ภูผาแพรไหม ตอนที่ 7
ศุภลักษณ์นั่งอ่านนิตยสารสตรีอยู่ในบ้าน สักพักแพรไหมก็เดินเข้ามา
“คุณแม่คะ... แพรคงแต่งงานกับเจ้าแสงฉายไม่ได้...แพรไม่ได้รักเจ้าแต่งงานกันไปก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะคุณแม่”
“แม่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ...ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องแต่ง แม่ตกลงกับเจ้าไปแล้ว แล้วงานแต่งงานก็เตรียมไว้หมดแล้ว...แกแค่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวก็พอ” ศุภลักษณ์ยืนกราน
แพรไหมตัดพ้อ “คุณแม่”
ทันใดนั้น น้อยก็เดินเข้ามา
“คุณผู้หญิงขา...มีคนมาหาคุณผู้หญิงค่ะ...คนนึงดูเหมือนจะเคยมาแล้ว น้อยจำได้ อีกคนไม่คุ้นเลยค่ะ....แต่ที่แน่ๆหล่อทั้งคู่เลยนะคะ”
ศุภลักษณ์แปลกใจก่อนจะเดินออกไปที่หน้าบ้าน แพรไหมเดินไปยืนมองที่หน้าต่างแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นภูผาและทวีปยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน พันทิญากับวนิดาเดินเข้ามาหาแพรไหม
“ใครมาเหรอจ๊ะแพร” พันทิญาถาม
“คุณภูผาค่ะ พี่พัน” แพรไหมตอบ
พันทิญากับวนิดาหันไปมองหน้ากันด้วยท่าทีร้อนใจ
ศุภลักษณ์เดินออกมาหน้าบ้าน ภูผากับทวีปยืนอยู่ที่หน้ารั้ว
“มีหลักฐานที่จะทำให้ฉันเชื่อว่ายัยแพรเคยคบกับพี่ชายคุณแล้วเหรอ..ถึงมาหาฉัน” ศุภลักษณ์ถาม
แพรไหมกับพันทิญาวิ่งออกมาจากบ้านอย่างร้อนใจ ก่อนที่วนิดาจะเดินมาสมทบ
“ครับ..” ภูผาชูแผ่นซีดี “นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านอาหาร..ดูแล้วคุณจะรู้ว่า” ภูผามองแพรไหมอย่างแค้นใจ “ลูกสาวคุณโกหกเก่งแค่ไหน”
แพรไหม พันทิญา และวนิดามองหน้ากันอย่างตกใจที่เห็นภูผามีภาพจากกล้องวงจรปิด
“คุณแม่อย่าไปเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยค่ะ” พันทิญารีบบอก
“เรื่องพี่ชายผม อาจจะเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องสำหรับคุณ...แต่สำหรับผม ไม่ใช่...พี่ชายผมจะต้องไม่เจ็บฟรี” ภูผาย้ำ
ภูผาหันไปมองหน้าแพรไหมด้วยความเจ็บใจ แพรไหมเห็นสายตาของเขาก็ยิ่งร้อนใจ
“ถ้าคุณมั่นใจในหลักฐานที่มีอยู่ก็เชิญ” ศุภลักษณ์บอก
ภูผาหันไปจ้องหน้าแพรไหม พันทิญาหันไปมองหน้าวนิดาอย่างร้อนใจ
เวลาผ่านไป โน๊ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องรับแขกถูกเปิดขึ้น พันทิญากับวนิดาลอบมองหน้ากันอย่างร้อนใจ แพรไหมนั่งหน้าเครียด ส่วนภูผามองแพรไหมด้วยความโมโห แต่แพรไหมลอบมองภูผาอย่างกลัวๆ พันทิญากับวนิดามองหน้ากันอย่างร้อนใจ ทุกคนรอภาพในจอด้วยความลุ้นระทึก
สักพักในจอปรากฏภาพภายในร้านอาหารเห็นคนเดินเข้าออกในร้านแต่ยังไม่เห็นชัยเดินเข้ามา ภูผากับทวีปมองหน้ากันอย่างดีใจ พันทิญากับวนิดามองหน้ากันอย่างร้อนใจ แพรไหมดูจอโน๊ตบุ๊คด้วยสีหน้าเครียด ศุภลักษณ์ดูจอโน๊ตบุ๊คอย่างใจจดใจจ่อ แต่จู่ๆภาพที่ปรากฏในโน๊ตบุ๊คก็หายไปและกลายเป็นจอดำ
ทวีปตกใจ “เฮ้ย”
“ไหนล่ะภาพยัยแพร” ศุภลักษณ์ถามทันที
“ผมขอเปิดใหม่อีกทีนะครับ” ภูผาบอก
ภูผาปิดโน๊ตบุ๊คแล้วเปิดใหม่ เห็นภาพที่หน้าจอมีคนเดินเข้าออกแล้วก็ดับไปอีก
“สงสัยแผ่นเสีย..แต่ไม่เป็นไรเซิร์ฟเว่อร์กล้องของร้านอาหารยังอยู่ที่โรงพัก ผมจะให้ลูกน้องก้อปปี้มาให้ใหม่” ทวีปบอก
ทวีปหยิบมือถือขึ้นมากด พันทิญากับวนิดามองหน้ากันอย่างร้อนใจ
ทวีปพูดโทรศัพท์ “จ่า..ซีดีเปิดไม่ได้ให้แผนกไอทีก้อปปี้มาใหม่เอาหลายๆแผ่นเลยนะ” ทวีปหยุดฟังแล้วก็ตกใจ “อะไรนะ”
ทวีปหน้าเจื่อนแล้วค่อยๆ วางโทรศัพท์
ทวีปพูดกับภูผา “ลูกน้องฉันบอกว่าไฟล์ภาพนี้โดนไวรัสเปิดได้เท่าที่เห็น”
ภูผาหน้าเครียด
พันทิญา วนิดา และแพรไหมถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พวกคุณไม่ได้มีภาพจากร้านอาหารแต่แกล้งเอาซีดีนี่มาหลอกพวกฉัน” พันทิญาว่า
ภูผากับทวีปหน้าเจื่อนและพูดอะไรไม่ออก
“นี่พวกคุณกำลังเล่นเกมอะไรกัน...ฉันจะแจ้งความจับพวกคุณข้อหาข่มขู่ครอบครัวฉัน” ศุภลักษณ์ไม่พอใจ
“เอาเลยค่ะพี่ศุ..ให้ตำรวจมาจับเข้าคุกให้หมดต่อไปจะได้ไม่กล้ารังแกครอบครัวเราอีก” วนิดาเสริม
ศุภลักษณ์หยิบโทรศัพท์จะโทรหาตำรวจ
“ผมไม่ได้จะรังแกครอบครัวคุณ..ลูกกับน้องคุณไปที่ร้านอาหารจริงๆ” ภูผาย้ำ
“ถ้าพวกฉันไปจริงก็เอาหลักฐานมาอย่าดีแต่กล่าวหาพวกฉัน” พันทิญาว่า
ทันใดนั้นเสียงพิพิธก็ดังขึ้น “คุณภูผาไม่ได้กล่าวหาพวกคุณ”
ทุกคนหันไปมองก็เห็นพิพิธยืนอยู่
พันทิญาตกใจ “คุณพิพิธ”
ภูผากับทวีปเห็นพิพิธก็ยิ้มอย่างดีใจ
ศุภลักษณ์ แพรไหม ภูผา และทวีปนั่งอยู่ ส่วนพันทิญากับวนิดายืนมองพิพิธอย่างร้อนใจ
พิพิธยกมือไหว้ศุภลักษณ์ “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ..อธิบายที่คุณพูดว่าคุณภูผาไม่ได้กล่าวหาคนในครอบครัวฉันมาดีกว่า” ศุภลักษณ์บอก
“เมื่อคืนผมอยู่ในร้านนั้นด้วย..ผมเห็นด้วยตาตัวเองเลยครับว่าคุณพัน คุณแพร คุณน้าไปที่ร้านนั้น” พิพิธหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดรูปชัยกับพันทิญาให้ศุภลักษณ์ดู “นี่ครับหลักฐาน”
พิพิธยื่นโทรศัพท์ให้ศุภลักษณ์ พันทิญากับวนิดารีบเข้ามาดู
ศุภลักษณ์ดูรูปแล้วพูดกับพิพิธอย่างเสียหน้า “สรุปว่าคนที่โกหกคือคนของฉัน”
พันทิญา วนิดา และแพรไหมหน้าเจื่อน
“เห็นหลักฐานคาตาแบบนี้คงเชื่อผมแล้วนะครับว่า” ภูผามองแพรไหมอย่างแค้นใจ “คุณแพรไหมเคยเป็นแฟนกับพี่ชายผม”
“พวกคุณกลับไปก่อน..ฉันจะจัดการคนโกหกให้แล้วจะให้เค้าทำตามข้อเรียกร้องของคุณ” ศุภลักษณ์บอก
ภูผากับทวีปยิ้มดีใจ พิพิธถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะไม่รู้สึกผิดกับภูผาอีกแล้ว แพรไหมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ศุภลักษณ์รู้เรื่องนี้เสียที ส่วนพันทิญากับวนิดามองศุภลักษณ์อย่างกลัวๆ ศุภลักษณ์หันมามองพันทิญา พันทิญาหลบตาด้วยความหวาดกลัว
ภูผา ทวีป และพิพิธเดินออกมาจากบ้านแพรไหม
“ถ้าคุณไม่มาช่วยยืนยันแล้วก็เอารูปคุณพันกับพี่ชัยให้คุณศุภลักษณ์ดูเค้าคงเอาผมเข้าคุกไปแล้ว...ขอบคุณมากนะครับคุณพิพิธที่มา” ภูผาพูดกับพิพิธ
พิพิธยิ้มภูมิใจแล้วพยักหน้า
“ไหนบอกว่าติดธุระมาไม่ได้แล้วไง..ทำไมถึงมาได้” ทวีปถาม
“ผมทำธุระเสร็จเร็วน่ะ” พิพิธบอก
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาช่วยผม..ขอบคุณจริงๆ” ภูผาย้ำ
“รู้แล้วว่าถูกคนในบ้านรวมหัวกันโกหก..อยากรู้จริงๆว่าคุณศุภลักษณ์จะจัดการยังไง” ทวีปสงสัย
พันทิญา วนิดา และแพรไหมยืนก้มหน้าอยู่ ส่วนศุภลักษณ์ยืนมองทั้งสามอย่างโกรธจัด
“..วันหลังถ้าทำให้ฉันเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่นอีกละก็ฉันจะไล่พวกเธอออกจากบ้าน..ดูซิไม่มีฉันสักคนพวกเธอจะอยู่กันยังไง”
พันทิญา วนิดา และแพรไหมหน้าเจื่อน
พันทิญารีบบีบน้ำตา “พันขอโทษค่ะคุณแม่..พันผิดเองที่ใจอ่อนสงสารยัยแพรจนยอมช่วยยัยแพรโกหกคุณแม่”
แพรไหมลอบมองพันทิญาด้วยความน้อยใจ
ศุภลักษณ์พูดกับแพรไหม “เจ้าแสงฉายรักแพรจนโงหัวไม่ขึ้น แต่แพรกลับไปเป็นแฟนกับเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์กระจอกๆทำไมถึงใฝ่ต่ำอย่างนี้”
แพรไหมก้มหน้านิ่งไม่กล้าตอบอะไร
“พรุ่งนี้เช้าแพรต้องไปกับแม่ .. แม่จะพาแพรไปกราบเท้าขอโทษคุณชัยด้วยตัวแม่เอง” ศุภลักษณ์สั่ง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แพรไปกับพี่พันกับคุณน้าก็ได้” แพรไหมบอก
“จริงด้วยค่ะคุณแม่” พันทิญารีบตอบรับ “เรื่องแค่นี้ คุณแม่ไม่ต้องยุ่งยากหรอกค่ะ เดี๋ยวพันจะพาน้องไปเอง... รับรองทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย...นะคะ”
“ก็ได้...ถ้าน้องชายเขามาอาละวาดที่บ้านอีกล่ะก็...แม่จะเป็นคนพาไปเอง”
แพรไหม พันทิญา และวนิดามองหน้ากันอย่างโล่งใจ
พันทิญาเดินเข้ามาในห้องของเธอด้วยท่าทีโมโห วนิดาเดินตามเข้ามาแล้วปิดประตู พันทิญากวาดของหน้ากระจกลงพื้นอย่างโกรธจัด วนิดามองอย่างตกใจแล้วรีบเข้ามาห้าม
“อย่าพัน..เดี๋ยวพี่ศุได้ยินจะเป็นเรื่องอีก”
“ก็พันโกรธนี่คะ”
“คิดว่าน้าไม่โกรธรึไงที่พี่ศุทำขนาดนี้..แต่เราต้องอดทนระงับความโกรธให้ได้รอเวลาของเราแล้วเราค่อยแก้แค้นให้สาสม” วนิดาบอก
พันทิญามองวนิดาอย่างงงๆ
“แก้แค้น..คุณน้าจะแก้แค้นอะไรคุณแม่คะ”
วนิดาคิดได้จึงรีบกลบเกลื่อน “ปละ เปล่าจ้ะน้าไม่ได้หมายถึงพี่ศุน้าหมายถึงนายภูผาน่ะ”
“มีโอกาสเมื่อไหร่จะยุให้เจ้าแกล้งให้บริษัทมันล่มจมไปเลย” พันทิญาว่า
“..ถ้าพรุ่งนี้พี่ศุพายัยแพรไปเจอนายชัยได้ละก็พันต้องโดนพี่ศุไล่ออกจากบ้านแน่”
“แต่คนที่พันแค้นที่สุดในเรื่องนี้ไม่ใช่ไอ้ภูผาหรอกนะคะ แต่เป็นไอ้พิพิธ มันส่งรูปพันกับคุณชัย ให้คุณพัฒน์โกรธพันยังไม่พอ...มันยังมาเป็นพยานให้ไอ้ภูผา จนพวกเราโดนคุณแม่ดุ” พันทิญาบอก
“ถ้าปล่อยให้นายพิพิธยุ่งเรื่องพันไปเรื่อยๆสักวันพันคงต้องโดนคุณพัฒน์ทิ้ง พันเสียหน้าแย่เลย”
พันทิญาคิดสักพักแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพิพัฒน์
พันทิญาแกล้งร้องไห้ “คุณพัฒน์คะ...ช่วยพันด้วยค่ะ”
พิพัฒน์ยืนโทรศัพท์อย่างร้อนใจ
“เรื่องอะไรเหรอครับ” พิพัฒน์ถาม
“น้องชายของคุณน่ะสิคะ ไม่รู้ว่า เขารังเกียจอะไรพันนักหนา ถึงได้จ้องหาเรื่องให้พันเดือดร้อน...ทั้งที่พันจริงใจกับคุณพัฒน์ทุกอย่าง”
“มันทำอะไรคุณพันเหรอครับ”
พันทิญายิ้มอย่างสมใจเพราะได้โอกาสเล่าให้พิพัฒน์ฟังแล้ว
พิพัฒน์รอพิพิธอยู่ในบ้านด้วยท่าทางโมโห พอพิพิธเดินเข้ามาในบ้าน พิพัฒน์ก็รีบเดินเข้าไปหา
“แกไปช่วยคุณภูผาทำไม” พิพัฒน์ถาม
“เพราะผมเข้าใจความรักที่น้องชายมีให้พี่ชายและที่สำคัญผมทำเพื่อความถูกต้อง” พิพิธบอก
“ช่วยคนบ้าแล้วทำให้ครอบครัวคุณพันเดือดร้อนเนี่ยนะ”
“ผมแค่ไปยืนยันว่าเห็นพวกเค้าที่ร้านอาหาร”
“แค่นั้นมันก็มากพอที่จะทำให้คุณศุโกรธแล้ว”
พิพิธนิ่งไม่พูดอะไร
“เฮียขอสั่งเลยนะว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามแกยุ่งเรื่องของคุณพันอีก”
พิพิธมองพิพัฒน์ด้วยความตกใจ ส่วนพิพัฒน์มองพิพิธอย่างโมโห
ทวีปที่อยู่ในชุดนอนนั่งอยู่หน้าบ้านอย่างสบายอารมณ์พร้อมกับคิดถึงเหตุการณ์ในวันนี้...
ทวีปไม่สนใจยังคงเก็บสีต่อไป แสงมณีเข้าไปแย่ง ทวีปเอามือหลบ แสงมณีแย่งอีก ทวีปเอาหลบได้อีก แสงมณีมองทวีปอย่างโมโหและพยายามแย่งสีจากทวีปให้ได้ แต่ทวีปถอยหนี แสงมณีเดินตามพร้อมกับพยายามคว้าสี ทวีปไม่ยอมง่าย ๆ จึงสลับหลอกหลบซ้ายหลบขวา แสงมณียังพยายามแย่ง สุดท้ายจับมือทวีปได้ ทวีปจะดึงมือหลบกลายเป็นว่ากระชากแสงมณีเข้ามาจนปากแสงมณีชนกับปากทวีปอย่างจัง ทวีปกับแสงมณีอึ้งไปเพราะรู้สึกเหมือนถูกไฟช้อต แสงมณีได้สติรีบเอาหน้าออกมา แล้วต่างคนก็ต่างเขินเพราะทำตัวไม่ถูก...
ทวีปยิ้มอย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ตัวว่าเขาเริ่มมีใจให้แสงมณีแล้ว
ภูผายืนอยู่ที่หน้าห้องไอซียู เขามองชัยที่นอนหลับอยู่บนเตียงแล้วพูดออกมา
“พี่ชัยครับ..พรุ่งนี้คุณแพรจะมาดูแลพี่แล้วก็จะมากราบเท้าขอโทษพี่แล้วนะครับ หวังว่าพี่คงมีความสุขขึ้นและตัดใจจากเค้าได้ซะทีนะครับ”
ภูผามองชัยด้วยสายตาอ่อนโยน
รถที่แพรไหมขับแล่นมาจอดที่หน้าโรงพยาบาล แพรไหมก้าวลงมาจากรถ พันทิญาที่นั่งด้านหน้ากับวนิดาที่นั่งด้านหลังก้าวลงตามมา
“ไอ้บ้านั่น ไม่น่าก่อเรื่องขึ้นเลย” พันทิญาบ่น
“แต่พี่พันก็มีส่วนผิดนะคะ...ที่ไปหลอกเขา” แพรไหมบอก
พันทิญาโมโห “หลอกอะไร...มันอยากโง่มารักพี่เอง...ช่วยไม่ได้”
“พี่พันก็ควรจะไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง...ถ้าเขาเห็นหน้าพี่พัน อาการเขาอาจจะดีขึ้น.. ให้เขาพ้นขีดอันตรายก่อนแล้วค่อยคิดว่าทำยังไง...นะคะ..อย่างน้อยก็เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
“ไม่....พี่ไม่ยุ่งด้วย...ที่มาเป็นเพื่อนเธอ...ก็เพราะเห็นแก่คุณแม่...แพรเข้าไปพูดกับเขาน่ะดีแล้ว.....แล้วเธอก็อย่าเผลอไปบอกเขาล่ะ ว่าพี่ใช้ชื่อเธอไปหลอกเขา ... เดี๋ยวเรื่องมันจะไปกันใหญ่”
“ถ้าพี่พันไม่ไปขอโทษเขา แพรอาจจะบอกความจริงกับเขาก็ได้” แพรไหมบอก
“อย่ามาขู่พี่นะ .... ยายแพร” พันทิญาไม่พอใจ
“แพรไม่ได้ขู่...แต่เรื่องนี้ พี่พันต้องรับผิดชอบ...ไม่ใช่แพร”
พันทิญาสบตากับวนิดาอย่างหนักใจ
“....รีบไปเถอะ ตอนนี้คนไม่เยอะ... เราจะได้ขอโทษมัน...ให้จบๆไป” วนิดาบอก
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในโรงพยาบาล คมที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซต์ซึ่งจอดหลบอยู่รีบกดโทรศัพท์ไปหาธนาทันที “คุณแพรไหม มาที่โรงพยาบาลครับหัวหน้า”
ภายในห้องไอซียู ชัยยังคงนอนหลับอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เขาเห็นแพรไหมยืนอยู่ ชัยมองอย่างแปลกใจ
“คุณชัย...” แพรไหมเรียก
“คุณเป็นใคร” ชัยงง
“ฉันเป็นน้องสาวของ...”
พันทิญารีบพูด “น้องสาวแพรเองค่ะ”
ชัยหันไปเห็นพันทิญาก้าวเข้ามาก็ดีใจมาก
“คุณแพร.....”
“ฟื้นแล้วเหรอคะคุณชัย” พันทิญาพูดต่อ “แพรดีใจจริงๆที่คุณปลอดภัย...ต่อไปอย่าทำอย่างงี้อีกนะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป...แพรคงเสียใจมาก”
ชัยจับมือพันทิญาแล้วยิ้มอย่างมีความสุข “คุณกลับมาหาผมแล้ว... ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
“ค่ะ... แพรกลับมาหาคุณแล้วจริงๆ มาขอโทษที่พูดอะไรไม่คิด ทำให้คุณต้องเสียใจ”
“อย่าทิ้งผมไปอีกนะ... ผมขาดคุณไม่ได้...”
“ค่ะ...แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองอีก”
ชัยจับมือพันทิญาแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่า ผมรักคุณมาก...ชีวิตผมก็ให้คุณได้” ชัยบอก
แพรไหมเห็นว่าอาการของชัยเริ่มดีขึ้นจึงค่อยๆ เดินออกไปเพื่อปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันสองต่อสอง
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยค่ะ... แพรไม่อยากได้ชีวิตของใคร...รีบรักษาตัวเองให้หายเถอะค่ะ” พันทิญาบอก
“ถ้าหายแล้ว...ผมจะให้แม่ไปขอคุณแต่งงาน...เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ...แต่งงานกับผมนะครับ”
พันทิญาเริ่มรำคาญ “เอาไว้ก่อนเถอะค่ะ... รอให้คุณหายดีก่อน ค่อยคุยกันก็ได้”
“ผมไม่อยากให้คนอื่นมายุ่งกับคุณ... ผมอยากแต่งงานกับคุณ...อยากจะปกป้องดูแลคุณ เท่าที่ผู้ชายคนนึง จะทำเพื่อผู้หญิงที่เขารักได้ ให้โอกาสผมเถอะนะ... ผมอยากจะให้ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ รู้ว่า คุณเป็นของผม”
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว....ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด...ยังสะเออะจะมาปกป้องคนอื่น” พันทิญาต่อว่า
ชัยงง “คุณพัน...คุณเป็นอะไรไป”
“รำคาญแกน่ะแหละ ...เลิกพูดจาไร้สาระซะที...จะไม่มีงานแต่งงาน ไม่มีอะไรทั้งนั้น ที่ฉันมาเยี่ยมคุณเนี่ย...ก็ฝืนใจจะแย่แล้ว...คนอะไร งี่เง่าสิ้นดี...อยู่ดีไม่ว่าดี ก็คิดฆ่าตัวตาย ให้คนอื่นเขาเดือดร้อน...ทั้งโง่ ทั้งบ้า... น่าสมเพช...ฉันไม่น่ามาเจอคนโง่ๆ อย่างแกเลย ก็สมควรแล้วล่ะที่ถูกหลอกซ้ำซาก” พันทิญาว่าเป็นชุด
ชัยตกใจจนหัวใจเริ่มบีบรัด “.. คุณแพร...”
ชัยจับมือพันทิญาแต่พันทญาพยายามสะบัดมือออก
“อย่ามายุ่งกับฉัน...ฉันไม่ใช่ยายแพรของแก...ฉันชื่อพันทิญา...ยายแพร มันอยู่ข้างนอกโน่น รู้แล้วก็ตาสว่าง...เลิกยุ่งกับฉันซะที ... ฉันไม่ได้รักแก...ไม่เคยรักเลย... ที่ฝืนใจคบกับแกก็ทำให้ชีวิตของฉันวุ่นวายมากพอแล้ว...แล้วก็เลิกฝันลมๆแล้งๆว่าฉันจะแต่งงานด้วยคนอย่างแก...เป็นได้ก็แค่ของเล่นของฉัน”
ชัยเสียใจมากจนช็อคในขณะที่มือของเขายังจับมือพันทิญาแน่น พันทิญาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ที่หน้าห้องไอซียู วนิดาเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจที่พันทิญายังไม่ออกมาจากห้องไอซียูสักที พอเห็นแพรไหมยืนนิ่งอยู่เธอก็หันไปโวยวาย
“ทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยนะ”
“ชีวิตคนทั้งคนนะคะ น้าดา ... ถ้าเขาเป็นอะไรไป ...บาปก็จะตกอยู่กับพี่พันนะคะ” แพรไหมบอก
“แล้วถ้าเขารู้ความจริง... คิดเหรอว่า เขาจะรับได้..ดีไม่ดี...อาการจะทรุดลงไปอีก”
“ไม่มีทางค่ะ... แพรเชื่อว่า เขาจะทำใจได้ ถ้าพี่พันขอโทษเขาด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ”
แพรไหมหันไปมองที่ทางเดินหน้าลิฟต์แล้วก็ตกใจ “คุณภูผา”
วนิดามองตามไปก็เห็นภูผากำลังเดินประคองบุญศรีเข้ามาก็ตกใจ วนิดารีบเข้าไปตามพันทิญาในห้องไอซียู โดยที่แพรไหมรีบตามเข้าไปด้วย
ชัยยังคงช็อคเกร็งจับมือพันทิญาแน่น พันทิญาพยายามแกะมือชัยออก สักพักวนิดาก็วิ่งนำแพรไหมเข้ามา
“พัน....รีบไปเถอะ...น้องมันมา” วนิดาบอก
พันทิญาตกใจ “....ปล่อยนะ....ไอ้บ้านี่...น้าดาช่วยด้วย”
วนิดารีบเข้าไปช่วยแกะมือชัย ทั้งสองออกแรงแกะจนมือชัยหลุดออก ชัยสะดุ้งเฮือกใหญ่ วนิดารีบพาพันทิญาวิ่งออกไป แพรไหมเห็นอาการของชัยก็ตกใจจนยืนอึ้ง พอได้สติเธอก็รีบวิ่งมาหาชัย
“คุณชัยคะ คุณชัย อย่าเป็นอะไรนะคะ”
แพรไหมหันไปตะโกนเรียกหมอกับพยาบาลทันที
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ภูผาประคองบุญศรีเดินเลี้ยวมาทางหน้าห้องไอซียู จังหวะเดียวกับที่พันทิญากับวนิดาเปิดประตูออกมาจากห้องไอซียู พันทิญากับวนิดาเห็นภูผาก็ตกใจมาก ภูผากับบุญศรีกำลังจะหันมาเห็นพันทิญากับวนิดาแต่ปรางแก้วเข้ามาทักทั้งคู่ก่อน
“พี่ภูคะ”
ภูผากับบุญศรีหันไปก็เห็นปรางแก้วเดินมาหาอย่างร้อนใจ
“พี่ภู คุณป้าคะ เมื่อกี้พยาบาลในห้องไอซียู โทรมาบอกว่าพี่ชัยอาการแย่แล้วค่ะ”
บุญศรีตกใจ “ชัย ลูกแม่”
“แม่ ... ทำใจดีๆไว้นะครับ พี่ชัยจะต้องปลอดภัย”
ปรางแก้วรีบวิ่งนำภูผากับบุญศรีไปทันที วนิดากับพันทิญาค่อยๆ โผล่ออกมาจากมุมที่แอบอยู่แล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอก
พยาบาลหลายคนวิ่งวุ่นเข็นอุปกรณ์เข้ามาในห้องไอซียูที่ชัยอยู่ สักพักหมอก็เดินเข้ามา พยาบาลเตรียมอุปกรณ์ปั๊มหัวใจให้หมอ แพรไหมยังยืนมองเหตุการณ์อย่างตกใจ พยาบาลเดินเข้ามาบอกแพรไหม
“เชิญออกไปรอนอกห้องก่อนค่ะ”
แพรไหมรับคำ “ค่ะ”
แพรไหมได้สติก็กำลังจะเดินออกไป จังหวะเดียวกับที่ปรางแก้ว ภูผา และบุญศรีวิ่งมาถึงหน้าห้องชัย
แพรไหมตกใจเมื่อเห็นภูผา ปรางแก้วหันไปพูดกับบุญศรีและภูผา
“ไม่ต้องห่วงนะคะ... แก้วจะช่วยพี่ชัยอย่างดีที่สุด”
ภูผาพยักหน้ารับ ปรางแก้วรีบเดินเข้าไปในห้องไอ้ซียู
ภูผาและบุญศรีมองตามปรางแก้วเข้าไปในห้องด้วยความเป็นห่วง บุญศรีเข้าไปเกาะกระจกมองหมอปั๊มหัวใจให้ชัยแล้วก็ร้องไห้
“ชัย อย่าเป็นอะไรนะลูก .... อยู่กับแม่นะ”
พยาบาลมารูดม่านปิดกระจก
บุญศรียืนร้องไห้อยู่หน้าห้องไอซียู ภูผาหันมามองแพรไหมอย่างโกรธแค้นเพราะเขาเห็นว่าเธอเพิ่งเดินออกมาจากห้องชัย ภูผาคิดว่าแพรไหมทำให้ชัยอาการทรุดลง เขาตรงเข้าไปกระชากแขนแพรไหมทันที
“คุณทำอะไรพี่ชัย...ทำอะไร”
“เปล่านะคะ....ฉันไม่ได้ทำ” แพรไหมบอก
“ก็เห็นอยู่ว่าคุณเข้าไปในห้องนั้น ... คุณเข้าไปทำอะไร”
ภูผาลากแขนแพรไหมให้เดินห่างออกมาที่มุม
แพรไหมละลักละล่ำ “ฉัน....ฉัน....”
แพรไหมลำบากใจมากเพราะจะพูดความจริงก็กลัวว่าพันทิญาจะเดือดร้อน “ฉันจะพูดยังไงดีคุณ ถึงจะยอมเข้าใจ”
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น... คอยดูนะ...ถ้าพี่ชายผมเป็นอะไรมากกว่านี้ ผมจะฆ่าคุณ”
แสงฉาย ธนา คม เชี่ยวและพลยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่ห่าง แสงฉายพูดขึ้น
“ปล่อยคุณแพรไหมเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษนะครับเจ้า....นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับคุณแพรไหม” ภูผาบอก
“แต่คุณแพรไหมกำลังจะแต่งงานกับผม”
ภูผายืนจ้องหน้ากับแสงฉายด้วยท่าทีไม่ยอมเช่นกัน แพรไหมรู้สึกลำบากใจมาก ทันใดนั้นปรางแก้วก็วิ่งออกมาจากห้องไอซียูด้วยท่าทางร้อนใจ
“พี่ภูคะ....พี่ภู...เข้าไปหาพี่ชัยเถอะค่ะ...พี่ชัยแย่แล้วค่ะ”
ภูผาตกใจรีบเดินตามปรางแก้วไปอย่างรวดเร็ว แพรไหมทำท่าจะเดินตามไปแต่แสงฉายเข้ามาดึงแขนไว้
“กลับไปกับผมเดี๋ยวนี้” แสงฉายบอก
แพรไหมพูดทันที “ไม่”
แพรไหมสะบัดแขนออกก่อนจะเดินไป ธนาทำท่าจะเดินตามแต่แสงฉายโบกมือห้ามก่อนจะมองตามไปอย่างไม่พอใจ
หมอพยายามปั๊มหัวใจชัย ชัยกระตุกครั้งสุดท้าย แล้วหน้าจอมอนิเตอร์ก็มีเสียงดังยาว กราฟเป็นเส้นตรง หมอพยายามปั๊มอีก2-3ที บุญศรีกับภูผามองด้วยใจระทึก แล้วหมอก็เดินมาบอกบุญศรีกับภูผา
“หมอเสียใจด้วยนะครับ”
หมอเดินออกไปพร้อมกับพยาบาล บุญศรีปล่อยโฮแล้ววิ่งเข้าไปกอดศพชัย
“ชัย...ลูกแม่...อย่าทิ้งแม่ไป...ตื่นสิลูก ...ชัย... อย่าทิ้งแม่ไป... แม่จะอยู่กับใครล่ะลูก”
บุญศรีร้องไห้พร้อมกอดศพลูกชาย ภูผาเข้าไปกอดแม่แล้วก็ร้องไห้ ปรางแก้วที่ยืนร้องไห้อยู่รีบเข้ามาช่วยภูผาประคองบุญศรี
“คุณป้าขา ... พี่ชัยไปสบายแล้วค่ะ” ปรางแก้วบอก
บุญศรีทำท่าจะทรงตัวไม่อยู่ ปรางแก้วเข้ามาประคองไว้ ร่างชัยนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ภูผาเข้ามาจับมือชัยด้วยความเสียใจ ภูผาก้มหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจก่อนจะพยายามตัดใจ
“หลับให้สบายนะครับพี่ชัย..” ภูผาเสียใจมากจนแค้น “ผมสัญญาว่า จะเอาตัวคนที่เป็นต้นเหตุให้พี่ชัยตายมาชดใช้ให้กับครอบครัวของเราอย่างสาสม”
ภูผาตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น
อ่านต่อหน้าที่ 2
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 7 (ต่อ)
บรรยากาศงานศพของชัยถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย มีญาติสนิทมาร่วมงานไม่มากนัก ภูผา และบุญศรียืนต้อนรับแขกอยู่หน้าศาลา ญาติบางคนเดินเข้าไปจับมือและพูดจาปลอบใจบุญศรี โดยที่บุญศรี ยังคงยืนร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ภูผามีสีหน้าเครียดและได้แต่ยืนประคองแม่ สักพักแพรไหมก็เดินเข้ามาพร้อมกับพวงหรีดในมือ บุญศรีหันไปมองอย่างคาดไม่ถึงว่าแพรไหมจะกล้ามาในงานศพ ภูผาหันไปมองตามสายตาแม่จึงเห็นแพรไหม เขาเดินเข้าไปหาแพรไหมด้วยความโกรธจัด
“คุณยังกล้ามาอีกเหรอ ... ฆาตกรเลือดเย็น” ภูผาต่อว่า
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ” แพรไหมบอก
แพรไหมยื่นพวงหรีดสีขาวที่ห้อมล้อมด้วยใบไม้สีเขียวให้ภูผา ภูผารับมาถือไว้แล้วเขาก็ขว้างพวงหรีดลงกับพื้นอย่างแรง
“เก็บความเสียใจของคุณเอาไว้เถอะ ยังไง พี่ชัยก็ฟื้นขึ้นมาไม่ได้”
แขกที่มาร่วมงานหันมามองด้วยความสนใจ บางคนหันไปซุบซิบนินทากัน แพรไหมรู้ว่าตัวเองมีส่วนผิดในเรื่องนี้จึงได้แต่ใจเย็น
“ฉันแค่อยากให้คุณรับรู้เอาไว้ ฉันไม่ได้อยากให้ เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย ให้ฉันได้ไปกราบขอโทษเขาหน่อยนะคะ...ยังไงฉันก็มีส่วนทำให้เขาต้องตาย”
“คุณควรจะกราบขอโทษเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตอนนี้ กลับไปซะ ที่นี่ ไม่ต้อนรับคุณ” ภูผาไล่
แพรไหมยืนนิ่งเพราะลังเลว่าจะทำอย่างไรต่อไป บุญศรีเดินเข้ามาจับแขนลูกชาย
“ใจเย็นๆนะลูก ... หนูแพรไม่ได้ฆ่าชัยนะ” บุญศรีบอก
“ถ้าเขาไม่ใช้เสน่ห์เล่ห์กลหลอกให้พี่ชัยหลงรัก พี่ชัยก็คงไม่ทำร้ายตัวเองจนตายหรอก” ภูผาหันไปจ้องหน้าแพรไหมอย่างโกรธแค้น “ไม่ได้ฆ่า ก็เหมือนฆ่านั่นแหละ”
ภูผาเดินเลี่ยงไปอย่างหัวเสีย บุญศรีหันไปหาแพรไหมแล้วพยักหน้าให้อย่างอ่อนโยน แพรไหมยกมือไหว้บุญศรีก่อนจะเดินเข้าไปที่ตั้งศพของชัยแล้วจุดธูปบอกกล่าว
“คุณชัยคะ ... ยกโทษให้พี่พันด้วยนะคะ”
ภูผายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาหันมามองแพรไหมด้วยสายตาเจ็บช้ำ ทวีปเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อน อย่างเข้าใจความรู้สึก
แขกเหรื่อนั่งอยู่ในงานศพไม่มากนัก ปรางแก้วพร้อมกับเด็กสาว 2 คนเดินเข้ามาเสริฟเครื่องดื่มให้กับแขก ส่วนแพรไหมนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ปรางแก้วยื่นถาดเครื่องดื่มให้สาวน้อยคนหนึ่งรับไปบริการแขกต่อ แล้วปรางแก้วก็เดินเข้าไปหาแพรไหม แพรไหมหันมายิ้มให้ปรางแก้ว ปรางแก้วนั่งลงข้างๆแพรไหม “คุณปรางแก้วคงคิดเหมือนกับทุกคนว่าแพรทำให้คุณชัยตาย” แพรไหมพูด ปรางแก้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “แก้วเชื่อในเรื่องกรรมค่ะ...พี่ชัยคงทำบุญมาแค่นี้ อย่าคิดมากเลยนะคะคุณแพร”
“ขอบคุณมากนะคะ คุณปรางแก้ว...คุณทำให้แพรรู้สึกดีขึ้นจริงๆ อย่างน้อยก็ยังมีคนเข้าใจบ้าง...ดีกว่าถูกมองอย่างรังเกียจเหมือนแพรเป็นฆาตกร” แพรไหมบอก
“พี่ภูผาคงเสียใจมาก... เขามีพี่ชายคนเดียว...แล้วก็รักกันมากด้วยค่ะ”
แพรไหมหันไปมองภูผาอย่างเข้าใจ และรู้สึกผิด เพราะตัวเองมีส่วนที่ถูกนำชื่อไปใช้ ภูผายืนอยู่กับทวีป เขาหันมาสบตากับแพรไหม เธอหลบสายตาเขาอย่างรู้สึกผิด ทวีปมองภูผาด้วยความหนักใจ“ใจเย็นๆสิวะ คุณแพรคงไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเลวร้ายอย่างงั้นหรอกว่ะ” ทวีปบอก
“แกก็พูดได้สิ เพราะแกไม่ได้เสียพี่ชายอย่างฉัน...พี่ชัยถูกแม่นั่นหลอก หลอกให้รัก แล้วก็ทิ้งไป... แล้วดูเขาสิ ไม่ได้โศกเศร้าเสียใจเลยซักนิดเดียวทำเหมือนคนไม่เคยรักกันมาก่อน”“บางที พี่ชัยอาจจะรักเขาข้างเดียวก็ได้” ทวีปพูด
ภูผาหันไปมองทวีปตาขวาง “แต่ถ้าเขาไม่ให้ความหวัง พี่ชัยก็คงไม่รักเขามาก จนยอมทำร้ายตัวเอง ...เพื่อประชดเขา”
“เออ ฉันเข้าใจ... แต่แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำร้ายเขา....ในทางกฏหมาย เขาไม่ได้ฆ่าพี่ชัยนะโว๊ย”“ใช่ กฏหมายเอาผิดเขาไม่ได้ แต่พี่ชัยตายเพราะเขา เขาต้องรับผิดชอบ” ภูผาพูดอย่างโกรธแค้น ทวีปหนักใจแทนเพื่อนเพราะมองเห็นความยุ่งยากมากมายรออยู่ข้างหน้า
พันทิญาเดินไปเดินมาในห้องนั่งเล่นที่บ้านอย่างขัดใจที่แพรไหมไปงานศพชัย วนิดาเดินเข้ามายืนมองอย่างเข้าใจความรู้สึก พันทิญาหันมาเห็นก็เดินมาหาวนิดาอย่างร้อนใจ
“ยายแพรไม่น่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากเลย ดูสิ พันห้ามแล้วห้ามอีก ยังเจ๋อไปงานศพมันจนได้ บ้าจริงๆ” พันทิญาว่า
“ยังไงน้าเชื่อว่า ยายแพรไม่พูดความจริงหรอก” วนิดาบอก
“ไว้ใจได้เหรอคะ ... แล้วถ้ายายแพร เผลอพูดขึ้นมาล่ะคะ โอย พันไม่อยากถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วยเลย ซวยจริงๆ ที่ไปยุ่งกับมัน”
“พันไม่ได้ฆ่ามัน ไม่ต้องกลัว ... มันฆ่าตัวตายเอง จำไว้นะจ๊ะ มันฆ่าตัวตายเอง” วนิดาพยายามปลอบใจเพราะรู้ว่าพันทิพารู้สึกผิดอยู่ในใจ พันทิญาเริ่มสงบลงได้ วนิดาจึงดึงพันทิญาเข้ามากอดด้วยความรัก สักพักน้อยก็เดินเข้ามาเรียก “คุณพันขา ... “
พันทิญาผละจากวนิดาแล้วหยิบหมอนอิงขว้างใส่น้อยทันที
“นังบ้า เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง” พันทิญาโวยวาย
“มาใหม่ก็ได้ค่ะ” น้อยบอก น้อยเดินออกไปที่หน้าห้องแล้วส่งเสียงดังอย่างทะเล้น
“ขออนุญาตค่ะ .... คุณพันขา ผู้ชายมาหาค่ะ”
พันทิญาถามอย่างอ่อนใจ “ใคร”
“ลงไปดูเองสิคะ... คนนี้ ไม่หล่อจัด แต่ก็เร้าใจนะคะ...ท่าทางจะรวยด้วยนะคะ เหยื่อรายใหม่ของคุณพันรายนี้....อุ๊บ” น้อยทำเป็นไม่พูด
“ทะลึ่งใหญ่แล้ว นังน้อย” วนิดาหันไปหาพันทิญา “ไปแต่งตัวสวยๆ ไปรับแขกดีกว่านะจ๊ะ … อย่าเสียอารมณ์กับคนที่ตายไปแล้วเลย”
พันทิญายิ้มออกมาได้
พิพัฒน์ยืนรออยู่ในห้องรับแขก พอได้ยินเสียงคนเดินลงมาเขาก็หันไปมองแล้วยิ้มชื่นชม พันทิญาแต่งตัวสวยเนี๊ยบ พร้อมทั้งยิ้มหวานเดินเข้ามาหา
“ขอโทษนะคะ คุณพิพัฒน์ ที่ปล่อยให้รอ”
พิพัฒน์พูดด้วยความหลงใหล “แต่ก็สวย คุ้มกับการรอนะครับ”
“แต่ไม่รู้ว่าจะสวยพอ สำหรับคุณพัฒน์หรือเปล่าน่ะสิคะ” พันทิญาว่า “ผู้ชายสมัยนี้... ชอบเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นซะด้วยสิคะ”
“คนอื่นผมไม่รู้ ... แต่สำหรับผม...คุณพันเป็นที่หนึ่งในใจผมอยู่แล้วครับ”
พิพัฒน์ดึงมือพันทิญามากุมไว้ พันทิญาแอบยิ้มอย่างสมใจ ศุภลักษณ์เดินมาเห็นเข้าก็กระแอมเสียงดัง พันทิญาดึงมือพิพัฒน์ออกอย่างมีจริต พิพัฒน์หันมายกมือไหว้ “สวัสดีครับ คุณอา...ผมขออนุญาติพาคุณพันไปทานข้าวนะครับ”
“ได้สิจ๊ะ” ศุภลักษณ์พูดด้วยความเต็มใจ “แต่ก็อย่ากลับให้ดึกนัก”
พิพัฒน์ยกมือไหว้ “ขอบคุณมากครับ...ที่ไว้ใจ .. เปิดโอกาสให้ผม ได้แสดงความจริงใจกับคุณพัน ผมรับรองว่า จะพาคุณพันกลับมาส่งไม่เกินสามทุ่ม” “พันไปก่อนนะคะคุณแม่”
พันทิญาหอมแก้มศุภลักษณ์เพื่อประจบ วนิดาเดินเข้ามายืนมอง พิพัฒน์ยกมือไหว้ศุภลักษณ์ ก่อนจะเดินไปกับพันทิญา ศุภลักษณ์มองตามไป วนิดาเดินเข้ามาพูดด้วย “คุณพิพัฒน์ท่าทางจะหลงยายพันเอามากๆนะคะคุณพี่”
“ถ้าคนของเรารักเขาจริงๆ ก็ดีน่ะสิ... เขาก็ดูดี มีฐานะ ไม่มีอะไรให้ตำหนิได้... ยายพันจะได้เลิกเป็นแม่พวงมาลัย...ลอยไปลอยมาซะที ผู้หญิงเจ้าชู้ ไม่ได้มีใครเขาว่าดีหรอกนะ”วนิดาไม่พอใจ “ใครจะดีเลิศ ประเสริฐศรี เหมือนยายแพร ลูกสาวคุณพี่ล่ะคะ” “พี่ก็ไม่เคยคิดว่า ยายพันเป็นคนอื่น... แต่ที่ต้องพูด เพราะพี่รู้จักยายพันดีน่ะสิ”
พูดจบศุภลักษณ์ก็เดินออกไป วนิดามองตามไปอย่างแค้นเคือง
บรรยากาศที่ศาลาวัดเงียบเหงาเพราะแขกกลับกันไปจนหมดแล้ว บุญศรีเดินเข้าไปลูบโรงศพของลูกชายทั้งน้ำตา“ชัยลูกแม่”
ภูผาเดินเข้าไปประคองบุญศรีทั้งน้ำตา บุญศรีหันมาซบหน้าลงกับอกของลูกชายคนเล็ก ทวีปและปรางแก้วเดินเข้ามายืนมองอย่างเศร้าซึม ปรางแก้วมองสองแม่ลูกแล้วก็น้ำตาคลอ
“แม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ชัยเอง พี่ชัยคงไม่สบายใจถ้าเห็นแม่ยังทำใจไม่ได้” ภูผาบอก
“จ๊ะลูก”
ภูผาประคองแม่เดินมาหาทวีปและปรางแก้ว “ฝากแม่ด้วยนะ” ภูผาพูดกับทั้งสอง“อย่าห่วงเลยเพื่อน...เดี๋ยวฉันไปส่งคุณป้าที่บ้านเอง...แล้วจะให้แก้วอยู่เป็นเพื่อนด้วย” ทวีปบอก
“ขอบใจมากเพื่อน”
ภูผาหันไปหาปรางแก้วแล้วมองอย่างตื้นตันใจ ปรางแก้วมองอย่างเข้าใจความรู้สึก
“แก้วแลกเวรแล้ว ...ช่วงนี้ แก้วมาอยู่เป็นเพื่อนคุณป้าได้ค่ะ” ปรางแก้วพูดด้วยความเป็นห่วง “พี่ภูผา ทานอะไรบ้างนะคะ แก้วจัดอาหารไว้แล้ว”
ภูผามองอย่างซาบซึ้งใจเพราะรับรู้ถึงความห่วงใยของปรางแก้ว ปรางแก้วประคองบุญศรีเดินไป ทวีปตบไหล่เพื่อนก่อนจะเดินตามไปแล้วก็ทิ้งให้ภูผาอยู่ตามลำพัง
ภูผาเดินไปยืนมองรูปถ่ายชัยที่ตั้งหน้าโลงศพด้วยสายตาเศร้าหมองภาพในอดีตระหว่างเขากับชัยหวนกลับมาในหัวของภูผา ยิ่งคิดถึงภาพเหล่านั้นภูผาก็ยิ่งแค้น
“ถ้าวิญญาณพี่ชัยยังอยู่แถวนี้ ขอให้รับรู้เอาไว้...พี่ชัยจะต้องไม่ตายฟรี”
ดึกสงัด แพรไหมในชุดนอนเดินออกมานั่งซึมที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เธอยังครุ่นคิดถึงภูผา
“ฉันพอจะช่วยแบ่งเบาความเสียใจให้คุณได้บ้างไหมคะ...คุณภูผา”
แพรไหมรู้สึกเสียใจแทนภูผาเป็นอย่างมาก ภาพที่เขาร้องไห้ยังติดตาของเธอ สักพักก็มีรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน แพรไหมตัดสินใจเดินไปหลบทำให้เห็นว่าพิพัฒน์ขับรถมาส่งพันทิญา พิพัฒน์ลงมายืนอยู่ข้างรถ พันทิญาเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะมองด้วยสายตาเจ้าชู้แล้วยกแขนโอบรอบคอ“คืนนี้ พันมีความสุขมากเลยค่ะ... ที่ได้อยู่กับคุณพิพัฒน์”
“ผมมีความสุขยิ่งกว่าคุณอีก...เพราะผมได้อยู่กับคนที่ผมรัก”
“ต๊าย... สารภาพรักกันง่ายๆอย่างงี้น่ะเหรอคะ...เราเพิ่งจะรู้จักกันไม่นานนะคะ”
“มันไม่ได้อยู่ที่เวลาหรอกครับ สำหรับผม... ความรัก อยู่ที่ใจเราสองคน จะหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี ไม่มีความหมายเลย แค่ใจเราตรงกันก็พอแล้ว”
พิพัฒน์อดใจไม่ไหวทำท่าจะก้มลงไปหอมแต่พันทิญาเดินเลี่ยงไปอย่างมีชั้นเชิง“อย่าค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า พันจะเสียหายนะคะ” พันทิญามีจริต
“ก็คุณน่ารัก จนผมอดใจไม่ไหว” พิพัฒน์บอก
“พันน่ารัก สำหรับคนที่น่ารักเท่านั้นล่ะค่ะ”
พิพัฒน์นึกขึ้นได้จึงเดินไปหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากในรถ เขาเปิดออกมาพันทิญาก็เห็นเป็นสร้อยคอเล็กๆพร้อมจี้
“สวยจังเลยค่ะ” พันทิญาชม“ของขวัญในวันที่ผมสารภาพรักกับคุณ... ผมสวมให้นะครับ“
พันทิญารวบผมเปิดให้พิพัฒน์สวมสร้อยให้พันทิญาแล้วก้มลงไปหอมเบาๆ พันทิญาลอบยิ้มอย่างสมใจ ก่อนจะหันไปจูบที่ปลายคางพิพัฒน์เบาๆ “น่ารักที่สุดเลยค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ....คุณพัฒน์”
พิพัฒน์มองพันทิญาอย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถ พันทิญาเอานิ้วแตะริมฝีปาก แล้วมองอย่างเจ้าชู้ พิพัฒน์ก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป
พันทิญาหันหลังกลับแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นแพรไหมยืนอยู่“คนตายทั้งคน พี่พันยังมีแก่ใจ ไปเที่ยวกับคนอื่น” แพรไหมว่า “มันอยากโง่เอง ช่วยไม่ได้ ... หลีกไป พี่ง่วง” พันทิญาโวย“พี่พันคะ... พี่พันไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ...คุณชัยตายเพราะพี่พันนะคะ”พันทิญาโกรธที่ถูกจี้จุด “ฉันไม่ได้ทำอะไรมันนะ มันฆ่าตัวตายเอง แล้วแกจะให้ฉันไปรับผิดชอบอะไรมัน”
“แต่พี่พันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า พี่พัน ทำให้เขารักพี่พัน...เหมือนที่พี่พัน ทำให้คุณพิพัฒน์หลงรัก... แต่คุณชัยเขาโชคร้าย ที่เขาอ่อนแกเกินกว่าจะทนรับความผิดหวังได้...พี่พันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้นะคะ พี่พันก็รู้อยู่แก่ใจว่า ทำอะไรกับเขาไว้”
“แกเป็นน้อง ไม่มีสิทธิ์มาสอนฉัน” พันทิญาต่อว่า “แล้วพี่พันมีสิทธิ์เอาชื่อแพรไปหลอกเขาเหรอคะ…พอเขาตาย พี่พันจะผลักภาระมาให้แพรรับผิดชอบ มันถูกแล้วเหรอคะ”
แพรไหมพูดทั้งน้ำตา เธอรู้สึกคับแค้นใจเพราะเธอต้องแบกรับความแค้นของภูผา พันทิญาจ้องหน้าแพรไหมอย่างไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป แพรไหมมองตามทั้งน้ำตาเพราะคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
บ่ายวันใหม่ แสงมณีเดินคุยกับแสงฉายภายในบ้าน โดยมีธนาเดินตามหาห่างๆ “เราควรแสดงน้ำใจ ไปร่วมงานศพพี่ชายคุณภูผานะคะพีชาย” แสงมณีบอก“ดูเหมือนว่า น้องหญิงจะใส่ใจ บอดี้การ์ดคนนี้เป็นพิเศษ”
“เขาช่วยชีวิตหญิงไว้นะคะ...ถ้าเราจะนิ่งดูดาย ไม่แสดงน้ำใจกับเขามันก็คงไม่ถูกนักใช่ไหมคะ”
“ไปก็ได้ แต่ก็ต้องให้ธนา ดูแลความปลอดภัยให้เราเป็นพิเศษ พี่คิดว่า ตอนนี้ กลุ่มกบฏ มันกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของเราอยู่ เราไม่ควรจะประมาท”
แสงฉายหันไปหาธนา ธนาจึงพูดขึ้น
“คนของผมที่อยู่ที่เชียงทวายรายงานว่า มันส่งคนมาเมืองไทยหลายสิบคน ผมกำลังให้คนของเรา สืบหาที่กบดานของพวกมัน... ถ้ารู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ผมจะให้คนของเราบุกมันก่อน”“ถ้าเราจะไปร่วมงานศพของพี่ชายคุณภูผา มั่นใจว่าคนของเราที่มีอยู่คงจะดูแลได้” แสงฉายถาม“ผมมั่นใจครับ... ที่จริง ถึงไม่มีบอดี้การ์ดสองคนนั่น ผมก็ต้องปกป้องเจ้าทั้งสองด้วยชีวิตของผมอยู่แล้ว” ธนาบอก
“ขอบใจมากนะ ธนา ... ที่อยู่ข้างเรามาโดยตลอด” “มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” ธนาพูด
แสงฉายมองธนาด้วยสายตาอ่อนโยน แสงมณียิ้มตาเป็นประกาย เพราะดีใจที่จะได้ไปพบภูผา
ที่บ้านของพวกนักฆ่า พิมกำลังฝึกซ้อมการใช้มีดโดยปาไปโดนเป้าที่ติดไว้ทันใดนั้นมีดอีกด้ามหนึ่งก็ลอยไปเสียบกันอยู่ข้างๆ พิมหันไปมองอย่างไม่พอใจก็เห็นนารายืนกอดอกมองอยู่
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า” นาราพูด“แกจะเอายังไง” พิมถาม “เปล่า...แค่อยากให้รู้ไว้....จะได้ไม่ต้องคิดว่าตัวเองเก่งอยู่คนเดียว”
พูดจบนาราก็ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป แต่พิมเดินเข้ามาขวาง“มาสู้กันเลยดีกว่า ... ไม่รู้ไปเลยว่าใครมันจะแน่กว่ากัน”
พิมขว้างหมัดออกไป นาราหลบก่อนเหวี่ยงหมัดใส่พิม อโณทัยเดินเข้ามาขวางแล้วก็ตบหน้าทั้งคู่ สักพักนทีและอรัญก็เดินเข้ามายืนเยื้องออกไป
“อย่าทะเลาะกันอีก...ไม่อย่างงั้น จะส่งกลับเชียงทวายทั้งคู่เลย” อโณทัยว่า “ก็มันหาเรื่องนาราก่อนนี่คะ อโณทัย” นาราฟ้อง“ฉันอยู่ของฉันดีๆ... ใครกันแน่ ที่เข้ามาแส่” พิมสวน
นารามองตาขวาง พิมจ้องตอบอย่างไม่กลัวเกรง นทีเห็นดังนั้นก็เดินเข้ามาห้าม“ไม่เอาน่ะ เพื่อนกันทั้งนั้น... เอาเวลามาหาทางกำจัดศัตรู ดีกว่าไม๊”
“ใช่... สายของเรารายงานว่า คืนนี้ มันจะไปร่วมงานศพที่วัด...เราจะไปจัดการมันที่นั่น” อโณทัยบอก
“ในวัดเลยเหรอ” อรัญถาม“ใช่ ... ที่นั่นแหละ ล่อให้มันออกมา แล้วค่อยหาทางจัดการมัน”
อโณทัยและทุกคนต่างก็มีสีหน้ามุ่งมั่น
พันทิญาแต่งตัวสวยเดินลงมาอย่างอารมณ์ดีแต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นแพรไหมแต่งชุดดำนั่งรออยู่
“ยายแพร...ไม่ไปทำงานเหรอ” พันทิญาเอ่ยถาม“กลับมาแล้วค่ะ กำลังจะไปงานศพคุณชัย...” แพรไหมตอบ
“ก็ไปสิ”
“แพรจะไปพร้อมกับพี่พันค่ะ” แพรไหมบอกพันทิญาหงุดหงิด “เอ้ะ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง... ก็บอกว่าไม่ไป ก็ไม่ไปสิ”
“พี่พันคะ... พี่พันควรจะไปขออโหสิกรรมกับเขานะคะ... อย่างน้อยพี่พันก็...” แพรไหมยังพูดไม่จบพันทิญาก็สวนขึ้นทันที
“ยายแพร...พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าพี่ไม่เกี่ยว...แกก็ควรจะเลิกยุ่งกับครอบครัวนั้นได้แล้ว ยังไง เขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก ... แต่ถ้าแกยังยุ่งไม่เลิก คนที่เดือดร้อนอาจจะเป็นเราก็ได้”“แพรทำไม่ได้หรอกค่ะ... ถ้าแพรไม่ทำอะไรบ้าง แพรคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
“รู้สึกไปคนเดียวเถอะย่ะ...พี่เอาเวลาไปหาความสุขใส่ตัวดีกว่า คนบางคน ก็ไม่ได้มีค่าให้เราใส่ใจหรอก”
พันทิญาเดินออกไปแบบไม่ใส่ใจ แพรไหมมองตามด้วยความหนักใจ
ภูผายืนต้อนรับแขกอยู่กับแม่ที่บริเวณศาลาภายในวัด แขกเหรื่อเดินเข้ามากล่าวแสดงความเสียใจกับทั้งสองก่อนจะเดินเลี่ยงไป ภูผาหันไปเห็นแพรไหมเดินเข้ามาก็ทำท่าจะเดินเข้าไปหาแต่บุญศรีดึงแขนไว้
“อย่าลูก” บุญศรีปราม“ผมไม่ฆ่าเขาหรอกครับแม่” ภูผาบอก
ภูผาเดินเลี่ยงไป บุญศรีมองตามอย่างหนักใจ สักพักปรางแก้วก็เดินเข้ามายืนข้างๆ“ป้าเป็นห่วงหนูแพรจริงๆ...ภูผาไม่ไว้หน้าเขาเลย” บุญศรีตัดพ้อกับปรางแก้ว“นั่นสิคะ ถ้าเป็นคนอื่น ก็คงไม่มาร่วมงานแล้ว... แต่คุณแพรก็ยังมาบางที ระหว่างพี่ชัยกับคุณแพร....อาจจะมีตื้นลึกหนาบางที่คนอื่นไม่รู้ก็ได้นะคะ” ปรางแก้วพูด
บุญศรีรู้สึกหนักใจ
แพรไหมเดินเข้ามาในวัด แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นภูผาเดินเข้ามาหา แพรไหมทำท่าจะเดินเลี่ยงไป แต่ภูผาเข้ามากระชากแขนไว้อย่างแรง “บอกแล้วไง ว่าไม่ให้มา...ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง”
แพรไหมพยายามใจเย็น “ฉันเข้าใจนะคะว่าคุณเสียใจ และคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุให้พี่คุณตาย... ฉันคงไม่มีอะไรแก้ตัว...แต่อยากให้คุณรู้เอาไว้ ฉันไม่มีเจตนาถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ ฉันยินดีที่จะทำนะคะ...ถึงแม้ว่า มันจะเทียบไม่ได้กับชีวิตของพี่ชายคุณแต่ฉันก็อยากจะทำ”“แล้วถ้าผมอยากได้ชีวิตของคุณล่ะ ... ให้ได้ไหม” ภูผาตะคอก
แพรไหมน้ำตาคลอออกมาด้วยความเสียใจที่ภูผาไม่เข้าใจและไม่มองเธอในแง่ดีเลย“ถ้าฉันทำให้เขาตายจริงๆ ฉันก็คงยินดีและเต็มใจที่จะชดใช้...แต่...” แพรไหมพูดไม่ออก ภูผาบีบมือหนักขึ้น แพรไหมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“แต่มันเป็นความผิดของพี่ชัยใช่ไหม ที่ซื่อไปหลงรักคุณ...หลงเชื่อว่า คุณจะจริงใจยอมทุ่มเทให้ทุกอย่าง... ในที่สุดก็รู้ว่า มันเป็นแค่เล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงหลอกลวง” ภูผาว่า
“ปล่อยนะคะ คุณภูผา ฉันเจ็บ”
ทันใดนั้น เจ้าแสงมณีก็เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าแสงฉาย โดยมีธนา คม เชี่ยวและพล เดินตามมาห่างๆ เมื่อเห็นแพรไหมอยู่กับภูผาแสงฉายก็ไม่พอใจ“คุณไม่ควรจับมือถือแขนคุณแพรไหม” แสงฉายพูดเสียงเข้ม ภูผาปล่อยมือแพรไหมแล้วหันไปมองหน้าแสงฉาย “ขอโทษนะครับ ผมลืมไปว่า เขากำลังจะแต่งงานกับเจ้า พอดีเรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน” ภูผาบอก“แต่คุณก็น่าจะให้เกียรติว่าที่เจ้าสาวของผมนะครับ” แสงฉายพูด
ภูผายิ้มเยาะ ส่วนแสงฉายหันไปมองหน้าแพรไหมแล้วพูดกับเธอ“คุณน่าจะบอกผมว่าจะมาร่วมงานศพ ผมจะได้ไปรับ”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ฉันจะไปไหนมาไหน คงไม่จำเป็นต้องรายงานให้เจ้าทราบ” แพรไหมบอก
แสงฉายถึงกับหน้าตึงแต่ก็ยังระงับความรู้สึก แสงมณีเข้าใจสถานการณ์จึงรีบพูดเพื่อคลายบรรยากาศ
“เข้าไปเคารพศพก่อนไหมคะพี่ชาย”
“ก็ดีจ๊ะ น้องหญิง” แสงฉายตอบ
แสงมณีหันไปหาภูผา “ฉันขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณภูผา”“ขอบคุณครับ....เจ้า…เชิญครับ” ภูผาพูดอย่างอ่อนโยนแล้วผายมือไป ก่อนจะเดินนำแสงมณีและแสงฉายเข้าไปในศาลา แพรไหมมองตามไปอย่างเจ็บแปลบที่เขากราดเกรี้ยวกับเธอเหมือนคนที่โกรธเกลียดกันมานาน แสงฉายหันไปแตะแขนแพรไหม แล้วทั้งคู่ก็เดินตามไป ธนาหันไปสั่งลูกน้อง
“แยกย้ายกันดูให้เรียบร้อย ถ้ามีอะไรผิดปกติ รีบกลับมาบอก”
คม เชี่ยว และพลแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ทันที
อ่านต่อหน้าที่ 3
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 7 (ต่อ)
ปรางแก้วยกถาดเครื่องดื่มมารับรองแขก เธอมองเห็นภูผาเดินมากับแสงมณี และแสงฉายเดินมากับแพรไหม ทั้งหมดเดินไปนั่งที่โต๊ะแขกพิเศษ ปรางแก้วมองทั้งสี่อย่างหม่นเศร้าเพราะเธอรู้สึกด้อยกว่าทุกคน ทวีปเดินเข้ามายืนข้างๆ น้องสาวแล้วมองอย่างเข้าใจความรู้สึก
“ถ้ารักไอ้ภู...แก้วจะต้องหนักแน่นนะ” ทวีปบอกน้องสาว“แก้วรู้สึกว่า ตัวเอง ไม่มีอะไรสู้ใครได้เลยค่ะ พี่วีป” ปรางแก้วบอก“ความรัก มันไม่สำคัญว่า ใครจะสวยกว่า หรือ รวยกว่าหรอกนะ มันอยู่ที่ว่า ไอ้ภูมันรักใครต่างหาก...แล้วพี่ก็เชื่อว่า แก้วน้องพีก็มีสิ่งที่คนอื่นไม่มีเหมือนกัน”ปรางแก้วฝืนยิ้ม “ขอบคุณนะคะ พี่วีป ที่พูดให้แก้วสบายใจขึ้น”
“พี่พูดอย่างคนที่รู้จักเพื่อนพี่มากกว่าใครต่างหากล่ะ”
ปรางแก้วเดินถือถาดเครื่องดื่มไปรับรองแขกต่อ ทวีปมองตามน้องสาว ภูผาจุดธูป แพรไหมเดินเข้ามานั่งตรงหน้าศพ ภูผาหันไปมองอย่างโกรธแค้น
“ถ้าเจ้าแสงฉายรู้ว่า ว่าที่เจ้าสาวชอบหว่านเสน่ห์หลอกลวงผู้ชาย ไม่รู้ว่า เขายังอยากจะได้เป็นเจ้าสาวอยู่มั๊ย” ภูผาพูดขึ้น
ฎฉันไม่ได้มาเพื่อให้คุณหาเรื่องนะคะ” แพรไหมบอก“ใครใช้ให้มาล่ะ”
ภูผาลุกขึ้นและเดินเลี่ยงไป แพรไหมนั่งเก้ออยู่คนเดียวแล้วเธอก็เอื้อมไปหยิบธูปมาจุดเองด้วยน้ำตาคลอเพราะความเสียใจ ทวีปมองเพื่อนอย่างหนักใจ ขณะเดียวกันเขาก็เห็นใจแพรไหมด้วย
รถเก๋งคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด นารากับพิมก้าวลงมาจากรถ สักพักรถเก๋งอีกคันก็แล่นเข้ามา อรัญเป็นคนขับ นทีนั่งด้านหน้า ส่วนอโณทัยนั่งด้านหลัง ทั้งหมดก้าวลงมาจากรถ ทุกคนแต่งชุดกลมกลืนกับแขกที่มาร่วมงานศพ แล้วทุกคนก็เตรียมอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติการปลิดชีวิตแสงฉาย
คมและลูกน้องคนสนิทของธนายืนอยู่แถวศาลา ห่างออกมามีธนายืนคุมเชิงอยู่กับพลและเชี่ยว สักพักก็ปรากฏเงาแว่บที่มุมหนึ่ง ธนาหันไปเห็นพอดีจึงเดินไปดู
ธนากวาดตามองไปรอบๆ มุมลับตาคนที่หนึ่งก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่ หญิงสาวคนนั้นซึ่งก็คือนาราจัดแจงชักปืนออกมาเตรียมพร้อม
“มาทำอะไรอยู่ที่นี่” ธนาเอ่ยถาม นาราเบือนหน้ามาทั้งน้ำตา ธนามองอย่างแปลกใจ
“ร้องไห้ทำไม” ธนาถาม
“ญาติฉันเสียค่ะ ... ฉันไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น” นาราบอก
ธนากวาดตามองจนเห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่มีอาวุธและมีท่าทางไม่น่ากลัว เขาจึงเอาปืนลงก่อนทำท่าจะเดินเลี่ยงไป นาราร้องเรียก“เดี๋ยวค่ะ”
ธนาหันกลับมามองอย่างชั่งใจ“อยู่เป็นเพื่อนฉันซักครู่ได้ไหมคะ....ฉันอยากมีใครซักคนอยู่เป็นเพื่อน” นาราอ้อนวอนด้วยน้ำตาที่รินไหลออกมา สายตาของเธออ้อนวอนอย่างน่าสงสาร ธนาเห็นก็เริ่มใจอ่อน
กลุ่มองครักษ์ยืนอยู่ข้างรถ นทีเดินเข้ามายืนมองก่อนจะทำตัวให้มีพิรุธด้วยการเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มองครักษ์เห็นก็รีบวิ่งตามไป
กลุ่มองครักษ์วิ่งออกมาด้านหลังวัดแล้วกวาดตามอง อโณทัยรอจังหวะอยู่แล้วจึงพุ่งเข้ามาจัดการจากด้านหลัง นทีพุ่งเข้าไปช่วยจนเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
คมยืนอยู่ข้างรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ พิมเดินเข้ามาแล้วยิ้มยั่ว “ใครมาเหรอคะพี่ ... คนดังหรือเปล่า” พิมถาม“จะรู้ไปทำไม” คมสวน“ไม่อยากรู้ก็ได้ แล้วพี่ชื่ออะไรล่ะจ๊ะ....หล่อจัง....อยากรู้จัก”
พอได้ยินพิมชม คมถึงกับเขินไป ระหว่างนั้นพิมก็เข้ามาชวนคุยด้วยสายตาหวานเยิ้ม ที่ด้านหลัง อรัญที่รอจังหวะอยู่กำลังลอดเข้าไปใต้ท้องรถเพื่อติดตั้งระเบิดเวลา
ภูผา แสงฉาย แพรไหม แสงมณีและทวีปเดินออกมาจากศาลา แสงฉายหันไปพูดกับภูผา “ช่วงนี้ คุณภูผาหยุดพักไปก่อนก็ได้ จนกว่าจะสบายใจ แล้วค่อยกลับไปทำงาน”
“ขอบคุณมากครับ เจ้า... ที่เข้าใจ ยังไง ผมก็จะให้ทวีป ไปดูแลเจ้าแสงมณีไปก่อน” ภูผาบอก ทวีปแอบยิ้มแล้วทำหน้าทะเล้นให้แสงมณี แสงมณีปรายตาค้อนใส่ก่อนจะพูด“ไม่ต้องก็ได้นะคะ... คนของพี่ชายก็ดูแลหญิงได้อยู่แล้ว”
“เฮ้อ...น่าเสียใจแทนตัวเองจริง จริ๊ง ใครๆก็ไม่อยากเจอหน้า” ทวีปทำเป็นตัดพ้อ “ใช่สิ...แทนที่จะมาช่วยดูแลให้สบายใจ...เจอหน้าทีไรก็ทำให้ชวนทะเลาะ” แสงมณีหันไปหาภูผา “คุณภูผาต้องตักเตือน ลูกน้องด้วยนะคะ จะได้ไม่ทำให้ลูกค้าหงุดหงิด รำคาญใจ”“ถึงเจ้าไม่ชอบหน้าผม... แต่ผมก็ปกป้องเจ้า ยิ่งชีพอยู่แล้วครับ”
ทวีปพูดแล้วทำหน้าทะเล้น ภูผามองเพื่อนอย่างอ่อนใจก่อนจะหันไปพูดกับแสงมณี“แล้วผมจะเตือนให้ครับ .... แต่ช่วงนี้ ผมแนะนำให้เจ้าหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกก็ดีนะครับ เพื่อความปลอดภัย”
แสงมณีมองภูผาแล้วยิ้มหวานด้วยความซาบซึ้งใจ แพรไหมมองทั้งสองแล้วก็เจ็บแปลบ แสงฉายหันไปหาแสงมณี“กลับกันเถอะจ๊ะ หญิง”
“ค่ะพี่ชาย” แสงมณีหันไปหาแพรไหม “คุณแพรไหมกลับด้วยกันนะคะ
“ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันกลับเองได้” แพรไหมบอกแสงฉายหันไปมองแพรไหมอย่างอ่อนโยน “ผมจะปล่อยให้ว่าที่เจ้าสาวของผมกลับเองได้ยังไงล่ะครับ... เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านนะ”
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะค่ะ...ฉัน” แพรไหมยังพูดไม่จบแสงฉายก็พูดขึ้นอีก“ผมจะปล่อยให้คุณกลับคนเดียวได้ยังไง ... ผมเป็นห่วงนะ”
แพรไหมปลายตามองแสงฉาย ภูผายิ้มเยาะ “แต่” แพรไหมจะต่อรอง
แสงฉายเดินไปจับมือแพรไหมอย่างถือวิสาสะ แพรไหมพยายามดึงมือออกแต่แสงฉายยังคงจับแน่น
“เชิญครับ” แสงฉายกระซิบ “อย่าดื้อสิ ... อีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้วนะ”
แพรไหมจำต้องเดินตาม
รถตู้ของแสงฉายจอดอยู่บริเวณลานจอดรถ ธนา คม พล และเชี่ยว ดินมาดูแลความปลอดภัย แสงฉายจับมือแพรไหมเดินมา ส่วนแสงมณีเดินตามมาที่รถ องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามา กระซิบกับธนา ธนาหน้าเครียดก่อนจะเดินเข้าไปหาแสงฉาย
“พวกกบฏมันตามเรามาที่นี่ครับเจ้า... แต่คนของผมจัดการจนมันหนีไปแล้ว” ธนารายงานแสงฉายถามเสียงเครียด “แน่ใจนะว่า ไม่มีอะไร”“ครับ... ผมตรวจสอบแล้ว แต่ถ้ามันมาอีกล่ะก็ ผมเอามันตายแน่”
“แต่ฉันไม่เข้าใจ...มันรู้ความเคลื่อนไหวของเราได้ยังไง... หรือว่าคนของเราบางคนจะเป็นสายให้กับพวกมัน” แสงฉายถาม
ธนาหน้าเครียดขึ้นมาทันที แสงฉายเดินไปขึ้นรถตู้ แพรไหมและแสงมณีเดินตามขึ้นไป คมปิดประตูก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ ส่วนธนาก้าวขึ้นไปนั่งตอนหน้าคู่กับคนขับแล้วเตรียมปืนออกมา พร้อมทั้งส่ายสายตาระแวดระวัง แล้วรถก็แล่นออกไป
นทีและอรัญยืนปะปนอยู่กับแขกในงานศพอย่างกลมกลืน ทั้งสองมองตามรถตู้ก่อนจะหันไปมองตากันแล้วเดินเลี่ยงไป ภูผาเดินมาส่งทวีปที่รถแล้วเห็นคนทั้งสองผิดสังเกตจึงรีบเดินตามไป ทั้งสองหันมาเห็นว่าจวนตัว จึงรีบวิ่งหนี ภูผาและทวีปวิ่งตามจนหายไปในความมืด ภูผาหันไปมองหน้าทวีป “เจ้า...” ภูผานึกขึ้นได้ ภูผาและทวีปนึกถึงความปลอดภัยของแสงมณีจึงรีบวิ่งกลับไปที่รถ ภูผากระโดดขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ ทวีปกระชากปืนออกมาแล้วเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งข้างๆ ภูผาขับรถออกไปทันที
รถตู้ของแสงฉายและรถเก๋งของบรรดาองครักษ์แล่นตามกันไปบนถนน ด้านล่างของรถตู้มีระเบิดเวลาที่กำลังเดินถอยหลังโดยมีเวลาเหลืออีก 10 นาที
ภูผาขับรถอย่างรวดเร็วตามไปด้วยสีหน้าร้อนใจ “ใจเย็นๆ สิวะ... ไม่มีอะไรหรอกมั๊ง ...พวกมันก็เผ่นไปแล้ว” ทวีปบอก“มันอาจจะตามเจ้าไปก็ได้” ภูผาพูด ทวีปเห็นด้วยแล้วก็เริ่มหน้าเครียด ภูผารีบปาดซ้าย ปาดขวาตามไปอย่างรวดเร็ว
รถตู้และรถเก๋งของแสงฉายแล่นมา ภูผารีบขับรถเข้าไปประกบ ธนาหันไปมองอย่างไม่พอใจ“มันจะตามมาทำไม” ธนาบ่น “เอายังไงครับ” คมถามธนาออกคำสั่ง “ขับต่อไป” ทันใดนั้นแสงฉายก็ออกคำสั่ง “หยุดก่อน”
“แต่” ธนาไม่เห็นด้วย แต่แสงฉายบืนยันคำสั่ง“ฉันสั่งให้หยุด”
คมหันรถหลบเข้าข้างทาง ภูผาขับรถเข้ามาจอดข้างๆ แล้วก้าวลงมาพร้อมทวีป ประตูรถตู้เปิดออก แสงฉายก้าวลงมา แสงมณีและแพรไหมกำลังจะปลดเข็มขัดนิรภัย แต่กระจกรถทุกบานปิดอัตโนมัติทำให้เข็มขัดนิรภัยปลดไม่ออก
แสงมณีและแพรไหมตกใจ “เกิดอะไรขึ้น...ปลดเข็ญขัดนิรภัยไม่ได้” แสงมณีตกใจ
“แพรก็ปลดไม่ได้เหมือนกันค่ะ เจ้า” แสงฉายร้อนใจจึงหันไปสั่งธนา“เปิดประตูรถเร็ว” ธนา คมและเชี่ยวพยายามเปิดประตูรถ แต่ก็เปิดไม่ออก
“ทุบกระจกรถ เอาน้องหญิงกับคุณแพรออกมาก่อน” แสงฉายสั่ง ธนากำลังจะใช้ด้ามปืนทุบกระจก แต่ภูผาเดินไปห้าม “เดี๋ยวขอสำรวจก่อนครับ”
ธนาหันไปมองภูผาตาขวางด้วยความไม่พอใจ “คุณจะรู้ดีไปกว่าผมได้ยังไง” ธนาสวน
“หลีกไป...ถ้าชักช้า...อาจจะตายกันหมด” ภูผาบอก
ธนาหันไปหาแสงฉาย แสงฉายพยักหน้า ทวีปจึงหันไปพูด“ทุกคนเดินออกไปก่อนครับ”
ภูผาเดินเข้าไปสำรวจรถโดยใช้เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดทั้งด้านในและด้านนอกรถ ก่อนจะได้รับสัญญาณ แล้วเขาก็มุดลงไปใต้ท้องรถ ทุกคนต่างยืนมองด้วยความลุ้นระทึก
แสงมณีและแพรไหมที่อยู่ในรถพยายามทุบรถและพยายามจะถอดเข็มขัดนิรภัยด้วยสีหน้าหวาดกลัว ภูผาปลดระเบิดเวลาออกมาจากใต้ท้องรถแล้วหันมาบอกทวีป “เหลือเวลาไม่ถึง 5 นาที”
“กู้ได้ไหม” ทวีปถาม “ก็ต้องลองดู” ภูผาบอก
แสงฉายเดินนำธนาเข้ามามองอย่างโกรธแค้น“มันตั้งใจให้เราตายกันทั้งรถเลยเหรอ”
ภูผาเดินกลับไปที่รถแล้วรีบหยิบอุปกรณ์ในการเก็บกู้ระเบิดมา
แพรไหมกับแสงมณีนั่งอยู่ในรถด้วยความตกใจกลัว ภูผาหันไปมองหน้าแพรไหมก่อนจะมุดเข้าไปใต้ท้องรถท่ามกลางความลุ้นระทึกของทุกคน
ภูผาใช้เครื่องมือเก็บกู้วัตถุระเบิดรีบทำงานแข่งกับเวลา นาฬิกาที่ระเบิดบอกว่าเหลือเวลาอีก 1 นาที ภูผาพยายามตัดสายอย่างสุดความสามารถ เวลาเหลือน้อยลงทุกที จาก 10 - 9- 8- 7-6- ภูผาตัดสินใจถอดระเบิดออกมาแล้วรีบวิ่งออกห่างมาจากรถก่อนจะเขวี้ยงออกไปข้างทาง ระเบิดสีแดงฉานดังสนั่น ภูผาล้มลงท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน แพรไหมปลดเข็มขัดนิรภัยได้ ก็หันไปช่วยปลดเข็มขัดนิรภัยให้แสงมณี แสงฉายเปิดประตูรถได้ ทวีปและแสงมณีพุ่งไปถึงตัวภูผา ทวีปช่วยเข้าไปประคองภูผา “ภู ... ไอ้ภู เป็นไงมั่ง... ภู อย่าเป็นอะไรนะโว๊ย”
“คุณภูคะ คุณภู” แสงมณีเรียก แพรไหมจะเข้าไปหาภูผา แต่แสงฉายจับแขนไว้ แพรไหมพยายามสะบัดแขนออก
“ปล่อย...ฉันจะไปดูเขา” แพรไหมดิ้นรน
“คนที่คุณควรจะใส่ใจ ยืนอยู่ตรงนี้” แสงฉายบอก
แพรไหมยิ้มเยาะก่อนจะผลักอกแสงฉายแล้วเดินเข้าไปหาภูผา ภูผาค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น แขนของภูผามีเลือดซึมออกมาเพราะกระแทกเข้ากับหิน แสงมณี แพรไหม และทวีปยิ้มอย่างดีใจ ภูผาเหงื่อแตกเต็มหน้า
“เจ็บตรงไหนไหมวะ” ทวีปถาม
“ไม่เป็นไร” ภูผาบอก
ภูผาลุกขึ้นยืน ทวีปเข้าไปช่วยประคองก่อนจะหันไปยิ้มให้แสงมณี“ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณภูผาช่วย ป่านนี้พวกเราอาจจะตายไปแล้ว” แสงมณีพูด“ไม่เป็นไรครับ..” ภูผาพูดแฃ้วหันไปมองหน้าแพรไหม “ผมมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เจ้าอยู่แล้ว... แต่คนอื่น ตายไปซะได้ก็ดี”
ภูผาจงใจพูดให้แพรไหมเจ็บใจก่อนจะเดินเลี่ยงไป แพรไหมยืนหน้าสลด ทวีปหันไปหาแพรไหม
“อย่าโกรธมันเลยนะครับ คุณแพรไหม ช่วงนี้ สภาพจิตใจของมันไม่ปกติเท่าไหร่”
พูดจบทวีปก็เดินตามภูผาไปที่รถ แสงมณีและแพรไหมมองตามไปด้วยความเป็นห่วง แสงฉายเดินเข้ามามองตามไปอย่างไม่พอใจ
เวลาผ่านไป ภูผามานั่งให้ปรางแก้วทำแผลที่แขนอยู่ที่บ้านของทวีป
“แก้วไม่อยากให้พี่ภู ทำงานเสี่ยงอย่างนี้เลย... แก้วไม่อยากเห็นพี่ภูเจ็บ” ปรางแก้วบอก ภูผามองอย่างซึ้งใจ “ทำไงได้ล่ะ เราเลือกที่จะเสี่ยงเอง เจ็บก็ต้องยอมหรือถ้าจะต้องตาย เพราะหน้าที่ที่เราต้องทำ...เราก็ต้องยอมรับมัน”
“อย่าพูดเรื่องตายสิคะ...แก้วไม่อยากฟัง”
“แต่ความตายมันก็เป็นความจริง ที่เราทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช้า/เร็วต่างกันเท่านั้นเอง...ถ้ามีเหตุผลที่จะตาย พี่ก็คงไม่เสียดายชีวิต แต่ไม่ใช่ถูกผู้หญิงหลอกจนต้องทำร้ายตัวเองจนตายอย่างพี่ชัย”
ภูผามีสายตาโกรธแค้นขึ้นมาอีก ปรางแก้วหนักใจที่ภูผายังคงแค้นใจไม่เลิก ทวีป เดินเข้ามาพร้อมกับเครื่องดื่มกระป๋อง 2 กระป๋องก่อนจะยื่นให้ ภูผา “ขอบใจ” ภูผารับมา “ไม่เป็นไรเพื่อนๆ ... แต่คราวหน้า อย่าบ่าบิ่นให้มันมากนัก ชีวิตแกยังมีค่านะโว๊ย...อย่างน้อยแกก็ยังมีแม่อยู่ทั้งคน” ทวีปเตือน
ภูผาเงียบไป ปรางแก้วทำแผลเสร็จพอดี “พี่ภูทานอะไรหน่อยนะคะ แก้วจะไปทำข้าวต้มร้อนๆให้”
ภูผาฝืนยิ้มให้ ปรางแก้วเดินเลี่ยงไปในครัว ทวีปนั่งลงข้างๆ ด้วยสีหน้าวิตก“พวกที่มันลอบฆ่าเจ้าแสงฉายกับเจ้าแสงมณีไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ทุกครั้ง มันวางแผนเอาไว้อย่างดี” ภูผาพูด
“เจ้าแสงฉายก็คงรู้ ไม่งั้นคงไม่กล้าจ้างเราแพงขนาดนี้หรอก” ทวีปบอก“แต่เราก็ควรรู้ว่า ศัตรูของเจ้าคือใคร จะได้เตรียมรับมือถูก...ไม่อย่างงั้น เราอาจจะไม่โชคดีอย่างที่ผ่านมา” ภูผาหนักใจเช่นกัน
ศุภลักษณ์ในชุดทำงานเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากกลับมาจากร้านแพรไหม แพรไหมที่ยืนรอจังหวะอยู่แล้วรีบเดินเข้าไปหา
“คุณแม่คะ”
ศุภลักษณ์หันมามองอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของลูกสาว
เวลาผ่านไป ศุภลักษณ์ทรุดตัวนั่งลงอย่างหนักใจเมื่อรับรู้เรื่องว่าลูกสาวเกือบตาย“อะไรนะ...ถูกลอบวางระเบิด”
“ค่ะ คุณแม่ ... ดีนะคะที่บอดี้การ์ดของเจ้ามาช่วยไว้ ไม่อย่างงั้น แพรคงไม่มีโอกาสได้มาเจอคุณแม่อีก”
แพรไหมจับมือศุภลักษณ์แล้วทำสายตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร“คุณแม่ขา...ยกเลิกงานแต่งงานกับเจ้าเถอะนะคะ...แพรไม่อยากเสี่ยงอันตราย...ไม่อยากไปไหนมาไหน แล้วมีบอดี้การ์ดห้อมล้อมเป็นสิบ แพรกลัวนะคะคุณแม่”“แม่เชื่อว่า เจ้าเขาดูแลลูกได้” ศุภลักษณ์บอก “ใช่ค่ะ วันนี้ เขาดูแลแพรได้ ...แล้วคุณแม่ไม่คิดว่า เขาจะพลาดบ้างเหรอคะ”
ศุภลักษณ์พยายามใจเย็น “แพร...เจ้าแสงฉายเขารักแพรนะลูก... เขาคงไม่ปล่อยให้ลูกของแม่เป็นอันตรายหรอก...อีกอย่าง ทุกอย่างมันก็เตรียมการไว้หมดแล้ว แม่จะบอกเขาว่ายังไงล่ะลูก” “แค่แพรไม่ได้รักเขา... ก็พอแล้วมั๊งคะคุณแม่ .... คุณแม่ขา... เลิกล้มการแต่งงานเถอะนะคะ...ชีวิตแพรทั้งชีวิตนะคะ อย่าให้แพรต้องทนอยู่กับคนที่แพรไม่รักเลย”
พูดจบแพรไหมก็ร้องไห้โฮ ศุภลักษณ์เมินหน้าหลบเพื่อซ่อนน้ำตาก่อนจะยื่นคำขาด“แต่แกต้องแต่ง”
วนิดาและพันทิญาเดินมายืนแอบฟัง“คุณแม่” แพรไหมร้องไห้“แม่คิดดีแล้ว ... ผู้หญิงซักกี่คนที่จะโชคดี ได้รับโอกาสที่ดีที่สุด แต่เจ้าอยากได้ลูกไปเป็นเจ้าหญิงของเขา”
“ไม่ใช่แค่นั้นใช่ไหมคะ คุณแม่...มีเหตุผลอะไรที่มากกว่านั้นเหรอคะทำไมคุณแม่ต้องเกรงใจกับเขาด้วย” แพรไหมถาม
ศุภลักษณ์ตัดสินใจบอก “เขากำลังจะเปิดโรงงานผ้าไหมส่งออกที่เมืองไทย ด้วยเงินลงทุนกว่าพันล้านบาทเชียวนะลูก...ถ้าแพรได้แต่งงานกับเขาโรงงานนี้ เขาจะยกให้แพร”วนิดาหันไปจ้องหน้าพันทิญาอย่างหมายมาด“แต่แพรไม่ต้องการ” แพรไหมโพล่งออกมา “แพรไม่อยากเป็นเจ้าหญิง ไม่อยากเป็นเจ้าของโรงงานแพรอยากจะเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่สามารถใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ”
แพรไหมวิ่งร้องไห้ออกไป วนิดาและพันทิญาเดินเลี่ยงหลบไป ศุภลักษณ์นั่งร้องไห้ก่อนจะมองตามลูกสาวไปด้วยความลำบากใจ
พันทิญาเดินเข้ามาในห้องนอน โดยมีวนิดาเดินตามมา
“ต๊าย พี่ศุภเนี่ยอุ๊บไต๋ไว้ตั้งนาน ที่แท้ ก็อยากขยายโรงงานนี่เอง ตั้งพันล้านแน่ะ ยายพัน ... พันล้านเชียวนะ...ถ้ามันเป็นของเรา เราจะสบายไปทั้งชาติเลยนะ” วนิดาใส่ไฟ“นั่นสิคะ... เจ้าแสงฉาย รวยจริง อะไรจริง...หล่ออีกต่างหาก น่าสนใจกว่าคุณพิพัฒน์ตั้งเยอะ ... อยากได้จัง” พันทิญาว่า
“อยากได้ ก็ต้องพยายามสิจ๊ะหนูพัน... หาโอกาสเข้า พันมีโอกาสอีกไม่ถึงเดือนนะจ๊ะ”“ค่ะ...ยังไง พันก็ไม่ปล่อยให้เจ้าแสงฉายหลุดมือไปแน่ พันต้องได้ดีกว่ายายแพรค่ะ”“ให้มันได้อย่างนั้นสิ ... หลานน้า”
วนิดาดึงตัวพันทิญาเข้ามากอดด้วยความรักและสมใจที่พันทิญามุ่งมั่นจะได้ดีกว่าแพรไหม
พันทิญาเดินมองไปรอบๆ ห้องรับแขกบ้านแสงฉายอย่างตื่นตาตื่นใจ “หรูจัง .... นี่ถ้าได้เป็นเจ้าของ ...โอ๊ย.... ไม่อยากจะคิดเลย” พันทิญาพูดกับตัวเอง
แสงฉายเดินเข้ามายืนมอง พันทิญาหันมาเห็นก็ยิ้มหวานแล้วใส่เสน่ห์เต็มที่“สวัสดีครับ คุณพัน” แสงฉายทัก
“อุ๊ย เจ้า ... พันต้องขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนถึงบ้าน” พันทิญาทำเป็นเกรงใจ “คุณพันคงมีเรื่องด่วน ถึงมาหาผมถึงบ้าน”
“พันได้ยินจากยายแพรว่า เจ้าถูกลอบวางระเบิด....พันเป็นห่วงก็เลยมาแวะมาเยี่ยมค่ะ... เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“พวกนั้น มันทำอะไรผมไม่ได้หรอก...ฝีมือมันกระจอกเกินไป” แสงฉายบอก “ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”
“พันห่วงเจ้าอยู่แล้วล่ะค่ะ.....ห่วงมานานแล้วค่ะ...แต่เจ้าไม่สนใจเอง” พันทิญามองด้วยสายตาเจ้าชู้เพราะต้องการเปิดเผยความรู้สึก แสงฉายรู้ทันจึงเดินเลี่ยงไป
พันทิญายิ้มอย่างสมใจแล้วเดินตามไปก่อนจะตัดสินใจพูดใส่ไฟ“เจ้าสนใจแต่ยายแพร .... ทั้งที่ยายแพรไม่เคยรักเจ้าเลย”
แสงฉายนิ่งไป พันทิญาได้ทีก็ใส่ไฟต่อ“เมื่อคืนก็ทะเลาะกับคุณแม่อีกแล้ว จะยกเลิกงานแต่งงานให้ได้ ไม่รู้ว่าแอบไปมีใจให้ใคร” พันทิญาเดินไปด้านหน้าแสงฉาย แสงฉายมองพันทิญาอย่างรู้ทัน“หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหม” แสงฉายถาม พันทิญาไม่พอใจแต่ก็ยังพยายามใจเย็น “พันกลับก็ได้ค่ะ...พันก็แค่ไม่อยากให้เจ้าไว้ใจยายแพรนัก .... เจ้าลองคิดดูนะคะว่าทำไมยายแพรถึงไม่อยากแต่งงานกับเจ้า ... ทั้งที่เจ้าออกจะหล่อ รวย แล้วก็มีเสน่ห์ บางที ยายแพรอาจจะแอบมีใจให้คนอื่นอยู่ก็ได้นะคะ...ไม่อย่างงั้น คงไม่หาทางเลิกล้มงานแต่งงานกับเจ้าหรอกค่ะ”
พันทิญาพูดจบก็เดินจากไปแต่แกล้งทำรองเท้าพลิกแล้วเซจวนจะล้ม แสงฉายเข้าไปรับไว้ได้พอดี พันทิญาแกล้งเซถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าแสงฉายแล้วจงใจมองเขาตาฉ่ำ แสงฉายดึงตัวออกไป“เดี๋ยวผมไปส่งที่รถ...เชิญครับ”
พันทิญาจำต้องเดินตามแสงฉายไป เธอรู้สึกว่ายิ่งยากก็ยิ่งท้าทาย
อ่านต่อหน้าที่ 4
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 7 (ต่อ)
ไฟที่หน้าเมรุในวัดกำลังลุกโชน บุญศรียืนอยู่กับปรางแก้ว ภูผา และทวีป ส่วนแพรไหมยืนห่างออกไปปะปะกับแขกเหรื่อร่วมงานจำนวนหนึ่ง บุญศรีร้องไห้โฮด้วยความอาลัยลูกชาย ภูผากอดแม่แน่น ขณะที่ตาของเขาแดงก่ำน้ำตาคลอ แพรไหมยืนมองด้วยความเห็นใจภูผา “ชัย ลูกแม่....ไปสู่สุคตินะลูก... ถ้าชาติหน้ามีจริง เกิดมาเป็นลูกแม่อีกนะ”
ภูผาดึงตัวบุญศรีเข้ามากอด ส่วนตัวเขาเองก็น้ำตารินไหลออกมาด้วยความอาลัย ปรางแก้ว ร้องไห้ด้วยความสงสารภูผา ทวีปได้แต่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าเศร้า เปลวไฟในเมรุยังคงลุกโชน
เมื่อจบพิธีเผาศพ ทุกคนแยกย้ายกลับกันไปหมดเหลือไว้เพียงความเงียบเหงา ภูผาประคองบุญศรีมาที่รถ ทวีปกับปรางแก้วเดินตามมา
“แม่กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนนะครับ...เดี๋ยวผมจะอยู่จัดการธุระทางนี้ก่อน” ภูผาบอก
“รีบกลับบ้านนะลูก” บุญศรีพูด
“ครับแม่” ภูผาหันไปหาทวีป “ฝากแม่หน่อยนะเพื่อน”
“ไม่เป็นไร....แม่แก ก็เหมือนแม่ฉัน...ไม่ต้องเป็นห่วง” ทวีปบอก
ภูผาพยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ ปรางแก้วมองภูผาด้วยความเห็นใจ “พี่ภูดูแลตัวเองด้วยนะคะ....วันนี้ ทั้งวัน พี่ภูแทบไม่ได้ทานอะไรเลย” ปรางแก้วเป็นห่วง “ใช่.... แม่แกเหลือลูกชายอยู่คนเดียวนะโว๊ย... แกต้องมีชีวิตอยู่เพื่อแม่” ทวีปย้ำ “แต่พี่ชัยไม่น่าตายเลย” ภูผาคร่ำครวญ
“ถึงวันนี้ แกต้องยอมรับความจริง ... แกต้องเข้มแข็ง อย่าลืมนะโว๊ย แกยังมีคุณป้าที่ต้องดูแล”“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก...ฉันอยู่ได้” ภูผาพยายามตัดใจ
ทวีปตบไหล่ภูผาพร้อมทั้งมองด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ ภูผาเปิดประตูแล้วประคองแม่ขึ้นไปนั่งด้านหลัง ปรางแก้วเดินอ้อมไปนั่งอีกด้าน ทวีปขับรถออกไป ภูผามองตามรถไปจนลับตา
ภูผาเดินกลับมาที่หน้าเมรุ แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแพรไหมยืนมองเปลวไฟที่ใกล้จะมอด โดยที่น้ำตารินไหลออกมาอยู่ “คุณชัยคะ .... ฉันอยากให้คุณรู้เอาไว้ว่า ฉันเสียใจ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เรื่องราว มันจะเลวร้ายถึงขนาดนี้ ฉันอยากจะมีโอกาสได้บอกกับคุณด้วยตัวเอง ได้ขอโทษคุณด้วยตัวเอง แต่ฉันคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ... อโหสิกรรมให้พี่พันด้วยนะคะ”
แพรไหมก้มหน้าร้องไห้ ภูผาเดินเข้ามาพูดกับเธอ“น้ำตาของคนเจ้าเล่ห์อย่างคุณ มันไม่มีค่านักหรอก อย่าร้องให้เสียน้ำตาเลย”
แพรไหมเช็ดน้ำตาแล้วหันกลับไปมองภูผาอย่างตกใจ“คุณภูผา... ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้ว”
“ถ้ากลับไป ผมคงไม่ได้เห็นคุณเล่นละครหลอกพี่ชัย” ภูผาว่า “เขาตายแล้ว คุณก็ยังหลอกเขาไม่เลิก... คุณนี่มัน ร้ายกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก”
“ฉันแค่อยากให้เขารู้ว่า ฉันเสียใจ”
“แค่เสียใจ ไม่พอหรอก...คุณต้องชดใช้ด้วย” ภูผาบอก ภูผาตรงเข้าไปกระชากแขนแพรไหมอย่างแรง
“ปล่อยนะ คุณจะพาฉันไปไหน”
“ไม่ต้องถาม....ไปเดี๋ยวนี้เลย” แพรไหมดิ้นรนไม่ยอม ภูผาจึงอุ้มแพรไหมแล้วเดินออกไป
รถภูผาแล่นไปจอดบนลานจอดรถของร้านอาหารใกล้กับจุดที่ชัยกระโดดตึกลงไป แพรไหมยังคงนั่งนิ่งอยู่ในรถ เธอมองภูผาด้วยความตื่นกลัว “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” แพรไหมถาม ภูผาออกคำสั่ง “ลงไป”“คุณจะทำอะไร”
“อย่ามาตีหน้าซื่อ ... เพราะยิ่งคุณทำเป็นไร้เดียงสาเท่าไหร่ มันยิ่งตอกย้ำให้คนอื่นเห็นความเลวของคุณมากขึ้น”
ภูผาเดินไปเปิดประตูรถ แล้วกระชากแขนแพรไหมเต็มแรงให้ลงมาจากรถ“ปล่อยฉันนะ คุณไม่มีสิทธิทำกับฉันอย่างงี้” แพรไหมดิ้นรน “มีสิ... คุณทำให้พี่ชัยตาย...คุณต้องรับผิดชอบด้วยชีวิตของคุณ”
ภูผากระชากแขนแพรไหมเข้ามาใกล้ตัวแล้วจ้องหน้าด้วยสายตาโกรธแค้นจนแทบจะแผดเผาให้ไหม้
“คุณจะทำอะไรฉัน...ปล่อยฉันเถอะ...ฉันรู้ว่าคุณเสียใจที่พี่ชายคุณตาย แต่ฉันก็ไม่ได้ฆ่าเขา”“คุณนั่นแหละทำ...บอกมา คุณพูดอะไร ให้เขากระโดดลงไป...บอกมา ไม่อย่างงั้น ผมจะโยนคุณลงไปเอง...ให้ตายตกไปตามพี่ชัยยิ่งดี พี่ชัยจะได้ ไม่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยว...เขารักคุณมากนี่...คุณน่าจะไปอยู่กับเขา”
แพรไหมเบิกตากว้างด้วยความกลัว ภูผาผลักแพรไหมออกไปอย่างแรงจนเธอเซไปยืน ณ จุดที่ชัยกระโดดลงไป
ที่บ้านแพรไหม ศุภลักษณ์ร้อนใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าลูกสาวยังไม่กลับ พันทิญากับวนิดานั่งมองตากันแล้วยิ้มอย่างสมใจที่แพรไหมหายตัวไป น้อยที่นั่งอยู่ถัดไปรอดูสสถานการณ์ “ยายแพรชักจะเหลวไหลใหญ่แล้ว จนป่านนี้ ยังไม่กลับ” ศุภลักษณ์ร้อนใจ “ก็ไปร่วมงานศพพี่ชายของคนสำคัญ ป่านนี้ก็อาจจะไปไหนต่อไหนแล้วก็ได้” พันทิญากระแหนะกระแหน
“อย่าดูถูกน้องนะยายพัน...ยายแพรไม่ใช่คนมักง่าย” ศุภลักษณ์ว่า“ที่ยายพันพูด เพื่อให้คุณพี่ระวังไว้บ้างน่ะค่ะ... เด็กที่เรียนเมืองนอกนานๆ บางทีก็อาจจะซึมซับวัฒนธรรมแบบเด็กฝรั่งมาบ้าง ไม่มากก็น้อย” วนิดารีบแก้ต่าง
“ใช่ค่ะ คุณแม่ลองคิดดูนะคะ ถ้ายายแพรไม่มีความสัมพันธ์กับนายคนนั้น ยายแพรจะไปร่วมงานศพทำไมทุกวัน...เพื่อนกัน..ไปวันเดียว ก็ถือว่าได้แสดงน้ำใจแล้วนะคะ..พันว่า นายคนนี้ ต้องเป็นเพื่อนพิเศษมากๆ”
พันทิญาหันไปลอบยิ้มและสบตากับวนิดาที่ได้ทีใส่ไฟ ศุภลักษณ์หันไปพูดกับน้อย“น้อย ... โทรไปหาคุณแพรสิ”
“ใช้โทรศัพท์บ้าน หรือใช้โทรศัพท์มือถือดีคะ” น้อยถาม“อะไรก็โทรไปเถอะน่ะ”
น้อยเดินไปกดโทรศัพท์ต่อสายออกไปทันที
ภูผายังคงยืนประจันหน้ากับแพรไหม ทันใดนั้นโทรศัพท์ของแพรไหมก็ดังขึ้น แพรไหมหยิบขึ้นมา ภูผาเดินเข้าไปแล้วกระชากโทรศัพท์มือถือมาจากมือแพรไหม แพรไหมตกใจ“อย่านะ“ แพรไหมร้องห้าม ภูผาเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าตัวเอง“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ” แพรไหมบอก
“ใช่ ผมเป็นบ้า... คนที่พี่ชายถูกทำร้ายจิตใจจนฆ่าตัวตายคงไม่มีใครทำใจได้หรอก… ผมไม่ฆ่าคุณก็บุญแล้ว”
“คุณก็ฆ่าฉันเลยสิ ... ถ้าฉันตายไปเสียได้ ... เรื่องทุกอย่างมันจะได้จบ”
แพรไหมร้องไห้และระเบิดอารมณ์ “ชีวิตของผู้หญิงโกหกหลอกลวงอย่างคุณ ไม่มีค่าเท่ากับชีวิตของพี่ชายผมหรอก.... ตายไปก็ไม่คุ้ม”
แพรไหมหันรีหันขวาง พอเห็นรถคันหนึ่งแล่นผ่านมา เธอก็ทำท่าจะวิ่งออกไปตัดหน้า ภูผาตามไปกระชากแขนกลับมา
“คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น....มานี่”
ภูผาลากแขนแพรไหมไปยังจุดที่ชัยกระโดดตึกลงไป“บอกมา คุณพูดอะไรกับพี่ชัยในวันนั้น เขาถึงได้กระโดดลงไป”
“ฉันไม่รู้ ... ไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ยังไง คุณอยู่กับเขาสองคน... แล้วแหวนนี่ล่ะ” ภูผาตะคอก
แพรไหมงง “แหวน”“ใช่ แหวนที่คุณให้เขาซื้อให้ ... หรือว่า มันมีราคาน้อยเกินไป คุณถึงเอามาคืนเขา เพื่อไปแต่งงานกับเจ้าแสงฉาย”
“ไม่จริง...ฉันไม่เคยคิดอย่างงั้นเลย...ฉัน...ฉันไม่เคยอยากได้ของเขาเลย”
“โกหก ไม่อยากได้ แล้วคุณหลอกให้เขาซื้อให้ทำไม .... หา”
ภูผาเขวี้ยงแหวนใส่หน้าแพรไหม แพรไหมตกใจเพราะคาดไม่ถึงภูผาตรงเข้าไปกระชากแขนแพรไหม
“บอกมาเดี๋ยวนี้ คุณพูดอะไรให้พี่ชัยฆ่าตัวตาย...ไม่อย่างงั้น ผมจะผลักคุณลงไปเดี๋ยวนี้ ... ให้ตายไปตามกันเลย”
ภูผาลากแขนแพรไหมไปที่ขอบกั้นที่จอดรถ แพรไหมมองไปเบื้องล่างด้วยความหวาดกลัว “ปล่อยนะ...ฉันกลัว...ปล่อยฉัน”
“ตอนนี้ กลัว แล้วตอนที่คุณทำร้ายจิตใจเขาล่ะ...คุณคิดบ้างไหมว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหน ...หัวจิตหัวใจ คุณทำด้วยอะไร คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า”
แพรไหมทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวจนเป็นลมไป ภูผารับร่างของแพรไหมเอาไว้ได้ทัน เขาหยิบแหวนที่ตกอยู่ขึ้นมาก่อนจะอุ้มร่างแพรไหมไปที่รถ เขามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนลงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวอีก แล้วเขาก็ขับรถออกไปจากที่นั่น
พันทิญาเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจอยู่ภายในห้อง วนิดาเดินเข้ามามองด้วยความเป็นห่วง “ป่านนี้ ยายแพรไม่หลุดปากบอกมันแล้วเหรอว่า พันเป็นคนที่ทำพี่ชายมันตาย” พันทิญากระวนกระวาย
“คงไม่หรอกจ๊ะ...ยายแพรรับปากแล้วนี่ ว่าจะไม่พูด ถึงมันบอกว่าพันเอาชื่อมันไปใช้ แต่ใครจะเชื่อ ถ้าพันไม่ยอมรับซะอย่าง” วนิดาให้กำลังใจ
“แต่พันก็ไม่สบายใจอยู่ดี .... ท่าทางน้องชายมัน เอาเรื่องอยู่นะคะ น้าดา”
วนิดาเดินเข้ามากอดพันทิญาด้วยความรัก
“น้าว่า พันแต่งตัวสวยๆ ไปต้อนรับ เจ้าแสงฉายดีกว่า พี่ศุภโทรไปตามเจ้าแสงฉาย...คงให้มาช่วยตามยายแพรน่ะ” วนิดาบอก
“แล้วเจ้าก็รีบมา...ไม่รู้ว่ามันมีดีอะไรนักหนา... เจ้าแสงฉายถึงได้เลือกมัน....จืดชืดออกจะตาย” “เจ้าอาจจะไม่เคยเจอพันของน้า ก็เลยเลือกผิด...แต่ตอนนี้ เจ้าแสงฉายยังไม่ได้แต่งงานกับยายแพรนี่จ๊ะ...น้าว่าพันก็ยังมีสิทธิ์”
“จริงด้วยค่ะ... เจ้าดูดีกว่าคุณพิพัฒน์ตั้งเยอะแน่ะ...หล่อก็หล่อกว่า รวยก็รวยกว่า ... ถ้าได้แต่งงานกับเจ้าแสงฉาย.. พันจะได้เป็นเจ้าหญิงแห่งเชียงทวายอีกต่างหาก” พันทิญาหัวเราะอย่างมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง วนิดายิ้มอย่างสมใจ
ที่ห้องรับแขกบ้านแพรไหม ศุภลักษณ์นั่งอยู่กับแสงฉายและมีสีหน้ากังวล“ก่อนที่โทรศัพท์จะถูกตัด น้อยได้ยินเสียงร้องของยายแพรน้าเป็นห่วงยายแพรเหลือเกินค่ะ” ศุภลักษณ์ระบาย
“ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณน้า ... ผมจะให้คนช่วยตามหาคุณแพรให้เร็วที่สุด” แสงฉายบอก“ขอบคุณมากค่ะเจ้า” ศุภลักษณ์รู้สึกเกรงใจ “เจ้าเลยต้องวุ่นวายไปด้วย”“ไม่เป็นไรครับ เรื่องของคุณแพร มันเป็นเรื่องของผมอยู่แล้ว.... แล้วคุณน้าสงสัยใครหรือเปล่าครับ”
“น้าไม่ทราบจริงๆค่ะ ... ช่วงนี้ยายแพรไปงานศพของคนรู้จักทุกวัน ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกัน” ศุภลักษณ์บอก
แสงฉายอึ้งแล้วก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
ภูผาขับรถผ่านหน้าโรงแรมม่านรูด แล้วเขาก็ชะลอจอดก่อนจะหันไปมองแพรไหมที่ยังนอนหลับอยู่ สายตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมาด้วยความแค้นก่อนจะตัดสินใจขับรถเข้าไป ในม่านรูด พนักงานของโรงแรมเดินเข้ามาถาม
“ชั่วคราว หรือ ค้างคืนครับ”
“ค้างคืน“ ภูผาตอบ “500 บาทครับ” ภูผาล้วงเงินให้ พนักงานรับเงินแล้วเดินออกไป ภูผาอุ้มร่างแพรไหมออกไปจากรถทันที
ภูผาวางแพรไหมลงบนเตียงในห้อง แพรไหมนอนหลับตาพริ้ม ภูผามองเธอด้วยสายตาเย็นชา แพรไหมค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วกวาดตามองไปรอบๆห้อง พอเห็นภูผายืนอยู่ เธอก็ตกใจ “คุณ....”
“นึกว่าตายแล้วซะอีก” ภูผาพูด “ที่นี่ที่ไหน” “โรงแรมม่านรูด” ภูผาตอบ แพรไหมตกใจแล้วก็ก้มลงสำรวจตัวเอง “คุณทำอะไรฉัน”“ผู้ชาย พาผู้หญิงเข้าม่านรูด เขาเข้ามาทำอะไรกันล่ะ” ภูผาสวนแพรไหมทั้งโกรธทั้งเสียใจ “คุณเห็นฉันเป็นอะไร” “ทำไม...คุณวิเศษกว่าผู้หญิงพวกนั้นตรงไหน... ก็แค่มีเงินมากกว่า เจ้าเล่ห์มารยามากกว่า ถึงได้ปั้นหน้าหลอกลวงผู้ชายให้หลงจนยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน...ที่นี่ มันก็เหมาะสมกับผู้หญิงเลวๆ อย่างคุณแล้วนี่”
แพรไหมลุกขึ้นก่อนจะวิ่งออกไป ภูผาพุ่งเข้าไปขวางและโยนแพรไหมลงบนเตียง “อย่าดัดจริตให้มันมากนัก...อย่างคุณคงคุ้นเคยกับเรื่องอย่างว่า ถึงได้หลอกผู้ชายให้หลงหัวปักหัวปำ...หรือว่า อยากให้พาไปโรงแรมหรูๆ ถึงจะมีอารมณ์...หา” แพรไหมทั้งโกรธทั้งเจ็บใจจนน้ำตาคลอ เธอเขวี้ยงหมอนใส่ภูผาเต็มแรง ก่อนจะลุกขึ้นและผลักภูผาออกไปอย่างแรง ทั้งคู่ยื้อหยุดฉุดกระชากกันไปมา แพรไหมกรีดร้อง “ช่วย...” ภูผากระชากแพรไหมขึ้นมาจูบเพื่อปิดปากทันที
แพรไหมตบ ภูผาก็จูบอีก ในที่สุดแพรไหมก็โอนอ่อนมือที่ทุบตีเขาค่อยๆ คลายออก ภูผาถอนปากออกแล้วมองอย่างเคียดแค้น แพรไหมค่อยๆลืมตาขึ้น ภูผากลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนจึงผลักแพรไหมลงไปนอนบนเตียง
“ที่จูบ ไม่ได้พิศวาสหรอกนะ... ผู้หญิงอย่างคุณ... ไม่ได้มีค่าขนาดนั้น” ภูผารีบบอก แพรไหมร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ “ถ้าคุณรังเกียจฉันนัก...ก็ปล่อยฉันไปสิ เอาตัวฉันไว้ทำไม... ฉันอยากกลับบ้าน...ปล่อยฉันไปเถอะนะ อย่าทำกับฉันอย่างงี้เลย...ฉันยอมชดใช้ให้คุณทุกอย่าง...ถ้ามันจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น”
“ชดใช้เหรอ” ภูผาสวน “เงินเท่าไหร่ มันถึงจะช่วยทำให้พี่ชายผมฟื้นขึ้นมาได้”“แล้วคุณต้องการอะไร” แพรไหมถาม “ชีวิต ต้องแลกด้วยชีวิต” ภูผาบอก แพรไหมทำท่าจะลุกขึ้น ภูผากระโดดขึ้นไปบนเตียง แพรไหมดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ภูผาใช้ผ้าเช็ดตัวมัดมือแพรไหมไว้แน่น
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย ... คนบ้า” แพรไหมร้องโวยวาย “ใช่ ผมมันบ้า .... ก็ใครล่ะ ที่ทำให้ผมบ้า... อย่าดิ้นได้ไหม เดี๋ยวก็ฆ่าให้ตายซะหรอก”
ภูผาใช้ผ้าเช็ดตัวอีกผืนมัดขาแพรไหม “ปล่อยฉันไปเถอะนะ อย่าทำอะไรฉันเลย” “หยุดพูดไปเลยนะ...ไม่อย่างงั้น จะมัดปาก ไม่ให้พูดเลย”
สายตาอันแข็งกร้าวของภูผาทำให้แพรไหมหยุดนิ่งด้วยความกลัว แพรไหมนอนนิ่งเหมือนยอมจำนน เธอปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมา ภูผาสายตาอ่อนโยนลง เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้วน้ำตาของเขาก็คลอออกมาด้วยความแค้น แพรไหมค่อยๆลุกขึ้นนั่งมองภูผาด้วยความเห็นใจ เธอไม่รู้ว่าจะบอกเขาอย่างไรว่าเธอไม่ได้ทำให้พี่ชายของเขาตาย
ธนายืนรออยู่หน้าบ้านของแพรไหม คม เชี่ยวและพลยืนเยื้องห่างออกไป พันทิญายืนรอจังหวะอยู่แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่น้อยเดินเข้ามาทักขึ้นเสียก่อน“คุณพันจะไปไหนคะ”
“หลีกไป....ฉันจะไปกับเจ้า” พันทิญาว่า
“แล้วรถคุณพันล่ะคะ...ทำไมไม่เอารถไป” น้อยถามต่อ
“รถเสียย่ะ” พันทิญาตอบทันที พูดจบพันทิญาก็ทำท่าจะเดินไป น้อยยังคงสงสัยจึงรีบเดินไปดักหน้า “เอ๊ะ คุณพันขา....ตอนเย็นก็ยังดีๆอยู่นี่คะ”
“อีโง่ ... กินปลาน้อยไปหรือเปล่า... ตอนเย็นไม่เสีย ตอนนี้มันก็เสียได้นี่” พันทิญาว่า น้อยยังคงสงสัย “แต่...” พันทิญาผลักน้อยจนเซไปก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าแสงฉาย แสงฉายเดินออกมาจากบ้านพอดี พันทิญาเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยขึ้น
“เจ้าคะ”
แสงฉายหยุดเดินแล้วหันมามอง พันทิญายิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปหา “พันว่า จะขอติดรถไปด้วย .... พอดี รถพันเสียน่ะค่ะ”
“คุณจะไปไหน” แสงฉายสวนพันทิญาแสร้งตีหน้าเศร้า “ไปตามยายแพรน่ะค่ะ”
“คุณรู้เหรอว่า คุณแพรอยู่ที่ไหน “ แสงฉายถามต่อ “แค่สงสัยน่ะค่ะ ... เพราะช่วงนี้ พันเห็นยายแพรสนิทสนมกับบอดี้การ์ดของเจ้าเป็นพิเศษ บางที ยายแพรอาจจะไปอยู่ที่บ้านของคุณภูผาก็ได้”
“ไปสิ...คุณรู้เหรอว่า บ้านเขาอยู่ที่ไหน”
“ไม่ทราบค่ะ ... แต่คงไม่เกินความสามารถของเจ้ามั๊งคะ”
แสงฉายหันไปหาธนาแล้วออกคำสั่ง“หาที่อยู่ของภูผา แล้วก็พาฉันไปดูให้เห็นกับตา”
“ได้ครับเจ้า” ธนารับคำ
แสงฉายรู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง พันทิญาเห็นก็ลอบยิ้มอย่างสมใจ
แพรไหมนอนหลับในสภาพที่ยังคงถูกมัดมือมัดเท้าอยู่บนเตียงในโรงแรมม่านรูด สักพักเธอก็สะดุ้งตื่นแล้วร้องโวยวายเมื่อรู้สึกว่ามีใครมาถูกตัว “อย่า...อย่าทำอะไรฉันนะ”
แพรไหมลืมตาขึ้นก็เห็นภูผากำลังแก้มัดให้เธออยู่ “อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย...เดี๋ยวก็ปล่อยให้นอนอยู่ในห้องนี้จนเช้า” ภูผาบอก“อย่านะ...ฉันกลัว ปล่อยฉันกลับบ้านเถอะนะ ป่านนี้ แม่ฉันคงเป็นห่วงจะแย่แล้ว” “ความเป็นห่วงของแม่คุณ เทียบไม่ได้กับแม่ผมที่ต้องเสียลูกชาย”
ภูผาแก้ผ้าเช็ดตัวที่มัดแขนและขาของแพรไหมออกแล้วก็กระชากแขนแพรไหมขึ้นมา แพรไหมร้องโวยวาย “คุณจะพาฉันไปไหน”
ภูผาไม่ตอบ เขาลากแขนแพรไหมออกไปจากห้องแล้วก็ปิดประตูทันที
จบตอนที่ 7