xs
xsm
sm
md
lg

แม่ยายที่รัก ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 แม่ยายที่รัก  ตอนที่ 7 

หลังจากได้พูดระบดระบายเรื่องคาใจทั้งหมด มัทรีก็ร้องไห้ออกมา เธอมองมายังผู้เป็นแม่ด้วยความเจ็บปวด

“แม่รักตัวเอง แม่โกหกมัทเพื่อหนีอดีตของตัวเอง”
ติรกาแทบทรุดเมื่อถูกลูกต่อว่า พุทราเห็นจึงรีบเข้าไปประคอง
“แม่ขอโทษนะมัท แม่ไม่ได้ตั้งใจ” ติรกาเอ่ย
“แม่ไม่ได้ตั้งใจ แต่แม่ก็ฆ่ามัททั้งเป็น” มัทรีตัดพ้อ
“ถ้าแม่เค้ารักตัวเอง มัทคงไม่มีเลือดเนื้อมายืนต่อว่าแม่อย่างนี้หรอก” เตือนใจบอกหลาน
“ยายรู้แต่ไม่เคยบอกมัท” มัทรีหันไปต่อว่าเตือนใจ
“ความจริงบางอย่างที่ทำให้คนฟังเสียใจ...คนพูดยิ่งเจ็บปวดมากกว่านะมัทรี” เตือนใจพูด
“ขึ้นอยู่กับคนพูด..ว่าเลือกที่จะพูดตอนไหน” มัทรีสวนขึ้น
ติรการ้องไห้เสียใจกับคำพูดและสายตาของลูกสาวที่มองมายังตน
“แม่จำเป็นต้องหลอกมัท เพราะผู้ชายคนนั้นทิ้งเรา” ติรกาย้ำ “รชานนท์ทิ้งเราสองแม่ลูก !”
“ทิ้ง?” มัทรีแปลกใจ
“ถึงเวลาที่ยัยมัทต้องรู้เหตุผลของลูกแล้วนะยัยติ” เตือนใจบอก
ติรกามองมัทรีแล้วตัดสินใจจะเล่าความจริง
“พอแม่รู้ว่าตัวเองท้อง แม่ก็รีบไปหานนท์ด้วยความดีใจ” ติรกาเริ่มเล่า เหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นในหัวของติรกาอีกครั้งทันที

พ่อกับแม่ของรชานนท์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามติรกาพูดกับติรกาด้วยท่าทางนิ่งเฉย
“เจ้านนท์ไปจัดการเรื่องวีซ่าเรียนต่อต่างประเทศ หนูมีธุระอะไรฝากฉันไว้ได้”
ติรกาอึกอักเพราะความเกรงใจ แต่สุดท้ายเธอก็จำใจยื่นผลตรวจจากโรงพยาบาลให้พ่อกับแม่ของรชานนท์ ผู้ใหญ่ทั้งสองตกใจเปิดเอกสารค้างคามือ
“ท้อง..” พ่อของรชานนท์มองอย่างไม่เชื่อ “กับเจ้านนท์รึ”
“หนูยังไม่กล้าบอกแม่ จะมาปรึกษานนท์เรื่องนี้ก่อน” ติรกาบอก
พ่อของรชานนท์มองติรกาอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการ
“ถ้าเจ้านนท์กลับมา ฉันจะรีบบอกให้”
“ขอบคุณคุณพ่อมากนะคะ”
พูดจบติรกาก็ยกมือไหว้พ่อกับแม่ของรชานนท์แล้วยิ้มอย่างสบายใจ

หลังจากนึกถึงเรื่องในอดีต ติรกาก็รู้สึกเจ็บปวด
“แม่เฝ้ารอ..รอด้วยความหวัง..หวังว่าเขาจะดีใจแล้วรีบมาหาแม่..แต่เขาก็ไม่เคยกลับมา อีกสามวันแม่กลับไปหาเขาที่บ้าน พ่อของเขาบอกว่าเขาไปเรียนต่อแล้ว เขาไปโดยไม่มีแม้แต่คำลา แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่ก็ไม่มีวันทิ้งมัท เพราะมัทคือลูกของแม่คนเดียว”
มัทรีเริ่มรู้สึกสงสารจึงเข้าไปจับมือแม่ทันที “แล้วทำไมแม่ถึงแต่งงานกับพ่อนพ”
“พ่อนพเป็นรุ่นพี่ของแม่ เป็นคนที่หวังดีกับแม่มาตลอด ท้องของแม่โตขึ้นทุกวัน คนรอบข้างมองแม่อย่างดูถูกที่ท้องหาพ่อไม่ได้ พ่อนพตัดสินใจแต่งงานกับแม่ก่อนที่มัทจะเกิด พ่อนพบอกว่าอยากให้มัทเกิดมามีพ่อแม่พร้อมหน้า แม่กลัวว่าพ่อนพจะไม่รักมัท”
ติรกาหันไปที่รูปถ่ายของหมอนพที่กำลังอุ้มมัทรีตอนเป็นทารก รูปที่หมอนพอุ้มมัทรีตอนเป็นเด็กเล็กๆ ภาพมัทรีวัยเด็กที่หมอนพพาเธอขี่จักรยาน ภาพมัทรีร้องไห้โดยมีหมอนพกอดปลอบ
“แต่เมื่อมัทเกิดพ่อนพก็พิสูจน์ให้แม่เห็นว่าเขารักแม่รักมัทด้วยใจจริง” ติรกาเล่าต่อ “แม่คิดจะตัดใจจากอดีตเพื่อเริ่มต้นกับพ่อนพแต่ทุกอย่างก็สายเกินไป เพราะโรคหัวใจพรากพ่อนพไปจากเรา แม่เสียใจที่แม่ไม่เคยได้ตอบแทนความดีของพ่อนพ ไม่เคยเลย”
มัทรีโผเข้าไปกอดติรกา
“แม่..มัทขอโทษ.. มัทขอโทษ..มัทรักแม่นะ”
สองแม่ลูกกอดกันกลม เตือนใจเดินเข้ามากอดด้วย พุทรายืนมองพร้อมกับสะอึกสะอื้นแล้วก็เนียนจะมากอดด้วยแต่เตือนใจหันมามองดุ พุทราจ๋อยรีบเก็บมือตัวเองแล้วยืนมองทั้งสามอย่างซาบซึ้งต่อ

รชานนท์ พชร และวันรบตั้งวงกันอยู่ที่สวนหน้าบ้านพัก รชานนท์ใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วตัวเองเพราะยังคงเครียดอยู่ วันรบนั่งจ้องรชานนท์ไม่กระพริบ จนรชานนท์หันมาเห็น
“เพิ่งนึกได้ว่าป๋ากับมัทชอบทำแบบนี้เหมือนกัน” วันรบพูด
“ลูกไม่เหมือนพ่อแล้วจะให้เหมือน...” พชรอ้าปากจะพูดคำว่าหมาแต่ไม่มีเสียงออกมา
วันรบอ้าปากจะพูดคำว่าหมาตามแต่ก็ไม่มีเสียงออกมาเช่นกัน
“เหมือนแมวที่ไหน” พชรรีบแก้
“ผมดีใจที่ป๋ากลายมาเป็นว่าที่พ่อตา เผื่อจะเจรจาต่อรองสินสอดกันได้” วันรบบอก
“ไม่เกี่ยวโว้ย กระแตว่ายังไงฉันก็ตามนั้น” รชานนท์บอก
“อ๊ะ ๆ เริ่มต้นด้วยร้าย ลงท้ายด้วยรัก” พชรแซว
“ผมแค่ให้เกียรติกระแต ในฐานะที่เค้าเลี้ยงมัทรีมาตลอด”
“เอาเหอะ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียฉลอง ฉลองให้ไอ้นนท์ ไอ้รบที่จะได้เมียทั้งคู่” พชรยื่นแก้ว
ทั้งสามยื่นแก้วชนกัน “เฮ้”
พชร วันรบ รชานนท์ชนแก้วดื่มฉลองกันอย่างเฮฮา

มัทรีดูรูปที่เธอถ่ายคู่กับวันรบในคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าเศร้า จู่ๆ รายการวิทยุก็เปิดเพลงอีกหน่อยเธอคงเข้าใจของธเนศ มัทรีฟังแล้วถึงกับน้ำตาคลอ
เตือนใจเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำส้ม มัทรีรีบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้เตือนใจเห็น
“น้ำส้มหน่อยไหมลูก”
“ขอบคุณค่ะยาย” มัทรีรับมาดื่มแต่สีหน้ายังคิดหนัก “ยายคะ..นานแค่ไหนแล้วที่มัทไม่เคยเห็นแม่ยิ้มเลย”
เตือนใจคิด “อืม...ก็นาน...นานจนยายจำไม่ได้แล้วล่ะ”
“แม่คงเหนื่อยมากที่ต้องเลี้ยงมัทมาคนเดียว” มัทรีเปรย
“มัทรู้ไหม เมื่อก่อนเราไม่มีโรงงานนะ เป็นแค่ร้านทำโอ่งเล็ก ๆ แต่พอหมอนพตาย แม่เราเค้าก็กลัว..กลัวว่าถ้าตัวเองเป็นอะไรไปแล้วมัทจะไม่มีสมบัติเลี้ยงตัว ตั้งแต่นั้นก็ทำแต่งาน ขยายกิจการทำทุกอย่างเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับหลานยายคนนี้ล่ะ” เตือนใจเล่า
มัทรีคิด “ถ้ามัทจะตอบแทนให้แม่บ้าง”
“ตอบแทนยังไง” เตือนใจถาม
“ยายจ๋า..พรุ่งนี้ยายกับแม่ไปที่ไซท์งานพร้อมกับมัทนะจ๊ะ สักแปดโมงนะจ๊ะยาย”
“ไปทำไมลูก”
มัทรียิ้มเศร้า “ก็ไปเรียกรอยยิ้มแม่กลับคืนมาไงคะ”
เตือนใจมองมัทรีแล้วก็ชักสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องอีก

เช้าวันใหม่ สมภพโวยวายแล้วฉีกเอกสารทิ้งด้วยความหงุดหงิดอยู่ภายในห้องทำงานของเขา
“ไอ้เจ้าหนี้พวกนี้มันไม่หยุดพักผ่อนมั่งรึไงวะ”
ทรงสุดาทะเล่อทะล่าเข้ามาพร้อมกับถาดเครื่องดื่ม แต่สมภพขว้างแฟ้มเอกสารไปทางที่ทรงสุดาเดินมาพอดี แฟ้มโดนหัวทรงสุดาตรงแผลเดิมจนมีเลือดซึมออกมา
“โอ๊ย” ทรงสุดาร้อง
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าเอาเอกสารทวงหนี้วางรกตาฉัน” สมภพพาลใส่
“แบงก์โทรมาขู่ว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับคุณ”
“ใครถาม!” สมภพตะคอกแล้วลุกพรวดไปกระแทกตัวทรงสุดาจนเซ เขาเหลียวไปเห็นเลือดซึมออกจากแผลของทรงสุดา สมภพจึงรีบเดินไปด้วยความหงุดหงิด
ทรงสุดาเอามือกุมศีรษะที่เลือดออกแล้วทำหน้าเศร้า

ติรกานั่งคุยงานกับพุทราด้วยสีหน้าจริงจัง สักพักมัทรีก็สวมชุดทำงานเดินลงมา
“ทานข้าวก่อนไหมมัท” ติรกาถาม
มัทรียิ้ม “ค่ะแม่”
มัทรีเดินมาร่วมโต๊ะกับติรกาและเตือนใจ พุทรายืนมองยิ้มๆ
ติรกาหันมาเห็นพุทรายืนยิ้มอยู่ก็ถามทันที “ดีใจอะไรถึงได้ยิ้มหน้าบานเป็นกระทะขนาดนั้น”
“ปลาบปลื้มน่ะค่ะ ที่สาว สาว สาวร่วมวงทานข้าว” พุทราบอก
“นี่ฉันยังอยู่ในกลุ่มสาว สาว สาวได้เหรอเนี่ย” เตือนใจงง
“ได้สิคะ” พุทราผายมือไปที่มัทรี “สาวน้อย” พุทราผายมือไปที่ติรกา “สาวใหญ่” แล้วก็ผายมือไปที่เตือนใจ “สาวเหลือน้อย หรืออีกชื่อก็สาวริมตลิ่ง”
“อะไรคะพี่พุทรา สาวริมตลิ่ง” มัทรีงง
“ก็สาวใกล้ฝั่งน่ะค่ะคุณมัท”
“ห้าร้อย...ฐานลามปามแม่ฉัน!” ติรกาเสียงเข้ม
“มุกน่ะค่ะ ขำ ๆ” พุทราเหลือบไปเห็นสายตาดุของติรกา “ไม่ขำก็ได้ค่ะ”
ติรกากับเตือนใจยิ้มขำพุทรา มัทรีมองรอยยิ้มของติรกากับเตือนใจแล้วก็ตัดสินใจแน่วแน่

ทรงสุดาทำแผลให้ตัวเองพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย รุจีน้องสาวของทรงสุดาเปิดประตูเข้ามาหาพี่สาวด้วยความเป็นห่วง
“พี่ดา”
ทรงสุดาตกใจ “รุจี... เธอมาได้ยังไง”
“น้องต้น ลูกของพี่ดาโทรไปบอกว่าพี่ดาร้องไห้ตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้า” รุจีบอก
รุจีจ้องทรงสุดาอย่างจับผิด ทรงสุดาพยายามหลบสายตา
“ไอ้สมภพทำร้ายพี่ดาอีกแล้วใช่มั้ย” รุจีถาม “พี่เป็นคนนะไม่ใช่กระสอบทราย”
“พี่ผิดเอง ที่ทำให้คุณสมภพโกรธ” ทรงสุดาพูดเสียงอ่อย
“สามีพี่มันก็ใส่อารมณ์กับพี่ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเงิน ผู้ชายเลวที่ทำร้ายผู้หญิง ฉันไม่เอามันไว้แน่”
รุจีทำท่าจะไปเอาเรื่องสมภพ แต่ทรงสุดารั้งเอาไว้
“อย่าทำแบบนั้นนะรุจี อย่าทำให้คุณสมภพโกรธ”
“พี่จะกลัวมันทำไม” รุจีถาม “รู้รึเปล่าว่าเค้าลือกันทั้งราชบุรีว่าผัวพี่กำลังตามจีบแม่ม่ายโรงงานโอ่งชื่อดังในจังหวัด”
ทรงสุดาเงียบไม่ตอบอะไร รุจีเห็นท่าทีของพี่สาวแล้วก็อึ้ง
“พี่ดารู้ แต่ก็ยอมเค้า”
“คุณสมภพจำเป็นต้องทำเพื่อธุรกิจ พี่ผิดเองที่ช่วยเค้าไม่ได้”
ทรงสุดาพูดด้วยความเสียใจ รุจียิ่งเจ็บแค้นแทนพี่สาว

พุทราขับรถตู้มาตามทาง โดยที่มัทรี ติรกา และเตือนใจนั่งอยู่ด้านหลัง
“มัทมาทำงาน พาแม่กับยายมามันจะไม่กวนงานมัทเหรอ” ติรกาเอ่ยถาม
“ไม่หรอกค่ะ” มัทรีตอบ
รถตู้เลี้ยวเข้ามาในรีสอร์ทคุณแก้ว จู่ๆ พุทราก็ร้องด้วยความตกใจ “โว้ว ๆ ๆ”
แล้วพุทราก็เบรกรถดังเอี๊ยด
“มีอะไรเนี่ยพุทรา” ติรกาถาม
“ลงไปดูสิคะคุณติ” พุทราบอก
ติรกาเปิดประตูรถแล้วเดินลงไป มัทรี และเตือนใจตามลงมา ทั้งหมดเห็นมุมในสวนสวยถูกจัดเป็นมุมปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ดูอบอุ่น โดยมีรชานนท์ พชร แก้ว นั่งรออยู่ มัทรีเห็นก็ตกตะลึง
“เซอร์ไพรส์สำหรับมัทครับ” วันรบพูดแล้วเขาก็หันไปเห็นติรกากับเตือนใจ “สวัสดีครับ คุณอาติ คุณยาย”
แก้วเดินเข้ามาอย่างยินดี “ดีใจกับน้องมัทรีด้วยนะคะ ที่ได้เจอคุณพ่อที่แท้จริงสักที”
“ลุงระยินดีต้อนรับหลานมัทนะจ๊ะ” พชรพูด
มัทรีนิ่งเงียบ ทุกคนคิดว่ามัทรีดีใจจนช็อก
รชานนท์เดินแหวกทุกคนเข้ามาหามัทรีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะยื่นกล่องของขวัญกล่องเล็ก ๆให้มัทรี
“ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพ่อ”
ติรกาจะพูดแต่มัทรีเงยหน้ามองรชานนท์ด้วยสายตาเกลียดชังแล้วพูดขึ้นก่อน
“คุณ!ไม่คู่ควรที่จะใช้คำ ๆ นั้น และมัทก็ไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่คุณพยายามทำ”
มัทรีปล่อยกล่องของขวัญทิ้งพื้น ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“ที่มัทมาวันนี้เพราะมัทจะมาแจ้งพี่ระว่ามัทขอลาออกจากงานค่ะ” มัทรีพูด
ทุกคนตกใจ
“มัท..นี่มันเรื่องอะไรกัน” วันรบถาม
“รบค่ะ...มัทขอให้เรื่องระหว่างเราจบกันเท่านี้”
“ยัยมัท” เตือนใจตกใจ “คุณมัท” พุทราก็ตกใจเช่นกัน
ทุกคนตกตะลึง มัทรีจะเดินไป วันรบเข้าไปดึงมือมัทรีไว้
“มัท..ทำไม”
“มัทตัดสินใจแล้ว” มัทรีแกะมือวันรบออก “เรื่องสินสอดมัทจะให้พี่พุทราเอามาคืนให้ แม่คะ..คุณยาย กลับกันเถอะค่ะ”
มัทรีดึงเตือนใจกับติรกาให้เดินไปขึ้นรถทันที พุทรายังยืนละล้าละลัง
วันรบตามไปที่รถตู้แล้วจะเปิดประตูแต่มัทรีกดล็อค
“มัท...เปิดประตูก่อน มัท!” วันรบตบประตูรถ
“พี่พุทรา!” มัทรีตะโกนเรียก
พุทรารีบวิ่งไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
“มัท!” วันรบตะโกนตามรถที่แล่นออกไป
เขารีบวิ่งไปที่รถของตัวเอง รชานนท์กับพชรรีบขึ้นรถ วันรบขับออกไป แก้วมองตามอย่างงงๆ

พุทราขับรถตู้แล่นออกไป ติรกากับเตือนใจมองมัทรีที่นั่งนิ่งด้วยความเป็นห่วง
“ยัยมัท..ทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก” เตือนใจถาม
มัทรียังคงนั่งเงียบ
“ยัยมัท” ติรกาเป็นห่วง
มัทรีหันมาฝืนยิ้ม “แบบนี้ดีแล้วค่ะแม่ เรื่องวุ่นวายจะได้จบซะที ต่อไปนี้แม่ไม่ต้องปวดหัวเพราะมัทอีกแล้วนะ”
ติรกาเห็นหน้ามัทรีที่ยิ้มแต่น้ำตาคลอก็รู้สึกสะเทือนใจ ส่วนเตือนใจก็สะเทือนใจไม่แพ้กัน

วันรบขับรถไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเครียด
“ใจเย็นๆ ไอ้รบ เดี๋ยวก็เทกระจาดก่อนถึงบ้านหลานมัท” พชรเตือน
“นี่แกกับลูกฉันมีเรื่องอะไรกัน” รชานนท์ถาม
“ป๋า..ผมเนี่ยะงงสุดเลย เราไม่ได้ทะเลาะกัน วันก่อนผมยังส่งข้อความให้กำลังใจมัทอยู่เลย แล้ววันนี้มัทเป็นแบบนี้ได้ยังไง” วันรบกลุ้มใจ
“หรือว่ากระแตบังคับ”
“ว่าที่แม่ยายผมบังคับมัทให้เลิกกับผมมาตลอด แต่มัทไม่เคยยอมแพ้ มันต้องไม่ใช่เรื่องนี้”
พูดจบวันรบก็เหยียบคันเร่งด้วยความร้อนใจ

พุทราขับรถมาจอดหน้าโรงงานเตือนใจ
“ไม่เข้าไปจอดที่หน้าบ้านล่ะพุทรา” ติรกาถาม
“มีแขกมาพบคุณติค่ะ” พุทราบอก
“ใคร?” ติรกาสงสัย
ทันใดนั้น สมภพก็เดินมาเปิดประตูรถตู้
“คุณสมภพ” ติรกาแปลกใจ
“ผมจะมาขอดูโอ่งแม่เตือน ชุดที่จะเอาไปจัดโชว์ในงานโอท็อปโลกน่ะครับ” สมภพอ้างธุระ
ติรกามองมัทรีอย่างละล้าละลัง “แต่..”
เตือนใจพูดกับติรกา “ติไปรับหน้าก่อนไป อย่าให้มารบกวนยัยมัทตอนนี้”
“ค่ะ..งั้นไปที่โรงงานดีกว่าค่ะ” ติรกาชวนก่อนจะเดินไปกับสมภพ
“พุทราขับไปที่บ้านฉันไป” เตือนใจสั่ง
เตือนใจปิดประตูรถ พุทราจึงขับรถเข้าไป รถของวันรบเลี้ยวมาแล้วขับตามรถตู้ไปทันที

พุทราจอดรถตู้ที่หน้าบ้านเตือนใจ มัทรีกับเตือนใจลงมาจากรถ มัทรีกำลังจะเดินเข้าบ้าน ทันใดนั้นรถของวันรบก็แล่นมาจอด แล้ววันรบก็รีบลงมาจากรถ
“มัท”
มัทรีเห็นก็จะเดินหนี
“ถ้ามัทวิ่งหนี” เตือนใจเอ่ย มัทรีชะงัก “มัทต้องหนีตลอดไปนะลูก”
มัทรีสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูด
“จริงค่ะ” มัทรีหันมาหาวันรบ “รบควรจะได้รู้”
มัทรีจับมือวันรบแล้วเดินไปทางสวน รชานนท์รีบเข้ามาหาเตือนใจ
“แล้วกระแตล่ะครับ มาด้วยกันไม่ใช่เหรอครับ”
“โดนคุณสมภพคว้าไปที่โรงงานน่ะค่ะ” พุทราตอบแทน
รชานนท์ได้ยินชื่อสมภพก็ไม่พอใจ
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”
พูดจบรชานนท์ก็เดินไปทันที
“อ้าวไอ้นนท์ จะไปไหน” พชรทัก
“ไปชิงหัวใจคืนมั้งคะ” พุทราตอบแทนอีก
“มันจะวุ่นวายกันไปถึงไหนเนี่ย” เตือนใจถอนใจแล้วมองตามอย่างหนักใจ พุทรามองตามทางที่วันรบกับมัทรีเดินไปแล้วย่องตามไปทันที

มัทรีพาวันรบมาที่ริมน้ำในสวนหลังบ้าน เธอพาวันรบมาหยุดยืน
“มัท...มันเกิดอะไรขึ้น” วันรบถาม
“มันเป็นความจริงที่มัทเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น เป็นความจริงที่เขาทิ้งมัทกับแม่ไป” มัทรีพูด
วันรบพยายามจะแย้ง “แต่..”
มัทรีขัดขึ้นมาก่อน “เป็นความจริงที่แม่ต้องอุ้มท้องเลี้ยงมัทมาด้วยความยากลำบาก” มัทรีจับสองมือของวันรบขึ้นมาแนบหน้า “มัทรักรบ...รักมาตลอดและไม่เคยหยุดรัก แต่มัทก็รักแม่..มัทรู้แล้วว่าแม่ต้องเหนื่อยต้องทุกข์เพราะมัทมากแค่ไหน ถ้าวันนี้...มัทจะทำให้แม่ยิ้มได้” จู่ๆ น้ำตาของมัทรีก็ร่วงออกมา “มัท..ไม่อยากทำแบบนี้...แต่มัท...”
วันรบมองแฟนสาวอย่างเข้าใจแล้วก็น้ำตาคลอเช่นกัน “ผมเข้าใจ ถึงยังไงแม่ก็เป็นคนที่รักเรามากที่สุด ผมจะไม่เห็นแก่ตัว ไม่ทำให้มัทลำบากใจ”
“มัทจะไม่มีใคร หัวใจของมัทจะอยู่กับรบคนเดียว..ตลอดไป” มัทรีพูด
วันรบเอามือมัทรีมาวางตรงหัวใจของเขา “มัทจะอยู่ในนี้เพียงคนเดียว ตลอดไป”
“ขอบคุณนะคะรบ ..ขอบคุณที่คุณเข้าใจมัทเสมอ..ขอบคุณที่รักมัท”
วันรบดึงมัทรีเข้ามากอด แล้วทั้งสองก็กอดกันร้องไห้เหมือนจะขาดใจ

ติรกากับสมภพเดินคุยกันออกมาจากโรงงานโอ่งแม่เตือน
“โอ่งแม่เตือน ชุดที่จะเอาไปจัดโชว์ในงานโอท็อปโลก ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วค่ะ ฉันเลือกลายพิเศษสำหรับงานใหญ่นี้โดยเฉพาะ” ติรกาบอก
“งานพิเศษกับคนพิเศษ” สมภพป้อติรกาซึ่ง ๆ หน้า ติรกาไม่ทันตั้งตัวและรู้สึกอึดอัด
รชานนท์เดินเข้ามาพอดี
“กระแต”
ติรกาหันขวับทันที “มาทำไม ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
สมภพรีบทำเจ๋งทันที “เฮ้ย”
รชานนท์ยกหมัดขึ้นมา สมภพเห็นก็สะดุ้งถอยไปหนึ่งก้าวแต่ก็ยังทำเป็นยืดเหมือนไม่กลัว
รชานนท์พูดกับติรกา “ไปแน่ แต่คุณต้องบอกเหตุผลที่เสี้ยมให้มัทเกลียดผม”
“ผู้ชายเลว ๆ อย่างคุณ ไม่สมควรได้รับความรักจากใคร” ติรกาว่า
“แล้วผู้หญิงใจง่ายอย่างคุณ ดีกว่าผมตรงไหน” รชานนท์สวน
“กล้าดียังไงมาว่าฉัน”
“เพราะยอมมากไป ถึงได้ถูกคุณสวมเขามาตั้งนาน”
สมภพพยายามพูดกับติรกา “ใจเย็น ๆ ครับคุณติรกา”
ติรกากับรชานนท์พูดพร้อมกัน “อย่ายุ่ง”
สมภพจ๋อย
“ฉันจะสวมเขาให้คุณได้ไง ในเมื่อคุณทิ้งฉัน” ติรกางง
“เข้าใจโยนความผิดให้ผม ทั้งที่คุณแอบคบหมอนพมาตลอด” รชานนท์เคือง
“ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ครับ ผมยิ่งฟังยิ่งงง” สมภพแทรกขึ้น
ทันใดนั้น รุจีก็ปราดเข้ามาโดยไม่ฟังเสียงห้ามของรปภ.แจ่ม
“สถานที่ส่วนบุคคล ห้ามเข้านะครับ”
สมภพตกใจเมื่อเห็นรุจี “รุจี !”
“เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด วันนี้ฉันจะแฉแกให้หมดเปลือกเลย” รุจีฉุน เธอหันไปเจอไปรชานนท์ก็ถึงกับอึ้ง
“คุณรชานนท์” รุจีพึมพำกับตัวเอง
สมภพอาศัยจังหวะนั้นดึงตัวรุจีออกไปทันที
สมภพหันมาพูดกับติรกา “ผมขอตัวไปทำธุระก่อนนะครับ”
ติรกากับพุทราสงสัยว่ารุจีเป็นใคร ส่วนรชานนท์มองตามรุจีด้วยความรู้สึกคุ้นหน้า

รุจีถูกสมภพลากมาที่ข้างรถของเขาที่จอดอยู่ รุจีสะบัดแขนหลุดจากมือสมภพ
“ปล่อย !”
สมภพมองซ้ายมองขวาก่อนจะถามรุจีด้วยเสียงเยือกเย็น
“มาทำไม?”
“ฉันก็จะแฉให้ทุกคนรู้ ว่าผู้ชายชั่วชอบรังแกผู้หญิงอย่างแก มีลูกเมียแล้ว” รุจีบอก
“ก็เอาสิ ... ถ้าเรื่องของฉันถึงหูคนนอกเมื่อไหร่ ฉันจะไล่ทรงสุดากับลูกออกจากบ้าน”
สมภพขู่กลับด้วยท่าทางขึงขังเอาจริง
“อยากให้พี่กับหลานลำบากอยู่ข้างนอกก็เชิญ แต่อย่าหวังว่าฉันจะใจอ่อนยอมรับสองคนนั้นกลับเข้าบ้านอีก”
รุจีจ้องสมภพด้วยความเกลียดชัง

ติรกาเดินเข้ามาที่บริเวณหน้าบ้าน รชานนท์เดินตาม
ติรกาหันกลับมาโวยใส่ “เลิกวุ่นวายกับพวกฉันซะที!”
รชานนท์มองหน้าติรกาด้วยสายตาตัดพ้อ “กระแต คุณเคยรักผมจริงๆ ใช่ไหม”
ติรกาอึ้งกับคำถามของรชานนท์ “ฉัน...ฉันเคยรัก..แต่คุณทำลายมันไปแล้ว”
พูดจบติรกาก็จะเดินไป แต่รชานนท์ร้องเพลงแด่คนเคยรักออกมา “แด่คนที่ฉันเคยรัก...แด่คนที่เคยซื่อตรงที่พาชีวิตฉันพลัดฉันหลงไม่มี...ชิ้นดี เธอทำให้ฉันหัวเราะ เธอทำให้ฉันร้องไห้ เธอทำชีวิตที่มีความหมายฉันตายทั้งเป็น”
ภาพเหตุการณ์ในอดีตระหว่างรชานนท์กับติรกาแวบกลับมา ไม่ว่าจะเป็นรชานนท์นอนตักติรกาในสวน ติรกาแกล้งบีบจมูกรชานนท์ที่กำลังหลับอยู่ ติรกาส่งน้ำส้มคั้นให้รชานนท์ รชานนท์หอมแก้มติรกา ติรกากอดรชานนท์ รชานนท์ยกตัวติรกาขึ้นหมุนท่ามกลางสวนดอกไม้
“ฉันมันไม่ดีตรงไหน โง่เกินไปหรือเปล่า แผลที่เธอทำมันลึกมันร้าวมันเข้าไปฝังใจ ฉันมันไม่ดีตรงไหน จะบ้าจะตายเพราะเธอ หัวใจยังจำยังคิดเสมอถึงเธอคนทำ”
รชานนท์ร้องเพลงพร้อมกับเข้ามายืนตรงหน้าติรกา
“เธอทำให้ฉันหัวเราะ เธอทำให้ฉันร้องไห้” รชานนท์จะยื่นมือไปแนบแก้มติรกา “แต่คงเป็นคนสุดท้ายที่ฉัน จะยอมให้ทำ”
มือของรชานนท์เกือบจะสัมผัสหน้าติรกา แต่ติรการู้สึกตัวซะก่อน เธอรีบปัดมือรชานนท์ออกทันที “พอที! พอได้แล้ว!
รชานนท์มองหน้าติรกา เขาเห็นติรกาน้ำตาร่วง ทันใดนั้นติรกาก็วิ่งเข้าไปในบ้านสวนกับเตือนใจและพชรที่กำลังเดินออกมาพอดี
“พ่อนนท์..เกิดอะไรขึ้น” เตือนใจตกใจ
รชานนท์ยังไม่ทันตอบอะไร วันรบก็เดินมาจากอีกทาง
“เป็นไงบ้างไอ้รบ” พชรถาม
วันรบพูดทั้งๆ ที่ตาแดง “กลับกันเถอะ”
พูดจบวันรบก็เดินไปขึ้นรถทันที พชรกับรชานนท์ไม่เข้าใจแต่ก็เดินตามไปขึ้นรถ วันรบขับรถออกไป สักพักมัทรีก็เดินออกมาจากทางที่วันรบเดินมา
“มัท..นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เตือนใจถาม
“มัทปวดหัวค่ะ ขอไปพักนะคะยาย”
พูดจบมัทรีก็เดินเข้าบ้านไป
เตือนใจกลุ้ม “แล้วจะรู้เรื่องไหมเนี่ย”
พุทราเดินมาด้านหลังเตือนใจ
“รู้สิคะ...พุทราจัดให้”

เตือนใจได้ยินก็ตกใจรีบหันมามอง พุทรายิ้มให้แล้วยกมือถือขึ้นโชว์ เตือนใจมองอย่างสงสัย

อ่านต่อหน้า 2 เวลา 12.00 น.





 แม่ยายที่รัก  ตอนที่ 7 (ต่อ)  

ทรงสุดาป้อนข้าวให้ต้นอยู่ที่โต๊ะอาหารในบ้าน ส่วนสมภพยืนคุยโทรศัพท์เสียงดังอยู่ห่างออกมา

“คุณติเข้าโรงพยาบาลเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่” สมภพนิ่งฟัง “เมื่อคืน! แล้วทำไมแกไม่บอกฉันตั้งแต่เมื่อคืนแค่นี้นะ”
สมภพวางสายแล้วจะเดินออกไป
“คุณภพเจ้า ไม่ทานข้าวก่อนเหรอคะ” ทรงสุดาถาม
“ฉันจะรีบไปดูคุณติ” สมภพบอก
ทรงสุดารู้สึกเจ็บแต่ทำเป็นนิ่ง “ต้น..ไปหอมคุณพ่อสิลูก คุณพ่อจะไปทำงานแล้ว”
“อย่าวุ่นวายน่า!” สมภพเสียงดังแล้วเห็นต้นเริ่มหน้าเบะ “โอ๋..พ่อไม่ได้ว่าต้นนะลูก” สมภพหันไปขึงตาดุใส่ทรงสุดา “คิดจะถ่วงเวลาฉันเหรอ”
“ดาเปล่านะคะ ดาไม่กล้าหรอกค่ะ” ทรงสุดาเสียงอ่อย
“เจียมตัวก็ดีแล้ว ไม่งั้นจะไม่มีที่ซุกหัวนอน เอาลูกไป!”
ทรงสุดารับลูกไป สมภพเดินออกจากบ้านแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
“ไอ้ธงฉาน..แกรีบออกมาด่วน
ทรงสุดากอดลูกชายแล้วน้ำตาร่วงอย่างเจ็บปวดใจ
ทันใดนั้นเด็กรับใช้ก็เดินเข้ามาบอก “คุณทรงสุดาคะ คุณรุจีบอกว่าไม่ทานข้าวค่ะ”
“ทำไม” ทรงสุดาถาม
“เธอไม่ได้บอกค่ะ ไม่เปิดประตูด้วย”
เด็กรับใช้ตอบ ทรงสุดาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงน้องสาว

ทรงสุดาเดินมาหยุดที่หน้าห้องพักคนงานหลังบ้านสมภพแล้วจึงเคาะประตู
“รุจี นี่พี่ดานะ เป็นอะไรหรือเปล่า รุจี”
ประตูเปิดออก รุจีอยู่ในสภาพตาแดงกล่ำน้ำตายังเปื้อนใบหน้า
“พี่ดาช่วยด้วย” รุจีโผเข้ากอดทรงสุดา
“ใครทำอะไรรุจี” ทรงสุดาตกใจ
“มันเจ็บ...”
“คุณสมภพทำร้ายน้องเหรอ โธ่... พี่เตือนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัวทำไมไม่เชื่อพี่”
“เพราะไม่เชื่อปี้ น้องถึงได้เจอปี้นนท์” รุจีเริ่มอู้คำเมืองใส่พี่สาว
“ปี้นนท์ ป้อจายที่น้องอู้ให้พี่ฟังบ่อยๆ ใช่ก่อ” ทรงสุดาถาม
“เจ้า...ป้อจายที่ยะฮื้อน้องฮู้จักฮักที่แท้จริง ถึงน้องจะต้องเจ็บปวดใจเต้าใดก็ตาม”
รุจีสะอึกสะอื้นหนักขึ้นจนแทบกลั้นไม่อยู่
“รุจี น้องต้องหักอ๊กหักใจซะบ้างเน้อ ฮักคนที่เขาบ่อฮักเฮา มันเจ็บป๊วดขนาด ปี้ฮู้ดี”
“ตี้ใดมีฮัก ตี้นั่นมีทุกข์ แต่ถ้าเฮาตั้งใจ๋รุก ทุกข์อาจจะบ่อเกิดเน้อ”
“หืม...รุจี น้องบอกปี้ว่าจะตัดใจจากป้อจายแล้วบ่ใช่กา” ทรงสุดาถาม
“ตอนแฮกน้องก็กึ้ดแบบนั้น แต่พอเห็นแล้วมันเปรี้ยวปากนะปี้ น้องทำใจบ่อได้จริงๆ มันอาจจะเป็นพรหมลิขิตที่ดลจิตดลใจให้น้องฮู้ว่า คุณนนท์คือเนื้อคู่ที่น้องต้องกิน..เอ๊ย ต้องฮัก ถึงทำให้น้องได้มาป๊ะกับเขาจะอี้”
รุจีพูดด้วยแววตาเป็นประกาย ทรงสุดาเห็นท่าทางของรุจีแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ

ธงฉานขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านติรกา รปภ.แจ่มรีบวิ่งมาเปิดประตูให้ สมภพก้าวลงจากรถ
“ขอบใจที่โทรไปบอก” สมภพพูดกับแจ่มก่อนจะยื่นแบงก์ห้าร้อยใส่มือแจ่มแล้วยิ้มอย่างรู้กัน
แจ่มยกมือไหว้ด้วยความดีใจ “ขอบคุณมากครับ”
ธงฉานหอบช่อดอกไม้เดินลงจากรถมา เขาหันไปเห็นรถรชานนท์จอดอยู่ก็ไม่พอใจ
“พวกไอ้วันรบอยู่ที่นี่”
สมภพชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ

ติรกาป้อนขนมใส่ปากรชานนท์อย่างเอาอกเอาใจ มัทรีนั่งรออยู่ไม่ไกลเพราะกำลังหาจังหวะคุยกับแม่
“กระแตจำได้ว่านนท์ชอบทานขนมลูกชุบ” ติรกาอ้อน
“กระแตน่ารักกับผมเสมอ” รชานนท์ชม
วันรบ พชร เตือนใจ และพุทรานั่งมองติรกากับรชานนท์ที่กลายเป็นคู่รักที่ทำตัวราวกับโลกนี้มีแค่เราสองคน
“ถ้าเป็นแบบนี้ ไอ้รบได้หมั้นเมียแน่” พชรดีใจ
“คู่หมั้นครับ ยังไม่ใช่เมีย” วันรบรีบแย้ง
“อีกหน่อยก็ใช่เองแหละค่ะ” พุทราพูดแต่กลับโดนเตือนใจหยิกแขนอย่างหมั่นไส้ “อุ๊ย”
“พูดถึงหลานฉันให้ดีหน่อยนะ” เตือนใจดุ
สมภพกับธงฉานหอบช่อดอกไม้เดินเข้ามาหาประกบติรกาโดยที่ไม่มีใครตั้งตัว
“ผมได้ข่าวคุณติรกาประสบอุบัติเหตุ ก็เลยรีบมาทันที” สมภพบอก
ติรกามองทั้งสองอย่างงงๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร มัทรีก็แทรกขึ้นมาก่อน
“แสนรู้จริงนะคะ”
“ขอบคุณครับที่ชม” ธงฉานรับคำอย่างซื่อๆ
“รู้หรือเปล่าว่าแสนรู้น่ะเขาไม่ใช่กับคน เขาใช้กับ..”
เตือนใจพูดยังไม่จบ วันรบกับพชรก็ทำเสียงหมาหอนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
สมภพเริ่มไม่พอใจ “พวกแกว่าใครเป็นหมา”
“ผมไม่ได้ยินใครพูดถึงหมา” รชานนท์มองสมภพ “สักตัว”
สมภพตรงเข้าไปผลักอกรชานนท์ด้วยท่าทางกร่าง “ปากเก่งนักเหรอ”
วันรบฮึดฮัดจะเอาเรื่อง แต่รชานนท์ขอไว้ “ไอ้รบอย่า ... “
“ป๋าเอง” รชานนท์ปล่อยหมัดชกหน้าสมภพจนหน้าหัน
“โอ๊ย!” สมภพร้อง
“ไอ้รชานนท์ แกทำร้ายอาฉัน”
ธงฉานพุ่งเข้าไปเอาเรื่องวันรบกับรชานนท์ ทันใดนั้นเสียงปืนลูกซองก็ดังขึ้น
ทั้งหมดตกใจเมื่อหันไปเห็นติรกาชักปืนออกมาขู่ด้วยหน้าตาขึงขังเหมือนติรกาคนเดิม
“ฮ่า ๆ ๆ งานนี้หลวงพ่อโกยก็ช่วยพวกแกไม่ได้” ธงฉานสะใจ
ธงฉานกับสมภพหัวเราะเยาะพวกวันรบ
แต่แล้วติรกาก็ยิงเฉียดสมภพกับธงฉานไป สองอาหลานสะดุ้งแล้วยืนช็อค
ธงฉานตกใจไม่กล้าขยับ “อา...”
สมภพยังไม่แน่ใจแต่ก็ยังปลอบใจตัวเอง “ยิงพลาดล่ะมั้ง”
“อ๋อ” ธงฉานเข้าใจตามที่อาสรุป
ทันใดนั้นติรกาก็ยิงรัวเข้าใส่สมภพกับธงฉานไม่ยั้ง ห่ากระสุนปืนพุ่งผ่านสมภพกับธงฉานไปอย่างเฉียดฉิว ธงฉานกับสมภพวิ่งหนีออกมา ติรกาวิ่งตามมายิงแบบไม่นับ สองอาหลานกระโดดหลบกระสุนกันไปมาราวกับเต้นเบรคแด๊นซ์ สักพักสมภพกับธงฉานจะวิ่งหนีแต่กลับวิ่งมาชนกันจนล้มไปทั้งคู่
ติรกากระชับปืนก้าวเข้ามา “จำไว้ว่าผัวข้าใครอย่าแตะ!”
“ผัว..คุณติหมายถึง” สมภพตกใจ
รชานนท์ก้าวเข้ามายืนข้างติรกาแล้วชี้ที่ตัวเอง “ผู้ชายสุดหล่อคนนี้นี่เอง”
“คุณติยอมให้ไอ้.” สมภพเห็นติรกากระชับปืน “เอ่อ..คุณรชานนท์เป็นสามีแล้วเหรอครับ”
“ใช่! นนท์เป็นสามีและเป็นพ่อของลูกฉัน มีปัญหาหรือไง!” ติรกาถามกลับ
“ไม่มีครับ! ไม่มี๊...ไม่มี” สมภพละลักละล่ำ
“รู้เรื่องแล้วล่ะก็..ประตูอยู่ทางโน้น เชิญครับ” รชานนท์ผายมือไปทางประตู
“หุบปากไปเลย” ธงฉานเสียงดัง
“อย่าก้าวร้าวสามีฉัน!” ติรกาขู่แล้วก็ยิงใส่อีกไม่ยั้ง
ธงฉานรีบวิ่งเอาตัวรอดออกไปก่อน
“ไอ้ฉาน...รออาด้วย!” สมภพวิ่งตามไป รชานนท์มองตามอย่างขำๆ

สมภพกับธงฉานวิ่งเบียดกันหนีตายออกมาจากบ้านติรกา โดยมีเสียงปืนดังไล่หลังมาเป็นระยะ อารามตกใจ สมภพวิ่งไปนั่งที่คนขับ ธงฉานวิ่งมานั่งฝั่งผู้โดยสารแล้วจะสตาร์ทรถ แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่านั่งสลับที่กัน
เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด สมภพ ธงฉานรีบมุดเปลี่ยนที่นั่งกันภายในรถอย่างไม่รอช้า
ธงฉานรีบสตาร์ทรถก่อนจะขับรถหนีอย่างรวดเร็ว

วันรบ รชานนท์ และพชรยืนหัวเราะพวกธงฉานจนตัวงอ
“วิ่งป่าแลบเลย ฮ่า ๆ ๆ” พชรขำ
ติรกาหันขวับมาหาพวกรชานนท์ ทั้งสามคนหยุดชะงักทันที
มัทรี เตือนใจ และพุทราเห็นก็ลุ้นระทึก
ติรกาทิ้งปืนแล้วโผเข้าไปกอดรชานนท์ก่อนจะส่งเสียงอ่อนเสียงหวาน
“นนท์คะ” ติรกาจับหน้ารชานนท์ “ตกใจใช่ไหมคะ หน้าซีดเชียว”
รชานนท์งงแต่ก็ตั้งสติทัน “ครับ..กระแตโหดไม่ทันให้ตั้งตัวเลย”
“กระแตโหดกับพวกที่มาวุ่นวายกับครอบครัวเราเท่านั้นล่ะค่ะ” ติรกาพูดกับวันรบ และพชร “ขอโทษนะคะที่ทำให้ตกใจ”
วันรบเองก็ตกใจที่ได้รับคำขอโทษ “ไม่ ไม่เป็นไรครับ อย่าเป็นบ่อยก็พอ” วันรบพูดเบาๆ
พุทราพูดกับมัทรีและเตือนใจ “แบบนี้เรียกว่าทั้งรักทั้งหลงเลยนะคะเนี่ย”
“เฮ้อ..แสดงว่าลึก ๆ ยัยติคงรักตานนท์มากจริงๆ พอแสดงออกถึงได้เต็มที่แบบนี้” เตือนใจสรุป
“แต่เขาเป็นคนที่ทิ้งพวกเราไป” มัทรีบอก
“ยัยมัท...เราก็เห็นแล้วว่าแม่เรารักพ่อเรามากแค่ไหน”
“ถ้าแม่ความจำกลับคืนมาแล้วบอกกับมัทว่าแม่รักเขาจริงๆ มัทถึงจะคิดดูอีกที”
เตือนใจบ่น “มันหัวดื้อเหมือนใครน้า”
“คาดว่าจะเป็นดีเอ็นเอของคนแถวนี้ล่ะค่ะ ดื้อเหมือนกันเปี๊ยบ” พุทราแซว
เตือนใจมองพุทรา “รู้ใช่ไหมว่าที่ยัยติมันโหดเนี่ย ได้แค่เสี้ยวเดียวของฉันเอง”
“ชะอุ๊ย...นึกได้ว่ามีงานค่า”
พูดจบพุทราก็รีบเผ่นไปทันที เตือนใจหันมามองมัทรี ทุกคนชำเลืองมองกันเพราะยังงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของติรกา

อาไทเดินไปเดินมาอยู่บนบ้าน สักพักเขาก็ได้ยินเสียงกำนันเรืองเดินขึ้นบ้านมา อาไทสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วหันไปยิ้มรับพ่อตัวเอง
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ พ่อกำนัน ไม่เห็นหน้าหลายวันอาล่ะคิดถึ้ง..คิดถึง”
“อย่าเพิ่งมาชวนข้าคุยตอนนี้ ไปดูต้นทาง แม่จ๋ามาเมื่อไหร่ส่งสัญญาณด้วย” กำนันเรืองสั่ง
กำนันเรืองเดินไปที่เสาตกน้ำมัน อาไทมองตามตาโต
“ตายล่ะ!” อาไทตกใจ
กำนันเรืองหยิบเงินออกมาม้วนจะเอาใส่ที่ซ่อนในเสาตกน้ำมัน เขาเปิดที่เสาดูแล้วก็ตกใจที่ข้างในกลวงเปล่าและไม่มีเงินอยู่เลย
“เฮ้ย!” กำนันเรืองหันไปหาอาไท “อาไท!”
อาไทรีบทำแกล้งตายด้วยการลงไปนอนทันที
“ไอ้อาไท! ถ้าเอ็งไม่ตื่น เอ็งได้ตายจริงแน่ๆ” กำนันเรืองขู่
อาไทยังทำเป็นนอนนิ่ง กำนันเรืองจับร่างอาไทเขย่า “ไอ้อาไท!”
วันทนีย์กับกระถินเดินขึ้นมาบนบ้าน
“โวยวายอะไรพ่อจ๋า เสียงดังไปถึงข้างล่าง” วันทนีย์ถาม
“ก็เงินมันหายน่ะสิ” กำนันเรืองตอบทันที
วันทนีย์หูผึ่ง “เงินหาย! เงินอะไรหาย หายได้ยังไง!”
อาไทลืมตามองเห็นว่าได้จังหวะก็ทำเป็นตื่นทันที
“แม่จ๋า..เสียงดังอะไรกันจ๊ะ แล้วอะไรหายเหรอจ๊ะ”
อาไทหันมามองกำนันเรืองตาแป๋ว ก่อนจะนำสายตาวันทนีย์กับกระถินให้มองกำนันเรืองอย่างรอคำตอบ
กำนันเรืองโดนกดดันจึงหาทางแถสุดชีวิต “ก็เงินที่พ่อ... วางไว้บนหลังตู้สองร้อยน่ะ มันหาย” กำนันเรืองล็อคคออาไท “แกใช่ไหมอาไท แกหยิบไปใช่ไหม” กำนันเรืองกระซิบกับอาไท “ไม่ช่วยพ่อเอ็งตายแน่” กำนันเรืองล็อคแน่นขึ้นทุกที
“ใช่จ๊ะ อาเอง อาเอาไปซื้อข้าวกินน่ะจ๊ะ” อาไทตอบ
“แค่หยิบเงินไปกินข้าว พ่อไม่เห็นจะต้องโวยวายขนาดนี้เลย” วันทนีย์งง
“พ่อกำนันโวยวายยังกับบ้านโดนยกเค้าไปหมดงั้นแหละ” กระถินบอก
“หมด...” กำนันเรืองนึกได้ “อย่าบอกนะว่าหมด!” กำนันเรืองหันไปหาอาไท “อาไท มากับข้า!”
กำนันเรืองจะลงจากบ้าน
“พ่อจ๋าจะไปไหน” วันทนีย์ถาม
“พ่อจะไปตรวจรถหน่อย ว่าลืมล็อคหรือเปล่าน่ะจ๊ะ อาไท!” กำนันเรืองเรียกเสียงดัง
“จ๊ะ” อาไทจำต้องเดินตามกำนันเรืองลงไป

กำนันเรืองเดินมาเห็นดินใต้ต้นกล้วยที่ถูกกลบไว้หลวม ๆ เขาเข้าไปนั่งตรงดินที่ถูกกลบแล้วเพียงแค่วางมือดินก็ทรุดฮวบลงไปทันที
“เฮ้ย!” กำนันเรืองหันมาหาอาไท “อย่าบอกนะว่า.”
อาไทจ๋อย “หมดเลยจ๊ะ”
“นั่นมันทั้งหมดที่ข้าเม้มมาตลอดชีวิตเลยนะ!”
“ทำใจเถอะพ่อ เงินทองมันของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้นะพ่อนะ”
“แต่นี่ข้าหาจนใกล้ตายถึงได้ตั้งเท่านี้นะ ถ้าต้องหาใหม่คงตายก่อน ไอ้ลูกแสบไอ้..”
“พี่รบเขาบอกว่าเขาแต่งงานกับพี่นางฟ้าเมื่อไหร่ เขาจะหามาใช้คืนพ่อแน่นอน จะแถมสาวเอ๊าะ ๆ ให้พ่อด้วยนะ”
“กว่ามันจะหามาคืนได้ข้าไม่ตายก่อนเรอะ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ อาสัญญานะ ถ้าพ่อตายก่อน อาเนี่ยแหล่ะจะช่วยใช้เงินที่เหลือให้หมดเอง พ่อไม่ต้องห่วงนะ”
กำนันเรืองเคลิ้ม “ขอบใจ..เว้ย” กำนันเรืองเขกกะโหลกลูกชายคนเล็ก
“พ่อเขกอาทำไมเนี่ย อาคิดทดแทนบุญคุณนะ”
กำนันเรืองล็อคคออาไท “ข้าล่ะซาบซึ้งในความกตัญญูของเอ็งเหลือเกิน นี่ถ้าแม่จ๋ารู้..ข้าตายแน่ จำไว้นะอาไท ต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่งั้น..”
“พ่อกำนันโดนสองเด้งแน่ เด้งแรกเม้มเงิน เด้งสองทำให้พี่รบได้แต่งงานกับพี่นางฟ้า เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะให้ฉันปิดมันก็” อาไททำเป็นเกาปาก
กำนันเรืองมองอย่างรู้ทันจึงหยิบแบงก์ห้าร้อยออกมาโบกตรงหน้า “ถ้าเอ็งไม่พูด..”
อาไทดึงเงินมาทันที “เพื่อพ่อกำนัน อาไทจะรูดซิปปากเลยจ๊ะ”
กำนันเรืองมองอย่างเซ็งๆ แล้วเดินกลับขึ้นบ้านไป
อาไทมองเงินในมือ “โชคสองชั้นจริงๆ อาไทเอ๊ย”

ธงฉานกับสมภพเดินเข้าบ้านมาอย่างอารมณ์เสีย
“ซวยสองต่อจริงๆ เลยอา เสียหน้าแถมเกือบโดนยิงทิ้งอีกต่างหาก” ธงฉานบ่น
“จู่ ๆ ติรกาก็ไล่ยิงเรา ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้” สมภพแปลกใจ
“หรือว่าพวกไอ้วันรบทำเสน่ห์ยาแฝดใส่คุณอาติ”
“ไร้สาระ !”
สมภพพูดพลางหันมองหาทรงสุดา
“ยายเฉิ่มนั่นหายไปไหน ป่านนี้ยังไม่หาน้ำท่ามาให้ฉัน” สมภพมองหา
“อาสะใภ้นอนกลางวันรึเปล่า”
สมภพกระชากคอเสื้อธงฉานมาด้วยความโมโห
“ฉันบอกแกหลายหนแล้ว ว่าอย่าเรียกทรงสุดาแบบนี้ ผู้หญิงอย่างอย่างทรงสุดาไม่มีสิทธิ์เผยอตัวขึ้นมาชูคอเป็นคุณผู้หญิงบ้านนี้เด็ดขาด”
“ผมขอโทษครับอา ผมจะไม่เรียกแล้ว” ธงฉายเสียงอ่อย
สมภพสะบัดมือปล่อยคอเสื้อธงฉานก่อนจะเดินหาทรงสุดาในบ้าน

ทรงสุดาพยายามปลอบให้รุจีตัดใจอยู่ในห้องพักของรุจี
“น้องอุตส่าห์ลงทุนไปเข้าสถานธรรมมาหลายแห่ง ควรจะตัดใจได้แล้วนะ”
“แต่น้องฮักปี้นนท์จริง ๆนะเจ้า ปี้ดา” รุจีสะอื้น
สมภพเดินมาหยุดฟังทรงสุดากับรุจีคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง
“แล้วคุณนนท์เค้าฮักน้องก่อ” ทรงสุดาถาม
“ข้าเจ้าบ่ออู้ ข้าเจ้าบ่อเคยถาม” รุจีตอบ
“ถ้าน้องบ่อถาม คุณนนท์จะอู้บอกน้องได้จะใด”
“น้องบ่อต้องการคำตอบ ขอแค่น้องได้ฮักเค้าก็พอ”
ทรงสุดาเหนื่อยใจกับน้องสาว สมภพยืนฟังจนรู้ว่ารุจีแอบรักรชานนท์

นลินีตกใจหลังจากได้รู้เรื่องจากพชรและวันรบที่กลับมาเล่าให้เธอฟังที่บ้าน
“ติรกาเนี่ยนะ สร้างความจำว่าแต่งงานกับนนท์มีความสุข ! เป็นไปได้ยังไง”
“ทุกคนก็ตกใจเหมือนพี่นีแหละครับ” วันรบบอก
“ทั้งรักทั้งหลงไอ้นนท์ขั้นโคม่า” พชรย้ำ
“ไม่น่าเชื่อ” นลินียังประหลาดใจ
“ผมก็ไม่อยากเชื่อ ถ้าไม่เห็นเต็ม ๆ ตา” วันรบบอก
“เตรียมรับขวัญน้องสะใภ้ได้เลยเมียจ๋า”
“พี่นีไม่เห็นด้วยกับป๋าเรื่องว่าที่แม่ยายผมหรือเปล่าครับ” วันรบถาม
“ถึงฉันจะไม่พอใจเรื่องติรกาทำร้ายตานนท์ แต่ถ้าสองคนนั่นรักกันจริงฉันก็ไม่ขัดขวางความสุขของน้อง” นลินีตอบ
“ทำไมทุกคนลืมเรื่องหมั้นของผมไปเลยล่ะครับ ชาตินี้ผมจะมีบุญได้แต่งงานกับมัทมั้ย” วันรบถอนใจ
“มีบุญ แต่ไม่มีทางว่ะ ฮ่า ๆ ๆ” พชรหัวเราะร่วน
วันรบถอนใจด้วยความเซ็ง
นลนีหันไปมองรอบ ๆ เหมือนเพิ่งนึกได้ “แล้วตานนท์หายไปไหน”
วันรบกับพชรสบตากันเพราะไม่รู้จะตอบนลินีอย่างไร

ติรกาจัดที่นอน พร้อมทั้งปูผ้าปูที่นอนใหม่เป็นสีชมพูหวาน มัทรีเดินตามติรกาเพราะพยายามหาเหตุผลมาเปลี่ยนใจติรกา
“จะให้ผู้ชายคนนั้นนอนในห้องแม่ไม่ได้นะคะ” มัทรีย้ำ
“ผู้ชายที่ลูกพูดถึง คือพ่อของลูกนะมัท ทำไมแม่กับพ่อจะนอนในห้องหอด้วยกันไม่ได้” ติรกาบอก
พุทราได้ยินถึงกับตาโต “ห้องหอ รอเลิฟ ? ว้าว ๆ ๆ”
เตือนใจกุมขมับแล้วรำพึงคนเดียว
“โอ้... พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเอามากนะลูกฉัน”
มัทรีเข้าไปสะกิดเพื่อขอร้องเตือนใจ
“ยายช่วยพูดกับแม่หน่อยสิคะ”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของแม่เค้านะยายมัท” เตือนใจบอก
“แต่เราจะยอมให้แม่ทำตามใจตัวเองตอนความจำเสื่อมไม่ได้นะคะ” มัทรีแย้ง
“ปรกติคุณติรกาก็เอาแต่ใจตัวเองค่ะ” พุทรารีบบอก
มัทรีจ้องพุทราด้วยความไม่พอใจ พุทราเห็นสายตาของทั้งสองก็สะดุ้ง
“เอ่อ พุทราเตรียมมูฟไปนอนบ้านคุณเตือนใจดีกว่า”
“ไปสิ ฉันกำลังเหงาอยู่พอดี” เตือนใจบอก
“จัดที่นอนหมอนมุ้งตามไปด่วนค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนสิคะยาย พุทรา” มัทรีพยายามรั้งไว้
เตือนใจกับพุทรารีบหันหลังเดินออกจากห้องไปพร้อมกับหัวเราะกันคิกคักอย่างรู้กัน
มัทรีมองแม่ของตัวเองที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดที่นอนอย่างมีความสุข แล้วเธอก็พยายามคิดหาทางทำอะไรสักอย่าง

กระถินยกถาดขนมมันต้มน้ำขิงมาวางให้กับกำนันเรือง วันทนีย์ และอาไท
“มันต้มน้ำขิงจ๊ะ ทานน้ำขิงก่อนนอนจะได้สบายท้องนะจ๊ะแม่จ๋า”
“กระถินนี่น่ารักสมเป็นแม่บ้านแม่เรือนจริงๆ ช่างดูแลเอาใจใส่ เหนื่อยไหมลูก” วันทนีย์เป็นห่วง
“ถ้าพี่กระถินเหนื่อย แม่จ๋าจะทำแทนเหรอจ๊ะ” อาไทถาม
“เปล่า..แม่ถามเฉยๆ”
“แม่จ๋ากับพ่อกำนันเป็นผู้มีบุญคุณและเป็นคุณพ่อคุณแม่ของพี่รบ คนที่กระถินรักและบูชา กระถินไม่เหนื่อยหรอกจ๊ะ หรือต่อให้เหนื่อยกว่านี้สักสิบเท่ากระถินก็ยอมค่ะ” กระถินออดอ้อน
“โถ..” วันทนีย์โผเข้ากอดกระถินที่รู้งานโผเข้าสวมกอดเธอเช่นกัน “ลูกสะใภ้ของแม่”
“กระถินคงไม่มีบุญหรอกค่ะคุณแม่ เพราะพี่รบไม่เห็นความสำคัญของกระถินเลย” กระถินตัดพ้อ
อาไทกระซิบกับกำนันเรือง “น่าน..พี่กระถินจุดประกายแม่จ๋าอีกแล้ว...เดี๋ยวแม่จ๋าก็..”
อาไทพูดยังไม่ทันขาดคำ วันทนีย์พูดขึ้นทันที “ไม่ต้องกลัวนะกระถิน แม่จ๋าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ไม่ทันแล้วล่ะ” กำนันเรืองบอก
“หมายความว่ายังไง ตารบหาสินสอดได้แล้วเหรอ หามาจากไหนยังไง” วันทนีย์ถาม
“หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ พ่อกำนัน” อาไทเซ็ง
“พ่อไม่รู้ ก็เห็นมันหายเงียบไป คิดว่าคงจะเรียบร้อยแล้วล่ะมั้ง พ่อเดาเอาน่ะ” กำนันเรืองเฉไฉ
“แม่จ๋า...” กระถินขอความเห็นใจ
“ไปเอาโทรศัพท์มา แม่จะคุยกับตารบเอง”
กำนันเรืองกับอาไทสบตากันอย่างเซ็ง ๆ
“พี่รบไม่ได้สงบสุขแน่คืนนี้” อาไทเปรย

วันรบนั่งปรึกษาพชรกับนลินีด้วยความกลุ้มใจ
“แล้วหลานมัทยอมรับตานนท์แล้วเหรอ” นลินีถาม
“มัทไม่ยอมรับป๋าเป็นพ่อ” วันรบบอก “แต่ไม่อยากขัดใจให้แม่ยายผมคิดมาก กลัวจะเป็นอะไรไปอีก”
“ไข่แล้วทิ้ง เป็นใครก็เฮิร์ทน่ะนะ” พชรเปรย
นลินีเถียงแทนน้องชายทันที “ที่พี่รู้ติรกามีคนอื่นก่อน”
“แต่แม่มัทยืนยันว่าถูกป๋าทิ้งตั้งแต่ท้อง” วันรบเริ่มสงสัย “ทำไมสองคนนี้พูดไม่ตรงกัน”
พชรกับนลินีเริ่มสงสัยเหมือนวันรบ
“ต้องให้ติรกากับตานนท์มายืนยันความจริงต่อหน้า” นลินีบอก
“แต่ว่าที่แม่ยายผมจำอะไรไม่ได้นอกจากป๋า” วันรบพูด
“ถ้าความจำกลับมา น้องแต้แว๊ดคงตอบไอ้นนท์ด้วยลูกปืน” พชรหวั่นใจ
“เรื่องในอดีตของป๋าก็ไม่เคลียร์ เรื่องรักของผมไม่ลงตัว โอ๊ย กลุ้ม ๆ ๆ” วันรบกลุ้มใจ
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของวันรบก็ดังขึ้น วันรบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พชรทักขึ้นทันที
“พูดถึงแม่ยาย แม่ตัวก็โทรมาทันที คู่แท้คนละภพจริง ๆ”
วันรบกดรับสายแล้วก็ลุกขึ้นเดินเลี่ยงไปคุยทางอื่น “ครับแม่”

วันทนีย์นั่งคุยโทรศัพท์อยู่กับวันรบ โดยมีกระถินคอยเสริมอยู่ข้าง ๆ ส่วนกำนันเรืองนั่งส่องพระเครื่องอยู่ไม่ไกลและคอยเงี่ยหูฟังเป็นระยะๆ
“ข้าหาฤกษ์แต่งงานให้เอ็งได้แล้ว” วันทนีย์บอก
วันรบตกใจ “อะไรนะแม่”
“วันที่พี่รบกับกระถินจะได้เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องไงคะ กระถินรอวันนั้นมานานแสนนาน พี่รบอยากได้อะไร กระถินย้อมยอม” กระถินพูดอ้อนใส่โทรศัพท์

วันรบได้ยินเสียงกระถินก็ถึงกับเครียดหนัก
“ใจจริง กระถินอยากแต่งพรุ่งนี้มะรืนนี้ด้วยซ้ำ” กระถินพูดต่อ
“พี่รักมัทรี และจะแต่งงานกับมัทรีคนเดียว” วันรบบอก

กระถินได้ยินวันรบพูดก็เบ้ปากแล้วบีบน้ำตากับวันทนีย์ทันที
“แม่ขา... กระถินไม่ย้อม กระถินไม่ยอม”
“เดี๋ยวยอม เดี๋ยวไม่ยอม เอาไงกันแน่” กำนันเรืองขัดขึ้น
วันทนีย์จ้องกำนันเรืองตาเขียวปั๊ด กำนันเรืองรีบเก็บพระเครื่องใส่กล่องแล้วเตรียมจะย้ายที่
วันทนีย์หันมาตวาดใส่โทรศัพท์
“ไอ้หมา ! เอ็งเห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าแม่กับกระถินเรอะ”

วันรบได้ยินแม่ตวาดก็พยายามอธิบาย
“แม่เข้าใจผมบ้างสิ”
“ข้าจะไม่ยอมให้เอ็งแต่งงานกับผู้หญิงที่ทำให้เอ็งรวมหัวกันมาถอนหงอกข้า งานแต่งของเอ็งกับกระถินจะจัดขึ้นเร็วที่สุด เตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวได้เลย”
“แต่แม่ครับ”
วันทนีย์ไม่ฟังเสียงลูกชายรีบวางสายโทรศัพท์ทันที
เมื่อถูกวันทนีย์บังคับให้แต่งงานกับกระถินในเร็ววัน วันรบก็ยิ่งหนักใจ

รชานนท์ส่งแมสเสสให้วันรบทางโทรศัพท์มือถือ
“ขอบใจที่ส่งเสื้อผ้ามาให้ทันเวลา อ้อ..เรื่องของแกน่ะ ตั้งสติก่อนนะไอ้รบ ฉันก็ยังสับสนเรื่องของตัวเองอยู่เหมือนกัน”
ติรกาเข้ามาสวมกอดรชานนท์จากด้านหลัง รชานนท์ตกใจเล็กน้อย
ติรกาเห็นท่าทีของรชานนท์ก็รู้สึกแปลกใจ “เป็นอะไรคะนนท์ ทำเหมือนเราไม่เคยกอดกัน”
“ก็ไม่เคย เอ่อ... เราไม่เคยไม่กอดกันสักวัน” รชานนท์รีบแก้
“เพราะเรารักกันทุกวันใช่มั้ยคะ”
“ผมรักคุณทุกวัน ไม่เคยมีวันไหนที่ผมไม่รักผู้หญิงที่ชื่อกระแต”
“แปลกจังนะคะ แค่ฉันตกบันไดสลบไป ทำไมฉันถึงจำลูกไม่ได้ว่าโตขนาดนี้แล้ว แล้วลูกก็พูดแปลก ๆ เหมือนไม่ถูกกับนนท์เลย”
“เอ่อ..คือลูกโกรธผมนิดหน่อยน่ะ แกยังไม่หายงอนผมน่ะก็คงอยากให้คุณโกรธผมเป็นเพื่อนแกล่ะมั้ง”
“แบบนี้มันไม่ถูกนะคะ ยังไงมัทก็เป็นลูกไม่ควรจะมึนตึงใส่นนท์แบบนี้ พรุ่งนี้ฉันต้องคุยกับลูกสักหน่อยแล้ว”
รชานนท์จับมือติรกา “อย่าไปว่าลูกเลยนะ เดี๋ยวแกก็หายงอนเอง ผมไม่อยากให้คุณกับลูกหน้าบึ้งใส่กัน ผมอยากให้คุณยิ้ม เพราะรอยยิ้มของคุณคือความสุขของผม”
ติรกายิ้มแล้วหอมแก้มรชานนท์ รชานนท์ยืนตัวแข็งทื่อ
“ฉันคิดถึงวันที่เราเลิกรักกันไม่ออกเลยค่ะนนท์” ติรกาสวมกอดรชานนท์
ติรกาผละออกมาแล้วเห็นรชานนท์ยืนตัวแข็ง “นนท์คะ ดึกแล้ว เข้านอนกันเถอะ”
“นอนกัน ?” รชานนท์ตกใจ
“ไปสิคะ” ติรกายิ้มหวาน
รชานนท์เดินตัวแข็ง เหมือนหุ่นยนต์ไปอย่างช้าๆ
“นนท์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ติรกาเอามือลูบแก้มรชานนท์แล้วลากเรื่อยมาที่อก
รชานนท์ขนลุกซู่ซ่าจนต้องยึดมือติรกาไว้ “เอ่อ... กระแตเข้าไปก่อนนะครับ ขอผมคิดงานอีกสักพัก”
“เร็ว ๆ นะคะ” ติรกาบอกพร้อมกับยิ้มหวานและสายตาปิ๊ง ๆ ให้ รชานนท์มองตามแล้วขนลุกซู่ซ่า
รชานนท์ยังยืนตัวแข็ง หมุนตัวหันมองไปข้างนอกแล้วเข่าอ่อนจนต้องยึดราวระเบียงไว้

“จะไม่ไหวแล้วนะเนี่ย..เฮ้อ”

อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้เวลา 9.00 น.





 แม่ยายที่รัก  ตอนที่ 7 (ต่อ)  

พชรหัวเราะขำออกมาทันที ภายหลังจากที่รชานนท์โทรศัพท์มาปรึกษา

“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้เสือโดนสอยตกชั้นพรีเมียร์ลีกเหรอวะ ... ได้เข้าหอเคลียคลอเมียเก่า แทนที่จะดีใจกลับทำอะไรไม่ถูก”
“ปรกติกระแตไม่ใช่แบบนี้” รชานนท์บอก
“เพราะปรกติแกเอาแต่หนีลูกปืนกระแต จนกระสุนตัวเอง” พชรทำเสียงเลียนแบบการสตาร์ทรถ “แชะ ๆ กระสุนบอด ฮ่า ๆ ๆ “
พชรยังคงหัวเราะขำรชานนท์ จนนลินีต้องตีแขนเบา ๆ เป็นการเตือน

ชานนท์โอดครวญด้วยความไม่สบายใจ
“สนุกอยู่นั่นแหละ แทนที่จะช่วยคิดว่าควรทำยังไง”
“เผด็จศึก !” พชรบอก
รชานนท์ตกใจ “จะให้ผมปล้ำกระแตเหรอ”
พชรแนะนำรชานนท์อย่างสบายอารมณ์
“ผัวเมียกันเค้าเรียกสมยอม แกต้องรีบรวบรัดก่อนที่นางมารโอ่งน้ำปลาจะกลับคืนร่างน้องกระแต”

รชานนท์นิ่งฟังพชรแนะนำแล้วก็เริ่มสับสน
“การเสียสละอันยิ่งใหญ่ จะทำให้ไอ้รบได้แต่งงานกับมัทรี แกได้เมียเก่าคืน เผลอ ๆ โทต๊องอีกรอบ ...โชคสามชั้น !”
“จะดีเหรอ” รชานนท์ลังเล
“เห็นแก่ไอ้รบน้องรัก รีบปิดไฟใส่กลอนแล้วสอยแม่กระแตแต้แว๊ดซะ” พชรแนะนำ
รชานนท์วางสายด้วยความกลุ้มใจเพราะคิดไม่ตก
มัทรีแอบฟังอยู่และได้ยินเรื่องที่รชานนท์พูดกับพชร เธอเริ่มไม่ไว้ใจรชานนท์

นลินีว่าพชรด้วยความกังวล
“คุณไม่น่ายุตานนท์แบบนั้น”
“เมียจ๋าไม่อยากได้ติรกาเป็นน้องสะใภ้เหรอ” พชรถาม
“ฉันกลัวตานนท์จะโดนลูกปืนเจาะกะโหลก แทนที่จะได้เจาะไข่แดง” นลินีเป็นห่วงน้องชาย
“คุณยังไม่เจอกระแตเวอร์ชั่นคอนโทรลได้” พชรชี้นิ้วไปทางซ้าย “ชี้นกเป็นนก”
นลินีหันซ้ายมองตามที่พชรชี้
พชรชี้นิ้วไปทางขวา “ชี้ไม้เป็นไม้”
นลินีหันขวามองตามที่พชรชี้อีก
พชรชี้นลินี “ชี้เมียจ๋า เป็นสาวแม็กซิม”
“บ้า ! เดี๋ยวแม่จกตาแตก” นลินีโวย
“สามีขอโทษจ้ะ... สามีผิดไปแล้ว”
“ไม่ให้อภัย ! จนกว่าจะขยุ้มหัวใจเมียจ๋า”
นลินีพูดพลางลูบคอเสื้อให้เปิดโชว์หัวไหล่สุดเซ็กซี่ แล้วทำสายตายั่วยวน
พชรตาลุกวาว “ว้าว... สาวแม็กซิม เจออาซิ้มมีหนาว”
“อาซิ้ม ?”
นลินีได้ยินแล้วถึงกับหมดอารมณ์
“รักหลอกจึงหยอกเล่น มามะ มาให้สามีจ๋าขยุ้มหน้าขยุ้มหลังซะดี ๆ”
พชรเข้าไปทำแมงมุมไต่ตามตัวนลินี แต่นลินีนั่งนิ่งอย่างหมดอารมณ์
“ฉันเป็นห่วงตานนท์” นลินีเปรยออกมา
“อายครูไม่รู้วิชา อายภรรยาไม่มีบุตร ถ้าไอ้นนท์มันอยากได้ภรรยาก็ต้องใจกล้าหน้าไม่อาย น้องคุณโตเป็น” พชรทำปากเป็นคำว่าควายแต่ไม่ออกเสียง “ปล่อย ๆ มันบ้างเหอะ”
นลินียังคงกังวลใจ

มัทรียังพยายามหาข้ออ้างให้ติรกาแยกห้องนอนกับรชานนท์ ในขณะที่ติรกากำลังเตรียมน้ำส้มคั้นให้รชานนท์ดื่มอยู่ในครัว
“แม่ให้เค้าไปนอนห้องอื่นไม่ได้เหรอคะ”
“มัท ลูกไม่ควรเรียกพ่อแบบนั้นนะ พ่อกับแม่เป็นสามีภรรยากันจะให้พ่อไปนอนที่อื่นได้ยังไง” ติรกาบอกลูกสาว
“มัทไม่อยากให้เค้าล่วงเกินแม่”
ติรกาหัวเราะ “แม่เป็นเมียพ่อ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ”
“แต่เค้าเป็นผัว !” มัทรีพูดแล้วก็ชะงัก “เอ่อ เป็นสามีที่ไม่มีความรับผิดชอบ”
“หมายความว่ายังไง ?”
มัทรีเห็นสีหน้าของติรกาก็คิดว่าป่วยการจะอธิบายให้เข้าใจได้ในตอนนี้
“เค้าเจ้าชู้ มัทอยากให้แม่ลงโทษเค้า”
“ผู้ชายไม่เจ้าชู้ ก็เหมือนงูไม่มีพิษ... ผู้หญิงไม่ต้องคิดจับงู แค่เรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของเขาก็พอ” ติรกาบอก
“แม่ไม่เชื่อมัทเลย” มัทรีตัดพ้อ
“สามีภรรยาก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องให้อภัย วันนึงถ้ามัทมีครอบครัว มัทก็ต้องรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน”
มัทรีจะเอ่ยปากเตือนอีก แต่ติรกาตัดบทด้วยการวางน้ำส้มให้เธอหนึ่งแก้ว
“แม่คั้นน้ำส้มให้มัทกับพ่อ ...ดื่มแล้วรีบเข้านอนนะลูก”
ติรกาถือกาเล็ก ๆ ใส่ชาร้อนแล้วจะเดินออกไปจากครัว
มัทรีเห็นก็รีบพูด “มัทขอแม่หลายทีแล้วว่าอย่าทานชาก่อนนอน”
“ขอโทษทีจ๊ะ แม่จำไม่ได้ แม่อยากดื่มอะไรอุ่นๆ ก่อนนอน”
“สัญญานะคะว่าจะดื่มนิดเดียว”
“จ๊ะ ไปนอนเถอะลูก แม่ก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
ติรกายกกาชาร้อนกับน้ำส้มอีกแก้วเดินออกไปจากครัว
มัทรียังไม่ยอมแพ้ เธอคิดหาทางขัดขวางติรกากับรชานนท์ให้ได้

เตือนใจ พุทรา และรปภ.แจ่มหาวหวอด ๆ ขณะย่องตามมัทรีมาซุ่มอยู่ข้างบ้านติรกา
“จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกยายมัท” เตือนใจถาม
มัทรีตอบอย่างมุ่งมั่น “ภารกิจปกป้องพรหมจรรย์แม่ !”
“จนป่านนี้ ยังเหลืออีกเหรอคะ” พุทราถาม
มัทรีค้อนขวับ พุทรายิ้มเจื่อน
“ผู้ใหญ่เค้าจะสปาร์คกัน ปล่อย ๆ เค้าไปเถอะ” เตือนใจบอก
“มัทจะไม่ห้าม ถ้าความทรงจำของแม่ปรกติ”
“คุณมัทจะให้เราทำอะไรครับ” แจ่มถามขึ้น
มัทรีมองทุกคนแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนมีแผน

รชานนท์ดื่มน้ำส้มของติรกาจนหมดแก้ว ติรการับแก้วเปล่าไปวางแล้วยิ้มภูมิใจ
“ขอบคุณที่จำได้ว่าผมชอบดื่มน้ำส้มคั้นก่อนนอน” รชานนท์พูด
“ภรรยาที่ดี ก็ต้องจำรายละเอียดของสามีได้สิคะ” ติรกายิ้มหวาน
รชานนท์ชะงักเพราะรู้สึกผิดที่สวมรอยเป็นสามีติรกา
“คุณจำได้แต่เรื่องดี ๆ ของเราเหรอครับกระแต”
ติรกาแปลกใจ “วันนี้นนท์กับลูกมัทชอบพูดอะไรแปลก ๆ”
“มัทรีบอกอะไร ?”
“คุณเจ้าชู้”
รชานนท์พูดอย่างลืมตัว “ไม่ได้เจ้าชู้ แต่ที่มีอยู่มันเยอะ”
ติรกาได้ยินก็หน้าตึง รชานนท์รีบแก้ตัวทันที
“ผมหมายถึงไม่ได้เจ้าชู้ แต่ที่มีอยู่มันเยอะจนลายตา มองเห็นแต่กระแตยอดรักคนเดียว”
ติรกาตีรชานนท์เบาๆ แก้เขิน “ปากหวาน”
“อย่าชมจนกว่าจะชิม”
รชานนท์หยอดเสร็จก็โน้มหน้าเข้าไปจะจูบติรกา ติรกายิ้มเคลิ้มรอจูบจากรชานนท์ ทันใดนั้นมัทรีก็เปิดประตูห้องเข้ามาทันที
ติรกากับรชานนท์ตกใจที่เห็นมัทรีวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่
“แม่ขา... ช่วยมัทด้วย”
“อะไรกันลูกมัท” ติรกาถาม
“มัทกลัวเสียงฟ้าร้อง” มัทรีเกาะแม่แน่น
“แม่ยังไม่ได้ยินอะไรเลย” ติรกาบอก
“ก็มัทได้ยิน” มัทรีตะโกนเสียงดัง “เสียงฟ้าร้อง ! เสียงฟ้าร้อง ! จริง ๆ นี่คะ”

พุทราที่อยู่ในสวนข้างบ้านหันมาส่งสัญญาณมือบอกทุกคน แจ่มปีนบันไดที่พาดข้างบ้านขึ้นไปเอาไม้สีหลังคาไปมา เตือนใจวอร์มลมหายใจก่อนจะทำเสียงคำรามฮึ่ม ๆ ผ่านลำคอ คลอไปกับเสียงหลังคา
แต่พุทรากลับทำเสียงหมาหอน “โบร๋ว.....”
เตือนใจตกใจรีบหันมาสะกิดเตือนพุทราทันที

ติรกาที่อยู่ในห้องนอนรู้สึกแปลกใจ
“เสียงหมามาจากไหน”
รชานนท์จะเดินไปดูที่หน้าต่าง แต่มัทรีรีบเข้ามากันไว้
“คงเป็นหมาที่ชอบเข้ามาหลบนอนในบ้านเรามั๊งคะ”
ติรกาเริ่มไม่พอใจ
“เดี๋ยวก็มาปล่อยของเสีย เลอะเทอะในบ้านพอดี”
แจ่มยังพยายามจะสีหลังคาให้เกิดเสียงดัง
“แต่ผมว่ามันอยู่บนหลังคานะ คุณได้ยินเสียงไหม” รชานนท์ถาม
“ต้องไล่มันไป ไม่งั้นมันเข้ามาในบ้านแน่” ติรกาหยิบกาน้ำชามาจะไปที่ระเบียง
“แม่จะทำอะไร” มัทรีถาม
“ก็จะไล่หมาสิลูก คืนนี้ถ้ามันเห่าก็ไม่ต้องนอนกันพอดี”
มัทรีพูดเสียงดัง “แม่จะออกไปที่ระเบียงเหรอคะ”

แจ่มได้ยินเสียงมัทรีก็ตกใจ
พุทราบอกแจ่มด้วยเสียงที่เบาที่สุด “ตาแจ่มลงมาเร็ว”
แจ่มตาลีตาเหลือกรีบปีนบันไดลงมา
“ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นล่ะมัท เดี๋ยวมันก็รู้ตัวพอดี” เสียงติรกาถามลูกสาวดังออกมา
แจ่มรีบจนก้าวพลาดหล่นมาที่พื้น “โอ้ย!”
“เสียงเหมือนคนร้องเลย” เสียงติรกาดังออกมาจากห้อง
เตือนใจมองพุทราคล้ายถามว่าจะทำอย่างไร
พุทรารีบเห่าเยงหมาออกไปทันที “โฮ่ง ๆ ๆ”
ติรกาเปิดประตูระเบียงออกมาสาดน้ำชาร้อนๆ ในกาลงไปตามทิศทางของเสียง พุทรากับแจ่มโดนไปเต็ม ๆ ส่วนเตือนใจหลบได้อย่างหวุดหวิด
“โอ้วววว เอ๋งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” พุทรากับแจ่มประสานเสียงพร้อมกับดิ้นด้วยความร้อน เตือนใจมองทั้งสองอย่างเห็นใจ
“โดน..” เตือนใจพูด
“เต็มๆ“ พุทรากับแจ่มพูดต่อ
มัทรีแสดงสีหน้าหวาดเสียว รชานนท์มองมัทรีอย่างจับสังเกต มัทรีหันมาเห็นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ติรกาเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู “แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” ติรกาพูดกับมัทรี “ฝนไม่เห็นตกเลยลูก มัทไปนอนได้แล้วนะ”
มัทรีมองรชานนท์ รชานนท์อมยิ้มเหมือนรู้ทัน
มัทรียังพยายามหาเรื่องอยู่ “แต่มัทกลัวว่ามันจะตกนี่คะ ให้มัทนอนด้วยนะคะแม่ มัทกลัว”
“มัทเข้ามานอนกับพ่อแม่ก็ได้จ้ะ” ติรกาบอก
“ไม่ได้ค่ะ มัทนอนดิ้น แต่ชินเฉพาะนอนกอดแม่คนเดียว คนอื่นโดนหมัด ศอก เข่า และฟรีคิกส์จนตกเตียงแน่”
“กระแตนอนกับลูกเถอะ ผมออกไปนอนข้างนอก” รชานนท์บอก
“จะดีเหรอคะ” ติรกาถาม
มัทรีจัดแจงเอาหมอนกับผ้าห่มส่งให้รชานนท์ทันที
“รีบออกไปเร็ว ๆ เลยค่ะ มัทง่วง” มัทรีแกล้งหาว “ฮ้าว”
รชานนท์ถูกมัทรีดันตัวออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันใหม่ พชรกับนลินีหัวเราะขำรชานนท์ ขณะที่ทั้งสามกำลังนั่งจิบกาแฟกันอยู่ที่บ้านพักของพชร
“กะล่อนซ้อนแผนเหมือนพ่อเป๊ะ” พชรว่า
“พี่ระพูดเหมือนมัทจงใจทำ” รชานนท์พูด
“หลานมัทเป็นคลื่นใต้น้ำ คอยขัดขวางแผนรวบรัดของนนท์” นลินีบอก
“ลูกสาวรู้ทันมือใหม่หัดเป็นคุณพ่อแล้วว่ะ ฮ่ะ ฮ่า ๆ ๆ “ พชรหัวเราะร่วน
“พี่ก็ลุ้นทั้งคืน ว่าน้องชายจะรอดปากโอ่งน้ำปลาปิศาจได้รึเปล่า”
“อุ๊ย เมียจ๋า ต้องเปลี่ยนจากปากโอ่งน้ำปลาปิศาจ เป็นไหน้ำตาลนางฟ้าแล้ว” พชรเลียนเสียงแหย่รชานนท์ “นนท์คะ นนท์ขา... เดี๋ยวกระแตป้อนนะคะ”
พูดจบสองสามีภรรยาก็หัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน
รชานนท์เอานิ้วโป้งคลึงหว่างคิ้วตัวเองเพื่อคลายเครียดก่อนจะนึกขึ้นได้
“ไอ้รบหายไปไหน”
“เห็นเมื่อคืนมันบ่นเครียด ๆ ที่โดนแม่สั่งเด็ดขาดให้แต่งงานกับกระถินน่ะ” พชรบอก
“อย่าบอกนะว่ามันยอมแต่งกับกระถิน” รชานนท์ตกใจ
“มันแค่บ่นว่า ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว แล้วก็ออกไปก่อนแกเข้ามานี่เอง ไอ้นนท์ ถามจริงเถอะ แกจะไม่ยอมให้ไอ้รบแต่งงานกับน้องมัทหรือไง”
“ตราบใดที่ผมยังไม่แน่ใจให้พฤติกรรมของไอ้รบ ผมก็ไม่ยอมให้มันแต่งกับลูกผมง่ายๆ หรอก” รชานนท์ยืนยัน“วิญญาณพ่อตาหวงลูกสาวเข้าสิงแล้ว กว่าไอ้รบจะได้แต่งกับหลานมัทคงต้องเทคคอร์สโทต๊องเหมือนรุ่นพ่อตาแม่ยายพอดี”
นลินีขำอย่างเห็นด้วยกับพชร
รชานนท์ยิ่งหงุดหงิดเพราะรู้สึกหวงติรกากับมัทรี

ติรกากำลังยืนมองรูปถ่ายที่เธอถ่ายคู่กับมัทรีในวัยเด็ก เรื่อยไล่ไปจนถึงตอนที่มัทรีโต เตือนใจเดินเข้ามาโดยมีพุทราถือชามอาหารกลางวันเดินตามมาด้วย
“ติ แม่ทำข้าวผัดสัปปะรดมาทานกลางวันด้วยกันนะ”
“ค่ะแม่ ..แม่คะ ทำไมรูปที่วางอยู่ในบ้านมีแต่รูปของหนูกับลูกมัท แต่ทำไมไม่มีรูปของนนท์เลยล่ะคะแม่” ติรกาสงสัย
เตือนใจสบตากับพุทรา พุทราหลบตา
“พุทราไปจัดโต๊ะก่อนนะคะ” พูดจบพุทราก็เดินไปที่โต๊ะ
“อ้าว..ทิ้งกันเลย” เตือนใจบ่น
“มีอะไรเหรอคะแม่” ติรกาถาม
เตือนใจอึกอัก “คือ..ที่รูปมันไม่มีเพราะ..ติกับนนท์มีเรื่องกันนิดหน่อยน่ะจ๊ะ”
“มีเรื่อง..ถึงขนาดต้องเก็บรูปทิ้งเลยเหรอคะ งั้นหนูกับนนท์คงทะเลาะกันเรื่องใหญ่มาก”
“อ่า...จ๊ะ..ใหญ่มาก” เตือนใจเน้นเสียง
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะคะแม่”
เตือนใจอึกอัก “เอ่อ..” เตือนใจหันไปหาพุทราเพื่อจะให้เป็นตัวช่วย แต่พุทราหลบหน้าทันที “เอ่อ...”
ทันใดนั้นเสียงวันรบก็ดังขึ้น “คุณแม่ครับ”
เตือนใจ ติรกา และพุทราหันไปเห็นวันรบกำลังก้าวเข้ามาในชุดสูทเต็มยศมาก พร้อมถือธูป เทียน แพรมาด้วย
“สวัสดีครับ คุณยาย คุณแม่” วนรบยกมือไหว้
“คุณวันรบ..มาหานนท์เหรอคะ นนท์เขาไม่อยู่” ติรกางง
“เปล่าครับ ผมมาหาคุณแม่ครับ” วันรบบอก
“มาหาฉันเหรอ นั่งก่อนสิ” ติรกาเดินมานั่งพร้อมกับเตือนใจ
วันรบเห็นสายตาติรกาก็เริ่มเสียว “คือ..ผม”
พุทรารีบเข้ามาอยู่ข้างๆ เตือนใจด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“คุณรบหาที่ตายแท้ๆ” พุทรากระซิบกับเตือนใจ
“รีบไปตามยัยมัทมาเร็ว” เตือนใจบอก
พุทรารีบเดินออกไปทันที
ติรกามองท่าทีของวันรบอย่างจับสังเกต “มีธุระอะไรเหรอคะ”
วันรบหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนออกอย่างเตรียมพร้อม “ผมกับมัทรี เรารักกันครับ”
วันรบพูดออกไปแล้วก็มองปฏิกิริยาของติรกาอย่างหวาดหวั่น เตือนใจมองติรกา โดยที่เตือนใจลุ้นจนแทบหยุดหายใจ
ติรกายิ้ม “ค่ะ ถึงฉันจะจำไม่ได้แต่ฉันก็พอจะมองออกว่าคุณกับลูกมัทรักกัน”
วันรบตัดสินใจลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าติรกาพร้อมกับยื่นธูปเทียนแพรให้ “ผมอยากจะขอขมาที่ผมเคยทำให้คุณแม่ไม่พอใจหลาย ๆ เรื่อง ผมทราบว่าวันนี้คุณแม่คงจะจำไม่ได้..แต่ผมอยากให้คุณแม่ทราบว่า คุณแม่กับคุณยายเป็นบุคคลที่มัทรัก ผมก็รักและนับถือคุณแม่กับคุณยายไม่ต่างจากมัทเหมือนกัน”
มัทรีวิ่งตามพุทราที่เดินหน้าเริ่ดนำเข้ามา
“ผมรู้ว่าคุณแม่กับป๋านนท์คงไม่เชื่อใจผม แต่วันนี้ผมอยากขอโอกาสให้ผมดูแลมัทในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้กับผู้หญิงที่เขารักได้ ให้โอกาสผมได้ไหมครับ” วันรบพูด
ติรกาได้ยินก็นิ่งไป เตือนใจเหล่มองติรกาด้วยใจตุ๊มๆ ต่อม ๆ จู่ๆ ติรกาก็ลุกพรวดขึ้น ทุกคนผงะ
“คุณวันรบ!” ติรกาพูดเสียงเข้ม
มัทรีตกใจรีบเข้าไปขวางหน้าวันรบไว้ทันที “แม่อย่าทำอะไรพี่รบนะคะ”
ติรกาขยับเข้ามาด้วยท่าทางเหมือนแม่เสือหวงลูก
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ทำให้ลูกของฉันเสียใจ”
“วันนี้ผมมีแค่คำพูดที่จะเป็นสัญญา” วันรบบอก “แต่ถ้าคุณแม่ให้โอกาส ผมจะมีการกระทำเป็นใบรับรอง”
“มัทกับพี่รบรักกันจริง ๆ นะคะแม่ อย่าขัดขวางความรักของเราอีกเลย” มัทรีบอก
ติรกาถามขึ้นทันควัน “ใคร ?”
ทั้งหมดเริ่มเกร็งเพราะกลัวติรกาคนเดิมจะกลับมา
“ถ้าเรื่องหมั้นไปจี้ความจำคุณติรกากลับมาล่ะคะ” พุทราถามอย่างเป็นห่วง
“เงียบก่อน ฉันกำลังลุ้น” เตือนใจบอก
ติรกาทุบโต๊ะดังปังจนทุกคนสะดุ้ง “ใครมันใจร้ายใจดำ ! ขัดขวางความรักของลูกมัทกับคุณวันรบ นิสัยแย่ใช้ไม่ได้”
ทุกคนโล่งอก
“ใช่ค่ะ คนคนนั้นใจดำยิ่งกว่าอีกา เค็มยิ่งกว่าทะเลจีนใต้” พุทราได้ทีก็รีบว่า
เตือนใจกระแอมใส่พุทรา “ที่พูดน่ะลูกฉัน”
“แล้วคุณแม่จะให้โอกาสผมได้ไหมครับ” วันรบถามย้ำ
“ฉันเป็นแม่ก็จริง แต่เรื่องนี้มัทคงต้องตัดสินใจเอง ไม่ว่ามัทจะตัดสินใจยังไง แม่ก็จะเคารพการตัดสินใจของหนูเสมอ”
มัทรีกับวันรบดีใจ “ขอบคุณค่ะ/ ครับ คุณแม่”
มัทรีโผเข้าไปกอดติรกา วันรบดีใจจะเข้าไปกอดด้วยเพราะลืมตัว แต่ติรกาชี้หน้าวันรบ วันรบเบรกแทบไม่ทัน
พุทรากระซิบ “ได้คืบอย่าเอาศอกค่ะ เตือนด้วยความหวังดีนะคะ”
“ขอบคุณมากครับคุณแม่” วันรบพูด
“ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง” ติรกาบอก
วันรบกับมัทรียิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทันใดนั้นเสียงข้อความมือถือของวันรบก็ดังขึ้น วันรบก้มลงอ่านข้อความในมือถือซึ่งเขียนว่า “เจอกันที่เดิม ...วริษรา”
วันรบมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“มีอะไรหรือคะ” มัทรีถาม
วันรบรีบเก็บมือถือ “เอ่อ... งานด่วนครับ พี่ระส่งข้อความมาตาม”
“โปรเจ็คมีปัญหารึเปล่าคะ”
“นิดหน่อยครับ เดี๋ยวผมรีบไปเคลียร์”
วันรบพูดพร้อมกับยิ้มหน้าซีด

วันรบเดินรีบร้อนเข้ามาในสวนสาธารณะแล้วมองหาใครบางคนจนเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนหันหลังมองมองออกไปยังทะเลสาบเบื้องหน้า
“วริษรา” วันรบเรียก
วริษรา เพื่อนของวันรบที่สุพรรณหันมายิ้มหวานให้วันรบ
“พี่รบ” วริษราเสียงหวานตอบ
“ริษเป็นอะไรรึเปล่า ถึงเรียกให้พี่มา”
วันรบถามวริษราด้วยความเป็นห่วง วริษราตีหน้าเศร้าแล้วพยายามทำตัวน่าสงสาร
“ขอโทษนะคะที่มีแต่เรื่องรบกวนพี่รบตลอดเวลา ถ้าไม่ได้พี่รบคอยช่วยจ่ายค่าเทอมให้ ริษคงต้องพักการเรียนชั่วคราว”
“คนบ้านเดียวกัน มีอะไรช่วยได้พี่ก็เต็มใจช่วย” วันรบบอก
“คราวนี้แม่ป่วย ต้องใช้เงินรักษาเกือบหมื่น ริษเรียนและทำงานไปด้วยยังไม่ค่อยพอใช้” วริษราตีหน้าเศร้า “ริษไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจริง ๆ”
“เรื่องแค่นี้เอง”
วันรบหยิบกระเป๋าเงินออกมาแล้วควักเงินแบงก์พันที่มีอยู่ห้าใบส่งให้วริษรา
“เอาไปห้าพันก่อน ที่เหลือพี่จะโอนเข้าบัญชีให้”
วริษราโผเข้ามากราบแทบอกวันรบด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณพี่รบมากนะคะ พี่รบมีพระคุณกับริษจริง ๆ”
“ครอบครัวของริษมีบุญคุณกับครอบครัวพี่ ชดใช้ยังไงก็ไม่มีวันหมดริษตั้งใจเรียนให้จบเพื่ออนาคตเถอะ ไม่ต้องคิดมากอีกนะ”
“ริษจะจำคำที่พี่รบสอนค่ะ”
วันรบยิ้มให้วริษราด้วยความเอ็นดูเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง

วันรบนั่งอยู่ในรถแล้วหันมายิ้มให้วริษราก่อนจะขับรถออกไป วริษรายืนรอจนวันรบขับรถหายไปจึงกดโทรศัพท์หาเพื่อนทันที
“นังเชอรี่เหรอ” วริษรานิ่งฟังก่อนจะบอกเพื่อน “คืนนี้เจอกันร้านเดิม”
วริษรายิ้มร้ายๆ แล้วมองเงินในมือ

รชานนท์กลับเข้ามาในบ้านติรกาแล้วก็ต้องยิ้มดีใจที่เห็นติรกานั่งรออยู่ ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวเข้าไปถึงตัว ติรกาก็เรียกรชานนท์ด้วยเสียงดุ
“นนท์คะ !”
รชานนท์ชะงักและเริ่มระแวง “เอ่อ ครับ”
“คุณคิดจะปิดฉันไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมไม่พูดความจริงกับฉัน” ติรกาถาม
“ฟังผมอธิบายก่อนกระแต ผมขอโทษ... ผมจะไม่ปิดบังคุณอีกแล้ว”
รชานนท์เข้าใจว่าติรการู้เรื่องที่ตัวเองความจำเสื่อมแล้ว แต่ติรกาลุกไปทุบ หยิก และตีรชานนท์เบา ๆ พร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงงอน
“ทำไมคุณใจร้าย ไม่ยอมให้ลูกมัทหมั้นกับตาวันรบ”
รชานนท์งง “หา ?”
“เรื่องนี้ใช่ไหมคะที่ทำให้เราทะเลาะกัน จนฉันต้องเก็บรูปคุณออกไปหมด ลูกก็โกรธคุณ คุณหวงยายมัท จนขัดขวางไม่ให้ลูกกับวันรบหมั้นกัน รู้มั้ยว่าลูกจะทุกข์ทรมานใจยังไง คุณอยากให้ลูกไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตเหรอคะ”
รชานนท์อึ้งแล้วก็พยายามชี้นิ้วว่าติรกานั่นแหละที่เป็นคนขัดขวาง
ติรกาทำเสียงดุ “ทำผิดแล้วไม่ต้องมาขู่”
รชานนท์รีบชักนิ้วกลับด้วยความกลัว
“สินสอดพร้อม คู่หมั้นพร้อม พ่อแม่ก็ต้องพร้อมเพื่อความสุขของลูกฉันจะจัดงานหมั้นให้ลูกมัทเร็วที่สุด” ติรกาเสียงเข้ม
“อะไรนะ !”
ติรกาพูดหนักแน่น “มัทรีกับวันรบจะต้องหมั้น และแต่งงานกันให้เร็วที่สุดฉันไม่ยอมให้ใครขัดขวางอีกแล้วค่ะ”

รชานนท์อึ้งเพราะไม่ทันได้คาดคิด

อ่านต่อตอนที่ 8




กำลังโหลดความคิดเห็น