แววมยุรา ตอนที่ 14
นิติภูมิขับรถของตัวเองมาเทียบที่หน้าบ้าน เขาเดินเข้าบ้านมาจนเห็นว่านิติธรคุยกับตำรวจเพิ่งเสร็จ นิติภูมิเดินเข้าไปคุยด้วยอย่างไม่กลัว
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ใครเป็นอะไร ?” นิติภูมิถาม
นิติธรพูดด้วยสายตาเย็นชา “ไม่มีใครเป็นอะไร ตำรวจแวะมาแจ้งเรื่องความคืบหน้าเรื่องคดีของคุณสยุมภูว์”
นิติภูมิยิ้ม “ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมไหมครับ”
“ยังครับ..แต่คงอีกไม่นาน..เราใกล้ตัวคนร้ายเข้าไปทุกทีแล้ว” ตำรวจบอก
“อย่าหลอกให้ผมดีใจเล่นนะครับ คุณตำรวจ” นิติภูมิพูด
แล้วนิติภูมิก็ขอตัวเดินออกไป นิติธรมองตามสีหน้าเป็นห่วงลูกชาย ส่วนตำรวจมองนิติภูมิด้วยความสงสัย
แววปิดสมุดบันทึกแล้วส่งยิ้มให้สยุมภูว์
“แววไม่รู้ว่าวันที่คุณให้แววไปดูแลต้นไม้ต้นนี้ คุณต้องการบอกอะไรแวว แต่วันนี้มันสอนให้แววรู้จักที่จะมีความหวังในสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้”
“คุณคงอยากไปดูต้นไม้นั่นมาก” สยุมภูว์เปรย
“แววไม่อยากผิดสัญญากับตงตงค่ะ เราตกลงกันว่าถ้าต้นไม้ต้นนี้ออกดอกได้อีกครั้งเมื่อไร แววจะรีบกลับไปหาเขา” แววก้มดูที่สมุด “ตงตงส่งสมุดเล่มนี้มาทวงสัญญาแววแน่ๆ”
“ถ้าคุณอยากไปเมื่อไร ก็คุยกับคุณเพิ่มพงษ์ได้เลยนะ” สยุมภูว์บอก
“แววคิดว่า..ตงตงก็คงอยากจะเจอคุณด้วยนะคะ..ไม่งั้นคงไม่วาดรูปคุณซะเต็มหน้าอย่างนี้”
“ผมอยากไปตอนที่ผมพร้อมกว่านี้”
แววรู้สึกผิดหวัง “ค่ะ..คุณสยุมภูว์”
“คุณเหนื่อยแล้วสิ” สยุมภูว์ถาม
แววยิ้มแล้วมองหน้าสยุมภูว์
“ถ้าสิ่งนี้ทำให้คุณกลับมาเหมือนเดิมได้ แววไม่เหนื่อยหรอกค่ะ”
สยุมภูว์มองแววอย่างมีความหมาย “แวว..!”
สยุมภูว์จับมือแววมากุมไว้ เขาจะโน้มตัวเข้าไปหาเธอ แววไม่ปัดป้องอะไร นิติภูมิแอบดูอยู่ที่หน้าห้อง
ทันใดนั้น สยุมภูว์ก็เริ่มมีอาการปวดหัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แววเห็นอาการของสยุมภูว์ไม่ดีจึงรีบบอก
“คุณสยุมภูว์..พักก่อนนะคะ”
แววรีบเข้าไปดูแลสยุมภูว์
นิติภูมิแสยะยิ้มอย่างสะใจ ก่อนที่เขาจะผละออกไปก็เห็นว่าเพิ่มพงษ์กำลังยืนยิ้มให้เขาอยู่
“กลับมานานแล้วหรือครับคุณนิติภูมิ” เพิ่มพงษ์ทัก
เพิ่มพงษ์รอคำตอบ แต่นิติภูมิยังไม่ทันจะตอบแววก็ผลักเปิดประตูออกมาเจอเพิ่มพงษ์พอดี
แววพูดด้วยท่าทางร้อนรน “คุณเพิ่มพงษ์คะ..คุณสยุมภูว์ปวดหัวมากค่ะ”
เพิ่มพงษ์กับแววรีบกลับเข้าไปในห้อง นิติภูมิยืนมองเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเหยียดๆ
แววนั่งซึมอยู่ในห้องคนเดียว เธอได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนที่วัณณรีจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” วัณณรีเห็นอาการของแววก็รู้ทัน “คิดมากเรื่องคุณสยุมภูว์อีกล่ะสิเนี่ย”
“จะไม่ให้คิดได้ไง วันนี้อาการคุณสยุมภูว์ไม่ดีเลยตอนที่พี่เล่าเรื่องเก่าๆให้เขาฟังถ้าคุณสยุมภูว์ต้องทรมานอย่างนี้ทุกครั้ง..ต่อไปพี่จะไม่พูดถึงเรื่องเก่าๆให้เขาฟังอีกแล้ว”
“ถ้าพี่ไม่พูดแล้วเมื่อไรเขาจะจำเรื่องที่ขอพี่แต่งงานได้ล่ะ”
“พี่ต้องเป็นคนเห็นแก่ตัวมากเลยวัณ..ถ้าเขาจะต้องมาทรมานอย่างนี้เพราะพี่”
วัณณรีพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและเห็นใจพี่สาว
สยุมภูว์นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในคฤหาสน์ เพิ่มพงษ์เดินเข้ามาพูดด้วยความเป็นห่วง
“ดึกแล้ว...ผมว่าคุณสยุมภูว์ไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก คุณไปนอนเถอะ” สยุมภูว์ปัด
“คุณสยุมภูว์กังวลเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“คนที่สูญเสียความจำอย่างผม จะต้องกังวลเรื่องอะไร”
เพิ่มพงษ์พูดอย่างน้อยใจ “ไม่กังวลก็ไม่กังวลครับ”
“คุณไปพักเถอะ..ไม่ต้องเป็นห่วง”
เพิ่มพงษ์ถอยออกไป สยุมภูว์หันกลับไปมองคฤหาสน์ทศพลอีกครั้ง
“ที่นี่..บ้านฉันเหรอ” สยุมภูว์ถามขึ้น
สยุมภูว์มองไปรอบๆคฤหาสน์ นิติภูมิแอบมองเขาอยู่จากมุมหนึ่ง
นิติภูมิค่อยๆ หยิบมีดที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมาแล้วตรงไปหาสยุมภูว์ทันที สยุมภูว์เห็นว่านิติภูมิพุ่งเข้ามาหาพร้อมมีด เขาจะหลบแต่ก็หลบไม่ทันมีดจึงเสียบเข้าที่ท้อง สยุมภูว์ตกตะลึงเมื่อเห็นเลือดของเขาไหลออกมา นิติภูมิยิ้มอย่างสะใจ
ทันใดนั้นเสียงสยุมภูว์ก็ดังขึ้น “มีธุระอะไรหรือเปล่า”
นิติภูมิได้สติ ภาพในความคิดของเขาจึงหายไปพร้อมกับเสียงของสยุมภูว์ที่ทักออกมา นิติภูมิเห็นว่าสยุมภูว์มายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
“คุณเพิ่มพงษ์เขาปล่อยคุณไว้คนเดียวได้ยังไง” นิติภูมิถาม
“ผมให้เขาไปเอง” สยุมภูว์บอก
“ลืมไป..นี่มันบ้านคุณ คงไม่มีใครกล้ามาทำอะไรคุณแน่ๆ”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าเรื่องทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
นิติภูมิพูดด้วยความเกลียดชัง “มันเกิดขึ้นเพราะความเป็นสยุมภูว์ ทศพลของคุณไง”
นิติภูมิขยับเข้าไปใกล้ สยุมภูว์รู้สึกได้ถึงความไม่หวังดีแต่เขาก็ไม่แสดงความรู้สึกออกมา สยุมภูว์เริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับคำพูดของนิติภูมิ
สยุมภูว์นึกย้อนถึงคำพูดของนิติภูมิในอดีต แต่ภาพในหัวของเขาก็เห็นใบหน้าของนิติภูมิไม่ชัด
“ก็ไอ้ความเป็นสยุมภูว์ ทศพลของแกไงที่ทำให้ฉันเจ็บแค้นใจ” นิติภูมิพูด “สยุมภูว์ ทศพลที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน ความรักของพ่อที่ควรจะมีต่อแม่และฉันที่ถูกยกไปให้แก ให้ครอบครัวแก แล้วมาวันนี้แกก็จะแย่งคนที่ฉันรักไปอีก”
เมื่อภาพนั้นแวบขึ้นมาสยุมภูว์ก็ส่ายหน้าเพราะต้องการสลัดความคิดนั้นออกไป
“ใครบางคนเคยบอกผมอย่างนั้นเหมือนกัน” สยุมภูว์บอก
“จำได้แล้วเหรอ” นิติภูมิถาม สยุมภูว์ส่ายหน้า “แผลโดนยิงคงหายดีแล้วสินะ”
สยุมภูว์ส่ายหน้า “ฉันยังเจ็บอยู่”
“จำความเจ็บปวดนั่นได้ใช่ไหม” นิติภูมิถาม
สยุมภูว์พยายามนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้น...
สยุมภูว์ยังถูกจับมัดที่เก้าอี้ สีหน้าของเขาแสดงความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด นิติภูมิเข้าไปดูผลงานตัวเองแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันยังไม่ให้แกตายง่ายๆหรอกไอ้สยุมภูว์ ฉันจะให้แกค่อยๆลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานให้ถึงที่สุด ถึงแม้ความทรมานที่แกได้รับมันไม่ได้ครึ่งหนึ่งเท่าที่ฉันเจอมาตลอดชีวิตก็เถอะ”...
สยุมภูว์คิดถึงเหตุการณ์นั้น เขามองหน้านิติภูมิแล้วก็เริ่มมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขาจะกลับเข้าไปในบ้าน นิติภูมิยิ้มอย่างสะใจ
“ลืมมันไปเถอะ คุณสยุมภูว์ ถ้าคิดถึงเรื่องนั้นแล้วมันยิ่งทำให้คุณทรมาน”
สยุมภูว์ส่ายหน้า “ผมไม่มีวันลืมหรอก”
สยุมภูว์เดินเข้าไปในบ้าน นิติภูมิมองตามไปอย่างสะใจ
ที่บ้านเช่าของเพิ่มพงษ์ แจ๊คพูดโทรศัพท์โวยวายใส่เพิ่มพงษ์
“วันนี้ยังไม่พร้อม แล้วเมื่อไรจะพร้อมล่ะน้า น้าจะให้แจ๊คเหี่ยวตายคาบ้านหรือไง”
“รอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอเว้ย เอ็งจะไปทำไร่ทำนาที่บ้านเอ็งก็ตามใจ” เพิ่มพงษ์ตอกกลับ
“ใจร้ายที่สุด..”
“เอ็งรอมาจนถึงตอนนี้แล้ว ก็รออีกหน่อย อีกไม่นานหรอกที่นี่จะมีห้องว่างให้เอ็ง”
เพิ่มพงษ์ตัดสายไป แจ๊คทำหน้าบึ้งใส่โทรศัพท์
เพิ่มพงษ์วางสายแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาดู กระดาษแผ่นนั้นระบุผลการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงจากหลักฐานสองชิ้นคือกระเป๋าสีน้ำตาลกับแก้วน้ำที่แมทช์กัน
ภาพเหตุการณ์ในอดีต นิติภูมิเดินเข้ามาดื่มน้ำเสร็จแล้ววางแก้วทิ้งไว้ เมื่อนิติภูมิออกไปจากห้อง เพิ่มพงษ์ก็ย่องเข้ามา เขาสวมถุงมือแล้วเอาถุงพลาสติกสำหรับเก็บหลักฐานครอบแก้วน้ำนั้นแล้วปิดถุง
เพิ่มพงษ์ยิ้มให้กับกับแผนการของตัวเอง ก่อนจะดูผลการตรวจลายนิ้วมืออีกครั้ง
“หลักฐานชัดแจ้งอย่างนี้ ดิ้นให้หลุดก็แล้วกันนะ” เพิ่มพงษ์พูดเบาๆ
สยุมภูว์นอนอยู่บนเตียง เขามีท่าทางกระสับกระส่ายเหมือนคนฝันร้าย
ภาพในความฝัน สยุมภูว์เห็นเหตุการณ์ในอดีต แต่เขาเห็นใบหน้านิติภูมิไม่ชัด...
“ฉันอยากจะให้แกทรมานมากกว่านี้นะไอ้สยุมภูว์ แต่ลูกน้องแกมาทำให้เสียบรรยากาศฉันเลยต้องจัดการแกเสียก่อน” นิติภูมิพูด
สยุมภูว์ยิ้มให้นิติภูมิอย่างไม่กลัว
“แกไปทำหน้าหยิ่งจองหองอย่างนี้ในนรกกับพ่อแกเถอะ ไอ้สยุมภูว์”
นิติภูมิผลักให้สยุมภูว์นอนลงที่พื้นแล้วจะเล็งปืนไปที่สยุมภูว์...
สยุมภูว์สะดุ้งตื่นขึ้นมาหอบเหนื่อยเหมือนเหตุการณ์นั้นเพิ่งผ่านมา
“ทำไม..มันเหมือนจริงอย่างนี้”
สยุมภูว์ลุกขึ้นมานั่งแล้วพยายามนึกว่าเหตุการณ์ในฝันเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
สยุมภูว์มานั่งพลิกสมุดบันทึกของตงตงดูอีกครั้ง เพิ่มพงษ์เดินออกมาเห็นแล้วรีบเดินเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
“คุณสยุมภูว์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดึกดื่นอย่างนี้แล้วยังไม่นอนอีก” เพิ่มพงษ์ถาม
“ผมนอนไม่หลับน่ะ”
เพิ่มพงษ์ดูสมุดบันทึกตงตงแล้วยิ้มอย่างรู้ทัน “คิดถึงเจ้าของสมุดถึงกับนอนไม่หลับหรือเปล่าครับอยู่ด้วยกันทั้งวันอย่างนี้ เริ่มจะคุ้นๆหรือยังครับว่าคุณสยุมภูว์เคยชอบคุณแววมากขนาดไหน”
สยุมภูว์ส่ายหน้า “ผมเห็นแต่ภาพเหตุการณ์ที่..ไม่น่าจะจำสักเท่าไร”
เพิ่มพงษ์แปลกใจ “ไม่น่าจำ..คุณสยุมภูว์เห็นอะไรหรือครับ”
“ใครบางคนจะยิงผม..เขาเกลียดผมมาก”
“คุณเห็นหน้าคนๆนั้นหรือเปล่าครับ”
สยุมภูว์ส่ายหน้า “ผมไม่เห็นหน้าเขา”
เพิ่มพงษ์มองสยุมภูว์ด้วยความสงสาร
“ผมเป็นลูกน้องที่แย่จังนะครับ...ช่วยอะไรเจ้านายไม่ได้เลย” เพิ่มพงษ์เปรย
เพิ่มพงษ์เห็นสมุดบันทึกที่สยุมภูว์ถืออยู่ แล้วเขาก็คิดอะไรบางอย่างออก
“แต่ผมว่ามันน่าจะมีที่อีกที่หนึ่งที่อาจจะช่วยให้คุณสยุมภูว์จำในสิ่งที่ควรจะจำขึ้นมาก็ได้นะ”
สยุมภูว์ทำหน้าสงสัย
เพิ่มพงษ์พาสยุมภูว์มายืนอยู่ที่หน้าบ้านเช่าของเขา
สยุมภูว์งง “คุณพาผมมาที่นี่ทำไม”
“คุณสยุมภูว์ไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกนะครับ ที่นี่คุณคือจักร หลานชายของนายเพิ่มเจ้าของร้านต้นไม้ ที่มีเพื่อนบ้านชื่อแวว” เพิ่มพงษ์เล่า
“แวว..คุณหมายถึงเลขาของผม”
“ใช่ครับ เพื่อนบ้านที่มีเรื่องกับคุณตั้งแต่วันแรกที่มาถึง แต่วันหนึ่งนายจักรก็ไปช่วยเขาทำสวนปลูกดอกไม้..ดอกแวว มยุรา”
“งั้นเหรอ”
“อยากไปดูมั้ยล่ะครับ” เพิ่มพงษ์ถาม
เพิ่มพงษ์ยิ้มรอคำตอบจากสยุมภูว์
เพิ่มพงษ์ปีนรั้วบ้านแววเข้ามา สยุมภูว์ปีนตาม
“ระวังหน่อยนะครับคุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์ลังเลแต่ในที่สุดก็ปีนรั้วบ้านแววเข้ามาได้
“เบาๆนะครับ เดี๋ยวคุณแววนึกว่าเป็นขโมย จะโดนสอยร่วง”
เพิ่มพงษ์ย่องนำหน้าสยุมภูว์ไปที่สวน สยุมภูว์เดินตามไป
เพิ่มพงษ์มาที่สวนดอกไม้ แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า เพิ่มพงษ์มีสีหน้าผิดหวัง
“สงสัยว่าคุณแววจะโละสวนดอกไม้ไปแล้วสินะ”
“ตรงนี้เคยมีสวนดอกไม้งั้นเหรอ” สยุมภูว์ถาม
“ใช่ครับ..ตรงนี้เป็นแปลงดอกแววมยุราที่นายจักรปลูกให้คุณแวว”
สยุมภูว์มองที่แปลงดอกไม้ที้ว่างเปล่านั้น
แจ๊คเอากาแฟเข้ามาเสิร์ฟให้สยุมภูว์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอยู่กับเพิ่มพงษ์
แจ๊คพูดอย่างปลาบปลื้ม “แค่จะมาชวนแจ๊คไปอยู่ที่คฤหาสน์ น้าเพิ่มถึงกับพาคุณสยุมภูว์มารับแจ๊คด้วยตัวเองเลยหรือครับ”
“เออ..อวยตัวเองเข้าไป..ข้าว่าคนที่คุณสยุมภูว์เขาจำไม่ได้คือเอ็ง ไอ้แจ๊ค” เพิ่มพงษ์บอก
“อ้าว..ไม่ได้มารับแจ๊คแล้วคุณสยุมภูว์มาที่นี่ทำไมแต่เช้าน่ะ”
เพิ่มพงษ์ยิ้มแล้วหันไปมองสยุมภูว์เหมือนรู้กันสองคน แจ๊คยิ่งงง
เอกรินทร์ลงมาจากห้อง เขาเห็นไลลาที่อยู่ในชุดเที่ยวกลางคืนเพิ่งกลับเข้าบ้านมา เอกรินทร์มองด้วยสายตาตั้งคำถาม
“ไม่ต้องถามอะไรฉันทั้งนั้น” ไลลาพูดดัก
“ดีนะที่ยังกลับบ้านถูก..เธอจะไปหาคุณสยุมภูว์ทั้งที่โทรมๆอย่างนี้ ไม่กลัวเขาตกใจแย่หรือ”
“ไม่มีใครต้องการฉันแล้ว คนที่บ้านนั่นก็ดีจะกันฉันออกมา โดยเฉพาะแฟนแก”
เอกรินทร์ซึม “ผมเปลี่ยนใจแววจากคุณสยุมภูว์ไม่ได้หรอก”
“ก็คงยากเหมือนที่ฉันจะเปลี่ยนใจคุณสยุมภูว์สินะ..แล้วยัยแป้งล่ะ”
“อย่าเพิ่งพูดถึงแป้งตอนนี้เลย”
“ยัยแป้งไปทำเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เอกรินทร์นิ่งไปและไม่ตอบอะไร ไลลาเห็นท่าทีของเอกรินทร์ก็ยิ่งอยากรู้
แววเดินเข้ามาในสวน เธอเห็นสวนมีดอกแววมยุราขึ้นเต็มก็ทำหน้าแปลกใจ
“อยู่ๆ มันมาได้ยังไงเนี่ย”
แววเดินเข้ามาดูแปลงดอกแววมยุราใกล้ๆ ด้วยสีหน้ามีความสุข
เสียงสยุมภูว์ดังขึ้น “สวยถูกใจมั้ยแวว”
แววหันไปเห็นสยุมภูว์ “คุณสยุมภูว์..นี่ฝีมือคุณเหรอคะ” แววคิดสักพักก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “แปลว่าคุณจำเรื่องทั้งหมดได้แล้วใช่มั้ยคะ”
สยุมภูว์ส่ายหน้า “คุณเพิ่มพงษ์บอกผมว่าครั้งหนึ่งผมเคยมาทำสวนดอกไม้ให้คุณ”
แววผิดหวังเล็กน้อย สยุมภูว์เห็นจึงเอ่ยขึ้น
“แต่ผมก็ดีใจนะที่ทำให้คุณมีความสุขได้ขนาดนี้”
แววยิ้มรับ “ขอบคุณนะคะคุณสยุมภูว์”
“ ถึงผมจะยังจำอะไรไมได้ แต่ก็ขอให้นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เรากลับมามีความสุขเหมือนที่ผ่านมานะ แวว”
แววส่ายหน้าเหมือนไม่ยอมรับ สยุมภูว์เริ่มหน้าเสีย
“ทำไมล่ะแวว”
“ตอนนี้แววมีความสุขมากเกินกว่าที่จะคิดถึงเรื่องในอดีตแล้วล่ะค่ะ คุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์มองแวว แล้วทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างซาบซึ้ง
เพิ่มพงษ์กับแจ๊คยืนแอบดูสยุมภูว์กับแววอยู่ที่ริมรั้ว แจ๊คก้มลงหยิบถุงปุ๋ยจะเดินออกไปหาทั้งสองแต่เพิ่มพงษ์ดึงไว้
“เอ็งจะไปไหนน่ะ” เพิ่มพงษ์ถาม
“อ้าว..ก็เอาปุ๋ยไปใส่ดอกไม้สิ” แจ๊คตอบหน้าตาเฉย
“วางเลย..วางเลย..หวานกันขนาดนี้จะใส่ปุ๋ยทำไมล่ะ”
แจ๊คมองตาม เขาเห็นว่าสยุมภูว์กับแววช่วยกันรดน้ำต้นไม้ด้วยท่าทางมีความสุข
สยุมภูว์กับแววช่วยกันรดน้ำต้นไม้จนเสร็จ แวววางฝักบัวรดน้ำลง สยุมภูว์เห็นเศษดินเปื้อนหน้าแววอยู่ก็ยิ้มขำๆ
“ดูหน้าคุณสิ...” สยุมภูว์บอก
แววงง “ทำไมคะ”
แววเอามือแตะหน้าตัวเองแล้วลูบหน้าที่เลอะอยู่เลยทำให้ยิ่งเลอะเศษดินขึ้นไปอีก สยุมภูว์ยิ่งขำเหมือนที่จักรเคยหัวเราะเธอ แววเผลอโกรธหลุดปากออกมา
“นายจะขำอีกนานมั้ย..นายจักร”
สยุมภูว์มองหน้าแววอย่างงงๆ แววจึงรู้ตัว
“อุ้ย..ขอโทษค่ะ..คุณสยุมภูว์..คุณทำให้แววคิดว่าคุณคือนายจักร”
“นายจักร..เขาอยู่ในใจคุณตลอดเวลาใช่มั้ย” สยุมภูว์ถาม
“ค่ะ..เพราะนายจักรคือคนที่มีตัวตนและจับต้องได้ ส่วนสยุมภูว์คือคนที่แววเห็นเขาบนหน้าจอเท่านั้น”
สยุมภูว์นิ่งคิดสักพัก “ถ้าอย่างนี้ วันนี้ผมจะเป็นจักรของคุณสักวันได้มั้ย”
แววมองสยุมภูว์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
สยุมภูว์พาแววมาที่รถกะบะที่เขาเคยขับส่งต้นไม้ สยุมภูว์เดินไปเปิดประตูรถให้แวว แววขึ้นรถไป สยุมภูว์ตามขึ้นไปนั่งบนรถ
“ครั้งแรกที่แววได้นั่งรถคันนี้ ก็ตอนที่คุณสยุมภูว์พาแววกลับมาจากงานแฟชั่นโชว์ที่โรงแรม คุณสยุมภูว์จำได้มั้ยคะ”
“นายจักร กังวานไกร ต่างหาก..ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้ผมจะเป็นนายจักรของคุณ”
แววยิ้ม “ค่ะ..” แววเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “แล้วนายจะพาฉันไปไหนล่ะนายจักร”
“คุณอยากไปไหนล่ะ”
แววนิ่งคิด “ฉันคิดออกแล้ว”
สยุมภูว์พยักหน้าแล้วขับรถออกไป
แววกำลังเลือกพู่กัน สีน้ำมัน เฟรมผ้าใบ อย่างตั้งใจอยู่ที่แผนกเครื่องเขียน สยุมภูว์มองดูแววเลือกอุปกรณ์เพ้นท์ติ้งด้วยสีหน้ามีความสุขตามแววไปด้วย แววรู้ตัวว่าว่าถูกจับตามอง เลยหันไปมองเห็นว่าสยุมภูว์มองอยู่ เธอก็ยิ้มให้
หลังจากแววซ์อของเสร็จ สยุมภูว์ก็ถือข้าวของพะรุงพะรังเดินตามแววออกมา
ที่สวนสาธารณะ แววยื่นเฟรมผ้าใบพร้อมอุปกรณ์เพ้นท์ติ้งให้สยุมภูว์
“ผมวาดรูปไม่เป็นหรอกนะคุณ” สยุมภูว์บอก
“ก็วาดทั้งที่วาดไม่เป็นนี่แหละ เราไม่ได้วาดรูปส่งครูนะนายจักร”
สยุมภูว์ยิ้มๆ ก่อนจะรับเฟรมผ้าใบมา แววไปนั่งตรงกันข้ามกับสยุมภูว์
“ฉันจะวาดรูปนาย..นายก็วาดรูปฉัน ตกลงมั้ย” แววพูด
สยุมภูว์มองหน้าแววแล้วพยักหน้ารับ
ทั้งคู่นั่งวาดรูปอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ บางจังหวะทั้งคู่ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากันโดยบังเอิญทำให้ต่างฝ่ายต่างเขิน
เวลาผ่านไป แววเอารูปของสยุมภูว์ที่ตัวเองวาดเสร็จแล้วมาเทียบกับตัวจริง ส่วนสยุมภูว์ก็เอารูปแววที่ตัวเองวาดไปเทียบกับแวว แล้วต่างก็หัวเราะกับฝีมือของอีกฝ่าย
รูปวาดของทั้งคู่ถูกวางไว้ข้างกันที่เบาะหลัง ขณะที่สยุมภูว์กำลังขับรถออกมา
“ผมยังไม่อยากกลับเลย” สยุมภูว์บอก
“งั้น..ฉันว่าไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีมั้ย” แววเสนอ
สยุมภูว์พยักหน้ารับอย่างเต็มใจ
หม้อจิ้มจุ่มกำลังเดือด แววคีบหมูจากหม้อให้สยุมภูว์ สยุมภูว์เอาตะเกียบคีบรับจากแววแล้วกินเลยโดยลืมไปว่ายังร้อนอยู่ เขาทำหน้าแหยแต่ก็ต้องฝืนเคี้ยวไป
“ทำไมอ่ะ..ไม่อร่อยเหรอ” แววถาม
“อร่อยแต่ร้อนน่ะ” สยุมภูว์บอก
“อุ้ย..ขอโทษนะ..ชั้นไม่ได้แกล้ง” แววคีบเนื้ออีกชิ้นแล้วเป่าให้ก่อนจะยื่นให้ “อ่ะ..ชิ้นนี้ฉันแก้ตัว”
“ควันยังขึ้นอยู่เลย” สยุมภูว์บอก
แววคีบเนื้อมาเป่าตามอีกแล้วยื่นให้สยุมภูว์ แต่แทนที่สยุมภูว์จะเอาตะเกียบมารับเขากลับกินจากตะเกียบของแววตรงๆ
“แบบนี้อร่อยกว่า..เอาอีกชิ้นนะ”
แววเริ่มเขิน “นายก็คีบเองสิ”
สยุมภูว์ยิ้มแล้วคีบเนื้อออกมายื่นให้แวว
“เป่าให้หน่อยสิ”
แววทำหน้าหมั่นไส้แล้วทำท่าเหมือนจะเอาตะเกียบทิ่มตาสยุมภูว์ สยุมภูว์เลยเลิกแกล้งแล้วเป่าเองกินเองอย่างอร่อย แววมองสยุมภูว์ที่ท่าทางมีความสุขก็ยิ้มตาม
มาลตีกำลังคุยกับนิติภูมิอยู่ที่บ้านของเธอ
“ยัยแวว เขาออกไปกับคุณสยุมภูว์ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ คุณนิติภูมิ” มาลตีบอก
“งั้นเหรอครับ”
“คุณนิติภูมิมีธุระอะไรกับยัยแววหรือเปล่าคะ ฝากเรื่องไว้ก็ได้..เพราะไม่รู้ว่าคุณสยุมภูว์จะพามาส่งเมื่อไร”
นิติภูมิพยายามข่มความโกรธ “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่จะมาชวนแววออกไปทานข้าวด้วยกัน”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะบอกยัยแววให้โทรหานะคะ”
“ขอบคุณมากครับ..ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
พูดจบนิติภูมิก็ลุกออกไป มาลตีเดินตามไปส่งที่หน้าประตู นิติภูมิออกจากบ้านแล้วก็ขับรถออกไป
มาลตียิ้ม “ลูกสาวเรานี่ก็เสน่ห์แรงไม่เบานะเนี่ย ชั้นจะตั้งตัวเป็นผู้จัดการคอยจัดคิวให้ลูกดีมั้ยเนี่ย”
สยุมภูว์กับแววยืนพิงรถคุยกัน ก่อนที่แววจะเดินเข้าบ้านเธอก็หันมาพูดกับสยุมภูว์
“วันนี้ฉันมีความสุขมากเลยรู้ไหม..นายจักร”
“ผมก็อยากขอบคุณคุณเหมือนกัน ความสุขในวันนี้คงทำให้ผมนอนหลับสนิท ทำให้ผมลืมเรื่องร้ายๆที่ยังตามมาหลอนไปได้”
แววปลอบใจ “แววเข้าใจค่ะ”
สยุมภูว์มองแววอย่างซาบซึ้ง แววเมินหน้าหนีเพราะไม่อาจจ้องตาของเขาได้ สยุมภูว์ขยับจะเปิดประตูรถที่แววยืนพิงอยู่ แววเบี่ยงตัวหลบแต่กลับไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา
สยุมภูว์มองแววอย่างชั่งใจ แววมองสยุมภูว์ สยุมภูว์โน้มใบหน้าลงมาเหมือนจะจูบแววแต่แล้วเขากลับเลื่อนขึ้นไปจูบหน้าผากของเธออย่างทะนุถนอม แววยิ้มอย่างมีความสุข
ที่มุมหนึ่งไม่ไกลจากบริเวณนั้น นิติภูมิกำลังมองภาพนั้นอยู่ด้วยสายอาฆาตแค้น
“ไอ้สยุมภูว์ !”
สยุมภูว์ดูภาพของแววที่เป็นฝีมือของเขาแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ขณะเดียวกันภาพวาดของสยุมภูว์ก็อยู่ในมือแวว โดยแววก็กำลังดูภาพของสยุมภูว์อย่างมีความสุขเช่นกัน
“ขอให้คืนนี้..นายหลับฝันดีนะ นายจักร” แววพูด
แววกอดภาพวาดนั้นไว้ราวกับได้กอดสยุมภูว์จริงๆ
เช้าวันใหม่ ที่คฤหาสน์ทศพล นิติธรเดินออกมาหาตำรวจที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
“รู้ตัวแล้วหรือครับ” นิติธรเอ่ยถาม
ตำรวจยิ้ม “ครับ..ถ้าได้หลักฐานชิ้นสำคัญอีกชิ้น เราก็จะได้ข่าวดี”
“หลักฐาน..อะไรครับ” นิติธรถาม
“ลายนิ้วมือครับ..เราพบลายนิ้วมือแฝงจากหลักฐานสองชิ้นที่ตรงกัน ขาดแต่เพียงลายนิ้วมือของผู้ต้องสงสัยที่จะใช้ยืนยันเท่านั้น”
“ครับ..คุณจะให้ผมช่วยอะไรก็บอกมาได้เลยครับ”
ตำรวจยื่นหมายให้นิติธร นิติธรรับมาอ่านแล้วมองหน้าตำรวจ
“เจ้าภูมิ..นี่..แปลว่า...”
“ผมต้องขอความร่วมมือจากคุณนิติภูมิด้วยนะครับ”
ตำรวจบอก นิติธรถึงกับอึ้งไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
แววมยุรา ตอนที่ 14 (ต่อ)
แววเดินลงมาที่ห้องรับแขกในตอนเช้า แล้วก็ยิ้มด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นนิติภูมินั่งอยู่กับมาลตี
“คุณนิติภูมิ”
“คุณเขามารับแกน่ะ..ประหยัดค่าแท็กซี่ไปวันหนึ่ง” มาลตีพูด
แววดุ “แม่...”
“ไม่เป็นไรหรอกแวว..ผมเต็มใจมารับ” นิติภูมิบอก
“เอ้า...งั้นก็รีบเข้าสิ คุณเขามารอตั้งนานแล้ว”
มาลตีเจ้ากี้เจ้าการให้แววรีบออกไปกับนิติภูมิ เมื่อเห็นว่านิติภูมิออกไปหน้าบ้านแล้ว มาลตีก็แอบกระซิบกับลูกสาว
“อย่าเพิ่งรีบไปตัดเยื่อใยเขาล่ะ เผื่อพลาดจากเจ้านาย แกจะได้มีตัวสำรอง”
“แม่!!..ไม่ใช่ฟุตบอลนะ จะได้มีตัวสำรองเผื่อไว้”
“อ้าว..แม่ก็หวังดี ไม่อยากเห็นลูกสาวค้างเติ่งอยู่บนคาน ไปเลย...รีบไปเลย” มาลตีเร่ง
มาลตีรีบเร่งให้แววเดินตามนิติภูมิออกไป
แจ๊คกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่ริมรั้ว แล้วเขาก็เห็นว่าแววกำลังจะขึ้นรถของนิติภูมิ
“อุ้ย..วันนี้มีคนมารับพี่แววด้วย..หน้าตาท่าทางก็ดี ขับรถหรูอย่างนี้ไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ”
ทันใดนั้น โรสก็โผล่หน้ามาที่ริมรั้ว แจ๊คเห็นก็กระเด้งหนีทำให้สายยางสาดน้ำไปโดนโรสโดยไม่ได้ตั้งใจ
โรสโกรธสุดๆ “ไอ้พี่แจ๊ค !!”
“น้องโรส ขอโทษนะ พี่แจ๊คไม่ได้ตั้งใจ”
“โดนเต็มๆอย่างนี้เนี่ยนะ” โรสว่า
“ก็พี่แจ๊คขวัญอ่อนอ่ะ” แจ๊ครีบเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ใครมารับคุณแววไปทำงานน่ะ”
“คุณนิติภูมิไง..อยู่ดีๆก็โผล่มาแต่เช้า สงสัยว่าจะรีบทำคะแนนกับคุณแววตัดหน้าคุณสยุมภูว์น่ะ”
แจ๊คพยักหน้ารับ แล้วรถของนิติภูมิก็ผ่านหน้าแจ๊คไป แจ๊คยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เพราะคิดอะไรบางอย่างออก
นิติธรเคาะประตูห้องเพื่อเรียกนิติภูมิ โดยที่เพิ่มพงษ์กับตำรวจยืนรออยู่ด้วย
“เจ้าภูมิ..เปิดประตูหน่อย...เจ้าภูมิ” นิติธรเรียก
“ผมว่าเอากุญแจมาไขห้องเถอะครับ เรียกตั้งนานแล้วยังไม่เปิดมันชักจะน่าเป็นห่วงแล้ว” เพิ่มพงษ์เสนอ
นิติธรหยิบกุญแจไขห้องนิติภูมิ
นิติธร เพิ่มพงษ์ และตำรวจเข้ามาในห้องของนิติภูมิแต่ก็ไม่มีใครอยู่ นิติธรเริ่มสงสัย
“ออกไปไหนแต่เช้านะ”
นิติธรกดโทรศัพท์หานิติภูมิแต่โทรไม่ติด เพิ่มพงษ์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าก็เห็นว่าไม่มีเสื้อผ้าอยู่ในตู้แล้ว
เพิ่มพงษ์เปรยออกมา “ผมว่า..ไม่ต้องสงสัยแล้วครับ”
นิติธรเริ่มหน้าเสีย เขายังพยายามกดโทรศัพท์หานิติภูมิอยู่ ขณะเดียวกับที่โทรศัพท์ของเพิ่มพงษ์ดังขึ้น เพิ่มพงษ์เห็นว่าแจ๊คโทรมาก็กดรับสาย
“ไอ้แจ๊ค..ถ้าเอ็งจะโทรมากวนประสาทข้าแต่เช้าอย่างนี้ เอ็งวางหูไปเลย ตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง “
“แจ๊คไม่ได้อยากคุยกับน้า แจ๊คอยากคุยกับคุณสยุมภูว์ต่างหาก” แจ๊คบอก
“นี่มันไม่ใช่เวลาที่เอ็งจะโทรมาขอร้องคุณสยุมภูว์ให้พาเอ็งมาอยู่ที่นี่นะ”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องนั้นอีกนั่นแหละ”
“แล้วมันเรื่องอะไร” เพิ่มพงษ์ถาม
“แจ๊คจะโทรมาเตือนว่าคุณนิติภูมิกำลังทำคะแนนกับคุณแววตัดหน้าคุณสยุมภูว์ต่างหาก”
“เอ็งรู้ได้ไง”
“อ้าว..ก็แจ๊คเห็นกับตาว่าเขามารับพี่แววออกไปทำงานน่ะสิ” แจ๊คบอก
เพิ่มพงษ์ถามทันที “เมื่อไร...”
“เมื่อกี้นี้เอง..รถนายนั่นน่ะวิ่งผ่านหน้าแจ๊คไปตะกี้”
“เอ็งทำอะไรอยู่”
“รดน้ำต้นไม้น่ะสิ” แจ๊คบอก
“งั้นเอ็งวางมือ แล้วรีบตามสองคนนั้นไปทันที...เข้าใจมั้ย” เพิ่มพงษ์สั่ง
เพิ่มพงษ์หน้าเครียดแล้วเปรยออกมา
“ขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิดเถอะนะ”
เสียงสยุมภูว์ดังขึ้น “มีเรื่องอะไรกัน...”
เพิ่มพงษ์และนิติธรหันไปมองสยุมภูว์เป็นตาเดียวกัน
รถของนิติภูมิแล่นเข้าไปจอดที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
“ขอแวะเติมน้ำมันหน่อยนะครับ” นิติภูมิบอกแวว
แววเห็นร้านสะดวกซื้อในปั๊มจึงบอกกับนิติภูมิ
“งั้นแววไปหาอะไรรองท้องก่อนนะคะ”
“สงสัยว่าผมจะรีบมารับคุณเช้าเกินไปเกินไปเลยไม่มีเวลาทานข้าวเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปกติแววก็ไม่ได้ทานมื้อเช้าอยู่แล้ว คุณนิติภูมิอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ”
แววหยิบกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋าสะพายแล้วลงจากรถเดินไปที่ร้าน นิติภูมิมองตามไปแล้วยิ้มร้าย เสียงโทรศัพท์มือถือของแววดังขึ้น นิติภูมิหันไปมองแล้วหยิบกระเป๋าของแววขึ้นมาหาโทรศัพท์
นิติภูมิเห็นโทรศัพท์ขึ้นชื่อสยุมภูว์ เขาทำเหมือนจะกดรับแต่กลับตัดสายแล้วกดปิดมือถือทันที เขาเก็บมือถือของแววไว้แล้วหยิบกระเป๋าไปไว้ที่เดิมเพื่อไม่ให้แววสงสัย
สยุมภูว์หน้าเครียดเมื่อถูกตัดสาย เขากดโทรศัทท์หาแววอีกครั้งแต่ก็ไม่ติดแล้ว
“ปิดมือถือไปแล้ว” สยุมภูว์บอกทุกคน
เพิ่มพงษ์วิตก “ไม่ได้เรื่องแล้วครับ”
เพิ่มพงษ์รีบกดโทรศัพท์หาแจ๊คทันที
แจ๊คกำลังขี่มอร์เตอร์ไซค์อยู่ เขารับโทรศัพท์ที่เพิ่มพงษ์โทรมาหาโดยการเอาโทรศัพท์เหน็บไว้ในหมวกแล้วคุยโทรศัพท์ไปขี่มอเตอร์ไซต์ด้วย
“แจ๊คตามออกมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่าล่ะน้า”
“ไม่ทันก็ต้องทันเว้ย...” เพิ่มพงษ์สั่ง
“แล้วน้าจะให้แจ๊คตามพี่แววทำไมละเนี่ย พี่แววไปทำงานที่นั่นก็ต้องเจอน้าอยู่แล้ว”
“ก็ข้ากลัวว่าจะไม่พามาที่นี่น่ะสิ..เอ็งรีบตามให้เจอนะ แล้วโทรบอกข้าด้วย”
เพิ่มพงษ์ตัดสายไป แจ๊ครีบบึ่งมอร์เตอร์ไซค์ตามหาต่อ
แจ๊คขี่รถมาหยุดที่หน้าปั้มน้ำมัน ก่อนจะเห็นว่ารถของนิติภูมิขับออกมาจากปั้มแห่งนั้น แจ๊คจะรีบตามไปแต่นึกออกจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปรถและรูปปั๊มน้ำมัน แจ๊คส่งไฟล์ไปให้เพิ่มพงษ์ แล้วบิดมอร์ไซค์ตามรถนิติภูมิไปทันที
โทรศัพท์ของเพิ่มพงษ์มีสัญญาณว่าแจ๊คส่งรูปมาให้
นิติธรเห็นรูป “นั่นรถเจ้าภูมิครับ..”
เพิ่มพงษ์นิ่งคิด “แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มด้วย..ทำอย่างกับจะไปไหนไกลๆ”
สยุมภูว์มองหน้าเพิ่มพงษ์กับนิติธร
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณคิด..แล้วเขาพาแววไปด้วยทำไมครับ” สยุมภูว์สงสัย
“คุณสยุมภูว์จำไม่ได้สินะครับว่า คุณนิติภูมิก็หมายตาแววด้วยเหมือนกัน” เพิ่มพงษ์บอก
“แล้วเกี่ยวอะไรกับผมล่ะครับ” สยุมภูว์ถาม
“คุณสยุมภูว์เคยขอคุณแววแต่งงานต่อหน้าทุกคนในงานเลี้ยง..แล้วคืนนั้นก็เป็นคืนเดียวกับที่แววถูกลักพาตัวไป ผมว่าเหตุการณ์อาจจจะย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งก็ได้ครับ”
“ผมชอบแวว ถึงกับเคยขอแววแต่งงานเหรอ ?”
“ใช่ครับ...”
“แต่แววไม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง”
“คุณแววคงกลัวว่าคุณสยุมภูว์จะหาว่าเธอแอบอ้าง เหมือนที่คุณไลลาแอบอ้างว่าเป็นแฟนคุณน่ะครับ”
สยุมภูว์พยายามนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น แต่ก็ยังนึกไม่ออก
นิติภูมิหยุดรถเพื่อจอดจ่ายเงินขึ้นทางด่วน แววเริ่มสงสัย
“นี่..เราจะไปไหนกันคะ คุณนิติภูมิ”
“ผมเพิ่งนึกออกว่าต้องไปทำธุระก่อนแต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมไม่ทำให้คุณไปทำงานสายแน่ๆ ยังมีเวลาตั้งเยอะ” นิติภูมิบอก
“ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นแววขอโทรศัพท์บอกคุณเพิ่มพงษ์ก่อนนะคะ”
นิติภูมิแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าเขาเก็บมือถือของแววไว้ แววค้นกระเป๋าจนทั่วแต่ก็หาโทรศัพท์ไม่เจอ
“เอ๊ะ...อยู่ไหนเนี่ย..หรือว่าลืมเอามาด้วย”
“ลืมโทรศัพท์หรือครับ” นิติภูมิถาม
“แต่แววแน่ใจนะคะว่าไม่ลืมแน่ๆ”
นิติภูมิหันมาดูว่าแววค้นกระเป๋าแล้วก็แอบยิ้ม แต่เมื่อหันกลับไปขับรถต่อก็ต้องเบรคเพราะรถคันหน้าเบรกกระทันหัน จนข้าวของในกระเป๋าของแววร่วงกระจายลงที่พื้นรถ
“ขอโทษครับคุณแวว..คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
แววก้มลงไปเก็บของบนพื้น ก่อนจะเห็นว่าโทรศัพท์ของตัวเองตกอยู่ที่พื้นรถฝั่งนิติภูมิ แววทำหน้าแปลกใจ เธอหันไปมองนิติภูมิแล้วพบว่านิติภูมิก็มองเธออยู่เช่นกัน
ตำรวจแยกจากสยุมภูว์ เพิ่มพงษ์ และนิติธรไปที่รถ เพิ่มพงษ์เป็นคนขับรถ สยุมภูว์นั่งข้างๆ นิติธรนั่งอยู่ข้างหลัง เสียงโทรศัพท์ของเพิ่มพงษ์ดังขึ้น เพิ่มพงษ์เห็นว่าเป็นแจ๊คก็รีบรับสาย
“แจ๊คตามต่อไม่ได้แล้วน้าเพิ่ม” แจ๊คบอก
เพิ่มพงษ์ตกใจ “ทำไมล่ะวะ..น้ำมันหมดหรือไง”
“เปล่าน้า..คุณนิติภูมิขึ้นทางด่วนไปแล้ว”
“ขึ้นทางด่วน...”
“ใช่ครับ..จะให้แจ๊คทำไงต่อ”
“เออ..เอ็งถ่ายรูปมาว่าทางด่วนตรงไหนแล้วก็กลับบ้านไปได้แล้ว”
เพิ่มพงษ์ตัดสายไป ก่อนจะได้รับเมสเสจภาพด่านขึ้นทางด่วนที่แจ๊คส่งมาให้
“นิติภูมิจะพาคุณแววไปไหนกันเนี่ย” สยุมภูว์ร้อนใจ
เพิ่มพงษ์รีบออกรถตามไปทันที
รถของนิติภูมิแล่นไปเรื่อยๆ นิติภูมิยิ้มให้แวว
“โทรศัพท์ของแวว..ไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงคะ” แววงง
“มันไม่ได้ตกออกมาจากกระเป๋าคุณเหรอ”
“ไม่ใช่แน่ๆค่ะ..”
นิติภูมิไม่ตอบ ขณะเดียวกับที่รถกำลังจะลงทางด่วนพอดี แววเห็นป้ายบอกทางไปชลบุรี
“คุณจะพาแววไปไหนกันแน่คะ คุณนิติภูมิ”
นิติภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปที่ที่ไม่มีเจ้านายคุณไง”
“คุณหมายความว่ายังไง” แววเริ่มสงสัย
“ทำไมล่ะ..ขาดเขาไม่ได้หรือไง แวว”
“คุณกำลังจะทำอะไร”
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก..แค่จะทำให้เจ้านายคุณเห็นว่าเขาไม่มีวันจะได้ทุกอย่างเท่านั้นเอง”
“คุณไม่พอใจคุณสยุมภูว์เรื่องอะไร ก็น่าจะคุยกันดีๆนะคะคุณนิติภูมิ”
“ไม่จำเป็น..คนที่แย่งทุกอย่างไปจากชีวิตผม มันจะรู้สึกถึงความสูญเสียก็ต่อเมื่อมันสูญเสียของที่มันรักไป โดยที่มันช่วยอะไรไม่ได้อย่างนี้ล่ะ”
แววนิ่งคิด “นี่แปลว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือคุณ”
“เก่งนี่..แวว...รู้อย่างนี้แล้วก็ร่วมมือกับผมดีกว่า..อย่าทำให้ผมโกรธมากกว่านี้เลย”
“น่าเสียใจแทนคุณสยุมภูว์นะคะที่เขาไว้ใจให้คุณมาทำงาน แต่คุณกลับแว้งกัดเขาอย่างนี้ แววมองคุณผิดมาตลอดจริงๆ”
แววเมินหน้าหนีนิติภูมิด้วยความผิดหวัง แต่นิติภูมิก็ไม่สนใจ
นิติธรวางสายจากตำรวจ
“รถเจ้าภูมิลงทางด่วนไปชลบุรีครับ เขากำลังให้ตำรวจทางนั้นสกัดอยู่” นิติธรรายงานให้สยุมภูว์กับเพิ่มพงษ์ฟัง
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ วันนัดส่งของเขาก็ทำตำรวจป่วนไปทีหนึ่งแล้ว” เพิ่มพงษ์พูด
“แล้วอย่างนี้เราจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าภูมิอยู่ที่ไหนกันแน่” นิติธรร้อนใจ
“ผมว่าเขาไม่วิ่งย้อนกลับมาแน่ๆ ได้ตัวแววไปแล้วเขาคงจะไปไกลที่สุดเท่าที่เขาจะไปได้” เพิ่มพงษ์บอก
นิติธรกับเพิ่มพงษ์เริ่มคิดหนัก สยุมภูว์ยิ่งเป็นห่วงแววมากขึ้น
รถของนิติภูมิ เลี้ยวเข้ามาในป่าหญ้าริมถนน แววมองไปรอบๆ อย่างหน้าตาตื่นเพราะไม่รู้ว่านิติภูมิกำลังจะทำอะไร นิติภูมิเห็นสีหน้าของแววก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูด
“ถึงผมจะเกลียดไอ้สยุมภูว์มากแค่ไหน แต่ผมก็ทำอะไรคุณไม่ลงหรอกนะแวว”
“คุณก็พาฉันกลับไปสิ”
“มันสายเกินไปแล้ว เลิกคิดเรื่องนั้นเถอะ”
“แล้วคุณจะทำอะไรฉัน” แววถาม
“ก็แค่จะทำให้พวกนั้นหัวปั่นนิดหน่อยเสียก่อน แล้วเราค่อยไปด้วยกันสองคน”
นิติภูมิขับรถเข้าไปในป่าหญ้าไกลขึ้นเรื่อยๆ แววพยายามมองหาทางหนีทีไล่ โดยไม่ให้นิติภูมิรู้
“แล้วก็ไม่ต้องหาทางหนีผมล่ะสิ..อย่าคิดเสียให้ยากเลย” นิติภูมิพูดดัก
“ถึงจะหนีคุณไม่พ้น..แต่แววไม่มีทางยอมคุณแน่”
“ก็แน่ล่ะสิ..ถ้าผมรวยเท่ามันคุณคงยอมผมตั้งแต่แรกแล้ว”
“แววไม่ได้รักเขาเพราะเรื่องนั้น แต่เพราะคุณสยุมภูว์เป็นในสิ่งที่คุณไม่มีวันเป็นได้”
““รัก”..พูดเต็มปากเต็มคำดีนี่”
“ใช่ค่ะ..แล้วมันก็เป็นคำพูดที่แววไม่มีวันจะใช้กับคุณ”
นิติภูมิโมโห เขาเบรครถเอี้ยดแล้วจับแววให้มองหน้าเขา แววดึงดันแต่ก็ฝืนแรงนิติภูมิไม่ได้
“คุณก็จะไม่มีจะได้พูดคำนี้กับมันเหมือนกัน”
นิติภูมิดึงกุญแจรถออกแล้วลงจากรถเดินไปเปิดประตูด้านที่แววนั่ง
“คิดเสียว่าเรามาปิคนิคกันนะ..” นิติภูมิบอก
แววขัดขืนไม่ยอมลง นิติภูมิยิ่งโมโหจึงกระชากแววลงมาจากรถ แววจำต้องตามลงมา นิติภูมิเอาปืนจ่อให้แววเดินไปตามทางที่ตัวเองบอก
“อย่าตุกติก...”
แววไม่ยอมเดิน เธอหันมาจ้องหน้านิติภูมิ แต่นิติภูมิไม่สนใจ
“ผมไม่ใจอ่อนหรอก..เดินไปจนกว่าผมจะบอกให้หยุด”
“คุณไม่กล้ายิงฉันหรอก”
นิติภูมิขึ้นไกปืน “ผมไม่ได้ มันก็ต้องไม่ได้”
“งั้นก็ยิง..ให้ฉันตายไปเลยสิ จะได้สิ้นเรื่องกันไป ยังไงคุณก็หนีทันอยู่แล้วนี่”
“อย่าท้าผมนะ”
“ต่อให้ฉันตาย ฉันก็จะไม่มีทางพูดคำว่ารักกับคุณแน่ๆ” แววยืนยัน
นิติภูมิเริ่มโกรธ แววไม่สนใจ นิติภูมิเล็งปืนมาที่แวว
“อย่าบังคับให้ผมต้องทำนะแวว”
“คุณมันคนขี้ขลาด” แววต่อว่า
นิติภูมิโมโหสุดจะกลั้น เขาทำท่าจะยิงแวว แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่กลัวของแววเขาก็ยิงปืนขึ้นฟ้ารัวติดกันหลายนัดเพื่อระบายอารมณ์ แววตกใจที่เห็นความเกี้ยวกราดของนิติภูมิที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
นิติภูมิพยายามควบคุมอารมณ์ “เดินต่อไป...”
แววไม่อาจจะปฏิเสธได้ เธอจึงเดินไปตามคำสั่งของนิติภูมิ
รถของสยุมภูว์จอดอยู่ข้างทาง นิติธรที่นั่งอยู่ในรถเพิ่งวางสายจากตำรวจ
“ตำรวจแจ้งว่ารถของเจ้าภูมิหายไปจากถนนเส้นหลักแล้วครับ” นิติธรบอก
“คิดแล้วไม่มีผิด..เขาไม่มีทางให้เราตามง่ายๆแน่” เพิ่มพงษ์กังวล
“ทางตำรวจส่งรูปเจ้าภูมิและแววให้ตำรวจท้องที่แล้ว..เขาเร่งตามกันอยู่ครับ” นิติธรพูดต่อ
เพิ่มพงษ์สงสัย “ทำไมเขาต้องพาแววมาแถวนี้ด้วยนะ”
นิติธรนิ่งคิด “หรือว่าเขาจะพาแววไปที่นั่น...”
เพิ่มพงษ์กับสยุมภูว์มองนิติธรเป็นตาเดียว
แววเดินเข้ามาในสวนยางโดยมีนิติภูมิจ่อปืนตามประกบไปจนถึงกระท่อมในสวนยางที่มีรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่
“หลบอยู่ที่นี่สักพัก..แล้วดึกๆเราค่อยไปต่อ” นิติภูมิบอก
แววนิ่งเงียบไม่โต้ตอบอะไร
“เหนื่อยหรือเปล่า” นิติภูมิถาม แววนิ่ง นิติภูมิยิ้มแล้วพูดต่อ “ดี..อยู่เงียบๆก็ดีเหมือนกัน” “คุณพลาดมากนะที่ทำแบบนี้” แววรำพึงออกมา
“ขอบคุณที่เตือน แต่จะให้ผมยอมโดนจับเพราะไอ้สยุมภูว์ก็ฝันไปเถอะ ไม่มันก็ผมที่ต้องเจ๊งกันไปข้างหนึ่ง”
“แววไม่นึกว่าคุณจะเป็นคนโหดร้าย เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนี้”
“ต่อไป เมื่อคุณอยู่กับผมนานๆ คุณก็ชินเองนั่นล่ะ” นิติภูมิบอก
“คุณคิดว่าจะหนีไปได้ตลอดงั้นเหรอ”
“ก็เห็นอยู่แล้วว่าผมพาคุณหนีมาได้ทั้งวัน...ไม่ต้องกลัวหรอกว่าใครจะมาขัดจังหวะปิกนิกของเรา นี่มันสวนยางของผม..ผมรู้ทางหนีทีไล่ดี”
แววยิ่งรู้สึกชิงชังนิติภูมิมากขึ้น นิติภูมิยิ้มเยาะ
ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง เอกรินทร์และทีมงานกำลังเตรียมเซ็ตอุปกรณ์ถ่ายทำอยู่ในห้องเล่นโยคะ สักพักพีอาร์โรงแรมก็เดินเข้ามาหา
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณเอก..ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยคะ” พีอาร์ถาม
“ครับพี่..อีกสักสิบนาทีก็น่าจะพร้อมถ่ายแล้ว นางแบบได้อ่านสคริปท์แล้วนะครับ” เอกรินทร์บอก
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ..พอเจ้านายพี่แอพพรู๊ฟบทแล้ว พี่ก็รีบส่งให้เลย..แต่ได้คนคุ้นเคยกับงานก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ”
“คนคุ้นเคย..ใครครับ” เอกรินทร์สงสัย
“อ้าว..ก็คุณแป้งร่ำไงคะ คุณเอก..คนนี้น่ะขวัญใจเจ้านายของพี่”
ทันใดนั้นแป้งร่ำก็เปิดประตูเข้าห้องฟิตเนสมา เธอเห็นเอกรินทร์ก็นิ่งไป
“นั่นไงมาพอดี” พีอาร์พูดกับแป้งร่ำ “ถ้าอย่างนั้นคุณแป้งคุยกับคุณเอกก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่จะไปเชิญครูโยคะลงมาที่นี่”
พีอาร์โรงแรมเดินออกไป เอกรินทร์กับแป้งร่ำมองหน้ากันแบบกระอักกระอ่วน สักพักแป้งร่ำก็เอ่ยขึ้น
“แป้งขอไปท่องสคริปท์ก่อนนะคะ จะได้ไม่ต้องเทคบ่อยๆเพราะคุณเอกคงไม่อยากจะเห็นหน้าแป้งเท่าไร”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแยกงานกับเรื่องส่วนตัวได้”
แป้งร่ำถือสคริปท์ออกไปอ่านที่มุมหนึ่งของห้อง เอกรินทร์บรีฟกับทีมงานแต่ก็อดแอบมองแป้งร่ำไม่ได้
รูปถ่ายของชลธิชากับเริงใจที่เต้นตลกๆ ติดอยู่บนบอร์ดในร้านกาแฟ ชลธิชาเดินเข้ามาดูแล้วทำหน้าหงุดหงิดแล้วจะแกะรูปออก
“อ๊ะ...จะทำอะไรน่ะ ติดกลับไปเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้” เริงใจสั่ง
“ก็เห็นๆอยู่ว่ารูปนี้เราสองคนน่าเกลียดไหนแล้วยังจะเอามาติดอีก เสียภาพลักษณ์เจ้าของร้านหมดนะยัยเริง” ชลธิชาบอก
“ถ้ามันจะเสียก็เสียตั้งแต่วันที่เราเต้นต่อหน้าลูกค้าวันนั้นแล้ว”
“ก็ช่างสิเรื่องวันนั้นเขาก็ลืมๆกันไปแล้ว เธอเอารูปมาติดอย่างนี้เขาก็ยิ่งจำ”
“งั้นก็ถือว่าติดไว้เตือนตัวเองก็แล้วกันนะ ว่าเพราะอะไรเราต้องมาทำอะไรน่าเกลียดๆ กันอย่างนี้”
“ตกลงว่าเราจะไม่ให้อภัยคุณแป้งเหรอ” ชลธิชาถาม
“ถ้าเขากล้ามาสู้หน้าเรา..ฉันก็ไม่ใจแข็งหรอกน่า”
“ท่าทางคุณเอกเขาเสียใจมากนะที่ถูกหลอก”
“ใช่..ฉันว่าคุณเอกก็คงมีใจให้คุณแป้งอยู่ พอรู้ว่าโดนหลอกก็เลยยิ่งเจ็บ” เริงใจพูด
ชลธิชายิ้มรับอย่างเห็นด้วย ทั้งที่ตัวเธอเองก็ใจแป้วเหมือนกัน
รถของสยุมภูว์ขับเข้ามาจอดในสวนยาง ทั้งสามคนลงมาจากรถแล้วมองไปทั่วบริเวณ ทั้งสามเห็นกระท่อมหลังหนึ่งจึงเดินตรงไปที่กระท่อมหลังนั้น เมื่อเข้าใกล้กระท่อม เพิ่มพงษ์เห็นสภาพเก่าโทรมแล้วก็ส่ายหน้า
“ผมว่าไม่น่าจะใช่ที่นี่นะ”
เพิ่มพงษ์ขึ้นไปผลักประตูกระท่อม แต่ด้านในกระท่อมก็ไม่มีอะไร พอเขาเดินกลับมาแล้วก็ต้องตกใจเพราะเห็นว่าคนเฝ้าสวนยางกำลังเล็งปืนมาที่พวกเขา
“พวกแกเป็นใคร..ใครอนุญาตให้เข้ามา” คนเฝ้าสวนยางตะคอก
“ขอโทษเถอะนะ..พวกเราไม่ได้มาร้าย..ผมมาตามหาลูกผมน่ะ” นิติธรบอก
“ลูกใคร..อะไรของแก”
“ลูกชายผมชื่อนิติภูมิ..รู้จักหรือเปล่า” นิติธรถาม
คนเฝ้าสวนยางส่ายหน้า “ไม่มีหรอก”
“เอาปืนลงก่อนเถอะ..เอามาจ่อกันอย่างนี้มันใจคอไม่ดี เดี๋ยวจะพูดกันไม่รู้เรื่อง” เพิ่มพงษ์เจรจา
“ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว” คนเฝ้าสวนยางสั่ง
“ขอโทษเถอะนะ..แถวนี้มีสวนยางที่อื่นอีกหรือเปล่านอกจากที่นี่” นิติธรถาม
“ไม่มี ไปหาที่อื่นไป..ไปได้แล้ว”
เพิ่มพงษ์ นิติธร และสยุมภูว์ถอยออกมาแล้วเดินตรงไปที่รถ คนเฝ้าสวนยางยังเล็งปืนมาที่ทั้งสาม
“ดุชะมัดเลยคนแถวนี้” เพิ่มพงษ์บ่น
“ผมว่าผมจำไม่ผิดนะครับ..ว่าเจ้าภูมิมันเคยบอกว่าลงทุนกับหุ้นส่วนทำสวนไว้ที่นี่” นิติธรบอก
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ” สยุมภูว์ถาม
คนเฝ้าสวนยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเร่งให้ทั้งสามออกไป
“ออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยว่ากัน” เพิ่มพงษ์บอก
ทั้งสามรีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที คนเฝ้าสวนมองตามแล้วยิ้ม ก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋าออกมาชื่นชมแล้วเปรยออกมา
“หนีไปให้ตลอดรอดฝั่งเถอะคุณนิติภูมิ”
อ่านต่อหน้าที่ 3
แววมยุรา ตอนที่ 14 (ต่อ)
นิติภูมิขับรถกระบะของคนเฝ้าสวนยางออกมา โดยมีแววนั่งอยู่ข้างๆ
“น่าเสียดายนะคนเฝ้าสวนของผมมันหูไวตาไวไปหน่อย...ไม่อย่างนั้นคุณก็คงได้เจอสุดที่รักของคุณแล้ว” นิติภูมิพูด
“ยังไงคุณสยุมภูว์ก็ต้องตามหาฉันเจอ ไม่มีทางที่เราจะหนีพ้นหรอก”
“งั้นเหรอ..สงสัยเราต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศกันเสียแล้วสิ จากที่นี่ขับต่อไปอีกหน่อยก็ชายแดนเขมรแล้ว”
นิติภูมิขับฝ่าสัญญาณไฟแดงไป สักพักรถตำรวจก็แล่นตามไป
เสียงตำรวจพูดผ่านลำโพง “กระบะ เลขทะเบียน... เข้าข้างทาง”
นิติภูมิมองจากกระจกหลังก็เห็นว่ารถตำรวจตามมา เขาทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะจอดรถเข้าข้างทาง รถตำรวจมาจอดดักหน้า ตำรวจคนหนึ่งลงจากรถตรงเดินมาหานิติภูมิ
นิติภูมิพูดกับแวว “ห้ามพูดอะไร..รู้ไหม”
นิติภูมิเลื่อนกระจกรถลง ตำรวจมองเข้ามาเห็นว่านิติภูมิมากับแวว นิติภูมิควักกระเป๋าออกมายื่นเงินให้ ตำรวจมองเงินในมือนิติภูมิ
“คุณกำลังจะติดสินบนเจ้าหน้าที่นะครับ” ตำรวจบอก
“รับไปเถอะครับพี่..ช่วยๆกันนะ..พอดีผมกับแฟนจะรีบไปเยี่ยมญาติน่ะ” นิติภูมิพูด
“ผิดทั้งเรื่องจราจร ทั้งเรื่องติดสินบนอย่างนี้ เชิญลงจากรถด้วยครับ เพราะเราคงต้องคุยกันยาว”
นิติภูมิยืนกราน “ผมไม่ลง”
“งั้นก็อีกข้อหาหนึ่ง ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่”
นิติภูมิทำเหมือนจะยอม เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วทำท่าจะเปิดประตูรถแต่กลับกระแทกประตูใส่ตำรวจจนล้มลง แล้วรีบขับรถหนีตำรวจออกไปอย่างรวดเร็ว ตำรวจอีกคนรถลงมาดูแล้วชักปืนออกมายิงล้อรถนิติภูมิ แต่นิติภูมิก็หนีไปได้
แววตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น นิติภูมิมองแววแล้วยิ้มอย่างสะใจ
“ต่อไปมันคงจะสนุกขึ้นเรื่อยๆ สินะ” นิติภูมิบอก
ยางรถของนิติภูมิโดนกระสุนของตำรวจเจาะจนเริ่มแบนติดถนน นิติภูมิหัวเสียเมื่อรู้ว่ารถถูกเจาะยางจนแบน ขณะเดียวกับที่รถตำรวจกำลังตามมา นิติภูมิเห็นก็รีบพูดกับแวว
“คุณจะอยู่ให้ตำรวจจับหรือไง”
แววไม่ยอมลงจากรถ นิติภูมิลงไปเปิดประตูให้แววลงมา
“คุณจะหนีไปไหนก็เรื่องของคุณ ฉันจะอยู่รอตำรวจที่นี่” แววบอก
“แวว..อย่าให้ผมต้องใช้กำลัง”
แววไม่ยอมลง นิติภูมิเลยดึงตัวแววลงมาจนเธอล้มลงที่พื้น
“ผมบอกคุณแล้ว..เชื่อผมหน่อยสิ”
“ทำไมฉันต้องเชื่อคนเลวๆอย่างคุณ” แววสวน
นิติภูมิยิ่งโกรธ เขาดึงแววให้หนีไปด้วยกันโดยไม่สนใจว่าแววจะดิ้นรนอย่างไร นิติภูมิดึงแววให้เดินไปบนสะพาน ขณะที่รถตำรวจตามมาติดๆ
นิติธรวางสายจากตำรวจ
เพิ่มพงษ์รีบถาม “ตำรวจว่ายังไงบ้างครับ”
“ทางนั้นคิดว่าเจอตัวเจ้าภูมิกับคุณแววแล้ว..อยากให้เรารีบตามไป” นิติธรบอก
“ขอให้เจอตัวจริงเถอะน่า”
พูดจบเพิ่มพงษ์ก็เหยียบคันเร่งตามไปทันที
นิติภูมิลากแวววิ่งขึ้นมาบนสะพาน แต่เมื่อกำลังจะข้ามไปอีกฝั่งเขาก็เห็นรถของนิติธรกำลังแล่นตรงมาหา นิติภูมิมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่ากำลังจะจนมุมเขาก็มองไปที่แม่น้ำ
แววเห็นท่าทางของนิติภูมิก็ถามขึ้น “คุณคิดจะทำอะไร”
“ผมบอกแล้วว่าผมไม่มีวันยอมโดนจับเพราะไอ้สยุมภูว์”
แววพยายามดิ้นรนแต่ก็สู้แรงนิติภูมิไม่ได้
“ดิ้นรนไปก็เหนื่อยเปล่า ผมไม่มีทางปล่อยคุณง่ายๆหรอก”
รถของสยุมภูว์แล่นมาจอดบนสะพาน สยุมภูว์ เพิ่มพงษ์ และนิติธรก้าวลงจากรถ นิติภูมิเห็นทั้งสามคนก็ชักปืนขึ้นมาขู่โดยใช้แววเป็นตัวประกัน
“วางปืนเถอะเจ้าภูมิ..อย่าให้เรื่องมันใหญ่โตไปกว่านี้เลย” นิติธรกล่อม
“มาขอร้องผมตอนนี้..มันสายเกินไปแล้วครับ ให้ผมกับแววไปตามทางของผมเถอะ”
“แต่คุณแววเขาไม่ได้อยากไปกับคุณ คุณปล่อยคุณแววแล้วเรามาพูดกันอย่างลูกผู้ชายเถอะ” เพิ่มพงษ์บอก
“แกไปดูแลเจ้านายของแกให้ดีเถอะ” นิติภูมิสวน “คราวที่แล้วฉันใจดีไปหน่อยที่ปล่อยให้แกรอดไปได้ ฉันน่าจะยิงแกทิ้งตั้งแต่วันนั้นแล้ว”
สยุมภูว์มองหน้านิติภูมิที่กำลังพูดอยู่ แล้วเขาก็นึกย้อนไปในอดีต...
ใบหน้าที่เคยพร่าเลือนของนิติภูมิในความทรงจำของสยุมภูว์ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันอยากจะให้แกทรมานมากกว่านี้นะไอ้สยุมภูว์ แต่ลูกน้องแกมาทำให้เสียบรรยากาศฉันเลยต้องจัดการแกเสียก่อน”
สยุมภูว์ยิ้มให้นิติภูมิอย่างไม่กลัว
“แกไปทำหน้าหยิ่งจองหองอย่างนี้ในนรกกับพ่อแกเถอะ ไอ้สยุมภูว์” นิติภูมิว่า
นิติภูมิเห็นถังแก๊สที่วางอยู่ใกล้ๆ เขาจึงหยิบมันขึ้นมาฟาดไปที่หน้าสยุมภูว์จนสลบลงไปนอนกับพื้น
สยุมภูว์เห็นเหตุการณ์หลังจากนั้นต่อไปจนกระทั่งเห็นศักดาล้มลงตาย โดยที่สายตาของศักดาจ้องมาที่เขา...
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต สยุมภูว์ก็จ้องหน้านิติภูมิอย่างไม่กลัว
“นายนี่เอง..!” สยุมภูว์เปรยออกมา
เพิ่มพงษ์กับนิติธรหันมามองสยุมภูว์
“นายฆ่าลูกน้องเพื่อปกป้องตัวเอง” สยุมภูว์พูด
นิติภูมิยิ้มร้าย “มันก็แค่ลูกน้องโง่ๆคนหนึ่งที่สมควรตายแล้ว แกไม่ต้องทำตัวเป็นคนดีเรียกร้องความยุติธรรมให้มันหรอก”
นิติธรยืนฟังนิติภูมิเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยน้ำตา
“เจ้าภูมิ..พ่อผิดเองที่เลี้ยงแกให้เป็นคนดีอย่างคนอื่นเขาไม่ได้”
นิติภูมิไม่สนใจ เขาค่อยๆ ดึงแววไปที่ราวสะพาน
สยุมภูว์ร้องเสียงดัง “อย่านะ..นิติภูมิ”
“ถ้าไม่อยากให้แววตาย..ก็ถอยออกไป..โยนกุญแจรถมาให้ฉัน แล้วก็อย่าให้ตำรวจตามมาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของแวว” นิติภูมิบอก
สยุมภูว์บอกทุกคน “ทำตามที่เขาต้องการเถอะ”
เพิ่มพงษ์โยนกุญแจรถให้แต่ก็ยังไม่ถึงตัว นิติภูมิขยับเข้ามาเรื่อยๆอย่างระมัดระวัง แล้วเตะกุญแจไปที่รถ ก่อนจะค่อยๆพาแววขยับเข้าไปใกล้รถเรื่อยๆ นิติภูมิเปิดประตูรถแล้วผลักแววเข้าไป
แววมองสยุมภูว์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่านิติภูมิจะพาเธอไปไหน สยุมภูว์มองแววด้วยความสงสาร นิติภูมิขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับแต่ยังไม่ได้ปิดประตู เขาไขกุญแจสตาร์ทรถแล้วจึงพบว่าไม่ใช่กุญแจของรถคันนั้น เขามองมาที่เพิ่มพงษ์ด้วยสีหน้าโกรธสุดๆ เมื่อเห็นว่าเพิ่มพงษ์กำลังชูกุญแจรถดอกจริงให้เขาดู
แววอาศัยจังหวะนั้นเปิดประตูด้านของเธอออกไปทันที นิติภูมิจะดึงตัวแววแต่ก็ไม่ทัน แววรีบวิ่งตรงมาหาสยุมภูว์ นิติภูมิเล็งปืนมาที่แวว สยุมภูว์เห็นก็รีบพุ่งเอาตัวกันจนกระสุนเจาะเข้าที่แขนของเขาไปเต็มๆ สยุมภูว์ล้มลงคร่อมทับแวว ส่วนนิติภูมิทำหน้าสะใจ
“เจ้าภูมิ..แกทำอะไรลงไป” นิติธรตกใจ
“พ่อเป็นห่วงมันมากใช่ไหม แล้วถ้าเป็นผมบ้าง..พ่อจะรู้สึกยัง” นิติภูมิถาม
นิติภูมิหยิบปืนขึ้นมาจะจ่อหัวตัวเอง
นิติธรร้องลั่น “อย่านะเจ้าภูมิ”
ไกปืนกำลังจะถูกลั่น เพิ่มพงษ์ตัดสินใจพุ่งเข้ากระแทกจนนิติภูมิเสียหลักทำปืนกระเด็นตกสะพานไป นิติภูมิจะหันไปคว้าทำให้เขาเสียหลักจะร่วงตกสะพานไปด้วยแต่นิติธรข้ามาดึงแขนของนิติภูมิเอาไว้ได้
“ปล่อยผมเถอะพ่อ..” นิติภูมิบอก
นิติธรส่ายหน้า “ไม่..ฉันปล่อยแกไม่ได้”
ล็อคเก็ตรูปแม่ของนิติภูมิห้อยออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วกำลังจะร่วงลงน้ำ นิติภูมิรีบคว้าไว้แต่ก็คว้าไม่ทัน “แม่…!!”
“ให้มันจบเถอะเจ้าภูมิ” นิติธรบอก
นิติภูมิส่ายหน้าแล้วพยายามแกะมือนิติธรออก
“อย่า..เจ้าภูมิ..อย่า..”
มือของสองพ่อลูกค่อยๆหลุดออกจากกัน นิติภูมิลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงไป เขาค่อยๆหลับตาลง จนกระทั่งร่วงลงไปในน้ำ นิติธรระเบิดน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ
สร้อยล็อคเกตของนิติภูมิจมลงไปในน้ำ ก่อนที่ร่างของนิติภูมิจะจมตามลงมา สยุมภูว์กระโดดตามลงมาในน้ำ เขามองหานิติภูมิจนเจอแล้วว่ายตรงเข้าไปช่วย
สยุมภูว์จะดึงตัวนิติภูมิขึ้นไปเหนือน้ำแต่นิติภูมิกลับลืมตาขึ้นแล้วบีบคอสยุมภูว์ตั้งใจจะให้ขาดอากาศจนตาย สยุมภูว์พยายามว่ายหนีแต่นิติภูมิก็ดึงขาไว้ สยุมภูว์กำลังจะหมดอากาศหายใจ เช่นเดียวกับนิติภูมิที่ใกล้จะหมดแรง แต่นิติภูมิก็ยังไม่ปล่อยสยุมภูว์ง่ายๆ
สยุมภูว์พยายามสะบัดขาสุดแรงแต่ก็ดิ้นไม่หลุด สยุมภูว์ค่อยๆหมดแรงเพราะขาดอากาศหายใจ แล้วโลกรอบๆตัวของสยุมภูว์ก็ดับมืดลง...
ภาพเหตุการณ์ในอดีตตอนที่แววที่นั่งวาดรูปต้นไม้ด้วยสีหน้ามีความสุขฉายขึ้นมาในหัวของสยุมภูว์ แววเห็นผีเสื้อตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ต้นไม้ เธอจึงย่องเข้าไปจะตะปบ แต่ก็มีมือใครบางคนมาตะปบตัดหน้าไป
“ส่งมือมาสิ... “ สยุมภูว์ในคราบของจักรบอก
แววเอามือไปประกบ แต่สยุมภูว์ยังไม่ยอมปล่อยมือออก
“นายก็ปล่อยมือออกสิ”
สยุมภูว์ยังไม่ยอม แววทำหน้าเคืองๆ สยุมภูว์เลยค่อยๆปล่อยมือออกช้าๆให้ผีเสื้อเข้าไปอยู่ในมือแวว แววแบมือออกเห็นผีเสื้อเกาะอยู่ที่มือเธอก็ยิ้มออก สยุมภูว์เห็นรอยยิ้มแววก็ยิ้มตาม แล้วผีเสื้อก็บินหายไป...
สยุมภูว์ยังคงไม่ได้สติ
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมาอีก...
สยุมภูว์พูดกับแววด้วยสีหน้าจริงจัง “ถึงเวลา..ที่ผมต้องสารภาพแล้วสินะ”
“อย่าบอกนะว่าคุณคือ...” แววตกใจ
สยุมภูว์ยิ้มแล้วพูดเน้นทีละคำ “คน...ที่..คุณ...รัก...ที่..สุด”
แววถึงกับเหวอไป เธอหยิบพู่กันที่อยู่ใกล้มือมาจิ้มตาสยุมภูว์จนเขาถอยไปเตะขาหยั่งรูปล้มลง
แววร้องลั่น “รูปฉัน…!”
แววเข้าไปคว้ารูปไว้แล้วเสียหลักล้มไปทางสยุมภูว์ สยุมภูว์รับตัวแววจนล้มลงไปด้วยกันบนม้านั่งใกล้ๆ แล้วสยุมภูว์กับแววก็ประสานตากัน...
มือของนิติภูมิค่อยๆ คลายออกจากคอสยุมภูว์แล้วจมลงสู่ก้นแม่น้ำ ส่วนร่างของสยุมภูว์ยังคงลอยนิ่ง สีหน้าของเขาดูผ่อนคลาย สักพักก็มีนักประดาน้ำลงมาช่วยเอาท่ออ็อกซิเจนใส่ปากของสยุมภูว์แล้วพาเขาลอยขึ้นไปสู่ผิวน้ำเบื้องบน
หลายวันต่อมา แววในชุดดำกำลังจะออกไปข้างนอก มาลตีและวัณณรีเห็นเข้าก็ทัก
“นี่แกยังไม่เลิกไว้ทุกข์ให้เขาอีกหรือเนี่ย” มาลตีถาม
“ยังไงเขากับแววก็เคยรู้จักกัน ถึงตอนนี้แววก็ยังใจหายไม่ได้” แววบอก
“อย่างนี้ก็ต้องรีบหาคนมาช่วยปลอบล่ะสิ” วัณณรีแซว
“ทะลึ่งน่า ยัยวัณ..แววไปก่อนนะแม่”
มาลตีกับวัณณรีมองตามแววออกไปแล้วยิ้มๆ
“แล้วแกล่ะ..เมื่อไรจะมีคนมาช่วยปลอบบ้าง ฉันเบื่อจะทะเลาะกับแกทุกวันแล้ว” มาลตีถามวัณณรี
“ทำเป็นไล่..เมื่อไรที่วัณแต่งงานออกไปอยู่บ้านแฟน แม่ล่ะจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
“ไอ้เรื่องร้องไห้น่ะแน่นอน..แต่ร้องไห้ด้วยความดีใจที่ลูกสาวฉันขายออกซะทีต่างหาก”
มาลตียิ้มเยาะๆ แล้วเดินหนีไป
“อ้าว..อย่าหนีสิแม่ ยังเถียงกันไม่จบเลย”
วัณณรีเดินตามมาลตีไปอย่างไม่ยอมลดละ
ณ วัดแห่งหนึ่ง รูปถ่ายของนิติภูมิติดอยู่บนโกฏเก็บกระดูกคู่กับโกฐิกระดูกแม่ของเขา พระที่ยืนมองรูปนั้นอยู่คือนิติธร สีหน้าของพระนิติธรสงบนิ่งเหมือนทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว สักพักเพิ่มพงษ์เดินเข้ามาหาแล้วก้มกราบ
“คุณเพิ่มพงษ์” พระนิติธรทัก
“กราบนมัสการครับท่าน”
“จะมาถามเรื่องนั้นหรือเปล่า” พระนิติธรถาม
“ใช่ครับ..แต่วันนี้มีคนจะมารอฟังคำตอบเอง”
สยุมภูว์ปรากฏตัวในชุดสีดำไว้ทุกข์ เขาเอาพวงมาลัยดอกไม้มาวางหน้าโกฐิของนิติภูมิ
สยุมภูว์กราบพระนิติธร
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ..ที่เอาเรื่องทางโลกมารบกวนท่าน” สยุมภูว์บอก
สยุมภูว์หยิบกล่องเก็บข้อมูลของบริษัทมาให้พระนิติธร
“ตอนนี้ทศพลกรุ๊ปต้องการคนที่จะสามารถมาแทนพ่อของผม ผมเห็นว่าคงไม่มีใครเหมาะเท่ากับท่านแล้วครับ”
“คุณสยุมภูว์ยกย่องผมเกินไปแล้วครับ” พระนิติธรบอก
“ไม่เกินไปหรอกครับ..ท่านเป็นมือขวาของคุณพ่อมานาน คงได้ซึมซับเรื่องการบริหารงานมาจากพ่อมากกว่าผม คงน่าเสียดายถ้าท่านจะทิ้งประสบการณ์ที่มีค่าไปตอนนี้”
“แต่ผมคิดว่าทศพลกรุ๊ปกำลังต้องการคนรุ่นใหม่อย่างคุณมากกว่า ถ้าให้คนแก่อย่างผมไปบริหาร เดี๋ยวจะตามบริษัทอื่นไม่ทันนะครับ”
“แต่ผมต้องการให้ทศพลกรุ๊ปเติบโตไปอย่างมั่นคงมากกว่าครับ ผมไม่ลืมนะครับว่าการบริหารงานแบบพ่อทำให้เราเป็นเบอร์หนึ่งมาถึงตอนนี้”
พระนิติธรคิดหนักพร้อมกับมองกล่องข้อมูลที่สยุมภูว์ยื่นให้
ณ ร้านกาแฟชลธิชา ชลธิชากับเริงใจมองหน้ากัน โดยที่เอกรินทร์นั่งอยู่ตรงข้าม
“เริงว่าถ้าคุณเอกอยากลองคบกับแป้ง..ก็เริ่มเลยเถอะค่ะ ถ้าคุณเอกรับวีรกรรมของยัยแป้งได้ แถมยังตัดไม่ขาดอีก ก็แปลว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างในใจแน่ๆ” เริงใจบอก
“ธิชาก็เห็นด้วยกับเริงนะคะ..คุณเอก”
เริงใจแอบกัดเพื่อน “แน่ใจอย่างที่พูดนะ ไม่ใช่ว่าคุณเอกเดินออกไปจากร้านแล้วฉันต้องมาปลอบใจเธออีกล่ะ”
ชลธิชาฟาดเริงใจเบาๆ ขณะที่แววเปิดประตูร้านเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะ..คุณเลขาว่าที่เจ้าสาว” เริงใจทัก
แววเห็นเอกรินทร์ที่ส่งยิ้มให้เธอ
“อย่าไปถือสายัยเริงนะเอก..ชอบพูดเอง เออเอง..อย่างนี้” แววบอก
“คุณเอกเขาจะถือสาเรื่องอะไรล่ะยัยแวว ในเมื่อเขามีแป้งอยู่แล้ว” เริงใจพูด
แววงง “เอกกับคุณแป้ง..?”
“เธอต้องมาอัพเดทเรื่องชาวบ้านกับพวกเราให้บ่อยกว่านี้แล้วล่ะแวว ตั้งแต่งานปาร์ตี้วันนั้นแล้ว เธอก็แทบจะไม่ได้เจอพวกเราเลยนี่นา” ชลธิชาว่า
“เธอก็รู้ว่าหลังจากวันนั้น มันก็มีแต่เรื่อง”
“แต่ตอนนี้ทุกอย่างคงลงตัวแล้วสินะแวว” เอกรินทร์ถาม
“ใช่..หน้าตาท่าทางเธอสดชื่นขึ้นเลย..สวยรับข่าวดีหรือเปล่า มาอัพเดทเดี๋ยวนี้” ชลธิชาแซว
“ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเขาจะกลับมาเหมือนเดิมแล้วหรือยัง” แววยังกังวลใจ
เริงใจสงสัย “หรือว่าเขาจะอำเธออีกน่ะ”
“แต่ฉันเหนื่อยเกินไปที่จะเจออะไรอย่างนั้นแล้วล่ะ หวังว่าเขาจะไม่ใจร้ายกับฉันเกินไปนะ”
ชลธิชากับเริงใจจับมือแววอย่างจะเอาใจช่วย
สยุมภูว์กดสวิทช์ให้เครื่องเล่นฟิล์มแปดมิลลิเมตรทำงานต่อ ภาพหนังการ์ตูนเรื่องที่เขาเคยชอบถูกฉายไปจนจบม้วน สยุมภูว์ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับภาพในอดีต แต่เมื่อกำลังจะไปปิดสวิทช์เครื่องฉายกลับปรากฏภาพของสีหราชในวัยหนุ่มที่โบกมือให้กล้อง สยุมภูว์ยิ้มกว้างดีใจเหมือนเด็ก
“พ่อ !!!”
ภาพจากฟิล์มนั้นเป็นภาพตอนที่สีหราชกำลังปลูกต้นไม้ โดยมีสยุมภูว์ในวัยเด็กช่วยรดน้ำ ก่อนจะตัดเป็นภาพสยุมภูว์ในวัยเด็กกำลังยืนเทียบความสูงกับต้นไม้ที่เพิ่งปลูกเสร็จ
“ผมจะดูแลต้นไม้ต้นนั้นให้ดีครับพ่อ” สยุมภูว์เปรยกับตัวเอง
สยุมภูว์หยิบสมุดบันทึกที่ตงตงวาดรูปต้นไม้ออกดอกมาดูอีกครั้ง แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
แจ๊คขนข้าวของส่วนตัวลงจากรถเตรียมจะเข้าไปในคฤหาสน์
เพิ่มพงษ์สั่ง “อยู่ที่นี่ เอ็งก็คอยดูแลคุณนิติธรดีๆล่ะ”
“พูดอย่างกับว่าตัวเองจะไม่อยู่ที่นี่อย่างนั้นล่ะ” แจ๊คสวน
“ก็ใครว่าข้าจะอยู่ล่ะ”
“อ้าว..แล้วน้าจะไปไหน”
“ถามได้..ก็คุณสยุมภูว์อยู่ที่ไหน ข้าก็ต้องอยู่ที่นั่นล่ะ”
“ทิ้งกันเห็นๆ เลยนะน้า” แจ๊คว่า
“หรือเอ็งจะกลับไปอยู่ที่บ้านเช่า”
“ม่ายเอา” แจ๊คมองไปที่คฤหาสน์ “ชีวิตแจ๊คพีคสุดก็ตอนนี้ล่ะเว้ย..ได้มาอยู่ในบ้านใหญ่โตอย่างกับคฤหาสน์ ใครไม่อิจฉาก็ให้มันรู้ไป”
แจ๊คเดินท่อมๆเข้าไปในคฤหาสน์ราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง เพิ่มพงษ์มองตามยิ้มขำๆแล้วเดินตามไป
ที่กองถ่าย ช่างแต่งหน้าเตรียมจะแต่งหน้าให้แป้งร่ำ ไลลา
ช่างแต่งหน้าฉีดน้ำแร่บนใบหน้าแล้วเอากระดาษมาซับ “น้องแป้งหลับตาหน่อยนะคะ”
เอกรินทร์สะกิดที่ช่างแต่งหน้าให้ขยับออกไปก่อนที่จะเขาจะเข้ามานั่งแทน แล้วดึงกระดาษออก แป้งร่ำลืมตาขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นเอกรินทร์
แป้งร่ำตกใจ “คุณเอก..!”
แป้งร่ำยิ้มเก้อๆ เหมือนยังไม่อยากเจอหน้าเอกรินทร์
“ทำไมต้องคอยหลบหน้าผมด้วยแป้ง” เอกรินทร์ถาม
“แป้งยังรู้สึกผิดเรื่องนั้นอยู่ค่ะ เลยไม่รู้จะทำหน้ายังไงเวลาเจอคุณ”
“หน้าคุณดูเซอร์ไพร้ซ์มากเวลาเจอผม”
“เอ่อ..ค่ะ..คุณเอกหายโกรธแป้งแล้วหรือคะ”
“ถ้าผมหายโกรธแล้ว..จะยังไงต่อล่ะ”
“คุณเอกอยากให้เป็นยังไงล่ะคะ”
“ผมอยากลองเป็นคนรักน่ะครับ ไม่รู้ว่าคุณอยากให้ผมเป็นหรือเปล่า”
แป้งร่ำยิ้มเขิน ไม่ตอบ ไลลาที่แอบฟังอยู่เริ่มชักสีหน้า
“หมั่นไส้!!!”
ทุกคนมองไปที่ไลลาเป็นตาเดียวกัน ไลลาทำเป็นไม่แคร์ เธอหลับตาให้ช่างหน้าแต่งหน้าต่อไป แป้งร่ำ กับเอกรินทร์ยิ้มอย่างไม่ถือสา
แววเดินเข้ามาในห้องทำงานของสีหราช เธอเห็นว่าสยุมภูว์กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่
“คุณสยุมภูว์คะ..แววจะมาขออนญาตคุณไปที่ไร่ทศพลน่ะค่ะ”
สยุมภูว์พูดกับเธอโดยไม่เงยหน้า “จะไปเมื่อไรล่ะ..พรุ่งนี้เลยมั้ย ผมจะได้ให้คนไปซื้อตั๋วให้”
“ค่ะ..ขอโทษนะคะที่แววมาบอกกระชั้นไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วจะไปสักกี่วันล่ะ” สยุมภูว์ถาม
“ประมาณอาทิตย์หนึ่งค่ะ” แววบอก
“น่าจะย้ายไปอยู่ที่นั่นซะเลยนะ”
“แววไม่กล้าขอหรอกค่ะ”
“เข้าใจก็ดีแล้วนี่...เอาเป็นว่าวันนี้ไม่ต้องทำงาน คุณกลับไปเก็บกระเป๋าก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะคุณสยุมภูว์”
สยุมภูว์พยักหน้ารับ แววเดินออกไปนอกห้อง
แววออกมารำพึงรำพันกับตัวเองที่หน้าห้องทำงานสีหราช
“ฉันต้องทำใจใช่มั้ยเขาก็คือสยุมภูว์...ไม่ใช่จักรของเรา”
เมื่อแววเดินออกไป เพิ่มพงษ์ก็ปรากฏตัวขึ้น
“คุณสยุมภูว์แกล้งไม่สนใจคุณแววอย่างนี้ เดี๋ยวคุณแววเธอก็โกรธจริงหรอกครับ” เพิ่มพงษ์ว่า
“ก็ดีสิ จะได้มีเรื่องทะเลาะกันให้สมกับเป็นนายจักร คนที่แววแอบปลื้มอยู่”
สยุมภูว์ยิ้มกว้างกับแผนการของตัวเอง
ที่สำนักงานไร่ทศพลยามเช้า แววเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับนำพล
“ถ้าเรื่องทางนั้นเรียบร้อยแล้ว ย้ายมาอยู่ที่ไร่ก็ได้นะครับ” นำพลบอก
“ท่าทางจะยากค่ะ แค่มาไม่กี่วันคุณสยุมภูว์ยังทำท่าเหมือนไม่พอใจเลย”
นำพลประหลาดใจ “อ้าว..เหรอครับ”
“ทำไมล่ะคะ”
นำพลรู้ตัวจึงพูดกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไรครับ..ไม่มีอะไร..ผมว่าตงตงคงรอคุณแย่แล้ว”
“ค่ะ...แววก็อยากเจอตงตงเต็มทีแล้วเหมือนกัน”
แววออกไปจากห้อง นำพลมองตามแล้วทำหน้าโล่งอก
นำพลถอนใจยาว “เกือบทำความลับจะแตกซะแล้ว”
แววนั่งรถไฟฟ้าผ่านแปลงเกษตรต่างๆ เหมือนสมัยที่เธอมาที่นี่เป็นครั้งแรก เมื่อรถมาถึงบ้านของตงตง ตงตงกระโดดกอดแววเมื่อเจอหน้ากัน แล้วตงตงก็พาแววเดินไปหาหลิน
แววเอารูปสยุมภูว์ที่หลินแอบเสียบไว้ในสมุดบันทึกต้นไม้ของแววมาคืนหลินที่อยู่ที่แปลงดอกไม้
“แววเอารูปคุณสยุมภูว์มาคืนค่ะ พี่หลิน”
“รู้แล้วใช่ไหมคะว่าใครคือคุณสยุมภูว์ตัวจริง” หลินถาม
“แววไม่นึกเลยนะคะว่าจะเป็นคนใกล้ตัวอย่างนี้”
“นี่แหละค่ะ..คุณสยุมภูว์…คนที่ทำอะไรให้เราประหลาดใจได้ตลอด”
“ก็คงเหมือนตอนที่แววรู้ว่าต้นไม้ของคุณสีหราชกลับมาออกดอกอีกครั้งหนึ่ง”
“อยากให้คุณสยุมภูว์กลับมาเห็นด้วยตาตัวเองจังเลยนะคะ” หลินบอก
“ค่ะ..แววก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
แววทำหน้าเสียดายแทนสยุมภูว์
สยุมภูว์ขึ้นไปที่ระเบียงบ้านพักของแววที่ไร่ทศพล เขาเห็นว่าที่ขาหยั่งมีเฟรมภาพวาดสีน้ำมันที่ถูกวาดทิ้งไว้ วยุมภูว์ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“เราจะเริ่มต้นกันที่นี่นะแวว”
สยุมภูว์มาที่ต้นไม้ของสีหราชที่กำลังออกดอก สักพักตงตงโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้
“พี่หยุมภู !!” ตงตงเรียก
ตงตงวิ่งมากระโดดกอดสยุมภูว์ทันทีที่เห็น
“ไปฉี่ที่ต้นไม้อีกแล้วเหรอ” สยุมภูว์ถาม
“เปล่า..”
“แล้วไปทำอะไรหลังต้นไม้”
ตงตงแบมือแทนคำตอบ ในมือของเด็กน้อยมีดอกไม้ดอกเล็กๆ อยู่
สยุมภูว์ยิ้ม “นึกว่าจะไม่ออกดอกแล้วสิ”
“แม่บอกว่าต้นไม้ออกดอก แล้วเดี๋ยวมันก็จะมีลูกใช่ไหม”
“ใช่..ต้นไม้ก็มีลูกได้เหมือนคนนั่นล่ะ”
“แล้วเมื่อไรพี่หยุมภูจะมีลูก”
“ก็ต้องถามพี่แววก่อนสิ”
แววที่นั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ด้านหลังและแอบฟังมาตลอดถึงกับอึ้งไป
“แล้วถามพี่แววหรือยังล่ะ” ตงตงถาม
“พี่แววเขาไม่อยู่ให้พี่ถามนี่นา เศร้าเนอะ”
ตงตงทำท่าชี้นิ้วไปที่หลังต้นไม้
ตงตงกระซิบ “อย่าบอกพี่แววนะว่าตงตงบอก”
สยุมภูว์ทำท่าจุ๊ปากไม่ให้ตงตงพูดอะไรต่อ
“พี่ว่าเรากลับกันเถอะ ไม่มีใครเขาอยากเจอพี่แล้วนี่นา” สยุมภูว์แกล้งเปรยออกมา
สยุมภูว์กับตงตงแกล้งเดินออกไป
แววทำหน้าโกรธๆแล้วโผล่หน้าออกมาจากหลังต้นไม้ จังหวะเดียวกับที่สยุมภูว์ยื่นหน้าเข้าไปหาพอดี หน้าทั้งสองแทบจะประกบกัน สองสายตาประสานใกล้ชิด
“คุณสยุมภูว์”
“นายจักรต่างหาก” สยุมภูว์บอก
แววมองหน้าสยุมภูว์ สยุมภูว์ทำหน้าว่าเขาพูดจริง
“คุณจำได้ไหมว่าเรามาจับผีเสื้อกันที่นี่” สยุมภูว์ถาม
“นี่..ตกลงว่าคุณจำทุกอย่างได้แล้ว” แววดีใจ
“ทุกเม็ดเลยล่ะ”
แววโกรธ “คุณหลอกฉัน”
“ผมรู้ว่าคุณโกรธ..ถึงจะมาขอโทษไง”
แววจะลุกขึ้นเดินหนีแต่สยุมภูว์ดึงมือแววไว้ แววหันมามองหน้าสยุมภูว์
“คุณจำทุกอย่างได้ตั้งแต่เมื่อไร”
“มันไม่สำคัญหรอกนะแวว แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือผมอยากรู้ว่า คุณจะอยู่กับผมที่นี่ตลอดไปได้หรือเปล่า”
แววอึ้งไปสักพัก
“คุณสยุมภูว์คงไม่อนุญาตมังคะ”
“ก็ช่างเขาสิ แต่คุณจะตามใจนายจักรที่อยากให้คุณที่นี่กับเขามั้ย”
แววยิ้มรับ “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมานะ..นายจักร”
“จะมีอะไรที่ซึ้งกว่าคำพูดมั้ยนะ”
แววนิ่งไปสักพัก สยุมภูว์ส่งสายตารอคำตอบ แล้วแววก็ตอบเขาด้วยรอยจูบ สยุมภูว์ยิ้มกว้าง
สยุมภูว์และแววนั่งกุมมือกันใต้ต้นไม้ ดอกไม้พรูพราวลงมาจากต้นเหมือนอวยพรให้แก่ความรักของคนทั้งสอง
จบบริบูรณ์