แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 22 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 6
มัทรีเดินออกมาที่หน้าบ้าน ก็เห็นว่าบริเวณหน้าบ้านถูกจัดแต่งให้เป็นงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ธงฉานกับสมภพกำลังนั่งชนแก้วกันอยู่ โดยมีติรกากับพุทรายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง ติรกายืนมองบรรยากาศด้วยรอยยิ้ม รปภ.แจ่มยืนอยู่กับเตือนใจที่กำลังยืนหน้าหงิก
มัทรีเดินเข้าไปถามเตือนใจ “นี่มันอะไรกันคะคุณยาย”
“พี่กับอาสมภพมาจัดปาร์ตี้ปลอบใจให้วันรบจ๊ะน้องมัท” ธงฉานตอบแทน
“ปาร์ตี้ปลอบใจ?” มัทรีงง
“อากับธงฉานมาร่วมนับถอยหลังดูความล้มเหลวของนายวันรบที่หาสินสอดมาไม่ทันเวลาจ๊ะ” สมภพบอก
“เอ้า ระยอง!” ธงฉานยื่นแก้ว
“ชน!” ติรกาแก้มุกให้
สมภพ ธงฉานและติรกาชนแก้วกันด้วยความดีใจ “เย้!”
“มัทว่าดีใจเร็วไปมั้งคะ ระวังจะดีใจเก้อนะคะ” มัทรีมั่นใจ
“หนูมัทไม่ต้องกังวลนะ ถึงวันรบจะพลาดแต่ธงฉานของอาพร้อมจะดูแลหนูมัทเสมอ” สมภพรีบบอก
“คุณอาสมภพอยู่เฉยๆ ดีไหมคะ เก็บผมหงอกไว้กับตัวจะดีกว่านะคะ” มัทรีว่า
“หมายความว่ายังไง” สมภพฉุน
“คุณมัทหมายความว่า แก่แล้วอยู่ส่วนแก่” แจ่มขยายความ
“หรือ..อย่ายุ่งถ้าไม่อยากโดนถอนหงอกน่ะค่ะ” พุทราเสริม
สมภพได้ยินก็ถึงกับสะอึก เตือนใจยิ้มแล้วยกนิ้วให้แจ่มกับพุทราด้วยความชอบใจ
“ตาแจ่ม พุทรา! ยัยมัท นี่จะก้าวร้าวเกินไปแล้วนะ” ติรกาตำหนิ
“ก็อย่าก้าวล้ำเส้นมัทสิคะ ความอดทนมัทมีขีดจำกัดเหมือนกันนะคะ” มัทรีบอก
“ยัยมัทเราเป็นเด็กนะ” เตือนใจปราม
“ขอโทษค่ะ ถ้าเห็นว่ามัทก้าวร้าว แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำร้ายจิตใจเด็ก เด็กไม่มีสิทธิ์พูดเลยเหรอคะ รู้ไหมคะว่า ถ้าอยากให้เด็กนับถือ ก็ต้องทำตัวให้น่านับถือด้วย” มัทรีโกรธ “ดีใจกันไปเถอะค่ะ เพราะรบต้องมาทันเวลาแน่นอน”
พูดจบมัทรีก็เดินกลับเข้าบ้านไป
“โดนขนาดนี้ เป็นฉันนะ ฉันอายกลับบ้านไปแล้ว” เตือนใจหันไปทางสมภพกับธงฉาน “นอกจากหน้าหนาจริงๆ ถึงไม่รู้สึก” เตือนใจพูดแล้วเดินออกไป
“นั่น..ยังไม่สำนึก” พุทราเซ็ง
“หนาจริงๆ” แจ่มกับพุทราประสานเสียง
พุทราเชิดใส่แล้วเดินตามเตือนใจออกไปอีกคน
“ผมว่า.” แจ่มเห็นทุกคนที่เหลือหันมามอง “ผมไปเฝ้าประตูดีกว่า” พูดจบแจ่มก็รีบเดินไป “เกือบไปแล้ว”
“คุณติครับ” สมภพเรียก
ติรกาหมดอารมณ์จึงเดินหนีไปโดยไม่สนใจใยดีสมภพกับธงฉานเลย
"เอาไงดีอา” ธงฉานถาม
“กลับสิวะ” สมภพแค้น “ยัยมัทรีรอให้แม่แกอยู่ในกำมือฉันก่อนเถอะ ฉันจะเอาคืนให้สาสม”
“อา..ไอ้วันรบมันจะหาเงินได้ทันไหมอา” ธงฉานเริ่มหวั่นใจ
“ไม่มีทาง แกรอเป็นเจ้าบ่าวได้เลย หน้าอย่างไอ้รบหาเงินสิบล้านมาไม่ได้หรอก” สมภพมั่นใจ
หีบไม้ใบใหญ่ที่อยู่กลางหลุมถูกขุดขึ้นมาอีก วันรบ รชานนท์ และพชรตื่นเต้นที่ขุดเจอหีบใหญ่ซึ่งมีกุญแจล็อคอยู่
“เฮ้ยไอ้รบ พ่อแกขโมยเงินเยอะจนต้องใส่หีบใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอวะ” พชรถาม
“มันน่าฟ้องแม่จ๋าจริงๆ” อาไทว่า
“ไอ้รบ เปิดดูเลย” รชานนท์สั่ง
วันรบพยักหน้าแล้วไขกุญแจเปิดหีบออกอย่างช้าๆ
วันรบเปิดหีบออกดูแล้วก็ถึงกับอึ้ง ทุกคนมองไปในหีบแล้วก็อึ้งเช่นกัน
รชานนท์ขับรถมาตามทางหลวงสายสุพรรณบุรี - ราชบุรี โดยที่พชรนั่งถือสมุดบัญชีลูกหนี้เล่มเก่าอยู่ในมือ
“โอ้โห ลูกหนี้พ่อไอ้รบมีเป็นร้อย พ่อแกคิดดอกโหดนะเนี่ย” พชรว่า
“ช่วยผมนับเงินก่อนเถอะพี่ ผมร้อนใจ” วันรบบอก
ในมือของวันรบมีเหรียญบาทอยู่หลายเหรียญ วันรบกับพชรช่วยกันนับเหรียญบาทอยู่ที่เบาะหลัง รชานนท์ขับรถไปก็หันมามองลุ้นเป็นระยะๆ
วันรบหยิบเหรียญบาทที่เหลืออยู่ในมือขึ้นมาหนึ่งเหรียญ
“เงินเก็บผมบวกเงินที่เบิกจากพี่ระ บวกกับของพ่อรวมทั้งหมดเก้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบแปด” วันรบบอก
พชรหยิบเหรียญบาทอีกเหรียญขึ้นมาแล้วพูด
“เก้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า”
วันรบหยิบเหรียญบาทขึ้นมาอีกหนึ่งเหรียญแล้วยิ้มดีใจ
“สิบล้าน!” ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน
ทั้งสามเฮลั่นรถทันที
“ไม่น่าเชื่อ...ผมหาเงินสิบล้านเป็นค่าสินสอดได้แล้ว !” วันรบพูดอย่างดีใจ
“ต้องยกความดีความชอบให้พ่อแกไอ้รบ” รชานนท์บอก
“ใช่ ๆ ถ้าไม่มีหีบสมบัติหีบนี้ รับรองแกอดแต่งงานกับน้องมัทแน่!” พชรเสริม
ในหีบสมบัติของกำนันเรืองมีเงินสดปึกใหญ่หลายปึกมัดรวมกัน นอกจากนั้นยังมีสร้อยทองอีกหลายสิบเส้นและทองคำแท่งอีกหลายสิบแท่ง วันรบหยิบมือถือขึ้นมา
“ผมว่าเราโทรไปแจ้งข่าวดีกับว่าที่แม่ยายผมดีกว่า ว่าเรากำลังจะเอาค่าสินสอดไปให้”
“อย่าเพิ่งไอ้รบ... รอให้ไปถึงก่อนแล้วค่อยโทร” รชานนท์บอก
“ใช่ๆ คุณนายไหน้ำปลาจะได้หนีไปไหนไม่ได้” พชรเห็นด้วย
วันรบได้ฟังก็เห็นด้วย ทั้งสามคนหัวเราะลั่นกับความสำเร็จครั้งนี้ ขณะนั้นนาฬิกาในรถบอกเวลา “22.50 น.”
เสียงนาฬิกาในบ้านเตือนใจบอกเวลา 23.00 น. มัทรีมองนาฬิกา สองมือของเธอประสานกันแน่นด้วยความเครียด เตือนใจเดินมานั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอามือวางบนบ่าหลานสาวแล้วบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
ติรกาเดินมาที่นาฬิกาแล้วเหลือบมองด้วยสีหน้าพอใจ
“อีกหนึ่งชั่วโมงเที่ยงคืน”
“รบต้องมาแน่ ๆ” มัทรีมั่นใจ
ติรกาหงุดหงิดแต่ก็คิดว่าตัวเองชนะแน่เลยพยายามเก็บอาการไว้ ทันใดนั้นมือถือของติรกาก็ดังขึ้น ติรกาหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์วันรบ ติรกาดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็ยิ้มเยาะก่อนจะกดรับสาย
“ว่ายังไงนายวันรบ ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วนะ”
มัทรีกับเตือนใจได้ยินชื่อวันรบก็ตกใจ
“จะโทรมาขอเลื่อนเวลาล่ะสิ ขอโทษนะฉันพูดคำไหนก็คำนั้น!!” ติรกาพูดใส่โทรศัพท์ แต่พอนิ่งฟังสักครู่เธอก็อึ้งไป “ว่าไงนะ แกหาเงินสิบล้านได้แล้ว!!”
มัทรีกับเตือนใจมองหน้ากันอย่างมีความหวัง
“รบหาค่าสินสอดได้แล้ว” มัทรีดีใจ
“ปาฏิหาริย์มีจริง! เยส!” เตือนใจยินดีกับหลานสาว
ติรกาเหลือบมองมัทรีกับเตือนใจอย่างไม่พอใจแล้วพูดโทรศัพท์ต่อ
“หาเงินได้ แต่ถ้ามาไม่ทันเที่ยงคืนก็ไม่มีประโยชน์ จากสุพรรณมาราชบุรีไม่ใช่ใกล้ ๆ” ติรกานิ่งฟังแล้วก็อึ้งไปอีก “เป็นไปไม่ได้!!”
ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงแตรรถของรชานนท์ดังมาจากถนนหน้าบ้านติรกา
รชานนท์ขับรถเข้ามาในโรงงานโอ่งแม่เตือน ติรกาเห็นก็ถึงกับอึ้ง
“พวกนั้นมาถึงแล้ว” ติรกาช็อค
เตือนใจเฮลั่น
“เสียใจด้วยนะคะแม่ รบหาค่าสินสอดมาได้ทันเวลา หนูบอกแล้วว่ารบทำทุกอย่างเพื่อความสุขของหนู” มัทรีดีใจ
“ถ้าเอาเงินมาให้แม่ไม่ทันเที่ยงคืน ก็ถือว่าผิดสัญญาอยู่ดี”
พูดจบติรกาก็คว้ากระเป๋าของตัวเองแล้ววิ่งออกจากบ้านไปทันที มัทรีกับเตือนใจมองติรกาด้วยความนิ่งสงบเพราะทั้งสองคิดอยู่แล้วว่าติรกาต้องเล่นไม้นี้
ติรกาวิ่งมาที่รถของตัวเองแล้วรื้อหากุญแจรถในกระเป๋าแต่ก็หาไม่เจอ สักพักเตือนใจกับมัทรีก็เดินตามออกมา
“หานี่อยู่เหรอลูก” เตือนใจพูด
ติรกาหันไปก็เห็นแม่ของตัวเองกำลังชูกุญแจรถของเธออยู่
“คิดว่าหนูจะยอมให้แม่หนีเหรอคะ” มัทรีพูดเสียงเข้ม
รถของรชานนท์แล่นมาใกล้ถึงหน้าบ้านเตือนใจ รชานนท์ วันรบและพชรยื่นหน้าออกมาจากรถแล้วโบกมือด้วยความดีใจ
“คุณแม่ยายครับ ลูกเขยมาแล้วครับ” วันรบตะโกนลั่น
มัทรีกับเตือนใจดีใจที่เห็นวันรบมาทันเวลา ติรกามองไปที่หมอนทองของเตือนใจก็เห็นว่ากุญแจเสียบคาไว้ เธอจึงตัดสินใจขึ้นไปขี่หมอนทองแล้วสตาร์ทรถทันที
“ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก!” ติรกาบอก
แล้วติรกาก็ขับรถหนีออกไปทันที
รชานนท์เห็นติรกาขี่มอเตอร์ไซต์ออกไปก็ตกใจ “อ้าวกระแต!! จะหนีไปไหน”
“ขับตามไปเลยป๋า! อย่าให้หนีไปได้!” วันรบบอก
รชานนท์เลี้ยวรถแล้วขับตามติรกาไปทันที
ติรกาขี่หมอนทองหนีพวกวันรบไปตามถนนราชบุรีด้วยความเร็วสูง รชานนท์ขับรถตีคู่มาทางขวาก่อนจะบีบแตรใส่ติรกา
“กระแต จอดรถเดี๋ยวนี้!” รชานนท์ตะโกน
ติรกาไม่ยอมจอด เธอเร่งความเร็วอีก
“จอดให้โง่สิ!” ติรกาตะโกนหลับไป
ทันใดนั้นเสียงแตรรถอีกคันก็ดังขึ้น ติรกาหันไปมอง เธอเห็นมัทรีขับรถของติรกาตีคู่มาอีกด้าน
เตือนใจชะโงกหน้าออกมาจากรถแล้วพูดกับลูกสาว
“ยายติ ขับเร็วแบบนี้มันอันตราย!! จอดเถอะลูก”
ติรกาพยายามเร่งความเร็วหนีรถของรชานนท์และรถของมัทรี เธอก้มดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเป็นเวลาห้าทุ่มพอดี ติรกายิ้มอย่างมีความหวัง
“อีกชั่วโมงเดียวจะพ้นเที่ยงคืน ต้องหนีไปให้ได้!” ติรกาพูดกับตัวเอง
พอติรกาเงยหน้าขึ้นมองถนนก็ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นป้ายปิดประกาศว่าทางข้างหน้ามีการซ่อมถนนตั้งอยู่ ทุกคนทั้งที่อยู่ในรถรชานนท์และรถติรกาอึ้งทันที ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเบรกดังลั่น รชานนท์กับมัทรีเบรกรถจอดอยู่กลางถนนก่อนจะถึงทางที่ปิดซ่อมถนน
ติรกาตัดสินใจขับหลบป้ายซ่อมถนนเข้าไปในทางข้างหน้า เธอหันไปมองก็เห็นว่าพวกมัทรีกับพวกวันรบไม่ตามมาก็ยิ้มอย่างสะใจ
“มันต้องใจเด็ดอย่างฉันถึงจะชนะ!”
ติรกาหันกลับมามองถนนแล้วกรี๊ดลั่น เธอเห็นรถบรรทุกคันใหญ่จอดขวางอยู่เต็มถนน ติรกากรี๊ดลั่นก่อนจะหักรถลงข้างทาง ติรกาเลี้ยวหมอนทองลงข้างทางแล้วก็เสียหลักล้มคว่ำไปกับพื้น
กลุ่มวันรบและมัทรีเห็นติรกาล้มคว่ำก็ตกใจจนร้องลั่น
“แม่!!” มัทรีร้องลั่น
“กระแต!!” รชานนท์ตกใจ
ทั้งหมดรีบวิ่งไปหาติรกาทันที
นาฬิกาข้อมือของติรกาบอกเวลา 23.10น. ติรกานอนหมดสติอยู่บนพื้น หมอนทองล้มคว่ำอยู่ไม่ไกล เลือดไหลนองออกมาจากศีรษะของติรกา
ติรกานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เลือดของเธอยังไหลไม่หยุด หมอและพยาบาลช่วยกันห้ามเลือดกันจ้าละหวั่น
"ห้ามเลือดก่อน" หมอสั่ง
"ความดันคนไข้ลดลงค่ะ" พยาบาลบอก
หมอหันไปดูเครื่องวัดสัญญาณชีพจร ก็เห็นชีพจรค่อย ๆ ลดระดับลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเส้นตรง
"ชีพจรคนไข้หยุดเต้น !” หมอตกใจ
เตือนใจและพุทรายกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
"เจ้าประคู้ณ... ขอให้คุณพระฯ ช่วยคุ้มครองแม่ติด้วยเถิด" เตือนใจยกมือท่วมหัว
"คุณติรกาสัญญาจะให้โบนัสสิ้นปีสามเท่า อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะคะ" พุทรายกมือไหว้ด้วย
"เข้มแข็งไว้นะครับคุณแม่ กระแตจะต้องไม่เป็นอะไร" รชานนท์ให้กำลังใจเตือนใจ
"พุทธังแคล้วคลาด... ธัมมังแคล้วคลาด... สังฆังแคล้วคลาด" พชรยกมือขึ้นพนม
รชานนท์หันไปมองพชรที่กำลังถอดสร้อยพระที่ห้อยคอออกมาใส่ไว้ในมือที่พนมอยู่ที่อก
"ปลุกยังไงก็ไม่มาหรอก พระท่านจำวัดหมดแล้ว" รชานนท์บอก
"แหะ ๆ เผื่อท่านรับจ๊อบรอบมิดไนต์" พชรยิ้มแหยๆ
วันรบส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา ก่อนจะหันไปปลอบมัทรีที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยท่าทางร้อนใจ
"แม่มัทต้องปลอดภัยครับ" วันรบบอก
มัทรีรู้สึกเหมือนจะร้องไห้เพราะใจคอไม่ดี
หมอรับเครื่องปั๊มหัวใจจากพยาบาลแล้วนำมาวางที่อกติรกา
หมอให้สัญญาณ "หนึ่ง... สอง... สาม... เคลียร์"
หมอกดปั๊ม ร่างติรกากระตุกตามแรงของเครื่องปั๊ม ก่อนจะล้มลงนอนแน่นิ่งตามเดิม หมอกดที่ปั๊มบนร่างติรกาอีกครั้ง
"หนึ่ง สอง สาม เคลียร์"
ร่างติรกากระตุกขึ้นมาอีก เส้นชีพจรบนหน้าจอกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะลดลงเป็นเส้นตรงอีกครั้ง หมอเริ่มเครียด พยาบาลสองคนรีบซับเหงื่อให้หมอ
พยาบาลที่เหลือวุ่นวายกับการพยายามช่วยชีวิตติรกา หมอยังคงปั๊มหัวใจให้อีกหลายครั้ง กระทั่งพยาบาลคนหนึ่งหันไปเช็คจอมอนิเตอร์ข้างเตียง
"คลื่นสมองไม่ตอบสนอง ระดับชีพจรไม่ขยับแล้วค่ะหมอ"
หมอมองร่างติรกาด้วยความเครียด ก่อนจะลดเครื่องปั๊มหัวใจในมือลงจนเสียงชีพจรดังยาว เส้นชีพจรบนหน้าจอวิ่งเป็นเส้นตรง หมอเลื่อนมือหยิบผ้าห่มสีขาวเลื่อนขึ้นมาคลุมหน้าติรกา แล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
"คนไข้เสียชีวิต ห้าทุ่มห้าสิบเก้านาที"
มัทรี วันรบ รชานนท์ พชร เตือนใจ และพุทราเข้ามาในห้องฉุกเฉินก็เห็นร่างแน่นิ่งของติรกา
"แม่...” มัทรีร้องเสียงดัง
"หมอขอแสดงความเสียใจด้วย เราทำเต็มที่แล้ว" หมอบอก
ทุกคนอึ้งและช็อคไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเฮลั่นห้องฉุกเฉินด้วยท่าทางดีใจ
"นางปิศาจโอ่งน้ำปลาไม่อยู่แล้ว" พชรบอก
"ถ้างั้นคุณรบก็ได้แต่งงานกับคุณมัทสิคะ" พุทราถาม
"พรุ่งนี้เช้าส่งตัวเข้าหอเลยก็ดี ไม่ต้องจัดพิธีให้วุ่นวาย" เตือนใจบอก
"ในที่สุดเราก็ได้อยู่ด้วยกัน" วันรบดีใจ
"มัทจะได้แต่งงานกับรบโดยไม่มีแม่ขัดขวางแล้ว" มัทรีดีใจเช่นกัน
แล้ววันรบกับมัทรีก็กอดกันด้วยความดีใจ พชรร้องโห่เอาฤกษ์เอาชัยเหมือนแห่ขันหมาก ทุกคนขานรับสามครั้ง สักพักหมอและพยาบาลก็เอากลองยาวจากใต้เตียงออกมาตีเป็นจังหวะครึกครื้น รชานนท์ วันรบ มัทรี และพุทรารำแต้กันอย่างสนุกสนาน
ติรกาที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลลืมตาขึ้นทันทีและกรีดร้องเสียงดัง
"ไม่นะ ฉันยังไม่ตาย ! ฉันยังไม่ตาย !!”
ติรกากระเด้งลุกขึ้นจากเตียงแล้วแหกปากโวยวายราวกับคนสติแตก จนหมอและพยาบาลต้องวิ่งกรูเข้ามาด้วยความตกใจ
"ใจเย็นก่อนค่ะคุณ" พยาบาลเตือนสติ
ติรกาตาพร่าเบอลจนเห็นหน้าหมอเป็นหน้ารชานนท์
"ฉันไม่ยอมให้ไอ้รบแต่งงานกับยายมัท ฉันไม่ยอมให้คุณแย่งลูกไปฉันไม่ยอม.... กรี๊ด"
ติรกากระโดดตะปบหน้าหมอ แล้วข่วนไม่ยั้ง จนพยาบาลต้องรีบเข้ามาช่วยแยกออกไป
"โอ๊ย.... ช่วยผมด้วย" หมอร้อง
"ว้าย ปล่อยคุณหมอนะคะ" พยาบาลเข้ามาห้าม
มัทรี วันรบ รชานนท์ เตือนใจ พชร และพุทราซึ่งยืนรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินได้ยินเสียงโวยวายภายในห้องก็หันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ สักพักหมอก็ผลักประตูออกมาในสภาพยับเยินและเต็มไปด้วยรอยข่วน
"ใครเป็นญาติคุณติรกา" หมอถาม
"ฉันเป็นลูกสาวค่ะ" มัทรียกมือ
พชรชี้เตือนใจ "นี่เป็นแม่" เขาชี้วันรบ "ว่าที่ลูกเขย" เขาชี้รชานนท์ "เพื่อนลูกเขย" แล้วชี้ตัวเอง "เจ้านายลูกเขย” พชรกำลังจะชี้พุทรา "แล้วก็...”
"พอ ! หมอไม่ได้สำรวจสำมะโนครัวประชากร" หมอเซ็ง
หมอหันกลับไปทางห้องฉุกเฉิน แล้วเข้าไปช่วยพยาบาลทั้งผลักทั้งดันตัวติรกาที่กำลังโวยวายให้ออกมา
"ปล่อย... ฉันจะเอาลูกคืน" ติรกาโวยวาย
"ลูกสาวคุณอยู่นี่ครับ ราตรีสวัสดิ์" หมอรีบตัดบท
พูดจบหมอและพยาบาลจะปิดประตูหนี แต่วันรบกระโดดไปยื้อไว้
"อ้าว ... หมอปล่อยให้คนเจ็บกลับบ้านเลือดโชกอย่างนี้ได้ไง" วันรบถาม
"แค่ช็อกหมดสติ พึ่งยาดม ยาลม ยาหอมก็พอ" หมอบอก
"แล้วเลือดที่ตัวคุณติรกาล่ะคะ" พุทราถาม
"เลือดวัว ล้างก็ออก" หมอบอก
ทุกคนตกใจพร้อมกัน "เลือดวัว !”
เตือนใจยิ้มเจื่อนๆ "เอ่อ... คงเป็นถุงลาบเลือดของฉันเอง"
"แม่แอบซื้อลาบเลือดมากินอีกแล้วเหรอ" ติรกาถาม
เตือนใจเขินเพราะถูกจับได้ “แม่ฝากไว้กับเจ้าหมอนทองจนลืม สงสัยถุงลาบเลือดจะแตกตอนแม่ติรถคว่ำ แหะๆ"
พชรหันไปเห็นนาฬิกาติดผนังของโรงพยาบาลบอกเวลาห้าทุ่มสามสิบจึงรีบบอกวันรบ
"เฮ้ย ... ใกล้หมดเวลาเคลียร์ค่าสินสอดแล้ว"
วันรบ รชานนท์หันไปหามัทรีแต่ก็ไม่เจอ พวกเขาเห็นหลังไว ๆ ว่าติรกาปิดปากและลากตัวมัทรีให้หนีไป เสียงมัทรีอู้อี้เรียกวันรบดังมาจากทางที่ติรกาหนีไป
"มัท !” วันรบเรียก
"กระแตลักพาตัวมัทรี" รชานนท์ตกใจ
"เค้าเป็นแม่ลูกกันนะคะ" พุทราบอก
"แม่ติกำลังถ่วงเวลา" เตือนใจว่า
วันรบ รชานนท์ พชร เตือนใจ และพุทรารีบตามติรกากับมัทรีไปทันที
ติรกาลากมัทรีออกมาที่หน้าโรงพยาบาล โดยที่มัทรีพยายามดิ้นมาตลอดทาง
“แม่คะ ทำแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับพี่รบเลยนะคะ” มัทรีว่า
“ฉันจะไม่ยอมแพ้วันรบเด็ดขาด” ติรกาพูด
ติรกาหันไปเห็นรถกระบะที่มีแค็ปจอดอยู่ เธอจึงดึงมัทรีไปที่รถ ติรกาเคาะกระจกฝั่งคนขับที่คนขับกำลังนั่งหลับอยู่ คนขับตกใจสะดุ้งตื่น
“ไปส่งฉันที่โรงงานโอ่งเตือนใจ รู้จักไหม” ติรกาถาม
“เอ่อ..อ่า” คนขับรถกระบะอึกอัก
ติรกาควักเงินออกจากกระเป๋ากางเกง “ฉันให้สองพัน”
คนขับเห็นเงินก็ตาวาว “ขึ้นเลยพี่!”
ติรกาล็อคตัวมัทรีแล้วฉุดให้ขึ้นหลังรถ สักพักรถกระบะก็วิ่งออกไป
รถกระบะแล่นไปบนถนนมืดและเปลี่ยว มัทรีมีสีหน้าหวาดกลัว เธอชำเลืองไปทางติรกาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“แม่คะ ให้เขาจอดรถเถอะ” มัทรีบอกแม่
“ฉันยอมตาย! แต่จะไม่ยอมรับเงินค่าสินสอดจากไอ้วันรบเด็ดขาด” ติรกาเสียงแข็ง
“แต่มัทไม่อยากอยู่บนรถคันนี้”
ทั้งคู่นั่งตัวเกร็งอยู่ในรถเก็บศพของหน่วยกู้ภัย ด้านหน้าของทั้งสองมีศพที่ถูกผ้าขาวคลุมตัววางอยู่
ติรกากลัวแต่ก็ทำแข็งใจ “แป๊บเดียวก็ถึงบ้าน! เจ้าหน้าที่เขาก็อยู่กลัวอะไร”
ผู้ชายหน้าเนียนขาวคนหนึ่งดูคล้ายคนหลับนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสองแม่ลูก ที่ตักของเขามีผ้าขาวพาดอยู่
“แม่คะ พี่รบทำตามข้อแม้แม่ทุกอย่าง แม่บอกให้เราเคารพกติกา แม่น่าจะเคารพกติกาด้วยเหมือนกันนะคะ”
“นี่มัทว่าแม่เพราะคนอื่นเหรอ มันไม่ถูกต้อง”
ทันใดนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงกระแอม ติรกากับมัทรีหันไปมองเพราะคิดว่าเป็นเสียงที่ดังจากชายหน้าเนียนที่นั่งหลับตาอยู่
“คุณเจ้าหน้าที่ว่าจริงไหมคะ ฉันเป็นแม่เห็นว่าอะไรไม่ดีก็ต้องห้ามปราม ปกป้อง” ติรกาเอ่ยถามแบบหาพวก
รถวิ่งผ่านทางขรุขระจนร่างของชายผู้นั้นขยับดูคล้ายกับพยักหน้ารับ
“เห็นไหมเขายังเห็นด้วยกับแม่” ติรกาบอกลูกสาว
มัทรีรีบข้ามไปนั่งข้างชายหน้าเนียน “แต่แบบนี้เขาไม่เรียกว่าปกป้องนะคะพี่ เขาเรียกว่ากีดกันโดยไม่ฟังเหตุผล พี่คิดดูสิคะพวกหนูตามใจแม่ทุกอย่างแต่แม่ก็อคติไม่ยุติธรรมกับหนูเลย”
ติรกายอมไม่ได้จึงข้ามมานั่งอีกข้างของชายคนนั้น ติรกาพูดเสียงดังทันที “ไม่จริง! แม่ไม่ได้อคติ”
สองแม่ลูกสัมผัสร่างของชายหน้าเนียนแล้วรู้สึกว่าตัวเย็น ติรกาจึงเอานิ้วไปอังตรงปลายจมูก จากนั้นก็มองหน้าลูกสาวคล้ายจะบอกว่าร่างที่อยู่ระหว่างเธอทั้งสองไม่มีชีวิตแล้ว
มัทรีกลัวขึ้นสมองรีบกระโจนไปจับพวงมาลัย “จอดค่ะ!”
คนขับตกใจเหยียบเบรกทันที รถจอดกระทันหัน ติรกากับมัทรีกรี๊ดลั่น มัทรีวิ่งลงจากรถด้วยความกลัว ติรกาวิ่งตามลงมา “ยัยมัท รอแม่ด้วย!”
วันรบเบรครถกระทันหันจนทุกคนที่นั่งมาด้วยหน้าคะมำ
“ไอ้รบ เบรกแรงไปเปล่าวะ” พชรถาม
“ก็โน่น” วันรบชี้ไปข้างหน้า
ทุกคนมองตามไปก็เห็นรปภ.แจ่มยืนขวางอยู่ ประตูรั้วด้านหลังแจ่มปิดสนิท
“ห้ามเข้าครับ!” แจ่มพูดเสียงดัง
เตือนใจโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถ
“ตาแจ่ม เปิดประตู”
“เปิดไม่ได้ครับ คำสั่งคุณติห้ามใครเข้าไปจนกว่าจะเที่ยงคืน” แจ่มบอก
“แสดงว่ากระแตอยู่ในบ้าน” รชานนท์มั่นใจ
“เปิดประตูให้ผมเถอะ” วันรบขอ
“ไอ้แจ่ม เปิดประตู” พุทราตะโกนออกมา
แจ่มยืนกางแขนหลังติดประตูในท่าแข็งขัน
“ไม่ครับ ผมจะไม่ยอมโดนหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งตลอดปีเด็ดขาด”
“พี่ระ!” รชานนท์หันไปหาพี่เขย
พชรรู้หน้าที่เดินเข้าหาแจ่มพร้อมกับรชานนท์ แจ่มมองทั้งคู่อย่างหวั่นๆ และเอามือจับกระบองที่เอวไว้ตลอด
“อย่านะครับ ผมไม่อยากทำร้ายใคร” แจ่มบอก
“ป๋า ห้าทุ่มห้าสิบห้าแล้วอีกห้านาที” วันรบตะโกนออกมา
รชานนท์กับพชรพุ่งเข้าล็อคตัวแจ่มแล้วจับลากให้พ้นประตูทันที จากนั้นพุทราก็รีบวิ่งไปเปิดประตู
“ตารบ เร็ว!” เตือนใจร้องบอก
วันรบเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าไปในบ้านทันที รชานนท์ พชร และพุทรารีบวิ่งตามรถไป
อ่านต่อหน้า 2
แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 22 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
วันรบขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน แล้วทุกคนก็รีบลงจากรถ วันรบจะเข้าบ้านแต่ประตูก็ปิดอยู่ เขาออกแรงจะกระชากแต่ก็พบว่าประตูถูกล็อคอยู่
“มันล็อค!”
“พุทรา ไขกุญแจ” เตือนใจร้องบอก
พุทราหยิบกุญแจออกมาไขแต่ก็ยังเปิดไม่ออก
“ทำไมไขแล้วแต่เปิดไม่ออก” พุทราแปลกใจ
รชานนท์กับพชรที่วิ่งตามมาเห็นรีบตะโกนบอกทุกคน
“ทุกคน ถอยไป!”
วันรบ พุทรา และเตือนใจหันมา เห็นรชานนท์กับพชรพุ่งเข้ามาเอาตัวเข้ากระแทกประตูเต็มแรง ประตูสะเทือนแต่ก็ยังไม่เปิด ภายในบ้านประตูบานนั้นถูกโซ่คล้องเอาไว้อย่างแน่นหนา ติรกายืนมองประตูอย่างสะใจ
“ห้าทุ่มห้าสิบเจ็ด!” ติรกาตะโกนออกไปหน้าบ้าน
“มัท เปิดประตูให้ผมที มัท” วันรบตะโกนบอก
มัทรีถูกมัดมือมัดขาและปิดปากนั่งอยู่ด้านหลังติรกา มัทรีดิ้นรนและพยายามส่งเสียงเรียก “อี่อ๊บ! อ่วยอ้วย!”
เตือนใจพูดเสียงดัง “ตารบ หลังบ้าน!”
ทั้งติรกาและวันรบต่างก็ได้ยิน ต่างคนรีบวิ่งไปที่ประตูหลังบ้าน ติรกาไปถึงก่อนจึงล็อคประตูได้ทันท่วงที วันรบพุ่งมากระแทกประตูอย่างแค้นใจ
“หน้าต่างค่ะ!” พุทราบอก
ติรกาวิ่งไปเปิดมุ้งลวดเพื่อจะดึงหน้าต่างไม้ปิดแต่วันรบหยิบไม้กวาดพุ่งไปขัดหน้าต่างไว้ได้ทัน ติรกาตกใจปล่อยมือ วันรบกระชากหน้าต่างเปิดแล้วปีนเข้าไปในบ้านทันที
“ออกไปนะ” ติรกาไล่
วันรบตกใจที่เห็นมัทรีถูกมัดอยู่ “มัท! ผมทำตามข้อตกลงแล้วนะครับคุณแม่”
“ถ้าฉันไม่เห็นสินสอดตรงหน้า ถือว่าไม่สำเร็จ!”
เข็มยาวของนาฬิกากำลังจะเดินไปที่เวลาเที่ยงคืน วันรบรีบพุ่งไปเปิดประตูทันที
“ป๋า พี่ระสินสอด”
วันรบรีบวิ่งไปที่รถแล้วเปิดประตู ก่อนจะลากหีบสินสอดลงจากรถ รชานนท์กับพชรช่วยกันยกสินสอดลงมาจากรถ วันรบวิ่งไปที่ประตูบ้านและกำลังจะก้าวเข้าไป เสียงนาฬิกาที่บ้านก็บอกเวลาเที่ยงคืนดังก้องไปทั่วบ้าน
“หมดเวลา! วันรบทำไม่สำเร็จ!” ติรกาสะใจ
วันรบยืนอึ้งอยู่ที่หน้าประตู เขาปล่อยหีบสินสอดหล่นกระแทกพื้น
“ต่อไปนี้ห้ามวันรบมายุ่งกับยัยมัทอีกเด็ดขาด!” ติรกาสั่ง
พุทราวิ่งเข้าไปแกะผ้าผูกปากกับผ้าผูกมือให้มัทรี
มัทรีหลุดจากการถูกมัดได้ก็รีบวิ่งไปหาวันรบ “พี่รบ”
วันรบเสียใจที่ตัวเองทำไม่สำเร็จ เขามองมัทรีที่กำลังร้องไห้อย่างรู้สึกผิด
“มัท..ผมขอโทษ”
“ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ พูดแล้วห้ามคืนคำ นายทำไม่สำเร็จก็ไม่มีสิทธิ์แต่งงานกับลูกฉัน” ติรกาบอก
วันรบน้ำตาร่วง “ครับ..ผมทราบ”
ติรกาอึ้งที่เห็นน้ำตาของวันรบ วันรบหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างผู้แพ้
“พี่รบ..พี่รบ!” มัทรีเรียก เธอจะวิ่งไปหาวันรบแต่ติรกาดึงเอาไว้
“จะไปไหนยัยมัท!”
มัทรีสะบัดแขนจนหลุดจากติรกา “มัทจะไปมีชีวิตของมัท ชีวิต..ที่จะไม่ยอมให้ใครทำลาย”
มัทรีวิ่งออกมาก็เห็นวันรบเดินออกไปจากบ้านโดยทิ้งรถเอาไว้ มัทรีเดินไปขึ้นรถของวันรบ ติรกาจะขึ้นตาม
“ยัยมัท!”
รชานนท์รีบเข้ามาขวาง “เลิกใจร้ายกับลูกสักที”
“ฉันจะทำอะไรกับลูกก็เรื่องของฉัน นายไม่มีสิทธิ์มายุ่ง” ติรกาตวาด
ติรกาผลักรชานนท์แล้ววิ่งตามมัทรีไป มัทรีขับรถตามวันรบไป
สักพักมัทรีก็ขับรถมาจอดข้างวันรบที่กำลังเดินอยู่
“ขึ้นรถค่ะพี่รบ”
“มัท” วันรบลำบากใจ
“ถ้าคุณไม่ขึ้น มัทจะหายตัวไป ไม่ว่าแม่หรือคุณจะไม่มีวันได้เจอมัทอีก” มัทรีขู่
วันรบตกใจ เขามองมัทรีที่มีสายตาเอาจริง วันรบจึงตัดสินใจขึ้นรถไป
ติรกาวิ่งตามออกมาเห็นว่าวันรบขึ้นรถไปกับลูกสาวของเธอ “ยัยมัท!”
แล้วมัทรีก็ขับรถออกไปทันที ติรกาพยายามวิ่งตามและเรียกจนรถวิ่งพ้นสายตาของเธอ ติรกาจึงตัดสินใจวิ่งกลับเข้าบ้าน
รชานนท์กับพชรยืนอึ้งอยู่ที่หน้าบ้านติรกา ส่วนเตือนใจยืนอยู่ใกล้หีบสินสอดที่อยู่ที่พื้น
“แม่พุทราเอาสินสอดไปเก็บที่บ้านฉันก่อน” เตือนใจสั่ง ทุกคนหันมามอง “ฉันเก็บให้พ่อรบ เชื่อเถอะว่าต้องได้ใช้แน่ เก็บให้ปลอดภัยไว้ก่อน”
พุทรายกสินสอด พชรเข้ามาช่วยยกเข้าไปไว้ในบ้าน
เตือนใจหันมามองรชานนท์ “เอาไงดีล่ะคุณพ่อ”
“ผมไม่เข้าใจทำไมกระแตต้องกีดกันเจ้ารบขนาดนี้” รชานนท์ข้องใจ
“ก็เพราะ...”
เตือนใจยังพูดไม่จบ ติรกาก็ขับรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน เธอเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแล้วพูดกับรชานนท์
“ขึ้นรถ!”
รชานนท์กับเตือนใจยืนงง
“ฉันบอกให้ขึ้นรถ พาฉันไปบ้านพักของพวกคุณ ฉันจะไปตามยัยมัท เร็วสิ!” ติรกาเร่ง
รชานนท์รีบขึ้นรถตามคำสั่งติรกาทันที ติรกาขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง พชรกับพุทราวิ่งออกมาจากในบ้าน
“คุณติไปไหนคะ” พุทราถาม
“ไปตามยัยมัท พุทรารีบเอารถออกเร็ว ตามไปก่อนจะเกิดเรื่อง!” เตือนใจสั่ง
“เดี๋ยวผมขับพาไปเอง” พชรอาสา
“ทางนี้เลยค่ะ!”
พุทราพูดแล้วรีบวิ่งนำพชรไป
ติรกาขับรถแล่นผ่านหน้า รปภ.แจ่มออกไป
“คุณติ..ตามคุณมัทไปแน่” แจ่มพึมพำ
ทันใดนั้นก็มีเสียงแตรรถดังที่ด้านหลัง แจ่มหันมาเห็นพชรกำลังขับรถออกมาโดยมีพุทรากับเตือนใจนั่งมาด้ว แจ่มรีบหลบทันที เตือนใจเปิดกระจกรถแล้วตะโกนสั่ง
“เฝ้าบ้านให้ดีนะตาแจ่ม”
พชรขับรถแล่นออกไป แจ่มมองตาม
“แบบนี้ต้องหารายได้เพิ่ม” แจ่มหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
สมภพกับธงฉานรอการรายงานอยู่ในบ้านด้วยความกระวนกระวาย สักพักเสียงมือถือของสมภพก็ดังขึ้น สมภพพุ่งไปรับทันที
“ว่าไงไอ้แจ่ม” สมภพพูดเสียงดัง “ไอ้วันรบมันมาไม่ทันเหรอ”
ธงฉานผุดลุกขึ้นยืนด้วยความสะใจ “เยส!”
“แล้วมัทรีทำยังไง อะไรนะ หนีไปกับไอ้วันรบ คุณติล่ะ ตามไปพร้อมไอ้รชานนท์ คุณเตือนก็ตามไปเหรอ แกรู้ไหมว่าไปที่ไหน” สมภพหัวเสีย “แล้วทำไมไม่ถามวะ แล้วฉันจะจ่ายให้” สมภพวางสายทันที
“อาติต้องไปตามน้องมัทแน่” ธงฉานบอก
“เราต้องช่วยติรกาตามตัวมัทรี”
“จะไปตามที่ไหนล่ะอา พวกมันไม่ได้พักที่รีสอร์ทเรา”
“ฉันสืบมาแล้วว่ามันอยู่ที่ไหนกัน” สมภพบอก
“อานี่จมูกดีจริงๆ ถ้าหมาดมยาเสพติด จมูกดีอย่างอา ประเทศชาติเจริญแน่”
“แน่นอน...เย้ย..ไอ้ธงฉาน” สมภพนึกได้จึงเขกกระโหลกหลานชาย “ลามปาม! ไป! เอารถออก!”
ธงฉานกับสมภพรีบเดินออกจากบ้านทันที
ติรกาเปิดประตูออกมาจากบ้านพักของพชร รชานนท์เดินตามออกมา สักพักพชรก็ขับรถเข้ามาจอด แล้วตามด้วยรถของสมภพที่จอดไม่ห่างกัน ทุกคนลงจากรถแล้ววิ่งไปหาติรกา
“ยัยมัทล่ะ” เตือนใจถาม
“ยัยมัทไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่มีใครอยู่สักคน” ติรกาบอก
“แจ้งความเลยครับ แบบนี้นายวันรบตั้งใจลักพาตัวชัด ๆ” สมภพเสนอ
“อย่าแสนรู้ดีกว่าครับคุณสมภพ” รชานนท์ตำหนิ
ธงฉานพูดกับสมภพ “มันว่าอาเป็นหมาน่ะครับ”
“เออ..ไม่ต้องแปล” รชานนท์ว่า
ติรกาหันไปเอาเรื่องรชานนท์ “คิดจะปกป้องพรรคพวกตัวเองใช่ไหม”
“ผมไม่อยากให้คุณหน้าแตกต่างหาก เพราะใคร ๆ ก็เห็นว่าน้องมัทเป็นคนสั่งให้วันรบขึ้นรถ ถ้าคุณจะแจ้งความ ผมจะแจ้งกลับว่าน้องมัทล่อลวงเจ้ารบ อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ก็เอา”
“นายนี่มัน!” ติรกาฉุน
รชานนท์กับติรกามองหน้าอย่างไม่ยอมกัน
“เลิกหาเรื่องแล้วหันมาหาหลานฉันกันซะที ตอนนี้ยัยมัทจิตใจไม่ปกติ ฉันกลัวว่ายัยมัทจะทำอะไรบ้า ๆ” เตือนใจหวั่นใจ
“ยิ่งคุณมัทเป็นคนขับรถ อาจเกิดอุบัติเหตุได้นะคะ พุทราพยายามโทรเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่ติด”
ติรกาชักร้อนใจ
“ผมจะไปขอเช็คกล้องวงจรปิดของตำรวจดูว่ารถของมัทรีออกไปทางไหน” สมภพเสนอ
“พุทรา! เกณฑ์คนทั้งหมดที่มีค้นให้ทั่วราชบุรี!” ติรกาสั่ง
“พวกผมจะไปช่วยด้วย” รชานนท์อาสา
ติรการีบหันมาปราม “นายไม่เกี่ยว”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว! รบเป็นน้องผม แล้วมัทรีก็เป็น...”รชานนท์กำลังจะพูดต่อแต่ติรการีบขัดขึ้น
“หยุดนะ!” ติรกามองรชานนท์อย่างคับแค้นใจ “อยากจะทำอะไรก็เรื่องของนาย! แม่ พุทรา! ไปกับฉัน”
พูดจบติรกาก็เดินไปที่รถ พุทรารีบประคองเตือนใจเดินตามไป แล้วติรกาก็ขับรถออกไป
พชรเห็นรชานนท์ยังยืนเฉย “ไอ้นนท์ แล้วไม่รีบตามเขาไปเหรอวะ”
“ไม่ต้องรีบไปหรอกพี่ ไอ้รบกับน้องมัทไม่ได้อยู่ในราชบุรีแล้ว ไอ้รบมันส่งข้อความมาบอกผมว่าน้องมัทกำลังขับรถเข้ากรุงเทพฯ” รชานนท์บอก
“แล้วทำไมแกไม่บอกยัยคุณนายโอ่งน้ำปลาไปล่ะ” พชรถาม
“ผมอยากให้กระแตมีบทเรียนจากการบังคับใจลูกบ้าง เขาจะได้รู้ว่าน้องมัทก็มีชีวิตจิตใจ มีความอดทนที่จำกัดเหมือนกัน”
“งั้นเราก็กลับไปกรุงเทพฯนอนมะ คิดถึงเมียจ๋าจะแย่แล้ว” พชรบอก
“ไม่!..ผมจะตามกระแตไป”
“อะไรของแกวะ”
“ผมไม่ยอมให้ไอ้สมภพเอาหน้ากับกระแตหรอก” รชานนท์เสียงเข้ม
“อ๋อ..ตามไปเพราะหึงนี่เอง”
รชานนท์ไม่พูดอะไร เขารีบเดินไปที่รถ สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปทันที
“เฮ้ย! ไอ้นนท์ ฉันล้อเล่น รอฉันด้วยไอ้นนท์!” พชรตะโกน
รชานนท์เบรกรถ พชรรีบวิ่งไปขึ้นรถ แล้วรชานนท์ก็ขับรถออกไป
มัทรีเปิดประตูเข้ามาในห้องของวันรบที่คอนโดในกรุงเทพฯ วันรบเดินตามเข้ามา
“มัทครับ...ผมว่าหนีมาแบบนี้มันไม่ดีนะ แม่คุณจะเป็นห่วง” วันรบเตือน
“ถ้าแม่ห่วงมัท คิดถึงใจมัท แม่ต้องไม่ทำร้ายเราแบบนี้!” มัทรีตัดพ้อ
“มัทครับ..ผมทำไม่สำเร็จเองนะ ผมยังพยายามไม่พอ”
มัทรีเดินไปนั่งตรงหน้าวันรบแล้วใช้สองมือจับหน้าวันรบให้มองตาเธอ “ไม่จริงค่ะ รบทำสำเร็จ รบหาเงินมาได้ทันเวลา แต่แม่จงใจหนี จงใจทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางเรา” มัทรีโผกอดวันรบ “มัทขอบคุณ ๆ มากนะคะที่ทำทุกอย่างเพื่อเรา”
วันรบสวมกอดมัทรีอย่างหลวม ๆ แล้วยิ้ม ก่อนจะดันตัวเข้าชิด สองคนมองตากัน วันรบค่อยๆ โน้มเข้าหามัทรีอย่างช้าๆ มัทรียอมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความรู้สึก ปากของวันรบใกล้จะแตะปากของมัทรี แต่จู่ๆ วันรบก็เลื่อนปากขึ้นมากัดจมูกมัทรีเบาๆ
“โอ้ย! เจ็บนะคะ” มัทรีตกใจ
วันรบยิ้มขำ “โทษฐานที่เกือบทำผมใจแตก” วันรบลูบที่ปลายจมูกมัทรีเบา ๆ “หิวไหม..ผมอุ่นซุปให้ทานนะ”
“มัททำให้นะคะ” มัทรีทำท่าจะลุก
แต่วันรบจับให้มัทรีนั่งลงตามเดิม “คุณนั่งพักเถอะ ร้องไห้มาตลอดทางเลย คงเหนื่อยนะ”
“แต่รบก็ไปหาสินสอดมาทั้งวันเหมือนกัน”
“แต่ถ้าทำให้คนที่ผมรัก ผมไม่เคยเหนื่อยเลย รู้ไหม” วันรบบอก
มัทรียิ้มหวาน วันรบเดินไปที่ครัว แล้วหยิบกล่องซุปออกมาใส่หม้อต้ม มัทรีมองวันรบแล้วยิ้มด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความรัก สักพักวันรบก็ยกถ้วยซุปเดินออกมา แต่มัทรีนอนหลับอยู่บนโซฟาแล้ว
วันรบเข้ามาปลุกแล้วพูด “มัท..เข้าไปนอนในห้องดีกว่านะ”
“อื้อ..” มัทรีงัวเงียแต่ไม่ยอมลุก
วันรบมองยิ้มๆ แล้วอุ้มมัทรีเข้าไปในห้องนอน
วันรบวางมัทรีลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาจัดท่าทางให้มัทรีนอนสบาย แล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ วันรบมองแล้วยิ้ม “ฝันดีนะครับ”
วันรบจะลุกไป แต่ก็ต้องชะงักที่มือของมัทรียื่นมาจับมือของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย วันรบจะแกะมือออกแต่มัทรียิ่งออกแรงดึง
“มัท...” วันรบยิ้ม มัทรีดึงมือวันรบไปแนบหน้าแล้วนอนยิ้มอย่างมีความสุข
“ขออนุญาตนะครับ” วันรบพูดเบาๆ อย่างเอ็นดู
เขาขยับขึ้นไปนอนบนเตียงเคียงข้างมัทรี มัทรีขยับร่างพลิกเอาแขนมาวางพาดรอบเอววันรบ วันรบนอนตัวแข็งพลางเหลือบมองมัทรี ส่วนมัทรียังนอนหลับตาพริ้ม วันรบยิ้มเอ็นดูแล้วยื่นหน้าผากไปชิดกับจมูกของมัทรี ก่อนจะหลับตาลงอย่างมีความสุข
ติรกากับเตือนใจยืนอยู่หน้าโรงแรมในตัวเมืองราชบุรี ผู้คนมากมายวิ่งไปมาอย่างวุ่นวายอยู่ภายในโรงแรม รชานนท์ขับรถมาจอดที่หน้าโรงแรม ก่อนที่เขากับพชรจะลงจากรถแล้วตรงไปหาเตือนใจ
“เป็นยังไงบ้างครับ” รชานนท์ถาม
“ค้นมาหลายรีสอร์ท หลายโรงแรมแล้วยังไม่เจอเลย ไม่รู้ป่านนี้ยัยมัทจะเป็นยังไงบ้าง” เตือนใจบอก
สักพักพุทรากับรปภ.แจ่มก็วิ่งถลาออกมา ตามด้วยเสียงก่นด่าจากคนในโรงแรม
“คุณติขา ไม่เจอคุณรบกับคุณมัทเลยค่ะ” พุทราบอก
แจ่มกุมหัว “แต่ถ้าโคมไฟ ที่เขี่ยบุหรี่ ผมเจอเต็ม ๆ เลยครับ แขกกับรปภ.ในโรงแรมเกือบยำเท้าให้ผมกินซะแล้ว”
“นี่เราค้นจนทั่วราชบุรีแล้ว ทำไมยังไม่เจอยัยมัทอีกนะ” ติรกาเซ็ง
ทันใดนั้นเสียงมือถือของติรกาก็ดังขึ้น ติรกาหยิบขึ้นมาดูหน้าจอแล้วรีบกดรับ
“ว่าไงคะคุณสมภพ” ติรกาดีใจ “เจอรถวันรบแล้วเหรอคะ ไปที่ไหนนะคะ ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ติรการีบวางสาย
“ยัยติ..ยัยมัทอยู่ที่ไหน” เตือนใจถาม
“คุณสมภพบอกว่ากล้องวงจรปิดของทางจราจรจับภาพรถของวันรบได้บนทางหลวงมุ่งหน้าไปกรุงเทพฯค่ะ”
รชานนท์กับพชรสบตากัน
“กรุงเทพฯตั้งกว้างจะไปหาที่ไหนคะ” พุทราถาม
“ไปที่คอนโดยัยมัทก่อน” ติรกาบอก
“ตาแจ่ม กลับไปดูแลบ้าน” เตือนใจสั่ง
แจ่มตะเบ๊ะ “ครับผม!”
ติรกา พุทรา และเตือนใจรีบขึ้นรถแล้วขับออกไป รชานนท์พุ่งไปขึ้นรถ ส่วนพชรวิ่งตามไปขึ้นรถ รชานนท์ขับรถออกไปทันที
ติรกา เตือนใจ และพุทราเดินมาตามทางเดินภายในคอนโดอย่างเร่งรีบ สมภพกับธงฉานวิ่งตามมา ก่อนที่รชานนท์กับพชรจะวิ่งตามมาสมทบ
สมภพหันไปเห็นรชานนท์กับพชรก็ไม่พอใจ “นี่พวกคุณมายุ่งอะไรด้วย มันเป็นเรื่องในครอบครัวคุณติกับหนูมัท”
“แล้วคนนอกอย่างคุณเสนอหน้าเข้ามาทำไม” รชานนท์ถาม
“ลุงพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ผมกับน้องมัทเราจะดองกันอยู่แล้ว” ธงฉานบอก
“เรียกลุงเดี๋ยวต่อยคว่ำตรงนี้เลยไอ้อ้วน” รชานนท์ฉุน
“อุ้ย” ธงฉานรีบปิดปาก
“คุณสมภพพูดถูกมันไม่เกี่ยวกับคุณ” ติรกาว่า
“มันเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว คุณก็รู้อยู่แก่ใจนะกระแต” รชานนท์บอก
“เลิกเรียกชื่อนั้นซะที!” ติรกาไม่พอใจ
เตือนใจกระชากนกหวีดจากคอพุทรามาเป่าใส่หน้าทุกคน
“หยุด! ไปตามหาหลานฉัน! เดี๋ยวนี้!”
ติรกา รชานนท์ สมภพ และธงฉานตกใจ “ค่ะ /ครับ”
แล้วทุกคนก็รีบวิ่งไปที่หน้าห้องพักของวันรบกับมัทรีทันที
พุทรามองเตือนใจด้วยสายตาทึ่ง “ขาโหดตัวจริงอยู่นี่เอง”
เตือนใจหันมามองหน้าโหด “เดี๊ยะ ๆ เดี๋ยวเจออีกคน”
พุทรารีบปิดปากแล้ววิ่งตามกลุ่มติรกาไปทันที เตือนใจมองอย่างเคือง ๆ แล้วรีบเดินตามทุกคนไป
ติรกาและทุกคนมายืนออกันที่หน้าห้องของวันรบ
“พุทรา!” ติรกาเรียกลูกน้อง
พุทราหยิบกุญแจขึ้นมาไขเปิดประตู
“มีเรื่องไหนที่คุณไม่ก้าวก่ายชีวิตลูกบ้างไหม” รชานนท์ถาม
ติรกาหันขวับ “มันเรื่องของฉัน!”
พุทราไขประตูจนเปิดได้ ติรการีบพุ่งเข้าไปในห้อง แล้วคนอื่นๆ ก็กรูกันเข้าไป
ติรกาเข้ามาในห้องแต่ภายในห้องก็เงียบเหมือนไม่มีใครอยู่
“ยัยมัท!” ติรกาตะโกนเรียก
วันรบกับมัทรียังนอนหลับกอดกันอยู่บนเตียง ติรกาพุ่งไปที่ห้องนอนที่ประตูเปิดแง้มไว้ ทุกคนเดินตามเข้าไป
เมื่อเข้ามาแล้ว ติรกาก็ต้องชะงักที่เห็นวันรบนอนกอดมัทรีอยู่บนเตียง
“ยัยมัท!”
“น้องมัทของพี่!” ธงฉานเสียใจ
มัทรีกับวันรบรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นก็ตกใจที่เห็นทุกคนมายืนอออยู่ในห้อง
“แม่” มัทรีตกใจ
“ไอ้รบ!” ติรกาโกรธจัดพุ่งเข้าไปบีบคอวันรบทันที
“ฉันจะฆ่าแก!”
“ปล่อยรบนะคะแม่ ปล่อย!” มัทรีพยายามดึงมือแม่ตัวเองออก
สมภพกับธงฉานยืนมองและส่งเสียงเชียร์
“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน”
พุทรากับเตือนใจที่ยืนอยู่ข้างๆ เริ่มหมั่นไส้ เตือนใจจึงพยักหน้าให้พุทราจัดการ พุทราทำเป็นตกใจกลัว
“ระวังค่ะคุณติ เดี๋ยวคุณรบตาย”
พุทราทำตกใจอย่างสูงและแกล้งเหวี่ยงมือฟาดหน้าธงฉานเต็มแรง
“ไม่นะคะ คุณติ อย่าฆ่าคุณรบ” พุทราเหวี่ยงแขนไปตีหน้าธงฉานไม่ยั้ง
“โอ้ย! ไอ้นั่นมันไม่ตาย ฉันนี่ล่ะจะตายเพราะแก” ธงฉานโอดครวญ
พุทราทำเป็นจ๋อย “พุทราลุ้นเกินไปหน่อยน่ะค่ะ”
พุทรากับเตือนใจแอบยิ้มสะใจ
รชานนท์ พชร และมัทรีรีบเข้าไปช่วยแยกติรกาออกมาจากวันรบอย่างยากลำบาก
“ไอ้ผู้ชายสารเลว ไอ้วันรบ! สองครั้งแล้วที่แกทำลายชื่อเสียงลูกสาวฉัน” ติรกาโวยวาย
“ไม่ใช่สองครั้งหรอกค่ะ” มัทรีพูดเสียงดัง “เพราะรบกับมัทเราเป็นสามีภรรยากันมานานแล้วและมัทก็เต็มใจ”
ทุกคนอึ้ง
“โกหก!” ติรกาตวาด
“มัทไม่ได้โกหก ทุกคนรับทราบไว้เลยนะคะว่าคอนโดที่ทุกคนยืนอยู่เป็นคอนโดที่มัทกับรบซื้อร่วมกัน”
“ไม่จริง มัทบอกแม่ว่าซื้อร่วมกับเพื่อน” ติรกาเถียง
“รูมเมทที่ชอบใช้คิตตี้” พุทราเสริม
“นั่นเอาไว้บังหน้าเวลาแม่กับพี่พุทรามาเท่านั้น ไปค้นเสื้อผ้าดูสิคะ”
พุทรารีบวิ่งออกไปแล้วกลับเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าและกางเกงของวันรบ
“มีแต่เสื้อผ้าข้าวของผู้ชายแอบไว้เต็มเลยค่ะ” พุทราบอก
“ไม่มีรูมเมทที่ไหนทั้งนั้น มัทกับรบเราอยู่ด้วยกันที่นี่ ในห้องนี้ ในฐานะสามีภรรยา” มัทรีบอก
“มัท..” วันรบอึ้งที่ได้ยินแฟนสาวพูดเช่นนั้น
“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกค่ะรบ ทุกคนควรจะรู้ความจริง” มัทรีรีบบอก
“แม่ไม่เชื่อ มัทโกหกแม่” ติรกาอึ้ง
“ถ้าแม่ไม่เชื่อก็เช็คดูสิคะว่าเจ้าของห้องนี้มีชื่อใครเป็นเจ้าของ เพราะอีกไม่นานเราจะมีเจ้าตัวน้อย ลูกของรบกับมัท”
“ลูก!” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“ค่ะ” มัทรีรับ
“ไม่จริง รบ..แกบอกป๋าเองว่าแกไม่เคยล่วงเกินมัทรี” รชานนท์ตกใจ
วันรบสบตากับมัทรี มัทรีส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาช่วยโกหก
รชานนท์มองวันรบ วันรบได้แต่หลบตา รชานนท์ของขึ้นพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อวันรบมาต่อยเต็มแรง
“เฮ้ย!” ทุกคนตกใจ
“ไอ้รบ! ทำไมแกทำกับลูกสาวฉันแบบนี้ ! ทำไม!” รชานนท์โมโห
ทุกคนได้ยินก็ถึงกับอึ้ง
ติรกาอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่ารชานนท์จะหลุดปากพูดออกมา
วันรบมองรชานนท์อย่างอึ้งๆ แล้วถามย้ำ
“ป๋าว่าอะไรนะ!”
“ป๋าบอกว่ามัทเป็นลูกป๋าเหรอ?” มัทรีถาม
รชานนท์รู้ตัวว่าหลุดปากก็อึ้งไป เขาอึกอักพูดอะไรไม่ออกเลยหันไปหาติรกา ทุกคนมองติรกากับรชานนท์อย่างอึ้งๆ
รชานนท์กับติรกานั่งอยู่กลางวงล้อมของทุกคน โดยที่ทุกคนยิงคำถามใส่รชานนท์กับติรกาเป็นชุด
มัทรีถามติรกา “ตกลงที่ป๋าพูด มันหมายความว่ายังไงคะแม่”
วันรบถามรชานนท์ “ป๋าพูดเล่นใช่มั้ย? มัทจะเป็นลูกป๋าได้ยังไง”
พชรถามรชานนท์ “จริงเหรอวะไอ้นนท์”
รชานนท์ยังอึกอักแล้วหันไปมองหน้าติรกา ทุกคนนิ่งรอคำตอบ
“ฉันบอกคุณแล้วไงว่ายายมัทไม่ใช่ลูกคุณ” ติรกาเอ่ยขึ้น
“ถ้าไม่เป็นความจริง ผมว่าแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาณพวกนี้ไปเลยครับคุณติ” สมภพพูดขึ้น “อย่าไปยอมให้พวกมันมาพูดจาพล่อยๆแบบนี้”
พุทรากับธงฉานพยักหน้าเห็นด้วยทันที
“เชิญแจ้งเลย... เพราะที่ผมพูดเป็นความจริงทุกประการ” รชานนท์ย้ำ
ทุกคนอึ้งอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้! พ่อของมัทคือพ่อนพ” มัทรีบอก
“ใช่! พ่อของยายมัทคือพี่นพ ผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตฉัน” ติรกาเสริม
รชานนท์ส่ายหน้า “คุณเลิกโกหกคนอื่นได้แล้วกระแต... ผู้ชายคนแรกของคุณคือผมต่างหาก”
ติรกาพูดกับรชานนท์ “คุณไม่ใช่พ่อของยายมัท”
รชานนท์เดินไปดึงตัวติรกามาคุยด้วย
“คุณเลิกโกหกได้แล้วกระแต ยายมัทแพ้นมวัวเหมือนผม เรื่องน้ำส้มคั้นที่คุณเล่าให้ยายมัทฟังก็เป็นเรื่องที่คุณทำให้ผม”
มัทรีอึ้งแล้วมองหน้าติรกาอย่างงงๆ
“ยอมรับเถอะกระแตว่าเราเคยคบกัน เราเคยเป็นยิ่งกว่าแฟนกัน” รชานนท์บอก
“ไม่! ฉันไม่เคยคบกับคุณ” ติรกายืนกราน
“เราเคยคบกับ เราเคยรักกัน คุณเคยสัญญาว่าจะเป็นแฟนผมคนเดียวไปตลอดชีวิต!”
ติรกาทนไม่ไหวผลักรชานนท์ออกแล้วตบหน้าเขาทันที “หยุดพูดได้แล้ว”
“ไม่!” รชานนท์ยืนยัน “ผมจะกลับไปเอาหลักฐานความรักทั้งหมดของเรามาให้ทุกคนดู ทุกอย่างที่ยืนยันได้ว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน ทั้งจดหมาย รูปถ่าย เทปเพลงที่คุณเคยอัดให้ ผมเก็บมันไว้ทุกอย่าง”
น้ำเสียงรชานนท์จริงจัง จนติรกาอึ้งไป
อ่านต่อหน้า 3 เวลา 17.00 น.
แจ้งเพื่อทราบ :
เนื่องจากแฟนเพจเฟสบุ๊ค "ละครออนไลน์" มีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ ทีมงาน “ละครออนไลน์” จึงจะทำการปิดภายในวันพรุ่งนี้ (พุธที่ 22 มีนาคม พศ. 2555) และจะดำเนินการเปิดใหม่ให้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้แฟนๆ ที่ติดตามทราบเป็นระยะ จึงขออภัยมา ณ ที่นี้
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
ติรกาอึ้งเมื่อรู้ว่ารชานนท์ยังเก็บข้าวของทุกอย่างไว้
“คุณโกหก... คุณไม่มีทางเก็บของพวกนั้นไว้” ติรกาพูด
“ให้ผมเอามายืนยันมั้ยล่ะ”
“เอา” ทุกคนตอบพร้อมกัน
รชานนท์เห็นทุกคนมองเขาด้วยแววตาจริงจังเหมือนอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ผมจะกลับไปเอามาให้ดู”
“ไม่ต้อง!! ฉันไม่ต้องการเห็นของพวกนั้นอีก” ติรกาห้าม
ทุกคนหันไปมองติรกาอย่างอึ้งๆ
“ตกลงแม่เคยเป็นแฟนกับป๋าเหรอคะ?” มัทรีถาม
“ใช่” ติรกายอมรับ
ทุกคนอึ้ง
“มันเป็นเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตแม่”
ติรกาพูดแล้วจ้องหน้ารชานนท์ด้วยความแค้น
“แล้วเรื่องที่ป๋าบอกว่า... มัทเป็นลูกสาวล่ะครับ” วันรบถาม
ทุกคนมองไปที่ติรกาเป็นตาเดียว
“ไม่จริง” ติรกาบอก
“กล้าให้ยายมัทตรวจดีเอ็นเอมั้ยล่ะ” รชานนท์ท้า
ทุกคนมองติรกาว่าจะตอบอย่างไร
“ลูกสาวฉันไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพวกนี้” ติรกาบอก
รชานนท์กำลังจะพูดอีก แต่ติรการีบตัดบท
“ฉันยอมรับว่าเคยคบกับคุณ แต่ฉันไม่ยอมรับว่าคุณคือพ่อของมัทรี”
พูดจบติรกาก็เดินหนีไปทันที
“แม่คะ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน แม่” มัทรีพยายามเรียกแล้วก็วิ่งตามติรกาไป
“พุทรา! รีบพาฉันตามไปเร็ว” เตือนใจสั่ง
พุทรารีบประคองเตือนใจเดินตามมัทรีไป
สมภพกับธงฉานมองรชานนท์อย่างไม่เชื่อ
“ฉันจะแจ้งความว่าพวกแกหมิ่นประมาทคุณติ” สมภพขู่
รชานนท์กำหมัด “พี่ระ ต่อยปากหมานี่เสียค่าปรับแค่ห้าร้อยใช่ไหม”
สมภพสะดุ้ง
ธงฉานทำเสียงดังข่ม “เฮ้ย!”
วันรบเสียงดังกว่า “ทำไม!”
ธงฉานหน้าแหย “เค้าพูดกับอาเค้า ตัวเองไม่เกี่ยว” ธงฉานดึงสมภพ “ไปเถอะอา”
วันรบเสียงดังกว่าเดิม “ไปเลย”
ธงฉานกับสมภพรีบเผ่นออกจากห้อง
“ไอ้รบ” พชรเรียก
วันรบถามเสียงดัง “อะไร!”
“พอแล้ว มันไปแล้ว” พชรบอก
“อ๋อ..เออ..พวกมันไปก็ดี เพราะเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน” วันรบมองรชานนท์ “ยาว”
รชานนท์มองวันรบกับพชรที่มีสายตาคาดคั้นด้วยความหนักใจ
รชานนท์นั่งคุยกับวันรบ พชรและนลินีที่บ้านพักของพชร
“ตกลงป๋ามั่นใจว่าป๋าเป็นพ่อของมัทจริงเหรอ?” วันรบถาม
“ฉันมั่นใจ” รชานนท์ตอบ
“แล้วทำไมตอนนั้นเค้าไม่บอกแกว่าท้อง” พชรถาม
“คงเห็นว่าบ้านเราจนล่ะสิ ถึงได้เลือกแต่งงานกับหมอ” นลินีเดา
“ป๋าจะเล่าได้หรือยังว่าทำไมป๋ากับคุณว่าที่แม่ยายของผมถึงได้เลิกกัน ผมดูป๋าก็รักว่าที่แม่ยายผมมากเลยนะ”
“หลังจากที่เรียนจบ” รชานนท์เล่า “ฉันถูกส่งไปเรียนต่อที่อเมริกาอยู่กับพี่นีโดยไม่มีโอกาสได้คุยกับมัท”
“ไม่ติดต่อกันเลยเหรอ” พชรถาม
“ผมพยายามแล้วนะพี่ระ ผมเขียนจดหมายส่งไปหากระแตทุกอาทิตย์ แต่กระแตไม่เคยตอบจดหมายผมเลย สามปีเต็มๆ ที่ผมรอจดหมายจากกระแตแต่ก็ไม่เคยมี”
“แต่ปีที่สี่เจ้านนท์ทนไม่ไหวจะบินกลับ พ่อก็ส่งข่าวมาบอกว่าแม่กระแตตัวดี แต่งงานมีลูกไปซะแล้ว นนท์มันเศร้าจะเป็นจะตายอยู่ตั้งหลายปีกว่าจะกลับมาปกติแบบนี้ได้” นลินีบอก
“แบบนี้ไอ้คนที่แค้นน่าจะเป็นป๋าสิครับ แล้วว่าที่แม่ยายผมเขาแค้นป๋าเรื่องอะไรเนี่ย” วันรบงง
ชานนท์เครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในใจเขาคิดถึงติรกา
ติรกาส่ายหน้าปฏิเสธทุกคนที่มานั่งถามอยู่ในห้องนอนของเธอ
“แม่จะไม่ตอบอะไรมัทอีกแล้ว” ติรกาบอก
“แม่ยังไม่ตอบมัทซักคำถามต่างหาก” มัทรีไม่พอใจ
“ใจเย็นๆยายมัท” เตือนใจปราม
“จะเย็นได้ไงคะ อยู่ๆก็มีผู้ชายอีกคนมาบอกว่าเป็นพ่อของมัท”
“แม่บอกแล้วไงพ่อของแกคือพ่อนพ” ติรกาย้ำ
“แล้วเรื่องที่มัทแพ้นมวัวเหมือนป๋าล่ะคะ? เรื่องน้ำส้มคั้นอีก” มัทรีถาม
“ก็แม่จำผิดบ้างสิ เรื่องมันตั้งนานแล้ว”
“เรื่องพ่อของมัททั้งคน แม่จะจำผิดเลยเหรอคะ”
“แล้วแกล่ะ เป็นลูกสาวฉันทั้งคน แกกลับเชื่อคนอื่นมากกว่าแม่เหรอ”
มัทรีนิ่งเพราะเถียงติรกาไม่ออก
“แม่ยืนยันว่าพ่อของแกคือพ่อนพ แต่ถ้าแกจะไม่เชื่อแม่ก็ตามใจ!”
มัทรีไม่พูดอะไรแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที ติรกาเห็นอาการลูกสาวแล้วยิ่งกลุ้มใจ เตือนใจเข้ามาจับมือติรกาไว้ก่อนจะพูดกับลูกสาว
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะติ แต่คนไม่ยอมรับความจริงจะทรมานจนตาย”
“แล้วแม่จะให้หนูทำยังไง เค้าคือผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบ เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว รชานนท์คือคนที่ทำลายชีวิตหนู”
ติรการ้องไห้แล้วโผกอดเตือนใจ เตือนใจลูบหัวปลอบใจติรกา
“เค้าอาจจะทำลายชีวิตลูก... แต่เค้าให้สิ่งที่มีค่ามากที่สุดนะลูก” เตือนใจบอก
“หนูรู้ค่ะ... ยายมัทคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตหนู แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง... พ่อคนเดียวของยายมัทคือหมอนพ”
มัทรียืนแอบฟังอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนติรกา เธอถึงกับอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
สมภพทุบโต๊ะในบ้านด้วยความโมโห
“โธ่เว้ย! มีคู่แข่งเป็นวิญญาณหมอนพก็ยากจะตายอยู่แล้ว ยังจะมีแฟนเก่าโผล่หน้ามาอีก”
“ไม่ใช่แฟนครับอา พ่อน้องมัท ก็อดีตสามีคุณอาติเหมือนกันนะอา” ธงฉานบอก
“ติรกายังไม่ยอมรับ พวกมันอาจจะวางแผนมั่วก็ได้” สมภพกังวล
“ตามสายตาคนฉลาดอย่างผม มีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้สูงมากเลยนะครับถ้าอาดูไม่ออกแสดงว่าอาโง่นะครับ”
“อืม..” สมภพนึกได้ “เว้ย ไอ้ธงฉานนี่แกเคารพฉันหรือเปล่าว่ะเนี่ย”
“เคารพเป็นช่วง ๆ ครับ” ธงฉานตอบ
สมภพมองธงฉานอย่างเซ็งๆ ทันใดนั้นทรงสุดาก็เข้ามาหาสมภพ
“คุณคะ... วันนี้ที่แบงค์โทรมาหลายครั้งเลยค่ะ”
“โทรมาเรื่องอะไร? ทำไมเธอไม่ให้โทรเข้ามือถือฉัน” สมภพถาม
“คือ... โทรมาเรื่องค่างวดที่ค้างชำระค่ะ”
“โอ๊ะ! เรื่องหนี้ท่าจะยาว ผมขอตัวนะครับ”
ธงฉานยกมือไหว้ลาสมภพกับทรงสุดาแล้วรีบหนีออกไปทันที
สมภพหันมาตวาดทรงสุดา
“จะพูดเรื่องหนี้ต่อหน้าคนอื่นทำไม! อยากให้ฉันอายนักเหรอ”
“ฉันขอโทษค่ะ... พอดีทางแบงค์เร่งให้คุณรีบจ่ายภายในวันสองวันนี้”
“ฉันไม่จ่าย!” สมภพยืนยันแล้วลุกจะเดินหนี แต่ทรงสุดาเดินตามไป
“แต่ถ้าคุณไม่รีบจ่าย บัญชีจะโดนแบล็คลิสต์ได้นะคะ”
สมภพได้ยินยิ่งหงุดหงิดจึงกระชากตัวทรงสุดาเข้ามาแล้วพูด
“เงินหลักล้านนะ ไม่ใช่ร้อยสองร้อย! หรือเธอมีปัญญาจ่าย?”
ทรงสุดาตอบอย่างกลัวๆ “ไม่มีค่ะ”
สมภพเหวี่ยงทรงสุดาล้มไปชนกำแพง
“ถ้าช่วยหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ก็อยู่เฉยๆ อย่าพูดมาก”
ทรงสุดาขยับตัวจะลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกเจ็บที่ศีรษะ เธอเอามือจับดูก็เห็นว่ามีเลือดออก ทรงสุดาร้องไห้เพราะตกใจและทำอะไรไม่ถูก สมภพมเห็นเช่นนั้นก็อึ้งไป
“นั่งบื้อทำไม เลือดออกก็ไปทำแผลสิ”
สมภพส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินออกไปทันที ทรงสุดานั่งร้องไห้เพราะเจ็บใจมากกว่าเจ็บแผลขอตัวเอง
เช้าวันใหม่ แก้วกับสามีกำลังดูโมเดลตัวอย่างสระว่ายน้ำและห้องสปาอยู่ที่รีสอร์ทของเธอ
“คุณแก้วอยากแก้แบบตรงไหนรึเปล่าครับ?” วันรบถาม
“แก้วอยากรอให้คุณรชานนท์มาดูแบบด้วยน่ะค่ะ อยู่ครบคนดีกว่าจะได้สั่งงานทีเดียว”
“ใช่ครับ... รอน้องมัทรีด้วย จะได้ไม่ต้องสั่งงานหลายรอบ” สามีแก้วบอก
วันรบกับพชรยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะตอบพร้อมกัน “ครับ... รอก็รอครับ”
วันรบกับพชรรีบหันหลังให้แก้วกับสามีทันที
พชรกระซิบ “ตกลงคู่นี้รักกันจริงเปล่าวะ? ภรรยาถามหาแต่ไอ้นนท์ สามีก็ถามถึงแต่น้องมัท”
วันรบกระซิบตอบ “ช่างเถอะพี่... แต่มัทกับป๋าหายไปไหนพร้อมกัน”
“ไอ้คุณน้องนนท์ไปทำแผลที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม”
“ป๋ายังต้องทำแผลทุกวันอีกเหรอ?”
“ไม่รู้ให้พยาบาลทำแผล หรือไปทำแผลใจให้พยาบาล”
ทันใดนั้นรชานนท์ก็ยื่นหน้าเข้ามาแทรกกลาง “ไปให้พยาบาลทำแผลครับคุณพี่เขย”
“เออดีๆ นึกว่าไปติดพยาบาลซะอีก” พชรตอบแล้วก็นึกได้ “เฮ้ยไอ้นนท์! มาเมื่อไหร่”
“เมื่อกี้... วันนี้มัทไม่มาทำงานอีกเหรอ?” รชานนท์ถาม
“ครับ... ผมโทรไปก็ปิดเครื่อง ถามยายก็บอกว่ามัทไม่สบาย”
“อาการหนีหน้าคนชัดๆ... น้องมัทคงช็อคอยู่มั้ง ที่อยู่ๆพ่อปลาไหลลื่นปรื๊ดอย่างไอ้นนท์มาอ้างว่าเป็นพ่อ”
พชรบอก รชานนท์นิ่งไป
ทันใดนั้นมือถือของวันรบก็ดังขึ้น วันรบรับสาย
“ว่าไงครับยาย..” วันรบอึ้ง “ให้ไปทุกคนเลยเหรอครับ?”
วันรบมองหน้ารชานนท์กับพชรอย่างอึ้งๆ
รชานนท์ วันรบ และพชรเดินเข้ามาที่โรงงานโอ่งแม่เตือนใจ อีกด้านหนึ่ง ติรกา พุทรา สมภพและธงฉานก็เดินเข้ามาที่โรงงานเช่นกัน ทั้งหมดเดินมาประจันหน้ากันแล้วก็จ้องตากันอย่างไม่กระพริบ
ทันใดนั้นเตือนใจก็โผล่เข้ามากลางวงแล้วมองทุกคนอย่างงงๆ
“ยืนตากแดดกันทำไม? ไม่ร้อนเหรอ?”
ทุกคนชะงักแล้วมองไปที่เตือนใจก่อนที่ทุกคนจะยิ้ม
“ร้อน!” ทุกคนตอบพร้อมกัน
“เออ!ร้อนแล้วก็ยังยืนกันเนอะ! ไปเข้าไปในบ้าน” เตือนใจชวน
ทุกคนเข้ามานั่งในห้องรับแขกของบ้านเตือนใจ
“บ้านฉันเล็กไป หรือพวกเธอมากันเยอะไปเนี่ย” เตือนใจแซว
“ก็คุณเตือนบอกให้ตามทุกคนนี่คะ เลยโทรเรียกหมดเลย” พุทราบอก
ธงฉานเห็นคนอยู่เยอะก็รีบพูดสร้างภาพให้ตัวเอง
“เรื่องสำคัญแล้วตามผมกับคุณอามาด้วยแบบนี้ แสดงว่าน้องมัทเห็นผมเป็นคนในครอบครัวแล้วแน่ๆ...น้องมัทของผม”
รชานนท์ ติรกา เตือนใจและพุทราหันไปมองธงฉานด้วยสายตาดุ “ของใคร!”
“อุ๊ย” ธงฉานตกใจ
สมภพชี้รชานนท์ “แล้วคุณมาห่วงอะไรยายมัทไม่ทราบ”
“ก็ลูกสาวผม” รชานนท์ตอบ
ติรการีบแย้ง “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่!”
ทันใดนั้นเสียงรถสกายแล็บของเตือนใจก็ดังขึ้นเพราะรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน
“เลิกเถียงกันได้แล้ว ยายมัทมาแล้วล่ะ” เตือนใจบอกทุกคน
“นี่แม่ให้ยายมัทขับเศษเหล็กของแม่ไปข้างนอกเหรอ” ติรกาถาม
“ไม่ได้ให้ มันขับออกไปเอง”
“คุณมัทขับสกายแล็บเป็นเหรอคะ?” พุทราแปลกใจ
“ควายยังขี่เป็นเลยครับ ควบกรับๆ ๆ เลย ผมเห็นแล้วน่ารักอ่ะ” วันรบบอก
ติรกาหันขวับมามองวันรบ วันรบชะงักแล้วยิ้มแหย
ประตูบ้านเปิดทุกคนหันไปมอง มัทรีเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีนิ่งๆ วันรบลุกไปหามัทรีด้วยความเป็นห่วง “มัท”
พชรกับพุทรารีบคว้าตัววันรบไว้
“ลูกเรียกทุกคนมามีอะไร?” ติรกาถาม
มัทรีส่งเอกสารของโรงพยาบาลให้ติรกา
“ผลตรวจดีเอ็นเอของหนูกับป๋าค่ะ”
ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน
“มัทรู้ว่าป๋าไปทำแผลที่โรงพยาบาลทุกวัน มัทเลยให้เพื่อนช่วยเก็บตัวอย่างเลือดของป๋ากับเลือดของมัทไปตรวจ ผลออกมายืนยันว่ามัทเป็นลูกของป๋า” มัทรีพูด
ติรกายืนนิ่งน้ำตาคลอเพราะพูดอะไรไม่ออก ทุกคนมองหน้ากันอย่างอึ้งๆ
มัทรีมองหน้าติรกาอย่างผิดหวังเสียใจก่อนจะพูดกับแม่ตัวเองทั้งน้ำตา
“แม่ได้ยินมั้ยคะว่ามัทเป็นลูกของป๋า! เป็นลูกของผู้ชายที่ชื่อรชานนท์! ไม่ใช่พ่อนพ!”
มัทรีร้องไห้โฮแล้ววิ่งขึ้นบ้านไป
“มัท... มัท!” วันรบพยายามเรียก
วันรบจะตามไปแต่เตือนใจรั้งเอาไว้ก่อนจะส่ายหน้าบอกไม่ให้เขาตามไป ติรกาแทบล้มทั้งยืน เธอหมดแรงทรุดลงนั่งที่โซฟาและพูดอะไรไม่ออก ทุกคนมองมาที่ติรกา
ติรการู้ว่าตัวเองกำลังจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงรีบไล่ทุกคนออกไปจากบ้านทันที
“ออกไปให้หมด! ออกไป”
พุทรารีบดันทุกคนออกไปจากบ้าน แล้วติรกาก็เริ่มร้องไห้ออกมาเตือนใจเข้าไปกอดติรกาไว้แน่น
ทุกคนเดินออกจากบ้านเตือนใจแล้วตรงกลับไปที่รถ ทุกคนยังคงอึ้งกับเรื่องที่มัทรีเป็นลูกของรชานนท์อยู่ รชานนท์กับวันรบได้แต่นิ่งเงียบ แต่พชรกลับดีใจออกนอกหน้า
“ไอ้นนท์เป็นพ่อน้องมัท ฉันต้องเรียกน้องมัทว่าหลานมัทแล้วนะฟังแล้วอบอุ๊บอบอุ่น ครอบครัวสุขสันต์” พชรหันไปดีใจกับวันรบ “คราวนี้แม่ไม่ยกลูกสาวให้ ก็เปลี่ยนมาขอจากพ่อซี้ของแกก็ได้วะ”
พชรตบไหล่รชานนท์แสดงความดีใจ
“ ดีใจด้วยที่ความจริงวันนี้ ทำให้แกมีลูกสาวน่ารักอย่างน้องมัท”
รชานนท์สะบัดไหล่ออกจากมือพชรแล้วเดินไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตางุนงงของพชร
“ไอ้นนท์มันไม่ดีใจที่ได้ลูกสาวเหรอวะ” พชรถามวันรบ
“ผมรู้แค่มัทคือคนที่เสียใจเพราะถูกโกหกมาตลอดชีวิต” วันรบพูดแล้วเดินหนีไปด้วยความเป็นห่วงมัทรี
“บ้ากันทั้งพ่อตาลูกเขย..เฮ้อ” พชรถอนใจ
รชานนท์ยืนอยู่ริมทะเลสาบในสวนสาธารณะ แม้บรรยากศจะร่มรื่นแต่สีหน้าของเขากลับเครียดขึง
รชานนท์นึกถึงคำพูดของรติกา
“ความจริงมันตายไปตั้งแต่วันที่ยายมัทเกิด มัทรีลูกสาวฉันมีพ่อคนเดียวคือหมอนพเท่านั้น”
รชานนท์รู้สึกเจ็บปวดและน้อยใจติรกา แล้วเขาก็นึกถึงตอนที่มัทรีเอาผลตรวจดีเอ็นเอมาให้ทุกคนดู เขาถึงกับเครียด สับสน และไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
ติรกาเดินวนไปวนมาอยู่ตรงบันไดบ้านเตือนใจด้วยความไม่สบายใจ สักพักพุทราก็เดินออกจากห้องมัทรีแล้วลงบันไดมา ติรการีบปรี่เข้าไปถามทันที
“ยายมัทว่าไง”
พุทราส่ายหน้า “คุณมัทขออยู่คนเดียวค่ะ”
ติรกาว้าวุ่นใจจนเริ่มสติแต
“ยายมัทต้องโกรธหนูมาก แล้วถ้าลูกไปถามความจริงจากรชานนท์ จนถูกล้างสมองให้เกลียดหนู ไม่... หนูจะไม่ยอมให้รชานนท์แย่งยายมัทไปเด็ดขาด”
“ใจเย็นก่อนแม่ติ คิดมากไปกันใหญ่แล้ว” เตือนใจปรามลูกสาว
ติรกาเศร้า “หนูอยากคุยกับลูก อยากอธิบาย อยากพูดความจริงทุกอย่าง”
“ตอนมีโอกาสก็ไม่เคยคิดจะพูด”
พุทราหลุดปากพูด จนติรกาค้อนขวับด้วยความไม่พอใจ พุทรายิ้มแหยแล้วรีบทำมือรูดซิปปากทันที
“แม่พุทราพูดถูก ตอนนี้แกต้องเป็นฝ่ายรอบ้าง” เตือนใจบอก
“รอ ๆ ๆ แม่รู้มั้ยว่าหนูกลุ้มจนอกจะระเบิดอยู่แล้ว” ติรกาอึดอัด
“แกกลุ้มเพราะการกระทำของตัวเอง แต่คนที่เจ็บปวดและเสียใจจากการกระทำของแกคือยายมัท”
เตือนใจถอนใจแล้วชำเลืองมองขึ้นไปบนห้องด้วยความเป็นห่วงหลานสาว ส่วนติรกาเครียดและรู้สึกไม่สบายใจ
มัทรีนั่งมองผลตรวจดีเอ็นเออยู่ในห้อง เธอร้องไห้เสียใจที่ถูกแม่ของตัวเองโกหกมาตลอด
เสียงมัทรีขณะพูดกับติรกาทั้งน้ำตาแวบขึ้นในหัวของเธอเอง “แม่ได้ยินมั้ยคะว่ามัทเป็นลูกของป๋า! เป็นลูกของผู้ชายที่ชื่อรชานนท์! ไม่ใช่พ่อนพ!!”
มัทรียิ่งนึกก็ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น มัทรีหันไปมอง เห็นชื่อหน้าจอเป็นวันรบ
มัทรีนิ่งมองโทรศัพท์จนสายตัดไปเอง สักพักวันรบก็โทรเข้ามาใหม่ มัทรีตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นทำท่าเหมือนจะรับแต่ก็ปล่อยให้สายตัดไปอีก จนมี SMS เข้ามา เธอเปิดอ่านข้อความ
“ผมอยู่เคียงข้างมัทเสมอ เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะรบ” มัทรีพึมพำแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพรากด้วยความซาบซึ้ง แต่ก็ยังเจ็บปวดใจเกินกว่าจะเจอหน้าใครในตอนนี้
สมภพก้าวลงจากรถที่แล่นมาจอดหน้าบ้านตัวเอง เขาปิดประตูรถเต็มแรงด้วยความโมโห ธงฉานวิ่งอ้อมมาแล้วเข้าไปลูบคลำรถเพราะกลัวเป็นรถบุบสลาย
“ทำไมยัยมัทรีดันกลายเป็นลูกไอ้รชานนท์จริงๆ วะ” สมภพหงุดหงิด
ธงฉานคร่ำครวญ “คนลูกก็ถูกไอ้รบเจ๊าะไข่แดง คนแม่ก็เคยโดนไอ้รชานนท์เทคคอร์สโทต๊อง ... เค้าเรียกว่าเสียทั้งขึ้นทั้งล่องใช่มั้ยครับอา”
สมภพหันไปตบบ้องหูธงฉานด้วยความโมโห
“โอ๊ย !” ธงฉานร้องเสียงหลง
“แกจะพูดให้ฉันแค้นทำไมวะ”
“ก็โอกาสตกโอ่งข้าวสารของเรามันริบหรี่ จนไม่เห็นทางแล้ว อ๊า...”
สมภพเงื้อหลังมือจะฟาดซ้ำ ธงฉานผวาหลบ สมภพจึงยั้งมือไว้แล้วพูด
“ฉันจะต้องจับติรกาให้อยู่ คนอย่างสมภพไม่วันยอมแพ้”
“แต่เค้าเป็นผัวเมียเก่า เป็นพ่อแม่ลูกกันนะครับ” ธงฉานบอก
“ไอ้รชานนท์มันเป็นแค่อดีต แต่ฉันคือปัจจุบันของติรกา”
แววตาของสมภพทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งมุ่งมั่น ทรงสุดาที่แอบฟังอยู่ไม่ไกลถึงกับเศร้าใจ
มัทรีเดินลงมาจากห้องด้วยความเศร้า แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นติรกานอนฟุบอยู่ตรงโซฟา ขณะที่เตือนใจและพุทราช่วยกันยกข้าวต้มออกมาวางบนโต๊ะ
เตือนใจหันมาเห็นหลานสาวก็รีบชวน “ยายมัท..มาทานข้าวสิลูก”
“ยายมัทเหรอคะ อยู่ไหนคะ” ติรกาได้ยินก็สะดุ้งตื่น แล้วหันไปเจอมัทรียืนตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
ติรกาจะลุกไปหา “มัท”
มัทรีรีบบอก “มัทไม่มีอะไรจะคุยกับแม่”
“แม่ขอโทษ” ติรกาเอ่ย
“แม่หลอกมัทตั้งแต่เกิด ขอโทษตอนนี้ไม่สายไปหน่อยเหรอคะ”
ติรกาอึ้งและพูดอะไรไม่ออก
แล้วภาพในอดีตผุดขึ้นในหัวของติรกา
รชานนท์กับติรกาในชุดนักศึกษา กำลังไล่ดูผลการสอบอยู่ที่บอร์ดในมหาวิทยาลัย ติรกาชี้ผลการสอบที่รชานนท์สอบได้อันดับหนึ่งให้เขาดู รชานนท์และติรกากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“แม่เล่าให้มัทฟังเสมอว่าพ่อเป็นคนเก่ง มุ่งมั่น ไฟแรง” มัทรีพูดขึ้น
ภาพในอดีตที่คอนโด รชานนท์เป็นผื่นแดงและคันตามตัว เขาเลือกขนมและอาหารที่มีส่วนผสมของนมวัวในตู้ไปทิ้งถังขยะ
“มัทแพ้นมวัว และชอบดื่มน้ำส้มเหมือนพ่อ” มัทรีพูดต่อ
ติรกาคั้นน้ำส้มแล้วเดินมาให้รชานนท์ รชานนท์รับไปดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
ภาพในอดีต ติรกายืนยิ้มอยู่ที่สวนริมน้ำ รชานนท์แอบย่องมาด้านหลัง แล้วยื่นดอกกุหลาบให้ ติรกายิ้มแล้วรับดอกกุหลาบ เธอหันไปกอดรชานนท์อย่างมีความสุข
“แม่บอกว่ารักพ่อมาก และไม่มีใครมาแทนที่พ่อได้” มัทรีบอก
ภาพในอดีต ติรกาพามัทรีในวัยเด็กมากราบรูปหมอนพ แล้วก็เล่าเรื่องพ่อให้มัทรีฟัง
“แม่เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับพ่อให้มัทฟังมาตั้งแต่จำความได้ ทำให้มัทเชื่อมาตลอดว่า คนที่มัทเคารพกราบไหว้ทุกวันคือพ่อแท้ ๆ” มัทรีพูดต่อ
มัทรีในวัยเด็กยิ้มมองรูปหมอนพด้วยความภาคภูมิใจ
อ่านต่อตอนที่ 7 พรุ่งนี้