xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 14 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online





หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
 

ค่ำนั้น...อลิสาเอาหูแนบประตู แอบฟัง ได้ยินเสียงนับดาวร้องไห้

“ดาว...น้าขอโทษนะ...แต่น้าคงไม่กล้าบอกความจริงให้เธอฟังหรอก”
อลิสาเดินออกมา กำลังจะเข้าห้องตัวเอง
“แต่ว่า...ถ้าน้าไม่พูด ก็เหมือนปล่อยให้เธอตกนรกทั้งเป็นสินะ”
อลิสาเดินกลับมาที่หน้าห้องนับดาวอีกครั้ง
“แต่ฉันรับปากพ่อแม่แล้วว่าจะดูแลเธอแทนพวกท่าน ฉันต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง”
อลิสาเคาะประตู
“ดาว เปิดประตูให้น้าหน่อย น้ามีเรื่องสำคัญจะบอก”
นับดาวเปิดประตูห้อง
“มีอะไรเหรอคะน้า”
อลิสาอึกอักก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“คือว่า...น้า...น้าลืมจ่ายค่าไฟน่ะ เดี๋ยวน้าออกไปจ่ายก่อนนะ”
อลิสาเดินหนีออกมา นับดาวมองงงๆแล้วปิดประตู อลิสาโกธรตัวเอง
“ขอโทษนะดาว...น้าไม่กล้า น้ากลัวเธอโกรธ...”

ปราบอยู่ที่บ้านคนเดียว มองไปที่ห้องน้อยหน่า ที่ปิดประตูเงียบ มองไปที่ห้องนับดาวก็ปิดประตูเงียบ...ปราบมองรูปถ่ายนับดาวกับเฉาก๊วยที่เขาถ่ายเอาไว้
“ลองอีกซักตั้งวะ เดี๋ยวจะหาว่าไอ้หนุ่มบ้านไร่ไม่รักจริง”

วันใหม่...ตะวันวาดขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทาง จอดริมถนนของชานเมืองกรุงเทพ ในมือมีแผนที่ เขาถอดหมวกออก ดูซ้ายดูขวาตามที่แผนที่บอก
“ก็ตรงนี้นี่นา...ไหนอ่ะ บ้านใหม่ของน้อยหน่า”
ตะวันวาดมองบนแผนที่ มีกากบาทที่ด้านซ้าย เขียนว่าบ้านชนะชัย เขาเงยหน้าขึ้น มองไปด้านซ้าย เป็นปั๊มน้ำมัน
“ก็มีแต่ปั๊มน้ำมัน...หรือว่า...”
ตะวันวาดมองเข้าไปในปั๊ม เจอน้อยหน่าในชุดพนักงาน กำลังเติมน้ำมันให้รถคันหนึ่งอยู่
“เหยย...”

ตะวันวาดนั่งคุยกับน้อยหน่า ที่โต๊ะม้าหินข้างมินิมาร์ตในปั๊มน้ำมัน
“ปั๊มนี้พ่อจ๊อบเขามีหุ้น”
ตะวันวาดแปลกใจ
“พ่อจ๊อบ”
“ฉันตกลงกับเขาแล้วว่าจะเรียกเขาแบบนี้ ส่วนพ่อปราบน่ะเรียกพ่อเฉยๆ...ตอนนั้นเพื่อนพ่อจ๊อบเขายืมเงินแต่ไม่มีเงินใช้ เลยให้เป็นหุ้นปั๊มนี้ ก็ไม่ค่อยได้มาดูอะไรหรอก แต่ตอนนี้นี่เป็นกิจการเดียวที่เหลืออยู่ พ่อจ๊อบเลยก็มาทำที่นี่เต็มตัว ช่วยกันกับเพื่อน วางแผนเป็นเรื่องเป็นราว จะขยายต่อไปอีกหลายๆปั๊ม”
“แล้วย่าเธอล่ะ”
“เขาก็ขายรถขายบ้านใช้หนี้ แล้วก็มาอยู่กับพ่อจ๊อบที่นี่ เขารักฉันมากเลยนะ”
“แล้วเธอนึกไงมาเป็นเด็กปั๊มเนี่ย”
“สนุกดีออก ได้เรียนรู้งานด้วย เดือนนี้เป็นเด็กปั๊ม เดือนหน้าเป็นพนักงานร้านมินิมาร์ต”
“แล้วจะไม่กลับไปที่ไร่แล้วเหรอ”
“กลับสิ บ้านฉันอยู่ที่ไร่ แต่นี่มาหนุกๆไง เปิดเทอมก็ต้องกลับบ้านไปอยู่กับพ่อ”
ตะวันวาดโล่งใจ
“พอเข้ามหาลัย ก็อาจจะมาอยู่บ้านนี้ยาวหน่อย”
“แล้วเธอคิดถึงฉันบ้างรึเปล่าเนี่ย”
ทันใดนั้นมีเสียงกระแอมดังขึ้น ตะวันวาดสะดุ้ง หันมาเจอชนะชัยมายืนข้างหลังใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ตะวันวาดยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
น้อยหน่าหันมาแนะนำ
“นี่ตะวันวาด...พ่อจ๊อบเคยเจอเขาแล้ว จำได้รึเปล่าคะ”
“คนที่ร่วมมือกับลูก เอาจิ้งจกมาใส่แก้วน้ำพ่อใช่ไหม”
ตะวันวาดสะดุ้ง ยิ้มแหยๆ ชนะชัยมองอย่างตำหนิ
“แล้วมาคุยอะไรกันที่ลับตาแบบนี้”
ตะวันวาดงง มองรอบๆตัว ออกจะโล่งโจ้งลับตาตรงไหน
“คุยแป๊บเดียวค่ะ”
ชนะชัยพยักหน้า มองหน้าตะวันวาดแบบขู่ๆ แล้วเดินออกไป น้อยหน่าหัวเราะ
“ไม่มีอะไรหรอก เขาหวงฉันน่ะ ถ้ามีพวกหนุ่มๆขับรถซิ่งมา เขาจะให้คนอื่นไปเติมน้ำมัน ส่วนฉันเขาบอกให้เติมเฉพาะคันที่ผู้หญิงขับมา”
ตะวันวาดถอนใจ
“อาปราบไม่เห็นดุขนาดนี้”
น้อยหน่าขำๆ
“กลัวเหรอ”
“กลัวอะไร...ฉันจริงใจ ไม่เห็นต้องกลัวเลย”
“ดี งั้นเย็นนี้อยู่กินข้าวกัน”
ตะวันวาดชะงัก
“เอาจริงง่ะ ขนาดเมื่อกี้แป๊บๆ ยังดูมาคุยังไงไม่รู้”
“ไหนบอกไม่กลัว”
ตะวันวาดหน้าตามุ่งมั่น
“ไม่กลัว เอ้า...ลุยก็ลุย”
น้อยหน่าหัวเราะชอบใจ

บ้านชนะชัยดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับบ้านเดิม...ที่ห้องโถง ชนะชัย ชัชฎา ปรายฟ้า น้อยหน่า ตะวันวาด นั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะกินข้าว ตะวันวาดนั่งตัวลีบๆดูเกร็งๆ โดยเฉพาะชนะชัยมองตะวันวาดไม่วางตา ปรายฟ้าหันมาถามตะวันวาด
“เดี๋ยวกลางค่ำกลางคืน แล้วจะกลับยังไงเนี่ยตะวัน”
“ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาครับ”
ปรายฟ้าเป็นห่วง
“ระวังๆหน่อยละกัน ถ้าไม่ไหวจะค้างที่นี่ก็ได้นะ”
ตะวันวาดยิ้มบางๆ
“ไหวครับ”
ชนะชัยพูดขึ้นลอยๆ
“หัดขับรถสิ ไปไหนมาไหนปลอดภัยกว่า วันไหนมีเพื่อนไปด้วย เพื่อนจะได้ไม่เป็นอันตราย”
ตะวันวาดยิ้ม
“ครับ ผมเข้าใจครับ”
ชัชฎาหันมาถาม
“เป็นเพื่อนสนิทน้อยหน่าเหรอจ๊ะ”
ตะวันวาดอึกอัก
“เอ่อ...ครับ...ก็...เป็นเพื่อนค่อนข้างสนิทครับ”
น้อยหน่าโพล่งออกมาทันที
“เป็นแฟนค่ะ”
ตะวันวาดสะดุ้ง ชนะชัยชะงัก มองน้อยหน่ากับตะวันวาด ปรายฟ้ายิ้มๆ เมื่อเห็นตะวันวาดทำหน้าแหยๆ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เป็นแฟนก็บอกเป็นแฟน ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ถึงพามาให้ทุกคนรู้จักไงคะ หรืออยากให้คบกันแบบงุบๆงิบๆ ทำอะไรกันก็ไม่มีใครรู้ใครเห็น”
ชนะชัยกับชัชฎาอึ้ง
“พ่อจ๊อบกับคุณย่าไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หน่าเรียนหนังสือ หน่าอ่านข่าวสาร หน่ารู้ว่าอะไร
ควรไม่ควรค่ะ ใช่มั้ยตะวันวาด”
ตะวันวาดยิ้มให้ ชนะชัยฝืนยิ้มรับ
“อืม...ก็ดี...”
ปรายฟ้าตัดบท
“เอ้า ทานข้าวกันเถอะ”
ชนะชัยจะตักกับข้าว แต่จานกับข้าวอยู่ใกล้ตะวันวาดจึงรีบหยิบจานส่งให้
“นี่ครับคุณพ่อ”
ชนะชัยด่าทันที
“ทะลึ่ง”

ตะวันวาดจ๋อยไป ปรายฟ้า ชัชฎา น้อยหน่าแอบหัวเราะ




ชนะชัยกับน้อยหน่ามายืนส่งตะวันวาดที่หน้าปั๊ม ตะวันวาดไหว้ชนะชัย โบกมือลาน้อยหน่า แล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับออกไป น้อยหน่าหันไปหาพ่อ

“พ่อจ๊อบไม่ต้องห่วงนะคะ ตะวันวาดเขาเป็นเด็กดี เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว”
“เรื่องนั้นพ่อเชื่อ แต่หน่ากับตะวันยังเป็นเด็กอยู่ทั้งคู่ พ่อไม่ไว้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก”
“พ่อจ๊อบอย่าโกรธนะคะ แต่เรื่องของพ่อจ๊อบกับแม่น่ะ มันทำให้หน่าระวัง ไม่อะไรให้ผิดพลาดหรอกค่ะ”
ชนะชัยอึ้งไป
“พ่อดีใจที่ลูกได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของพ่อ...ปราบบอกพ่อว่าลูกเป็นเด็กฉลาด และเป็นผู้ใหญ่พอ ตอนนี้พ่อเชื่อสนิทใจเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน น้อยหน่าจับมือชนะชัย เดินกลับเข้าไปในบ้าน

วันใหม่...นับดาวมาถ่ายแบบที่สวนสาธารณะ การทำงานจบลง ทีมงานเก็บของ นับดาวกับอลิสาไหว้ล่ำลากัน นับดาวเดินออกมา ปราบซึ่งอยู่ในกลุ่มคนที่มุงดู เดินมาหา นับดาวทำหน้าเก้อ
“สวัสดีครับนับดาว”
“สวัสดีคุณปราบ”
“ขอเวลาผมสักนิดนะครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
“คุยกับน้าอะซ่าแทนละกัน ฉันไม่ว่าง”
นับดาวจะเดินจากไป ปราบจับมือไว้ นับดาวหันขวับมา ตาเขียวปั้ด
“ปล่อยมือฉัน”
“ไม่ จนกว่าคุณจะตอบมาก่อน ว่าทำไมคุณต้องหลบหน้าผม”
“เฮอะ ฉันน่ะเหรอจะหลบหน้าคุณ...เข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันไม่อยากเจอหน้าคุณต่างหาก”
“แล้วมันไม่เหมือนกันยังไง”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่จำเป็นต้องหลบหน้าใคร”
“พูดอย่างนี้ แปลว่าผมทำอะไรผิดงั้นสิ ผมทำอะไรผิดเหรอ”
“ฉันไม่อยากพูด”
อสิสารีบเข้ามาแทรก
“ไม่อยากพูดก็ดีแล้ว กลับบ้านกันเถอะดาว”
“อย่าเพิ่งครับน้าอะซ่า ให้เขาพูดมาเลยดีกว่า ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคราวนี้จะไม้ไหน”
นับดาวปรี๊ดทันที
“ทุเรศ คุณนั่นแหละ งานนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ไปรู้ไปเห็นเบื้องหลังทุเรศๆของคุณ”
“เบื้องหลังอะไร พูดมาเลยดีกว่า”
“อย่าเลย เชื่อน้าเถอะ” อลิสารีบกระซิบ “เดี๋ยวคุณสุนทรีเขาจะลำบากใจนะ”
อลิสาดึงแขนนับดาวออกมา นับดาวมองหน้าอลิสา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ น้ารู้ได้ไงคะว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับคุณสุนทรี”
อลิสาสะดุ้ง เย็นวาบไปทั้งตัว พูดไม่ออก ปราบงงๆ
“คุณสุนทรีเขาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ก็คุณแอบมีอะไรๆกับเขาน่ะสิ”
ปราบอึ้งไปพักใหญ่ อลิสาดึงนับดาว
“กลับก่อนเถอะดาว ละครจะมาแล้ว กำลังสนุกด้วย น้าไม่อยากพลาด”
นับดาวสะบัดมืออลิสา
“ไง พูดไม่ออกเลยใช่มั้ย ความจริงมันก็เรื่องส่วนตัวคุณ แต่ที่ฉันอยากถามคือ คุณไม่คิดถึงตะวันวาดบ้างเลยใช่ไหม ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้ แล้วเอามามาเม้าท์กัน คิดว่าตะวันวาดจะรู้สึกยังไง เด็กนั่นนับถือคุณมากเลยนะ”
“ผมไม่รู้คุณไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน แต่มันเป็นเรื่องไม่จริง ผมไม่เคยมีอะไรกับคุณสุนทรี”
“ปากแข็งจริงๆ แล้วกางเกงในในรถนั่นของใคร”
“จะไปรู้เหรอ วันนั้นผมกลับไปบ้านถึงได้รู้ว่ากระจกถูกงัด คงมีใครดันมันลงมาแล้วแอบมา
โยนใส่น่ะสิ”
“ยังมาเถียงอีก โอเค๊…มีอยู่วันนึง ฉันเห็นคุณกับเขามี...นั่นแหละกันในรถ ในที่จอดรถด้วย”
“เหลวไหลละ วันไหน ห้างไหน บอกมา เดี๋ยวไปขอดูเทปกล้องวงจรปิดกัน”
ปราบยืนยัน นับดาวเริ่มตะกุกตะกักไม่แน่ใจ
“ถึงฉันไม่เห็นคุณก็จริง แต่เห็นคุณสุนทรีเขาออกมาจากรถคุณแน่ๆ ฉันเห็นกับตา น้าอะซ่าเป็นพยานได้”
นับดาวเอะใจ หันมาเพ่งมองน้าสาวของตน อลิสาร้องไห้โฮ
“ฝีมือน้าเองแหละดาว”
นับดาวอึ้ง ปราบงง
“น้าให้คนเช่ารถแบบคุณปราบไปจอดไว้ที่นั่น หลอกคุณสุนทรีขึ้นรถ แล้วให้ลงจากรถให้เธอเห็นพอดี”
นับดาวตะลึงงันจ้องหน้าน้าสาว
“น้าทำอย่างนั้นทำไมคะ”
“น้าอยากให้ดาวอยู่กับน้า น้าขอโทษ...ขอโทษนะคะคุณปราบ”
ปราบถอนใจหันไปถามนับดาว
“เรื่องนี้น่ะเหรอ ที่ทำให้คุณโกรธผมน่ะ”
นับดาวยังไม่ยอมหันไปถามอลิสา
“แล้วที่เขาคุยกันที่ร้านอาหาร ฝีมือน้าด้วยหรือเปล่า”
อลิสาส่ายหน้า
“ร้านอาหารอะไร น้าไม่รู้เรื่อง”
“ดาวให้พี่ฟู่ส่งคนไปดักฟังเขาสองคนคุยกัน...” นับดาวมองหน้าปราบ “เป็นการคุยกันที่เร่าร้อนมาก” เธอทำเสียงล้อเลียนปราบกับสุนทรี “ไปที่ไร่ผมเถอะ...ไปต่อกันที่บ้านฉันนะคะ คุณดาวไม่รู้หรอกค่ะ...ไม่
ต้องกลัวนะครับ ถ้ามีลูกเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง...ไง ทีนี้จะแก้ตัวว่าไงล่ะ”
ปราบโกรธจัด แต่พยายามข่มอารมณ์
“ผมกับคุณสุนทรีกำลังคุยเรื่องสัตว์ที่มันถึงฤดู กำลังหาทางช่วยมันอยู่ เสร็จแล้วจะพาไปไว้ที่
รีสอร์ตคุณสุนทรี แต่เขากลัวมันติดลูกขึ้นมา ผมก็เลยบอกผมจะช่วยเขาดูเอง”
นับดาวหน้าเหวอ
“อ้าว...อ๋อ อย่างงั้นเองอ่ะเหรอ...อืม...เนอะ...”
ปราบมองหน้า
“เคลียร์แล้วใช่มั้ย”
นับดาวอึกอัก
“ก้อ...ดี...กระจ่างขึ้นเยอะ ฉันขอโทษก็ได้ แต่คุณก็ต้องยอมรับนะว่าสถานการณ์มันชวนให้เข้าใจผิดจริงๆ”
“อันนั้นก็เรื่องนึง แต่ว่า...คุณถึงกับส่งคนมาดักแอบฟังผม กับคุณสุนทรีคุยกันนี่มันเกินไปนะ”
“ก็...มองมุมฉันสิ ฉันอยากรู้ความจริงนี่นา แล้วอีกอย่าง ที่ฉันทำแบบนั้นเพราะฉันไม่ปักเชื่อสิ่ง
ที่น้าอะซ่าใส่ร้ายคุณนะ ฉันถึงลองให้โอกาสคุณอีกครั้ง”
“แล้วทำไมคุณไม่ถามผมตรงๆ”
“ถ้าคุณไม่ได้ทำคุณก็ต้องตอบว่าไม่ได้ทำ แต่ถ้าคุณทำแต่ต้องการจะปกปิดฉัน คุณก็ต้องตอบว่าไม่ได้ทำเหมือนกัน สรุปว่าถามไปก็มีประโยชน์ ใช่ป่ะ”
“สรุปว่าคุณไม่เชื่อใจผมงั้นเหอะ”
ปราบโกธรจัดเดินจากมา นับดาวอึ้งไป
“เดี๋ยวสิ...ปราบ...ปราบ...”
ปราบเดินหนีไป

ป้ายวงกับเจิดนั่งลุ้นหวยอยู่ด้วยกัน
“ผิดตั้งแต่ตัวแรก อย่าดูเลยวะ ปิดทีวีเหอะ”
“เดี๋ยวสิป้า ยังเหลืออีกสองตัว”
ทันใดนั้นเสียงนับดาวดังขึ้น
“อะแฮ่ม”
เจิดกับป้ายวงสะดุ้ง หันมาเจอนับดาวกับอลิสาอยู่ที่หน้าประตู
“โอย ป้าตกใจหมด นึกว่าคุณปราบ”
“ดาวจะมาหาคุณปราบน่ะค่ะ...ดูท่าแล้วคงไม่อยู่สิเนี่ย”
“ถ้านายปราบอยู่ พวกผมไม่กล้าลุ้นหวยออกหน้าออกตาอย่างงี้หรอกครับ”
“คุณปราบไปไหนเหรอ”
“ไม่รู้สิครับ ผมเพิ่งเอาของไปส่งที่คลีนิกมา นายปราบไม่ได้อยู่ที่นั่น”
นับดาวเงียบไป อลิสาถามขึ้นบ้าง
“แล้วคุณปกป้องล่ะคะ”
“อยู่ในไร่ครับ เดี๋ยวผมไปตามให้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวฉันไปหาเขาเองก็ได้”
เจิดกับป้ายวงยิ้มให้ แล้วหันไปลุ้นหวยต่อ นับดาวหันไปบอกน้าสาว
“น้าอะซ่าไปหาคุณปกป้องก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวดาวจะไปตามหาคุณปราบเอง”
“ดาวรู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“ดาวว่าดาวพอเดาออกค่ะ” นับดาวบอกอย่างมั่นใจ

อลิสาคุยกับปกป้องอยู่มุมหนึ่งของไร่
“พอนับดาวรู้เรื่องแล้วเขาโกรธคุณรึเปล่า”
“โกรธสิ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรหรอก เขาบอกเขารักฉัน เขายกโทษให้ฉัน”
“เป็นอันว่าจบลงด้วยดี...แล้วคุณล่ะ จะมาอยู่ด้วยกันที่ไร่กับนับดาวหรือเปล่า”
“ไม่หรอก ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันไปคุยกับฟู่ ฉันจะเป็นผู้ช่วยเขา งานเขาค่อนข้างเยอะ ฉันจะช่วยเขาดูแลเกี่ยวกับงานไฮโซ”
“ฟังดูชีวิตคุณก็ลงตัวดี”
“ยังไม่ลงตัวซะทีเดียวหรอก ที่ลงตัวน่ะแค่เรื่องงาน แต่เรื่องความรักยังไม่ลงตัว”
ปกป้องชะงัก
“คุณว่าไงล่ะ”
“ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะชวนคุณย้ายไปอยู่กรุงเทพกับฉัน แต่ฉันก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ ถึงตอนนี้
ฉันได้เรียนรู้แล้วว่าทุกคนต่างก็มีวิถีชีวิตของตัวเอง”
“ว่าแต่คุณคงไม่ยอมมาอยู่ที่ไร่กับผมแน่ๆใช่มั้ย” ปกป้องยิ้มเศร้าๆ “คุณคือรักแท้ของผม ถึงแม้เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ผมก็ดีใจที่คุณได้ผ่านเข้ามาในชีวิตของผมนะครับคุณอะซ่า”
“ใครบอกเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ล่ะ...มันมีคำว่าพบกันครึ่งทางไม่ใช่เหรอ”
ปกป้องมองอลิสาเป็นเชิงถาม
“วันทำงานฉันอยู่กรุงเทพ วันหยุดฉันจะมาหาคุณที่นี่ หรือไม่ก็คุณไปหาฉัน หรือไม่ก็เราสองคน
ไปเที่ยวด้วยกัน .. ดีไหม”
“ยอดเยี่ยมเลยจ้ะ ยอดเยี่ยมที่สุด”

ปกป้องคว้าอลิสามากอดอย่างแสนรัก

โปรดติดตามตอนต่อไป เวลา 17.00 น.

หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)

นับดาวมาหาลุงเย็นที่บ้าน
“ตอนบ่ายๆ ปราบแวะเอาของมาให้ลุง แล้วก็ไปแล้ว”
ลุงเย็นบอก เมื่อนับดาวถามหาปราบ
“เอ่อ...แล้วเขาไปไหน ลุงรู้ไหมคะ”
ลุงเย็นส่ายหน้า
“ว่าแต่หนูดาวล่ะ ตกลงจะเอายังไง”
“ดาวตัดสินใจแล้วค่ะว่าจะมาอยู่ที่นี่ แต่ลุงไม่ต้องยกที่ให้ดาวหรอกค่ะ เอาเป็นว่าดาวขอเช่าที่ลุงดีกว่าค่ะ”
ลุงเย็นมองนับดาวอยู่ครู่หนึ่ง
“งั้นก็ได้...ตามลุงมา”
ลุงเย็นเดินออกไป นับดาวเดินตามไป

ลุงเย็นเดินนำนับดาวมาที่คอกวัว
“ปราบเขาเอาของมาฝากไว้ เขาบอกถ้าเธอยืนยันจะทำไร่ในที่ของพ่อของเธอ ก็ให้เอาของที่ว่านี่ให้เธอด้วย ถือเป็นของขวัญ”
ลุงเย็นนำนับดาวมาหยุดที่คอกวัว นับดาวมองไป ครู่หนึ่งก็จำได้ ร้องลั่น
“พี่กะทิ”
นับดาวเข้าไปกอดพี่กะทิ
“โธ่ นึกว่าตายซะแล้ว ยังไม่ตายเหรอเนี่ย”
สุนทรีเดินเข้ามาหา
“คุณปราบเขาเอากะทิออกมาจากโรงเชือดก่อนน่ะค่ะ แล้วเอาไปฝากให้คนอื่นเลี้ยงไว้ชั่วคราว”
นับดาวหันไปเห็น
“คุณสุนทรี สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณนับดาว...คุณปราบเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วล่ะค่ะ เรื่องที่คุณเข้าใจผิด ฉันกับคุณปราบ วันก่อนที่ฉันคุยกับคุณปราบ ก็เรื่องกะทินี่แหละค่ะ”
นับดาววางหน้าไม่ถูก
“เอ่อ...ดาวต้องขอโทษคุณสุนทรีด้วย ที่ทำอะไรที่เสียมารยาทอย่างแรง”
“ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ แล้วก็ขอถือโอกาสนี้ชี้แจงให้คุณดาวสบายใจได้เลย ว่าฉันกับคุณปราบ
ไม่ได้มีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวเลยจริงๆ”
“ค่ะ ดาวรู้ตัวแล้วค่ะว่าดาวเข้าใจผิด”
สุนทรียิ้มให้ นับดาวได้แต่ฝืนยิ้ม

ฟู่ นับดาว อลิสา มาคุยกันในร้านกาแฟที่กรุงเทพฯ ฟู่ถามนับดาวอย่างสงสัย
“งานนี้เอาจริงเหรอดาว”
“ค่ะพี่ ดาวตัดสินใจแล้วค่ะ”
“ว้า พี่คงคิดถึงเธอแย่เลย ต่อไปนี้วงการไฮโซก็จะไม่มีนับดาวว้าวแซ่บอีกแล้วเหรอเนี่ย ใจหายๆ”
“ถ้าคิดถึงดาวก็ไปหาดาวที่ไร่ก็ได้ค่ะ”
“งั้นเอางี้ เดี๋ยวพี่จะจัดบ๊ายบายปาร์ตี้ให้เธอแล้วกันนะ เชิญแต่พวกวงในๆ ดีมั้ย”
“เอางั้นก็ได้ค่ะ ทิ้งทวนซะหน่อย”
“งั้นถือเป็นงานแรกของน้าอะซ่าเลยนะ ที่จะมาช่วยฟู่”
อลิสายิ้มขำ
“ดีจ้ะ งานแรกก็เขี่ยหลานตัวเองออกวงการไปเลย”
ฟู่กับนับดาวหัวเราะ

เอมี่กำลังเดินช็อปกับโจโจ้อยู่ในห้างหรู ทันใดนั้นมือถือส่งสัญญาณ เอมี่กดอ่านดู
“โอ้ มายด์”
โจโจ้แปลกใจ
“อะไรของแกเอมี่”
“ยัยดาวเชิญฉันไปงานปาร์ตี้แขวนดาว”
โจโจ้ชะงักไม่เข้าใจ
“อะไรของเขา ปาร์ตี้แขวนดาว...จะเลิกเป็นเซเล็บออกงานแล้วเหรอเนี่ย”
เอมี่นิ่งคิด
“สงสัยงานนี้ยังดาวมันเอาจริง อุตส่าห์เชิญฉันซะด้วย”
“แกจะไปมั้ยล่ะ”
เอมี่ยิ้ม
“มันอุตส่าห์เชิญมาก็ต้องไปสิ...งานนี้ต้องจัดหนักให้มันสุดๆไปเลย”
เอมี่แค่นหัวเราะ

งานปาร์ตี้จัดขึ้นที่ผับแห่งหนึ่ง บนเวทีมีตัวหนังสือสวยงามว่า "แขวนดาว" ติดไว้ ที่ทางเข้างาน มีบอร์ดให้แขกในงานเขียนคำอำลา นับดาวยืนอ่านยิ้มๆ เวลาผ่านไป แขกเหรื่อในงานมากพอสมควร นับดาวอยู่ที่มุมหนึ่งของงาน คุยกับปกป้องที่ควงมากับอลิสา
“เมื่อเช้าอาเจอปราบ ชวนมันว่าจะมามั้ย มันบอกไม่แน่ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก”
อลิสาออกความเห็น
“ไม่แน่ แปลว่าอาจจะมาก็ได้นะ”
“เชอะ...คนอุตส่าห์ชวน ไม่มาก็ไม่มา”
นับดาวเชิดใส่ เดินจากมา พออยู่คนเดียวเธอก็หน้าเหงาหงอยลงทันที
“ผู้ชายบ้าอะไร ขี้งอนชะมัด”
ฟู่เดินขึ้นไปบนเวที พวกแขกในงานส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด
“สวัสดีฮะทุกท่าน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน แขวนดาว...เป็นที่น่าเสียดายจริงๆนะฮะที่ นับดาวว้าวแซ่บของพวกเรา จะอำลาแสงสีซะแล้ว ฟู่ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากจะเป็นตัวแทนทุกคนในที่นี้ บอกว่า...ไอ มิส ยู นะนับดาว”
สปอตไล้ท์จับที่นับดาว คนในงานปรบมือให้
“ไหนๆก็แขวนดาวแล้ว ของแบรนด์เนมทั้งหลายที่สะสมมาตั้งแต่ไหนต่อไหนก็ไม่ใช่ของจำเป็น
สำหรับเขาอีกต่อไป นับดาวก็เลยจะทำการประมูลของรัก รายได้จะเอาไปบริจาคไถ่ชีวิตโคกระบือนะฮะ แปลว่าพวกเราจะได้บุญได้กุศลกันด้วย...ตอนแรกนับดาวตั้งใจจะเป็นออกชั่นเนียร์เอง แต่แล้วก็มีอ๊อกชั่นเนียร์มืออาชีพคนหนึ่งอาสามาทำหน้าที่แทนซึ่งจะเป็นใครไม่ได้เพื่อนรักเพื่อนเลิฟของนับดาวนั่นเอง”
นับดาวงง ฟู่อมยิ้ม
“ขอต้อนรับเอมี่แสนหวานของพวกเรา”
สปอตไล้ท์จับที่ข้างเวที เอมี่เดินออกมา คนในงานกรี๊ด นับดาวมองเอมี่ ท่าทางไม่ค่อยไว้ใจ เอมี่ส่งยิ้มให้
“ไงยะดาว คืนนี้ฉันขอเซอร์ไพร้ซ์แกมั่งนะ”
“มาเลยเอมี่ ไหนๆคืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายของนับดาวว๊าวแซบแล้ว ดูดิ๊ แกมีน้ำยาอะไรมาเล่นงานฉันมั่ง”
เอมี่หัวเราะ
“รับรองแกจะจำไม่มีวันลืม...เอาละ อย่ารอช้าเลยนะคะ ถึงเอมี่จะเป็นอ๊อกชั่นเนียร์ แต่ขอออกตัวก่อนว่าเอมี่ก็ยังไม่เห็นของนะคะ ถ้ามันทั้งกากทั้งเก่าเน่าเหม็นก็อย่ามาว่ากันนะคะ และอย่าไปตั้งความหวังอะไรมาก เพราะมันคงเป็นของที่ขนาดโรงตึ๊งยังไม่รับตึ๊งเลย”
“รับย่ะ แต่ฉันไถ่ออกมาทัน”
คนในงานฮา เอมี่อ่านโพย
“ชิ้นแรก กระเป๋าถือจากอิตาลี รุ่นลิมิเต็ด ปีมิลเลเนี่ยม...โอ้โห คลาสสิกจริงนะเนี่ยรุ่นนี้...ราคาเริ่มต้น หนึ่งแสนบาทค่ะ”
อลิสาเข็นกระเป๋าใส่รถเข็นซุปเปอร์มาเก็ตออกมา คนในงานยกมือประมูลกันชุลมุน...เวลาผ่านไปสมบัติของนับดาวหลายชิ้นถูกทยอยนำออกมาประมูล เอมี่กำลังประมูลนาฬิกาเรือนหนึ่งที่นับดาวใส่
“แล้วก็ถึงชิ้นสุดท้ายแล้วนะคะ ขี้เกียจบรรยายสรรพคุณ ใครตาถั่วก็ไม่ต้องประมูล ใครตาถึงก็เชิญเลย ตั้งต้นสองแสนค่ะ”
แขกคนหนึ่งยกมือ
“สองห้า”
แขกอีกคนยกบ้าง
“สามแสน”
อีกคนตะโกนมา
“สามห้า”
“สี่”
เอมี่ยกมือขึ้นเอง
“ห้าแสน...ไม่ต้องงง เอมี่จะเอาเป็นที่ระลึกของเพื่อนเลิฟค่ะ...มีใครอีกไหมคะ ไม่มีนะคะ ห้า
แสน หนึ่ง สอง สาม”
เอมี่ทุบโต๊ะ หยิบนาฬิกาขึ้นมาโชว์ นับดาวเดินขึ้นมาบนเวที หยิบนาฬิกาสวมที่ข้อมือเอมี่ให้ แล้วจับชูแบบแชมป์เปี้ยน คนในงานปรบมือเฮ
“ขอบใจนะเอมี่เพื่อนรัก ที่มาช่วยงานนี้อ่ะ”
“ไม่ต้องมาดราม่า...นี่ แกจะบ๊ายบายวงการจริงๆเหรอเนี่ย”
“จริงดิ เพื่อนเอมี่”
“นับดาวว้าวแซ่บ ฉันต้องคิดถึงแกแน่ๆ”
“แน่นอนสิ เพราะฉันทำแกแสบไว้เยอะ...แต่ฉันก็ลืมแกไม่ลงหรอกนะ เพราะแกก็แสบกับฉันเหมือนกัน”
ทั้งสองยิ้มกัน สวมกอดกันแนบแน่น น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง คนในงานปรบมือลั่น เอมี่กอดกระชับ
“โชคดีนะเพื่อน”
“เช่นกันเพื่อน”
เอมี่ดึงตัวออกมา
“หยุดก่อนค่ะประชาชน ไม่ต้องซึ้งมาก ขึ้นชื่อว่าเอมี่แสนหวาน ถ้ามีโอกาสเล่นยัยนับดาวตัวแสบแล้วไม่ลงมือก็ไม่ใช่เอมี่แน่ๆ แล้วตอนนี้โอกาสที่ว่าก็มาถึงแล้ว เอมี่จะฟาดไปที่กล่องดวงใจของยัยนับดาว ให้มันเจ็บปวดดิ้นกะแด่วๆให้ดู มีใครอยากเห็นมั้ยคะ”
คนในงานเฮ นับดาวชักระแวง
“แกจะทำอะไรของแก”
“งานประมูลของชิ้นสุดท้ายของนับดาว เอาออกมาเลย”
อลิสาเข็นรถเข็นมีปราบโดนมัดมือมัดเท้า มีเทปปิดปากออกมา นั่งมาในรถเข็น คนในงานกรี๊ดลั่น
“ชิ้นนี้แหละ ที่นับดาวว๊าวแซบ รักที่สุด หวงที่สุด”
เอมี่เข้ามาหอมฟอดที่แก้มปราบ

“หอมที่สุดด้วย”




คนในงานฮาลั่น นับดาวอึ้งมองไปที่ปราบ เขาเองก็มองมาที่เธอ
“คุณปราบ...เอมี่ เล่นอะไรของแกเนี่ย”
นับดาวจะเข้ามาปล่อยปราบ ฟู่รีบเข้ามาจับตัวนับดาวไว้
“จะทำอะไรของเธอ นี่ของประมูลนะเดี๋ยวสึกหรอหมด”
“ราคาตั้งต้น...สองสลึง”
ฟู่ยกมือตะโกนลั่น
“ห้าบาท”
นับดาวโวยวาย
“นี่ หยุดได้แล้ว เขาไม่ใช่ตัวตลกนะ”
โจโจ้ยกมือตะโกนขึ้นบ้าง
“สิบบาท”
สาวใหญ่คนหนึ่งยกมือขึ้น
“หนึ่งร้อย”
กะเทยยกบ้าง
“หนึ่งพันบาท”
ฟู่ไม่ยอม
“หนึ่งพันห้าร้อย”
“เสียเวลา ฉันสรุปให้เลยละกัน...หนึ่งล้านบาท” เอมี่ประกาศก้อง คนในงานปรบมือให้ “ชิ้นนี้ดูดีกว่านาฬิกาของแกอีกนะเนี่ย กอดก็ได้อะไรก็ได้ ฮิๆ...หนึ่งล้านหนึ่ง หนึ่งล้านสอง...”
นับดาวยอมไม่ได้ตะโกนขึ้น
“สิบล้าน”
เอมี่หัวเราะ
“เงินไม่ถึงอย่ามาปั่น แกมีไม่ถึงหรอก ฉันรู้...หนึ่งล้านสาม...”
เอมี่จะทุบโต๊ะ นับดาวตะโกนลั่น
“เดี๋ยว”
เอมี่เงื้อค้อนค้าง มองนับดาว แต่นับดาวมองไปที่ปราบ เธอดิ้นหลุดจากอลิสาได้ เดินไปปล่อยเขาออกมา
“ขอโทษนะคุณปราบ เพราะฉันเป็นต้นเหตุ คุณเลยโดนพวกเขาทำแบบนี้”
“ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก คุณไม่รู้เรื่องนี่นา ต้องโทษพวกคนที่วางแผน”
เอมี่ อลิสา ปกป้อง ฟู่ หัวเราะชอบใจ
“เรื่องที่ผ่านมาฉันขอโทษนะปราบ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก”
“ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรคุณมากมายหรอก ต่อไป ถ้าคุณสงสัยอะไรก็ถามผมตรงๆเลยก็แล้วกัน”
นับดาวสั่นหน้า
“ไม่...ฉันหมายถึงว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่สงสัยอะไรในตัวคุณอีก”
ปราบยิ้ม
“คำว่าต่อไปของคุณ นี่นานแค่ไหน”
“คุณอยากให้นานแค่ไหนล่ะ”
“ตลอดชีวิตของผมได้มั้ย”
“ตลอดชีวิตของฉันด้วยละกัน”
เอมี่กระแอม
“นี่ๆๆ เวทีประมูลนะยะ ไม่ใช่ไร่อ้อย อย่ามาหวานใส่กัน เลี่ยน”
นับดาวหันไปถาม
“ตกลงใครชนะ”
“มีหน้ามาถามอีก ใครจะไปแข่งกับแก...อยากได้ก็เอาไปเหอะย่ะ…SOLD ค่ะ”
เอมี่ทุบโต๊ะ คนในงานปรบมือ...บนเวทีเหลือปราบกับนับดาวยืนเขินๆคู่กัน อลิสากดเพลย์แผ่นที่เตรียมไว้ เพลงมหาฤกษ์มหาชัยดังขึ้น แขกในงานเฮอีกรอบ ปราบกับนับดาวหัวเราะ
“เฮ้ย ยัง”
ปกป้องตะโกนขึ้น
“หอมแก้มโชว์หน่อยเว้ย”
นับดาวกับปราบจะลงจากเวที แต่อลิสา ฟู่ ปกป้อง ไม่ยอมให้ลง
“หอมแก้มๆๆ”
ปกป้องนำคนในงานตะโกนเชียร์ ปราบมองหน้า นับดาวยิ้ม ปราบหอมแก้มนับดาวอย่างนุ่มนวล


หลายปีต่อมา..
ไร่ปรีดา...ปราบกับนับดาวนั่งอยู่ด้วยกันที่มุมโปรดของนับดาว อยู่ในชุดทำงานชาวไร่ ดูทะมัดทะแมงกันทั้งคู่ นั่งมองวิว ซึ่งเวลานั้นพระอาทิตย์กำลังตก ท้องฟ้าเป็นแดงอมม่วง
“นึกไม่ถึงจริงๆว่าในที่สุดนับดาวว๊าวแซบสาวไฮโซสุดแสบจะเป็นสาวบ้านไร่เต็มตัวได้ขนาดนี้”
“อย่าว่าแต่คุณเลย ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ชีวิตช่วงนั้นมันพลิกผันเร็วมาก เดินไปเดินมาท่ามกลางแสงสีอยู่ดีดี ไม่กี่ปี กลายมาเป็นแบบนี้ซะแล้ว”
“แล้วคุณคิดถึงชีวิตแบบนั้นมั้ย”
“ก็มีนะ มันสนุกดี แต่ให้กลับไปคงไม่เอาหรอก ฉันชอบชีวิตเรียบง่ายแบบนี้มากกว่า อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ กับครอบครัวที่เรารัก...และรักเรา”
นับดาวหันไปจุ๊บแก้มปราบ
“ฉันเคยบอกมั้ยว่าจริงๆแล้วฉันชอบวิวตอนนี้ มากกว่าตอนกลางคืนที่เห็นดาวเต็มฟ้าซะอีก”
“ไม่เคยบอกหรอก แต่รู้อยู่แล้วล่ะ”
“รู้ได้ไงคะ”
“ดูจากชื่อลูกที่คุณตั้งไง”
นับดาวยิ้มออกมา มองไปที่เด็กหญิงวัย 4 ขวบคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้า หันหลังให้ทั้งสอง
“รอดาว มานั่งตักแม่เร้ว”
“อย่าเรียกรอดาวเฉยๆ สิคะ...”
รอดาวหันกลับมา เท้าสะเอวโพสท่าเชิด
“เรียกหนูว่า รอดาววะวะว้าวๆ แซ่บ”

ปราบกับนับดาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะลั่น ลูกสาวตัวน้อยเข้ามากอดพ่อและแม่ เป็นภาพครอบครัวแสนอบอุ่น ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม

จบบริบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น