ฉันรักเธอรัก ตอนที่ 6
ตอนสายๆ ของวันใหม่...สังวรณ์นั่งเอกเขนกร้องเพลงเกาหลีอย่างสบายใจอยู่ในห้องเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
วราพรรณเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“มาก็ดีแล้ว เรื่องที่ให้ไปสืบเกี่ยวกับยูกิเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ฉันลองค้นประวัติยูกิดู แล้วก็เห็นว่ายูกิมีตำหนิเป็นปานรูปพระจันทร์ที่หน้าอกข้างซ้ายค่ะ”
“สืบได้แค่นี้เนี่ยนะ ไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย”
“ก็ถ้าคุณซังวอนสงสัยยูกิว่าอาจจะเป็นตัวปลอม ตำหนิก็สำคัญนะคะ”
สังวรณ์อึ้งไป
“อืม...ก็จริง ฉลาดนะเนี่ย”
“เพียงแต่ฉันยังพิสูจน์ให้ไม่ได้ เพราะยูกิเขาคิวแน่นมาก แล้วเขาคงไม่ยอมให้นักข่าวอย่างฉันเข้าถึงตัวง่ายๆแน่ๆ”
สังวรณ์ยิ้มพอใจ
“ได้...งั้นเรื่องนี้ฉันจัดการต่อเอง”
“เอ่อ คุณซังวอนคะ ฉันขอถามอะไรหน่อย”
“ว่า”
“ทำไมคุณถึงสงสัยว่ายูกิเป็นตัวปลอมละคะ เพราะแค่ว่าเขาอ่านภาษาไทยได้ก็ไม่น่าจะฟันธงได้ขนาดนั้น เพราะเขาอาจจะเรียนเพิ่มเติมก็ได้”
“หึหึ คุณน่ะ ยังเป็นนักข่าวกระจอกๆ ไม่รอบรู้เหมือนผม”
วราพรรณงงๆที่อยู่ๆก็ถูกด่า
เป็นไทนั่งอยู่หัวโต๊ะในห้องประชุม องอาจกับนับดาวนั่งอยู่คนละข้างของเขา ส่วนพนักงานนั่งฟังอยู่ถัดๆไป ป็นไทมองนับดาวยิ้มหวานให้ นับดาวหลบตาไม่กล้ามอง
“เอาล่ะ ที่ผมเรียกทุกคนมาวันนี้ อยากจะมาคุยเรื่องของการมีทแอนด์กรี๊ดของคุณยูกิ เพราะว่าทั้งจดหมายที่เข้ามาจากแฟนคลับ และเว็บบอร์ดของบริษัทเรา มีหลายคนเหลือเกินเรียกร้องให้มีการมีทแอนด์กรี๊ด แล้วเราก็พิจารณาแล้วว่ามันให้ประโยชน์กับเราในทุกๆด้าน แล้วตอนนี้ก็มีสปอนเซอร์มาจ่อคิวพร้อมจะสนับสนุน”
“ก็ดีนะสิครับ”
“แล้วคุณยูกิล่ะ ว่ายังไงครับ”
“ว่ากันยังไง ฉันก็ว่าตามนั้นแหละค่ะ”นับดาวตอบส่งๆไป เพราะไม่รู้จัพูดยังไง
เป็นไทสงสัย
“จะไม่มีความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอครับ เช่นจัดที่ไหน รูปแบบกิจกรรมมีอะไรบ้าง”
“พวกคุณว่ายังไงดี ฉันก็ว่าดีหมดแหละค่ะ”
องอาจออกความเห็น
“เป็นไปได้ว่าตอนนี้คุณยูกิจังอาจจะยังคิดอะไรไม่ออก เดี๋ยวค่อยคุยกันนอกรอบก็ได้ครับ”
นับดาวได้แต่ยิ้มๆ ไม่กล้าสบตาเป็นไท
สังวรณ์ยังคงเดินคุยอวดภูมิอยู่ในออฟฟิศกับวราพรรณ
“คุณรู้มั้ย พวกดาราฮอลลีวู้ดดังๆน่ะ เขามีดับเบิ้ลแคสทุกคน อ๋อ คุณอาจจะไม่ค่อยฉลาดด้านภาษา ผมจะแปลให้ว่า ดับเบิ้ลแคสคือนักแสดงหน้าเหมือนไว้เล่นในฉากที่ไม่สำคัญ ที่ไม่ต้องใช้ความสามารถ หรือต้องเสี่ยงตาย อะไรแบบนั้น”
วราพรรณเซ็งๆที่ถูกด่า
“ค่ะ”
“แม้กระทั่งประนาธิบดีอเมริกาเนี่ย เขาก็ต้องมีดับเบิ้ลแคส สำหรับสถานที่ที่เสี่ยงชีวิตในการถูกลอบยิง ผมเข้าใจ ที่คุณจะไม่รู้ เพราะว่าไม่ได้รับสื่อต่างประเทศ อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ผมไม่ว่าคุณหรอก”
วราพรรณเซ็ง บ่นเบาๆ
“นี่ขนาดไม่ได้ว่าจะเนี่ย”
“ยูกิเนี่ยก็เป็นระดับซุปเปอร์สตาร์ของญี่ปุ่น งานเยอะมาก คิวเอี้ยดไปหมด แล้วจะมาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทย มันเป็นไปได้ที่เขาอาจจะให้ดับเบิ้ลแคสมาแทนก็ได้ ประเทศเราเป็นประเทศเล็ก แล้วยิ่งไอ้เป็นไท ไม่ได้เก่งเลย ไม่มีฝีมือ จัดการไม่เป็น เขาเจอคนดิวงานแบบ ไม่โปรเฟสชันนอลอย่างงี้ เขาอาจจะไม่ไว้ใจปล่อยตัวจริงมา”
“ค่ะ แต่คุณสังวรณ์อาจจะคิดมากไปก็ได้นะคะ”
“นี่ตกลงคุณยังไม่เข้าใจเรื่องดับเบิ้ลแคสใช่มั้ย งั้นผมอธิบายใหม่อีกรอบ”
“เข้าใจแล้วค่ะ รายการคนหน้าเหมือนดาราบ้านเราก็มีให้ดู”
“แล้วไหนปกหนังสือนินทาดารา ที่เป็นภาพปาปารัชชี่ผมกับยูกิ พิมพ์เสร็จแล้วรึยัง”
วราพรรณยื่นนิตยสารนินทาดาราให้สังวรณ์ หน้าปกเป็นปาปารัชชี่ สังวรณ์กับยูกิ ดูหนุงหนิง พาดหัวตัวใหญ่ว่า “ดารายุ่นคัน ควงเจ้าของหนังสือหัวดังกินข้าวในที่ลับตา” สังวรณ์อ่านแล้วยิ้ม
“แรงดี ผมชอบ นี่แหละจะทำให้เราไม่ต้องไปตามหายูกิที่ไหน”
สังวรณ์เอานิตยสารมาแนบอก
ในห้องน้ำชายของตึก เป็นไทล้างมือในห้องน้ำ แล้วเงยหน้ามองกระจกอมยิ้ม มีความสุข นึกถึงนับดาวตาเป็นประกาย
“...ตอนประชุมเขายิ้มให้เราด้วย เขาต้องมีใจให้เราแน่”
ขณะเดียวกัน ชายหนวดอย่างแมนดูเข้มมาก เดินเข้ามาในห้องน้ำ เหลือบมองเห็น เป็นไทยิ้มหวานในกระจก แล้วนึกว่ายิ้มให้ตัวเอง ชายหนวดชะงัก อึ้ง
“ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเห็นใครเหมือนคุณเลย”เป็นไทยังเคลิ้ม
ชายหนวดยิ่งอึ้ง เหลียวมองรอบๆไม่เห็นใครสักคน ชายหนวดเอานิ้วชี้ที่ตัวเอง เป็นไทอยู่ในความเพ้อของตัวเอง ส่งยิ้มหวานยักคิ้วแพล่บๆไปไม่ได้ตั้งใจ ชายหนวดอึ้งตะลึง เป็นไทพูดกับกระจกเหมือนพูดกับนับดาว
“รักนะ จุ๊บๆ”
ชายหนวด นึกว่าเป็นไทบอกรักตัวเองจริงๆ ส่ายหน้าเหมือนรับไม่ได้ แล้วกลับกริ๊ดสาวแตก…
“มะ ไม่นะ ไม่ปฏิเสธ อ๊ายยยย...ที่รักขา!!”
ชายหนวดวิ่งเข้าไปกอดเป็นไท
“เฮ้ย พี่อะไรอ่ะ”
เป็นไทสะดุ้งตกใจแล้วรีบผลักชายหนวดออก ชายหนวดไม่ยอมปล่อย”
“ไม่ต้องเขินน่า ตะเอง ดาวก็รักคุณค่ะ จุ๊บๆ”
เป็นไทปล่อยหมัดเข้าหน้าแล้วรีบวิ่งออกไป ชายหนวดร้องตามเป็นไท
“คนใจร้าย!! คุณหลอกดาว ...”
เป็นไท วิ่งเข้ามาหลบพักเหนื่อยพิงผนังด้านหนึ่ง
“อ๊อยย ผมไม่ได้เบี่ยงเบน ผมแค่ไม่รู้จะบอกรักเขายังไง”
เป็นไทคิดๆ แล้วหยิบมือถือออกมา
“เอาอย่างนี้ดีกว่า จะได้ไม่เขิน”
เป็นไทกดพิมพ์คำว่า
“ยูกิ ผมรักคุณ”
เป็นไทอมยิ้ม ทำท่าจะกดส่ง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ...
“กล้ารัก ก็ต้องกล้าบอกสิ มันถึงจะแมน...”
เป็นไทเปลี่ยนใจใหม่ มองออกไปอย่างฮึกเหิม
องอาจเดินมาเห็นพนักงานกำลังซุบซิบดูข่าวอะไรบางอย่าง เลขาถือหนังสือนินทาดาราของสังวรณ์ เข้ามาถาม องอาจ
“คุณองอาจเห็นข่าวนี้หรือยังคะ”
องอาจรับหนังสือมาดูเห็นว่าเป็นหนังสือนินทาดารา เป็นรูปคู่ยูกิกับสังวรณ์ ก็ไม่พอใจ
“ถ้าทางญี่ปุ่นเห็นข่าวนี้เราพังหมดแน่...” องอาจหันไปถาม “แล้วคุณเป็นไทรู้เรื่องนี้หรือยัง”
“คิดว่ายังค่ะ”
“งั้นอย่าเพิ่งบอกให้คุณเป็นไทรู้ เดี๋ยวจะโกรธบก.หนังสือ จนเป็นเรื่องขึ้นมาอีก”
“ค่ะ แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีค่ะ คุณองอาจ”
“ทำตามที่ผมบอกก็พอ เรื่องอื่นผมจัดการเอง”
องอาจมองออกไปมีแผนอยู่ในใจ
วราพรรณรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นที่โต๊ะทำงาน
“ตอนนี้คุณสังวรณ์ไม่ว่างรับสาย ฉันเป็นผู้ช่วยเขามีธุระอะไรคะ”
“ผมอยากให้คุณเก็บหนังสือทั้งหมดออกจากแผง ไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องคุณ”
“เดี๋ยวก่อนคุณ อะไรมาถึงก็ใส่เป็นชุด มันเรื่องอะไรกัน”
“ก็เรื่องหนังสือเล่มใหม่ของคุณ ที่ลงข่าวทำลายชื่อเสียงยูกิ”
วราพรรณนึกๆเสียงคุ้นหูมาก
“คุ้นๆแฮ่ะ...” เธอนึกได้ “นายเกย์เฒ่า!”
“อะไรนะ คุณว่าอะไร ฮ้า”
วราพรรณรีบเปลี่ยน
“เปล่าๆนี่ ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณ แล้วหนังสือของเราก็ไม่ได้ไปทำลายชื่อเสียงซุปตาของคุณด้วย”
“เฮอะ นี่คุณคิดว่าการเป็นข่าวกับบก.ของคุณเป็นเรื่องดีต้องปิดถนนเลี้ยงโต๊ะจีนงั้นสิ”
“ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นแล้วก็ไม่ได้คิดด้วยว่าเป็นเรื่องเสียหาย”
“พาดหัวตัวโตบอกว่าคันแถมไปกินกันในที่ลับตานี่เหรอไม่เรื่องเสียหาย”
“อ่านให้จบสิ ฉันเขียนชัด ๆ บอกว่าไปกินข้าว ไม่ใช่กินอย่างอื่น”
“แล้วคนที่ผ่านไปผ่านมาเขาจะรู้มั้ย”
“ถ้าเขาอยากรู้ก็ต้องซื้ออ่าน”
“พูดเอาแก่ได้ ถ้าคุณไม่เก็บหนังสือออกจากแผงผมจะฟ้องคุณ”
“ถ้าให้เก็บหนังสือก็จ่ายค่าเสียหายมาล้านนึง”
“พูดอย่างนี้มันขู่กรรโชกกันชัด ๆ”
“งั้นก็เชิญขี้ม้าสามศอกไปฟ้องศาลเลย”
วราพรรณกระแทกหูโครม องอาจยิ่งโมโห
“นี่กล้ากระแทกหูใส่ผมเหรอ”
วราพรรณหยิบขึ้นมาตอบ
“เออ”
วราพรรณกระแทกหู
“ทำให้อารมณ์เสียแต่วันเลย ไอ้เกย์บ้า”
องอาจบ่นด้วยความเจ็บใจ
“ผู้หญิงอะไร กวนประสาทเหมือนยาย ทอมใจโหด นั่นไม่มีผิด” องอาจชะงักนึกได้ แล้วเปลี่ยนใจ “ฮึ ไม่มีทางเป็นไปได้ ทอมข้าวกล่องอย่างนั้นไม่น่ามีความรู้พอเป็นรองบอกอ ได้หรอก”
เป็นไทฮัมเพลงรักอย่างอารมณ์ดี เข้ามาในห้อง พร้อมออกเสต็ปเต้น อย่างหลุดฟอร์มแล้วทำมือบอกรักส่งจูบ โดยไม่รู้ว่าแพรวไพลินอยู่ในห้องด้วย เสียงแพรวไพลินดังแหวกอากาศขึ้นมา
“มีความสุขจริงๆนะคะ ยังกับคนมีความรักแน่ะ”
แพรวไพลินที่นั่งหันหลังอยู่ตรงเก้าอี้ทำงานเป็นไท หันหน้ามา เป็นไทตกใจหน้าถอดสี
“แพรวเข้ามาในห้องพี่ได้ไง”
“มุดมาตามท่อแอร์มั้งคะ ทำไมเห็นแพรวแล้วต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีด้วย”
“อยากรู้จริงเปล่า”
“พูดให้ดี ๆ นะคะ อย่าลืมนะคะพี่ไทเป็นหนี้แพรวอยู่”
เป็นไทโกรธ
“พี่รู้แล้วไม่ต้องมาย้ำ”
“งั้นพี่ก็ช่วยทำตามสัญญาที่ให้แพรวด้วย ทำหน้าที่เป็นแฟนที่ดีระหว่างที่พี่ยังหาเงินมาใช้แพรวไม่สำเร็จ”
“แล้วที่พี่ทำยังไม่เรียกว่าแฟนที่ดีอีกเหรอ”
“พี่อย่ามาถามแพรวเลยค่ะ แต่พี่ควรตอบตัวเองให้ได้ดีกว่าว่า การทิ้งแฟนตัวเองไว้ข้างถนนอย่างที่พี่ทำ เขาเรียกว่าอะไร”
“ก็วันนั้นแพรวเอารถ จะให้พี่ไปส่งอีกทำไม”
“ไม่ใช่เพราะใช้แพรวประชดยูกิเสร็จแล้วก็เฉดหัวทิ้งเหรอคะ”
“พี่ไม่ได้พูดแต่แพรวคิดไปเอง”
“งั้นพี่ก็ปฏิเสธสิคะว่าไม่จริง”
เป็นไทอึ้งไป แพรวไพลินน้อยใจ
“แพรวถามพี่จริงๆเถอะค่ะ แพรวมีอะไรดีสู้ยัยยูกิไม่ได้”
“จะให้พี่ตอบจริงๆ ใช่มั้ย”
“จากใจเลยค่ะ”
“นิสัยมั้งครับ”
เป็นไทพูดนิ่มๆ ขาดคำแพรวไพลินตบหน้า เผี๊ยะ! ก่อนจะถามกลับนิ่ม ๆ
“อีกทีสิคะ แพรวได้ยินไม่ถนัด”
เป็นไทจะพูดแต่ไม่อยากมีเรื่องอีก หาทางเบี่ยงเบนประเด็น ทำเป็นเห็นพ่ออยู่ข้างหลังแพรวไพลิน
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
แพรวไพลินหันไปมองข้างหลัง ไม่เห็นใคร
“ไม่ต้องเอาพ่อแพรวมาขู่”
“เพราะอย่างนี้ไงพี่ถึงทนแพรวไม่ได้”
แพรวไพลินหันกลับหา แต่เห็นเพียง ประตูที่ปิดปัง
“พี่ไท!”
แพรวไพลินเดินไปเปิดประตูตามเป็นไทออกไป
“พี่ไท...พี่ไทจะหนีแพรวอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
แพรวไพลินมองไม่เห็นเป็นไทอยู่ตรงนั้นแล้วก็เจ็บใจ...เป็นไทที่แอบอยู่ตรงซอกโต๊ะด้านหลังแพรวไพลิน เอามือลูบแก้มข้างที่ถูกตบ พึมพำกับตัวเอง
“ใครจะอยู่ให้ถูกตบฟรี ๆ เผ่นล่ะ...”เป็นไทแอบมุดหลบออกไป
องอาจเดินพล่านคิดไม่ตก แล้วหันไปทุบผนัง ระบายอารมณ์
“โธ่เว้ย...แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดี”
องอาจคิดไม่ออก ก่อนจะนึกขึ้นมาได้
“จริงสิ...มีอีกคนที่น่าจะช่วยได้”
แพรวไพลินเดินออกตามหาเป็นไท
“พี่ไท แพรวเลิกเล่นซ่อนหาไปตั้งแต่อายุ 10 ขวบแล้วนะพี่อยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
แพรวไพลินชะเง้อมองไม่เห็นใคร แล้วหันหน้าไปทางลิฟท์พอดีกับที่...ลิฟท์เปิดผัวะออกมา เธอจ๊ะเอ๋กับองอาจ อย่างกะทันหัน ทั้งสอง กริ๊ดลั่นพร้อมกันอย่างตกใจกลัวกันเอง แล้วแพรวไพลินค่อยตวาดขึ้น
“อ๊อยพอได้แล้ว...จะติงต๊องกันทั้งเจ้านายลูกน้องเลยหรือไง”
“โทษครับคุณแพรว”
“หลีกไป”
แพรวไพลินทำท่าจะเข้าลิฟท์ องอาจขยับขวาง
“เอ๊ะ นี่อย่ามากวนฉันได้ไหม ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”
องอาจไม่ยอมถอย จ้องมองเอาจริง
“คุณเป็นไทกำลังเดือดร้อน...ผมขอคุยอะไรกับคุณหน่อยนะครับ”
แพรวไพลินอึ้งชะงักมอง หูผึ่งสนใจขึ้นมา
องอาจกับ แพรวไพลินมาคุยกันที่ มุมรับแขก เธอวางหนังสือนินทาดารา เล่มที่ลงข่าวยูกิกับสังวรณ์ลง แล้วตอบอย่างเย็นชา
“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวกับฉันตรงไหน”
“มันไม่เกี่ยวกับคุณหรอกครับ แต่เกี่ยวกับพ่อคุณ”
“ยังไง”
“พ่อคุณเป็นนักธุรกิจใหญ่ ถ้าช่วยพูดให้ ทางนั้นก็คงจะยอม”
“พ่อฉันคงยอมหรอกนะ”
“ผมถึงขอร้องคุณนี่ไง หรือคุณอยากเห็นแฟนคุณถูกฟ้องล้มละลาย”
“ถ้าพี่ไทคิดว่าฉันเป็นแฟนเขาเหมือนที่คุณคิดก็ดีสินะ”
องอาจงงๆ
“หมายความว่ายังไง”
“ก็เขาหลงนังยูกินั่นจะตาย แล้วอย่างนี้ฉันควรจะช่วยคนที่มันเป็นศัตรูหัวใจฉันมั้ย”
“ผมไม่ได้บอกให้คุณช่วยยูกิ แต่ขอให้คุณช่วยคุณเป็นไท”
“เหรอ งั้นก็ได้ แต่ฉันจะช่วยตามแบบของฉัน ขอตัวนะ”
แพรวไพลินหยิบหนังสือเล่มนั้นเดินออกไปอย่างไม่ใยดี องอาจกลุ้มใจ
นับดาวเดินงุดๆออกจากออฟฟิศ เป็นไทรีบวิ่งตามมา
“เดี๋ยวก่อนครับยูกิ”
นับดาวไม่อยากหยุดแต่ก็ต้องหยุด
“ไปทานข้าวกลางวันกันมั้ยครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันอยากไปซ้อมร้องเพลงมากกว่า”
“แค่แป๊บเดียวเอง ยังไงคุณก็ต้องพักกินข้าวอยู่แล้ว”
“แต่ฉันไม่หิว”
“งั้นก็ไปนั่งเป็นเพื่อนผม”
นับดาวหลุดปาก
“แต่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนนี่”
นับดาวหน้าเสียเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เป็นไทตะลึง
“ห๊า...ว่าไงนะครับ พูดอีกทีซิ”
“พูดอะไร ฉันจำไม่ได้”
“ที่ว่าไม่อยากเป็นเพื่อน”
“เหรอ ฉันพูดอะไรแบบนั้นไปเหรอ”
“รู้มั้ย ภาษาไทยมันหมายความว่าไง”
“ฉันไม่เข้าใจหรอก ฉันก็พูดไปมั่วๆแบบนั้นแหละ”
“ผมก็ว่างั้น คุณคงไม่ได้ตั้งใจให้ความหวังผม”
“คุณพูดแบบนี้ ใครให้ความหวังใครกันแน่”
“นี่คุณพูดอะไรเนี่ยผมงง ผมให้ความหวังอะไร”
“ฉันไม่อยากคุยกับคุณแล้ว”
“แล้วตกลงจะไม่ไปกินข้าวด้วยกันจริงเหรอ”
“ไม่ไป”
“จริงอ่ะ”
“บอกว่าไม่ก็ไม่สิ”
นับดาวจริงจังกับคำพูดตัวเอง
ที่โต๊ะอาหาร นับดาวกินข้าวอย่างคนหิวจัดเป็นไทนั่งมองยิ้มๆ
“แล้วไหนบอกว่าไม่หิว”
“ก็ไม่ได้หิว กินแค่เป็นมารยาทเท่านั้นแหละ” นับดาวหันไปสั่งเด็กเสิร์ฟ “น้อง เอาแบบนี้อีกที่นึง”
“โอเค ไม่หิวก็ไม่หิว”
เป็นไทมองยิ้มเอ็นดู นับดาวเห็นแววตาเขาที่มองดูเธอ ช่างอ่อนโยนเหลือเกิน เธอรีบหลบตาคิดในใจ
‘นี่ไง ที่ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คุณเพราะแววตาแบบนี้ไง’
เป็นไทมองๆ
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ”
นับดาวชะงัก
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันคิด ฉันไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย”
“โอเค ไม่ได้คิดก็ไม่ได้คิด แต่คิ้วขมวดเลยนะ”
นับดาวพยายามคลายคิ้วที่ขมวดของตน แต่มันก็กลับมาขมวดอีกเมื่อเห็นหน้าเขา เป็นไทยื่นมือมานวดระหว่างคิ้วของเธอให้คลาย คนในร้านหันมองนับดาวกับเป็นไทแล้วซุบซิบ บางคนมีนิตยสารนินทาดาราที่วางอยู่บนโต๊ะ บางคนเปิดรูปดูออนไลน์จากมือถือ นับดาวสังเกตเห็นอาการผิดปกติของคนในร้าน เป็นไทมองตามเขาก็เห็นอาการผิดปกติของผู้คนเหมือนกัน
เมื่อออกจาร้าน เป็นไทรีบหานิตยสารเล่มนั้นมาอ่าน แล้วเขวี้ยงกับกระโปรงรถด้วยความโมโห มันไหลตกไปกองที่พื้น เป็นไทเห็นแล้วโมโห นับดาวก็โมโห
“ไม่มีความจริงซักนิดเลย”
“เลวจริงๆ”
เป็นไทคว้ากุญแจรถรีบขึ้นรถทันที นับดาวก็รีบขึ้นตามไปด้วย
เป็นไทกับนับดาวเดินอาดๆเข้ามาในออฟฟิศของสังวรณ์ ตรงมาหน้าห้อง เจอเลขาขวางไว้
“นัดไว้รึเปล่าคะ”
“ไม่ได้นัด แต่จะพบเดี๋ยวนี้”
“ไม่ได้นะคะ ถ้าไม่ได้นัดเข้าพบไม่ได้”
“มันยากตรงไหน คุณแค่ถอยไป ผมก็เข้าพบได้แล้ว”
สังวรณ์เปิดประตูออกมาจากห้องพอดี เห็นเป็นไทกับนับดาว
“มาพอดีเลย รอตั้งนาน เข้ามาก่อนๆ”
นับดาวกับเป็นไทมองหน้ากันงงๆ
สังวรณ์นั่งสบายที่โต๊ะ เป็นไทเริ่มต้นด่าเขาเป็นชุด
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ทำอะไร คุณก็เห็นว่าปาปารัชชี่เขาถ่ายไปลงเอง”
“แต่นี่มันนิตยสารของคุณ”
“แหม...คุณก็พูดเข้า ผมช่วยดันยูกิให้มีกระแสไม่ขาดนะ น่าจะขอบคุณผมมากกว่า”
“ถ้าจะเล่นแผนชั่วๆเพื่อทำลายผม ก็เอาที่มันดีกว่านี้หน่อย อย่าเอายูกิเข้ามาเกี่ยวด้วย เธอไม่รู้เรื่องอะไร”
นับดาวซาบซึ้งที่ได้ยินเป็นไทปกป้องเธอ
“ทีตอนคุณเป็นข่าวรูปหลุดกับยูกิครั้งก่อน ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรแบบนี้เลย พอยูกิมีข่าวกับคนอื่นถึงกับทนไม่ได้เลยเหรอ”
“นึกว่าผมอยากเป็นข่าวกับยูกินักรึไง”
“ผมก็ไม่ได้อยากเป็นข่าวเหมือนกัน ผู้หญิงแบบนี้หาที่ไหนก็ได้”
นับดาวเริ่มงงๆ รู้สึกเหมือนถูกด่า เป็นไทไม่ยอมโวยวายลั่น
“เห็นแก่กิน สกปรก แถมไม่มีความเป็นซุปเปอร์สตาร์เหมือนที่ใครๆยกย่อง คุณคิดว่ามันหาง่ายนักเหรอ ดาราบ้านเราไม่มีหรอกแบบนี้”
“มันก็แค่คนไม่มีความสามารถมากเท่ากับชื่อเสียง คิดว่าหายากตรงไหน”
นับดาวเริ่มชัดเจนละว่าโดนด่าเต็มๆ เป็นไทด่าต่อ
“จะบอกให้ว่าคนซื่อบื้อๆ เดี๋ยวนี้มันไม่ได้หาได้ง่ายๆหรอกนะ โลกมันกว้าง เด็กอนุบาลยังฉลาดกว่าเลย”
สังวรเสริมเสียงดังกว่าเดิม
“โอ๊ย แบบนี้เอาเด็กสลัมมาชุบตัวเป็นดาราก็ได้”
นับดาวเริ่มทนไม่ไหว
“พอกันได้แล้ว ไม่เหลืออะไรดีแล้วเนี่ย”
เป็นไทจ้องหน้าสังวรณ์
“คุณจำไว้เลยนะ ผมจะไม่ยอมให้คุณทำลายงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้”
“ก็คอยดูแล้วกัน ว่าใครจะเหนือกว่าใคร”
เป็นไทจะพานับดาวกลับ แต่สังวรคิดถึงคำพูดของวราพรรณที่ว่ายูกิมีปานที่หน้าอกด้านซ้าย
“เดี๋ยว ยูกิ”
นับดาวหันกลับมาหาสังวรณ์
“อะไรคะ”
“แบงค์พันคุณตกแน่ะ”
นับดาวตกใจรีบก้มหาใหญ่ พอเธอก้มคอเสื้อก็กว้างขึ้นทำให้เห็นลึกเข้าไป นับดาวก้มหาเพราะเห็นแก่เงิน
“ไหนคะ ไหนคะ แบงค์พันด้วย”
สังวรณ์พยายามจะชะเง้อมองหาปานที่หน้าอก แต่ก็มองไม่ถนัด เกือบๆเห็น แต่ทันใดนั้นเป็นไทก็ลากนับดาวออกไป
“อย่าไปสนใจเลยน่า”
“แบงค์พันเลยนะ”
“เดี๋ยวผมใช้คืนให้”
เป็นไทลากนับดาวออกไปจากห้อง สังวรณ์เสียดายที่ยังไม่ทันเห็นปานรูปพระจันทร์เสี้ยว
อ่านต่อหน้า 2
ฉันรักเธอรัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
เป็นไทรู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ ในขณะที่นับดาวทำตัวไม่ถูก
“ไอ้สังวรณ์นี่มันกัดไม่ยอมปล่อยจริงๆ”
นับดาวบอกอย่างไม่สบายใจ
“เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะคะ ฉันต่างหากที่ไปกินข้าวกับเขาเอง”
“ไม่ได้ตั้งใจอะไร นิตยสารนั่นก็ของมัน” เป็นไทหงุดหงิด
“ช่างมันเถอะค่ะ ยังไงเราก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
“โดนข่าวเสียๆติดๆกัน 2 ข่าว ผมห่วงทางต้นสังกัดคุณมากกว่า”
“อย่าห่วงเลยค่ะ กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
เป็นไทหน้าเครียด
“ฉันรู้...ว่ามันทำยาก งั้นเราลองไปหาอะไรที่มันช่วยผ่อนคลายทำดีมั้ยคะ”
“อย่างเช่น”
นับดาวยิ้ม เป็นไทมองหน้าอย่างต้องการคำตอบ
องอาจกระสับกระส่ายเดินกลับไปกลับมา เป็นห่วงเป็นไทและนับดาวที่หายไป เลขาเป็นไทเดินเข้ามา องอาจถามด้วยความร้อนใจ
“เป็นไงติดต่อคุณเป็นไทกับยูกิได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้เลยค่ะ”
“หายไปไหน...แล้วเรื่องที่ผมขอให้ช่วยปิดข่าวล่ะ ว่ายังไงบ้าง”
“พี่ ๆ สื่อมวลชนยินดีให้ความร่วมมือไม่เสนอข่าวที่ว่า เพราะเห็นแก่ภาพลักษณ์ของประเทศ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยปิดได้นานแค่ไหน”
“แค่ถ่วงเวลา จนกว่าคุณเป็นไทจะกลับมาก็ยังดี”
เลขาจะออกไป ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ หยิบรูปรูปหนึ่งออกมาจากแฟ้มเอกสาร
“อ้อ คุณองอาจคะ เรื่องที่คุณให้สืบเกี่ยวกับผู้หญิงในรูปได้เรื่องแล้วค่ะ”
องอาจรับรูปที่ว่ามาดู เห็นเป็นรูปวราพรรณ ที่ถ่ายจากกล้องวงจรปิด ตอนที่วราพรรณเข้ามาถามหาข้อมูลยูกิ
“ผู้หญิงในรูปชื่อ นุ้ย วราพรรณ เป็นนักข่าวหนังสือนินทาดาราค่ะ”
องอาจชะงักอึ้ง
“นักข่าว...นึกแล้วไม่มีผิด”
บ่ายวันนั้น วราพรรณโบกมือลาเพื่อนๆ ทุกคนจะกลับไปบ้าน
“กลับก่อนนะ”
วราพรรณหันมา เห็นองอาจยืนกอดอกรออยู่ที่รถมอเตอร์ไซด์ของเธอ ก็ตกใจ
“นี่นายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่”
“เรื่องอย่างนี้ตามสืบไม่ยาก”
“ทำอย่างนี้ต้องการอะไร”
“ผมต่างหากต้องถามคุณ”
“แล้วฉันไปทำอะไรให้คุณ”
องอาจโยนหนังสือนินทาดารา ฉบับล่าสุดให้วราพรรณ
“ไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าซื่อ ผมรู้ความจริงหมดแล้ว อ๋อ ๆ ผมจำเสียงคุณได้แล้ว คุณนี่เองที่ขู่กรรโชกผมทางโทรศัพท์”
วราพรรณมองกวนๆ
“แล้วไง”
“ตอบคำถามผม...ทำอย่างนี้ต้องการอะไร”
“ก็มันเป็นงานฉัน”
“ทำร้ายคนอื่นอย่างนี้ เรียกว่างานเหรอ”
“ฉันไม่ได้ทำร้ายใคร ฉันเสนอข่าวอย่างที่คนอยากรู้”
“แต่คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง”
“แล้วใครแคร์ ทุกคนก็อ่านสนุกๆเท่านั้น ไม่มีใครซีเรียสเหมือนคุณหรอก”
“แต่คุณกำลังจะทำให้งานผมพัง”
“ฉันกำลังช่วยโปรโมตงานคุณต่างหาก”
“โปรโมตงั้นเหรอ”
“อย่างน้อยตอนนี้ยูกิ ก็ไม่ได้ดังแค่ในกลุ่มแฟนคลับแล้ว แต่เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ”
“ผมควรจะขอบคุณงั้นสิ”
วราพรรณตอบกวนๆ
“คงงั้นมั้ง”
“งั้นวันนึง ผมจะทำให้คุณขอบคุณผมให้ได้”
วราพรรณชะงัก
“หมายความว่ายังไง”
“รอดูแล้วกัน ยายนักข่าวทอม”
องอาจยิ้มมีเลศนัยก่อนจะเดินไป
“ไว้ชาติหน้าสายๆเถ๊อะ นายเกย์เฒ่า”
วราพรรณพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
นับดาวกับเป็นไท เดินมาถึงริมทะเล นับดาวเห็นหาดทรายขาวๆ กับคลื่นทะเลที่ซัดมาก็วิ่งถลา
“ทะเลๆ ไม่ได้เล่นน้ำทะเลมาตั้งนานแล้ว”
นับดาววิ่งไปลงน้ำทันที เป็นไทเห็นก็ได้แต่ยิ้ม เอ็นดู เธอกวักมือเรียกเขาพร้อมตะโกนเรียกให้มาเล่นน้ำด้วยกัน
“มาเร็วคุณไท มาเล่นน้ำด้วยกัน”
เป็นไทเดินไปใกล้ๆนับดาว แต่ไม่ยอมลงทะเล
“นี่คุณพาผมมาคลายเครียด หรือพาตัวเองมาคลายเครียดกันแน่”
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ มาสิ มาเล่นน้ำด้วยกัน”
“ไม่เอาหรอก ผมไม่ใช่เด็กๆแล้ว”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย”
นับดาววักน้ำสาดเขา เป็นไทโดนน้ำก็หลบ แล้วเอามือวักน้ำกลับที่นับดาวบ้าง
“อย่าแกล้งสิ ผมเปียกหมดแล้ว”
นับดาวฉุดกระชากเป็นไท ให้ล้มลงเปียกน้ำทั้งตัว
“นี่ ผมไม่มีชุดเปลี่ยนนะ”
“ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน ไม่เห็นต้องกลัวเลย”
นับดาวกับเป็นไท เล่นน้ำกันสนุก มีจังหวะนึงที่คลื่นซัดเธอถลาไปซบเขา เป็นไทโอบเธอไว้ ทั้งคู่มองตากันหวานซึ้ง สักครู่เธอก็ผละออกจากอกเขาด้วยความเขิน
เย็นนั้น แพรวไพลินใส่แว่นดำเดินหน้านิ่งไปในตรอก ในมือถือหนังสือนินทาดาราที่ลงรูปยูกิกับสังวรณ์ณ์ ระหว่างที่เดินเธอครุ่นคิดในใจ
‘วิธีที่จะช่วยให้พี่ไทมีชีวิตดีขึ้น ก็คือ มันต้องออกไปจากชีวิตพี่ไทนังยูกิ แกเตรียมตัวลงนรกได้เลย’
แพรวไพลินเดิน เข้ามาที่มุมหนึ่งมีชายคนหนึ่งใส่หมวกแก้ป หลุบหน้าหลุบตา นั่งก้มหน้าทำอะไรบางอย่างอยู่หลังบู้ทขายของ เธอเข้ามานั่งที่เก้าอี้กลม ที่วางไว้หน้าบู้ท พูดขึ้นเสียงเข้ม
“พ่อฉันบอกให้มาหาแก...ตู่มือปืนใช่มั้ย”
ชายคนนั้น ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา
“ร้านปิดแล้ว”
“ฉันเอาเงินมาให้แกนะ ไม่เอาหรือไง”
แพรวไพลินโยนเงินปึกหนึ่งลงบนบู้ท ชายคนนั้นเหลือบตาขึ้นมองนิดนึง ยังทำเข้มนิ่งอยู่
“นี่แค่มัดจำเท่านั้นนะ ถ้าแกจัดการนังนี่ได้ ฉันจ่ายให้แกอีกล้านนึง”
“หึหึ ไม่รวมแว๊กซ์นะ...”
“เออ ใครจะเก็บภาษีกับแกล่ะ บ้าหรือเปล่า”
แพรวหยิบหนังสือนินทาดาราขึ้นมา โยนลงตรงหน้าเขา
“อะ นี่เป็นรูปนังยูกิ”
“เมื่อกี้บอกว่านังนี่ ตอนนี้มานังยูกิ ตกลงใครกันแน่ นังนี่หรือ นังยูกิ”
“โอ้ย...นังนี่กับนังยูกิมันก็คนเดียวกันนั่นแหละ กวนประสาทนักนะ”
“หุ หุ หุ ล้อเล่นน่ะ”
“ไม่ต้องพูดมาก ฉันขอนัดเดียวจอด อย่าให้พลาดเป้าล่ะ”
“เอาจริงเหรอ”
“ปอดแหกหรือไง”
“ถ้ากล้าจ้าง ตู่ก็กล้าทำ เดี๋ยวจัดให้”
ชายคนนั้นจัดดการโยนหนังสือนินทาดาราขึ้นไปในอากาศ แล้วยกปืนกาวขึ้นมาเล็งด้วยมาดเท่มาก ก่อนจะยิงปืนกาวไป ปุ หนังสือหล่นลงกลับลงมาที่บู้ท รูปนับดาว มีกาวลากเป็นรูปหัวใจล้อมหน้าอยู่
“เห็นฝีมือตู่หรือยัง ไม่มีพลาดเป้าอยู่แล้ว”
แพรวไพลินแทบบ้า ถอนแว่นออกมา ชี้หน้าด่า
“แก๊...แกเอากาวมายิงทำไม กระสุนน่ะ กระสุน ไม่มีเหรอ ไอ้มือปืนบ้า”
“อ้าว อีคุณนายปัญญาอ่อน ตู่ปืนกาวนะครับ จะให้เอากระสุนที่ไหนมาล่ะ”
แพรวไพลินหน้าเหวอ
“อะไร นะ มือปืนกาวเหรอ”
“ก็ใช่นะสิ แหกตาดูซะบ้าง”
ชายคนนั้นกระตุกผ้าที่คลุมบู้ทออก เห็นป้ายที่ติดไว้ ว่า “ตู่” มือปืน... รับซ่อมรองเท้าทุกชนิด แพรวไพลิน ปวดประสาท ได้แต่เต้นเร่าๆ อย่างขัดใจ
“อ๊าย...คุณพ่อนะคุณพ่อ ทำไมทำกับแพรวอย่างนี้ แพรวอยากฆ่านังยูกินะ ไม่ได้มาซ่อมรองเท้า”
ซีซีกำลังถ่ายแบบอยู่ เธอโพสท่าเซ็กซี่ให้ตากล้องถ่าย
“โอเคครับ”
ตากล้องบอกโอเค ซีซีจากเซ็กที่ก็เปลี่ยนเป็นหน้าหงิกทันทีอารมณ์ไม่ดี
“ไม่โอเคได้ยังไงล่ะ ถ่ายทั้งวันขนาดนี้ ใช้จริงแค่ไม่กี่รูป ไม่มีความเป็นโปรเฟสชันนัลเลย เอาน้ำมากินหน่อยซิ”
ทีมงานมองหน้ากันอย่างเบื่อๆกับคำพูดซีซี ทีมงานคนนึงเอาน้ำไปให้ เธอรับมาดูดน้ำ
“นี่มันไม่ใช่น้ำกีวี่นี่”
“แถวนี้มันริมทะเล หากีวี่ไม่ได้จริงๆค่ะ”
“แต่ฉันบอกแล้วว่าฉันอยากกินน้ำกีวี่ นี่ฉันทำงานให้พวกเธอทั้งวันนะ”
“เอาละมุดไปแทนก่อนได้มั้ยคะ คล้ายๆกัน”
“อีบ้า แกจะให้ฉันมีกลิ่นละมุดติดตัวกลับบ้านรึไง”
ทีมงานก้มหน้าจ๋อย
“ฉันละเบื่อจริงๆเลย ทำงานกับทีมงานที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเนี่ย”
ซีซีเดินหงุดหงิดออกไป ทีมงานเงยหน้าขึ้นมาด่าเป็นชุด
“นัดเช้ามาบ่าย จะให้ถ่ายเสร็จเร็วได้ยังไง งานก็ไม่ค่อยมียังจะเรื่องมากอีก ดาราขึ้นหน้าปกยังไม่ขนาดนี้เลย นี่ก็แค่ถ่ายลงหน้าใน ทำเป็นเยอะ แบบนี้ไงถึงไม่มีใครจ้าง”
ทีมงานคนอื่นๆยิ้ม เห็นด้วย เฮกันใหญ่ ซีซีเดินกลับเข้ามา ทุกคนเงียบ
“หัวเราะอะไรกัน มีความสุขนักรึไง”
เธอหยิบแว่นกันแดด แล้วเดินออกไปเชิดๆ ทุกคนต่างมองแล้วก็แอบยิ้ม แอบนินทากันต่อ
เป็นไทกับนับดาวเล่นน้ำกันอยู่ไกลๆ ซีซีเดินเลียบชายหาดมา มองไปที่นับดาวกับเป็นไทแล้วชะงัก เธอถอดแว่นกันแดดที่สวมอยู่แล้วมองอย่างตั้งใจ ส่วนนับดาวกับเป็นไทเล่นน้ำกันไม่ได้สนใจ
“นั่นมัน...พ้นวัยจะมาเล่นน้ำทะเลแบบนี้แล้วนี่ ปัญญาอ่อนรึไง ยังเล่นน้ำเป็นเด็กกันอยู่ได้ ผิวเสียหมด”
ซีซีเห็นเพียงด้านหลังของนับดาว เธอใส่แว่นดำเหมือนเดิมแล้วเดินต่อไปไม่ได้สนใจ
นับดาวกับเป็นไทขึ้นมานั่งริมชายหาด
“ฉันไม่ไหวแล้ว เหนื่อย”
นับดาวเอนหลังนอนกับผืนทราย เป็นไทนั่งชันเข่า
“เล่นน้ำนี่มันสนุกจริงๆนะ”
“สบายใจขึ้นมั้ย”
เป็นไทพยักหน้า
“ขอบคุณนะ”
เขาหันมายิ้มหวาน เธอยิ้มรับ เป็นไทหันไปมองทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ส่วนนับดาวก็แอบมองเขา เป็นไทชี้มือไปที่เกาะเล็กๆเกาะหนึ่งที่มองเห็น
“คุณว่าจะมีคนอยู่ที่เกาะนั้นมั้ย”
นับดาวยังฝันกับการแอบมองเขาอยู่ เธอไม่ได้ยินที่เขาพูด
“ถ้ามีคนอยู่ที่นั่น เขาจะทำอะไรอยู่นะ”
นับดาวไม่ตอบซักคำถาม จนเป็นไทต้องหันกลับไปมองหน้า นับดาวรีบหลบสายตา
“ว่าไงนะ”
“คุณว่าคนที่เกาะนั้นกำลังทำอะไรอยู่”
“กำลังตายเป็นผีเฝ้าสมบัติในถ้ำ”
“เอาจริงๆสิ”
“ก็คงเดินถืออะไรซักอย่างอยู่มั้ง”
เป็นไทหัวเราะ
“นี่จริงแล้วเหรอ”
“ก็ฉันคิดแบบนั้น ตลกตรงไหนเนี่ย”
เป็นไทมองนับดาวยิ้มกับความคิดของเธอ
ยูกิยืนมองทะเลอย่างเหงาๆ ยามาดะเดินออกมาตามเธอ
“นี่มันไม่ใช่เวลามายืนกินลมชมวิวนะ คุณโดนลักพาตัวมา”
“ฉันรู้ แต่จะให้ฉันเครียดตลอดเวลาเลยรึไง”
“เข้าบ้านได้แล้ว”
ยูกิมองสบตา
“นี่จะพูดกับฉันดีๆได้รึเปล่า ฉันไม่ได้ทำผิดอะไร คุณก็จับตัวฉันมา ฉันไม่ได้คิดจะหนี แต่คุณก็ยังมาหน้าบึ้งใส่ฉันอีก”
ยามาดะพยายามทำเข้ม
“ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นของคุณ แล้วคุณก็ไม่ควรจะรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ผมด้วย เข้าบ้านไป”
“คุณเคยชอบฉันไม่ใช่เหรอ แล้วคุณโกรธคุณเกลียดฉันเรื่องอะไร ฉันไปทำอะไรให้คุณนักหนา”
ยามาดะตะโกนเสียงดัง
“ผมบอกให้เข้าบ้าน ไป”
ยูกิเดินเข้าบ้านอย่างไม่พอใจนักที่เธอไม่ได้คำตอบในสิ่งที่เธออยากรู้ ยามาดะเดินตามคุมเธอเข้าไป แล้วโทรศัพท์ยามาดะก็ดังขึ้น เขารับแล้วปล่อยให้ยูกิเดินเข้าบ้านไป
“ว่าไงครับ”
ซีซีโทรศัพท์คุยกับยามาดะ
“นี่...วันนี้ฉันมาทำงานแถวนี้ ฉันว่าจะแวะไปที่เกาะซักหน่อย”
“จะมาทำไม”
“ฉันก็จะไปเช็คความเรียบร้อยบ้างไม่ได้เหรอ ฉันเป็นคนจ้างแกทำงานนะ”
“ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี”
“ฉันจะรู้ได้ไงว่าแกไม่โกหก ไม่ใช่ว่าปล่อยยายยูกิหนีไปแล้วล่ะ”
“ผมเป็นอดีตยากูซ่า ไม่ทำงานชุ่ยๆแบบนั้นแน่”
“ฉันจะไปให้เห็นกับตา เอาเรือมารับฉันด้วย ฉันจะรอที่ฝั่ง”
ยามาดะถอนหายใจ
“เร็วๆด้วยล่ะ”
ซีซีวางสายอย่างคนเจ้าอารมณ์ ส่วนยามาดะก็ไม่อยากจะไปรับซีซีเท่าไหร่
นับดาวเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดแบบชาวบ้าน เสื้อลายดอก ผ้าถุง อีกฝั่งหนึ่งเป็นไทก็ออกมาด้วยเสื้อห่านคู่ กางเกงขาก๊วย ผูกผ้าขาวม้า เป็นไทออกจะเขินๆที่ต้องแต่งตัวแบบนี้ นับดาวเห็นแล้วก็ยิ้ม เป็นไทขยับเสื้อผ้าตัวเองแล้วถาม
“ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วยล่ะ เสื้อผ้าปกติเขาก็มีขายนะ”
“มันไม่ได้รสชาติแบบพื้นเมืองน่ะสิ มาต่างจังหวัดอย่าเอานิสัยคนเมืองมาใช้”
“แต่ก็ดีเหมือนกัน แบบนี้คงไม่มีใครจำคุณได้”
“นี่ ฉันเปลี่ยนแค่ชุดนะ ไม่ได้เปลี่ยนหน้า ถ้าอยากให้คนจำไม่ได้คงต้องทำแบบนี้”
นับดาวยีผมตัวเองให้กระเซอะกระเซิง แล้วเอาผมมาปิดหน้าจนแทบไม่เห็น
“ทำแบบนี้ ผมว่าไม่ได้กลัวคนจะจำได้หรอก กลัวไม่ตกบันไดมากกว่า”
ทั้งคู่มองกันหัวเราะ แล้วซีซีก็เดินผ่านมาชนนับดาวเข้าพอดี ซีซีโวยวาย
“นี่เดินยังไง คนทั้งคนไม่เห็นรึไง” ซีซีหันไปเห็นหน้านับดาวก็ตกใจที่มีแต่ผมปิด “นี่ด้านหน้าหรือด้านหลังเนี่ย ก็ควรแล้วล่ะที่จะมองไม่เห็นน่ะ ยายบ้า”
นับดาวเห็นซีซีก็ตกใจ รีบเอาผมมาบังหน้าไว้ให้หนักกว่าเดิม
“ขอโทษค่ะ”
เป็นไทงงๆ
“แต่เขาเดินมาชนคุณเองนะ จะไปขอโทษทำไม”
ซีซีไม่พอใจ
“อ้าวๆ พูดแบบนี้”
นับดาวรีบบอกกับเป็นไท
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากมีปัญหา”
“เจียมกะลาหัวก็ดี”
ซีซีเดินเชิดๆไป นับดาวเสยผมขึ้นปกติมองตาม อยากตามซีซีไปใจจะขาด
“เอ่อ คุณไทเดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา”
“เดี๋ยว”
“อะไรคะ”
“ห้องน้ำอยู่นี่ไม่ใช่เหรอ”
เป็นไทชี้ไปทางห้องน้ำอีกทาง นับดาวลืมไปว่าเธอยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
“นั่นสิแต่...” เธอพยายามหาข้ออ้าง “ห้องน้ำตรงนี้มันไม่สะอาด ฉันไปเข้าทางด้านโน้นจะดีกว่า”
พูดจบนับดาวก็รีบตามซีซีไป ทิ้งเป็นไทยืนงงอยู่ตรงนั้น
ซีซียืนรอยามาดะอยู่ที่ท่าเรือ สักครู่ยามาดะขับสปีดโบ้ตมาเทียบท่า นับดาววิ่งตามมาแอบฟังอยู่ด้วย
“ขี่เต่าทะเลมารึไง ช้าเหลือเกิน”
“คุณให้ผมขับเรือเวลากลางคืน มันอันตราย”
“แล้วออกมานี่แน่ใจนะว่ายายยูกิมันจะไม่หนี”
นับดาวที่แอบฟังอยู่ตาโตที่ได้ยินชื่อยูกิ เธอพึมพำอย่าสงแปลกใจ
“ยูกิเหรอ ยูกิอยู่แถวนี้เหรอเนี่ย”
“เรือมีลำเดียว ถ้าหนีก็คงรอดยาก”
ซีซีเบ้หน้า
“ก็ดี...ตายๆไปซะก็ดี”
ยามาดะมองซีซีอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“รีบไปเถอะ คุณคงไม่อยากให้ใครมาเห็นใช่มั้ย”
ซีซีกับยามาดะมองซ้ายมองขวา ขึ้นเรือแล้วขับออกไป นับดาวออกมาจากที่ซ่อน
“ยูกิ ฉันจะไปช่วยเธอเอง”
นับดาวมองเรือที่ออกไปด้วยแววตามุ่งมั่น
เรือประมงกำลังเตรียมจะออกเดินทาง ลูกเรือเตรียมอุปกรณ์ต่างๆบนเรือ ไต้ก๋งเข้าห้องขับเรือ นับดาวเดินมองซ้ายมองขวาเห็นเรือกำลังจะออก เธอขึ้นเรือทันที ยืนเลิ่กลั่กไม่รู้จะไปทางไหน คนในเรือมองเป็นตาเดียว แต่สุดท้ายเธอก็พุ่งตรงไปที่ห้องขับเรือเปิดประตูเข้าไป ไต้ก๋งเรือตกใจ
“ตามเรือลำนั้นไปเลยพี่”
นับดาวชี้ไปที่สปีดโบ้ดของยามาดะ ไต้ก๋งตกใจงงๆ
“ห๊ะ อะไรนะ”
“บอกให้รีบตามคันนั้นไปไง เดี๋ยวไปไม่ทันนะ”
“ทำอะไรของเธอเนี่ย”
“ไปสิ ไปกัน โน่นๆ พวกมันไปโน่นแล้ว”
“อะไรของเธอเนี่ย เฮ้ย...พวกเรามาเคลียร์ดิ”
ลูกเรือมาล้อมนับดาวกันเต็มไปหมด เธอหันไปเห็นก็ตกใจ ไต้ก๋งกวาดตามองทุกคนแล้วถาม
“นี่เมียใคร บอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามพาเมียไปทำงาน”
ลูกเรือทุกคนส่ายหน้า ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นเมีย ไต้ก๋งยิ้ม
“ไม่ได้เป็นเมียใคร งั้นข้าจอง”
นับดาวสะดุ้ง หันมองไปมีแต่ชาวประมงหน้าตาดูหื่นๆล้อม
“ขอโทษค่ะ ขึ้นเรือผิด นึกว่าเป็นเรืออันดามันปริ๊นเซส แหะแหะ ไปก่อนนะ”
นับดาวรีบวิ่งฝ่าลูกเรือออกมากระโดดขึ้นฝั่งอีกครั้ง เธอหันซ้ายหันขวามองหาเรือที่พอจะช่วยเธอได้
นับดาวมองหาเรือที่พอจะช่วยเธอได้ แล้วตาแก่ๆก็ตะโกนถามเธอจากทางลงท่า
“หนู...จะไปไหน”
“คือหนูจะตามคนที่เพิ่งออกเรือไปเมื่อกี้น่ะค่ะ”
“ตกเรือ ว่างั้น”
“ค่ะ ใช่ค่ะ ตกเรือ”
“จะติดเรือลุงไปมั้ยล่ะ”
“พูดเป็นเล่น ลุงจะให้ไปจริงๆเหรอ”
“ไปได้จริงๆ”
“ลุงมีน้ำใจจังเลย หนูไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
ตาแก่ยิ้มอย่างเป็นมิตร
“งั้นเดี๋ยวขึ้นเรือมาเลย”
“ไหนละคะเรือ”
“แต่คนจะนั่งเรือลุงได้ต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่างนะ หนูมีมั้ย”
“คืออะไรคะ”
“เวลา และความอดทน”
นับดาวนิ่งฟัง
“อืม...ฟังเหมือนพระนิกายเซนเทศเลยค่ะ ลุงนี่สุดยอด”
“ดี”
“ไหนเรือคะ”
ตาแก่ชี้ไปที่เรือหางยาวเก่าๆโทรมๆ นับดาวเห็นแล้วทำหน้าหงิก
“อือหือ เวลาและความอดทนคงไม่พอมั้งคะเนี่ย สภาพนี้”
นับดาววิ่งมาหาเรือ มองไปเห็นเจ็ตสกีจอดอยู่ เธอมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร จะไปขึ้นเจ็ต แต่เป็นไทโผล่มาพอดี
“หาตั้งนาน มาอยู่นี่เอง”
นับดาวสะดุ้ง
“ทำอะไรอยู่น่ะ”
“แหม เจ็ตสกีคันนี้มันสวยจริงๆ”
“ไหนบอกว่ามาเข้าห้องน้ำไง ไงมาอยู่ตรงนี้”
“อากาศมันร้อน เลยอยากเล่นน้ำ”
นับดาวเอามือวักน้ำทะเลขึ้นมาลูบเนื้อลูบตัว เป็นไทมองงงๆ
“เพิ่งเล่นน้ำมาแท้ๆ”
นับดาวยิ้มแหยๆ
“นั่นสินะ แหะ แหะ”
นับดาวหันไปมองเรือสปีดโบ้ตของยามาดะและซีซีหายลับไปต่อหน้าต่อตา เธอถอนหายใจ
นับดาวกับเป็นไทมาติดต่อห้องพักที่เคาน์เตอร์รีสอร์ท
“คือผมอยากจะจองที่พัก 2 ห้องครับ”
“ที่พักเราเต็มหมดทุกห้องแล้วค่ะ”
“เต็มหมดเลยเหรอครับ ซักห้องก็ไม่มีเลยเหรอ”
“ไม่มีจริงๆค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดยาว”
เป็นไทถอนหายใจ
“แล้วพอจะมีที่ไหนที่น่าจะมีห้องว่างอยู่บ้างครับ”
“น่าจะเต็มหมดแล้วค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น”
“อ้าว แล้วผมทำไงครับเนี่ย”
“เอางี้มั้ยคะ ทางเรามีเต้นท์ไว้ให้เช่า เหลือเต้นท์สุดท้ายพอดีเลยค่ะ”
เป็นไทกับนับดาวหันมามองหน้ากัน
อ่านต่อหน้า 3 เวลา 17.00 น.
ฉันรักเธอรัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
แพรวไพลินเดินออกจากร้านกาแฟ สีหน้าหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี เพราะโทร.หาเป็นไทเท่าไหร่ก็ไม่ติด
“โอ๊ย พี่ไทจะปิดเครื่องทำไม ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย”
แพรวไพลินเดินสวนกับสังวรณ์ ที่กำลังจะเข้าไปในร้านพอดี
“คุณแพรวไพลิน แฟนเป็นไทใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ คุณ...”
“ผมสังวรณ์ เราเคยเจอกันแล้วที่ห้องซ้อมของคุณยูกิ จำได้มั้ยครับ”
“อ๋อ นักข่าวคนนั้นนั่นเอง”
“ประทานโทษนะครับ ผมไม่ใช่นักข่าว แต่เป็นเจ้าของสื่อบันเทิงในประเทศไทยมากมาย รวมถึงเป็นเจ้าของบริษัทออแกไนซ์ชื่อดังด้วย”
“ค่ะ”
“แนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกที ผม ซี ซังวอน”
“คุณพ่อเป็นเกาหลีเหรอคะ ถึงได้ชื่อแบบนี้”
สังวรณ์โดนแพรวไพลินเบรคหัวทิ่ม
“ดูท่าทางคุณแพรวจะเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์นะครับ ทักซะกันเองเชียว แล้วนี่มาคนเดียวเหรอครับ”
“มากันสิบเอ็ดคนค่ะ กะว่าพอทานกาแฟเสร็จก็จะไปทั้งทีมเตะบอลต่อ...ก็เห็นอยู่ว่ามาคนเดียว ยังจะถามอีกนะคะ”
“แหม เฟรนด์ลี่จริงๆด้วย…ถ้าไม่มีธุระที่ไหน เราไปหาอะไรทานหน่อยดีมั้ยครับ”
แพรวไพลินมองไม่พอใจ
“เราจำเป็นต้องผูกมิตรกันขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“คุณนี่ไม่ทันคนจริงๆ”
“หมายความว่าไง”
“วันที่ผมเจอคุณครั้งแรกที่ห้องซ้อมเต้น ดูปร้าดเดียวก็รู้ว่าคุณน่ะไม่ชอบยูกิ แต่คุณคงวิเคราะห์ไม่ได้สินะ ว่า ผมนะจะเป็นคนที่แยกยูกิออกจากแฟนคุณได้”
“จะทำยังไง”
“ก็ลองมาคุยกันหน่อยจะเป็นไรล่ะคุณแพรว”
แพรวนิ่งคิดตามคำพูดสังวรณ์ แล้วเธอก็ตกลง”
“ที่ไหนก็ว่ามา”
สังวรณ์ยิ้มพอใจ
เต็นท์ถูกกางเสร็จเรียบร้อย เป็นไทกับนับดาว ช่วยกันก่อกองไฟที่หน้าเต็นท์ เขาใส่เชื้อไฟเข้าไป นับดาวเอากระดาษแข็งพัด เอาหน้าก้มลงไปเป่า จนไฟติด
“นี่ไง ติดแล้ว สมแล้วที่เรียนเนตรนารีมา”
เป็นไทแปลกใจ
“ที่ญี่ปุ่นมีเนตรนารีด้วยเหรอครับ”
นับดาวพูดภาษาญี่ปุ่นมั่วๆ
“ดาไลอิมะ”
“แปลว่าอะไรน่ะครับ”
“ความลับค่ะ”
เป็นไทงุนงง
“แค่เรื่องเนตรนารีแค่นี้ก็ต้องเป็นความลับด้วย”
นับดาวหน้าแหย
“จริงๆฉันก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรหรอก มันคุ้นปากก็พูดไปมั่วๆ”
“มามุกแบบนี้อีกแล้ว โอเค ไม่อยากบอกก็ได้”
“กะแล้วเชียวว่าต้องไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่ออยู่แล้ว คุณเป็นคนญี่ปุ่นจะไม่รู้ภาษาตัวเองได้ไง”
“แล้วถ้า...ฉันไม่ใช่คนญี่ปุ่นล่ะ” นับดาวถามหยั่งเชิง
“ก็ดีสิ พองานจบเราก็ยังมีโอกาสได้เจอกันมากกว่า”
นับดาวยิ้มที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“แต่จะเป็นไปได้ยังไง ยังไงคุณก็ต้องกลับประเทศคุณอยู่แล้ว”
นับดาวและเป็นไทต่างก็ยิ้มเศร้าๆ
สองหนุ่มสาวก้มหน้าเงียบ ปล่อยให้บรรยากาศรอบข้างทำงาน เธอแอบมองเขาแล้วตัดสินใจจะบอกความจริงกับเขา เธอเอามือลูบหน้า ปัดผมรวบรวมความกล้า
“คุณไท ฉันมีเรื่องจะบอก...”
เป็นไทเงยหน้าขึ้นมา เห็นนับดาวหน้าเปื้อนถ่านเป็นปื้นเต็มหน้า เขาก็หัวเราะออกมา นับดาวงงว่าเขาหัวเราะทำไม
“หัวเราะอะไรน่ะ”
“ก็หน้าคุณน่ะ...เป็นแผนที่อมริกาเลย”
“ทำไม” นับดาวเอามือดำๆจับหน้าตัวเอง หน้ายิ่งเลอะไปใหญ่ “ตรงไหนเลอะตรงไหน”
เป็นไทหัวเราะร่วน
“ตอนนี้มันกลายเป็นแผนที่โลกแล้ว”
“ทำไมล่ะ” นับดาวแบมือก็เห็นมือตัวเองดำปี๋ “โอ๊ย...มือยังขนาดนี้ หน้าจะขนาดไหน”
เป็นไทหัวเราะ แต่ก็มาช่วย
“เดี๋ยวผมจัดการให้”
เป็นไทเอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดหน้า เข้าไปเช็ดให้นับดาวอย่างทนุถนอม เธอแอบมองหน้าเขาในระยะใกล้ เขาช่างอ่อนโยนกับเธอจริงๆ เป็นไทเช็ดหน้าสัมผัสที่อ่อนโยน
“ผมมีอะไรจะให้คุณด้วย หลับตาสิ”
“หลับตาเลยเหรอ จะดีเหรอ”
“เถอะน่า”
นับดาวหลับตาลง เป็นไทค่อยๆโน้มลงที่หน้า เธอใจเต้นรัว เป็นไทก้มลงมาหาเธอทำปากจู๋ ยื่นปากจะจูบ แต่แล้วเธอก็ตื่นจากภวังค์ด้วยการสะกิดของเป็นไท
“คุณเป็นอะไรไปน่ะ”
นับดาวหลุดจากภวังค์
“คุณไม่ได้จะ...”
นับดาวทำปากจู๋ เป็นไทมองงงๆ
“ผมให้ผ้าเช็ดหน้าคุณ เพราะมันคงซักไม่ออกแล้ว…แล้วไหนเมื่อกี้ว่ามีเรื่องอะไรจะบอกนะครับ”
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก”
นับดาวมองเขาอย่างเซ็งๆ
ที่ร้านอาหารหรู สังวรณ์กับแพรวไพลิน นั่งกินข้าวด้วยกัน
“มีข้อเสนออะไรก็ว่ามา ฉันไม่อยากเสียเวลามากนัก”
“ผมจะทำให้งานแฟนคุณล้มไม่เป็นท่า”
“ช่างกล้าพูด คิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้คุณทำอย่างงั้นเหรอ ไม่รู้รึไงว่าที่พี่ไทชนะประมูลเพราะเงินของฉัน”
“ผมรู้ แต่ตอนนั้นมันไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนจ่ายเงินคุณไม่รู้นี่ว่า ระหว่างเป็นไทกับยูกิจะมีซัมติงรองกัน”
แพรวไพลินเงียบ คล้อยตาม
“ถ้าเป็นไทมันประสบความสำเร็จกับคอนเสิร์ตไอยูกิครั้งนี้ มันต้องมีสาวๆมารุมทึ้งมันเต็มไปหมด แถมยังมีโอกาสหาเงินมาใช้หนี้คุณได้เร็วขึ้นด้วย แล้วคุณยังต้องการให้คอนเสิร์ตมันประสบความสำเร็จอีกเหรอ”
แพรวไพลินลำบากใจ แต่ก็รู้สึกอย่างนั้น
ยามาดะเปิดประตูห้องยูกิเข้ามา ซีซีตามเขาดข้ามาด้วย ยูกิที่กำลังนอนอยู่ก็สะดุ้งตื่น
“ใช้ชีวิตสบายเหลือเกินนะ”
ยูกิแปลกใจ
“ซีซี”
“ท่าทางดูไม่เดือดร้อนอะไรเลยนะ คิดว่าลาพักร้อนมาเที่ยวทะเลรึไง”
“อะไรของเธอ ก็เธอให้ฉันมาอยู่ในสภาพนี้เองนี่”
ซีซีหันไปหายามาดะ
“วันๆให้มันทำอะไรบ้าง”
“ไม่มีอะไรนอกจากดูแลตัวเอง”
“แกมันโง่รึไง ทำไมไม่ให้มันทำอะไรแทนแกเล่า”
“ผมทำเองได้”
ซีซีไม่พอใจ
“เออ ดี...ไม่ชอบพึ่งใครงี้ ฉันเลยจับมันมานั่งๆนอนๆ เลี้ยงระบบปิด จะได้ไม่ติดโรค ไม่มีหมัด ไม่มีไรหู...แกคิดว่าเลี้ยงแมวอยู่รึไง เช้าให้อาหาร เย็นให้อาหาร บ่ายเปิดประตูให้ไปเดินเล่น”
“กลางวันแมวจะนอน กลางคืนต่างหากที่จะออกไปข้างนอก” ยามาดะแย้ง
“แกไม่ต้องเอาข้อมูลจริงมาพูดกับฉัน นี่ฉันกำลังประชด...พรุ่งนี้ให้มันไปตักน้ำจืด ทำความสะอาดให้เกลี้ยง เก็บขยะบนชายหาดให้หมด”
“ไม่ให้เค้าปั่นไฟให้ใช้ด้วยเลยล่ะ” ยามาดะแระชด
“ได้ด้วยเหรอ”
ยามาดะเซ็งๆ
“ประชด”
“นั่นแหละ” ซีซีหันไปหายูกิ “แกได้ยินแล้วใช่มั้ยว่าต้องทำอะไรบ้าง แล้วจากนี้ไปมันก็เป็นหน้าที่ประจำของแกด้วย”
ยูกิเบื่อๆ ยามาดะมองอย่างเห็นใจยูกิ
นับดาวเดินออกจากเต็นท์มา เห็นเป็นไทนอนหลับอยู่บนเปล เธอแอบดูเขานอนหลับ แล้วถอนหายใจ ขณะเดียงกันนั้น เธอเห็นยุงตอมเขาเธอเอามือปัดให้อย่างห่วงใย ก่อนจะมองออกไปที่ทะเล
“ยูกิ จริงๆเราก็คงอยู่ไม่ไกลกัน แต่ฉันไม่รู้จะไปช่วยเธอได้ยังไง แต่ฉันสัญญานะว่าจะหาทางไปช่วยเธอให้ได้”
นับดาวถอนหายใจอีกทีให้กับชีวิตตัวเอง
แพรวไพลินอาบน้ำแต่งชุดนอนออกมาหน้ากระจก เธอเห็นกรอบรูปคู่ระหว่างเธอกับเป็นไทก็นิ่งคิดถึงคำพูดของสังวรณ์ เสียงของสังวรณ์ลอยเข้ามาในห้วงคำนึงที่ว่าถ้าเป็นไทประสบความสำเร็จเขาก็จะทิ้งเธอแน่ๆ แพรวไพลินนึกย้อนไป ถึงสิ่งที่เธอคุยกับสังวรณ์ที่ผ่านมา
“คุณจะให้ฉันทำอะไรบ้างก็ว่ามาเลยดีกว่า”
“นี่ก็แปลว่าเราจะร่วมมือกัน”
“ฉันจะฟังแล้วเก็บไว้พิจารณา”
“คืออย่างนี้ ผมอยากให้คุณสังเกตที่หน้าอกของยูกิหน่อย ว่ามีตำหนิรูปปานจันทร์เสี้ยวที่หน้าอกข้างซ้ายมั้ย”
“นี่คุณรู้มั้ยฉันเป็นใคร ให้ไปเที่ยวไล่สำมโนประชากร ก็เสียเบอร์หมดสิ”
“แต่มันจะทำให้รู้เลยนะ ว่ายูกิที่คุณเห็นอยู่ ตัวปลอมหรือตัวจริง”
แพรวไพลินงง
“ตัวปลอมคืออะไร ทำไมมีตัวปลอมด้วย”
“มันเป็นข้อสงสัยที่ผมลองตั้งขึ้นมา แล้วมองเห็นความเป็นไปได้ของมันอยู่”
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วย”
“เพราะคุณเข้าถึงตัวยูกิง่ายกว่าผม”
แพรวไพลินนิ่งคิด แววตาสังวรณ์แสดงถึงความเป็นต่อ
“ก็ลองคิดดูดีๆละกัน ว่าอยากให้แฟนมีอนาคตไกลแล้วไปหาคนอื่น หรือดักดานอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต”
แพรวไพลินงงๆ เหมือนถูกด่า
แพรวไพลินวางกรอบรูปคู่ระหว่างเธอกับเป็นไทลง
“ทุกอย่างที่แพรวทำ ทำเพราะรักพี่ไทนะคะ”
แพรวไพลินแววตามุ่งมั่น
“ยูกิ แล้วเราจะได้เห็นกัน ว่าใครแน่กว่าใคร”
เช้าวันใหม่...เป็นไทตื่นนอนขึ้นมาจากเปล เขาปิดขี้เกียจปวดหลัง แล้วก็เห็นว่าที่พื้นบริเวณที่เขานอน มีซากยากันยุงที่ถูกจุดอยู่ เขายิ้มออกมา เป็นไทเดินไปที่เต็นท์จะไปปลุกนับดาว เขาเปิดเต็นท์เข้าไป นับดาวกำลังหลับอย่างหมดสวย อ้าปากหวอ เขามองเธอด้วยความเอ็นดูและรอยยิ้ม เป็นไทเอามือจับปอยผมออกจากหน้าของเธอ
“คุณเป็นไม่เหมือนกับที่ผมคิดไว้เลย”
นับดาวพลิกตัวทำปากเคี้ยวแจ๊บๆ ไม่มีเกรงใจ เป็นไทมองแล้วยิ้ม
“แต่ผมก็ชอบที่คุณเป็นแบบนี้มากกว่า”
นับดาวพลิกตัวอีกเอามือมาฟาดหัวเขาพอดี เป็นไทเจ็บ นับดาวรู้สึกตัว ลุกเด้งขึ้นมา
“คุณมาทำอะไรในนี้”
เธอมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ เป็นไทรีบเฉไฉ
“ก็คุณนอนกรนเสียงดังออกไปข้างนอกเลย ใครจะนอนได้”
“พูดเป็นเล่น”
“จริงๆ ผมก็เลยจะเข้ามาปลุก เกรงใจชาวบ้านเค้า”
“แล้วทำไมไม่ปลุก”
“ผมเห็นคุณหลับน้ำลายเยิ้ม มีความสุขเลยไม่อยากปลุก”
นับดาวเอามือเช็ดคราบน้ำลายที่ปาก
“บ้า...ไม่เคย ฉันนอนเรียบร้อยจะตาย ไม่เคยน้ำลายไหล หรืออ้าปากหวอเลยนะ เวลาตื่นสวยยังไงก็ยังงั้นเลย”
“โอเค ไม่เคยก็ไม่เคยครับ คุณเจ้าหญิงนิทรา”
เขายิ้มให้ เธอเขินๆ เป็นไทจะออกไปจากเต็นท์หันมาพูดกับเธอ
“ขอบคุณนะครับสำหรับยากันยุง”
เป็นไทออกไป นับดาวยิ่งเขินหนัก
“ฉันเป็นเจ้าหญิง...”
เธอหันไปเห็นหมอนที่ตัวเองหนุนมีคราบน้ำลายเป็นดวงๆ ก็หน้าเสียไปทันที
เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานดังขึ้น วราพรรณรับสายจากเลขาเป็นไทด้วยความดีใจ
“ว่าไงนะคะ ทางบริษัทคุณ คัดเลือกให้ฉันได้สัมภาษณ์ยูกิเป็นการส่วนตัวเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ พอดียูกิมีคิวว่างบ่ายนี้ ยูกิเลยจะให้สัมภาษณ์เปิดใจเป็นกรณีพิเศษ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ เวลากี่โมงคะ...ได้ค่ะ จะรีบไป”
วราพรรณหันไปบอกสังวรณ์ณ์ที่คอยเงี่ยหูฟังอยู่
“ฉันได้รับเลือกให้สัมภาษณ์ยูกิเป็นกรณีพิเศษ เดี๋ยวจะถามอย่างที่คุณอยากรู้มาให้”
วราพรรณรีบหยิบกระเป๋าออกไป สังวรณ์ตะโกนบอกไล่หลัง
“ถ้าคุณทำได้ ผมจะเลื่อนตำแหน่งให้”
“งั้นเตรียมตำแหน่งรอไว้ได้เลย”
วราพรรณฉีกยิ้มกว้าง
เลขาเป็นไทเดินนำวราพรรณมาที่ห้องทำงานขององอาจ
“รอซักครู่นะคะ คุณยูกิเพิ่งซ้อมเต้นเสร็จ ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้คุณยูกิเข้ามา อยากให้คุณช่วยทำเซอร์ไพรส์เธอ ด้วยการเต้นเพลงของเธอได้มั้ยคะ”
“ฉันเต้นไม่เป็นหรอก”
“แค่เซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ ที่เธออุตส่าห์สละเวลามาคุยกับคุณ”
“งั้นฉันจะพยายามแล้วกัน”
เลขาเป็นไทเดินออกไป วราพรรณกรี๊ดออกมาแบบไม่มีเสียงด้วยความดีใจ พูดกับตัวเอง
“ไม่คิดไม่ฝันจะได้สัมภาษณ์ใกล้ชิดนักร้องระดับโลกอย่างนี้ มีหวังงานนี้เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์แน่ ๆ”
วราพรรณเต้นออกลิงออกข้างด้วยความดีใจ โดยไม่รู้ว่ามีกล้องวีดีโอถ่ายอยู่ด้านหลัง วราพรรณกระโดดเหยง ๆ เต้นแร้งเต้นกาด้วยความดีใจ องอาจ เลขา และพนักงานคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมามองจอมอนิเตอร์ที่ด้านนอกห้อง เป็นภาพที่วราพรรณเต้นแร้วเต้นกาอยู่ก็พากันยิ้มขำในพฤติกรรม ของเธอ
วราพรรณเต้นจนกางเกงในเข้าวิน จึงดึงออกมา ก่อนจะจัดเสื้อในและผมเผ้าให้เรียบร้อย ทดสอบกลิ่นปาก เดินไปที่ประตูชะเง้อมองหายูกิ ด้วยความตื่นเต้น
“เมื่อไหร่จะมาซักที”
เธอหันมาเห็นกล้องวีดีโอตั้งอยู่ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีรีบเดินเข้าไปดู
“กล้องเปิดอยู่ งั้นเมื่อกี๊ก็หมายความว่า...”
วราพรรณวิ่งออกมาเห็นเลขาเป็นไทและพนักงานคนอื่น ๆ หัวเราะขำ ก่อนเธอจะเห็นจอ TV ที่ต่อภาพจากกล้องวีดีโอในห้องออกมาให้คนข้างนอกดู ถึงได้รู้ตัวว่าถูกหลอก เธอหันไปเอาเรื่องเลขาเป็นไทที่นั่งอยู่ทันที
“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
ทันใดนั้นเสียงองอาจก็ดังขึ้น
“อย่าไปว่าเค้าเลยคุณ”
วราพรรณหันไปเห็นองอาจเดินยิ้มเข้ามา
“คุณควรจะขอบคุณเค้าดีกว่า”
“ขอบคุณเรื่องอะไร”
“ก็ที่เค้าทำให้คุณเป็นที่รู้จัก แทนที่คนจะรู้จักคุณแค่ในออฟฟิศเล็ก ๆ ที่คุณทำงานอยู่ แต่ตอนนี่คุณเป็นที่รู้จักกันทั้งออฟฟิศของผม แล้วอีกไม่นานก็คงจะทั่วประเทศ เผลอ ๆ อาจจะเป็นทั่วโลกก็ได้ ถ้าผมนำคลิปนี้ลงยูทูป”
องอาจโชว์แผ่นที่เพิ่งไรท์เสร็จให้ วราพรรณโกรธที่ถูกหลอก
“อีตาบ้า เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”
องอาจชักมือหลบไม่ยอมให้
“ก็ไหนคุณบอกว่า การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา”
“ฉันไม่เคยพูดอย่างนั้น แล้วที่สำคัญฉันกับยูกิต่างกัน ฉันคนธรรมดาแต่เค้าเป็นคนของประชาชน”
“แล้วคนของประชาชน ไม่สมควรได้รับความเป็นส่วนตัวหรือไง ไม่นับเรื่องพาดหัวเสีย ๆ หาย ๆ ให้คนอ่านเข้าใจผิดอีก ทำอย่างนี้เท่ากับหลอกลวงประชาชน”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเพราะสุดท้ายคุณก็ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเหมือนกัน”
“ไม่จริง ผมทำเพื่อปกป้องคนอื่น แต่คุณทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง”
“แน่ใจ...งั้นเราได้เห็นดีกันแน่”
“นี่ขู่ผมเหรอ”
“คนอย่างฉันไม่เคยขู่”
วราพรรณเดินออกไป องอาจมองอย่างเจ็บใจ
วราพรรณกลับมาที่ออฟฟิต เธอเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานเสิร์ชหาเว็บไซด์แฟนคลับของยูกินญี่ปุ่น
“เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับฉัน”
วราพรรณอัพโหลดภาพหน้าปกหนังสือที่แสกนไว้ ลงเว็บแฟนคลับยูกิในประเทศญี่ปุ่น
“ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างนายไม่แคร์ผลประโยชน์ของตัวเอง”
วราพรรณกดเอนเทอร์ ภาพหน้าปกหนังสือนินทาดาราขึ้นโชว์หราในหน้าเว็บแฟนคลับยูกิ
ในประเทศญี่ปุ่น
เสียงโทรศัพท์ดังไม่ยอมหยุดจากห้องทำงานเป็นไท องอาจถือแก้วโกโก้ในมือ รีบเข้ามารับก่อนที่จะตัดสายไป
“ฮัลโหล...เอ่อ คุณไทยังไม่เข้าออฟฟิศเลยครับ ไม่ทราบจากไหนครับ ถ้าคุณไทเข้ามาผมจะให้ติดต่อกลับไป...ผู้บริหารสูงสุด ค่าย J.O.Y. ไทยแลนด์...อูย สวัสดีครับท่านมีเรื่องอะไรถึงโทรมาเองเลย...ข่าว ทราบครับทราบ...ครับ แล้วผมจะให้คุณไทติดต่อท่านกลับไปให้เร็วที่สุดเลยครับ” องอาจวางสาย “งานเข้าแล้วไง”
องอาจถือแก้วโกโก้เดินจะออกจากห้อง เป็นไทกับนับดาวก็เดินเข้ามาพอดี องอาจชนเข้ากับนับดาวอย่างจังโกโก้ในแก้วของอาจหกเลอะเสื้อนับดาวที่หน้าอกด้านซ้ายอย่างจัง
“ขอโทษครับยูกิจัง ขอโทษครับ”
องอาจพยายามจะเช็ดให้ แต่เลอะบริเวณเนินอก เป็นไทคว้ามือองอาจไว้ไม่ให้เช็ด
“ผมว่ายูกิไปเปลี่ยนเสื้อจะดีกว่าครับ เราคงมีเสื้อทีมเหลืออยู่บ้าง”
“ขอโทษด้วยจริงๆครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินไม่ดูเอง”
นับดาวเดินแยกไป องอาจมองหน้าเป็นไท
“หวงจริงๆเลยนะครับคุณไท คนนี้เนี่ย”
“มันไม่สุภาพ คุณจะไปเช็ดให้เค้าได้ไง”
องอาจจ๋อยไปรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เออคุณไทครับ เมื่อกี้ทางต้นสังกัดของยูกิโทรมา ให้คุณไทโทรกลับไปด่วนเลยครับ”
เป็นไทตกใจ
“เค้าบอกมั้ยว่าเรื่องอะไร”
“เรื่องข่าวครับ”
เป็นไทเครียดขึ้นมาทันที
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”
“โอเคครับ”
องอาจเดินออกจากห้อง เป็นไทหน้าเครียดไปที่โต๊ะ
องอาจเดินออกจากห้อง เจอกับแพรวไพลินที่เดินเข้ามาพอดี เขารีบเอาตัวขวางไม่ให้เธอเข้าไป
“เข้าไม่ได้เด็ดขาดเลยครับตอนนี้”
“อะไร...ฉันเป็นแฟนทำไมจะเข้าไม่ได้”
“ขืนเข้าไปตอนนี้ คุณแพรวน่ะจะตายคนแรกเลย”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องเครียดระดับประเทศเลยนะครับ อย่าเข้าไปจะดีกว่า”
“มีนายกอยู่ข้างในเหรอ”
“เอาเป็นว่า อย่าเข้าไปจะดีกว่าครับ”
“แล้วนี่ ยูกิ เข้ามารึเปล่า”
“ไปเปลี่ยนเสื้ออยู่ในห้องน้ำมั้งครับ มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า”
แพรวไพลินยิ้มอย่างมีเสศนัย ก่อนจะเดินแยกไปจากองอาจ
นับดาวเดินบ่นออกจากห้องน้ำ สวมเสื้อตัวใหม่แล้ว มือถือเสื้อที่เลอะออกมาด้วย
“เป็นคราบไปถึงพุงเลยนะเนี่ย ต้องอาบน้ำซะละมั้งแบบนี้”
แพรวไพลินเดินอาดๆเข้ามาในห้องน้ำ
“อยู่นี่เอง”
นับดาวงง
“อะไร ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“ถามจริงๆเถอะนะ เธอคือยูกิตัวจริงรึเปล่า”
นับดาวตกใจ
“อะไรนะ ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“โอเค ไม่ต้องตอบก็ได้ ฉันมีวิธีที่จะรู้ได้ก็แล้วกัน”
นับดาวตกใจ
“คือ...คือ...ฉัน...”
แพรวไพลินเดินพุ่งเข้ามาหาแววตาร้ายกาจ จ้องเขม็ง แล้วกระชากคอเสื้อนับดาวก้มเข้าไปดูด้านใน แล้วเธอก็ต้องตกใจ ตาค้าง
“เธอ...เธอ...มัน...”
นับดาวตกใจ งงไปหมด
“คือ ฉัน...อะไร...ยังไง ฉันควรจะพูดว่าไงดี”
แพรวไพลินหน้าตื่น
“เธอเป็นยูกิตัวจริง จริงๆด้วย”
นับดาวชะงักอึ้ง
“ห๊ะ”
“ปานนั่น มีอยู่จริงๆ”
นับดาวอึ้งงง
“ปาน”
“คอยดูเถอะ ฉันไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่”
แพรวไพลินเดินไม่พอใจออกไปจากห้องน้ำ ปล่อยนับดาวยืนงงอยู่คนเดียว
“ฉันเป็นยูกิตัวจริงเหรอ...ปานอะไร”
นับดาวไม่เข้าใจเธอพยายามจะล้างคราบเหนียวที่เหนอะคราบโกโก้ออกจากตัว เธอดึงคอเสื้อลงต่ำ เห็นรอยคราบโกโก้เลอะที่เนินอกเป็นรูปคล้ายๆพระจันทร์ เธอเอาน้ำป้ายๆออก
“ปานอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย”
นับดาวยังงงกับพฤติกรรมของแพรวไพลินต่อไป
แพรวไพลินร้อนใจเดินไปเดินมาโทรศัพท์หาสังวรณ์ เมื่อสังวรณ์เห็นเบอร์แพรวไพลินโทรมาก็กดรับ
“ว่าไงคุณแพรว”
“นี่จะรับโทรศัพท์ให้มันเร็วๆไม่ได้รึไง”
“ใจเย็นๆสิครับ มีอะไรทำให้ร้อนใจไม่ทราบ”
“เรื่องปานบ้าบออะไรนั่น ฉันดูให้แล้วนะ”
“แหม...ทำงานเร็วดีจริงๆ ผมล่ะมองคนไม่ผิด”
“ไหนบอกว่ามันเป็นยูกิตัวปลอมไง ฉันเห็นปานมันเต็มสองตาเลย”
สังวรณ์ตะลึง
“พูดเป็นเล่น ปานรูปพระจันทร์หน้าอกข้างซ้ายนะ”
“นี่ ฉันไม่ได้โง่นะ บอกว่าเห็นก็เห็นสิ”
“งั้นก็แปลว่าเป็นยูกิตัวจริง”
“แล้วไหนบอกเป็นยูกิตัวปลอมไง มั่วได้อีกนะเนี่ย”
“ผมก็แค่สันนิษฐาน”
“แล้วนี่จะทำไงต่อไปเนี่ย”
“ผมมีแผนบี”
“อะไร แผนบี”
“ถ้ามันเป็นยูกิตัวจริงละก็ เราก็ลักพาตัวยูกิตัวจริง แล้วก็จ้างตัวปลอมไปเสียบแทนไง รับรองคราวนี้ งานล่มแน่ๆ”
“แล้วจะไปหาคนหน้าเหมือนยายยูกินี่จากไหน ทำยังกับมันหาง่ายๆงั้นแหละ”
“หึ หึ”
สังวรณ์ยิ้มตาวาวนึกถึงตอนที่ไปเจอนับดาวที่งานเลี้ยงรุ่น
“ผมรู้จักอยู่คนนึง”
สังวรณ์หน้าตาและสายตาเจ้าเล่ห์
เป็นไทนั่งหน้าเครียดอยู่บนโต๊ะ องอาจกับนับดาวเดินเข้ามา
“คุณไทเรียกเราใช่มั้ยครับ”
“ใช่...เชิญคุณยูกินั่งก่อนครับ”
นับดาวเดินไปนั่งตามคำเชิญ
“มีอะไรเหรอครับคุณไท หน้าเครียดเชียว”
เป็นไทถอนหายใจ
“คือแบบนี้นะครับยูกิ เมื่อกี้ผมได้คุยกับทางต้นสังกัดของคุณ”
“อ๋อ ค่าย G.E.I.”
“J.O.Y. ครับ แหม ผิดทุกตัว”
เป็นไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณคงจะตลกไม่ออกแล้วละครับ ทางค่ายใหญ่ที่ญี่ปุ่น เขาเรียกเราเข้าไปคุยเกี่ยวกับกระแสข่าวลบที่ออกมาติดๆกัน”
เป็นไทโยนหนังสือนินทาดาราทั้ง 2 เล่ม ที่เป็นภาพปาปารัชชี่ของยูกิกับเขา และของนับดาวกับสังวรณ์ ลงบนโต๊ะ
องอาจตกใจ
“คุณพระ นี่จะถึงขั้นแบนคอนเสิร์ตมั้ยครับเนี่ย”
“ผมพยายามจะไม่ให้เป็นงั้น”
“ถ้างั้นคุณไทกับยูกิก็ต้องเดินทางไปญี่ปุ่น”
“ไม่ถึงขนาดนั้น พอดีว่า คุณชินอิจิ CEO ของ J.O.Y. กำลังเดินทางมาประชุมแผนการตลาดเอเชียที่เชียงใหม่”
นับดาวตื่นเต้น
“เราต้องไปเชียงใหม่เหรอ”
องอาจงงๆ
“ทำอย่างกับไม่เคยไปนะครับจริงๆครอบครัวคุณก็มีบ้านพักตากอากศอยู่ที่เชียงใหม่นี่ แถมคุณยังเคยมาอยู่ที่เชียงใหม่ด้วย”
นับดาวรีบเปลี่ยนท่าที
“นั่นสิ...คือจริงๆ แค่คิดถึงเพื่อนที่นั่นน่ะค่ะ”
เป็นไทหันมาบอกอย่างไม่สบายใจ
“ผมต้องขอโทษคุณยูกิจริงๆที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือซะว่าได้ไปเที่ยว”
นับดาวดูท่าทางไม่เดือดร้อนกับใครเค้าเลย แต่องอาจกับเป็นไทหน้าเครียด
อ่านต่อหน้า 4 พรุ่งนี้ 9.00 น.
ฉันรักเธอรัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
รจนากำลังนั่งดูทีวีอยู่ นับดาวระริกระรี้เข้ามาฮัมเพลงญี่ปุ่นของยูกิด้วย ในมือถือข้าวของมาเต็มไปหมด รจนาชำเลืองตามองหลานที่อารมณ์ดีเข้ามาในบ้าน ไม่ค่อยพอใจกับการร้องเพลงต่างชาติเท่าไหร่
“เราก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าย่าไม่ชอบพวกนิยมต่างชาติ”
นับดาวหยุดร้องเพลงทันที
“แหม ทำเครียดไปได้ย่าก็...นี่หนูซื้อของมาฝากย่าเพียบเลยนะ ดูสิ ของบำรุงสุขภาพทั้งนั้นเลยนะ” นับดาวพูดพร้อมหยิบของจากถุง “นี่รังนก นี่ก็ซุปไก่ น้ำผึ้ง แล้วย่าก็อย่ากินน้ำเย็นนะ เดี๋ยวคอจะแย่ นี่แอบพูดก่อนหมอกำหนดก็เสี่ยงพอแล้ว”
“ทำไมต้องซื้อของมาเยอะแยะแบบนี้ด้วย ทำอย่างกับจะไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว กลัวย่าไม่มีอะไรกินยังงั้นแหละ”
“คือ...หนูต้องไปทำงานน่ะย่า...”
“งานอะไร ไอ้งานหลอกลวงชาวบ้านนั่นน่ะเหรอ”
นับดาวหน้างอ
“ย่าอ่ะ อย่าว่านักสิ เดี๋ยวอีกไม่นานมันก็คงจบแล้ว”
“ให้มันจริงเถอะ”
“พรุ่งนี้หนูจะไปเชียงใหม่นะย่า”
“ห๊า”
“ไปธุระ ไปทำงาน ย่าดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน”
รจนาน้อยใจ
“ใช่สิ ย่ามันไม่สำคัญเท่าการได้เป็นดาราจอมปลอมนี่”
“หนูไม่ได้ไปเที่ยวนะย่า ไปทำงานจริงๆ งานด่วนด้วย”
“งั้นก็ปล่อยให้ย่าเฉาตายอยู่บ้านเถอะ”
นับดาวเข้าไปกอดย่า
“หนูก็อยากพาย่าไป แต่มันเป็นงานบริษัท หนูเกรงใจเค้า”
“เชอะ”
นับดาวไม่สบายใจที่ย่างอน แต่เมื่อเธอหันไปเห็นซองหมากฝรั่งในถุง เธอก็หยิบซองหมากฝรั่งขึ้นมา
“หนูมีวิธีพาย่าไปเชียงใหม่แล้ว”
รจนาแอบดีใจ หันมาหา นับดาวชูซองหมากฝรั่ง
“นี่ไง หนูจะส่งฉลากไปชิงโชค ผู้โชคดีได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ฟรีกับแพนเค้กเลยนะ ดูหมีแฟนด้านะ อยากดูป่าว”
รจนาเซ็งกับวิธีของนับดาว
เสียงเคาะประตูดังสองสามครั้ง แล้วประตูห้องสังวรณ์ก็เปิดออกมา วราพรรณเดินเข้ามา
“คุณมาก็ดีแล้ว”
“คุณซังวอนเรียกฉันมีอะไรเหรอคะ”
“นี่จะกลับบ้านรึยังเนี่ย”
“กำลังจะกลับค่ะ”
“ดี งั้นคุณช่วยหาข้อมูลเรื่องนึงให้ผมหน่อย”
วราพรรณแอบบ่น
“แล้วจะถามว่าจะกลับบ้านรึยังทำไมเนี่ย”
สังวรณ์ยื่นรูปรจนาให้ดู
“รู้จักนักร้องคนนี้มั้ย”
วราพรรณดูรูปแล้วตกใจ
“นักร้องคนนี้...”
“ผมลืมไป คุณคงจะเกิดไม่ทันสินะ เขาเป็นนักร้องดังสมัยกรุงแตกน่ะ”
“แล้วนักร้องคนนี้เค้าทำไมเหรอคะ”
“ผมอยากได้ที่อยู่เขาหน่อย”
“ที่อยู่...คุณซังวอนคิดจะทำอะไรคนแก่คะ”
“คุณจะบ้าเหรอ คุณเห็นผมเป็นคนหื่นขนาดนั้นเลยเหรอ”
วราพรรณไม่ตอบ เพราะหน้าสังวรณ์แม้จะนิ่งๆ ไม่ได้ตั้งใจหื่นแต่ดูหื่นมาก
“ผมสนใจในตัวหลานของเค้ามากกว่า”
“หลาน...”
“ใช่...ได้ข่าวว่าหน้าตาดี”
“เอามาเป็นเด็กเสี่ยเหรอ”
“เอามาเป็นดาราสิ เธอนี่คิดอะไรของเธอ”
“ดาราเหรอ”
วราพรรณยิ้ม ดีใจที่นับดาวจะได้เป็นดารา ส่วนสังวรณ์ก็ยิ้มเช่นกัน ที่แผนการของเขาได้เริ่มต้น
นับดาวจัดกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยความตื่นเต้น เธอใช้กระเป๋าเดินทางของยูกิที่ได้มาจากองอาจ เธอหยิบของมากมายใส่กระเป๋า ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเอาไป เธอก็โยนใส่กระเป๋าไปด้วย เช่น เสื่อ หม้อหุงข้าว ไฟฉาย และสารพัด ทำกระเป๋าปิดไม่ลง รวมทั้งหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ด้วย
“เอาไปแค่นี้เอง ทำไมปิดไม่ลงล่ะ นี่ยังขาดกะทะกับกาต้มน้ำเลยนะเนี่ย”
นับดาวเปิดกระเป๋ามามองดูของที่ตัวเองเอาไป ต้องเลือกออก เธอเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
“เอาอะไรออกดีล่ะ หม้อหุงข้าวก็จำเป็น ถ้าหิวข้าวขึ้นมาทำไง เชียงใหม่ไม่มีข้าวขายหรอกมั้ง เสื่อนี่ก็จำเป็นเผื่อไม่มีที่นั่ง ไฟฉายนี่สำคัญใหญ่ เผื่อเครื่องบินตกไปติดเกาะจะได้ทำสัญญาณ sos ได้ กระเป๋าใบมันเล็กไปนะเนี่ย”
นับดาวกำลังกลุ้มใจกับกระเป๋าที่ปิดไม่ลง โทรศัพท์ที่วางบนเตียงของเธอสั่น เป็นชื่อของวราพรรณ นับดาวไม่ได้สนใจ
วราพรรณ ที่พยายามโทรหานับดาว แต่ก็ไม่มีคนรับ วางหูอย่างเซ็งๆ
“เออ แกนะแก ข่าวดีที่รอมาทั้งชีวิตแท้ๆ ไม่ยอมรับ”
วราพรรณ ตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไป
นับดาวหอบกระเป๋าพะรุงพะรังมาจากในบ้าน รจนาเดินตามมองอย่างระอา
“นี่กะจะไปตั้งรกรากที่โน่นเลยรึไง ดูขนของเข้า”
“เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสิย่า”
“แกกะว่าเชียงใหม่เขาจะเกิดสงคราม เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงรึไง”
“โอเคเอาไปแค่ใบเดียวก็ได้” นับดาววางกระเป๋าเล็กๆน้อยๆลง “แล้วนี่ย่าอย่าลืมกินยาด้วยล่ะ ข้าวน่ะพอถึงเวลาก็กินเลย จะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะ”
“ย่าไม่ได้โดนขังอยู่ในห้องใต้ดินนะ หิวอะไรย่าก็ออกมาหากินเองได้อยู่แล้ว ไม่ต้องรอให้เรามาสอนหรอก”
“ก็หนูเป็นห่วงนี่ เกิดมาไม่เคยจากบ้านไปไหนเกินสามวันมาก่อนเลย”
“นี่ก็แค่อาทิตย์เดียวเองไม่ใช่เหรอ มากกว่าตอนไปเข้าค่ายเนตรนารีไม่เท่าไหร่”
“อวยพรให้หน่อยสิย่า”
รจนาทำปากแข็ง ฝืนๆ
“ก็โชคดีละกัน”
นับดาวโผเข้ากอด
“ย่าก็เหมือนกันนะ”
นับดาวหยิบซองหมากฝรั่งออกมา
“หนูไม่ลืมหรอกนะ ที่สัญญากันว่าจะพาย่าไปเชียงใหม่กับแพนเค้ก”
“คงได้ไปหรอกมั้งนั่น”
“ไปละนะย่า”
นับดาวขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ รจนามองหลานอย่างอดห่วงไม่ได้ แท็กซี่วิ่งออกไป นับดาวทำมือถือตกไปที่พื้น เธอก้มลงไปเก็บ เลยไม่เห็นวราพรรณที่ขี่มอเตอร์ไซค์สวนเข้ามา
รจนายังไม่ทันเข้าบ้าน วราพรรณก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าบ้าน
“ย่า นับดาวล่ะ”
“มันเพิ่งออกไปเมื่อกี้เอง”
“ไปไหน”
“ไปทำงานต่างจังหวัด”
“นี่มันเดือดร้อนถึงขั้นต้องหนีหนี้ไปต่างจังหวัดเลยเหรอ”
“ใช่ที่ไหนเล่า มันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ”
“งั้นกลับกี่โมง”
“ไม่ได้หมายความว่าจะกลับวันนี้”
“แล้ววันไหนล่ะย่า”
“อาทิตย์หน้าโน่นละมั้ง”
“แย่ละ”
“ทำไม มีเรื่องอะไร”
“ก็เจ้านายหนูเขาจะมาคุยกับนับดาววันนี้”
สังวรณ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านรจนา
“นั่นไง มาพอดี”
สังวรณ์ลงจากรถ วราพรรณยกมือไหว้ สังวรณ์พยักหน้ารับ
“สวัสดีครับคุณรจนา”
รจนาหันกระซิบวราพรรณ
“เจ้านายเรานี่เป็นใคร”
“เจ้าของหนังสือพิมพ์ และรายการทีวีน่ะป้า”
รจนาพยักหน้ารับ
“แล้วนี่หลานคุณป้าไปไหนละครับเนี่ย”
สังวรณ์มองหานับดาว รจนากับวราพรรณมองหน้ารู้กันว่านับดาวไม่อยู่
องอาจเปิดประตูเข้ามาในห้องเป็นไท เห็นคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้เป็นไท ถือแฟ้มเอกสารบังหน้าอยู่ องอาจตกใจ
“อ้าวคุณไท นี่ยังไม่เดินทางอีกเหรอครับเนี่ย”
แพรวไพลินเอาแฟ้มวางบนโต๊ะ องอาจเห็นตกใจเป็นแพรวไพลินนี่เองที่นั่งอยู่
“เดินทางอะไร พี่ไทจะไปไหน”
“คุณแพรว ทำผมตกอกตกใจหมด”
“ฉันถามว่าพี่ไทจะไปไหน ฉันได้ยินนะที่คุณบอกจะเดินทางอะไรนั่น”
“หูแว่วแล้วครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย”
“นี่ ฉันไม่ได้เป็นโรคประสาทนะ บอกมา”
“ไม่อะไรจะพูดเลยครับ ปิดการประชุมเท่านี้”
“ถ้าพี่ไทไม่ได้ไปไหนแล้วทำไมไม่มาทำงาน”
“ผมไม่รู้ครับ”
องอาจจะเดินหนีออกนอกห้อง แพรวไพลินมาขวางหน้า
“ไม่บอกใช่มั้ย ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า คุณกล้าเอาตำแหน่งงานคุณเป็นประกันมั้ย”
องอาจหน้าตึง
“นี่คุณแพรว”
“เอาซิ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอกแต่ฉันจะไล่คุณออก แล้วก็ทำจดหมายแจ้งทุกบริษัทด้วยว่าไม่ให้รับคุณเข้าทำงาน”
องอาจอึดอึดกับสิ่งที่แพรวไพลินกดดัน
วราพรรณยกน้ำมาเสิร์ฟสังวรณ์และรจนา
“บ้านเงียบจัง ตกลงหลานคุณป้าอยู่ไหนเนี่ย” สังวรณ์มองไปรอบๆ
รจนามองสังวรณ์อย่างไม่ค่อยชอบหน้า
“มันไม่อยู่หรอก มีธุระอะไร”
“อ้าว ไม่อยู่ แล้วจะให้ผมเข้ามาในบ้านสภาพแบบนี้ทำไมเนี่ย”
วราพรรณสะกิดสังวรณ์ ให้ดูหน้ารจนาที่สีหน้าไม่พอใจ สังวรณ์รีบพูดแก้
“หมายถึงว่าบ้านมันเงียบ ผมไม่ค่อยชินน่ะ”
“มีอะไรก็คุยกับฉันนี่ ฉันกับหลานคุยกันทุกเรื่อง”
“ทำตัวเป็นผจก.ดาราตั้งแต่หลานยังไม่ดังเลยทีเดียว”
รจนาไม่พอใจ
“ขอโทษทีนะย่า คุณซังวอนเขาก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าถือสาเลย”
“งั้นก็มาคุยเรื่องงานเลยละกันจะได้ไม่เสียเที่ยว”
“ก็ว่ามาสิ”
“คือผมอยากจะติดต่อหลานคุณมาเป็นดับเบิ้ลแคสของดาราชื่อดังคนหนึ่ง อ้อลืมไปดับเบิ้ลแคสคืออะไร อาจจะไม่เข้าใจ ก็คือนักแสดงแทนของโมเดลจริงๆนั่นเอง”
รจนาตกใจ
“จะให้เป็นแคส แคส อะไรของใคร”
สังวรณ์ตอบเสียงดังฟังชัด
“ของดาราญี่ปุ่นชื่อดัง ไอ ยูกิ เพราะหลานคุณน่ะมีลักษณะที่คล้ายเธอมาก”
“ยูกิเหรอ”
รจนานึกถึงรายการทีวีที่นับดาวไปออกก็ตกใจ
“ไม่ได้ๆ ไม่เอาๆเด็ดขาด”
รจนารีบเดินขึ้นไปบนบ้านทันที ปล่อยให้วราพรรณกับสังวรณ์นั่งงง
“ไหนบอกว่าจะเอาเพื่อนฉันเป็นดาราไงคะ ทำไมกลายเป็นดับเบิ้ลแคสได้”
“มันก็ต้องค่อยๆไต่เต้าไปสิ แต่รับรองดังแน่”
“งั้นเดี๋ยวหนูคุยให้ค่ะ รับรองว่าสำเร็จแน่”
“ดี ฝากเรื่องด้วย แล้วไหนเรื่องรูปที่ผมให้คุณหามาให้ ผมอยากจะเห็นหน้านับดาวนี่ชัดๆหน่อย”
วราพรรณยื่นรูปที่เคยถ่ายให้นับดาวไว้ ให้สังวรณ์ดู สังวรณ์เห็นแล้วก็ยิ้มพอใจ
“เหมือนอย่างไม่มีที่ติ ดี ถ้าติดต่อได้นะ ผมจะเลื่อนตำแหน่งให้คุณทันทีเลย”
วราพรรณยิ้มแก้มปริ
แพรวไพลิน อึ้งเมื่อองอาจบอกให้รู้ว่าเป็นไทไปไหน
“เชียงใหม่ พี่ไทไปเชียงใหม่สองต่อสองกับยายยูกิน่ะเหรอ”
องอาจพยักหน้า
“เป็นแบบนี้ทุกทีเลย แล้วแกปล่อยให้ไปได้ยังไง”
“แล้วผมมีสิทธิอะไรไปคัดค้านครับ มีหวังโดนไล่ออกทั้งขึ้นทั้งล่อง”
“บินเมื่อไหร่”
“ก็คงใกล้ๆแล้วละครับ”
แพรวไพลินหยิบกระเป๋าแล้วรีบออกไปทันที
“ขอโทษนะครับคุณไท ผมจำเป็นจริงๆ”
องอาจรีบตามแพรวไพลินออกไป
นับดาวกับเป็นไทมาเจอกันที่สนามบิน ต่างคนต่างก็ยิ้มให้กัน
“เตรียมของมาครบนะครับ ไม่ลืมอะไรนะ”
“ไม่ใช่แค่ครบค่ะ เกินด้วย”
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ที่ทำให้คุณมีแต่ข่าว” เป็นไทบอกอย่างไม่สบายใจ
“ไม่เห็นเป็นไรเลย คุณไม่ได้เป็นคนถ่ายรูปส่งไปซักหน่อย”
“แต่ผมน่าจะดูแลคุณให้ดีกว่านี้”
“แค่นี้ยังไม่ดีอีกเหรอ ฉันแทบจะไม่ต้องเดินเองอยู่แล้วนะ”
“ไม่ดีหรอกครับ ผมรู้ตัว”
“ดีไมดีฉันเป็นคนตัดสินนะคะ...แล้วนี่เราต้องทำอะไรต่อไปคะเนี่ย”
นับดาวตื่นตาตื่นใจกับสนามบิน
นับดาวกับเป็นไทต่อคิวเช็คอินที่เคาน์เตอร์โหลดกระเป๋า ถึงคิวนับดาวพอดี
“ของเหลวเกิน 10 มิลลิลิตร ห้ามนำขึ้นเครื่องนะคะ”
“ห๊ะ”
นับดาวไม่เข้าใจ เป็นไทจึงช่วยถาม
“ในกระเป๋าที่จะเอาขึ้นเครื่องของคุณมีของเหลวเกิน 10 ม.ล. รึเปล่า”
“เอ่อ...”
นับดาวเทกระเป๋าสะพาย เต็มไปด้วยของเหลว น้ำใบบัวบก น้ำกระเจี๊ยบ ปลากระป๋อง สารพัด
“สิบมิลลิลิตรนี่มันแค่ไหนละคะ”
เป็นไทกับพนักงานเคาน์เตอร์เห็นแล้วก็ตกใจ
“นี่เค้าคิดว่าที่ เชียงใหม่ ไม่มีอะไรขายเหรอคะ” พนักงานถามเป็นไท
“...เอาไปไม่ได้เหรอคะ”
นับดาวถาม เป็นไทงงงกับการกระทำของเธอ
“นี่คุณแกล้งมุกหรือไม่รู้จริงๆเนี่ย คุณเดินทางไปทัวร์ต่างประเทศออกบ่อย กฎพื้นฐานของการขึ้นเครื่องบิน คุณน่าจะรู้สิ”
“แหะ แหะ”
นับดาวยกน้ำในขวดขึ้นดื่มอั่กๆ หน้าเจื่อนๆไป เป็นไทมองอย่างสงสัย
แพรวไพลินเดินเข้ามาในสนามบิน มองซ้ายมองขวาหานับดาวกับเป็นไท เธอเห็นที่บอร์ดแจ้งว่าเครื่องบินไฟล์ทไปเชียงใหม่สแตนบายด์เตรียมขึ้นเครื่องได้แล้ว แพรวไพลินรีบวิ่งไปที่ประตูทันที องอาจเดินตามเข้ามาติดๆ
นับดาวกับเป็นไทเดินเข้าไปด้านใน แพรวไพลินเห็นวิ่งมา จะตามเข้าไปเจ้าหน้าที่ห้ามไว้
“เข้าไม่ได้นะครับ”
“แค่พวกคุณปล่อยฉันเข้าไป ฉันก็เข้าไปได้แล้วเนี่ย”
“เข้าได้เฉพาะผู้เดินทางเท่านั้น”
แพรวไพลินชะเง้อมองเป็นไทที่เดินหายไป
“พี่ไท...พี่ไทออกมานี่นะ แพรวไม่ให้พี่ไปกับยูกินะ พี่ไท”
เป็นไทไม่ได้ยิน เดินเข้าไปกับนับดาว แพรวไพลินยิ่งร้อนรน พยายามจะเข้าไปให้ได้ องอาจเข้ามาห้ามเธอไว้
“เข้าไปไม่ได้หรอกคุณแพรว รอเขากลับมาจะดีกว่า”
“ปล่อยนะ เห็นมั้ยพี่ไทเดินเข้าไปแล้ว”
“ปล่อยไม่ได้หรอกครับ”
“รู้มั้ยฉันลูกใคร”
“คุณแพรวจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย ได้...แล้วคุณแพรวรู้มั้ยผมพ่อใคร”
แพรวไพลินงง
“ห๊ะ”
“งงอะดิ...บอกแล้วอย่าให้ผมใช้ไม้นี้”
“ได้ ไม่ให้ฉันเข้าไปใช่มั้ย”
แพรวไพลินมองหน้าเจ้าหน้าที่กับองอาจแค้นๆ
“จะเอาแบบนั้นใช่มั้ย คอยดูละกัน”
แพรวไพลินมองหน้าเจ้าหน้าที่กับองอาจ แล้วเดินจ้ำออกไป องอาจกับเจ้าหน้าที่มองหน้ากันงงๆ
แพรวไพลินเดินจ้ำมาที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว
“เอาตั๋วไปเชียงใหม่ใบนึง”
“เดินทางเมื่อไหร่ดีคะ”
“เดี๋ยวนี้”
“ห๊ะ...”
“เดี๋ยวนี้ไง ไม่ได้ยินรึไง”
พนักงานเช็คในคอม
“ตั๋วไปเชียงใหม่เร็วสุด จะเป็นวันพรุ่งนี้ช่วงเช้านะคะ”
“แล้ววันนี้มันไม่บินกันแล้วรึไง”
“มีบางเที่ยวบินงดเพราะสภาพอากาศค่ะ”
“เออ งั้นฉันจองใบนึง แล้วเที่ยวบินที่เร็วสุดมีไปไหน เอาอีกใบนึงด้วย”
พนักงานงงๆ
องอาจขอโทษขอโพยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประตูทางเข้า
“ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้วุ่นวาย”
เจ้าหน้าที่ยิ้มๆ องอาจกำลังจะเดินออกไป แพรวไพลินก็เดินถือตั๋วเครื่องบินมาพอดี แพรวไพลินยื่นตั๋วให้องอาจดู
“เป็นไง คราวนี้เข้าได้รึยัง”
องอาจดูตั๋ว
“โอ้โห คุณแพรวจะไปภูเก็ตทำไมน่ะครับ”
“เรื่องของฉัน”
แพรวไพลินดึงตั๋วมาจากมือองอาจแล้วเอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ ส่งสีหน้าเยาะเย้ยให้เจ้าหน้าที่และองอาจ
“เป็นไง คราวนี้ฉันผ่านไปได้แล้วใช่มั้ย”
เจ้าหน้าที่ดูตั๋ว
“เชิญครับ”
“แต่ฉันไม่ไป”
แพรวไพลินฉีกตั๋วเยาะเย้ยองอาจกับเจ้าหน้าที่
“เป็นไงเจ็บใจมั้ยล่ะ ให้ฉันผ่านไปได้แล้วใช่มั้ย แต่ฉันไม่ไป” แพรวไพลินหัวเราะสะใจ “ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร”
เจ้าหน้าที่กับองอาจมองหน้ากันงงๆ ไม่เข้าใจการกระทำของแพรวไพลินที่เดินเชิดๆไป
“นี่มันบ้าหรือมันดีวะเนี่ย เราควรเจ็บใจด้วยเหรอ...อะไรของเค้า”
องอาจกับเจ้าหน้าที่มองหน้ากันงงๆ
ที่บ้านพักริมทะเล...ยูกิถูบ้านอยู่งกๆ ซีซีเดินมาจ้ำจี้จ้ำไชเธอ
“นี่ อย่าให้เหลือฝุ่นแม้แต่นิดเดียวนะ ถ้าฉันเจอฝุ่นอยู่ตรงไหน ฉันจะให้เธอเริ่มทำใหม่หมด”
ยูกิมองอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ทำความสะอาดต่อไป ซีซีนั่งเอกเขนกบนเปล กินขนม เธอแกล้งยูกิโดยโปรยเศษขนมตกลงพื้น
“อุ๊ย แย่จัง”
ยูกิมองไม่พอใจนัก แต่เธอก็เข้าไปกวาดเศษขนมที่หก แต่พอเธอกวาดเสร็จ แล้วเดินไปทำความสะอาดที่อื่น ซีซีก็แกล้งทำขนมหกอีก ยูกิต้องเดินมากวาดซ้ำๆ ยามาดะแอบมองอย่างสงสาร
ช่วงบ่าย ยูกิต้องแบกน้ำจืดที่ไปตักมาสองถังบนคาน เดินเซไปเซมาเพราะความหนัก เธอเดินมาจนใกล้โอ่งที่เก็บน้ำแล้ว แต่ซีซีก็เดินเข้ามาทำเดินชน จนยูกิล้ม น้ำหกบนทรายจนหมด ยูกิมองน้ำที่ซึมผ่านทรายอย่างเจ็บใจ
“อุ๊ย ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจน่ะ ไปตักมาใหม่ละกัน ก็แค่เดินไปหลังเกาะโน่นนนนเท่านั้นเอง”
ยูกิเจ็บใจ แต่เธอก็สะกดอารมณ์ตัวเองไว้ ยามาดะแอบมองอย่างเห็นใจ
ยูกิเดินย้อนจะไปที่แหล่งน้ำอีกครั้ง แบกถังน้ำบนคานเปล่าๆ เหงื่อโทรมกาย แต่เธอก็เห็นมีถังน้ำที่บรรจุน้ำเต็มสองถังวางไว้กลางทาง ยูกิหันมองซ้าย มองขวา แต่ก็ไม่มีใคร ยูกิยิ้ม รู้อยู่แก่ใจว่าใครทำให้เธอ ยูกิยกน้ำขึ้นคานทั้งสองข้าง วางถังเปล่าไว้แทน ตะโกนลอยๆ
“ขอบคุณนะ”
ยามาดะที่แอบดูอยู่ ยิ้มอยู่หลังต้นไม้
ที่สนามบินเชียงใหม่ รถตู้จากโรงแรมมาจอดรับเป็นไท กับนับดาว มีบอดี้การ์ดเตรียมคุ้มกันหนาแน่น นับดาวตื่นเต้นกับการได้เดินทางไปต่างจังหวัดครั้งแรกในชีวิต หันซ้ายหันขวา เอากล้องขึ้นมาถ่ายตั้งแต่สนามบิน
บอดี้การ์ดพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น
“เชิญขึ้นรถเลยครับ”
เป็นไทถามนับดาว
“เขาว่ายังไงน่ะครับยูกิ”
“ห๊ะ...อะไรนะ”
“เมื่อกี้คนหน้าเข้มเขาพูดว่าอะไร”
นับดาวงงๆ พูดมั่วๆ
“บอกให้ขึ้นรถเถอะ”
บอดี้การ์ดหันมาบอกเป็นภาษาญี่ปุ่นอีก
“เดี๋ยวพวกคุณต้องเข้าไปคุยกับบอสพรุ่งนี้นะ”
“เขาว่ายังไงอีก”
นับดาวพูดมั่วๆ
“ก็บอกว่า เขามารอเรา 2 ชั่วโมงแล้ว อากาศร้อนจัง”
“เหรอ จริงๆผมว่าก็ไม่ร้อนนะ อากาศกำลังดี”
“นั่นสิเนอะ คนนี้เขาขี้ร้อนน่าดู แหะ แหะ”
นับดาวกับเป็นไทขึ้นรถ บอดี้การ์ดปิดประตูแล้วไปนั่งข้างคนขับ รถตู้ขับออกไป
เป็นไท กับนับดาวมาเดินเล่นด้วยกัน นับดาวตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เห็นไปหมด เมื่อมานั่งในร้านอาหารพื้นเมือง เธอชี้เมนู
“คุณไท...นี่อาหารอะไรน่ะ”
เป็นไทจ้องหน้า
“คุณทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ทำอะไร”
“ทำเหมือนไม่รู้จักที่นี่ ทั้งที่ครอบครัวคุณก็มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นี่ แถมเคยมาใช้ชีวิตที่นี่ด้วย”
นับดาวเฉไฉ
“ก็คนมันไม่ได้กลับมาที่นี่นาน ก็ต้องตื่นเต้นที่ได้กลับมาเป็นธรรมดา”
“คุณน่าจะรู้จักข้าวซอยอยู่แล้วนี่”
“จำได้สิ กินบ่อย เอาสองชามเลย”
นับดาวทำเฉไฉ เป็นไทมองนับดาวอย่างเอ็นดู แต่ก็อดสงสัยนับดาวไม่ได้
อ่านต่อตอนที่ 7