ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ตรวจฯ สำนักนายกฯ มาเชียงใหม่ดูการขุดลอกแม่น้ำปิงของกรมเจ้าท่า ระบุดูแลเส้นทางน้ำช่วง “ฮอด-จอมทอง-สันป่าตอง” 2 โครงการ เตรียมเก็บตะกอนดินทับถม-ทำคันดินเปิดทางน้ำไหลสะดวก-ป้องกันตลิ่งพัง เจ้าหน้าที่โอดน้ำท่วมทำหน่วยงานแห่ขุดลอกจนวุ่น ด้านผู้ตรวจฯ ย้ำ “ยิ่งลักษณ์” ติดตามตลอด แนะทำงานเต็มที่ พร้อมระวังไม่ให้งบรั่วไหล
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่ศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 (เชียงใหม่) นายจำเริญ ยุติธรรมสกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาติดตามความคืบหน้าโครงการขุดลอกและฟื้นฟูสภาพร่องน้ำที่ประสบอุทกภัยแม่น้ำปิง จ.เชียงใหม่ ตอนที่ 6 และ 7 ของกรมเจ้าท่า โดยมีนายอนันต์ แก้ววิเชียร ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 และนายอภิสิทธิ์ คำพิโล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 สาขาเชียงใหม่ ให้การต้อนรับและชี้แจงรายละเอียด รวมทั้งลงพื้นที่ดูความก้าวหน้าของการดำเนินงานในพื้นที่ขุดลอก อ.จอมทอง และ อ.สันป่าตอง
การเดินทางมาของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามความก้าวหน้าของโครงการป้องกันปัญหาอุทกภัยต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของรัฐบาล หลังจากที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน สำหรับเตรียมการป้องกันอุทกภัยในปีนี้
สำหรับโครงการขุดลอกและฟื้นฟูสภาพร่องน้ำทั้ง 2 โครงการซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย โครงการขุดลอกและฟื้นฟูสภาพร่องน้ำที่ประสบอุทกภัยแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ ตอนที่ 6 ตั้งแต่บริเวณลำน้ำแม่แจ่ม อ.ฮอด ถึงลำน้ำแม่กลาง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ปริมาณวัสดุที่ขุดลอก 1,6000,000 ลบ.ม. และโครงการขุดลอกและฟื้นฟูสภาพร่องน้ำที่ประสบอุทกภัยแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ ตอนที่ 7 ตั้งแต่บริเวณลำน้ำแม่กลาง อ.จอมทอง ถึงลำน้ำแม่ขาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ปริมาณวัสดุที่ขุดลอก 1,623,600 ลบ.ม.
โดยโครงการขุดลอกและฟื้นฟูสภาพร่องน้ำที่ประสบอุทกภัยแม่น้ำปิง ตอนที่ 6 มีบริษัท กรุงไทย สถาปัตย์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการขุดลอก ระยะเวลา 170 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน-21 กันยายน 2555 มูลค่างาน 55,190,000 บาท ส่วนโครงการขุดลอกและฟื้นฟูสภาพร่องน้ำที่ประสบอุทกภัยแม่น้ำปิง ตอนที่ 7 มีห้างหุ้นส่วนจำกัด บัวแดง ก่อสร้าง เป็นผู้ดำเนินการ ระยะเวลา 170 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม-9 กันยายน 2555 มูลค่างาน 56,014,200 บาท
นายอนันต์ แก้ววิเชียร ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 กล่าวถึงการดำเนินงานตามโครงการขุดลอกและฟื้นฟูสภาพร่องน้ำว่า หลังเกิดเหตุอุทกภัยเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่าในเส้นทางน้ำของทั้งสองจุดมีตะกอนดินจำนวนมากทับถมอยู่ ทำให้ลำน้ำตื้นเขินและส่งผลให้น้ำกัดเซาะตลิ่งทั้งสองด้านเมื่อมีปริมาณน้ำจำนวนมาก
ดังนั้น จึงจะทำการขุดลอกเอาตะกอนดินที่กีดขวางทางน้ำทั้งหมดออก รวมทั้งทำคันดินบริเวณตลิ่งเพื่อซ่อมแซมและป้องกันการกัดเซาะในอนาคต ซึ่งขณะนี้บริษัทที่รับผิดชอบดำเนินการได้เข้าทำงานในพื้นที่แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลา และจะช่วยให้การระบายน้ำในเส้นทางดังกล่าวเกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นายอนันต์ยังได้ชี้แจงต่อผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยว่า สืบเนื่องจากเหตุอุทกภัยในปีที่ผ่านมา ทำให้มีหลายหน่วยงานเข้ามาดำเนินการหรือมีส่วนร่วมในการขุดลอกลำน้ำต่างๆ โดยไม่ได้หารือหรือแจ้งกรมเจ้าท่า ก่อให้เกิดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อนหรือไม่สอดคล้องกัน ซึ่งนายเจริญได้ให้ความเห็นว่า เรื่องของแม่น้ำลำคลองถือเป็นความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า ดังนั้นจึงขอให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ และให้ทำความเข้าใจกับหน่วยงานอื่นๆ ที่มีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบให้ชัดเจน
นายจำเริญกล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าของการขุดลอกลำน้ำสายสำคัญๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณสำหรับดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงต้องเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนจะถึงช่วงหน้าฝนเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย
นายจำเริญกล่าวต่อไปว่า ในการขุดลอกจะต้องดึงประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ขณะเดียวกัน เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีการอนุมัติงบประมาณจำนวนมากมาใช้ดำเนินการ จึงต้องทำการตามขั้นตอนต่างๆ ให้ถูกต้อง ซึ่งในส่วนนี้มั่นใจว่าระบบการดำเนินการนั้นมีกฎระเบียบและขั้นตอนต่างๆ ควบคุมไว้อย่างรัดกุมแล้ว