ภูผาแพรไหม ตอนที่ 9
ภูผายืนอยู่หน้ารีสอร์ต แพรไหมใส่ชุดใหม่แล้วเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะพูดกับเขา“ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยชีวิตฉันไว้”“ผมแค่ไม่อยากเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตา ก็เท่านั้น”
ภูผาหันกลับมามองแพรไหมด้วยสายตาเย็นชา“ฉันขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง” แพรไหมเอ่ย “ฉันจะไม่แก้ตัว...ไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว...ถ้าคุณจะให้ฉันยกเลิกงานแต่งงานกับเจ้าฉันก็จะทำ...เพราะฉันไม่เคยรักเจ้าเลย....แต่ฉันต้องทำตามความต้องการของคุณแม่”
แพรไหมร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ภูผาเอื้อมมือออกไปจะเช็ดน้ำตาให้แพรไหมแต่ก็ลังเลอยู่ครู่ หนึ่งก่อนจะเช็ดน้ำตาให้แพรไหมแล้วดึงตัวแพรไหมเข้าไปกอดแน่น ทันใดนั้นสายตาของเขาก็แข็งกร้าวขึ้น
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว...ผมเข้าใจ”
แพรไหมซบหน้าลงกับอกของภูผาด้วยความรู้สึกรักที่เกิดขึ้นในใจ “ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก .... ต่อไปนี้ ผมจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้น...แล้วก็ปล่อยให้คุณไปตามทางของคุณ...อีกหน่อย คุณก็จะแต่งงานกับคนที่รักคุณ...เขาคงดูแลคุณได้ แล้วคุณก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอีกแล้ว” “ไม่....ฉันแต่งงานกับใครไม่ได้อีกแล้ว....ถ้าจะแต่ง...ฉันจะแต่งกับผู้ชายที่ฉันรักคนเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดฉัน ... ฉันก็จะรักเขา” แพรไหมสะอื้น
“ผู้ชายที่คุณรัก คงเป็นคนโชคดี”
“แต่น่าเสียดายนะคะ ผู้ชายคนนั้น อาจจะไม่เคยหันมามองความรู้สึกของฉันเลย แม้แต่น้อย...เขาถึงมีแต่ความเกลียดชัง โกรธแค้น จนไม่เหลือช่องว่างพอที่จะมองเห็นความรู้สึกดีๆ ที่ฉันมีให้เขา...ตั้งแต่วันแรก ที่เขาได้ช่วยเหลือฉัน”
“ใครบอกว่า ผมไม่รู้สึกอะไร....คุณรู้ไหมว่าผมเจ็บปวดมากแค่ไหนที่รู้ว่าคุณกำลังจะแต่งงานกับคนอื่น...ที่ผมพาคุณหนีมา...ผมก็ไม่รู้ว่า ทำไม แต่เมื่อผมได้เห็นคุณกำลังจะตายไปต่อหน้าต่อตา ... มันทำให้ผมรู้ว่า ที่ผ่านมา ผมไม่เคยเกลียดคุณเลย”
ภูผาก้มลงจูบแพรไหมอย่างแผ่วเบาและอ่อนหวาน แพรไหมซุกหน้าลงกับอกของภูผาด้วยความรัก ภูผาเหยียดยิ้มโดยในใจเขายังคิดว่าเธอจะต้องชดใช้อย่างสาสม
เช้าวันใหม่ พิพัฒน์นั่งหน้าเครียดอยู่ในบ้านเพราะทั้งเสียใจและโกรธแค้น สักพักพิพิธในชุดนอนเดินผ่านมาเห็นเข้า จึงเดินเข้ามาหา
“เฮีย .... ทำไมตื่นเช้าล่ะ”
“ยังไม่ได้นอนต่างหากล่ะ” พิพัฒน์บอก พิพิธเดินเข้ามานั่งอยู่ข้างๆพี่ชายแล้วถามด้วยความแปลกใจ“เกิดอะไรขึ้นล่ะเฮีย .... อย่าบอกนะว่า ความรักเป็นพิษ... ก็เลยมานั่งเก็กซิม”“เฮียไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆนะโว๊ย ... อยู่กับเราก็เอาอกเอาใจสารพัด แต่ก็ยังแว่บไปหาคนอื่น..เฮียรออยู่ทั้งคืนเขาก็ไม่ออกมา”
“ว่าแล้วไง...เฮียเชื่อแล้วไหมล่ะว่า ผู้หญิงคนนี้ ไม่ธรรมดา...เขาหว่านเสน่ห์กับเฮียได้ เขาก็ต้องหว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นได้เหมือนกัน”
“แต่คนอย่างเฮีย ไม่ยอมเสียหน้าหรอก ... เขารู้จักเฮียน้อยไปซะแล้ว”
พิพัฒน์พูดดด้วยสายตาโกรธแค้น พิพิธมองอย่างแปลกใจเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายกำลังคิดจะทำอะไร
แพรไหมกำลังยืนมองบรรยากาศชายทะเลอยู่หน้ารีสอร์ต ภูผาเดินเข้ามายืนมองเธอด้วยสายตาโกรธแค้น แพรไหมหันมายิ้มให้ ภูผาแสร้งยิ้มอ่อนหวานก่อนจะเดินเข้ามากอดแพรไหมจากด้านหลัง “วันนี้ เป็นวันที่ผมรู้สึกว่า ทะเลสวยที่สุดที่ผมเคยเห็นมา” ภูผาพูด“อาจจะเป็นเพราะว่า วันนี้ ไม่มีเมฆ ไม่มีฝนมาบดบังความสวยของท้องทะเลมั๊งคะ” ภูผาสายตาเหม่อลอย“ถ้าเราหยุดเวลาไว้เพียงแค่นี้ได้ ก็คงดีสินะ” แพรไหมหันไปมองหน้าภูผาด้วยสายตาหวานฉ่ำ“ทำไมล่ะคะ”
“เราจะได้อยู่ด้วยกันสองคนโดยที่ไม่ต้องคิดถึงคนอื่น... แล้วผมก็จะได้ลืมความจริงที่เกิดขึ้น อยู่กับความฝันที่มีแต่เราสองคน...ไม่ต้องเจ็บปวด ที่คุณจะต้องกลับไปแต่งงาน”
แพรไหมตัดสินใจก่อนจะพูดขึ้น “จะไม่มีงานแต่งงานระหว่างฉันกับคนอื่นอีกแล้วค่ะ... ฉันจะยกเลิกงานแต่งงานระหว่างฉันกับเจ้าแสงฉาย”
“คุณไม่ได้อยากเป็นเจ้าหญิงหรอกเหรอ” ภูผาถาม“ไม่ค่ะ...ฉันฝันมาตลอดชีวิต ว่าอยากจะเจอผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่เขารักฉันแล้วฉันก็รักเขา ... เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”
“แต่ผู้ชายธรรมดาๆคนนั้น ไม่ได้มีเงินทองมากมาย...ไม่มีตำแหน่งเจ้าหญิงให้คุณ”“ไม่สำคัญหรอกค่ะ ... สำหรับฉัน แค่ได้เป็นเจ้าหญิงในใจของเขาคนเดียวก็พอแล้วมั๊งคะ” แพรไหมบอก ภูผาก้มลงหอมแก้มและหน้าผากแพรไหมอย่างอ้อยอิ่งอ่อนหวาน แพรไหมซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ภูผาล้วงแหวนของชัยออกมา“แหวนนี้ พี่ชัยตั้งใจมอบให้ผู้หญิงที่เขารัก...ผมอยากให้คุณเก็บไว้”
แพรไหมแปลกใจ “ทำไมล่ะคะ” “คุณจะได้ไม่ลืมยังไงล่ะว่า...เรามีความสุขกันมากแค่ไหน”
ภูผาสวมแหวนให้แพรไหม แพรไหมยิ่งกอดภูผาแน่นด้วยความรัก ภูผามองออกไปที่ทะเลโดยในใจของเขาคิดเพียงแต่ว่าอีกไม่นานหรอกแค้นของพี่ชัยจะต้องได้รับการชำระสะสาง
พันทิญาเดินเกาะแขนแสงฉายอยู่ในบ้านของแสงฉาย แต่ทั้งคู่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นแสงมณีและดวงใจยืนอยู่ แสงฉายรีบดึงแขนออกจากพันทิญา“คุณกลับไปก่อนเถอะ” แสงฉายบอกพันทิญา“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...พันไม่รีบกลับ อยู่ทานอาหารเช้ากับเจ้าก่อนก็ได้ คงไม่รบกวนมากเกินไปนะคะ เจ้าแสงมณี”
แสงมณีหน้าตึง ดวงใจรีบตอบแทน “อาหารเช้าที่นี่ เตรียมไว้สำหรับคุณหญิงและคุณชายเท่านั้นค่ะ ไม่ได้เตรียมไว้สำหรับคนอื่น”“คนอื่นที่ไหนกันล่ะคะ... อีกหน่อย เราก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว... จริงไหมคะเจ้า” พันทิญาหันไปถาม แสงฉายอึดอัดแต่ก็ยังเก็บอาการไว้ แสงมณียิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะเอ่ยออกมา“เอ้ะ...คนที่จะแต่งงานกับพี่ชาย...คือคุณแพรไหม...น้องสาวของคุณพันไม่ใช่เหรอคะ”พันทิญาไม่พอใจแต่ก็ฝืนยิ้ม “ฉันว่า คงไม่เหมาะ ถ้าคุณแพรไหมรู้ว่า คุณพันมาหาพี่ชายถึงบ้าน” แสงมณีพูดต่อ “แต่คุณชายคงไม่ว่าอะไรมั๊งคะ...ที่พันมาหา” พันทิญาบอก “แล้วถ้าพันจะทานอาหารเช้าด้วย เจ้าแสงฉายก็คงจะยินดีและเต็มใจ....จริงไหมคะเจ้าขา”
พันทิญาหันไปออดอ้อนแสงฉาย แสงฉายจึงตัดสินใจพูดออกมา “เอาไว้โอกาสหน้าเถอะ...เดี๋ยวผมไปส่งที่รถ...เชิญครับ” แสงฉายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเด็ดขาด พันทิญาจำต้องเดินไปอย่างไม่พอใจ ดวงใจมองตามอย่างไม่พอใจ ส่วนแสงมณีหนักใจเมื่อนึกถึงความยุ่งยากที่กำลังจะเกิดขึ้น
แสงฉายเดินกลับเข้ามาหลังจากไปส่งพันทิญาขึ้นรถแล้ว แสงมณียืนรออยู่จึงเดินเข้าไปหา ทั้งคู่เดินคุยมาด้วยกัน
“พี่ชายกำลังจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากนะคะ...ถ้าคุณแพรไหมรู้ว่าพี่ชายกับคุณพัน” แสงมณีเตือน “พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขาหรอก...หญิงอย่าร้อนใจไปเลย ยังไงพี่ก็ต้องแต่งงานกับคุณแพรไหม”“ถ้าคุณพันไม่ยอมล่ะคะ”
แสงฉายเดินไปหยุดที่ระเบียงด้วยสีหน้าหนักใจ แสงมณีเดินไปยืนมองหน้าพี่ชายด้วยความเป็นห่วง
“พี่จัดการได้” แสงฉายบอก
“พี่ชายรู้จักผู้หญิงน้อยไป ... ผู้หญิงที่ทำอะไรก็ได้ ตามที่ตัวเองต้องการโดยไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสม... หญิงไม่เชื่อหรอกว่า เขาจะยอมให้พี่ชายไปแต่งงานกับคนอื่นง่ายๆ...ท่าทางเขาร้ายไม่ใช่เล่นนะคะ”แสงฉายหนักใจขึ้นมาแต่เขารู้ตัวว่าพลาดไปแล้วและไม่รู้จะทำอย่างไร แสงฉายฝืนยิ้มกลบเกลื่อน “เรื่องของพี่...เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
แสงฉายเดินเลี่ยงไป แสงมณีหนักใจขึ้นมาทันที
พันทิญาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านก่อนจะก้าวลงมาอย่างอารมณ์ดี น้อยยืนรออยู่ด้วยสีหน้าร้อนใจ “คุณพันขา ... รีบทำหน้าสลดได้แล้วนะคะ...คุณผู้หญิงรออยู่ค่ะ..ท่าทางจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะคะ”“เรื่องอะไร” พันทิญาถาม
“ก็ที่คุณพันไม่กลับมานอนที่บ้านน่ะสิคะ”
“คุณแม่รู้ได้ยังไง”“เมื่อเช้าคุณผู้หญิงถามน้อยว่าคุณพันไปไหน...น้อยก็เลยเผลอบอกไป”
“อีโง่ ...คราวหน้าคราวหลัง ไม่พูดบ้าง ก็ไม่มีใครหาว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ” พันทิญาต่อว่า “น้อยไม่ได้ตั้งใจ...น้อยก็เลยออกมาบอกให้คุณเตรียมตัวเตรียมใจ คุณผู้หญิงคงคิดว่า คุณไปนอนกับผู้ชายมาทั้งคืน ก็เลยโกรธ...ก็เรื่องแบบนี้ไม่มีผู้หญิงดีๆที่ไหนเขาทำกันหรอกค่ะ...มีแต่ผู้หญิงใจง่าย...ไม่...”“อีบ้า...แกด่าฉันเหรอ”“อุ๊ย...เปล่านะคะ...น้อยก็พูดไปตามที่เคยได้ยินผู้ใหญ่เขาว่ามา...ไม่ได้เจตนาจะด่าเลยนะคะ”
พันทิญาค้อนให้ก่อนจะเดินเลี่ยงไป น้อยพูดตามไป“จริงๆนะคะ ผู้หญิงที่ไปนอนค้างอ้างแรมกับผู้ชาย...แถวบ้านน้อยเขาเรียกว่าผู้หญิงใจแตกค่ะ”
พันทิญาเดินเข้ามาในบ้าน ศุภลักษณ์ที่ยืนรออยู่เดินเข้าไปหาอย่างร้อนใจ แต่วนิดาจับแขนไว้“พี่ศุคะ...ใจเย็นๆนะคะ”“ไม่ต้องมาห้ามฉัน” พูดจบศุภลักษณ์ก็สะบัดแขนออกแล้วเดินเข้าไปหาพันทิญา “แกหายไปไหนมาทั้งคืน...หา...ยายพัน”“พันไปเที่ยวกับเพื่อนน่ะค่ะ คุณแม่... ยายจิ๊ดกับยายอุ๊ไงคะคุณแม่..มีแต่เพื่อนผู้หญิงหมดเลยนานๆเจอกันที ก็เลยเม้าท์กันเพลินไปหน่อย พันจะกลับ พวกมันก็ไม่ยอม...พันเลย” พันทิญาพูดเป็นชุด“ไม่ต้องโกหกแม่ ... แม่โทรไปหาเพื่อนแกหมดแล้ว...ทั้งยายจิ๊ด ทั้งยายอุ๊พูดตรงกันว่าแกไม่ได้อยู่ด้วย..บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ แกไปไหนมา” ศุภลักษณ์ตะคอก
“คุณแม่จะมาถามให้มันได้อะไรขึ้นมาคะ... พันโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ พันดูแลตัวเองได้ คุณแม่ไปยุ่งกับยายแพรสิคะ...ป่านนี้...มั่วอยู่กับผู้ชายเพลินไปเลยมั๊ง”
ศุภลักษณ์โกรธจัดตบหน้าพันทิญาเต็มแรงโดยที่ตัวเธอเองก็คาดไม่ถึง พันทิญาลูบแก้มตัวเองทั้งที่น้ำตาคลอวนิดาเข้าไปประคองพันทิญา
“คุณแม่” พันทิญาน้ำตาคลอ“พัน...แม่ขอโทษ” ศุภลักษณ์รู้สึกผิด“ไม่ต้องแสร้งทำเป็นรู้สึกผิดหรอกค่ะ ... พันรู้ตัวดีว่าพันไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณแม่ ... ทำอะไรก็ผิดอยู่วันยังค่ำในสายตาของคุณแม่..ผิดกับยายแพรมันจะหายตัวไปกี่วัน...ไปนอนกับผู้ชายคนไหน...คุณแม่ก็ไม่เคยด่า ไม่เคยว่า เพราะมันเป็นลูกแท้ๆของคุณแม่”
“ไม่จริงนะลูก...แม่ไม่เคยคิดว่า พันเป็นคนอื่น...ไม่เคยคิดเลยแม้แต่นิดเดียวถึงพันไม่ใช่ลูก แต่แม่ก็เลี้ยงพันมาตั้งแต่เล็กๆ เหมือนที่แม่เลี้ยงยายแพร”
“ใช่ เลี้ยงเหมือนกัน... แต่ไม่เหมือนกัน คุณแม่ให้พันทุกอย่างก็จริง แต่สิ่งที่คุณแม่ลืมไปก็คือ ความรักยังไงล่ะคะ...คุณแม่รักพันไม่เท่ากับยายแพร...ยายแพรได้ความรักจากคุณแม่ได้สิ่งดีๆทุกอย่าง...แต่พันไม่ได้อะไรเลย”
พูดจบพันทิญาก็วิ่งหนีขึ้นบ้านไป วนิดาหันไปมองหน้าศุภลักษณ์ด้วยความเสียใจ“แล้วพี่ศุจะเสียใจ .... ที่ทำรุนแรงกับยายพันเกินไป” วนิดาพูด วนิดาเดินตามพันทิญาไป ศุภลักษณ์ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ
รถของภูผาแล่นมาตามถนนที่มุ่งสู่กรุงเทพฯ ภูผาขับรถด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพราะเคร่งเครียดกับความจริงที่กำลังจะต้องเผชิญ แพรไหมที่นั่งอยู่ข้างๆ มองเขาด้วยความรักก่อนจะเอื้อมไปจับมือเขา “กลับไปถึงกรุงเทพฯ...ชีวิตเราคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว” ภูผาเปรยออกมา“มันขึ้นอยู่กับว่า คุณพร้อมจะต่อสู้ไปพร้อมกับฉันหรือเปล่า”ภูผาย้อนถาม “คุณล่ะ”“ฉันตัดสินใจแล้ว ... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ฉันพร้อมที่จะรับมันทุกอย่าง” “ถ้าเจ้าแสงฉายไม่ยอมยกเลิกการแต่งงานกับคุณล่ะ” “มันอยู่ที่ฉันต่างหากล่ะคะ ... ถ้าฉันไม่ยอมแต่งงานกับเขาซะอย่าง คุณแม่ก็บังคับฉันไม่ได้ ... ขอให้คุณรักฉัน ... ฉันก็พร้อมจะยอมสูญเสียทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับคุณ” พูดจบแพรไหมก็เอียงไปซบต้นแขนของภูผา ภูผาขับรถต่อไปโดยที่สายตาของเขาเหี้ยมเกรียมขึ้นมา รถแล่นไปสักพักเสียงโทรศัพท์มือถือของภูผาก็ดังขึ้น เขากดรับ “ฮัลโหล”
ทวีปยืนพูดโทรศัพท์กับภูผาอยู่ที่บ้านภูผา“เฮ้ย...แกไปอยู่ที่ไหนมาวะ... เพื่อนฝูงก็ไม่บอก...มือถือก็ไม่เปิด หลบหนี้ หรือ หนีกิ๊กวะ”ภูผาบอกทวีป “กำลังกลับ...มีอะไรหรือเปล่า”“มีน่ะสิ ... รีบมาที่บ้านก่อนเถอะ...แม่แกเป็นห่วงแกมากนะโว๊ย”“แกอยู่ที่ไหน”“อยู่ที่บ้าน ... ยายแก้วก็อยู่ด้วยนะโว๊ย”
ภูผานึกขึ้นได้ว่าจะแก้แค้นแพรไหมอย่างไรแต่แพรไหมมองเขาด้วยความเป็นห่วง “มีอะไรหรือเปล่าคะ” แพรไหมถาม “ผมต้องรีบกลับบ้าน ... ไปด้วยกันก่อนนะ...เสร็จธุระแล้ว ผมจะไปส่ง” แพรไหมยิ้มให้เขาเป็นเชิงตอบรับ ภูผาจึงขับรถไปต่ออย่างรวดเร็ว
บุญศรีเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยหน้าตาที่ยังบวมช้ำ ปรางแก้วเห็นก็เดินเข้าไปประคอง
“คุณป้า...” “ไม่เป็นไรจ๊ะ หนูแก้ว ... ป้าดีขึ้นมากแล้วจ๊ะ... หนูแก้วกลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะไม่ต้องเป็นห่วงป้าหรอก ป้าอยู่คนเดียวได้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า ... แก้วแลกเวรแล้ว... อยู่เป็นเพื่อนคุณป้าได้ค่ะ” “โถ... แม่คุณ ช่างดีกับป้าเหลือเกิน... อีกไม่นานตาภูก็คงจะเห็นความดีของหนูแก้วอย่างที่ป้าเห็น” ปรางแก้วเขิน บุญศรียิ้มด้วยความเอ็นดู ทันใดนั้นทวีปก็เดินเข้ามา “ผมติดต่อไอ้ภูได้แล้วครับ คุณป้า ... คุณป้าพักผ่อนก่อนเถอะครับ เดี๋ยวมันคงมาถึง” ทวีปบอก บุญศรีหันไปยิ้มกับปรางแก้วด้วยความดีใจ
ภูผาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านก่อนจะก้าวลงมา แพรไหมก้าวตามลงมาด้วย ทั้งคู่เดินไปด้วยกัน ทวีปเดินออกมา
“คุณแพรไหมก็มาด้วย” ทวีปเดินเข้าไปหาภูผาแล้วกระซิบ “นี่อย่าบอกนะว่า ไปด้วยกันมา” ภูผาเลี่ยงตอบ “เดี๋ยวเขาก็กลับบ้านแล้ว....แก้วล่ะ” ทวีปกำลังจะตอบ ปรางแก้วก็เดินออกมาพอดี “พี่ภู” ปรางแก้วหันไปสบตาแพรไหมด้วยสายตาเจ็บปวด แต่แพรไหมส่งยิ้มให้ “คุณแก้ว... ฉัน...” “ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ” ปรางแก้วทำท่าจะเดินจากไป ภูผาเดินเข้าไปดึงมือเธอไว้ “เดี๋ยวสิแก้ว .... พี่แค่พาคุณแพรไหมไปธุระเรื่องพี่ชัยมา” ภูผาบอก “เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีก” แพรไหมมองหน้าภูผาอย่างไม่เข้าใจ ภูผาหันไปมองแพรไหมด้วยสายตาเย็นชา ทวีปสงสัยว่าภูผาคิดจะทำอะไร ภาพชัยที่พร่ำเพ้อถึงแพรไหมก่อนตายแวบเข้ามาในหัวของภูผา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“คุณกลับไปได้แล้ว” ภูผาไล่
แพรไหมอึ้งเพราะคาดไม่ถึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ...ก็ไหนคุณบอกว่า“ “คุณจะมาเชื่ออะไรกับลมปากของผู้ชาย...ก็เหมือนคุณไง...คุณบอกว่ารักพี่ชัยรักเจ้าแสงฉาย...และคงรักทุกคนที่คุณรู้จัก...เพื่อหลอกให้พวกเขาตายใจจนตกเป็นเหยื่อคำว่ารักของคุณ... เสียใจด้วยนะ...ผมไม่เชื่อคุณหรอก”
แพรไหมน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ “แล้วคุณมาหลอกฉันทำไม”
“ก็สมควรแล้วนี่...คุณหลอกพี่ชายผมจนฆ่าตัวตาย... ถ้าผมจะหลอกคุณบ้าง มันก็สาสมแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แล้วที่ผ่านมาล่ะ... คุณกำลังจะบอกว่า ฉันเข้าใจผิดไปเองใช่ไหม บอกมาสิ ว่าคุณไม่ได้รักฉัน” “คุณทำให้พี่ชายผมตาย คุณยังคิดว่าผมจะรักคุณได้เหรอ เสียใจด้วยนะ ...ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว”
พูดจบภูผาก็เดินเข้าไปกอดปรางแก้ว “อีกไม่นาน เราก็จะแต่งงานกัน” ภูผาบอก
“ไม่จริง...ไม่จริงใช่ไหม” “ผมจะหลอกคุณเพื่ออะไร...คนอย่างคุณไม่มีค่าพอที่ผมจะรักได้หรอก...กลับไปซะไปแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย ... ไป๊สิ ... ต่อไปนี้ เราไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกันอีก” ภูผาไล่
แพรไหมวิ่งร้องไห้ออกไป ภูผามองตามด้วยความแค้นแล้วจึงตัดใจเดินเข้าไปในบ้าน
ภูผาเดินเข้ามาในบ้าน ในขณะที่บุญศรีเดินออกมาพอดี “ภู...ลูกแม่” ภูผาเดินเข้าไปกอดแม่ของเขาแน่น“แม่....” บุญศรีกอดลูกชายด้วยความรักและเป็นห่วง ภูผาถอนตัวออกมามองหน้าแม่ด้วยความตกใจเมื่อเห็นหน้าแม่ของเขาบวมช้ำ
“แม่ ... นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ทวีปเดินเข้ามากับปรางแก้ว “มีคนบุกเข้ามาทำร้ายคุณป้าถึงบ้าน...ฉันสงสัยว่าพวกมันจะเป็นคนของเจ้าแสงฉาย” ทวีปบอกภูผามองแม่ตัวเองอย่างร้อนใจ “พวกมันทำร้ายแม่ขนาดนี้เลยเหรอ” “แม่ไม่เป็นไรแล้วล่ะลูก ... แม่เป็นห่วงภูมากกว่า พวกมันขู่ไม่ให้ลูกไปยุ่งกับหนูแพรไหม”
ภูผาโกรธแค้นขึ้นมาอีกแล้วทำท่าจะเดินไป แต่ทวีปเดินไปขวาง “เฮ้ย....แกจะไปไหน”
“ไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง” ภูผาบอก
“ใจเย็นๆสิวะ ... เราไม่มีหลักฐานนะโว๊ยว่า เป็นคนของเขา... เราแค่สงสัย เชื่อเถอะยังไงเขาก็ไม่ยอมรับ ... ใจเย็นๆไว้ก่อนดีกว่า ...เดี๋ยวจะเสียงานใหญ่” ทวีปให้สติ
ภูผาได้คิดว่าตอนนี้ ทวีปกำลังหาทางสืบเรื่องเบื้องหลังของแสงฉาย“เดี๋ยวฉันจะให้คนมาเฝ้าบ้านไว้ .... เผื่อพวกมันไม่หยุดอยู่แค่นี้” ภูผาบอก“ฉันก็จะให้ตำรวจมาดูแลคุณป้าด้วย ...เผื่อพวกมันย้อนกลับมาอีก”
บุญศรี ทวีป และปรางแก้วต่างก็คาดไม่ถึงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
กลางถนนยามค่ำคืน สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนัก แพรไหมวิ่งร้องไห้ฝ่าสายฝนมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อวิ่งมาได้ระยะหนึ่ง เธอก็สิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะไปต่อจึงทรุดตัวลงนั่งที่ข้างกำแพงแล้วร้องไห้อย่างหนัก ในขณะที่ตัวภูผาที่อยู่ที่บ้านก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจไม่ต่างกัน
ภูผาเดินเข้ามายืนพิงประตูด้วยความเจ็บปวดเพราะทั้งรักทั้งแค้นแพรไหม เขาทุบผนังบ้านจนเลือดไหลออกมา ภายในใจของเขากำลังเจ็บปวดร้าวราน
อ่านต่อหน้าที่ 2
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 9 (ต่อ)
ปรางแก้วและทวีปเดินเข้ามาในบ้าน ปรางแก้วทำท่าจะเดินเข้าไปในห้อง ทวีปมองน้องสาวอย่างเป็นห่วง
“ไอ้ภู มันก็รับรักแล้ว ... แก้วน่าจะดีใจ...ไม่เห็นต้องคิดมาก”“นั่นน่ะสิคะ ... ทำไมแก้วไม่ดีใจก็ไม่รู้ ... แก้วรู้สึกว่าพี่ภูกับคุณแพรไหมดูแปลกๆ เขาหายไปด้วยกันตั้งสองวันนะคะ พอกลับมา พี่ภูก็พูดจาให้คุณแพรไหมเสียใจ”
ทวีปพูดจริงจัง “ถ้าแก้วรักไอ้ภู ...พี่ว่า แก้วต้องพยายายามเข้าใจมันให้มาก... อย่าระแวงให้ตัวเองไม่สบายใจเลย ... มันจะทำให้เราไม่มีความสุข...คนอย่างไอ้ภู ถ้ามันตัดสินใจเลือกใครแล้วมันก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของมัน”
“ค่ะ...พี่วีป..แก้วจะพยายามไม่คิดมาก”“ดีแล้วจ๊ะ...แก้วเตรียมตัวเตรียมใจรอเป็นเจ้าสาวของมันดีกว่า คนอื่นไม่มีความหมายหรอก”
สองพี่น้องยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ แต่ทวีปยังไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงน้องสาว เพราะเขาเองก็คิดเหมือนกันว่าภูผาดูแปลกไป
แพรไหมเดินเปียกปอนเข้ามาในบ้าน พันทิญาที่แต่งตัวในชุดอยู่บ้านเดินออกมาหาแล้วก็ทักขึ้น“กลับมาแล้วเหรอ... ไปไหนมาล่ะ”
แพรไหมไม่อยากตอบโต้จึง ทำท่าจะเดินไป พันทิญาเดินไปจับแขนไว้ “พี่ถามไม่ได้ยินเหรอ ยายแพร” “แพรเหนื่อยค่ะ ... ขอไปพักผ่อนก่อนนะคะพี่พัน” แพรไหมบอก“ไม่ได้ ... บอกมาก่อน...แกไปกับนายบอดี้การ์ดนั่นมาใช่ไหม คงไปถึงไหนต่อไหนกันมาแล้วล่ะสิ ... ถึงไม่ยอมกลับบ้าน ... ปล่อยให้คุณแม่เป็นห่วง”
แพรไหมเงียบ ไม่ตอบอะไร“ถ้าอย่างนั้น ... แกก็ควรจะยกเลิกงานแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย... เขาจะได้ไม่ต้องรอเก้อ”“มันเป็นความต้องการของแพรอยู่แล้วค่ะ... แต่ที่ผ่านมา เจ้าแสงฉายต่างหากล่ะคะที่ไปตกลงกับคุณแม่ ทำให้ชีวิตของแพรต้องวุ่นวายอยู่อย่างงี้ไงคะ...ถ้าเลือกได้ แพรก็อยากจะหนีไปให้พ้นๆ.... ที่ทนอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะคุณแม่”
พันทิญาเปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียง เธอเดินเข้าไปจับมือแพรไหมทำเหมือนเป็นห่วง“ถ้าอย่างงั้น แพรก็บอกกับเจ้าแสงฉายไปสิ ว่าแพรรักคนอื่นไปแล้ว ไม่ใช่เขา เขาจะได้เลิกยุ่งกับแพร ... หรือให้พี่บอกให้ก็ได้นะ...รับรองว่า เจ้าจะต้องยกเลิกงานแต่งงานกับแพรแน่ๆเลย”“ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะค่ะ พี่พัน ... ผู้ชายคนนั้น เขาเกลียดแพร...เขาไม่ได้รักแพร ถ้าแพรแต่งงานกับเจ้าไปซะ เขาอาจจะดีใจก็ได้”
แพรไหมร้องไห้แล้ววิ่งออกไป พันทิญามองตามอย่างขัดใจเพราะรู้สึกว่าแพรไหมเป็นมารขัดขวางความรักของเธอ
แพรไหมทรุดตัวลงบนที่นอนแล้วนอนร้องไห้ด้วยความเสียใจ “ทำไมคุณไม่ฆ่าฉันให้ตายไปเลย... ฉันจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอยู่อย่างนี้”
แพรไหมกอดหมอนแล้วร้องไห้ออกมาปริ่มว่าจะขาดใจ
พันทิญาแต่งตัวสวยเดินลงมาจากบ้าน แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพิพัฒน์จอดรถรออยู่ พันทิญาปรับสีหน้าก่อนจะเดินเข้ามาหา “แหม...ใจเราตรงกันเลยนะคะ พันกำลังเหงาอยู่พอดี ก็เลยจะแวะไปชวนคุณพัฒน์ ไปทานข้าวด้วย” “ดีสิครับ...ผมจะได้ถือโอกาสมอบของขวัญพิเศษสุดให้คุณพัน” พิพัฒน์บอก“ต๊าย ... อะไรเหรอคะ ... น่าตื่นเต้นจัง” “เก็บไว้บอกหลังจากที่เราทานข้าวด้วยกันเสร็จแล้วดีกว่า...แต่รับรองว่า ของขวัญชิ้นนี้ คุณพันจะต้องถูกใจที่สุด... ผมหาตั้งนานกว่าจะได้ ... ถึงจะมีเงินกี่ล้านๆ เขาก็ไม่ขายให้นะครับ” พันทิญาแอบดีใจ “เป็นล้านเลยเหรอคะ...พันเกรงใจจังเลยค่ะ”“เล็กๆน้อยๆครับ...สำหรับคนพิเศษอย่างคุณพัน มากกว่านี้ ผมก็ให้ได้ .... เชิญครับ”
พิพัฒน์เปิดประตูรถ พันทิญาก้าวขึ้นไปนั่ง พิพัฒน์ขับรถออกไปทันที น้อยโผล่ออกมายืนมองแล้วเปรยออกมา
“ตอแหลลงตับจริงๆ ... ผู้หญิงอะไร้ สับรางเก่งยังกับเป็นนายสถานีรถไฟ”
ศุภลักษณ์เดินกลับมาจากการทำงาน น้อยเดินเข้ามาพอดี ศุภลักษณ์จึงเอ่ยถาม “ยายพันออกไปข้างนอกอีกแล้วเหรอ”“ค่ะ...มีผู้ชายมารับ...คุณพันนี่ เสน่ห์แรงจริงๆนะคะ ถ้าแถวบ้านน้อยเขาคงลือไปสามบ้านเจ็ดบ้าน...แต่ผู้หญิงแบบนี้ หาคนผัวยากนะคะ อย่างนังสวยเพื่อนน้อย....”ศุภลักษณ์ปราม “พูดมากน่ะ.... คุณแพรไหมกลับมาหรือยัง”“กลับมาแล้วค่ะ...ท่าทางซึมๆไปนะคะ เหมือนคนอกหัก ยังไงก็ไม่รู้”
ศุภลักษณ์ไม่อยากฟังรีบเดินเลยไป น้อยทำท่าจะพูดต่อแต่ก็ชะงักค้างอยู่แค่นั้น
ศุภลักษณ์เดินมาถึงหน้าห้องแพรไหมแล้วเคาะประตู “ยายแพร ... ยายแพร ... ทำอะไรอยู่ลูก”
แพรไหมเช็ดน้ำตาก่อนจะเดินไปเปิดประตู ศุภลักษณ์เดินเข้ามา“คุณแม่ ... “
ศุภลักษณ์มองลูกสาวอย่างพินิจ “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” ศุภลักษณ์ถาม“เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ คุณแม่... พักผ่อนซักครู่คงจะหาย” แพรไหมบอก ศุภลักษณ์เชยคางลูกสาวขึ้น“มีอะไรจะบอกแม่หรือเปล่า...หือ....”“เปล่าค่ะคุณแม่”“เจ้าแสงฉายเป็นห่วงลูกมากนะ.... โทรมาถามถึงลูกตลอดเลย”“คุณแม่บอกเขาไปเลยค่ะ...แพรพร้อมจะแต่งงานกับเขาแล้ว”
ศุภลักษณ์ดีใจ “จริงเหรอลูก”“ค่ะ....แต่งวันนี้ พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี” แพรไหมย้ำ ศุภลักษณ์ดึงตัวลูกสาวเข้ามากอดด้วยความดีใจ
ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันที่ร้านอาหารสุดหรู เบื้องหน้าหน้าพันทิญามีน้ำส้ม ส่วนหน้าพิพัฒน์มีเบียร์เย็นๆ “วันนี้ คุณพันดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นะครับ” พิพัฒน์เอ่ย“พันคงว่างมากไปมั๊งคะ... เข้าไปช่วยธุรกิจของคุณแม่ พันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเข้าไปก็วุ่นวายเปล่าๆ...ถ้ามีกิจการเล็กๆของตัวเองก็ดีสิคะ”
“ผมพอจะช่วยได้นะ....คุณพันอยากทำธุรกิจอะไรล่ะครับ”พิพัฒน์ถาม
“ไม่รู้สิคะ พันยังหาตัวเองไม่เจอเลย...แต่ช่างเถอะค่ะ... ค่อยๆคิดไป มีช่องทางเมื่อไหร่ค่อยทำ...ถึงตอนนั้น ไม่รู้ว่า คุณพิพัฒน์อยากจะช่วยหรือเปล่าน้า”
“ผมน่ะ เต็มใจที่จะช่วยคุณพันอยู่แล้ว..คุณพันเถอะ...จะยังอยากให้ผมช่วยหรือเปล่า”พันทิญามองด้วยสายตาเจ้าชู้ “ดูความประพฤติก่อนนะคะ...ถ้าใจถึงจริงๆล่ะก็พันต้องให้โอกาสคุณพิพัฒน์เป็นคนแรกอยู่แล้ว”
พันทิญาหยิบกระเป๋าเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำ พิพัฒน์ยิ้มอย่างมีแผนร้ายก่อนจะค่อยๆหยิบยานอนหลับออกมา ก่อนจะมองซ้ายขวาแล้วเทลงไปในน้ำส้มของพันทิญา
พันทิญาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์เจ้าแสงฉาย แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ “ทำอะไรอยู่นะ... บ้าจริงๆ” พันทิญาร้อนใจพันทิญากดโทรศัพท์ปิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินออกไป
พิพัฒน์นั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งมีอาหารวางอยู่สี่อย่าง พันทิญาเดินเข้ามานั่ง พนักงานเดินเข้ามาตักข้าวให้ “ทานข้าวกันเลยไหมครับ เสร็จแล้ว ผมจะพาคุณพันไปเอาของขวัญพิเศษ ที่ผมเตรียมไว้ให้”“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ... พันชักอยากรู้แล้วสิ...คุณพัฒน์เตรียมอะไรให้พันเซอร์ไพรส์นะ”
“อดใจรออีกนิดเดียวครับ” พิพัฒน์ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบแล้วมองด้วยสายตาเจ้าชู้ พันทิญายกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม พิพัฒน์ยิ้มอย่างสมใจ
แสงมณีเดินออกมาที่ระเบียงบ้านหลังใหม่ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ แสงฉายเดินเข้ามา แสงมณีหันมามองพี่ชายแล้วพูด
“สวยจังเลยค่ะ พี่ชาย ... คงแพงน่าดูเลยนะคะ”“นิดหน่อย....แต่ก็อยู่ในจุดที่ปลอดภัยกว่าบ้านเดิม พี่หวังว่า แสงมณีจะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข”แสงมณีเศร้าลง “เมื่อไหร่เราจะอยู่อย่างคนธรรมดาได้ซะทีคะพี่ชาย หญิงไม่สบายใจเลยที่ไปไหนมาไหนก็ต้องกลัวว่าจะมีคนเข้ามาทำร้าย”
“อดทนรออีกไม่นานหรอกจ๊ะ” แสงฉายปลอบน้องสาว “ไม่น่าเชื่อนะคะ แค่ความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน จะทำให้คนเชียงทวายด้วยกันถึงกับฆ่ากันได้”“แต่พี่จะไม่ยอมให้กบฏพวกนั้นยึดอำนาจไปจากเราได้ ... หญิงไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น คนที่ภักดีกับเรากำลังหาทางจัดการกับพวกมันอยู่ อีกไม่นานพวกกบฏจะต้องถูกกำจัด”
แสงมณีเป็นกังวล แสงฉายเดินเข้าไปกอดน้องสาวด้วยความรัก “พี่ชายก็ต้องระวังตัวนะคะ” แสงมณีเตือน “ธนากับพวกองครักษ์...ดูแลพี่ได้อยู่แล้ว... แต่พี่จะไม่ยอมอยู่เฉยๆ รอให้พวกมันบุกเข้ามาฆ่าเราฝ่ายเดียวหรอก”
แสงฉายหน้าเหี้ยมขึ้นมา แสงมณีมองอย่างกังวลใจ
พันทิญานอนอยู่บนเตียง มีเพียงผ้าห่มหนึ่งผืนที่คลุมร่างอันเปลือยเปล่า เธอนอนร้องไห้เมื่อรู้ว่าเสียทีให้แก่พิพัฒน์ พิพัฒน์ที่ใส่กางเกงถอดเสื้อยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพูดกับเธอ
“อย่าทำเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาหน่อยเลยที่รัก ..ยังไงมันก็ไม่เนียนหรอก ลืมไปแล้วเหรอว่า เมื่อคืนเราสนุกด้วยกันขนาดไหน...อยากดูไหม ผมมีภาพลับเฉพาะของเราด้วยนะ” พันทิญาเขวี้ยงหมอนใส่พิพัฒน์แล้วกรีดร้อง “คนสารเลว...เสียแรงที่ฉันไว้ใจ”
“คุณก็ไม่ใช่คนดี ที่ผมต้องให้เกียรติเหมือนกัน...มันก็สมกันแล้วนี่ หญิงร้ายชายเลว”
พันทิญาโกรธจัด เธอทำท่าจะกรีดร้อง แต่พิพัฒน์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายภาพ “อย่าโวยวายสิครับคุณพัน...เดี๋ยวเขาก็หาว่าคุณชอบความรุนแรงหรอก”พันทิญาตกใจ “....แกทำอะไร”
“ก็ถ่ายรูปของเราไว้เป็นที่ระลึกไง ... คุณจะได้ไม่ลืมว่า เรารักกันขนาดไหน” พิพัฒน์บอก พันทิญาหยิบฉวยทุกอย่างใกล้ตัวไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือแจกันเขวี้ยงใส่พิพัฒน์ พิพัฒน์เริ่มโมโห เขาพุ่งเข้าไปจับมือทั้งสองของพันทิญาไว้แน่น
“หยุดบ้าซะที ... ผมไม่อยากมีเมียเจ้าอารมณ์หรอกนะ”พันทิญาได้สติก็ทรุดตัวนั่งร้องไห้ “.. คนที่ฉันจะยอมเป็นเมีย ต้องเป็นคนที่ฉันรัก..ไม่ใช่ไอ้หน้าตัวเมียอย่างแก”
“แต่ไอ้หน้าตัวเมียอย่างผม ก็ทำให้คุณได้รู้สำนึกว่าผมไม่ใช่ ไอ้หน้าโง่ ให้คุณหลอก... แล้วอย่าคิดนะว่าจะสลัดผมทิ้ง ไปหาคนอื่นได้ง่ายๆ ถ้าผมไม่ได้ถอนทุนคืนจนสาสม”
พิพัฒน์ผลักพันทิญาลงไปกองบนที่นอนด้วยความโกรธ พันทิญาเอาแต่ร้องไห้ ด้วยความคับแค้นใจเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะโดนกระทำอย่างนี้
รถของพิพัฒน์แล่นมาจอดที่หน้าบ้านแพรไหม พันทิญานั่งนิ่งด้วยความคับแค้นใจที่เสียทีพิพัฒน์ พอถึงบ้านเธอก็ทำท่าจะก้าวลงไปจากรถทันทีแต่พิพัฒน์เอื้อมไปจับมือ “แล้วเจอกันอีกนะที่รัก ...ว่างเมื่อไหร่ ผมจะมารับ” พิพัฒน์พูด“เลิกยุ่งกับฉัน ... แล้วก็ไปตายซะ” พันทิญาว่า พิพัฒน์กระชากแขนพันทิญาเข้ามาอย่างแรง“อย่าปากดีให้มันมากนัก ... ไม่อย่างงั้น ผมปล่อยภาพของคุณแน่”
“ก็ลองดูสิ...ถ้าคิดว่าฉันจะยอมให้แกทำลายฉันง่ายๆ”“คุณจะทำอะไรผมได้...หรือว่าจะไปแจ้งความ...ก็ดีนะ..ตำรวจจะได้ช่วยเป็นสักขีพยานในความรักของเรา”
พันทิญาโกรธจัดสะบัดแขนออกจากมือพิพัฒน์ก่อนจะก้าวลงไปจากรถ พิพัฒน์มองตามด้วยความรู้สึกสาแก่ใจ แม้ลึกๆ พิพัฒน์จะจริงใจกับพันทิญา แต่เมื่อพันทิญาคิดจะทิ้งเขาไปหาคนอื่น เขาจึงไม่ยอมง่ายๆ
นทีและอรัญกำลังซ้อมการต่อสู้กันอยู่ที่บ้านนักฆ่า อโณทัยเดินเข้ามายืนมองด้วยสีหน้าเศร้า นทีหันมาเห็นก็หยุดซ้อมแล้วเดินเข้ามา อรัญเดินตามมาด้วย “เป็นยังไงบ้าง” นทีเอ่ยถาม “คนของเราถูกฆ่า...คงโดนเขาจับได้ว่าแอบเป็นสายให้กับพวกเรา” อโณทัยบอก นทีซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับเชี่ยวรู้สึกเสียใจจึงเดินไประงับสติอารมณ์ “ไม่น่าเลย” นทีโอดครวญ อรัญเดินเข้าไปปลอบเพื่อน“เพื่อนเราต้องไม่ตายฟรี”
อรัญรู้สึกแค้นจึงทำท่าจะเดินเลี่ยงไป แต่อโณทัยเดินเข้าไปขวาง“อย่าทำอะไรโง่ๆ ... อยากตายอีกคนหรือไง” “แล้วจะปล่อยมันไว้ทำไม...ยังไงเราก็ต้องฆ่าพวกมันอยู่แล้ว” อรัญบอก“มันคงไม่ยอมให้เราบุกเข้าไปฆ่าได้ง่ายๆหรอก...เผลอๆ จะกลายเป็นศพอีกคน” อโณทัยบอก “จะรออะไรอีกล่ะ.” อรัญถาม “เพื่อนเราตายทั้งคนนะ” นทีเดินเข้ามาขวางอีกคน “ใจเย็นๆสิอรัญ ... บุกเข้าไปตอนนี้ ยังไงก็ไม่รอด” “ใช่.... มันมีทั้งองครักษ์ ... และบอดี้การ์ดดูแล” อโณทัยเห็นด้วย “เราคงเข้าถึงตัวพวกมันไม่ได้ง่ายๆหรอก”
อรัญสงบลงได้ นทีหันไปเห็นองครักษ์คนหนึ่งกระชากมีดขึ้นมาแล้วพุ่งเข้ามาหา เขารีบผลักอโณทัยให้หลบ ก่อนที่องครักษ์อีก 5 คนจะโผล่ขึ้นมา แล้วก็เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด อโณทัย อรัญ และนทีเสียทีตกอยู่ในวงล้อม ระหว่างนั้น พิมและนาราก็พุ่งเข้ามาช่วย จนกลุ่มองครักษ์ล่าถอยไป นักฆ่าทั้งหมดมองตามด้วยความแค้น
แพรไหมเดินเล่นอยู่ในบริเวณบ้านอย่างไม่ค่อยสบายใจนักเพราะในใจของเธอคิดถึงภูผา แพรไหมเดินมาหยุดเหม่อมองคิดถึงภูผา เธอลูบแหวนที่เขาให้ซึ่งสวมอยู่ที่นิ้วอย่างเจ็บปวด แพรไหมคิดว่าเขาเลือดเย็นเหลือเกินที่หลอกให้เธอรักแล้วก็ทำลาย ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ๆ แพรไหมจากทางด้านหลัง แพรไหมได้ยินเสียงจึงหันไปมองแล้วทำท่าจะกรีดร้อง แต่ภูผาเอามือปิดปากเธอไว้แน่น “ถ้าอยากให้คนมาเห็นเราอยู่ด้วยกัน ก็ร้องสิ....ร้องให้ดังไปถึงหูเจ้าแสงฉายเลยยิ่งดี เขาจะได้รู้ว่า ผมไม่กลัวคำขู่ของเขา”
“ขู่อะไร...ฉันไม่รู้เรื่อง” แพรไหมงง “อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย ... คนหลอกลวงอย่างคุณ พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อหรอก ฝากไปบอกเขาด้วยนะ... มีแต่คนขี้ขลาดเท่านั้น ที่กล้าส่งคนไปทำร้ายผู้หญิง”
“คุณพูดอะไรของคุณ”
“ก็เรื่องที่เจ้าแสงฉายส่งคนไปทำร้ายแม่ผม เพราะหึงจนหน้ามืดยังไงหรือเลวพอๆกัน ก็เลยอยู่ด้วยกันได้”
แพรไหมยกมือขึ้นทำท่าจะตบหน้าภูผา แต่ภูผากระชากแพรไหมเข้ามาจูบแพรไหมผลักภูผาออก“คำก็เลว สองคำก็เลว ... แล้วคุณมายุ่งกับฉันอีกทำไม คุณก็ทำร้ายฉันจนสาแก่ใจคุณแล้วนี่”“ยังไม่สาสมกับสิ่งที่พวกคุณทำกับครอบครัวของผมหรอก....จำไว้นะ แพรไหมที่ผ่านมา มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น...ถ้าเจ้าแสงฉายยังไม่หยุดทำร้ายครอบครัวผมล่ะก็คนที่จะต้องรับผิดชอบคือ คุณ” ภูผาผลักแพรไหมออกไปอย่างแรง ก่อนจะเดินเลี่ยงไป
ภูผากระโดดลงมาจากกำแพงบ้านแพรไหมแล้วเดินมาที่รถของเขา เขาเปิดประตูเข้ามานั่งด้วยความรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะตัดใจขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไป แพรไหมกำลังนั่งคิดหนักอยู่ที่โต๊ะทำงานในบ้าน ตรงหน้าของเธอมีแบบเสื้อผ้าที่เธอออกแบบไว้วางอยู่ แพรไหมมองไปที่นิ้วมือซึ่งมีแหวนที่ภูผาสวมให้อย่างเศร้าหมอง เธอทำท่าจะถอดออก แต่ใจที่ยังรักภูผาทำให้เธอสวมกลับเข้าไปตามเดิม ทันใดนั้นศุภลักษณ์ก็เดินเข้ามา แพรไหมซ่อนแหวนแล้วหันไปทัก
“คุณแม่”
“ทำอะไรอยู่ล่ะลูก”
“ออกแบบชุดใหม่ค่ะคุณแม่... แพรอยากจะทำให้เสร็จ ก่อนที่แพรจะ...แต่งงาน”
แพรไหมเสียงเศร้าแต่ก็ยอมจำนน ศุภลักษณ์เข้าใจความรู้สึกของลูกสาวแต่เธอก็ดีใจที่แพรไหมยอมตามใจ
“แต่งงานแล้ว แพรก็ยังทำงานได้นี่ลูก เจ้าแสงฉายรักแพร อะไรที่เป็นความสุขของแพร เจ้าคงไม่ห้ามหรอก”
“แพรอาจจะย้ายไปอยู่เชียงทวายกับเขาค่ะคุณแม่ อยากไปให้พ้นๆ ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
พูดจบแพรไหมก็นั่งใจลอย ศุภลักษณ์มองอย่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับแพรไหม แพรไหมฝืนยิ้มให้กับแม่ สักพักแสงฉายก็เดินเข้ามา“สวัสดีครับ คุณน้า” ศุภลักษณ์หันไปรับไหว้ด้วยความยินดีจนออกนอกหน้า แสงฉายเดินเข้ามาในห้อง “เจ้า ....มาก็ดีแล้ว น้ากำลังอยากจะคุยเรื่องโรงงานใหม่ของเราอยู่พอดีเลยค่ะ เชิญนั่งสิคะ จะได้หารือกัน” ศุภลักษณ์เชื้อเชิญ
“ดีเลยครับ...คุณแพรจะได้ช่วยผมตัดสินใจ ยังไงมันก็เป็นโรงงานของเรา” แสงฉายบอก แสงฉายหันไปมองหน้าแพรไหมยิ้มๆ แพรไหมก้มหน้านิ่งด้วยความอึดอัด
พันทิญาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ธนา คม พล และเหล่าองครักษ์ยืนอยู่ข้างรถแสงฉาย พันทิญามองอย่างไม่พอใจ เมื่อรู้ว่าแสงฉายมาหาแพรไหม
ศุภลักษณ์เดินคุยมากับแสงฉาย ส่วนแพรไหมเดินตามทั้งสองมาเงียบๆ “ถ้าโรงงานเราเปิดกิจการได้ตามกำหนด ผมว่า อีกไม่นาน เราจะต้องครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้แน่ๆเลยครับ” แสงฉายบอก
“ต้องขอบคุณเจ้ามากๆค่ะที่มาร่วมลงทุนด้วยกัน” ศุภลักษณ์เอ่ย แสงฉายหันไปยิ้มให้แพรไหมด้วยความรัก ศุภลักษณ์เข้าใจจึงหันไปพูดกับลูกสาว“แพร...หนูไปดูโรงงานกับเจ้านะลูก”
“แพรไม่...” แพรไหมพยายามปฏิเสธ“ไปเถอะลูก” ศุภลักษณ์แทรกขึ้น “ต่อไปมันจะเป็นโรงงานของแพรด้วย แพรจะต้องเข้าไปช่วยบริหารกิจการนะลูก”
พันทิญาเดินเข้ามาได้ยินก็รู้สึกไม่สบายใจ แพรไหมหันไปมองแสงฉายก่อนตอบ“ค่ะ ... คุณแม่”
พันทิญาฝืนยิ้มแล้วเดินเข้ามา“ต่อไป พันคงต้องฝากเนื้อฝากตัวกับยายแพรแล้วสิคะ เผื่อว่ายายแพร จะจ้างพันเข้าไปช่วยทำงานบ้าง”“ถึงไม่มีโรงงานใหม่ พันก็ช่วยงานแม่ได้อยู่แล้วนี่จ๊ะ...ถ้าพันอยากจะช่วย” ศุภลักษณ์บอก“พันคงไม่มีความสามารถช่วยงานคุณแม่หรอกค่ะ”
พันทิญาหน้าตึงที่ถูกย้อน แสงฉายหันไปพูดกับแพรไหม “เรารีบไปกันเถอะครับ คุณแพร ... สายๆแดดจะร้อน”“ค่ะ” แพรไหมรับคำแล้วเดินนำไป แสงฉายเดินตาม พันทิญาตัดสินใจเดินตามไปด้วย “รอพันด้วยสิคะ เจ้า...พันไปด้วย” ศุภลักษณ์มองตามไปอย่างไม่สบายใจที่พันทิญาตามไปด้วยแบบนี้
ภูผาอยู่ในชุดออกกำลังกายกำลังซ้อมชกกระสอบทรายอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อให้ลืมแพรไหม ทวีปเดินเข้ามายืนมอง“เอาเข้าไป...กระสอบทราย ไม่ใช่คนนะโว๊ย แกเตะจนมันพัง...มันก็ไม่รู้สึกหรอก มีแต่แกนั่นแหละ ที่จะน่วมไปเอง” ทวีปบอก
ภูผาหยุดซ้อมแล้วหันมามองเพื่อน “ไม่ต้องพูดมาก ...ไม่ทำงานทำการหรือไงวะ “ ภูผาถาม“เดี๋ยวก็ไป...” ทวีปยื่นกล่องขนมให้ “ยายแก้วฝากมาให้แก” ภูผารับมาแล้วก็มีแววตาเศร้าไปเหมือนไม่ยินดียินร้ายนัก เพราะรู้ใจตัวเองดี “ฝากขอบใจแก้วด้วย”ทวีปพูดน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าแกบอกด้วยตัวเอง แก้วคงดีใจฉันก็ไม่อยากพูดอะไรมาก...เดี๋ยวแกจะหาว่าฉันยัดเยียดน้องสาวให้แก”
ภูผาเดินเลี่ยงไปพร้อมกับถือกล่องขนมไปด้วย ทวีปเดินตาม
อ่านต่อหน้าที่ 3
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 9 (ต่อ)
ภูผาเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานของเขา โดยที่ทวีปเดินตามมานั่งข้างๆทวีปพูดจริงจัง “วันก่อน เราจับแก๊งค์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้....มันซักทอดไปถึงคนของเจ้าแสงฉาย ... ข้อมูลที่เราได้ สอดคล้องกับข้อมูลของสายลับที่เราส่งไปสอดแนมที่เชียงทวาย ... อาจเป็นไปได้ว่า เจ้าแสงฉายไม่ได้แค่ลี้ภัยทางการเมืองเข้ามา แต่ยังเข้ามาใช้บ้านเราเป็นฐานลำเลียงยาเสพติดอีกด้วย” “ได้ข่าวว่า เขากำลังจะลงทุนทำโรงงานผ้าลูกไม้ส่งออก”
ภูผาพูดพร้อมกับยื่นหนังสือพิมพ์ให้ทวีปดูกรอบเล็กๆ ในหน้าหนึ่งซึ่งมีภาพถ่ายแสงฉายกับแพรไหม ทวีปหยิบหนังสือพิมพ์ไปอ่าน“เจ้าชายหนุ่มโสดแห่งเชียงทวายเตรียมสละโสดกับสาวไทย- ลูกสาวเจ้าของร้านผ้าไหมชื่อดัง- และเตรียมเปิดโรงงานแห่งใหม่ มูลค่ากว่าพันล้าน รับขวัญเจ้าสาว”
ทวีปเงยหน้าขึ้นมองภูผาด้วยความแปลกใจ“ถ้าเขาค้ายาเสพติดจริงๆ เขาก็คงต้องหาทางทำอะไรซักอย่างเพื่อฟอกเงินที่ได้มาอย่างผิดกฏหมาย ... ที่สุดแล้ว เขาอาจจะแต่งงานกันคุณแพรไหม เพื่อบังหน้า” ทวีปพูด
ภูผาอึ้งไป ทวีปยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิด ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของภูผาก็ดังขึ้น ภูผาก้มดู “เจ้าแสงมณี” ทวีปตาเป็นประกายขึ้น
แสงมณีแต่งตัวสวยเดินลงมาหน้าบ้านของเธอ ดวงใจเดินตาม แต่แล้วแสงมณีก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภูผายืนอยู่กับทวีป แสงมณีหันไปหาทวีปพร้อมกับพูดขึ้น“ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ควรให้คนอื่นมาด้วยนะคะคุณภูผา”“เผอิญว่า มันจำเป็นครับ…เพราะตอนนี้ เราไม่รู้ว่า ศัตรูของเจ้ามากันกี่คน บอดี้การ์ดคนเดียวอาจจะรับมือไม่อยู่ ...เคยได้ยินไหมครับ คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย” ทวีปบอก“อย่าตายก็แล้วกัน ... ฉันไม่อยากหาบอดี้การ์ดคนใหม่”
แสงมณีหันไปหาภูผาแล้วยื้มอย่างอ่อนหวาน“เชิญค่ะ คุณภูผา”
“เลื่อมล้ำกันจริงจริ๊ง” ทวีปบ่น แสงมณีถลึงตาใส่ทวีป ภูผามองเพื่อนขำๆ ก่อนจะหันไปถามแสงมณี “เจ้าจะไปที่ไหนครับวันนี้” “ไปร้านคุณแพรไหมค่ะ” แสงมณีบอก ภูผาอึ้งแสงมณีเดินนำไป ดวงใจเดินตาม ทวีปหันไปยักคิ้วให้ภูผาแล้วเดินตาม ภูผามองตามไปด้วยความดีใจก่อนที่สายตาของเขาจะแข็งกร้าวขึ้น
รถของแสงฉายแล่นไปจอดที่หน้าโรงงาน คม พลและเหล่าองครักษ์ก้าวลงจากรถ คมเดินไปเปิดประตูรถ ธนาก้าวลงมาก่อน แล้วแสงฉายก็ก้าวลงมา เขายื่นมือให้แพรไหมจับ แพรไหมมองเฉยก่อนจะก้าวลงไปด้วยตัวเอง แสงฉายยืนเก้อ พันทิญาก้าวตามลงมาแล้วมองตามอย่างไม่พอใจแสงฉาย แสงฉายเดินมากับแพรไหม พันทิญา ธนา คม พล และกลุ่มองครักษ์เดินตาม ทั้งหมดเดินมาหยุดที่หน้าโรงงานขนาดใหญ่ แสงฉายมองอย่างปลาบปลื้มใจ
“ผมตั้งใจก่อสร้างโรงงานนี้ขึ้นมา เพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเรา” แสงฉายบอก“ฉันไม่ยุ่งด้วยดีกว่าค่ะ ... เจ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ” แพรไหมเดินเลี่ยงเข้าไปในโรงงาน
แสงฉายเดินตามไปอย่างไม่พอใจ พันทิญาทำท่าจะเดินตามไป ธนาเดินเข้าไปขวางพันทิญาอย่างรู้หน้าที่
“ผมว่า คุณควรปล่อยให้เจ้าใช้เวลาส่วนตัวอยู่กับคุณแพรไหม” ธนาบอก “แต่ฉันเป็น” พันทิญาจะเถียง“เป็นอะไรก็แล้วแต่... แต่คุณไม่ใช่คนที่เจ้าจะแต่งงานด้วย”
พันทิญาโกรธ “มันก็ไม่แน่หรอก...คอยดูไปก็แล้วกัน ถ้าฉันได้แต่งงานกับเจ้าขึ้นมาฉันจะไล่แกออกเป็นคนแรก”
พันทิญาเดินเลี่ยงไปอีกทาง ธนามองตามไปแล้วยิ้ม
ภายในโรงงานกำลังมีการติดตั้งเครื่องจักรทันสมัย มีคนทำงานอยู่ไม่มากนัก แพรไหมเดินมามองไปรอบๆอย่างไม่ใส่ใจ แสงฉายเดินตามมาอย่างไม่พอใจ
“ดูคุณไม่ยินดียินร้ายเลยนะ...ถ้าโรงงานนี้เป็นของภูผาคุณคงดีใจ” แสงฉายประชด “อย่าเอาชื่อเขามาเกี่ยวข้องด้วยเลย ยังไงฉันก็ตัดสินใจแต่งงานกับคุณแล้ว คุณน่าจะพอใจ” “ผมจะพอใจก็ต่อเมื่อ คุณเลิกคิดถึงเขา”
แพรไหมหยุดเดินแล้วหันมาจ้องหน้าแสงฉายอย่างไม่พอใจ “คุณจะมารู้ใจฉันได้ยังไง”
แสงฉายยิ้มอย่างใจเย็น “นัยน์ตาคุณมันฟ้อง ... แต่เอาเถอะ...ผมจะมองข้ามเรื่องนี้ไป เพื่อให้เราได้เริ่มต้นกันใหม่ ... แต่ต่อไปผมจะไม่ยอมให้คุณไปไหน มาไหนกับเขาอีก”
แสงฉายดึงมือแพรไหมขึ้นมากุมไว้แล้วพูดอย่างเฉียบขาด“หลังจากนี้ คุณคงรู้นะว่า อะไรควรทำ ไม่ควรทำ”
แพรไหมสะบัดมือออก “คุณไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน... อย่าลืมสิ ตอนนี้เรายังไม่ได้แต่งฉันก็ยังมีสิทธิ์ที่จะคิดถึงใครก็ได้”
แสงฉายกระชากแขนแพรไหมเข้ามาจ้องหน้าใกล้ๆ “ทำไม เขามีอะไรดีนักหนา คุณถึงต้องคิดถึงเขาด้วย”“เขามีในสิ่งที่คุณไม่มีก็แล้วกัน” แพรไหมย้อน แสงฉายโมโหที่ถูกปรามาสจึงก้มลงทำท่าจะจูบแต่แพรไหมเบี่ยงตัวหลบแล้วผลักแสงฉายออกไป “ฉันยอมแต่งงานกับเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้เจ้าทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ” แพรไหมเดินเลี่ยงไป แสงฉายมองตามอย่างมุ่งมั่น“เล่นตัวไปก่อนเถอะ แพรไหม...อีกไม่นาน ผมจะทำให้คุณอยู่กับผมทั้งตัวและหัวใจ”
แสงฉายเดินย้อนกลับออกมา พันทิญายืนรอจังหวะอยู่จึงเดินเข้าไปกอดเขาแน่น“เจ้าขา.... พันคิดถึงเจ้า”
“คุณอย่าทำอย่างงี้ เดี๋ยวน้องสาวคุณมาเห็นเข้า” แสงฉายไม่พอใจ“พันไม่สนใจ พันรักเจ้า...รู้ไหมคะ พันเจ็บปวดแค่ไหน ที่อยู่ใกล้เจ้า แต่เราเหมือนอยู่ไกลกันเหลือเกิน” “คุณเคยบอกว่า จะเลิกยุ่งเกี่ยวกับผม คุณก็ควรจะรักษาสัญญา ปล่อยผมเถอะนะ ผมไม่อยากให้คุณแพรไหมเข้าใจผิด”
แสงฉายดันตัวพันทิญาออกไป พันทิญาร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างแท้จริง“ใครๆก็รักแต่ยายแพร ... แล้วพันล่ะคะ พันก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกันพันทำใจไม่ได้ ... ที่จะต้องสูญเสียเจ้าไป...ให้พันอยู่ในฐานะอะไรก็ได้ แต่อย่าให้พันเลิกรักเจ้าเลยนะคะ” พันทิญาร้องไห้อย่างน่าสงสาร แสงฉายมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนลง แต่ก็ต้องตัดใจ“อย่าให้ผมต้องลำบากใจมากไปกว่านี้เลย...ผมรักคุณแพร...ไม่ใช่คุณ”
พูดจบแสงฉายก็ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป พันทิญารีบเดินเข้าไปขวาง “แล้วพันล่ะคะ ... พันจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีเจ้า... พันเป็นเมียเจ้าแล้วนะคะ” แสงฉายเดินเลี่ยงไปอย่างไม่สนใจ พันทิญามองตามด้วยความโกรธแค้น“นังแพร.... อย่าหวังเลยว่า แกจะเอาชนะฉันได้...ไม่มีทาง”
แสงมณีเดินคุยกับศุภลักษณ์มาตามทางเดินในร้านแพรไหม ดวงใจเดินตามมาด้วย“หญิงต้องขอขอบคุณคุณน้ามากนะคะที่สนใจผ้าไหมจากเชียงทวาย” แสงมณีบอก“เรากำลังจะเป็นหุ้นส่วนกันนะคะเจ้า ... ยังไงก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่แล้ว” ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี
แสงมณีเดินนำดวงใจออกมาจากร้าน ทวีปยืนอยู่กับภูผาหน้าร้าน แสงมณีเดินนำดวงใจมาหาทั้งสอง ทวีปยื่นหน้าเข้าไปพูดกับเธอ
“เสร็จธุระแล้วเหรอครับ”
“ทำไม...ถ้าฉันจะอยู่ที่นี่ทั้งวัน...คุณก็ต้องอยู่ ไม่ต้องรู้ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น” “ก็ได้ครับ...ถ้าเป็นพระประสงค์ขององค์หญิง” ทวีปประชด แสงมณีค้อน “ทะลึ่ง”“อย่าไปต่อปากต่อคำกับเขาเลยค่ะคุณหญิง...คนลามปาม...กลับเถอะค่ะ” ดวงใจบอก“รอพี่ชายก่อนเถอะค่ะ... เดี๋ยวพี่ชายคงกลับมา... ดวงใจไปนั่งพักก่อนเถอะ เดี๋ยวหญิงขอเดินดูผ้าไหมในร้านก่อน...สวยๆทั้งนั้นเลย”
ดวงใจรับคำก่อนจะเดินเลี่ยงไป ทวีปทำท่าจะเดินตามแสงมณี แต่ดวงใจเดินเข้าไปขวาง “ในนี้ คงไม่มีใครเข้ามาทำอะไรคุณหญิงหรอก” ดวงใจบอก“ไม่แน่หรอกครับ... ป้าเคยได้ยินไหม ที่ที่ปลอดภัยที่สุด อาจเป็นที่ที่อันตรายที่สุดก็ได้”
ทวีปทำเสียงข่มขวัญ แสงมณีมองทวีปอย่างอ่อนใจก่อนจะหันไปหาภูผา“ต่อไปคุณภูผาไม่ต้องให้คนอื่นมาก็ได้นะคะ...ฉันยอมเสี่ยงอันตราย ดีกว่าประสาทเสีย เพราะคนพูดมาก”
“เห็นด้วยค่ะ ... ถ้าจะให้ดี ไล่ออกไปเลยก็ดีนะคะ” ดวงใจเสริม ดวงใจหันไปค้อนทวีปก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งพัก ภูผาหันไปยิ้มกับแสงมณี“ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยครับ ต่อไปผมจะอบรมให้เขาสงบปากสงบคำขึ้นครับ” ภูผาบอก
ทวีปทำท่าจะโวย แสงมณียิ้มเยาะแล้วพูด“ดีค่ะ คราวหน้าคราวหลังเขาจะได้ปรับปรุงตัว ไม่ทำให้ฉันหงุดหงิดรำคาญใจ”
พูดจบแสงมณีก็เดินเลี่ยงไป ทวีปหันมายักคิ้วให้ภูผา ภูผายิ้มๆ ก่อนเดินเลี่ยงไปยืนมองออกไปที่หน้าร้าน
แสงมณีเดินดูผ้าไหมและชุดที่อยู่บนหุ่นภายในร้าน ทวีปเดินตามมามองแสงมณีอย่างเพลิดเพลิน แสงมณีหยุดเดินกระทันหัน ทำให้จมูกของทวีปชนกับจมูกของแสงมณีพอดี แสงมณีเขินมากแต่ก็หันไปทำตาดุ “คนฉวยโอกาส”
“เปล่านะครับ... คุณมาชนผมเอง...ผมอยู่ของผมเฉยๆ...คนที่ฉวยโอกาสน่าจะเป็นคุณมากกว่า” ทวีปบอก
“ฉันจะไปฉวยโอกาสกับคุณทำไม... หลงตัวเอง...คิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไง”
“ถึงไม่หล่อ แต่ผมก็เร้าใจนะครับ....ไม่เชื่อลองดูก็ได้”
แสงมณีเดินเลี่ยงไปด้วยความเขินอาย ทวีปเดินตามไป พอเห็นว่าปลอดคนเขาจึงยื่นรูปถ่ายชายคนหนึ่งให้แสงมณีดู
“คุณรู้จักคนในรูปไหม”
แสงมณีตกใจแต่แสร้งทำกลบเกลื่อน “ทำไม”“เขาถูกจับตำรวจจับได้...ขณะที่กำลังขนยาเสพติดเข้าประเทศไทย ที่แม่สอด” ทวีปบอก“ฉันไม่รู้จัก...ไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วย”
แสงมณีทำท่าจะเดินเลี่ยงไป ทวีปเดินไปดัก “ผมอยากให้คุณลองคิดดูให้ดี...คุณกำลังช่วยปกปิดความจริงอยู่หรือเปล่า ไม่เช่นนั้น คุณจะเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดนะครับ ...ลองคิดดูให้ดีๆก็แล้วกัน ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อนไปด้วย” ทวีปพูดจบก็เดินเลี่ยงไป แสงมณีมองตามไปอย่างร้อนใจ
ภูผายืนมองออกไปด้านหน้าร้านแพรไหม สายตาของเขาหวั่นไหวเมื่อคิดว่าอีกไม่นานแพรไหมจะกลับมา สักพักรถตู้ของแสงฉายก็แล่นเข้ามา ประตูรถเปิดออก ธนา คม พลและองครักษ์ก้าวลงมาเปิดประตูรถ แสงฉายก้าวลงมา แพรไหมหันไปเห็นภูผายืนอยู่ด้านในร้านเธอก็ชะงักก่อนจงใจยื่นมือให้แสงฉาย แสงฉายยิ้มให้แพรไหมอย่างอ่อนหวาน แล้วก็จูงมือแพรไหมลงมาจากรถอย่างเอาใจใส่ พันทิญามองอย่างไม่พอใจ แต่พอเธอหันไปเห็นภูผายืนมองอยู่ก็เข้าใจสถานการณ์ ทั้งหมดเดินตรงเข้าไปในร้านแพรไหม ธนา คม พลและเหล่าองครักษ์แยกย้ายกันเดินไปคุมเชิงรักษาความปลอดภัย
แพรไหมเดินมากับแสงฉาย พันทิญาเดินตามมา ภูผายืนอยู่มุมหนึ่งในร้าน แสงฉายจับมือแพรไหมเดินผ่านเขาไป พันทิญาเดินตามมา
“ ได้ข่าวว่าแม่คุณถูกทำร้าย .... หวังว่าคงไม่เป็นอะไรมากนะ” แสงฉายพูดขึ้น“มันแค่ขู่น่ะครับ ... พวกโจรกระจอกก็อย่างงี้ล่ะครับ ทำกับผมไม่ได้ ก็เลยหันไปทำร้ายแล้วก็ข่มขู่ผู้หญิง...ถ้าเป็นนักเลงจริงๆ ต้องสู้กันซึ่งๆหน้า อย่างงี้ คนไทยเรียกว่า พวกหมาลอบกัด”
แสงฉายหน้าตึง แต่ก็ยังฝืนยิ้ม “อย่าประมาทฝีมือคนอื่นมากเกินไป... ที่ผมเตือนก็เพราะเห็นว่าคุณเป็นลูกจ้าง ... ไม่อยากเสียคนมือดีๆ ไป ...ยังไงงานแต่งงานของเราก็ต้องให้คุณมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้”“รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะครับ” ภูผาบอก
แสงฉายหน้าตึงก่อนจะแตะแขนแพรไหมแล้วเดินเข้าไปด้านในร้าน แพรไหมปรายตามองภูผา ภูผายิ้มเยาะ แพรไหมตวัดสายตาแล้วเดินเลี่ยงไปเข้าไปด้านใน พันทิญาเดินมาหยุดตรงหน้าภูผา“ถ้าฉันเป็นคุณ ... ฉันคงไม่ยอมปล่อยยายแพรไปแต่งงานกับคนอื่น” พันทิญายุภูผา“เขาจะแต่งงานกับใคร มันก็เรื่องของเขา ...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ภูผาบอก“แล้วที่หายไปด้วยกันบ่อยๆล่ะ ... อย่าบอกนะว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันคงนึงล่ะที่ไม่เชื่อ ... ยายแพรเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่...แล้วคุณก็เป็นผู้ชายแท้ๆ ฉันเป็นพี่สาวยายแพร ฉันรู้ว่ายายแพรรู้สึกยังไงกับคุณ... ที่เขาต้องยอมแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย ก็เพราะคุณแม่บังคับ ... ทำไมคุณไม่ต่อสู้ เพื่อผู้หญิงที่รักคุณล่ะ” พันทิญาใส่เป็นชุด “....ฉันช่วยคุณได้นะ”
“ขอบคุณครับ ... แต่ผมคงไม่รบกวน”
พันทิญาชักสีหน้าแล้วเดินเลี่ยงไป เธอไม่พอใจที่ไม่สามารถโน้มใจภูผาได้ ภูผามองตามไปอย่างไม่สบายใจ เขาเห็นแพรไหม แสงฉายและพันทิญากำลังเดินเข้าไปหาแสงมณี
แสงมณียืนคุยอยู่กับแพรไหม และแสงฉาย พันทิญาเดินเข้ามายืนข้างแสงฉาย ทวีปกับดวงใจยืนเยื้องห่างออกไป
“ชุดที่คุณแพรไหมออกแบบสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ” แสงมณีชม “เจ้ายอฉันเกินไปแล้วค่ะ...ฉันก็แค่ออกแบบได้เท่านั้นล่ะค่ะ บางคนก็อาจจะติว่าเรียบไปด้วยซ้ำ...อยู่ที่รสนิยมของลูกค้าค่ะ”
“หญิงก็มาให้คุณแพรออกแบบชุดที่จะใส่ไปงานแต่งงานของพี่กับคุณแพรสิจ๊ะ” แสงฉายเสนอ “ใช้ผ้าจากเชียงทวายนะคะพี่ชาย ...จะได้เปิดตลาดผ้าไหมของเราด้วย” แสงมณีบอก พันทิญามองด้วยความหมั่นไส้แต่ก็ไม่มีใครสนใจเธอ พันทิญาจึงแกล้งเป็นลมเรียกร้องความสนใจ แสงฉายรับร่างเธอได้ทันพอดี
“คุณพัน....เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”“พันจะเป็นลม ช่วยพันด้วยค่ะ”
ทวีปยืนอยู่ไม่ไกลรีบเดินเข้ามาอาสาอย่างมีน้ำใจ“เดี๋ยวผมพาไปก็ได้ครับ”
พันทิญาผลักทวีปออกอย่างแรงแล้วรีบหันไปมองอย่างไม่พอใจ“ไม่ต้อง....ฉันไปเองได้”
พันทิญาลุกขึ้นแล้วเดินลิ่วหายเข้าไปในห้อง ทวีปหันไปพูดกับแสงมณี“อาการอย่างงี้...สงสัยเลือดจะไปลมจะมานะครับ”
แพรไหมเดินตามพันทิญาไปด้วยความเป็นห่วง แสงมณีหันไปมองหน้าแสงฉายด้วยความหนักใจเพราะเข้าใจสถานการณ์
พันทิญาเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วกวาดข้าวของบนโต๊ะลงกับพื้นด้วยความโมโห แพรไหมเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ
“พี่พัน....พี่พันเป็นยังไงบ้างคะ”
“ออกไป ... อย่ามายุ่งกับฉัน ... ไปสิ ... ไป๊”
พันทิญาหันมาชี้นิ้วสั่นระริกด้วยความโกรธ แพรไหมมองอย่างไม่เข้าใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่พัน ... ใครทำอะไรพี่พันเหรอคะ”พันทิญาได้สติจึงพยายามระงับอารมณ์ “เปล่า ... แพรออกไปเถอะ พี่อยากอยู่คนเดียว”
พันทิญาเบือนหน้าเพื่อซ่อนน้ำตา“พี่พัน ... เรามีกันอยู่สองคนพี่น้องนะคะ...มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ บอกแพรได้นะคะ...เผื่อว่าแพรจะช่วยพี่พันได้บ้าง”
“ไม่มีใครช่วยพี่ได้หรอก... พี่ผิดเอง ที่ไปรักเขา... รัก...ทั้งที่ รู้ว่า เขาไม่เคยมีใจให้พี่เลย” พันทิญาแสร้งซบหน้าร้องไห้เหมือนเสียใจมากเหลือเกิน เธอตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับแพรไหม แพรไหมดึงตัวพันทิญาเข้ามากอดแน่น“ทุกลมหายใจเข้าออก เขามีแต่คนอื่น...เขาไม่เคยสนใจใยดีพี่เลย ทั้งที่เขารู้อยู่เต็มอกว่าพี่รักเขา” พันทิญาคร่ำครวญ
“คุณพัฒน์เหรอคะ” แพรไหมถาม พันทิญาส่ายหน้า “รับปากกับพี่ก่อนสิ ... ถ้าพี่บอกแพรว่าผู้ชายที่พี่รักเป็นใคร แพรจะช่วยให้พี่ได้สมหวังกับเขา....รับปากสิ”
“ถ้าแพรช่วยได้...แพรก็ยินดีและเต็มใจช่วยพี่พันค่ะ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอคะ”พันทิญาจ้องหน้าแพรไหมนิ่งและกำลังจะบอก แต่ศุภลักษณ์เดินเข้ามาพอดี “แพรออกไปก่อน ..... แม่มีเรื่องจะคุยกับยายพัน”
แพรไหมมองศุภลักษณ์อย่างไม่เข้าใจก่อนจะเดินออกไป
พันทิญาเดินเลี่ยงไปเช็ดน้ำตา ศุภลักษณ์เดินตามไปมองอย่างไม่พอใจแต่ก็พยายามระงับสติอารมณ์“พันกำลังจะทำให้เรื่องมันยุ่งนะลูก”
“พันทำอะไรคะ คุณแม่”
“อย่าให้แม่พูดเลย...แม่เลี้ยงพันมาตั้งแต่เล็ก ... อย่างลูกคนนึงทำไมแม่จะไม่รู้ว่าพันคิดยังไงกับเจ้า”
พันทิญาหันมามองแล้วตัดสินใจพูดตามความรู้สึกของตน“คุณแม่รู้....แล้วยังยัดเยียดยายแพรให้แต่งงานกับเจ้าอีกเหรอคะ...อ้อ ใช่สิ ยายแพรเป็นลูกแท้ๆของคุณแม่นี่ ... คุณแม่ต้องเลือกคนที่ดีที่สุดให้ยายแพรอยู่แล้ว ส่วนพัน... พันจะรู้สึกยังไงกับเจ้า ... คุณแม่คงไม่สนใจ” พันทิญาร้องไห้พรั่งพรู
ศุภลักษณ์อ่อนโยนลงด้วยความสงสาร “มันอยู่ที่ว่า เจ้าเขารักใครต่างหากล่ะลูก ตัดใจจากเจ้าแสงฉายเถอะนะพัน ... อย่าให้แม่ลำบากใจมากไปกว่านี้เลย”
ศุภลักษณ์ดึงตัวพันทิญาเข้ามากอดด้วยความสงสาร แต่พันทิญากลับยังไม่ยอมแพ้
แพรไหมในชุดนอนพลิกตัวไปมาด้วยความกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เพราะเธอคิดถึงภูผา แพรไหมลุกขึ้นเดินออกไปยืนที่ระเบียง ก่อนจะพึมพำด้วยสายตาเศร้าสร้อย“คุณคงเกลียดฉันมากใช่ไหมคะ .... คุณภูผา”
ภูผาในชุดนอนยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องนอน สายตาของเขาเศร้าเพราะในใจคิดถึงแต่แพรไหม แต่เขาก็พยายามเอาความเกลียดเข้ามาแทนที่
“ใช่ ....ผมเกลียดคุณ...ไม่เคยเกลียดผู้หญิงคนไหนเท่าคุณเลย...แพรไหม”
เช้าวันใหม่ วนิดาเดินมาเคาะประตูห้อง “... พัน ... สายแล้วนะลูก”
พันทิญาลุกขึ้นจากเตียงด้วยตาบวมช้ำ เธอเดินมาเปิดประตู วนิดาเดินเข้าไปในห้อง พันทิญาโผเข้าไปกอดแล้วร้องไห้
“พัน...นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะ” วนิดาตกใจ “เจ้าแสงฉายไม่สนใจพันเลย... สนใจแต่ยายแพรคนเดียวเท่านั้น...พันจะทำยังไงดีล่ะคะน้าดา พันเป็นเมียเจ้าแล้วนะคะ...เจ้าจะทำกับพันอย่างนี้ไม่ได้...พันไม่ยอม...พันไม่ยอม”
“ใจเย็นๆก่อนเถอะลูก”
“เย็นไม่ไหวแล้วนะคะ ... พันอุตส่าห์เอาตัวเข้าแลก หวังว่าเจ้าแสงฉายจะเปลี่ยนใจ แต่เจ้ากลับทำเหมือนพันไม่มีความหมาย ... พันทนไม่ได้ที่เห็นสายตาของเขาเย็นชากับพันเหมือนพันเป็นคนอื่น... พันทนไม่ได้ ที่จะแพ้ยายแพร”
วนิดากอดพันทิญาด้วยความรักและสงสาร เธอคิดว่าจะต้องหาทางช่วย“ถ้าอย่างงั้น เราก็ต้องขัดขวางงานแต่งงานให้ถึงที่สุด”
วนิดาตาวาวขึ้นอย่างอาฆาตแค้น เธฮคิดว่าได้เวลาแล้วที่จะทำทุกวิถีทางให้ศุภลักษณ์เจ็บปวด
ภูผาแต่งตัวเตรียมไปทำงาน แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นปรางแก้วกำลังเตรียมอาหารอยู่กับบุญศรี“ภู...ทานข้าวสิลูก หนูแก้วทำของโปรดมาฝากลูกด้วย” บุญศรีบอก ภูผาหันไปหาปรางแก้วแล้วยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูแบบน้องสาว “แก้วทำอาหารอร่อยๆมาฝากพี่บ่อยๆ อีกหน่อยพี่คงอ้วน ไม่มีแรงไปสู้กับใคร” ภูผาบอก
“ดีสิคะ...แก้วก็ไม่อยากให้พี่ภูทำงานเสี่ยงๆอยู่แล้ว”
ภูผาเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ปรางแก้วเดินไปตักข้าวให้
ภูผาพูดจริงจัง “พี่ขอทำงานเก็บเงินอีกซักพัก แล้วพี่ก็จะเลิกทำแล้วล่ะ ... ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง”“แม่จะรอให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ...ที่จริง อยู่อย่างงี้ เราก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่ลูก ถ้าภูเป็นอะไรไปอีกคน แม่จะอยู่กับใคร... แม่เหลือภูอยู่คนเดียวนะลูก”
บุญศรีหน้าเศร้าไปทันที ภูผาเอื้อมไปจับมือแม่อย่างเข้าใจ“ผมจะระวังตัวครับแม่... แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ งานที่ผมรับไว้ก็จะจบแล้ว แล้วผมก็คงจะรับงานรักษาความปลอดภัยตามอาคารทั่วๆไป...ถึงจะได้เงินไม่มากแต่ก็ไม่เสี่ยงอันตราย” บุญศรียิ้มแล้วทั้งหมดก็ลงมือกินข้าว ปรางแก้วตักกับข้าวให้ภูผาอย่างเอาใจใส่ บุญศรียิ้มอย่างเข้าใจ“วันนี้ หนูแก้วว่าง...พาหนูแก้วไปเปิดหูเปิดตามั่งสิลูก” ภูผาหันไปมองปรางแก้ว ปรางแก้วหลบสายตาด้วยความอาย ภูผายิ้มรับคำแม่แล้วก็มองอย่างชั่งใจว่าจะตัดสินใจอย่างไร
ภูผาพาปรางแก้วไปเที่ยวชมธรรมชาติในวัด ทั้งสองให้อาหารปลาด้วยกัน ปรางแก้วมีความสุขแต่ภูผาสายตาหม่นเศร้า เมื่อปรางแก้วหันมาหาเขาก็ฝืนยิ้มให้ แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริง เพราะเขาคิดว่ายิ่งปล่อยให้ปรางแก้วเข้าใจผิด สถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายลง ปรางแก้วหันมายิ้มให้ภูผา“ขอบคุณมากนะคะพี่ภู ที่พาแก้วไปเที่ยว...แก้วมีความสุขมากเลยค่ะ”ภูผาเอ่ยขึ้น “แก้ว...”“คะ”
“เรารู้จักกันมาเกือบยี่สิบปีแล้วสินะ....แก้วเป็นคนดี... เอาใจใส่พี่ และแม่ของพี่เป็นอย่างดี ที่ผ่านมา พี่ก็รักแก้ว เห็นแก้วเป็นน้องสาวของพี่มาโดยตลอด”
“พี่ภูกำลังจะบอกอะไรแก้วเหรอคะ”
“พี่รู้ว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ มันอาจจะทำให้แก้วเจ็บปวดบ้าง แต่พี่ก็ไม่อยากให้แก้วเข้าใจผิดต่อไป... พี่เคยพยายามถามตัวเองมาตลอดว่าจะเปลี่ยนใจ รักแก้วแบบอื่นได้ไหม... แต่พี่ก็เปลี่ยนความรู้สึกไม่ได้”ปรางแก้วร้องไห้ด้วยความเสียใจ “ก็ไหนพี่ภูบอกว่า จะแต่งงานกับแก้ว” “พี่เสียใจ...ตอนแรกพี่ก็คิดอย่างนั้น แล้วพี่ก็พยายามถามใจตัวเอง แล้วตอนนี้พี่ก็ได้คำตอบแล้ว” “แก้วไม่ดีตรงไหนเหรอคะ...บอกแก้วสิคะ แก้วจะได้ปรับปรุงตัว”
“ไม่....ไม่เลย...แก้วดีเกินไปด้วยซ้ำ...พี่เองต่างหากที่ผิด ที่ทำใจให้รักแก้วไม่ได้ พี่ขอโทษ ที่ทำให้แก้วเข้าใจผิด... แต่ถ้าพี่ไม่พูดความจริงตั้งแต่วันนี้ แล้วปล่อยให้แก้ว เข้าใจผิดต่อไป พี่คงเสียใจมากกว่านี้”“พอแล้วค่ะ....พี่ภู ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...มันเป็นความผิดของแก้วเอง ที่รู้สึกไปเองคิดไปเองว่า วันหนึ่ง พี่ภูจะหันมามองเห็นแก้วอยู่ในสายตาบ้าง...แก้วผิดเอง”
ปรางแก้วเดินไปยืนร้องไห้ ภูผามองตามอย่างลำบากใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 9 (ต่อ)
แสงฉาย พาแพรไหมมาดูสถานที่จัดงานแต่งงานภายในโรงแรมหรู ธนา คม พล และเหล่าองครักษ์เดินตามและหยุดอยู่ภายนอก
“ผมว่า ที่นี่ สถานที่กว้างขวางดีนะ...น่าจะรับรองแขกของเราได้” แสงฉายพูด“ตามใจเจ้าเถอะค่ะ”
แพรไหมเดินเลี่ยงไป แสงฉายมองตามไปอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินตามไป“คุณจะไม่ออกความเห็นอะไรหน่อยเหรอ”
“ถ้าความเห็นของฉันคือ ไม่อยากแต่งงานกับเจ้า...เจ้าจะยกเลิกงานแต่งงานไหมล่ะคะ” แพรไหมย้อน แสงฉายไม่พอใจจับมือแพรไหมขึ้นมา แล้วเขาก็สะดุดกับแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วของแพรไหม “ผมไม่เคยเห็นคุณใส่แหวนวงนี้นี่”
“ปล่อยค่ะ”
“ก็บอกมาก่อนสิ...แหวนวงนี้ ของใคร”
“ของฉัน....”แสงฉายไม่เชื่อ “ผมขอได้ไหมล่ะ...แล้วผมจะซื้อวงใหม่ให้ แพงกว่านี้เลย”“ไม่จำเป็นค่ะ... ถึงแหวนวงนี้ จะมีค่าไม่มาก แต่มันก็มีความหมายสำหรับฉัน เกินกว่าแหวนราคาแพงๆของเจ้าเป็นร้อยเท่า”
แพรไหมเดินเลี่ยงไป แสงฉายมองตามไปอย่างโกรธแค้นเพราะมั่นใจว่าเป็นแหวนของภูผา“ไอ้ภูผา”
ภูผาขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านทวีป ก่อนจะก้าวลงมาพร้อมกับปรางแก้ว ปรางแก้วยังคงร้องไห้ด้วยความเสียใจ ภูผาเอื้อมไปจับมือปรางแก้วเพื่อปลอบใจแล้วมองด้วยความสงสาร
“พี่ภูรักแก้วไม่ได้ เพราะพี่ภูรักคุณแพรใช่ไหมคะ” ปรางแก้วถาม “พี่เกลียดเขาต่างหาก…เขาเป็นคนทำให้พี่ชัยตาย...ยังไงพี่ก็รักเขาไม่ได้หรอก”
“พี่ภูกำลังหลอกตัวเอง... แก้วรู้ สายตาที่พี่ภูมองคุณแพร ไม่ใช่สายตาของคนที่เกลียดกัน”“มันไม่เกี่ยวกับเขาหรอกนะแก้ว... ที่พี่รักแก้วไม่ได้...ก็เพราะเราไม่ได้เกิดมาเป็นคู่กัน แล้วพี่ก็ไม่อยากเหนี่ยวรั้งแก้วเอาไว้ ทั้งที่พี่เองก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับแก้ว จริงอยู่ พี่อาจจะไม่บอกแก้ว แล้วก็ฝืนใจแต่งงานกับแก้ว...แต่วันหนึ่งแก้วก็ต้องรู้อยู่ดี ถึงตอนนั้น แก้วอาจจะเสียโอกาสที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครซักคนที่รักแก้วอย่างจริงใจ”
“ไม่ค่ะ.....แก้วรักพี่ภู...ชีวิตของแก้วเกิดมาเพื่อพี่ภูคนเดียวเท่านั้น แก้วจะรอวันที่พี่ภูจะหันกลับมารักแก้วบ้าง...ไม่ต้องมากเท่าที่แก้วรักพี่ภู แก้วก็พอใจแล้วค่ะ” ปรางแก้วเปิดประตูแล้วเดินร้องไห้เข้าไปในบ้าน ภูผามองตามไปด้วยความห่วงใย ทวีปเดินออกมา ปรางแก้วโผเข้าไปกอดพี่ชายแล้วร้องไห้ ทวีปมองสบตาภูผาอย่างเข้าใจสถานการณ์
แพรไหมกลับมาจากทำงานนอกบ้าน เธอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าที่นอนถูกกรีดจนเละเทะไปหมด เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกจนย่อยยับ แพรไหมกรีดร้องเสียงหลง “กรี๊ด”น้อยวิ่งเข้ามาในห้อง “นี่มันอะไรกันคะคุณแพร”“ฉันไม่รู้....ไม่รู้จริงๆ” แพรไหมบอก น้อยเดินไปหยิบกระดาษขึ้นมาจึงเห็นว่าข้อความเขียนด้วยเลือด“แกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน” น้อยปล่อยกระดาษแผ่นนั้นหล่นลงพื้น แพรไหมได้สติจึงก้มลงหยิบกระดาษขึ้นมาขยำแล้วหันไปบอกน้อย
“ น้อยอย่าบอกใครนะ...เดี๋ยวจะตกใจกันใหญ่”
“ทำไมล่ะคะ...น้อยว่าคุณแพรน่าจะแจ้งความ... เรื่องใหญ่นะคะ”แพรไหมวิตก “เอาไว้ก่อนเถอะ...บางที มันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดกันก็ได้ ตอนนี้ น้อยช่วยฉันทำความสะอาดห้องก่อนละกัน”
“ค่ะ” น้อยเดินออกไป แพรไหมทรุดตัวลงนั่งแล้วคิดหนักว่าเธอแย่งอะไรของใครมา
ลูกน้องของภูผา 3 คนช่วยกันยกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ยกมาจากร้านของชัยเข้ามาไว้ในห้องเก็บของที่ออฟฟิศของภูผา
“เอาคอมพิวเตอร์ของพี่ชัย ไปไว้ที่ห้องทำงาน ... แล้วก็ประกอบให้ด้วย” ภูผาสั่ง“ครับ” ลูกน้องคนหนึ่งรับคำ ลูกน้องภูผาช่วยกันยกกล่องคอมพิวเตอร์ไป ภูผามองตามไปอย่างเศร้าๆ เพราะคิดถึงชัย คอมพิวเตอร์ของชัยวางอยู่บนโต๊ะทำงานของภูผาอย่างเรียบร้อย ภูผากำลังจะเดินไปเปิดเครื่อง แต่ทวีปเดินเข้ามาพูดกับเขาก่อน
“แกทำให้น้องสาวฉันเสียใจมาก”“ฉันลองถามใจตัวเองดูแล้ว...ฉันรักแก้วเหมือนน้องสาว ไม่เคยคิดเป็นอื่น” ภูผาบอก“เพราะใจแกมีคนอื่น ใช่ไหม” ทวีปย้อนถาม“ถ้าจะมี ก็มีแต่ความแค้น...ฉันปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้ พี่ชัยตายเพราะเขาแต่เขากำลังจะไปแต่งงาน มีความสุข...วิญญาณพี่ชัยคงเป็นทุกข์...ถ้าฉันไม่ทำอะไร”
“แต่ไม่ได้เกี่ยวกับยายแก้วนี่”“แต่มันคงจะดีกว่า ถ้าปล่อยให้แก้วเดินหน้าต่อไป...เจ็บครั้งนี้ครั้งเดียว...แต่แก้วจะมีความสุขถ้าได้เริ่มต้นใหม่กับคนที่รักเขาอย่างจริงใจ และพร้อมที่จะเสียสละเพื่อเขา”
“แล้วแก...”สายตาของภูผาเต็มไปด้วยความแค้น “ฉันมีหน้าที่ต้องทำ”“แก้แค้นคุณแพรไหม...แล้วมันจะได้อะไรวะ” ทวีปย้อนถาม ภูผาหันไปจ้องหน้าทวีปด้วยความโกรธแค้น“พี่ชายฉันต้องตายเพราะเขา...แล้วแม่ฉันยังถูกคนที่เขาจะแต่งงานด้วย ส่งคนไปทำร้าย ... แล้วแกคิดว่าฉันควรทำยังไง”
ที่บ้านแสงฉาย แสงมณีเดินนำดวงใจมา พิพิธที่ยืนรออยู่หน้าบ้านหันไปยิ้มด้วยความดีใจ “เจ้า....” พิพิธมองอย่างตกตะลึงในความสวยของแสงมณี“ฉันมีอะไรผิดปกติเหรอคะ” แสงมณีถาม“เปล่าครับ...วันนี้ เจ้าสวยจนผมอดตะลึงไม่ได้ ... ขออนุญาตชื่นชมนะครับหวังว่าคงไม่เป็นการเสียมารยาท”
“คุณพิพิธชมฉันมากเกินไปแล้วค่ะ ... เดี๋ยวสาวๆของคุณจะน้อยใจนะคะ”“โอ๊ย .... ไม่มีครับ ตอนนี้ ผมกลับเนื้อกลับตัวใหม่ รอให้เจ้าพิจารณาคนเดียว” “พิจารณาอยู่แล้วล่ะค่ะ” ดวงใจโพล่งออกมา “แต่จะเป็นไปได้แค่ไหน...ต้องดูกันไปนานๆค่ะ” แสงมณีหันไปตีแขนดวงใจก่อนจะหันไปถามพิพิธ“คุณพิพิธ ไม่ทำงานเหรอคะ”
“วันนี้ผมว่าง ผมขออาสาบริการเจ้า ทั้งตัวและหัวใจเลยครับ”
แสงมณีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ทันใดนั้นทวีปก็เดินเข้ามา แสงมณีหันไปมองอย่างผิดหวังก่อนจะเชิดหน้าแล้วพูด
“ใช้เวลาราชการมารับจ๊อบ ระวังจะโดนไล่ออกนะคะ”“ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่า คนฝีมือดี มีอารมณ์ขันอย่างผม ถ้าตกงาน...เจ้าคงยอมเสียเงินจ้างผมมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว” ทวีปก้มลงไปกระซิบข้างหู
แสงมณีค้อนที่ถูกยั่ว พิพิธมองทวีปอย่างขัดใจ พิพิธเดินไปยืนข้างแสงมณีแล้วมองทวีปหัวจรดเท้าด้วยสายตาดูถูกเพราะหมั่นไส้
“ยามสมัยนี้ พกปืนได้ด้วย”“ไม่ใช่แค่พกไว้ดูเล่นครับ .... ยิงคนก็ได้ด้วย” ทวีปย้อน พิพิธทำหน้าแหย ทวีปมองยิ้มๆ แสงมณีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี...
รถของแสงมณี กับรถของพิพิธแล่นตามกันไปจอดที่หน้าร้านแพรไหม พิพิธรีบลนลานลงจากรถ เพื่อมารับแสงมณี แต่คนขับรถรีบกันไว้ แสงมณีโบกมือห้ามแล้วพูดกับคนขับรถ “ไม่เป็นไรจ๊ะ ... คุณพิพิธเป็นเพื่อนฉัน”
พิพิธยีดอกที่แสงมณีให้ความไว้วางใจ แสงมณีหันไปพูดกับทวีป“คงไม่ต้องตามเข้าไปดูแลความปลอดภัยถึงข้างในหรอกนะ” “ไม่ได้หรอกครับ ผมถูกจ้างให้มาดูแลเจ้าตลอดเวลา...ถ้าปล่อยให้เจ้าคลาดสายตา เจ้านายผมจะตำหนิเอาได้” ทวีปบอก
“ไม่ต้อง ... นี่เป็นเวลาส่วนตัว เจ้าอยากจะอยู่กับผมสองต่อสอง เข้าใจไหม” พิพิธบอก“เข้าใจครับ ... แต่คุณไม่ใช่เจ้านายผม ผมคงไม่จำเป็นต้องทำตาม” ทวีปย้อน แสงมณีค้อนให้ พิพิธเดินเข้าไปขวาง “เข้าไปข้างในกันดีกว่าครับเจ้า...ตรงนี้ ร้อนออก...เดี๋ยวผิวสวยๆของเจ้าจะถูกแดดเผา เราไม่ใช่พวกยามนะครับ ... หนังจะได้หนา ... ทนแดดทนฝนได้”
แสงมณีเดินไปกับพิพิธ ดวงใจเชิดใส่ทวีปก่อนจะเดินตามทั้งสองไป ทวีปมองตามอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินตามไปด้วย
บรรยากาศในร้านแพรไหมมีคนบางตา ลูกค้าในร้านกำลังเดินดูสินค้าอยู่เงียบๆ แพรไหมเอาชุดที่ตัดเย็บเสร็จแล้วมาใส่กับหุ่น นรี ผู้ช่วยแพรไหมช่วยจัดทรงเสื้อผ้า แสงมณีเดินนำพิพิธเข้ามา ส่วนทวีปเดินตามมาห่างๆ
“สวยจังเลยค่ะ คุณแพร” แสงมณีเอ่ยชม “ขอบคุณมากค่ะเจ้า” แพรไหมตอบ “ฉันเอาผ้าจากเชียงทวายมาให้คุณแพรไหมตัดชุดที่ใส่ในงานแต่งงานค่ะ” แสงมณีหันไปหาดวงใจและพี่เลี้ยง ทั้งสองยื่นกระเป๋าใส่ผ้าไหมจากเชียงทวายให้กับแพรไหม แพรไหมรับมาเปิดดูด้วยความพึงพอใจในความสวยของผ้า พิพิธยื่นหน้ามาเสนอความเห็นทันที “ผ้าก็สวย ... คนก็งาม ... “ พิพิธหันไปทำตาเจ้าชู้ใส่แสงมณี “นี่ถ้าได้เพชรจากร้านของผมมาใส่ด้วยรับรองทุกอย่างเปอร์เฟค...จะเอามูลค่าสิบล้าน หรือร้อยล้านผมก็ให้ยืมมาใส่ได้นะครับ” “อย่าเลยค่ะ ... ฉันไม่ชอบใส่ของแพงๆ กลัวจะหล่นหายน่ะค่ะ” แสงมณีบอก พิพิธหน้าแตกไป แสงมณีเดินเลี่ยงไปกับแพรไหม ทวีปยืนกลั้นหัวเราะ “เสียใจด้วยนะครับคุณพิพิธ” ทวีปได้ทีก็รีบข่ม
“ก็ยังดีกว่าพวกยามบางคน...ดีแต่เห่าไปวันๆ ไม่เห็นสู้ใครได้เลย ถ้าผมเป็นเจ้าแสงมณีคงเสียดายเงิน”ทวีปรำคาญใจจึงเอามือจับปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอว พิพิธหันมามองหน้าแล้วทำหน้าแหย แสงมณีหันมามองอย่างอ่อนใจ แพรไหมมองออกไปด้านหน้าร้านด้วยความคิดถึงภูผา
พันทิญาแต่งตัวสวยกำลังจะออกจากบ้าน แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพิพัฒน์ยืนอยู่ พันทิญาทำท่าจะเดินกลับแต่พิพัฒน์เดินเข้าไปดึงแขนไว้
“ สามีมาหา...จะรีบหนีไปไหนล่ะคุณพัน”“อย่ามาพูดจาหยาบคายกับฉันนะ” พันทิญาว่า “พูดความจริง หยาบคายตรงไหน... ตอนที่เราอยู่บนเตียงเดียวกัน คุณอ่อนหวานกับผมจะตาย ผมยังจำคืนนั้นของเราได้นะ...กลิ่นของคุณยังคิดจมูกอยู่เลย”
พันทิญายกมือขึ้นทำท่าจะตบหน้าพิพัฒน์ แต่พิพัฒน์จับมือไว้ ทันใดนั้นวนิดาเห็นเข้าจึงเดินเข้ามาขวาง โดยมีน้อยวิ่งตามมา
“ปล่อยยายพันเดี๋ยวนี้นะ” วนิดาเสียงเข้ม “ขอโทษนะครับคุณน้า... นี่เป็นเรื่องระหว่างผัว-เมีย....คุณน้าไม่เกี่ยว” พิพัฒน์สวน“ทำไมจะไม่เกี่ยว ... พันเป็นหลานสาวฉัน...ปล่อย ไม่อย่างงั้น ฉันจะแจ้งตำรวจ”
“ก็ดีเหมือนกันครับ...ตำรวจจะได้มาเป็นพยานว่า ผมกับหลานสาวคุณน้าเป็นอะไรกันจะได้ลงบันทึกประจำวัน...แล้วจดทะเบียนกันด้วยเลย”
พันทิญาดิ้นรนขัดขืน“น้าดา ... ช่วยพันด้วย…นังน้อย...ยืนเฉยอยู่ทำไมล่ะ” พันทิญาร้องโวยวายน้อยละล้าละลัง “ให้น้อยทำอะไรล่ะคะ... แม่บอกว่าอย่าไปยุ่งเรื่องผัวเมีย เดี๋ยวเขาดีกัน น้อยก็แย่น่ะสิคะ”
“ฉันไม่ใช่เมียเขา...โอ๊ย....อีโง่” พันทิญาฉุน วนิดาพุ่งเข้าไปทุบตีพิพัฒน์ พิพัฒน์ผลักวนิดาออกไป ก่อนจะฉุดพันทิญาออกไปหน้าบ้านแล้วผลักเข้าไปในรถ เขาใช้เนคไทผูกแขนพันทิญาให้ไขว้หลัง วนิดาพุ่งเข้าไปทุบตีอีก พิพัฒน์หันไปผลักวนิดาจนล้มลงไปกับพื้นก่อนจะปิดประตูแล้วขับรถหายไป วนิดามองอย่างโกรธแค้น น้อยเข้าประคอง“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ คุณดา”“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน... จ้างเสียเงินเปล่า...แทนที่จะช่วยกันขัดขวาง ไม่ให้มันจับคุณพันไป ยืนเซ่ออยู่ได้... เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”
“น้อยทำงานแลกเงินนะคะ อย่ามากดขี่ข่มเหงนะจ๊ะบอกให้ เดี๋ยวไปฟ้องศาลแรงงานนะคะ”
วนิดาโมโหจึงเขวี้ยงรองเท้าใส่ น้อยวิ่งหลบไป วนิดามองตามรถของพิพัฒน์ด้วยความเป็นห่วงพันทิญา “พัน... แม่จะช่วยลูกยังไงดี... แก ... นังศุภลักษณ์ เพราะแกคนเดียว ฉันกับลูกถึงได้ลำบากอยู่อย่างงี้”
แพรไหมเดินออกมาหน้าร้านด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เธอมองไปรอบๆ แล้วคิดในใจว่าภูผาน่าจะมาด้วยแต่เมื่อไม่เห็นก็เลยตัดใจ เธอเดินตรงไปที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ภูผาจอดรถซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง เขามองตามท้ายรถของแพรไหมไป
แพรไหมขับรถตรงไปตามทาง สักพักก็มีคนเดินตัดหน้า เธอตกใจสุดขีดเมื่อพบว่ารถเบรคไม่อยู่ แพรไหมพยายามจะหยุดรถแต่ก็หยุดไม่ได้ รถแล่นไปอย่างรวดเร็ว ภูผาขับรถตามหลังไป รถผ่านไปถึงสี่แยกไฟแดง แต่แพรไหมก็ยังเบรคไม่อยู่ รถแล่นฝ่าไฟแดงไป โดยฝั่งที่เปิดไฟเขียวมีรถคันอื่นแล่นมาและเกือบจะชนเข้าอย่างจัง ภูผาขับรถไปประกบข้างๆ แล้วเปิดหน้าต่าง เขาพยายามตะโกนบอก
“หยุดรถสิ”“ฉันหยุดไม่ได้ ... ทำยังไงดี” แพรไหมลนลาน “เปิดกระจกก่อนสิ .... เปิดกระจก....” ภูผาทำสัญญาณมือให้แพรไหมลดกระจกลง
แพรไหมส่ายหน้าบอกว่าไม่เข้าใจ ภูผาขับรถตามไปใกล้ๆ พอได้จังหวะ และเห็นว่าข้างทางเป็นเนินดิน เขาจึงขับรถปาดหน้า แพรไหมหักหลบด้วยสัญชาติญาณ รถของแพรไหมพุ่งเข้าไปชนกับเนินดินแล้วหยุดนิ่ง แพรไหมนั่งตัวสั่นอยู่ในรถ ภูผาลงจากรถก่อนจะตรงเข้าไปเปิดประตูและดึงตัวแพรไหมออกมาจากรถ แพรไหมตกใจโผเข้ากอดภูผาแน่น ภูผายืนนิ่งแล้วยกมือขึ้นทำท่าจะกอด แต่แล้วก็ได้สติจึงดันแพรไหมออกไป“กลัวอะไรนักหนา ... ตอนหลอกล่อผู้ชาย ... ช่ำชองเหลือเกินนี่ อ้อ .... ลืมไป .... ผู้ชายกับรถ ไม่เหมือนกัน” ภูผาแขวะ
“ถ้าคุณมาช่วย เพื่อหาโอกาสทำร้ายจิตใจฉัน...ปล่อยให้ฉันขับรถชนตายไปเลยดีกว่า” “จะรีบตายไปไหน...เรายังต้องเป็นมารผจญกันไปอีกนาน”
แพรไหมพูดจาถือดีด้วยความน้อยใจ “คุณทำร้ายฉันได้อีกไม่นานหรอก... พอฉันแต่งงานกับเขาฉันก็จะไปจากที่นี่...ไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก”
ภูผากระชากแขนแพรไหมเข้ามาจ้องหน้า“ใช่สิ....เขาทั้งรวย ทั้งโก้ ... คุณถึงได้เขี่ยผู้ชายหน้าโง่ที่หลงรักคุณหัวปักหัวปำ ทิ้งไปเหมือนรองเท้าเก่าๆ ... แต่อย่าหวังเลยว่าผมจะปล่อยคุณไปแต่งงานกับเขาง่ายๆ”
แพรไหมมองอย่างคาดไม่ถึง “ก็ไหนคุณว่า จะเลิกเกี่ยวข้องกับฉันแล้วไง” “ผมเปลี่ยนใจ ตั้งแต่วันที่เจ้าแสงฉายส่งคนไปทำร้ายแม่ผม มันไม่ยุติธรรม ที่คุณกับเขาจะมีความสุขบนความสูญเสีย และความเจ็บปวดของคนอื่น”
แพรไหมผลักภูผาออกไปอย่างแรงแล้วขึ้นรถไป ภูผาตรงเข้าไปกระชากแขนแพรไหมออกมา
“อยากตายหรือไง... รถเบรคไม่อยู่ เดี๋ยวก็ขับไปชนชาวบ้านเขาหรอก ที่พูดไม่ได้ห่วงคุณหรอกนะ ผมกลัวว่าคนอื่นจะเดือดร้อนเพราะคุณ”
ภูผาเดินไปตรวจสอบระบบเบรคก่อนจะลงมาบอกกับแพรไหม“มีคนตัดสายเบรครถคุณ” ภูผาบอกแพรไหมอึ้ง “ไม่จริง..... รถฉันเพิ่งจะเอาไปเช็คเมื่อไม่กี่วันนี่เอง” “แล้วเบรคมันจะมีปัญหาได้ไง... ถ้าไม่มีใครไปยุ่งกับมัน ดีนะ ที่ไม่ขับไปชนคันอื่นเข้า...ไม่งั้น ได้กลายเป็นข่าวแน่”
ภาพห้องถูกกรีด เสื้อผ้าถูกฉีกจนย่อยยับ กระดาษข่มขู่ผุดขึ้นมาในหัวของแพรไหม เธอตกใจจนหน้าซีด“ฉันจะทำยังไงดี... ฉันกลัว”“ทิ้งรถไว้ตรงนี้ก่อน ... เดี๋ยวผมให้ช่างมาดูให้” ภูผาบอก“แต่”
“หรือจะรออยู่ที่นี่…. ก็ตามใจ ... ถ้ามีคนจงใจทำร้ายคุณ มันคงได้โอกาสจัดการกับคุณ... ยังไงก็ช่วยตัวเองไปล่ะกัน”
ภูผาเดินไปขึ้นรถแล้วสตาร์ททำท่าจะขับออกไป เขายิ้มเยาะ แพรไหมลังเลอยู่ครู่ ก่อนจะตัดสินใจร้องเรียก
“รอฉันด้วย”
ภูผามองอย่างอ่อนใจ
ภูผาขับรถไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะที่จริงเขาก็อดเป็นห่วงแพรไหมไม่ได้แต่อีกใจก็รู้สึกหมั่นไส้ แพรไหมยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่มุม ข้างประตูรถ สีหน้าเคร่งเครียด“ฉันอยากกลับบ้าน” แพรไหมบอก“ไม่กลับ ....ให้เจ้ารู้ไปเลยยิ่งดี ... ว่าคุณเป็นนางบำเรอคนอื่นไปแล้ว ถ้าเขายังคิดจะแต่งงานกับคุณ ก็เรื่องของเขา”
“คุณทำกับฉันอย่างงี้ไม่ได้นะ ... ฉันเป็นคน ... มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ฉันอยากจะอยู่กับคนที่รักฉัน ... ไม่ใช่คนที่เกลียดฉัน”
“คนอย่างคุณ ไม่สมควรได้รับความรักจากใครหรอก” ภูผาหักรถตรงไปอีกทาง แพรไหมนั่งร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ
พันทิญานั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงในโรงแรม พิพัฒน์เดินเข้ามาทำท่าจะกอด พันทิญาเบี่ยงตัวหลบก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเลี่ยงไป
“คุณได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว.... น่าจะทำลายรูปอุบาทก์นั่นไปซะ” พันทิญาบอก พิพัฒน์หยิบกล้องถ่ายรูปออกมาเปิดดูอย่างสมใจ “ทำลายให้โง่เหรอครับคุณพัน… ถ้าขืนผมทำลายไปซะ ผมก็อดที่จะได้ชื่นชมกับความสวยของคุณสิ” “ไอ้บ้า...ฉันไม่ได้รักแก......ฉันรักเจ้าแสงฉาย” พันทิญาโพล่งออกมา“แล้วคุณก็มาหลอกผม...เหมือนที่หลอกผู้ชายคนนั้น ... ให้เป็นบ้าเพราะรักคุณ”“ใช่ ฉันหลอกมัน ช่วยไม่ได้ ก็มันอยากโง่เอง ....เข้าใจ แล้วก็เลิกยุ่งกับฉันซะ ที่ผ่านมา ฉันจะถือว่า เป็นคราวซวยของฉัน ที่มองคนผิดไป”
“ไม่มีทาง...ยังไงเราก็ต้องเป็นผัวเมียกันต่อไป จนกว่าผมจะเบื่อ” พันทิญาตัดสินใจพุ่งเข้าไปแย่งโทรศัพท์มือถือ ทั้งสองยื้อกันไปยื้อกันมา พิพัฒน์โมโหผลักพันทิญาจนล้มลงไป พันทิญาล้มลงไปกระแทกกับขอบเตียงจนเลือดไหลออกมา พิพัฒน์มองอย่างตกใจ “คุณพัน”
พิพัฒน์เข้าไปประคองพันทิญาด้วยความเป็นห่วง พันทิญาถ่มน้ำลายใส่หน้าพิพัฒน์ทันที “ปล่อย...ไอ้สารเลว...จำใส่หัวแกไว้ด้วย คนอย่างฉัน ไม่ยอมให้แกทำร้ายฟรีๆหรอก จำไว้ ... ถ้าแกไม่เลิกยุ่งกับฉัน ได้เห็นดีกันแน่”
พันทิญาเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูดังปัง พิพัฒน์มองตามด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง
ภูผากับแพรไหมต่างนั่งมาด้วยกันในรถที่แล่นไปเรื่อยๆ ทั้งสองมองออกไปเบื้องหน้าก็เห็นทะเลสวยๆ แต่ในใจของทั้งคู่ต่างก็รู้สึกเจ็บปวด
“ผมน่าจะพาคุณเข้าไปในโรงแรม...ย่ำยีคุณเหมือนผู้หญิงไร้ค่า แต่ผมก็ทำไม่ลง” ภูผาเอ่ยขึ้น “คุณภูผา ... เราเคยเป็นเพื่อนกัน จำได้ไหมคะ...วันลอยกระทงที่เชียงใหม่ คุณช่วยฉันจากคนของเจ้าแสงฉาย....คืนนั้น เราอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน มีแต่ความจริงใจให้กัน”“ที่ผ่านมา มันเป็นแค่ละครของผู้หญิงหลอกลวง ที่อยากให้ผมเห็นว่าคุณเป็นผู้หญิงใสซื่อ บริสุทธิ์ แต่ความจริง มันไม่ใช่อย่างงั้น.. เนื้อแท้ของคุณผมขยะแขยง....รังเกียจจนไม่อยากถูกเนื้อต้องตัว” แพรไหมน้ำตาคลอ “ถ้าฉันไม่ได้ฆ่าพี่ชายของคุณ คุณจะรู้สึกยังไงกับฉัน”
ภูผายิ้มเยาะ “อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
“ฉันขอยืนยัน ขอสาบาน....ฉันไม่ผิด ...ฉันบริสุทธิ์ใจต่อพี่ชายของคุณ วันนี้...พรุ่งนี้ หรืออีกนานแค่ไหน...ฉันก็ขอยืนยัน ฉันไม่เคยคิดจะหลอกลวงพี่ชายของคุณเลย”“จนป่านนี้ คุณยังไม่เลิกโกหกอีกเหรอ...คุณนี่มันร้ายกาจกว่าที่ผมคิดไว้จริงๆ ผมขอบอกไว้เลยนะ ไม่ว่าคุณจะแก้ตัวกี่ล้านครั้ง ผมก็ไม่ยอมจบเรื่องนี้ไปง่ายๆหรอก”
ภูผาเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปก่อนจะปิดประตูอย่างแรง แพรไหมร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ เพราะไม่รู้ว่าจะบอกภูผายังไงดี....
แสงมณีเดินเลือกซื้อข้าวของอยู่ในซูเปอร์มาเก็ต โดยมีดวงใจช่วยเลือก ส่วนพิพิธลากรถเข็นเดิน ทวีปเดินตามมาห่างๆ พอประมาณ เขามองพิพิธที่กุลีกุจอ ช่วยแสงมณีด้วยความหมั่นไส้“เฮ้อ...เป็นเจ้าของร้านเพชรดีๆ ไม่ชอบนะคนเรา... อยากมาเป็น...”“เป็นอะไร...พูดให้ดีๆนะ...คุณตำรวจไส้แห้งต้องมารับจ๊อบเป็นยาม” พิพิธสวน“ก็แล้วแต่จะคิด ...ที่พูด ผมก็แค่สงสาร....เห็นคุณเดินตามผู้หญิงต้อยๆ....ว่างนักหรือไง”“บ้านรวย ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด...มีหน้าที่เดินตามเจ้านาย ก็เดินไป...ไม่ต้องพูดเดี๋ยวอนาคตจะไม่รุ่ง...จริงไหมครับเจ้า”
“นั่นสิคะ...ฉันบอกคุณภูผาไปแล้วตั้งหลายครั้งว่าไม่ต้องส่งเขามา...ยังส่งมาอยู่ได้”
แสงมณีแสร้งพูดจาอ่อนหวานกับพิพิธ แล้วทั้งหมดก็เดินผ่านร้านดอกไม้ ดวงใจเดินเข้าไปดู พลางชี้ชวนให้แสงมณีดูด้วย
“สวยเหลือเกินค่ะ คุณหญิง...”
แสงมณีเดินเลี่ยงไปซื้อของต่อ พิพิธหยุดแล้วเดินเข้าไปในร้านดอกไม้ แสงมณีเดินเลี่ยงไปดูซุ้มผลไม้ แล้วเลือกหยิบใส่รถเข็ญ ทวีปอดเย้าไม่ได้
“นี่คุณกะจะเอาไปเก็บไว้เป็นปีเลยเหรอครับ ... อยู่ที่นี่ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายทางการเมือง จนชาวบ้าน ต้องกักตุนอาหารเหมือนบ้านคุณ”
แสงมณีหันขวับมามองอย่างไม่พอใจ“คุณทวีป....ถึงฉันจะลี้ภัยทางการเมืองมาอาศัยในประเทศของคุณ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ดูถูกฉัน... เพราะฉันเข้ามาอย่างถูกกหมาย...ไม่ได้หลบหนีเข้าเมือง”
แสงมณีไม่พอใจเดินเลี่ยงไป ดวงใจสะบัดหน้าเดินตาม ทวีปเกาหัวแกรกๆ “พูดอะไรผิดวะ” พิพิธเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้ เขามองไปรอบๆ อย่างเลิ่กลั่ก ทวีปแอบดึงดอกไม้มาจากพิพิธ“ซื้อมาให้ผมเหรอ...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณพิพิธแอบปลื้มผมอยู่ ... ขอบคุณนะครับ”
ทวีปดึงช่อดอกไม้ไปถือไว้ พิพิธมองทวีปอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
จบตอนที่ 9
ติดตามอ่านภูผาแพรไหม ตอนที่ 10 เวลา 17.00 น.