xs
xsm
sm
md
lg

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 7

หญิงมานศรีประคองทิวเข้ามาที่หน้าบ้านลุงแย้ม หลังจากที่เธอพาเขาไปทำแผลเรียบร้อยแล้ว ลุงแย้มตามตะเกียงออกมาเห็น ตกใจ

“นายทิว”
“นายทิวให้ฉันพามาหาลุงที่นี่ รีบมารับทีเถอะ”
ลุงแย้มเข้ามาช่วยทิวจากหญิงมานศรี และประคองทิวเข้าข้างในไป หญิงมานศรีเดินตามทิวเข้าไปในกระท่อม
ลุงแย้มช่วยประคองทิวนอนลงบนที่นอน หญิงมานศรีมายืนข้างๆทิว
“ฉันพานายไปทำแผลเรียบร้อย...บอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมไม่ให้ฉันบอกใคร แต่ลุงคนนี้รู้เรื่องได้”
“ลุงแย้มเป็นคนสนิทของพ่อ...และไม่เคยไว้ใจนายเทพเหมือนฉัน”
ลุงแย้ม ชะงัก หญิงมานศรีถอนใจ
“ไม่ใช่เหตุผล”
“บอกแล้วเธอจะเชื่อฉันงั้นเหรอ”
“แล้วนายจะเชื่อใจฉันได้เหรอ ว่าฉันจะไม่บอกใครอย่างที่รับปากนายไว้”
“ฉันต้องเชื่อใจ...คนที่ฉันตั้งใจจะ...จีบ”
ลุงแย้มแทบทำของตกเมื่อได้ยินทิวพูด
“นายทิว นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่น”
ทิวจับมือหญิงมานศรีเอาไว้
“ฉันพูดจริง...”
“ลุงขอตัวไปดูข้างนอกก่อนนะ นายทิว”
ทิวพยักหน้าให้ลุงแย้ม ลุงแย้มเดินออกไป หญิงมานศรีรีบปัดมือทิวออกไป
“ขืนทำรุ่มร่ามกับฉันอีกครั้งเดียว ทุกคนต้องรู้เรื่องของนาย”
“ถ้าเธออยากให้ฉันตายสมใจนายเทพนั่นจริงๆ ก็เอาสิ”
“นายกำลังจะบอกฉันว่า....คุณเทพเป็นคนทำนายงั้นเหรอ นายมันโรคจิตคิดอาฆาตไม่เลิก”
“แล้วทำไมเธอถึงได้ปักใจเชื่อนักว่านายเทพนั่นเป็นคนดี”
“ฉันตัดสินคนจากการกระทำ”
“แค่ในช่วงเวลาสั้นๆ”
หญิงมานศรีอึ้ง
“อยากรู้จักใครให้ถ่องแท้ เธอต้องใช้เวลาศึกษามากกว่านี้ ถ้าอยากรู้เหตุผลว่าทำไมฉันถึงเกลียดผู้ชายที่เธอเทิดทูนบูชา...เธอก็ต้องรอดูต่อไป”
“ฉันไม่จำเป็นต้องฟังคำแนะนำจากนาย”
หญิงมานศรีเดินออกไป ทิวมองตาม นึกลุ้นในใจ
“ถ้านายเทพรู้เรื่องนี้...ฉันจะไม่รู้สึกผิดบาปอะไรเลยที่...ตั้งใจทำร้ายจิตใจเธอ เพราะคนอย่างเธอมันไม่มีค่าพออย่างที่คิดจริงๆ”

หญิงมานศรีเดินเข้าคฤหาสถ์ ใจเลื่อนลอย คิดถึงเรื่องของทิว
“ทำไมฉันต้องเชื่อคนเลวๆอย่างนาย”
หญิงสาวเดินเข้ามาเจอเทพที่หน้าตายิ้มแย้ม อารมณ์ดีมาก
“คุณหญิงไปเที่ยวถึงไหนมาครับ”
“หญิงไม่ได้ไปเที่ยวหรอกค่ะ แต่หญิง...”
เธอชะงัก คิดถึงคำพูดของทิว...
‘อยากรู้จักใครให้ถ่องแท้ เธอต้องใช้เวลาศึกษามากกว่านี้ ถ้าอยากรู้เหตุผลว่าทำไมฉันถึงเกลียดผู้ชายที่เธอเทิดทูนบูชา....เธอก็ต้องรอดูต่อไป’
หญิงมานศรีจ้องหน้าเทพ ที่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ไม่ได้ไปเที่ยว แล้วไปไหนมาครับ”
หญิงมานศรีตัดสินใจโกหก
“หญิง...ไปดูหนังมาค่ะ”
“คนเดียวเนี่ยเหรอครับ”
“ค่ะ คนเดียว...หญิง...หงุดหงิดพิไลพรนิดหน่อยค่ะที่ไม่ฟังหญิง ไปสนิทสนมกับนายทิวอยู่ได้ หญิงเลยไปคนเดียว”
“อ้อ...นายทิวเนี่ย...ไม่เบา ทั้งๆที่ทำตัวร้ายกาจขนาดนั้น คุณพรยังหลงเสน่ห์”
“พรไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับนายทิวหรอกค่ะ แต่แม้แต่ความเป็นเพื่อน หญิงก็ไม่อยากให้เป็น...”
“เฮ้อ...สงสารนายทิวนะครับ..ที่เสียโอกาสได้เป็นเพื่อนกับคุณหญิง”
“คุณเทพ ไม่ได้เคืองโกรธอะไรนายทิวบ้างเหรอคะ”
“ผมมีแต่ความปรารถนาดีต่อเขาครับ ไม่เคยแม้สักครั้งที่จะคิดร้าย”
หญิงมานศรีพยายามจะอ่านเทพให้ทะลุ เทพเห็นเธอหน้าเครียดก็แปลกใจ
“ท่าทางจะไปดูหนังซีเรียสมา ดูคุณหญิงยัง...เครียดๆอยู่นะครับ”
“ค่ะ...เอ่อ..คงจะ...อย่างนั้น...ขอตัวก่อนตัวค่ะ”
หญิงมานศรีเดินเลี่ยงเทพออกไปทันที เทพมองตาม รู้สึกผิดปกติกับท่าทางของเธอ ขณะที่หญิงมานศรีเมื่อเข้าไปในห้อง มาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“นายทิว...คุณเทพ...ซาตานกับ...เทพบุตร...ฉันกำลังเข้าใจถูกอยู่หรือเปล่า”
หญิงสาวทอดถอนใจด้วยความหนักใจ

เสกสรรค์ที่ได้รับการรักษา กระทั่งหายดี ได้ออกจากโรงพยาบาล กลับมาที่บ้าน พันทิพาต่อว่าอย่างไม่พอใจ
“ฉันเข้าใจไม่ผิดหรอก ตาเสกต้องถูกทำร้ายเจ็บเจียนตายนอนอยู่ใน โรงพยาบาลตั้งหลายวัน เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพวกวังกฤตยา”
เสกสรรถอนใจ
“คุณแม่ยังไม่เลิกอคติ”
พันทิพาสวนทันที
“เขาเรียกว่าไม่โง่ต่างหาก แกต่างหากที่อคติ รักจนไม่มีสมอง จะใครซะอีกล่ะ ที่ไม่อยากให้แกไปยุ่งวุ่นวาย ถ้าไม่ใช่คนพวกนั้น”
เสกสิทธิ์ที่นั่งฟังอยู่นานแล้วแย้ง...
“แล้วคุณมีหลักฐานอะไรไปปรักปรำพวกนั้น ตำรวจยังตามหาตัวคนลงมือไม่เจอเลย”
“มันอาจจะเล่นใต้โต๊ะ ทำให้เรื่องเงียบก็ได้”
“ไม่เอาน่าคุณหญิง ใจเย็นๆก่อน อย่าพาล ตำรวจเขาก็ทำงานของเขาอยู่อย่างเต็มที่”
“ในเมื่อคุณยังยกย่องว่าฉันเป็นคุณหญิง ฉันก็จะไม่ยอมเสียชื่อ ปล่อยให้ใครมาทำร้ายลูกฉันอย่างป่าเถื่อนแบบนี้”
พันทิพาเดินออกไป อย่างไม่สบอารมณ์ เสกสิทธิ์เดินมาพูดกับลูกชาย
“ฉันสงสัย.....ว่าตกลงชีวิตของแกเป็นของแกหรือของแม่แกกันแน่ ตาเสก!”
เสกสรรค์อึ้ง...เสกสิทธิ์มองอย่างไม่ค่อยพอใจ แล้วเดินจากไป โดยปล่อยเสกสรรค์ไว้เพียงลำพัง เสกสรรค์เครียด ตัดสินใจไม่ถูก

วังกฤตยา...หม่อมสรัสวดีลงนั่งข้างๆชายคำรณฤทธี ยิ้มแย้มต้อนรับ หม่อมเจ้าพหลและหม่อมรัชนิกร
“ต้องกราบขออภัยจริงๆค่ะ ที่ดิฉันไม่ได้แจ้งให้ท่านพี่ทราบเรื่องลูกหญิง เห็นว่ากำลังไม่สบาย เลยไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปรบกวนใจ”
หม่อมเจ้าพหลไม่พอใจ
“เรื่องหลานสาวเพียงคนเดียวไปอยู่ไกลบ้านเพียงลำพัง มันคือเรื่องไม่เป็นเรื่องได้ยังไง”
หม่อมสรัสวดีลอบไม่พอใจ แต่ยิ้มสู้ หม่อมรัชนิกรพยายามรักษาบรรยากาศ
“แล้วน้องหญิงเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ชายคำรณ”
“ก็...”
ชายคำรณฤทธียังไม่ทันตอบ หม่อมสรัสวดีพูดแทรก
“ลูกหญิงสบายดีค่ะ ทั้งกายและใจ คุณพี่ไม่ต้องกังวล เพื่อนของดิฉันรับรองลูกหญิงเป็นอย่างดี อีกอย่างพิไลพรเองก็ไปอยู่เป็นเพื่อน ไม่น่าห่วงอะไร”
“ก็ดีจ๊ะ ไว้ว่างๆเราไปเยี่ยมหลานกันนะคะ ท่านชาย”
หม่อมเจ้าพหล มองหม่อมสรัสวดีอย่างไม่ไว้ใจ รู้ทัน
“เธอคิดอะไรของเธออยู่ หม่อมสรัสวดี ปกติเธอหวงลูกสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ แต่นี่กลับสนับสนุนให้ไปอาศัยใกล้ชิดกับคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องการเงิน ซึ่งฉันก็รู้นะ ว่าไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทอะไรของเธอมากมายนัก หากแต่มาจากทางญาติของเมียฉัน”
“ท่านพี่กำลังกล่าวหาดิฉันไปในทางร้ายอยู่นะคะ รู้ตัวหรือเปล่า”
ชายคำรณฤทธีปรามๆ
“หม่อมแม่ครับ ท่านลุงอาจจะไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“ใช่....ชายคำรณ ลุงหมายความอย่างที่พูด คนอย่างลุง ไม่มีคำว่าอ้อมค้อม”
หม่อมเจ้าพหลเสียงเข้ม หม่อมรัชนิกรมองอย่างเป็นห่วง
“ท่านชาย ใจเย็นๆค่ะ เดี๋ยวอาการจะกำเริบนะคะ”
“อาการของฉันไว้สนใจทีหลัง แต่ตอนนี้ฉันกำลังต้องการคำตอบจากปากของ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่คนคนนี้”
บรรยากาศตึงเครียด หม่อมสรัสวดีไม่พอใจ หม่อมเจ้าพหลมากที่รู้ทัน พยายามคิดหาคำตอบ
“ว่าไงล่ะ หม่อมสรัสวดี...เธอจะให้คำตอบฉันได้หรือยัง”
“ดิฉันไม่มีคำตอบอะไรจะให้ท่านพี่หรอกค่ะ นอกจาก...”
ขณะเดียวกัน พันทิพาเข้ามา แม่แล่มตามหลังมาหน้าเสีย เพราะห้ามพันทิพาไม่ได้
“ไปให้พ้นๆ ฉันมีเรื่องจะเคลียร์กับพวกผู้ดีใจดำอำมหิต” พันทิพาดุแม่แล่ม
ทุกคนตกใจกับการมาของพันทิพา
“แม่แล่ม โทรเรียกตำรวจ ว่ามีคนบุกรุกวังกฤตยา” หม่อมสรัสวดีสั่ง
“ได้ โทรมาเลย จะได้มีสักขีพยานกันเยอะๆ เพราะวันนี้ฉันจะแฉพวกคุณออกสื่อ”
พันทิพาหันไปข้างนอก
“น้องๆขา เข้ามาเลยค่ะ”
นักข่าวสองสามคนเข้ามา ทุกคนตกใจ หม่อมเจ้าพหลถามทันที
“นี่มันเรื่องอะไรอีก หม่อมสรัสวดี”
“ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เลยนะคะ หม่อมหม่อมสรัสวดี” หม่อมรัชนีกรถามอย่างไม่สบายใจ
ชายคำรณฤทธีหันไปพูดกับพันทิพา
“คุณหญิงครับ ผมว่าพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วนะครับ”
พันทิพาเชิ่ด
“ฉันน่ะไม่อยากเกี่ยว แต่ถามแม่คุณสิ คุณชาย...ว่าทำอะไรลูกชายฉัน”
“ฉันไปทำอะไร” หม่อมสรัสวดีแปลกใจ
พันทิพาหันไปถามนักข่าว
“น้องๆคะ ถ่ายไว้เลยค่ะ นี่แหละคือโฉมหน้าของคนที่สั่งให้พวกกุ๊ยที่ไหนก็ไม่รู้ ไปลอบทำร้ายลูกชายฉัน เพราะแค้น ที่ฉันถอนหมั้นไม่ยอมให้ลูกชายตกเป็นเหยื่อ ให้ปลิงเกาะ”
นักข่าวรุมถ่ายรูปหม่อมสรัสวดี
“หยุดนะ!”
หม่อมสรัสวดีตกใจ ชายคำรณฤทธีเข้าไปขวางนักข่าว
“หยุดนะ พวกคุณออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
หม่อมเจ้าพหลทรุดลง ด้วยอาการโรคหัวใจกำเริบ
“ว้าย ท่านชาย!!! ชายคำรณช่วยป้าดูท่านลุงเร็ว” หม่อมรัชนีกรร้องอย่างตกใจ
ชายคำรณฤทธี รีบไปดูหม่อมเจ้าพหล ที่หน้าซีดเพราะเจ็บทรวงอก หม่อมสรัสวดีปัดป้องนักข่าวอย่าง โกรธมาก
“ฉันบอกให้ออกไป แม่แล่ม ตามตำรวจมาเดี๋ยวนี้”
แม่แล่มทำอะไรไม่ถูก พันทิพาหัวเราะสะใจ
“ฮ่ะๆๆ ไปเลย ไปตามมา บอกแล้วไงว่าฉันจะประจานหล่อนออกสื่อ ถ่ายเลยค่ะน้อง เห็นมั้ยคะ ว่าปฏิเสธไม่ออก เพราะพวกมันทำจริงๆ”

หม่อมสรัสวดีมองพันทิพาอย่างแค้นใจ

โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป

ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

หญิงมานศรีเดินออกมาจากคฤหาสน์ กำลังจะออกไปข้างนอก บังเอิญเจอกับผ่องทิพย์ที่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

“จะไปไหนเหรอคะ คุณหญิง”
“ไปธุระค่ะ”
“เชิญสิคะ ไปดีๆล่ะ ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ”
“ไม่ต้องเตือนหรอกค่ะ หญิงระวังตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะจากคนที่ไม่ประสงค์ดี”
“นี่ นังคุณหญิง ฉันอุตส่าห์พูดจาดีกับหล่อนแล้วนะ ยังจะมาเล่นตัว ทำหยิ่งยะโสอยู่ได้”
“ไม่ต้องพูดดีก็ได้ค่ะ เพราะหญิงรู้ดีว่าคุณไม่ได้ทำอย่างจริงใจ”
หญิงมานศรีเดินออกไปทันที ผ่องทิพย์มองตามอย่างเจ็บใจ
“เออ เดี๋ยวก็รู้...ว่าฉัน....จริงใจมากที่จะทำให้แก...วิบัติ”
บุญปลูกเข้ามาเสนอหน้ารายงาน
“ได้ของมาแล้วค่ะคุณนายขา”
ผ่องทิพย์ยิ้มย่องทันที
“เอามาให้ดูซิ”
บุญปลูกส่งห่อของเล็กๆให้ ผ่องทิพย์รับมาอย่างพึงพอใจ
“ใครที่ขวางหูขวางตาฉัน...ฉันจะกำจัดมันออกไปให้หมด”

ที่กระท่อม...ลุงแย้มวางถาดข้าวให้ทิว มองอย่างเป็นห่วง
“นายกินเองได้มั้ย”
“ได้ลุง ลุงไปทำงานเถอะ ไม่ต้องห่วงผม”
“ลุงจะไปสืบๆข่าวที่โรงงานดู ว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรกันบ้าง นี่แสดงว่า...ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
ทิวพยักหน้าอึ้งๆ
“แสดงว่ายัยนั่น...ไม่ได้บอกใครจริงๆ”
“แล้วเมื่อไหร่นายจะกลับไป”
“ผมจะรอดูสักพัก ให้มันตายใจกันไปก่อน...ว่าผมตายไปแล้วจริงๆ ถึงเวลานั้นเมื่อผมกลับไป...คงสนุกดีพิลึก”
“ระวังตัวบ้างนะนาย ลุงกลัวว่าก่อนที่เรื่องจะเปิดเผย นายจะเป็นอะไรไปซะก่อน”
“ขอบคุณลุงมากครับ”
ลุงแย้มออกไป...ทิวลุกขึ้นจะกินข้าว แต่ปวดแผล พยายามจะยกช้อน แต่ลำบาก

หน้ากระท่อม…ลุงแย้มจะออกไปทำงาน หันมา เห็นหญิงมานศรียืนอยู่
“เชิญครับ คุณหญิงเลขา”
“ค่ะ”
หญิงมานศรีเดินเข้าไปอย่างเกรงใจ ลุงแย้มมองยิ้มๆ แล้วเดินแยกไป

ในกระท่อม...ทิวกำลังตักข้าวเข้าปากอย่างลำบาก พอเห็นหญิงมานศรีเดินเข้ามาเห็น ทิวแกล้งปล่อยช้อนลงทันที แล้วทำเป็นปวดแผลมากขึ้นช่วยตัวเองไม่ได้ขึ้นมา
“โอย”
หญิงมานศรีตกใจ
“นายทิว”
หญิงมานศรีรีบเข้าไปดูทิวทันทีอย่างลืมตัว
“ฉัน...จับช้อน...ไม่...ได้...”
“เดี๋ยวฉัน...ป้อนให้...”
“เธอทำได้เหรอ”
“จะกินหรือไม่กิน” หญิงมานศรีทำเสียงแข็งใส่
“ไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ...เธอเกลียดฉันอยู่แล้วนี่”
“ใช่ ฉันเกลียดนาย แต่ฉันยังมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่ ไม่เหมือนนาย”
“จะป้อนข้าว หรือจะด่า เลือกเอา”
ทิวถามอย่างรำคาญ หญิงสาวโต้ทันที
“จะให้ป้อนข้าวให้จะให้ด่าอีก ก็เลือกเอา”
“ป้อนข้าว”
“ก็ไม่ต้องพูด”
ทิวเงียบ หญิงมานศรีตักข้าวป้อนให้ ทิวกินไปมองตาเธอไป จงใจส่งสายตาหวานเชื่อม หญิงมานศรีตัดสินใจตักคำใหม่ ป้อนโดยไม่มองหน้าทิว
“ป้อนให้ตรงปากหน่อยสิ จะให้กินทางจมูกหรือไง”
หญิงมานศรีหันไปมอง พบว่าช้อนจ่ออยู่ที่จมูกของทิว เธอหลุดยิ้ม ก่อนจะรีบทำขรึม ป้อนข้าวให้ทิวต่อไป หน้าเข้มๆ ทิวเผลอยิ้มออกมาอย่างเธออย่างเอ็นดู

เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว หม่อมสรัสวดีกรี๊ดเสียงดังลั่นบ้านด้วยความโมโห แม่แล่มหน้าตาตื่นตกใจวิ่งเข้ามา
“หม่อมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไปเอาโทรศัพท์มาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“ค่ะๆๆๆ”
แม่แล่มรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มาให้ แล้วเดินแยกไปเมื่อหม่อมสรัสวดีโทรหาเทพ เธอถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เทพยอมรับทันที...
“ใช่เป็นคำสั่งของผมเอง”
“แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะขึ้นหน้าหนึ่งเพราะฝีมือของคุณ ฉันกำลังจะเสียชื่อเพราะสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ”
“แล้วจะให้ผมทำยังไง...ให้ผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วสารภาพว่า ลูกน้องของผมทำร้ายคุณเสกสรรค์งั้นเหรอครับ”
ขณะเดียวกัน พิไลพรที่กำลังจะไปเข้าเวรเดินเข้ามาได้ยินพอดี พิไลพรตกใจ....
“คุณเสกสรรค์ถูกทำร้ายเหรอ!”
เทพหันขวับมาทางพิไลพรพอดี พิไลพรสะดุ้ง ตกใจ รีบเดินหนี ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เทพหน้าเครียด
“หม่อมครับ...ผมมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ สวัสดีครับ”
เทพกดวางสายมองตามพิไลพร สายตาดุดัน ทางด้านหม่อมสรัสวดีคลั่ง ขว้างปาข้าวของ แม่แล่มต้องวิ่งเข้ามาห้าม
“หม่อมคะ ใจเย็นๆค่ะ”
“คอยดูนะ นังคุณหญิงอสรพิษ ฉันจะเอาคืนแกเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลย คอยดู”
หม่อมสรัสวดีแค้นใจพันทิพามาก

พิไลพรเร่งฝีเท้าออกมา มองไปทางด้านหลัง จนไม่ได้มองข้างหน้าว่าเทพยืนขวางทางอยู่ พิไลพรกันมาอีกครั้งก็ชนเข้ากับเทพ
“ว้าย!”
พิไลพรหันมาเห็นเป็นเทพตกใจ
“คุณเทพ”
“กำลังจะไปทำงานเหรอครับ”
“ค่ะ ขอตัวค่ะ”
เทพจับแขนพิไลพรเอาไว้
“เดียวก่อนสิคะ”
“ปล่อยมือดิฉันค่ะ ได้โปรด”
เทพปล่อย
“ผมขอโทษที่แสดงกริยาไม่สุภาพ ผมเพียงแค่...”
พิไลพรขัด
“เคยชินกับการทำแบบนี้ เพราะมันเป็นตัวตนที่แท้จริง แต่เมื่อต้องกดมันเอาไว้ ทำให้เผลอลืมตัวแสดงมันออกมา”
เทพยิ้มขำ รู้สึกท้าทายมาก
“วิเคราะห์ยังกับผมเป็นคนไข้จิตเวชของคุณ”
“ถูกมั้ยล่ะคะ”
“ไม่ถูกครับ คุณคิดผิด”
“ก็ขอให้ดิฉันวิเคราะห์พลาดจริงๆ คุณหญิงจะได้ไม่เสียใจกับเรื่องที่มันเกิดขึ้น”
“เรื่องอะไรครับ เหมือนผมไปทำอะไรที่ผิดต่อคุณหญิงมา”
“รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอคะ”
พิไลพรรีบเดินออกไปทันที เทพมองตามพิไลพรด้วยสายตาคมกริบ

พันทิพาหัวเราะร่าเข้าบ้าน สะใจกับสิ่งที่ไปทำมา เสกสรรค์เดินมาถาม
“คุณแม่...ไปไหนมาครับ”
“ก็ไปแฉแต่หัววันไงจ๊ะลูก รับรองพรุ่งนี้เช้า จะต้องมีรูปนังหม่อมนั่นขึ้นหน้าหนึ่ง ถูกประจานความชั่วไปทั่วประเทศ”
“คุณแม่...”
เสกสรรค์มองแม่อย่างนึกไม่ถึงว่าจะทำอะไรแบบนี้
“ตาเสก ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อย ไปแต่งตัว เดี๋ยวแม่จะพาออกงานไปเจอหลานสาวคุณหญิง...”
“ผมไม่ไปไหน ไม่ไปเจอใครทั้งนั้น”
“ตาเสก พูดกับแม่อย่างนี้ได้ยังไง”
“ผมต้องพูดแบบนี้ เพราะผมต้องการชีวิตของผมคืนมา ต่อไปนี้ ผมจะรักใครแต่งงานกับใคร มันคือเรื่องของผมที่ผมต้องตัดสินใจเอง”
“ไม่ได้นะ”
“ต้องได้ ผมรักหญิงมานศรี...หญิงมานศรี...หญิงมานศรี...คุณแม่ได้ยินมั้ย หญิงมานศรี”
พันทิพาไม่พอใจ ตบหน้าเสกสรรค์อย่างแรง แล้วมองเสกสรรค์ด้วยความผิดหวัง จนพูดอะไรไม่ออก น้ำตาซึม เดินเชิดออกไป
เสกสรรค์คอตก เสียใจ เสกสิทธิ์เข้ามาตบไหล่ลูกชายอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกไป
 
ปล่อยให้เสกสรรค์ยืนนิ่งด้วยความเสียใจอยู่อย่างนั้น
 
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 7(ต่อ)

หญิงมานศรียกแก้วน้ำให้ทิวดื่มน้ำจนเสร็จ ทิวจะยกมือป้ายน้ำที่เปื้อนปาก หญิงสาวจับมือของทิวเอาไว้ ไม่ให้ทำอย่างนั้น ทิวอึ้ง หญิงมานศรีค่อยๆเอากระดาษทิชชู่ซับปากให้ทิวแทน

“ควรจะใช้กระดาษเช็ด ไม่ใช่มือ”
“ฉันไม่ใช่ผู้ดี ไม่จำเป็น”
“มันคือการรักษาความสะอาด ไม่เกี่ยวกับการเป็นหรือไม่เป็นผู้ดี”
หญิงมานศรีมองทิวตาขวาง ลุกขึ้นเก็บชาม แก้วน้ำลุกเดินออกไป ทิวมองตาม ยิ้มพึงพอใจ แต่พอเธอหันกลับมา เขาก็รีบหุบยิ้ม
“ยาหลังอาหาร”
หญิงสาวยื่นให้ ทิวรับมา จับมือเธอเอาไว้
“ทำไมไม่บอกเรื่องของฉันให้คนอื่นรู้”
“เพราะฉันอยากจะดูว่า นายคิดทำอะไรต่อไปกันแน่”
“ไม่จริง เธอเริ่มไม่แน่ใจ และอยากพิสูจน์ว่า...ใครกันแน่ที่เป็นคนเลว”
“ไม่ต้องมาทายใจ”
“ไม่ได้ทาย แต่รู้ใจ”
ทิวมองหญิงมานศรีเจ้าชู้ หญิงมานศรีโกรธทิว ตีที่แขน
“นี่แน่ะ! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยอย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉัน”
“โอ๊ย ฉันเจ็บ”
“กินยาซะ ถ้าไม่อยากตายขึ้นมาจริงๆ”
ทิวรับยามาจากหญิงมานศรี เอายาเข้าปาก หญิงมานศรีป้อนน้ำให้ทิว อย่างระมัดระวัง ทิวประคองมือของหญิงมานศรีเอาไว้เพื่อให้ดื่มน้ำได้ถนัดมากขึ้น สบตากัน...ชั่วอึดใจ...หญิงมานศรีหน้าแดง หลบตา เข้มเข้ามาหน้าตาตื่น
“นาย!”
เข้มเห็นภาพหญิงมานศรีกำลังป้อนน้ำทิว ตกใจ
“เฮ้ย!”
ทิวสำลักน้ำพรวดออกมาทันที
“ไอ้เข้ม!”
“ขอโทษครับที่เข้ามาขัดจังหวะ”
หญิงมานศรีค้อน
“จังหวะอะไร นายเข้ม”
“เปล่าครับ พูดไปงั้นๆครับ อย่าถือสาเข้มเลยครับ”
หญิงมานศรีลุกหนีไป หน้าตาบูดบึ้ง เข้มรีบมาหาทิว ถามอย่างสงสัย
“ลุงแย้มไปกระซิบบอกเข้มว่านายถูกแทง เกิดอะไรขึ้น อะไร ยังไง”
“เลิกโวยวายก่อนได้มั้ย ไอ้เข้ม”
เข้มหุบปาก...มองหน้าทิวเขม็ง ทิวพยายามหลบซ่อนสายตาลึกล้ำบางอย่าง ที่รู้สึกต่อหญิงมานศรี

หญิงมานศรีเดินออกมาจากกระท่อม หน้าแดง หูแดง...รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า
“บ้าจริง เป็นอะไรเนี่ย...”
ภาพทิวจับมือใกล้ชิด เข้ามาในความคิด หญิงมานศรียิ่งหน้าแดง
“โอ๊ย...”
หญิงมานศรีพยายามไล่ความรู้สึกออกไป
“ฉันเกลียดนายทิว ไม่เคยรู้สึกอ่อนไหว ไม่เคยหวั่นไหว ไม่คะ...” อึ้ง เพราะเป็นอย่างที่ปฏิเสธทั้งนั้น “...ไม่จริง!!“
หญิงมานศรีรีบวิ่งออกไป เพราะไม่อยากยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงๆ

ในกระท่อม...ทิวสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเล่าเรื่องต่างๆให้เข้มฟัง
“เป็นเรื่องจริง...มันอยากให้ฉันตาย”
“นาย...ถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“เพราะมันส่งพี่พวงมาคุยกับฉันเรื่องขายหุ้น แต่ฉันไม่ยอม มันคงทนใจเย็นต่อไปไม่ไหว”
เข้มสีหน้าสลด
“แกจะไม่เชื่อฉันก็ได้นะ เข้ม”
“เข้มเชื่อนาย เข้มอยู่กับนายมานาน เข้มรู้ว่านายไม่โกหก”
“ขอบใจนะ...แล้วตอนนี้ทางโน้นเป็นไงบ้าง”
เข้มเครียด มองหน้าทิว ไม่อยากจะเล่า

ที่ไร่...ล้วนปลุกระดมคนงาน วิวัฒน์แทรกตัวเข้ามาในกลุ่มคนงาน...
“แล้วจะทำงานกันยังไง นายทิวไม่อยู่สั่งการอะไรสักอย่าง...นายใหญ่บ่นมาแล้ว ลูกค้าหดหาย กำไรไม่มี ต่อไปเงินค่าจ้างพวกแกก็จะไม่ได้”
คนงานมองหน้ากัน วิวัฒน์ตะโกนบอกล้วน
“นายไม่ใช่คนเหลวไหลนะพี่”
ล้วนเห็นหน้าวิวัฒน์จำได้
“เอ็งนั่นเอง”
“ใช่ฉันเอง พี่เป็นอะไรมากเปล่า คราวก่อนก็หาเรื่องทำร้ายนายทิว มาตอนนี้มาปั่นหัวคนงานอีก”
ล้วนไม่พอใจ
“เอ็งชื่ออะไรวะ ไอ้หน้าอ่อน!”
“ชื่ออะไรก็ช่างเถอะพี่ ไปๆ ทำงานอย่างที่นายเคยสั่งให้ทำ ทำมายังไงก็ทำยังงั้น พี่เข้มบอกไว้ ไม่ได้ยินหรือไงครับ พี่น้องครับ”
วิวัฒน์พาคนงานให้เดินเข้าโรงงานไป ล้วนมองตามวิวัฒน์เจ็บใจ เทพเดินเข้ามา สายตาเหี้ยม
“ท่าทางจะมีองครักษ์พิทักษ์ไอ้ทิว เพิ่มมาอีกคนแล้วสินะ”
“มันนั่นแหละที่เข้ามาขวางผมวันนั้น เลยจัดการไอ้ทิวไม่สำเร็จ”
“คนอย่างแก...จะแพ้ไอ้กระจอกนั่นตลอดไปเลยหรือไง”
เทพมองล้วนเหยียดๆ ล้วนเจ็บใจ รู้สึกกดดันมากขึ้น เพราะระยะหลังทำงานไม่ถูกใจเทพเอาเสียเลย ล้วนหงุดหงิดมาก

ทิวเดินออกมาจากกระท่อม กับเข้ม
“นายนอนอยู่เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว จะลุกมาทำไม”
“ฝากด้วยนะเข้ม เป็นไปได้ แกไม่ต้องมาหาฉัน แล้วฉันจะหาทางติดต่อไปเอง”
“ครับนาย ต้องการอะไรก็บอกนะ”
เข้มเดินออกไป ทิวถอนใจ หนักใจ
“แกจะเสวยสุขต่อไปได้อีกไม่นานหรอกไอ้เทพ...”

ที่โต๊ะอาหารในคฤหาสถ์...เทพชนแก้วเครื่องดื่มกับภรรยาทั้งสามคน...
“เอ้า...ดื่มกันหน่อย”
พวงทองยังเรียบเฉย ผ่องทิพย์ร่าเริงเอาใจเทพเต็มที่ ส่วนขวัญตาเซ็งเต็มที ถามอย่างไม่พอใจ
“ฉลองเนื่องในโอกาสอะไรไม่ทราบคะ”
ผ่องทิพย์เบ้ปากใส่
“ต้องมีโอกาสด้วยเหรอ คุณเทพจึงจะฉลองได้ ถามไม่คิด”
“ไอ้คนพูดน่ะ มีสมองคิดหรือเปล่า ว่าเขาไม่ได้ถามตัว”
“นัง...”
ขวัญตาลุกขึ้นหยิบแก้วน้ำสาดใส่ผ่องทิพย์เลย
“กินน้ำเย็นๆหน่อยมะ นังหมาบ้า”
“อ๊ายยย”
ผ่องทิพย์ไม่พอใจ เทพเสียงดัง
“ฉันเบื่อพวกเธอเต็มทนแล้วนะ”
ทั้งโต๊ะเงียบสนิท เทพกวาดสายตามอง
“จะมีบรรยากาศดีๆ ให้ฉันได้สบายใจบ้างสักวันเลยไม่ได้ใช่มั้ย”
ผ่องทิพย์ กับขวัญตาจ้องหน้ากัน
“ก็มัน...”
เทพแทรก ตัดบท
“ออกไปให้หมด”
พวงทอง ผ่องทิพย์ ขวัญตาสะดุ้ง เดินออกไป กระฟัดกระเฟียด พวงทองค่อยๆลุกขึ้นจะออกไป
“เดี๋ยวก่อนพวงทอง...”
“คะ...”
“ไม่เห็นหน้าเห็นตาทิว...กลับมาหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“ไม่ออกตามหาเขาหน่อยเหรอ”
“สั่งคนงานให้ออกตามหาแล้วค่ะ”
“หวังว่าคงจะไม่เกิดเรื่องแย่ๆกับทิวนะ”
“ฉันก็ภานาอย่างนั้น”
พวงทองเดินออกไป พอลับหลังพวงทอง เทพก็ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ หยิบเครื่องดื่มขึ้นดื่มคนเดียวอย่างพึงพอใจ โดยไม่รู้ว่า หญิงมานศรีกำลังยืนมองเทพอยู่ไม่ไกล ประหลาดใจกับท่าทีของเทพมาก

ผ่องทิพย์เดินเจ็บใจออกมาด้านอก บุญปลูกเข้ามาถามอย่างสอดรู้สอดเห็น
“แหม รับประทานอาหารกลางวันกันชื่นมื่นดีนะคะ”
ผ่องทิพย์ถีบทันที
“ชื่นมื่นบ้าบอแกสิ”
“ว้าย.....แจกลูกถีบอีกแล้วอ่ะ ระวังชาติหน้าเป็นทีมชาติตะกร้อลอดบ่วงนะคะ”
“พูดมากจะเอาคอแกใส่บ่วงผูกแขวนบนต้นไม้”
“หวาย!!!”
“ไปเตรียมของไว้”
“ของอะไรคะ”
“ก็ยาของอาจารย์ไงนังเซ่อ ไม่มีโอกาสทำกับนังคุณหญิง ฉันจะทำกับนังขวัญตา!”
“จัดไปค่ะ”
บุญปลูกรีบวิ่งออกไป ผ่องทิพย์เคียดแค้นขวัญตามาก

ขวัญตานั่งหงุดหงิดบนเก้าอี้ในห้องนอน ขยี้ผมอย่างแรงด้วยความโมโห
“นังผ่อง...อี๊ ฉันเกลียดแก อี๊...ฮื่ย!!!”
ขวัญตาลุกเดินออกไป บุญปลูกย่องเข้ามา แล้วส่องบริเวณที่ขวัญตานั่งอยู่เมื่อกี้ เห็นเส้นผมของขวัญตาร่วงอยู่ บุญปลูกหยิบขึ้นมา แล้วไปรื้อตะกร้าผ้าที่ใส่แล้วของขวัญตา หยิบได้กางเกงในตัวหนึ่งขึ้นมา บุญปลูกหยิบขึ้นมาอย่างรังเกียจแล้วใส่ถุงก๊อบแก๊บ ม้วนห่อซ่อนไว้ในเสื้อ รีบวิ่งออกไป


หญิงมานศรีเดินครุ่นคิดอยู่ตามลำพัง พิไลพรเดินเข้ามาหาหญิงมานศรี กลัวว่าจะมีใครเห็น
“คุณหญิงขา...”
“พร...มีอะไร”
“ตามพรมาค่ะ เราคุยกันที่นี่ไม่ได้”
พิไลพรพาหญิงมานศรีออกไป คุยกันที่ร้านกาแฟในเมือง เล่าถึงสิ่งที่ได้ยินมาให้ฟัง หญิงมานศรีนั่งอึ้ง ช็อก
“คุณหญิงคะ...”
“พร...เรื่องที่เสกถูกคนของคุณเทพทำร้าย มันเป็นเรื่องจริงมั้ย”
“พรก็ไม่ทราบว่ามันจริงเท็จแค่ไหน พรได้ยินคุณเทพพูด เลยเอามาเล่าให้คุณหญิงฟัง...คุณหญิงคะ มันไม่ชอบมาพากลจริงๆนะคะ คุณเทพอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหญิงเคยคิดก็ได้”
“ถ้าเป็นเรื่องจริง...หญิงสงสารเสกเหลือเกิน”

หญิงมานศรีคิดถึงเสกสรรค์ด้วยความเศร้าใจ

โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป

ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

(ต่อจากตอนที่แล้ว)

ค่ำคืนนั้น...พันทิพานั่งเสียใจอยู่ ซึม เหม่อ เสกสิทธิ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้ๆปรายตามองภรรยาอย่างหนักใจ เสกสรรค์เดินเข้ามา ก้มลงกราบที่ตักของพันทิพา

“คุณแม่ครับ...ผมขอโทษ”
“แปลว่า...ลูกจะตัดใจจากยัยคุณหญิงนั่นแล้วใช่มั้ย ตาเสก ในที่สุด ลูกก็เชื่อฟังแม่ มากอดทีมาลูก”
พันทิพากอดเสกสรรค์อย่างดีใจ เข้าใจว่าลูกชายยอมใจอ่อนเหมือนทุกครั้ง
“ผมขอโทษที่ผมทำให้คุณแม่เสียใจ แต่ผมขอยืนยันการตัดสินใจของผม คุณแม่โกรธผมก็ได้ ผมเข้าใจ แต่ก็อยากให้คุณแม่เข้าใจผมด้วย เรื่องหัวใจมันบังคับหรือฝืนใจกันไม่ได้”
พันทิพาอึ้งอีกรอบ เสกสรรค์ค่อยๆก้มลงกราบพันทิพาที่เท้า แล้วเดินออกไป พันทิพานั่งอึ้ง...ช็อก...เสกสิทธิ์ลุกมานั่งข้างๆ โอบกอด...ให้กำลังใจ
พันทิพาเสียใจที่ถูกเสกสรรค์ฝ่าฝืนคำสั่ง แต่ยังไม่ปล่อยวาง ขณะที่เสกสรรเดินออกมาด้านนอก มองไปบนท้องฟ้าอย่างมีความหวัง
“คุณหญิง ยอดรักของผม...รอผมนะ ผมจะไปหาคุณ ความรักของผมเป็นอิสระแล้ว”
เสกสรรค์คิดถึงหญิงมานศรี อย่างมีความสุข


ทิวเดินออกมา พร้อมอุปกรณ์จะเช็ดตัว ทิวตักน้ำลงกาละมังอย่างลำบาก รับมือเรียวงามของหญิงมานศรีมาจับที่ขันน้ำ ทิวชะงัก หันมอง เห็นหญิงมานศรียืนอยู่
“ฉันทำให้”
ทิวมองหญิงสาวอึ้งๆ
“มืดแล้ว ทำไมยังไม่กลับไปพักผ่อน”
“ฉันมาดูนายให้แน่ใจว่าลุงดูแลนายดีหรือเปล่า”
“ลุงยังไม่กลับ”
หญิงมานศรีตักน้ำใส่กาละมังเรียบร้อย
“จะเช็ดตัวใช่มั้ย ไปสิ ฉันทำให้”
“อะไรนะ!”
ทิวย้อนถามอย่างอายๆ

ทิวครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียง ลอบมองเสี้ยวหน้าของหญิงมานศรี ที่กำลังบีบผ้าเช็ดตัวในกาละมัง หญิงมานศรีหันมา ทิวหลบตา
“ขอมือหน่อย”
“ข้างไหน”
หญิงมานศรีรำคาญที่ทิวยังจะย้อน
“ข้างไหนก็ได้ทั้งนั้น”
ทิวยังเก้อเขิน เธอจึงตัดสินใจจับมือทิวข้างที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมาเช็ดเลย ทิวนั่งไม่เป็นสุข ขยับแล้วขยับอีก หญิงมานศรีเช็ดตัวไป ไม่มองหน้าทิว
“อยู่เฉยๆ”
ทิวชะงัก จำเป็นต้องอยู่เฉยๆ หญิงมานศรีเช็ดมือ เช็ดแขน เช็ดแผงหน้าอกให้ทิว ใกล้ชิดกันมาก จนทิวหายใจไม่ทั่วท้อง แต่เธอกลับมีใบหน้าที่นิ่งสงบมาก
“ขยับหน่อย ฉันจะเช็ดข้างหลัง”
ทิวขยับหันหลังให้ หญิงมานศรีเช็ดหลังให้ทิว ยังคงเก็บอาการไว้ได้ดีเหมือนเดิม ทิวทนไม่ไหว ตัดสินใจหันไปหา จับมือเธอเอาไว้
“ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”
“อะไร”
“เธอเกลียดฉัน แล้วมาทำแบบนี้กับฉันทำไม”
“บอกแล้วไง...ว่าเพราะมนุษยธรรม”
“ไม่หรอก....เพราะเธอต้องการได้ข้อมูลจากฉันไปประกอบการตัดสินใจว่า...นายเทพสมควรจะเป็นเหยื่อของเธอต่อไป หรือเธอควรจะชิ่งหนีซะตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่เธอจะเดือดร้อนติดร่างแหความเลวของมันไปด้วย”
“ฉันไม่น่าจะช่วยคนอย่างนายให้มีชีวิตรอดเลย ให้ตายสิ”
หญิงมานศรีสะบัดมือออกอย่างแรง จนสะเทือนถึงแผลของทิว
“โอ๊ย!”
หญิงมานศรีตกใจ ก้มลงดูทิว
“นายเป็นไงบ้าง”
“เจ็บ...”
“ฉันขอโทษ...”
หญิงมานศรีมองทิวด้วยสายตาจริงใจว่าขอโทษ...ทิวสบตาเธออย่างหวั่นไหว หญิงสาวก็หวั่นไหวด้วยเช่นกัน

พิไลพรยืนรอหญิงมานศรีที่หน้าคฤหาสถ์ อย่างเป็นห่วง เพราะค่ำแล้วก็ยังไม่กลับมา...
“คุณหญิงไปไหนเนี่ย...ทำให้เป็นห่วงอีกแล้ว”
พิไลพรหันกลับ ชนกับเทพที่ยืนอยู่แล้ว หญิงสาวสะดุ้งตกใจ
“คุณเทพ! ขอโทษค่ะ”
พิไลพรจะเลี่ยงไป เทพจับแขนเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ”
“กรุณาปล่อยดิฉันค่ะ”
เทพไม่ปล่อย
“คุณหญิงไปไหน”
“ดิฉันไม่ทราบ คุณเทพอยากรู้ ไม่โทรถามเธอเองล่ะคะ”
“เล่าอะไรให้คุณหญิงฟัง เธอถึงไม่ยอมรับสายผม แล้วก็ยังไม่กลับ บอกผมมาเดี๋ยวนี้”
เทพบีบแขนอย่างแรงด้วยความโกรธ พิไลพรตกใจกับอาการจิตๆของเขา
“คุณเทพ ดิฉันเจ็บ ปล่อย!”
พิไลพรพยายามจะดิ้นไปให้พ้น จากการหน่วงเหนี่ยวของเขา
“ปล่อยดิฉันนะคะ”
เทพมองพิไลพร ดวงตาวาวโรจน์ กระชากเธอเข้ามาอย่างแรงในอ้อมอก หมายจะขยี้...แต่เสียงพวงทองดังขัดขึ้นเสียก่อน
“คุณเทพคะ”
เทพชะงัก หันไป พวงทองยืนมองมาอย่างไม่พอใจ พิไลพรได้โอกาสผลักเขาออก แล้ววิ่งหนีออกไป เทพได้สติ ค่อยๆปรับอารมณ์ขุ่นมัว ให้เป็นปกติ
“คุณกำลังจะทำอะไร”
“ฉันมีเรื่องคุยกับคุณพิไลพร”
“คงไม่ใช่แค่คุย คุณน่าจะ...”
เทพตัดบท
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ ไม่ต้องมายุ่ง”
“ถ้าอย่างนั้น กรุณารับรู้เรื่องของฉันแล้วกัน....ฉันตามหาทิวไม่เจอ และคิดว่าจะแจ้งความกับตำรวจ”
เทพทำเป็นร้อนใจ
“อย่างนั้นเหรอ...ได้ แจ้งความเลย ฉันจะไปด้วย ไป”
เทพเดินร้อนใจออกไป พวงทองมองตามทางด้านหลังของเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย สงสัยแต่ก็ไม่แน่ใจ
“คุณเป็นแค่ผู้ชายเจ้าชู้ หรือจริงๆคุณทำอะไรที่เลวร้ายมากกว่าที่ฉันเห็นกันแน่”


ในกระท่อม...ทิวมองหญิงมานศรีอย่างสงสัย...
“เธอเป็นคนยังไงกันแน่ หญิงมานศรี...”
หญิงมานศรีรีบดึงตัวเองกลับมา
“นายตัดสินฉันไปตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันเป็นผู้หญิงหิวเงิน”
หญิงมานศรีจะไป ทิวรั้งเอาไว้
“ฉันคิดถูกหรือคิดผิดล่ะ”
“ถ้าฉันบอกว่านายคิดผิด นายก็จะปฏิเสธอยู่ดี แล้วฉันจะตอบคำถามนายไปเพื่ออะไร”
ทิวจ้องมองหญิงมานศรี หวังจะอ่านความจริงจากแววตาของหญิงมานศรี
“เธอตอบไม่ตรงคำถาม”
“คำถามของนาย...ไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่เปรยขึ้นมาลอยๆ”
“แต่มันมีความหมายกับฉัน”
หญิงมานศรีอึ้ง อดหวั่นไหวไม่ได้
“ความหมาย...ความหมายอะไร”
“เธอก็รู้ว่าหมายถึงอะไร...”
“ฉันไม่รู้”
“เธอรู้ และฉันก็รู้ ว่าเธอเองก็มีใจตรงกับฉัน เธอปฏิเสธไม่ได้หรอก เธอชอบฉัน”
“อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ฉันรู้ว่านายกำลังเล่นเกม...นายไม่ได้มีใจให้ฉันจริงๆแต่นายต้องการทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำร้ายจิตใจคุณเทพ....ปล่อย”
ทิวอึ้ง ที่หญิงมานศรีรู้ทัน แต่ยังเดินแผนต่อ
“งั้นพิสูจน์ดูมั้ย...ว่าเราสองคนมีใจให้กันจริงหรือเปล่า”
ทิวดึงตัวหญิงมานศรีเข้ามาจะประกบปาก
“ไม่”
หญิงมานศรีสะบัดจนหลุด พอดีกับที่เข้มและลุงแย้มเข้ามา
“นายครับ”
หญิงมานศรีรีบเดินออกไป พยายามทำตัว รักษาสีหน้าเป็นปกติ
“ขอโทษครับนาย ขัดจังหวะอีกแล้ว”
ลุงแย้มแซว
“ลุงว่าแล้ว...อีกสักแป๊บค่อยมาบอกนายก็ได้ เห็นมั้ยล่ะ แหม้...กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม”
“เข้าพระเข้านาง”
ลุงแย้มกับเข้มหัวเราะกันชอบใจ ล้อๆทิว
“ฮ่ะๆๆๆๆ อะจื๋ยๆ”
ทิวตัดบท
“มีเรื่องอะไร”
เข้ม ลุงแย้มสะดุ้ง ทิวพยายามรักษามาดเข้มเอาไว้

หญิงมานศรี เดินมาจากกระท่อม อย่างหงุดหงิด
“เกมนี้ นายไม่มีทางชนะฉันได้หรอก ไม่มีวัน...”
หญิงสาวอดเขินอายจนหน้าแดงไม่ได้ เมื่อมองกลับไปในกระท่อม
“คนบ้า!”
หญิงมานศรีรีบเดินออกไปทันที

ในกระท่อม...เข้มเหลือบไปเห็นกาละมังเช็ดตัว รีบอาสา
“นายจะเช็ดตัวเหรอ มาเข้มจัดการให้”
“เสร็จแล้ว! เอาไปเก็บ”
“ครับ...” เข้มหันไปสั่งลุงแย้ม “เอาไปเก็บ ลุง”
ลุงแย้มมองหน้าเข้มเซ็งๆ แต่ก็ทำ เอากาละมังไปเก็บ ทิวค่อยๆจัดการใส่เสื้อเรียบร้อย
“จะว่าไป ถ้านายมีเมียได้สักทีก็ดีนะ”
ทิวมองหน้าเข้มด้วยสายตาดุ เข้มรีบแก้ลำ
“โอ๊ย...อย่าไปมีมันเลย มีเมียเหมือนมีบ่วงถ่วงคอ”
“มาทำไม ให้อยู่สืบข่าว”
เข้มนึกได้
“ลืมเลย...มีเรื่องมาบอกนายเนี่ยแหละ เรื่องใหญ่!”

“เรื่องอะไร” ทิวอยากรู้ขึ้นมาทันที

อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 7(ต่อ)

ขวัญตามาหาทิวที่บ้าน แต่เมื่อไม่พบก็โวยวายใส่วิวัฒน์

“ตกลง แกไม่รู้จริงๆเหรอว่าพี่ทิวไปไหน”
“ผมไม่รู้จริงๆครับ”
“แล้วไอ้เข้มอยู่ไหน”
“ไม่รู้ครับ”
ขวัญตาโมโห
“โอ๊ย! คำก็ไม่รู้ สองคำก็ไม่รู้ ชีวิตนี้รู้อะไรกับเขาบ้างเนี่ย สตึ! ทึ่ม! ปัญญาอ่อน!”
วิวัฒน์หน้าจ๋อย ขวัญตาเดินเซ็งออกไป วิวัฒน์รีบตามออกไป

ผ่องทิพย์ชวนบุญปลูกไปที่บ้านทิว
“มาบ้านคุณทิวทำไมคะ คุณนาย” บุญปลูกถามอย่างสงสัย ระหว่างที่เดินไปด้วยกัน
“โง่จริงหรือแกล้งโง่เนี่ย”
“ถ้าฉลาดก็ไม่มาเป็นขี้ข้าให้จิกหัวด่ายี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้หรอกค่ะ”
“ไปเอาเสื้อของทิวมา”
“อ๋อ...แหม...คุณนายเนี่ย มาทางชั่วจริงๆนะคะ คิดได้คิดดี”
“ฉันทำบุญต่างหาก เพราะฉันกำลังทำให้น้องชายได้คนรักกลับคืน ไปเอามา”
ผ่องทิพย์ชะงัก กันบุญปลูกเอาไว้ไม่ให้เดินต่อ
“เดี๋ยว!”
บุญปลูกงงๆ
“มีอะไรคะคุณนาย”
ผ่องทิพย์มองไปในบ้าน
“ใครอยู่ที่หน้าบ้านทิว แกดูซิ”
ผ่องทิพย์และบุญปลูกพยายามเพ่งมอง เห็นขวัญตาเดินออกมา วิวัฒน์ตามมาต้อยๆ
“นังขวัญตานี่ ออกมากับใคร...ทิว หรือไอ้เข้ม”
บุญปลูกส่ายหน้า
“ไม่ใช่ทั้งสองคนเลยค่ะ”
ผ่องทิพย์กับบุญปลูกแอบดูอยู่ที่ตรงนั้น ไม่เข้าไป

ขวัญตาเห็นวิวัฒน์เดินตามมาก็หันไปตวาด
“จะตามมาทำไม ตามยังกะหมา”
วิวัฒน์อึ้ง จ๋อย รู้สึกโกรธที่ถูกดูถูก ขวัญตาหันกลับ วิวัฒน์ลืมตัวคว้าแขนของเธอไว้
“ผมไม่ใช่หมา”
ขวัญตารังเกียจมาก ปัดออก
“อย่ามาแตะตัวฉัน คิดจะทำอะไร ไอ้บ้า”
ขวัญตาตบหน้าวิวัฒน์เปรี้ยงหน้าหันไป เขาหน้าจ๋อย รู้สึกผิด
“ไม่รู้จักเจียมตัว สะเออะลามปาม ไม่อยากมีที่ซุกหัวนอนอีกต่อไปแล้วใช่มั้ย หา!”
“ผมขอโทษครับ คุณนาย ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมลืม...ตัว”
“จำไว้ อย่างแก แค่ได้นังบุญปลูกขี้ข้าสมองมดนั่นเป็นเมีย ก็ดีเกินพอแล้ว”
บุญปลูกสะดุ้งที่ถูกพาดพิงเสียหาย เจ็บใจ ขวัญตาหงุดหงิดเดินออกไป วิวัฒน์มองตาม น้อยใจในโชคชะตา
“จำไว้นะ!ไอ้วิวัฒน์ เอ็งก็แค่หมาในสายตาเขา”
วิวัฒน์จ๋อยไป ผ่องทิพย์ยิ้มพึงพอใจ คิดแผนใหม่ได้
“นังบุญปลูก...ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
“เปลี่ยนใจ จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีเหรอคะ” บุญปลูกหัวเราะเยาะ “ฮ่ะๆๆอมพระมาพูดก็ไม่เชื่อค่ะ ฮ่ะๆๆๆ”
ผ่องทิพย์หยิบของที่อยู่ใกล้มือยัดใส่ปากบุญปลูก
“แกก็อมไอ้นี่ซะก่อน!! นังโง่!”
บุญปลูกปากเกือบแหก
“ฉันเปลี่ยนใจ...ให้แกไปเอาเสื้อของไอ้คนงานใหม่นั่นมาต่างหาก”
“อ้าว...ไหงงั้นล่ะคะ”
“ลองคิดดูสิ ถ้ามันต้องเกลือกกลั้วกับสิ่งที่มันเกลียด ความรู้สึกจะเป็นยังไง”
“แค่คิดก็...อี๋แล้วค่ะ”
“แค่คิด...ฉันก็มีความสุขแล้ว ฮ่ะๆๆๆๆ นังขวัญตาแกต้องทรมานเหมือนตกนรก!”
ผ่องทิพย์หัวเราะสะใจมาก ยิ้มพราวที่ได้กำจัดขวัญตา

ทิวรู้สึกไม่พอใจที่ได้ยินข่าวจากเข้ม
“ขวัญตาจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับฉันอีก”
“พูดยังกะนายไม่รู้จักนิสัยแฟนเก่า”
ทิวถีบเข้มกระเด็น
“ไอ้เข้ม อย่าโยงฉันไปเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีก เดี๋ยวปั๊ด!”
“อูย ไม่เดี๋ยวแล้วนาย ถีบมาแล้ว อูย!”
“ฉันอยากนอน กลับไปเลยไป”
“ไปก็ได้ครับ...แต่...นาย...แน่ใจเหรอว่าคุณหญิงเลขาจะไม่ปากโป้งบอกใครเรื่องนาย เข้มไม่ค่อยแน่ใจ ผู้หญิงเก็บความลับไม่ค่อยจะได้นะนาย”
“ผู้หญิงคนอื่นอาจจะใช่...แต่ไม่น่าจะใช่ ยัยคุณหญิงนั่น”
ทิวคิดถึงหญิงมานศรี มั่นใจว่าจะไม่แพร่งพราย

เช้าวันใหม่...หญิงมานศรีเปิดประตูห้องออกมา พบพิไลพรยืนหน้าตื่นอยู่หน้าห้องอยู่แล้ว
“คุณหญิงคะ คุณหญิงไปไหนมาเมื่อคืน พรรอจนดึก”
“พร...มีอะไร”
พิไลพรมองซ้ายมองขวา กลัวใครจะได้ยิน เมื่อเห็นไม่มีใคร จึงกล้าพูดออกมา
“พร กลัวค่ะ คุณเทพ...”
ทันใดนั้น เทพเดินเข้ามา ยิ้มพราย
“เหมือนกำลังพูดถึงผมกันอยู่...”
พิไลพรสะดุ้งเฮือก หันมองเทพ หน้าซีด หญิงมานศรีสังเกตเห็นท่าทางของพิไลพรทุกอย่าง รู้สึกได้ว่าผิดปกติกับเทพ แต่หญิงสาวแสร้งทำเป็นปกติ
“ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ...”
“คุณพิไลพร คงกำลังจะเล่าให้คุณหญิงฟังถึงเรื่องเมื่อคืน ที่ผมเสียมารยาทกับคุณ”
พิไลพรไม่ตอบนิ่งเฉย เทพหันมาหาหญิงมานศรี
“ผมเป็นห่วงคุณหญิงมาก เห็นว่าค่อนข้างดึกแล้วยังไม่กลับมาและไม่รับมือถือผม...ผมเลยอารมณ์เสียใส่คุณพิไลพรนิดหน่อยที่ไม่รู้ว่าคุณหญิงอยู่ที่ไหน ทั้งๆที่เป็นคนสนิท”
พิไลพรสวนทันที
“แต่สำหรับดิฉัน คงเรียกว่านิดหน่อยไม่ได้ มัน...”
เทพขัดขึ้น
“ผมขอโทษจากใจจริง”
พิไลพรเมินหน้าหนี...เทพแอบเคือง แต่รีบทำเป็นขอความเห็นใจจากหญิงมานศรี
“คุณหญิงครับ ผมเสียใจจริงๆ คุณพิไลพรคงมองผมในแง่ร้ายไปซะแล้ว”
หญิงมานศรียิ้มหวาน
“ดิฉันเข้าใจความรู้สึกคุณเทพค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับความห่วงใย...หญิงก็แค่ขับรถไปเที่ยวเรื่อยเปื่อย...ไม่ต้องห่วงหญิงนะคะ ส่วนพิไลพร หญิงจะช่วยคุยให้เข้าใจคุณเทพเองค่ะ”
เทพยิ้มบางๆ
“ขอบคุณมากนะครับ”
“พรจ๊ะ....อย่ามองคุณเทพในแง่ร้ายนักสิ คุณเทพเป็นคนดี มีแต่ความจริงใจ”
พิไลพรอึ้งไป
“แต่...”
หญิงมานศรีตัดบท
“มาช่วยหญิงจัดของฝากส่งไปให้หม่อมแม่หน่อยสิจ๊ะ เราจะได้คุยกันเรื่องนี้ด้วย ขอตัวนะคะคุณเทพ”
หญิงมานศรีรีบดึงตัวพิไลพรเข้าห้อง ยิ้มให้เทพเพื่อให้เขาวางใจ พิไลพรตามเข้าไปอย่างไม่เข้าใจนัก หญิงมานศรีปิดประตู...เทพ ยืนยิ้มเป็นเทพบุตร ก่อนจะยิ้มกริ่ม ย่ามใจ คิดว่า หญิงมานศรียังเชื่อในความเป็นเทพบุตรของตัวเอง

หญิงมานศรียังยืนที่ประตู เอาหูแนบฟัง...ในขณะที่พิไลพรยืนมองหญิงมานศรีอย่างไม่เข้าใจว่าหญิงมานศรีจะทำอะไรกันแน่
“คุณหญิงคะ”
หญิงมานศรีแน่ใจว่าเทพไปจากหน้าห้องแล้ว ค่อยๆหันมา
“พร...”
“คุณหญิงต้องเชื่อพรนะคะว่าคุณเทพ...”
หญิงมานศรีตัดบท
“พรจ๊ะ...ฟังหญิงนะ ช่วงนี้อย่าเพิ่งทำอะไรให้คุณเทพรู้หรือเห็นว่าพรไม่ไว้ใจเขา”
“พรไม่เข้าใจค่ะ”
“ตอนนี้หญิง...ไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย...แต่ละคนมีมุมที่หญิงเพิ่งค้นพบ ซึ่งก็ยังตอบให้แน่นอนลงไปไม่ได้ว่า...อะไรจริงและอะไรไม่จริง”
“แต่อย่างคุณเทพนั่น พรตอบได้โดยไม่ลังเลเลยค่ะว่า....เขาดีไม่จริง”
“แต่เขาคือคนที่มีบุญคุณกับหญิง...หากสิ่งที่พรหรือนาย...” เธอหมายถึงทิว แต่ยั้งไว้ไม่พูดมันออกมา” คิดเป็นเรื่องจริง...หญิงก็จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้อย่างดีที่สุด”
พิไลพรยังหนักใจ ที่หญิงมานศรียังคงไม่ตัดสินใจไปจากที่นี่
“หม่อมแม่จะต้องรับรู้เรื่องนี้ ท่านอาจจะให้คำปรึกษาหญิงได้”
หญิงมานศรีคิดถึงหม่อมสรัสวดีขึ้นมา

วันต่อมา...หญิงมานศรีกับพิไลพรมาถึงวังกฤตยา ก็ตรงเข้าไปยกมือไหว้พี่ชาย ชายคำรณฤทธีดีใจมากที่เจอหญิงมานศรี ส่วนพิไลพรรีบเข้าไปกอดแม่แล่มด้วยความคิดถึง
“น้องหญิงดูซูบและก็คล้ำไปนะ”
“หญิงไปทำงานที่โรงงานผลิตน้ำตาลและไร่อ้อยนะคะ ไม่ได้อยู่แต่ในตึกในเมืองเหมือนพี่ชาย แต่พี่ชายก็ดู...ไม่ค่อยสดใสเลยนะคะ”
“ภาวะที่ต้องเร่งกอบกู้ธุรกิจก็แบบนี้ล่ะจ๊ะ...สดใสไม่ออก”
หญิงมานศรีหมองลง ชายคำรณฤทธีมองอย่างสงสัย
“น้องหญิงต้องมีเรื่องอะไรทุกข์ใจแน่ๆ ถึงได้ลางานกลับมาเยี่ยมบ้านโดยที่ไม่ได้บอกพี่ล่วงหน้า”
“หม่อมแม่ไม่อยู่ ไปไหนคะพี่ชาย”
คำรณฤทธีอึ้งไป

หม่อมสรัสวดีเดินเข้ามาในบ้านเสกสรรค์พร้อมกับจ่าตำรวจ 1 นาย
“เชิญค่ะ คุณตำรวจ...”
พันทิพาและเสกสิทธิ์เดินหน้าตื่นเข้ามา เพราะมีแม่บ้านไปรายงาน แม่บ้านปลีกตัวออกไป
“ไหน ตำรวจมาทำไม...”
พันทิพา หันมาเห็นหม่อมสรัสวดีกับตำรวจ อึ้งไปนิดก่อนจะเข้าใจ
“หม่อมสรัสวดี คิดจะทำอะไร เอาตำรวจมาจับดิฉันในข้อหาอะไรไม่ทราบ หา!”
เสกสิทธิ์เข้ามา
“คุณหญิง ใจเย็นก่อน...หม่อมสรัสวดี ด้วยความเคารพนะครับ มีเรื่องอะไร จนถึงกับต้องมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง”
“เจ้าหน้าที่รัฐคงไม่ต้องเดือดร้อน และเอาเวลาไปทำประโยชน์กับประชาชนได้มากกว่านี้ ถ้าภรรยาของท่านรัฐมนตรีไม่หมิ่นประมาทดิฉันด้วยการยกขบวนนักข่าวไปฉีกหน้าดิฉันถึงที่วังก่อน”
เสกสิทธิ์ถอนใจเฮือก
“ผมเตือนคุณแล้วน้า คุณหญิง”
พันทิพาไม่แคร์
“ฉันแฉความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณะชน ฉันไม่แคร์ ฟ้องก็ฟ้องสิ มีปัญญาฟ้องได้ก็ฟ้องไป ฉันไม่กลัว”
หม่อมสรัสวดีแค้นๆ
“งั้นก็รับหมายเรียกไปสิคะคุณหญิง”
ตำรวจยืนซองเอกสารให้ พันทิพารับมาอย่างไม่เต็มใจ
“เชิญไปให้ปากคำ ตามวันและเวลาในหมายเรียกนะครับ”
พันทิพาไม่กลัวลอยหน้าลอยตาถาม
“แล้วถ้าฉันไม่ไป”
หม่อมสรัสวดียิ้มหยัน
“ก็จะโดนหมายจับ หรือคิดว่าจะใช้อำนาจและตำแหน่งของสามีช่วยเหลือคิดให้ดีนะคะคุณเสกสิทธิ์ คุณได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองมือสะอาด...อย่าให้เมียที่มือสกปรก ทำเป็นแต่เรื่องทำลายคนอื่นดึงคุณให้ตกต่ำแปดเปื้อนเลยค่ะ”
หม่อมสรัสวดีเดินออกไปอย่างสะใจ ตำรวจทำความเคารพแล้วเดินออกไป พันทิพาโกรธมาก
“อ๊าย...นังหม่อมอสรพิษ มันแว้งมากัดฉัน คุณเห็นมั้ย คุณเสกสิทธิ์”
“เขาไม่ได้เรียกกัด เขาเรียกเอาคืน ก็ไปทำอะไรเขาไว้ล่ะ”
“พูดเหมือนคุณไม่คิดจะช่วยฉัน”
เสกสิทธิ์จ้องหน้าภรรยา
“ไม่ใช่แค่ไม่ช่วยนะ จะสมน้ำหน้าด้วย”
เสกสิทธิ์เดินออกไปอย่างเซ็งมาก พันทิพาโมโหฉุนเฉียว
“เออ! เคยได้ยินมั้ย ว่าคนล้มอย่าข้าม...อ๊าย... ตาเสก ตาเสกอยู่ไหนลูก ตาเสก ช่วยแม่ด้วย แม่โดนฟ้อง”

พันทิพาเดินหาเสกสรรค์เพื่อขอความช่วยเหลือ
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป เวลา 17.00 น.

ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

เสกสรรค์ยืนรวบรวมพลังใจอยู่ กำลังจะก้าวเข้าไปในตัววังกฤตยา แต่แล้ว หม่อมสรัสวดีเดินเข้ามาเห็นเข้าก็ไม่พอใจ
“คุณเสกสรรค์!”
เสกสรรค์ชะงัก รีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับหม่อม”
หม่อมสรัสวดีรับไหว้อย่างเสียไม่ได้
“สวัสดี....ออกมาจากอ้อมอกของแม่มาที่นี่อีกทำไม”
เสกสรรค์หน้าเสีย แต่พยายามรักษาอาการ
“ผมมาหา...”
หญิงมานศรีเดินออกมาเห็นเสกสรรค์ก็ตกใจ
“เสก...”
“คุณหญิง!” เสกสรรค์ดีใจมาก

เข้มกำลังนั่งกินข้าวกับทิวอยู่ที่กระท่อม แต่ทิวกินไม่ลงเอาแต่ชะเง้อมองหา หวังจะได้เห็นหน้าหญิงมานศรีโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว เข้มสังเกตอาการของเจ้านาย แล้วยิ้มขำๆ
“คนเราน้า...สับสนในตัวเองมากๆ สักพักคงเป็นบ้า ว่ามั้ยนาย”
“ใครสับสนในตัวเอง”
“ไม่รู้ พูดลอยๆ ปากก็บอกว่าเกลียด รังแกเขาสารพัด สักพัก...เปลี่ยนใจไปจีบเขาเฉยเลย”
ทิวลืมตัว รีบแก้
“ฉันจีบยัยนั่นเพราะฉันมีแผน ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล ก็ต้องใช้ไม้นวมสิวะ วันไหนที่ยัยนั่นใจอ่อนกับฉัน วันนั้นจะเป็นวันที่ฉันสะใจที่สุดที่ได้ แย่งชิงผู้หญิงที่ไอ้เทพมันอยากได้มาสำเร็จ”
“ไม่ได้คิดอะไร แล้วรอเขา มองหาเขาทำไม คิดถึงล่ะสิ”
“ฉันไม่ได้...”
“น่านไง ยอมรับจนได้ว่านายเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่สับสนในตัวเอง เดี๋ยวเกลียด เดี๋ยวคิดถึง ชอบเขาแล้วล่ะสิ ระวังบ้านะนาย”
“ไอ้เข้ม แกหลอกฉัน”
“หลอกอะไร...คนโกหกตัวเอง สุดท้ายก็ต้องหลุดปากออกมาเอง เข้มไม่เกี่ยว”
ทิวอึ้ง เฉไฉ ลงมือกินข้าว เข้มมองๆ
“กินให้อิ่มเถอะนาย ไม่ต้องรอหรอก...คุณหญิงเลขาเขาไปกรุงเทพหลายวัน”
ทิวอึ้งรู้สึกแย่ที่หญิงมานศรีไม่อยู่ แต่เสแสร้งกินข้าว ไม่สนใจในสิ่งที่เข้มพูด

หญิงมานศรี กับเสกสรรมายืนคุยกันตามลำพัง เขาเอื้อมมือมาจับมือของหญิงสาวไว้
“ขอบคุณนะครับที่ยอมออกมาคุยกับผม ต้องขอบคุณพี่ชายของคุณหญิง ที่บอกผมว่าคุณหญิงกลับมาเยี่ยมบ้าน”
หญิงมานศรีดึงมือกลับ สบตาเขาโดยไม่หวั่นไหวอีกต่อไปแล้ว
“เสก...สบายดีมั้ยคะ”
“ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล”
“เสกเป็นอะไรคะ”
“ผมถูกคนรุมทำร้าย”
หญิงมานศรีตกใจ
“วันที่ผมกลับกรุงเทพหลังจากพบคุณหญิง โดยที่ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร และเพราะอะไร”
“เสกเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บมากมั้ย”
“ปางตายครับ”
หญิงมานศรีอึ้งไป
“หญิงขอโทษ...”
“ขอโทษผมทำไมครับ...คุณหญิงไม่ได้เป็นคนทำสักหน่อย”
หญิงมานศรีพูดไม่ออก เสกสรรค์จ้องจับสีหน้าของหญิงสาว
“หรือว่าคุณหญิงรู้ครับ ว่าใครเป็นคนทำ”
หญิงมานศรีชะงักอึ้ง
“หญิง...ไม่ทราบค่ะ”
“ผมเองก็ไม่เชื่อที่คุณแม่กล่าวหาคุณหญิง กับหม่อมสรัสวดี”
“เสกคะ...ถ้าเป็นไปได้ เสกก็ไม่ควรไปหาหญิงที่นั่นอีก”
“ผมต้องไปครับ”
“เสก...”
“วันนี้ผมหลุดพ้นจากเงาของคุณแม่แล้ว...ผมทำในสิ่งที่คุณหญิงเคยขอให้ทำ ผมสามารถรักคุณหญิงได้ โดยที่ไม่มีใครมาขัดขวางได้อีก”
เสกสรรค์จับมือของเธอเอาไว้ หญิงสาวมองมือนั้นอึ้งๆ รู้สึกไม่สนิทใจ ไม่ดีใจอย่างที่ควรเป็น กลับคิดถึงใครอีกคน

ทิวนั่งเครียด คิดถึงหญิงมานศรีมาก พลางบ่นพึมพำกับตัวเอง
“จะกลับไปทำไม งานการไม่รู้จักทำ”
ทิวก้มลงดูแผลของตัวเอง พยายามลุกขึ้น เดินตัวตรงเพื่อเช็คอาการ รู้สึกดีขึ้น เข้มวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“นาย”
“อะไร”
“เข้มเห็นไอ้ล้วนพาทนายความมาหานายใหญ่”
ทิวนึกสงสัยว่าเทพจะทำอะไร
“เอาไงดีล่ะนาย”
“ตามไอ้ทนายนั่นไป...แล้วหาทางรู้ให้ได้ ว่าไอ้เทพเรียกมันมาทำไม”
“ครับ”
เข้มรีบออกไป ทิวหน้าเครียด

ล้วนนำทนายความเข้ามาหาเทพในห้องทำงาน ขณะที่เขารออยู่แล้ว ล้วนปิดประตูล็อกจนสนิท เพราะไม่อยากให้ใครได้ยืนว่าคุยอะไรกัน
“นั่งสิ คุณสมภพ”
“สวัสดีครับ คุณเทพ”
“ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนหน่อย”
“ยินดีครับ ไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรเลยครับ”
“ถ้ามีใครสักคนอยากจะโอนหุ้นให้กับอีกคน โดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้เซ็นมอบให้ด้วยตนเอง...ต้องทำยังไง หุ้นนั้นจึงจะถูกโอนได้อย่างถูกกฎหมาย”
“ทำไมถึงไม่มีโอกาสครับ”
“เพราะเขาได้เสียชีวิตก่อนที่จะดำเนินการน่ะสิ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องมาดูว่าใครเป็นทายาทลำดับแรกตามกฎหมาย บุคคลนั้นจะเป็นผู้รับมรดกของผู้ตาย และมีอำนาจตัดสินใจที่ยกหรือโอนหุ้นซึ่งถือว่า เป็นทรัพย์สินของผู้ตายให้บุคคลอื่น”
เทพยิ้มกริ่ม สบตากับล้วน ที่ค้อมหัวให้เทพอย่างยินดี เทพรู้สึกสบายใจ

ทนายความออกมาจากห้องกับล้วน เทพเดินออกมาส่ง
“ร่างใบโอนหุ้นให้เสร็จเร็วๆแล้วกัน ผมใจร้อน”
“ครับผม”
สมภพเดินออกไปกับล้วน เทพมองตามอย่างพึงพอใจ พวงทองเดินเข้ามา
“คุณจะโอนหุ้นอะไรให้ใคร”
“ฉันรู้สึกว่า ช่วงนี้เธอออกจะจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของฉันมากเกินไปนะ พวงทอง”
“เพราะเรื่องส่วนตัวของคุณที่ไม่อยากให้ใครจุ้น...มันไม่น่าไว้ใจ”
“กลายเป็นคนหวาดระแวงฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ฉันเห็น และฉันก็รู้สึก”
“สมกับเป็นว่าที่เมียหมายเลขหนึ่งของฉันจริงๆ”
“และฉันก็ไม่ได้ซื่อใสบริสุทธิ์ จนหลงเชื่อคำสัญญาลมๆแล้งๆของคุณเหมือนกัน”
“เธอคิดว่าเธอเก่ง จนรู้ทันฉันทุกอย่างงั้นรึ”
“ไม่ได้คิดว่าเก่ง แต่คิดว่า....ฉันต้องหันมามองคุณใหม่ หลังจากที่ทิว...หายตัวไปอย่างน่าสงสัยแบบนี้”
พวงทองมองเทพอย่างท้าทายและไม่กลัวเกรง จนทำให้เทพรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ แต่เทพก็ยิ้มกลบเกลื่อน จับพวงทองมาจูบที่หน้าผาก
“เธอจะมอง หรือจ้องจับผิด ก็ตามสบายเลยนะ แต่เธอจะมองไม่เห็นอะไรหรอก”
“บางทีความถูกต้องก็จะปรากฏออกมาเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปทำอะไร ความลับไม่เคยมีในโลก เคยได้ยินมั้ย ถ้าคุณเป็นคนดีจริงๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผย ยกเว้น ว่าคุณไม่ใช่”
พวงทองยิ้มหวานให้เทพ แต่เป็นยิ้มที่เชือดเฉือนใจสำหรับเทพมาก พวงทองเดินออกไป ทิ้งเทพให้ยืนเจ็บใจอยู่เพียงลำพัง โดยไม่ทำอะไร เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เขาไม่เคยลงมือตบตีเลย

เสกสรร กับหญิงมานศรียังคงคุยด้วยกันอยู่ หญิงสาวเหม่อลอย...
“คุณหญิงครับ”
หญิงมานศรีหันมา
“คะ”
เสกสรรตัดสินใจคุกเข่าตรงหน้า จับมือของหญิงสาวเอาไว้ หญิงมานศรีตกใจ
“เสก ทำอะไร”
“แต่งงานกับผมนะครับ คุณหญิงที่รักของผม”
หญิงมานศรีอึ้งตะลึงงัน
“เสก”
เสกสรรค์หยิบกล่องใส่แหวนจากกระเป๋าเสื้อ แล้วเปิดออก มีแหวนเพชรน้ำงามวงน้อยน่ารักวางอยู่
“แหวนแทนใจ จากน้ำพักน้ำแรงของผมเอง คุณหญิงรับมันไว้นะครับ”
หญิงมานศรี ไม่แน่ใจ ลังเล
“เอ่อ...หญิง...”
เสกสรรเริ่มใจเสีย
“คุณหญิง...หมายความว่าไงครับ หรือคุณหญิงไม่อยากแต่งงานกับผม ไม่รักผมแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ หญิงขอบคุณที่เสกทำเพื่อหญิง ต่อสู้เพื่อความรักของเรา...แต่ตอนนี้...”
ขณะเดียวกันนั้น หม่อมสรัสวดีเดินออกมากับชายคำรณฤทธีและ พิไลพร หม่อมสรัสวดีรีบพูดแทรก
“แต่ตอนนี้...ลูกหญิงไม่อยากแต่งงานกับคุณ เพราะไม่ได้รักคุณอีกต่อไปแล้ว”
หญิงมานศรีอึ้งไป
“หม่อมแม่!”
เสกสรรค์มองหญิงมานศรีอย่างเสียใจ
“จริงเหรอครับคุณหญิง”
หญิงมานศรีหน้าเสียไม่รู้จะตอบยังไง
“คือหญิง...”
หม่อมสรัสวดีตอบแทนลูกสาวทันที
“ลูกหญิงอาจจะไม่กล้าปฏิเสธเธอด้วยตัวเอง เพราะเห็นใจ อย่างน้อยก็เคยเป็นคนรักกัน เธอกลับไปซะเถอะ”
“หม่อมแม่คะ หญิงแค่ไม่...”
หญิงมานศรียังไม่ทันพูดคำว่าแน่ใจ หม่อมสรัสวดีรีบตัดบท
“ลูกหญิง เข้าข้างในได้แล้ว”
หญิงมานศรีชะงัก
“แต่...หญิง...”
หม่อมสรัสวดีจ้องหน้าลูกสาวด้วยสายตาบังคับ
“ถ้าลูกหญิงตกลงแต่งงานกับเค้า เท่ากับลูกหญิงเป็นศัตรูกับแม่ เพราะลูกหญิงคงลืมไปหมดแล้วว่าครอบครัวเราถูกพวกเค้าย่ำยีเกียรติยศศักดิ์ศรีมากแค่ไหน เข้าบ้าน”
หม่อมสรัสวดีดึงตัวลูกสาวเข้าบ้าน หญิงมานศรีหันมองเสกสรรค์อย่างเห็นใจ แต่ไม่ได้อยากเข้าไปหาเพื่อยืนยันความรู้สึกของตัวเองอีกแล้ว
เสกสรรค์มองตามหญิงสาวคนรักอย่างเสียใจ ผิดหวัง พิไลพรกับ ชายคำรณฤทธีมองรู้สึกเห็นใจเสกสรรค์มาก
พิไลพรเดินเข้าข้างในตามหญิงมานศรีไป แต่คำรณฤทธียังยืนอยู่มองเสกสรรค์ที่ยืนนิ่ง อึ้ง

อ่านต่อหน้า 4 พรุ่งนี้

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 7(ต่อ)

สมภพเดินเข้าออฟฟิศของตนเอง เข้มที่รออยู่แล้ว ทำทีเดินเข้ามาทัก

“สวัสดีครับคุณสมภพ”
สมภพมองหน้าคุ้นๆ เข้มโม้ทันที
“ผมเคยมาส่งคุณสมภพครั้งหนึ่งไง คงจำไม่ได้ ตอนที่นายใหญ่เรียกตัวคราวโน้นไงครับ”
สมภพจำไม่ได้แต่ก็เออออ
“เหรอ เออ...คนแก่ก็ยังงี้แหละ อย่าถือสาเลย หลงๆลืมๆ”
“พอดีผมมาซื้อของเข้าโรงงาน...เลยแวะซื้อขนมมาฝากครับ”
เข้มส่งถุงขนมให้ สมภพรับมา
“ร้อนเหลือเกิน ขอไปตากแอร์ในออฟฟิศหน่อยนะครับ”
“เอาสิๆ เข้ามาเลย”
เข้มตามสมภพไปอย่างดีใจ ที่เข้าแผน

ชายคำรณฤทธีเข้ามาปลอบใจเสกสรร
“ทำใจเถอะนะ คุณเสก ขอให้โชคดี”
ชายคำรณฤทธีเดินเข้าไป แต่เสกสรรยังไม่ยอมรับ
“ไม่...จนกว่าผมจะพิสูจน์ได้ว่า...คุณหญิงไม่รักผมแล้วจริงๆ”
เสกสรรค์มองแหวนวงน้อยในมือ ถึงจะเสียใจ แต่ยังไม่ถอดใจเดินออกไปจากวังกฤตยา หญิงมานศรียืนมองเขาจากมุมหนึ่งของวัง ด้วยความเห็นใจ และอดเสียใจไม่ได้ หม่อมสรัสวดีเข้ามาปลอบใจ
“ลูกทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเสียใจหรอกจ๊ะ ยังมีอนาคตที่ดีรอลูกหญิงอยู่ เชื่อแม่”
หญิงมานศรีหันไปถามแม่
“อนาคตที่หม่อมแม่หมายถึง...คืออะไรคะ”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง นึกหวั่นใจ ว่าลูกสาวระแคะระคายเรื่องอะไรหรือเปล่า
“ตอบหญิงมาสิคะ อนาคตที่ดีที่รอหญิงอยู่ คืออะไร”
หม่อมสรัสวดีทำเป็นโกรธกลบเกลื่อน
“ลูกหญิง ทำไมเสียงแข็งกับแม่แบบนี้ ไม่น่ารักเลย”
พิไลพรซึ่งยืนอยู่ห่างๆ สะดุ้ง ตกใจ
“พรขอตัวนะคะ”
หญิงมานศรีรีบบอก
“ไม่ต้อง พร...อยู่ที่นี่”
พิไลพรแปลกใจระคนอึดอัดใจ ว่าทำไมต้องอยู่ ชายคำรณฤทธีเข้ามายืนข้างพิไลพร
“เกิดอะไรขึ้น น้องหญิง หม่อมแม่”
“ก็น้องสาวของชายน่ะสิ อยู่ๆก็มาคาดคั้นอะไรกับแม่ก็ไม่รู้ ตัวเองอารมณ์ไม่ดีเพราะคนอื่น ก็อย่ามาลงกับแม่ จนกว่าลูกหญิงจะอารมณ์เย็นกว่านี้ เราค่อยคุยกัน”
หม่อมสรัสวดีเลี่ยงออกไป หญิงมานศรีถามคำถามไล่หลัง
“หม่อมแม่รู้เรื่องที่คุณเทพสั่งให้คนไปทำร้ายเสกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่าคะ”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง หันมามองลูกสาวตกใจ อึ้ง...
“และหญิงก็อยากรู้ว่าอนาคตที่ดีของหม่อมแม่ เกี่ยวข้องกับคุณเทพด้วยหรือเปล่า”
“ลูกหญิง เอาอะไรมาถามแม่”
“สิ่งที่หญิงรู้และเห็นมา โดยที่มีพรเป็นพยาน ว่าคุณเทพคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งว่าเป็นคนสั่งให้คนไปทำร้ายเสก...หญิงไม่เชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง จนมาเห็นเสก และเหตุการณ์เมื่อกี้ ยิ่งทำให้หญิงอดสงสัยไม่ได้ว่า หม่อมแม่เกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง รวมถึงกำลังยกหญิงใส่พานให้คุณเทพ”
“หญิงมานศรี!”
หม่อมสรัสวดีลืมตัว ตบหน้าลูกสาวด้วยความโกรธ ชายคำรณฤทธีและพิไลพรตกใจมาก
“คุณหญิง! /น้องหญิง!”
หญิงมานศรีน้ำตาซึม ค่อยๆหันมามองหน้าแม่อย่างตัดพ้อ หม่อมสรัสวดีต่อว่าหญิงมานศรีอย่างเสียใจและผิดหวัง
“เธอสงสัยแม่ของเธอได้ยังไง ฉันเป็นคนเดียวที่รักเธอมากที่สุดในโลกนี้ ไม่เคยคิดจะทำร้ายเธอให้เสียใจ มีแต่จะมอบสิ่งที่ดีให้กับชีวิตของเธอ เธอทำแบบนี้ ฆ่าฉันให้ตายไปเสียเลยดีกว่า”
หม่อมสรัสวดีเดินออกไป ชายคำรณฤทธีรีบตามแม่ไป พิไลพรเข้ามาปลอบใจหญิงมานศรี
“คุณหญิง...เจ็บมากมั้ยคะ โธ่เอ๊ย...”
หญิงมานศรีนิ่ง อึ้ง เสียใจ และไม่แน่ใจกับสมมติฐานของตัวเองขึ้นมาซะแล้ว

หม่อมสรัสวดีเข้าไปในห้องนอน เครียดที่ความจริงถูกระแคะระคาย และโล่งใจที่เอาตัวรอดมาจากสถานการณ์ที่กำลังจะจนตรอกได้ แต่ก็เสียใจที่ตบหน้าลูก มองมือตัวเองที่กำลังสั่นน้อยๆ แล้วเดินไปหารูปของท่านชายพหลที่มุมหนึ่งของห้อง
“ดิฉันทำทุกอย่าง ก็เพื่อทุกคนจะยังคงเกียรติภูมิแห่งความเป็นกฤตยาเอาไว้ได้ วิธีของดิฉันอาจจะผิด...แต่ดิฉันไม่ผิด”
ชายคำรณฤทธีมาเคาะประตูห้อง หม่อมสรัสวดีสะดุ้ง ตกใจ รีบปาดน้ำตา
“หม่อมแม่ครับ...ขอชายเข้าไปคุยด้วยได้มั้ย”
“แม่อยากอยู่คนเดียว แม่ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น”
“หม่อมแม่ครับ...อย่าโกรธน้องหญิงเลยนะครับ”
“แม่บอกแล้วไง ว่าอยากอยู่คนเดียว ไม่ต้องมาสนใจแม่ ไปให้พ้น”
ชายคำรณฤทธีถอดใจ จะออกไป หญิงมานศรีเข้ามายืนอยู่ข้างๆพอดี
“น้องหญิง!”
หญิงมานศรีค่อยๆลงนั่งแล้วหมอบกราบแม่ที่หน้าประตู
“หญิงกราบขอโทษที่หญิงล่วงเกินหม่อมแม่ และอยากให้หม่อมแม่ยกโทษให้หญิงที่...สงสัยในตัวคนที่รักหญิงมากที่สุดคนนี้”
หม่อมสรัสวดีฟังแล้วอึ้งไป...
“หญิงทำผิดอย่างที่สุด เหมือนเป็นลูกอกตัญญู หม่อมแม่ขา หญิงขอโทษ”
หม่อมสรัสวดีเปิดประตูออกมา รีบเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้
“ลูกหญิงของแม่...”
“หม่อมแม่ขา อย่าโกรธหญิงเลยนะคะ หญิงขอโทษ”
“แม่ไม่เคยโกรธลูกเลย หญิงก็ต้องไม่สงสัยในตัวแม่ เข้าใจมั้ยลูก แม่รักลูกทุกคน แม่ไม่เคยคิดทำร้ายลูกของแม่ จำไว้นะ”
“ค่ะ หม่อมแม่...”
หม่อมสรัสวดีหันไปมองลูกชาย
“ชายคำรณ”
“ครับหม่อมแม่ ชายทราบว่าหม่อมแม่คือคนที่รักพวกเรามากที่สุด”
ชายคำรณฤทธีเข้าไปกอดแม่และน้องเอาไว้ อย่างสบายใจที่เหตุการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี

ค่ำนั้น...เข้มวิ่งเข้ามาหาทิวที่นั่งรออยู่แล้ว
“ได้เรื่องมาแล้วใช่มั้ยเข้ม” ทิวรีบถาม
“ได้แล้วนาย...เสียน้ำลายไปประมาณสามเขื่อน กว่าจะตะล่อมให้ตาลุงแกเล่าได้ว่านายใหญ่สั่งให้ทำอะไร”
“มันกำลังจะทำอะไร”
ทิวสนใจมาก เข้มจึงเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง
“มันจะดีใจได้อีกไม่นาน...ไอ้เลว”
ทิวเดินออกไปอย่างหัวเสีย เข้มมองตามอย่างสงสัย
“นายจะไปไหน”
ทิวไม่ตอบ เดินลิ่วไป


ในคฤหาสน์...เทพดื่มเครื่องดื่มอย่างสบายใจ ล้วนยืนฟังอยู่อย่างเงียบๆ
“ฉันจะให้พวงทองและผ่องทิพย์เซ็นโอนหุ้นของไอ้ทิวให้ฉัน เมื่อพิสูจน์ได้ว่าไอ้ทิวมัน ตายแล้ว ศพมันลอยขึ้นมามั้ย”
“ไม่มีวี่แววเลยครับ ป่านนี้คงถูกปลาตอดจนเหลือแต่กระดูก”
“ถึงตอนนั้น กระดูกของมันก็จะลอยขึ้นมาให้พี่สาวได้ดูต่างหน้า เฮ้อ ใกล้เข้ามาแล้วสินะที่ฉันจะได้เป็นเจ้าของอาณาจักรทัดเทพโดยสมบูรณ์”
“แสดงความยินดีด้วยครับนาย”
“ฮ่ะๆๆๆ...แกอย่าลืม...ไปเร่งไอ้พวกโง่ที่เราติดต่อซื้อที่ดินของมันให้ตัดสินใจได้สักที ว่าจะขายให้เราได้เมื่อไหร่”
“แต่ถ้ามันไม่ขายล่ะนาย”
“ไม่มีคำว่าไม่ขาย เพราะนั่นเท่ากับแกทำงานพลาด”
“ครับนาย”
ล้วนมีท่าทางหนักใจบางอย่าง แต่เทพสบายใจมาก
“ชักอยากจะฉลองให้กับตัวเองซะแล้วสิ”

เทพก้าวออกมาจากห้องผ่องทิพย์อย่างหัวเสีย
“พอจะมานอนด้วยก็หายหัว มีใครรู้บ้างว่าผ่องทิพย์ไปไหน”
ขวัญตาเข้ามาอย่างเซ็กซี่เย้ายวน
“คนไหนไม่อยู่ก็ช่างเขาสิคะ ขวัญตาอยู่ทั้งคน”
เทพ มองขวัญตาอย่างพึงพอใจ
“นั่นสินะ ฉันลืมเธอไปได้ยังไง”
“คืนนี้ขวัญตาจะทำให้คุณเทพไม่มีทางลืมขวัญตาได้อีก”
“ขนาดนั้นเชียวเหรอจ๊ะทูนหัว”
“ชอบจังเลยค่ะ...ทูลหัว...เรียกอีกสิคะ”
“ทูลหัว...”

ขวัญตากัดริมฝีปาก ได้อารมณ์เหลือเกิน เทพทนไม่ไหว อุ้มเดินออกไปอย่างรวดเร็วทันที

ติดตามทุกความเข้มข้นของ "เกิดเป็นหงส์" วันละ 2 รอบเวลา เช้า 9.30 น. และ เย็น เวลา 17.00 น.

ทิวเดินมาหยุดยืนกลางป่าหรือทุ่งโล่ง ยืนเพียงลำพัง มีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่อง เขามองดวงจันทร์ดวงกลมโตสาดแสงนวล หลับตา สูดลมหายใจ เหมือนรับพลังจากแสงจันทร์ เพื่อให้สงบ สักครู่เขาก็ลืมตาขึ้น

“พ่อครับแม่ครับ ช่วยคุ้มครองผมด้วย ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนที่จะขัดขวางและทำลายไอ้เทพได้...ผมจะทำ!”

หญิงมานศรีเองก็กำลังอยู่ในอารมณ์เดียวกันกับทิว หญิงสาวยืนรับพลังแสงจันทร์อยู่นอกวังกฤตยา ที่หงส์งามลอยเด่น สักครู่เธอก็ลืมตาขึ้น
“ท่านพ่อขา...หญิงขอกำลังใจเพื่อต่อสู้กับความหลอกลวง ขอดวงตาที่หญิงจะมองทะลุเห็นหัวใจของคนได้ ขอความคิดและความเห็นที่ถูกต้อง แข็งแกร่งไม่หลงไปกับน้ำคำของใครง่ายๆ ท่านพ่อช่วยหญิงด้วยนะคะ”
หญิงมานศรีมองขึ้นไปยังดวงจันทร์เบื้องบน ซึ่งทิวก็มองไปยังจุดหมายเดียวกัน

มุมหนึ่งในป่า...หม้อดินวางอยู่บนเตาที่สร้างจากก้อนหินเส้า มีน้ำเดือดปุดๆอยู่ภายใน ผ่องทิพย์เทสมุนไพรจากห่อกระดาษลงในหม้อ จากนั้นเธอก็รับถุงใส่กางเกงใน และเส้นผมของขวัญตามาจากบุญปลูก และเสื้อเชิ้ตตัวที่วิวัฒน์เคยใส่ แล้วหย่อนลงไปในหม้อ ผ่องทิพย์จัดการปลดกระดุมเสื้อลงทีละเม็ดๆ บุญปลูกรีบปิดตาตัวเอง ทนดูไม่ได้
เสื้อของผ่องทิพย์ถูกโยนลง มากางเกงถูกปลดลงมาจนร่วงคาข้อเท้าของผ่องทิพย์ แล้วถูกสลัดออกไปกองรวมกับเสื้อตามมาด้วยชุดชั้นใน ผ่องทิพย์ เงยหน้า ชูมือขอพลังจากดวงจันทร์ บุญปลูกแง้มมองตามร่องมือ อ้าปากหวอ เมื่อเห็นผ่องทิพย์เปลือยเปล่า บุญปลูกรีบปิดตาไว้อย่างเดิม ผ่องทิพย์เอามือลูบไล้ไปตามลำแขน ตามช่วงขาอันเรียวงาม ฉาบร่างกายด้วยพลังของดวงจันทร์ จากนั้น เธอก็จับไม้ท่อนขึ้นมากวนสิ่งของในหม้อให้เข้ากันอย่างช้าๆ
“คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง...ขึ้นสิบห้าค่ำ ฤกษ์ดีที่จะให้พวกแกได้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน...ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ฮ่ะๆๆๆ”
บุญปลูก มองไปรอบๆ รู้สึกวังเวงกับบรรยากาศ ผ่องทิพย์หยุดกวน วางไม้ลง หันไปสั่งบุญปลูก
“นังบุญปลูก เอาเสื้อผ้ามาให้ฉัน”
“ค่ะ”
บุญปลูกรีบวิ่งไปหยิบเสื้อผ้ามาส่งให้ผ่องทิพย์ เผลอแอบดูบ้างแวบๆ ผ่องทิพย์จัดการใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ทิวเดินมาจากมุมหนึ่ง เห็นผ่องทิพย์ที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยพอดี และบุญปลูกกำลังทำอะไรบางอย่าง ทิวมองอย่างสงสัย แปลกใจ
“พี่ผ่อง มาทำอะไรตรงนี้”

ผ่องทิพย์กรอกน้ำจากหม้อดินใส่ขวดแก้ว จนเต็มแล้วปิดฝา ส่งให้บุญปลูก ทิวแอบดูอยู่ใกล้ๆ
“เอาไปผสมน้ำให้นังขวัญตากับไอ้นั่นกิน”
บุญปลูกขย้อนจะอ้วก
“อ้วก...น่าขยะแขยงที่สุดอ่ะค่ะ อ้วก”
“ของสกปรก มันก็สมควรให้คนสกปรกๆอย่างนังขวัญตากิน ฮ่ะๆๆ”
ทิวตกใจ สงสัยว่าผ่องทิพย์เอาอะไรให้ขวัญตาและใครอีกคนกิน
“น้ำเสน่ห์จันทรานี่แหละ...จะทำให้นังขวัญตากระเด็นไปจากชีวิตคุณเทพ แล้วไปอยู่กับคนที่มันเกลียดและขยะแขยง...ฮ่ะๆๆ”
ทิวตกใจ ระคนแปลกใจ
“พี่ผ่อง...” ทิวนึกเป็นห่วง “ขวัญตา....กับใคร”

ทิวเดินอย่างเร่งรีบ ตื่นเต้น เข้ามาที่กระท่อม มองหาเข้ม แต่ไม่เจอ
“ไอ้เข้ม! โธ่เว้ย ใครอนุญาตให้กลับวะ! ลุงแย้ม!”
เงียบ ไม่มีเสียงลุงแย้ม
“นี่ก็ไม่อยู่ แล้วจะไปเตือนขวัญตาให้ระวังตัวได้ทันยังไง”
ทิวกลุ้มใจ

ขวัญตาคลอเคลียออกมาส่งเทพ หลังจากมีความสุขด้วยกันมา...
“เพิ่งรู้นะเนี่ย...ว่าขวัญตาเล่นของ บอกได้มั้ย ไปทำอะไรมา ทำไมฉันถึงได้รู้สึกรักและหลงขวัญตาอย่างนี้”
“ขวัญตาไม่เคยไปยุ่งกับของสกปรกพวกนั้นหรอกนะคะ...เพราะขวัญตายังไม่ได้จนตรอกถึงขนาดต้องพึ่งของพวกนั้น มาทำให้ผัวรักผัวหลง”
“เสน่ห์ของขวัญตาอย่างเดียวเท่านั้นใช้มั้ยที่ทำให้ฉัน...ไม่มีวันลืมคืนนี้ได้ลงไป จนชั่วชีวิต”
“แล้วทำไมต้องกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองด้วยล่ะคะ”
“ฉันไม่ได้กลับไปที่ห้องนอนหรอก”
“ทำงานเหรอคะ”
“คิดอีกที...เรื่องงานไว้ทีหลังก็ได้...จริงมั้ย...ทูลหัว”
ขวัญตาละลาย
“คุณเทพขา!”
เทพกระชากขวัญตาเข้ามากอดด้วยแรงปรารถนา ซุกไซร้ซอกคออย่างหื่นกระหาย แล้วใช้อีกมือหนึ่งดันประตูห้องให้ปิดลง ผ่องทิพย์ยืนมองจากมุมหนึ่งด้วยความเจ็บช้ำใจและแค้นใจ

เช้าวันใหม่...หม่อมสรัสวดีลงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารเช้าอย่างอารมณ์ดี แม่แล่มคอยดูแลอยู่
“เช้านี้ทำข้าวต้มของโปรดลูกหญิงหรือเปล่าแม่แล่ม”
แม่แล่มอึกอัก
“เอ่อ...แล่ม...เอ่อ...”
“ลืมล่ะสิ ว่าแล้วเชียวต้องลืม สังหรณ์ใจไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืนไม่มีผิดเลย”
ชายคำรณฤทธีเข้ามา ถือซองจดหมายมาด้วย
“อย่าดุแม่แล่มเลยครับหม่อมแม่”
“ไม่ดุได้ยังไง นานๆลูกหญิงจะได้กลับมาบ้านสักที แม่ก็อยากจะดูแลลูกหญิงเหมือนที่เคยดูแล แต่อะไร...คนเก่าคนแก่แท้ๆกลับไม่รู้ใจกันซะเลย”
“แม่แล่มไม่ได้ลืม แต่ไม่ได้ทำ เพราะน้องหญิงไม่ได้อยู่ทานน่ะสิครับ”
หม่อมสรัสวดีหันไปหาลูกชาย
“ทำไม ลูกหญิงไปไหนแต่เช้า”
“กลับไปที่ทัดเทพแล้วครับ”
หม่อมสรัสวดีตกใจ
“หา! แล้วทำไมไม่ลาแม่สักคำ นี่มีแม่ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวเลยใช่มั้ย ทำไม ลูกหญิงทำแบบนี้ หรือว่ายังโกรธ...”
“ผมไม่ทราบเหตุผลของน้องหญิง แต่ฝากจดหมายให้หม่อมแม่ครับ”
ชายคำรณฤทธียื่นซองจดหมายให้ หม่อมสรัสวดีดึงซองมาอย่างไม่พอใจ รีบเปิดออกอ่าน

หญิงมานศรีและพิไลพรเดินมาตามทาง มุ่งหน้าไปยังคฤหาสถ์ หญิงสาวกลับมาอีกครั้งด้วยความมุ่งมั่นอะไรบางอย่างในใจ โดยได้ทิ้งจดหมายไว้...
หม่อมสรัสวดีถือจดหมายลงนั่งอ่านอย่างเคร่งเครียด
‘หม่อมแม่คะ ไม่มีวิธีไหนที่จะอธิบายความรู้สึกของหญิงได้เท่ากับการเขียนจดหมายฉบับนี้ หญิงอยากจะบอกหม่อมแม่ว่า ไม่มีใครดีสมบูรณ์แบบจนเป็นเทพบุตร หรือเลวร้ายจนหาดีไม่ได้เหมือนซาตาน เพราะคนก็คือคน ที่มีทั้งดีและชั่วอยู่ที่ใครจะยินยอม ให้ความดีหรือความชั่วนำพาชีวิตตัวเองเท่านั้น...หญิงกราบขออภัยหม่อมแม่อีกครั้ง ที่จากมาโดยไม่ได้ร่ำลา เพราะหญิงมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องรีบจัดการ
“หญิงอยากจะขอร้องหม่อมแม่ กรุณาอย่าพุดคุยเรื่องนี้กับคุณเทพ จนกว่าหญิงจะแน่ใจว่า คุณเทพคือกัลยาณมิตรที่คู่ควรกับกฤตยาจริงๆ รักและเคารพหม่อมแม่เป็นอย่างสูง...หญิงมานศรี”
หม่อมสรัสวดีร้อนใจ เดินกลับเข้าข้างในทันที

เทพประคองขวัญตาลงมาร่วมโต๊ะ กับพวงทอง และผ่องทิพย์ที่นั่งอยู่แล้ว ขวัญตาเอาใจเทพเย้ยผ่องทิพย์มาก
“เช้านี้ ขวัญตาบอกให้เด็กทำไข่ลวกให้คุณเทพสามใบเลยค่ะ”
ผ่องทิพย์หันมองขวัญตาอย่างไม่พอใจ เทพหัวเราะชอบใจ
“ฮ่ะๆๆๆ กลัวฉันจะไม่ฟิตหรือไง”
“ก็ตั้ง...” ขวัญตายกนิ้วห้านิ้ว “เมื่อคืนนี้นะคะ ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนอ่ะ...ทำเอาขวัญตาไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย กลัวคุณเทพจะเพลียนะค่ะ”
พวงทองส่ายหน้าอย่างระอา ในขณะที่ผ่องทิพย์ทนไม่ไหว กระแทกแก้วกาแฟที่กำลังดื่มอย่างไม่พอใจ
“มันไม่มากไปหน่อยเหรอ”
เทพลงนั่งกับขวัญตา กลิ่นเสิร์ฟกาแฟและน้ำให้กับเทพ พร้อมไข่ลวก ผ่องทิพย์สบตาบุญปลูก ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆโต๊ะเตรียมอาหาร บุญปลูกรีบอาศัยช่วงจังหวะที่ไม่มีใครสังเกต แอบหยอดยาเสน่ห์จันทราลงในแก้วกาแฟของขวัญตา เทพมองผ่องทิพย์เอือมๆ
“อย่าอิจฉาขวัญตาเลยน่า ช่วยไม่ได้ ก็เธอไม่อยู่นี่นา”
ขวัญตาเสริม
“เลยอด”
ผ่องทิพย์ตวาด
“นังขวัญตา”
“แต่อาจจะไม่ได้อด เพราะที่ไปน่ะ ไปหาชู้”
ผ่องทิพย์กำหมัดแน่น จนทุกคนคิดว่ามีเรื่องแน่ แต่ผิดคาด ผ่องทิพย์กลับเย็น ยิ้มเย้ยขวัญตา
“มาทีหลัง คงยังไม่รู้...ว่าฉันเป็นคนยังไง คุณเทพรู้ดีว่าฉันไม่มีทางสำส่อนกับใคร...แต่หล่อน...ไม่แน่”
พวงทองปรามอย่างเบื่อหน่าย
“พอเถอะ เรื่องนี้ เก็บไว้คุยที่อื่น อย่ามาคุยบนโต๊ะอาหาร...กลิ่น เสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มให้คุณขวัญตาซะด้วย ยืนนิ่งอยู่ทำไม”
กลิ่นเดินไปที่โต๊ะเตรียมอาหาร บุญปลูกส่งแก้วกาแฟให้ กลิ่นรับมาแล้วมาเสิร์ฟให้ขวัญตา แล้วบุญปลูกก็ค่อยๆตัวลีบออกไป ผ่องทิพย์ค่อยๆจิบน้ำอย่างใจเย็น ยิ้มเยาะขวัญตา พวงทองสังเกตทุกคนอยู่เงียบๆ ผ่องทิพย์ลุ้นให้ขวัญตายกกาแฟขึ้นดื่ม
ขวัญตายกกาแฟขึ้นดื่ม ในขณะที่ยังหัวเราะระรื่นอยู่กับเทพ ผ่องทิพย์จ้องลำคอของขวัญตาที่กำลังกลืนกาแฟอย่างใจจดจ่อ ขวัญตาวางแก้วกาแฟลง ผ่องทิพย์ลุกออกจากโต๊ะ เดินออกไป พอลับหลังทุกคน ผ่องทิพย์ก็ยิ้มอย่างสมใจ สะใจ
ครู่หนึ่ง กลิ่นเดินเข้ามารายงานเทพ
“โทรศัพท์จากหม่อมสรัสวดีค่ะคุณเทพ”
เทพชะงัก ขวัญตาวางช้อนทันทีอย่างไม่สบอารมณ์ พวงทองอิ่มพอดี ลุกขึ้นจากโต๊ะไป เทพลอบมองพวงทองอย่างไม่พอใจที่ไม่สนใจ แม้แต่ชายตาเหลือบแลเขา
“เช้านี้ ไม่คิดจะทักทายกันสักคำเหรอพวงทอง”
“คุณไม่ได้อยากได้ยินมันจริงๆ หรอกค่ะ คุณแค่อยากรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะถ้าได้ยินมันจากปากฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่ทำ”
พวงทองเดินออกไป เทพมองอย่างเคียดแค้น ขวัญตาเบ้หน้า
“หมั่นไส้...วางท่าเป็นนางพญา เอามาเป็นเมียได้ยังไงคะเนี่ย หรือว่าตอนนั้นคุณเทพเมา”
เทพตะโกนลั่น
“กลิ่น! เอาโทรศัพท์มาให้ฉันที่นี่”
ขวัญตาตกใจที่เทพเสียงดัง กลิ่นวิ่งลนลานเอาโทรศัพท์มาให้อย่างกลัวๆ
“ว่าไงครับหม่อม...อะไรนะ คุณหญิงน่ะเหรอครับ ไม่ไว้ใจผม”
เทพสบตาขวัญตา สั่งเป็นนัยๆว่าให้ขวัญตาออกไป ขวัญตาออกไปอย่างหงุดหงิด เทพฟังโทรศัพท์ต่อ

หญิงมานศรี เดินเข้ากับพิไลพร เทพเดินเข้ามายิ้มอย่างยินดี
“กลับมาแล้วเหรอครับคุณหญิง”
หญิงมานศรีและพิไลพรยกมือไหว้ เทพรับไหว้ หญิงมานศรียิ้มเป็นปกติ แต่พิไลพรไม่คิดจะยิ้มให้
“พรขอตัวเอาของไปเก็บก่อนนะคะ จะรีบไปทำงานด้วยค่ะ”
พิไลพรไม่รอให้หญิงมานศรีอนุญาต รีบเดินเข้าไปทันที เทพมองตามพิไลพร แอบไม่พอใจ แต่เก็บอาการเอาไว้
“ทำไมรีบกลับล่ะครับ ยังไม่ครบกำหนดลาไม่ใช่เหรอ”
“พอดีหญิงห่วงงานน่ะค่ะ”
“เฮ้อ โล่งอกไปที เมื่อคืนแอบคิดว่า...ถ้าคุณหญิงไม่กลับมาอีกแล้ว ผมจะทำยังไง”
“ทำไมคุณเทพคิดว่าหญิง จะไม่กลับมาอีกล่ะคะ”
“อาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้คุณหญิงไม่อยากอยู่ที่นี่ ซึ่งก็กลัวว่า...เหตุผลนั้นจะเป็นผม”
“หญิงจะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะ จนกว่าหญิงจะแน่ใจว่างานของหญิงสำเร็จลุล่วง”
“พูดเหมือนกับว่า พองานสำเร็จลุล่วงแล้ว คุณหญิงก็จะไป”
“เราไม่มีทางรู้ได้ ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ สิ่งที่หญิงพูดในวันนี้ อาจจะไม่เกิดหรืออาจจะเกิดขึ้นก็ได้ อย่ายึดติดกับมันเลยค่ะ ขอตัวนะคะ หญิงจะเข้าออฟฟิศ”
หญิงมานศรีเดินออกไป เทพมองตามไม่วางใจ โทรศัพท์สั่งการล้วนทันที...
“สะกดรอยตามคุณหญิงไป...อย่าให้คลาดสายตา ผู้หญิงคนนี้ฉลาดกว่าที่ฉันคิด”
เทพวางสาย
“หญิงมานศรีคิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้เธอทำสำเร็จ ไม่มีทางที่เธอจะฉลาดไปกว่าฉัน”
เทพเจ็บใจหงุดหงิด ขว้างปาข้าวของกระจาย

หญิงมานศรี เดินลัดเลาะมาตามมุมต่างๆของป่า คอยมองไปรอบๆ เพื่อเช็คดูว่ามีคนสะกดรอยตามหรือไม่อย่างระวัง ล้วนโผล่มาจากมุมหนึ่ง สะกดรอยตามไปอย่างห่างๆ
ขณะเดียวกันที่กระท่อม เข้มกับลุงแย้มยืนหน้าเสียอยู่ตรงหน้าทิว
“ไม่ทันแล้วนาย...พวกเราไปเตือนคุณขวัญตาว่าให้ระวังของกินไม่ทัน”
ทิวอึ้ง เข้มมองอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอนาย”
“ไม่มีอะไร...เอ่อ...แกเห็นคนงานคนไหนที่ สนิทสนมกับขวัญตาบ้าง”
เข้มส่ายหน้า
“ไม่มีนะนาย”
“เออ ช่างเหอะ”
“ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่ นาย”
“เรื่องนี้...ฉันพูดไม่ได้ ไปทำงานเถอะ หายไปนาน เดี๋ยวมีคนสงสัย”
เข้มกับลุงแย้มพากันออกไปทางหนึ่ง ทิวลุกขึ้น จะเดินเข้าข้างใน แต่แล้วก็ต้องชะงัก ค่อยๆหันมา หญิงมานศรีเดินมาหยุดที่หน้ากระท่อม ทิวลืมตัวยิ้มดีใจ
“คุณหญิง...”
หญิงมานศรีฝืนยิ้มน้อยๆให้ ล้วนที่แอบอยู่เห็นทิวก็ตกใจ

“ไอ้ทิว!”

อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น