เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 9
พิไลพรเดินคุยมากับหญิงมานศรี สองสาวอยู่ที่มุมหนึ่งในบ้านทิว
“พรกลับไปโรงพยาบาลก่อนนะคะ คุณหญิงรีบกลับไปพักผ่อนนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงจ๊ะ หญิงดีขึ้นมากแล้ว พรรีบกลับไปจัดการเรื่องลุงเถอะ แล้วก็อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ไม่งั้น นายทิวเดือดร้อนแน่”
“เป็นห่วงคุณทิวจริงเหรอคะ”
“พร...อย่ามาแซวหญิงนะ หญิงก็เป็นห่วงทุกคน ไม่ได้เจาะจงแต่นายทิวสักหน่อย”
“ค่ะ เป็นห่วงทุกคน ดูแลตัวเองนะคะ...” พิไลพรมองไปข้างหลัง “ฝากด้วยนะคะ”
หญิงมานศรี แปลกใจ พิไลพรพูดกับใคร หันไปข้างหลังเธอก็ต้องตกใจ เพราะทิวยืนอยู่แล้ว อยู่ข้างหลัง หญิงมานศรีหน้าแดง หลบสายตาที่ลึกล้ำของทิวทันที
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลคุณหญิงอย่างดี”
พิไลพรเดินออกไป หญิงมานศรีไม่กล้าหันไปมองหน้าเขา ทิวค่อยๆเดินมายืนข้างหลังมองไปที่พิไลพร
“คุณพรเป็นคนดีมากนะ...เหมือนนางฟ้า ไม่เหมือนบางคน”
หญิงมานศรีหน้าตึง รู้ว่าเขากำลังเหน็บ เธอเดินหนีไป ทิวอมยิ้มเดินตามอย่างชอบใจ
ทิวเดินตามหญิงมานศรีมา
“ตามมาทำไม”
ชายหนุ่มมาดักข้างหน้า
“มาดูหน้าคนบางคนที่ไม่พอใจ เพราะคนบางคนพูดความจริง”
“เหรอ...ความจริงอะไรของนาย”
“ที่ฉันเปรียบเทียบว่าคุณพิไลพรเป็นคนดีเหมือนนางฟ้า”
“ฉันไม่เถียงที่ว่าพรเป็นคนดีเหมือนนางฟ้า”
“ส่วนเธอ...เหมือน...”
หญิงมานศรีขัดขึ้น
“ฉันจะเหมือนอะไร ฉันรู้อยู่แก่ใจ ไม่จำเป็นต้องให้คนอย่างนายมาบอกถอย! ฉันจะกลับ”
ชายหนุ่มไม่ถอย หญิงสาวเดินเลี่ยง เขาคว้าแขนโดนแผลที่แขนของเธอ
“โอ๊ย!”
ทิวตกใจ
“ขอโทษ!”
“ไม่ต้องมาขอโทษ นายมันดีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บปวด”
ทิวอึ้ง...เข้มวิ่งมา
“นาย...ทุกคนรับรู้ว่าลุงแย้มลาออกกลับไปอยู่กับลูกชาย!”
ทิวเครียดแค้น
“มันโกหกหน้าด้านๆ”
หญิงมานศรีขัดขึ้น
“คุณเทพบอกฉันว่า...ให้ปิดเรื่องที่นายฆ่าลุงแย้มตายเป็นความลับ เพราะอยากปกป้องนาย”
ทิวหันมาตะคอก
“บอกว่าฉันไม่ได้ทำ!”
หญิงมานศรีตะคอกกลับ
“เออ!”
เข้มร้อนใจ
“คนงานมันเห็นลูกน้องนายใหญ่ลากตัวไอ้วัฒน์ไปไหนก็ไม่รู้!”
ทุกคนตกใจ
วิวัฒน์ถูกมัดตรึงไว้กับขื่อในโกดังเก็บของ กำลังถูกลูกน้องของเทพรุมซ้อมอย่างทารุณ จนสภาพสะบักสะบอม ขวัญตายืนอยู่กับเทพมองอย่างรู้สึกสยอง ไม่กล้ามองวิวัฒน์ถูกทำร้ายอย่างเต็มตานัก เทพจับหน้าขวัญตาให้มองวิวัฒน์ชัดๆ
“จะหลบทำไม...ฉันบอกให้มอง!”
“ให้ฉันมาดูทำไม บอกแล้วไง ว่าฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมัน มันก็บอกคุณเหมือนกับที่ฉันบอก ว่าไม่เคยมีอะไรกัน”
เทพสั่งลูกน้อง
“หนักมือกว่านี้!”
ลูกน้องซัดวิวัฒน์จนกระอักเลือด ใกล้สิ้นสติ ขวัญตาทนดูไม่ได้
“พอเถอะคุณเทพ พอเถอะ เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”
“ไม่เอามันถึงตายหรอกน่า ก็แค่พอหอมปากหอมคอ...ฉันแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง”
เทพเดินไปชักมีดพกมาจากเอวลูกน้อง แล้วปรี่ไปขย้ำคอขวัญตา กระแทกติดฝาผนัง
“อ๊าย! คุณเทพ จะทำอะไรขวัญตา”
เทพสะบัดมีดเอามาจ่อที่คอหอยของขวัญตา วิวัฒน์พยายามกระเสือกกระสนเงยหน้าขึ้นเห็นขวัญตาถูกมีดจ่อคอหอย เทพหันมองดูปฏิกริยาของวิวัฒน์ แสยะยิ้ม
“ฉันอยากจะรู้ว่า...ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับเธอ...ลงลึกในระดับไหน”
เทพเงื้อมีดจะจ้วงแทงขวัญตา วิวัฒน์ตะโกนลั่น
“อย่า!”
บุญปลูกเอาเสื้อผ้าและข้าวของของขวัญตาลงเผาในถังน้ำมัน โดยมีผ่องทิพย์ยืนดูอย่างสะใจ
“เผาของมันให้เรียบ อย่าให้เหลือซาก เป็นเสนียดในบ้าน! ฮ่ะๆๆ...ไม่คิดว่า คุณเทพจะหูเบากว่าที่คิด ไม่เห็นต้องมีหลักฐานเลย”
“เป็นธรรมดาของผู้ชายค่ะ พอหมดรัก เราทำอะไรก็ผิด ความรักของนายใหญ่เนี่ยหมดอายุเร็วจังนะคะ คุณนายก็ระวังไว้เหอะค่ะ ไม่อยากจะเม้า”
“แล้วที่แกพ่นอยู่น่ะอะไร”
“เม้าค่ะ...อุ๊ย!”
“เผาเร็วๆ ฉันขยะแขยงนังขวัญตาเต็มทีแล้ว ไม่อยากเห็นอะไรของมันทิ่มตา ทิ่มใจทั้งนั้น”
พวงทองเดินเข้ามาถาม
“ผ่อง...ทำอะไร!”
“โละของสกปรกทิ้ง”
“นี่มันของของขวัญตานี่ ทำแบบนี้ทำไมผ่อง ไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
“น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับผู้หญิงมีชู้ กล้าสวมเขาให้คุณเทพ”
พวงทองตกใจ
“อะไรนะ!”
“ชายโฉด หญิงชั่ว...อยากรู้มั้ยล่ะว่าจุดจบมันเป็นยังไง”
พวงทองเป็นห่วงขวัญตาขึ้นมาทันที
พวงทองลากผ่องทิพย์มา
“พาพี่ไปหาคุณเทพ เดี๋ยวนี้!”
ผ่องทิพย์พยายามจะสลัดออก
“ฉันบอกว่าฉันไม่รู้ เอ๊ะ...พี่พวง ปล่อยนะ!”
“เรื่องนี้ ผ่องต้องรับผิดชอบ เพราะคำพูดพล่อยๆที่ทำให้ขวัญตาต้องเดือดร้อน”
“พล่อยๆตรงไหน มันเป็นเรื่องจริง”
“รู้ได้ยังไงว่ามันเป็นเรื่องจริง”
ผ่องทิพย์อึ้งไป ทิวเดินเข้ามากับหญิงมานศรี พวงทองหันไปเห็น ดีใจที่เห็นน้องชาย
“ทิว...ทิว...เป็นยังไงบ้าง ทิว!” พวงทองเข้ามากอด “พี่เป็นห่วงทิวมากรู้มั้ย...คุณเทพบอกว่าทิวจับตัวคุณหญิงไปเป็นตัวประกัน”
ทิวชะงัก
“ผม...”
หญิงมานศรีรีบแก้ตัวแทน
“เราสองคนแค่ออกไปเที่ยวด้วยกัน แต่คุณเทพเข้าใจผิดไปเอง”
ทุกคนอึ้ง...ผ่องทิพย์โวยวายทันที
“อะไรนะ! จะบ้าหรือไง ไปเที่ยวอะไรข้ามวันข้ามคืน กับผู้ชายสองต่อสอง รักนวลสงวนตัวไม่เป็นเลยใช่มั้ยคุณหญิง”
“ในเมื่อหญิงยังโสด ไม่ผิดอะไรที่หญิงจะสนิทสนมกับนายทิว...ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”
ทิวหันมองหญิงมานศรีทันที อยากรู้ว่าพูดจริงหรือไม่ แต่หญิงสาวไม่สบตา รู้สึกแปลกๆกับตัวเองที่ต้องพูดในสิ่งที่ไม่ค่อยจะสมควรและเป็นสิ่งที่ตัวเองก็ไม่เคยทำออกไป ผ่องทิพย์มองหญิงมานศรีหัวจรดเท้า
“กลิ่นคาวคลุ้งไปทั้งตัวแบบนี้ จะให้เชื่อเหรอว่า...ยังไม่มีอะไรเสียหาย”
หญิงมานศรีไม่พอใจ
“คุณผ่องทิพย์ดูออกจะสนใจเรื่องคาวๆอยู่เสมอนะคะ เรื่องอื่นๆที่ประเทืองปัญญาคงไม่เคยอยู่ในสมอง”
ผ่องทิพย์ฉุนกึก
“อ๊าย! นังคุณหญิง!”
พวงทองตวาด
“ผ่อง!หยุดเดี๋ยวนี้...น้องปลอดภัยกลับมาเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
“แต่ฉันไม่ยินดีที่นังคุณหญิงนี่มันปลอดภัยกลับมาด้วย!”
ทิวตัดบทอย่างเบื่อหน่าย
“เลิกสนใจเรื่องของผมก่อนได้มั้ย...มันอยู่ที่ไหน!”
ผ่องทิพย์มองหน้าทิว
“แกหมายถึงใครล่ะ!”
“ผัวพี่ไง...พาลูกน้องผมไปไหน!”
ผ่องทิพย์ชะงัก อึ้ง...ทุกคนมองมาที่ผ่องทิพย์เป็นตาเดียว
“ฉันไม่รู้!”
วิวัฒน์ร้องครวญครางอยู่ที่พื้นของโกดัง ขวัญตายืนช็อกอยู่ โดยมีมีดปักอยู่ที่ผนังข้างตัว ในขณะที่เทพยืนหัวเราะอย่างสะใจ
“ฮ่ะๆๆๆ แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ยังไง ว่าแกสองคนไม่มีอะไรกัน ดูมันสิ ร้องเหมือนจะเป็นจะตาย”
เทพเดินเข้าไปเตะวิวัฒน์
“จะพูดความจริงได้หรือยัง ว่าแก...เป็นชู้กับเมียฉัน”
“ขวัญตาจะพูดความจริง!”
เทพชะงัก หันไปมองขวัญตาที่รวบรวมสติได้แล้ว หันมาคุยกับเทพ
“ถ้าคุณอยากฟังความจริง ขวัญตาก็จะพูดให้ฟัง”
วิวัฒน์ไม่อยากให้ขวัญตาเดือดร้อน พยายามคลานเข้ามาหา ขวัญตามองวิวัฒน์อย่างรังเกียจ เตะมือของเขาออกไป
“มันแอบชอบขวัญตา...คอยแอบดู แอบตาม ไม่ว่าขวัญตาจะทำอะไร...แต่คนอย่างขวัญตาจะลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับมันได้ยังไง...ทั้งๆที่ขวัญตามีคุณเทพ ที่ดีกว่าคนอย่างมัน ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว”
เทพอึ้ง คิด...ขวัญตาเข้ามารุกต่อ
“เรากำลังมีความสุขด้วยกัน...สุดยอดปรารถนาของขวัญตาคือคุณ ขวัญตาไม่โง่ที่จะทำลายชีวิตตัวเองโดยมีไอ้ขี้ครอกนี่เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนหรอกนะคะ”
เทพหันมองขวัญตา ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“นั่นสินะ...เรากำลังมีความสุขกันอยู่แท้ๆ”
“แล้วจะปล่อยให้คนอื่นมาทำลายความสุขของเราทำไมล่ะคะ”
“เธอว่าฉันควรทำยังไงกับมันดีล่ะ”
“กับมัน...ขวัญตาตามใจคุณ แต่สำหรับนังผู้หญิงขี้อิจฉาที่มันใส่ร้ายขวัญตา คุณตามใจขวัญตาได้มั้ยคะ”
เทพหัวเราะชอบใจ...ขวัญตาซบอกเทพ คลอเคลีย พลางโล่งอก มองไปที่วิวัฒน์อย่างเกลียดชังและยิ้มเยาะ วิวัฒน์มองขวัญตาอย่างเจ็บปวดใจที่สุด เทพค่อยๆเดินไปหาวิวัฒน์เอาเท้าเหยียบเอาไว้
“แกเป็นคนของไอ้ทิว...แต่กล้ามาเหยียบจมูกฉัน กลับไปบอกมันนะว่า...”
เทพมองตาวาว ขยี้เท้าบนใบหน้าของวิวัฒน์
ค่ำนั้น เข้มอยู่กับลุงมิตรที่ยังนั่งเหม่อ ทิวเดินเข้ามาอย่างกลุ้มใจ เข้มเอ่ยถามอย่างกังวลใจ
“นาย...ไอ้วัฒน์ล่ะ”
ทิวหน้าเครียด
“ไม่มีใครรู้ว่ามันเอาไอ้วัฒน์ไปไหน”
“คนงานนินทากันว่าไอ้วัฒน์ มันเป็นชู้กับขวัญตาจริงหรือเปล่าเนี่ย แต่มันไม่น่าเป็นไปได้นะนาย ขวัญตาเกลียดไอ้วัฒน์ยังกะอะไรดี ใครๆก็รู้”
ทิวครุ่นคิด
“แล้วถ้ามันเป็นจริงล่ะ”
“มีอยู่ทางเดียว คือไอ้วัฒน์เล่นของ ไม่งั้น ไม่มีทางนาย พันเปอร์เซ็นต์ที่ขวัญตาจะหันมามองไอ้วัฒน์”
ทิวครุ่นคิด นึกถึงตอนที่เขาเห็นผ่องทิพย์กำลังทำพิธีกลางแจ้งรับแสงจันทร์ ทิวตกใจ...
“พี่ผ่อง...”
เข้มงงๆ
“คุณผ่องทิพย์เกี่ยวอะไรด้วยเหรอนาย”
ทิวลำบากใจที่จะพูด
“ไม่มีอะไร...แค่...ไม่สบายใจ เป็นห่วงไอ้วัฒน์”
ทันใดนั้นวิวัฒน์ก็เดินเข้ามาอย่างหมดสภาพ แผ่หลาบนพื้น ทิวและเข้มตกใจ
“ไอ้วัฒน์!”
วิวัฒน์ครวญครางด้วยความเจ็บปวดที่พื้น ทิวและเข้มรีบเข้าไปดูอาการทันที วิวัฒน์เงยหน้าขึ้น ทุกคนตกใจใบหน้าวิวัฒน์ มีรอยกรีดที่หน้าเหมือนรอยแผลเป็นที่หน้าของลุงมิตร
ผ่องทิพย์ยืนมองที่ประตูห้องขวัญตาด้วยความแค้นใจ บุญปลูกหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆ
“ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ นังขวัญตามันเอาตัวรอดไปได้อีกแล้ว”
“เหนือความคาดหมายค่ะ”
ผ่องทิพย์หันขวับ บุญปลูกรีบยกมือป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ
“โดนอีกแล้วนังบุญปลูก...”
ผ่องทิพย์ไม่ลงมือ มองบุญปลูกเหมือนจะฆ่าให้ตายด้วยสายตา กร้าวมากจนบุญปลูกอึ้ง กลัวจริงๆค่อยๆหลบไป...ผ่องทิพย์เต็มไปด้วยความแค้น จุกแน่น จนพูดไม่ออก จ้องประตูราวจะเผาผลาญด้วยความโกรธให้ได้
หญิงมานศรีมองพิไลพรพรจัดที่นอนข้างเตียงตัวเอง ยิ้มน้อยๆ รู้สึกขันในท่าทางของพิไลพร
“พร...นอนบนเตียงกับหญิงก็ได้จ๊ะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ พรจะตีเสมอคุณหญิงไม่ได้”
“แต่เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก”
“ก็ยังไม่ได้อยู่ดีค่ะ แม่เอาพรตายแน่ ถ้ารู้เข้า...แม่ก็สอนพรมาตั้งแต่เด็กเหมือนกันค่ะ ยิ่งท่านมอบความรักความเมตตาให้เรามากเท่าไหร่ เราต้องสำนึกในบุญคุณ และภักดีต่อท่าน”
หญิงมานศรีเข้าไปกอดพิไลพร
“ขอบใจนะจ๊ะพร ที่เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นทุกอย่างให้หญิง ตลอดมา”
“คุณหญิงขา...พรรักคุณหญิง และอยากเห็นคุณหญิงมีความสุข มีแต่ความ ปรารถนาดีมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น...”
พิไลพรยังพูดไม่จบหญิงมานศรีแทรกขึ้น
“ขอให้หญิงเชื่อพรบ้าง อย่าดื้อ อย่าทิฐินักใช่มั้ย”
“ค่ะ และตอนนี้คุณหญิงก็ต้องพักผ่อนได้แล้ว”
พิไลพรพาหญิงมานศรีไปที่เตียง ในขณะที่หญิงสาวยังดูเครียดและกังวล
“พร...เรากำลังเจอกับอะไร”
พิไลพรอึ้งไปนิด
“ด้านมืดของมนุษย์ ที่คุณหญิงไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตนี้ค่ะ”
“น่ากลัวมากเลยนะจ๊ะพร”
“ค่ะ แต่คุณหญิงเลือกที่จะไม่ต้องอยู่เผชิญหน้ากับมันก็ได้ วังกฤตยารอคุณหญิงอยู่นะคะ”
“วังกฤตยา...หม่อมแม่ พี่ชาย แม่แล่ม”
“ค่ะ คนที่รักคุณหญิงทุกคนรอคุณหญิงอยู่”
“หญิงเลือกที่จะกลับไปไม่ได้”
“ทำไมคะ”
“หญิงจะทิ้งคนบางคนให้แสวงหาความจริงแต่เพียงลำพังไม่ได้...เพราะหญิงเองก็ต้องการความจริงเหมือนกัน”
พิลไพรยิ้มอย่างเอ็นดู
“ทิ้งเขาไม่ได้ เพราะอะไรคะ”
หญิงมานศรีอึ้ง หน้าแดง เลี่ยงตอบ
“หญิงง่วงแล้ว”
หญิงมานศรีหันหลังให้ พิไลพรรู้ทันว่าเป็นเพราะหญิงมานศรีรู้สึกดีกับทิวแน่แล้ว ใบหน้าของหญิงมานศรี เผลอยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงทิว
ทิวมองวิวัฒน์ที่นอนซึม หลังจากทำความสะอาดแผลแล้ว เข้มเดินเข้ามาหา
“มันไม่ยอมพูดอะไรเลยนาย ถามอะไรก็ไม่ตอบ”
ทิวนั่งลงคุยกับวิวัฒน์
“ไอ้วัฒน์...แกยังเห็นความสำคัญของฉันหรือเปล่า”
วิวัฒน์มองหน้าทิว...
“แต่แกเป็นคนที่ช่วยชีวิตฉัน แกเป็นมากกว่าเพื่อนฉันนะ”
วิวัฒน์น้ำตาซึม ยกมือไหว้
“ผมขอโทษ”
“เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้”
วิวัฒน์ จะบอกความจริง แต่ตัดสินใจไม่บอก เพราะไม่อยากให้ขวัญตาเดือดร้อน
“ผมและคุณขวัญตาถูกใส่ความว่าเป็นชู้กัน”
“นั่นไงนาย มันจะเป็นไปได้ยังไง เข้มบอกแล้ว มีทางเดียวที่เป็นไปได้คือ ไอ้วัฒน์เล่นของแล้ว”
ทิวไม่อยากจะเชื่อ คิดถึงตอนที่ไปเห็นผ่องทิพย์ทำสิ่งลึกลับบางอย่าง นึกถึงคำพูดของพี่สาวที่สั่งบุญปลูกที่เขาได้ยินเมื่อหลายวันที่ผ่านมา
‘เอาไปผสมน้ำให้นังขวัญตากับไอ้นั่นกิน’
ทิวตกใจ สงสัยว่าผ่องทิพย์เอาอะไรให้ขวัญตาและใครอีกคนกิน
‘น้ำเสน่ห์จันทรานี่แหละ...จะทำให้นังขวัญตากระเด็นไปจากชีวิตคุณเทพ แล้วไปอยู่กับคนที่มันเกลียดและขยะแขยง...ฮ่ะๆๆๆๆ’
ทิวลังเล ไม่เชื่อวิวัฒน์
“แกแน่ใจเหรอ...ว่าแกกับขวัญตาไม่ได้...”
“คุณขวัญตาไม่มาเกลือกกลั้วกับคนงานต่ำๆอย่างผมหรอกครับนาย”
ทิวอึ้ง วิวัฒน์รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“นาย...นายใหญ่ฝากผมมาบอกกับนายว่า...”
มุมหนึ่งโกดังร้าง...เทพกระซิบวิวัฒน์เบาๆ อย่างท้าทาย
“บอกมันว่า...ฉันรออยู่ อย่าชักช้า เพราะไม่อย่างนั้น...มันจะเห็นคนที่มันรักค่อยๆจากมันไปทีละคน ทีละคน”
เทพมองวิวัฒน์ที่ร้องครวญครางจากความเจ็บปวดบาดแผลบนใบหน้า แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ทิวโกรธที่ถูกเทพท้าทายเดินเข้ามาในห้องงาสนปั้น อย่างโกรธแค้นแล้วระเบิดอารมณ์กับของที่อยู่ข้างๆจนกระจัดกระจาย
“ฉันไปแน่...แล้วแกจะเห็นว่าสิ่งที่แกรักและพยายามยึดมันเอาไว้ จะค่อยๆหายไปจากชีวิตแกทีละอย่าง...ทีละอย่าง”
ทิวหมายมาดกับการแก้แค้นเทพ
เช้าวันใหม่...ทิวใส่หมวก ก้าวเท้าออกมาจากในบ้านอย่างมาดมั่น เข้มเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“นาย จะไปไหน ให้เข้มไปด้วยมั้ย”
“ไม่ต้อง...แกดูแลไอ้วัฒน์ แล้วก็คอยดูอย่าให้ลุงเดินไปไหน”
ทิวเดินออกไปทันที เข้มมองตามอย่างแปลกใจ
หญิงมานศรีออกมาจากห้อง พิไลพรในชุดทำงานเดินเข้ามาพอดี เห็นหญิงมานศรีในชุดลำลองอยู่กับบ้าน แต่หน้าตาดูสดใส สวยแก้มเปล่งปลั่ง พิไลพรยิ้มล้อเลียน
“กำลังจะมาตามไปรับประทานของเช้าค่ะ”
“หญิงเสร็จพอดีจ๊ะ”
“วันนี้แต่งตัวนานนะคะ...ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ไปทำงาน”
หญิงมานศรีเขิน
“ก็...พร...ล้อหญิงเล่นอีกแล้ว ไปทำงานได้แล้วไป”
“ค่ะ พรทำงานอย่างสบายใจแน่ เพราะคุณหญิงของพรน่าจะสบายดีแล้ว ทั้งกายและใจ คุณทิวเนี่ย...เก่งจริง”
“พร!”
พิไลพรรีบเดินออกไปทันที...หญิงมานศรีรู้สึกเขินอาย แต่พยายามปรับสีหน้าและอารมณ์เป็นปกติ
เทพเดินสบายใจออกมา จะไปทำงาน โดยมีขวัญตาเดินคลอเคลียๆ
“ไม่อยากอยู่ห่างคุณเทพเลย”
“ถ้าเธอทำให้ฉันถูกใจ ให้เกียรติฉัน ไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง ฉันก็จะไม่ห่างเธอไปไหน”
“ขวัญตาสัญญาค่ะ”
“รู้นะว่าถ้าผิดสัญญากับฉันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น...”
ขวัญตาอึ้ง
“รักมาก...ฉันก็เกลียดมาก”
เทพจูบที่หน้าผากของขวัญตา พวงทองเข้ามา
“ฉันมีเรื่องต้องถามคุณ คุณเทพ”
ขวัญตาสอดขึ้น
“พี่พวง...ไม่เห็นเหรอว่าคุณเทพกับฉันกำลัง...”
เทพดุขวัญตา
“พวงทองมีเรื่องจะคุยกับฉัน ออกไปก่อน”
ขวัญตาอึ้งที่เทพให้ความสำคัญกับพวงทองเสมอไม่ว่าตอนไหน จำใจออกไปอย่างหงุดหงิด
“ทำไมต้องใส่ร้ายทิวว่าลักพาตัวคุณหญิงให้ทุกคนเข้าใจผิด...หรือเมื่อทิวกับคุณหญิงสนิทสนมกัน แล้วไปด้วยกัน คุณก็เลยไม่พอใจ”
เทพอึ้ง
“ใครบอกเธออย่างนั้น”
พวงทองเล่าให้ฟัง เทพหน้าเครียดทันที
“คุณหญิงปกป้องนายทิว”
“ปกป้อง...คุณพูดเหมือนกับว่าคุณหญิงโกหก”
“ก็ใช่น่ะสิ เพราะ...”
เทพอึ้งไป ชะงัก หน้าถอดสี
“เพราะอะไร!”
พวงทองหันไปทางข้างหลัง ล้วนเดินเข้ามา หน้าเสียๆ
“ล้วน!”
ล้วนหลบตาไม่กล้าสู้หน้าเทพ
อ่านต่อหน้า 2
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
เทพกับล้วนคุยกันที่มุมหนึ่งคฤหาสน์ เทพตบหน้าล้วนเปรี้ยง ขย้ำคอด้วยความโกรธ
“ทำงานพลาดแล้วยังกล้ากลับมาสู้หน้าฉันอีกเหรอ!”
“ผมพลาดเพราะไอ้ทิวนะครับ นายใหญ่!”
ทิวเข้ามาทางด้านหลังเทพ
“อย่าไปโทษลูกน้องแกเลย”
เทพชะงัก หันไป ทิวเข้ามาเผชิญหน้า
“ฉันรู้แล้วล่ะว่า...ลุงคนนั้นมีความสำคัญกับแกมากแค่ไหน”
เทพแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ไม่เอาน่าทิว...ลุงคนไหนกัน”
ทิวยิ้มหยัน
“ไม่เอาน่า...จะทำไขสือไปอีกทำไมกัน”
เทพตาวาวโรจน์
“ตอนนี้ถึงเวลาที่แกต้องระวังหลังบ้างแล้วนะ...” ทิวตบไหล่เทพ “ขอให้โชคดี”
ทิวมองเทพอย่างท้าทาย หัวเราะอารมณ์ดีออกไป เทพโกรธจัด หันไประบายอารมณ์กับล้วน ด้วยการเตะแขนที่หักของล้วนซ้ำแล้วซ้ำอีก
“อ๊ากส์!”
หญิงมานศรีเดินเข้ามา แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นผ่องทิพย์นั่งร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งด้วยความเสียใจและคับแค้นใจ หญิงมานศรียืนมองอยู่อย่างเงียบๆ นึกสมเพชและสงสาร
“เพราะความรักหรือเพราะอะไรที่ทำให้พวกคุณอดทนถึงขนาดนี้...มีความสุขกันจริงๆหรือเปล่า”
ผ่องทิพย์หยุดร้องไห้ เอามือป้ายน้ำตาให้แห้ง ทันใดนั้น ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งถูกยื่นมาให้ ผ่องทิพย์ชะงัก เงยหน้าขึ้นมองเห็นหญิงมานศรียืนอยู่ และเป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
“อะไร!”
“ผ้าเช็ดหน้าค่ะ ฉันให้ คุณไม่มีผ้าเช็ดน้ำตา”
“นี่เธอ...แอบดูฉันอยู่นานแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“ไม่ต้องสะเออะมายุ่ง ไม่ต้องมาทำตัวเป็นนางเอก”
จู่ๆขวัญตาก็เข้ามา ดึงผ้าเช็ดหน้าไป
“ไม่ต้องซับน้ำตาให้มันหรอกค่ะคุณหญิง”
ผ่องทิพย์ชะงัก
“นังขวัญตา!”
“คนอย่างมันต้องซับเลือด”
ขวัญตาซัดผ้าเช็ดหน้าใส่ผ่องทิพย์ แล้วจิกผมลากออกไป ผ่องทิพย์ร้องลั่น
“นังขวัญตา ปล่อยฉัน”
หญิงมานศรีพยายามห้าม
“คุณขวัญตา ปล่อยคุณผ่องทิพย์เถอะค่ะ คุณขวัญตา”
หญิงมานศรีรีบตามขวัญตาและผ่องทิพย์ออกไป
ขวัญตาเหวี่ยงหัวผ่องทิพย์แล้วตบๆๆๆไม่ยั้ง หญิงมานศรีตามมา มองด้วยความเป็นห่วง
“นั่งผ่อง แกใส่ร้ายฉัน แก...ตาย!”
ผ่องทิพย์ร้องลั่น
“อ๊าย! ช่วยด้วย!”
ขวัญตาจับหัวผ่องทิพย์โขกพื้น ด้วยแรงแค้น ไม่ยั้งมือ
“ไม่มีใครช่วยแกหรอก นังผ่อง...รู้อะไรมั้ย ว่าคุณเทพอนุญาตให้ฉันสั่งสอนแกยังไงก็ได้”
ขวัญตาทั้งตบทั้งข่วนสารพัด ผ่องทิพย์ยิ่งเสียใจ พยายามปัดป้อง
“อ๊าย! ฉันไม่ยอม!”
ผ่องทิพย์ฮึดพลิกขึนมาเอาคืนขวัญตา หญิงมานศรีอ่อนใจ ไม่รู้จะห้ามยังไง วิ่งออกไปหาคนช่วยเหลือทันที
ทิวเดินมาพวงทองเห็นเข้าก็เดินมาหา
“ทิว...ความจริงเป็นยังไง เล่าให้พี่ฟังที พี่ไม่เข้าใจเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“สิ่งที่เกิดขึ้นเหรอ...พี่จะอยากฟังไปทำไม ผมพูดไป พี่ก็ไม่เชื่อ”
ทิวเดินออกไป
“พี่ไม่ได้อยากเป็นคนโง่ เห็นคนอื่นสำคัญกว่าความเดือดร้อนของพี่น้องตัวเองหรอกนะ”
ทิวชะงัก หันมา
“ถามพี่คำเดียว...พี่รักมันมั้ย”
พวงทองอึ้ง
“เพราะสิ่งที่พี่จะได้ยินจากปากผม มันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ถ้าพี่รักมัน”
พวงทองยังคงนิ่ง...พูดไม่ออก ไม่แน่ใจว่ารักเทพ
“ตอบผมมาสิ!”
“พี่...”
หญิงมานศรีวิ่งเข้ามา
“ช่วยด้วยค่ะ”
ทิวและพวงทองตกใจ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ผ่องทิพย์ตบขวัญตาจนกระเด็นไปทางหนึ่ง
“นังมารความสุข วันนี้ฉันไม่ปล่อยแกรอดไปแน่”
“ใครกันแน่ที่ไม่รอด นังขี้อิจฉา ช่วยไม่ได้นะที่ผัวจะเบื่อแกแล้วหันมาซบอกฉัน เพราะแกมันหมดอายุ ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูหนังหน้าตัวเองซะไป๊!”
ขวัญตาขย้ำคอผ่องทิพย์ บีบอย่างแรง ผ่องทิพย์เริ่มหายใจไม่ออก ทิวเข้ามาดึงตัวขวัญตาออกไป
“หยุด พอแล้วขวัญตา”
“ไม่หยุด! ฉันจะเฉาะปากมัน ไม่ให้มันพูดทำร้ายคนอื่นอีก”
ผ่องทิพย์เข้าไปจะตบขวัญตา แต่ถูกพวงทองขวางเอาไว้
“พอเถอะผ่อง!”
ผ่องทิพย์ลืมตัวตบหน้าพวงทอง
“อย่ามายุ่ง!”
ผ่องทิพย์ไม่หยุด ผลักพวงทองหลบไป หญิงมานศรีทนไม่ได้
“หยุดนะ คุณผ่อง!”
“ไม่หยุด!”
ผ่องทิพย์จะตบหญิงมานศรีแต่เธอป้องกันเอาไว้ได้ แล้วตบผ่องทิพย์อย่างแรง
“มีสติซะทีได้มั้ย หา!”
ผ่องทิพย์ชะงัก อึ้ง ทิวกับพวงทอง ก็อึ้ง ที่เห็นหญิงมานศรีแข็งกร้าว
“ที่เรื่องวุ่นวายของพวกคุณ เกิดขึ้นเพราะความไม่มีสติกันทั้งนั้น!”
ผ่องทิพย์กับขวัญตาชะงัก มองหน้ากันอย่างโกรธแค้น
ทิวลากตัวผ่องทิพย์เข้าไปในห้องยอนของเธอ
“ไอ้ทิว ปล่อยฉัน!”
“พี่ผ่อง! หยุดได้แล้ว”
“ฉันก็หยุดแล้วไง”
“ผมหมายถึงของสกปรกที่พี่กำลังทำใส่ขวัญตากับไอ้วัฒน์!”
ผ่องทิพย์อึ้ง
“ทิว...แกรู้”
“ใช่...ผมไม่น่าปล่อยให้พี่ทำสำเร็จเลย”
“เฮอะ...เพราะแกเองก็อยากให้นังขวัญตามันมีชู้ จะได้ทำร้ายความรู้สึกคุณเทพ แกควรจะขอบใจฉันมากกว่านะทิว...ไม่มีใครเป็นคนดี ขาวสะอาดไปซะหมดหรอก ทิว แกยอมรับเถอะ ว่าแกมันก็มีความคิดชั่วร้าย เพราะฉะนั้น แกไม่ต้องมาห้ามฉัน เพราะแกไม่ได้ดีไปกว่าฉัน!”
“แต่สิ่งที่แยกแยะระหว่างคนดีกับคนเลวคือ...จิตสำนึก ผมต่างกับพี่ตรงนี้!”
“ไอ้ทิว แกว่าฉัน!”
“ใช่...พี่ทำร้ายพี่พวงได้ยังไง นับวันจิตใจของพี่ยิ่งตกต่ำลงไปทุกที”
ผ่องทิพย์เงื้อมือจะตบทิว
“ไอ้ทิว หยุดนะ!”
ทิว มองหน้าพี่สาวอย่างท้าทาย
“เอาสิ อยากตบผมอีกคนก็เอาเลย”
ผ่องทิพย์อึ้ง ไม่กล้า
“ผมขอเตือนนะ ถ้าไม่อยากมีจุดจบอย่างน่าสมเพชเพราะของสกปรกพวกนั้นก็หยุดซะ! แล้วจำไว้...ว่าพี่ไม่มีทางได้เป็นเมียหมายเลขหนึ่งของไอ้เทพ ไม่มีวัน เลิกหลอกตัวเองสักที”
ทิวจริงจังกับผ่องทิพย์ แต่ผ่องทิพย์ไม่ได้มีจิตสำนึกที่จะหยุดแม้สักนิด กลับมองทิวอย่างท้าทาย
พวงทองนั่งซึมอยู่ เสียใจที่ถูกผ่องทิพย์ทำร้าย ทิวเข้ามาหา
“ผ่องเป็นไงบ้าง”
“แล้วพี่ล่ะ”
“ไม่เป็นไร”
ทิวอยากจะเข้ามาปลอบพี่สาวแต่ชะงักไว้ เดินหนี พวงทองนั่งน้ำตาไหล มองน้องชายที่เดินออกไป
“ทิว...พี่ตอบไม่ได้...พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้ สิ่งที่พี่รู้สึกมันคืออะไรกันแน่”
หญิงมานศรีนั่งเหนื่อยอ่อนใจอยู่ ทิวเดินเข้ามายืนอยู่ข้างหลังเงียบๆ หญิงมานศรีหันไปมอง
“พี่สาวนาย...เป็นไงบ้าง”
“แก้มขึ้นเป็นริ้วๆ ตามรอยนิ้วมือของเธอ”
“ขอโทษที่ตบหน้าพี่สาวนาย”
“ฉันก็ต้องขอโทษแทนพี่สาวฉัน ที่จะทำร้ายเธอ”
“ช่างมันเถอะ”
“หึ...ผู้หญิงเนี่ย เวลาเลือดขึ้นหน้า น่ากลัวนะ”
“ผู้ชายก็เหมือนกัน”
“ใช่ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด อีกไม่นาน เธอจะได้เห็น”
หญิงมานศรีมองทิวอย่างแปลกใจ ทิวเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ทิวเดินกลับออกไปจากคฤหาสน์ หญิงมานศรีออกมาเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนนายทิว”
ทิวชะงัก
“มีอะไร”
“ฉัน...เสียใจด้วยนะเรื่อง ลุงแย้ม”
ทิวอึ้ง
“เธอ...”
“ระวังตัวด้วยนะ”
หญิงมานศรีพูดจบ รีบกลับเข้าไป ทิวอึ้งที่เธอแสดงความเป็นห่วง เทพยืนดูอยู่ที่มุมหนึ่ง ได้ยินทุกอย่าง เขาโกรธแค้นมากหันเดินกลับไป ทิวเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกดีมาก
“เธอเป็นห่วงฉัน...”
ทิวอยากคุยกับหญิงมานศรีมากกว่านี้ รีบเดินตามไป
หญิงมานศรีเดินเข้ามาในบ้าน เทพเข้ามาขวาง หญิงสาวชะงัก มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ ถอยหลังกรูด
“ทำไมคุณหญิงถึงได้ทำเหมือน...กลัวผม”
“ไม่ได้กลัวค่ะ หญิงแค่...รู้สึกไม่ค่อยดี ขอตัวไปพักก่อนนะคะ”
หญิงมานศรีเลี่ยงไป เทพไม่ยอมปล่อย ถามตามหลัง ในขณะเดียวกันที่ทิวเดินตามเข้ามา ทิวรีบหลบแอบฟัง
“หรือเพราะคุณหญิงคิดว่าผมเป็นฆาตกรส่วนนายทิวเป็นผู้บริสุทธิ์”
หญิงมานศรี ชะงักหันมา
“แล้วความจริงคืออะไรคะ”
เทพทำทีผิดหวัง
“นี่เหรอครับ ผลของความจริงใจ ผลของการที่ผมมีแต่ให้โดย ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน”
หญิงมานศรีอึ้ง ทิวรู้สึกโกรธเทพที่สร้างภาพ เทพเล่นละครต่อไป
“การทำดี ตอบแทนผมด้วยความหวาดระแวงและไม่เชื่อใจแบบนี้เหรอ”
หญิงมานศรีอึ้ง
“หญิง...”
“ผมเข้าใจล่ะ...เพราะคุณหญิงรักนายทิว คุณหญิงจึงมีอคติกับผม”
หญิงมานศรียิ่งอึ้ง...ทิวก็อึ้ง รอฟังเธอตอบคำถาม
“หญิงไม่ได้รักนายทิว!”
ทิวหน้าเสีย เทพไม่เชื่อ
“อย่าปฏิเสธผมเลย ความรักทำให้มีอคติ ผมรู้ดี ต่อให้ผมกรีดเลือดปล่อยให้มันไหลจนหมดตัวเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร”
เทพหุนหันพลันแล่นออกไป หญิงมานศรียืนอึ้ง...ทิวเสียความรู้สึก รีบเดินออกไปทันที
ทิวเดินกลับไปที่บ้าน คิดถึงเรื่องหญิงมานศรี
“เธอคงมีแต่ความเกลียดชังในตัวฉันสินะ...มานศรี”
ทิวรู้สึกผิดหวัง เข้มเข้ามาพอดี
“นาย...อยู่นี่เอง”
“เป็นไง เรียบร้อยมั้ย”
“เรียบร้อยครับ...จะหาลุงกับไอ้วัฒน์เจอก็โน่นล่ะครับ...ข้ามไปหลายจังหวัด”
“อย่าลืมพาคุณพิไลพรกับคุณหมอไปตรวจลุงตามกำหนด อย่าให้ขาด”
“ครับนาย”
“ไปได้แล้ว”
“ครับ”
เข้มเดินไป เห็นทิวไม่ไปด้วยก็เดินย้อนกลับมาถามใหม่
“นายไม่ไปด้วยเหรอครับ”
“ยัง!”
ทิวรีบเดินออกไป
หญิงมานศรีกำลังเดินครุ่นคิดเรื่องที่เพิ่งคุยกับเทพ ทิวเดินเรื่อยเปื่อยเซ็งๆ มาจากทางหนึ่งเห็นหญิงมานศรีก็ชะงัก ยืนมองหญิงสาวที่เหมือนหงส์งาม ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติด้วยแววตาปวดร้าว แต่แล้ว เสกสรรค์เดินเข้ามาหาหญิงมานศรี ทิวรีบหลบ
“คุณหญิงครับ!”
หญิงมานศรีตกใจ
“เสก!”
“ครับผมเอง ผมคนใหม่ ที่ไม่ได้อยู่ใต้เงาของใครอีกแล้ว”
หญิงมานศรีอึ้ง...ทิวได้ยินใจเสีย มองหญิงมานศรีอย่างดูท่าที เห็นหญิงสาวมีความหวั่นไหว ขณะเดียวกันนั้น ล้วนนั่งรถกระบะผ่านมา มองมาที่เสกสรรค์อย่างตกใจ
เสกสรรค์พาหญิงมานศรีมาที่ฟาร์มม้าของเขา หญิงสาวขี่ม้าวิ่งอยู่บนลาน เสกสรรค์ยืนมองด้วยความรักที่ไม่เคยเสื่อมคลาย หญิงสาวขี่ม้ามาหยุด แล้วลงจากม้า โดยมีเสกสรรค์คอยช่วย หญิงมานศรีดูสดชื่นขึ้นมาก
“รู้สึกดีจังเลย ที่นี่...สวยมาก หญิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่นี่มีฟาร์มม้าด้วย”
“ของเพื่อนพ่อผมครับ ไม่มีใครรับช่วงดูแลต่อ ผมเลยขอซื้อ ด้วยเงินเก็บทั้งหมดที่ผมมี...พูดง่ายๆ ตอนนี้นายเสกสรรค์เหลือแต่ตัวและม้าแล้วครับ”
หญิงมานศรีหัวเราะออกมาได้ เสกสรรค์ดีใจมากที่หญิงสาวคนรักดูมีความสุข หญิงมานศรีเห็นเขาจ้องมองด้วยสายตาลึกซึ้งก็รู้สึกประดักประเดิด หยุดหัวเราะ เหลือเพียงรอยยิ้มบางๆ รีบเปลี่ยนเรื่อง
“หญิง...หิวน้ำแล้วค่ะ”
“งั้นไปพักก่อนนะครับ”
หญิงมานศรียิ้มรับ แล้วเดินตามเขาไป
ทิวเดินไปเดินมาหงุดหงิดอยู่ที่มุมหนึ่งหน้าคฤหาสถ์รอรี ชะเง้อมอง เมื่อไหร่หญิงมานศรีจะกลับมา
“สงสัยถ่านไฟเก่าจะคุ”
ทิวยังคงงุ่นง่านต่อไป
หญิงมานศรีลงนั่ง มีแม่บ้านเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟแล้วออกไป เสกสรรค์เข้ามาหา
“ยังจำได้มั้ยครับ...ว่านี่คือความฝันที่เราเคยมีร่วมกัน ฟาร์มม้า ที่จะเปิดให้คนเข้ามาพักและเรียนขี่ม้ากับเรา”
หญิงมานศรี อึ้ง เงียบ
“ผมรู้ว่ามันคงสายเกินไปที่พูดเรื่องนี้ตอนนี้ แต่อย่างน้อยเรายังเป็นเพื่อนกัน ได้ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“แล้วจากความเป็นเพื่อน มันยังมีโอกาสพัฒนาต่อไปได้อีกมั้ยครับ”
“ไม่รู้สิ หญิงตอบไม่ได้”
“ผมจะคิดว่า มันยังมีโอกาสอยู่”
“เสก...เสกอย่าคาดหวังอะไรจากหญิงเลยนะ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น”
“อนาคตจะเป็นยังไงผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมจะทำปัจจุบันที่ผมยังมีโอกาสให้ดี ที่สุด”
“หญิงดีใจกับเสกด้วยนะ ที่เสกทำความฝันให้กลายเป็นความจริง ขอให้เสก โชคดีค่ะ”
หญิงมานศรี เดินออกไป เสกสรรค์มองตาม โดยไม่ยอมถอดใจ
“ความฝันมันยังไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีคุณหญิงอยู่เคียงข้างผม”
เสกสรรค์เดินมาส่ง หญิงมานศรีที่หน้าคฤหาสถ์
“ขอบคุณค่ะเสกที่มาส่งหญิง”
“ฟาร์มม้าของผม ยินดีต้อนรับคุณหญิงเสมอนะครับ”
“หญิงไม่แน่ใจหรอกค่ะ ว่าจะมีเวลาไปหรือเปล่า งานช่วงนี้ยุ่งๆ”
เสกสรรค์เข้ามาจับมือหญิงมานศรี
“เสก...ปล่อยหญิงค่ะ”
ทิวเข้ามาจากมุมหนึ่ง...มองมาที่หญิงมานศรีและเสกสรรค์อย่างไม่พอใจ
“ถ้าเสกไม่ปล่อย...หญิงจะถือว่าความเป็นเพื่อนของเราสิ้นสุดลงแล้วทันที”
เสกสรรค์รีบปล่อยมือ
“คุณหญิงไม่มีผมอยู่ในหัวใจแล้วจริงๆเหรอครับ”
หญิงมานศรีเห็นสายตาอาลัยของเสกสรรค์แล้ว จึงตัดสินใจพูดออกไปอย่างเด็ดขาด
“หญิงมีคนอื่นอยู่ในหัวใจแทนที่เสกแล้วค่ะ”
เสกสรรตกใจ ช็อก
“อะไรนะ!”
ทิวตกใจ...
“อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นคือ...”
เสกสรรค์พยายามคาดเดา
“คุณเทพเหรอครับ”
“หญิงไม่จำเป็นต้องตอบค่ะ เสกกลับไปได้แล้ว แล้วก็...ทางที่ดี อย่ามาหาหญิงอีก หญิงไม่อยากให้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น”
หญิงมานศรีเดินเข้าไป เสกสรรค์มองตามอย่างปวดร้าว
“คุณหญิง...”
ทิวเดินฉีกไปอีกทางหนึ่งทันที
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ทิวเดินตามหาเรื่องหญิงมานศรี รั้งตัวมานศรีให้หันมา
“ผู้หญิงแพศยา”
“มันเรื่องอะไร อยู่ๆก็มาด่าฉัน”
“ตอบมาสิ ใครที่อยู่ในหัวใจของเธอ”
“นายแอบฟังฉันคุยกับเสก...เสียมารยาท”
“ตกลงเธอเป็นคนยังไงกันแน่มานศรี ฉันอยากรู้นักว่าแท้จริงแล้วหัวใจของเธอมันสีอะไร ถึงได้กล้าทำแบบนี้ หา สีดำ! หรือสีอะไร”
ทิวจับเสื้อหญิงมานศรีจะเปิดออกดู
“หยุดนะ ปล่อยฉัน อย่า!”
“ฉันอยากเห็นหัวใจแพศยาของเธอ ฉันจะเอามันออกมากรีดให้สมแค้น”
“ฉันบอกให้หยุด”
หญิงมานศรีตบหน้าทิวอย่างแรง พวงทอง ผ่องทิพย์ ขวัญตาวิ่งออกมาดูเหตุการณ์พอดี เห็นทิวถูกตบ ทุกคนตกใจ พวงทองมองน้องชาย
“มันเรื่องอะไรกันทิว”
ผ่องทิพย์ถามหญิงมานศรีเสียงเข้ม
“ตบหน้าน้องชายฉันทำไม คุณหญิง”
หญิงมานศรีมองหน้าทิวอย่างปวดร้าว
“เพราะผู้ชายคนนี้ดูถูกหญิง”
ทิวมองหญิงสาวอย่างเหยียดหยัน
“หึๆๆๆ ที่ฉันคิดไว้ตั้งแต่แรกน่ะถูกแล้ว...เธอมันก็กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะครอบครองตำแหน่งเมียหมายเลขหนึ่งของไอ้เทพเหมือนกัน”
ผ่องทิพย์กับขวัญตาตกใจ หันมองหญิงมานศรีตาเขียว พวงทองเหนื่อยหน่ายเต็มทน หญิงมานศรีเถียงเสียงเขียว
“ไม่จริง!”
ทิวมองเหยียด
“ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง ตลบตะแลงสิ้นดี ทำให้ฉันตายใจคิดว่าเธอเป็น พวกเดียวกับฉัน นี่เหรอคนดีของคุณพิไลพร ทำตัวไม่ต่างกับโสเภณีที่ตะเกียกตะกายหาลูกค้ากระเป๋าหนัก”
หญิงมานศรีโกรธจนตัวสั่น
“นายทิว!”
“เถียงสิ ว่าไม่จริง หรือไม่ก็...พูดออกมาสิว่าใครที่อยู่ในหัวใจของเธอ”
หญิงมานศรีอึ้ง...เพราะพูดไม่ได้ว่าเป็นเขา ทิวมองหญิงสาวอย่างเจ็บแค้นใจ เดินออกไป หญิงมานศรีมองตามอย่างผิดหวัง ผ่องทิพย์และขวัญตาก้าวมาหาหญิงมนศรี พวงทองเดินเข้าไปกั้นกลางทันที
“ถ้าใครก่อเรื่องอีก ฉันจะทำให้มันคนนั้นถูกไล่ออกไปจากบ้านนี้”
ผ่องทิพย์และขวัญตาชะงัก ด้วยยังเกรงใจพวงทอง ผ่องทิพย์กับขวัญตามองหญิงมานศรีอย่างเกลียดชัง ก่อนจะเดินแยกกันออกไป หญิงมานศรีเข่าอ่อน เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คุณพวงทองคะ หญิงไม่ได้...”
“ไม่ต้องอธิบายให้ฉันฟังหรอกค่ะ ถ้าคุณหญิงอยากเล่นกับไฟก็เชิญ แต่ขอเตือนกันนะคะว่ามันเป็นไฟนรก คงไม่สนุกอย่างที่คิด”
พวงทองเดินออกไป ยอมรับว่าเจ็บในใจที่รู้จากปากทิว หญิงมานศรีเต็มไปด้วยความคับแค้นใจที่ทุกคนเข้าใจผิดกันไปหมด
ทิวเดินเข้ามาในโรงงานอย่างหงุดหงิด ก่อนจะรู้สึกด้วยสัญชาติญาณ เขาหันไปทางมุมหนึ่ง เทพนั่งเอาเท้าขึ้นวางบนโต๊ะของทิวอยู่ ทิวไม่พอใจ
“หายตัวบ่อยนะหมู่นี้...งานการไม่ค่อยจะสนใจ หรือมัวแต่คอยตามผู้หญิง”
“ออกมาจากโต๊ะของฉัน”
“โอเค้”
เทพลุกขึ้น ทิวไล่
“แล้วออกไปให้พ้น”
“เฮ้อ...”
เทพเดินไปที่ประตู เหมือนจะเปิดออกไป แต่กลับล็อกประตู แล้วหันไป พุ่งใส่ทิว ดันจนตัวติดผนัง เอาท่อนแขนล็อกลูกกระเดือกทิวทันที โดยที่ทิวไม่ทันได้ตั้งตัว เทพพิจารณาใบหน้าของทิว
“แก...”
ทิวเริ่มหน้าเขียว เพราะหายใจไม่ออก
“ทิว ทิว ทิว...อยากจะวัดรอยเท้ากันนักใช่มั้ย ถึงได้ท้าทายฉันวันแล้ววันเล่า คิดว่าจะทำอะไรฉันได้เหรอ...ไม่มีทาง”
“อ่อก...”
ทิวหายใจไม่ออก เทพยิ้มหยัน
“โอ๊ะ...หายใจไม่ออก...เหมือนคนใกล้จะ...ตาย”
ทิวพยายามดิ้น
“ฉันพยายามฆ่าแก แต่แกไม่ตาย...ถึงตอนนี้ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
เทพต่อยท้องทิวอย่างแรง แล้วปล่อยทิวเป็นอิสระทิวลงไปกอง หายใจเฮือกเข้าปอดอย่างเร็ว
“ฉันจะให้แกมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานที่ฉันจะค่อยๆหยิบยื่นให้ทีละนิด ทีละน้อย...ให้แกตายทั้งเป็นก่อน แล้วค่อยลงนรกจริงๆ”
เทพเดินออกไป ทิวมองตามเทพอย่างโกรธแค้น ในขณะที่เจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด
ล้วนยืนรอเทพอยู่มุมหนึ่งหน้าโรงงาน เทพเดินออกมาหน้าเข้ม
“นายใหญ่ครับ...”
“อะไร!”
“อดีตคู่หมั้นของคุณหญิง มารับช่วงทำฟาร์มม้าต่อจากเจ้าของเดิม...ใกล้ไร่ของเรามาก”
“ไอ้พวกแมลงหวี่แมลงวัน! คงต้องทำอะไรบางอย่างซะล่ะมั้ง ไม่งั้น มันไม่หยุด ก่อความรำคาญสักที”
เทพยิ่งเครียด โกรธที่ศัตรูมารอบด้าน
ค่ำนั้น...หญิงมานศรีนั่งซึมเครียดๆ อยู่ในห้อง ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น เธอกดรับสายอย่างเนือยๆ
“ฮัลโหล...ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับอีกจ๊ะพร หญิงรอทานข้าวอยู่นะ...เข้าเวรแทนเพื่อนเหรอ...โอเค ไม่เป็นไรจ๊ะ เดินทางกลับดีๆนะ”
หญิงมานศรีวางสาย พยายามทำใจเย็น ลุกเดินออกไปจากห้อง
หญิงมานศรีเดินมามุมหนึ่งของคฤหาสถ์พบพวงทองนั่งอยู่เพียงลำพัง โดยไม่ยอมแตะต้องอาหารตรงหน้า เหม่อลอยไปทางหนึ่ง กลิ่นยืนรอรับใช้อยู่ที่มุมหนึ่ง หญิงมานศรีลงนั่งฝั่งตรงข้าม พวงทองปรายตามาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป หญิงมานศรีนั่งซึม เขี่ยข้าว กินไม่ลง
ทิวเข้าบ้านมาอย่างเคร่งเครียด หันไปถามเข้ม
“มันไปไหน...รู้มั้ย”
“เข้มสืบทุกทางแล้วนาย...ไม่มีใครรู้เลย แม้แต่เมียๆของนายใหญ่ ก็ไม่มีใครรู้สักคน ว่านายใหญ่ไปไหน”
“ไอ้ล้วนล่ะ”
“ไม่ได้ไปกับนายใหญ่ แต่ไม่รู้ไปไหน”
ทิวครุ่นคิด
“ไอ้เทพ...มันต้องกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ”
เทพนั่งขรึมรอใครบางคนอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม สักครู่สรัสวดีเดินเข้ามายืนตรงหน้าในชุดสวย สง่า แต่เซ็กซี่ขึ้น
“สวัสดีค่ะคุณเทพ”
เทพมองสรัสวดีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความพอใจ และเปิดเผย สรัสวดีไม่ค่อยพอใจนัก
“สวัสดีครับหม่อม...ไม่เจอกันแค่ไม่เท่าไหร่ สวยขึ้นนะครับ”
“ไม่เจอกันไม่เท่าไหร่ ยังปากหวานเหมือนเดิมนะคะ” สรัสวดีลงนั่งตรงข้าม “มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ กรุณารีบคุย เพราะดิฉันมีธุระต่อ”
“ธุระ...ปาร์ตี้สาวแก่แม่หม้ายไฮโซในคลับที่มีผู้ชายบริการน่ะเหรอครับ”
สรัสวดีไม่พอใจ
“รู้ดีจังเลยนะคะ”
“ไม่มีอะไรที่ผมไม่รู้”
“งั้น บอกหน่อยสิคะว่าตอนนี้ดิฉันคิดอะไรอยู่”
“ตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่ต่างหากที่สำคัญกว่าความคิดของหม่อม”
สรัสวดีชะงัก ไม่พอใจ
“ว่ามาสิคะ”
“ช่วงนี้ผมต้องใช้เงินเยอะเพื่อเพิ่มทุนกิจการ...ผมอยากให้หม่อมคืนเงินทั้งหมดที่ผมให้ความช่วยเหลือไป”
“อะไรนะ!”
สรัสวดีช็อกมาก
เมื่อกลับมาที่วังกฤตยา สรัสวดีเหวี่ยงกระเป๋าลงอย่างโมโห เดินงุ่นง่าน ใช้ความคิด แต่ยิ่งคิดยิ่งถึงทางตัน
“อ๊าย!”
ชายคำรณฤทธีเพิ่งกลับมาจากทำงาน เห็นเข้าก็ตกใจ
“หม่อมแม่...หม่อมแม่เป็นอะไรไปครับ”
“ก็มัน...” สรัสวดียั้งไว้ “โอ๊ย แม่จะทำยังไงดี แม่จะทำยังไงดี”
“ทำอะไรครับ หม่อมแม่ หม่อมแม่บอกชายสิครับ”
“ชายคำรณ...ตอนนี้ธุรกิจเป็นยังไงบ้างลูก”
“เป็นช่วงลงทุนเปิดโครงการใหม่ ยังขายได้ไม่เท่าไหร่ เลิกคิดถึงเรื่องกำไร ในช่วงปีแรกไปได้เลยครับหม่อมแม่”
สรัสวดีเซ็งมาก
“โอ๊ย!”
“ทำไมครับหม่อมแม่ เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับงานของเราด้วยเหรอครับ”
สรัสวดีไม่ตอบ เดินหนีไป ปล่อยทิ้งให้คำรณฤทธีงุนงงอยู่อย่างนั้น
“หม่อมแม่...”
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
หญิงมานศรีคุยมือถือกับคำรณฤทธี
“หม่อมแม่มีเรื่องอะไร ไม่สบายใจมากขนาดนั้นคะพี่ชาย”
“พี่ก็ไม่รู้ หม่อมแม่ไม่ยอมบอกอะไรเลย นอกจากถามเรื่องธุรกิจของเรา”
“หรือว่าเป็นเรื่องเงิน”
“พี่ก็ไม่แน่ใจ...”
“หญิงสงสารหม่อมแม่”
“น้องหญิง...ทำใจให้สบายนะ ไม่ต้องกังวลอะไร พี่จะช่วยหม่อมแม่แก้ปัญหาเอง”
“ฝากบอกหม่อมแม่ด้วยนะคะ ว่าหญิงคิดถึง ถ้าหากหญิงพอช่วยอะไรได้ หญิงจะไม่ลังเลที่จะลงมือทำทันที”
“จ๊ะ แล้วพี่จะบอกหม่อมแม่ให้”
หญิงมานศรีกดวางสาย รู้สึกไม่สบายใจ เป็นห่วงแม่
“หม่อมแม่...”
หม่อมสรัสวดีเดินไปเดินมาอย่างวุ่นวายใจเครียดจัดอยู่ในห้องนอน
“โอ๊ย!”
หม่อมสรัสวดีทิ้งตัวลงบนเตียง คิดถึงตอนที่ไปคุยกับเทพ
“ผมมีความจำเป็นจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เอ่ยปากกับหม่อม ทั้งๆที่ผมได้เคยพูดออกไปแล้วว่า...หนี้ก้อนนี้ผมไม่คิดจะเอาคืนด้วยซ้ำ”
“คุณก็รู้ว่าตอนนี้ฉันไม่มี”
“นั่นเป็นเรื่องที่หม่อมต้องรับผิดชอบ”
“จะให้...”
หม่อมสรัสวดีพูดไม่ออก มองเทพอย่างผิดหวัง
“คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!”
“ทำไมมองผมอย่างนั้นล่ะครับหม่อม ผมไม่ได้มีความหมายใต้ประโยคอะไรซ่อนเอาไว้เลย”
“ฉันมีเวลาเท่าไหร่”
“สิบห้าวัน ไม่อย่างนั้น ผมคงต้องเอาวังกฤตยาขายทอดตลาด”
หม่อมสรัสวดีผุดลุกขึ้นเกรี้ยวกราด
“จะให้ฉันเสกเงินมาคืนหรือไง! ฉันจะเอามาจากไหน”
เธอเครียดจนร้องไห้ออกมา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับรูปถ่ายของท่านชาย มองตรงมา หม่อมสรัสวดีรู้สึกอายจนไม่กล้าสู้หน้า
เทพอยู่บนดาดฟ้าโรงแรม กดรับมือถือ คุยกับล้วน
“ล้วน...รับน้องใหม่มันซะหน่อย...ให้รู้ว่า เส้นทางของมันที่นี่...ไม่ง่าย”
เทพกดวางสาย ยิ้มเหี้ยมสะใจ
ทิวอยู่ที่มุมงานปั้น เขากำลังนวดดินเหนียวอย่างคร่ำเคร่ง เพื่อให้ลืมหญิงมานศรี
“ฉันต้องลืม...ต้องลืม...ต้องลืมเธอ!”
เสกสรรค์เดินเข้ามา
“สวัสดีครับ”
ทิวแปลกใจ มาทำไม
“คุณ...”
“เสกสรรค์ครับ”
“มีธุระอะไร”
“มาทักทายในฐานะเพื่อนบ้านใหม่ ผมมาทำฟาร์มม้า ใกล้ๆไร่ของคุณนี่เอง”
“คิดดีแล้วเหรอ”
“ครับ...ผมยังไม่ยอมแพ้ ผมจะสู้เพื่อเอาดวงใจของผมกลับคืนมา”
“คุณมันโง่หรือบ้ากันแน่วะ”
“คุณพูดอย่างนี้ หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความอย่างที่พูด...ทิ้งทุกอย่างเพื่อมาเอาดวงใจคืนงั้นเหรอ สิ่งที่คุณต้องเสียไปไม่คุ้มกับสิ่งที่จะได้มาหรอก”
ทันใดนั้นมือถือของเสกสรรค์ดังขึ้นขัดจังหวะ เขายังคาใจกับคำพูดของทิว แต่ต้องรีบรับโทรศัพท์จึงเดินเลี่ยงไปรับมือถือ
“ว่าไงครับ...อะไรนะ! ไฟไหม้โรงเก็บฟาง”
เสกสรรค์หันมามองทิว ที่ตกใจไปด้วย
โรงเก็บฟางโดนไฟไหม้ส่วนหนึ่ง คนงานกำลังช่วยกันขนน้ำมาดับไฟ ทิวและเสกสรรค์วิ่งเข้ามา ช่วยคนงานขนน้ำไปดับไฟด้วยอย่างแข็งขัน...ไม่นานนักไฟที่ลุกไหม้กองฟางก็ดับสนิท ทิวและเสกสรรค์ยืนเหนื่อยหอบ เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนมอมแมม
“ดีนะ ที่ยังเสียหายไม่มาก”
คนงานเข้ามาบอก
“ไอ้น้อยมันมาเห็นเข้าซะก่อน ไม่งั้นคงลามมากกว่านี้”
ทิวหันไปถามคนงานอย่างสงสัย
“แล้วรู้มั้ยว่าไฟไหม้ได้ยังไง”
คนงานชื่อน้อยเดินเข้ามา
“ผมเห็นเงาคนสองสามคนวิ่งหนีไปทางโน้น ตอนที่ไฟมันเริ่มไหม้ครับ”
ทิวและเสกสรรค์ตกใจ
“คนเหรอ!”เสกสรรค์รุ่นคิด
ทิวมั่นใจ
“มีคนแอบวางเพลิงคอกม้าคุณ”
“ทำไม”
“เพราะอยากให้คุณหมดตัว แล้วม้วนเสื่อกลับกรุงเทพไปไง”
“คุณทิวพูดเหมือนรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร”
“มีเพียงคนเดียวที่คิดทำเรื่องชั่วๆพวกนี้ได้”
เสกสรรค์แปลกใจ ทิวคิดถึงเทพ ยิ่งรังเกียจและชิงชัง
เทพยังอยู่ที่ดาดฟ้าโรงแรม หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่ะๆๆ คุณหญิงมานศรีโสภาคย์...คุณต้องเป็นของผมคนเดียว...อีกไม่นาน ฮ่ะๆๆๆ”
เช้าวันใหม่...หญิงมานศรีและพิไลพรกลับจากใส่บาตรด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สบายใจขึ้นหรือยังคะคุณหญิง”
“ไม่รู้สิ...ยังหรอก”
“คุณหญิงคะ...เราห้ามความคิดใครไม่ได้ ใครจะคิดยังไงก็ช่างเขาเถอะค่ะ”
“แต่หญิงต้องอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้”
“หรือไม่ก็ไม่ต้องอยู่”
“ยุให้หญิงกลับบ้านอยู่เรื่อยเลย”
“ค่ะ จะยุไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณหญิงจะใจอ่อน ที่นี่อันตรายเกินไป เฮ้อ...พูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”
“หญิงอาจจะกำลังรอฟางเส้นสุดท้ายอยู่ก็ได้”
พิไลพรเห็นใจ
“พรไปทำงานก่อนนะคะ แล้วอย่าลืม...มีอะไรเกิดขึ้น รีบโทรหาพร”
“ไม่มีใครทำอะไรหญิงหรอก...ทุกคนเกรงใจคุณพวงทองกันทั้งนั้น พรไม่ต้องห่วงหญิงนะ”
หญิงมานศรีและพิไลพรเดินเข้าบ้าน พิไลพรก็ยังอดห่วงหญิงมานศรีไม่ได้
โทรศัพท์บ้านดังขึ้น กลิ่นเข้ามารับ
“สวัสดีค่ะ...นายใหญ่เหรอคะ”
ผ่องทิพย์ลิ่วเข้ามา กระชากหูโทรศัพท์มาจากกลิ่น
“เอามานี่ ฉันคุยเอง”
กลิ่นรีบเดินออกไป ผ่องทิพย์รีบจ๊ะจ๋า
“คุณเทพขา...คิดถึงจังเลย ไปไหนไม่เห็นบอกกันสักนิด”
เทพคุยมือถือขณะที่นั่งรับประทานอาหารเช้า พลางมองสาวสวยเซ็กซี่ที่นั่งตรงข้ามด้วยสายตาเจ้าชู้เปิดเผย
“ฉันมาธุระเรื่องงานที่กรุงเทพสองสามวัน ฝากบอกพวงทองด้วย”
เทพกดปิดมือถือ วางลง แล้วมองสาวสวยจริงจัง สาวสวยยิ้มเอียงอาย สนใจเทพเหมือนกัน ลุกเดินมาหาเขาทันที เทพมองตั้งแต่เท้าขึ้นไปตามทรวดทรงอันเซ็กซี่และเร่าร้อน
ผ่องทิพย์เองก็ร้อนเหมือนกัน วางหูกระแทกโครมด้วยความโมโห
“คุยกับฉัน แต่คิดถึงพี่พวง อ๊าย คุณเทพ”
หญิงมานศรีเดินผ่านออกไป กำลังจะไปทำงาน ผ่องทิพย์บ่นต่อเสียงดัง
“ไม่อยู่สองสามวันเหรอ...ดี!”
ผ่องทิพย์เดินออกไป
เทพและสาวเซ็กซี่นัวเนียกันอย่างเร่าร้อนตั้งแต่ประตูห้องมาจนถึงเตียง เทพผลักหญิงสาวลงนอนหงาย ตัวเองขึ้นคร่อม กระชากเสื้อตนเองออกอย่างแรง เผยให้เห็นแผงอกอันล่ำสัน แข็งแรงสมชายชาตรี...สาวสวยมองอย่างพอใจ ใช้มือไล้ไปตามแผงอกของเขา
เทพมองสาวสวยอย่างหื่นกระหายจิกผมขึ้นมา อาการเจ็บปวดของหญิงนางนั้น ช่วยโหมกระพือไฟตัณหาระหว่างกันให้ลุกโชนยิ่งขึ้น
อ่านต่อหน้า 4 พรุ่งนี้
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
หญิงมานศรีเดินมาใกล้ๆ มีแจกันดอกกุหลาบ โดยไม่ทันระวังตัว ผ่องทิพย์เดินลิ่วมา จิกหัวจนหน้าหงายทันที
“มานี่!”
“โอ๊ย!”
ผ่องทิพย์จับหญิงมานศรีหันมาแล้วตบหน้าอย่างแรง จนล้มลงไป
“นังผู้หญิงตีสองหน้า วันนี้แกปกปิดความอยากไว้ไม่มิดแล้วใช่มั้ย”
“คุณผ่องทิพย์ ฟังหญิงนะคะ หญิงไม่ได้คิด...”
ผ่องทิพย์เข้าไปจิกหัวอีก
“ทำโดยไม่คิดงั้นสิ ได้ ฉันจะเขย่าสมองแกให้ จะได้หัดคิดให้เป็นว่า...อย่ามาแย่งผัวฉัน!”
ผ่องทิพย์เหวี่ยงหญิงมานศรีไปชนกับเฟอร์นิเจอร์แถวนั้นอย่างแรง จนแจกันดอกกุหลาบตกลงมาแตก ดอกกุหลาบเกลื่อนกระจาย ขวัญตาเข้ามาเห็นพอดี ตกใจ แต่ก็สะใจ สายตาเหลือบไปเห็นพวงทองที่มุมหนึ่งกำลังจะเดินมาเพราะสงสัยที่มีเสียงแจกันตกแตก ขวัญตารีบพุ่งไปหาพวงทองทันที
ขวัญตาลากพวงทองออกไปอีกทาง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“พี่พวงทองขา...ขวัญตามีเรื่องจะปรึกษา”
“เมื่อกี้ได้ยินเสียงอะไรมั้ย เหมือนของตกลงมาแตก”
“ไม่เห็นได้ยินเลยนี่คะ อ๋อ...เสียงจากทีวีค่ะ ขวัญตาเปิดทีวีดูเมื่อกี้...พี่พวงทองมากับขวัญตาหน่อยสิคะ”
พวงทองตามขวัญตาไป สงสัยและยังติดใจ
ดอกกุหลาบเกลื่อนกระจาย ผ่องทิพย์เห็นดอกกุหลาบแล้วคิดแก้แค้นที่ตัวเองเคยถูกหม่อมสรัสวดีจับหน้ายีด้วยดอกกุหลาบมาแล้ว ผ่องทิพย์คว้าเสื้อหญิงมานศรีที่กำลังจะลุกจากโซฟาได้ เหวี่ยงไปที่กองดอกกุหลาบ จับหน้าหงายขึ้นมา
“แม่แกเคยทำอะไรไว้ ตอนนี้ผลกรรมกำลังจะตกอยู่กับลูกมัน...หึ...งดงามเหมือนดอกกุหลาบ ที่มีหนามแหลมคมไว้ป้องกันอันตรายเหรอ นัง คุณหญิง!”
ผ่องทิพย์จับหัวของหญิงมานศรี ตั้งใจจะเอาลงไปยีกับต้นกุหลาบ
“อย่า!”
มือของผ่องทิพย์ที่จับหัวหญิงมานศรีอยู่ ทันใดนั้นมือของพวงทองเข้ามายื้อเอาไว้
“หยุดนะ!ผ่อง!”
ผ่องทิพย์เงยหน้าขึ้นมอง เห็นพวงทองเป็นคนห้ามเอาไว้
“ปล่อยนะพี่พวง!”
“พี่ไม่ปล่อยให้มีเรื่องกันอีกเด็ดขาด”
“ฉันจะขยี้มันให้หน้าเละ จะดูซิว่าคุณเทพยังคิดจะเอามันทำเมียหรือเปล่า”
“พี่บอกให้หยุด!”
พวงทองดึงผ่องทิพย์ออกมาได้...ผ่องทิพย์ยังดิ้นไม่หยุด
“ปล่อยฉัน!”
“ผ่อง! ทำตัวแบบนี้คุณเทพก็จะยิ่งไม่ชอบ หรือว่าอยากให้เรื่องนี้ถึงหูคุณเทพ”
ผ่องทิพย์อึ้ง หญิงมานศรีค่อยๆลุกขึ้น
“ถ้าคุณเทพกลับมา ช่วยบอกคุณเทพด้วยนะคะว่า...หญิงขอลาออก”
หญิงมานศรีสุดจะทนรีบวิ่งกลับเข้าไป ผ่านขวัญตาที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่แล้ว ขวัญตามองตามยิ้มเยาะ พวงทองอึ้ง ในขณะที่ผ่องทิพย์หัวเราะสะใจ
“เห็นมั้ยพี่ผ่อง ว่าคนอย่างนังนั่นมันต้องใช้ไม้แข็ง วิธีต่ำๆแบบนี้ ถึงจะไสหัวกลับไปได้ ฮ่ะๆๆๆ”
พวงทองเริ่มกังวล
หญิงมานศรีเข้าห้องมา ปิดประตู ทรุดตัวลงร้องไห้อย่างหมดความอดทน เธอตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นกด พิไลพรรับสาย
“ฮัลโหล...”
“พร...หญิง...จะกลับบ้าน...”
พิไลพรคุยมือถือโดยที่ตัวเองยังมีเข็มฉีดยาคามืออยู่
“นะคะคุณทิว...ช่วยไปดูคุณหญิงให้ดิฉันที ตอนนี้ดิฉันมีเคสโคม่า”
คนไข้ของพิไลพรดิ้นไปดิ้นมา เจ้าหน้าที่ช่วยกันมัด รอพิไลพรฉีดยาระงับประสาท
“ทำไมไม่โทรไปหาคุณเสกสรรค์ล่ะครับ”
“ดิฉันไม่มีเบอร์ติดต่อหรอกค่ะ อีกอย่างคุณหญิง...”
คนไข้ดิ้นแรงมาก
“โอ๊ย...ตกลงจะช่วยไม่ช่วยคะ...ช่วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
พิไลพรกดวางสาย รีบเข้าไปฉีดยาระงับประสาทให้คนไข้ ทิวกดวางสายเซ็งๆ
“ทำไมเกลียดอะไร ต้องเจออย่างนั้นด้วยวะ”
ทิวถอนใจ ไม่อยากเจอหญิงมานศรี
หญิงมานศรีถือกระเป๋าเดินทางเดินออกมา โดยมีกลิ่นช่วยยกใบอื่นอีกใบ ทันใดนั้น ขวัญตาก็ถือถังใส่น้ำสาดโครมไล่หลัง หญิงมานศรีตกใจ รีบหลบ
“ว้าย!”
“ล้างซวยจ๊ะ”
หญิงมานศรีโกรธมากจนตัวสั่น แต่พยายามไม่มีเรื่องด้วย ขวัญตามองหยัน
“นังกลิ่น ไปช่วยมันทำไม มาเองได้ ก็กลับไปเองได้สิ เก่งนักไม่ใช่เหรอ เลือดขัตติยะหายไปไหนหมดล่ะ คุณหญิง”
หญิงมานศรีพยายามระงับอารมณ์
“กลิ่น วางลงเถอะ เดี๋ยวพรก็กลับมาแล้ว...ขอบใจมากนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
กลิ่นวางกระเป๋าแล้วรีบออกไป ขวัญตาเย้ยหยัน
“โชคดีนะคะคุณหญิง...หน้าตาท่าทางแบบนี้ หาผัวได้ไม่ยากหรอกนะคะ แต่ไปหาที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่”
ขวัญตาเหวี่ยงถังใส่เป็นดอกสุดท้าย หญิงมานศรีหลบทัน เดินไปหยิบถังขึ้นมา ขวัญตาจะกลับเข้าไป
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณขวัญตา”
“อะไร!”
“เอาของๆคุณคืนไปด้วย”
หญิงมานศรีซัดถังใส่ขวัญตาอย่างแรง โดนเต็มๆ
“ว้าย! นังคุณหญิง แก!”
ขวัญตาปราดเข้ามาจะตบหญิงมานศรีแต่วืดเพราะลื่น จากการเหยียบน้ำที่ตัวเองเป็นคนสาด จนล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า
“โอ๊ย! นังคุณหญิง”
“กรรมตามทันเหมือนติดจรวดเลยนะคะ คุณขวัญตา”
“แก!...อ๊าย!”
หญิงมานศรีมองอย่างสะใจ ถือกระเป๋าเดินทางสองมือ เดินออกไป อย่างหยิ่งทรนง ปล่อยให้ขวัญตากรี๊ดๆๆ อยู่ข้างหลัง
หญิงมานศรีนั่งอยู่กับกระเป๋าเดินทางในศาลา รอคอยพิไลพร รถกระบะคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบ เธอดีใจ คิดว่าพิไลพรมาแล้ว ลุกขึ้น เดินไปหา ทิวลงมาจากรถ หญิงมานศรีชะงัก
“คุณพิไลพรให้มาดู”
“ก็ดูซะสิ!”
ทิวมองหญิงมานศรีหัวจรดเท้า ยิ้มเยาะเย้ย
“เห็นเต็มตา...ผู้หญิง...”
หญิงมานศรีแทรกอย่างโมโห
“คนอย่างนายดีแต่พูดดูถูกผู้หญิง โกรธแค้นชิงชังมนุษย์ไปทั่ว ไม่มีเหตุผล ชอบใช้ความรุนแรง...เนี่ยเหรอ ผู้ชาย! ที่ใครๆต่างเรียกว่านาย แต่ทำตัวเยี่ยงสถุล!”
ทิวเจ็บใจ ปรี่เข้ามาหา
“มันก็เหมาะสมกันไม่ใช่เหรอ สถุลกับผู้หญิงแพศยา!”
“ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่นายกล่าวหา”
“จะบอกว่าเป็นไฮโซ ไหนขอดูหน่อยซิ ไฮโซจริงหรือเปล่า”
ทิวเดินไปที่กระเป๋าเสื้อผ้า
“เดาว่าใบนี้คงเป็นของเธอ”
“เออ!”
ทิวเปิดกระเป๋าออกทันที แล้วคุ้ยเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋า โปรยลงพื้น หญิงมานศรีโกรธมากตวาดลั่น
“หยุดนะ อย่าทำบ้าๆนะ!”
หญิงมานศรีเข้าไปแย่งเสื้อผ้าคืนมา
“ก็จะดูไง ว่าไฮโซเค้าใช้ของอะไรกันยังไง...โอ้โห....มีชุดนอนลายลูกไม้ด้วย ได้ใส่ไปยั่วน้ำลายไอ้หมาแก่เทพหรือยัง หา!”
หญิงมานศรีโกรธจนตัวสั่น คิดหาทางเอาคืน ทิวจ้องหน้า
“อะไร คิดอะไรอยู่ จะเอาคืนฉันงั้นสิ มีสมองคิดได้แค่ไหนกันเชี้ยว นอกจากคิดเป็นแต่เรื่องอ่อย ยั่ว หลอกลวง ตลบตะแลง!”
หญิงมานศรีเปิดกระเป๋าสะพาย แล้วหยิบมีดพกขึ้นมา ทิวตกใจ ถอยกรูด
“เฮ้ย...เล่นมีดเลยเหรอ”
“ฉันไม่ให้มีดของฉันต้องแปดเปื้อนเลือดชั่วของนายหรอก”
ทิวสงสัย หญิงมานศรีจะเอามีดมาทำอะไร หญิงมานศรีเดินดิ่งไปที่รถแล้วใช้มีดเสียบไปที่ยางรถทันที ฉึกๆๆๆ ทิวหน้าตื่น
“เฮ้ย! ยัยบ้า...หยุด!”
หญิงมานศรีไม่หยุด วิ่งไปเสียบทุกล้อ ยางแบนแต๊ดแต๋
“แอ็คชั่นเท่ากับรีแอ็คชั่น เคยได้ยินมั้ย ไอ้คนโรคจิต!”
ทิวมองอย่างแค้นใจ
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
เสร็จกามกิจแล้ว สาวสวยเซ็กซี่ออกมาจากห้องโบกมือให้เขาที่เดินออกมาส่ง...เทพหอมแก้มสั่งลา สาวเซ็กซี่เดินออกไปสวนกับหม่อมสรัสวดีที่เดินมาพอดี...หม่อมสรัสวดีมองตามสาวเซ็กซี่เหลียวหลัง
“ใคร”
“ไม่สำคัญอะไรหรอกน่าหม่อม ประหลาดใจจริง หม่อมมาหาผมถึงที่นี่”
“ฉันมีเรื่องร้อนใจ...อยากจะขอต่อรองอะไรบางอย่าง”
เทพยิ้มกริ่ม ผายมือให้หม่อมสรัสวดีเข้าไปในห้อง หม่อมสรัสวดีลังเล ก่อนจะเดินเข้าไป เทพปิดประตู
ทิวยืนดูสภาพยางแบนอย่างหัวเสีย หญิงมานศรียืนยิ้มอย่างสะใจ
“อยากจะทำอะไรฉันอีก ก็เชิญ!”
“อย่าท้า”
“ไม่ได้ท้า และไม่เคยกลัว”
ทิวเข้าไปแย่งมีดหญิงมานศรีขัดขืน
“ปล่อยนะ!”
“เอามานี่!”
“ไม่ให้!”
ชายหนุ่มบิดข้อมือหญิงสาวอย่างแรง
“โอ๊ย!”
มีดหล่นจากมือ ทิวเตะมีดออกไป หญิงมานศรีจะวิ่งไปเก็บ ทิวคว้าตัวไว้ได้
“ปล่อยฉัน! ฉันเจ็บนะ!”
“บอกแล้วไงว่าอย่าท้า!”
ทิวแบกหญิงมานศรีออกไป เธอร้องโวยวายไม่หยุด
เทพนั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจ ในขณะที่หม่อมสรัสวดีไม่ยอมนั่ง
“ยืนเดี๋ยวจะเมื่อยแย่นะครับหม่อม”
“ฉันคุยไม่นาน”
“เชิญ...จะต่อรองอะไรกับผม”
“ยืดเวลาให้ฉันหน่อยได้มั้ย ฉันหาเงินให้คุณไม่ทัน”
“ไม่ได้ครับ”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง
“นอกจากว่า...”
หม่อมสรัสวดีขึงตาใส่
“นอกจากว่าอะไร!”
“ใจเย็นๆสิครับ...นั่งก่อน ไม่งั้นถือว่าไม่ให้เกียรติผม”
“อย่ามาลีลา เงื่อนไขของคุณคืออะไรก็ว่ามา”
เทพเริ่มเสียงแข็ง
“ตกลงจะไม่ให้เกียรติผมจริงๆใช่มั้ย”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง รู้สึกยำเกรงในรังสีบางอย่างจากตัวเขาค่อยๆลงนั่งตรงข้าม
“ค่อยเจรจากันง่ายหน่อย เงื่อนไขของผมมีอย่างเดียว...คุณหญิงมานศรีโสภาคย์”
หม่อมสรัสวดีหน้าตื่นตกใจ
“อะไรนะ!”
ทิวลากหญิงมานศรีเข้ามาที่ชายป่า
“ปล่อยฉันนะ!”
เขาเหวี่ยงเธอจนล้มลงไป
“นายทิว! ไอ้คนเลว”
หญิงมานศรีจะลุกขึ้นมาเอาเรื่อง ทิวสั่งเสียงเข้ม
“อย่าขยับ!”
“ฉันจะขยับ”
“ถ้าขยับ เธอตายแน่”
“ก็ให้มันรู้ไปสิ”
“งูอยู่ข้างหลังเธอ”
หญิงมานศรีชะงัก
“อะไรนะ!”
“งู...ข้างหลัง”
หญิงมานศรีตัวแข็งทื่อ ค่อยๆหันไปมอง เห็นงูตัวดำมะเมื่อม แผ่แม่เบี้ยอยู่ข้างหลังก็ตกใจกลัว ทิวรีบบอก
“อยู่เฉยๆ”
หญิงมานศรีหวาดกลัวสุดๆ
“ฉัน...กลัว...”
“ไม่ต้องกลัว...อยู่นิ่งๆ...เงียบๆ”
หญิงสาวพยักหน้า ทิวค่อยๆย่อตัวลง จ้องมองงูตาไม่กะพริบ
“ไปซะ...เราไม่ได้จะทำอะไรแก...”
ทิวนิ่งเงียบ หญิงมานศรีแทบกลั้นหายใจ สักพัก งูก็เลื้อยหนีหายไป ทิวโล่งใจ
“ไปแล้ว”
หญิงมานศรีหันไป ไม่เห็นงู ดีใจ
“มันไปแล้ว...”
ชาดคำเธอก็เป็นลมไปทันที ทิวตกใจ
“เธอ!”
หม่อมสรัสวดีเข้าต่อว่าเทพ
“ฉันไม่มีวันขายลูกกิน!”
“แล้วที่ทำอยู่ทุกวันนี้...ไม่ได้หวังจะให้ลูกสาวเป็นภรรยาของผมเหรอครับ”
“ฉันปูทางให้คุณ หลังจากนั้นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณเอง แต่เมื่อไร้น้ำยา ไม่มีความสามารถ ก็อย่ามายืมมือฉันบังคับให้ลูกหญิงแต่งงานกับคุณ”
เทพโกรธมาก
“คำก็ไร้น้ำยา สองคำก็ไม่มีความสามารถ ประเมินคนอย่างผมต่ำไปนะหม่อมสรัสวดี”
“ใช่ ฉันประเมินความเลวของคุณต่ำไปจริงๆ แท้ที่จริงแล้ว คุณวางแผนทั้งหมดเพื่อจะให้ได้ตัวลูกหญิงมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย”
เทพมองหยัน
“ฉลาดนี่...”
สรัสวดีตบหน้าเทพ
“ทุเรศสิ้นดี!”
เทพหน้าหัน อารมณ์จิตเริ่มขึ้น หม่อมสรัสวดีจ้องหน้าท้าทาย
“เอาเลย อยากจะขายวังกฤตยาทอดตลาดก็เอาเลย แต่ฉันไม่มีวันให้ลูกหญิงต้องไปตกนรกอยู่กับคนเลวๆอย่างคุณ!”
สรัสวดีพูดจบก็หันเดินออกไป แต่เทพเร็วกว่านั้น เข้าไปขวางประตูเอาไว้
“ถอยไป!”
“เสียใจ”
เทพย่างเข้าหา หม่อมสรัสวดีชะงัก
“จะทำอะไรฉัน!”
“ทำในสิ่งที่จะทำให้หม่อมต้องเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับตัวผม...ผมจะให้หม่อมพิสูจน์ว่า ผมไม่ได้ไร้น้ำยาหรือความสามารถ มานี่!”
เทพจับตัวหม่อมสรัสวดีเหวี่ยงกลับเข้าไปข้างใน แล้วตบเปรี้ยงจนล้มลงไปบนเตียง
“โอ๊ย!”
เทพขึ้นคร่อมทันที หม่อมสรัสวดีร้องลั่น
“อย่านะ อย่า!”
เทพใช้มือปิดปากหม่อมสรัสวดีเอาไว้
“ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน...ว่ารสชาติแม่หม้าย กระดังงาลนไฟอย่างหม่อมมันเป็นยังไง”
เทพโถมตัวเข้าใส่ หม่อมสรัสวดีดิ้นสุดชีวิต น้ำตาไหลพรากขณะที่ถูกเทพไซร้ไปตามลำคอ โดยไร้แรงขัดขืน
ทิวพาหญิงมานศรี มาที่ริมลำธารนั่งมองหญิงสาวที่นอนพิงต้นไม้อยู่
“น่าเบื่อ ผู้หญิง...อ่อนแอ เอะอะอะไรก็เป็นลมท่าเดียว”
เขาเดินเข้าไปมองหน้าใกล้ๆ
“ฟื้นได้ยัง”
หญิงมานศรียังนั่งนิ่ง
“เดี๋ยวงูก็มาอีกหรอก”
หญิงมานศรีลืมตาตื่นทันที ด้วยความตกใจ
“นั่นไง...จริงๆแล้วฟื้นนานแล้วใช่มั้ย แต่เธอแกล้งฉัน หวังจะให้แบกไปส่งที่เดิมล่ะสิ”
หญิงมานศรีไม่ตอบ
“เสียใจ น้ำใจของฉันไม่ได้มีไว้ให้ผู้หญิงอย่างเธอ”
“แล้วต้องเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงจะซวยได้น้ำใจจากนาย”
“ใช้คำว่าโชคดีดีกว่านะ...หนึ่งในนั้นก็คือ...คุณพิไลพร”
หญิงมานศรีอึ้ง ใจแป้ว
“นางฟ้าผู้แสนดีของฉัน ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้หญิงโสโครกอย่างเธอ เธอไปจากที่นี่ได้ ฉันดีใจมาก แต่ฉันคงจะคิดถึงคุณพิไลพรน่าดู”
ทิวหันเดินกลับไป หญิงมานศรีนั่งนิ่งด้วยความเสียใจ
หม่อมสรัสวดียังพยายามขัดขืน แต่แล้ว เทพก็ชะงัก แล้วก็ผละออกมา หม่อมสรัสวดีรีบลุกขึ้น ตกใจ และไม่เข้าใจ
“เห็นแล้วใช่มั้ย ว่าผมทำอะไรกับหม่อมก็ได้!”
“เลว!”
“ผมเลว เพราะหม่อม!”
“ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย!”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนทนให้ผู้หญิงดูถูกได้บ่อยๆหรอก หม่อมเป็นคนกดดันผมเอง!”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง เทพค่อยๆเข้าไปหาจับมือหม่อมสรัสวดีขึ้นมา มองด้วยสายตาอ้อนวอน
“หม่อมเข้าใจความรู้สึกของผมใช่มั้ย”
“ไม่!”
“ไม่เข้าใจตอนนี้ก็ไม่เป็นไร...แต่สิ่งหนึ่งที่หม่อมต้องเข้าใจก็คือ เมื่อหม่อมปฏิเสธเงื่อนไขของผม...เกียรติภูมิของกฤตยาที่พวกของหม่อมพยายามปกป้อง...จะต้องถูกขายทอดตลาด แล้วกฤตยาก็จะเหลือแต่ตัว”
หม่อมสรัสวดีโกรธจนตัวสั่น
“เชื่อเถอะว่าผมลงมือทำแน่!”
สรัสวดีมองเทพด้วยความหวาดหวั่น เทพยิ้มเหี้ยมให้
อ่านต่อตอนที่ 10