ภูผาแพรไหม ตอนที่ 6
ห้องแพรไหมปิดไฟมืดสนิท แพรไหมที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นเพราะนอนไม่หลับ เธอพลิกตัวแล้วพยายามข่มตานอนอีกครั้ง แต่ก็นอนไม่หลับเลยเปิดไฟที่หัวเตียงแล้วลุกขึ้นหยิบไอแพดมาเล่น แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงออดถูกกดรัวอย่างบ้าคลั่ง
แพรไหมรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่างจึงเห็นรถภูผาจอดหน้าบ้าน โดยภูผากำลังยืนกดออดด้วยความโมโห แพรไหมมองอย่างตกใจแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป
เสียงออดยังรัวลั่น แพรไหมวิ่งหน้าตื่นลงมาจากบันได เธอเจอน้อยที่ถือไม้มาด้วย กับสมใจที่ใส่ชุดนอนวิ่งหน้าตื่นมาจากหลังบ้าน
“เอาไม้มาทำไม” แพรไหมถาม
“ตีไอ้คนที่กดออดน่ะสิคะ..ถ้าไม่ใช่พวกวัยรุ่นป่วนเมืองก็ต้องเป็นคนบ้า ไม่งั้นคงไม่กดออดเหมือนมีใครตายอย่างนี้หรอกค่ะ” น้อยบอก
“เพื่อนฉันเอง..” แพรไหมบอก
น้อยจ๋อย “อุ้ย”
“เค้าคงมีธุระด่วนเดี๋ยวฉันออกไปดูเอง”
น้อยรับคำ “ค่ะ”
แพรไหมรีบวิ่งออกไป ในขณะที่ศุภลักษณ์ พันทิญา และวนิดาวิ่งหน้าตื่นลงมาจากบันได
ศุภลักษณ์พูดด้วยความโมโห “มายืนทำอะไรกันตรงนี้ ทำไมไม่ออกไปดูว่าใครมากดออด”
“เพื่อนคุณแพรค่ะ..คุณแพรออกไปดูแล้ว” น้อยบอก
“เพื่อนยัยแพร..ใคร..” ศุภลักษณ์มองไปหน้าบ้านก็เห็นแพรไหมกำลังเดินไปหาภูผา “คุณภูผา”
พันทิญามองหน้าวนิดาอย่างตกใจ
“มีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรทำไมต้องกดออดขนาดนี้ด้วย” ศุภลักษณ์สงสัย
ศุภลักษณ์จะเดินออกไปหน้าบ้านแต่พันทิญารีบเข้ามาห้ามไว้
“คุณแม่คะ..พันไปดูให้เองค่ะเผื่อคุณภูผามาบอกข่าวร้ายกับยัยแพร คุณแม่ฟังแล้วจะตกใจเปล่า ๆ”
วนิดารีบสนับสนุน “ใช่ค่ะพี่ศุ..อย่าออกไปเลยนะคะรอในบ้านกับดานี่แหล่ะ”
“ข่าวร้ายที่สุดในชีวิตฉันคือพ่อของยัยพันยัยแพรตาย..ไม่มีข่าวร้ายอะไรทำให้ฉันตกใจได้อีกแล้ว”
ศุภลักษณ์เดินออกไปทันที
พันทิญากับวนิดามองหน้ากันอย่างตกใจแล้วรีบเดินตาม น้อยวิ่งไปเกาะประตูดูเหตุการณ์อย่างสอดรู้สอดเห็น
น้อยพูดกับสมใจ “ป้ามาดูด้วยกันเร็ว”
“แกนี่มันสอดรู้สอดเห็นเรื่องเจ้านายจริงๆ” สมใจว่า
“ไม่อยากรู้ก็ไปนอนไป”
“ใครว่าไม่อยากรู้ล่ะ”
สมใจวิ่งไปที่ประตูเพื่อแอบดูกับน้อย น้อยมองสมใจอย่างหมั่นไส้แล้วมองไปที่หน้าบ้านต่อ
ภูผายืนอยู่หน้าบ้าน เขามองแพรไหมที่เดินออกมาจากบ้านอย่างโกรธจัด
“คุณทำอะไร..ทำไมพี่ชายผมถึงฆ่าตัวตาย” ภูผาถาม
แพรไหมกลัวมากจึงไม่กล้าพูด
“บอกมาสิบอกมา..ว่าทำอะไรพี่ชายผม”
ศุภลักษณ์ พันทิญา และวนิดาเดินมาสมทบ
“พี่ชายคุณฆ่าตัวตายแล้วเกี่ยวอะไรกับยัยแพร” ศุภลักษณ์งง
ภูผามองแพรไหม พันทิญา และวนิดาอย่างแค้นใจ
“คุณพันทิญา คุณวนิดารู้เรื่องนี้ทุกคน..ไม่มีใครบอกเรื่องพี่ชัยให้คุณรู้เลยเหรอ” ภูผาถาม
ศุภลักษณ์หันไปมองแพรไหม พันทิญา และวนิดาอย่างโมโห
แพรไหม พันทิญา และวนิดาก้มหน้าไม่กล้าสบตาศุภลักษณ์
ศุภลักษณ์ทวนคำ “ชัยเหรอ”
แล้วศุภลักษณ์ก็นึกย้อนไปในอดีต...
ชัยที่ยังยิ้มเพราะดีใจที่พันทิญาจะคืนดีด้วยรีบพูด
“ครับ..” ชัยไหว้ศุภลักษณ์ “ผมกลับก่อนนะครับ”
ชัยเดินออกไป พันทิญามองชัยอย่างโล่งอก
พิพัฒน์กับศุภลักษณ์มองชัยอย่างงงๆ
“เพื่อนที่ไหนทำไมแม่ไม่เคยเห็นหน้า”
“คุณชัยอยู่เชียงใหม่มาทำธุระที่กรุงเทพเลยแวะมาเยี่ยมพันน่ะค่ะ...”
ศุภลักษณ์พยักหน้าว่าเข้าใจ...
ศุภลักษณ์ถามพันทิญาเสียงเข้ม
“คนที่มาหาพันที่ร้านวันนั้นใช่มั้ย”
“ค่ะ คือ..คือ..ยัยแพรเป็นแฟนกับคุณชัยแล้วบอกเลิก..คุณชัยเลยเสียใจมากจนไม่สบายน่ะค่ะ” พันทิญาตอบ
“วันนี้เค้าหายไม่สบายแล้วแต่คุณแพรกลับทำให้พี่ชัยต้องโดดตึกฆ่าตัวตาย” ภูผาบอก
ศุภลักษณ์ถามแพรไหม “จริงเหรอยัยแพร”
แพรไหมมองศุภลักษณ์และมองภูผาอย่างหวาดกลัว
พันทิญากับวนิดามองแพรไหมอย่างลุ้นๆว่าจะบอกความจริงหรือไม่
“จริงค่ะ” แพรไหมตอบออกมา
ศุภลักษณ์มองแพรไหมอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วมองภูผาที่ท่าทางโกรธจัดอย่างไม่ไว้ใจ
“แม่ไม่เชื่อ..กลับจากเมืองนอกแพรก็หนีไปเชียงใหม่ไม่มีทางที่จะไปรู้จักคบหากับคุณชัยได้”
ศุภลักษณ์เปิดประตูแล้วออกไปประจันหน้ากับภูผา
“คุณเจอยัยแพรที่เชียงใหม่..คุณรู้ว่าครอบครัวฉันรวยแล้วก็มีแต่ผู้หญิงเลยรวมหัวกับพี่ชายเพื่อข่มขู่ยัยแพร คุณต้องการอะไรจากครอบครัวฉันบอกมาเดี๋ยวนี้” ศุภลักษณ์ว่า
“ผมไม่เคยข่มขู่คุณแพร..แล้วสิ่งที่ผมต้องการก็คือให้คุณแพรไปดูแลจนกว่าพี่ชัยจะหายดี ..พอเค้าหายดีแล้วคุณแพรต้องกราบเท้าขอโทษพี่ชัย” ภูผาบอก
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณต้องการแค่นั้น..ถ้าคุณต้องการเงินหรือใช้ธุรกิจของฉันทำประโยชน์รู้ไว้เลยนะว่าฉันไม่มีวันยอม”
ภูผามองศุภลักษณ์อย่างไม่พอใจ
“วันนี้คุณแพรไปกินข้าวกับพี่ชัยที่ร้านคงมีเทปจากกล้องวงจรปิดที่จะยืนยันได้ว่าคุณแพรคบกับพี่ชัยจริง...นอกจากเทปจากกล้องวงจรปิดแล้วผมจะพาคนที่เห็นเหตุการณ์ตอนพี่ชัยโดดตึกมาด้วย..เค้าจะได้ช่วยยืนยันว่าคนที่ทำให้พี่ชัยฆ่าตัวตายคือลูกสาวคุณ” ภูผาบอก
แพรไหม พันทิญา และวนิดามองภูผาอย่างตกใจ
ศุภลักษณ์มองภูผาอย่างไม่กลัว “มีหลักฐานอะไรไปเอามาให้หมด..ถ้ายัยแพรทำอย่างที่คุณพูดจริงฉันจะยอมขอโทษคุณแล้วก็จะยอมให้ยัยแพรทำตามข้อเรียกร้องของคุณทุกอย่าง”
ทันใดนั้นแท็กซี่ก็แล่นเข้ามาจอด ทวีปวิ่งหน้าตื่นลงมาจากรถ
“ไอ้ภู..กลับก่อนเถอะมีอะไรรอให้ใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกับพวกเค้าวันหลัง”
“ฉันคุยเสร็จแล้ว” ภูผาบอก
ทวีปตกใจ “หา”
ภูผาพูดกับศุภลักษณ์ “แล้วคุณจะได้รู้ว่าทุกอย่างที่ผมพูดเป็นความจริง”
ภูผาเดินไปขึ้นรถ ทวีปมองอย่างงงๆแล้วรีบวิ่งตามไป
ศุภลักษณ์มองภูผาอย่างไม่พอใจ แพรไหม พันทิญา และวนิดามองภูผาอย่างร้อนใจ ศุภลักษณ์หันมามองทุกคนด้วยความโมโห
“เข้าไปคุยกันในบ้าน”
แพรไหม พันทิญา และวนิดามองตามศุภลักษณ์อย่างหวาดกลัว
ภูผาขับรถกลับโดยมีทวีปนั่งที่เบาะข้างๆ ทวีปมองภูผาอย่างโล่งอก
“ตอนนั่งแท็กซี่ฉันน่ะใจสั่นมาตลอดทาง กลัวว่าแกจะฉุดกระชากคุณแพรเพื่อให้เค้าไปที่โรงพยาบาล” ทวีปบอก
“ถ้าไม่มีประตูรั้วกั้นอยู่ฉันคงทำแบบนั้น”
“โชคดีของคุณแพรที่ไม่ยอมเปิดประตูให้แก..คุณศุภลักษณ์ไม่เชื่อใช่มั้ยว่าคุณแพรเคยเป็นแฟนพี่ชัย”
“อือ..ฉันถึงจะไปเอาหลักฐานมาให้เค้าดูนี่ไง”
“หลักฐาน หลักฐานอะไรวะ” ทวีปงง
ภูผาไม่ตอบยังคงขับรถหน้านิ่ง ทวีปมองภูผาด้วยความสงสัย
ศุภลักษณ์ตวาดทุกคนลั่น
“ทำไมไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับฉัน”
แพรไหม พันทิญา และวนิดานิ่งเงียบไม่มีใครกล้าตอบ
“หูหนวกรึไง..ได้ยินที่ฉันถามมั้ย”
วนิดาพูดอย่างกลัวๆ “พวกเราเห็นว่าพี่ศุทำงานหนัก เหนื่อยกับเรื่องงานมากพอแล้วเลยจะจัดการเรื่องนี้กันเองน่ะค่ะ”
“ถ้าพวกเธอมีปัญญาจัดการคุณภูผาคงไม่มาตะโกนปาวๆหน้าบ้านเราอย่างนี้หรอก”
แพรไหม พันทิญา และวนิดาจ๋อย ทั้งสามมองศุภลักษณ์อย่างกลัวๆ
“ทำธุรกิจมาตั้งแต่สาวยันแก่ เจอกลโกงมาทุกรูปแบบ โดนคู่แข่งข่มขู่เป็นร้อยครั้งฉันก็แก้เกมส์พวกมันได้ทุกครั้ง..แต่ลูกฉันแค่โดนบอดี้การ์ดข่มขู่กลับแก้ปัญหาไม่ได้มันน่าอายจริงๆ” ศุภลักษณ์บอก
แพรไหมเริ่มห่วงเพราะไม่อยากให้ศุภลักษณ์เข้าใจภูผาผิด
“คุณแม่คะ คุณภูผาไม่ได้ข่มขู่แพรค่ะ”
พันทิญามองแพรไหมอย่างไม่พอใจแล้วรีบพูด
“คุณภูผากลับไปแล้วแพรไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว..แพรยังจะโกหกคุณแม่อีกทำไมว่าไม่ได้โดนเค้าข่มขู่”
แพรไหมพูดอะไรไม่ออก “ก็”
“เงียบไปเลยนะแพร ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว..” วนิดารีบพูดกับศุภลักษณ์ “พี่ศุคะ..ในฐานะที่ดาอาวุโสที่สุด ดา” วนิดายกมือไหว้ “ต้องกราบขอประทานโทษพี่ศุด้วยค่ะ ที่ช่วยหลานๆปิดบังเรื่องนี้..” วนิดาหันมาพูดกับพันทิญา แพรไหม “พัน แพร ขอโทษคุณแม่ซะ”
พันทิญากับแพรไหมยกมือไหว้ “ขอโทษค่ะคุณแม่”
ศุภลักษณ์มองพันทิญากับแพรไหมแล้วก็ใจอ่อนแต่ก็ยังโมโหอยู่
“คราวหลังถ้ามีใครรังแกแล้วไม่ยอมบอกฉัน...ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่อีก”
ศุภลักษณ์เดินออกไปด้วยความโมโห
พันทิญากับวนิดาถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เมื่อกี๊แพรคิดจะทำอะไร ทำไมบอกคุณแม่ว่าคุณภูผาไม่ได้ข่มขู่” พันทิญาไม่พอใจ
“ก็เค้าไม่ได้ข่มขู่แพรจริงๆนี่คะ”
“รู้ว่ามันไม่จริงแต่ถ้าไม่ปล่อยให้พี่ศุเข้าใจอย่างนั้นแล้วจะทำยังไง..เราคิดจะบอกความจริงแล้วให้พี่ศุเล่นงานยัยพันใช่มั้ย” วนิดาถาม
“เปล่าค่ะ..แพรแค่อยากให้คุณแม่รู้ว่าคุณภูไม่ได้ข่มขู่แพรไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น”
“งั้นก็หัดคิดซะบ้าง..พี่จะได้ไม่เดือดร้อน..” พันทิญาว่า
“อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย..ตอนนี้นายภูผาคงกำลังไปเอาเทปกล้องวงจรปิดแล้วก็เอาคนที่ร้านมาชี้ตัวคนที่ไปกับพี่ชายมัน..เราต้องขัดขวางมันก่อน” วนิดาบอก
พันทิญาร้อนใจ “มันไปตั้งนานแล้วป่านนี้มันอาจจะถึงร้านแล้วก็ได้เราจะขัดขวางมันได้ยังไงละคะ”
วนิดาครุ่นคิดแล้วยิ้มอย่างมีแผน
เวลาผ่านไป พันทิญาถือไอแพดเพื่อเปิดดูเบอร์ร้านอาหาร วนิดามองเบอร์ร้านอาหารแล้วก็กดโทรออก
“สวัสดีค่ะ..ขอสายผู้จัดการร้านค่ะ”
แพรไหมกับพันทิญามองวนิดาอย่างร้อนใจเพราะอยากรู้ว่าวนิดาจะทำตามแผนได้สำเร็จหรือไม่
รถที่ภูผาขับมาติดอยู่บนถนน
ภูผาหงุดหงิด “ดึกป่านนี้แล้วยังติดอีก ไม่รู้จะติดไรนักหนา”
“วันนี้วันหยุด คนเค้าก็ออกมาเที่ยวมากินกัน มันก็ติดงี้ทุกวันหยุดนั่นแหล่ะ” ทวีปบอก
ภูผาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
พันทิญาใส่ชุดนอนยืนเคาะประตูหน้าห้องศุภลักษณ์ ศุภลักษณ์เปิดประตูออกมา พอเห็นพันทิญาก็มองอย่างไม่พอใจ
ศุภลักษณ์ถามห้วนๆ “ว่าไง”
“พันเครียดค่ะ เครียดที่ทำให้คุณแม่โกรธเลยปวดหัวมาก”
ศุภลักษณ์คิดว่าพันทิญาพูดจริงก็ทำน้ำเสียงอ่อนลง
“แล้วกินยารึยัง”
“ทานแล้วค่ะแต่ไม่ค่อยยังชั่วเลย..คุณแม่ขาพันปวดหัวมากแล้วก็กลัวว่าอยู่ในห้องคนเดียวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะไม่มีใครรู้ คืนนี้พันขอนอนกับคุณแม่นะคะ”
ศุภลักษณ์แปลกใจ “ทุกทีเป็นอะไรก็อ้อนยัยดา..วันนี้ทำไมอ้อนแม่”
พันทิญายิ่งออดอ้อน “พันคิดถึงคุณแม่อยากให้คุณแม่กอด..ให้พันนอนด้วยคนนะคะ”
ศุภลักษณ์โดนพันทิญาอ้อนก็ใจอ่อนจึงพูดอย่างอ่อนโยน
“เข้ามาสิลูก”
พันทิญายิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ
ประตูรั้วบ้านถูกเปิดอยู่ น้อยกับแพรไหมช่วยกันเข็นรถที่ไม่ได้ติดเครื่องออกมาหน้าบ้าน โดยมีวนิดานั่งอยู่ที่เบาะคนขับ น้อยกับแพรไหมเข็นรถออกมาจนพ้นรั้วประตู วนิดาสตาร์ทเครื่องแล้วลงจากรถ
“อ้าว..สตาร์ทติดเหรอคะ น้อยคิดว่ารถเสีย” น้อยงง
“นังโง่..ถ้ารถเสียฉันจะให้เอาออกมาทำไม” วนิดาว่า
“คิดว่าคุณดากับคุณแพรจะเอารถไปซ่อม” น้อยบอก
“เข็นไปซ่อมดึกๆอย่างนี้เนี่ยนะ..คิดได้เนอะ”
น้อยยิ้มหน้าเจื่อน วนิดาหยิบเงินยื่นให้น้อย 1 พัน
“ห้ามให้พี่ศุรู้เด็ดขาดว่าฉันกับยัยแพรออกไปข้างนอก” วนิดากำชับ
น้อยยิ้มแฉ่งแล้วรับเงิน “ได้เลยค่ะ..อ๋อ..น้อยรู้แล้วที่คุณให้เข็นรถออกมาเพราะกลัวว่าถ้าสตาร์ทในบ้านคุณศุจะได้ยินใช่มั้ยคะ”
“ฉลาดแล้วนี่”
น้อยยิ้มแฉ่งที่วนิดาชม
วนิดาพูดกับแพรไหม “ยัยแพร..ไป”
แพรไหมรับคำ “ค่ะ”
แพรไหมเดินไปขึ้นฝั่งคนขับ วนิดาเดินไปขึ้นฝั่งคนนั่งข้างๆ แล้วแพรไหมก็ขับรถออกไป น้อยมองเงินในมือแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
บุญศรีกับปรางแก้วยืนอยู่หน้าห้องปลอดเชื้อ ทั้งสองมองผ่านกระจกเข้าไปเห็นชัยนอนนิ่งโดยมีหน้ากากออกซิเจนครอบปากกับจมูกอยู่ บุญศรีมองอย่างชัยอย่างเป็นห่วง เธอสงสารลูกชายจับใจจนน้ำตาไหล
“ชัยปลอดภัยแล้วใช่มั้ย” บุญศรีถาม
ปรางแก้วจับแขนบุญศรีอย่างสงสาร
“ต้องให้อยู่ในห้องปลอดเชื้อเพื่อดูอาการสักสองสามวันถึงจะตอบได้ค่ะ”
บุญศรีชักใจเสีย “ลูกแม่”
“คุณป้าอย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ..คนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุอาการหนักกว่าพี่ชัยยังรอดได้..พี่ชัยต้องไม่เป็นอะไรค่ะ”
บุญศรีปาดน้ำตาแล้วนึกถึงภูผา “ภูกับวีปไปไหนจนชัยผ่าตัดเสร็จแล้วยังไม่มากันอีก..” บุญศรีร้อนใจ “ไปบ้านคุณแพรรึเปล่าก็ไม่รู้”
บุญศรีรีบหยิบมือถือออกจากกระเป๋า
พนักงานโบกรถของร้านอาหารกุลีกุจอโบกรถภูผาให้เข้าไปจอดในซองจอดรถ ภูผาจอดรถเสร็จก็รีบลงจากรถมากับทวีป ภูผารีบถามพนักงานโบกรถ
“คุณใช่มั้ยครับที่เห็นคนโดดตึก”
พนักงานโบกรถตอบ “ไม่ใช่ครับ..เพื่อนผมครับที่เห็น”
“แล้วตอนนี้เพื่อนคุณอยู่ไหน” ทวีปถาม
“ผู้จัดการให้คนลงมาตามขึ้นไปพบที่ร้านอาหารครับ”
“ดีเลย..ได้คุยกับผู้จัดการทีเดียวว่าขอยืมตัวพนักงานคนนั้นแล้วก็ขอเทปกล้องวงจรปิดด้วย”
ภูผากับทวีปจะเดินไป ทันใดนั้นมือถือของภูผาก็ดังขึ้น
ภูผาดูหน้าจอแล้วกดรับ “ครับแม่”
บุญศรีคุยโทรศัพท์โดยมีปรางแก้วอยู่ข้างๆ
“ภูอยู่ที่ไหนลูก”
“ร้านอาหารที่พี่ชัยมาทานตอนหัวค่ำครับ...” ภูผาตอบ
“โล่งอกไปทีแม่คิดว่าภูบุกไปบ้านคุณแพรซะอีก..แล้วภูไปทำอะไรที่นั่น”
“มาคุยกับคนที่เห็นเหตุการณ์น่ะครับเดี๋ยวก็กลับแล้ว...พี่ชัยผ่าตัดเสร็จรึยังครับเป็นยังไงบ้าง” ภูผาหยุดฟัง “เสร็จธุระแล้วผมจะรีบกลับไปนะครับ” ภูผาพูดกับทวีปด้วยความเป็นห่วงชัย “ต้องดูอาการหลังผ่าตัดสองสามวันถึงจะรู้ว่าพี่ชัยพ้นขีดอันตรายรึเปล่า”
ทวีปตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อน “พี่ชัยร่างกายแข็งแรง..ไม่เป็นไรหรอกน่ะ”
“รีบขึ้นไปคุยกับผู้จัดการเถอะ” ภูผาชวน
ภูผาเดินไป ทวีปเดินตาม
ผู้จัดการร้านยืนดูแลความเรียบร้อยของร้านอยู่ที่มุมหนึ่ง พิพิธและเพื่อนๆยังนั่งดื่มกันอย่างสนุกสนานที่โต๊ะซึ่งอยู่ไกลออกไป ภูผากับทวีปเดินเข้ามา
“คุณเป็นผู้จัดการร้านนี้ใช่มั้ยครับ” ภูผาถาม
“ใช่ครับ..มีอะไรให้ผมรับใช้รึเปล่าครับ” ผู้จัดการร้านบอก
“ผมเป็นน้องชายของแขกที่มาทานอาหารแล้วโดดตึกลานจอดรถ ผมอยากขอดูเทปจากกล้องวงจรปิดจะได้รู้ว่าพี่ชายผมมากับใครน่ะครับ”
“เทปนี้เป็นความลับขอทางร้าน..ผมคงให้คุณดูไม่ได้”
“แต่ผมมีสิทธิ์ที่จะดูความลับของร้านคุณเพื่อประกอบคดี” ทวีปหยิบบัตรตำรวจขึ้นมา “เพราะผมเป็นตำรวจ”
ผู้จัดการมองทวีปด้วยความตกใจ
ผู้จัดการเดินนำภูผากับทวีปเข้ามาในห้องดูเทปวงจรปิด
“เทปของวันนี้อยู่ไหน” ทวีปถาม
ผู้จัดการตอบอย่างมีพิรุธ “ในเครื่องครับ”
“ช่วยเปิดภาพช่วงหัวค่ำให้ดูหน่อยครับ” ภูผาบอก
ผู้จัดการหน้าเจื่อน “ทางร้านไม่ได้บันทึกภาพในร้านวันนี้ไว้เลยครับ”
“มีกล้องวงจรปิดแต่บอกไม่ได้อัดไว้..เชื่อคุณก็โง่เต็มทน” ทวีปว่า
“ถ้าคุณไม่อยากให้พวกผมดูเทปเพราะกลัวว่าทางร้านจะเสียชื่อเสียงผมรับประกันได้เลยว่าจะไม่เอาภาพจากร้านคุณไปให้นักข่าว แต่แค่จะเอาไปยืนยันกับครอบครัวเพื่อนพี่ผมเท่านั้นว่าเค้ามาพบพี่ผมจริง” ภูผาบอก
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเข้าใจหรอกครับแล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรพวกคุณด้วย..แต่บังเอิญวันนี้เครื่องมันเสียอัดภาพไม่ได้..ที่ผมไม่กล้าบอกแต่แรกเพราะกลัวพวกคุณจะหาว่ามาตรการความปลอดภัยของทางร้านไม่ดีน่ะครับ”
“ต้องขอโทษด้วยนะถ้าจะบอกว่าผมไม่เชื่อคุณ” ทวีปพูด
ทวีปกดเอาเทปออกมาแล้วก็เห็นว่าเทปเขียนวันที่ไว้บนเทปอย่างถูกต้อง ทวีปเอาเทปใส่เข้าไปแล้วรีไวน์เทปก่อนจะกดเปิด แต่เมื่อดูที่หน้าจอก็ไม่เห็นภาพอะไรเลย ภูผากับทวีปมองอย่างตกใจ
“เครื่องเสียจริงๆครับ” ผู้จัดการย้ำ
“ทำไมซวยอย่างนี้วะ” ทวีปเซ็ง
“พนักงานข้างล่างบอกว่าพนักงานโบกรถที่เห็นเหตุการณ์ขึ้นมาหาคุณ เค้าอยู่ไหนครับ” ภูผาถามต่อ
“ผมคิดว่าเค้าคงตกใจมากที่เห็นคนโดดตึกต่อหน้าต่อตาเลยบอกให้เค้ากลับบ้านไปพักผ่อนแล้วละครับ”
“บ้านเค้าอยู่ไหนครับ” ภูผาถาม
“ใกล้ๆตึกนี่ละครับ..เดี๋ยวผมจดที่อยู่ให้” ผู้จัดการบอก
ภูผาถือกระดาษจดที่อยู่เดินออกมาจากห้องดูเทปพร้อมกับทวีป เขาเจอกับพิพิธที่เพิ่งเดินกลับมาจากห้องน้ำ โดยพิพิธมีอาการเมานิดหน่อย
“อ้าว..ผู้หมวด คุณภูผา มาทานข้าวร้านนี้เหมือนกันเหรอครับ” พิพิธทัก
“เปล่ามาธุระ...” ทวีปพูดด้วยความหมั่นไส้ “แล้วคุณล่ะมากับใครเจ้าแสงมณีรึเปล่า”
“ผมอยากให้เจ้ามาด้วยจะแย่..แต่ก็ห่วงความปลอดภัยของเจ้าเลยไม่กล้าชวนน่ะครับ” พิพิธบอก
“พวกผมมีธุระต้องรีบไป..ขอตัวก่อนนะครับ” ภูผาเอ่ย
“เชิญครับ”
ภูผากับทวีปเดินออกไป
“พูดถึงเจ้าแสงมณีก็คิดถึงขึ้นมาเลย..ส่งข้อความไปส่งเข้านอนหน่อยดีกว่า”
พูดจบพิพิธก็หยิบไอโฟนขึ้นมาส่งข้อความหาแสงมณีด้วยท่าทางมีความสุข
พันทิญาร้อนใจเรื่องภูผาแต่ก็บีบนวดให้ศุภลักษณ์
“ปวดหัวแล้วยังนวดให้แม่อีก” ศุภลักษณ์พูด
พันทิญาที่มีสีหน้ากังวลรีบเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม
“หายแล้วค่ะ..คงเพราะคุณแม่หายโกรธพันเลยหายเครียด”
“แม่โกรธทุกวันดีกว่าพันจะได้เอาใจแม่ทุกวัน” ศุภลักษณ์เย้า
“แค่นานๆโกรธทีพัน ยัยแพร คุณน้าก็กลัวคุณแม่จะแย่อยู่แล้ว ขืนโกรธทุกวันพวกพันคงกลัวจนไม่กล้าพูดกับคุณแม่”
“นี่ก็ใกล้วันแต่งงานเข้าไปทุกทียัยแพรเลือกชุดหมั้นชุดเจ้าสาวรึยังก็ไม่รู้”
พันทิญาได้ยินก็ไม่พอใจทันทีเพราะอิจฉาแพรไหม
ศุภลักษณ์ดูนาฬิกาในห้อง “คงยังไม่นอนแม่ไปคุยกับยัยแพรหน่อยดีกว่า”
ศุภลักษณ์จะลุกไปแต่พันทิญารีบมาขวาง
“อย่าไปเลยค่ะ”
ศุภลักษณ์มองพันทิญาด้วยความแปลกใจ
“คุณแม่ก็รู้ว่ายัยแพรไม่อยากแต่งงานกับเจ้า แล้ววันนี้คุณภูผาก็มาข่มขู่ถึงบ้านอีก ยัยแพรคงเหนื่อยมากให้ยัยแพรพักก่อนแล้วค่อยคุยพรุ่งนี้เถอะค่ะ”
ศุภลักษณ์นิ่งคิด “ก็ได้”
พันทิญายิ้มอย่างโล่งใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 6 (ต่อ)
ลานจอดรถชั้น 1 ของร้านอาหารมีรถจอดอยู่เพียงไม่กี่คัน แพรไหมขับรถที่วนิดานั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ เข้าซองจอดรถที่มุมมืดมุมหนึ่ง
“ผู้จัดการร้านโทรมาบอกว่านายภูผาเพิ่งออกไป..ขึ้นไปชั้นจอดรถของร้านอาหารเคราะห์หามยามซวยเราอาจจะเจอนายภูผา..จอดชั้นนี้ปลอดภัยกว่า” วนิดาบอก
แพรไหมจอดรถเสร็จก็หันมามองวนิดาอย่างหนักใจ
“แพรไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้เลยค่ะ..มันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุตราบใดที่เราไม่แก้ที่ต้นเหตุคือบอกความจริงกับทุกคนปัญหาเรื่องพี่พันคุณชัยก็ไม่มีวันจบ”
วนิดาหงุดหงิด “เอะอะก็จะให้พูดความจริง..เรารักยัยพันบ้างรึเปล่าทำไมถึงยุให้บอกความจริงที่จะทำให้ยัยพันเดือดร้อนอยู่ได้”
“เพราะรักน่ะสิคะถึงอยากให้พี่พันพ้นจากปัญหานี้ซะที” แพรไหมบอก
“งั้นก็กรุณาเห็นด้วยกับสิ่งที่น้ากำลังทำ เพราะนี่ก็เป็นการช่วยยัยพันให้พ้นปัญหาเหมือนกัน”
วนิดาหยิบซองน้ำตาลที่ใส่เงินแล้วเปิดประตูลงจากรถไปด้วยความหงุดหงิด แพรไหมมองวนิดาอย่างหนักใจแล้วก้าวลงตามไป
วนิดายืนถือซองเงินอยู่หน้าลิฟต์กับแพรไหม ลิฟต์เปิดออก วนิดาเดินเข้าไป แพรไหมเดินเข้าตาม เป็นจังหวะเดียวกับที่ภูผาขับรถลงมาจากชั้น 4 แล้วเห็นแพรไหมเดินเข้าลิฟต์พอดี ภูผาเบรกรถเอี๊ยดจนทวีปหน้าทิ่ม
“เฮ้ย” ทวีปร้อง
“ฉันเห็นคุณแพร” ภูผาบอก
ทวีปหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใคร
“ไหนวะ”
“ขึ้นลิฟต์ไปแล้ว” ภูผาบอก
“แกแน่ใจเหรอว่าเป็นคุณแพร”
“ไม่แน่ใจเพราะเห็นแต่ข้างหลัง”
ภูผารีบจอดรถ
“จอดทำไมวะ” ทวีปถาม
“ก็ไปดูให้แน่ใจน่ะสิว่าใช่คุณแพรรึเปล่า..แล้วถ้าใช่เค้ามาทำอะไรที่นี่”
ภูผาเดินลงจากรถ ทวีปรีบเดินตาม ภูผาวิ่งไปกดลิฟต์อย่างรีบร้อน ทวีปเดินตามมาติดๆ ลิฟต์ขึ้นไปเรื่อยๆซึ่งอีกนานกว่าจะลงมา ภูผานิ่งคิด ๆ แล้ววิ่งเข้าไปในตัวตึก ทวีปรีบวิ่งตามไปทันที
ภูผากับทวีปวิ่งเข้ามาที่ลิฟต์ในตัวตึกอย่างร้อนใจ ภูผากดปุ่มให้ลิฟต์เปิดออก ภูผากับทวีปรีบวิ่งเข้าไป
แพรไหมกับวนิดาเดินเข้ามาในร้าน ผู้จัดการร้านที่รอต้อนรับอยู่เห็นแพรไหมกับวนิดาก็จะเดินมาหา แพรไหมกับวนิดาจะเดินไปหาผู้จัดการร้าน แต่มือวนิดาไปชนกับพนักพิงเก้าอี้ทำให้ซองเงินหล่นบนพื้นและถุงขาด เงินหลายปึกกระจายออกมาเต็มพื้น
วนิดาตกใจ “ว้าย”
วนิดากับแพรไหมรีบนั่งลงเก็บเงินที่กระจายอยู่ที่พื้น ผู้จัดการร้านจะเข้ามาช่วยแต่ก็ต้องชะงักเมื่อภูผา กับทวีปวิ่งเข้ามา ผู้จัดการร้านมองอย่างตกใจแล้วรีบทำเป็นเดินไปทางอื่น ภูผากับทวีปมองหาแพรไหมทั่วร้าน แต่ไม่เห็นแพรไหมกับวนิดาเพราะแขกที่โต๊ะใหญ่นั่งบังอยู่
“ไม่เห็นมีเลยฉันว่าไม่ใช่หรอก” ทวีปบอก
ภูผามองรอบ ๆ ร้านอีกครั้ง แพรไหมกับวนิดายังคงช่วยกันเก็บเงินที่พื้น
“แกโกรธคุณแพรมากในสมองเลยมีแต่คุณแพรเห็นคนอื่นเป็นเค้าไปหมด..ไปเถอะ” ทวีปชวน
ภูผามองรอบร้านอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นแพรไหมเลยยอมเดินออกไปกับทวีป พอภูผากับทวีปเดินพ้นประตูไป แพรไหมกับวนิดาที่ก้มเก็บเงินเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นพอดี ผู้จัดการร้านมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความโล่งใจ
พนักงานโบกรถที่อยู่ในห้องเก็บของได้ยินเสียงเคาะประตู เขาค่อยๆแง้มประตูอย่างระวัง แล้วจึงเห็นผู้จัดการยืนอยู่
พนักงานโบกรถโล่งใจ “ตำรวจกับน้องชายคนที่โดดตึกไปแล้วเหรอครับ”
“อือ..แล้วญาติผู้หญิงที่โทรมาขอซื้อเทปกล้องวงจรปิด แล้วก็เอาเงินให้แกก็มาถึงแล้วด้วย”
พนักงานโบกรถยิ้มดีใจ
ที่ทีวีกล้องวงจรปิดเห็นพันทิญาเดินออกจากร้านไปกับชัย วนิดากับแพรไหมที่ถือซองใส่เงินยืนดูเทปอยู่ ผู้จัดการกับพนักงานโบกรถยืนอยู่ด้านหลังอย่างนอบน้อม
“แน่ใจนะว่าภาพทั้งหมดมีแค่นี้” วนิดาถาม
“แน่ใจครับ” ผู้จัดการตอบ
“แล้วแกแอบก้อปปี้ไว้บ้างรึเปล่า”
“เปล่าเลยครับ....ใคร ๆก็รู้ว่าคนรวยอย่างพวกคุณมีอิทธิพลมากแค่ไหน ผมไม่กล้าหักหลังคุณหรอกครับ”
“ก็ดี...เพราะขืนหักหลังฉันพวกแกนั่นแหล่ะที่จะต้องเป็นฝ่ายเดือดร้อน” วนิดาขู่
ผู้จัดการรีบปิดเครื่องเล่นเทปแล้วหยิบเทปให้วนิดา “นี่ครับ”
วนิดารับเทปมาจากผู้จัดการแล้วพูดกับแพรไหม
“ยัยแพร”
แพรไหมมีท่าทีไม่เต็มใจให้ความร่วมมือค่อยๆ หยิบเงินจำนวน 6 หมื่นออกจากซองน้ำตาล แพรไหมแบ่งเงินแล้วยื่นปึกนึงให้ผู้จัดการร้าน
“3 หมื่นค่าเทป..” แพรไหมยื่นให้พนักงานโบกรถ “นี่อีก 3 หมื่นของคุณ”
ผู้จัดการกับพนักงานโบกรถรับเงินไปอย่างดีใจ
“แกรีบเก็บของกลับต่างจังหวัดไปคืนนี้เลยนะ” วนิดาสั่ง
“ครับ..ไปแล้วผมจะไม่กลับมาเหยียบกรุงเทพอีกเลยครับ” พนักงานโบกรถรับคำ
วนิดายิ้มพอใจ แพรไหมมองวนิดาอย่างหนักใจ
แพรไหมกับวนิดาเดินออกมาจากห้องดูเทป
วนิดาพูดอย่างโล่งอก “ไม่มีเทป ไม่มีพยานแค่นี้นายภูผาก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว”
“คุณภูผาเป็นตำรวจเก่าแล้วคุณทวีปก็เป็นตำรวจ...แพรกลัวจริงๆว่าเค้าอาจจะมีวิธีสืบแบบตำรวจแล้วเอาพยานคนนี้ไปหาคุณแม่ได้” แพรไหมบอก
“คนจนอย่างพวกมันกลัวคนรวยอย่างเรามากกว่ากลัวตำรวจ..มันไม่มีทางให้ตำรวจได้ตัวมันหรอก คิดมากไปได้”
แพรไหมมองวนิดาอย่างหนักใจ แล้ววนิดากับแพรไหมก็เดินออกจากร้านไป
พิพิธเดินกอดคอกับเพื่อนออกมาพอดี
“นั่นมันคุณแพรกับน้าดานี่...” พิพิธทักขึ้น
“เจอคนรู้จักตั้งแต่หัวค่ำยันดึก..วันนี้สงสัยเป็นวันรวมญาติของแก” เพื่อนแซว
“คงงั้น...แต่ตอนนี้ฉันกำลังกึ่มไม่สนใจใครแล้วไปหาที่เมาต่อกันดีกว่า”
พูดจบพิพิธก็กอดคอเพื่อนเดินออกไป โดยมีเพื่อนคนอื่นเดินตาม
พนักงานโบกรถกับผู้จัดการนับเงินในมืออย่างมีความสุข
“ตอนที่น้องชายคนโดดตึกถามถึงแกฉันบอกว่าแกกลับบ้านแล้ว..แล้วฉันก็จดที่อยู่ให้ไปด้วย” ผู้จัดการบอก
พนักงานโบกรถตกใจ “ให้ผมไปซ่อนในห้องเก็บของ..แต่ผู้จัดการให้ที่อยู่ผมไปเนี่ยนะ”
“ฉันกลัวพวกมันสงสัยแต่แกไม่ต้องกลัวหรอกเพราะที่ให้ไปที่อยู่ใครก็ไม่รู้..เขียนมั่ว”
พูดจบผู้จัดการร้านก็หัวเราะขำ พนักงานโบกรถมองผู้จัดการอย่างโล่งใจ
ภูผาถือกระดาษจดที่อยู่ที่ผู้จัดการร้านเขียนให้เดินดูบ้านเลขที่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งกับทวีป
“ไม่มีบ้านไหนที่ดูเป็นห้องเช่าแล้วก็ไม่มีบ้านไหนเลขที่ใกล้เคียงกับที่อยู่ที่ให้มาเลย” ภูผาบอก
“คนเช่าห้องอยู่ส่วนใหญ่จำได้แต่เบอร์ห้องจำบ้านเลขที่ไม่ได้..ฉันว่าตอนสมัครงานพนักงานโบกรถเขียนที่อยู่ผิดแหง” ทวีปคาดการณ์
ภูผาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
ห้องนอนของศุภลักษณ์ปิดไฟมืดสนิท พันทิญาแกล้งหลับ ส่วนศุภลักษณ์นอนหลับอยู่ข้างๆ พันทิญาลืมตาขึ้นมองศุภลักษณ์แล้วลองเรียกเบาๆ
“คุณแม่คะ”
ศุภลักษณ์ยังคงนอนนิ่ง
“คุณแม่คะ” พันทิญาเรียกอีกครั้ง
ศุภลักษณ์ยังนอนนิ่ง พันทิญาที่กำลังร้อนใจค่อยๆ หยิบไอโฟนที่วางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงขึ้นมาแล้วย่องลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา พันทิญาย่องไปที่ประตูแล้วค่อยๆ เปิดประตูแต่เสียงล็อคประตูที่เด้งออกมาก็ดังขึ้น พันทิญาสะดุ้งรีบหันไปมองศุภลักษณ์ทันที ศุภลักษณ์ขยับตัวพลิกมาอีกด้านแล้วหลับต่อ พันทิญามองอย่างโล่งใจแล้วเปิดประตูออกจากห้องไป
พันทิญาย่องลงมาข้างล่างด้วยท่าทีร้อนใจ เธอกำลังจะโทรหาวนิดาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นวนิดากับแพรไหมเดินเข้ามาในบ้าน
พันทิญารีบวิ่งไปหาวนิดา “เป็นไงบ้างคะคุณน้า”
วนิดาหยิบเทปขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วยิ้มสะใจ
“พรุ่งนี้พี่ศุไปทำงานแล้วน้าจะเผาทิ้ง..ส่วนพนักงานโบกรถป่านนี้คงเก็บข้าวของกลับต่างจังหวัดไปแล้ว”
พันทิญากอดวนิดาด้วยความดีใจ
“คุณน้าเก่งที่สุด ฉลาดที่สุด เลิศที่สุด”
แพรไหมมองวนิดากับพันทิญาอย่างไม่สบายใจ
วนิดาลูบหัวพันทิญาด้วยความรักใคร่ “พันเป็นหลานน้า..น้าไม่ยอมให้พันเดือดร้อนหรอก”
วนิดาค่อยๆ จับตัวพันทิญาออกมาแล้วถาม
“แล้วพี่ศุล่ะ..สงสัยอะไรบ้างมั้ย”
“ไม่ค่ะ แต่จู่ๆก็อยากคุยกับยัยแพรจะไปหายัยแพรที่ห้อง..ดีนะคะที่พันห้ามแล้วคุณแม่ฟังไม่งั้นความคงแตกไปแล้วว่าคุณน้ากับยัยแพรออกไปข้างนอก..ตอนนี้หลับไปแล้วค่ะ”
วนิดาพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างโล่งใจ แต่แพรไหมมองพันทิญากับวนิดาอย่างหนักใจ
“พรุ่งนี้เราจะออกจากบ้านพร้อมกันหรือไปเจอกันที่โรงพยาบาลคะ” แพรไหมถามขึ้น
วนิดาสวนทันที “เราไปคนเดียวเถอะ”
แพรไหมตกใจ “ทำไมละคะ..เราตกลงกันแล้วนี่คะว่าจะไปขอโทษคุณภูผาด้วยกัน”
“นั่นเป็นข้อตกลงก่อนที่จะรู้ความต้องการของนายภูผา” วนิดาพูดแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา “นายภูผาต้องการแค่ให้เราไปดูแลแล้วกราบขอโทษนายชัย..เราก็ไปดูแลตอนนายชัยหลับพอมันตื่นก็ให้ยัยพันไปขอโทษแค่นี้เรื่องก็ไม่ถึงเจ้า”
“จริงด้วย..ไม่เห็นต้องแห่กันไปให้มันสงสัยเลย” พันทิญาหอมแก้มวนิดา “รัก รัก รัก รักคุณน้าที่สุดในโลกเลยค่ะ”
แพรไหมมองพันทิญากับวนิดาอย่างหนักใจ
ภูผา บุญศรี ทวีป และปรางแก้วยืนมองชัยที่กำลังนอนอยู่ในห้องไอซียูด้วยความเป็นห่วง
บุญศรีหันไปพูดกับปรางแก้ว “เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเพื่อนแก้วทั้งนั้น..แก้วช่วยบอกพยาบาลที่ดูแลห้องนี้ให้อนุญาตให้ป้าเข้าไปหาชัยหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”
“ห้องนี้เข้มงวดเรื่องเวลาเยี่ยม..ตอนนี้เลยเวลาเยี่ยมแล้วแก้วขอเพื่อนให้ไม่ได้จริงๆค่ะ” ปรางแก้วบอก
“กฎก็ต้องเป็นกฎแม่อย่าทำให้แก้วลำบากใจสิครับ” ภูผาปราม
บุญศรีชะงักมองปรางแก้วอย่างรู้สึกผิดแล้วก็พูดกับปรางแก้ว
“ป้าห่วงชัยมากเลยเอาแต่ใจไปหน่อย..ขอโทษนะจ๊ะ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะแก้วเข้าใจ”
“นี่ก็ดึกมากแล้วอยู่ต่อก็เข้าไปหาพี่ชัยไม่ได้ ที่นอนเฝ้าก็ไม่มี..ผมว่าคุณป้ากับไอ้ภูกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะครับ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ทวีปบอก
“คุณป้ากับพี่ภูไม่ต้องห่วงนะคะ..แก้วแลกเวรกับเพื่อนแล้วคืนนี้แก้วจะเข้ามาดูพี่ชัยทุกครึ่งชั่วโมงถ้าอยากรู้อาการพี่ชัยโทรถามแก้วได้ตลอดเวลาค่ะ” ปรางแก้วบอก
ภูผากับบุญศรีมองปรางแก้วอย่างซึ้งใจ ทวีปมองปรางแก้วอย่างชื่นชมในความดีของน้องสาวตัวเอง
บุญศรีมองชัยอย่างเป็นห่วงก่อนจะพูดกับชัย “ชัย..นี่แม่นะลูก..แม่กลับบ้านก่อนนะแล้วพรุ่งนี้แม่จะรีบมาหา..” บุญศรีพูดไปร้องไห้ไป “ลูกอย่าเป็นอะไรนะ..ชัยต้องหายนะลูก”
ภูผาดึงบุญศรีมากอดเพื่อปลอบใจ บุญศรีกอดภูผาแล้วก็ร้องไห้เพราะเป็นห่วงชัย ทวีปกับปรางแก้วมองบุญศรีด้วยความสงสาร
ในห้องนอนของแพรไหม แพรไหมอยู่ในชุดนอนแต่ก็นอนไม่หลับเพราะคิดถึงเรื่องของภูผาในอดีตแล้วก็กลุ้มใจ...
ควาญช้างไสช้างที่ภูผานั่งตีคู่มาทางซ้าย
“คุณแพรส่งมือมา..” ภูผาบอก
แพรไหมพยายามยื่นมือให้ภูผาแต่ก็ไม่ถึง
แสงฉายมองภูผากับแพรไหมอย่างไม่พอใจ พันทิญาที่ยังเกาะเสลี่ยงแน่นลอบยิ้มด้วยความสะใจ แล้วภูผาก็ยื่นมือจนจับมือแพรไหมได้
“ยืนขึ้นแล้วกระโดดมานะครับผมจะจับคุณไว้เอง” ภูผาบอก
แพรไหมมองภูผาแล้วยิ้มมั่นใจก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น...
แพรไหมนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“บางครั้งคุณก็เหมือนเทวดาที่คอยช่วยเหลือฉัน”
แพรไหมชะงักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตอีกเรื่องหนึ่ง...
ภูผายืนอยู่หน้าบ้าน เขามองแพรไหมที่เดินออกมาจากบ้านด้วยท่าทางโกรธจัด
“คุณทำอะไร..ทำไมพี่ชายผมถึงฆ่าตัวตาย” ภูผาพุดด้วยความโกรธ
แพรไหมกลัวมากจึงไม่กล้าพูด
“บอกมาสิบอกมา..ว่าทำอะไรพี่ชายผม”...
แพรไหมนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้วก็ทำหน้าเครียด
“แต่เวลาโกรธคุณก็เป็นเหมือนปีศาจ”
แพรไหมถอนหายใจอย่างกลุ้มใจเมื่อนึกถึงว่าต้องไปหาชัยและต้องเจอกับภูผา เธอเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบรูปโพลาลอยด์ที่ถ่ายที่งานลอยกระทงขึ้นมาดูแล้วพูดกับรูป
“หวังว่าการที่ฉันไปดูแลคุณชัยจะทำให้คุณหายโกรธฉันขึ้นบ้างนะ”
ภูผาเดินเข้ามาในห้อง เขาเปิดไฟแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อจะไปอาบน้ำแล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นตุ๊กตากามเทพวางอยู่ ภูผาหยิบตุ๊กตาขึ้นมามองแล้วคิดถึงแพรไหม...
แพรไหมเล่าอย่างมีความสุข “มีตำนานเล่าว่า ในยุคที่มนุษย์มีหัวใจสองดวง เทวดาตัวน้อยอยากได้สิ่งบริสุทธิ์และสวยงามที่สุดของมนุษย์..” แพรไหมจับตุ๊กตาแล้วทำท่าบิน “เลยแอบบินจากสวรรค์ไปขโมยหัวใจของมนุษย์มาคนละดวง แต่นางฟ้าจับได้เลยแย่งหัวใจจากเทวดา ทำให้หัวใจร่วงโปรยปรายไปทั่วพื้นโลก หัวใจเลยถูกสลับสับเปลี่ยนเจ้าของตั้งแต่ค่ำคืนนั้น..เทวดาถูกลงโทษให้เป็นเด็กตลอดกาล ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นกามเทพ และให้อยู่บนโลกเพื่อตามหาหัวใจดวงที่หายไปอยู่กับอีกคนมาคืนให้เจ้าของด้วยการทำให้คนรักกัน”
ภูผาขำ “ลอยกระทงก็อธิษฐานเรื่องความรัก แค่ตุ๊กตากามเทพก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าเป็นเทวดาที่ทำให้คนรักกันได้จริงๆ..วันๆคุณคิดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องความรักบ้างมั้ย”
แพรไหมพลิกตัวนอนคว่ำมาพูดกับภูผา
“คิดสิคะ..แต่สำหรับผู้หญิงความรักเป็นเรื่องสำคัญมากฉันเลยอาจจะคิดเรื่องความรักมากกว่าเรื่องอื่นเท่านั้นเอง”...
ภูผามองตุ๊กตากามเทพแล้วพูดอย่างดูถูก
“ถ้าคุณคิดเรื่องความรักมากกว่าเรื่องอื่น..คุณคงไม่ทิ้งพี่ชัยไปหาคนรวยอย่างเจ้าแสงฉาย”
ภูผาโยนตุ๊กตากามเทพลงถังขยะด้วยความโมโห
ศุภลักษณ์ วนิดา และพันทิญานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยมีสมใจคอยดูแลและเสิร์ฟน้ำให้
ศุภลักษณ์พูดกับสมใจ “ไปดูยัยแพรซิว่าทำไมยังไม่ลงมา”
น้อยยกถาดหม้อข้าวต้มเข้ามาได้ยินพอดีจึงพูดขึ้น
“คุณแพรออกไปทำธุระตั้งแต่เช้าแล้วค่า..”
ศุภลักษณ์สงสัย “ธุระอะไรแต่เช้า”
น้อยกับสมใจช่วยกันตักข้าวต้มมาเสิร์ฟ
“เอ้อ..เมื่อวานค่ะ เมื่อวานเห็นยัยแพรบอกว่านัดสัมภาษณ์คนที่มาสมัครงานฝ่ายออกแบบลายผ้าค่ะ” พันทิญารีบพูด
“ยัยแพรคงกลัวว่าถ้าไปสายแล้วคนที่มาสัมภาษณ์งานจะนินทาว่าเป็นลูกเจ้าของร้านแล้วไม่รักษาเวลาเลยรีบไป” วนิดาเสริม
ศุภลักษณ์มองพันทิญากับวนิดาอย่างจับผิด
“แน่ใจนะว่าที่พูดมาเป็นความจริงไม่ได้ช่วยกันปิดบังอะไรฉันอีก” ศุภลักษณ์ถาม
“เมื่อคืนโดนพี่ศุโกรธขนาดนั้น...ดากับยัยพันก็ไม่กล้าช่วยยัยแพรปิดบังอะไรแล้วละค่ะ” วนิดาบอก
“ถ้าฉันรู้ว่าพวกเธอพูดไม่จริงละก็..น่าดู”
พูดจบศุภลักษณ์ก็กินข้าวต้มที่น้อยเอามาเสิร์ฟ วนิดากับพันทิญามองศุภลักษณ์อย่างกลัวๆ
แพรไหมเดินมาหน้าห้องไอซียูในโรงพยาบาล เธอมองเข้าไปก็เห็นชัยนอนหลับโดยมีสายให้เลือดให้น้ำเกลือและให้อ๊อกซิเจนระโยงระยางเต็มไปหมด แพรไหมมองชัยอย่างรู้สึกผิด
แพรไหหันไปพูดกับพยาบาล “ฉันมาเยี่ยมคนไข้เตียงนั้นค่ะ”
“เข้าประตูด้านโน้น..สวมชุดที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ให้แล้วเข้ามาได้เลยค่ะ” พยาบาลบอก
แพรไหมยิ้มให้พยาบาลแทนคำขอบคุณ
ชัยนอนอยู่บนเตียงคนไข้ แพรไหมสวมชุดของโรงพยาบาลทับชุดที่ใส่แล้วเดินเข้ามามองชัยด้วยความสงสาร และรู้สึกผิดแทนพันทิญา เธอเดินไปที่เตียงแล้วพูดกับชัยอย่างรู้สึกผิด
“คุณชัยคะ...นี่แพรเองนะคะ ..มีคนบอกว่าคนที่ไม่รู้สึกตัวสามารถได้ยินเสียงคนที่พูดด้วยได้คุณคงได้ยินเสียงแพรนะคะ”
ชัยนอนนิ่งและไม่มีท่าทีตอบสนอง แพรไหมมองชัยด้วยความสงสารและรู้สึกผิด
“คุณคงเจ็บมาก..แพรไม่คิดเลยว่าคุณจะอาการหนักขนาดนี้..แพรขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเสียใจจนต้องทำร้ายตัวเอง..แพรจะมาเยี่ยมจะมาคุยกับคุณทุกวัน..คุณต้องเข้มแข็งแล้วตื่นมาเจอแพรนะคะ”
ปรางแก้วยืนอยู่ที่มุมหนึ่งหน้าลิฟท์ในโรงพยาบาล เธอเห็นภูผากับบุญศรีเดินเข้ามาก็ยิ้มดีใจและรีบเดินเข้าไปหา บุญศรีรีบวิ่งมาหาปรางแก้วด้วยท่าทางดีใจ
ภูผาพูดด้วยความเป็นห่วง “ค่อยๆเดินก็ได้ครับแม่..เดี๋ยวล้ม”
“แม่อยากเจอ อยากพูดกับชัยเร็วๆ” บุญศรีตื่นเต้น
“พี่ชัยอาการดีขึ้นแต่ก็ยังไม่รู้สึกตัว ยังคุยกับคุณป้าไม่ได้หรอกค่ะ” ปรางแก้วบอก
ฎป้าพูดกับชัยคนเดียวก็ได้ป้ารู้ว่าชัยได้ยิน..รีบพาป้าไปหาชัยเถอะ”
ภูผากับปรางแก้วมองบุญศรีที่มีท่าทางดีใจที่ชัยอาการดีขึ้นแล้วก็สบายใจไปด้วย
ปรางแก้วรับคำ “ค่ะ”
ปรางแก้วรีบพาบุญศรีไปรอหน้าลิฟต์แล้วกดลิฟต์ ลิฟต์เปิดออก แพรไหมเดินออกจากลิฟต์แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นทุกคน
แพรไหมยกมือไหว้บุญศรี “สวัสดีค่ะ”
บุญศรีมองแพรไหมอย่างอ่อนโยน “สวัสดีจ้ะ”
ภูผาเห็นแพรไหมก็มองอย่างไม่พอใจ
“แก้วพาแม่ขึ้นไปก่อน..พี่มีเรื่องจะคุยกับคุณแพร” ภูผาบอก
บุญศรีเป็นห่วงแพรไหม “แต่ถ้าคุณแพรต้องรีบไปทำงานก็ไปเถอะนะจ๊ะ..ภูรอคุยวันหลังได้”
แพรไหมยิ้มดีใจที่บุญศรีเปิดทางให้เธอ
ภูผารู้ทันก็พูดย้ำ “ผมจะคุยวันนี้ครับ..”
“เออ..เพิ่งนึกได้ว่าแม่ก็มีเรื่องอยากคุยกับหนูแพรเหมือนกัน แม่อยู่คุยด้วยนะ” บุญศรีบอก
“ผมไม่ทำอะไรคุณแพรหรอครับ..แม่ขึ้นไปหาพี่ชัยเถอะ”
แพรไหมมองภูผาอย่างกลัวๆ บุญศรีกับปรางแก้วมองภูผาด้วยท่าทางหนักใจ ภูผามองแพรไหมอย่างไม่พอใจ
ภูผาพูดกับแพรไหมด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“คงกลัวผมบอกเจ้าจนตัวสั่นเลยสินะ ถึงแจ้นมาเยี่ยมพี่ชัยแต่เช้า”
แพรไหมกลัวภูผาแต่ก็ทำใจดีสู้เสือ
“ฉันมาเยี่ยมเพราะรู้สึกผิดที่ทำให้คุณชัยบาดเจ็บ”
“คนใจดำที่ทิ้งผู้ชายคนเก่าไปหาผู้ชายคนใหม่ได้หน้าตาเฉยอย่างคุณรู้สึกผิดกับเค้าเป็นด้วยเหรอ”
“ฉันก็มีจิตใจ มีความรู้สึก รู้ว่าผิดชอบชั่วดีคืออะไร..อย่ามองฉันในแง่ร้ายนักเลยค่ะ”
“ผมทำความรู้จักคุณจากสิ่งที่คุณทำ..ในเมื่อคุณทำแต่สิ่งร้ายๆจะให้ผมมองว่าคุณดีได้ยังไง”
“ฉันเหนื่อยที่จะเถียงกับคุณเต็มทน..เอาเป็นว่าฉันจะมาเยี่ยมคุณชัยทุกวันพอเค้าหายฉันจะกราบเท้าขอโทษเค้า ฉันทำตามความต้องการของคุณทุกอย่างแล้วหวังว่าคุณจะเลิกตามอาละวาดฉันซะทีนะคะ”
แพรไหมเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ ภูผามองตามแพรไหมอย่างหมั่นไส้ แพรไหมเห็นภูผาไม่ตามเธอก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อ่านต่อหน้าที่ 3
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 6 (ต่อ)
พิพิธเมานอนอยู่บนพื้นบ้านแล้วเอาขาพาดโซฟาแบบหมดสภาพ พิพัฒน์เดินเข้ามาเห็นพิพิธนอนหมดสภาพก็ยิ้มขำ แล้วเขาก็ลากพิพิธให้ขึ้นนอนบนโซฟา พิพิธลืมตาตื่นอย่างสะลึมสะลือ
“เฮีย”
“ลืมตาก็จำได้เลย..แสดงว่าไม่ได้เมามาก” พิพัฒน์แซว
พิพิธลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย
“เกือบเหมือนกันแหละเฮีย...ถ้ากินอีกแก้วคงข้ามเส้นจากเมาไปที่เมามาก...วันนี้ผมต้องพาเพื่อนที่มาจากเมกาไปเที่ยวไม่เข้าร้านนะครับ”
“กลางวันพาเที่ยว กลางคืนกินเหล้าแล้วก็เมากลับมานอนหมดสภาพเหมือนหมาข้างถนน”
“โห พูดซะผมดูทุเรศมากเลย”
“วันหลังจะถ่ายรูปไว้ให้ดูแกจะได้รู้ว่าทุเรศทุรังแค่ไหน”
“ไม่ต้องก็ได้คร้าบบบ..ผมนึกภาพตัวเองออก”
พิพิธกับพิพัฒน์หัวเราะขำ
“เออ..แล้วเฮียคุยกับคุณพันรึยังครับ” พิพิธถาม
พิพัฒน์หน้าเครียดทันที “ยัง..เฮียไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ เฮียอยากมองตาเค้าเวลาเค้าตอบคำถาม....เลยนัดคุยกับเค้าวันนี้”
พิพิธมองพิพัฒน์อย่างสงสาร
“ถ้าเฮียคุยกับเค้าแล้วรู้สึกว่าเชื่อใจเค้าไม่ได้..ก็เลิกเถอะนะครับเพราะความรักบนความหวาดระแวงไม่มีความสุขหรอก”
พิพัฒน์นั่งนิ่งไม่ตอบอะไร พิพิธมองพี่ชายด้วยความเป็นห่วง
รถของแสงฉายวิ่งมาถึงหน้าโรงพยาบาล โดยมีธนาเป็นขับรถ ส่วนแสงฉายนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
ธนาเห็นรถของแพรไหมก็พูดขึ้น “เจ้าครับ..รถคุณแพรไหม”
แสงฉายมองไปที่รถแพรไหมที่กำลังวิ่งสวนมา แพรไหมมัวตั้งใจขับรถเลยมองไม่เห็นรถแสงฉาย แสงฉายมองแพรไหมด้วยความแปลกใจก่อนจะหยิบมือถือมากดโทรออกไปหาเธอ
เสียงโทรศัพท์ของแพรไหมดังขึ้น แพรไหมหยิบสมอลทอล์คมาใส่แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นหน้าจอเป็นชื่อแสงฉายก็หงุดหงิดแต่ก็กดรับสาย
“ฮัลโหล”
“อรุณสวัสดิ์ครับ” แสงฉายพูด
“โทรมาแต่เช้า..วันนี้จะบังคับให้ฉันทำอะไรอีกละคะ”
แสงฉายยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ผมไม่ได้จะโทรมาสั่งหรือบังคับอะไรคุณหรอกครับ..ผมโทรมาเพราะคิดถึง”
“รับทราบค่ะ...” แพรไหมไม่อยากคุย “ฉันกำลังจะออกจากบ้านไปทำงานขอไปขับรถก่อนนะคะ”
แพรไหมวางสายอย่างหงุดหงิด
ธนาจอดรถส่งแสงฉายที่หน้าประตูโรงพยาบาล โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยืนรอต้อนรับอยู่
แสงฉายสงสัย “ทำไมต้องโกหกว่ากำลังจะออกจากบ้านด้วย..” แสงฉายนิ่งคิด “ธนา..จอดรถเสร็จแล้วไปสืบดูว่าคุณแพรมาทำอะไรที่นี่”
“ครับเจ้า” ธนารับคำ
ที่โรงพัก ทวีปนั่งอยู่ที่โต๊ะ ลูกน้องที่นั่งอยู่ตรงข้ามยื่นแฟ้มให้
“ผลจากกองพิสูจน์หลักฐานคดีลอบทำร้ายเจ้าแสงมณีครับ”
ทวีปรับแฟ้มมาอ่าน “พิษที่เจอในศพผู้ตายเป็นพิษจากยางไม้หลายชนิดผสมกัน....แต่ยางไม้ที่พบในพิษเป็นชนิดที่ไม่เคยพบในประเทศไทย”
ทวีปปิดแฟ้มแล้วนิ่งคิด
“ไม่เคยพบในประเทศ ก็ต้องมาจากต่างประเทศ” ทวีปสั่งลูกน้อง “ให้คนของเราปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปเชียงทวาย..สืบดูว่าที่นั่นมีใครเป็นศัตรูเจ้าแสงฉายบ้าง”
ลูกน้องรับคำ “ครับผม!!”
ยศกับเลิศนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนป่วยในโรงพยาบาลโดยที่ทั้งสองยังไม่รู้สึกตัว หมอกับเจ้าหน้าที่ รพ. ยืนรายงานอาการยศกับเลิศให้แสงฉายฟังอย่างนอบน้อม
“สารในยาพิษทำให้ระบบการทำงานของเลือดผิดปกติ..แต่หลังจากให้ยาแล้วคนไข้ก็อาการดีขึ้น คาดว่าอีกไม่นานคนไข้ก็จะหายเป็นปกติครับ” หมอบอก
แสงฉายพยักหน้าแล้วยิ้มพอใจ
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมองที่ประตูห้องก็เห็นธนาเดินเข้ามา แสงฉายพูดกับหมอและเจ้าหน้าที่
“ฝากดูแลคนของผมด้วยละกัน..พวกคุณไปทำงานต่อเถอะ”
หมอและเจ้าหน้าที่รับคำ “ครับ/ค่ะ”
หมอกับเจ้าหน้าที่เดินออกไป
แสงฉายถามธนา “ได้เรื่องมั้ย”
“ได้ครับ..คุณแพรไหมมาเยี่ยมคุณชัยครับ” ธนารายงาน
“ชัย..ชัยไหน ตอนฉันให้คนไปสืบเรื่องคุณแพรในรายงานไม่เห็นบอกเลยว่าคุณแพรรู้จักคนชื่อชัย” แสงฉายสงสัย
“ผมถามรายละเอียดมาแล้วครับ..คุณชัยบาดเจ็บสาหัสเพราะโดดตึกฆ่าตัวตาย...คุณชัยเป็นพี่ชายของคุณภูผาครับ”
แสงฉายหน้าเครียดเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตระหว่างแพรไหมกับภูผา...
แพรไหมมองภูผาอย่างตกใจ เธอรีบเข้าไปประคองแล้วตะโกนลั่น
“มีคนโดนยิง เรียกรถพยาบาลเร็ว เรียกรถพยาบาล”
แพรไหมร้องตะโกนด้วยความเป็นห่วงภูผาอย่างสุดใจ
แพรไหมกับแสงฉายนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ แต่แพรไหมนั่งห่างมากพร้อมทั้งทอดสายตามองไปข้างนอก
แสงฉายมองแพรไหมอย่างจับผิด “เมื่อเช้าผมให้เงินคุณภูผา 10 ล้านแต่เค้าไม่รับ”
แพรไหมแอบยิ้มชื่นชมพูผา “คนอย่างคุณภูผาทำอะไรไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอกค่ะ”
“อยู่กับเค้าแค่สองวันดูคุณรู้จักเค้าดีเหลือเกินนะ”
แพรไหมหันมองแสงฉายอย่างเย็นชา
“บางครั้งการรู้จักใครสักคนก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเพราะเราใช้ความรู้สึก”...
แสงฉายนึกถึงอดีตแล้วก็มีสีหน้าไม่พอใจ
“ผมไม่ยอมให้คุณรู้สึกอะไรกับคุณภูผามากเกินไปกว่านี้หรอกแพรไหม”
แสงมณีเดินมาชะเง้อไปที่ประตูหน้าบ้านอย่างตื่นเต้นเพราะกำลังรอภูผา ดวงใจที่เพิ่งเดินเข้ามามองอย่างไม่พอใจก่อนจะเรียก
“คุณหญิงคะ”
แสงมณีรีบพูด “หญิงเป็นผู้หญิงจะรักใครชอบใครก็ต้องสำรวมกริยา..ไม่ควรรอผู้ชายจนออกนอกหน้าอย่างนี้”
แสงมณีเดินมานั่งที่โซฟา
“สอนอะไรไปท่องเป๊ะทุกคำ..แต่ไม่ทำหรอก” ดวงใจประชด
“โธ่..ดวงใจสอนหญิงตั้งเยอะก็ต้องมีข้อที่หญิงลืมบ้างสิคะ พอนึกได้ก็มานั่งแล้วนี่ไงคะ”
“ดวงใจไม่เคยไล่คุณจนเลยจริงๆ”
ทันใดนั้นเสียงรถภูผาก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ดวงใจวิ่งไปดูที่ประตูแล้วหันมาบอกแสงมณีอย่างตื่นเต้น
“คุณภูผามาแล้วค่ะคุณหญิง..คุณภูผามาแล้ว”
แสงมณีวิ่งมาดูที่ประตูอย่างดีใจ
แสงมณีมองดวงใจแล้วยิ้มขำ “ดูดวงใจตื่นเต้นกว่าหญิงอีกนะคะ..ตกลงเป็นหญิงที่ชอบคุณภูผาหรือดวงใจกันแน่”
ดวงใจอาย “คุณหญิงจะได้เจอกับคนที่ชอบดวงใจเลยตื่นเต้นแทนน่ะค่ะ” ดวงใจจับตัวแสงมณี “ไปเลยค่ะไปนั่งให้เรียบร้อยเค้าจะได้ไม่รู้ว่าคุณหญิงดีใจแค่ไหนที่เจอเค้า”
ดวงใจพาแสงมณีไปนั่งที่โซฟา แสงมณียิ้มมีความสุขที่รู้ว่าภูผามา
ภูผากับทวีปยกมือไหว้ดวงใจ ดวงใจรับไหว้ ทวีปยิ้มแฉ่งก่อนจะถามแสงมณีอย่างนอบน้อม
“วันนี้เจ้าจะไปไหนครับ”
แสงมณีมองด้วยความหมั่นไส้ “อยุธยา”
ทวีปไม่พอใจ “อยุธยา!!!...วันก่อนที่ไปต่างจังหวัดยังบอกก่อนวันนี้ทำไมไม่บอกล่วงหน้า”
“คุณเป็นองครักษ์คุณหญิงบอกล่วงหน้าหรือบอกตอนนี้คุณก็ต้องไปกับคุณหญิงเหมือนกันนั่นแหล่ะ” ดวงใจว่า
“ไม่เหมือนหรอกครับ..เพราะถ้ารู้ว่าไปต่างจังหวัดผมจะได้แพลนชีวิตถูกว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง..ผมไม่ได้มีอาชีพองครักษ์อาชีพเดียวนะครับ” ทวีปสวน
ภูผามองทวีปอย่างหมั่นไส้
“ถ้าวันนี้แกไม่สะดวกไปต่างจังหวัดฉันเปลี่ยนคนอื่นมาแทนแกก็ได้” ภูผาบอก
“ดีเลยค่ะ..คุณผู้หมวดจะได้ไม่เดือดร้อนในการแพลนชีวิต” แสงมณีรีบสนับสนุน
ทวีปมองภูผาอย่างไม่พอใจเพราะรู้ว่าภูผาแกล้ง แล้วเขาก็รีบพูดกับแสงมณีอย่างนอบน้อม
“ผมไม่เดือดร้อนหรอกครับเจ้า..พอได้ยินว่าเจ้าจะไปอยุธยากลไกในสมองผมก็เรียงลำดับสิ่งที่ต้องทำวันนี้ให้หมดแล้ว..ตอนนี้ต่อให้ไปถึงสุไหงโกลกผมก็ไม่มีปัญหาครับ”
ภูผามองทวีปแล้วยิ้มขำ แสงมณีกับดวงใจมองทวีปด้วยความหมั่นไส้ ทวีปยิ้มหวานให้แสงมณีอย่างอยากเป็นมิตรสุดๆ
แพรไหมเดินมาหน้าร้านแล้วเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น แพรไหมหยิบมาดูเห็นเป็นชื่อพันทิญา
“ค่ะพี่พัน...” แพรไหมหยุดฟังแล้วหนักใจ “ถ้าคุณแม่ถามแพรจะตอบตามที่พี่พันบอกคุณแม่ค่ะ..อย่าเพิ่งวางค่ะ แพรอยากคุยกับพี่พันเรื่องคุณชัย”
พันทิญาสะพายกระเป๋าที่พิพัฒน์ให้เดินออกจากบ้านพร้อมคุยโทรศัพท์กับแพรไหมไปด้วย
“หยุดพูดเรื่องไอ้ชัยเดี๋ยวนี้...พี่กำลังจะไปเจอคุณพัฒน์ไม่อยากฟังเรื่องมันให้เสียอารมณ์”
แพรไหมได้ยินก็ยิ่งหนักใจ “พี่พันคุยกับคุณพัฒน์เสร็จแล้วค่อยมาคุยกับแพรที่ร้านก็ได้ค่ะ”
แพรไหมถอนหายใจอย่างหนักใจสุดๆแล้วจึงเดินเข้าร้านไป
แพรไหมเดินเข้ามาในร้าน พนักงานที่ดูแลร้านอยู่หันมามองแล้วก็รีบเดินมาหาแพรไหม
“คุณแพรคะ..คุณศุบอกว่าถ้าคุณมาถึงให้รีบเจ้าไปหาคุณศุด่วนเลยค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
พูดจบพนักงานก็เดินไป
“คุณแม่ถามเรื่องสัมภาษณ์พนักงานแน่ๆ” แพรไหมพูดกับตัวเองแล้วก็รู้สึกเหนื่อยใจ “ต้องโกหกอีกแล้ว”
แพรไหมเดินไปอย่างหนักใจ
แพรไหมเปิดประตูห้องของศุภลักษณ์ ศุภลักษณ์ที่นั่งอยู่เห็นแพรไหมเข้ามาก็ดีใจจึงรีบลุกไปหา
“มาแล้วเหรอแพร”
“ค่ะ..” แพรไหมจำใจต้องพูดโกหก “แพรนัดสัมภาษณ์คนที่มาสมัครงานที่ร้านกาแฟก็เลย”
“แม่ไม่ได้ให้แพรมาหาเพราะเรื่องนี้..แต่แม่อยากชวนลูกทานข้าวกลางวัน”
แพรไหมดีใจ “ทานข้าวกับคุณแม่..วันนี้เจ้าไม่มาใช่มั้ยคะ”
“จ้ะ..เจ้าติดประชุมทานข้าวเสร็จแล้วแม่อยากให้แพรไปธุระเป็นเพื่อนหน่อย”
“ธุระอะไรคะ”
“แม่ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อน..แต่บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้แม่มีความสุขมาก”
แพรไหมมองศุภลักษณ์ด้วยความแปลกใจ
พิพัฒน์นั่งหน้าเครียดอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่โรงแรมหรู สักพักพันทิญาก็เดินเข้ามา พอเห็นพิพัฒน์เธอก็ยิ้มดีใจแล้วรีบเข้าไปหา
“คุณพัฒน์”
พิพัฒน์มองพันทิญาที่ยิ้มแย้มอย่างไม่สบายใจ พันทิญาลงไปนั่งข้างๆ พิพัฒน์แล้วซบอย่างออดอ้อน
“พันคิดถึงคุณจังเลยค่ะ...คิดถึงมากจนไม่อยากแยกกับคุณแม้แต่นาทีเดียว”
พิพัฒน์ยังคงหน้าเครียดและนั่งเงียบ พันทิญาเงยหน้าขึ้นมองพิพัฒน์ด้วยความสงสัย
“ทำไมคุณดูเครียดจังคะ..เป็นอะไรรึเปล่า”
พิพัฒน์มองพันทิญาแล้วถามอย่างเจ็บปวดใจ
“คุณโกหกผมทำไม”
พันทิญาตกใจ “พันโกหกอะไรคุณคะ”
“เมื่อคืนคุณบอกว่าทานข้าวกับแม่คุณที่บ้านแต่จริงๆแล้วคุณไปทานกับคุณชัย”
พันทิญาหน้าเจื่อนรีบแก้ตัวทันที
“ไม่จริงนะคะ...พันทานข้าวกับคุณแม่ ทานเสร็จก็อยู่บ้านตลอดไม่ได้ออกไปไหนเลย”
พิพัฒน์มองพันทิญาด้วยความโมโหแล้วหยิบไอโฟนออกมาเปิดรูปพันทิญากับชัยที่ร้านอาหารให้ดู
“ถ้างั้นผู้หญิงคนนี้ก็คงเป็นฝาแฝดคุณ”
พันทิญามองรูปนั้นอย่างตกใจ
“ขอบคุณนะที่โกหกแล้วก็ทำให้ผมรู้ว่าคุณก็แค่ผู้หญิงหลอกลวง” พิพัฒน์พูด
พิพัฒน์หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกจากร้านไปด้วยความโมโห พันทิญามองพิพัฒน์อย่างตกใจแล้วรีบเดินตาม “คุณพัฒน์”
พิพัฒน์เดินมาตามทางเดินในโรงแรมด้วยความโมโหที่ถูกพันทิญาโกหก พันทิญารีบวิ่งตามมาดักหน้า
“โอเคค่ะคุณพัฒน์ พันขอโทษที่โกหกแต่พันมีเหตุผลฟังพันก่อนได้มั้ยคะ”
พิพัฒน์มองหน้าพันทิญาอย่างไม่พอใจ
“เมื่อวานพอวางสายจากคุณ..คุณชัยโทรมาให้พันไปเจอเค้าเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ไปเค้าจะบุกมาที่บ้านพันเลยต้องออกไป” พันทิญาโกหกต่อ
“แล้วทำไมไม่โทรบอกผม..”
“พันรู้ว่าถ้าบอกคุณจะเป็นห่วงมาก กลัวว่าคุณจะตามไปที่ร้านแล้วมีเรื่องชกต่อยกับคุณชัยอีกน่ะค่ะ...คุณก็รู้ว่าพันเกลียดคุณชัยจะตายทำไมยังหึงอีกละคะ”
“ผมไม่ได้โกรธเพราะหึงแต่โกรธเพราะคุณโกหก..แล้วเมื่อกี๊ผมถามก็ยังไม่ยอมรับอีก”
“พันไม่กล้ายอมรับเพราะกลัวคุณโกรธนี่คะ” พันทิญาสวมกอดพิพัฒน์ “คุณพัฒน์ขา..พันผิดไปแล้วพันขอโทษหายโกรธพันเถอะนะคะ”
พิพัฒน์ยืนนิ่งแต่ก็เริ่มใจอ่อน
พันทิญาเห็นพิพัฒน์นิ่งก็รู้ว่าพิพัฒน์เริ่มใจอ่อน เธอจึงผละออกมาแล้วแกล้งน้อยใจ
“คุณไม่ตอบแสดงว่ายังไม่หายโกรธ...ตอนนี้คุณคงไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าพัน..งั้นพันไปนะคะ”
พันทิญาหันหลังเดินไป พิพัฒน์มองพันทิญาอย่างตัดสินใจส่วนพันทิญาแกล้งเดินช้าๆ เพื่อให้พิพัฒน์เรียก
“คุณพันครับ..” พิพัฒน์เรียกออกมา
พันทิญายิ้มอย่างผู้ชนะ แต่แกล้งตีหน้าเศร้าก่อนจะหันไปหาพิพัฒน์
“จะต่อว่าอะไรพันอีกก็เชิญเลยค่ะ”
พิพัฒน์เดินมาหาพันทิญาแล้วพูดอย่างอ่อนโยน
“ผมไม่ว่าอะไรคุณแล้วละครับ..ผมหายโกรธแล้ว”
พันทิญายิ้มดีใจ “จริงเหรอคะ”
พิพัฒน์ยิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้า พันทิญาตรงเข้ามาหอมแก้มพิพัฒน์อย่างดีใจ
“ขอบคุณนะคะคุณพัฒน์..ขอบคุณมากคะที่ยกโทษให้พัน”
พันทิญากอดพิพัฒน์อย่างเอาใจ พิพัฒน์กอดตอบพันทิญาด้วยท่าทีให้อภัย พันทิญาลอบยิ้มอย่างสะใจ
ที่วัดแห่งหนึ่งในอยุธยา แสงมณียืนวาดรูปอยู่ที่มุมหนึ่ง โดยมี ภูผา ทวีป ยืนคุ้มกันคนละมุม แสงมณีมองภาพวาดแล้วยิ้มพอใจ ทวีปหันมาเห็นแสงมณียิ้มพอดีก็มองอย่างหมั่นไส้
แสงมณีเรียกภูผา “คุณภูผาคะเชิญทางนี้หน่อยค่ะ”
ภูผาวิ่งไปหาแสงมณี
“ภาพนี้เป็นยังไงบ้างคะ..สวยรึยัง” แสงมณีถาม
ภูผามองภาพวาดแล้วมองแสงมณีอย่างเกรงใจ
“อย่าถามผมเลยครับผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องศิลปะ” ภูผาบอก
“บอกฉันแค่ว่าแล้วรู้สึกยังไงสวยหรือไม่สวยก็พอค่ะ”
ภูผามองภาพ “รู้สึกยังไงผมบอกไม่ถูกหรอกครับ..แต่สวยดีครับ”
ทวีปที่ยืนดูอยู่อยากตีสนิทกับแสงมณีจึงรีบเดินมาพูด
“นี่เหรอสวยดี”
แสงมณีหันไปมองทวีปอย่างไม่พอใจ ภูผามองทวีปอย่างเซ็งๆ
ทวีปพูดจริงจัง “แบบนี้เค้าเรียกว่าสวยมาก” ทวีปพูดกับแสงมณี “สวยมากๆๆๆๆเลยครับเจ้า”
แสงมณีคิดว่าทวีปประชด “ฉันรู้ว่าไม่ได้วาดรูปเก่ง..แต่คุณก็ไม่ต้องพูดจาประชดประชันจนฉันเสียความมั่นใจก็ได้” แสงมณีหันไปหาภูผา “ฉันอยากไปเดินเล่นค่ะ”
แสงมณีวางพู่กันแล้วเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
“แกพูดดีๆ กับเจ้าไม่เป็นเลยรึไง..ทำให้เค้าหงุดหงิดบ่อยๆเดี๋ยวเค้าไล่ออกจะหาว่าฉันไม่เตือน” ภูผาว่าทวีปแล้วเดินตามแสงมณีไป
ทวีปงง “ก็ชมว่าสวยๆๆ..พูดไม่ดีตรงไหนวะ”
ทวีปเดินตามแสงมณีกับภูผาไปอย่างงงๆ
ศุภลักษณ์ แพรไหมเดินเข้ามาสตูดิโอแต่งงานสุดหรู
“คุณแม่มีธุระอะไรที่นี่คะ” แพรไหมถาม
ศุภลักษณ์ตอบทันที “พาแพรมาลองชุดไงลูก”
“อะไรนะคะ”
ทันใดนั้นแสงฉายก็เดินออกมาจากในร้าน แพรไหมเดินไปหาแสงฉายอย่างไม่พอใจ
“เราตกลงกันว่าเจ้าจะให้เวลาฉันศึกษานิสัยเจ้าเดือนนึง..แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยเตรียมงานแต่ง...แต่นี่เพิ่งสามอาทิตย์ทำไมให้ฉันมาลองชุดแล้วละคะ” แพรไหมว่า
“เพราะผมรอไม่ไหวเลยเลื่อนงานแต่งของเราให้เร็วขึ้น” แสงฉายตอบ
“เลื่อนให้เร็วขึ้น เมื่อไหร่คะ” แพรไหมถาม
“เราจะหมั้นกันวันมะรืน แล้วแต่งอาทิตย์หน้า”
แพรไหมมองแสงฉายอย่างตกใจ
“แต่ฉันยังไม่พร้อม..ทุกอย่างมันเร็วเกินไป”
“เร็วขึ้นมาแค่อาทิตย์สองอาทิตย์ไม่เห็นจะเร็วเกินไปตรงไหน..แม่จะพาไปเลือกชุด” ศุภลักษณ์บอก
ศุภลักษณ์จับมือแพรไหม
“แต่แพรไม่อยากเลือก แพรไม่อยากแต่ง”
ศุภลักษณ์ไม่ฟังเสียงเธอลากแพรไหมเข้าไปในร้านทันที
“คุณแม่คะ ปล่อยแพรนะคะ” แพรไหมโวยวาย
พนักงานรีบเดินตามเพื่อเปลี่ยนชุดให้แพรไหม แสงฉายมองแพรไหมแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะเดินตามไป
ศุภลักษณ์ลากแพรไหมเข้ามาในห้องรับรองสุดหรูที่มีชุดแต่งงานสวยงามถูกใส่ไว้ในหุ่นเรียงรายกว่า 20 ชุด พนักงานกับแสงฉายเดินตามเข้ามา
“เลือกเอาว่าอยากใส่ชุดไหน” ศุภลักษณ์บอก
แพรไหมโกรธ “แพรไม่เลือก”
“ถ้าคุณไม่เลือกผมในฐานะว่าที่เจ้าบ่าวจะเลือกให้เองนะครับ” แสงฉายบอก
“เอาเลยค่ะอยากให้ฉันใส่ชุดไหน อยากบังคับอะไรเชิญเลย เพราะยังไงคุณแม่ก็เข้าข้างเจ้าอยู่แล้ว”
ศุภลักษณ์มองแพรไหมอย่างหนักใจ แต่แสงฉายมองแพรไหมอย่างเอ็นดูแล้วจึงชี้ไปที่ชุดหนึ่ง
“ผมชอบชุดนั้น”
“เชิญคุณผู้หญิงที่ห้องลองชุดเลยค่ะ”
แพรไหมยืนหน้าหงิกไม่ยอมขยับ
“จะลองเองดีๆ หรือจะให้แม่ลากเข้าไป” ศุภลักษณ์ถาม
แพรไหมมองศุภลักษณ์อย่างไม่พอใจแล้วเดินไปด้วยความโมโห พนักงานรีบเดินตามไป ศุภลักษณ์กับแสงฉายมองตามแพรไหมแล้วยิ้มพอใจ
แสงมณีเดินดูซากโบราณสถานเพื่อให้หายรู้สึกหงุดหงิด ภูผากับทวีปเดินตาม
แสงมณีพูดกับภูผา “ในหนังสือประวัติศาสตร์ที่ฉันเคยอ่าน บอกว่าอยุธยามีวัดเป็นพันวัดเจดีย์แต่ละวัดสร้างด้วยทองคำ ก่อนเสียกรุงอยุธยาคงเหลืองอร่ามทั้งเมืองแล้วก็คงเป็นเมืองที่สวยมากนะคะ”
“ครับ..ตอนเด็กๆผมยังเคยคิดเลยนะครับว่าถ้าโลกนี้มีไทม์แมชชีนเหมือนในการ์ตูนเรื่องโดเรมอนผมอยากจะนั่งไปดูอยุธยาในยุครุ่งเรือง” ภูผาบอก
แสงมณียิ้มอย่างมีความสุขที่ได้คุยกับภูผา
“นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นคว้าเรื่องมิติเวลากันเยอะ ไม่แน่นะคะต่อไปโลกเราอาจจะมีเครื่องไทม์แมชชีนให้คุณย้อนไปดูอยุธยาสมัยรุ่งเรืองได้จริงๆก็ได้”
เสียงพิพิธดังขึ้น “ถ้ามีเครื่องแบบนั้นผมขอไปด้วยคนนะครับ”
ทุกคนหันไปมองก็เห็นพิพิธยืนอยู่
แสงมณีแปลกใจ “คุณพิพิธ...มาวาดรูปเหรอคะ”
“เปล่าครับ” พิพิธชี้ไปที่เพื่อนคนหนึ่งที่กำลังเดินดูวัด “เพื่อนผมมาจากเมืองนอกเลยพามาเที่ยวน่ะครับ” พิพิธพูดกับภูผาและทวีป “สวัสดีครับคุณภูผา คุณผู้หมวด”
ทวีปมองพิพิธอย่างหมั่นไส้
“เมื่อคืนก็เจอกันที่ร้านอาหาร วันนี้มาถึงอยุธยาก็ยังเจอกันอีก..โลกนี้มันแคบจริงๆ” ทวีปแขวะ
“แคบมากเลยละ..โดยเฉพาะเมื่อคืนเพราะหลังจากพวกคุณกลับไปแล้วผมยังเห็นคุณแพรกับคุณน้าของเค้าที่ร้านนั้นด้วยนะครับ” พิพิธบอก
ภูผากับทวีปมองหน้ากันอย่างตกใจ
เทปจากกล้องวงจรปิดวางอยู่บนพื้นหน้าบ้านแพรไหม วนิดาเอากระดาษสุมไปที่เทปม้วนนั้นแล้วจุดไฟเผา เธอมองไฟที่เผากระดาษและกำลังลามไปที่เทปด้วยความสะใจแล้วจึงเดินไป
น้อยร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีถือไม้กวาดกับที่โกยผงเดินเข้ามาจะกวาดใบไม้แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นไฟกำลังไหม้กระดาษ “เฮ้ย..”
น้อยรีบเอาไม้กวาดตีเพื่อดับไฟจนไฟมอดลง น้อยมองอย่างโล่งอก
“ป้าสมใจเป็นบ้าอะไรถึงมาเผาขยะตรงนี้..ถ้าไฟไหม้บ้านขึ้นมาจะทำยังไง”
น้อยกวาดเศษขี้เถ้ากับเศษกระดาษใส่ที่โกยผงซึ่งก็ได้กวาดเทปไปด้วย ตัวเทปมีรอยไหม้เล็กน้อยแต่ยังอยู่ในสภาพดี
อ่านต่อหน้าที่ 4
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 6 (ต่อ)
พันทิญาเดินสะพายกระเป๋าใบหรูเข้ามาในร้านอย่างอารมณ์ดี พนักงานคนหนึ่งกำลังดูแลความเรียบร้อยอยู่ภายในร้าน
พันทิญาพูดกับพนักงาน “ยัยแพรอยู่ไหน”
“ออกไปกับคุณศุค่ะ” พนักงานตอบ
“ไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ”
พันทิญาหงุดหงิด “ไม่ได้เรื่องเลย”
พันทิญาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาแพรไหมทันที
พนักงานเวดดิ้งสตูดิโอพาแพรไหมในชุดเจ้าสาวที่หน้าหงิกสุดๆ เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ศุภลักษณ์มองแพรไหมแล้วยิ้มพอใจ แสงฉายมองแพรไหมอย่างพิจารณา
ศุภลักษณ์หันไปถาม “ชอบมั้ยคะเจ้า”
“ตอนอยู่ในหุ่นก็สวยดีแต่พอคุณแพรใส่แล้วดูไม่พอดียังไงก็ไม่รู้ครับ” แสงฉายบอก
“ถ้าเจ้ายังไม่ชอบก็เลือกชุดใหม่ให้ยัยแพรลองสิคะ” ศุภลักษณ์เสนอ
แพรไหมมองแสงฉายกับศุภลักษณ์ด้วยความโมโห ทันใดนั้นเสียงมือถือที่อยู่ในกระเป๋าของแพรไหมก็ดังขึ้น แพรไหมเดินไปหยิบกระเป๋ากดรับสาย
“ค่ะพี่พัน”
“บอกให้พี่มาคุยเรื่องไอ้ชัยที่ร้านแล้วแพรไปกับคุณแม่ทำไม” พันทิญาโวย
“ถ้าแพรรู้ว่าคุณแม่จะพามาที่นี่แพรก็ไม่หรอกค่ะ”
ศุภลักษณ์มองแสงฉายอย่างเกรงใจแล้วเดินมาพูดกับแพรไหม
“ยัยพันใช่มั้ย..แม่คุยเองแพรไปลองชุดเถอะ”
แพรไหมมองศุภลักษณ์ด้วยความโมโห
“พันได้ยินคุณแม่บอกให้ยัยแพรไปลองชุด..คุณแม่พายัยแพรไหนคะ...” พันทิญานิ่งฟังแล้วก็ตกใจมาก “ลองชุดแต่งงาน”
พิพิธเดินคุยกับแสงมณีผ่านโบราณสถานต่างๆ
“วัดนี้สร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททองครับ.. กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด”
แสงมณีเดินกับพิพิธแต่ตาคอยมองภูผาที่เดินตามหลังมากับทวีป ภูผาเดินหน้าเครียดเพราะโกรธแพรไหมมาก
“คุณแพรไปที่ร้านอาหารจริงๆ” ภูผาพูดกับทวีป
“เป็นไปได้มั้ยวะว่าที่เราไม่ได้เทปกล้องวงจรปิดไม่เจอพยานที่เห็นพี่ชัยโดดตึกเพราะคุณแพรกับน้าเค้าเอาเงินปิดปากแล้ว” ทวีปสัณนิษฐาน
“ยิ่งกว่าเป็นไปได้...ก่อนหน้านั้นพวกเค้ายังอยู่บ้านกันอยู่เลยถ้าไม่ใช่เพื่อทำลายหลักฐานพวกเค้าจะออกจากบ้านดึกดื่นๆเพื่อไปที่ร้านนั้นทำไม”
“ป่านนี้เทปนั่นคงโดนทุบทิ้งไปแล้วพยานก็คงหนีไปแล้วด้วย..แกจะเอาหลักฐานที่ไหนไปทำให้คุณศุภลักษณ์เชื่อแกได้วะ”
ภูผาชี้ไปที่พิพิธ “นั่นไง”
ภูผามองพิพิธอย่างมีแผน
ชัยที่มีสายน้ำเกลืและสายให้เลือดเสียบอยู่ มีหน้ากากออกซิเจนครอบจมูก กับอุปกรณ์วัดความดันติดที่ตัวกำลังนอนนิ่งบนเตียงคนไข้ ปรางแก้วในชุดพยาบาลถือชาร์ตเดินเข้ามาดูสายน้ำเกลือแล้วจดความดันและการเต้นของหัวใจ แล้วปรางแก้วก็ต้องชะงักเมื่อชัยขยับตัวพร้อมกับร้องอย่างเจ็บปวดด้วยเสียงแผ่วเบา ชัยค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แล้วเขาก็มองห้องอย่างงงๆ ปรางแก้วมองชัยด้วยความดีใจ
เวลาผ่านไป บุญศรีที่ใส่เสื้อคลุมของโรงพยาบาลวิ่งเข้ามาที่เตียงชัยด้วยความดีใจ ปรางแก้วเดินตามมาชัยยังต้องได้รับเลือดและน้ำเกลือแต่ก็ถอดหน้ากากออกซิเจนออกแล้ว ชัยนอนหลับตานิ่งอย่างเหนื่อยอ่อน
บุญศรีเรียกเบาๆ “ชัย”
ชัยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองบุญศรีอย่างรู้สึกผิด แล้วเขาก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะเจ็บแผล
“คุณแพรพาผมมาส่งที่นี่เหรอครับ”
บุญศรีชะงักมองชัยอย่างน้อยใจที่เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็พูดถึงแพรไหมทันที
“เจ้าหน้าที่มูลนิธิน่ะลูก” บุญศรีตอบ
ชัยร้องไห้ด้วยความเสียใจ “ทำไมผมไม่ตายๆไปซะ จะได้ไม่ต้องทรมานอีก”
บุญศรีพยายามเรียกสติชัย “ชัย”
ชัยไม่ฟังเสียงของแม่ “คุณแพรไม่รักผม ผมอยู่โดยไม่มีคุณแพรไม่ได้”
บุญศรีร้องไห้โฮก่อนจะตะคอกชัยด้วยความน้อยใจ
“แล้วชัยไม่คิดบ้างเหรอลูก...แม่ก็อยู่โดยไม่มีชัยไม่ได้เหมือนกัน”
ชัยชะงักเมื่อเห็นบุญศรีเสียงดังใส่ ปรางแก้วมองบุญศรีอย่างตกใจ บุญศรีพูดเสียงดังต่อ
“รู้มั้ยว่าลูกคือหัวใจของแม่..ลูกเจ็บหัวใจแม่ก็เจ็บไปด้วยถ้าลูกตายหัวใจแม่ก็จะตายไปด้วย..ทำไมถึงมอบชีวิตให้คนที่ไม่เห็นคุณค่าทำไมไม่คิดถึงคนที่รักลูกสุดหัวใจอย่างแม่บ้าง”
บุญศรีร้องไห้โฮอย่างอัดอั้น
ชัยมองบุญศรีอย่างรู้สึกผิด “แม่..”
บุญศรียังร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ ก่อนจะทรุดนั่งลงที่พื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ชัยมองบุญศรีอย่างรู้สึกผิดมากจนน้ำตาคลอ เขาขยับมือข้างที่ไม่ได้ใส่สายน้ำเกลือมาจับมือบุญศรีอย่างยากลำบาก
“แม่ผมขอโทษนะครับที่มัวแต่หวังความรักจากคนอื่นจนมองข้ามความรักที่แม่มีให้ผม”
บุญศรีเงยหน้ามองชัยอย่างมีสติมากขึ้น
“จากนี้ไปผมจะเข้มแข็งจะตัดใจจากคุณแพรให้ได้” ชัยพูด “ผมสัญญานะครับว่าจะไม่ทำให้แม่เสียน้ำตากับผมอีกแล้ว”
บุญศรีมองชัยอย่างซึ้งใจก่อนจะโผเข้ากอดชัยแล้วร้องไห้โฮ “ลูกแม่”
ชัยน้ำตาไหลอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้บุญศรีต้องเสียใจ ปรางแก้วมองบุญศรีกับชัยด้วยความรู้สึกซึ้งใจไปด้วย
พันทิญาเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางร้อนใจ
“คุณน้าคะ คุณน้า คุณน้าคะ” พันทิญาส่งเสียงเรียก
วนิดาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาอย่างตกใจ
“อะไรพัน..นายชัยตายแล้วเหรอ” วนิดาถามหน้าตาตื่น
“พันไม่รู้หรอกค่ะว่าไอ้ชัยเป็นตายร้ายดียังไง แต่ตอนนี้พันกำลังจะอกแตกตายเพราะเจ้าพายัยแพรไปลองชุดเจ้าสาว”
“ก็แค่ลองชุด-อีกเป็นเดือนถึงจะแต่ง พันยังมีเวลาทำให้เจ้าเปลี่ยนใจมาหาพันได้นะจ๊ะ” วนิดาให้กำลังใจ
“ทำยังไงดีล่ะคะ คุณน้า... เวลามันใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะคะ จนป่านนี้ เจ้ายังไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจพันเลยซักนิด”
“พันยังไม่ลองหาโอกาสใกล้ชิดเจ้าแสงฉาย...แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าไม่สนใจ ใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่าสิจ๊ะ...น้าเชื่อว่า ผู้ชายอย่างเจ้า ใจแข็งได้ไม่นานหรอกจืดชืดอย่างยายแพร เจ้ายังรักเลย... ดูพันของน้าสิ ทั้งสวย..ทั้งน่ารักออกอย่างงี้ ถ้าเจ้าไม่สนใจ ก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว”
พันทิญายิ้มภูมิใจและมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะรุกเจ้าแสงฉายให้มากขึ้น
พิพิธยืนดูรูปที่แสงมณีวาดอยู่ที่โบราณสถานแห่งหนึ่ง พิพิธมองรูปนั้นด้วยสายตาชื่นชม โดยที่ภูผากับทวีปยืนห่างออกมา แสงมณีมองภูผาด้วยท่าทีอยากคุยด้วยแต่เขาก็เกรงใจพิพิธเลยต้องทำเป็นไม่สนใจ
“สวยมากครับ” พิพิธเอ่ยชม “ลายเส้นเหมือนจิตรกรเอกของโลกที่ผมเคยไปดูที่ฝรั่งเศสเลย”
“คุณชมฉันเกินไปแล้วละค่ะ” แสงมณีปัด
“ผมพูดจริงๆนะครับ..ดูสิครับอ่อนโยน มีชีวิตชีวา ดูแล้วอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกเลยละครับ”
แสงมณียิ้มขำพิพิธ ส่วนทวีปมองแสงมณีอย่างหมั่นไส้
“ตอนฉันชมหาว่าประชดแต่พอคุณพิพิธชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...เจ้าแสงมณีอคติกับฉัน” ทวีปพูดกับภูผา
“ก็แกมันชอบพูดจากวนประสาท เจ้าจะคิดว่าแกพูดจริงได้ยังไง” ภูผาบอก
“ฉันว่าทุกวันนี้ฉันก็พูดดีขึ้นมากแล้วนะ..แต่ถ้าอยากให้ดีกว่านี้ฉันคงต้องพูดลงท้ายด้วยพะย่ะค่ะแบบลิเก”
ภูผามองทวีปแล้วยิ้มขำ
พิพิธยังคงยืนคุยกับแสงมณี
“เสียดายที่วันนี้ผมมากับเพื่อนถ้ามาคนเดียวผมคงเอาอุปกรณ์วาดรูปในรถมาวาดกับเจ้าแล้ว…”
แสงมณีได้โอกาสจึงรีบพูด “คุณทิ้งเพื่อนมาคุยกับฉันตั้งนานแล้วไปดูแลเค้าเถอะค่ะแล้วค่อยคุยกัน”
“แล้วผมจะโทรชวนเจ้าไปวาดรูปด้วยกันนะครับ”
แสงมณียิ้มให้พิพิธแทนคำตอบ พิพิธเดินผ่านไปทางภูผากับทวีป
พิพิธหันมากล่าวลา “ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
พิพิธเดินออกไป แล้วภูผาก็เดินตามทวีปไป
พิพิธเดินห่างมาที่ทางหนึ่ง โดยที่ภูผารีบเดินตาม
“คุณพิพิธครับ” ภูผาเรียก
พิพิธหันไป เขาเห็นภูผาเดินตามมาก็มองอย่างแปลกใจ
“ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณ” ภูผาบอก
พิพิธแปลกใจ “ขอความช่วยเหลือจากผม..เรื่องอะไรครับ”
“คุณแพรบอกเลิกพี่ชายผม..เมื่อคืนเค้านัดเจอกันที่ร้านอาหาร แต่ไม่รู้เขาพูดยังไงพี่ชายผมเลยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย”
พิพิธตกใจ “ฆ่าตัวตาย”
“ใช่ .... ผมอยากให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ ... ก็เลยไปบอกแม่ของเขาแต่คุณศุภลักษณ์ไม่เชื่อ...ถ้าคุณไปช่วยยืนยันว่าเห็นคุณแพรที่ร้านอาหาร คุณศุภลักษณ์อาจจะเชื่อว่าลูกสาวเขาเคยคบกับพี่ชายผมจริง”
พิพิธไม่ค่อยไว้ใจ “เราเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งแทบไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ...ผมจะรู้ได้ยังไงว่าที่คุณเล่ามาเป็นเรื่องจริง”
“พี่ชายผมที่นอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียู คงทำให้คุณเชื่อผมได้...ถ้าคุณไม่เชื่อไปดูให้เห็นกับตาก็ได้” ภูผาบอก
พิพิธมองภูผาแล้วครุ่นคิด
แสงมณียังคงวาดรูปอย่างมีความสุข ทวีปดูนาฬิกาแล้วเดินเข้าไปพูดกับแสงมณีด้วยความสุภาพสุดๆ
“เจ้าครับ”
“ว่า”
“นี่ก็บ่ายมากแล้วผมว่าเรากลับกันได้แล้วละครับ”
“นี่คุณผู้หมวด..คุณเป็นองครักษ์มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยไม่ได้มีหน้าที่ออกคำสั่งว่าให้ฉันทำอะไรหรือกลับบ้านตอนไหน”
“ผมพูดด้วยถ้อยคำที่สุภาพสุดๆไม่ได้ออกคำสั่งอะไรเลยครับ..แล้วที่ผมพูดก็เพราะหน้าที่องครักษ์นี่แหล่ะ..เดินทางกลางวันปลอดภัยกว่าเดินทางกลางคืนครับ”
“แต่ฉันยังไม่อยากกลับ” แสงมณีบอก
“เพื่อการรักษาความปลอดภัยให้เจ้าอย่างเข้มงวดผมต้องขออนุญาตขัดใจเจ้านะครับ”
ทวีปเก็บสีใส่กล่องทันที
แสงมณีเริ่มโมโห “วางไว้เดี๋ยวนี้”
ทวีปไม่สนใจ เขายังคงเก็บต่อไป แสงมณีเข้าไปแย่ง แต่ทวีปเอามือหลบ แสงมณีแย่งอีก ทวีปเอาหลบได้อีก แสงมณีมองทวีปด้วยความโมโห เธอพยายามแย่งสีจากทวีปแต่ทวีปถอยหนี แสงมณีเดินตามพร้อมกับพยายามคว้าสี ทวีปไม่ยอมง่าย ๆ เขาเอาสีหลอกหลบซ้ายหลบขวา แสงมณียิ่งพยายามแย่ง สุดท้ายเธอจับมือทวีปไว้ได้
ทวีปจะดึงมือหลบกลายเป็นว่าได้กระชากแสงมณีเข้ามาหาจนปากแสงมณีชนกับปากทวีปอย่างจัง ทวีป กับแสงมณีอึ้งไปเหมือนถูกไฟช้อต แสงมณีได้สติรีบเอาหน้าออกมาแล้วต่างคนก็ต่างเขินเพราะทำตัวไม่ถูก
ทวีปรีบแก้ตัว “ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ”
แสงมณีแก้เขินด้วยการตะคอกทวีป
“ฉันรู้แล้ว..พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
แสงมณีเดินออกไปด้วยท่าทีหงุดหงิด ทวีปมองตามแล้วเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
แสงฉายยืนมองรถแสงมณีที่กำลังวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับยิ้มอย่างมีแผน ทวีปรีบลงจากรถมาเปิดประตูรถให้แสงมณี แสงมณีมองทวีปด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินไป ทวีปมองแสงมณีแล้วยิ้มขำ ภูผาลงจากรถ แสงฉายรีบเดินไปหาแสงมณี
ทวีปกับภูผาทักแสงฉายพร้อมกัน “สวัสดีครับเจ้า”
“สวัสดีครับ” แสงฉายตอบ
ภูผากับทวีปค้อมหัวให้แสงฉายเล็กๆ แล้วเดินไปท้ายรถก่อนจะช่วยกันขนอุปกรณ์วาดรูปของแสงมณีลงมาจากรถ
แสงมณีมองแสงฉายด้วยความแปลกใจ “พี่ชายไปไหนมาคะเนี่ย”
“พาคุณแพรไหมไปลองชุดแต่งงาน... แล้วก็คุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงาน” แสงฉายบอก
แสงฉายมองไปทางภูผาแล้วยิ้มเยาะก่อนจะพูดกับแสงมณีด้วยเสียงอันดัง
“เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันงานแล้ว ... พี่กลัวว่าจะเตรียมงานไม่ทัน”
ภูผาชะงักเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจแล้วก็โกรธมากอย่างบอกไม่ถูก ทวีปมัวแต่เก็บของจึงไม่ได้สังเกตท่าทีของภูผา แสงฉายมองภูผาแล้วยิ้มเยาะอย่างสะใจ แสงฉายพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปมองภูผาที่กำลังถือของเดินเข้าบ้านไปอย่างสะใจ
ภูผาขับรถด้วยความรวดเร็วพร้อมทั้งปาดซ้ายปาดขวาด้วยความโมโห
ทวีปนั่งจับราวในรถแน่น “เฮ้ย...จะรีบไปไหนวะ”
“รีบหาหลักฐานไปเปิดโปงความชั่วของผู้หญิงแพศยาน่ะสิ ทำให้พี่ชัยเจ็บหนักยังจะมีกะจิตกะใจหมั้นกับเจ้าแสงฉาย...ใจดำยิ่งกว่าอีกา” ภูผาพูดดด้วยความโมโห
“แล้วจะได้อะไร... “ ทวีปถามต่อ
“ได้ ไม่ได้ เดี๋ยวก็รู้...แต่อย่างน้อย เขาจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ ไม่ใช่ หนีไปแต่งงานกับคนอื่น แล้วทิ้งให้อีกคนนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล”
“แต่ต้องมีหลักฐานและพยานยืนยัน…” ทวีปพูดต่อ
ภูผาไม่ฟัง เขายังขับรถด้วยความโมโหต่อไป
ทวีปรู้สึกกลัวมาก “เบาโว้ยเพื่อน เบาๆ...”
แพรไหมเดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจอยู่ในบ้าน สักพักพันทิญาก็เดินเข้ามา
“ยายแพร ...เธอจะยอมแต่งงานกับเจ้าแสงฉายจริงๆเหรอ” พันทิญาเอ่ยถาม
“แพรก็ไม่อยากแต่งหรอกค่ะ แต่ไม่รู้จะทำยังไง.. คุณแม่นะคุณแม่ไม่รู้ทำไมถึงอยากได้เจ้าแสงฉายเป็นลูกเขยนักก็ไม่รู้”
“ก็หนีไปเมืองนอกซะก็สิ้นเรื่อง...มัวชักช้าอยู่นั่นแหละ” พันทิญาว่า
“แพรก็อยากจะไป...แต่แพรยังคิดว่า คุณแม่อาจจะเปลี่ยนใจได้”
“ยายเด็กโง่... จนป่านนี้ ยังคิดเข้าข้างตัวเองอีกเหรอ... เชื่อพี่เถอะ ยังไงคุณแม่ก็ไม่ฟังหรอกเว้นแต่เธอจะหนีไปให้พ้นๆ... เอาไหม พี่ขโมยพาสปอร์ตมาให้” พันทิญาเสนอ
แพรไหมหนักใจ “ไม่ค่ะ...แพรจะหาทางพูดกับคุณแม่เอง ถ้าคุณแม่ไม่ยอม แพรค่อยคิดต่อว่าจะทำยังไง...แต่แพรไม่หนีไปไหนอีกแล้ว”
พันทิญามองแพรไหมอย่างขัดใจ
พิพิธยืนอยู่ที่หน้าห้องไอซียู เขามองผ่านกระจกเข้าไปเห็นชัยที่นอนอยู่บนเตียงก็ตกใจ
“คนนี้เหรอพี่ชายคุณ” พิพิธถาม
ภูผากับทวีปยืนอยู่ข้างๆ พิพิธ โดยที่ภูผาถือใบบันทึกประจำวันของตำรวจอยู่ในมือด้วย
“ครับ..” ภูผายื่นบันทึกให้พิพิธ “ส่วนนี่ เป็นสำเนาบันทึกประจำวันของตำรวจที่ยืนยันได้ว่าพี่ชัยทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ลานจอดรถของร้านอาหารก่อนที่จะโดดตึก”
พิพิธรับบันทึกประจำวันมาอ่านก่อนจะตัดสินใจบอก
“ผู้หญิงคนที่มาหาพี่ชายคุณไม่ใช่คุณแพร”
“คุณเห็นพี่ชัยไปที่ร้านด้วยเหรอ” ทวีปถาม
พิพิธพยักหน้า “ผมไปดื่มตั้งแต่หัวค่ำแล้วติดลมเลยอยู่ยาวถึงดึก” พิพิธพูดกับภูผา “คนที่มาหาพี่ชายคุณคือคุณพัน”
“ตอนนี้ใครๆก็รู้จักคุณแพรในฐานะว่าที่ราชินีของเจ้าแสงฉาย คุณแพรอาจจะไม่กล้าเจอพี่ชัยในที่สาธารณะเลยให้คุณพันทิญามาตามพี่ชัยออกไปคุยที่ลานจอดรถก็ได้” ภูผาคาดเดา
“ไม่สำคัญหรอกว่าพี่ชัยเจอกับคุณแพรยังไง...ที่สำคัญตอนนี้คือ” ทวีปพูดกับพิพิธ “คุณจะยอมช่วยไอ้ภูรึเปล่า”
พิพิธคิด “ผมจะช่วยคุณ”
ภูผากับทวีปยิ้มด้วยความดีใจ
พิพิธเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาล สักพักเขาก็หยิบมือถือออกมากดโทรไปหาพิพัฒน์
“เฮีย..ผมมีข่าวด่วนจะรายงาน...ผู้ชายที่ผมเห็นไปกับคุณพัน...เขาโดดตึกฆ่าตัวตาย”
เสียงพิพัฒน์ตอบกลับมาด้วยความตกใจ “อะไรนะ.แกรู้ได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวน่ะเฮีย..สรุปสั้นๆว่าเค้าเป็นพี่ชายคุณภูผา”
พิพัฒน์ฟังพิพิธพูดผ่านโทรศัพท์อยู่ที่ร้านเพชรของเขา แล้วเขาก็พูดกับน้องชาย
“ถ้าแกไปช่วยยืนยัน แกจะทำให้คุณศุภลักษณ์เข้าใจคุณแพรผิด.. รู้ไว้ซะคุณแพรไม่ได้เป็นแฟนคุณชัย... ที่มันเกิดเรื่องยุ่งๆขึ้น เพราะคุณชัยสติไม่ดี เลยคิดเองเออเองว่าคนชื่อแพรไหม เป็นแฟนของเขา”
“งั้นก็หมายความว่า...ผู้หญิงที่เขาเข้าใจว่าเป็นแฟน...ก็คือ..คุณพัน” พิพิธพูด
“เออ..เฮียเคยเจอคุณชัยแล้วก็มีเรื่องกับเค้ามาแล้ว คุณชัยเป็นบ้าจริง.ยุ่งเรื่องนี้มีแต่เสียกับเสียแกห้ามยุ่งเรื่องนี้เด็ดขาด” พิพัฒน์กำชับ
“แต่ผมรับปากแล้วว่าจะช่วยคุณภูผา”
“รับปากได้ก็ยกเลิกได้..บอกคุณภูผาเดี๋ยวนี้เลยว่าไม่ช่วยแล้ว”
พิพิธวางสายจากพิพัฒน์ด้วยสีหน้าเครียดเพราะรู้สึกหนักใจ
ที่บ้านภูผา บุญศรีนอนโดยมีเครื่องวัดความดันเสียบอยู่ที่แขน ปรางแก้วอ่านค่าความดันแล้วบอกกับบุญศรี
“ยังสูงมากอยู่เลย..คุณป้าต้องพักผ่อนให้มากกว่านี้นะคะ”
“ชัยอาการดีขึ้นแล้วก็สัญญาว่าจะตัดใจจากคุณแพรป้าก็เบาใจไปเยอะ ไม่ค่อยเครียดแล้วป้าคงหลับง่ายขึ้น” บุญศรีบอก
“คุณป้าเครียดน้อยลงแล้วแก้วค่อยสบายใจขึ้นหน่อย”
บุญศรีมองปรางแก้วด้วยความชื่นชม
“ชัยก็เจ็บ ภูก็งานยุ่ง โชคดีที่มีแก้วดูแลไม่งั้นป้าคงเครียดตาย” บุญศรีจับมือปรางแก้วอย่างซึ้งในน้ำใจ “ขอบใจนะที่ช่วยดูแลครอบครัวของป้า”
ปรางแก้วยิ้มอย่างมีความสุข
รถของภูผาจอดชิดกำแพงก่อนถึงรั้วบ้านของแพรไหม ภูผากับทวีปยืนอยู่ข้างรถเพื่อรอพิพิธ
“พวกเรามาถึงตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วทำไมคุณพิพิธยังไม่มาอีก” ทวีปบ่น
“คุณพิพิธไม่เคยมาบ้านคุณแพร....มาถูกรึเปล่าก็ไม่รู้”
พูดจบภูผาก็หยิบมือถือออกมากดโทรหาพิพิธทันที
พิพิธนั่งหน้าเครียดอยู่ในร้านเพชร เขาเห็นภูผาโทรเข้ามาก็มองด้วยความหนักใจก่อนจะตัดสินใจกดรับ
“ผมติดธุระไปไม่ได้แล้ว..ขอโทษจริงๆนะครับ”
พิพิธวางสายจากภูผาอย่างรู้สึกผิด
ภูผาพูดกับทวีปอย่างผิดหวัง “คุณพิพิธไม่มาแล้ว”
“อ้าวรับปากแล้วไม่มา..ทำไมเป็นคนไม่รักษาคำพูดงี้วะ”
ภูผาเครียด “ถ้าให้ฉันเดาคงเป็นเพราะคุณพิพัฒน์เป็นแฟนคุณพันทิญา คุณพิพิธคงกลัวว่าถ้าช่วยฉัน...คุณพิพัฒน์จะมีปัญหากับคุณพัน”
“กลัวก็ไม่น่าจะรับปาก..ไอ้ขี้ขลาดเอ๊ย” ทวีปว่า
“คุณพิพิธไม่ช่วยฉันก็หมดทางที่จะทำให้คุณศุภลักษณ์เชื่อ..กลับกันเถอะ”
ภูผากับทวีปกำลังจะขึ้นรถกลับ ทันใดนั้นมือถือของทวีปก็ดังขึ้น ทวีปกดรับสาย
“ว่าไงจ่า..” ทวีปหยุดฟังแล้วก็ดีใจ “รีบก้อปปี้ แล้วเอามาให้ฉันที่บ้านคุณแพรไหมเดี๋ยวนี้เลย”
ทวีปวางสายจากลูกน้องแล้วพูดกับภูผาด้วยความดีใจ
“ลูกน้องฉันโทรมาบอกว่าเจ้าหน้าที่ไอทีเจอไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดของเมื่อคืนแล้ว”
ภูผายิ้มอย่างดีใจ
ทวีปหัวเราะลั่น “กู้ไฟล์ตั้งแต่เช้าไม่เจอแต่มาเจอเอาวินาทีสุดท้ายก่อนเราจะกลับ แกทำให้ ฉันเชื่อคำว่าคนดีผีคุ้มได้สนิทใจก็วันนี้เอง..ฮะๆๆๆ”
ทวีปหัวเราะลั่น ภูผายิ้มด้วยความดีใจสุดขีด
ติดตามอ่านภูผาแพรไหมตอนต่อไป พรุ่งนี้