ภูผาแพรไหม ตอนที่ 12
ภูผาเดินเลี่ยงออกมายืนคนเดียว พันทิญาถือแก้วเครื่องดื่มเดินผ่านมาในสภาพมึนเมา
“คุณใจถึงมากที่มางานนี้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือยังไง....กับภาพบาดตาบาดใจ” พันทิญาถามเสียงอ้อแอ้
“ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น...นอกจากแค้น...ที่คนที่ทำให้พี่ชายผมตาย แต่งงานกับคนอื่น” ภูผาบอก
“แค้น...อุ๊ยตาย...สายตาแบบนี้เรียกว่าแค้นหรือคะ ฉันว่า คุณกำลังหลงเสน่ห์น้องสาวฉันมากกว่า”
“คุณจะมารู้ใจผมได้ยังไง”
“สายตาคุณมันฟ้อง...เสียใจด้วยนะคะ...ที่คุณเล่นงานคนที่ทำให้พี่ชายคุณตายไม่ได้ เสร็จงานคืนนี้ ยายแพรก็จะไปอยู่ที่เชียงทวายแล้ว...คุณจะไม่ได้พบยายแพรอีกชั่วชีวิต”
พันทิญาหัวเราะเยาะก่อนจะเดินเลี่ยงไป คมซึ่งเป็นมือปืนที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมได้จังหวะกำลังจะยกปืนขึ้นแต่แสงมณีเดินเข้ามาพอดี คมเสียดายจังหวะที่จะได้ปลิดชีวิตภูผา แสงมณีเดินเข้ามาหาภูผา ส่วนปรางแก้วเดินตามหาภูผาก่อนจะมาหยุดชะงักมอง
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ” แสงมณีพูดกับภูผา
ภูผาหันกลับมามองสายตาเศร้า “ผมดีใจต่างหาก”
“อย่าปิดบังความรู้สึกตัวเองเลยค่ะ...คุณรักคุณแพรไหม”
ภูผาอึกอัก “ผม”
“เราก็คงอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน...รัก แต่ไม่สมหวัง” แสงมณีตัดใจ “พรุ่งนี้ ฉันก็จะกลับเชียงทวาย...น่าใจหายนะคะ...ที่นี่ ทำให้ฉันมีความสุขที่สุดแล้วก็ทำให้ฉันมีความทุกข์ที่สุดด้วย”
“ขอให้คุณพบคนดีๆ ที่เขารักคุณอย่างจริงใจ”
“ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาแค่ไหน ฉันถึงจะลืมคุณได้”
“ผมไม่มีค่าสำหรับเจ้าหรอกครับ”
“ค่าของคนอยู่ที่อะไรล่ะคะ...จนป่านนี้ฉันยังตอบตัวเองไม่ได้ ทำไมฉันถึงได้รักคุณ” แสงมณีน้ำตาริน “ลาก่อนค่ะ คุณภูผา”
แสงมณีมองอย่างอาลัยก่อนจะเดินเลี่ยงผ่านหน้าปรางแก้วไปไป
นาราเดินอย่างยั่วยวนโดยไม่หันไปมองว่าธนาเดินตามมาทางด้านหลังอย่างเงียบๆ
จันทร์เทพนั่งมองภาพจากกล้องที่ส่งเข้ามาจากนารา พอเห็นว่าลับตาคนจันทร์เทพก็ออกคำสั่ง
“เด็ดหัวมันได้แล้ว”
ธนาเดินมาแล้วไม่เห็นนารา เขามองไปรอบๆ และกำลังจะถอยหลังกลับ แต่จู่ๆ นาราก็พุ่งเข้ามา ทำให้ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ภูผายืนนิ่งอย่างเจ็บปวด ปรางแก้วเดินเข้ามาแตะแขนภูผาเบาๆ
“ให้แก้วอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”
“กลับเข้าไปในงานเถอะ ... อย่ามาสนใจพี่เลย” ภูผาบอก
“แก้วรู้ว่าพี่ภูเสียใจ....แต่พี่ภูรู้ไหมคะ แก้วเสียใจยิ่งกว่า เพราะแก้วรักพี่ภูรักมากกว่าตัวเอง”
“แก้ว....ตัดใจจากพี่ซะ ไม่งั้น แก้วก็เริ่มต้นใหม่กับใครไม่ได้”
“ไม่ค่ะ....แก้วไม่มีวันทิ้งพี่ภูเด็ดขาด...ต่อให้พี่ภูไม่รักแก้ว...แก้วก็จะรักพี่ภูคนเดียวถึงในหัวใจพี่ภูจะมีแต่คุณแพรไหม แก้วก็จะรักพี่ภูตลอดไป”
ปรางแก้วยืนร้องไห้ ภูผามองอย่างสงสาร
“ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอก” ภูผาบอก
“แก้วไม่คิดจะแทนที่ใคร...แก้วแค่อยากเห็นคนที่แก้วรักมีความสุข พี่ภูไม่ต้องกังวลกับความรู้สึกของแก้ว... แก้วเกิดมาเพื่อรักพี่ภู แก้วก็จะอยู่กับความรู้สึกนั้นอย่างมีความสุข... อย่าห้ามแก้วเลยค่ะขอให้แก้วได้รักพี่ภู ...ได้ดูแลพี่ภูอยู่ห่างๆ แก้วก็พอใจแล้ว”
พูดจบภูผาก็ทำท่าจะผละไป ทันใดนั้นเองมือปืนก็ได้จังหวะโผล่หน้าออกมาเล็งปืน ปรางแก้วหันไปเห็นจึงร้องออกมา
“พี่ภู...ระวัง”
ปรางแก้วพุ่งเข้าไปขวางทางปืน เสียงปืนดังปัง ร่างของปรางแก้วทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของภูผา
ผู้คนแตกตื่น ทวีปเล็งปืนไปที่มือปืนและเกิดการยิงต่อสู้กัน แสงฉายยืนอยู่กับแพรไหม แพรไหมหันไปมองตามเสียงปืนและเห็นปรางแก้วอยู่ในอ้อมกอดภูผา
“คุณปรางแก้ว”
แพรไหมทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาปรางแก้วและภูผา แต่แสงฉายกระชากแขนแพรไหมไว้
“อย่าไป...เดี๋ยวก็โดนลูกหลง” แสงฉายบอก
“ปล่อยฉัน ... ฉันจะไปช่วยคุณปรางแก้ว...ปล่อย”
จังหวะนั้นเอง อรัญและนทีก็กระโดดลงจากชั้นบนแล้วกระชากปืนออกยิงกราดองครักษ์ของแสงฉายจนล้มตาย แสงฉายผลักแพรไหมออกไปก่อนจะหันไปต่อสู้กับเหล่านักฆ่า อโณทัยพุ่งเข้าไปถึงตัวเจ้าแสงฉาย ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แขกในงานต่างกรีดร้องกันระงม แพรไหมวิ่งไปหลบใต้โต๊ะด้วยความตกใจ
นาราและธนาต่อสู้กันอย่างดุเดือด คมและพลตามมาช่วยธนา ในที่สุดนาราก็เสียทีถูกธนาใช้มีดฆ่าตาย
แสงฉายต่อสู้กับอโณทัยอย่างดุเดือด นทีและอรัญต่อสู้กับองครักษ์ที่จะเข้ามาปกป้องเจ้านาย แพรไหมก้มหลบอยู่มุมข้างโต๊ะและพยายามจะหนีออกจากวงล้อม แขกในงานต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน แสงฉายต่อสู้กับอโณทัย นทีเข้ามาช่วย แสงฉายทำท่าจะเสียทีแต่ธนาพุ่งเข้ามาช่วยแสงฉาย อรัญเข้ามาขวางจนเกิดต่อสู้กัน
ภูผายังประคองปรางแก้วที่นอนเลือดอาบทั้งน้ำตา
“พี่ภู...แก้วดีใจที่พี่ภูไม่เป็นอะไร” ปรางแก้วพูดเสียงแผ่ว
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ... พี่จะพาแก้วไปหาหมอ...แก้วต้องไม่เป็นอะไร”
ปรางแก้วส่ายหน้า “แก้วจะอยู่กับพี่ภู.... แก้วรักพี่ภู...รักพี่ภูคนเดียว”
“พี่รู้...แก้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...แข็งใจไว้...แก้วต้องอยู่กับพี่ พี่จะแต่งงานกับแก้ว...พี่สัญญา”
“แก้วรู้ว่าพี่ภูหวังดีกับแก้ว...แก้วดีใจ ที่ได้รักพี่ภู แก้วอยากให้พี่ภูมีความสุขกับคนที่พี่ภูรัก”
“ความรัก มันไม่สำคัญกับพี่..เท่ากับชีวิตของแก้ว... แก้ว...”
ปรางแก้วค่อยๆหลับตาลง
“อย่าทิ้งพี่ไป”
ทวีปวิ่งเข้ามาจับมือน้องสาว
“แก้ว...แก้วน้องพี่ ... อย่าเป็นอะไรนะ...พี่อยู่นี่..แก้ว...พูดกับพี่สิ...แก้ว.... อย่าทิ้งพี่ไป... เรามีกันอยู่สองคนเท่านั้น แก้วต้องอยู่กับพี่....แก้ว....อยู่กับพี่ก่อน”
ปรางแก้วลืมตามองทวีปเฮือกสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ ทวีปกอดร่างปรางแก้วแล้วร้องไห้โฮ
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ภูผาหันไปมองก็เห็นแพรไหมถูกอโณทัยใช้ปืนจี้ แสงฉายหยุดการต่อสู้ เขาหันไปโบกมือห้ามองครักษ์ทั้งหมด
“สั่งคนของเจ้าวางอาวุธ .... ไม่งั้น ผู้หญิงคนนี้ ตาย” อโณทัยขู่
“แกหนีไปไหนไม่รอดหรอก” แสงฉายบอก
“รอดหรือไม่รอด ... เดี๋ยวก็รู้ ... ไป”
อโณทัยใช้ปืนจี้แพรไหมให้เดินไป นทีและอรัญใช้ปืนคุ้มกันขู่ ธนาและกลุ่มองครักษ์เดินตามแล้วรอจังหวะ ก่อนที่นทีจะหันไปถามอโณทัย
“นาราล่ะ....เราต้องช่วยนารา”
“มันตายแล้ว” ธนาแทรกขึ้น “เหลือแต่พวกแก... ปล่อยคุณแพรไหมซะ ถ้าไม่อยากตายเหมือนกับนังนั่น”
อโณทัยหวั่นไหวขึ้นมา
“ ไม่จริง...”
“ฉันก็ไม่อยากฆ่าผู้หญิงหรอกนะ...มันรนหาที่เอง ช่วยไม่ได้” ธนาบอก
อโณทัยโกรธจัดจึงหันปืนไปหาธนาก่อนจะยิงใส่หลายนัดทำให้เกิดการต่อสู้กันอย่างชุลมุน อรัญถูกกระสุนเข้าที่อกหลายนัดจนล้มลงไป นทีและอโณทัยตกใจ ภูผากระโดดลงมาถีบอโณทัยแล้วกระชากแขนแพรไหมให้วิ่งหนี
“ไปกับผม” ภูผาบอก
แพรไหมถาม “ไปไหนคะ”
“ไม่ต้องถาม ...หนีเร็ว”
ภูผาพาแพรไหมวิ่งหนีไป อโณทัยและนทีได้โอกาสวิ่งหนี แสงมณีกับดวงใจเดินหน้าตื่นเข้ามา แสงฉายหันไปสั่งยศกับเลิศทันที
“คุ้มกันแสงมณี”
ยศกับเลิศและองครักษ์กลุ่มหนึ่งตรงเข้าคุ้มกันแสงมณี แสงฉายหันไปสั่งธนา
“ตามไปเอาตัวคุณแพรไหมกลับมา”
ธนาพร้อมกับคมและพลจึงวิ่งตามแพรไหมไป
ภูผาลากแขนแพรไหมวิ่งหนีมาเรื่อยๆ ธนา คมและพลวิ่งตามมาพร้อมไล่ยิงมาด้วย ภูผาจูงแขนแพรไหมไปที่รถ เขาพาแพรไหมไปหลบอยู่ที่กำบังก่อนจะหันไปบอกแพรไหม
“รีบไปที่รถ...ผมจะยิงป้องกันคุณเอง”
“ไม่ ฉันกลัว”
“เขาไม่ยิงคุณหรอก... ผมต่างหากที่เขาอยากจะฆ่า นี่กุญแจ...ไปสตาร์ทรถ ขับมารับผม”
แพรไหมลังเล “ฉัน”
“ไปสิ... หรือว่าคุณอยากกลับไปเป็นเมียเขา”
“ค่ะ...ค่ะ”
แพรไหมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบกุญแจแล้ววิ่งไปที่รถ ภูผายิงต่อสู้กับ ธนา คมและพล แพรไหมรีบวิ่งไปที่รถ แสงฉายวิ่งตามมาแล้วหันไปเห็นออกคำสั่ง
“ไปเอาตัวคุณแพรไหมมา...อย่าให้หนีไปได้”
แพรไหมรีบวิ่งไปที่รถ คมและพลวิ่งตามไม่ทัน แพรไหมสตาร์ทรถแล้วขับรถออกมา
ภูผายิงป้องกันตัวก่อนจะพุ่งผ่านประตูรถที่เปิดอยู่ รถแล่นออกไป เจ้าแสงฉายมองตามไปอย่างโกรธแค้น
ธนาหันมาถาม “เอาไงครับเจ้า”
“สั่งคนของเราตามไป.... มันคงไปได้ไม่ไกลหรอก” แสงฉายบอก
รถตู้แล่นเข้ามาจอด ธนาเปิดประตู แสงฉายก้าวขึ้นรถ คมและพลก้าวตาม แล้วรถก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
รถของภูผาแล่นมาตามถนน โดยที่แพรไหมเป็นคนขับรถมาตามทาง ภูผาหันไปมองด้านหลัง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วเขาก็ออกคำสั่ง
“จอด”
แพรไหมยังงงๆ “คะ”
“จอดเดี๋ยวนี้”
แพรไหมลนลานรีบจอด ภูผาเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ เขากระชากแขนแพรไหมลงมา แพรไหมร้องโวยวาย
“คุณจะทำอะไร” แพรไหมงง
ภูผาไม่ตอบ เขากระชากแขนแพรไหมเดินไปอีกฝั่งแล้วเปิดประตู ภูผาผลักแพรไหมเข้าไปในรถอย่างแรงจนหัวของเธอชนกับขอบประตู
“ฉันเจ็บนะ”
ภูผาไม่สนใจ เขาเดินกลับไปนั่งประจำที่คนขับแล้วกระชากรถออกไป
รถของภูผาแล่นไปตามถนน ดวงตาภูผาแดงช้ำ น้ำตาของเขารินไหลเพราะคิดถึงปรางแก้ว
แพรไหมปรายตามองด้วยความเห็นใจ
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ คุณปรางแก้วไม่น่าโชคร้ายเลย” แพรไหมพูด
“ถ้าแก้วไม่ตาย ... คนที่ตายก็คงเป็นผม... มือปืนมันคงกะเล่นงานผมให้ตาย”
ภูผาขับรถไปจอดแล้วฟุบหน้านิ่งกับพวงมาลัยก่อนจะร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“แก้วตายเพราะผมแท้ๆ”
“ใครจะฆ่าคุณเหรอคะ” แพรไหมถาม
ภูผาโมโห “จนป่านนี้ คุณยังดูไม่ออกเหรอ...ว่าเจ้าแสงฉายมันร้ายกาจแค่ไหนหรือว่า อยากจะแต่งงานกับมันมาก จนมองไม่เห็นความเลวของมัน”
“แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเขาจะฆ่าคุณเพื่ออะไร ในเมื่อฉันก็ยอมทำตามเงื่อนไขของเขา”
“เพื่อกำจัดศัตรูหัวใจของเขายังไงล่ะ... แต่อย่าหวังเลยว่า เขาจะสมหวัง ผมนี่แหละ จะทำให้เขาเจ็บปวด... เขาจะต้องสูญเสียคนที่เขารักเหมือนกัน”
ภูผากระชากรถออกไปอย่างรวดเร็ว แพรไหมนั่งตัวลีบแล้วนึกกลัวใจภูผาขึ้นมา
แสงฉายเดินเข้ามาในบ้านอย่างเงียบๆ ธนาเดินตามมา
“สั่งคนของเราตามหามันให้เจอ...ต่อให้พลิกแผ่นดินก็ต้องตาม...จับตัวมาทั้งคู่เลย” แสงฉายบอก
“แต่วันพรุ่งนี้ เจ้าอาจจะยุ่งยาก...มีคนตายในงาน หลายคน” ธนาพูด
“เราไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น....ไม่มีหลักฐานสาวมาถึงเราได้ง่ายๆหรอกฆ่ามันได้แล้ว..เราก็จะกลับเชียงทวาย...ไม่มาเหยียบที่นี่อีก”
แสงมณีเดินเข้ามาได้ยินและแอบฟัง เธอตัวแข็งกับความจริงที่ได้ยิน
“แต่ผู้หญิงคนนั้น ไม่น่ามารับกระสุนไว้เลย ...ไม่งั้นไอ้ภูผามันตายไปแล้ว” ธนาบอก
“มันไม่ตายตอนนี้...อีกไม่นานมันก็ต้องตายอยู่ดี...ฉันจะฆ่ามันด้วยมือฉันเองสั่งคนของเราไปลากคอมันมาให้ได้” แสงฉายสั่ง
ธนารับคำแล้วเดินออกไป แสงฉายปัดข้าวของบนโต๊ะหล่นแตกกระจายด้วยความแค้น แสงมณีวิ่งร้องไห้ขึ้นบ้านไปเพราะเธอเพิ่งรู้ว่าพี่ชายของเธอโหดร้ายกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก
แสงมณีวิ่งร้องไห้เข้ามาในห้อง ดวงใจเดินตามมา
“คุณหญิงขา...ร้องไห้ทำไมคะ...เกิดอะไรขึ้น”
“หญิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายจะโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้ พี่ชายไม่น่าเป็นคนอย่างงี้เลย”
“เจ้าแสงฉายคงมีเหตุผลที่ต้องทำ...ใจเย็นๆนะคะคุณหญิง ยังไงเจ้าแสงฉายก็เป็นพี่ชายคุณหญิงนะคะ” ดวงใจปลอบ
“เพราะเป็นพี่ชายของหญิงน่ะสิ...หญิงถึงทำอะไรไม่ได้”
ดวงใจกอดแสงมณีที่กำลังร้องไห้ด้วยความน่าสาร
ภูผาโยนแพรไหมลงบนที่นอนในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วมองอย่างโกรธแค้น แพรไหมมองภูผาอย่างหวาดกลัว
“พาฉันกลับบ้านเถอะนะคะ...อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายยิ่งไปกว่านี้เลย ป่านนี้ เจ้าแสงฉายคงส่งคนตามหาเราจนทั่วแล้ว” แพรไหมวอน
“ให้เขาคลั่งตายไปเลยยิ่งดี”
“โธ่...คุณภูผา...ฉันเข้าใจนะคะว่าคุณเสียใจ... แต่ฉันเป็นห่วงคุณจริงๆนะคะ ถ้าคุณพาฉันกลับไปตอนนี้ ฉันเชื่อว่า ฉันคุยกับเขาให้เข้าใจได้”
“แล้วชีวิตของแก้วล่ะ... แก้วไม่มีความผิด แต่ต้องมาสังเวยชีวิตให้มัน พี่ชัยก็เหมือนกัน ... คุณว่า โลกนี้ มันยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม หรือเลวพอๆกัน ก็เลยไม่คิดถึงใจคนอื่น .... หา”
ภูผากระชากแขนแพรไหมเข้ามาจ้องหน้าอย่างน่ากลัว แพรไหมดิ้นรนสุดแรง
“ปล่อยฉันนะ... ฉันไม่ได้ทำ...ปล่อย”
“ปล่อยให้คุณกลับไปหามันอย่างงั้นเหรอ...ไม่มีทาง”
“คุณต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ .... ปล่อยฉัน...ปล่อย”
แพรไหมทุบตีภูผา ภูผาพุ่งเข้าเอาตัวทับไว้ก่อนจะระดมจูบแพรไหมอย่างรุนแรง แพรไหมดิ้นรนจนหมดแรงจึงต้องปล่อยให้ภูผาย่ำยีอย่างเจ็บปวด
ศุภลักษณ์นั่งซึมอยู่ในบ้านเมื่อเห็นว่าเรื่องทั้งหมดเลวร้ายเกินกว่าที่เธอคิดไว้ วนิดาเดินเข้ามายืนมองแล้วยิ้มเยาะอย่างสมใจก่อนทำท่าจะเดินเลี่ยงไป
“เสียใจด้วยนะคะ ที่เรื่องมันไม่เป็นอย่างที่หวังไว้” วนิดาเปรย
“ออกไป้ ...ไปให้พ้น...ถ้าเป็นไปได้ ออกไปจากบ้านฉันเลยยิ่งดี ยังไงเธอก็ไม่นับถือฉันเป็นพี่อยู่แล้วนี่” ศุภลักษณ์ไล่
“ดาลืมว่าเราเป็นพี่น้องกัน ตั้งแต่วันที่พี่ศุ แย่งพี่วิเชียรไปจากดาแล้วค่ะ”
“ใครกันแน่ที่แย่งเขาไปจากฉัน...ทั้งที่เราหมั้นกันมาตั้งแต่เด็ก”
“ก็แค่หมั้น...แต่มันไม่ใช่ความรัก... เขาไม่ได้รักพี่ศุ...เขาแค่ทำตามความต้องการของผู้ใหญ่...พี่ศุนั่นแหละที่หน้ามืด รักเขาข้างเดียว จนไม่เปิดตาขึ้นมาดูความจริง”
“ไม่จริง...เขารักฉัน” ศุภลักษณ์แย้ง
“หลอกตัวเอง...ถ้าเขารักพี่ศุ เขาคงไม่ย่องเข้ามาหาดาแทบทุกคืน แต่พี่ศุก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น... เพราะไม่อยากเสียผัว”
“พอที เถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว...ฉันไม่อยากฟัง”
“พี่ศุต้องฟัง... จะได้ยอมรับความจริงซะที...พี่ศุนั่นแหละที่เป็นแย่งผัวของน้องแล้วยังพรากลูกของดาไป”
พันทิญาเดินเข้ามาได้ยินคำว่าลูกทำให้เธอต้องหยุดฟัง
ศุภลักษณ์เปรยออกมา “ลูก”
“ใช่ค่ะ .... ดากับพี่วิเชียรมีลูกด้วยกัน ก่อนที่เขาจะมาแต่งงานกับพี่ศุ”
“นี่อย่าบอกนะว่า...ยายพันเป็นลูกของเธอ” ศุภลักษณ์ถาม
“ค่ะ....ยายพันเป็นลูกสาวของดากับพี่วิเชียร... ดาถึงได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ทนเป็นเมียเก็บของเขา...ยอมหวานอมขมกลืน ทนกินน้ำใต้ศอกของพี่ศุเพื่อได้อยู่กับลูก... เพราะพี่ศุอยากจะยึดพี่วิเชียรไว้ ถึงได้ทำตัวเป็นแม่พระยอมให้เขาเอาลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน... โดยไม่ถามเขาซักคำว่า ใครเป็นแม่ของลูกเขา พี่ศุเห็นแก่ตัว” วนิดาต่อว่า
ศุภลักษณ์ลุแก่โทสะจึงตบหน้าวนิดาอย่างแรง พันทิญายืนตะลึงสักพักก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆเอ่อขึ้นมา
วนิดาโกรธแค้น “พี่ศุรู้ไหมคะ...ดาเจ็บแค่ไหนที่ต้องทนเห็นพี่ศุหน้าชื่นตาบานอยู่กับสามีของดา”
“ไม่จริ๊ง .... ไม่จริ๊ง ... พันไม่เชื่อ” พันทิญาร้องโวยวาย
พันทิญาวิ่งร้องไห้ออกไป วนิดาและศุภลักษณ์ตกตะลึง แล้ววนิดาก็รีบวิ่งตามไป
“พัน ... ลูกแม่”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 12 (ต่อ)
พันทิญาวิ่งเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู เธอยืนร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ได้รู้ความจริง วนิดาวิ่งโผมาที่หน้าประตู เธอพยายามเคาะประตูพร้อมทั้งร้องเรียกทั้งน้ำตา
“พัน....ฟังแม่ก่อน...แม่ขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงกับลูก...แม่ขอโทษ”
พันทิญาเอามือปิดหูเพราะไม่อยากฟังและไม่อยากรับรู้
วนิดายืนร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าห้อง
“แม่รักลูกนะพัน แม่ทำทุกอย่างเพื่อลูก…อย่าโกรธแม่เลยนะ”
พันทิญาค่อยๆทรุดตัวลงนั่งร้องไห้
วนิดาเดินออกมานั่งซึมที่ห้องรับแขก ศุภลักษณ์เดินเข้ามายืนมอง
“ในเมื่อแกไม่เคยคิดว่าฉันเป็นพี่ ก็อย่าอยู่ที่นี่อีกเลย” ศุภลักษณ์ว่า
วนิดาเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างโกรธแค้น “ได้ ดาจะไปจากที่นี่ .... แล้วพี่ศุจะเสียใจที่ทำกับดา”
“ฉันเสียใจมามากพอแล้ว ที่หลงเลี้ยงงูพิษอย่างแก เก็บข้าวของของแก แล้วออกไปจากบ้านนี้ซะ...ส่วนยายพันถ้าอยากจะอยู่กับแม่แท้ๆอย่างแก ก็ตามใจ”
พูดจบศุภลักษณ์ก็เดินเลี่ยงไป วนิดามองตามไปด้วยความโกรธแค้น
เช้าวันใหม่ ภูผานอนอยู่ที่โซฟาหน้าห้อง เขาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็นึกขึ้นได้จึงรีบเปิดประตู ก่อนจะ ถอนหายใจอย่างโล่งอก ภูผาเห็นแพรไหมนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง เขาเดินเข้าไปนั่งมองเธอด้วยความรักก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผม แต่แล้วภูผาก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่หน้าผากของแพรไหม
“แพรไหม .... แพรไหม”
แพรไหมปรือตาขึ้นมาอย่างยากเย็น
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
ภูผาเอาผ้าห่มคลุมแพรไหมแล้วมองอย่างห่วงใย
“คุณไม่สบายนี่.... รอเดี๋ยวนะ ผมจะไปหายามาให้คุณ”
ภูผาเดินออกไปจากห้องอย่างร้อนใจ
แพรไหมนอนซมอยู่บนเตียง....
แสงฉายยืนอยู่ในบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สักพักธนาก็เดินเข้ามารายงาน
“ยังไม่เจอครับเจ้า”
“หาต่อไป ... ให้มันรู้ไปว่ามันจะเอาชีวิตเข้าแลก เพราะผู้หญิงคนเดียว” แสงฉายโกรธ
“แต่เรื่องมันจะไปกันใหญ่นะครับเจ้า...อีกไม่กี่วัน เราก็จะนัดส่งของล๊อตใหญ่ ถ้ามีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง ผมกลัวว่างานเราจะเสีย...งานนี้สำคัญกับเจ้ามากนะครับ”
แสงฉายอึ้ง แต่ยังมุ่งมั่นกับการแก้แค้น “แต่ฉันคงปล่อยให้คนที่หยามน้ำหน้าฉันลอยนวลอยู่ไม่ได้ .... มันกับฉันต้องตายกันไปข้างนึง...และคนที่ตายต้องเป็นมัน”
ธนานิ่งรับคำสั่งก่อนจะเดินผ่านหน้าแสงมณีที่ยืนแอบฟังอยู่ออกไป แสงมณีตัดสินใจเดินเข้าไปหาแสงฉาย แสงฉายได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาจึงหันกลับมาแล้วก็ต้องชะงัก
“น้องหญิง”
“พี่ชายหยุดเถอะค่ะ...ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
“เธอเป็นน้อง อย่ามายุ่งเรื่องของพี่”
“หญิงเป็นห่วง...หญิงไม่อยากให้พี่ชายทำผิดกฏหมาย ถ้าพลาดขึ้นมา พี่ชายจะเดือดร้อนนะคะ”
“เธอห่วงพี่ หรือห่วงมันกันแน่” แสงฉายย้อนถาม
“ถึงไม่ใช่เขา หญิงก็ต้องห้าม...หญิงไม่อยากให้พี่ชายต้องกลายเป็นฆาตกร”
“หญิงกำลังประนามพี่นะ หญิงก็รู้ก็เห็นนี่ว่ามัน แย่งคุณแพรไหมไปจากพี่”
“เขาช่วยคุณแพรไหมต่างหากล่ะคะ... ไม่อย่างนั้น คุณแพรไหมอาจจะถูกพวกกบฏจากเชียงทวายฆ่าตายไปแล้ว”
แสงมณีพูดจบก็ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป ก่อนจะนึกขึ้นได้เธอจึงหันกลับมาพูด
“พี่ชายควรจะกลับเชียงทวายไปพร้อมกับหญิง... ลืมทุกอย่างที่นี่แล้วกลับบ้านของเรา... ประชาชนกำลังรอพี่ชายอยู่นะคะ”
“หญิงกลับไปก่อนเถอะ...พี่ขอจัดการงานทางนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วพี่จะตามไป” แสงฉายบอก
“พี่ชายคิดเหรอคะว่า ตำรวจจะปล่อยให้พี่ชายใช้ประเทศไทยเป็นฐานลำเลียงของผิดกฏหมาย โดยไม่ทำอะไร”
“น้องหญิง” แสงฉายตกใจเพราะไม่คิดว่าแสงมณีจะรู้เรื่องนี้
“ที่หญิงต้องพูด...เพราะหญิงรักพี่ชาย... อยากจะกลับเชียงทวายด้วยกัน หญิงไม่อยากให้พี่ชายโดนจับเข้าคุก หรือถูกตำรวจยิงตาย”
แสงมณีพูดจบก็เดินเลี่ยงไป แสงฉายยืนอึ้งและคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไป
แพรไหมที่อยู่ในชุดเรียบๆ ลืมตาตื่นขึ้น เธอเห็นภูผานอนจับมือเธออยู่ข้างๆ เตียง เธอมองเขาอย่างอ่อนโยน สักพักภูผาก็สะดุ้งตื่น เขารีบเอามืออังหน้าผากของแพรไหมก่อนเอ่ยถาม
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันยังไม่ตายง่ายๆหรอก” แพรไหมประชด
“ไม่สบายยังฤทธิ์มากอีก เดี๋ยวก็ปล่อยให้นอนป่วยอยู่คนเดียวหรอก”
“ก็ดี ไม่อยากเห็นหน้าคน” แพรไหมว่า
“พูดมากอย่างงี้ ไม่น่าพาหนีออกมาจากงานแต่งงานเลย ปล่อยให้ไปอยู่กับเจ้าแสงฉายซะก็ดีหรอก”
“พาฉันกลับไปส่งเขาก็ได้นะ”
“เขาคงไม่รับกลับหรอก ... แค่นี้ก็เสียหน้าแย่เลย ที่เจ้าสาวหนีไปกับผู้ชายอื่น”
แพรไหมค้อนแล้วทำท่าจะลุกขึ้น ภูผาตรงเข้าไปประคอง
“อย่าเพิ่งขยับตัวสิ ... เดี๋ยวอาการก็ทรุดลงไปอีก” ภูผาบอก
“ช่างฉัน .... คุณอยากให้ฉันตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“อย่าเพิ่งตายเลย ... ผมยังอยากแก้แค้นคุณไปอีกนานๆ”
แพรไหมเชิดหน้า ภูผามองยิ้มๆ แพรไหมหันไปเห็นกุญแจรถวางอยู่บนโต๊ะจึงเปลี่ยนท่าทีแล้วหันไปบอกเขาเสียงอ่อย
“ฉันอยากจะเช็ดตัว...คุณช่วยไปเอาผ้าชุบน้ำในห้องน้ำมาให้ฉันหน่อยสิ”
ภูผาตอบรับ “ได้”
ภูผาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ แพรไหมค่อยๆ ย่องลงจากเตียงไปหยิบกุญแจแล้วตะโกนบอก
“ชุบน้ำอุ่นนะ ... เปิดน้ำให้อุ่นๆด้วย”
แพรไหมค่อยๆเดินไปเปิดประตูก่อนจะย่องออกไปแล้วปิดประตู ภูผาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเตียงว่างเปล่า เขามองไปที่โต๊ะที่วางกุญแจรถก็ไม่เห็นกุญแจรถแล้ว
“แพรไหม”
ภูผารีบวิ่งตามไปทันที
แพรไหมวิ่งมาที่ลานจอดรถแล้วมองหารถภูผากระทั่งเห็นรถภูผาจอดอยู่ เธอรีบกดรีโมทแล้วเปิดประตู ก่อนจะเข้าไปนั่งสตาร์ทรถและขับออกไป ภูผาได้ยินเสียงรถก็รีบวิ่งเข้ามาขวาง
“ผมไม่ให้คุณไป” ภูผาบอก
“หลีกไปนะ ไม่อย่างงั้น ฉันชนคุณแน่” แพรไหมขู่
“อย่าทำบ้าๆสิ ... คุณก็รู้นี่ ว่าตอนนี้ เจ้าแสงฉายกำลังตามจับตัวเราอยู่”
“ก็ยังดีกว่าอยู่กับคนใจร้ายอย่างคุณ”
แพรไหมไม่ฟังเสียง เธอขับรถพุ่งไป ภูผากระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด แพรไหมรีบขับรถออกไป ภูผาวิ่งตามไปสักระยะก่อนจะหยุดมองตามไปด้วยความห่วงใย
แพรไหมขับรถไปด้วยความคับแค้นใจและน้อยใจ เธอรู้สึกว่าใจของภูผามีแต่ความแค้นแต่ใจของเธอยังรักเขาอยู่ได้ ภาพตอนที่เธอกับภูผาแสดงความรักต่อกันแวบขึ้นมาในหัวของแพรไหม
ภูผาเดินคิดถึงแพรไหมอยู่ที่ชายหาด ทั้งแพรไหมและภูผาต่างก็รู้สึกสับสนในใจ
แสงมณีเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านก่อนจะกดโทรศัพท์ไปหาภูผา
“รับสิ ... คุณภูผา”
แสงมณีมีสีหน้าผิดหวังเมื่อภูผาไม่ได้รับสาย แล้วเธอก็นึกถึงทวีป
“คุณทวีป”
แสงมณีแต่งตัวจะออกไปนอกบ้าน เธอเดินลงมาอย่างรีบร้อนแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแสงฉายเดินนำธนา คมและพลเข้ามาหา
“จะไปไหน...น้องหญิง” แสงฉายถาม
“หญิงจะออกไปซื้อของค่ะ” แสงมณีบอก
“พี่ไม่อนุญาต ...ข้างนอกอันตรายเกินไป ... ไปเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับเชียงทวาย พี่จะให้ธนาไปส่ง”
“ถ้าจะกลับ พี่ชายต้องกลับไปด้วย” แสงมณียืนกราน
“ก็บอกแล้วไง....ถ้าพี่เสร็จธุระแล้ว จะตามไป”
“ไม่ค่ะ... หญิงจะกลับ ก็ต่อเมื่อพี่ชายกลับไปด้วยเท่านั้น...หญิงเหลือพี่ชายอยู่คนเดียวถ้าพี่ชายถูกจับ หรือ เป็นอะไรขึ้นมา หญิงจะอยู่กับใครล่ะคะพี่ชาย....ลองคิดดูให้ดีนะคะ... เราไม่ได้เดือดร้อน ต้องหาเงินมากมายที่มีอยู่ ก็ใช้ทั้งชาติไม่หมดแล้ว..พี่ชายจะดิ้นรนไปทำไมคะ”
แสงมณีทำท่าจะเดินเลี่ยงไป แสงฉายหันไปมองหน้าธนาแล้วออกคำสั่ง
“พาแสงมณีไปขังไว้ในห้อง ไม่ต้องให้ไปไหน แล้วไม่ต้องติดต่อใครได้อีก จนกว่างานเราจะเสร็จ”
แสงมณีทำท่าจะวิ่งหนี ธนา คมและพลเดินเข้าไปขวาง
“ขออนุญาตนะครับ เจ้า” ธนาบอก
แสงมณีร้องลั่น “อย่านะ”
คมและพลไม่ฟังเสียงรีบตรงเข้าไปจับแขนแสงมณีทันที
คมและพลลากแขนแสงมณีเข้าไปในห้อง ดวงใจวิ่งเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“หยุดนะ...ปล่อยคุณหญิงเดี๋ยวนี้...ปล่อย” ดวงใจหันไปมองหน้าแสงฉาย “เจ้าคะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมต้องทำกับน้องอย่างนี้”
“ฉันไม่ทำอะไรคุณหญิงของดวงใจหรอกน่ะ แค่อยากจะกักบริเวณซักสองสามวัน... ถ้าดวงใจเป็นห่วงน้องหญิง ไม่อยากให้พวกกบฏทำร้ายน้องหญิง...ดวงใจก็ควรจะเฝ้าน้องหญิงให้ดี อย่าให้ออกไปไหน” แสงฉายบอก
ดวงใจหันไปมองแสงมณีด้วยความเป็นห่วง แสงมณีหันไปมองแสงฉายทั้งน้ำตา
“พี่ชายทำกับหญิงอย่างนี้ไม่ได้นะ...หญิงไม่ใช่นักโทษของพี่ชาย ปล่อยหญิง ...ปล่อย ...พี่ชายใจร้าย...ปล่อย”
ธนา คมและพลพาแสงมณีออกไป ดวงใจเดินตามไปอย่างร้อนใจ แสงฉายรู้สึกเจ็บปวดเพราะสงสารน้อง แต่เขาก็คิดว่าจำเป็นต้องทำเพราะมาไกลเกินกว่าจะหยุดได้แล้ว
ทวีปในชุดตำรวจกำลังตรวจสอบภาพถ่ายเพื่อหาหลักฐานในที่เกิดเหตุอยู่ในห้องทำงาน พิพิธเดินเข้ามานั่งตรงหน้า ทวีปหันไปฝืนยิ้มให้
“ผมเสียใจด้วยนะ...เรื่องน้องสาวของคุณ” พิพิธพูด
“ขอบคุณครับ ... ยายแก้วคงทำบุญมาแค่นี้จริงๆ”
ทวีปหน้าเศร้า พิพิธมองอย่างเห็นใจ
“ผมเข้าใจ...ตอนนี้ ผมก็คงไม่ต่างไปจากคุณ....เรามีกันอยู่สองคนพี่น้องจนป่านนี้ พี่ชายผมยังไม่กลับมา ...ถ้าพี่ชายผมเป็นอะไรไป ผมก็คงไม่เหลือใคร” พิพิธบอก
“ผมกำลังให้สายสืบแกะรอยอย่างเต็มที่...อีกไม่นานคงได้ข่าว”
“หวังว่าจะเป็นข่าวดี”
ทันใดนั้นตำรวจชั้นประทวนคนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงาน
“หมวดครับ... ตำรวจที่หนองคายจับโจรขโมยรถของคุณพิพัฒน์ได้แล้วครับ ... มันซักทอดถึงผู้หญิงที่ชื่อ วนิดากับพันทิญา”
ทวีปหูผึ่ง เขาหันไปมองหน้าพิพิธ พิพิธรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา
“เลวทั้งคู่.... คุณรู้ไหม...ผมเคยเจอพวกเขาที่ร้านอาหาร ก่อนที่พี่ชายคุณภูผาจะฆ่าตัวตาย ผมสังหรณ์ใจอยู่แล้ว...ว่าสองคนเนี่ย ... ต้องเกี่ยวข้องด้วย ...แต่พี่พิพัฒน์ไม่ยอมเชื่อในที่สุดก็เจอเข้ากับตัวเองจนได้”
พิพิธทำท่าจะลุกขึ้นแต่ทวีปจับแขนไว้
“อย่าเพิ่งวู่วามไปครับ... ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ”
พันทิญาเดินมาที่หน้าบ้าน แล้วเธอก็ชะงักเมื่อเห็นวนิดากำลังเดินมาอย่างร้อนใจ พันทิญากำลังจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่วนิดาเดินไปดัก
“พัน... แม่เสียใจ” วนิดาเอ่ยออกมา
“โกหกทำไม ... ทำไมไม่พูดความจริงแต่แรก” พันทิญาโวย
“แม่กลัวว่าพี่ศุจะไม่ให้แม่เข้ามาอยู่ด้วย...แม่กลัวว่าจะไม่ได้อยู่กับลูก”
“คิดถึงแต่ตัวเอง...แล้วเคยคิดไหมว่า พันจะรู้สึกยังไง...ที่ต้องเป็นเด็กกำพร้าไม่มีแม่เหมือนคนอื่นเขา....อยู่ในบ้านก็ในฐานะผู้อาศัย... ที่เขาให้อยู่ก็เพราะเป็นลูกคุณพ่อแม่ทำได้ยังไงที่เห็นลูกตัวเองต่ำต้อยกว่าลูกคนอื่น”
“แม่เองก็ทรมานใจมากนะลูก ที่ถูกแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไป แม่ต้องทนเจ็บมาเป็นสิบๆปี...ที่เห็นลูกของตัวเองเรีอกคนอื่นว่า แม่” วนิดาบอก
“ช่างเถอะค่ะ ... ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว... พูดไป ก็ไม่ช่วยให้อะไรๆมันดีขึ้นได้หรอก”
“แม่แค่อยากให้พันรู้ว่าแม่เสียใจ .... ยกโทษให้แม่นะลูก”
พันทิญายืนร้องไห้แต่ไม่พูดอะไรออกมา ทันใดนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา วนิดากดรับสาย
“ฮัลโหล .... อะไรนะ ... พวกมันถูกจับตัวได้ ... ตายแล้ว ทำไมถึงได้โง่อย่างงี้ ... โอ๊ย ไม่ได้เรื่องเลย ... ฮัลโหล...ๆ .. โอ๊ย”
ปลายสายสัญญาณขาดไป วนิดากดโทรออกแต่ก็โทรไม่ติด วนิดาวางโทรศัพท์มือถือลงอย่างร้อนใจ พันทิญาเองก็ร้อนใจหนัก เธอทำท่าจะเดินเลี่ยงไปแต่วนิดาเดินไปจับแขนไว้ด้วยท่าทีร้อนใจ
“พัน ... ใจเย็นไว้ก่อนนะลูก...พันไม่ได้ฆ่าเขา...ใครก็เอาผิดพันไม่ได้”
“พันไม่รอให้ใครมาลากเข้าคุกหรอกค่ะ” พันทิญาบอก
พันทิญารีบผลุนผลันกลับเข้าไปในห้อง วนิดายืนละล้าละลังว่าจะทำยังไงดี
พันทิญาเปลี่ยนมาใส่ชุดทะมัดทะแมงเตรียมออกเดินทาง เธอลากกระเป๋าเดินทางออกมาวางบนเตียง แล้วหันไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลวกๆ วนิดาเดินเข้ามาห้าม
“พันไม่ต้องหนี...ตั้งสติไว้นะลูก...เราไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” วนิดากล่อม
“แต่เราฆ่าคุณพิพัฒน์... เราอาจจะถูกจับ” พันทิญาร้อนใจ
“ไม่ใช่ลูก... พันไม่ได้ทำ...พันไม่เกี่ยว...แม่ทำคนเดียว”
พันทิญาหวาดกลัว “ถ้าไอ้พวกนั้นมันซักทอดมาถึงพันล่ะคะ...ไม่เอาล่ะคะ พันจะหนี...พันไม่ยอมถูกจับแน่”
“พัน... ตั้งสติหน่อยสิลูก...ยิ่งหนี ยิ่งมีพิรุธ”
“คิดเหรอว่าไอ้พวกนั้น มันจะยอมถูกจับคนเดียว....ไม่... ยังไงพันก็ไม่อยู่ น้า...เอ่อ แม่อยู่สู้หน้าตำรวจไปคนเดียวเถอะ....พันขอหนีไปตั้งหลักก่อน” พันทิญาบอก
พันทิญารูดซิปกระเป๋า แล้วจะเดินออกไปจากห้อง วนิดาเข้าไปยื้อแย่งกระเป๋าไว้
“ไม่...แม่ไม่ให้ไป”
“ปล่อยนะ”
พันทิญาผลักวนิดาออกไปอย่างแรง จนวนิดาเซถลาล้มลงไป พันทิญาชะงักและยืนละล้าละลังอยู่ครู่ หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
วนิดาเงยหน้ามองตามทั้งน้ำตา
“พัน ลูกแม่ กลับมาก่อน...อย่าไป”
รถของภูผาแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแพรไหม แพรไหมก้าวลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
เธอหันไปเห็นศุภลักษณ์ที่นั่งซึมอยู่กับปัญหาที่รุมเร้าแล้วก็ต้องชะงัก
“ยายแพร... ลูกแม่” ศุภลักษณ์โพล่งออกมา
แพรไหมโผเข้าไปกอดแม่แน่น
“คุณแม่ขา แพรขอโทษ ... ที่ทำให้แม่เป็นห่วง แพรทำให้แม่ทุกข์ใจหลายครั้งหลายหน ยกโทษให้แพรนะคะคุณแม่...แพรสัญญา...แพรจะไม่ทำให้คุณแม่เสียใจอีก”
“ไม่เป็นไรลูก...แม่เข้าใจ...แค่ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย แม่ก็ดีใจแล้ว”
สองแม่ลูกกอดกันแน่นด้วยความรัก
“แม่ผิดเองที่บังคับลูกให้แต่งงานกับเจ้า” ศุภลักษณ์ว่า
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ คุณแม่ แพรต่างหากที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ยอมทำตามความต้องการของคุณแม่...ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมด” แพรไหมบอก
สองแม่ลูกกอดกันแน่น พันทิญาเดินมายืนมองด้วยความริษยา แพรไหมหันไปเห็นพันทิญาสะพายกระเป๋าเดินทางก็มองอย่างแปลกใจ
“พี่พันจะไปไหนคะ” แพรไหมเอ่ยถาม
“เรื่องของฉัน... แกไม่ต้องยุ่ง ... ยังไงแกก็ไม่เคยคิดว่าฉันเป็นพี่อยู่แล้วนี่” พันทิญาตวาด
“ถ้าแพรไม่คิดว่าพี่พันเป็นพี่...พันคงไม่ปิดปากเงียบ ยอมให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าแพรเป็นคนเลว เพื่อไม่ให้พี่พันเดือดร้อน ที่เอาชื่อแพรไปหลอกลวงคนอื่น”
ศุภลักษณ์หันไปมองแพรไหมอย่างคาดไม่ถึงก่อนจะหันไปถามพันทิญา
“จริงเหรอลูก”
แพรไหมเงียบ ศุภลักษณ์หันไปมองหน้าพันทิญาอย่างผิดหวัง
“แม่ผิดหวังในตัวพันจริงๆ”
“ใช่สิคะ...พันไม่ใช่ลูกคุณแม่อย่างยายแพรนี่... ทำอะไรก็ผิดไปหมด ต่อไปนี้ คุณแม่คงไม่ต้องมาผิดหวังกับพันอีกแล้ว ... ขอบคุณมากนะคะ ที่เลี้ยงดูพันมาจนถึงทุกวันนี้ ... ลาก่อนค่ะ”
พันทิญายกมือไหว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตาแล้วเดินไปที่หน้าบ้าน ศุภลักษณ์และแพรไหมมองตามอย่างคาดไม่ถึง
พันทิญาขับรถออกไปจากบ้านอย่างเร่งรีบ แพรไหม ศุภลักษณ์ และน้อยวิ่งตามออกมา
ศุภลักษณ์ว้าวุ่นใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
วนิดาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนใจ
“ดาจะไปตามยายพัน...ช่วยไปตามยายพันกลับมาก่อนค่ะ”
“มันอยากไป...ก็ให้มันไป... ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะไปได้ซักกี่น้ำ” ศุภลักษณ์บอก
“แต่นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะคะพี่ศุ ...ช่วยลูกดาด้วย” วนิดาบอก
แพรไหมงง “ลูก... ใครลูกใครคะน้าดา”
“พันเป็นลูกของน้า” ศุภลักษณ์บอก
แพรไหมตกใจ “จริงเหรอคะคุณแม่”
แพรไหมหันไปถามศุภลักษณ์ ศุภลักษณ์นิ่งแทนการยอมรับ วนิดาอ้อนวอนต่อ
“อย่าเพิ่งถามอะไรเลย... ไปตามยายพันกลับมาก่อน..ถ้าพันหนีไป ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ... วันก่อนน้องชายคุณพิพัฒน์ก็มาที่นี่ ท่าทางเอาเรื่องอยู่ด้วย ... ป่านนี้เขาคงไปแจ้งความแล้ว”
แพรไหมกับศุภลักษณ์หันไปมองหน้าวนิดา แล้วจู่ๆ น้อยก็ร้องเสียงดัง
“ว๊าย ... ตำรวจรู้แล้วเหรอคะว่าคุณพันทิญาเกี่ยวข้องกับการหายตัวของคุณพิพัฒน์ .... อุ๊บ”
น้อยเอามือปืดปากเพราะรู้ตัวว่าเผลอพูด ทุกคนหันไปมองหน้าน้อยทันที
พันทิญาขับรถมาด้วยความเสียใจ ภาพตอนที่เธอพูดให้ชัยฆ่าตัวตายแทรกเข้ามาในหัว ต่อด้วยภาพที่เธอทำร้ายแพรไหม พันทิญาร้องไห้อย่างหนักด้วยความเสียใจ
จบตอนที่ 13
ติดตามอ่านภูผาแพรไหมตอนต่อไป พรุ่งนี้