เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 10
ทิวยืนอยู่ที่รถกระบะ หงุดหงิด...มองไปทางที่ลากตัวหญิงมานศรีเข้าไป
“มัวแต่อ้อยอิ่ง...มารยาร้อยเล่มเกวียนยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
แต่แล้วทิวก็ชักเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปอีกหรือเปล่า”
ทิวจะเข้าไปใหม่เพื่อดูหญิงมานศรี ขณะเดียวกัน พิไลพรวิ่งเข้ามา
“คุณทิว...คุณหญิงล่ะคะ”
ทิวชะงัก ยักไหล่ ทำเป็นไม่แคร์ๆ
“ไม่รู้ อยู่แถวๆนี้แหละ”
พิไลพรมองเห็นเสื้อผ้าของหญิงมานศรีหล่นเกลื่อน
“คุณทิว...เกิดอะไรขึ้น! คุณหญิงอยู่ที่ไหน”
หญิงมานศรีเข้ามา
“หญิงอยู่นี่จ๊ะ พร...”
“คุณหญิง...นี่มันอะไรกันคะ คุณทิว ทำอะไรคุณหญิง”
ทิวจะพูด หญิงมานศรีขัดจังหวะ
“พอดี...นายทิวเขาไม่อยากให้หญิงไปจากที่นี่น่ะจ๊ะ”
“เฮ้ย!”
“แต่หญิงเจ้าอารมณ์ไปหน่อย เราฉุดกระชากกระเป๋ากันจนมันก็เป็นอย่างที่เห็น หญิงเลยเข้าไปสงบสติอารมณ์ แล้วก็...คิดขึ้นมาได้ว่า...หญิงควรจะอยู่ที่นี่ต่อไป”
พิไลพรหน้าเหวอ
“อ้าว...”
ทิวอึ้ง
“ฉัน...”
หญิงมานศรีตัดบท
“ไม่ต้องห่วงนะ นายยังจะเห็นหน้าฉันต่อไปอีกนาน จนกว่าฉันจะได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ...ขอโทษด้วยนะจ๊ะพร ที่ทำให้วุ่นวาย พรช่วยหญิงเก็บของหน่อยนะ”
หญิงมานศรีเดินไปเก็บของลงกระเป๋าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทางเป็นปกติมาก พิไลพรงงๆ แต่ก็ไปช่วยโดยไม่ถามอะไรต่อ ทิวเจ็บใจที่ไล่ไม่สำเร็จ
ทิวเดินหงุดหงิดเข้ามามุมหนึ่งในโรงงาน เข้มที่กำลังจะออกไปหาเห็นทิว แปลกใจ รีบวิ่งเข้ามา
“ผมกำลังจะไปรับนาย”
“ไม่ทันแล้ว!”
ทิวเดินเข้าไป
“นายอย่าโกรธผมเลยครับ ผมเพิ่งจะ...”
ทิวตัดบท
“ฉันไม่ได้โกรธแก แต่โกรธ...” ทิวชะงักไม่พูดถึงหญิงมานศรี “โกรธตัวเองโว้ย! จะไปทำอะไรก็ไปทำ ไป๊”
เข้มวิ่งออกไป งงๆ
“หน้าด้านหน้าทน ผู้หญิงอย่างเธอมัน...”
ทิวหงุดหงิดเต็มกำลัง พูดไม่ออก หันไประบายกับของที่อยู่ใกล้ๆ
หญิงมานศรียืนอยู่กับพิไลพร ยังไม่เข้าไปในบ้าน พวงทองเดินออกมาอย่างแปลกใจ
“ดิฉันคิดว่า...คุณหญิงเดินทางไปแล้วซะอีก”
“หญิงเปลี่ยนใจแล้วค่ะ และมีเรื่องจะขอความกรุณาจากคุณพวงทอง”
ผ่องทิพย์เข้ามาเห็น โวยทันที
“นังผู้หญิงหน้าด้าน เค้าไล่แล้วยังไม่ไปอีก หนังหน้าทำด้วยอะไร...หา!”
พวงทองปราม
“ผ่อง...พอแล้ว!”
“ไม่พอ เพราะมันเองก็ยังไม่พอ...อยากถูกฉันตบอีกใช่มั้ย ถึงได้ย้อนกลับมา เอาซี่!”
ผ่องทิพย์ปราดเข้าไปจะทำร้ายหญิงมานศรี พิไลพรเข้าไปขวาง เงื้อมือสุดแขนเตรียมปะทะ
“งั้นก็ต้องผ่านฉันไปก่อน มาสิ!”
ผ่องทิพย์ชะงัก เห็นพิไลพรเอาจริง ชักกลัว พูดแถไป
“แน่จริง ก็อย่าให้นังขี้ข้านี่มาขวาง”
“คุณหญิงไม่ลดตัวลงมาปะทะกับคุณ เพราะไม่อยากเอาทองไปลู่กระเบื้องให้เสียราคา ส่วนขี้ข้าอย่างฉันมันไม่มีอะไรจะเสีย”
พิไลพรตบเปรี้ยงไปที่หน้าของผ่องทิพย์
“ว้าย!”
ผ่องทิพย์เซจนล้ม ร้องเรียกหาสาวใช้
“นังบุญปลูก แกอยู่ไหน!”
พิไลพรจ้องหน้า
“แน่จริง ก็อย่าเรียกขี้ข้ามาช่วยสิคะคุณผ่องทิพย์!”
“แก๊! อ๊าย!”
ผ่องทิพย์ลุกขึ้นมาอาละวาด หญิงมานศรีเข้าไปรั้งพิไลพรเอาไว้
“พร...อย่า พอเถอะ อย่าให้มีปัญหาอีกเลย”
พวงทองรั้งผ่องทิพย์เอาไว้
“หยุดนะผ่อง”
“นังขี้ข้า ต่ำ”
“พอๆกับคุณนั่นแหละ”
“ถึงแกจะอยากอยู่ แต่ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอม เป็นไงเป็นกัน”
ผ่องทิพย์สะบัดเดินออกไป พวงทองหนักใจ ขวัญตาแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง แค้นใจมาก พวงทองเดินมาหาหญิงมานศรี
“ดิฉันจะให้เด็กมายกกระเป๋า ไปเก็บที่ห้องคุณหญิงเหมือนเดิม”
“ไม่ต้องค่ะ”
พวงทองและพิไลพรแปลกใจ
บ้านพักพนักงาน...เป็นเรือนแถว สะอาด แต่ไม่หรูหรา กลิ่นเปิดประตูห้องพักเข้าไปข้างใน หญิงมานศรีและพิไลพรเดินเข้าไปสำรวจ พวงทองยืนอยู่ข้างนอก
“ดิฉันคิดว่า คุณหญิงน่าจะรอคุณเทพกลับมาก่อน เขาอาจจะไม่พอใจนัก ถ้าทราบว่าคุณหญิงขอย้ายมาอยู่ที่เรือนพักพนักงาน”
“เรื่องเล็กน้อย หญิงไม่อยากเอาไปกวนใจคุณเทพค่ะ”
“เรื่องเล็กน้อยของคุณหญิง เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณเทพค่ะ”
“คุณพวงทองก็รู้สึกต่อหญิง เหมือนที่ภรรยาคนอื่นๆของคุณเทพรู้สึกด้วยเหรอคะ”
“ดิฉันไม่ได้รู้สึกอะไร แต่รู้ใจคุณเทพดี”
“แต่หญิงก็อยากให้คุณพวงทอง รู้ใจของหญิงด้วยค่ะ”
“ดิฉันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับคุณหญิง”
“มีสิคะ”
พวงทองอึ้ง
“หญิงรู้สึกเคารพ และเกรงใจคุณพวงทอง เหมือนรู้สึกต่อพี่สาวคนหนึ่ง”
“ให้เกียรติดิฉันเกินไปแล้วค่ะ ถ้าคุณหญิงยืนยันความตั้งใจ ดิฉันก็จะไม่กวนใจ”
พวงทองเดินออกไปกับกลิ่น หญิงมานศรีมองตามอย่างหนักใจ พิไลพรขยับเข้ามาหา
“คุณหญิง...”
“หญิงจะอยู่ได้หรือเปล่าใช่มั้ยจ๊ะ...คับที่อยู่ได้ แต่คับใจอยู่ยาก พรเคยได้ยินใช่มั้ย”
พิไลพรพยักหน้าและไม่ซักถามอะไรต่อ จัดการเก็บของ หญิงมานศรีช่วยพิไลพร พยายามทำใจให้เย็น
พวงทองเดินมากับกลิ่น ก่อนจะหันไปทางบ้านพักอีกครั้ง มองด้วยสายตาอ่อนลง เพราะเห็นใจหญิงมานศรีอยู่มากเหมือนกัน
“กลิ่น...ช่วยดูแลคุณหญิงกับคนของเธอด้วย อย่าให้ขาดเหลืออะไรเด็ดขาด”
“ค่ะ”
พวงทองกลับมาปั้นหน้าเฉยเมยเหมือนเดิม แล้วออกเดินต่อไป
หม่อมสรัสวดีลงนั่งอย่างอ่อนแรง และเต็มไปด้วยความเครียด คิดถึงคำขู่ของเทพ
‘หม่อมเข้าใจความรู้สึกของผมใช่มั้ย’
‘ไม่!’
‘ไม่เข้าใจตอนนี้ก็ไม่เป็นไร...แต่สิ่งหนึ่งที่หม่อมต้องเข้าใจก็คือ เมื่อหม่อมปฏิเสธเงื่อนไขของผม...เกียรติภูมิของกฤตยาที่พวกของหม่อมพยายามปกป้อง...จะต้องถูกขายทอดตลาด แล้วกฤตยาก็จะเหลือแต่ตัว!’
หม่อมสรัสวดีพลุ่งพล่าน
“ฉันควรจะทำยังไงดี...ฉันต้องขายลูกจริงๆเหรอ ไม่นะ ไม่!”
ชายคำรณฤทธีเข้ามาอย่างร้อนใจ
“หม่อมแม่ครับ! อยู่ที่นี่เองเหรอครับ ชายติดต่อหม่อมแม่ไม่ได้เลย”
“ชาย...มีอะไรลูก!”
หม่อมสรัสวดีถามอย่างแปลกใจ ชายคำรณฤทธีจึงเล่าปัญหาให้ฟัง
“ไม่มีเงินมัดจำให้ผู้รับเหมา!” หม่อมสรัสวดีตกใจมาก
“ครับหม่อมแม่ ตอนแรกชายคิดว่าน่าจะทันจ่ายเงินงวดที่สองให้ผู้รับเหมาโดยเอาเงินจองจากลูกค้า...แต่ยอดจองยังไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลย”
“ต่อรองไม่ได้หรือไง”
“คุยแล้วครับ เขายืดเวลามาให้เราสองครั้งแล้ว ครั้งนี้เขาไม่ยอม และขู่จะหยุดงานไม่สร้างคอนโดต่อ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราถูกลูกค้าฟ้องแน่ครับ”
“โอ๊ย ทำไมมันมีแต่เรื่องไม่จบไม่สิ้นนะ”
“ชายหาทางกู้เงินจากแบงก์แล้ว แต่เรามีแบล็คลิสต์ ชายไม่อยากกวนท่านลุงกับหม่อมป้า เพราะท่านลุงไม่ค่อยสบาย ใช้เงินในการรักษามากอยู่”
หม่อมสรัสวดีเครียดจัด ชายคำรณฤทธีเป็นห่วงแม่มาก
“ชายขอโทษ ที่เอาเรื่องมากวนใจหม่อมแม่ ชายแค่อยากให้หม่อมแม่รับทราบเท่านั้น ปัญหาพวกนี้ ชายจะจัดการเอง เพื่อนๆชายหลายคนอาจจะพอให้ความช่วยเหลือได้”
ชายคำรณฤทธีเดินออกไป หม่อมสรัสวดีครุ่นคิด จะช่วยลูกชายแก้ไขปัญหาอย่างไรดี
ค่ำนั้น เทพเดินเข้ามาในคฤหาสถ์อย่างอารมณ์ดี พวงทองเข้ามาหน้าตาเครียด
“มีเรื่องเรียนให้คุณทราบค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนได้มั้ย ฉันกลับมาเหนื่อยๆ ขอกอดเมียให้ชื่นใจหน่อยนะ”
เทพรั้งตัวพวงทองเข้ามากอด พวงทองโอนอ่อนตาม ไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ไร้อารมณ์ ไม่ได้กอดตอบ เทพกอดพวงทอง รู้สึกอิ่ม อุ่นใจ
“พวงทอง”
“คะ”
“จะกอดฉันบ้างไม่ได้หรือ”
พวงทองอึ้ง
“เธอไม่เคยกอดฉันเลย ฉันน่ารังเกียจมากนักหรือไง”
พวงทองใจอ่อน ค่อยๆยกมือขึ้น จะกอดแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
“คุณไม่อยากทราบเหรอคะ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณหญิงมานศรี”
เทพผละออกจากพวงทองทันที
“อะไรนะ!”
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
หญิงมานศรียืนคิดมากอยู่คนเดียวที่ระเบียงนอกเรือนพัก เหม่อมองออกไปภายนอก คิดถึงท่านพ่อ น้ำตาซึม
“ท่านพ่อคะ หญิงคิดถึงท่านพ่อเหลือเกิน...คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย และเข้มแข็งขึ้นมาได้ทุกครั้งที่หญิงอ่อนแอ”
หญิงมานศรีรีบปาดน้ำตาที่ไหลออกมา ทิวยืนมองจากมุมหนึ่งไกลๆ ไม่ได้ยินในสิ่งที่หญิงมานศรีพูด
หญิงมานศรีจะลุกเข้าข้างใน ทิวเข้ามาประชิด ปิดปากแล้วลากออกไป หญิงมานศรีตกใจ พยายามดิ้น และร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ร้องไม่ออกและสู้แรงไม่ได้ ทิวลากหญิงมานศรีจนลับไป พิไลพรเดินออกมา มองหาหลังจากได้ยินเสียงกุกกัก
“คุณหญิงคะ คุณหญิง...ไปไหนนะ มืดๆแบบนี้”
พิไลพรออกตามหา
“คุณหญิง...”
ทิวลากหญิงมานศรีมา หญิงสาวกัดมือของเขา
“โอ๊ย!”
หญิงมานศรีหันไปตบ
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น”
หญิงมานศรีวิ่งหนี ทิวรั้งเอวเอาไว้ แล้วดึงตัวเข้ามากอด
“อยากถูกใครสักคนกอดไม่ใช่เหรอ นี่ไง...กำลังจะจัดให้ตามความปรารถนา”
หญิงมานศรีทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ แต่พยายามคุมสติ
“ฉันไม่ได้ต้องการอ้อมกอดของนาย ไม่ต้องมาเสนอหน้า”
ทิวอึ้ง เจ็บใจ
“เหรอ!”
ทิวผลักออกไป อย่างแรงจนหญิงมานศรีเซ ล้ม
“โอ๊ย!”
“งั้นขอได้ยินเต็มสองรูหูหน่อยสิ จะได้ง่ายต่อการตัดสินใจของฉัน ว่าอยากให้ใครกอดเธอ”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย ไม่ต้องมาสู่รู้”
“เรื่องของเธอ ฉันต้องรู้ เพราะอะไรรู้มั้ย...เพราะฉันเกลียดเธอ และไม่อยากเห็นหน้าเธอ ฉันจะทำให้เธอออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้ มานศรี!”
ทิวลากหญิงมานศรีถูลู่ถูกังออกไป โดยไม่สนใจว่าเธอจะชนเข้ากับอะไรหรือเจ็บปวดสักแค่ไหน
พิไลพรเดินตามหาหญิงมานศรีมา
“คุณหญิง!”
เทพเข้ามาพอดี จนพิไลพรเกือบชนเข้า
“คุณเทพ!”
“คุณหญิงอยู่ไหน!”
ทิวลากหญิงมานศรีมาตามทาง
“ปล่อยนะ ฉันเจ็บ”
“ดี ยิ่งเจ็บยิ่งดี”
เทพเข้ามา พิไลพรตามมาห่างๆ
“ปล่อยคุณหญิงเดี๋ยวนี้!”
ทิวและหญิงมานศรีหันไปมองเทพอย่างตกใจ หญิงมานศรีอยู่กลางระหว่างผู้ชายสองคน
“อยากได้คืนมากงั้นเหรอ”
“คุณหญิงเป็นคนในปกครองของฉัน ฉันต้องคุ้มครองเธอ”
ทิวมองเทพอย่างท้าทาย ก่อนจะกระชากหญิงมานศรีเข้ามาแล้วจูบอย่างหนักหน่วง โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว พิไลพรตกใจ
“ว้าย!”
เทพโกรธมาก หญิงมานศรีตั้งสติได้ ผลักทิวออกไป รู้สึกอับอายมาก เทพกระโจนเข้าไปต่อยทิวเซไปทันที
“นายมันผู้ชายหน้าตัวเมีย! รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้”
“ไม่ต่างไปจากแกหรอก!”
ทิวเข้าไปต่อยเทพเซไปบ้าง พิไลพรเข้าไปดึงตัวหญิงมานศรีออกมา
“เอาสิทิว สู้กันตัวต่อตัว ให้รู้แพ้รู้ชนะ ถ้าวันนี้นายเอาชนะฉันไม่ได้ นายต้องเลิกยุ่งกับคุณหญิง แต่ถ้าฉันแพ้...”
ทิวตัดบท
“ฉันไม่เคยเชื่อคำพูดของแก เพราะแกมันสันดานโจร ไม่ว่าฉันจะแพ้หรือชนะ ฉันก็ต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้ไปจากที่นี่”
ทิวพุ่งเข้าใส่เทพทันที เทพและทิววางมวยกัน ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ ไม่มีใครยอมใคร ต่อสู้มือเปล่าโดยไม่มีอาวุธ หญิงมานศรีและพิไลพรยืนลุ้น ทิวและเทพมีสภาพสะบักสะบอม เข้าประจันหน้ากัน กำลังจะเงื้อหมัดซัดใส่กัน หญิงมานศรีทนดูต่อไปไม่ไหว
“พอได้แล้ว!”
ทิวและเทพชะงัก
“ฉันรู้แล้ว ว่าใครกันแน่คือซาตาน”
หญิงมานศรีมองหน้าทิว ทิวรู้สึกปวดร้าวอยู่ลึกๆเทพสะใจมาก ยิ้มย่อง
“และฉันก็ไม่เคยก้มหัวให้กับซาตานเลวๆ ไม่ว่าจะพยายามทำร้ายฉันมากแค่ไหน นายไม่มีวันชนะฉัน นายทิว”
หญิงมานศรีทิ้งสายตาชิงชังให้กับทิว แล้วออกไป พิไลพรสงสารทิว แต่ก็พูดอะไรไม่ออก รีบตามไป ทิวมองตามหญิงมานศรีอย่างผิดหวัง เทพยิ้มเยาะหัวเราะสะใจมาก
“...ฮ่ะๆๆ เห็นมั้ยทิว...นายเองก็ไม่มีทางชนะฉัน เลิกล้มความคิดได้แล้ว สู้ไปก็เหนื่อยเปล่า”
เทพตามหญิงมานศรีไป ทิวเจ็บใจตัวเองที่ทำไม่สำเร็จ
ค่ำคืนนั้น...เทพนั่งครุ่นคิดอยู่เงียบๆ พวงทองคอยดูทำแผลบนใบหน้าของเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เสร็จพอดี
“เสร็จแล้วค่ะ คงไม่เป็นอะไรมาก”
เทพจับมือของพวงทองเอาไว้
“ถ้าฉันแต่งงาน และจดทะเบียนสมรสกับคุณหญิงเธอจะว่าไง”
“ใครจะว่าอะไรยังไง สำคัญกับคุณด้วยเหรอ”
“คนอื่นฉันไม่สน ฉันอยากรู้ว่าเธอคิดยังไง”
พวงทองยิ้ม เย็นชา
“ฉันไม่คิดอะไร”
เทพอึ้ง ผลักพวงทองออกไปทันที
“ออกไป!”
พวงทองเก็บอุปกรณ์ ก่อนจะเดินออกไป หันมาพูดกับเทพ
“อย่างเดียวที่ฉันรู้สึกอยู่ในตอนนี้คือ...ฉันเห็นคุณเหนื่อย ทุกๆวันคุณต้องวิ่งไล่ตามไขว่คว้าทุกอย่างที่คุณคิดว่าจะมาเติมเต็มชีวิตคุณได้”
“ไม่จริง! ฉันไม่เคยเหนื่อย ฉันมีความสุขดี การได้แต่งงานกับหม่อมราชวงศ์หญิงมานศรีโสภาคย์คือความสุขสุดยอดของฉัน”
“แน่ใจเหรอคะว่ามันคือความสุข...ไม่ใช่ความทุกข์”
เทพอึ้ง พวงทองไม่พูดอะไรต่อ เดินออกไป เทพฉุนเฉียว ที่ถูกพวงทองจี้ใจดำ ขวัญตาที่ยืนแอบฟังอยู่ เคียดแค้นที่ได้ยินว่าเทพต้องการหญิงมานศรี
หญิงมานศรีนั่งซึมอยู่ พิไลพรเข้ามาปลอบใจ
“คุณหญิงคะ...”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นนะพร...หญิงอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ”
“ค่ะ”
พิไลพรจำใจใจปล่อยให้อยู่คนเดียว รู้สึกเจ็บใจทิวทีทำร้ายหญิงมานศรี พอพิไลพรออกไป หญิงมานศรีนอนซึม น้ำตาค่อยๆไหลออกมา ด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ
“ฉันจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับซาตานอย่างนายอีก...ไม่มีวัน!”
หญิงมานศรีเช็ดน้ำตา พยายามทำใจให้เข้มแข็ง ต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนักหน่วง
วันใหม่...ทิวยืนดูคนงานตัดอ้อยอยู่ เข้มวิ่งมารายงาน
“นาย!”
“ว่าไง”
เข้มกระซิบ
“ตกลง...ลุงกับป้าเขาตัดสินใจแล้วนะว่า ไม่ขายไร่อ้อยแกให้นายใหญ่แน่นอน”
“ดี...บอกลุงกับป้า อย่าเพิ่งเอะอะไป รอวันที่พวกมันนัดค่อยบอก ฉันจะเอาตำรวจไปเป็นพยานด้วย ไม่งั้นลุงกับป้าอาจจะไม่ปลอดภัย”
“ครับนาย...เอ่อ...นายครับ”
“อะไรของแกอีกวะ”
“ช่วงนี้ ค่าแรงขั้นต่ำขึ้น หาคนงานตัดอ้อยยากมากเลย ไปเป็นคนงานที่โรงงานจังหวัดโน้นกันหมด”
“คนไม่มีก็เอารถมาใช้...อย่าลืมใช้ไบโอดีเซลที่เราทำเอง จะได้ประหยัดต้นทุน”
“ครับนาย”
เข้มวิ่งออกไป...ทิวมองการทำงานของคนงานต่อไป รู้สึกเครียด ขณะเดียวกันนั้นเสียงมือถือของทิวดังขึ้น ทิวเห็นเบอร์ ไม่อยากรับแต่ก็รับ
“ครับ...คุณเสกสรรค์”
ทิวมาคุยกับเสกสรรที่ฟาร์มม้า...
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยติดต่อช่างให้ผม ไม่งั้นคงถูกผู้รับเหมาหัวหมอคนนั้นโขกราคาแน่”
“คุณเพิ่งมาใหม่ ยังไม่รู้จักใครดีพอ อาจจะถูกหลอกได้ ช่างคนนี้ไว้ใจได้ ไม่ต้องห่วง”
“คงต้องรบกวนคุณอีกหลายเรื่องแน่ๆ”
“ยินดีครับ”
ทิวลอบถอนใจ เพราะในใจไม่ได้ยินดีช่วยคู่แข่งหัวใจ
หญิงมานศรีเดินออกมา พิไลพรตามหลัง กำลังจะไปทำงาน
“เจอกันตอนเย็นนะจ๊ะพร”
“ค่ะ”
พิไลพรเดินออกไป เทพเดินเข้ามา
“คุณหญิงครับ”
“คุณเทพ...”
“พอดีผมได้ข่าวว่า...ฟาร์มม้าของคุณเสกสรรค์ถูกไฟไหม้”
“อะไรนะคะ!” หญิงมานศรีตกใจมาก
กลุ่มคนงานก่อสร้าง ขนไม้และอุปกรณ์ก่องสร้างสำหรับซ่อมแซมโรงเก็บฟางที่ถูกไฟไหม้ ทิวและเสกสรรค์กำลังดูการทำงานของคนงาน
“คนงานมากันแล้ว...งั้น ผมขอตัวกลับเลยแล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะครับคุณทิว”
ทิวหันหลังจะกลับ ก็เจอเทพเดินมากับหญิงมานศรี ทิวและเสกสรรค์ชะงัก หญิงมานศรีเห็นสภาพโรงเก็บฟางแล้วตกใจ
“อะไรกัน...เป็นแบบนี้ได้ยังไง..เสก”
“มีคนลอบวางเพลิงโรงเก็บฟางของผม”
“แล้วเสกแจ้งตำรวจหรือยัง”
“แจ้งแล้วครับคุณหญิง...”
เทพสายตาเย้ยๆ
“เสียใจด้วยนะครับคุณเสกสรรค์ เพิ่งมาอยู่แท้ๆ ก็ถูกรับน้องซะแล้ว เจอแบบนี้หวังว่า...คุณคงจะไม่ท้อนะครับ เอ๊ะหรือว่า...”
ทิวขัดขึ้นทันที
“ตาบอดหรือไง...ถ้าคุณเสกสรรค์ท้อ จะจ้างช่างให้มาซ่อมมันทำไม”
“อ้าว...ทิว เป็นพี่เลี้ยงให้คุณเสกสรรค์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณทิวเป็นเพื่อนเป็นมิตรที่ผมไว้ใจ”
ทิวสะอึก เสกสรรค์มองหน้าเทพ
“ไม่เหมือนบางคน ที่ผมไม่เคยไว้ใจ”
เทพยิ้มสบาย
“เป็นเรื่องปกติครับ...คนเรารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจหรอก เพราะฉะนั้นจะทำอะไรควรระวังตัวไว้ก่อนเป็นอันดับแรกดีกว่า...ว่าอย่าไปขวางทางใคร ไม่งั้น อาจจะโดนหนักกว่านี้”
เสกสรรค์รู้ว่าถูกขู่แต่ไม่กลัว
“ผมคงระวังตัวขึ้นเยอะ ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ”
หญิงมานศรีมองเสกสรรค์อย่างเห็นใจ
“เสก...หญิงเป็นกำลังใจให้นะคะ”
เทพแอบไม่พอใจ...รวมถึงทิวด้วย เสกสรรค์ยิ้มรับ
“ขอบคุณครับคุณหญิง เท่านี้ก็ทำให้ผมมีแรงสู้ต่อไป...โดยไม่กลัวใครจะมาทำอะไรชั่วๆกับผมอีกแล้ว”
เสกสรรค์สบตาเทพที่ยิ้มไม่รู้ไม่ชี้...ทิวอึดอัดมาก
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
เทพเดินมากับหญิงมานศรีที่มุมหนึ่งหน้าออฟฟิศ หญิงสาวหยุด หันไปคุยกับเทพจริงจัง
“คุณเทพคะ หญิงขออนุญาตเดินเข้าออฟฟิศ...คนเดียวนะคะ”
เทพแปลกใจแต่ก็เข้าใจ
“ครับ...ผมเข้าใจ เชิญ...”
เทพผายมือให้
“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ”
หญิงมานศรีเดินต่อไป เทพทองตามยิ้มย่อง เดินฉีกไปอีกทาง
หญิงมานศรีกำลังจะเดินเข้าออฟฟิศ ขวัญตาเดินนวยนาดเข้ามาขวาง ขณะที่พนักงานทยอยกันมาทำงาน
“อุ๊ยตาย...ยังอยู่เหรอคะ คุณหญิง”
หญิงมานศรีชะงัก
“ยังงี้เรียกว่าอะไรดีนะ หน้าด้าน ไร้ยางอาย หรือโง่ กันแน่”
“คุณขวัญตาคะ นี่คือเวลาทำงาน กรุณาหยุดทำตัวไร้มารยาทรบกวนคนอื่นเถอะค่ะ”
ขวัญตาไม่พอใจ เสียงดัง
“ฉันไร้มารยาทกับผู้หญิงที่ชอบแย่งผัวชาวบ้านอย่างเธอคนเดียว ไม่ได้ไปรบกวนคืนอื่น!”
พนักงานคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว หญิงมานศรีรู้สึกอาย
หม่อมสรัสวดีอยู่ในส่วนรับรองแขกในออฟฟิศ รับน้ำมามาจากพนักงาน
“ขอบใจ เมื่อไหร่ลูกหญิงจะมา”
พนักงานหน้าเสีย
“เมื่อกี้เห็นอยู่ด้านนอกกับคุณขวัญตาน่ะค่ะ”
“อะไรนะ!”
หม่อมสรัสวดีชักไม่ไว้ใจขึ้นมาทันที
ขวัญตายืนยิ้มเยาะ หญิงมานศรีเลี่ยงที่จะมีเรื่อง
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัว”
ขวัญตาเข้าไปขวาง
“จะไปไหน!ฉันไม่ให้ไป”
“แต่ดิฉันต้องทำงาน”
“ทำงาน หรือจ้องจะทำอย่างอื่นกับผัวชาวบ้านเวลาที่เมียเขาเผลอ”
พนักงานหัวเราะกันคิกคัก หญิงมานศรีอับอายมากขึ้นไปอีก
“คุณขวัญตา ถ้าคุณพูดจาดูหมิ่นดิฉันอีกเพียงครั้งเดียวล่ะก็...”
“ทำไม จะทำอะไรฉัน”
ทันใดนั้นเสียงหม่อมสรัสวดีดังขึ้น
“ทำแบบนี้น่ะสิ!”
ขวัญตาหันไป หม่อมรับสรัสวดียืนอยู่ สาดน้ำในแก้วใส่ขวัญตา หญิงมานศรีและทุกคนตกใจ
“หม่อมแม่!”
“ว้าย! อะไรเนี่ย!”
หม่อมสรัสวดีเข้ามากันลูกสาวเอาไว้
“โง่เนอะ ไม่รู้จักน้ำเย็น...เอาไว้ล้างปากและความคิดเน่าๆของเธอ”
“ลูกหม่อมต่างหากที่เน่า! เอ๊าะ คิดออกแล้วว่าได้เชื้อจากใคร ลูกไม้คงหล่นไม่ไกลต้นหรอก จริงมั้ยคะ หม่อมแม่”
หม่อมสรัสวดีเขวี้ยงแก้วไปที่ขวัญตาแตกเปรี้ยง เตรียมเอาเรื่อง
“ฉันไม่ใช่แม่ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแก”
เทพเข้ามาขวาง
“มีเรื่องอะไรกันครับ หม่อม!”
ขวัญตาเข้าไปอ้อนออเซาะทันที
“คุณเทพขา...ขวัญตาถูกรุมอ่ะค่ะ”
หม่อมสรัสวดีมองหน้าเทพ
“ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับคุณ...คุณเทพ!”
เทพแปลกใจที่หม่อมสรัสวดีมา ขวัญตาจ้องมองหญิงมานศรีเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ หญิงมานศรีเหนื่อยหน่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เทพกับหม่อมสรัสวดีมาคุยกันในห้องทำงาน
“เชิญหม่อมว่ามาเลย”
“ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ”
เทพยิ้มอย่างพอใจ
“และถ้าอยากให้ลูกหญิงยอมแต่งงานกับคุณด้วยความเต็มใจ ฉันมีวิธี แต่ลูกหญิงของฉันมีค่ามากกว่าที่ฉันเป็นหนี้คุณ”
“ผมรู้ว่าหม่อมหมายความว่าอะไร”
“คุณรู้”
“ผมติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจครอบครัวหม่อมตลอดเวลา...ตอนนี้บริษัทของหม่อมขาดสภาพคล่อง เสี่ยงกับการถูกฟ้อง ถ้าไม่มีเงินไปจ่ายมัดจำให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง
“หม่อมเลยซมซานมาขอความช่วยเหลือจากผม”
“แล้วคุณจะว่ายังไง”
“ไม่มีปัญหา แต่...ผมให้เวลาหม่อมเกลี้ยกล่อมคุณหญิงไม่เกินหนึ่งเดือนเท่านั้น ไม่อย่างนั้น...จบ”
สรัสวดีเครียด เทพยิ้มสะใจที่ถือไพ่เหนือกว่า
หญิงมานศรีทำงานไป พลางเหลือบตามองขวัญตาที่นั่งจ้องมองนิ่งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ หญิงมานศรีรู้สึกเหนื่อยใจ และอึดอัด หันมาปะทะสายตาด้วย
“คุณยังต้องการอะไรจากฉันอีก”
“ไปให้ไกลๆจากผัวฉันไง”
“ฉันเป็นเลขา ฉันมีหน้าที่ต้องคอยทำงานใกล้ชิดคุณเทพ ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น”
“ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง ก็ไปทำอย่างอื่นสิ”
หญิงมานศรีอึ้ง
“นั่นไง เธออยากอยู่ใกล้ผัวฉัน รอเวลาเสียบ แล้วจะให้ฉันเชื่อคำพูดเน่าๆของเธอเหรอ ฝันไปเถอะ”
“คุณไม่ได้ฝันหรอก...ฉันจะทำให้คุณเห็น”
เทพและหม่อมสรัสวดีเดินออกมา หญิงมานศรีหันไปพูดกับเทพ
“คุณเทพคะ ดิฉันขอลาออกจากตำแหน่งเลขาค่ะ”
เทพกับหม่อมสรัสวดีอึ้งไป
“อะไรนะ!”
“ลูกหญิง!”
ขวัญตายิ้มเยาะหญิงมานศรี ในขณะที่เทพและหม่อมสรัสวดีไม่พอใจ
เทพลากขวัญตามาในบ้านแล้วผลักเข้าไปในห้อง
“เข้าไป!”
“ว้าย!”
เทพปิดประตู ผ่องทิพย์มองอยู่ด้วยความไม่พอใจ
“เข้าหานังขวัญตาบ่อยไปแล้วนะคุณเทพ โว๊ย!”
กลิ่นที่เดินผ่านมาพอดีตกใจ ผ่องทิพย์หันไปเห็น
“มองอะไร...มองทำไม ไปตายไป๊ ไป๊!”
กลิ่นลนลานออกไป ผ่องทิพย์เต้นเร่าๆอย่างไม่พอใจ
ในห้อง...เทพฉุนเฉียว ผลักขวัญตา
“บอกแล้วไงว่าอย่าก่อเรื่อง”
ขวัญตาเข้าไปกอดขาเทพอย่างมารยา
“คุณเทพเข้าใจขวัญตาผิด ขวัญตาหวังดีนะคะ”
“หวังดีอะไรของเธอ ไปกดดันคุณหญิงให้ลากออกจากการเป็นเลขาของฉัน เธอต้องการแยกคุณหญิงให้อยู่ห่างๆฉัน”
“แยกตอนนี้ เพื่อให้ได้กลายเป็นของคุณเทพเร็วๆไงคะ”
“อะไรนะ!”
“ขวัญตายอมรับว่าตอนแรก ขวัญตารับไม่ได้ ที่คุณเทพให้ความสำคัญกับคุณหญิง แต่ขวัญตารักคุณมากเกินกว่าจะไปจากคุณ”
เทพอึ้ง...รอฟังต่อ...
“ว่าต่อไปสิ”
“ขวัญตาอยากเห็นคุณมีความสุข เพราะฉะนั้นอะไรที่ขวัญตาทำให้คุณมีความสุขได้ ขวัญตาก็จะทำ ขอเพียงอย่างเดียว”
ขวัญตารุกเข้าหาเทพ ออดอ้อน ออเซาะ
“ขออะไร”
“ขอเพียงคุณยังเมตตาขวัญตา ไม่ทิ้งขว้าง จะวางขวัญตาไว้ในซอกหลืบเล็กแคบแค่ไหนก็ได้...ขวัญตาขอเพียงเท่านี้จริงๆ”
เทพจิกผมขวัญตาขึ้นมา มองอย่างเสน่หา
“จริงเหรอ”
“จริงสิคะ...ขวัญตาเลยกดดันคุณหญิงไปแบบนั้น”
สายตาเทพที่มองขวัญตาเต็มไปด้วยอารมณ์ใคร่
“เธอนี่มัน...ทำให้ฉันตื่นเต้นได้ตลอดเวลาจริงๆนะขวัญตา...ขวัญตา”
“ขา...”
เทพโถมตัวเข้าใส่ขวัญตาทันที
หม่อมสรัสวดีเดินมาหาหญิงมานศรี หลังจากที่สำรวจภายในบ้านเรียบร้อย
“ก็นับว่าน่าอยู่”
“ค่ะ คุณพวงทองดูแลหญิงอย่างดี”
“ลูกหญิง...ยังสบายใจที่จะอยู่ที่นี่มั้ยลูก”
“หม่อมแม่ถามทำไมคะ”
“ลูกหญิงเจอความกดดันรอบด้าน แม่สงสาร”
“หญิงก็อยากจะไปจากที่นี่...แต่หญิงยังมีเรื่องบางอย่างที่ยังทำไม่สำเร็จค่ะ”
“อะไรเหรอจ๊ะ”
“หญิงยังบอกหม่อมแม่ตอนนี้ไม่ได้...ว่าแต่ว่า...หม่อมแม่มาเยี่ยมหญิง ไม่บอกหญิงล่วงหน้า มีอะไรทางโน้นหรือเปล่าคะ”
“มีจ๊ะ...จริงๆแม่ก็ไม่อยากจะเอาเรื่องเครียดมากวนใจหญิงอีก...แต่ก็นะ แม่ก็ไม่รู้จะระบายกับใครดี...มีแต่ลูกหญิงเท่านั้นที่เข้าใจและเห็นใจแม่”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“พี่ของลูกขาดสภาพคล่อง คุณเทพก็เลยให้ความช่วยเหลือไปอีก แม่ก็ทักท้วงแล้วว่าไม่อยากรบกวน จะหาทางเอง แต่คุณเทพรู้ดีว่าสถานะล้มละลายจะไปเอ่ยปากกู้เงินใครได้ที่ไหนได้”
หญิงมานศรีชะงัก
“คุณเทพเหรอคะ...”
“จ๊ะ...แม่ไม่เคยเห็นใครเป็นสุภาพบุรุษ และมีน้ำใจดูแลคนอื่นได้มากเท่ากับคุณเทพมาก่อนเลย”
หญิงมานศรีอึ้ง...รู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นว่าเทพเป็นคนดี ส่วนทิวคือซาตาน
ขวัญตานอนซบอกเทพ หลังจากเสร็จกิจกันเรียบร้อยแล้ว เทพสบายใจขึ้นมาก
“แผนของเธอใช้ได้นี่”
“รับรองค่ะ คุณหญิงต้องเปิดใจรับความรักและความหวังดีของคุณแน่นอน เมื่อเจอความโหดร้ายและความเกลียดชังของพี่ทิว”
“นายทิว...เกลียดคุณหญิงมาก”
“พี่ทิวเกลียดใครแล้ว...อย่าหวังเลยค่ะว่าจะมีหน้าอยู่ต่อไปได้อย่างมีความสุข”
เทพเหลือบมองขวัญตา
“แสดงว่านายทิวไม่ได้เกลียดเธอ ถึงได้ปล่อยเธอให้มาเสวยสุข”
“ใครบอกว่าไม่เกลียดคะ ถ้าพี่ทิวมองใครเหมือนเป็นอากาศ ไร้ตัวตน นั่นแสดงว่าพี่ทิวเกลียดคนนั้นอย่างที่สุดต่างหาก”
“แล้วเธอล่ะ ยังมีเยื่อใยกับนายทิวหรือเปล่า”
ขวัญตาร้อนตัว
“จะให้เหลือได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อมันไม่เคยมี”
เทพหัวเราะชอบใจมาก
“ฮ่ะๆๆๆๆๆ”
ขวัญตาแอบโล่งอก คิดถึงแผนร้ายแล้วชอบใจ สะใจ
หญิงมานศรียกมือไหว้แม่ เมื่อหม่อมสรัสวดีจะกลับ...
“หม่อมแม่เดินทางดีๆนะคะ ฝากความคิดถึงถึงพี่ชายด้วย”
หม่อมสรัสวดีมองลูกสาวอย่างสงสารและเห็นใจ เข้าไปกอด น้ำตาซึม
“ลูกหญิงของแม่”
“หม่อมแม่ ไม่ต้องห่วงหญิงหรอกค่ะ หญิงดูแลตัวเองได้”
“ลูกแน่ใจนะว่าไหว นี่คุณเทพจะให้ลูกไปทำงานตำแหน่งอะไร รู้มั้ย”
“ยังไม่ทราบค่ะ คุณเทพให้หญิงทำอะไร หญิงทำได้ทั้งนั้น”
“แม่รู้ว่าลูกเป็นคนกตัญญู ดีกับคุณเทพมากๆ ให้สมกับที่เขาดีกับเรานะลูก”
“ค่ะ หม่อมแม่ หญิงจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อความสบายใจของหม่อมแม่และทุกคน”
“แต่ถ้าลูกไม่สบายใจ...”
“เพียงแค่หม่อมแม่สบายใจ พี่ชายทำงานสบายใจ หญิงก็สบายใจค่ะ”
หม่อมสรัสวดียิ้มซึ้งใจ
“ลูกหญิง...โชคดีนะจ๊ะ คุณพระคุ้มครอง แล้วแม่จะมาเยี่ยมบ่อยๆ”
“ค่ะ”
หม่อมสรัสวดีมองลูกสาวอย่างอาลัย ก่อนจะค่อยๆเดินจากไป เมื่อลับจากสายตาของหญิงมานศรี หม่อมสรัสวดีแทบอยากร้องไห้
“แม่ขอโทษนะลูก...”
สรัสวดีตัดใจเดินจากไป หญิงมานศรีพยายามเข้มแข็ง
หญิงมานศรีวางเอกสารที่สำคัญไว้บนโต๊ะเทพ แล้วหันไปจะออกจากห้อง พลันสายตาก็สะดุดที่รูปของทัด พ่อของทิวซึ่งติดอยู่กลางห้อง หญิงมานศรีค่อยๆเดินไปมองรูปใกล้ๆอย่างพินิจพิจารณา
“ท่านดูเป็นคนดีมีเมตตา แต่ทำไมลูกชายของท่านถึงได้...”
หญิงมานศรีหน้ามืด เซ หาที่จับ มือไปโดนรูปของพ่อทิวจนเอียงกระเท่เร่ เธอตกใจ รีบเลื่อนกลับที่เดิม แต่สายตาเหลือบไปเห็นช่องสี่เหลี่ยมลักษณะเป็นตู้เปิดได้เล็กๆอยู่บนกำแพง หญิงสาวแปลกใจ ค่อยๆเอื้อมมือไปจะเปิด เสียงลูกบิดประตูดังกริ๊ก แสดงว่ามีคนกำลังเปิดเข้ามา เธอรีบเลื่อนรูปกลับที่เดิมทันที เทพเปิดประตูเข้ามา หญิงมานศรีรีบปรับตัวแสดงอาการปกติ
“คุณหญิง...”
“หญิงเอาเอกสารที่ต้องเซ็นมาให้ค่ะ...แล้วก็เคลียร์นัดทุกอย่างให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
“คุณหญิงแน่ใจนะครับว่าจะไปทำงานตำแหน่งอื่น”
“ค่ะ งานอะไรก็ได้ หญิงทำได้ทั้งนั้น”
“ผมเกรงว่าในออฟฟิศตำแหน่งจะเต็ม”
“เหรอคะ”
“แต่อาจจะมีตำแหน่งว่างอยู่ที่หนึ่ง ถ้าคุณหญิงไม่รังเกียจ”
“ที่ไหนคะ” หญิงมานศรีถามอย่างกระตือรือล้น
มุมหนึ่งของโรงงาน...ทิวมองมาที่หญิงมานศรีและเทพอย่างดูแคลน เข้มยืนอยู่ห่างๆ
“คนงานตัดอ้อย จะทำมั้ย”
“นายทิว...ฉันของานที่สมกับความรู้และเกียรติของคุณหญิง”
“ก็นี่แหละ เหมาะสมที่สุดแล้ว ใช้แรง ไม่ต้องใช้สมอง เพราะงานใช้สมองผู้หญิงคนนี้คงทำไม่ได้”
หญิงมานศรีเก็บความไม่พอใจเอาไว้
“เพราะในสมองคงมีแต่คำว่า...ผัวชาวบ้าน ผัวชาวบ้าน ฉันจะเอา ฉันจะเอา”
หญิงมานศรีมองทิว อกแทบระเบิด เทพโมโห
“นายทิว กรุณาให้เกียรติสุภาพสตรี”
“เลิกพูดงี้ทีเหอะ พูดแล้วเคยได้หรือเปล่า ก็ไม่เคยได้ รำคาญ ฉันว่าเธอกลับไปซะเหอะ อย่ามาเล่นบทนางเอกน่าสงสารกรำงานหนักให้ผู้ชายเห็นใจเลย ทุเรศ...ไป ไอ้เข้ม ทำงาน เสียเวลา เสียน้ำลาย”
ทิวเดินไป เข้มเดินตามมองทิวอย่างแหยงๆ
“นายไปหัดด่าผู้หญิงมาจากไหนเนี่ย...แรง!”
ทันใดนั้นเสียงหญิงมานศรีดังขึ้น
“ฉันจะทำ!”
ทิวกับเข้มชะงัก หันมามองอย่างประหลาดใจ
“ฮ่ะๆๆๆ ผู้หญิงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างเธอน่ะเหรอจะทำได้ ฮ่ะๆๆ”
เทพหนักใจ
“คุณหญิง อย่าเลยครับ”
“อย่าห้ามหญิงค่ะ หญิงจะทำ เพื่อหุบปากผู้ชายกักขฬะที่ชอบดูถูกผู้หญิง รำคาญค่ะ”
ทิวอึ้ง...หญิงมานศรีเดินเชิดออกไป เทพแอบสะใจที่ทั้งทิวและหญิงมานศรีตกหลุมพรางรีบตามหญิงมานศรีไป ทิวอึ้งเข้มส่ายหน้า
“แรงพอกัน งานนี้สนุกแน่เลยนาย”
“หุบปากไอ้เข้ม!”
ทิวเจ็บใจที่หญิงมานศรีคิดท้าทายเขา
หญิงมานศรีเดินมาทางที่พัก เทพเข้ามาจับมือเอาไว้
“คุณหญิงครับ ได้โปรดเห็นแก่ผม...”
หญิงมานศรีมองมือที่เทพกุมเอาไว้ อึ้งๆ ผ่องทิพย์เข้ามาเห็นพอดี ไม่พอใจมาก
“นังคุณหญิง...แก!”
ผ่องทิพย์รีบเดินออกไป หมายมั่น จะต้องทำอะไรสักอย่างกับหญิงมานศรี เทพยังคงกุมมือของหญิงมานศรีอย่างทนุถนอม
“มือน้อยๆนี้จะต้องแตกและหยาบกร้านเพราะจับมีดตัดอ้อยทั้งๆที่ไม่เคยทำงานหนัก...ผมทำใจไม่ได้ ที่ต้องเห็นคุณหญิงเป็นแบบนั้น”
“แต่มันก็เป็นงาน และเป็นงานสุจริต หญิงบอกแล้วไงคะว่าหญิงทำงานอะไรก็ได้”
“แต่มันไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้”
“จำเป็นค่ะ เพื่อรักษาเกียรติของหญิงไม่ให้ใครมาดูถูก...คุณเทพเข้าใจหรือเปล่าคะ หญิงขอตัวนะคะ”
หญิงมานศรีชักมือกลับไป เทพมองตามอย่างเจ็บใจ
“สักวันเกียรติของผมและของคุณมันจะต้องเท่ากัน คุณหญิง”
เทพเดินออกไป ทิวยืนมองอย่างหมั่นไส้
“เล่นตัวเรียกราคา...ดี...ฉันจะจัดให้เธออย่างสาสม มานศรี”
ค่ำนั้น...พิไลพรเข้าบ้านมาอย่างไม่พอใจ
“ไม่ค่ะ พรไม่ยอมให้คุณหญิงทำแบบนั้น”
“หญิงก็ไม่ยอมให้พรขวางหญิงแบบนี้เหมือนกัน”
“คุณหญิงคะ ทิฐิไม่เคยทำให้ใครมีความสุขนะคะ”
“หญิงไม่ได้ทำไปด้วยทิฐิ”
“แล้วด้วยอะไรล่ะคะ”
หญิงมานศรีอึ้ง พูดไม่ได้ ว่าต้องการอยู่ไปเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับเทพและทิว
“หญิงไม่อยากให้ใครเข้าใจหญิงผิด”
“นั่นแหละค่ะทิฐิ...คุณหญิงดื้อ คอยดูนะพรจะไม่ยุ่งไม่พูดด้วยอีก”
“สักวัน...พรจะเข้าใจหญิงเอง”
พิไลพรเดินไปทำงานของตัวเองที่มุมหนึ่งของห้อง โดยไม่สนใจหญิงมานศรีอีกต่อไป
หญิงมานศรีเหนื่อยใจ แต่ไม่พูดอะไรอีก กลายเป็นความเงียบงัน
อ่านต่อหน้า 3
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ระหว่างนั้นชายสวมหมวกไอ้โม่ง 2 คนกำลังย่องจะเข้าบ้าน หวังจะฉุดหญิงมานศรีและพิไลพรไปทำมิดีมิร้าย พวงทองถือถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าเดินเข้ามา เห็นเข้า
“ใครน่ะ!”
ผู้ชาย 2 คนหันมา กลัวพวงทองทำเสียเรื่อง รีบเข้ามาปิดปาก ทิวพุ่งเข้ามาจัดการผู้ชาย 2 คนนั้น พวงทองร้องลั่น
“ช่วยด้วย!”
หญิงมานศรีและพิไลพรตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของพวงทอง ทั้งสองรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที...ชาย 2 คนถูกทิวจัดการจนน่วม เห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งหนีไป ทิวรีบบอกพวงทอง
“ไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ไม่เห็นผมนะ”
ทิวรีบวิ่งหนีไป พวงทองแปลกใจ
“เดี๋ยวก่อน ทำไมล่ะ”
ทิววิ่งลับไป หญิงมานศรีกับพิไลพรวิ่งออกมา เห็นพวงทองยืนหน้าตื่นอยู่คนเดียว
“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณพวงทอง”
“เอ่อ...คือ...”
พวงทองยังไม่บอกว่าเรื่องอะไร...นึกแปลกใจทิว ในขณะที่หญิงมานศรีและพิไลพรรอฟังอย่างตื่นเต้น
พวงทองเข้ามาในบ้านลงนั่งเข้า
“คือ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ดิฉันตกใจ คิดว่าตัวเองเห็นงู”
หญิงมานศรีกับพิไลพรมองหน้ากัน ประหลาดใจ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พวงทองตัดบท
“ฉันเอาเสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงานมาให้ ได้ยินว่าคุณหญิงจะไปทำงานที่ไร่”
พิไลพรได้ยิน ลุกเดินออกไปเลยอย่างไม่พอใจ พวงทองแปลกใจ
“พรไม่อยากให้หญิงไปทำงานที่ไร่ค่ะ”
“ดิฉันเองก็ไม่เห็นด้วย...คุณหญิงไม่เคยทำ มันไม่ใช่ของง่าย”
“หญิงพร้อมจะเรียนรู้ค่ะ”
พวงทองจ้องมองหญิงมานศรีนิ่งนาน นึกนิยมอยู่ในใจ รู้สึกดีขึ้น
“ดิฉันหวังว่า ดิฉันคงมองคุณหญิงไม่ผิด...”
หญิงมานศรีแปลกใจ
“มองไม่ผิด คุณมองหญิงยังไงคะ”
“แต่อาจจะมองผิดไปก็ได้ จะดูคนต้องดูให้นานๆ ไม่ใช่เหรอคะ ขอตัวนะคะ”
พวงทองเดินออกไป หญิงมานศรีมองตามอย่างแปลกใจ พิไลพรที่ฟังอยู่ตลอดก็เหมือนกัน หญิงมานศรีหันมาสบตากับพิไลพรที่รีบเมิน หญิงมานศรีขำๆ เปิดถุงเสื้อผ้าออกดู เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่คนงานใส่เวลาตัดอ้อย หลายตัว
พวงทองมาหาทิวที่บ้าน พลางถามอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วทำไมทิวไปแถวนั้น เกลียดเขานักไม่ใช่เหรอ”
ทิวนั่งทำงานที่คอมพิวเตอร์เฉย ทำเป็นไม่สนใจ
“ก็แค่แวะผ่านไป” ทิวเปลี่ยนเรื่อง “แล้วพี่ล่ะ ไปแถวนั้นทำไมกลางค่ำกลางคืนอันตราย ต่อให้เป็นเมียใหญ่นายใหญ่ก็เหอะ”
“พี่มีของจะให้คุณหญิง ส่วนทิว...ไปทำไม”
ทิวนิ่งไม่ตอบ
“แล้วทำไมไม่ให้พี่บอกคุณหญิง ว่ามีคนจะมาลอบทำร้าย”
ทิวนิ่งอีก
“ทิว!”
“บอกให้ตกใจไม่กล้าอยู่เหรอ ยิ่งใจเสาะอยู่ด้วย”
“คุณหญิงไม่ใช่คนใจเสาะ กลับใจแข็งและกล้าเผชิญหน้ามากกว่าผู้ชายบางคนที่พี่รู้จักซะอีก”
พวงทองเดินไป ทิวไม่พอใจ เหมือนถูกกระทบ รีบถาม
“พี่หมายถึงใคร ผู้ชายบางคนของพี่น่ะ”
“ก็...แถวๆนี้...พวกปากกับใจไม่ตรงกัน”
ทิวอึ้งไป
“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ปกติไม่มีใครกล้าเข้ามาทำอะไรรุ่มร่ามที่นี่ ยกเว้นจะมีใครสั่งให้ทำ...พี่ไปก่อนนะ”
พวงทองรีบเดินออกไป แต่ใบหน้าเอาเรื่อง ทิวครุ่นคิด
“สั่งให้ทำเหรอ!”
ผ่องทิพย์แอบออกมาพบผู้ชาย 2 คน ซึ่งถอดหมวกไอ้โม่งเรียบร้อยแล้ว
“ว่าไง เรียบร้อยมั้ย”
“มีคนเข้ามาขวางซะก่อนครับ”
“ไม่ได้เรื่อง!”
ผ่องทิพย์ตบหน้าผู้ชายทั้งสองคนหน้าหัน
“กลับไปก่อน! เดี๋ยวจะให้นังบุญปลูกเอาเงินไปให้”
ผู้ชาย 2 คนรีบวิ่งหลบออกไปในความมืด ผ่องทิพย์เจ็บใจ
“ดวงแข็งอีกแล้วนะแก นังคุณหญิง”
ผ่องทิพย์หันกลับ เจอพวงทองยืนอยู่
“ฝีมือผ่องเองใช่มั้ย!”
ผ่องทิพย์ชะงัก
“ใช่ แล้วจะทำไม!”
“คราวนี้ พี่คงต้องบอกคุณเทพ”
พวงทองหันเดินออกไป ผ่องทิพย์กระชากพวงทองอย่างแรง
“อย่านะ”
“ผ่อง ปล่อยพี่นะ”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อย”
พวงทองพยายามสลัดออก ผ่องทิพย์จิกหัวพวงทองจนหน้าหงาย
“ผ่อง! นี่พี่นะ ปล่อย!”
“พี่น้องลุงป้าน้าอาที่ไหนฉันก็ไม่สนทั้งนั้นแหละ ใครที่มาขวางทางฉัน ฉันไม่ปล่อยแน่!”
พวงทองตกใจ
“ผ่อง...นี่ผ่องเป็นบ้าไปแล้วเหรอ”
“เออ ฉันบ้าแน่ ถ้าฉันต้องเสียคุณเทพไปให้กับอ้ายอีคนไหน คุณเทพต้องเป็นของฉันคนเดียว อย่าคิดนะว่าจะเล่นบทแม่พระแย่งคุณเทพไปจากฉัน ระวังตัวไว้ แม้แต่พี่ฉันก็ฆ่าได้”
ผ่องทิพย์ผลักพวงทองจนล้มลงไป แล้วเดินออกไป พวงทองมองตามน้องสาวอย่างสมเพชเวทนา
ผ่องทิพย์เดินเข้ามาอย่างกราดเกรี้ยวเจอขวัญตาแต่งตัวเซ็กซี่เดินนวยนาด จงใจเย้ยให้เห็น เดินผ่านหน้าไป
“เฮ้อ...กินข้าวต้มกลางวันไม่อิ่มหรือไงก็ไม่รู้ ยังจะมาต่อรอบกลางคืนอีกเพลี้ยเพลียอ่ะค่ะพี่ผ่อง”
ผ่องทิพย์แค้น
“แก...”
“พี่ผ่องคงไม่เข้าใจ เพราะคิดว่าคงไม่เคยเพลียที่ต้องกินข้าวต้มสองมื้อติดๆๆๆกันแบบเนี้ยะ...ไงล่ะ...ยิ่งแกทำฉันมากเท่าไหร่ คุณเทพจะยิ่งรังเกียจแก จำไว้ นังข้าวบูด ฮ่ะๆๆๆๆ”
ขวัญตาหัวเราะเยาะเย้ยออกไป ผ่องทิพย์ทนไม่ไหว
“อ๊าย!”
วันใหม่...คนงานมาเข้าแถวลงชื่อเพื่อทำงานกับเข้ม ทิวยืนชะเง้อชะแง้รอคอยหญิงมานศรี เข้มเหลือบมองอย่างรู้ทัน
“เดี๋ยวเขาก็มานาย คุณหญิงเลขา เอ๊ย ต้องเปลี่ยนแล้วสิ คุณหญิงไร่อ้อยเขาพูดคำไหนคำนั้น”
“ฉันไม่ได้รอผู้หญิงคนนั้น”
หญิงมานศรีเดินเข้ามาเข้าแถวกับคนงานคนอื่นๆ คนงานทุกคนยิ้มให้ เธอยิ้มตอบ ทิวเห็นแล้วรีบหลบไปทางอื่น หญิงมานศรีมองมาที่เขา ทิวหันมาสบตาพอดี สองคนรีบเชิดใส่กัน ก่อนที่ทิวจะตะโกนเสียงเข้ม
“ลงชื่อแล้วก็หยิบข้าวของไปทำงานได้ ใครอู้ ตัดเงิน”
คนงานที่อยู่ติดกับหญิงมานศรีนินทากัน
“ทำไมวันนี้นายมามาดเข้มผิดกับทุกวันเลยวะ”
“สงสัยเมื่อคืนไม่ได้นอน วันนี้เลยหงุดหงิด”
หญิงมานศรีหันไปถาม
“ปกติ นายทิวเป็นไงล่ะจ๊ะ”
“นายใจดี ไม่มีตะคอกโฮกฮากแบบนี้หรอกครับ”
หญิงมานศรีแปลกใจ
“เหรอ...”
ทิวมายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ห้ามคุยระหว่างทำงาน”
หญิงมานศรีสะดุ้ง
“ว้าย!”
คนงานทุกคนรีบก้มหน้างุด
“ฉันแค่ถามเรื่องที่ฉันสงสัย”
“ห้ามถาม ห้ามสงสัย...ไม่งั้นตัดเงิน!”
เข้มและคนงานคนอื่นๆมองหน้ากันงงๆ
“นี่เป็นกฎ ใครฝ่าฝืน...โดน!”
หญิงมานศรีสะดุ้งเพราะทิวเสียงดังใส่เต็มๆ ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างสะใจ เดินออกไป หญิงมานศรีมองตามอย่างเจ็บใจ
ทิวยื่นมีดตัดอ้อยเกือบทิ่มเข้าหน้าหญิงมานศรี
“ว๊าย! ส่งให้ดีๆไม่ได้หรือไง”
“บอกแล้วว่าห้ามถาม ถาม...”
หญิงมานศรีแย่งพูด
“ตัดเงิน...รู้แล้ว แล้ว...ฉันได้ค่าแรงวันละเท่าไหร่”
“บอกว่าห้ามถาม เธอฝ่าฝืนกฏกี่ครั้งแล้วมานศรี วันนี้งดรับค่าแรง เพราะถูกตัดหมดแล้ว”
ทิวเดินออกไป หญิงมานศรีไม่พอใจ เดินตาม
“นายจงใจแกล้งฉัน”
“ไม่พอใจก็กลับไป”
หญิงมานศรีอึ้งไป
“ฉัน...”
“อยากทำ ก็โน่น...ทางโน้น...วังของเธอ...ไร่อ้อยอันแสนจะอลังการ”
ทิวผายมือให้ไปทางไร่อ้อย หญิงมานศรีมองไปเห็นคนงานตัดอ้อยกันขมีขมัน หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื้อก เพราะไม่เคยทำ ทิวตะคอกอีก
“อู้งาน...ตัดเงิน!”
“รู้แล้ว!”
หญิงมานศรีรีบเดินไป ทิวหลุดหัวเราะขำ
หญิงมานศรีลงมีดตัดอ้อยอย่างลำบาก มองไปรอบๆ เห็นคนงานทำกันอย่างง่ายดาย หญิงสาวปาดเหงื่อไม่ยอมแพ้ ลองใหม่มือของเสกสรรเอื้อมมาจับมือของเธอไว้ หญิงมานศรีตกใจ เงยหน้าขึ้นมอง เสกสรรมองมาอย่างไม่พอใจ
“เสก...”
“ทำไมต้องทำกันขนาดนี้...”
“หญิง...”
“มากับผม!”
เสกสรรจูงหญิงมานศรีออกมา ทิวเข้ามาขวาง
“บอกแล้วไง อู้งาน...ตัดเงิน”
“เสก ปล่อยหญิง หญิงจะกลับไปทำงานต่อ”
“ไม่ปล่อย...เพราะคุณหญิงจะไม่ทำ...คุณทิว ถอยไป”
“ไม่ถอย เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนงานของผม และผมเป็นนายของเธอ คุณนั่นแหละที่ถอยไป อย่ามายุ่มย่าม ที่นี่ถิ่นผม”
“ผมไม่ถอย!”
ทิวและเสกสรรเผชิญหน้ากัน อย่างไม่มีใครยอมถอย หญิงมานศรีตกใจ เข้มและคนงานทุกคนกรูกันเข้ามาดูด้วยความตื่นเต้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
ทิวและเสกสรรค์เผชิญหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เข้มและคนงานต่างพากันมามุงดูด้วยความสนใจ หญิงมานศรีมองไปรอบๆ อายที่ตกเป็นเป้าสายตาคน
“คุณทิว...ผมขอร้อง...เห็นแก่มิตรภาพของเรา ถอยไป ผมจะพาคุณหญิงกลับ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ถามเขาก่อนดีกว่านะ ว่าอยากกลับหรือเปล่า”
เสกสรรค์มองหน้าหญิงมานศรี หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างอ้อนวอน
“เสก...ปล่อยหญิงค่ะ หญิงต้องทำงาน”
“ผมไม่เข้าใจ! ทำไมคุณหญิงต้องยอมตกต่ำถึงขนาดนี้”
ทิวไม่พอใจ
“เฮ้ย คุณ ตัดอ้อยเป็นงานต่ำๆตรงไหน”
เสกสรรค์อึ้ง มองไปรอบๆ เห็นคนงานมองมาอย่างไม่ค่อยจะพอใจ เสกสรรค์ยอมปล่อยหญิงมานศรี
“บอกผม...ใครบังคับให้คุณหญิงทำแบบนี้”
“หญิงเต็มใจที่จะทำงานนี้เอง ไม่มีใครบังคับหญิงได้ เสกก็รู้ไม่ใช่เหรอ”
หญิงมานศรียืนยันความต้องการของตนเอง
“ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ คุณทิว!”
เสกสรรค์เดินนำทิวออกไป ทิวยิ้มเยาะให้หญิงมานศรี
“ไง...แม่นางเอก คงจะดีใจจนเนื้อเต้นน่าดูสินะ ที่มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาตกหลุมแสดงความเป็นห่วง”
หญิงมานศรีประชด
“ใช่...เข้าทางเลยล่ะ แล้วจะบอกอะไรให้นะ....ฉันจะไม่ยอมกลับ แต่จะทำให้ผู้ชายเป็นโหลแห่กันมาแสดงความเป็นห่วงฉัน...ที่นี่!”
ทิวมองอย่าชิงชิง
“ร่าน!”
ทิวรีบออกไป หญิงมานศรีโกรธมากที่ถูกทิวด่าจนไม่เหลือดี หันไปฟันอ้อยฉับๆ ระบายอารมณ์
เสกสรรค์กับทิวกันที่มุมหนึ่งของไร่อ้อย
“กับคุณเขายังไม่บอกเหตุผล แล้วผมซึ่งเป็นผู้ชายที่เขาเกลียดที่สุด เขาจะบอกได้ไง”
เสกสรรค์ครุ่นคิด
“คิดจะทำอะไรของเขานะ”
“เดาไม่เห็นจะยาก”
“คุณหมายความว่าอะไร”
“คุณนี่มันทั้งโง่และตาบอดจริงๆนะ”
“คุณทิว!”
“เห็นแก่มิตรภาพของเรา จะชี้ทางสว่างให้ ผู้หญิงคนนั้นแกล้งเล่นบทน่าสงสาร ถูกทรมาน เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากไอ้เทพ หวังจะโก่งราคาค่าตัวไง!”
เสกสรรค์ต่อยทิวเปรี้ยง!
“หยุดสบประมาทคุณหญิงของผมเดี๋ยวนี้!”
ทิวปาดเลือดที่ปาก
“หึ...คุณหญิงของผมเหรอ หลอกตัวเองอยู่ได้ ตอนนี้เขากำลังใช้เต้าไต่เป็นผู้หญิงของคนอื่นอยู่ คุณมันเป็นแค่สะพาน หมดประโยชน์แล้วเขาก็ทิ้งไว้ข้างหลัง อย่าหวังว่าจะหันกลับไปมอง รู้ไว้ซะ”
เสกสรรค์อึ้ง ทิวเดินกลับไปแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นหญิงมานศรียืนอยู่มองมาที่ทิวอย่างเจ็บปวด น้ำตาซึม เสกสรรค์มองหญิงมานศรีด้วยสายตาปวดร้าว
“จริงเหรอครับคุณหญิง...ผู้ชายคนที่อยู่ในหัวใจคุณหญิงคือ นายเทพนั่นจริงเหรอครับ”
หญิงมานศรีอึ้งไป
“บอกเขาไปสิ ว่าจริง มาถึงขั้นนี้แล้ว จะอมพะนำอยู่ทำไม ทุกคนในโลกนี้รู้หมดแล้วว่าเธอคิดจะทำอะไร บอกเขาไป”
“นายไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้ฉันพูด! ใครอยากจะเข้าใจอะไรยังไง ก็เชิญตามสบาย แต่ขอร้องล่ะนะ เลิกยุ่งกับฉันซะที ฉันเบื่อ!”
หญิงมานศรีวิ่งออกไป เสกสรรค์มองตามหญิงสาวอย่างปวดร้าว ทิวเข้ามาปลอบใจ
“ไม่รับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ คิดเอาเองแล้วกันว่าจริงหรือไม่จริง ผู้หญิงดีๆยังมีอีกเยอะ ที่รอคุณอยู่ กะอีแค่ความรักจอมปลอม ไม่ทำให้ตายหรอกคุณ”
ทิวตบไหล่เสกสรรค์อย่างเห็นใจ แล้วออกไป เสกสรรค์เจ็บปวด แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ
“คุณหญิงของผม...”
หญิงมานศรีตั้งใจตัดอ้อย แต่แก้ๆกังๆ คนงานที่อยู่ข้างๆ มาช่วยสอนจับมีดและตัดอ้อย หญิงมานศรีมองอย่างตั้งใจ ทิวยืนมองมาอยู่ โดยที่เธอไม่รู้ตัว หญิงมานศรีรับมีดมาตัดอ้อยต่อไป อย่างไม่ค่อยคล่องนัก เข้มมองอย่างเห็นใจ...ทิวมองอย่างเยาะเย้ย
หญิงสาวมองขึ้นไปบนฟ้า แสงจ้า ถูกเผาด้วยเปลวแดดอันร้อนระอุ เธอรู้สึกคอแห้ง แต่เห็นคนงานคนอื่นๆยังทำงานอยู่ เธอแข็งใจทำต่อไปแต่ความร้อนทำให้ หญิงสาวที่ไม่เคยกรำงานหนักกลางแจ้ง รู้สึกวิงเวียน เหมือนจะเป็นลม เธอตัดสินใจ เดินออกไป เพื่อจะนั่งพัก ทิวสังเกตเห็น
เข้มยืนดื่มน้ำอยู่ หญิงมานศรีอ่อนระโหยโรยแรงมาหา
“นายเข้ม ขอน้ำให้ฉันหน่อยได้มั้ย”
“ครับ คุณหญิง”
เข้มรีบตักน้ำแก้วใหม่แล้วส่งให้ หญิงมานศรีกำลังจะรับแก้วน้ำมาก็ถูกปัดจนแก้วน้ำตกลงพื้น หญิงมานศรีและเข้มตกใจ
“ว้าย!”
“เฮ้ย! ใครเปรี้ยววะ”
ทิวยืนหน้าเข้มเครียดอยู่
“ฉันเอง!”
เข้มจ๋อยไป
“นาย!”
“ยังไม่ถึงเวลาพัก!”
“แต่ฉันคอแห้งมาก แล้วก็เหมือนจะเป็นลม ขอพักแป๊บเดียวไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้! กลับไปทำงานต่อ อย่ากินแรง ไม่เห็นหรือไงว่าคนอื่นก็ไม่ได้พักเหมือนกัน!”
เข้มพยายามช่วยพูด
“นาย...แต่คุณหญิงหน้าซีดมากเลยนะนาย ให้พักก่อนเถอะ”
“สำออยสิไม่ว่า เลือกเองว่าจะมาทำงานนี้ ก็ต้องอดทน ไปทำงาน!”
ทิวผลักหญิงมานศรีออกไป เหมือนผลักวัวผลักควาย
“โอ๊ย!”
เข้มมองอย่างเป็นห่วง
“เบาๆนาย เบาๆ!”
ทิวหันไปเตะเข้มอย่างแรง
“เบาหรือยัง!”
“เต็มๆเลยนาย”
“ไปทำงาน !”
เข้มรีบวิ่งออกไป ทั้งๆที่เห็นใจหญิงมานศรีแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทิวหันไปเห็นหญิงสาวเดินโซเซเชื่องช้า
“บอกให้รีบไปทำงาน!”
เขาเธออีก คราวนี้เธอทนไม่ไหว เป็นลม ล้มลงทันที ทิววิ่งเข้าไปรับไว้ทันอย่างตกใจ
“มานศรี”
หญิงมานศรีนอนพักอยู่บนโซฟาในบ้านพัก ค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตาขึ้น งัวเงีย พยายามปรับโฟกัสสายตาที่มัวๆ สายตาของเธอเห็นทิวโผล่เข้ามา หญิงมานศรีสะดุ้ง ตกใจ รีบลุกขึ้น
“นาย!”
หญิงสาวเวียนหัวแล้วล้มลงไปใหม่
“โอย!"
ทิวยืนมองยิ้มเยาะ
“นั่นไง...ทำเก่ง พวกไม่ประมาณตัวเอง รีบลุกขึ้นทำไม”
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่”
“ไม่อยากอยู่ก็ต้องอยู่ เพราะฉันก็ไม่อยากเห็นคนงานนอนตายในไร่ของฉันเหมือนกัน”
“ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก”
“อยากมาทำปากเก่ง”
“ฉันไม่ได้เก่งแต่ปาก”
“เก่งจริง แล้วเป็นลมทำไม”
หญิงมานศรีอึ้งไป
“ฉัน...”
“เถียงไม่ได้ ก็ไม่ต้องเถียง”
“ฉัน...”
ทิวรีบเอาแก้วยาหอมที่ละลายน้ำแล้วยัดใส่ปากหญิงมานศรีแล้วยกให้ดื่มทันที
“กินยาหอมก่อน”
“ไม่...”
หญิงมานศรีจะปัดทิ้ง
“ปัดทิ้ง มีเรื่อง!”
ทิวมองหน้าดุดัน หญิงมานศรีอึ้ง...ยอมกิน แล้วก็ขมปี๋
“แหวะ! ยาอะไรเนี่ย”
“ยาหอม”
“เหม็น ไม่กิน”
“กินให้หมด”
ทิวกระดกแก้วบังคับให้กินจนหมด หญิงมานศรีเบ้หน้า
“อี๋...”
“ทำเหมือนไม่เคยกิน”
“ไม่เคยเป็นลม”
“บอกว่าอย่าเถียง”
“ไม่ได้เป็นใบ้ มีปาก”
“งั้นถูกจูบซะดีมั้ย”
“ว้าย!”
หญิงมานศรีรีบเอามือปิดปากตัวเอง กระเถิบหนีทันที
“ปิดเอาไว้เลยนะ เปิดออกเมื่อไหร่ เจอจูบแน่”
ทิวยกแก้วยาหอมออกไป หญิงมานศรีรู้สึกดีขึ้น ค่อยๆเอนตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ระวังตัวเอง ปิดปาก งอเข่าเก็บเท้ามิดชิด เพราะกลัวถูกปล้ำ
ทิวแอบยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง อมยิ้มขำๆ ก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังลืมตัว รีบดึงตัวเองกลับมา เดินออกไป
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
เทพเดินมา มุมหนึ่งหน้าออฟฟิศ ล้วนเดินตามมา เทพยิ้มอย่างพอใจ
“ดี...ให้มันแกล้งคุณหญิงเยอะๆ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องออกโรง”
ลูกน้องของล้วนวิ่งเข้ามาหน้าเครียด ล้วนหันไปถาม
“มีอะไร”
“ไอ้มีที่เราติดต่อจะขอซื้อที่มันครับนายใหญ่...”
เทพมองลูกน้องล้วนอย่างใคร่รู้
ลุงและป้า เดินออกมาจากไร่อ้อย ลูกน้องล้วนที่สวมหมวกไอ้โม่ง โผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง เข้ามาทำร้ายลุงกับป้าพากันวิ่งหนี ลูกน้องล้วนวิ่งตามไป คนงานของทิวคนหนึ่งเข้ามาเห็น ตกใจ รีบวิ่งไปอีกทาง
หญิงมานศรีนั่งนิ่ง มองชามข้าวต้มที่ทิวยื่นให้ตรงหน้าอย่างลังเล
“เอามาให้กิน ไม่ได้ให้มองเฉยๆ”
“ไม่กิน ไม่หิว”
“ไม่หิว ก็ต้องกิน จะได้มีแรง ไปทำงาน”
“กลัวจะไม่มีคนทำงานให้นักใช่มั้ย”
“ใช่ !”
หญิงมานศรีเบือนหน้าหนี...นึกน้อยใจ
“จะกินไม่กิน”
“ไม่! ฉันจะไปหากินเอง”
“กินที่ไหน”
“กับคนงาน”
“เขากินกันจนล้างหม้อล้างจานเก็บเกลี้ยงแล้ว”
“งั้นฉันจะไป...”
ทิวเสียงดังตัดบท
“โอ๊ย...รำคาญ พิรี้พิไร”
ทิวลงนั่ง วางชาม ตักข้าว แล้วจับหน้าหญิงมานศรีหันมา
“กิน”
“ไม่กิน”
“ไม่กิน...จูบ!”
หญิงมานศรีรีบเปิดปากกินข้าวทันที
“ก็แค่เนี้ยะ”
ทิวป้อนข้าวแอบอมยิ้ม หญิงมานศรีเคี้ยวข้าวโดยไม่กล้ามองหน้าทิว
“อีกคำ”
หญิงมานศรีจำใจหันไปกินข้าวที่ทิวป้อน เข้มวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“นาย แย่แล้ว”
ทิวตกใจ
ทิว เข้มรีบวิ่งออกมาจากในบ้าน หญิงมานศรี ลากสังขารวิ่งตามออกมา
“จะไปไหน”
“ไม่เกี่ยว กลับไปทำงาน ไป๊”
หญิงมานศรีสะดุ้ง ตกใจ ทิวกับเข้มวิ่งออกไป หญิงมานศรีมองตามอย่างสงสัย เทพเดินเข้ามากับล้วนทำทีเป็นห่วงหญิงมานศรี
“คุณหญิงครับ เป็นยังไงบ้าง”
เทพเดินตามหญิงมานศรีมาอย่างเป็นห่วง ในขณะที่ หญิงมานศรีอยากรู้เรื่องทิวมาก ล้วนยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ รอฟังข่าวสารจากลูกน้อง เทพหันไปหาหญิงมานศรี
“คุณหญิงครับ...พักก่อนมั้ย”
“ได้เวลาทำงานต่อแล้วค่ะ”
“คุณหญิง...ผมเป็นห่วง”
“ขอบคุณนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงหญิงหรอกค่ะ ไม่นาน หญิงก็จะชินไปเอง”
“ผมโกรธตัวเองจริงๆ เพราะผม ทำให้คุณหญิงต้องมาลำบาก”
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ”
หญิงมานศรีเหม่อมองไปข้างหน้า อยากรู้เรื่องทิว
“คุณหญิง...มีเรื่องอะไรกังวลใจอยู่หรือเปล่าครับ”
“หญิงอยากรู้...นายทิวมีเรื่องอะไร ทำไมถึงได้ดูร้อนใจขนาดนั้น”
เทพยิ้มมุมปาก พอใจที่หญิงมานศรีกำลังตกหลุมพราง
ลูกน้องของล้วนกำลังวิ่งไล่ตามลุงป้ามาจนถึงทางตัน ลุงตัดสินใจเข้าสู้ แต่ถูกลูกน้องล้วนเข้าสวน ทำร้ายทั้งลุงและป้า
“จะเอาอะไร เอาไปเถอะ อย่าทำเมียข้า อย่า”
แต่ลูกน้องล้วนไม่ฟังเสียง เข้ารุมทำร้ายคนแก่ต่อไป ทันใดนั้นเสียงทิวดังขึ้น
“เฮ้ย !หยุดนะ”
ลูกน้องล้วนชะงัก รับทิวอยู่กับเข้ม มองมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ถนัดนักกับการแทงข้างหลังนะพวกแก”
ทิวไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดถีบลูกน้องล้วน เข้มเข้าช่วย ทิวและเข้มจัดการจนลูกน้องล้วนเพลี่ยงพล้ำ ลูกน้องล้วนคนหนึ่งวิ่งหนี อีกคนกำลังจะวิ่งตามไป
“ไอ้เข้ม จับมันมา”
เข้มเข้าตะครุบตัวลูกน้องล้วนคนหนึ่งเอาไว้ได้ ทิวย่างสามขุมเข้าหาลูกน้องล้วน แล้วเปิดหมวกไอ้โม่งออกทันที ทิวเห็นหน้าลูกน้องล้วน จำได้
“ไอ้เทพ!”
เทพพยายามใส่ไฟใส่ไข่เล่าเรื่องทิว
“อย่างที่ผมเล่าไปทั้งหมดนั่นแหละครับ...ทิวเขาเป็นคนชอบปกครองคนด้วยอำนาจและชอบใช้กำลัง ข้อนี้คุณหญิงก็น่าจะรู้ดี”
“รู้ดีที่สุดค่ะ”
เทพแอบยิ้มพอใจ เมื่อเห็นหญิงมานศรีมีท่าทีไม่พอใจทิว ขณะเดียวกันนั้นทิวเข้ามา พร้อมเข้มที่ล็อกตัวลูกน้องล้วนเข้ามาด้วย
“ทำไมไม่บอกไปด้วยล่ะว่าฉันชอบขยี้ไอ้พวกหมาลอบกัดด้วยเหมือนกัน”
ทิวถีบลูกน้องล้วนหน้าคะมำเข้ามา เทพทำเป็นงง
“ใครกัน ทิว!”
“พวกมันไม่รู้จักแกแล้วว่ะ”
ลูกน้องล้วนก้มหน้านิ่ง ทิวเลยเตะเข้าชายโครงดังพลั่ก
“โอ๊ย!”
“แต่ฉันจำได้ว่ามันเป็นลูกน้องแก ไอ้ล้วน!”
“ใช่ แล้วยังไง”
“แกสั่งมันให้ไปทำร้ายลุงมี หวังจะขู่ให้ขายที่ดิน”
“มีหลักฐานอะไรมาปรักปรำผม”
“มันจะต้องมีหลักฐานอะไร ใครๆก็รู้ ว่าพวกแกต้องการอะไร”
เทพทำเป็นหันไปถามลูกน้องล้วน
“แกไปทำร้ายลุงมีจริงรึ”
ลูกน้องล้วนก้มหน้านิ่ง เข้มตบหัวลูกน้องล้วนคะมำ
“นั่นไง มันพยักหน้า”
เทพตะคอก
“ว่าไง!”
ลูกน้องล้วนรีบโกหก
“ผมแค่...จะปล้นเอาเงิน”
ทิวอึ้ง เทพยิ้ม
“เห็นมั้ยทิว...นายอคติกับฉัน ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหาแทนที่จะคุยกันดีๆแบบนี้ฉันเสียหาย”
หญิงมานศรี เข้าข้างเทพทันที
“คนๆนี้ คุยดีๆด้วยไม่ได้หรอกค่ะคุณเทพ”
ทิวหันขวับไปจ้องหน้า
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่าสอด”
“ไม่สอดไม่ได้ ฉันทนฟังมานานแล้ว เพราะความเจ้าอารมณ์ของนาย ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนกี่คนแล้ว”
“นี่เธอเชื่อมันเหรอ”
“ใช่!”
หญิงมานศรีมองทิวอย่างเชื่อมั่นในตัวเทพ ทิวเจ็บใจ เทพและล้วนแอบยิ้มเยาะ
“ดี...งั้นฉันจะถือว่ามันเป็นโจร และฉันจะส่งตัวมันให้ตำรวจไปสอบสวน บางทีอาจจะต้องเค้นให้หนัก มันจะได้ยอมคายความจริง ไอ้เข้ม เอาตัวมันไป”
เข้มลากตัวลูกน้องล้วนไป...ลูกน้องล้วนมองมาที่เทพและล้วนด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ ทิวตามเข้มออกไป เทพหันไปส่งสายตากับล้วน ให้จัดการปิดปากลูกน้องซะ ล้วนสบตารับทราบ หญิงมานศรีรู้สึกโล่งใจและรู้สึกอคติกับทิวมากขึ้น
ค่ำนั้น...ขวัญตารอเทพกลับมาอย่างหงุดหงิด
“ไม่กลับมากินข้าวบ้าน...ไปไหนของเขาอีกนะ”
ขวัญตาหันจะเข้าไป เห็นผ่องทิพย์กับบุญปลูกเดินออกไปทางหนึ่ง ท่าทางรีบเร่ง
“นังผ่อง...แอบไปไหนของมัน”
ขวัญตาไม่ไว้ใจผ่องทิพย์
ทิวกับเข้มกำลังกลับเข้าบ้าน
“พาลุงมีกับเมียไปอยู่ที่อื่น อย่าให้มันหาตัวเจอ” ทิวสั่ง
“ครับนาย! ผมสงสัยจริงๆ ว่านายใหญ่มีอะไรดีนักหนา รอดตัวทุกที”
“ฉันไม่รู้ รู้อย่างเดียว คนชั่วต้องพบจุดจบที่เลวร้าย...ไม่นานนักหรอก”
ทิวแค้นใจเทพมาก
หญิงมานศรีเดินออกมาส่งเทพ ล้วนยืนรออยู่
“ขอบคุณมากนะคะ ที่อยู่ทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนหญิง”
“ไม่เป็นไรครับ ผม...อยากมั่นใจว่า คุณหญิงจะอยู่ที่นี่อย่างสบายที่สุด”
“หญิงสบายใจที่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”
“ผม...”
เทพสบตาหญิงมานศรีลึกซึ้ง จนเธอขวยอาย ต้องหลบ
“เอ่อ มืดแล้ว ภรรยาคุณเทพคงรอ”
เทพหัวเราะขื่นๆ
“ภรรยาเหรอครับ...ไม่รู้สิ...เฮ้อ...อยากจะมีใครสักคนที่ได้ชื่อว่า เป็นภรรยาที่รักผมและผมก็รักเขาได้จริงๆ ไม่ใช่เป็นโดยไม่มีใครเต็มใจอย่างนี้”
หญิงมานศรีมองเทพอย่างแปลกใจ
“คุณหญิงเชื่อเรื่องรักแท้ และพรหมลิขิตมั้ยครับ”
หญิงมานศรีอึ้ง
“หญิงเอ่อ...”
“ผมคิดว่า...ผมกำลังรอคอยใครคนนั้น”
เทพมองหญิงสาวอย่างลึกซึ้งอีก ทันใดนั้นเสียงพิไลพรดังขึ้น
“คุณหญิงคะ”
เทพถอนใจ เซ็งที่ถูกขัดจังหวะ หญิงมานศรีรู้สึกโล่งอก พิไลพรเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณเทพ...”
“ครับ”
“ขอโทษนะคะที่มาขัดจังหวะ”
“จังหวะอะไรกันครับ ผมกำลังจะกลับพอดี”
“งั้นก็...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
เทพหน้าเสีย ที่พิไลพรไล่ทางอ้อม...พิไลพรหันมาหาหญิงมานศรี
“มีเซอร์ไพรส์ค่ะ....คนที่คุณหญิงจะต้องประหลาดใจมาก ว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง”
หญิงมานศรีประหลาดใจ เทพเองก็ประหลาดใจ ธีรพล ซึ่งเป็นหม่อมราชวงศ์นายแพทย์หนุ่มหล่อปรากฏตัว หญิงมานศรีดีใจ
“ชายธี!”
“หญิงมานศรี”
หญิงมานศรีวิ่งไปกอดธีรพลด้วยความดีใจ เทพมองอย่างขุ่นเคือง
เทพหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าบ้าน
“อะไรกันนักหนาวะ จบจากไอ้ไก่อ่อน ก็ดันมีผู้ชายอีกคนเข้ามาอีก”
ขวัญตาเข้ามาออเซาะ
“คุณเทพขา...ไปไหนมาคะ”
เทพหันมองขวัญตาที่ยั่วยวนเต็มที่ ลูบไล้อย่างหลงใหล ขวัญตายิ้มสมใจ คืนนี้ เสร็จอีกแน่...
“ผ่องทิพย์ขึ้นห้องไปแล้วเหรอ”
ขวัญตาเซ็ง ไม่พอใจขึ้นมาทันที
บุญปลูกเดินนำผ่องทิพย์ไปตามทางเดินเล็กๆ แคบๆ
“ทางนี้ค่ะ คุณนาย เดินดีๆนะคะ ระวังทากค่ะ”
“แน่ใจนะ ว่าทางนี้ มีบ้านคนอยู่ด้วยหรือไง เงียบยังกะป่าช้า”
“ก็ป่าช้าน่ะสิคะ”
ผ่องทิพย์ตื่นกลัว
“ว้าย แล้วทำไมไม่บอก พาฉันกลับเดี๋ยวนี้”
“มาจนจะถึงบ้านอาจารย์เมฆแล้วค่ะ แกมาสร้างตำหนักที่นี่เพราะจะได้อาศัยพลังพวกวิญญาณที่ยังไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด มันขลัง มันแรงดี ไปค่ะ เดินดีๆ”
ผ่องทิพย์สะดุด
“ว๊าย!”
“สงสัยจะถูกผีผลักนะคะ”
“นังบุญปลูก ปากเสีย”
บุญปลูกวิ่งหนีฝ่ามือตบของผ่องทิพย์ไปตามทาง
“คุณน้าย! บุญปลูกล้อเล่น”
ทิวยืนมองชามข้าวที่เพิ่งป้อนให้หญิงมานศรีตอนกลางวัน ตั้งทิ้งเอาไว้ เขาค่อยๆลงนั่งมองชามข้าว คิดถึงหญิงมานศรีแล้วก็หงุดหงิด
“ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอด้วย อีกาที่พยายามจะเป็นหงส์!”
ทิวตั้งใจจะปัดชามข้าวด้วยความโมโหแต่เปลี่ยนใจ...คิดถึงคำพูดของหญิงมานศรี
‘ไม่สอดไม่ได้ ฉันทนฟังมานานแล้ว เพราะความเจ้าอารมณ์ของนายทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนกี่คนแล้ว’
ทิวหยิบชามข้าวต้มขึ้นมา ค่อยๆลุก เดินออกไปเก็บ
หญิงมานศรีคุยกับชายธีรพล
“ดีใจจังเลย ที่ชายธีมาเป็นผ.อ.โรงพยาบาลที่นี่”
ธีรพลมองหญิงมานศรีอย่างมีความหมาย
“รู้มั้ยว่าทำไม”
“เพราะเพื่อนของหญิงคนนี้ นอกจากมีชาติกำเนิดที่สูงส่งแล้ว จิตใจก็ยังสูงส่งไม่แพ้กันมาแต่ไหนแต่ไร ชายธีเป็นหมอที่ไม่ได้เห็นแก่เงินทอง แต่เห็นแก่ชีวิตของเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากมากกว่า”
ชายธีรพลลอบถอนใจ ยิ้มเศร้า
“ดูสิ...เป็นหมอที่เมืองนอก สบายจะตายไม่เอา กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลเล็กๆที่ต่างจังหวัด หญิงชื่นชมชายธีมากเลยรู้มั้ย”
“หญิงก็ชื่นชมผมเกินไป...ผมไม่ได้สูงส่งกว่าใคร ก็แค่คนธรรมดา รักเป็น เสียใจเป็น”
“เหรอจ๊ะ งั้นบอกหญิงหน่อยสิ ใครกันน้าที่ทำให้ชายธีรัก”
ชายธีรพลหลบตาตอบเลี่ยงๆไป
“หญิงอย่ารู้เลย...รู้ไปก็เท่านั้น”
“ทำไมล่ะจ๊ะ”
“เพราะเขาทำให้ผมเสียใจไปแล้วน่ะสิ ป่วยการพูดเปล่าๆ”
หญิงมานศรีจับมือชายธีรพล
“หญิงขอโทษนะ หญิงไม่รู้เลย...ว่าชายธีอกหัก”
ชายธีรพลมองมือของหญิงสาว ที่จับมือของตัวเองอย่างนึกเสียดาย ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้
“ใครบอกผมอกหัก ถึงเขาไม่รักผม แต่ผมก็ยังรักเขาไม่เปลี่ยนแปลง อกหักที่ไหน ในเมื่อเรายังได้รักคนที่เรารัก”
“เข้าใจพูดนะ”
หญิงมานศรีหัวเราะกับชายธีรพล ขำๆ...ทิวแอบมองมาจากมุมหนึ่งอย่างไม่พอใจ
“ผู้ชายคนใหม่มาหากลางค่ำกลางคืน ไม่มียางอาย”
ทิวผละเดินออกไปอย่างไม่พอใจ หงุดหงิด
พิไลพรเดินมาส่งชายธีรพล
“พรไปดูแลหญิงมานศรีฯเถอะ ผมเดินไปที่รถเองได้”
“คุณชายธีเลือกมาอยู่ในที่ๆที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดทำไมคะ”
“พร...ผมไม่ได้เจ็บปวด ผมเต็มใจ ที่ได้กลับมาทำหน้าที่ทดแทนคุณแผ่นดินนั่นคือเหตุผลหลัก ส่วน...หญิงมานศรี...การที่ผมมีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆ คอยดูแลอยู่ห่างๆ มันคือความสุขนะ”
“มาโซคิสม์ พวกชอบทำให้ตัวเองเจ็บปวด”
“ฮ่ะๆๆๆๆ ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ไม่แน่นะ ถ้าพรรักใครสักคนจริงๆ...พร อาจจะเลือกที่จะทำเหมือนผมก็ได้”
“โอ๊ย ไม่เอาล่ะค่ะ ยอมขึ้นคานดีกว่า เห็นแต่ละคนมีความรักแล้วปวดหัว มีแต่เรื่องทุกข์ใจ”
“อย่าพูดดีไป ยิ่งปฏิเสธ ความรักมันจะยิ่งวิ่งเข้าหา จำคำผมไว้”
“ค่ะ ผ.อ.กลับได้แล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ที่โรงพยาบาลนะคะ”
ชายธีรพลยิ้มให้พิไลพร เดินออกไป...พิไลพรมองตามอย่างชื่นชมอยู่ลึกๆ
พิไลพรปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง หญิงมานศรีหันมาถาม...
“ชายธีกลับแล้วเหรอพร”
“ค่ะ...”
หญิงมานศรีเปลี่ยนท่าทีจากผงาดเป็นนางพญาห่อตัวลง...รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว โดยเฉพาะที่ลำแขนที่ตัวเองใช้ตัดอ้อย พิไลพรเดินเงียบๆไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เตรียมเอกสาร พลางเหลือบมองอดเป็นห่วงไม่ได้
“คุณหญิง...ปวดเหรอคะ”
“เปล่าจ๊ะ”
พิไลพรส่ายหน้า เดินไปเปิดลิ้นชัก...มองหายาหม่องหรือยานวด แต่ไม่มี
“พร...หาอะไร”
พิไลพรไม่ตอบ เดินออกไปจากในบ้าน หญิงมานศรีมองตามอย่างประหลาดใจ
ผ่องทิพย์กับบุญปลูก นั่งรอคิวอยู่สองคนหน้าตำหนักอาจารย์เมฆ ที่วังเวงเงียบเชียบ
“เมื่อไหร่จะถึงคิวเนี่ย” ผ่องทิพย์บ่น
“ใจเย็นๆสิคะ อยากได้ของดีต้องรอค่ะ”
“รอมาเป็นชั่วโมงๆแล้วนะ”
“บางคนรอตั้งสามวัน ก็มีมาแล้วนะคะ”
ผ่องทิพย์เซ็งมาก
“โอ๊ย!”
เสียงอาจารย์เมฆตะโกนออกมาจากข้างใน
“อีคนไหนที่มันรอไม่ได้ ก็กลับไป”
ผ่องทิพย์กับบุญปลูกสะดุ้ง
“ต๊าย! รู้ด้วย ว่าเราคุยอะไรกัน องค์ท่านแรงจริงๆนะคะคุณนาย อู๊ยเชื่อแล้ว”
บุญปลูกไหว้ประตูตำหนักปะหลกๆ ผ่องทิพย์เลยเงียบ ชาวบ้านสองสามคนเดินออกมา ผ่องทิพย์พรางหน้าตาตัวเองด้วยผ้าคลุม เพราะไม่อยากให้ใครจำได้
“อุ๊ย ถึงคิวคุณนายแล้วค่ะ เชิญเลยค่ะ”
บุญปลูกนำผ่องทิพย์เข้าไปในตำหนัก ปิดประตู
ผ่องทิพย์นั่งหลบอยู่ข้างหลังบุญปลูก อาจารย์เมฆ หมอมนต์ดำทำเสน่ห์นั่งเคี้ยวหมากมองผ่องทิพย์ด้วยสายตาวาวอย่างเปิดเผย
“บุญปลูกพาคุณนายมาหาอาจารย์ เพราะว่าคราวนี้ มีเรื่องเดือดร้อนใจจริงๆค่ะ”
“ผัวเบื่อแล้วหรือไง ฮึ”
ผ่องทิพย์กับบุญปลูกสะดุ้ง
“รู้อีกแล้วค่ะ คุณนาย ว่านายใหญ่เบื่อคุณนายแต่ไปหลงนังขวัญตา เหมือนมีตาทิพย์อ่ะ”
ผ่องทิพย์บิดเนื้อบุญปลูก
“ไม่รู้ได้ไง แกมาขอว่าน ขอยาปลุกสวาทไปทำไม ถ้าไม่เอาไปทำให้ผัวหายเบื่อ หา!”
อาจารย์เมฆหัวเราะ
“ฮ่ะๆๆๆ นังนี่มันไม่เชื่อกู...กลับไป”
ผ่องทิพย์กับบุญปลูกสะดุ้ง ตกใจ บุญปลูกรีบแก้
“ว้าย! ไม่ใช่ไม่เชื่อค่ะ แค่คิดดังไปหน่อยแค่นั้นเอง อาจารย์อย่าเพิ่งโกรธสิคะ กลับตอนนี้เดี๋ยวบุญปลูกก็ไม่ได้เปอร์เซ็นต์...”
บุญปลูกเผลอปากรีบยั้งไว้ ผ่องทิพย์มองหน้าสงสัย
“เปอร์เซ็นต์อะไร”
“พนันกับเพื่อนไว้ค่ะ ว่าอาจารย์ขลังร้อยเปอร์เซ็นต์ ตั้งห้าร้อยเ ชียวนะคุณนาย”
อาจารย์เมฆตวาดไล่
“ข้าบอกให้กลับไป”
ผ่องทิพย์ไม่ยอม
“เรื่องอะไรจะกลับ มาตั้งไกล ถ้าแน่จริง ก็ทำให้เห็นสิ ว่าผัวฉันจะกลับมารัก มาหลงฉันเหมือนเดิม”
“ท้าข้าเรอะ”
อาจารย์เมฆยิ้มกริ่ม มองบุญปลูก
“เอ็งออกไปก่อน”
ผ่องทิพย์ชะงัก
“ไปไหน ไปทำไม ให้มันอยู่เป็นเพื่อนฉันสิ”
“พิธีปลุกเสกอย่างที่เอ็งอยากได้ ห้ามมีคนนอก”
“งั้น บุญปลูกไปรอข้างนอกนะคะ”
“จำไว้ ถ้าได้ยินเสียงอะไรดัง ไม่ต้องตกใจ และไม่ต้องเข้ามา
“ค่ะ”
บุญปลูกรีบออกไปทันที ผ่องทิพย์หวาดหวั่น เมื่อเห็นรอยยิ้มกักขฬะของอาจารย์เมฆก็ยิ่งกลัว แต่ก็ทำใจแข็งสู้
ทิวยื่นยานวดคลายกล้ามเนื้อให้พิไลพร เมื่อเธอมาขอ
“ขอบคุณนะคะ”
“เอาไปให้ใคร”
“ใช้เองค่ะ”
ทิวชักยากลับ
“แน่ใจเหรอ”
“ค่ะ พอดีพร...ตกบันได”
ทิวยื่นยาให้พิไลพร แต่รู้ดีว่าเธอเอาไปให้หญิงมานศรี
“ปวดมากหรือไง”
“ก็...เมื่อยๆแขน”
“ไหนบอกตกบันได มันต้องปวดขาสิ ไม่ใช่ปวดแขน”
พิไลพรเซ็งเลย
“โอเคค่ะ พรจะเอาไปนวดให้คุณหญิง รู้อย่างนี้แล้ว จะใจดำเอายาคืนมั้ยคะ”
ทิวนิ่งๆ ส่ายหน้า
“ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ”
“ผู้ชายคนนั้นใคร”
“นั่นไง...ไปแอบดูคุณหญิงที่บ้าน”
“ไม่ได้แอบ พอดีเดินผ่านไป”
“อยากรู้ไปทำไมคะ”
“ดูแลเจ้านายของคุณหน่อย หัวกระไดบ้านไม่แห้งแบบนี้ สักวันจะเอาตัวไม่รอด”
“หึงเหรอคะ”
“กลับไปเลยไป”
พิไลพรยิ้มๆ รู้ทันทิว หันหลังกลับ ชะงัก เพราะเจอหญิงมานศรียืนอยู่
“เอาคืนเขาไปเถอะจ๊ะพร”
“คุณหญิง!”
“หญิงไม่ขอใช้ของๆคนอันธพาล มันจะมีแต่สิ่งอัปมงคลเข้ามาหาหญิง แค่นี้ก็แย่พอแล้ว”
ทิวเจ็บใจที่หญิงมานศรีรังเกียจ เธอไม่หวั่นไหวกับสายตาของเขา พิไลพรเซ็งที่ทั้งคู่เริ่มจะฟัดกันอีกแล้ว
หญิงมานศรีเดินออกไป ทิวแย่งยามาจากพิไลพร จงใจตะโกนเสียงดัง
“ดี แล้วหยิ่งให้ตลอดนะ อย่าร้องโอดโอย”
หญิงมานศรีชะงัก แต่ไม่หวั่นไหว เดินต่อไป
อ่านต่อตอนที่ 11