“เออ...เขาก็...”
นทีทองพูดได้แค่นั้น ชามาดาก็เข้ามาพอดี ถือกุญแจห้องพักห้องหนึ่งมาด้วย ชามาดาแสร้งยิ้ม
“อุ๊ย... พี่นที กุ้งนาง ดามาขัดจังหวะรึเปล่าเนี่ย”
นทีทองหน้าเรียบนิ่ง
“เปล่า”
ชามาดาหันไปมองกุ้งนาง
“กุ้งเข้าห้องพักไม่ได้ใช่มั้ยจ๊ะ”
กุ้งนางชะงัก
“คุณรู้ได้ยังไงคะ”
ชามาดาอึ้งไปนิดนึง แล้วยิ้มเกลื่อน
“แหม...ก็เคาะประตูโวยวายกันซะขนาดนั้น ใครๆก็ได้ยิน...ฉันสงสารเธอกับเพื่อนๆ มากนะกุ้ง ก็เลยไปขอเปิดห้องให้เธอใหม่”
ชามาดายื่นกุญแจห้องในมือให้ กุ้งนางมองอย่างงงๆ ชามาดายิ้ม
“รับไปสิกุ้งนาง...ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกจ้ะ”
ชามาดาเอากุญแจห้องยัดใส่มือกุ้งนาง นทีทองมองชามาดาไม่ไว้ใจ
“ใจดีไปรึเปล่าดา...พี่ว่ามันแปลกๆ นะ...” นทีทองคิดๆ “หรือว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ในห้องนั้น”
ชามาดายิ้มตีหน้าใสซื่อ
“มองโลกในแง่ดีหน่อยสิคะพี่นที...เอางี้ ถ้าพี่ไม่ไว้ใจก็ไปดูห้องเป็นเพื่อนกุ้งเขาสิคะ”
นทีทองจ้องนิ่ง
“พี่ไปแน่!”
ชามาดายิ้มๆ
“รีบไปดูห้องสิกุ้ง”
กุ้งนางและนทีทองพากันเดินออกไป ชามาดายิ้มร้าย รีบเดินแยกออกไปอีกทางหนึ่ง
นทีทองและกุ้งนางกำลังเดินสำรวจในห้องพัก เปิดตู้เสื้อผ้าดู กุ้งนางโผล่หน้าเข้าไปดูในห้องน้ำ ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ นทีทองมองไปรอบๆ จนทั่วห้อง กุ้งนางเดินออกมาจากห้องน้ำยิ้มๆ
“ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่คะ”
นทีทองคิดๆ
“สงสัยพี่จะระแวงชามาดามากไปหน่อย ก็ปกติเขาใจดีกับใครซะที่ไหน”
นทีทองส่ายหน้ายิ้มๆ
“เขาคงสงสารพวกเราจริงๆ น่ะค่ะ”
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นทีทองและกุ้งนางหันไปมอง ทั้งคู่พากันเดินไปที่ประตู
นทีทองเอื้อมมือไปเปิดประตู เห็นจิรายุยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
โปรดติดตาม "ราชินีลูกทุ่ง" ตอนต่อไป