เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 4
หญิงมานศรีเปิดปากเล่าเรื่องทิวให้หม่อมหม่อมสรัสวดีฟัง แต่ปิดบังเรื่องที่เขารังแกตัวเอง
“เขาไม่ค่อยถูกกับคุณเทพค่ะ เพราะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน”
“สนิทสนมกับเขามากแค่ไหน” หม่อมสรัสวดีถามเครียดๆ
“ไม่ได้สนิทค่ะ หญิง...ไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย”
“ดีแล้วลูก อย่าได้ไว้ใจใครง่ายๆ ยกเว้นคุณเทพเพื่อนของแม่เท่านั้น วันหลังมีเรื่องอะไรต้องนึกถึงคุณเทพก่อน เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ...หม่อมแม่อยู่กับหญิงหลายวันหน่อยได้มั้ยคะ หญิงคิดถึง”
“ได้สิ แม่จะอยู่จนกว่าแม่จะมั่นใจว่าลูกหญิงของแม่อยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจจริงๆ”
หญิงมานศรีแปร่งๆหูกับคำพูดของหม่อมสรัสวดี แต่ไม่ติดใจอะไร
ผ่องทิพย์นั่งร้องไห้เจ็บใจ บุญปลูกพยายามโทรศัพท์เข้ามือถือเทพ ก่อนจะหันมาบอกผ่องทิพย์
“นายใหญ่ไม่รับสายเลยค่ะ”
“โทรอีก!”
“ค่ะ” บุญปลูกกดโทรออกอีกแล้วหันมาบอก “ปิดเครื่องไปแล้วค่ะ”
“กรี๊ด! เขาจงใจหลบ ไม่คุยกับฉัน”
ผ่องทิพย์ร้องไห้หนักเข้าไปอีก
“คุณนายขา ทำใจดีๆไว้นะคะ คิดซะว่าเป็นเวรเป็นกรรม ไปแย่งคุณพวงทองเค้ามา ตอนนี้ก็เลยต้องถูกทั้งคุณขวัญตา ทั้งคุณหญิงไฮโซมาแย่งต่อ”
ผ่องทิพย์ถีบบุญปลูกกระเด็น
“หุบปาก!”
ผ่องทิพย์คิดทำบางอย่าง
“ใครแย่งผัวฉัน ฉันเอาตาย!”
ผ่องทิพย์เดินออกไป บุญปลูกสยองมาก
“น่ากลัวที่สุด”
หญิงมานศรีเดินมาที่รถ หม่อมสรัสวดีตามมาส่ง อย่างเป็นห่วง
“ลูกหญิง ทำไมดื้ออย่างนี้นะ”
“หญิงไปเอาเอกสารมาทำที่ห้องค่ะ ไม่ได้ไปนั่งหลังขดหลังแข็ง แป๊บเดียวนะคะ”
“แม่ขับให้มั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง...หญิงดีขึ้นมากแล้วจริงๆ”
“ตามใจ”
หญิงมานศรีขึ้นรถ ขับออกไป หม่อมสรัสวดีมองตามอย่างเป็นห่วง
ทิวขี่มอเตอร์ไซค์มา ผ่านตามถนนมุมต่างๆ จนมาถึงมุมหนึ่ง คนงานถืออุปกรณ์ตัดอ้อยเดินพรวดออกมาตัดหน้ารถของเขา ทิวตกใจ เบรกกะทันหัน รถเสียหลัก ล้มลง ตัวของเขาลื่นไถลจนหัวไปกระแทกต้นไม้ สลบทันที คนงานซึ่งเป็นลูกน้องของล้วนรีบวิ่งหลบหายไป
หญิงมานศรีขับรถมา เห็นร่างคนนอนสลบอยู่ และมีมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ใกล้ๆ เธอตกใจ รีบจอดรถ วิ่งเข้ามาดูร่างของคนที่นอนคว่ำหน้าอย่างสงสัย พลิกตัวขึ้นมาเห็นทิวนอนสลบอยู่
“นายทิว!”
หญิงมานศรีร้อนใจ คิดจะช่วยเหลือ ก่อนจะเปลี่ยนใจ ทิ้งตัวเขาลงที่เดิม
“ทิ้งให้ตายอยู่ตรงนี้แหละดีแล้ว”
หญิงมานศรีลุกเดินกลับก่อนจะชะงัก เปลี่ยนใจ หันมามองทิวใจอ่อน อดช่วยเหลือไม่ได้ เธอตัดสินใจแบกเขาไปที่รถอย่างยากลำบาก
เข้มกำลังคุมการลำเลียงน้ำตาลอยู่ หญิงมานศรีเดินมาหา
“นายเข้มจ๊ะ”
เข้มลืมตัวตอบ ไม่ได้หันไปมองว่าเป็นหญิงมานศรี
“จ๊ะ”
เข้มหันไปอีกที เห็นเป็นหญิงมานศรียืนอยู่ก็หน้าตื่นทันที
“คุณหญิง...มีอะไรให้กระหม่อมรับใช้เหรอครับ”
“พูดธรรมดา”
“ครับ”
“มานี่เร็ว”
หญิงมานศรีเดินนำไป เข้มตามไปงงๆ
เข้มประคองทิวมาในบ้านพักวางเขาให้นอนลง หญิงมานศรีเดินตามเข้ามา
“มีชุดปฐมพยาบาลอะไรมั้ยจ๊ะ เดี๋ยวฉันช่วยดูแผลให้”
“มีพร้อมครับ นายเจ็บตัวบ่อย”
เข้มผลุบหายเข้าไป หญิงมานศรีพยายามสังเกตอาการของเขาอย่างใกล้ชิด ดูว่าหัวแตกตรงไหน ฟกช้ำดำเขียวตรงไหน จนใบหน้ามาจ่ออยู่ใกล้ใบหน้าของเขา ทิวค่อยๆรู้สึกตัว ค่อยๆลืมตา โดยที่หญิงสาวไม่รู้ ชายหนุ่มเห็นใบหน้าของหญิงสาวลางเลือนก็เข้าใจผิด
“ขวัญตา”
หญิงมานศรีชะงัก
“ขวัญตา”
ทิวรวบตัวหญิงมานศรีเข้ามากอดเอาไว้
“ฉันไม่ใช่ขวัญ...”
ทิวกอดหญิงมานศรีแน่นจนหญิงเธอพูดไม่ออก รับรู้ได้ถึงแรงรักและแรงปรารถนาที่ทิวยังมีต่อขวัญตา หญิงสาวปล่อยให้เขากอดต่อไปโดยไม่ขัดขืน ทิวค่อยๆรู้สึกตัวตื่นดีขึ้นมองร่างที่ตัวเองกอดอยู่ แล้วแปลกใจ ผลักออกมามองหน้าว่าเป็นใคร
“เธอ!”
“ใช่ ฉันเอง ไม่ใช่ขวัญตา เสียใจด้วยนะ”
ทิวลุกขึ้นด้วยความโมโห ก่อนจะโงนเงน เสียหลัก ร่วงลงไปอีก เข้มออกมาพอดี วิ่งเข้ามาช่วยหญิงมานศรีประคองทิว
“นาย ระวัง!”
ทิวสะบัดมือออกจากหญิงมานศรี
“อย่ามายุ่ง!”
หญิงมานศรีโมโห
“น่าจะปล่อยให้ตายอยู่ข้างทาง!”
หญิงมานศรีลุกเดินออกไปทันทีด้วยความหมั่นไส้ เข้มเรียกไว้
“คุณหญิง...จะกลับแล้วเหรอครับ”
“คนอกตัญญูไม่รู้คุณคน หญิงไม่คิดจะเสวนาด้วย”
ทิวสวนขึ้นทันที
“ใครอกตัญญู มาพูดให้รู้เรื่องเลย ยัยมาน”
“ฉันชื่อหญิงมานศรี กรุณาเรียกให้ถูก”
“จะเรียกยัยมาน มีอะไรมั้ย!”
“คนกะโหลกหนา สิ่งดีๆคงไม่เคยแทรกซึมเข้าไปในสมอง”
หญิงมานศรีไม่สนใจอีกเดินหนี ทิวจะโต้ตอบ แต่ไม่ไหว
“โอย...ปวดหัว”
“นาย อย่าเพิ่งเปรี้ยว พักก่อน มา เข้มดูแผลให้”
ทิวทรุดลง เข้มดูแล
“มีคนจงใจวิ่งตัดหน้ารถฉัน”
“เฮ้ย...จริงอ่ะ”
“ฉันจะโกหกแกทำไม!”
“แล้วใครที่มันอยากให้นายรถล้ม”
ทิวสงสัยเทพ
“จะมีใครซะอีก”
ทิวมั่นใจว่าต้องเป็นเทพ
“ศัตรูที่ฉันต้องระวังมันมากขึ้น”
เทพเดินเข้ามา เห็นหญิงมานศรี เก็บเอกสารอยู่ที่โต๊ะ รีบเข้ามาอย่างเป็นห่วง
“คุณหญิง...ผมบอกให้พักไงครับ”
“หญิงมาเอางานไปทำที่บ้านค่ะ...ไม่อยากนอนเฉยๆ เสียดายเวลา”
เทพยิ้มให้อย่างเอ็นดู แม่บ้านเดินเข้ามารายงาน
“คุณหญิงคะ...มีแขกมารอพบที่โถงด้านหน้าค่ะ”
หญิงมานศรีแปลกใจว่าใครคือแขกคนนั้น
หญิงมานศรีและเทพเดินคุยยิ้มหัวกันออกมา เดินเข้าถึงในห้องโถง แล้วก็ชะงักตกใจ เมื่อพบว่า เสกสรรค์ยืนยิ้มหน้าเศร้าอยู่
“เสก!”
เสกสรรค์เดินเข้าหาด้วยความคิดถึง แต่หญิงมานศรีตกใจมาก
“คุณหญิง...”
หญิงสาวเดินหนีเขาออกไปทันที เสกสรรค์จะตามไป เทพเข้ามาขวาง
“ผมว่าคุณหญิงไม่ยินดีที่จะพบคุณนะ”
“ถอยไป! นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับคนรัก คุณไม่เกี่ยว”
เสกสรรค์ไม่สนใจเดินกระแทกไหล่เทพออกไป ทำให้เทพเดือดดาลมาก
หญิงมานศรีเดินหนีมา จะตรงไปที่รถ เสกสรรค์วิ่งตามมาเข้าไปขวาง
“คุณหญิง ได้โปรด อย่าเดินหนีผมเลย”
“ใช่สิ...ยังไงหญิงก็คงหนีคุณไม่พ้น”
“ใช่...ต่อให้คุณหนีผมไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว ผมก็จะตามหาคุณหญิงให้พบจนได้”
“เพื่ออะไรคะ ไหนเสกบอกว่าเสกรักหญิง แท้ที่จริง เสกเกลียดหญิง ถึงได้ตามทำร้ายหัวใจกันไม่รู้จักจบสิ้น”
เสกสรรค์เข้าไปรวบมือของหญิงมานศรี
“ผมไม่มีทางทำร้ายหัวใจของคนที่ผมรักมากที่สุด ในชีวิต”
“หญิงไม่เชื่อคำพูดของเสกอีกแล้ว...ถอยไป!”
หญิงมานศรีผลักเขาออกไปอย่างแรง เสกสรรค์เซ เสียหลัก หญิงสาววิ่งไปที่รถ ขึ้นนั่งปิดประตู สตาร์ทเครื่อง ชายหนุ่มตั้งหลักได้ เห็นหญิงมานศรีกำลังออกรถ เขารีบเข้าไปขวางเอาไว้ เทพวิ่งออกมาเห็นเหตุการณ์...หญิงมานศรีเห็นเสกสรรค์ขวางทางรถอยู่ ตะโกนลั่น
“ถอยไป!”
“ผมไม่ถอย!”
หญิงมานศรีเบรก เสกสรรค์โล่งใจ คิดว่าหญิงสาวใจอ่อน เทพหงุดหงิดอยากให้เกิดเรื่องแตกหัก
หญิงมานศรีลงมาจากรถ
“เสก! หญิงบอกให้ถอยไป”
“ผมไม่ถอย! ผมจะไม่ไปไหน จนกว่าผมจะแน่ใจว่า คุณหญิงหมดรักผมแล้วจริงๆ”
หญิงมานศรีไม่พอใจที่เขายังตื้อเธออยู่ หญิงสาวตัดสินใจ
“หญิงไม่ได้รักคุณอีกต่อไปแล้ว”
“ผมไม่เชื่อ! คุณหญิงยังรักผม เรารักกัน ขอเพียงคุณหญิงอยู่เคียงข้างผม ผมก็พร้อมจะเข้มแข็งต่อสู้เพื่อความรักของเรา”
หญิงมานศรีเชิดหน้า ตัดสินใจแน่วแน่ ขึ้นรถทันที เทพยิ้มสะใจ หญิงสาวเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง ขับรถพุ่งตรงไปทันที โดยไม่สนใจว่ามีเสกสรรค์ยืนขวางอยู่
“ผมพร้อมยอมตาย ถ้าทำให้คุณหญิงเห็นใจผม”
เสกสรรค์ยังยืนนิ่ง จ้องมองรถของหญิงมานศรี สายตาของหญิงสาวแน่วแน่ไม่แพ้กัน
เทพลุ้นอย่างสะใจ รถของหญิงมานศรีใกล้ถึงตัว เสกสรรค์พร้อมถูกชน เธอหลับตาตะโกนลั่น
“หลบไปสิ!”
ทันใดนั้น ทิวก็ทะยานพุ่งมาพาตัวเสกสรรค์ให้พ้นจากถนน จนล้มกลิ้งลงข้างทาง รถหญิงมานศรีวิ่งผ่านไปอย่างเร็ว โดยไม่หยุด ทิวและเสกสรรค์มองตามรถ เสกสรรค์เสียใจมากที่หญิงมานศรีตั้งใจขับรถชนจริงๆ เทพผิดหวังที่ไม่เกิดโศกนาฏกรรม เดินออกไป
ทิวเห็นสภาพของเขาแล้วทั้งสงสารและสมเพช
หญิงมานศรีวิ่งเข้าในคฤหาสถ์ รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไป หม่อมสรัสวดีเดินเข้ามาเห็น
“ลูกหญิง...”
หญิงมานศรีตกใจ
“คะ! หม่อมแม่”
“ไหนบอกว่าจะไปเอางานมาทำไงจ๊ะ ทำไมกลับมามือเปล่า”
“เอ่อ...หญิง”
“ทำไมหน้าซีดแบบนี้ ไข้ขึ้นหรือเปล่า”
หม่อมสรัสวดีแตะตัวลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“หม่อมแม่คะ...หญิง...”
หญิงมานศรีชะงักไม่กล้าพูดต่อเรื่องที่เสกสรรค์มาพบเธอ
“ตัวก็ไม่ร้อน...แต่ก็ไม่น่าไว้ใจ ไปพักผ่อนก่อนลูก แม่พาไปนะ”
หม่อมสรัสวดีประคองออกไป หญิงมานศรีรู้สึกว้าวุ่นใจ
ทิวพาเสกสรรค์ มาที่บ้านพักของเขา เสกสรรค์นั่งเศร้า ถอดใจเรื่องหญิงมานศรี ทิวหันมาถาม
“ดื่มอะไรหน่อยมั้ยคุณ...เผื่อจะทำให้รู้สึกดีขึ้น”
เสกสรรค์ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรทำให้ผมดีขึ้นได้หรอก ขอบคุณครับ...”
เสกสรรค์น้ำตาคลอ
“ไม่กลัวตายหรือไงคุณ”
“คุณไม่น่าผลักผม”
“ชีวิตคุณยังมีค่า ไม่ควรจะจบเพียงเพราะอารมณ์โง่ๆ”
“ถ้าคุณมีหรือเคยมีความรัก คุณจะเข้าใจว่าทำไมบางครั้งคนเราถึงได้ทำอะไรโง่ๆอย่างนั้น”
ทิวอึ้ง
“คุณรักยัย...” ทิวยั้งไว้ “คุณหญิงหญิงมานศรีมากขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่...เราสองคนเคยรักกันมาก แต่เพราะความอ่อนแอของผมเองที่ทำลายความรักของเรา และตอนนี้คุณหญิงก็คงหมดรักผมแล้วอย่างสิ้นเชิง”
เสกสรรค์กลั้นน้ำตาลูกผู้ชายออกมาไม่ไหว
“แต่คุณก็มาตามง้อเธอ คุณไม่ใช่คนอ่อนแอ”
เสกสรรค์ชะงัก
“เพราะคุณกล้าหาญต่างหาก ถึงได้ตามหาเธอจนเจอเพื่อจะยืนยันความรักของคุณ”
“ใช่...ผมยอมให้คุณแม่โกรธผม เพื่อมาหาคุณหญิง แต่มันก็สายไปเสียแล้ว”
ทิวคิดแผนบางอย่าง
“ไม่มีอะไรสาย...นี่คุณไม่เข้าใจอารมณ์ผู้หญิงบ้างหรือไง ว่าช่างประชด”
เสกสรรค์อึ้ง ทิวลอบยิ้มกับแผนการที่จะให้เสกสรรค์ตื้อหญิงมานศรีต่อไปเพื่อขัดขวางเทพ
หญิงมานศรีเล่าให้หม่อมสรัสวดีฟัง ด้วยความรู้สึกผิด และเสียใจ
“หญิง...เกือบเป็นฆาตกร หญิงทำรุนแรงเกินไปหรือเปล่าคะหม่อมแม่”
“ลูกหญิงทำถูกแล้ว ผู้ชายอะไร ตื๊อไม่เลิก น่ารำคาญ เป็นแม่นะ ทำยิ่งกว่านี้อีก”
“หม่อมแม่...ไม่คิดจะให้โอกาสเสกสรรค์แล้วเหรอคะ”
“เรามีทางเลือกนะลูก ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก เมื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อไป”
“หญิงเกือบจะทำใจได้แล้ว แต่เค้ายังมาให้หญิงเห็นหน้าอีก หญิง...”
“ความอ่อนไหวรังแต่จะทำให้ลูกหนีอดีตที่เจ็บปวดไม่พ้น มองหน้าแม่”
หม่อมสรัสวดีจับหน้าของลูกสาวด้วยความทนุถนอม
“แม่รักลูก อยากให้ลูกมีความสุข มีชีวิตที่ดี อย่าทำให้แม่เสียใจด้วยการกลับไปให้เขาดูถูกอีกเลยนะจ๊ะ”
หญิงมานศรีสงสารแม่โผเข้ากอด
“หญิงสัญญาค่ะ ว่าหญิงจะไม่ทำให้หม่อมแม่เสียใจเพราะหญิงเด็ดขาด”
“ชื่นใจแม่จริงๆลูก”
หม่อมสรัสวดีลูบผมลูกสาวอย่างปรานี แต่แอบยิ้มสมใจ เพราะต้องการเชียร์ลูกสาวให้กับเทพ ไม่ใช่เสกสรรค์ ขณะเดียวกันนั้น ขวัญตาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“ได้ยินข่าวว่า...คนรักของคุณหญิงมาตามง้อถึงที่นี่เลยเหรอคะ”
หม่อมสรัสวดีถอนใจ เบื่อ เซ็ง ผ่องทิพย์เดินเข้ามากับบุญปลูก
“แต่ก็ทำเป็นเล่นตัว ไม่ยอมคืนดี...น่าสงสารผู้ชายจริงจริ๊ง”
หญิงมานศรีคอแข็งทันที ไม่พอใจ หม่อมสรัสวดีก็ไม่พอใจ พวงทองเดินออกมากับกลิ่น
“ผ่องทิพย์ ขวัญตา เรื่องส่วนตัวของคุณหญิง ไม่ควรไปก้าวก่าย”
“ขวัญตาแค่อยากคุยเฉยๆ”
ผ่องทิพย์สนใจคำพูดของพวงทอง
“แต่ฉันไม่เฉย มีแฟนอยู่เป็นตัวเป็นตน เค้ามาง้อก็กลับไปซะสิ จะอยู่รอแย่งผัวชาวบ้านทำไม”
หม่อมสรัสวดีโกรธมากตวาดลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ทุกคน ตกใจ หญิงมานศรีพยายามสะกดอารมณ์อย่างที่สุด
เย็นนั้น...ทิวเดินออกมาส่งเสกสรรค์ที่หน้าบ้าน
“สรุปว่า คุณจะกลับกรุงเทพ ไม่คิดจะขอคืนดีกับคุณหญิงมานศรี”
“คุณหญิงเป็นคนเด็ดเดี่ยวและมีเหตุผล...ถ้าเธอทำถึงขนาดนี้แล้ว นั่นหมายถึง ผมต้องยอมรับความจริง”
เสกสรรค์หันเดินออกไป ทิวตะโกนไล่หลัง
“ทั้งๆที่ยังมีโอกาส แต่ไม่สู้ให้ถึงที่สุด คุณยอมแพ้วันนี้ คุณก็จะไม่มีวันชนะอีกเลยไปจนชั่วชีวิต เพราะอะไรรู้มั้ย นายเทพกำลังหมายตาคุณหญิงอยู่ คุณกำลังมีคู่แข่ง”
เสกสรรค์ชะงัก แต่ก็ตัดสินใจเดินออกไป ทิวหงุดหงิดที่แผนตัวเองไม่สำเร็จ
หญิงมานศรีลุกขึ้น จะเลี่ยงการปะทะ ผ่องทิพย์เข้าไปขวาง
“จะรีบไปไหนล่ะคะคุณหญิง ยังคุยกันไม่จบเลย เรื่องแฟนคุณหญิงน่ะ”
“เขาไม่ใช่แฟนหญิง”
ขวัญตาสอดเข้ามา
“อ๋อ...เลิกกันแล้ว แสดงว่าตอนนี้คุณหญิงก็มีแฟนใหม่ได้น่ะสิคะ”
ผ่องทิพย์เบ้หน้าดูถูก
“คนงานในไร่มีเยอะแยะหลายคน เลือกเอาสักคนสิ”
หญิงมานศรีตบหน้าผ่องทิพย์ทันทีด้วยความโกรธและเหลืออด ทุกคนตกใจ หม่อมสรัสวดีสะใจมาก ขวัญตาแอบสะใจ ผ่องทิพย์โกรธจี๊ด
“อีคุณหญิง!”
หญิงมานศรีจ้องหน้าตาแข็งกร้าว
“หญิงเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาหยามเกียรติกัน เพราะหญิงจะไม่อยู่เฉยๆ”
ผ่องทิพย์จะตบคืน หม่อมสรัสวดีเข้าไปจับมือของผ่องทิพย์เอาไว้ แล้วผลักออกไป
“อย่าทำอะไรลูกฉัน ไม่งั้น ฉันจะเอาคืนเธอเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
“กรี๊ด!”
หม่อมสรัสวดีรีบพาหญิงมานศรีออกไปทันที ผ่องทิพย์ดิ้นพล่าน พวงทองหันไปสั่งสาวใช้
“บุญปลูก กลิ่น มาช่วยกันห้ามคุณผ่องหน่อย เร็ว!”
“ฉันจะไปตบมัน ปล่อยฉัน!”
บุญปลูกและกลิ่นช่วยพวงทองห้ามผ่องทิพย์ ขวัญตาแอบสะใจ
เทพนั่งดื่มเครื่องดื่มที่มุมพักผ่อนของตัวเองอยู่ในไร่ ล้วนเดินเข้ามาหา
“ไอ้ไก่อ่อนนั่นกลับไปแล้วครับนาย”
“เจอขนาดนี้ มันคงจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้เสียที”
เทพยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดี
“คุณหญิงมานศรี ใจเด็ดไม่ใช่เล่นเลยนะครับนาย”
“เมื่อคุณหญิงตัดใจจากอดีตคู่หมั้นได้แบบนี้...อีกไม่นานหรอก ฉันจะเป็นคนเข้าไปแทนที่ในหัวใจของคุณหญิงเอง”
เทพอารมณ์ดีมาก เมื่อเห็นศัตรูหมดไปหนึ่งคน มองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าอย่างมีความสุข
เช้าวันใหม่...ทิวเดินออกมา กำลังจะไปทำงานแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าเสกสรรค์เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางมุ่งมั่น
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมต้องการคนรักของผมคืน”
ทิวพอใจ กับการเปลี่ยนใจของเสกสรรค์
เทพกำลังสั่งงานหญิงมานศรีอยู่ที่โต๊ะทำงาน ทิวเดินนำเสกสรรค์มาหยุดตรงหน้า
“ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่อีก...” หญิงมานศรีมองทิว “นาย!”
ทิวยิ้มกวนๆ
“ใช่ ผมพาเขามาเอง คนรักกันควรจะปรับความเข้าใจกันดีๆ ใช้เหตุผลให้มากๆนะครับคุณหญิง”
เทพอึ้ง รู้ได้ทันทีว่าทิวกำลังขัดขวางเขา หญิงมานศรีไม่พอใจ
“คุณเทพคะ หญิงขออนุญาตสักครู่นะคะ”
หญิงมานศรีเดินหลบออกไปทันที เสกสรรค์ตาม เทพจะตามไป ทิวเข้ามาขวาง
“พอดีผมมีเรื่องอยากจะเคลียร์กับคุณ”
เทพชะงักเจ็บใจทิว แต่ปั้นหน้ายิ้ม
“เอาสิ...ฉันมีเวลาให้นายเสมอ”
เทพเดินนำทิวเข้าไปในห้อง
หญิงมานศรีเดินออกมา เสกสรรค์ตามมาจับมือของหญิงสาวเอาไว้
“ปล่อยหญิงนะ!” หญิงมานศรีสะบัด
เสกสรรค์อึ้ง
“คุณหญิง...”
“เสกกำลังจะทำให้หญิงหมดความอดทน”
“ความอดทนของคุณหญิงหมดไป เพราะกำลังมีผู้ชายคนใหม่เข้ามาแทนที่ผม ใช่มั้ย”
“หยุดดูถูกหญิงเดี๋ยวนี้”
หญิงมานศรีตบหน้าเสกสรรค์อย่างแรงด้วยความโกรธ ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างปวดร้าว
“แล้วมันจริงหรือไม่จริง!”
“ต่อให้เป็นเรื่องจริง ก็ไม่เกี่ยวกับเสก!”
“เกี่ยวสิ! เพราะผมยังรักคุณหญิง รักมาก ไม่ว่าใครก็แย่งชิงหัวใจคุณหญิงไปจากผมไม่ได้”
“หัวใจหญิงไม่ใช่ของเล่นให้ใครแย่งชิงกัน จำไว้นะ ต่อให้เสกอยู่ใกล้หญิงแค่ไหน หรือพยายามจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของเรายังไง หญิงก็จะไม่มีทางใจอ่อนกับเสก”
หญิงมานศรีเดินหนีออกไปทันที เสกสรรค์ยืนอึ้ง เศร้า
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ทิวเดินไปมาสำรวจห้องทำงาน เทพมองทิวอย่างไม่พอใจและอึดอัด แต่ก็พยายามใจเย็น ทิวไปหยุดอยู่ที่หน้ารูปภาพวาดรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปถ่ายของทัดพ่อของเขา เมื่อครั้งเพิ่งบุกเบิกไร่อ้อยเมื่อกว่ายี่สิบปีที่แล้ว
“ตกลงนายจะเข้ามาเดินเล่น หรือปรึกษาเรื่องงานกับฉัน”
“ให้คนไปแกล้งตัดหน้ารถมอเตอร์ไซค์ผม...มันนิสัยหมาลอบกัดชัดๆ”
“หึ...ไม่เคยรู้ตัวบ้างหรือไงทิว การเป็นคนขวางโลกของนาย อาจจะไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหนก็ได้ ไม่ยุติธรรมเลยนะที่จะโยนทุกอย่างให้เป็นความผิดของฉัน”
ทิวยังมองอยู่ที่รูป
“คุณเคยคิดถึงพ่อและแม่ผมบ้างหรือเปล่า”
“คิดสิ ทำไมจะไม่คิด พี่ทัดและพี่บุษบาเป็นเหมือนพี่ชายและพี่สาวของฉัน”
“คิดถึงตลอดเวลาเลยหรือเปล่า”
“ใช่”
“เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะว่าความผิดบาปที่คุณทำมันยังติดค้างอยู่ในใจ และสิ่งเหล่านั้นมันจะคอยตามหลอกหลอนไปจนวันตาย!”
เทพอึ้งเครียด ไม่พอใจทิว
“ผมอยากได้รูปพ่อ”
“ทิว...อย่างน้อยก็ขอให้มีรูปพี่ทัดอยู่กับฉันสักรูปเถอะ เพราะนี่คือสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจของฉันเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้”
ทิวหันมองเทพ จ้องเข้าไปในแววตา พยายามอ่านความคิด เทพมองทิวด้วยความนิ่ง แสดงเจตนาบริสุทธิ์
“คิดอีกที ผมเปลี่ยนใจแล้ว ให้พ่อได้อยู่กับคุณ มองหน้าคุณทุกวันแบบนี้แหละ ดีแล้ว”
ทิวเดินออกไป เทพมองตามทิวอย่างเจ็บใจก่อนจะมองไปที่รูปของทัด เทพลุกเดินไปยืนจ้องรูปด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปยิ้มเยาะ
“ฉันจะให้พี่อยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อดูความล่มจมของลูกชายพี่นะ...พี่ทัด”
หญิงมานศรีหยุดยืน สงบสติอารมณ์อยู่ที่มุมหนึ่งในไร่ น้ำตาของหญิงสาวค่อยๆไหลริน
“เมื่อไหร่...มันจะจบเสียที”
หญิงมานศรียืนเหม่อมองไปไกล รู้สึกหดหู่ หมดกำลังใจ สักครู่หญิงสาวก็ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ
“จบสิ มันจบไปแล้ว”
หญิงสาวหันกลับไป เจอเทพยืนมองมาที่เธออย่างอ่อนโยน
“ผมมารบกวนหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ หญิงกำลังจะกลับไปทำงานพอดี ขอโทษนะคะ ที่นำเรื่องไร้สาระมากวนใจคุณเทพ”
“ใช่ครับ มันกวนใจผมมาก”
หญิงมานศรีหน้าเสีย
“หญิงเสียใจค่ะ”
“และก็ทำให้ผมไม่สบายใจมาก ที่มีคนทำให้คุณหญิงต้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
หญิงมานศรีอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเทพจะเห็นใจ เพราะคิดว่าเขาจะโกรธ
“คุณหญิงเจ็บ ผมเอง...ก็เจ็บไปด้วย ไม่แพ้กัน”
หญิงสาวชะงักอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดหวานหู และสายตาอ่อนโยนลึกซึ้งของเขา เทพทำเป็นกลบเกลื่อน
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ควรแสดงความรู้สึกที่มีอยู่ในใจออกมาแบบนี้เลย มันเสียมารยาทจริงๆ”
“ไม่ค่ะ...หญิงต้องขอบคุณซะอีก สำหรับความรู้สึกห่วงใยที่คุณเทพมีต่อหญิง มันทำให้หญิงยิ่งต้องขยันทำงานให้เจ้านายที่แสนดี และเห็นใจลูกน้องอย่างคุณเทพมากขึ้น”
เทพอึ้ง ผิดหวังที่เธอตีความหมายเพียงแค่เจ้านายกับลูกน้อง เขาหัวเราะกลบเกลื่อน
“ขอบคุณครับ”
“หญิงขอตัวไปทำงานนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนครับ...แน่ใจนะว่าสบายใจดีแล้ว”
“ค่ะ”
“งั้น...ต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย ไปกับผม”
หญิงมานศรีแปลกใจ
เสกสรรค์เดินอย่างเซื่องซึมมาที่ลานจอดรถ ทันใดนั้น ทิวก็เดินเข้ามาคว้าแขนเขาลากไปทางหนึ่ง
“ไป!”
“ไปไหน”
“ไปทำในสิ่งที่คุณต้องทำ”
เสกสรรค์แปลกใจ
ผ่องทิพย์กรี๊ดลั่นด้วยความไม่พอใจ อยู่ที่มุมหนึ่งของคฤหาสน์...
“อ๊าย...”
บุญปลูกนั่งเอามือปิดหูด้วยความแสบแก้วหูอยู่ข้างๆ
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ คุณเทพไม่คุยกับฉัน ไม่มาหาฉัน ไม่รับโทรศัพท์ฉัน ไม่มองหน้าฉัน ฉันไม่ใช่อากาศ ไม่มีตัวตนนะ อ๊าย...”
“ก็ดันไปด่าหม่อมเค้าก่อนทำไมล่ะคะ คุณเทพเค้าก็ต้องโกรธคุณนายเป็นธรรมดาค่ะ”
“นังบุญปลูก!”
ผ่องทิพย์เงื้อมือตบ บุญปลูกหลบเข้าหลังเสาทันพอดี
“มาให้ฉันตบแก้เครียดเดี๋ยวนี้เลย”
“อย่าค่ะ คุณนาย เจ็บนะคะ ให้บุญปลูกตบคุณนายดูมั้ยล่ะ ว่าเจ็บยังไง”
ผ่องทิพย์ไล่ตีบุญปลูก พวงทองเข้ามา
“ถ้ามันฟุ้งซ่านนัก ก็ไปหาอะไรทำ หรือออกไปเที่ยวสิผ่อง”
ผ่องทิพย์ค้อน
“ไม่มีอารมณ์!”
“เอาตัวเองไปยึดติดกับคนอื่นมากไป ถึงวันหนึ่งเมื่อเขาไม่เห็นความสำคัญของเรา แล้วผ่องจะอยู่ได้ยังไง”
“อยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ โอ๊ย!”
เสียงมือถือผ่องทิพย์ดังขึ้น พวงทองส่ายหัวเอือมระอา เดินออกไป ผ่องทิพย์รับสาย
“ฮัลโหล...ใคร!”
ขวัญตาโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งหน้าร้านอาหาร
“ขวัญตาแต่เองค่ะพี่ผ่อง พอดี ขวัญตามาทานอาหารกับเพื่อน ที่ครัวมัทรี ต้นตำรับอาหารชาววัง รู้มั้ยคะว่าขวัญตาเจอภาพบาดตาบาดใจค่ะ”
ขวัญตามองไปที่ เทพที่กำลังตักกับข้าวใส่ลงในจานให้หญิงมานศรี
“ร้านนี้กับข้าวอร่อยมาก ขึ้นชื่อมากที่สุดแล้วของจังหวัดเรา”
“ขอบคุณค่ะ”
หม่อมสรัสวดีร่วมโต๊ะอยู่ด้วย หน้าตาระรื่นเต็มที่
“ร้านสวยมากเลยนะคะ ดิฉันคงน้อยใจแย่ ถ้าคุณเทพไม่ชวนมาด้วย”
“ผมบอกตรงๆนะครับ ผมไม่อยากให้คุณหญิงไม่สบายใจ ถ้าต้องมาทานอาหารกับผมเพียงลำพัง”
“ขอบคุณค่ะที่ให้เกียรติลูกหญิง”
“เป็นหน้าที่ของผมที่ผมเต็มใจอย่างยิ่งครับ”
เทพและหม่อมสรัสวดียิ้มให้กันอย่างรู้ความหมาย หญิงมานศรียิ้มให้กับเขาอย่างประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษ
ขวัญตาปิดมือถือมองสามคนอย่างหมั่นไส้ นัยน์ตาลุกวาวด้วยความโกรธ แล้วเดินออกไปทางหนึ่ง
ทิวพาเสกสรรค์เดินมาหยุดที่หน้าร้าน แล้วชี้ให้ดูในร้าน
“คุณเห็นมั้ย”
เสกสรรค์มองเข้าไปในร้าน เห็นเทพตักอาหารเอาใจหญิงมานศรี โดยมีหม่อมสรัสวดีหน้าบานมีความสุข หญิงมานศรีเองก็ดูอารมณ์ดีขึ้น
“นายเทพมีเมียอยู่แล้วตั้งสามคน อยากให้ผู้หญิงที่คุณรักได้ชื่อว่าเป็นคนแย่งสามีคนอื่นหรือไง”
เสกสรรค์เดินเข้าไปในร้านทันที ทิวมองอย่างสะใจ แล้วเดินออกไป...เสกสรรค์เข้าไปที่โต๊ะ ทุกคนชะงัก ตกใจที่เห็นเสกสรรค์ตามมา
“ไปกับผม”
เสกสรรคว้าข้อมือของหญิงมานศรีให้ลุกจากโต๊ะ หญิงสาวพยามสะบัด
“เสก ปล่อยนะ!”
หม่อมสรัสวดีตวาดเสียงเข้ม
“หยุดนะ คุณเสกสรรค์”
“ผมไม่หยุด!”
เสกสรรค์กำลังบ้าคลั่ง ดึงตัวหญิงมานศรีออกไป เทพทนไม่ได้ เข้าไปขวาง เสกสรรค์ต่อยเทพ หญิงมานศรี หม่อมสรัสวดีและคนในร้านตกใจ ส่งเสียงร้อง ทิวสะใจ เดินออกไปอย่างสบายอารมณ์
“มันจะมากไปแล้วนะคุณเสกสรรค์ อย่ามาทำตัวเป็นกุ๊ย ใช้กำลังกับเพื่อนของฉัน!” หม่อมสรัสวดีโกรธจัด
“เพื่อนหม่อม ที่หม่อมตั้งใจจะเปลี่ยนสถานะให้มาเป็นลูกเขยใช่มั้ย”
เทพต่อยเสกสรรค์เปรี้ยงทันที
“อย่าได้พูดจาดูหมิ่นและล่วงเกินคุณหญิงกับหม่อมอีกแม้แต่คำเดียว!”
เสกสรรค์จะเข้าไปเอาเรื่องเทพอีก หญิงมานศรีเข้ามาขวางเอาไว้ แล้วผลักออก
“พอได้แล้ว เสก!”
“คุณหญิงกำลังถูกผู้ชายคนนี้หลอก รู้ตัวหรือเปล่า”
“กลับไปเดี๋ยวนี้นะ...แล้วจำไว้ ว่าจากวินาทีนี้เป็นต้นไป แม้แต่คำว่าเพื่อน หญิงก็จะไม่มีให้ อย่าได้หวังว่าเส้นทางชีวิตของเราจะมาเจอกันได้อีก”
หญิงมานศรีเดินออกไปนอกร้านทันที เสกสรรค์มองตามหญิงสาวด้วยความเศร้าใจ หม่อมสรัสวดีมองเสกสรรค์อย่างเหยียดหยาม
“ตอนนี้คุณไม่มีความสำคัญสำหรับชีวิตลูกหญิงอีกต่อไปแล้ว ถ้าฉลาดพอ ก็ควรจะลืมลูกหญิงซะ”
หม่อมสรัสวดีหยิบกระเป๋า รีบตามลูกสาวไป เสกสรรค์มองเทพอย่างแค้นเคือง
“ยังไงผมก็ไม่ยอมเสียคุณหญิงให้คุณ”
เทพยิ้มเย็น
“จะสู้กับคนอย่างผม กลับไปคิดให้ดีซะก่อน”
เทพเดินออกไป ทิ้งเสกสรรค์ยืนอยู่คนเดียวอย่างหมดรูป ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน
หม่อมสรัสวดีพยายามเดินตามหญิงมานศรีให้ทัน
“ลูกหญิง รอแม่ก่อน”
หญิงมานศรียังเดินไป ด้วยความอัดอั้นตันใจ หม่อมสรัสวดีเร่งฝีเท้าตาม เทพเดินตามมา หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์
“ล้วน...ฉันรำคาญไอ้ไก่อ่อนนั่นเต็มทีแล้ว!”
เทพวางสาย สายตาเหี้ยมเกรียม รีบตามหญิงมานศรีไป
เทพ หญิงมานศรี หม่อมสรัสวดี เดินมาจะขึ้นรถ ผ่องทิพย์เดินเข้ามาจากทางหนึ่ง
“อาหารอร่อยมากมั้ย!”
ทุกคนตกใจ หันไป ผ่องทิพย์ไม่ปล่อยให้ใครตั้งตัวทัน เข้าไปจับหญิงมานศรีมาแล้วตบหน้าทันที
“โอ๊ย!”
เทพกับหม่อมสรัสวดีตกใจ
“คุณหญิง /ลูกหญิง!”
ผ่องทิพย์ชี้หน้า
“ผัวฉันยังไม่เคยพาฉันมากินที่นี่เลย แกเป็นใคร!”
เทพรีบเข้าไปดูแลหญิงมานศรี ผ่องทิพย์เห็นยิ่งกรี๊ด หม่อมสรัสวดีทนไม่ไหว เข้าไปตบผ่องทิพย์เอาคืน
“โอ๊ย!”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าทำอะไรลูกฉัน! เธอมันก็แค่เมียบ้านๆที่เขาไม่ได้เชิดชู จะให้คุณเทพพามา แล้วกินอาหารแบบนี้เป็นหรือไง”
ผ่องทิพย์โกรธ
“แก!”
เทพตวาดลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้น่ะผ่องทิพย์”
“ผ่องไม่หยุด คุณกำลังจะทิ้งผ่อง ผ่องรู้นะ ผ่องไม่ยอม ผ่องจะจัดการมันไปให้พ้น”
“ถ้ายังไม่หยุดพล่าน ฉันจะจัดการเธอเอง”
เทพมองผ่องทิพย์ด้วยสายตาแข็งกร้าว จนผ่องทิพย์กลัว
“กลับไปเดี๋ยวนี้!”
ผ่องทิพย์มองหญิงมานศรีอย่างแค้นเคือง หญิงมานศรีเชิดหน้า ไม่สบตาด้วย แต่หม่อมสรัสวดีเข้าไปขวางเอาไว้ มองหน้าผ่องทิพย์อย่างเยาะเย้ย ผ่องทิพย์จึงสะบัดหน้ากลับออกไปด้วยความโกรธ
“คุณหญิง ผมขอโทษจริงๆ ผม...จะแก้ตัวกับคุณหญิงยังไงดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“อย่ามาแก้ตัวกับหญิงเลยค่ะ ไปอธิบายให้ภรรยาของคุณเข้าใจดีกว่าว่าหญิง และคุณบริสุทธิ์ใจต่อกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น”
เทพสบตากับหม่อมสรัสวดี ทั้งสองรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่หญิงมานศรียืนยันเรื่องสถานะที่ไม่มีทางเป็นไปในเรื่องชู้สาว ขวัญยืนมองมาจากมุมหนึ่ง ไม่พอใจที่ผ่องทิพย์ราวีแพ้พ่าย
เย็นนั้น เข้มกำลังจ่ายเงินค่าจ้างให้คนงานอยู่มุมหนึ่งโรงงานน้ำตาล
“รับเงินแล้ว เก็บๆบ้างนะเว้ย บัญชีครัวเรือนน่ะทำกันบ้างหรือเปล่า ทำแล้วเลิกจนนะเว้ย”
หญิงมานศรีเดินเข้ามาหาเข้ม
“นายทิวอยู่ไหน”
เข้มตกใจ สะดุ้ง
ทิวอยู่ที่มุมพักผ่อนของคนงาน คนงานส่งจอกเหล้าสาโทให้
“เอาแค่พอหอมปากหอมคอพอนะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงาน”
“ไม่ต้องห่วงนาย พอเป็นกระไสย เดี๋ยวก็ต้องรีบเอาเงินกลับไปให้เมีย เดี๋ยวมันตามมาด่า”
“กลัวเมีย”
“ไม่กลัว แต่เกรงใจ”
ทุคนฮากันครืน...ทันใดนั้นเสียงหญิงมานศรีดังขึ้น
“นายทิว!”
ทิวและคนงานชะงัก หันไป หญิงมานศรียืนหน้าเครียดมองมาที่ทิว โดยมีเข้มยืนจ๋อยๆอยู่ข้างๆ
“ฉันมีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกับนาย!”
ทิวลุกขึ้นเดินไปหาประจันหน้าอย่างท้าทาย หญิงมานศรีผงะเล็กน้อย แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ ไม่ยอมหลบตาที่แข็งกร้าวของเขา
เสกสรรค์จอดรถเติมน้ำมัน ออกมาจากรถ สั่งเด็กปั๊ม
“เต็มถังครับ”
เสกสรรค์เดินไปเข้าห้องน้ำด้านหลัง ลูกน้องของล้วนสองคนขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา ตรงไปที่หน้าห้องน้ำ...เสกสรรค์เข้าห้องน้ำ สวนกับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมา ลูกน้องล้วนมาจอดมอเตอร์ไซค์หน้าห้องน้ำ คนหนึ่งเดินตามเสกสรรค์เข้าไปในห้องน้ำ ส่วนอีกคนคุมเชิงอยู่ข้างนอก
ทิวยังยืนประจันหน้ากับหญิงมานศรี เข้มและคนงานต่างมองมาอย่างสนใจ หญิงมานศรีไม่อยากคุยเรื่องส่วนตัวต่อหน้าคนงาน
“ฉันต้องการคุยกับนายเป็นการส่วนตัว”
“ไม่มีเวลาส่วนตัว ผมกำลังสนุกกับคนงาน อยากคุยก็คุยที่นี่”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะรอเวลาให้ถึงเวลาส่วนตัวของนาย แล้วค่อยคุย”
หญิงมานศรีเดินหนีไป ทิวไม่พอใจ เข้มโล่งใจ
“เฮ้อ...โล่งอก จะได้ไม่มีเรื่อง”
แต่ทันใดนั้น ทิวกลับเดินตามหญิงมานศรีไป เข้มหน้าเหวอ
“อ้าว...”
คนงานมองๆ
“แต่นายท่าทางจะชอบหาเรื่องว่ะ”
เข้มและคนงานมองหน้ากัน ก่อนที่เข้มจะตัดบท
“ไป กลับๆๆๆได้แล้ว ไป”
คนงานสลายตัว เข้มลังเลจะตามทิวไปดีหรือไม่ดี
“เรื่องของนาย...ห้ามยุ่งเว้ย”
เข้มเดินตามคนงานคนอื่นๆออกไป
เด็กปั๊มจะเข้าห้องน้ำ เจอลูกน้องล้วนที่เฝ้าอยู่ข้างหน้ากันเอาไว้
“เฮ้ย! รอก่อน”
“รออะไรพี่ จะราดแล้วเนี่ย!”
เสียงของหนักล้มโครมในห้องน้ำ เด็กปั๊มตกใจ ลูกน้องอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วทั้งสองคนก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างเร็ว เด็กปั๊มเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววิ่งตกใจหน้าตาตื่นออกมา ตะโกนขอความช่วยเหลือ
“เฮ้ย! มีคนบาดเจ็บ”
เสกสรรนอนกองอยู่บนพื้น ในสภาพเลือดโชกเพราะถูกซ้อม บาดเจ็บอย่างรุนแรง จนหมดสติ
เด็กปั๊มสองสามคนกรูกันเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ
หญิงมานศรีเดินมา ทิวเข้ามากระชากแขนของเธอให้หันมา
“อ่ะ ตอนนี้ส่วนตัวแล้ว อยากคุยก็คุย”
หญิงมานศรีไม่พูดพร่ำทำเพลง ตบหน้าทิวอย่างแรง
“เธอ!”
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน!”
“ฉันยุ่งอะไร”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่านายคือคนที่ยุให้เสกตามตื้อฉันไม่เลิก”
ชายหนุ่มกระชากตัวหญิงสาวเข้ามา
“แล้วทำไม!”
หญิงมานศรีดิ้น
“ฉันเจ็บ...ปล่อย!”
“เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะว่าถ้ามาอยู่ใกล้ฉัน จะต้องโดนแบบนี้!”
ทิวประกบปากเธอทันที หญิงมานศรีกัดปากเขาอย่างแรง จนทิวผงะออกไป
“โอ๊ย!”
“ฉันจะไม่ยอมให้นายรังแกฉันอีกต่อไปแล้ว เมื่อนายพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันไปจากที่นี่ วันนี้ฉันก็จะพูดให้นายฟังชัดๆแล้วก็จำให้ขึ้นใจเลยนะว่า...ฉันไม่มีทางยอมแพ้และจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ทิวอึ้ง เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของหญิงสาว
“นายไม่ใช่คนดีที่ฉันควรจะต้องรักษาน้ำใจอีกต่อไป ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
“ดี...งั้นเธอก็เตรียมรับมือฉันได้เลย อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเก่งได้สักแค่ไหน”
หญิงมานศรีและทิวเผชิญหน้าท้าทายกัน
พิไลพรกลับมาจากทำงาน เดินเข้ามา หม่อมสรัสวดีเดินออกมาถาม
“พร...ตอนเข้ามาเห็นลูกหญิงมั้ย”
“ไม่เห็นเลยค่ะ”
“บอกว่าจะไปสั่งงานที่โรงงาน ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย ยังไม่หายป่วยดีเท่าไหร่เลยนะ ฉันเป็นห่วง”
ขณะเดียวกันนั้น หญิงมานศรีเดินเข้ามาพอดีหน้าซีดๆ พิไลพรโล่งใจ
“คุณหญิงกลับมาแล้วค่ะ”
หม่อมสรัสวดีเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง
“ลูกหญิง...”
“หญิงขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะหม่อมแม่ หญิงรู้สึกเพลีย”
หญิงมานศรีเดินเข้าไป หม่อมสรัสวดีและพิไลพรมองตามอย่างเป็นห่วง
หญิงมานศรีเดินเข้ามาในห้อง แล้วทิ้งตัวลงอย่างอ่อนล้าเต็มที มองไปที่หัวเตียงซึ่งมีรูปของท่านชายอมรเทพตั้งอยู่เคียงคู่กับรูปของหม่อมสรัสวดี
“ท่านพ่อขา...ทำไมมีแต่คนดูแคลนหญิง ทั้งๆที่หญิงไม่ได้ทำอะไรผิด...แต่หญิงจะไม่ยอมแพ้ต่ออคติของคนพวกนั้น หญิงจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าหญิงเป็นหงส์ไม่ใช่กา”
รูปของท่านชายอมรเทพที่มีรอยยิ้มน้อยๆ เหมือนจะรับรู้ความรู้สึกของหญิงมานศรีและให้กำลังใจผ่านรอยยิ้มนั้น
ค่ำนั้น หญิงมานศรีเดินมามุมหนึ่งของคฤหาสน์ กลิ่นเห็นก็เข้ามารับใช้
“คุณหญิงจะรับอะไรคะ”
“หญิงแค่หิวน้ำ ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยวหญิงไปที่ครัวเอง ไม่รบกวนจ๊ะ”
กลิ่นยิ้มให้ แล้วเดินออกไป หญิงมานศรีเดินต่อไป
ขวัญตาเปิดประตูห้องนอนของตนเห็นเทพยืนอยู่หน้าห้องก็ยิ้มดีใจ
“คิดว่าคุณเทพจะลืมซะแล้ว ว่าคืนนี้ขวัญตารอคุณเทพอยู่”
“ฉันจะลืมได้ไง”
เทพจะเข้าห้องขวัญตา ผ่องทิพย์เข้ามาดึงตัวเทพเอาไว้
“คุณเทพต้องคุยกับผ่องให้รู้เรื่องก่อน”
“ผ่องทิพย์ นี่ไม่ใช่เวลาของเธอ และฉันก็คิดว่า เราคุยกันรู้เรื่องดีแล้วนะ”
“ยังค่ะ!”
ขวัญตาไม่พอใจ แต่แสร้งทำเป็นพูดดีด้วย
“พี่ผ่องขา ทำไมชอบระรานคนอื่นเขานักล่ะคะ สร้างแต่เรื่อง ชอบทำให้คุณเทพไม่สบายใจอยู่เรื่อย”
ผ่องทิพย์หันมาตวาด
“แกไม่ต้องสาระแน เงียบไปเลย”
หญิงมานศรีถือแก้วน้ำเดินมาตามทางใกล้บันไดขึ้นชั้นบน ชะงักเพราะได้ยินหางเสียงตวาดของผ่องทิพย์ ชะงัก หยุดมองขึ้นไป ก่อนจะตัดสินใจเดินต่อไป บังเอิญชนเข้ากับทิว ทำให้น้ำกระฉอกหก หญิงมานศรีตกใจ
“นาย!”
“ขวางอยู่ทำไม หลบไป”
“นายเข้ามาทำไม”
“นี่บ้านพ่อผม...ผมจะมาทำไมก็เรื่องของผม”
พวงทองเข้ามา ทิวหันไปถาม
“ให้ผมมาหาทำไม”
พวงทองยื่นซองเอกสารให้ทิว
“จดหมายของพ่อที่เคยเขียนถึงลุงมิตรก่อนตาย พี่ไปเจอที่ห้องเก็บของ...เผื่อทิวอยากจะอ่าน”
ทิวรีบคว้าซองมา พวงทองเดินแยกไป ทิวจะหันกลับ หญิงมานศรียืนมองตาใสอยู่
“สอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่น...ผู้ดีซะเปล่า!”
หญิงมานศรีเจ็บใจ สาดน้ำที่เหลือในแก้วใส่หน้า ทิวโกรธจะปราดเข้าไป หญิงสาวมองหน้าท้าทาย
“นายทำอะไรฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันจะร้องให้คนมาช่วย บอกว่านายคิดจะข่มขืนฉัน”
ทิวอึ้ง เจ็บใจเดินออกไป หญิงมานศรีโล่งอก เธอเห็นน้ำเปียกเลอะ รีบวิ่งออกไปหาผ้ามาเช็ด
ขณะเดียวกัน เทพตวาดผ่องทิพย์ลั่น
“เงียบได้แล้วผ่องทิพย์!”
“คุณเทพ...เดี๋ยวนี้ไม่คิดจะสนใจ ปกป้องผ่องอีกแล้วใช่มั้ย ยัยหม่อมนั่นมันตบผ่องนะ แล้ว รู้มั้ยว่ามันพูดกับผ่องว่ายังไง มันจงใจจะถวายพานลูกสาวมันให้เป็นเมียคุณ”
ขวัญตาตาลุกวาว นึกไม่พอใจ หญิงมานศรีที่กำลังเช็ดน้ำบนพื้นด้วยกระดาษทิชชู่ ชะงัก อึ้ง ตกใจ เสียงผ่องทิพย์ยังดังมา
“...แล้วจะเฉดหัวพวกเราออกไป คุณรู้มั้ย”
หญิงมานศรีมือสั่น ตกใจในสิ่งที่ได้ยิน รีบถือแก้วน้ำเดินออกไปทันที...เทพไม่พอใจมาก
“เอาอะไรมาพูด เพ้อเจ้อ ไร้สาระ หึงไม่เข้าเรื่อง”
“ผ่องไม่ได้สร้างเรื่อง!”
“เธอกำลังทำให้ฉันรำคาญและหมดอารมณ์”
เทพเดินหนีไปทันทีอย่างหงุดหงิด ผ่องทิพย์มองตามอย่างเสียใจ ขวัญตาหน้าเหวอ
“อ้าว...เกี่ยวอะไรกับขวัญตาล่ะคะ”
ขวัญหันมองผ่องทิพย์อย่างไม่พอใจ ผ่องทิพย์ ตะคอก
“มองฉันทำไม!”
“เพราะแกทำให้ฉันอดเลยเห็นมั้ย อีบ้า!”
ขวัญตาผลักผ่องทิพย์กระเด็น
“โอ๊ย!”
ผ่องทิพย์จะเข้าไปเอาเรื่อง แต่ขวัญตาปิดประตูกระแทกหน้าผ่องทิพย์อย่างแรงแล้วล็อกทันที
“นังขวัญตา แน่จริงแกเปิดประตูเลย เปิดสิ”
ผ่องทิพย์ตีประตูห้องขวัญตาไม่ลดละ
อ่านต่อหน้า 3 เวลา 17.00 น.
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
หญิงมานศรีมาเคาะประตูห้องแม่ หม่อมสรัสวดีเปิดประตูออกมาเห็นลูกสาวยืนหน้าซีดอยู่ที่หน้าห้อง เหมือนมีเรื่องอยากจะถาม
“มีอะไรเหรอจ๊ะลูกหญิง ทำไมยังไม่นอนอีก”
“หม่อมแม่คะ...หม่อมแม่คิด...”
หญิงมานศรีชะงักอึ้งไป เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและเป็นห่วงของแม่แล้ว ทำให้เปลี่ยนใจที่จะถามสิ่งที่ได้ยินมา
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“อะไรไม่สบายใจก็คุยกับแม่ได้นะลูก”
“ไม่มีค่ะ หญิงสบายดี แค่อยาก...มาหาหม่อมแม่ก่อนนอน”
“โอ๋ ลูกหญิง แก้วตาดวงใจของแม่”
หม่อมสรัสวดีโอบลูกสาวเข้ามากอดอย่างรักใคร่ จนหญิงมานศรีรู้สึกผิด
พวงทองเดินหนีเทพมานั่งบนเตียง ด้วยท่าทีเฉยชา
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
“ว่ามาสิคะ”
“ถ้านายทิวไม่อยากทำงานแล้วเที่ยวทำตัวป่วนชีวิตคนอื่นอยู่แบบนี้ ฉันอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างให้เด็ดขาด”
“เด็ดขาด ยังไงคะ...ฆ่าให้ตายเลยหรือเปล่า”
เทพผลักพวงทองลงนอนบนเตียงอย่างกักขฬะ
“ทำไมจ้องจะคิดว่าฉันเป็นคนเลวคนชั่วนักห้ะ”
“ถ้าไม่ได้เป็นคุณจะเดือดร้อนทำไม”
เทพลงไปนอนคลอเคลียใช้ไม้อ่อน พวงทองหันหน้าหนี
“คืนนี้...ไม่ใช่เวลาของคุณที่จะมาทำกับฉันแบบนี้”
“ฉันเป็นคนตั้งกฎ ฉันจะทำอะไรก็ได้...พวงทองเธอรักฉันบ้างมั้ย”
พวงทองไม่พูด เทพจับหน้าเธอหันมาอย่างแรง
“ไม่รักเลยใช่มั้ย”
พวงทองก็ยังไม่พูด เทพประกบปากเธออย่างรุนแรง แล้วถอนออก
“ฉันรู้ว่าเธอรัก แต่ปากแข็ง”
พวงทองแสยะยิ้ม
“วิธีเด็ดขาดที่ฉันจะจัดการกับน้องชายเธอ คือฉันจะซื้อหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ของเขาในราคาที่ได้กำไรหลายเท่า เพื่อที่ฉันจะได้บริหารทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ”
“ทิวไม่มีทางยอมขาย”
“เธอก็ทำให้ทิวยอมสิ”
พวงทองอึ้ง เทพลูบไล้ เล้าโลม
“แล้วฉันสัญญา...ว่าเธอจะเป็นภรรยาหมายเลขหนึ่งของฉัน”
“ไม่ได้จองตำแหน่งนี้ไว้ให้คุณหญิงหญิงมานศรีเหรอคะ”
เทพอึ้ง หมดอารมณ์ ผละออกจากพวงทองทันที
“เธอเป็นเมียฉัน เธอต้องทำตามคำสั่งของฉัน ไม่งั้น...เธอจะไม่มีวันได้รับอิสระจากฉัน พวงทอง!”
เทพเดินออกไป ปิดประตูอย่างแรง พวงทองสุดจะทนกับความเจ็บปวดที่เทพกระทำ ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น
หญิงมานศรีเข้ามาในห้อง ปิดประตู
“หญิงขอโทษนะคะหม่อมแม่ หม่อมแม่ของหญิงไม่มีทางทำอย่างที่คุณผ่องทิพย์พูดเด็ดขาด”
หญิงมานศรีเดินไปนอนบนเตียงอย่างอิดโรย รู้สึกปวดหัวเพราะความเครียด ค่อยๆล้มตัวลงนอน หลับตา
ทิวเปิดอ่านจดหมายอย่างเคร่งเครียด อารมณ์แค้นปรากฏขึ้น แต่ก็พยายามระงับสติ...เช้าวันใหม่เขาไปที่โรงงานน้ำตาล ดูไลน์การผลิต เข้มวิ่งมาหน้าตาตื่น
“นาย...ไอ้ช้างมันถูกมีดตัดอ้อยฟันที่ขา ถึงกระดูกเลย”
“พาไปโรงพยาบาลเร็ว!”
ทิววิ่งออกไปกับเข้มด้วยความเป็นห่วงคนงาน
พิไลพรพาหญิงมานศรี มานั่งพักที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“ใครเตือนก็ไม่เชื่อ ว่าอย่าเพิ่งกลับไปทำงาน ดื้อนัก”
“อย่าบ่นได้มั้ย”
“แล้วยังโกหกหม่อมแม่อีกว่ามาส่งพรแล้วจะไปช็อปปิ้งต่อ ที่แท้ตัวเองก็ปวดหัวแทบระเบิดให้พามาหาหมอ”
“บ่นอีกคำเดียว หญิงจะไม่พูดด้วยสามวัน”
“จู่ๆคุณหญิงก็ปวดหัวไมเกรน แสดงว่าเครียดมาก...ไม่เอานะคะ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็มันผ่านไป อย่าเก็บมาคิด นี่พรไม่ได้บ่นนะ แค่พูดให้ฟัง”
“หญิงไม่คิดถึงเรื่องที่มันผ่านมาแล้วหรอก หญิงคิดแต่เรื่องที่จะเกิดขึ้นวันนี้ พรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าหญิงจะต้องรับมือกับอะไรบ้าง”
หญิงมานศรีนึกหวั่นเรื่องทิว
เข้มเดินมาส่งทิวหน้าโรงพยาบาล
“ถึงมือหมอแล้ว มันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะนาย”
“ทีหลัง ดูแลเรื่องความปลอดภัยหน่อย อะไรวะ เดินเข้าไปได้ คนกำลังตัดอ้อย”
“ครับนาย”
“ฝากจัดการด้วย ฉันกลับก่อน”
“ครับนาย”
ทิวเดินออกไป เข้มกลับเข้าไปในโรงพยาบาลต่อ...ทิวเดินมาพลันเหลือบไปเห็นลุงมิตรกำลังนั่งอยู่ที่สวนหย่อม
“ลุงคนนั้นนี่”
ลุงมิตรหันหน้ามา ทำให้ทิวมองเห็นใบหน้าของลุงมิตรชัดๆอีกครั้ง ทิวนึกสงสัย
“ทำไมหน้าลุงดูคุ้นๆ”
ลุงมิตรลุกขึ้นเดินไปเดินมา ทิวยังเฝ้าสังเกตลุงมิตรไม่วางตา
พิไลพรพาหญิงมานศรีเดินมาหน้าโรงพยาบาล
“ขับรถกลับไหวนะคะคุณหญิง”
“สบายมากจ๊ะ”
ทิวเดินเข้ามา เห็นหญิงมานศรีอยู่กับพิไลพรก็ชะงัก หญิงมานศรีหันหน้าหนี พิไลพรแปลกใจ
“คุณทิว มีอะไรเหรอคะ!”
“ผมมีเรื่องรบกวนคุณพรหน่อยครับ”
พิไลพรแปลกใจ หญิงมานศรีเองก็แปลกใจว่าเรื่องอะไร
ลุงมิตรนั่งซึมเหม่ออยู่บนเก้าอี้ ทิวเดินมากับพิไลพร หญิงมานศรีเดินตามมาห่างๆ สังเกตอยู่เงียบๆ ทั้งหมดยืนดูลุงมิตรที่ท่าทางดูเลื่อนลอย ลุกบ้าง นั่งบ้าง เดินบ้าง พิไลพรอธิบายอาการของลุงมิตร
“ไม่มีใครรู้ว่าแกเป็นใครหรือมาจากไหน ชาวบ้านพบแกบาดเจ็บไม่ได้สติที่ริมแม่น้ำ...เลยพามาที่นี่ รักษาตัวอยู่นาน กลายเป็นคนพิการ พอฟื้นก็จำอะไรไม่ค่อยได้ พูดจาสับสนไปหมด เหมือนจะเสียสติ แต่ไม่ใช่ เพียงแค่ความจำแกยังไม่กลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
ทิวเดินเข้าไปหาช้าๆ ลุงมิตรชะงักมองทิว
“ลุงครับ...ลุงชื่ออะไรครับ เผื่อผมอาจจะพอรู้จัก เพราะผมคุ้นหน้าลุงมาก”
ลุงมิตรรีบลุกหนีไปทันที
“เดี๋ยวก่อนครับลุง!”
ลุงมิตรเดินลิ่วไป หญิงมานศรีและพิไลพรมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
หญิงมานศรีเดินลิ่วมา จะกลับไปที่รถ ทิวเดินตามหลังมาติดๆ หญิงสาวพยายามเร่งฝีเท้า เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มอยู่ใกล้ แต่ทิวก็เร่งฝีเท้าตามขึ้นไปในที่สุด หญิงมานศรีตัดสินใจวิ่ง แต่แล้วจู่ๆเธอก็ปวดหัวอย่างแรง จนต้องหยุดวิ่ง
“โอ๊ย...”
ทิวตกใจ เข้าไปดูอาการ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ”
“ฉันปวดหัว”
“กลับไปหาหมอดีกว่า! เป็นมากขนาดนี้ นอนโรงพยาบาลเถอะ”
“ไม่ ฉันมียา...ฉันไม่อยากนอน ไม่อยากให้หม่อมแม่เป็นห่วง”
หญิงมานศรีพยายามจะฝืนตัวเองเดินไป ทิวคอยมองอย่างระวัง แต่แล้วหญิงสาวก็เซปวดมาก ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองไว้
“มา ผมช่วย”
“ไม่ต้อง”
ทิวผลักเลย
“งั้นก็เดินเอง”
หญิงมานศรีล้มลง
“โอ๊ย!”
ทิวตกใจ เข้าไปประคองอีก
“ผมขอโทษ...”
ฃายหนุ่มตัดสินใจอุ้มหญิงสาวขึ้นมาทันที
“ปล่อย...ฉัน...นะ”
“เก็บความอวดดีไว้ใช้ในเวลาอื่นเถอะ!”
ทิวอุ้มหญิงมานศรีไปนั่งพักที่มุมพักผ่อน เขายื่นยาและส่งน้ำขวดให้เธอดื่มน้ำ หญิงมานศรีทานยาเสร็จแล้ว พยายามนั่งนิ่งๆ ทิวลงนั่งข้างๆ เงียบๆ เหล่มองเป็นระยะกลัวเธอจะล้มอีก สักครู่หญิงมานศรีก็หลับตาลงหัวค่อยๆเอนลงๆ จนซบกับไหล่ของเขาและหลับไป
“เธอ...”
หญิงมานศรีเงียบ ไม่โต้ตอบ
“หลับแล้วหรือไง”
หญิงมานศรียังเงียบ ทิวเช็กดู ก็พบว่าเธอหลับแล้วจริงๆ ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดที่ถูกหญิงสาวอิงแอบ หญิงมานศรีสัปหงก ลื่นมาซบที่อกของเขา ทิวถอนใจเฮือก ก่อนจะใจอ่อน ค่อยๆจับหัวเธอให้ซบไหล่ในท่าที่เหมาะสม และปล่อยให้หลับต่อไปโดยซบกับไหล่ของตัวเอง รู้สึกเขินๆเหมือนกัน
หม่อมสรัสวดีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ขวัญตาถือแก้วเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้อย่างเอาใจ
“ฉันไม่ได้สั่ง”
“อ๋อ...เป็นน้ำใจของขวัญตาที่อยากทำให้หม่อม ในฐานะเจ้าของบ้านที่ดีต้องรับรองแขกอย่าให้ขาดตกบกพร่องค่ะ”
หม่อมสรัสวดีมองเหยียด
“เจ้าของบ้าน...เธอน่ะเหรอ”
“ค่ะ อีกไม่นาน ขวัญตาก็จะจดทะเบียนกับคุณเทพกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย หม่อมไม่ทราบเรื่องนี้เหรอคะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องทราบ”
หม่อมสรัสวดีลุกเดินหนี
“ก็ทราบไว้แล้วกันค่ะ ว่าคุณเทพเกิดมาเพื่อขวัญตา ไม่ใช่เพื่อคนอื่น”
หม่อมสรัสวดี หันมองขวัญตาตาเขียว
“เธอแน่ใจเหรอถึงได้พูดออกมา”
“ทำไมจะไม่แน่ใจล่ะคะ...หม่อมนั่นแหละค่ะ แน่ใจเหรอคะถึงได้ถามขวัญตาอย่างนั้น”
ขวัญตามองหม่อมสรัสวดีอย่างท้าทาย ลุกขึ้นยิ้มหวานให้
“ดื่มสักหน่อยนะคะ อุตส่าห์ชงมาให้ ไม่อย่างนั้น...ขวัญตาก็จะคิดได้ว่า หม่อมไม่อยากเป็นมิตรกับขวัญตา เราคงมองหน้ากันลำบากนะคะ”
ขวัญตายิ้มเยาะๆให้หม่อมสรัสวดี แล้วเดินเชิดๆผ่านไป หม่อมสรัสวดีมองขวัญตาอย่างหมั่นไส้
“รำคาญจริง! นังพวกแมงหวี่แมงวัน ฉันจะให้พวกแกได้เจอดี”
เทพกดวางสายมือถืออย่างอารมณ์เสีย ล้วนยืนอยู่ข้างๆ
“คุณหญิงไปไหนของเขานะ ไม่รับสายฉันเลย”
“อาจจะกำลังเพลิดเพลินกับการดูหนังหรือช็อปปิ้งอยู่ก็ได้ครับนาย วันนี้เป็นวันหยุดของเธอนะครับ”
“ก็ฉัน...หวง”
“ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะครับนาย”
“ก็จริง...”
เทพยิ้มมีความสุขเมื่อคิดถึงหญิงมานศรี
ทิวพาหญิงมานศรีมาที่บ้านพักของเขา แล้วยืนมองเธอที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่บนโซฟา
“อดหลับอดนอนมาเป็นชาติเลยหรือไง...จะตื่นเมื่อไหร่เนี่ย!”
หญิงมานศรีเพ้อเบาๆ ทิวชะงัก
“เพ้ออะไร”
ชายหนุ่มก้มลงไฟฟังใกล้ๆ
“ท่านพ่อขา...ช่วยหญิงด้วยอย่าทิ้งหญิงไป หญิงคิดถึงท่านพ่อ”
น้ำตาหญิงมานศรีไหลออกมา ทิวอึ้งเห็นความอ่อนไหวของหญิงสาว มันละลายความแข็งกระด้างในหัวใจของเขาลง ชายหนุ่มค่อยๆปาดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างแผ่วเบา...หญิงมานศรีกอดแขนของทิวเอาไว้ เหมือนเด็กกอดหมอนข้าง กอดแน่น เหมือนยึดเป็นที่พึ่ง ชายหนุ่มชะงักจ้องมองหญิงสาว
“หึ แล้วทำเป็นอวดเก่ง...”
ทิวเผลอมองหน้าหญิงมานศรีอย่างอ่อนไหว
ทิวยังจ้องมองหน้ามานศรีโสภาคย์ ที่กอดแขนทิวไม่ยอมปล่อย สายตาของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งอยู่ลึกๆ มานศรีโสภาคย์เพ้อออกมา
“ทำไมทุกคนต้องเกลียดหญิง...หญิงต้องทำยังไง ทำยังไง”
“แค่เพียงเธอมีจิตใจที่ใสซื่อและบริสุทธิ์เหมือนกับหน้าตา ก็จะไม่มีใครเกลียดเธอ...แต่เพราะเธอร้อยเล่ห์มารยา”
ทิวได้สติจับแขนหญิงสาวออกจากแขนของตัวเองอย่างรังเกียจ แล้วลุกขึ้นเดินออกไป มานศรีโสภาคย์ยังนอนหลับไม่รู้สึกตัว
ทิวเดินมาระบายอารมณ์หงุดหงิดที่มุมหนึ่งในบ้านที่เขาใช้เป็นสถานที่ทำงานปั้น ซึ่งเขาปั้นพวกกระถางแขวน พวกสัตว์ต่างและอื่นๆ ที่ใช้ประดับสวน ทิวรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง
“เป็นอะไรของแกวะไอ้ทิว เป็นอะไร ไปอ่อนไหวกับผู้หญิงแบบนั้นทำไม ฮื่ย!”
ชายหนุ่มไม่พอใจตัวเองมาก เขาเตะถังน้ำที่ใช้ล้างมือกระเด็นระบายอารมณ์ เสียงที่ดังทำให้มานศรีโสภาคย์สะดุ้งตื่นเฮือก รู้สึกยังมึนๆ เห็นสภาพแวดล้อมแล้วก็ตกใจ เพราะไม่ใช่โรงพยาบาล
“บ้านนายทิว!”
มานศรีโสภาคย์พยายามรวบรวมสติ สำรวจตัวเอง เห็นเสื้อผ้ายังอยู่ครบก็โล่งใจ หญิงสาวตัดสินใจลุกขึ้น พยายามประคองตัวเดินออกไปทันที
ทิวลงมือปั้นงานปั้น แล้วชุดที่ตัวเองใส่เปรอะเปื้อน เขามองเซ็งๆก่อนจะถอดเสื้อที่เปื้อนออก เดินออกไป...มานศรีโสภาคย์เดินออกมา เจอกับทิวที่เปลือยกายท่อนบนเดินเข้ามาพอดี หญิงสาวตกใจกลัวเขาจะทำมิดีมิร้าย รวบรวมกำลังวิ่งออกไป แต่เจอเขารวบตัวเอาไว้
“จะไปไหน”
“ฉันจะกลับ ปล่อย!”
“เธอยังกลับไม่ได้”
มานศรีโสภาคย์ยิ่งตกใจ
“จะทำอะไร ไอ้คนเลว...ปล่อย!”
มานศรีโสภาคย์ กลัวทิวจะล่วงเกิน กัดมือเขาอย่างแรง
“โอ๊ย”
หญิงสาวผละออกจากชายหนุ่มได้สำเร็จ วิ่งออกไป
เข้มเดินถือกุญแจรถของมานศรีโสภาคย์เดินมา พลางตะโกน
“นายครับ ผมเอารถคุณหญิงมาแล้วครับ”
มานศรีโสภาคย์วิ่งออกมาได้ยิน เข้มชะงัก หญิงสาววิ่งเข้ามาแย่งกุญแจจากมือเข้ม
“เอากุญแจมานี่!”
“ครับๆๆๆ”
เข้มรีบคืนกุญแจให้ มานศรีโสภาคย์จะวิ่งออกไป ทิววิ่งออกมาพอดีตะโกนสั่ง
“ไอ้เข้ม อย่าเพิ่งปล่อยตัวไป”
มานศรีโสภาคย์รีบวิ่งหนี ทิวรีบวิ่งมา เข้มตกใจ เห็นทิวเปลือย คิดว่าเขาทำอะไรมานศรีโสภาคย์แน่ๆ
“เฮ้ย! นาย นายทำอะไรคุณหญิง!”
ทิวไม่สนใจเข้ม ตามมานศรีโสภาคย์ไป
“นาย...ลูกเขามีพ่อมีแม่นะกลางวันแสกๆอีกต่างหาก นาย”
มานศรีโสภาคย์วิ่งอย่างอ่อนแรง ทิววิ่งมาอย่างเร็ว เข้ามารวบตัวเธอเอาไว้
“ปล่อย ฉันจะกลับ ปล่อย”
“เธอยังกลับไม่ได้!”
“ทำไมฉันจะกลับไม่ได้ ฉันไม่อยู่ให้นายข่มเหงฉันหรอก ปล่อย!”
“ข่มเหงอะไร! คิดว่าฉันพิศวาสเธอนักหรือไง ที่บอกว่ายังกลับไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้เอาถุงยาของเธอกลับไปด้วย”
มานศรีโสภาคย์ชะงัก
“เออ! สงบได้แล้วใช่มั้ย”
หญิงสาวอึ้งไป ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม
“รออยู่ตรงนี้”
“ฉันไม่รอ”
“ไม่รอ ก็ไม่มีใครเอาไปถวายให้ที่โน่นหรอกนะ”
มานศรีโสภาคย์จำใจยืนรอ ไม่พูดอะไรอีกต่อไป ทิวหันเดินออกไป หอบเหนื่อย เซ็ง หงุดหงิด ขวัญตายืนแอบดูอยู่จากมุมหนึ่งอยู่แล้ว ยิ้มเจ้าเล่ห์
ทิวเดินเข้ามาในบ้าน เข้มเข้ามาถาม
“นาย...ทำไมนาย ทำแบบนี้ ไหนบอกว่าพามานอนพักเฉยๆ”
“อะไรของแก ฉันไม่ได้ทำอะไร เสื้อฉันเปื้อน เลยถอดออก ยัยนั่นตื่นตกใจโอเว่อร์เอง”
“อ้าว...”
“ยัยนั่นลืมถุงยา เอาไปให้ด้วย”
“ครับนาย...”
ทิวเดินหงุดหงิดไป เข้มเกาหัวแกรกๆ หน้าจ๋อยๆ
อ่านต่อหน้า 4 พรุ่งนี้
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
เทพนั่งนิ่งใบหน้าเฉยเมย มองหน้าขวัญตาที่เพิ่งมาฟ้องเรื่องระหว่างทิวกับหญิงมานศรี
“กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขา ขวัญตาเห็นแล้วตกใจค่ะ ว่าเนี่ยเหรอ คุณหญิงมานศรีโสภาคย์ผู้หยิ่งทะนง แต่ทำไมลับหลังทำตัวเหมือน...”
เทพยกมือปรามเบาๆ
“พอเถอะขวัญตา”
“ทำไมคะ ยังเล่าไม่หมดเลยนะคะ”
“เรื่องส่วนตัวของคุณหญิงเค้า ฉันไม่เกี่ยว”
“แต่ก็ไม่เหมาะสมอยู่ดีล่ะค่ะ ที่ไปทำอะไรแบบนั้น ประเจิดประเจ้อ ถ้าคนงานมาเห็น เอาไปนินทา มันจะกระทบถึงคุณเทพนะคะ”
เทพฉุนกึกตวาดเสียงเข้ม
“ฉันบอกให้พอ...”
ขวัญตาหยุด สังเกตท่าที เทพยังคงรักษาสีหน้าเป็นปกติ มีแค่เพียงเสียงถอนหายใจ
“ถ้าที่เธอพูดมาเป็นความจริง ทำแบบนั้นคงไม่เหมาะสมนัก เพราะคุณหญิงเป็นเลขาของฉัน ไว้ฉันจะสอบถามคุณหญิงดูเอง...หวังว่าเธอคงไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมา เพราะโกรธและยังมีเยื่อใยกับนายทิวหรอกนะ”
ขวัญตาชะงักไปนิด
“คุณเทพถามขวัญตาอย่างนี้ได้ไงคะ ขวัญตาบอกแล้วไง ว่าขวัญตาไม่ได้รักพี่ทิว...ขวัญตารักคุณคนเดียว”
ล้วน ยิ้มเยาะ ขวัญตารีบเข้ามาอ้อนเทพ
“ขวัญตาหวังดีกับคุณเทพนะคะ ไม่อยากให้คุณเทพเสียหายในสายตาใครๆ”
“ขอบใจนะ...พอดีฉันมีนัดต้องออกไปคุยงานข้างนอก ขวัญตาอยากได้อะไรมั้ย เดี๋ยวฉันจะซื้อมาฝาก”
“ขอแค่คุณเทพอยู่กับขวัญตาคืนนี้ แก้ตัวแทนเมื่อคืนได้มั้ยคะ”
“ได้สิ”
ขวัญตาโผเข้ากอดเทพด้วยความดีใจ เทพโน้มตัวขวัญตามาจูบที่หน้าผาก แต่สายตากลับเหี้ยม เครียด เพราะแค้น
หญิงมานศรีถือถุงยา เดินเข้ามา คฤหาสน์ เทพซึ่งนั่งรออยู่แล้วลุกขึ้นรับ
“กลับมาแล้วเหรอครับ ช็อปปิ้งสนุกมั้ย”
“ก็...ค่ะ...”
“ไปซะนาน...แต่ไม่เห็นซื้ออะไรกลับมาเลยนะครับ”
“หญิง แค่เดินดูค่ะ ไม่ได้คิดอยากซื้ออะไร”
“ไม่มีของถูกใจเลยเหรอครับ”
“ไม่มีค่ะ ขอตัวนะคะ”
หญิงมานศรีพยายามเดินเลี่ยงไป เทพยังไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
“ดูคุณหญิงเพลียๆนะครับ ไปถึงไหนมาล่ะครับ”
หญิงมานศรีถอนใจ หันมาตอบเทพนิ่งๆ
“ทำไมคุณเทพต้องซักเหมือนหญิงเป็นนักโทษคะ...หญิงทำงานเป็นเลขาให้คุณเทพ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องรายงานความเป็นส่วนตัวให้คุณรู้ทุกอย่างนะคะ”
เทพนึกโกรธ แต่เก็บอาการเอาไว้
“ผมขอโทษ ถ้าเป็นการถามที่ละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัว...ผมแค่เป็นห่วง เพราะคุณหญิงหายไปนานและไม่รับโทรศัพท์ใคร คงเป็นเวลาส่วนตัวที่คุณหญิงไม่อยากให้ใครกวนจริงๆ”
“ค่ะ เพราะมีเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้น ที่เป็นของหญิงจริงๆ”
หญิงมานศรีเดินออกไปพลางโล่งอก เทพเครียดแค้นเหมือนไฟสุมอก
ทิวกำลังนวดดินเหนียวอย่างจดจ่ออยู่ในห้องงานปั้น ภาพใบหน้าขณะกำลังหลับของหญิงมานศรีที่ใสซื่อ บริสุทธิ์ งดงาม เข้ามากวนจิตใจและสมาธิของเขาเป็นระยะๆ ทิวโมโห ใช้หมัดทุบก้อนดินเหนียวเพื่อระงับความฟุ้งซ่าน
“โว้ย!”
ทิวไม่มีสมาธิทำงานต่อไป เดินออกไป
หญิงมานศรีเดินขึ้นบันไดไป ผ่องทิพย์กำลังเดินลงมาที่เชิงพักบันได ทั้งสองคนหยุดชะงัก มองหน้ากัน หญิงมานศรีเลี่ยงเดินขึ้นไป ผ่องทิพย์มองอย่างเกลียดชัง ก่อนจะทำเป็นเซไปปะทะหวังจะทำให้หญิงมานศรีตกบันได
“โอ๊ย!”
หญิงมานศรีเสียหลัก กำลังจะล้ม สรัสวดีเข้ามารับตัวของลูกสาวไว้ได้ทัน
“ระวังลูกหญิง!”
ผ่องทิพย์เจ็บใจที่แผนไม่ได้ผล หญิงมานศรีและสรัสวดีมองผ่องทิพย์อย่างเอาเรื่อง
“มองอะไร ฉันเท้าพลิก ล้มไม่ได้ตั้งใจ”
ผ่องทิพย์เดินเชิดลงไป สรัสวดีมองตามอย่างเดือดดาล
“ลูกหญิง มาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนไป เดี๋ยวแม่ไปคุยด้วย”
หญิงมานศรีรู้ทัน
“หม่อมแม่คะ อย่ามีเรื่องเลยนะคะ”
“แต่มัน...”
“ต่อไปหญิงจะระวังตัวให้มากขึ้น ยิ่งเราไปทะเลาะด้วย เรื่องมันจะไม่จบ หญิงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดค่ะ”
“ลูกหญิงของแม่...สมแล้วที่เป็นกฤติยา จ๊ะ แม่จะทำตามที่ลูกหญิงขอ งั้นแม่จะไปหาของว่างมาให้ลูกหญิงนะ”
“ค่ะ”
หญิงมานศรีเชื่อแม่เดินขึ้นข้างบนไป สรัสวดียิ้มรอจนลูกสาวลับไปแล้ว หันกลับมาหน้าเปลี่ยนทันที
“นังผ่องทิพย์!”
ผ่องทิพย์เดินมาในสวนอย่างหงุดหงิด
“เจ็บใจนัก...นังแม่ตัวดี”
ผ่องทิพย์เดินมาถึงแปลงกุหลาบ สรัสวดีเดินดิ่งตรงมาทางข้างหลัง เข้ามาจิกหัวหน้าหงาย
“โอ๊ย!...อะไรเนี่ย!”
“โดนฉันตบไปทีหนึ่ง มันไม่ได้ช่วยให้แกฉลาดขึ้นเลยใช่มั้ย”
“ปล่อยฉันนะ นังหม่อม”
“ทีแก ยังตามจิกลูกสาวฉันไม่ปล่อย ฉันก็จะไม่ปล่อยแกลอยหน้าลอยตาทำร้ายลูกสาวฉัน โดยไม่ได้รับกรรมหรอก นังผ่องทิพย์”
“แกจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ”
“คนอย่างแก มีแต่หน้าตาที่สะสวย แต่จิตใจเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เพราะฉะนั้น สวยไปก็เท่านั้น”
สรัสวดีมองไปที่แปลงกุหลาบที่มีหนาม เธอจับหัวผ่องทิพย์ลงทิ่มไปที่แปลงกุหลาบทันที
“กรี๊ด”
สรัสวดีขยี้หน้าผ่องทิพย์กับต้นกุหลาบ
“จำไว้นะ...ลูกสาวฉันเป็นดอกกุหลาบ ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว แต่มีฉันเป็นหนามแหลมคมคอยปกป้องไม่ให้พวกแกทำอะไรได้ง่ายๆ นังดอกหญ้าริมถนน”
ผ่องทิพย์ดื้นพล่าน
“กรี๊ด”
พวงทองเดินเก็บดอกไม้ผ่านมาเห็นเข้า ตกใจ รีบวิ่งเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้นคะ หม่อม! ผ่อง!”
สรัสวดีชะงัก รีบปล่อยมือจากผ่องทิพย์ทันที ผ่องทิพย์ค่อยๆลุกขึ้น หันหน้ามา เลือดซิบๆเป็นริ้วบนใบหน้า
“โอ๊ย”
พวงทองตกใจ
“ผ่อง!”
สรัสวดีมองอย่างสะใจ
“น้องสาวเธอตั้งใจผลักลูกหญิงให้ตกบันได ฉันจึงต้องมาจัดการให้รู้สำนึก ถ้ายังไม่เข็ดหลาบ จะเจอยิ่งกว่านี้”
สรัสวดีเดินออกไป ผ่องทิพย์มองตามอย่างเคียดแค้น แต่ก็เจ็บระบม พวงทองเป็นห่วงน้องมาก
เข้มกับคนงานกำลังโขกหมากรุก อยู่ที่มุมพักผ่อนคนงานกันอย่างสนุกสนาน
ทิวเดินเข้ามาเรียก
“ไอ้เข้ม!”
“มีอะไรนาย”
“เอามาไหหนึ่ง!”
เข้มตกใจ
“เฮ้ย นาย! ตอนนี้เลยเหรอ”
“เออ! เบื่อ เซ็ง!”
เทพเข้ามากับล้วน
“อารมณ์ค้างมาหรือไงทิว”
ทิว เข้มและทุกคนชะงัก หันไป
“เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ ไอ้เข้ม ไปเอามา”
“คงไม่เกี่ยวไม่ได้...เพราะนายกำลังทำให้เลขาของฉันต้องมัวหมอง”
ทิวอึ้ง คนงานมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เข้มรีบไล่คนงานไปทันที
“พวกเอ็งไปก่อนไป...”
คนงานรีบวิ่งออกไป แต่ไม่ไปไหน พากันแอบดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทิวเดินไปเย้ยเทพ
“แล้วเดือดร้อนอะไร ฉันจะทำอะไรกับใคร ที่ไหน ยังไงในอาณาจักรนี้ก็ได้ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของฉัน”
“เมื่อไหร่ถึงจะเลิกหลอกตัวเองและยอมรับความจริงได้สักที ทิว!”
“ความจริงที่คุณเป็นคนสร้างขึ้นมาหลอกทุกคนน่ะเหรอ ว่าได้ครอบครองที่นี่อย่างถูกต้อง ว่าเป็นสุภาพบุรุษที่ต้องรับผิดชอบผู้หญิงที่ไม่มีทางไป ว่าเป็นเทพบุตรคอยช่วยเหลือผู้ดีตกยาก โดยไม่หวังอะไรตอบแทน!”
“ฉันไม่ได้สร้าง! แต่นายนั่นแหละที่สร้างมโนภาพทุกอย่างขึ้นมา”
“เบื่อจะเถียงโว้ย! ยังไงความจริงก็เป็นความจริงวันยังค่ำ”
ทิวจะเดินหนี
“นายกำลังหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามฉันเรื่องคุณหญิงหญิงมานศรีนายทำอะไรเธอ”
ทิวเดินย้อนมา เย้ยเทพ
“หึงเหรอ...บอกอะไรให้นะ นายไม่มีทางได้เธอหรอกเพราะฉันจะ...”
ทิวยังพูดไม่จบเทพขัดขึ้น
“คนอย่างนายจะทำอะไรได้ นอกจากคอยขู่ฉันๆไปวันๆ...ไม่น่าแปลกใจเลยทำไมพี่ทัดถึงได้ยกหุ้นให้ฉันดูแลแทนลูกชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างนาย”
ทิวโกรธจัด ต่อยเทพเปรี้ยง เทพล้มลงไป ทุกคนครางฮือตกใจ ล้วนจะเข้ามาช่วย เทพยกมือห้าม
“ไม่ต้อง!”
เทพเช็ดเลือดที่กบปากตัวเอง ทิวมองเย้ย
“นี่ไง ใครบอกว่าผมทำอะไรคุณไม่ได้”
“งั้นฉันคงต้องป้องกันตัวเอง”
เทพเข้าไปต่อยทิวเปรี้ยงจนทิวเซ ทุกคนตกใจ เข้มขยับตัว ล้วนขวางเอาไว้
“เฮ่ย! เรื่องของนาย ห้ามยุ่ง”
เข้มชะงัก คนงานที่แอบดูอยู่ต่างตกใจเห็นทิวเลือดกบปาก
ทิวเช็ดเลือด แรงโกรธยิ่งเพิ่มมากขึ้น ลุกขึ้นพุ่งเข้าชนใส่เทพทันที
หญิงมานศรีเดินเล่นทอดอารมณ์ พยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง พิไลพรเดินตามมา
“ออกมาเดินเล่นบ้าง ที่นี่บรรยากาศดี ช่วยได้นะคะ อุดอู้อยู่แต่ในห้องแบบนั้น มีแต่จะทำให้ยิ่งเครียด”
“ใช่...บางที ถ้าออกมาซะบ้าง จะทำให้เรามองเห็นอะไรได้กว้างขึ้น ชัดขึ้น”
“หมายถึงอะไรคะ”
“ปัญหาที่หญิงกำลังเจออยู่นี่ไง พร...หญิงกำลังคิดว่า ถ้าหญิงต้องเจอกับ...กับ...สิ่งที่ทำให้เราอึดอัดใจทุกวัน หญิงจะรับมือกับมันยังไงดี ก่อนที่ตัวเองจะบ้าไปซะก่อน”
“จำวันแรกที่เรามาที่นี่ได้มั้ยคะ พรเคยบอกคุณหญิงไว้ว่ายังไง”
“หญิงไม่จำเป็นต้องอยู่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง”
“ใช่ค่ะ”
“นั่นสินะ...หญิงขอเวลาสักพักเถอะนะ ให้หญิงได้อดทนจนถึงที่สุดจริงๆก่อน ถึงเวลานั้น...หญิงจะไม่ลังเลใจเลยที่จะไปจากที่นี่”
“ค่ะ”
พิไลพรให้กำลังใจ ทันใดนั้นคนงานพากันวิ่งกรูไปทางหนึ่ง หญิงมานศรีและพิไลพรมองตามอย่างสนใจ
ทิวต่อยหน้า เทพเซไปแต่ยังทรงตัวได้ ทิวเดินหน้าเทพปัดป้องหมัดและลูกเตะของทิวได้อย่าง
มีชั้นเชิง ทิวดูมุทะลุมาก แต่เทพกลับนิ่งและดูสุขุม มีเชิงที่เหนือกว่า ทิวถูกเทพต่อยไปกองอยู่ที่พวกมีดตัดอ้อย และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ
“นาย!”
เข้มจะเข้าไปช่วย ทิวโบกมือห้าม
“ไม่ต้อง!”
“ท่าทางสู้ด้วยมือเปล่า นายคงแย่...ฉันอนุญาตให้ใช้อาวุธนะ ไม่ว่ากัน”
ทิวโกรธที่ถูกท้า คว้ามีดตัดอ้อยเข้าห้ำหั่น เทพหลบเลี่ยงได้ คนงานกลุ่มใหม่เข้ามาสมทบแอบดู รวมทั้งหญิงมานศรีและพิไลพรด้วย ทั้งสองตกใจที่เห็นเทพและทิวสู้กัน เทพถูกคมมีดเฉี่ยวที่แขน เสียหลัก เห็นเลือดซิบๆ
“ใช้อาวุธได้นะ ไม่ว่ากัน”
ทิวเตะมีดตัดอ้อยให้เทพ แล้วมองอย่างท้าทาย เทพใช้เท้าเตะด้ามมีดจนลอยขึ้นมาอยู่ในมือ ฝีมือไม่ธรรมดา หญิงมานศรีและพิไลพรหวาดเสียวมาก
“นี่ถึงกับจะฆ่าแกงกันเลยหรือไง ทำไมไม่มีใครไปห้าม”
“นายไม่ให้ยุ่ง...” คนงานบอก
พิไลพรหน้าตื่นหันไปถามคนงาน
“มีเรื่องอะไรกัน”
“นายใหญ่มาเอาเรื่องนายทิวเพื่อปกป้องคุณหญิงเลขา แต่โดนนายใหญ่พูดจี้ใจดำเข้าเลยโมโห ซัดนายใหญ่ก่อน นายใหญ่เลยต้องป้องกันตัว”
หญิงมานศรีรู้สึกไม่พอใจทิว ร้อนใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ มองดูเทพและทิวต่อสู้กัน ใจคอไม่ดี
ทิวและเทพซัดกันและหลบคมมีดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ตะวันกำลังจะลับเหลี่ยมฟ้า ทิวและเทพในสภาพที่อิดโรยและบาดเจ็บไม่ต่างกันต่างทำร้ายอีกฝ่ายจนอาวุธหลุดจากมือ เหลือเพียงมือเปล่าทั้งคู่จดจ้องกัน ท่ามกลางสายตาของหญิงมานศรี พิไลพร เข้มและคนงานที่คอยลุ้น ให้ศึกครั้งนี้จบลงเสียที ล้วนและเข้มต่างเอาใจช่วยนายของตน หญิงมานศรีวิตกกังวล
“สงสารคุณเทพจังเลยพร”
“ไปสงสารทำไมคะ พรสงสารคุณทิวมากกว่า”
“หญิงจะเข้าไปห้าม!”
หญิงมานศรีวิ่งเข้าไป พิไลพรตกใจ
“คุณหญิง อันตรายค่ะ”
พิไลพรวิ่งตามไป จังหวะเดียวกับที่ทิวพลาดท่าเสียที เทพดึงอาวุธที่ปักอยู่ที่พื้นขึ้นมา เงื้อไปที่ทิว หมายจะฆ่า หญิงมานศรีวิ่งเข้ามาถึงพอดี ชะงัก ตกใจ เทพเหลือบไปเห็นเข้า จึงยั้งเอาไว้ ทำเป็นใจพระ ไว้ชีวิตทิว
“ฉันจะไว้ชีวิตนาย...ทิว เพราะฉันสัญญากับพี่ทัดเอาไว้ ว่าฉันจะดูแลนายให้ดีที่สุด”
ทิวมองเทพด้วยความแค้น ก่อนจะหันไปเห็นว่าหญิงมานศรียืนอยู่ ทิวรู้ได้ทันทีว่าเทพทำเอาหน้าหญิงมานศรี เทพปล่อยอาวุธ หญิงมานศรีเข้ามาดูอาการของเทพ พิไลพรตามมา รู้สึกสงสารทิว
“คุณเทพ เป็นยังไงบ้างคะ”
เทพตีหน้าเจ็บนิดๆ พอเรียกคะแนน
“ไม่ครับ...ผมไม่เจ็บ แต่นายทิวสิ เจ็บกว่าผมเยอะ”
เทพมองทิว ยิ้มเหยียด หญิงมานศรีมองทิวอย่างรังเกียจ
“คนไม่มีเหตุผล อคติ ชอบใช้กำลังข่มเหงรังแกคนอื่นแบบนี้...มันน่าจะเจ็บกว่านี้อีกร้อยเท่า”
เข้มมาประคองทิวลุกขึ้น เขามองหญิงมานศรีและเทพอย่างท้าทาย ไม่กลัวเกรง ก่อนจะถุยเลือดที่กบปากใส่ตัวเทพ
“ถุย!”
เทพกับหญิงมานศรีผงะ ล้วนจะเข้าไปเอาเรื่อง เทพยกมือห้ามไว้ ทิวเดินออกไปกับเข้ม พิไลพรมองตามทิวอย่างสงสารและเห็นใจ คนงานเริ่มสลายตัวออกไป ในขณะที่หญิงมานศรีมองเทพด้วยความซาบซึ้ง
“คุณเทพต้องบาดเจ็บเพราะปกป้องหญิงอีกแล้ว”
เทพยิ้มอย่างอิดโรยดูน่าสงสารมาก
พวงทองทำแผลที่หน้าให้ผ่องทิพย์เสร็จแล้ว กลิ่นคอยเป็นลูกมือ บุญปลูกเป็นห่วงนายอยู่ข้างๆ คอยบีบนวดพร้อมกับบ่นเบาๆ
“อยู่ดีไม่ว่าดี เอาหน้าไปถูต้นกุหลาบทำมั้ย”
ผ่องทิพย์ถีบบุญปลูกโครม
“โอ๊ย คุณนายขา ไม่มือก็เท้า ไม่ปรานีกันบ้างเลยหรือไงคะ”
“ฉันไม่ได้บ้าเที่ยวเอาหน้าไปถูให้หนามกุหลาบมันถากหน้าเล่นหรอกนะ ก็นัง...”
พวงทองขัดขึ้น
“พอเถอะผ่อง...ยิ่งพูด ยิ่งเข้าตัวเอง”
“คุณนายไปหาเรื่องพวกนั้นก่อนอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
“บุญปลูก พอเถอะ ถ้ายังไม่หยุดพูดหยุดซัก ฉันจะรายงานคุณเทพ” พวงทองขู่
บุญปลูกปิดปากเงียบทันที หันมองกลิ่นยังไม่วายเม้าเบาๆ
“แสดงว่าใช่...”
ผ่องทิพย์เจ็บใจ
“ถ้าหน้าฉันเป็นแผลเป็น...ฉันจะฆ่ามัน!”
พวงทองอึ้ง
“ผ่อง!”
ผ่องทิพย์ลุกเดินออกไปอย่างโมโห บุญปลูกรีบตามไป พวงทองถอนใจ เบื่อหน่ายกับอารมณ์ของผ่องทิพย์
เทพเดินเข้ามาในบ้าน โดยมีหญิงมานศรีช่วยพยุง พิไลพรเดินตามมามองอย่างไม่ค่อยพอใจ ล้วนหันมาบอก
“ส่งนายใหญ่แล้ว...ผมขอตัวนะครับ”
“ไปเถอะ”
พิไลพรรีบขัด
“คุณหญิงคะ...งั้นเดี๋ยวพรไปเรียนภรรยาคุณเทพนะคะ ว่าให้มาดูแลคุณเทพ คุณหญิงจะได้ไปพักผ่อน เพราะคุณหญิงเองก็ไม่ค่อยสบายเหมือนกัน”
เทพรู้สึกเคืองขึ้นมาทันที แต่แสร้งยิ้ม
“ขอบคุณมากครับคุณพิไลพรที่กรุณา”
พิไลพรรู้สึกขนลุกกับยิ้มของเทพ รีบเดินเข้าไป เทพฉวยจังหวะที่พิไลพรลับหลัง เข่าอ่อนทรุดลง หญิงมานศรีตกใจ
“คุณเทพคะ เป็นยังไงบ้างคะ”
หญิงมานศรีรีบประคองเทพเอาไว้ แต่เขาตัวใหญ่กว่า เธอจึงต้องกอดเอาไว้ เทพมองหน้าหญิงมานศรีอย่างใกล้ชิดถ่ายทอดความลึกซึ้งส่งผ่านสายตาให้หญิงสาว หญิงมานศรีสบตาเขาแล้วอึ้ง สัมผัสได้ถึงความหมายพิเศษที่เขาส่งมา
ทิวนอนเจ็บบอบช้ำ เข้มนั่งมองแล้วส่ายหัว
“สภาพเนี้ย...เข้มว่า เกินมือเข้มแล้วล่ะ”
พวงทองเข้ามา
“คุณพวงทอง...”
“เดี๋ยวฉันจะดูแลทิวเอง”
“ครับ”
เข้มค่อยๆเดินออกไป ทิวนอนหันหลังให้ พวงทองค่อยๆเดินมานั่งข้างน้องชายด้วยความสงสาร
“ที่ทิวต้องเป็นแบบนี้...เพราะความดื้อและไม่ฟังใครของทิว”
ทิวนอนนิ่ง ปิดปากเงียบ พวงทองถอนใจ
“เดี๋ยวพี่ทำแผลให้นะ”
พวงทองลุกเดินออกไป....ทิวหันมองพวงทองอย่างคาใจ
พิไลพรเดินตามหาเมียๆของเทพ
“ทีตอนอยากจะเจอแล้วไม่เจอ ทีตอนไม่อยากจะเจอแล้วเสนอหน้ามากันจัง”
สรัสวดีเดินเข้ามา
“ตามหาใคร...พิไลพร”
“พรจะมาตามภรรยาคุณเทพให้ช่วยไปดูแลคุณเทพหน่อยค่ะ เขาบาดเจ็บอยู่ คุณหญิงกำลังดูแล พรว่า...มันอาจจะไม่เหมาะ”
“ไม่ต้องไปตาม...ให้ลูกหญิงได้ดูแลเจ้านายเถอะ ถือเป็นความดีความชอบ”
พิไลพรอึ้ง
“เอ่อ...”
“ไปทำธุระของตัวเองไป ทางนี้ ฉันจะช่วยลูกหญิงเอง เธอทำงานมาเหนื่อยๆ”
พิไลพรขัดไม่ได้
“ค่ะ หม่อม”
พิไลพรเดินไป ยังกังวลใจไม่วาย ขณะที่หม่อมสรัสวดียิ้มเยื้อนพอใจ
อ่านต่อตอนที่ 5 เวลา 17.00 น