ภูผาแพรไหม ตอนที่ 8
รถของแสงฉายแล่นไปตามทางที่มืดมิด พันทิญานั่งข้างๆ แสงฉายและลอบมองเขาด้วยความหลงใหล
“ยายแพรนี่ใช้ไม่ได้เลยนะคะ ก็รู้ว่าเจ้าเป็นห่วง ยังไปกับผู้ชายอื่น แถมยังเป็นแค่บอดี้การ์ดของเจ้า ... ใครรู้เข้า เขาจะคิดกันยังไง...น่าอายจริงๆ” พันทิญาเปรยออกมา
“มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณคิดก็ได้” แสงฉายบอก
“พันก็แค่เป็นห่วงเจ้าน่ะค่ะ … อยากให้เจ้าเผื่อใจไว้บ้าง เรื่องอย่างงี้ไว้ใจไม่ได้นะคะ ... ยิ่งยายแพรไม่มีใจให้เจ้าแต่แรก...แล้วมาเจอบอดี้การ์ดของเจ้า.... ท่าทางเขาก็ดูดี ... มีเสน่ห์ บางทียายแพรอาจจะไฝ่ต่ำก็ได้”
แสง ฉายได้ยินก็ยิ่งโมโห “หยุดพูดเถอะน่ะ”
พันทิญาเอื้อมมือไปจับมือแสงฉายทันที “พันเป็นห่วงเจ้านี่คะ ... ไม่อยากให้เจ้าผิดหวัง ถ้าหากงานแต่งงานที่เตรียมไว้ ไม่มีเจ้าสาวมาร่วมงาน”
แสงฉายมองมือพันทิญาที่จับอยู่บนมือตัวเองในขณะที่รถยังคงแล่นต่อไป
บุญศรีนั่งมองรูปถ่ายของชัยอยู่ภายในบ้าน น้ำตาของเธอรินไหลด้วยความคิดถึงลูกชายขึ้นมาจับใจ สักพักปรางแก้วก็เดินเข้ามา“คุณป้า ไปนอนพักก่อนเถอะค่ะ...จะสี่ทุ่มแล้วนะคะ “ ปรางแก้วบอก“จ๊ะ ... ภูกลับมาหรือยังจ๊ะ” บุญศรีถาม
“ยังค่ะ คุณป้า”
บุญศรีแปลกใจ “มัวทำอะไรอยู่...ดึกจนป่านนี้ น่าจะกลับมาแล้ว”
“อาจจะเข้าไปที่ทำงานมั๊งคะ... พี่ภูคงยังทำใจไม่ได้ กลับมาก็ต้องมาเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆ”“นั่นน่ะสิ .. พี่น้องเขารักกันมาก ...ใครคนหนึ่งไม่อยู่ อีกคนก็คงยากจะทำใจ” บุญศรีเสียงเศร้า ทันใดนั้นก็มีเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน “เอ๊ะ ใครมา...เดี๋ยวแก้วออกไปดูก่อนนะคะ” ปรางแก้วเดินออกไป บุญศรีมองตามด้วยความรู้สึกชื่นชมว่าปรางแก้วเป็นคนดีจริงๆ
ที่หน้าบ้านของภูผา พันทิญายืนอยู่กับแสงฉาย โดยมีธนา คม เชี่ยว และพลยืนเยื้องห่างออกไป สักพักธนาก็เดินเข้ามาให้ข้อมูล “บ้านนี้ ภูผาอยู่กับแม่และพี่ชาย ... พอพี่ชายเขาตาย ก็เหลือเขาอยู่กับแม่สองคน” แสงฉายยิ้มเยาะเชิงดูถูก “แค่นี้ ทำเป็นยะโส”
ประตูรั้วบ้านเปิดออกก่อนที่ปรางแก้วจะเดินออกมาและมองทุกคนอย่างแปลกใจ พันทิญาหันไปพูดกับแสงฉาย
“เดี๋ยวพันไปถามเองค่ะเจ้า”
แสงฉายพยักหน้า พันทิญาเดินเข้าไปหา ปรางแก้วมองอย่างแปลกใจ “ชักช้าจริง เรียกตั้งนาน” พันทิญาว่า“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ปรางแก้วถาม “ฉันเป็นพี่สาวของแพรไหม... คุณภูผาอยู่ไหม”
“พี่ภูผา....พี่ภูผาเกี่ยวอะไรด้วยคะ”
พันทิญาเริ่มรำคาญ “เขาอยู่ไหมล่ะ” “ยังไม่กลับค่ะ”
“ก็แค่นั้นแหละ” พันทิญาทำท่าจะหันหลังกลับแต่แล้วก็นึกขึ้นได้ “อ้อ ...เธอคงเป็นแฟนเขาล่ะสิ”ปรางแก้วเริ่มไม่พอใจ “คงไม่เกี่ยวกับธุระของคุณมั๊งคะ”
“คงไม่เกี่ยวหรอก ถ้าน้องสาวของฉัน ไม่หายตัวไป...เราก็เลยมาถามดู เห็นคุณภูผากับยายแพรสนิทสนมกัน ...ฉันก็เลยกลัวว่า เขาจะหายไปด้วยกัน”
พูดจบพันทิญาก็เดินเลี่ยงไปหาแสงฉาย ปรางแก้วมองตามแล้วก็อึ้งไปเพราะเริ่มคิดว่าทั้งสองอาจจะไปด้วยกันจริงๆ
รถของภูผาแล่นไปบนถนนท่ามกลางบรรยากาศกลางคืนที่ทั้งเวิ้งว้างและเงียบเหงา ภูผาขับรถไปเงียบๆ แต่ยังมีสายตาเจ็บช้ำ แพรไหมปลายตามองเขาด้วยความเห็นใจ“ส่งฉันแถวนี้ก็ได้” แพรไหมบอก “ทำไม กลัวเจ้าเข้าใจผิดเหรอ” ภูผาสวนขึ้นแพรไหมนิ่งไป ภูผาจึงพูดต่อ “น่าสงสารพี่ชัยนะ... เขาดีเกินกว่าจะคบกับคนใจสกปรก ที่เห็นเขาเป็นแค่ทางผ่าน พอได้เจอคนที่รวยกว่า...ก็ถีบหัวส่ง...นี่ ถามจริงๆเถอะ...อยากเป็นเจ้าหญิงจนตัวสั่นเลยใช่ไหม”“ใช่... รู้แล้วก็รีบพาฉันกลับบ้านซะ ถ้าเจ้ารู้ว่าคุณพาฉันมา เจ้าต้องโกรธแน่ๆ” ภูผากระชากรถให้เร็วและแรงขึ้น “... เบาๆ สิ ... ฉันยังไม่อยากตายนะ” แพรไหมบอก “ตายไปซะได้ก็ดีสิ ... ผู้หญิงหลอกลวงอย่างคุณ จะได้หมดไปจากโลกนี้ซะบ้าง” ภูผาว่า
“คิดเหรอว่า ถ้าฉันตาย เจ้าจะให้อภัยคุณ” ภูผากระชากรถให้แรงขึ้น แพรไหมร้องโวยวาย
รถแสงฉายแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแพรไหม ธนาและสมุนก้าวลงมาจากรถ คมเปิดประตูให้แสงฉายกับพันทิญาก้าวลงจากรถ ทั้งคู่หันไปมองก็เห็นรถภูผาแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแพรไหมพอดี แพรไหมทำท่าจะก้าวลงมาแต่ภูผาเอื้อมไปจับมือเธอไว้ “เดี๋ยว” ภูผาบอก
แพรไหมมองอย่างแปลกใจ ภูผาหยิบโทรศัพท์มือถือให้ แล้วทั้งคู่ก็ก้าวลงจากรถ แสงฉายเห็นแพรไหมยืนอยู่กับภูผาก็ยิ่งไม่พอใจแต่ก็พยายามเก็บอาการ
“ต๊าย นึกว่าหายไปไหน” พันทิญาได้ทีรีบใส่ไฟ “ที่แท้ก็ไปกับบอดี้การ์ดของเจ้านี่เอง ไปไหนกันมาล่ะ ตั้งดึกดื่นค่อนคืน”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดก็แล้วกันครับ” ภูผาบอก “จะไปรู้เหรอ ... ก็ผู้หญิง ผู้ชายไปกันสองต่อสอง” พันทิญาพูด ภูผาทำท่าจะตอบโต้ แต่แพรไหมหันไปมองแสงฉายก่อนจะหันไปหาพันทิญา“พอดี แพรไปช่วยคุณภูผาจัดการเรื่องงานศพพี่ชายคุณภูผาน่ะค่ะ กว่าจะเสร็จก็เลยดึกไปหน่อย” แพรไหมบอก
“อ้อ พี่ก็ลืมไปว่า แพรกับคุณภูผาสนิทสนมกัน... เพราะเคยช่วยเหลือกันมา” พันทิญาทำเสียงกระแหนะกระแหน
แสงฉายเดินเข้าไปหาแพรไหมแล้วฝืนยิ้ม“ที่จริง คุณน่าจะบอกผมก่อน ... ผมจะได้ส่งคนไปรับไปส่ง จะได้ไม่ลำบาก”
“อย่าเลยค่ะ...เรายังไม่ได้แต่งงานกัน...ฉันยังอยากจะมีอิสระที่จะไปไหนมาไหนได้บ้าง...ถ้าอยากควบคุมฉันล่ะก็ รอให้แต่งงานกันก่อนเถอะค่ะ” แพรไหมแขวะ แสงฉายหน้าตึง แพรไหมรีบเดินเข้าไปในบ้าน พันทิญาได้โอกาสใส่ไฟต่อทันที “ดูยายแพรสิคะ...เจ้าอุตส่าห์ตามหาด้วยความเป็นห่วง... จะขอบคุณซักคำ ก็ไม่มีแย่จริงๆ” พันทิญาหันไปหาเจ้าแสงฉาย “พันต้องขอโทษแทนน้องด้วยนะคะเจ้า”
“ไม่เป็นไรครับ ... ขอบคุณนะครับ คุณพันที่ช่วยผมตามหาคุณแพร” แสงฉายพูด
“พันต้องช่วยเจ้าอยู่แล้วล่ะค่ะ...เอ่อ เจ้าจะขึ้นไปดื่มอะไรร้อนๆก่อนไหมคะ” พันทิญาชวน“อย่าเลยครับ ดึกแล้ว ผมขอกลับไปพักผ่อนก่อนล่ะกัน”
พันทิญามองแสงฉายด้วยสายตาเจ้าชู้ “กู๊ดไนต์ค่ะเจ้า”
พันทิญาโบกมือให้แสงฉายก่อนจะหันไปมองภูผาแล้วยิ้มเยาะ แล้วเธอก็เดินเข้าบ้านไป แสงฉายเดินเข้าไปหาภูผาแล้วมองด้วยสายตาไม่พอใจ “คุณควรจะรู้นะว่า คุณแพรเป็นว่าที่เจ้าสาวของผม ต่อไปผมขอสั่งเด็ดขาด....ห้ามยุ่งกับคุณแพร” “คำสั่งของเจ้าอยู่นอกเหนือจากเงื่อนไขเรื่องงาน...ผมคงรับปากไม่ได้หรอกครับ”
ภูผาพูดอย่างไม่กลัวเกรงก่อนจะเดินไปที่รถ แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นไป แสงฉายไม่พอใจอย่างรุนแรง ธนาเดินเข้ามามองตามแล้วพูดกับแสงฉาย“จัดการมันเลยไหมครับเจ้า...มันนึกว่ามันเก่งมาจากไหน”
“ปล่อยให้มันอวดดีไปก่อน ... เรายังใช้ประโยชน์มันได้” แสงฉายบอก“แต่เจ้าเป็นนายจ้างของมันนะครับ....ถ้าปล่อยให้มันลามปามได้ อีกหน่อยมันก็จะหมดความเกรงใจเจ้านะครับ”
ธนาพูด ในใจของแสงฉายก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
แพรไหมอยู่ในชุดนอน เธอเดินออกมายืนที่ระเบียงแล้วเอามือแตะริมฝีปาก เพราะรอยจูบของภูผายังติดอยู่ในใจ แพรไหมอดนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอไม่ได้
แพรไหมหน้าง้ำขึ้นมาด้วยความเขินอายและหวั่นไหว ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องของเธอก็ดังขึ้น แพรไหมพยายามปรับสีหน้าก่อนจะเดินไปเปิดประตูก็เห็นพันทิญายืนอยู่ในชุดนอน“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” พันทิญาบอก “แต่นี่มันดึกแล้วนะคะ แพรจะนอน”
“ใครใช้ให้หายไปกับผู้ชายเป็นนานสองนานล่ะ” พันทิญาว่า พูดจบพันทิญาก็ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องทันที แพรไหมเจ็บช้ำที่ถูกพี่สาวย้อนแต่ก็ได้เพียงเดินตามเข้าไปในห้อง
“ถ้าพี่พันไม่เอาชื่อแพรไปใช้ แพรก็ไม่ต้องมารับผิดชอบหรอกค่ะ” แพรไหมบอก “พี่ไม่ได้บอกให้แกไปยุ่งกับเขานะ... เป็นคนดีไม่เข้าเรื่อง ญาติโกโหติกาเขาก็ไม่ใช่...แต่ไปงานศพเขาทุกวัน...ชาวบ้านเขาก็สงสัยเอาสิ”
“แพรคงวางเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างพี่พันไม่ได้หรอกค่ะ ถึงจะช่วยให้พี่ชายเขาฟื้นขึ้นมาไม่ได้ ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยอย่างพี่พัน”
“ตามสบายเถอะ...แล้วอย่าเผลอไปบอกอะไรเขาก็แล้วกัน... พี่ไม่อยากยุ่งด้วย”
แพรไหมน้ำตาคลอ “พี่พันไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ... ยังไงแพรก็ต้องรักษาคำพูดจนถึงที่สุด”
“ก็ดี...พี่จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย” พันทิญาเดินออกไป แพรไหมทรุดตัวลงนั่งแล้วร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้
เช้าวันใหม่ พิพัฒน์กำลังนั่งกินกาแฟอยู่ในห้องรับประทานอาหารในบ้านของเขา ในมือของพิพัฒน์ถือหนังสือพิมพ์แต่ใจลอยคิดถึงพันทิญา สักพักพิพิธก็เดินลงมาแล้วเอามือไปโบกไปมา “เป็นเอามากนะเฮีย” พิพิธแซว
“คนนี้เฮียรักจริง หวังแต่งนะโว๊ย”
“มันอยู่ที่ว่า เขารักเฮียจริงหรือเปล่า... เรื่องอย่างงี้ มันต้องตบมือทั้งสองข้างมันถึงถึงจุดหมาย... เผื่อใจไว้บ้างนะเฮีย ท่าทาง เขาก็ไม่ใช่เล่นๆนะ คุณพันของเฮียน่ะ” พิพิธเตือน “เรื่องของเฮีย...เฮียเอาตัวรอดได้ แกเถอะ...จีบเจ้าแสงมณีให้ติดก็แล้วกัน”
“ติดไม่ติดไม่รู้... แต่ตอนนี้ เจ้าไว้ใจให้ผมเข้านอกออกในบ้านได้แล้ว ไปก่อนนะครับ วันนี้ มีนัดกับเจ้า”
พูดจบพิพิธก็ยักคิ้วหลิ่วตาพร้อมทำหน้าทะเล้นใส่ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป พิพัฒน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปหาพันทิญาทันที
พันทิญาได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงกดรับ พอเห็นเป็นเบอร์ของพิพัฒน์เธอก็ทำหน้าเบื่อก่อนจะเขวี้ยงโทรศัพท์ไปข้างๆตัว วนิดาเดินมานั่งข้างๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู “ไม่รับล่ะจ๊ะ” วนิดาถาม
“ไม่เอาล่ะค่ะ จืดชืด น่าเบื่อจะตาย...ไม่เหมือนเจ้าแสงฉาย...เร้าใจกว่าตั้งเยอะ” พันทิญาบอก วนิดายิ้มอย่างสมใจแล้วได้โอกาสยุต่อ “แสดงว่า คนนี้ พันของน้ารักจริง”
“ใช่ค่ะ... ถ้าพันได้เป็นเจ้าสาวของเจ้า พันคงจะมีความสุขที่สุดในโลก ผู้หญิงทั้งประเทศต้องอิจฉาพันแน่ๆ...แต่เจ้าก็ดูจะใจแข็งเหมือนกันนะคะน้าดา”
“ผู้ชาย ต่อให้ใจแข็งยังไง ก็ต้องใจอ่อนกับเสน่ห์ของพันจนได้” วนิดาย้ำ
“แต่เจ้าก็ใจแข็งเหมือนกันนะคะคุณน้า ...ไม่รู้ว่ายายแพรมีอะไรดีนักหนา ขนาดหายไปกับบอดี้การ์ดของเจ้าตั้งนานสองนาน เจ้าก็ยังไม่โกรธ”
“คิดเหรอว่า เขาจะไม่ระแวง... ความระแวงนี่แหละที่จะทำให้เจ้าเปลี่ยนใจจากยายแพรได้” วนิดาบอก
พันทิญาได้ยินดังนั้นก็ทำตาวาวขึ้นมา เธอคิดว่าจะต้องทำให้เจ้าระแวงแพรไหมยิ่งขึ้นและภูผานี่แหละที่เป็นหมากสำคัญของเธอ
แสงมณีเดินมาถึงมุมสวยภายในบ้าน องครักษ์ที่ถืออุปกรณ์สำหรับเพ้นท์รูปเดินตามจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ดวงใจเข้ามาจัดอุปกรณ์วาดรูปให้เป็นระเบียบเรียบร้อย “ดวงใจไปนั่งพักก่อนเถอะจ๊ะ หญิงต้องการอะไรเดี๋ยวหญิงเรียกเอง” แสงมณีบอก “แต่ดวงใจกลัวว่า จะมีคนมากวนน่ะสิคะ”
ดวงใจปลายตามองก็เห็นทวีปกำลังเดินสำรวจความปลอดภัยอยู่ “.. ลองกวนดูสิ....หญิงจะจัดการให้เผ่นแน่บไปเลย” แสงมณีบอก ดวงใจเดินเลี่ยงไปนั่งพักที่เก้าอี้ที่ถูกจัดวางไว้โดยมีองครักษ์คนหนึ่งคอยดูแล ทวีปยังคงเดินสำรวจความปลอดภัย พอมั่นใจแล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปยืนมองแสงมณีต่อ แสงมณีหันมาเห็นก็ถลึงตาใส่ ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะก้มลงร่างภาพของทวีปแต่จงใจวาดลายเส้นการ์ตูนให้หน้าตาดูตลกแล้วเธอก็หัวเราะด้วยความขบขัน ทวีปเห็นสีหน้าท่าทางของแสงมณีก็นึกสงสัยจึงเดินเข้ามายืนมอง “ผมไม่ได้อนุญาตให้คุณวาดรูปผมนะ” ทวีปบอก
“ใครใช้ให้มายืนขวางล่ะ...ฉันเห็นอะไรอยู่ตรงหน้า ฉันก็วาดไปสิ”
“ไม่รู้ล่ะ ผมมีลิขสิทธิ์ในร่างกายของผม ใครวาด ก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ไม่อย่างงั้น ผมจะฟ้อง กรมทรัพย์สินทางปัญหาว่าเจ้า ละเมิดลิขสิทธิ์ผม”
“เชิญตามสบาย... หวังว่าจะชนะนะ...จะได้เตรียมเงินไว้จ่ายให้ สามบาทได้ไหม ค่าลิขสิทธิ์ในร่างกายของคุณ” แสงมณีถามกวนๆ
“ดูถูก... คุณรู้ไหม มีคนติดต่อผมไปถ่ายแบบนู๊ดด้วยนะ...แต่ผมไม่ยอม แต่ถ้าเจ้าอยากวาดภาพนู๊ดผม...ผมคิดค่าตัวถูกๆให้เลย” ทวีปเข้ามากระซิบพร้อมทำหน้าทะเล้น
“บ้า....น่าเกลียด” แสงมณีเดินเลี่ยงไปด้วยท่าทางเขินอายแล้วทำเป็นแกล้งมองหาภาพมุมสวยที่จะวาดรูป ทวีปเดินตามไปยืนข้างๆ “ผมได้ข่าวบ้านเมืองของเจ้ากำลังวุ่นวาย ... มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเริ่มประท้วงเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ทวีปถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ทราบ...ฉันจะไปรู้เรื่องอะไรด้วย”
พูดจบแสงมณีก็เดินเลี่ยงไปที่ผ้าใบ เธอดึงกระดาษวาดรูปทวีปออกและยื่นให้เขา “ให้...จะได้ไม่ต้องพูดมาก”
“ผมอยากรู้จริงๆนะ เจ้ามีศัตรูที่ไหน... ผมอยากให้เจ้า ให้ความร่วมมือ ผมจะได้วางแผนการรักษาความปลอดภัยให้เจ้าได้ ที่คุณกับพี่ชายของคุณโดนลอบวางระเบิดไม่ใช่เรื่องเล็กนะ” ทวีปบอกแสงมณีพูดด้วยเสียงจริงจัง “คุณมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ฉัน ก็ทำไปเถอะน่ะ เลิกพูด เลิกถามได้แล้ว...ฉันจะวาดรูป”
แสงมณีลงมือวาดรูป ทวีปมองอย่างรู้ทันว่าแสงมณีกำลังเลี่ยงไม่ยอมตอบแต่เขาก็ยังไม่ยอมละความตั้งใจ
พิพิธขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแสงฉายก่อนจะก้าวลงมาจากรถพร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวสวย เขาเดินตรงมาและมองหาเจ้าแสงมณี พอเดินเข้ามาอีกหน่อยก็เห็นดวงใจนั่งอยู่จึงเดินตรงมา ดวงใจลุกขึ้นต้อนรับทันที
“คุณพิพิธ...” ดวงใจทัก “มานานหรือยังครับ คุณดวงใจ” พิพิธถาม“ซักครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ... เจ้ากำลังรอคุณพิพิธอยู่ค่ะ” “ขอบคุณครับ” พิพิธยื่นของฝากให้ดวงใจ “ของฝากเล็กๆน้อยๆจากใจดวงน้อยของผมครับ” “อุ๊ย... ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ” ดวงใจพูดแล้วยื่นมือไปรับ “คราวหน้าไม่ต้องหรอกค่ะ ดวงใจยินดีและเต็มใจช่วยคุณพิพิธอยู่แล้วค่ะ”
พิพิธยิ้มให้ดวงใจก่อนจะเดินตรงไปหาเจ้าแสงมณี
แสงมณียังคงยืนร่างรูปอยู่ โดยไม่สนใจว่าทวีปกำลังจ้องเธออยู่เพราะยังต้องการคำตอบ“คุณควรบอกความจริงกับผม...ไม่อย่างงั้น ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะดูแลคุณได้” ทวีปบอก
“ฉันไม่รู้จริงๆ” แสงมณีพูด“คุณต้องรู้สิ... พวกมันเป็นใคร...เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”
แสงมณีหันไปเห็นพิพิธเดินตรงมาก็ยิ้มด้วยความดีใจที่มีคนมาขัดขวางทวีปแล้ว “คุณพิพิธ... กำลังนึกถึงอยู่พอดีเลยค่ะ” แสงมณีโพล่งออกมา“จริงเหรอครับ...แสดงว่าใจเราตรงกัน” พิพิธยิ้ม
ทวีปหมั่นไส้ “ยุงบินว่อนเลย ... สงสัยจะดูละครน้ำเน่าบ่อย”
“เป็นแค่ รปภ....อย่ายุ่ง... หน้าที่หลักของคุณคือการรักษาความปลอดภัยให้คุณหญิง” พิพิธสวน ทวีปไม่พอใจจึงหันไปจ้องหน้าพิพิธ
“แต่ผมไม่ได้ถูกห้ามไม่ให้ต่อยหน้าคนที่ดูถูกคนอื่น”
พิพิธเห็นสีหน้าจริงจังของทวีปก็ตั้งท่าจะสู้ แสงมณีเดินเข้าไปขวางแล้วจ้องหน้าทวีป“กรุณาให้เกียรติเพื่อนฉันด้วย...คุณทวีป” แสงมณีพูดแล้วหันไปหาพิพิธก่อนจะแสร้งพูดจาอ่อนหวาน “ไปทานของว่างกันดีกว่าค่ะ คุณพิพิธ... บรรยากาศแถวนี้ ชักจะไม่ค่อยดีแล้ว” พิพิธหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ทวีปก่อนจะเดินตามแสงมณีไป ทวีปยิ้มเยาะแต่ก็หงุดหงิดที่เห็น แสงมณีให้ความสนิทสนมกับพิพิธ
อโณทัยเช็คข้อมูลจากไอแพดอยู่ในบ้านของเหล่านักฆ่า เขาเห็นข้อความ “ รีบจัดการเป้าหมาย ก่อนถึงวันยึดอำนาจ” อโณทัยดูข้อความด้วยความหนักใจ นาราเห็นท่าทางของเขาก็เดินเข้ามาถาม “มีอะไรหนักใจเหรอคะ อโณทัย”
“เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว... แต่ตอนนี้ พวกมันเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเราคงเข้าถึงตัวมันยากขึ้น” อโณทัยบอก
นาราเดินเข้าไปจับมืออโณทัยด้วยความเป็นห่วง “แต่เราก็ต้องหาโอกาสจนได้... ใจเย็นๆก่อนเถอะค่ะ อโณทัย ถ้าเราใช้สมองมากกว่ากำลัง...ยังไง โอกาสต้องเป็นของเราจนได้”
พิมเดินนำนทีและอรัญเข้ามา
“แต่ถ้าคิดช้า ทำช้า ... บางที เราอาจจะไม่มีโอกาสเลยก็ได้” พิมว่า
“แล้วจะทำไง ... ให้บุกเข้าไปฆ่ามันเลยอย่างงั้นเหรอ... พลาดขึ้นมาก็ตายหมู่” นาราสวน“คนอื่น คงไม่ตายหรอก...นอกจากคนมือไม่ถึง” พิมว่า นาราทำท่าจะพุ่งเข้าไปหา แต่นทีเข้าไปขวางเอาไว้ “ไม่เอาน่ะ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะฆ่ามันยังไงให้เสร็จตามแผนที่วางไว้”
พิมและนารายอมแยกออกจากกัน
แสงฉายยืนอยู่กับธนาที่บ้านของเขา“ของที่ส่งมาเรียบร้อยดีไหม” แสงฉายเอ่ยถาม“ครับ เจ้า ... แต่ก็เกือบไปเหมือนกันครับ ช่วงนี้ ตำรวจตรวจเข้มเหลือเกิน กว่าจะหาทางหลบเข้ามาได้...คนของเรา...ตายไปสอง แต่ของก็ยังลำเลียงมาไม่ถึง” ธนาบอก แสงฉายเครียด “ยังไงก็ต้องหาทางเอาเข้ามาให้ได้...ลูกค้ากำลังรอของอยู่”
“ครับ” ธนารับคำ แสงมณีเดินเข้ามา ธนาหันไปมองแสงฉาย“ไปได้แล้ว...อย่าลืมเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยนะ เราไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนอีก” แสงฉายสั่ง
ธนารับคำก่อนจะเดินเลี่ยงไป แสงฉายหันไปยิ้มกับแสงมณี“น้องหญิง....มีธุระอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“หญิงอยากจะเลี้ยงอาหารเย็นขอบคุณคุณภูผา เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตหญิงไว้น่ะค่ะ”แสงฉายได้ยินก็ไม่พอใจแต่ก็ไม่แสดงออกมากนัก “มันเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้วนี่ น้องหญิงคงไม่ลืมว่า เขารับจ้างทำงานให้เรา”
“แต่การที่เขายอมเอาชีวิตเสี่ยงช่วยหญิงกับ คุณแพรไหม เราก็ควรจะแสดงน้ำใจกับเขาบ้างนะคะ” แสงมณีบอก
“ก็ได้ ... ถ้าอย่างนั้น น้องหญิงก็ให้ดวงใจจัดเตรียมอาหาร แล้วก็โทรศัพท์ไปเชิญคุณภูผา....พี่จะไปรับคุณแพรไหมมาด้วย เขาจะได้รู้ว่า พี่กับคุณแพรไหมรักกันมากแค่ไหน” แสงฉายบอก แสงฉายยิ้มอย่างมีแผนการณ์เพราะเขาอยากจะให้ภูผาเลิกยุ่งกับแพรไหม แสงมณีมองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจนัก
ที่บ้านนักฆ่า พิมเดินมาในชุดทะมัดทะแมงเตรียมพร้อมจะออกปฏิบัติการ นทีเดินผ่านมาเห็นเข้าก็ทักขึ้น “พิม....จะไปไหน”
“อย่ามายุ่ง” พิมตอกกลับ“ไม่ยุ่งได้ยังไง ... เราเป็นเพื่อนกันนะ...ผมไม่ยอมให้คุณไป” นทีบอกพิมไม่ฟังเสียง เธอเดินไปที่รถ นทีเดินตามไป พิมกระชากปืนออกมาขู่“หลีกไป ... ไม่อย่างงั้น ฉันยิงคุณแน่”
พิมตรงไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว นทีตัดสินใจ เตรียมอาวุธ แล้วขับรถตามไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 8 (ต่อ)
แพรไหมกำลังนั่งออกแบบชุดผ้าไหมอยู่ในร้านของเธอ แบบที่เธอร่างไว้ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัย แสงฉายเดินเข้ามายืนมองด้วยความชื่นชม แพรไหมไม่ได้หันไปมองก็นึกว่าเลขาจึงพูดขึ้น “เสร็จแล้วจ๊ะ ... นรี...สวยไหม” แพรไหมยื่นให้ดู
“สวยมากครับ”
แพรไหมเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นแสงฉายยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า “ถ้าคุณได้เป็นเจ้าหญิงแห่งเชียงทวาย ผมเชื่อว่า คุณจะได้ใช้ความรู้ในการออกแบบเสื้อผ้าช่วยผู้หญิงที่เชียงทวายให้มีชีวิตความเป็นอยู่ได้แน่ๆ ที่บ้านของผม มีผ้าทอสวยๆเยอะแยะเลย...ขาดก็แต่แบบที่ทันสมัย” แสงฉายบอก
แพรไหมลุกขึ้นแล้วเดินเลี่ยงไป “แต่ฉันไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเจ้า...ไม่ว่าวันนี้ หรือวันไหน ฉันก็ขอยืนยันคำเดิม คนที่ฉันจะแต่งงานด้วย...ต้องเป็นผู้ชายที่ฉันรัก ไม่ใช่ คนที่ฉันแทบไม่รู้จักเลย”
“แต่ผมรักคุณ...แล้วผมก็เชื่อว่า ถ้าคุณให้โอกาสผม ผมจะทำให้คุณรักผมได้แน่ๆ”
“อย่ามั่นใจในตัวเองนักเลยค่ะ... คนอย่างฉัน ถ้าจะรักใคร ฉันไม่สนใจหรอกว่าเขาจะเป็นเจ้าชายมาจากไหน... ฉันรักเขา ก็เพราะเขาเป็นคนที่ฉันรัก แต่คนๆนั้น ไม่ใช่เจ้า”
แพรไหมกำลังจะเดินเลี่ยงไปแต่แสงฉายดึงมือเธอไว้ก่อนจะกระชากเข้ามาในอ้อมกอด“ก็ลองดูสิ ถ้าคิดว่า ผมจะยอมให้คุณไปรักคนอื่น”
แสงฉายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แพรไหมผลักอกเขาออกไปอย่างแรง
“คุณไม่ใช่เจ้าของหัวใจฉัน... คุณบังคับฉันไม่ได้หรอก”
แพรไหมเดินเลี่ยงไป แสงฉายมองตามและรู้สึกอยากเอาชนะ
ปรางแก้วในชุดพยาบาลเดินมานั่งซึมที่หน้าบ้านของเธอ เพราะเข้าใจว่าภูผาหายไปกับแพรไหมทั้งคืน ทวีปเดินเข้ามายืนมองน้องสาวด้วยความเห็นใจก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆ “คิดมากอีกแล้ว ... น้องสาวพี่”
“ใครบอกล่ะคะ ... แก้วไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย”
“ก็ดี พี่จะได้ไม่ต้องบอกว่า ตอนนี้ ไอ้ภู มันอยู่ที่ไหน....กับใคร” พูดจบทวีปก็ทำท่าจะลุกขึ้นและเดินไป ปรางแก้วดึงแขนพี่ชายเอาไว้“แล้วพี่ภูอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“มันก็อยู่ที่ทำงานนั่นแหละ... จะไปไหนได้”
“แน่ใจเหรอคะว่าไม่ได้อยู่กับใคร... เมื่อคืน พี่สาวคุณแพรไปตามหาคุณแพรที่บ้านพี่ภูผา... เขาสงสัยว่า อาจจะหายไปด้วยกัน” ปรางแก้วบอก
ทวีปเองก็แปลกใจเช่นกันเพราะภูผาไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่เขา
ลูกน้องของภูผากำลังซ้อมป้องกันตัวอยู่ที่บริษัทของภูผา ภูผายืนมองลูกน้องด้วยสีหน้าเครียดแต่ในใจคิดถึงแพรไหมที่ใกล้ชิดกับเขาหลายครั้งทั้งที่เชียงใหม่และที่โรงแรมม่านรูด เขาพยายามสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปจากใจ
“คนหลอกลวง” ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ภูผาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพอเห็นชื่อแสงมณีเขาก็แปลกใจก่อนจะกดรับ
“สวัสดีครับ เจ้า”
แสงมณียืนพูดโทรศัพท์กับภูผาอยู่ที่ระเบียงบ้านด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“คุณภูผาเหรอคะ ... ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย เย็นนี้ เชิญที่บ้านหน่อยนะคะ”
ภูผารับคำ แสงมณีจึงวางโทรศัพท์แล้วยิ้มหวานฉ่ำ
ศุภลักษณ์เดินเข้ามาในร้านแพรไหมหลังจากออกไปพบลูกค้ามา แสงฉายเดินเข้ามายกมือไหว้ ส่วนแพรไหมยืนคุยกับลูกค้าในร้าน
“สวัสดีครับ คุณน้า” แสงฉายยกมือไหว้“สวัสดีค่ะ เจ้า มานานแล้วเหรอคะ”
“ซักพักน่ะครับ” ศุภลักษณ์หันไปมองแพรไหมอย่างขัดใจ “ยายแพรนี่ใช้ไม่ได้เลย ... ปล่อยให้เจ้ายืนรออยู่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ... ผมรอได้...คุณน้าไปไหนมาเหรอครับ”
“มีนัดกับลูกค้าต่างประเทศน่ะค่ะ...ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะมีออเดอร์ล๊อตใหญ่มาจากฝรั่งเศสต้นปีนี้...ถ้าโรงงานของเราเสร็จทันก็ดีสิคะ”
“ผมจะให้ผู้รับเหมาเร่งมือให้เร็วที่สุดครับ... จะได้ รองรับได้ทัน” แสงฉายบอก ทั้งสองคนยิ้มให้กันเพราะสมประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย แพรไหมเดินผ่านมา ศุภลักษณ์หันไปเรียก “ยายแพร ... มาคุยกับเจ้าสิลูก”
แพรไหมทำหน้าเบื่อแต่ก็เดินเข้ามา “เจ้าไม่เหงาหรอกค่ะ... มีคุณแม่คุยเป็นเพื่อนแล้วนี่คะ” แพรไหมบอก“เอ๊ะ ... ยายแพรนี่... เจ้าอุตส่าห์มาหา”
“ใครเชิญล่ะคะ...ก็อยากมาเอง”
“ดูพูดเข้า ลูกคนนี้นี่” ศุภลักษณ์หันไปหาแสงฉายด้วยความเกรงใจ “ต้องขอโทษแทนยายแพรด้วยนะคะเจ้า”
ศุภลักษณ์ยิ้มแหยๆ เพราะเกรงใจแสงฉาย แสงฉายหันไปมองแพรไหมด้วยความรัก “พาเจ้าไปหาอะไรทานสิลูก” ศุภลักษณ์บอก “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณแม่ เดี๋ยวเจ้าก็กลับแล้วค่ะ” แพรไหมปัด “แต่ผมคงไม่กลับคนเดียว เพราะผมมาที่นี่เพื่อรับคุณไปทานข้าวที่บ้านด้วย”
“ฉันไม่ ... “ แพรไหมจะปฏิเสธแต่แสงฉายขัดขึ้น“ไม่ไปไม่ได้นะครับ แสงมณีตั้งใจทำอาหาร เพื่อตอบแทนคุณภูผาที่ช่วยชีวิต”
พันทิญาเดินเข้ามาได้ยินเข้าพอดีก็รีบพูดขึ้น “คุณภูผาเนี่ยเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์นะคะ ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้ก็อดหวั่นไหวไม่ได้”
แสงฉายหันไปมองอย่างสนใจ พันทิญาได้ทีก็ใส่ไฟต่อ “ยายแพรก็เหมือนกัน .... พันก็เตือนแล้วเตือนอีกว่าอย่าไปยุ่งกับคุณภูผามาก เดี๋ยวเจ้าจะเข้าใจผิด ... แต่ก็ไม่เชื่อ งานศพพี่ชายเขา ยายแพรก็ไปทุกวัน”
แพรไหมมองพันทิญาอย่างคาดไม่ถึง ส่วนแสงฉายจ้องหน้าแพรไหมด้วยความหึงหวง
“หลังจากนี้ ผมคงไม่ปล่อยให้คุณแพรไปสนิทสนมกับคนอื่นแล้วล่ะครับ ....เดือนหน้าเราก็จะแต่งงานกันแล้ว คงต้องช่วยกันเตรียมงานแต่งงาน... แต่วันนี้ เราต้องไปด้วยกัน ... ขออนุญาตนะครับคุณน้า” แสงฉายพูด
แพรไหมทำท่าจะปฏิเสธ ศุภลักษณ์จึงตัดสินใจพูดออกมา“ไปกับเจ้าเถอะลูก ... ทางนี้ แม่ดูแลเอง”
แพรไหมทำหน้าเบื่อแต่ก็จำต้องเดินนำเขาไป พันทิญามองตามไปอย่างไม่พอใจ
ภูผาขับรถเข้ามาจอดที่บ้านแสงฉายก่อนจะก้าวลงมา โดยที่ดวงใจยืนรออยู่“คุณหญิงรออยู่ข้างใน...เชิญค่ะ” ดวงใจบอก ดวงใจเดินนำภูผาเข้าไปด้านใน
ภูผาเดินตามดวงใจเข้ามาแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นบรรยากาศด้านในถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม สักพักแสงมณีเดินออกมาต้อนรับในชุดสวย “ยินดีต้อนรับค่ะ คุณภูผา”
ภูผามองแสงมณีอย่างแปลกใจ แสงมณีเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน“ไม่ทราบว่าคุณหญิงมีธุระอะไรกับผม” ภูผาถาม
แสงมณีอมยิ้ม “รอให้พี่ชายกับคุณแพรไหมมาถึงก่อนนะคะ....แล้วหญิงจะบอก” ทันใดนั้น แสงฉายก็เดินมากับแพรไหม เมื่อใกล้จะถึงห้องแสงฉายก็เอื้อมไปจับมือแพรไหมเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แพรไหมหันไปทำตาดุและพยายามดึงมือออก“ปล่อยค่ะ” แพรไหมบอก “ทำไม...กลัวใครเข้าใจผิดเหรอ” แสงฉายสวน “เปล่า ... ฉันแค่ไม่อยากให้คนที่ฉันไม่ชอบขี้หน้า...จับมือ”
แสงฉายไม่ยอมปล่อย “แต่ผมชอบเอาชนะด้วยสิ”
แสงฉายเดินจับมือแพรไหมเข้ามา ภูผายืนอยู่กับแสงมณี ภูผาหันมาสบตากับแพรไหมแล้วยิ้มหยันอย่างดูแคลน
“คุณแพรไหม ... ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้เกียรติฉัน” แสงมณีพูด“ฉันต่างหากล่ะคะ ที่ต้องขอบคุณคุณหญิงที่เจ้าให้เกียรติเชิญฉันมาร่วมทานข้าวด้วย” แพรไหมบอก
“เราต้องมาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงขอบคุณคุณภูผาด้วยกันนี่คะ” ภูผาได้ยินก็เข้าใจเหตุผลที่แสงมณีเชิญเขามา แพรไหมหันไปมองภูผา แสงฉายก็หันไปมองหน้าภูผา
“น้องหญิงเขาตั้งใจจัดเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อขอบคุณที่คุณเสี่ยงชีวิตช่วยเอาไว้” แสงฉายบอก“ที่จริงก็ไม่น่าลำบาก ... ยังไงมันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว” ภูผาพูด
“อย่าเกรงใจเลยครับ .... แค่นี้ เล็กน้อยมาก...เทียบไม่ได้กับการที่คุณได้ช่วยคนที่ผมรักทั้งสองคนเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย... ผมก็เลยให้แสงมณีเชิญคุณมา”
ภูผาเริ่มเข้าใจสถานการณ์ แสงฉายหันไปโอบแพรไหม แพรไหมหันไปมองหน้าภูผาอย่างลำบากใจ
ดึกสงัด พิมปีนกำแพงบ้านแสงฉายเข้าไป องครักษ์เดินผ่านมา พิมพุ่งเข้าไปใช้มีดปาดคอองครักษ์จนล้มลงไป พิมวิ่งตรงเข้าไปหลบที่ต้นไม้ องครักษ์อีกสองคนหันมาเห็นก็ทำท่าจะร้องโวยวายขึ้นมา พิมเขวี้ยงมีดไปปักที่อกจนล้มลงไปทั้งสองคน แล้วพิมก็วิ่งตรงเข้าไปในบ้าน
หน้าบ้านของแสงฉายตกแต่งอย่างสวยงามแบบเชียงทวาย ภูผา แสงฉาย แพรไหม และแสงมณีเดินมาด้วยกัน ดวงใจและแม่บ้านสองคนยืนรอเพื่อดูแลเจ้านายอยู่ไม่ไกล แสงฉายเดินไปโอบแพรไหมเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แพรไหมเบี่ยงตัวหลบ แต่แสงฉายก็ไม่ยอม“ไม่ต้องอายหรอกครับ ... อีกหน่อยเราก็แต่งงานกันแล้ว” แสงฉายบอก“แต่ตอนนี้ยังไม่แต่ง...ฉันยังไม่คุ้นน่ะค่ะ” แพรไหมปัด“อยู่กันไปก็คุ้นเองครับ... แต่งงานกันแล้ว ผมจะพาคุณแพรไหมไปที่เชียงทวายที่บ้านผม มีภูเขาสวย อากาศเย็นสบายทั้งปี....อาหารพื้นเมืองของเราก็อร่อย”
แพรไหมปลายตามองภูผา ภูผายิ้มเยาะและรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างรุนแรง “คุณแพรไหมคงอยู่ได้สบายครับ ... เพราะเป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย... คบคนง่าย ... คงไม่ต้องปรับตัวมาก” ภูผาแขวะ
แพรไหมหน้าตึงขึ้นมาและเริ่มไม่พอใจขึ้นมาจึงพูดประชด
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย แต่คบคนง่ายคงไม่ใช่ ไม่อย่างงั้น ฉันคงไม่เลือกเจ้าหรอกค่ะ”แสงฉายยิ้มอย่างพึงใจแล้วหันไปมองแพรไหมด้วยความรัก “งานแต่งงานของเรา...คงต้องขอเชิญคุณภูผามาร่วมเป็นเกียรติด้วยนะครับ” แสงฉายพูด “ด้วยความยินดีครับ... ถ้าหากวันนั้นมาถึงจริงๆ”“แน่นอนครับ...ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว...เราจะแต่งงานกันอย่างแน่นอนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า” แสงฉายบอก
ภูผาชะงัก แสงฉายหันไปอ่อนหวานกับแพรไหม“จริงไหมครับคุณแพร” แสงฉายถาม แพรไหมพูดประชดภูผา “ค่ะ... จริงๆ แพรรู้สึกว่ามันนานเกินไปด้วยซ้ำ... ถ้าไม่เกรงใจคุณแม่ แพรอยากจะแต่งอาทิตย์หน้าด้วยซ้ำ..จะได้ย้ายไปอยู่เชียงทวายเร็วๆ”
ภูผาได้ยินก็อึ้งไปเพราะคิดไม่ถึงว่างานแต่งงานของแพรไหมจะเร็วขนาดนี้
พิมบุกเดี่ยวมาตามกำแพงบ้านแสงฉาย เธอเห็นธนายืนอยู่กับคม เชี่ยวและพลซึ่งต่างก็ดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ พิมกระชากปืนออกมา คมหันไปเห็นจึงตะโกน“มีคนบุกเข้ามา” ธนา คม เชี่ยวและพลกระชากปืนออกมา พิมตัดสินใจยิงปืนไปที่องค์รักษ์กลุ่มนี้จนเกิดการยิงต่อสู้กัน เชี่ยวหลบไปเข้ามุมแล้วมองอย่างมีลับลมคมใน ภูผาได้ยินเสียงปืนก็รีบวิ่งเข้ามา ในมือของเขาถือปืนและยิงโต้ตอบออกไป พิมถูกกระสุนเข้าที่แขนและตกอยู่ในวงล้อม ทันใดนั้นนทีก็พุ่งเข้ามากระชากตัวพิมออกไป
พิมและนทีต่อสู้กับธนาและคมอย่างดุเดือด ธนา คม และพลเสียที โดยพลถูกมีดแทง คมถูกนทีเตะกระเด็นไปชนกับขอบปูนจนสลบเหมือด ภูผาพุ่งเข้าไปต่อสู้กับนทีและพิมด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า นทีเห็นท่าว่าสู้ไม่ไหวจึงล้วงระเบิดควันออกมาโยนใส่จนควันฟุ้งกระจาย พอควันจางนทีและพิมก็หายตัวไปแล้ว
นทีประคองพิมที่ถูกยิงที่แขนมาที่รถที่ซ่อนอยู่ นทีกระชากประตูรถออกออกมาแล้วก้าวเข้าไปสตาร์ทรถ ก่อนจะกลับไปประคองพิมมาขึ้นรถ พิมจับมือเขาไว้“ขอบใจมากนะ นที ที่มาช่วย...ไม่อย่างงั้น ฉันคงไม่รอด” พิมบอก“ผมปล่อยให้คุณตายไม่ได้หรอก” นทีพูดดด้วยความเป็นห่วง “คุณไม่น่าใจร้อนเลย”
“ฉันไม่อยากรออีกแล้ว.... อยากจบภาระกิจนี้เต็มที”
ธนา คมและเชี่ยววิ่งตามมา นทีหันไปเห็นจึงตะโกนลั่น
“พวกมันตามมาแล้ว...รีบหนีเร็ว”
นทีรีบกระชากรถออกไปอย่างรวดเร็ว ธนา ยิงปืนตามไป แต่ก็ไม่ทันเพราะรถของนทีแล่นหายไปในความมืดแล้ว
รถตู้ของแสงฉายแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านแสงฉาย องครักษ์ช่วยกันนำร่างขององครักษ์คนอื่นๆ และพล ลูกน้องของธนาที่บาดเจ็บสาหัสจนเลือดอาบร่างมาขึ้นรถ แสงฉายออกคำสั่ง
“รีบพาไปส่งโรงพยาบาล ... แล้วอย่าให้เรื่องยุ่งยากมาถึงฉันได้”
รถตู้แล่นออกไป แสงฉายมีสีหน้ากังวล ธนาเดินนำคมและเชี่ยวเข้ามาก่อนจะพูดกับแสงฉาย
“มันหนีไปได้ครับเจ้า” แสงฉายโมโหจัด เขาพูดเสียงเบาๆ พอให้ธนาได้ยิน“มันหยามกันมากเกินไปแล้ว”
“ผมขอโทษครับ ที่หละหลวม ไม่คิดว่า มันจะกล้าบุกเข้ามาถึงนี่” ธนาบอก
“หาทางจัดการมันซะ ... อย่ารอให้มันเล่นงานเราฝ่ายเดียว” แสงฉายบอก
แสงฉายพูดจบก็เดินเลี่ยงมาหาแสงมณี ภูผา และแพรไหมที่ยืนห่างออกไป ภูผาหันไปบอกแสงฉาย
“เจ้าน่าจะไปแจ้งความนะครับ”
“ไม่จำเป็น” แสงฉายตอบทันที “ผมดูแลตัวเองได้...คุณมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แสงมณี คุณก็ควรจะทำตามหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด...เรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ถ้าผมไม่รู้ว่า เจ้ามีศัตรูเป็นใคร...ผมคงวางแผนรักษาความปลอดภัยให้น้องสาวเจ้าได้ไม่ดีนัก... เจ้าไปใช้บริการคนอื่นเถอะ”
แสงฉายไม่พอใจอย่างรุนแรง ภูผาพูดจบก็เดินไป แสงมณีเดินไปดักหน้าภูผาเอาไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณภูผา...อย่าเพิ่งลาออกเลยนะคะ ฉันไม่ไว้ใจใครเท่าคุณเลย ช่วยฉันด้วยนะคะ...แล้วฉันจะคุยกับพี่ชายให้”
“ถ้าได้สรุปยังไง ค่อยโทรไปแจ้งผมล่ะกัน...ผมขอยืนยันว่า ถ้าจะให้ผมดูแลความปลอดภัยให้เจ้า ผมต้องรู้ว่า ผมกำลังสู้กับใคร จะได้ประเมินกำลังได้ถูก” ภูผาบอก
ภูผาทำท่าจะเดินเลี่ยงไป แพรไหมยืนละล้าละลัง แสงมณีหันไปพูดกับแพรไหม“พี่ชายคงยุ่ง...เดี๋ยวฉันให้คนขับรถไปส่งนะคะ”
แพรไหมเกรงใจ ภูผาหันไปมองอย่างฉุนเฉียวแล้วพูดขึ้น
“ถ้าไม่รังเกียจ จะติดรถผมกลับก็ได้นะ”
ภูผาเดินไปขึ้นรถ แพรไหมยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามไปขึ้นรถ ภูผาขับรถออกไป แสงมณีมองตามไปอย่างร้อนใจ ส่วนแสงฉายมองตามไปอย่างไม่พอใจภูผาอย่างรุนแรง
รถของภูผาแล่นไปตามถนนยามค่ำคืน แพรไหมนั่งเงียบอยู่ติดหน้าต่างเพราะเธอยังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภูผาปรายตามอง “อยากเป็นเจ้าหญิงแห่งเชียงทวาย ก็ทำใจหน่อยนะ”
“ฉันเชื่อว่าเจ้าจะดูแลฉันได้...” แพรไหมบอก“เจ้าได้ยินคงดีใจ... ที่คุณอยากเป็นเจ้าหญิงจนตัวสั่น...หรือว่า รักเขามาก จนยอมเอาชีวิตไปเสี่ยง...ทั้งที่รู้ว่ามีคนพยายามฆ่าเขา”
“คุณเข้าใจถูกแล้วนี่...ใช่ ฉันรักเขา...รักมากด้วย... เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เอาเปรียบผู้หญิงเหมือนคุณ”
ภูผากระชากรถอย่างแรงด้วยความโกรธ แพรไหมหันไปตวาดอย่างไม่พอใจ“คุณภูผา ... จอดเดี๋ยวนี้นะ ... ฉันจะลง...จอดสิ...ฉันโดดลงไปจริงๆด้วย”
“ถ้าอยากตาย ก็โดดลงไปสิ...ก็ดีเหมือนกัน วิญญาณพี่ชัยจะไม่ต้องเจ็บปวดที่ผู้หญิงที่เขารักนักรักหนา.. กำลังจะหนีไปแต่งงานกับคนอื่น”
“คุณต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“ใช่ ผมมันบ้า…เพราะคนเลวๆอย่างคุณ...อยากจะรู้นัก หัวใจคุณทำด้วยอะไร ถ้าฆ่าคนไม่ผิดกฏหมาย ผมไม่ไว้ชีวิตคุณแน่” ภูผาโกรธจัด
“ก็ฆ่าฉันเลยสิ...ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น” แพรไหมบอก “มันง่ายไป แพรไหม ... ตายไป คุณก็ไม่รู้รสชาดของความเจ็บปวดทรมาน ผู้หญิงหลอกลวงอย่างคุณ ต้องตายทั้งเป็นมันถึงจะสาสม”
พูดจบภูผาก็ขับรถตรงไปอีกทางแต่ไม่ใช่ทางที่จะกลับบ้าน แพรไหมเห็นก็ตกใจ รถของภูผาแล่นออกไปนอกเมือง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แพรไหมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู “เจ้า....” แพรไหมหันไปยิ้มเยาะ “พาฉันกลับเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างงั้น ฉันฟ้องเจ้าจริงๆด้วย” ภูผากระชากมือถือออกจากมือแพรไหมและเขวี้ยงออกไปนอกรถอย่างหงุดหงิด แพรไหมโมโหพุ่งเข้าไปแย่งพวงมาลัย ภูผาผลักแพรไหมออกไป
“อยากตายนักหรือไง...เดี๋ยวก็ได้ตายสมใจหรอก” ภูผาตะคอก แพรไหมจำต้องนั่งนิ่ง ด้วยความคับแค้นใจ
พิมยืนอยู่ในบ้านนักฆ่า เลือดไหลเต็มแขนของเธอ นทียืนอยู่ข้างๆ อโณทัยยืนอยู่กับนาราและอรัญ โดยไม่คาดคิดอโณทัยตบหน้าพิมอย่างแรงถึงสองครั้ง
“นี่คือการลงโทษ สำหรับคนที่ทำนอกเหนือคำสั่ง” พิมก้มหน้านิ่งน้ำตาคลอ นาราได้ทีก็ยิ้มเยาะ“สมน้ำหน้า อยากอวดเก่งดีนัก...ดีนะที่รอดมาได้” นาราเปรยออกมา “คนอย่างฉัน ไม่ตายง่ายๆ หรอก” พิมบอก “ถ้านทีไม่ไปช่วย คิดเหรอว่า เธอจะรอดกลับมา...อย่าคิดว่าตัวเองเก่งอยู่คนเดียว”
“แต่พิมก็เกือบทำงานสำเร็จนะ.. อโณทัย ...เราไม่ควรมาโทษกันเอง” นทีบอก “ถ้าต่างคน ต่างคิด ต่างคนต่างทำ แล้วจะมีหัวหน้าไว้ทำไม...ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ต่อไป ถ้าใครจะทำอะไร ต้องได้รับอนุมัติจากผมก่อน...ไม่อย่างงั้น เราก็ร่วมงานกันไม่ได้” อโณทัยบอก พิมเสียใจที่อโณทัยซึ่งเป็นคนที่เธอรักไม่เห็นค่าในสิ่งที่เธอทำ เธฮจึงเดินฮึดฮัดจากไป “ถ้ามันง่ายขนาดนั้น เราคงกำจัดมันได้ตั้งนานแล้ว” อรัญบอก “ถ้าไม่มีบอดี้การ์ดของมัน งานของเราก็คงไม่อยากขนาดนี้หรอก” นทีพูดขึ้น
“หรือว่า เราจะจัดการกับบอดี้การ์ดของมันก่อน” อโณทัยครุ่นคิด
ศุภลักษณ์นั่งอ่านนิตยสารรอแพรไหมอยู่ที่ห้องรับแขก วนิดาเดินเข้ามานั่งตรงข้าม“ยายแพรชักจะเหลวใหลใหญ่แล้วนะคะพี่ศุภ... ดูสิ ดึกดื่นป่านนี้ ยังไม่กลับบ้านอีก เห็นยายพันว่า ไปกินข้าวกับเจ้าแสงฉาย ... ข้าวต้มรอบดึกหรือเปล่าก็ไม่รู้” วนิดาใส่ไฟ
ศุภลักษณ์ไม่พอใจ “คนที่เธอกำลังพูดถึง เป็นลูกสาวของพี่...เป็นหลานเธอนะ”“เพราะเป็นหลานน่ะสิคะ..ดาถึงได้เป็นห่วง... ไม่อยากให้เจ้าว่าเอาได้...ว่าคนของเราทำตัวไม่เหมาะสม...มันจะเสื่อมเสียมาถึงพี่ศุภนะคะ”
“ยายแพรเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงรู้หรอกว่า อะไรสมควรไม่สมควร”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิคะ ... เจ้าจะได้ไม่เปลี่ยนใจ เอาตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งเชียงทวายไปให้คนอื่น”
อ่านต่อหน้าที่ 3
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 8 (ต่อ)
ศุภลักษณ์ยิ่งไม่พอใจและกำลังจะตอบโต้ ทันใดนั้นพันทิญาก็เดินเข้ามาในชุดนอน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พันทิญาเดินไปรับ
“ฮัลโหล...เจ้าเหรอคะ... โทรมาเสียดึกเชียว...มีอะไรหรือเปล่าคะ” พันทิญาถาม ศุภลักษณ์ลุกขึ้นแล้วนิ่งฟังอย่างร้อนใจ แสงฉายยืนพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้านของเขา “คุณแพรไหมกลับมาถึงหรือยังครับ ... พอดี ผมติดธุระด่วน ก็เลยไม่ได้ไปส่ง”
“ยังไม่เห็นนี่คะเจ้า” พันทิญาตอบ “ไม่ลองโทรเข้ามือถือยายแพรดูล่ะคะ”
“โทรไปแล้วครับ แต่ไม่ติด... ผมเป็นห่วงก็เลยโทรมาถามดู”
“ยายแพรอาจจะไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้ค่ะ....ถ้ายายแพรกลับมาพันจะบอกให้โทรไปหาเจ้าทันทีเลยค่ะ”
แสงฉายกดโทรศัพท์ปิดโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าแพรไหมหายไปกับภูผา
ศุภลักษณ์ร้อนใจหนักเมื่อรู้ว่า แพรไหมออกจากบ้านแสงฉายแล้ว แต่ยังไม่กลับมาถึงบ้าน พันทิญาทำหน้าเบื่อก่อนจะพูดขึ้น “ยายแพรชักทำตัวแปลกๆขึ้นทุกวันนะคะคุณแม่...ไปกับเจ้าอยู่ดีๆแท้ๆ กลับหายตัวไป ... ไม่ยอมกลับบ้าน ... ปล่อยให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่ได้”
“ก็คงจะหนีไปเหมือนทุกครั้งน่ะแหละ ... ถึงตอนนี้ พี่ศุภน่าจะตามใจยายแพรนะคะ” วนิดาเสริม “นั่นสิคะ คุณแม่.... ถ้ายายแพรไม่ได้รักเจ้าจริงๆ แต่งงานกันไป ก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ” พันทิญาพูด
“แต่เจ้ารักยายแพร” ศุภลักษณ์บอก “แม่เชื่อว่า วันหนึ่งความดีของเจ้าจะทำให้ยายแพรใจอ่อน” พูดจบศุภลักษณ์ก็เดินเลี่ยงไป พันทิญาหันไปยิ้มกับวนิดาอย่างสมใจ “มันอยู่ที่ว่า เจ้าจะได้แต่งงานกับยายแพรหรือเปล่าน่ะสิคะ ถ้ามีผู้หญิงอื่นที่น่าสนใจกว่า” พันทิญาบอก
“อย่าบอกนะว่า เจ้าแสงฉายเริ่มจะหลงเสน่ห์หนูพันของน้าเข้าให้แล้ว” วนิดาถาม “ถ้าพันอยากได้ซะอย่าง ... คนอย่างเจ้า ไม่มีทางรอดมือไปได้หรอกค่ะ”
พันทิญาหัวเราะอย่างมั่นใจ วนิดาสวมกอดพันทิญาด้วยความรัก
รถของภูผาแล่นไปตามถนน ภูผาขับรถไปเงียบๆ แพรไหมเห็นปั๊มอยู่ข้างหน้าจึงคิดหาทางหนี “ฉันปวดท้อง ... อยากเข้าห้องน้ำ” แพรไหมบอก ภูผาขับรถตรงเข้าไปในปั๊มทันที “เชิญ” ภูผาบอก แพรไหมเปิดประตูแล้วก้าวลงไปจากรถ เธอหันมามองภูผาแว่บหนึ่งก่อนเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ภูผามองอย่างรู้ทัน
แพรไหมเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิง เธอยืนอยู่หน้ากระจกและลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจย่องออกไปอีกทาง พอเห็นว่าพ้นสายตาของภูผาแล้วเธอก็ดีใจ “รอไปเถอะ... เชอะ...คิดเหรอว่า จะเอาตัวฉันไปได้ ... นายบอดีการ์ดหน้าดุ”
แพรไหมทำท่าจะวิ่งหนีไปอีกทาง แต่แล้วก็ต้องตกใจถึงกับหยุดกึก เมื่อเห็นภูผายืนขวางอยู่ “คุณ ...”
“จะไปไหน...” ภูผาถาม
“ไปไหนก็ได้ ที่ไม่ต้องไปกับคุณ” แพรไหมทำท่าจะวิ่งหนีไป ภูผากระชากแขนจนร่างของเธอเซเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขา ภูผาจ้องแพรไหมด้วยสีหน้าเข้ม “...คุณหนีผมไปไหนไม่พ้นหรอก... ไป....” ภูผาลากแขนแพรไหมให้เดินออกไป แพรไหมดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยฉันนะ....ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ผู้ชายจะข่มขืน ช่วยด้วย” แพรไหมหันไปร้องตะโกนสุดเสียง คนหลายคนวิ่งตรงมาดู ภูผากระชากตัวแพรไหมเข้ามากอดหันไปยิ้มกับทุกคน “ขอโทษด้วยนะครับ ภรรยาผมเขาสติไม่ค่อยดี ชอบคิดว่าตัวเองจะถูกทำร้าย ผมก็เลยจะพาเขาไปรักษา”
“ไม่จริงนะคะ...เขาลักพาตัวฉันมา” แพรไหมบอก “เห็นไหมครับ... อาการเขาหนักจริงๆ บางที เขาก็ลุกขึ้นมาอาละวาด ร้องเอะอะโวยวาย บางทีก็ทำร้ายผู้คนที่เดินผ่านไปมา เขาเกือบฆ่าคนไปแล้วหลายคน” ภูผาบอก
ผู้คนที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยต่างเชื่อภูผาจึงพากันเดินแยกย้ายไป แพรไหมร้องตามหลังผู้คนเหล่านั้น
“อย่าเพิ่งไปสิคะ ช่วยฉันด้วย เขาโกหกค่ะ ฉันไม่ใช่ภรรยาเขานะคะ ช่วยด้วยค่ะ” แพรไหมพยายามร้องพลางดิ้นรน ภูผาจึงยกร่างเธอขึ้นพาดบ่าแล้วพาเดินออกไป แพรไหมร้องโวยวายไปตลอดทาง
นาฬิกาที่ข้างฝาบ้านภูผาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน บุญศรียังคงนั่งเย็บผ้ารออยู่ สักพักเธอก็เดินออกไปยืนมองที่ประตูบ้านด้วยความห่วงใยลูกชายคนเล็กที่ยังไม่กลับบ้าน
รถของภูผาแล่นไปตามถนนสายเปลี่ยว ภูผาขับรถตรงไปก่อนจะปรายตามอง เขาเห็นแพรไหมนั่งนิ่งอยู่ สายตาของภูผาอ่อนโยนลง สักพักเขาก็นึกถึงชัยที่กำลังนอนเจ็บและพร่ำรำพันถึงแพรไหม ภูผาจึงรู้สึกโมโหขึ้นมาอีก เขาเหยียบกระชากรถออกไปอย่างแรง แพรไหมหันไปร้องโวยวาย “คุณขับรถยังไง ... ฉันยังไม่อยากตายนะ”
“คนเลวๆอย่างคุณ ตายเสียได้ก็ดี...แผ่นดินนี้ จะได้ขาดผู้หญิงหลอกลวงไปซะบ้าง” ภูผาว่า
“ถ้าคุณคิดว่า ฉันเลวนัก...พาฉันมาทำไม...ปล่อยฉันไปตามทางของฉันสิ”
“อย่าเลย...ปล่อยคุณลงตรงนี้....เดี๋ยวก็ถูกโจรลากไปข่มขืนหรอก”
แพรไหมมองไปรอบๆ ทางที่เต็มไปด้วยความมืดและเปลี่ยว ภูผายิ้มเยาะก่อนจะขับรถต่อไป แพรไหมน้ำตารินไหลออกมาด้วยความคับแค้นใจ
“น้ำตาคุณอาจจะหลอกผู้ชายซื่อๆอย่างพี่ชัยได้ แต่ไม่ใช่ผมเลิกเล่นละครน้ำเน่าซะที...รำคาญ” ภูผาว่า
แพรไหมเม้มปากแน่นแต่ยังคงมีน้ำตายังรินไหล ภูผายิ่งหงุดหงิดจึงขับรถเร็วขึ้น แพรไหมกลัวจนต้องจับขอบประตูเอาไว้แน่น ทันใดนั้นภูผาก็จอดรถอย่างเร็ว เขาเปิดประตูรถแล้วเดินไปกระชากแขนแพรไหมให้เดินออกมา
“หยุดร้องไห้ซะที...ร้องไปมันก็ไม่ช่วยให้คุณเป็นนางเอกขึ้นมาได้หรอก คนที่ฆ่าคนอื่น จะโดยเจตนา หรือไม่เจตนา...ก็เลวพอๆกัน”
“ฉันไม่ได้ฆ่าเขา” แพรไหมสะอื้นไห้ “แต่คุณเป็นตัวการ...คุณรู้นี่ว่าพี่ชัยรักคุณมาก... แต่พอเห็นว่าเขาจน ด้อยกว่าเจ้าแสงฉายทุกอย่าง...คุณก็หาทางกำจัดเขาออกไปจากชีวิต เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องมาขัดขวางงานแต่งงานของคุณ...ใช่ไหม...ใช่ไหม” ภูผาตะคอก
ภูผากระชากแขนแพรไหมแล้วเขย่าตัวอย่างแรง แพรไหมได้แต่ร้องไห้ เมื่อภูผาเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ก็ผลักแพรไหมอย่างแรงจนร่างของเธอเซถลาลงไปกับพื้น ภูผาเดินไปยืนสงบสติอารมณ์ แพรไหมมองเขาทั้งน้ำตา
ในบ้านแสงฉาย แสงฉายยืนนิ่งด้วยร้อนใจและโกรธแค้นที่แพรไหมไปกับภูผา สักพักธนาก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ แล้วมองด้วยความห่วงใย
“เจ้ายังไม่นอนเหรอครับ” ธนาเอ่ยถาม “ฉันข่มตาหลับไม่ลงหรอก ... จนกว่าจะได้ข่าวคุณแพรไหม” แสงฉายบอก “ผมสั่งคนของเราติดตามแล้วครับ อีกไม่นานคงรู้ว่า มันพาคุณแพรไหมไปไหน”
“มันหยามน้ำหน้าฉันมากเกินไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าคุณแพรไหมกำลังจะแต่งงานกับฉัน มันยังเข้ามายุ่ง”
“ก็สั่งสอนมันสิครับเจ้า มันจะได้รู้สำนึก ไม่กล้ายุ่งกับผู้หญิงของเจ้า” ธนาแนะนำ “คุณแพรไหม ไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงของฉัน... เขาเป็นผู้หญิงที่ฉันรัก และคู่ควรที่ฉันจะยกย่องให้เป็นราชินีแห่งเชียงทวาย ... แล้วที่สำคัญ...ถ้าฉันแต่งงานกับคุณแพรไหม เงินของเราก็จะถูกส่งมาฟอกที่เมืองไทยผ่านธุรกิจที่เรากำลังสร้างขึ้น... เบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจไทยได้แน่ๆ” แสงฉายพูด “ฉลาดหลักแหลมมากครับเจ้า”
แสงฉายยิ้มเหี้ยมก่อนจะพูดขึ้น “แต่ไอ้ภูผามันกำลังจะทำลายแผนการของฉัน...นี่ถ้าไม่ติดว่ามันช่วยแสงมณี... ฉันไล่มันออกไปแล้ว”
“แต่เราเตือนมันได้นี่ครับเจ้า”
ธนาบอก แสงฉายเห็นด้วย
เช้าตรู่วันใหม่ บรรยากาศชายทะเลสวยงาม พระอาทิตย์กำลังพ้นขอบน้ำทะเลกว้างไกลจนมองเห็นเกาะแก่ง เรือหาปลา เกลียวคลื่น ที่แล่นกระทบฝั่ง แพรไหมลืมตาขึ้น เธอหันไปเห็นภูผานอนหลับอยู่ บนรถก็ค่อยๆเปิดประตูก้าวลงไป
แพรไหมกำลังจะก้าวเดินแต่ก็ต้องร้องออกมาเพราะเจ็บข้อเท้า ร่างของเธอเซล้มลงไป ภูผาสะดุ้งตื่นแล้วรีบเปิดประตูลงมาประคอง เขาเห็นข้อเท้าของแพรไหมบวมช้ำ ภูผาจับข้อเท้าแพรไหม แพรไหมกระเถิบเท้าหนี
“อยู่เฉยๆเถอะน่ะ ไม่ได้อยากถูกเนื้อต้องตัวนักหรอก” ภูผาบอก
“แล้วมายุ่งกับฉันทำไมล่ะ”
“กลัวคุณจะตายเร็วไปหน่อย” ภูผาบอกแล้วเดินกลับไปที่รถ เขาหยิบยาแก้ฟกช้ำที่เขาพกประจำ เพราะต้องออกกำลังกายออกมา ก่อนจะกลับมาดึงขาแพรไหมออกแล้วใช้ยาป้ายและคลึง แพรไหมร้องด้วยความเจ็บ
“เบาๆ สิ...เจ็บนะ” แพรไหมโวย “สำออย ... แค่นี้ มันยังเจ็บน้อยกว่า พี่ชายผมที่ถูกคุณทิ้งเหมือนรองเท้าเก่าๆ”
แพรไหมคับแค้นใจที่ถูกว่าจนน้ำตาคลอ เธอผลักภูผาออกแล้วเดินกระเพลกไป ภูผามองตามไปอย่างแค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้ทั้งที่ใจอยากจะทำร้ายให้สาสม แล้วเขาก็เดินตามไป
แพรไหมเดินกระเผลกมา ภูผาเดินตามมากระชากแขนแพรไหมให้เดินกลับไป “จะไปไหน” ภูผาถาม
“ไปไหนก็ได้ ... ที่ไม่ต้องเจอคุณ” แพรไหมบอก “เสียใจด้วยนะ ... เรายังต้องเจอกันอีกนาน..มานี่”
ภูผากระชากแขนแพรไหมแล้วลากไปที่บ้านหลักเล็กๆแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมทะเล
ประตูห้องพักเปิดออก ภูผาลากแขนแพรไหมเข้ามาแล้วผลักเข้าไปในห้องพัก ก่อนจะเดินตามเข้ามา แพรไหมมองเขาด้วยความเจ็บใจ “คุณคิดเหรอว่า จะหนีพ้น..ถ้าเจ้าแสงฉายเขารู้ว่า คุณเอาตัวฉันมา” แพรไหมแค้นใจ “ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเขารู้ว่า ว่าที่เจ้าสาวหายตัวไปกับผู้ชายทั้งคืน เขายังคิดจะแต่งงานกับคุณอยู่ไหม”
“แล้วคุณคิดเหรอว่าคนอย่างเขาจะไม่ส่งคนตามหาฉัน คุณก็รู้นี่ เขามีทั้งเงิน...มีทั้งคนเยอะแยะ...ถ้าเขาคิดจะทำอะไรคุณ คุณสู้เขาไม่ได้หรอก...ปล่อยฉันไปเถอะ” “ปล่อยแน่...แต่ไม่ใช่วันนี้....คุณต้องอยู่กับผมจนกว่าผมจะพอใจ” ภูผาขู่
แพรไหมมองไปรอบๆ “นี่...คุณภูผา...อย่าบอกนะว่า คุณจะอยู่ห้องเดียวกับฉัน”
ภูผาเดินเข้ามาจ้องหน้าแพรไหม “อย่าโวยวายไปหน่อยเลย ... ทำยังกับไม่เคยนอนห้องเดียวกัน”
ภูผาหันหลังไป แพรไหมหันซ้ายแลขวาด้วยความโกรธในสิ่งที่เขาทำกับเธอ แพรไหมจึงยกหมอนขึ้นมาเขวี้ยงใส่ ภูผาพุ่งขึ้นบนเตียงแล้วจับมือของแพรไหมไว้ก่อนจะจ้องหน้านิ่ง
“อย่าทำให้ผมหมดความอดทน ไม่อย่างนั้น ผมไม่รับประกันว่า จะไม่รังแกผู้หญิง” ภูผาผลักแพรไหมลงไปกับที่นอนก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปที่ระเบียง แพรไหมเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เธอได้แต่มองเขาด้วยน้ำตาคลอ
พระเดินผ่านมาหน้าบ้านบุญศรี บุญศรีใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้ลูกชาย พระยืนให้พรแล้วเดินเลยไป บุญศรีเดินกลับเข้าไปในบ้าน ระหว่างนั้นคมกับเชี่ยวก็พุ่งเข้ามาล๊อคตัว บุญศรีทำท่าจะร้องแต่ถูกปิดปากเอาไว้ หลังจากนั้นเธอก็ถูกลากตัวเข้าไปในบ้าน
ประตูถูกถีบออกอย่างแรง ก่อนที่บุญศรีจะถูกคมเชี่ยวลากตัวเข้ามาในบ้าน ธนายืนรออยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย บุญศรีมองอย่างตกใจกลัว “พวกแกต้องการอะไร” บุญศรีถาม “ลูกชายแกไปไหน” ธนาถาม “ฉันไม่รู้...ไม่รู้จริงๆ” ธนาตบหน้าบุญศรีจนเลือดกลบปาก “แกจะบอกได้หรือยัง” ธนาถามย้ำ “ฉันไม่รู้....เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน” บุญศรีบอก ธนากระชากปืนออกมา แต่คมห้ามไว้ “แค่สั่งสอนก็พอแล้วมั๊งนาย...มันคงไม่รู้จริงๆ” คมปราม
ธนาเก็บปืนไว้ แล้วใช้ผ้าที่เตรียมมามัดมือมัดปากบุญศรีเอาไว้ บุญศรีพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่สู้แรงไม่ไหว ธนาและเชี่ยวช่วยกันมัดปากมัดมือและมัดเท้าจนเสร็จแล้วก็จับหน้าบุญศรีมาจ้องหน้านิ่ง
“บอกลูกชายแกว่าอย่ายุ่งกับคุณแพรไหม...ถ้าไม่อยากตายกันทั้งบ้าน” ธนาขู่ ธนาหันไปปัดข้าวของบนโต๊ะจนหล่นกระจายเต็มพื้น ก่อนจะเดินนำคมกับเชี่ยวออกไปแล้วปิดประตูลงอย่างแรง บุญศรีร้องไห้ด้วยความกลัวและตกใจ
พันทิญาขับรถมาที่หน้าบ้านแสงฉายก่อนจะก้าวลงมา วันนี้พันทิญาแต่งตัวสวยและเซ็กซี่เป็นพิเศษ ดวงใจเดินมารับด้วยสีหน้าเย็นชาเพราะไม่พอใจที่พันทิญามายุ่งกับแสงฉาย “เจ้ารออยู่ที่ห้องรับแขก ... เชิญค่ะ....” ดวงใจบอก ดวงใจเดินนำไป พันทิญามองตามไปอย่างไม่พอใจ “รอให้ฉันได้เป็นราชินีของเจ้าก่อนเถอะ...จะเฉดหัวออกให้หมดเลย” พันทิญาพึมพำ “หวังว่าจะได้เป็นนะคะ... “ ดวงใจแขวะ “นี่ .... เจ้านายของเธอไม่ได้สอนให้พูดจาให้มันดีกว่านี้เหรอ”
“ฉันรู้ค่ะว่าอะไรควรไม่ควร ... ใครมาดี ฉันก็ดีตอบ แต่คนที่ไม่ให้เกียรติคนอื่น ก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องให้เกียรติ”
พูดจบดวงใจก็เดินเลี่ยงไป พันทิญามองตามอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าไปในห้องรับแขก
แสงฉายยืนรออยู่ในห้องรับแขก พันทิญาปรับสีหน้าให้ดูเหมือนกำลังร้อนใจก่อนจะเดินเข้าไปหาแสงฉาย
“เจ้าคะ....” พันทิญาเรียก แสงฉายหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ “มาหาผมแต่เช้า ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” แสงฉายถาม
“ยายแพรน่ะสิคะ...จนป่านนี้ ยังไม่กลับมา...พยายามโทรเข้ามือถือก็ไม่ติด พันร้อนใจจังเลยค่ะ... ยายแพรยิ่งไม่ค่อยอยากแต่งงานกับเจ้าอยู่ด้วย นี่ถ้าเกิดยายแพร คิดสั้นหนีไปกับผู้ชายอื่นล่ะคะ” แสงฉายหน้าเครียด พันทิญาแกล้งเอามือปิดปาก “พันขอโทษค่ะ ถ้าเผลอพูดให้เจ้าไม่สบายใจ...พันคงเป็นห่วงน้องมากเกินไปน่ะค่ะ”
“เท่าที่ผมรู้...คุณแพรไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอ” แสงฉายถามกลับ “ถ้าจะมี ก็คงเป็นคุณภูผา บอดี้การ์ดของเจ้าน่ะค่ะ...พันเห็นเขาไปด้วยกันบ่อยๆ เจ้าไม่ลองให้คนไปตามที่บ้านคุณภูผาล่ะคะ ... เผื่อว่ายายแพรจะหลบไปอยู่ที่นั่น”
“ถ้าเขาจะไปด้วยกัน เขาคงไม่ไปที่บ้านหรอก” แสงฉายพูด “นั่นน่ะสิคะ... พันก็ลืมคิดไป...ต๊าย...งั้นก็หมายความว่า เขาพายายแพรไปที่อื่น โธ่ ยายแพร... ทำไมถึงได้ทำอย่างงี้นะ ... จะทำอะไร ช่างไม่คิดถึงใจเจ้าบ้างเลย” พันทิญาทำเป็นร้อนใจ
แสงฉายร้อนใจจนไม่มีแก่ใจจะคุยจึงหันกลับมาบอกพันทิญา “คุณแพรคงดูแลตัวเองได้ ... “ พันทิญาไม่พอใจขึ้นมาที่เจ้าแสงฉายยังมองแพรไหมในแง่ดี เธอจึงเดินไปยืนประจันหน้ากับเจ้าแสงฉาย
“ยายแพรเขาทำกับเจ้าขนาดนี้ เจ้ายังไม่เลิกล้มความคิดที่จะแต่งงานกับเขาเหรอคะ พันชักจะสงสัยแล้วสิคะว่าเจ้ารักยายแพรจริงๆ...หรือไม่มีปัญญาหาผู้หญิงอื่นกันแน่” แสงฉายโกรธจัดจึงกระชากแขนพันทิญาเข้ามาจ้องหน้า “มันเรื่องส่วนตัวของผม กลับไปซะ ก่อนที่ผมจะจับคุณโยนออกไป”
พันทิญายิ่งยั่ว “... ที่เจ้าโมโห เพราะเจ้าก็คิดเหมือนกันล่ะสิ...เจ้าขา...ยายแพรไปกับบอดี้การ์ดของเจ้าสองต่อสองนะคะ...ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันทั้งคืน...เจ้าเชื่อเหรอคะว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น...หรือเจ้าไม่ใช่ผู้ชาย พันจะได้รู้เอาไว้เจ้าไม่มีน้ำยาแค่เอาชนะใจผู้หญิงคนเดียวก็ยังทำไม่ได้” แสงฉายโกรธที่ถูกยั่วจึงกระชากพันทิญาเข้ามาจูบอย่างรุนแรง
แพรไหมนั่งซึมอยู่ที่ริมระเบียงรีสอร์ท ภูผาเดินออกมายืนมองด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ที่นี่ เป็นรีสอร์ทที่ครอบครัวของเราเคยมาพักด้วยกันตอนที่ผมกับพี่ชัยยังเด็ก” ภูผาบอก แพรไหมปรายตามอง ภูผายังคงพูดต่อด้วยสายตาเจ็บปวด “ล่าสุด ผมกับพี่ชัยเคยมาพักที่นี่ด้วยกัน เขาฝันถึงอนาคตกับผู้หญิงที่เขารัก จนกระทั่ง ถูกผู้หญิง ใจร้ายหลอกลวง แล้วสลัดทิ้ง อย่างเลือดเย็น...ทั้งที่เขาทุ่มเทให้ผู้หญิงคนนี้ มาตลอด เงินเก็บทั้งหมด...ก็ถูกสูบไปจนหมดไม่มีเหลือ”
ภูผาน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ แพรไหมรับรู้ถึงความเสียใจของเขา “ฉันยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นเลย....” แพรไหมบอก ภูผากระชากแขนแพรไหมเข้ามาจ้องหน้าอย่างโกรธแค้น “อย่าตีหน้าซื่อ ทำเป็นไร้เดียงสาหน่อยเลย ... มารยาสาไถหลายร้อยเล่มเกวียนของคุณตบตาผมไม่ได้หรอก”
“ปล่อยนะฉันเจ็บ...ปล่อยนะ..”
“อยากจะรู้นัก คุณทำยังไง พี่ชัยถึงได้หลงใหลคุณนัก... หรือว่าใช้ลีลาบนเตียง” ภูผาสบประมาท แพรไหมตบหน้าภูผาอย่างแรงด้วยความโกรธ ยิ่งทำให้ไฟแค้นในใจของภูผาลุกโชนยิ่งขึ้น เขากระชากแขนแพรไหมขึ้นมาแล้วโยนลงบนเตียง แพรไหมโมโหพุ่งเข้าไปทุบตีภูผาอย่างแรง ภูผาโมโหกระชากเข้ามาจูบอย่างรุนแรง แพรไหมพยายามดิ้นรนสุดกำลัง “ปล่อยฉันนะ..คนบ้า...คนเลว...ปล่อยฉันนะ... ถ้าไม่อยากให้ฉันฟ้องเจ้า” แพรไหมโวยวาย “ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน ถ้าเจ้ารู้ว่า ผู้หญิงที่เขารักนักหนา...มั่วผู้ชายไม่เลือก เขายังอยากจะได้ไปเป็นเจ้าหญิงของเขาไหม”
ภูผาระดมจูบอย่างหนัก แพรไหมดิ้นรนจนหมดแรงต้องปล่อยให้ภูผาจูบจนหนำใจ แพรไหมปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมา น้ำตาที่รินรดริมฝีปากภูผาทำให้เขาได้สติ ภูผาผลักแพรไหมออกไปก่อนจะเดินออกไปนอกห้องแล้วปิดประตูอย่างแรง แพรไหมร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ ภูผาก็ยืนน้ำตาคลออยู่หน้าห้องด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้น
ปรางแก้วในชุดพยาบาลถือกระเป๋าและถุงใส่ผลไม้มาที่บ้านภูผา พอเปิดประตูเข้ามา ปรางแก้วก็รู้สึกแปลกใจที่ประตูไม่ได้ล๊อค ปรางแก้วรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ประตูเปิดออก ปรางแก้วเดินเข้ามาในบ้านพอเห็นภาพตรงหน้าข้าวของก็หล่นกระจายเต็มพื้น “คุณป้า...คุณป้าคะ”
ปรางแก้ววางข้าวของ เธอเห็นบุญศรีถูกมัดปากมัดแขนติดอยู่กับเก้าอี้ ปรางแก้วรีบเข้าไปแกะเชือกออกอย่างร้อนใจ เธอเห็นเลือดเกราะกรังที่มุมปากของบุญศรีก็ยิ่งตกใจ
“ใครทำคุณป้าคะ” “ป้าไม่รู้...หนูแก้ว ช่วยป้าด้วย...ป้ากลัว”
ปรางแก้วประคองบุญศรีให้ลกขึ้นมานั่ง “ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณป้า...พวกมันไปแล้ว...คุณป้าปลอดภัยแล้วนะคะ” บุญศรีกอดปรางแก้วแน่น ปรางแก้วร้อนใจหนัก
อ่านต่อหน้าที่ 4
ภูผาแพรไหม ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทวีปกำลังขับรถไปที่ทำงาน สักพักเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขากดรับสาย “ฮัลโหล ...คิดถึงพี่เหรอยายแก้ว....อะไรนะ... “ ทวีปนิ่งฟังหน้าเครียด “ได้...พี่จะไปเดี๋ยวนี้” ทวีปกดปิดโทรศัพท์แล้วขับรถตรงไปบ้านภูผาทันที
ปรางแก้วกำลังใช้สำลีเช็ดเลือดที่เกราะกรังให้บุญศรีที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ “ยังเจ็บอยู่ไหมคะ คุณป้า” ปรางแก้วถาม “ค่อยยังชั่วแล้วจ๊ะ...ขอบใจมากนะจ๊ะหนูแก้ว...ถ้าหนูไม่มา ป้าก็ไม่รู้จะทำยังไง” บุญศรีบอก “แล้วพี่ภูไปไหนล่ะคะ”
“ป้าไม่รู้... ภูยังไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน” ปรางแก้วกังวลใจขึ้นมา ทันใดนั้นทวีปก็เดินเข้ามาอย่างร้อนใจ “คุณป้า...นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ...ใครทำคุณป้า”
“ป้าไม่รู้...ไม่เคยเห็นหน้าพวกมันเลย... มันขู่ว่า อย่าให้ภูผาไปยุ่งกับหนูแพรไหม...ถ้าไม่อยากตายกันทั้งบ้าน”
“เลวจริงๆ ... ทำร้ายได้แม้กระทั่งผู้หญิง” ทวีปโกรธ
“ภูล่ะลูก...ภูอยู่ไหน...ป้ากลัวเหลือเกินว่ามันจะทำร้ายภู”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ...คุณป้า.. ภูดูแลตัวเองได้” ทวีปปลอบ
“แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะลูก ... ทำไมยังไม่กลับบ้าน”
บุญศรีร้องไห้เพราะคิดถึงและเป็นลูกชาย ทวีปหนักใจ เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าภูผาอยู่ที่ไหน
แสงมณีกำลังวาดภาพอยู่ที่บ้านโดยมีอุปกรณ์วาดภาพอยู่ข้างๆ ทวีปเดินเข้ามายืนตรงหน้า แสงมณีเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่พอใจ ดวงใจเดินตามมาอย่างร้อนใจ
“คุณมาทำไม ... ฉันไม่ได้โทรไปตามซะหน่อย” แสงมณีถาม “ผมมีธุระสำคัญ จะถามเจ้า” ทวีปบอก “ดวงใจห้ามแล้วนะคะ ว่าคุณหญิงกำลังยุ่งอยู่ เขาก็ไม่ฟัง” ดวงใจบอก “ไม่เป็นไร ... ดวงใจไปทำงานต่อเถอะ”
ดวงใจอึกอัก “แต่” “ไม่ต้องห่วงหญิงหรอกจ๊ะ...ถึงหน้าตาเขาจะเหมือนโจร....แต่เขาก็เป็นตำรวจคงไม่ทำร้ายหญิงหรอก”
ดวงใจเดินเลี่ยงไป แสงมณีล้างมือแล้วเช็ดมืออย่างเป็นระเบียบ ทวีปจ้องหน้านิ่งด้วยสีหน้าร้อนใจ
“นี่ ผมกำลังร้อนใจอยู่นะคุณ”
“ก็ว่ามาสิ กำลังฟังอยู่”
“เมื่อเช้า มีคนบุกเข้าไปทำลายข้าวของและทำร้ายแม่ของภูผาที่บ้าน และขู่ว่าอย่ายุ่งกับคุณแพรไหม”
แสงมณี ตกใจแต่ก็ยังทำหน้านิ่ง
“ผมเป็นเพื่อนกับนายภู ผมรู้ดีว่ามันไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ... แล้วคนที่จะไม่พอใจถ้าหากนายภูไปยุ่งกับคุณแพรไหมก็มีแต่พี่ชายคุณ”
“อย่ามาปรักปรำพี่ชายฉันนะ...พี่ชายฉันจะไปทำอย่างงั้นเพื่ออะไร” แสงมณีย้อน “หึงจนหน้ามืดยังไงล่ะ”
แสงมณี ไม่พอใจที่ทวีปว่าพี่ชายของเธอ “หยาบคายเกินไปแล้งนะ...คนอย่างพี่ชาย คงไม่ทำเรื่องบ้าๆอย่างงั้นหรอก”
“คุณแน่ใจเหรอว่า รู้จักพี่ชายคุณดีพอแล้ว...บางที พี่ชายคุณอาจจะทำอะไร อีกหลายอย่างที่คุณไม่รู้...แต่ก็ไม่แน่...บางทีคุณอาจจะสมรู้ร่วมคิดก็ได้ เป็นพี่น้องกันนี่”
แสงมณีโมโหจึงยกมือขึ้นทำท่าจะตบหน้าทวีป แต่ทวีปจับมือไว้ก่อนแล้วทำท่าเหมือนจะกระชากตัวเข้ามาจูบแต่ก็ไม่จูบ
“อย่าคิดนะว่าผมจะจูบ”
“หยาบคาย” แสงมณีว่า “ผมจะหยาบคายยิ่งกว่านี้อีก...ถ้าคุณไม่หาทางเตือนพี่ชายของคุณ ว่าอย่าใช้วิธีสกปรกกับเพื่อนผม ... ไม่อย่างงั้น เจอกันแน่”
แสงมณีสะบัดมือออก ทวีปเดินเลี่ยงไป แสงมณีมองตามไปอย่างไม่พอใจ แต่ก็หนักใจ เพราะรู้ว่าพี่ชายของตัวเองเองก็ร้ายเหมือนกัน
แพรไหมยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงรีสอร์ต ภูผาเดินเข้ามาพูดกับเธอ “พี่ชัยเขาเป็นคนดี...เรียนดีมาตั้งแต่เด็ก.. สอบได้ที่หนึ่งมาตลอด เป็นความหวังของพ่อกับแม่มาตั้งแต่เด็ก ... แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อยากเป็นตำรวจเหมือนพ่อ ... แต่เขาก็เรียนในสิ่งที่เขาชอบจนจบ มีงานดีๆทำ...พอพ่อเสียเขาก็ทำงาน ส่งผมให้เรียนจน... ชีวิตเขาอาจจะไม่มีค่าสำหรับคุณ แต่เขามีความหมายกับครอบครัวของเรามาก... แต่คนอย่างคุณ คงไม่สำนึกหรอก... เพราะตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งเชียงทวายมันบังตาบังใจของคุณจนไม่เหลือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี”
แพรไหมทำท่าจะพูดอะไรออกมา แต่ภูผาเดินเลี่ยงไปก่อนจะพูดออกมาอีก
“ผมทำกับข้าวเสร็จแล้ว แต่ไม่รู้ว่า ว่าที่เจ้าหญิงแห่งเชียงทวายจะกินลงหรือเปล่า... เชิญ....” ภูผาเดินนำไปที่ห้องครัว แพรไหมเดินตามไป
ข้าวไข่เจียววางอยู่บนโต๊ะในครัวของรีสอร์ต ภูผาถือจานข้าวไข่เจียวสำหรับตัวเองเดินมานั่งลงตรงข้าม ภูผาลงมือกินข้าว ขณะที่แพรไหมนั่งนิ่งมองเขา ภูผาเงยหน้าขึ้นมอง “จะต้องให้ป้อนหรือไง” ภูผาถาม
“ฉันกลัวว่าคุณแม่จะเป็นห่วง...ขอโทรศัพท์ไปบอกก่อนได้ไหม” แพรไหมเจรจา “ลูกสาวหายตัวไปวันสองวัน...แม่คุณคงไม่ถึงกับขาดใจตายหรอก แต่แม่ที่ต้องสูญเสียลูกชาย ... ทุกข์ใจมากกว่าแม่คุณเป็นร้อยเท่า”
พูดจบภูผาก็กินข้าวต่อ แพรไหมนั่งมองทั้งที่หิวแต่ก็ถือทิฐิทำให้เธอนั่งเชิดหน้า ภูผายิ้มเยาะแล้วกินต่อไป
“ไม่กินก็ดี ไม่เปลือง” ภูผากินข้าวหน้าตาเฉย แพรไหมคับแค้นใจจนน้ำตาคลอ “คุณทำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ... ถ้าคุณคิดว่าฉันผิด...คุณก็ไปแจ้งความ หรือจะไปฟ้องเอาผิดฉันก็ได้ ... ไม่ใช่ลักพาตัวฉันมาแบบนี้”
“กฏหมายเอาผิดคนอย่างคุณไม่ได้หรอก” ภูผาเงยหน้าขึ้นมามองตาขวาง “จะกินไม่กิน ...”
แพรไหมตอบทันที “ไม่” ภูผาไม่พอใจอย่างแรง เขาหยิบจานข้าวขึ้นมาเขวี้ยงลงบนพื้น แพรไหมกรีดร้องด้วยความตกใจแล้วภูผาก็เดินออกไปอย่างแรง
ภูผาเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาเก่าในรีสอร์ต เขาเงยหน้าขึ้นมองรูปถ่ายแม่กับลูกชายทั้งสอง แล้วสายตาของเขาก็อ่อนโยนลง
ทวีปยืนอยู่ที่หน้าบ้านของภูผา ปรางแก้วเดินออกมาด้วยสีหน้าเครียด “คุณป้าล่ะ” ทวีปถาม “หลับไปแล้วค่ะ...” ปรางแก้วบอก “คุณป้าไม่น่าต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เลย... สัตว์นรกพวกนั้น มันก็เหลือเกิน...ทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้” ทวีปโกรธแค้น
“ช่วงนี้ แก้วมาอยู่เป็นเป็นเพื่อนคุณป้าก่อนก็ได้ค่ะ... จนกว่าพี่ภูผาจะมา” “เดี๋ยวพี่จะส่งลูกน้องมาดูแลก็แล้วกัน... ไอ้ภูนะไอ้ภู ... มันจะรู้ไหมเนี่ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของมัน”
“ลองโทรศัพท์ไปหาพี่ภูผาอีกไหมคะ”
“โทรไปเป็นร้อยครั้งแล้ว... แต่มันปิดเครื่อง...สบายใจเมื่อไหร่ มันคงติดต่อมาเอง” ทันใดนั้น สัญญาณโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทวีปรีบกดรับทันที “ไอ้ภู ...”
ทวีปอ่านข้อความที่ภูผาส่งมาหาเขา “ มีธุระด่วน ฝากดูแลแม่ด้วย ”
พันทิญาเดินหน้าตาระรื่นเข้ามาในบ้าน วนิดาที่รออยู่แล้วเดินเข้าไปหา “หน้าระรื่นมาเชียว... “ วนิดาทัก “ใช่สิคะ... สิ่งที่พันต้องการ ใกล้เป็นความจริงแล้วนี่คะคุณน้า” พันทิญาบอก “หมายความว่า เจ้าแสงฉายหันมาสนใจหนูพันของน้าแล้ว” วนิดาถาม น้อยเดินเข้ามาเห็นก็ย่องเข้าไปแอบฟัง “ไม่ใช่แค่สนใจนะคะ” พันทิญาบอก “เขากำลังหลงเสน่ห์พันเอาม๊ากๆ...นี่แค่เบาๆนะคะ ถ้าพันพลิกแพลงบทเรียนให้แอดวานส์กว่านี้...รับรองว่า เจ้าจะต้องหลงพันจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ” “ต๊าย ... อย่าบอกนะว่าหนูพัน เป็นของเจ้าแสงฉายแล้ว” วนิดาตื่นเต้น
น้อยที่แอบฟังอยู่ถึงกับสะดุ้ง “ต๊าย...เอาตัวเข้าแลก” น้อยพึมพำ พันทิญายิ้มอย่างสมใจ วนิดาเกิดกังวลใจขึ้นมาเพราะไม่คิดว่าพันทิญาจะทำถึงขนาดนี้ “จะดีเหรอจ๊ะหนูพัน” วนิดาถาม “เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนนะคะ น้าดา...ถ้าพันไม่งัดไม้ตายออกมาทำให้เจ้าสนใจ พันจะแย่งเจ้าแสงฉายมาจากยายแพรได้หรือคะ”
น้อยตกใจเพราะคาดไม่ถึง “โอ๊ว... แรงดี ไม่มีตกจริงๆ....”
พันทิญาได้ยินจึงหันมามองน้อย น้อยยิ้มแหยๆ ให้ “เสียมารยาทฎ พันทิญาว่า “ขอโทษค่ะ...น้อยไม่ได้ตั้งใจแอบฟังเลยนะคะ... พอดี น้อยเดินผ่านมา น้อยกลัวว่า คุณพันจะดุเอา ก็เลยหยุดฟัง...แต่น้อยสัญญานะคะ ว่าจะไม่เอาไปพูดต่อ น้อยกลัวว่า ถ้าใครรู้เรื่องที่คุณพันไปนอนกับเจ้า...เขาจะหาว่าคุณพันหน้าด้าน ไร้ยางอาย....อุ๊บ” น้อยเอามือปิดปาก พันทิญาหยิบหมอนอิงขึ้นมาเขวี้ยงใส่ น้อยวิ่งหนี วนิดายังวิตกกังวล
พิพัฒน์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านแพรไหม เขาก้าวลงมา น้อยเดินมาเห็นเข้าก็ชะงัก “เหยื่อรายต่อไป...ไม่น่าเลย...” น้อยพูดเบาๆ พิพัฒน์เดินมา น้อยเดินเข้ามาถาม “มาหาคุณพันเหรอคะ”
“ครับ ... ผมติดต่อเขาตั้งแต่เมื่อวาน เขาไม่ยอมรับสายเลย ไม่รู้ว่า เป็นอะไรหรีอเปล่า” พิพัฒน์บอก
“คงไม่มีเวลารับสายมั๊งคะ....”
“งานยุ่งเหรอครับ”
“ยุ่งค่ะ...ยุ่งมาก...ช่วงนี้ งานกำลังรัดทั้งตัว และหัวใจคุณพันค่ะ” น้อยบอก
พันทิญาเดินออกมามองอย่างไม่พอใจ “พูดมาก...จะไปไหนก็ไป....” พันทิญาว่า น้อยยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะเดินเลี่ยงไป พันทิญาเดินเข้าไปหาพิพัฒน์ พิพัฒน์ยิ้มหวานให้แล้วเอ่ยถาม
“คุณหายไปไหนมา...”
พันทิญาไม่พอใจ “พันจะไปไหนมาไหน มันก็เป็นเรื่องของพัน...อย่าลืมสิคะว่าเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน”
พิพัมน์งง “คุณไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า” “พันเหนื่อยน่ะค่ะ...กลับไปก่อนนะคะ...พันอยากจะพักผ่อน ถ้าพันอยากเจอคุณพัฒน์ เมื่อไหร่ พันจะโทรไปหาเองค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบพันทิญาก็เดินเลี่ยงไปอย่างไม่แยแส พิพัฒน์มองตามไปด้วยความไม่เข้าใจ
ประตูห้องพักที่รีสอร์ตถูกเปิดออก แพรไหมเดินออกมา เธอเห็นภูผานอนหลับอยู่ที่โซฟาด้านนอก แพรไหมเห็นกุญแจรถวางอยู่ที่มือของภูผาซึ่งวางอยู่บนอก เธอค่อยๆ ย่องไปหาเขาแล้วนั่งลงตรงหน้าของเขา แพรไหมตัดสินใจเอื้อมไปหยิบกุญแจรถจากมือของภูผา ขณะกำลังจะดึงกุญแจออก ภูผาก็พลิกตัว มือของเขายังจับกุญแจแน่นและรวบมือของแพรไหมเอาไว้ด้วย แพรไหมกลั้นหายใจเพราะกลัวภูผาตื่น พอเห็นภูผายังหลับเธอก็ค่อยๆ ดึงกุญแจรถออกมา ก่อนจะย่องไปเปิดประตูหน้าบ้าน เธอหันมามองภูผาตัดสินใจแล้วจึงเดินออกจากบ้านไป
ภูผาได้ยินเสียงสตาร์ทรถจึงลืมตาตื่นขึ้น หลังจากที่เผลอหลับที่โซฟา เขาตกใจเมื่อไม่เห็นแพรไหม“แพรไหม”
ภูผาเดินออกไปหน้าบ้าน เขาเห็นแพรไหมกำลังนั่งประจำอยู่ที่คนขับและกำลังจะขับรถออกไป แต่รถของภูผาค่อนข้างเก่าและมีปัญหาแพรไหมจึงยังออกรถไปไม่ได้ ภูผาตรงเข้าไปเปิดประตูรถแล้วลากแขนแพรไหมลงมา “คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ”
“ก็ยังดีกว่าทนอยู่กับคุณ” แพรไหมพูดแล้วสะบัดแขนจนหลุดออกจากมือภูผา แล้วเธอก็เดินเลี่ยงไป ภูผาเดินตามทันที
แพรไหมเดินเลี่ยงไปที่ชายทะเล ภูผาเดินไปกระชากแขนเธอเข้ามาใกล้แล้วจ้องหน้านิ่ง“คิดเหรอว่า ผมจะยอมให้คุณกลับไปแต่งงานกับเจ้าแสงฉายกลายเป็นเจ้าหญิงสูงส่ง...แล้วปล่อยให้พี่ชายผมตายไปฟรีๆ”
“คุณจะทำอะไรก็ทำสิ อยากจะทำร้ายฉัน อยากจะฆ่าฉัน ให้สาสมกับที่คุณคิดว่า ฉันทำให้พี่ชายคุณตาย ก็เชิญตามสบาย ... เอาสิ ... หรือว่าคุณอยากจะให้ฉันทรมานใจจนทนไม่ไหว....ฆ่าตัวตายไปเอง”“ถ้าเป็นอย่างงั้นได้ ... มันก็สมควรแล้วนี่... แต่คนเห็นแก่ตัวอย่างคุณ ไม่ฆ่าตัวตายหรอก มีแต่ฆ่าคนอื่น”
ภูผาบีบแขนแพรไหมแรงขึ้น แพรไหมสะบัดออกแล้ววิ่งหนีลงทะเลไป ภูผาวิ่งตามลงไป แพรไหมยิ่งหนีไปไกลขึ้น ภูผาเดินตามแพรไหมว่ายน้ำออกไปจนเป็นตะคริว แต่เธอก็ยังตะเกียกตะกายว่ายน้ำก่อนจะค่อยๆจมน้ำลงไป ภูผารีบวิ่งลุยน้ำลงไปช่วย ร่างของแพรไหมจมน้ำลึกลงไป ภูผาร้อนใจรีบเข้าไปควานหา“แพรไหม...แพรไหม...คุณอย่าเป็นอะไรนะ...แพรไหม”
ภูผาพยายามควานหาร่างของแพรไหมก่อนจะคว้าตัวแพรไหมขึ้นมาได้ เขาลากร่างไร้สติของแพรไหม กลับขึ้นฝั่ง ร่างแพรไหมนอนไร้สติอยู่บนพื้น ภูผาพยายามเรียกด้วยความร้อนใจและเป็นห่วง“แพรไหม... แพรไหม... ได้ยินผมไหม...อย่าตายนะ...ผมไม่ได่อยากให้คุณตาย ...แพรไหม...ทำไมคุณถึงได้ทำบ้าๆอย่างนี้...แพรไหม” ภูผาตะโกน
ภูผากดที่ท้องและพยายามเป่าปากช่วยให้แพรไหมหายใจ สักพักแพรไหมก็ค่อยๆ สำลักน้ำ ภูผาพลิกตัวแพรไหมเพื่อให้น้ำทะเลไหลออกมา แพรไหมค่อยๆ ลืมตาขึ้น “คุณช่วยฉันไว้ทำไม...ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย” แพรไหมถาม ภูผามองอย่างเย็นชา “ถึงผมจะเกลียดคุณมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณตายไปตอนนี้”
แพรไหมหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมา ภูผาอุ้มร่างแพรไหมกลับไปที่รีสอร์ท
พันทิญาเดินออกมาจากบ้าน น้อยเห็นเข้าก็เดินเข้ามาถาม “คุณพันจะไปไหนคะ”
“เรื่องของฉัน...อย่าสู่รู้ไปหน่อยเลยน่ะ” พันทิญาตอกกลับ“คุณผู้หญิงถาม น้อยจะได้ตอบได้ยังไงคะ...สมัยนี้ ยิ่งไว้ใจใครไม่ได้อยู่ด้วย” น้อยบอก “ฉันดูแลตัวเองได้น่ะ”“อย่าลืมเขียนชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรที่ติดต่อได้ไว้ด้วยนะคะ“
“ทำไม” พันทิญาถาม“เกิดมีคนไปพบร่างหญิงสาวไม่ทราบชื่อนอนหลับไหลไม่ได้สติอยู่ผับไหม บาร์ไหนหรือโรงแรมไหน ตำรวจจะได้โทรมาตามได้ถูกยังไงล่ะคะ”
“อีบ้า .... ปากเสียไม่เข้าเรื่อง ... จะไปไหนก็ไป” พันทิญาเดินไปเปิดประตูรถแล้วขับรถออกไป น้อยมองตามไปอย่างงงๆ“พูดผิดตรงไหนวะ”
เมื่อรถของพันทิญาแล่นออกไป พิพัฒน์ที่จอดรถซุ่มอยู่ก็ค่อยๆขับรถตามไปทันที
แสงฉายยืนอยู่กับธนาที่บ้านของแสงฉาย ทั้งคู่ต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด“พวกมันกล้าบุกเข้ามาถึงในบ้าน... ถ้าเราอยู่ที่นี่ต่อไป เราจะกลายเป็นเป้าให้มันเข้าโจมตี” แสงฉายบอก “ไม่ต้องห่วงครับเจ้า ผมจะให้คนของเรามาสมทบอีก ... พวกกบฏจะเข้ามาได้ ก็คงหายตัวเข้ามา” ธนาบอก
“เราประมาทไม่ได้ ... ตอนนี้ เราไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น เราจะย้ายไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้”“ที่ไหนครับ” ธนาถาม“ฉันกำลังให้คนจัดหาให้...ตกลงราคากันได้เมื่อไหร่ เราจะย้ายทันที..” แสงฉายพูดด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“ครับเจ้า ... แต่ตอนนี้ ผมว่า เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ ผมจะดูแลความปลอดภัยให้เจ้าด้วยชีวิตของผม”
แสงฉายมองธนาอย่างซาบซึ้งใจ เพราะเขารู้สึกว่าในเวลานี้มีแต่ธนาที่อยู่เคียงข้างเขา ทันใดนั้นก็มีเงาแว่บอยู่ที่มุมหนึ่ง ธนาหันไปมองตามก่อนจะหันมามองหน้าแสงสาย
เชี่ยวเดินมาที่มุมหนึ่งของบ้านแสงฉาย ก่อนจะกดโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาอโณทัย ธนาเดินเข้ามายืนมองอย่างไม่ไว้ใจ
“ทำอะไร” ธนาถามขึ้น เชี่ยวตกใจ “ปละ...เปล่าครับ” ธนากระชากโทรศัพท์มือถือไปอ่านข้อความ เขาเห็นข้อความบนจอมือถือ “มันกำลังจะย้ายบ้าน... รีบจัดการมัน ”ธนามองอย่างโกรธแค้น
“เสียแรงที่กูไว้ใจ...” เชี่ยวไม่สะทกสะท้าน “จะทำอะไรก็ทำสิ...แล้วอย่าคิดนะว่ามันจะรอดพวกกูต้องหาทางฆ่ามันจนได้” “ไม่มีทาง...คนที่จะตายก่อน คือมึง”
พูดจบธนาก็กระชากมีดออกมาจ้วงแทงเชี่ยว เชี่ยวล้มลงขาดใจตาย ธนามองศพเชี่ยวอย่างเลือดเย็น แสงฉายเดินเข้ามายืนมอง ธนาหันกลับมามองแสงฉาย“จัดการศพมันซะ” แสงฉายสั่ง “จับตาคนของเรา...ถ้ารู้ว่าใครเป็นสายพวกมัน...จัดการได้เลย”แสงฉายเดินเข้ามาในบ้าน ดวงใจเดินเข้ามาหา “คุณพันทิญามาหาค่ะ” ดวงใจบอก แสงฉายแปลกใจ แต่ก็พยักหน้ารับรู้ “เจ้าคะ... ดวงใจเกรงว่า จะไม่เหมาะ เจ้ากำลังจะแต่งงานกับคุณแพรไหมนะคะ” ดวงใจเตือน “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...ฉันรู้ว่า ควรจะทำยังไง”
แสงฉายเดินเลี่ยงไป ดวงใจมองอย่างเป็นกังวล พันทิญายืนรออยู่ แสงฉายเดินเข้ามา พันทิญาโผเข้าไปในอ้อมกอดของแสงฉาย “เจ้าขา....พันคิดถึงเจ้าที่สุดเลยค่ะ...คิดถึงจนทนไม่ไหว ต้องรีบมาหาเจ้า”“แต่คุณไม่ควรมาหาผมบ่อยๆ... ผมไม่อยากให้คุณแพรไหมรู้” แสงฉายบอก “ยายแพรคงไม่สนใจหรอกค่ะ...ป่านนี้ ไม่รู้ว่าไประริกระรี้อยู่กับใคร บ้านช่องก็ไม่ยอมกลับ”แสงฉายได้ยินก็ไม่พอใจ “หยุดพูดเถอะน่ะ”พันทิญายังยั่วต่อ “เผื่อใจไว้บ้างก็ดีนะคะ... ยายแพรดูซื่อๆใสๆก็จริง..แต่เรื่องผู้ชาย ไว้ใจไม่ได้หรอกนะคะ...ไม่อย่างงั้น ยายแพรคงไปตามผู้ชายไปหรอกไปกับใคร ไม่ไป...ไปกับบอดี้การ์ดของเจ้าเนี่ยนะ... ไม่รู้ว่าเห็นผิดเป็นชอบไปได้ยังไง ผู้ชายคนนั้น เทียบเจ้าไม่ได้เลยซักนิด” แสงฉายทำท่าจะเดินเลี่ยงไป แต่พันทิญารีบเดินไปดักหน้า“เจ้า...อยู่กับพันก่อนสิคะ” “คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมอยากจะพักผ่อน”
พันทิญาโผเข้าไปกอดแสงฉายแล้วแสร้งทำหน้าให้ดูน่าสงสาร“พันทราบดีค่ะ ว่าพันไม่ใช่คนที่เจ้าอยากจะแต่งงานด้วย...แต่พันก็ห้ามใจไม่ให้รักเจ้าไม่ได้ ให้พันมีโอกาสให้อยู่กับเจ้านะคะ...พันอยากจะเก็บความทรงจำดีๆนี้ไว้ในใจตลอดไป พันสัญญาค่ะ...ก่อนจะถึงวันที่เจ้าแต่งงานกับยายแพร..พันจะเป็นฝ่ายไปจากเจ้าเอง นะคะเจ้า...นะคะ”แสงฉายมองพันทิญาด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง
แพรไหมลืมตาตื่นขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ในชุดเสื้อคลุมของรีสอร์ท เธอตกใจเพราะคิดว่าภูผาคงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ แพรไหมทำท่าจะลุกขึ้น ภูผาที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้เข้ามาประคอง แพรไหมหันไปมองเขาอย่างไม่พอใจ“ใครใช้ให้คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉัน “แล้วจะให้คุณนอนทั้งที่เปียกๆ หรือไง” ภูผาย้อนถาม“ตายแล้ว....คุณก็เห็นอะไรๆ ของฉันหมดแล้วสิ....บ้าที่สุดเลย” แพรไหมเขิน
“มันไม่มีอะไรแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นหรอกน่ะ ... อย่ากลัวไปเลย ... ผมไม่ได้มองหรอก”
แพรไหมยิ่งเขินใหญ่ ภูผาเดินเลี่ยงออกไปจากห้อง ครู่หนึ่งพนักงานต้อนรับก็เดินยกถาดนมกับน้ำดื่มเข้ามาให้
“คุณผู้ชายกลัวคุณจะหิว ก็เลยให้เอานมร้อนๆ แล้วก็น้ำมาให้คุณทานก่อนค่ะ “ พนักงานบอก “ขอบใจค่ะ”“หนูเอาเสื้อผ้าของคุณไปซักแล้วนะคะ แล้วก็เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้วค่ะ”“ไม่ใช่เขาหรอกเหรอ...ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉัน” แพรไหมสงสัย พนักงานต้อนรับยิ้ม แพรไหมมีสายตาอ่อนโยนลง
จบตอนที่ 8
ติดตามอ่านภูผาแพรไหม ตอนต่อไป พรุ่งนี้