ภูผาแพรไหม ตอนที่ 13
วนิดาเดินไปเดินมาในบ้านอย่างร้อนใจ ศุภลักษณ์เดินไปยืนประจันหน้าแล้วมองอย่างคาดคั้น แพรไหม กับน้อยยืนเยื้องออกไป
“เธอรู้เห็นด้วยใช่ไหม ... วนิดา” ศุภลักษณ์คาดคั้น
“ดาไม่ได้ตั้งใจ...ไม่ได้อยากให้เรื่องมันรุนแรงถึงขนาดนี้ ดาแค่อยากจะช่วยลูก...มันเป็นอุบัติเหตุนะคะพี่ดา ... แต่เขา...เขาตายไปเอง”
ศุภลักษณ์ แพรไหม และน้อยตกใจ วนิดาทำท่าจะเดินหนีไปแต่น้อยเดินตามไปดักหน้า
“อ๋อ...ที่คุณพันทิญาพาคุณพิพัฒน์ไปวันนั้น...คือล่อลวงไปทำร้ายใช่ไหมคะ ต๊าย...เหมือนในหนังฆาตกรรมเลยนะคะ เอ้ะ....แล้วที่มีคนบุกเข้าไปขู่ฆ่าคุณแพรถึงในห้อง...ก็คุณทำใช่ไหมคะ” น้อยพูดออกมา
วนิดาไม่พอใจ “อย่ามากล่าวหาฉันนะ”
“ก็มันจริงไหมล่ะคะ ... น้อยเห็นจดหมายขู่ฆ่ากับตา. .. นี่คงกลัวว่า คุณแพรจะได้ดีกินหน้าเกินตาลูกสาวตัวเองล่ะสิคะ”
ศุภลักษณ์หันไปหาแพรไหมแล้วเอ่ยถาม
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่บอกแม่”
“แพรกลัวว่าคุณแม่จะไม่สบายใจ...อีกอย่างแพรก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงจังจนวันที่มีคนไปดักยิงแพรที่ร้าน แพรถึงได้กล้าบอกคุณแม่” แพรไหมบอก
ศุภลักษณ์คาดคั้นทันที “ฝีมือแกใช่ไหม...วนิดา...ใช่ไหม”
“ดาไม่ได้คิดจะฆ่ายายแพรจริงๆนะคะ....แค่อยากจะขู่ ให้ยายแพรเลิกยุ่งเกี่ยวกับเจ้าแสงฉาย...เพราะรู้ว่า พันรักเจ้า... ดาต้องการแค่นั้น...ไม่ได้อยากให้ใครตาย จะให้ดาสาบานที่ไหนก็ได้ ...ยายแพรก็เป็นหลาน...ดาเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยดาฆ่าไม่ลงหรอก”
ศุภลักษณ์รู้สึกเสียใจมาก “เสียแรงที่ฉันไว้ใจ...เลี้ยงดูแกกับลูกมาอย่างดี สิ่งที่ฉันทำ...มันไม่ช่วยให้แกรู้ผิดชอบชั่วดีเลยใช่ไหม…ฉันเสียใจจริงๆที่มีน้องอย่างแก”
ศุภลักษณ์ตบหน้าวนิดาเต็มแรง วนิดาเอาแต่ยืนร้องไห้ ทันใดนั้นก็มีเสียงรถแล่นเข้ามา น้อยเดินไปชะโงกดู
รถตำรวจท้องที่แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ทวีปเดินนำตำรวจ 5 นายลงมาจากรถ น้อยหันไปบอกศุภลักษณ์ด้วยท่าทีตกใจ
“ตำรวจมากันเต็มเลยค่ะ .... คุณผู้หญิง”
วนิดาตกใจ “ไม่ .... ฉันไม่ได้ทำ”
วนิดาตกใจแล้วก็ลนลานหนีขึ้นไปด้านบน
แพรไหมกับศุภลักษณ์หันไปมองหน้ากัน
“แพร ... ไปรับหน้าตำรวจไว้ก่อน ... เดี๋ยวแม่จะขึ้นไปดูน้าดา”
แพรไหมรับคำ “ค่ะ คุณแม่”
แพรไหมเดินเลี่ยงออกไป ศุภลักษณ์รู้สึกหนักใจขึ้นมาอย่างรุนแรง
เวลาผ่านไป ทวีปนั่งอยู่ในห้องรับแขก เขาลุกขึ้นเมื่อเห็นแพรไหมเดินออกมา
“คุณแพรไหม...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ทวีปถาม
“เมื่อซักครู่นี้เองค่ะ” แพรไหมตอบ
“แล้วไอ้ภูล่ะครับ”
“เดี๋ยวคงกลับมามั๊งคะ ... พอดีฉันขโมยรถเขาหนีมาก่อน”
ทวีปทำท่าจะถามต่อ แต่แพรไหมรีบตัดบท
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ เรื่องคุณแก้ว”
ทวีปมีสีหน้าเศร้าไป “ขอบคุณครับ”
“คุณแก้วคงรักคุณภูผามาก”
“แต่น่าเสียดาย ที่ไอ้ภูมันเห็นว่าแก้วเป็นแค่น้อง” ทวีปบอก
“ฉันอยากจะไปขออโหสิกรรมกับคุณแก้ว อย่างน้อยฉันก็มีส่วนทำให้คุณแก้วไม่สบายใจ...เรื่องคุณภูผา”
“ถ้าคุณว่าง ... เชิญไปฟังพระสวดอภิธรรมที่วัดสิครับ ... วันนี้ สวดเป็นวันสุดท้าย”
“ฉันไปแน่ค่ะ .... ไม่ทราบว่า คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
ทวีปมีสีหน้าจริงจังขึ้น
วนิดาเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูล๊อคกลอนอย่างแน่นหนา เธอยืนนิ่งเพราะคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไป แล้วน้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาเป็นทาง
ศุภลักษณ์เดินนำน้อยมาที่หน้าประตูห้องของวนิดา
“ดา .... ถึงเวลาแล้วนะที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริง...ออกมามอบตัวกับตำรวจเถอะ ... พี่จะหาทนายมาสู้คดีช่วยเธอเอง”
วนิดาเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เตียงแล้วหยิบภาพถ่ายระหว่างเธอกับพันทิญาขึ้นมาลูบด้วยความรัก
“พัน...ลูกแม่... ยกโทษให้แม่ด้วย... แม่ผิดเองที่สอนให้ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัว เจ้าคิดเจ้าแค้น อิจฉาริษยายายแพร...แม่ผิดเอง”
วนิดาเอารูปพันทิญาขึ้นมาแนบอกแล้วร้องไห้ด้วยความเสียใจในสิ่งที่ทำมา
ที่หน้าห้องของวนิดา ศุภลักษณ์ยืนอยู่กับน้อยด้วยท่าทีร้อนใจ
“ดา ... ออกมาคุยกับพี่ ... ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน...พี่ไม่มีวันทิ้งดาหรอกนะ”
น้อยพยายามเปิดประตูแต่ก็เปิดไม่ออก เธอจึงหันไปถามศุภลักษณ์
“พังเข้าไปเลยไหมคะ”
“แกก็พังเข้าไปสิ”
น้อยถอยหลังไปและตั้งท่ากำลังจะพุ่งเข้ากระแทกประตู ทันใดนั้นวนิดาก็เปิดประตูออกมาพร้อมกระเป๋า ศุภลักษณ์มองอย่างแปลกใจ
“ดา ... จะไปไหน” ศุภลักษณ์ถาม
“ดาจะไปตามทางของดา ... อย่ามายุ่ง” วนิดาบอก
ศุภลักษณ์ยืนเผชิญหน้ากับวนิดา
แพรไหมเดินมากับทวีปที่หน้าบ้าน โดยมีตำรวจเดินตาม
“ผู้ต้องหาที่ตำรวจจับได้ ซักทอดว่าคุณวนิดาเป็นผู้จ้างวาน ผมก็เลยต้องมาสอบปากคำคุณน้าของคุณ”
“น้าดาจะทำไปเพื่ออะไรคะ... เงินทอง คุณแม่ก็ให้ใช้ทุกเดือน” แพรไหมแปลกใจ
“อาจจะเป็นการอำพรางคดีก็ได้ .... ผมกำลังสงสัยว่า น้าของคุณกับคุณพันทิญาเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของคุณพิพัฒน์”
“พบคุณพิพัฒน์แล้วเหรอคะ” แพรไหมถาม
“ยังครับ...เรากำลังสืบหาร่องรอยการหายตัว... ผมคิดว่าคุณพันทิญาน่าจะเกี่ยวข้อง”
“เหรอคะ”
“ครับ.....วันที่เกิดเหตุ... คุณพิพัฒน์นัดกับคุณพันทิญา...แต่พอคุณพิพิธมาถาม คุณพันทิญากลับปฏิเสธ .... ทั้งที่กล้องซีซีทีวี จับภาพที่ทั้งคู่นังรถไปด้วยกัน ต่อจากนั้น คนที่ขโมยรถของคุณพิพัฒน์ก็ถูกจับได้”
แพรไหมอึ้ง ทันใดนั้นเสียงรถที่หน้าบ้านก็ดังขึ้น
วนิดาหลบออกมาทางด้านหลัง เธอเดินมาขึ้นรถเพื่อจะขับรถหนีไป รถของพิพิธแล่นเข้ามาจอด วนิดาเปิดประตูออกมา พิพิธก้าวลงจากรถแล้วเดินไปดักไว้
“คิดว่าจะหนีไปง่ายๆเหรอ” พิพิธพูด
วนิดาไล่ “หลีกไป”
“ไม่หลีก ... บอกมา ....พี่ชายผมอยู่ที่ไหน…”
“ฉันไม่รู้”
วนิดาผลักพิพิธแล้วทำท่าจะวิ่งหนี พิพิธตามไปกระชากแขนวนิดาให้กลับมา
“จนป่านนี้ คุณยังกล้าโกหก... คิดเหรอว่า ตำรวจจะเชื่อ คนที่คุณจ้างให้เอารถพี่พิพัฒน์ไปขาย...มันสารภาพกับตำรวจหมดแล้ว ยังไงคุณก็หนีไม่รอดหรอก”
วนิดาดิ้นรน “ปล่อยฉัน”
“ไม่ปล่อย...บอกมาก่อน เอาพี่พิพัฒน์ไปไว้ที่ไหน ....บอกมา...”
พิพิธบีบคอวนิดาด้วยความโกรธ วนิดาพยายามดิ้นรนขัดขืน ตำรวจหลายนายวิ่งเข้ามาแยกพิพิธออกมาจากวนิดา แพรไหมเดินนำทวีป ศุภลักษณ์ และน้อยตามออกมา
“คุณพิพิธ...ใจเย็นๆ.... เดี๋ยวตำรวจจัดการเองครับ” ทวีปกล่อม
พิพิธยืนซึมก่อนจะหันไปมองทวีปด้วยตาแดง ทวีปหันไปมองวนิดาแล้วพูดนิ่งๆ
“คุณมีสิทธิ์ที่จะให้การในชั้นศาล... แต่ตอนนี้ เราคงต้องควบคุมตัวคุณไว้ก่อนเพื่อทำการสอบสวน...คุณมีสิทธิ์ที่จะยื่นขอประกันตัวออกมาสู้คดี”
วนิดาเครียดจัด พิพิธหันไปมองวนิดาอย่างโกรธแค้น
“ผมแค่อยากรู้ว่าพี่ชายผมอยู่ที่ไหน”
ศุภลักษณ์เดินนำแพรไหมเข้ามาด้วยความเสียใจ
“ก็บอกเขาไปสิ...แกเอาคุณพิพัฒณ์ไปไว้ที่ไหน” ศุภลักษณ์พูด
วนิดาส่ายหน้า ศุภลักษณ์พยายามเค้นถาม
“แกทำอะไรพี่ชายเขา”
วนิดาเครียดจัดและเอาแต่ส่ายหน้า พิพัฒน์มองอย่างโกรธแค้น
“แล้วใครล่ะ ที่หลอกให้เฮียออกมา ... เฮียอุตส่าห์ทุ่มเทให้คุณพันทิญาทุกสิ่งทุกอย่าง...ทั้งข้าวของเงินทอง และความจริงใจ ทำไมต้องทำกับเฮียด้วย”
ภาพวนิดากับพันทิญาช่วยกันทำร้ายพิพัฒน์แทรกขึ้นมาในหัวของวนิดา วนิดาเครียดสุดขีดจนต้องระบายออกมา
“ก็มันอยากทำร้ายยายพันทำไม ... คนอย่างมัน .... สมควรตาย ... มันทำร้ายลูกฉัน”
วนิดากรีดร้องอย่างโหยหวน ศุภลักษณ์ยืนร้องไห้ แพรไหมกอดแม่แน่นเพื่อปลอบใจ
ในป่ารกร้าง เจ้าหน้าที่ช่วยกันหามร่างพิพัฒน์ที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวมิดชิดขึ้นมาวางไว้ที่รถ ตำรวจถ่ายรูป และตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทวีปยืนคุยอยู่กับชาวบ้าน พิพิธเดินมาอย่างร้อนใจ พอเห็นร่างพี่ชายเขาก็โผเข้าไปหา แล้วร้องไห้อย่างไม่อายใคร
“เฮีย ....ทำไมเฮียถึงได้เคราะห์ร้ายอย่างงี้ คนดีๆอย่างเฮีย ไม่น่าอายุสั้นเลย”
ทวีปหันไปมองพิพิธด้วยความเห็นใจ
หลังจากสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทวีปก็เดินออกมาจากห้องสอบสวน แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภูผายืนอยู่
“ไอ้ภู...มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“ซักครึ่งชั่วโมงได้มั๊ง” ภูผาตอบ
“ทำไมไม่เข้าไปข้างใน”
“รอให้แกสอบปากคำคนที่เกี่ยวข้องให้เสร็จก่อน ... ไม่น่าเชื่อนะว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับคุณพิพัฒน์ ท่าทางเขาก็เป็นคนดี ไม่มีพิษภัยกับใคร”
“นั่นน่ะสิ..... คนสมัยนี้ ฆ่ากันได้ง่ายๆนะ ความโกรธ ความแค้น ทำให้คนฆ่ากันได้ทั้งนั้น แกก็เคยเห็นข่าวนี่ แค่ขับรถปาดหน้ากัน ก็ฆ่ากันได้แล้ว”
ทวีปและภูผาหันไปมองหน้ากัน น้อยเดินเข้ามาพร้อมถุงในมือ
น้อยยื่นถุงพลาสติกให้ทั้งสอง “ลองเอานี่ไปดูสิคะ... เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับตำรวจ”
ภูผาและทวีปมองถุงอย่างแปลกใจ น้อยรีบพูดต่อ
“น้อยแอบเห็นคุณพันทิญาและคุณวนิดาช่วยกันทำลายโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ... ท่าทางมีพิรุธยังไงก็ไม่รู้ ... ก็เลยแอบเก็บเอาไว้ค่ะ”
เหตุการณ์ในอดีต น้อยยืนแอบดูวนิดาและพันทิญาช่วยกันทำลายโทรศัพท์มือถือ น้อยพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ก็ฟังไม่ถนัด ทั้งสองคนคุยกันอย่างมีพิรุธ พันทิญาเอาถุงชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือที่ถูกแยกทิ้งลงถังขยะ ก่อนที่วนิดาจะดึงแขนพันทิญาให้เดินไป น้อยมองซ้ายมองขวาก่อนจะย่องไปหยิบถุงชิ้นส่วนในถังขยะขึ้นมา
เจ้าหน้าที่กำลังพยายามกู้ข้อมูลของการ์ดจากโทรศัพท์มือถือของพิพัฒน์ขึ้นมาดู หน้าจอโชว์ข้อมูลเกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์ หมายเลขโทรออก หมายเลขโทรเข้า ภาพถ่ายพิพัฒน์กับพันทิญา เสียงโต้เถียงระหว่างพันทิญากับพิพัฒน์
ทวีปรีบบอกเจ้าหน้าที่
“เดี๋ยว...หยุดก่อน”
“อะไรวะ” ภูผาถาม
“แกลองฟังดูสิ....”
เสียงพิพัฒน์และพันทิญาดังขึ้น
“ชอบไหมคะ” เสียงพันทิญาถาม“ก็ชอบ...แต่ผมว่า ถ้าอีกหน่อยเราแต่งงานกัน คุณไปอยู่บ้านผมดีกว่าสะดวกสบายกว่านี้เยอะ” เสียงพิพัฒน์บอก
พันทิญาหัวเราะเยาะ “คุณยังคิดว่า ฉันจะเลือกคุณอีกเหรอ... คนอย่างฉัน ถ้าจะแต่งงานกับใคร ฉันต้องแต่งกับคนที่ทำให้ผู้หญิงทั้งประเทศอิจฉา... ไอ้ตี๋หน้าจืดอย่างคุณ...เป็นได้แค่ของเล่นของฉันเท่านั้นแหละ”“เหมือนคุณชัยใช่ไหม”
“ใช่ ก็มันอยากโง่ มารักฉันเอง”
“ที่คุณหาว่าเขาบ้า...คิดว่าคุณชื่อแพรไหม... แต่จริงๆแล้วคุณยืมชื่อน้องสาวมาหลอกเขา”“ใช่ .... เข้าใจแล้ว ก็เอาโทรศัพท์ที่คุณถ่ายคลิบอุบาทก์มาให้ฉันแล้วเราก็เลิกแล้วต่อกันซะ ...ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่มีวันรักด้วย”
“มันง่ายไปหน่อยมั๊ง คุณพัน....”
ภูผาถึงกับตกตะลึงกับความจริงที่ได้ยิน ทวีปหันไปมองหน้าภูผา ภูผารีบผลุนผลันออกไป ทวีปร้องเรียก
“เฮ้ย ไอ้ภู แกจะไปไหนวะ”
ภูผาไม่ตอบแต่กลับเดินลิ่วออกไป ทวีปบอกเจ้าหน้าที่
“หาข้อมูลต่อไปนะ … เดี๋ยวผมมา”
ทวีปเดินตามภูผาไป ภูผาขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทวีปหยุดมองตามไปอย่างเข้าใจความรู้สึกของเพื่อน
“หายโง่จนได้ ... ไอ้บ้าเอ๊ย” ทวีปพูด
ภูผาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานในบริษัทของเขา เขายังอึ้งกับความจริงที่ได้รับรู้ ภูผาหันไปเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์ของชัย เขาเดินไปเปิดเครื่องและคลิกเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ ข้อมูลบริษัท ภาพถ่าย ภูผาคลิกเข้าไป เห็นภาพชัยและพันทิญาในอิริยาบทต่างๆ ภูผาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
“แพรไหม ... ทำไมคุณไม่บอกความจริงกับผม...คุณหลอกให้ผมเข้าใจผิดทำไม”
ภาพตอนที่ภูผาทำร้ายจิตใจแพรไหมหลายต่อหลายครั้งย้อนเข้ามาในหัวของภูผา ทั้งที่งานศพ ที่โรงแรมม่านรูด ที่ทะเล
ภูผานึกเสียใจกับสิ่งที่เขาทำกับแพรไหม
ภูผาเดินเข้ามานั่งซึมอยู่ในบ้าน บุญศรีเดินลงมาเห็นลูกชายก็ดีใจ
“ภู...ลูกแม่”
ภูผาลุกขึ้นกอดแม่ บุญศรีกอดลูกตอบ
“แม่เป็นห่วงลูกมากรู้ไหม”
“ผมขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร แม่รู้เรื่องทั้งหมดจากทวีปแล้ว ภูกลับมาอย่างปลอดภัย ... แม่ก็ดีใจแล้ว”
ภูผาเดินไปนั่งซึม บุญศรีเดินตามไป
“ผมควรจะทำยังไงดีครับแม่...ผมทำผิดกับคุณแพรไหม...ทำร้ายจิตใจเขาสารพัด”
“คนเราทำผิดกันได้ แต่เมื่อรู้แล้วก็ต้องแก้ไข...ทำในสิ่งที่ถูกต้อง..อย่าทำผิดซ้ำอีก”
“แต่ผมละอายใจที่ทำร้ายเขา ...เขาเสียอีก ที่พยายามจะบอกว่าเขาไม่เกี่ยวข้องแต่ผมไม่ยอมฟังเขา... คิดแต่ว่าเขาทำให้พี่ชัยตาย”
“ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง... แม่เองก็เคยโกรธเขา ยิ่งโกรธ จิตใจเราก็ยิ่งเป็นทุกข์หาทางออกไม่เจอดีแล้วล่ะลูก ... ที่ได้รู้ความจริง ลูกจะได้รักเขาอย่างสบายใจซะที”
“ผมไม่ได้รักเขาซะหน่อย” ภูผาปากแข็ง
“แม่เป็นแม่ของลูกนะภู...ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าลูกของแม่รู้สึกยังไงกับหนูแพรไหม”
ภูผายิ้มออกมาและมีสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก บุญศรีมองลูกชายอย่างเข้าใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 13 (ต่อ)
ที่ห้องพักในโรงแรม พันทิญาเดินออกมานั่งดื่มกาแฟตอนเช้า ตรงหน้าของเธอมีหนังสือพิมพ์วางอยู่ พันทิญาหยิบขึ้นมาอ่านแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพวนิดาเป็นกรอบเล็กๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง เธอเห็นพาดหัวข่าวว่า “ พบศพพิพัฒน์ ทรัพย์ไพศาลสมบูรณ์ เสี่ยเจ้าของร้านเพชร ตำรวจพบหลักฐานมัดตัวน้องสาวเจ้าของร้านผ้าไหมชื่อดัง”
พันทิญาตกใจ “... แม่ ....”
พันทิญาปาดน้ำตา แล้วก็พยายามตัดใจ เธอเดินไปกระชากกระเป๋าเดินทางออกมาจากตู้ด้วยความลนลาน พันทิญาคิดว่าจะทำอย่างไร ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ
“เจ้า....”
แสงฉายโมโหจัดปัดข้าวของบนโต๊ะในบ้านหล่นกระจาย
“ทำอะไรกันอยู่....จนป่านนี้ยังหาไม่เจอ... ไม่ได้เรื่องเลย”
“ผมขอเวลาอีกซักวันสองวันครับ” ธนาบอก
“ไป ...ไปให้พ้น” แสงฉายไล่
ทันใดนั้น พันทิญาก็เดินเข้ามา
“ฉันรู้ว่ายายแพรอยู่ที่ไหน”
แสงฉายชะงักแล้วหันไปมองหน้าพันทิญา ธนาเดินเลี่ยงไปอย่างรู้หน้าที่ พันทิญามองตามไปจนกระทั่งธนาเดินหายไปแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปหาแสงฉาย
“พันรู้ว่าเจ้าอยากได้ตัวยายแพร ...พันช่วยเจ้าได้นะคะ”
“แลกกับอะไร” แสงฉายถาม
“ทำไมไม่คิดว่า พันทำเพื่อเจ้าล่ะคะ..เจ้าก็รู้ว่าพันรักเจ้า อะไรที่เป็นความสุขของเจ้าพันยินดี แล้วก็เต็มใจที่จะทำให้เจ้าอยู่แล้วล่ะค่ะ”
“ถ้าคุณนำตัวคุณแพรไหมมาให้ผมได้...ผมยินดีที่จะให้ในสิ่งที่คุณต้องการ”
“ดีค่ะ ตกลงกันง่ายๆ วิน ๆ ......พันจะหลอกล่อยายแพรมาให้เจ้าเองแต่มีข้อแม้ว่า เจ้าต้องพาพันกลับเชียงทวายด้วย... ในฐานะภรรยาอีกคนของเจ้า ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง...คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม…จริงไหมคะ”
แสงฉายชั่งใจ “คนอย่างคุณไม่น่ายอมลดเงื่อนไขง่ายๆ”
“พันไม่อยากอยู่เมืองไทยแล้ว พันอยากจะไปที่ไหนก็ได้ ที่ทำให้พันมีความสุข”
แสงฉายนิ่งคิด แล้วตัดสินใจรับเงื่อนไข พันทิญายิ้มอย่างสมใจ
ศุภลักษณ์ยืนมองรูปถ่ายของวนิดาที่นั่งคู่กับเธอด้วยสายตาเศร้าหมอง แพรไหมเดินลงมาจากบ้านในชุดดำ
“คุณแม่อย่าเสียใจไปเลยนะคะ... ที่ผ่านมา คุณแม่ทำดีที่สุดแล้ว” แพรไหมปลอบใจ
“แต่มันคงดีไม่พอ...น้าดาถึงได้เก็บความโกรธแค้นเอาไว้ในใจมาจนถึงวันนี้ ถ้าน้าดาเลือกที่จะยอมรับความจริง ... ไม่หมกมุ่นอยู่กับความสูญเสียในอดีต ที่เราต่างก็ย้อนกลับไปแก้ไขมันไม่ได้.... เรื่องเลวร้ายทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น”
“แพรดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกคุณแม่ค่ะ”
ศุภลักษณ์ดึงตัวแพรไหมเข้ามากอดแน่น แพรไหมถอนตัวออกมาแล้วพูด
“แพรไปก่อนนะคะคุณแม่”
“ไม่ไปพร้อมกันเหรอลูก” ศุภลักษณ์ถาม
“แพรจะไปงานศพคุณปรางแก้วก่อนค่ะคุณแม่ คุณปรางแก้ว เป็นน้องสาวคุณทวีปที่ตายในงานแต่งงานไงคะคุณแม่”
ศุภลักษณ์พยักหน้ารับรู้ แพรไหมรีบเดินไป ศุภลักษณ์นึกห่วงความปลอดภัยของลูกสาวก็ทำท่าจะร้องเรียก แต่แพรไหมเดินหายไปแล้ว เธอจึงได้แต่มองตามด้วยความห่วงใย
ภูผาเดินมาที่หน้าบ้านของแพรไหม เขามองเข้าไปด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรักและกำลังจะเดินเข้าไป เขาเห็นแพรไหมเดินมาที่รถ แล้วเสียงโทรศัพท์ของแพรไหมก็ดังขึ้น แพรไหมก้มลงมองหมายเลขด้วยความดีใจ
“พี่พัน” แพรไหมกดรับ “พี่พันอยู่ที่ไหนคะ”
ภูผาได้ยินชื่อพันทิญาจึงเดินไปหลบที่ข้างรั้วแล้วนิ่งฟัง
เสียงพันทิญาดังเล็ดลอดออกมา “พี่ต้องการความช่วยเหลือจากแพร...ช่วยพี่ด้วยนะ... พี่มองไม่เห็นใครแล้วนอกจากแพร”
“พี่พันจะให้แพรช่วยอะไรคะ”
แพรไหมพูดพลางเดินไปเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่ง
ที่บ้านแสงฉาย พันทิญายืนพูดโทรศัพท์ โดยมีแสงฉายยืนมองอยู่
“พี่จะหนีไปเมืองนอก.... พี่ต้องการเงินก้อนนึง ... แพรช่วยไปเบิกให้พี่ด้วย”
“พี่พันต้องอยู่สู้คดีสิคะ ... ถ้าพี่พันหนี...ก็ต้องหนีไปตลอดชีวิตมอบตัวเถอะค่ะพี่พัน...เรายังมีโอกาสสู้คดีนะคะ” แพรไหมบอก
“ไม่ ... เป็นตายยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้ตำรวจจับพี่...ถ้าเกิดตำรวจไม่ให้ประกันตัว พี่ก็ต้องติดคุก...แพร...ทำเพื่อพี่เป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ...พี่ขอร้อง พี่ต้องการหนีไปให้ไกลที่สุด”
แพรไหมลำบากใจ “แต่น้าดา”
“พี่รู้แล้ว พี่ถึงอยากจะหนี ... ถ้าอยากช่วยพี่ แพรก็ช่วยไปเบิกเงินมาให้พี่ซักห้าแสน นะแพรนะ...สงสารพี่ด้วย...พี่ไม่มีทางเลือกจริงๆ...เดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกอีกที่ว่าจะไปเจอกันที่ไหน..นะจ๊ะ...น้องรักของพี่”
พันทิญารีบวางหูก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแสงฉาย
“ส่งคนไปรับตัวยายแพรได้เลยค่ะเจ้า”
แสงฉายยิ้มอย่างสมใจ
แพรไหมเดินลงมาจากธนาคารพร้อมกับสะพายกระเป๋าใส่เงินลงมาด้วย เธอเดินไปเปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นรถก่อนจะขับออกไป ภูผาขับรถตามไป
รถของแพรไหมแล่นเข้าไปจอด ณ ที่เปลี่ยวข้างทาง แพรไหมก้าวออกมายืนเคว้งแล้วมองหา
“พี่พันคะ....พี่พัน...แพรมาแล้วค่ะ”
แสงฉายเดินออกมาจากต้นไม้ที่ลับตาคนแล้วพูด
“ในที่สุดเราก็ได้กลับมาเจอกันอีกจนได้”
แพรไหมหันไปมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นแสงฉายยืนอยู่
“เจ้า....เจ้ามาได้ยังไง...พี่พันอยู่ที่ไหน”
พันทิญาเดินออกมายืนข้างๆ แสงฉาย
“ขอบใจมากนะยายแพร...ที่เป็นห่วงพี่”
“พี่พันมาอยู่กับเจ้าได้ยังไง” แพรไหมแปลกใจ
“ไม่เห็นแปลก พี่กับเจ้าแสงฉายสนิทสนมกันอยู่แล้ว อีกหน่อยเราอาจจะทำธุรกิจร่วมกัน... แพรเป็นหุ้นส่วนด้วยก็ได้นะ”
“ไม่ แพรจะกลับ”
แพรไหมทำท่าจะเดินกลับ พันทิญาคว้าแขนไว้ แพรไหมสะบัดออก
พันทิญาเสียงดัง “ไม่ได้”
“พี่พันจะทำอะไร”
“ช่วยให้แกสมหวังกับเจ้าแสงฉายยังไงล่ะ”
“พี่พัน... แพรคิดไม่ถึงเลยว่าพี่พันจะกล้าทำกับแพรอย่างงี้ ที่ผ่านมา แพรทำเพื่อพี่พัน ...ยอมพี่พันมาโดยตลอด”
ภูผาแอบเข้ามายืนฟังพลางคิดหาทางช่วยแพรไหม
“ไม่ต้องพูดมาก ...เอาเงินมา” พันทิญาบอก
“ไม่ ... แพรให้พี่พันมามากแล้ว ... พอกันที”
แพรไหมทำท่าจะวิ่งหนี ทันใดนั้นคมก็พุ่งเข้ามาใช้ยาสลบโปะเข้าที่หน้าแพรไหม ภูผาพุ่งออกมาพร้อมกับปืนในมือ
“ปล่อยคุณแพรไหมซะ ... ไม่อย่างงั้น ผมไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”
“แน่ใจเหรอว่า คุณคนเดียวจะสู้คนของผมได้” แสงฉายกระหยิ่ม
ธนาเดินออกมา ภูผาได้ยินเสียงจึงหันไปมอง แสงฉายพุ่งเข้าไปเตะปืนของภูผาจนกระเด็นไป ทั้งคู่ต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ธนาจะพุ่งเข้าไปช่วย แสงฉายอาศัยจังหวะใช้สันมือฟันเข้าที่ท้ายทอยภูผาจนสลบเหมือด ล้มลงไปกองกับพื้น ธนาชักปืนทำท่าจะยิงแต่แสงฉายห้าม
“อย่าเพิ่ง ... มันง่ายไป .... ฉันอยากให้มันตายช้าๆ...อย่างทรมาน”
ธนาชะงัก แสงฉายยิ้มอย่างมีแผนการร้าย คมอุ้มแพรไหมออกไป ธนากับพลช่วยกันหิ้วปีกภูผาไป พันทิญาเดินเข้าไปยืนข้างแสงฉาย
“งานของพันสำเร็จแล้ว...เจ้าอย่าลืมทำตามสัญญานะคะ”
“ผมไม่ลืมแน่ ... รับรองว่า คุณต้องได้รางวัลอย่างงาม”
พันทิญายิ้มอย่างสมใจ เธอเดินเข้าไปยกแขนโอบรอบคอแสงฉาย
“พันอดทนรอให้ถึงวันนั้นแทบไม่ไหว... พันรักเจ้ามากนะคะ พันยอมทำทุกอย่างเพื่อเจ้า...ขอแค่ให้พันได้อยู่กับเจ้า”
“แต่ผมไม่ได้รักคุณ...ไม่เคยรักคุณเลย... คุณมันก็แค่ที่ระบายอารมณ์ของผม คนที่ผมรัก มีคนเดียว...คือคุณแพรไหม...ยิ่งได้เห็นคุณทำร้ายน้องสาวของคุณผมก็ยิ่งรังเกียจ” แสงฉายบอก
“เจ้าคะ....เจ้าสัญญาแล้วนะคะว่าจะให้พันไปเชียงทวายด้วย”
“ก็แค่สัญญาปากเปล่า”
“แกหักหลังฉัน” พันทิญาไม่พอใจ
“ช่วยไม่ได้ ก็คุณอยากโง่เอง...”
“คนอย่างแก...มันก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าฉันหรอก... สมน้ำหน้าที่โดนยายแพรหลอกให้จัดงานแต่งงาน...ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ...ถึงแกจะได้ตัวยายแพรไป...แกก็ได้แต่ตัว ... คนที่ยายแพรรัก...ไม่ใช่แก ... เพราะแกไม่มีอะไรดีเลย สู้บอดี้การ์ดของแกก็ไม่ได้”
แสงฉายตบหน้าพันทีญา พันทิญาหันกลับมาทั้งน้ำตา เลือดไหลออกมาที่มุมปากของพันทิญา เธอมองเขาอย่างโกรธแค้น
“ไอ้คนขี้แพ้...ดีแต่ใช้กำลัง...คอยดูนะ ฉันจะทำให้แกอยู่เมืองไทยไม่ได้ ฉันจะไปแจ้งตำรวจ...ให้มาจับแก ... ไอ้คนทรยศ”
แสงฉายชักปืนออกมายิงใส่ร่างของพันทิญาจนกระตุก พันทิญาล้มลงกับพื้นและค่อยๆ สิ้นใจ แสงฉายมองอย่างเฉยเมยก่อนจะทิ้งร่างพันทิญาเอาไว้แล้วเดินจากไป
ที่บ้านนักฆ่า จันทร์เทพนั่งนิ่งด้วยท่าทีโกรธแค้น อโณทัยกับนทียืนรอคำสั่งอยู่ข้างหน้าของเขา
“เราเหลือกันอยู่ไม่กี่คน ... จะเอาอะไรไปสู้กับมันได้” นทีบอก
“ต้องได้สิ” จันทร์เทพมั่นใจ “คนชั่วอย่างมัน ... ตำรวจไม่ปล่อยเอาไว้หรอกถ้ารู้ว่ามันนัดส่งยาเสพติดวันนี้ “ จันทร์เทพยิ้มอย่างมีแผน
“ท่านลุงมีแผนอะไรครับ” อโณทัยถาม
“ยืมมือตำรวจจัดการมัน” จันทร์เทพบอก
“แต่ผมอยากจะฆ่ามันด้วยมือผมเอง”
“อย่าเลย ... ลุงไม่อยากให้อโณทัยต้องเอาไปชีวิตไปเสี่ยง ใครฆ่ามันไม่สำคัญ ... ยังไงมันก็ต้องตายอยู่ดี”
“ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต”
นทีพูดอย่างโกรธแค้น จันทร์เทพนิ่งคิดด้วยท่าทีเยือกเย็นแต่เต็มไปด้วยแผนการร้าย
เวลาผ่านไป อโณทัยกับนทีแต่งชุดเตรียมพร้อมออกปฏิบัติการ ทั้งสองสะพายอาวุธครบมือและเก็บข้าวของใส่กระเป๋า อโณทัยเดินไปหยิบภาพถ่ายเพื่อนๆที่วางอยู่ขึ้นมามองด้วยสีหน้าเศร้า
“วันนี้ แล้วสินะ ที่เราจะได้กลับบ้าน... แต่น่าเสียดาย...ที่เราไม่ได้กลับด้วยกันทั้งห้าคนเหมือนตอนที่เรามา”
“เราจะบอกกับครอบครัวของพวกเขายังไง...ให้เข้าใจ และยอมรับในความสูญเสีย” นทีถาม
“ก็คงต้องพูดความจริง ... ทำไงได้ เมื่อพวกเราเลือกมาทำภาระกิจนี้ เราก็ต้องพร้อมที่จะสูญเสีย...แต่เผอิญเพื่อนเรา โชคร้าย...ไม่ได้กลับบ้าน”
“หวังว่าเราคงจะโชคดี” นทีบอก
นทีพูดอย่างคนที่ยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น อโณทัยตบไหล่เพื่อนแล้วพูดปลอบใจ
“ต้องโชคดีสิ ... เพื่อนๆคงอยากเห็นเราทำงานให้เสร็จตามเป้าหมาย อย่าให้ความสูญเสียมาทำลายกำลังใจของเรา”
อโณทัยหันไปยิ้มเศร้าๆ นทีพูดอย่างมุ่งมั่น
“ไปกันเถอะ”
ทั้งคู่เดินออกไปจากห้อง แล้วประตูห้องก็ปิดลง
ผู้กำกับนั่งเซ็นเอกสารอยู่ในสถานีตำรวจ สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผู้กำกับยกหูขึ้นมาพูด
“ฮัลโหล...”
“สวัสดีครับ ท่านผู้กำกับ ... ผมมีข่าวใหญ่มาบอก” เสียงของจันทร์เทพดังจากปลายสาย
“คุณเป็นใคร”
จันทร์เทพนั่งพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้านนักฆ่า
“ผมเป็นใคร ไม่สำคัญหรอก ... เรื่องที่ผมโทรมาบอก...สำคัญกว่าเยอะ”
จันทร์เทพยิ้มอย่างสมใจ เมื่อปลายสายเงียบคล้ายรอฟัง
อ่านต่อหน้าที่ 3
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 13 (ต่อ)
คม พล และองครักษ์ 2 คนช่วยกันพาร่างไร้สติของภูผากับแพรไหมเข้ามาไว้ในห้องพักในโรงงานร้าง ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินออกไป ธนาหันไปพูดกับองครักษ์ที่อยู่หน้าห้อง
“เฝ้าไว้ดีๆนะ...อย่าให้หนีไปได้”
องครักษ์รับคำ “ครับ”
ธนาเดินเลี่ยงออกไป คมกับพลเดินตาม องครักษ์ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง
ภูผาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น เขาหันไปเห็นแพรไหมนอนอยู่จึงเขย่าตัวแล้วเรียก
“แพรไหม ....”
แพรไหมสะดุ้งตื่น
“คุณภูผา... คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” แพรไหมถาม
“ผมไปหาคุณที่บ้าน ได้ยินคุณคุยโทรศัพท์กับพี่สาวคุณ ก็เลยตามมาเพราะกลัวว่าคุณจะไม่ปลอดภัย...ก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ”
“พี่พัน....พี่พันล่ะคะ” แพรไหมถาม
“จนป่านนี้ คุณยังห่วงพี่สาวคุณอีก...ทั้งที่เขาก่อเรื่องให้คุณเดือดร้อนแม้แต่เอาชื่อคุณไปหลอกผู้ชายซื่อๆอย่างพี่ชายผม...พี่ชัยรักและทุ่มเทให้เขาทุกอย่างแต่ก็ถูกเขาทำร้ายอย่างเลือดเย็น”
“ฉันเองก็เสียใจ ... รู้สึกผิดมาตลอด ... รู้ทั้งรู้ว่าพี่พันเป็นคนผิดยังไม่ยอมพูดความจริงกับคุณ” แพรไหมบอก
ภูผาจับมือแพรไหมแล้วมองอย่างตัดพ้อ
“คุณใจร้ายกับผมมากนะ แพรไหม รู้ไหม วันที่ผมไปเจอคุณที่โรงพยาบาลกับพี่ชัยก่อนที่พี่ชัยจะตาย...เป็นวันที่ผมเสียใจมากที่สุด... ไม่นึกเลยว่า อาการของพี่ชัยจะทรุดลงไปอีก ...ผมคิดว่าคุณต้องพูดอะไรให้ให้พี่ชัยเสียใจจนช๊อค”
“ไม่จริงนะคะ วันนั้น ฉันพาพี่พันไปบอกความจริงกับคุณชัย ฉันเห็นว่าเขาคงอยากอยู่ด้วยกันตามลำพัง ก็เลยหลบออกมา ... พอน้าดาเข้ามาตาม พี่พันก็รีบออกไป...แต่ฉันเห็นพี่ชายคุณ อาการแย่ลง ก็พยายามเรียกหมอแต่ฉันไม่รู้เลยจริงๆนะคะว่า พี่พันพูดอะไรกับพี่ชายคุณบ้าง”
ภูผามองแพรไหมด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะมีแววตาอ่อนโยนลงเพราะเขาเข้าใจแล้วว่าแพรไหมไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย
“ถ้าคุณพูดความจริงกับผมแต่แรก ก็คงไม่เกิดเรื่องเลวร้ายทั้งหมดให้เราต้องมากลั่นแกล้ง ทำร้ายจิตใจกัน ทั้งที่เราไม่มีเรื่องโกรธแค้นกันมาก่อน”
แสงฉายยืนอยู่หน้าบ้าน สักพักธนาก็เดินเข้ามา
“เรียบร้อยนะ” แสงฉายเอ่ยถาม
“ครับเจ้า... ผมให้คนพาสองคนนั่นไปขังไว้ที่โรงงานร้าง” ธนาบอก
“แล้วของที่สั่งมา” แสงฉายถามต่อ
“มาถึงแล้วครับ วันนี้ ส่งถึงมือลูกค้าได้แน่ๆ”
“สั่งคนของเราให้เตรียมพร้อม ... ถ้าใครบุกเข้ามา ฆ่ามันได้เลย .แล้วให้คนพาแสงมณีและดวงใจไปสมทบกับเรา ตามเวลานัดหมาย”
“แล้วภูผากับคุณแพรไหมล่ะครับ”
“ฉันจะฆ่ามัน ... แล้วพาคุณแพรไหมไปกับเราด้วย”
ดวงใจที่ยืนแอบฟังอยู่ได้ยินก็ถึงกับตกใจ
แสงมณีนั่งซึมอยู่ในห้อง เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองหาทางหนี แสงมณีเห็นองครักษ์ของแสงฉายเดินตรวจตราอยู่โดยรอบ เธอจึงเดินกลับมาทรุดตัวนั่งลงที่เตียงนอนเหมือนเดิม ดวงใจยกถาดอาหารมาที่หน้าห้อง องครักษ์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องพูดกับดวงใจ
“เข้าไม่ได้ครับ”
“ทำไมจะไม่ได้ ... ฉันเป็นพี่เลี้ยงของคุณหญิงนะ ไม่ใช่คนอื่น” ดวงใจบอก
องครักษ์ลังเล ดวงใจได้ทีก็พูดต่อ
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่ะ... แก่ๆอย่างฉัน คงไม่มีปัญญาพาคุณหญิงออกมาได้หรอก หรือว่าแกกลัว”
องครักษ์ตัดสินใจเปิดประตูให้ ดวงใจยกถาดอาหารเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู ดวงใจเดินเข้าไปวางอาหารบนโต๊ะก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงหน้าแสงมณี
“หญิงทานไม่ลง .... ดวงใจเอาไปเก็บเถอะ” แสงมณีบอก
“คุณหญิงขา...คุณหญิงประท้วงอย่างงี้ ไม่มีประโยชน์หรอกนะคะ ทานข้าวให้อิ่มก่อนดีกว่า สมองจะได้ปลอดโปร่ง ช่วยคิดได้ว่าจะทำยังไงดีคราวนี้ ถึงตายเลยนะคะ” ดวงใจบอก
“ใครตาย” แสงมณีถาม
“ดวงใจได้ยินเจ้าคุยกับธนาว่า จะฆ่าคุณภูผา แล้วจะพาคุณแพรไหมกลับเชียงทวายพร้อมกับคุณหญิงวันนี้”
“ทำยังไงดีล่ะดวงใจ หญิงไม่อยากให้พี่ชายฆ่าใครทั้งนั้น”
ดวงใจมองแสงมณีอย่างเข้าใจความรู้สึก
“คุณหญิงต้องรีบตัดสินใจนะคะ...ตอนนี้ เจ้าจับคุณแพรไหมกับคุณภูผาไปไว้ที่โรงงานร้างแล้วนะคะ”
แสงมณีตัดสินใจ ในวินาทีนั้น
“เอางี้ ... ดวงใจโทรไปหาคุณทวีปนะ บอกเขาว่า หญิงต้องการความช่วยเหลือ”
“คุณหญิงพูดเองดีกว่าค่ะ”
ดวงใจเปิดถ้วยใส่ข้าว แสงมณีเห็นโทรศัพท์มือถือซ่อนอยู่ในนั้นก็ดีใจ
ทวีปเดินมาถึงหน้าสถานีตำรวจ เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ทวีปมองเบอร์อย่างแปลกใจก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหล”
“แสงมณีพูดค่ะ...ผู้หมวด”
“คิดถึงผมขึ้นมากระทันหันเหรอครับ ถึงได้โทรมาหา...หรือว่าไม่สบาย กินยาผิดซอง”
“ไม่ต้องพูดมาก... ถ้าไม่อยากให้เพื่อนคุณเป็นอะไรไป..รีบไปช่วยเพื่อนคุณก่อนเถอะค่ะ” แสงมณีพูดดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ภูผา....ภูผาเป็นอะไรครับ”
“คุณภูผากับคุณแพรไหม ถูกจับตัวไปไว้ที่โรงงานร้างของพี่ชาย...คุณต้องรีบไปช่วยนะ...ฉันจะพยายามถ่วงเวลาไว้...แค่นี้นะคะ”
“เดี๋ยว...เดี๋ยวครับ”
แสงมณีนิ่งฟัง
“คุณไม่กลัวว่าจะมีปัญหากับพี่ชายคุณเหรอ” ทวีปถาม
“ช่างเถอะค่ะ...ฉันคงเสียใจมาก ถ้าปล่อยให้ใครตาย โดยไม่คิดจะช่วย...คุณรีบไปช่วยคุณภูผากับคุณแพรไหมเถอะค่ะ”
“แล้วคุณล่ะ”
“ฉันจะไปจากเมืองไทยแล้วคงไม่กลับมาอีก .ขอบคุณมากนะคะ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา....แค่นี้นะคะ”
แสงมณีวางสายไป ทวีปร้องเรียก
“เจ้าครับ ... เจ้า”
ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย ทวีปหนักใจว่าจะทำอย่างไรดี
แพรไหมนั่งนิ่งอยู่ในห้องพักด้วยความเสียใจ ภูผาเอื้อมมือไปจับมือของเธอแล้วพูด
“ถ้าเราพูดความจริงกันตั้งแต่แรก บางที เรื่องราวมันอาจจะไม่รุนแรงขนาดนี้”
“ฉันกลัวว่าพี่พันจะเดือดร้อน” แพรไหมบอก
“ก็เลยยอมรับผิดเสียเอง... แต่พี่สาวคุณก็ยังไม่หยุด ยังไปทำร้ายคุณพิพัฒน์อีก ผู้ชายดีๆสองคนต้องตายเพราะความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของเขา”
“ฉัน...”
แพรไหมร้องไห้เพราะพูดอะไรไม่ออก ภูผาจับมือแพรไหมไว้ด้วยความรัก
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เราย้อนไปแก้ไขอดีตไม่ได้...แต่อย่างน้อย ผมก็สบายใจว่าคุณบริสุทธิ์ ...คุณเป็นคนดี...ผมจะได้รักคุณได้อย่างสบายใจ”
“คุณภูผา”
แพรไหมมองหน้าภูผาอย่างคาดไม่ถึง
“ฉันคิดว่าคุณรักคุณปรางแก้วเสียอีก”
“ผมรักปรางแก้วอย่างน้องสาว...เราเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก” ภูผาบอก
“แต่คุณบอกฉันว่า คุณรักคุณปรางแก้ว และกำลังจะแต่งงานกัน”
“ก็ตอนนั้น ผมคิดว่า คุณใช้ความรัก หลอกลวงพี่ชัย ผมก็จะทำร้ายคุณ...แบบที่คุณทำกับพี่ชายผม... แต่คุณรู้ไหม. มันกลับทำให้ผมเสียใจยิ่งกว่า...เพราะผมรักคุณ”
ภูผาจับมือแพรไหมขึ้นมา แล้วมองหน้าเธอด้วยความรัก แพรไหมมองตอบทั้งน้ำตาเพราะทั้งรักทั้งโกรธ
“แต่คุณก็ทำร้ายคนที่คุณบอกว่ารักได้อย่างเลือดเย็นที่สุด คุณทำได้ยังไง”
แพรไหมตบหน้าภูผาอย่างแรงด้วยความโกรธ ภูผาดึงตัวแพรไหมเข้ามากอดเอาไว้แน่น แพรไหมร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของภูผา
“ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมนะ แพรไหม”
ภูผาจูบเพื่อซับซ้ำตา แพรไหมช้อนตามองเขาด้วยความรักแล้วซุกตัวนิ่งในอ้อมกอดของเขา
“ผมสัญญาว่าต่อไปนี้ จะไม่ทำร้ายคุณอีก เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ เจ้าแสงฉายคงไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ”
ภูผานิ่งคิดเพื่อหาทางออก
แสงมณีเดินไปรอบๆ ห้องพร้อมกับคิดว่าจะทำยังไงถึงจะช่วยภูผากับแพรไหมได้ ในที่สุดเธอก็คิดออก แสงมณีดึงปิ่นปักผมของตัวเองออกมา ดวงใจมองอย่างไม่เข้าใจ
“คุณหญิงจะทำอะไรคะ” ดวงใจถาม
แสงมณีเอาปิ่นปักผมทำท่าจะแทงตัวเอง ดวงใจร้องเสียงดัง
“อย่าค่ะ คุณหญิง....”
องครักษ์ได้ยินเสียงก็เปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางตกใจ ดวงใจทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องโวยวาย
“ช่วยคุณหญิงสิ ... เร็วๆเข้า”
องครักษ์ตรงเข้าไปยื้อแย่งปิ่นมาจากแสงมณี แสงมณีฉวยจังหวะหลบแล้วหันไปคว้าแจกันมาตีหัวองครักษ์จนล้มลงไป ดวงใจกรีดร้องด้วยความตกใจ แสงมณีหันไปคว้าแขนดวงใจให้วิ่งออกไปด้วยกัน
ทวีปปีนลงมาจากกำแพงโรงงานร้างพร้อมกับปืนในมือ รปภ.เดินตรงมา ทวีปค่อยๆ ย่องเข้าไปหลบหลังที่กำบัง เขาย่องไปถึงบริเวณหน้าประตูซึ่งมีรปภ.ยืนอยู่ ทวีปมองซ้ายขวาเพื่อหาทางเข้าสู่ด้านใน ก่อนจะก้มลงหยิบก้อนหิน เขวี้ยงออกไป รปภ.ที่หน้าประตูเดินไปดูตรงจุดที่ก้อนหินตก ทวีปรีบหลบเข้าไปในโรงงานร้างอย่างรวดเร็ว
ทวีปรีบวิ่งหลบมาตามมุมต่างๆ ภายในโรงงานร้าง องครักษ์ของแสงฉายเดินมา ทวีปพุ่งเข้าหาองครักษ์พร้อมกับโจมตีจุดสำคัญจนองครักษ์สลบเหมือด--
รถตู้และรถเก๋งแล่นตามกันมาจอด ณ ที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง องครักษ์ทั้งหมดก้าวลงจากรถพร้อมกับปืนในมือ คม พล ยศ และเลิศก้าวลงจากรถ ก่อนจะเปิดประตูรถตู้ให้ธนาและแสงฉายก้าวลงมา ทั้งหมดเดินตรงเข้าไปด้านใน
เสี่ยท่าทางรวยยืนรออยู่ในโรงงานร้างพร้อมกับสมุน 5 คน แสงฉายกับธนาเดินนำ คม พล ยศ เลิศ และองครักษ์อีกหลายคนเดินตามมา แสงฉายเดินเข้าไปจับมือกับเสี่ย
“ขอโทษครับเสี่ย ที่ปล่อยให้รอนานไปหน่อย... เผอิญผมมีธุระด่วน” แสงฉายบอก “ไม่เป็นไร... เราทำธุรกิจร่วมกันมานาน...ผิดเวลานิดๆหน่อยๆ ไม่ใช่ปัญหา ไหนล่ะของ” “เงินล่ะครับ” แสงฉายถามทันที “เจ้ารอบคอบเสมอ”
“ผมไม่อยากให้เกิดปัญหาทีหลัง... เดี๋ยวจะหมางใจกันเปล่าๆ”
เสี่ยหันไปหาลูกน้องคนสนิท ลูกน้องเดินไปที่รถแล้วหยิบกระเป๋าเจมส์บอนออกมาเปิดให้ดูเงินที่อัดแน่นกันอยู่ในนั้น
“เช็คดูได้เลยครับ”
ธนาเดินเข้าไปตรวจนับเงิน แสงฉายหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณ องครักษ์ช่วยกันลำเลียงกล่องมาวางบนโต๊ะ คนของเสี่ยเดินไปเปิดกล่องที่มียาบ้าอัดแน่นนับล้านเม็ดรวมทั้งยาไอส์เกือบ 30 กก. เสี่ยมองสินค้าอย่างพึงพอใจ แสงฉายยิ้ม “ต้องการสินค้าเมื่อไหร่ บอกได้เลยนะครับ ลูกค้าชั้นดีอย่างเสี่ย ผมหาให้ได้อยู่แล้ว” แสงฉายบอก ทั้งสองต่างก็ยิ้มให้กันอย่างพึงพอใจ ตำรวจระดับสารวัตรนำกำลังตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบนับสิบเดินเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ ตำรวจหลายคนกรูกันออกมาจากที่ซ่อน “นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ... ขอให้ทุกคนวางอาวุธ” แสงฉายและเสี่ยหันมามองแล้ววิ่งหลบเข้าที่กำบัง สมุนทั้งหมดยิงต่อสู้กับตำรวจอย่างดุเดือด
ภูผาและแพรไหมกำลังพยายามช่วยกันเปิดประตูห้องพักแต่ประตูก็ล๊อคแน่น ทั้งคู่ได้ยินเสียงปืนจึงหันไปมองหน้ากัน
“คงมีคนมาช่วยเรา” แพรไหมบอก“แต่เรารออย่างเดียวไม่ได้หรอก ... บอกตรงๆนะ ผมไม่ไว้เจ้าแสงฉายที่เขาพาเรามาที่นี่ เขาอาจจะมีแผนการอะไรบางอย่าง”
“พาเราไปเชียงทวายด้วยเหรอคะ”
“ไม่ใช่เรา .... คุณคนเดียว...ส่วนผม เขาคงไม่พาไปด้วย อาจจะจับผมมาเป็นตัวประกันหรือฆ่าทิ้ง”
แพรไหมตกใจ “ไม่ .... ฉันไม่ยอมให้เขาทำอะไรคุณ... ฉันจะขอให้เขาไว้ชีวิตคุณ..เขาแค่ต้องการตัวฉัน”
“ก็ต้องแลกกัน ... ถึงจะต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็ยอม...ยังไงผมก็ไม่ยอมให้เขาเอาตัวคุณไป ... ขอแค่คุณบอกมาคำเดียวว่า ไม่อยากไปอยู่กับเขา”
ภูผามองนิ่งต้องการคำตอบ แพรไหมยิ้มให้พร้อมทั้งมองด้วยความรักแทนคำตอบ
อ่านต่อหน้าที่ 4
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 13 (ต่อ)
สารวัตรนำกำลังตำรวจยิงต่อสู้กับแสงฉาย ธนา องครักษ์ และเสี่ยพร้อมลูกสมุนอย่างดุเดือดสมุนของเสี่ยขับรถออกมา เสี่ยเห็นว่าจะสู้ไม่ไหวจึงรีบวิ่งหนีไปที่รถ ตำรวจยิงไปถูกที่กลางหลังจนร่างของเสี่ยล้มลง สมุนตกใจและเสียขวัญจึงพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด สมุนบางคนถูกยิง ธนาหันไปบอกเจ้าแสงฉาย
“เจ้า หนีไป ผมจะยิงสกัดไว้เอง” “ไม่ ถ้าจะไป เราต้องไปด้วยกัน” แสงฉายยืนยัน ธนาหันไปสั่งองครักษ์ “ยิงมัน”
กลุ่มองครักษ์หันไปยิงสู้ แสงฉายหลบเข้าที่กำลัง ธนาและองครักษ์ส่วนหนึ่งรีบตามไปคุ้มกัน ทวีปวิ่งเข้ามาถึงหน้าห้องพักในโรงแรม องครักษ์ 2 คนหันไปเห็นก็เข้าไปต่อสู้ ทวีปอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าต่อสู้จนองครักษ์คนหนึ่งล้มลงไป ส่วนองครักษ์อีกคนวิ่งหนีไป ทวีปก้มหยิบปืนขององครักษ์ที่ตกอยู่ขึ้นมา ประตูมีโซ่คล้องอยู่ ทวีปยิงโซ่จนขาดแล้วเปิดประตูเข้าไป
ภูผายืนบังแพรไหมอยู่ในห้อง เขาดีใจที่เห็นทวีป “ไอ้ทวีป ...”
“เออ ฉันเอง ...” ทวีปบอก “ขอบใจมากนะโว๊ยที่มาช่วย”
“ไม่ต้องพูดมาก ... พาคุณแพรหนีก่อนดีกว่า เดี๋ยวเจ้าแสงฉายพาพรรคพวกมา เราจะหนีไม่รอด ...ไปเร็ว” ทวีปยื่นปืนให้ทวีป “เอ้า ... เผื่อไว้ใช้ป้องกันตัว” ทวีปบอก ภูผาหันไปคว้ามือแพรไหม “ไม่ต้องกลัวนะครับ คุณแพร ... ผมจะปกป้องคุณเอง” ภูผาบอก“ขอบคุณค่ะ”
“หน้าสิ่วหน้าขวานยังหวานกันซะ...น่าหมั่นไส้จริงๆ” ทวีปแซว “ไปกันได้แล้ว” ทั้งสามคนรีบเดินออกไปจากห้อง ภูผา ทวีป และแพรไหมวิ่งหลบมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแสงฉายเดินนำ ธนา ยศ เลิศ คมและพลเข้ามาพร้อมปืนในมือแพรไหมเดินไปยืนข้างหน้าทันที
“เจ้าคะ .... ทำไมทำแบบนี้” แพรไหมถาม
“เพราะใครล่ะ...ที่ทำให้ผมต้องทำ...ผมรักและจริงใจกับคุณ คุณเป็นคนเดียวที่ผมอยากแต่งงานด้วย...แต่คุณกลับหนีไปกับมัน” แสงฉายโมโห
“ฉันผิดเอง...คุณภูผาไม่เกี่ยวข้อง”
“รักมันมากใช่ไหม ... ถึงได้ปกป้องมัน” แสงฉายถามด้วยความโกรธแค้น แพรไหมหันไปมองหน้าภูผา แล้วทำสายตาแข็งกร้าว เธอตัดสินใจพูดเพื่อให้ภูผาปลอดภัย
“ไม่ ... ฉันเกลียดเขา”
ภูผามองแพรไหมอย่างคาดไม่ถึง แพรไหมหันไปหาภูผา
“บอกเขาไปสิ คุณภูผา...คุณโกรธฉัน เกลียดฉัน...ที่ฉันเป็นคนทำให้พี่ชายคุณตาย”
“ใช่ ผมเคยโกรธคุณ .... แต่ตอนนี้ ผมรู้ใจตัวเองแล้ว และผมจะไม่หลอกตัวเองอีกต่อไป ต่อให้ผมต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า ผมก็ยังยืนยันว่าผมรักคุณ” ภูผาบอก
“ไม่จริงนะคะเจ้า... เขาแกล้งพูดไปอย่างงั้นเอง...อย่าเชื่อเขานะคะ”
“ก็ดี...ผมจะได้ฆ่ามัน กับเพื่อนของมันด้วยอยู่ดีไม่ว่าดี แส่มายุ่งกับเรื่องคนอื่น” แสงฉายพูด
“เจ้าคิดเหรอว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ” ทวีปถามขึ้น “มอบตัวซะ ผมยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้า”
“ไม่มีทาง...คนอย่างเจ้าแสงฉาย ไม่ยอมถูกตำรวจจับแน่” ภูผาหันไปมองทวีป
“ไม่ต้องพูดหรอก เสียเวลาเปล่า คนอย่างเจ้าแสงฉาย ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง” ภูผาบอก แสงฉายหันกระบอกปืนไปทางภูผา
“จะตายอยู่แล้ว ... ยังปากดี” แพรไหมเข้าไปขวางทางปืน
“อย่าทำอะไรพวกเขาเลยนะคะเจ้า ...ฉันขอร้อง”
แสงฉายโกรธจัดที่เห็นแพรไหมปกป้องภูผาจึงตะโกนก้อง
“ฆ่ามัน” คมกับพลหันกระบอกปืนไปทางภูผา ทวีปและภูผาพุ่งเข้าไปเตะปืนจากคมจนกระเด็นไป ทั้งหมดเข้าต่อสู้กัน แสงฉายพุ่งเข้าไปหาภูผาแล้วต่อสู้กันอย่างดุเดือด ธนาเข้าไปช่วยแสงฉาย ภูผาจึงต้องต่อสู้กับทั้งแสงฉายและธนา แสงฉายสู้ภูผาไม่ไหวและล้มลง ภูผาชักปืนทำท่าจะยิงแต่ธนาพุ่งเข้าไปคว้าตัวแพรไหมขึ้นมาแล้วใช้ปืนจี้
“หยุดนะ... ถ้าไม่อยากให้คุณแพรไหมตาย” ธนาขู่ ทุกคนหยุดชะงัก ภูผาหันไปมองแพรไหม แพรไหมพยายามดิ้นรน
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
แสงฉายได้ทีพุ่งเข้าไปต่อสู้กับภูผา ทวีปเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกแสงฉายซัดไปกองกับพื้นทั้งคู่ คมกับพลใช้ปืนขู่ทำให้ทวีปหยุดชะงัก แพรไหมมองแสงฉายที่กำลังทำร้ายภูผาก็ยิ่งเป็นห่วงภูผา
“หยุด....อย่าทำร้ายเขา” แพรไหมร้องตะโกน แสงฉายหันมามองแพรไหมอย่างเจ็บปวดที่แพรไหมเป็นห่วงภูผา
“ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ ผมคงไม่สบายใจที่คุณยังมีมันอยู่ในใจตลอดเวลา” แสงฉายพูด
“ถ้าเขาเป็นอะไรไป ฉันจะยิ่งขยะแขยงเจ้ามากกว่านี้เป็นร้อยเท่า” แพรไหมบอก
“อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้เลยครับ เจ้า ... ยังไงเจ้าก็หนีไม่รอดตอนนี้ตำรวจกำลังตามมาแล้ว” ทวีปบอก
“ไม่ต้องพูดมาก” แสงฉายหันไปสั่งลูกน้อง “เก็บมันทั้งคู่เลย” แสงฉายยกปืน ไปทางภูผาแล้วเตรียมลั่นไก
จันทร์เทพเดินนำอโณทัยกับนทีเข้ามาพร้อมอาวุธในมือ“ฆ่าคนตาย แล้วคิดว่าจะหนีไปง่ายๆเหรอ” จันทร์เทพพูด แสงฉายได้ยินเสียงจึงหันไปมองแล้วก็ตกใจ“นายพลจันทร์เทพ”“ขอบใจที่ยังจำกันได้ แต่น่าเสียดายนะที่เจ้าคงไม่มีโอกาสได้กลับไปเชียงทวายอีกแล้ว” จันทร์เทพบอก“ใครกันแน่ที่ไม่มีโอกาส นักฆ่าของท่านก็ตายไปเกือบหมดแล้วนี่ เสียใจด้วยนะท่านนายพล ตำแหน่งผู้ครองเชียงทวาย ไม่คู่ควรกับคนที่บารมีไม่ถึงหรอก”
“แต่ถึงมีบารมี แต่ชั่วช้า ฆ่าได้แม้กระทั่งพี่น้องร่วมชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง คนเชียงทวายก็ไม่ยอมเหมือนกัน” จันทร์เทพบอก จันทร์เทพพุ่งมีดไปที่แสงฉายอย่างรวดเร็ว แสงฉายหลบได้หวุดหวิด ธนาพุ่งเข้าไปต่อสู้กับจันทร์เทพเพื่อปกป้องเจ้าแสงฉาย คม พล ยศและเลิศพุ่งเข้ามาต่อสู้กับอโณทัย นที ส่วนภูผาและทวีปพุ่งไปหลบที่กำบัง ยศกับเลิศชักมีดออกมาสู้กับอโณทัยและนทีด้วยชั้นเชิงที่สูสีกัน ในที่สุด ยศกับเลิศก็ถูกฆ่าตาย ธนาเห็นท่าไม่ดีจึงหันไปหาแสงฉาย “เจ้าหนีไป”
แสงฉายคว้าแขนแพรไหมแล้ววิ่งหนี ธนา คมและพลวิ่งตามไป จันทร์เทพ อโณทัย และนทีวิ่งตาม ภูผาและทวีปลุกขึ้นมองตามไปด้วยความเป็นห่วงแพรไหม
คมขับรถหนีไปตามทาง โดยมีแสงฉายกับแพรไหมนั่งมาในรถ ธนากับพลพยายามยิงสกัดฝ่ายจันทร์เทพที่ขับรถไล่ล่า รถของจันทร์เทพมีนทีเป็นคนขับ ส่วนจันทร์เทพและอโณทัยยิงปืนเข้าใส่รถของแสงฉาย“เจ้าไม่มีทางหนีรอดไปได้หรอก” แพรไหมบอก“กว่าพวกมันจะตามมาทัน ...ผมก็พาคุณหนีไปเชียงทวายแล้ว” แสงฉายมั่นใจ “แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ... ถ้าฉันไม่ได้รักคุณ”
“ไม่จำเป็น ... ถึงตอนนี้ ความรัก ไม่มีความหมายกับผมแล้ว”
รถของแสงฉายยังคงแล่นต่อไป ส่วนรถของจันทร์เทพก็ยังแล่นตามไปไม่ลดละ โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยิงต่อสู้กันมาเรื่อยๆ
ห่างออกไปที่ด้านหลัง ทวีปขับรถตามมา โดยที่ภูผาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้าร้อนใจ “เร็วๆสิวะ” ภูผาเร่ง
“สุดขีดแล้ว ... แต่ขอโทษจริงๆว่ะ รถมันเก่า...เร่งยังไงก็ได้แค่นี้แหละ” ทวีปบอก“แต่ฉันเป็นห่วงคุณแพร... พวกมันคงไม่ปล่อยให้เจ้าแสงฉายหนีไปได้ง่ายๆ .... คุณแพรอาจจะเป็นอันตรายไปด้วย”
“รู้แล้วน่าว่ารัก” ทวีปยืนโทรศัพท์ให้ “ไม่ต้องพูดมากโทรไปแจ้งกองปราบส่งกำลังตามมาช่วยดีกว่า...เราสองคนสู้พวกมันไม่ไหวหรอก”
ทวีปส่งโทรศัพท์ให้ภูผา ขณะขับรถพุ่งตามไปไม่หยุด
นทีขับรถขึ้นไปเบียดบี้กับรถของแสงฉาย คมหักรถเข้าชน นทีหักหลบ รถนักฆ่าเสียหลักพุ่งลงข้างทาง คมยังคงขับรถไปต่อ ส่วนทวีปขับรถตามไปอย่างไม่ลดละ
รถแสงฉายแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ แสงฉายกระชากแขนแพรไหมลงมาจากรถ ธนาถือปืนก้าวลงมาจากรถ คมและพลเดินตามคุ้มกันเจ้านาย แพรไหมพยายามดิ้นรน “ปล่อยฉันนะ ... เจ้า .... ฉันไม่ไปกับเจ้า... ปล่อยฉัน”“ไม่.... เราจะต้องไปเชียงทวายด้วยกัน...ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณให้มีความสุขในฐานะเจ้าหญิงของผม” แสงฉายยืนกราน “ฉันไม่ไป” แพรไหมดิ้นรนแพรไหมพยายามดิ้นให้หลุด รถของทวีปตามมาทัน ภูผากับทวีปก้าวลงมา ธนา คมและพลกราดยิงเข้าใส่ ทวีปและภูผาหลบที่ข้างรถ เฮลิคอปเตอร์ร่อนเข้ามาจอด ธนาหันไปบอกแสงฉาย
“เจ้า ... รีบไปขึ้นฮ.”“แสงมณีกับดวงใจล่ะ” แสงฉายถาม “ผมเกรงว่าจะช้าเกินไป ... อีกไม่นานตำรวจคงจะมา เราต้องรีบไป” ธนาบอก แสงฉายหันไปเห็นภูผาและทวีปวิ่งตามมาก็หันไปล๊อคคอแพรไหมแล้วใช้ปืนจี้ “อย่าเข้ามานะ ... ฉันยิงแพรไหมจริงๆด้วย” แสงฉายบอก ภูผากับทวีปชะงัก “อย่านะเจ้า ...ใจเย็นๆ”
“วางปืน... ไม่อย่างงั้น... แกได้ศพแพรไหมกลับไปแน่...วางปืนลง”
ภูผาค่อยๆวางปืนลง แสงฉายหันไปออกคำสั่งกับทวีป “แกด้วย .... “ ทวีปและภูผาหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะค่อยๆวางปืนลง แสงฉายหันไปหาธนา “อย่าทำอะไรพวกเขาเลยค่ะเจ้า... ฉันขอร้อง ... จะให้ฉันทำอะไรฉันยอมทั้งนั้น” แพรไหมบอก
“อย่าไปขอร้องมันเลยครับคุณแพร... คนที่ฆ่าคนอื่นได้ มีแต่คนเลวเท่านั้นแหละ...เขาไม่มีสติพอที่จะนึกถึงผิดชอบชั่วดีหรอก” ภูผาตะโกน
ทวีปหันไปกระซิบ “ไอ้ภู...แกกำลังเร่งให้มันยิงเรานะโว๊ย”
“มันไม่กล้าหรอก...ถ้าเราตาย...มันก็ตายด้วยกัน” ภูผากระซิบตอบแล้วหันไปพูดกับแสงฉาย “ลองคิดดูให้ดีก็แล้วกัน...ถ้าเจ้ายอมมอบตัว ยังมีโอกาสสู้คดี”
ทวีปหันไปมองหน้าภูผาอย่างตกตะลึง แสงฉายตะโกนก้องด้วยความโกรธจัด
“ ยิงมัน”
คมและพลหันปืนไปหาภูผากับทวีป ทันใดนั้นแสงมณีก็ถลันเข้ามาขวาง
“อย่ายิง...”
“แสงมณีออกไป” แสงฉายออกคำสั่ง
“พี่ชายคะ อย่าทำผิดอีกเลย มอบตัวเถอะค่ะ” แสงมณีกล่อม
“ไม่ ... คนอย่างพี่ ไม่ยอมติดคุกแน่”
“แต่หญิงจะไม่ยอมให้พี่ชายฆ่าใครอีกแล้ว...หญิงยอมตาย ถ้าชีวิตของหญิง จะช่วยไม่ให้พี่ชายทำบาป”
แสงฉายมองหน้าแสงมณีแล้วคิดหนักเพราะลำบากใจ แล้วแสงฉายก็ออกคำสั่ง
“ลากตัวแสงมณีออกมา”
ธนาเข้าไปกระชากแขนแสงมณีออกมา ทวีปเข้าไปขวางจนเกิดการต่อสู้กัน แสงฉายคว้าตัวแพรไหมแล้ววิ่งไปที่เฮลิคอบเตอร์ ธนาคว้าตัวแสงมณีพาไปที่เฮลิคอบเตอร์ ดวงใจวิ่งตาม แสงมณีพยามยามดิ้นให้หลุดจากธนา ภูผาและทวีปกระโดดเข้าไปขวาง
แสงฉาย ธนา คมและพลหันมาต่อสู้กับทวีปและภูผา รถจันทร์เทพแล่นเข้ามาจอด นทีและอโณทัยกระโดดลงมายิง ภูผาเข้าไปคว้าแขนแพรไหมมากอดไว้ด้วยความรัก ส่วนทวีปพุ่งเข้าไปคว้าตัวแสงมณีออกมาหลบเข้าที่กำบัง แสงมณีร้องไห้และพยายามจะเข้าไปช่วยพี่ชายด้วยความเป็นห่วง “พี่ชาย” “อย่าออกไปครับ...เจ้า...เดี๋ยวจะเป็นอันตราย” ทวีปรั้งตัวไว้ คมจะเข้าไปทำร้ายนที อโณทัยพุ่งมีดเข้าไปเสียบอกคมจนเสียชีวิต นทีได้จังหวะยิงพลจนล้มลงไปกองกับพื้น ธนาได้ยินเสียงร้อก็ตกใจหันไปมอง จันทร์เทพเสียบมีดเข้าที่อกธนาทันที แสงฉายเห็นท่าจะสู้ไม่ไหวจึงวิ่งหนีไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่จอดรออยู่
ในเฮลิคอบเตอร์ที่กำลังแล่นขึ้นฟ้า แสงฉายโผล่หน้าลงไปมองพื้นด้านล่าง เขาเห็นแพรไหมอยู่ในอ้อมกอดของภูผา ส่วนทวีปกอดแสงมณีไว้แน่น แสงฉายคิดว่าตัวเองรอดชีวิตแล้วจึงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แต่แล้วจู่ๆ พันทิญาก็โผล่มาจากด้านหลังพร้อมกับเชือกในมือ“คิดว่าหนีฉันไปได้เหรอ ... ไอ้คนทรยศ”
แสงฉายหันไปมอง พอเห็นพันทิญาก็ตกใจ “พันทิญา...”
พันทิญาใช้เชือกรัดคอแสงฉายและเกิดการต่อสู้กัน เฮลิคอบเตอร์บินขึ้นสู่ฟ้า จันทร์เทพเดินไปหยิบปืนอานุภาพสูงเล็งไปที่เฮลิคอบเตอร์ก่อนจะยิงโดนเฮลิคอปเตอร์จนระเบิดไฟลุกท่วมกลางอากาศแสงมณีเห็นพี่ชายตายต่อหน้าจึงกรีดร้องก้องลั่น “พี่ชายย”
รถของทวีปแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแพรไหม ทวีป ภูผาและแพรไหมก้าวลงมาจากรถ ทั้งหมดยังมีสีหน้ายังเคร่งเครียดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ศุภลักษณ์วิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ “แพร … ลูกแม่”
แพรไหมโผเข้าไปกอดศุภลักษณ์ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ ที่ผ่านความเป็นความตายมา
“แพรเกือบจะไม่ได้กลับมาหาคุณแม่อีกแล้ว...ให้แพรกอดคุณแม่ให้แน่นๆนะคะ” แพรไหมบอก ศุภลักษณ์ตอบรับ “จ๊ะลูก” สองแม่ลูกก่อนกันแน่น น้อยมองอย่างซาบซึ้งใจ แพรไหมถอนตัวออกจากอ้อมกอดของแม่ “แต่พี่พัน ... พี่พันตายไปพร้อมกับเจ้าแสงฉายค่ะคุณแม่”
ศุภลักษณ์ตกใจ “เกิดอะไรขึ้นเหรอลูก”
“พี่พันคงจะหนีไปเชียงทวายกับเจ้าแสงฉายน่ะค่ะ แต่โชคร้ายที่เฮลิคอบเตอร์ถูกยิงระเบิดซะก่อน ตำรวจมาถึง ก็ช่วยไว้ไม่ทันแล้วค่ะ”
“คิดซะว่าเป็นกรรมนะลูก....ยายพันเลือกทางเดินชีวิตของเขาเอง..เลือกที่จะพาตัวเองไปพบจุดจบแบบนั้น... ทั้งที่แม่ก็รักเขาเหมือนลูก เลี้ยงดูไม่ได้ต่างจากแพรเลย ...ใส่ใจมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากให้มีปมด้อยแต่ยายพันก็คิดไปเองว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ เหมือนแพร คิดแต่จะหาทางเอาชนะ”
ศุภลักษณ์หันไปหาทวีปและภูผา “อโหสิกรรมให้ยายพันด้วยนะคะ....คุณภูผา....”
“ครับ” ภูผารับคำแล้วหันไปมองหน้าแพรไหมด้วยความเห็นใจ ทั้งสองคนยิ้มให้กัน น้อยมองสายตาทั้งสองคนด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบกับทวีป
“ชักจะยังไงๆอยู่นะคะคู่นี้”
“มันยังไงล่ะครับ” ทวีปถามกลับ
“ก็ยังไงๆ แปลกๆน่ะค่ะ...“ น้อยบอก
“แปลกๆยังไงล่ะครับ”
“ก็แปลกๆชอบกล...เหมือนคนรักกันยังไงก็ไม่รู้” น้อยพูดแล้วเขินใหญ่ ทวีปหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจ
ที่บ้านแสงฉาย แสงมณีในชุดดำเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับภูผาและแพรไหม โดยมีดวงใจเดินตาม “ขอบคุณนะคะ ที่มาส่ง....หญิงคงคิดถึงเมืองไทยมากๆ”
“ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมานะคะ...แพรยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ” แพรไหมบอก “ขอบคุณค่ะ... หญิงสัญญาว่าจะมาร่วมงานแต่งงานของคุณแพรกับคุณภูผา”
แพรไหมหน้าแดงซ่าน ภูผายืนเก้อ“เขายังไม่ได้ขอฉันแต่งงานเลยค่ะ” แพรไหมบอก “ถ้าผมขอ...จะแต่งหรือเปล่าล่ะครับ” ภูผาย้อนถาม แพรไหมหันไปตีแขนภูผา “บ้า พูดต่อหน้าเจ้าแสงมณีได้ยังไง”“ไม่เห็นต้องอายเลย... ก็อยากรู้จริงๆ”
“ยังไม่เริ่มคบกันเลย...จะรีบแต่งไปไหนล่ะ...จริงไหมคะเจ้า” แพรไหมทำเป็นถาม แสงมณียิ้มแล้วมองอย่างสะท้อนใจ เธอนึกไปถึงแสงฉาย
“ถ้าพี่ชายยอมรับความจริง ไม่ดึงดันที่จะเอาชนะ...ก็คงได้กลับเชียงทวายไปพร้อมกับหญิง....ไม่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่เมืองไทย”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณหญิงค่ะ...พวกเราต่างก็สูญเสียคนที่เรารักไปเหมือนกัน” แพรไหมบอก ทุกคนต่างก็เงียบไป รถตู้แล่นเข้ามาจอดรับ ดวงใจยกกระเป๋าเดินทางขึ้นรถ
“หญิงลาก่อนนะคะ”
“คุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก... จงเริ่มต้นชีวิตใหม่...อย่างเข้มแข็งวันหนึ่ง ผมเชื่อว่า คุณจะมีความสุขกับที่เห็นคุณค่าของคุณ” ภูผาบอก
“ขอบคุณมากค่ะ...คุณสองคนก็จะอยู่ในความทรงจำของหญิงตลอดไป”
“เพื่อนผมคงน้อยใจแย่เลย ที่คุณหญิงลืมนึกถึง” ภูผาพูดขึ้น
“ช่างเขาสิคะ ... หญิงจะกลับ เขายังไม่คิดจะมาส่งเลย” แสงมณีน้อยใจ “ไปนะคะ”
แสงมณีจับมือแพรไหมแล้วน้ำตาคลอ ก่อนจะมองไปรอบๆ อย่างอาลัยแล้วก็ตัดใจก้าวขึ้นรถไป ดวงใจก้าวตามขึ้นไปนั่งข้างๆ ประตูปิดลง รถแล่นออกไป แสงมณีโบกมือผ่านกระจก ภูผาเอื้อมไปกอดแพรไหม แพรไหมหันไปยิ้มให้กับภูผา
รถตู้แล่นออกมาจากประตูมาไม่ไกล ทวีปกำลังยืนเท่ห์ขวางอยู่กลางถนน รถแล่นมาจอดอยู่ข้างๆ ดวงใจหันไปสะกิดแสงมณี
“คุณหญิงคะ”
แสงมณีมองตามไป แล้วสายตาของเธอก็สว่างวาบด้วยความดีใจ
“คนบ้า...คิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไง”
“ลงไปคุยกับเขาไหมคะ...ท่าทางคงไม่หลีกไปง่ายๆ” ดวงใจบอก แสงมณีทำเป็นนิ่งคิดแต่สายตายิ้ม
ทวีปยืนรออยู่ แสงมณีเดินตรงเข้ามาหา
“ผมรีบแทบแย่ กลัวว่าจะมาส่งคุณไม่ทัน” ทวีปบอก
“ไม่ได้อยากให้มาส่งหรอกนะ” แสงมณีทำเป็นงอน
“จริงเหรอ...แต่สายของผมรายงานว่า เจ้ารอผมตั้งนาน มองหาตลอดเลยว่าเมื่อไหร่ผมจะมา... ผมรู้นะครับว่าเจ้าก็รอผมอยู่ ใจของเราส่งถึงกันครับ”
“เข้าข้างตัวเอง… คิดว่าตัวเองสำคัญนักหรือไง”
“แน่นอน... สายตามันฟ้อง”
“ฟ้องว่าเกลียดน่ะสิ...ไม่ต้องพูดมากเลย...มีธุระอะไรก็รีบพูดมา ถ้าฉันตกเครื่องใครจะรับผิดชอบ”
“ดีสิ.... คุณจะได้อยู่เมืองไทยตลอดไป...ผมสัญญานะว่าจะเป็นบอดี้การ์ดให้คุณตลอด24 ชั่วโมง .... รับรอง ผู้ชายหน้าไหนก็เข้าใกล้คุณไม่ได้”
ทันใดนั้น พิพิธก็เดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้
“ใครบอกละครับ” พิพิธพูด
“คุณพิพิธ...มาได้ไง” ทวีปตกใจ
“ทำไมจะมาไม่ได้...ลืมไปแล้วเหรอว่า ผมเป็นเพื่อนชายที่สนิทที่สุดของเจ้าแสงมณี” พิพิธบอก
“คุณเป็นแค่เพื่อน...แต่ผมเป็นมากกว่านั้น” ทวีปรีบบอก ทวีปยื่นช่อดอกไม้ให้ช่อหนึ่ง ขณะที่พิพิธยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่กว่าไปตรงหน้าแสงมณี
“ใหญ่กว่า...สวยกว่า...แพงกว่า” พิพิธบอก
“แต่ของผมมีความหมายมากกว่า” ทวีปข่ม แสงมณีค้อนให้ทั้งคู่อย่างขำๆ ทุกคนต่างก็มีความสุข ทวีปยื่นหน้าไปทำตาหวาน
“ให้ผมไปส่งนะครับ เจ้า”
“ อยากไปก็ไปสิ ไม่ได้ห้ามนี่นา” แสงมณีบอก
“ไปถึงเชียงทวายเลยนะ” ทวีปเย้าต่อ แสงมณีค้อนให้ พิพิธยิ้มรับความพ่ายแพ้ก่อนจะเดินไปขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่ รถตู้แสงมณีแล่นไป ทวีปขับรถตาม ทวีปกับแสงมณีแอบมองตากันด้วยความรัก
ที่ชายทะเล แพรไหมกับภูผาเดินจับมือมาอย่างหวานซึ้ง
“ไม่น่าเชื่อนะว่า นี่เป็นวันแรกนะที่เราได้อยู่ด้วยกันด้วยความรัก โดยไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน” ภูผาบอก
“ก็คุณมีแต่ความแค้น...คิดแต่ว่าฉันเป็นต้นเหตุให้พี่ชายคุณตาย ฉันพยายามบอกเท่าไหร่ คุณก็ไม่ฟัง”
“ก็คุณไม่พูดความจริงแต่แรก...ปล่อยให้ผมเข้าใจผิดอยู่ได้”
“ฉันเชื่อว่าคุณเป็นคนดี... ถึงจะโกรธจะแค้น แต่ฉันก็หวังว่าวันหนึ่งคุณจะใจอ่อนยอมให้อภัย” แพรไหมบอก
“แต่ยิ่งทำให้เรื่องมันเลวร้ายยิ่งขึ้น... ดีนะที่เรายังได้อยู่ด้วยกัน”
“ฉันเชื่อมั่นในความรักค่ะ... ความรักจะเอาชนะอุปสรรคทุกอย่าง”
“แต่ถ้าใช้ความรักไปในทางที่ผิด...รักอย่างเห็นแก่ตัว ความรักก็ทำลายทุกอย่างได้เหมือนกัน” พูดจบภูผาก็หันไปจ้องหน้าแพรไหมแล้วมองด้วยความรัก
“สัญญากับผมสิ ว่าต่อไปนี้ เราจะไม่ปิดบังกัน ไม่ว่าดี หรือร้าย เราจะพูดความจริงต่อกัน”
“ค่ะ... ฉันสัญญา ... แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องบอกรักฉันทุกวัน” แพรไหมยื่นข้อเสนอ
“เริ่มวันนี้เลยนะ...แพรไหม...ผมรักคุณ”
“ฉันก็รักคุณค่ะ...ภูผา”
“ความรักของเราจะแข็งแกร่งดั่งภูผา...” ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“เชื่อมร้อยด้วยแพรไหมที่อ่อนละมุนไปตราบนานเท่านาน” แพรไหมบอก ภูผาดึงแพรไหมเข้ามากอดแน่น ด้วยความรัก
จบบริบูรณ์