รักประกาศิต ตอนที่ 14
สุพัฒนาเดินมายืนมองแปลงดอกไม้ในลักษณะที่มือไม้สั่น สักพักนิพนธ์ก็เดินตามมา
“ผมนึกว่าคุณเล็กจะทำอย่างที่พูด” นิพนธ์เอ่ย
“ฉันไม่กล้าสู้หน้านิด นิพนธ์ฉันขี้ขลาดใช่ไหม” สุพัฒนาถาม
“ครับ” นิพนธ์ตอบ
สุพัฒนาพยักหน้ารับคำตอบของนิพนธ์
“แล้วคุณเล็กจะขลาดเขลาไปจนวันที่คุณนิดเดินออกไปจากชีวิตคุณเล็กไหมครับ”
“ฉันไม่กล้านิพนธ์”
“ถ้าคุณเล็กไม่ทำ วันหนึ่งคุณนิดอาจจะต้องออกไปจากชีวิตพ่อเลี้ยงก็ได้นะครับ เพราะผมเชื่อว่ายังไงพ่อเลี้ยงก็เลือกคุณเล็ก”
“ก็ได้...แต่ขอฉันทำใจก่อนได้ไหมอ่ะ ฉันตื่นเต้น”
นิพนธ์ยิ้มให้กำลังใจสุพัฒนา
นริศราและภูชิชย์เดินเข้ามาในสำนักงาน แล้วนริศราก็ต้องอึ้งที่เจอณรงค์มานั่งคอยอยู่ นริศราโผเข้ากอดณรงค์ทันที
“นิด” ณรงค์ดีใจ
“พี่ณะ” นริศราก็ดีใจเช่นกัน
วิทวัสกับภูชิชย์ยืนอยู่มองอยู่ที่มุมหนึ่งในสำนักงานถึงกับยิ้มออกมา
“พี่ขอโทษที่ทิ้งนิด ทำให้นิดลำบาก” ณรงค์กล่าว
“นิดรู้ค่ะ ว่าไม่ใช่ความตั้งใจของพี่ณะ” นริศราบอก
“พี่รู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะว่าอะไรเป็นอะไร พี่จะจัดการเรื่องนี้ ชดใช้ให้นิดเอง”
“พี่ณะจะจัดการอะไรคะ”
“พี่ขอหย่ากับนาไปแล้ว” ณรงค์บอก
นริศราตกใจ “พี่ณะ!”
“ลัคนาใจร้ายเกินไป พี่จำเป็นต้องทำ”
“แล้วนุ้ยกับนุ่นล่ะคะแกจะเป็นยังไง พี่ณะ อย่าทำขนาดนี้เลยค่ะ”
ณรงค์พูดเสียงเข้ม “เรื่องนี้พี่ขอจัดการเอง นิดมีหน้าที่เรียน ก็กลับไปเรียนให้จบ”
“พี่ณะ...”
ภูชิชย์ นริศรา และวิทวัสต่างก็ตกใจจนถึงกับอึ้งไป
ภูชิชย์ นริศรา วิทวัสและณรงค์นั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานของภูชิชย์
ณรงค์หันมาถามภูชิชย์ “คุณคงเป็นพ่อเลี้ยงภูชิชย์ใช่ไหมครับ”
“ครับ” ภูชิชย์ตอบ
“คุณวิทวัสเล่าให้ผมฟังคร่าวๆว่า น้องสาวผมสมัครงานมาในตำแหน่งเลขา แต่ต้องไปทำไร่แทน”
ภูชิชย์หน้าเสียหันไปมองวิทวัส วิทวัสยิ้มแหยๆ ให้
“คือคุณณะเขาถามผมว่าคุณนิดมาเป็นผู้จัดการไร่ได้ยังไงน่ะครับ ผมก็เลยต้องเล่าให้ฟัง.....บ้างนิดหน่อย” วิทวัสสารภาพ
ณรงค์พูดเสียงเข้ม “แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณๆมากนะครับ เพราะในยามที่น้องผมลำบากก็ได้พวกคุณช่วยไว้ ขอบคุณครับ”
“เอ่อ...แล้วนริศราจะต้องไปเรียนเหรอครับ” ภูชิชย์ถาม
“ครับเรียนให้จบดีกว่า นี่ก็ช้าไปเทอมหนึ่งแล้ว” ณรงค์บอก
“แล้วพี่ณะจะให้นิดไปเมื่อไหร่คะ” นริศราถาม
“พรุ่งนี้” ณรงค์ตอบ
ภูชิชย์ตกใจ “ทำไมต้องไปเร็วอย่างนั้นล่ะครับ”
ณรงค์งง “แล้วจะให้เขาอยู่ทำไมล่ะครับ งานที่นี่ก็ลงตัวแล้ว จะว่าไปนิดเขาก็เป็นคนของศูนย์วิจัยไม่ใช่เหรอครับ”
“นั่นแหล่ะครับที่ผมห่วง จะไปกะทันหันทางศูนย์จะว่าได้” ภูชิชย์รีบบอก
“คุณวัสให้เบอร์ผมโทรไปจัดการลาออกแล้วครับ ทางนั้นไม่ว่าอะไรเพราะคุณนิดเป็นลูกจ้าง เขาจะส่งคนมาให้คุณภูชิชย์ใหม่ครับ” ณรงค์กล่าว
ภูชิชย์ตบไหล่วิทวัสแรงๆ อย่างประชด “ขอบใจมากนะน้องรัก”
วิทวัสกระซิบ “ก็เขาขอน่ะครับ”
“ไปนิด ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะ” ณรงค์บอก
นริศรากับภูชิชย์มองหน้ากันด้วยความตกใจ
“ก็..ก็...ก็ไหนว่าไปพรุ่งนี้ไงครับ” ภูชิชย์ทักขึ้น
“ไฟลท์ไปกรุงเทพฯพรุ่งนี้ครับ แต่คืนนี้ผมจะให้นิดเขาไปพักที่โรงแรม เพราะผมอยู่ที่นั่นจะได้คุยกันให้หายคิดถึง” ณรงค์บอก
“เอ่อ...พักที่นี่เถอะนะครับ ผมว่าไหนๆก็มาแล้ว พักกับธรรมชาติดีกว่า อย่าเพิ่งรีบไปเลยนะครับ ผมขอร้อง” ภูชิชย์บอก
ณรงค์มองภูชิชย์ด้วยความงง แล้วก็มองนริศรา นริศรายิ้มรับเจื่อนๆ
“อยู่สักคืนได้ไหมคะพี่ณะ” นริศราถาม
ณรงค์ส่ายหน้าปฎิเสธ
คนงานของไร่สุพัฒนาที่อยู่ในโรงอาหารเข้ามารุมล้อมเจมส์ก่อนจะพูดพร้อมกัน
“ลาออก!”
“ทำไมมันเร็วนักล่ะ” แม่อุ้ยตกใจ
“ฟังผิดหรือเปล่าเจมส์” พรถาม
“ไม่ผิดหรอกครับ ผมได้ยินจริงๆ พี่ชายคุณนิดจะพาตัวไปวันนี้” เจมส์เล่า
“เฮ้ย...ทำไมมันเร็วนักล่ะ โธ่...รู้งี้ไม่ไปตามก็ดี บอกให้คุณวัสโกหกไปเลยว่าคุณนิดไม่อยู่” ลุงปั๋นบอก
“เพราะแกคนเดียวไอ้ปั๋น คุณนิดถึงต้องไปจากพวกเรา” แม่อุ้ยว่า
พรเริ่มร้องไห้ “ฉันไม่อยากให้คุณนิดไปเลยอ่ะ”
“ถ้าผมไปบ้างจะร้องไห้แบบนี้ไหมอ่ะ” เจมส์ถามกวนๆ
“นี่ ไอ้ฝรั่งขี้นก คนกำลังเครียดนะมาพูดเล่นอยู่ได้” พรว่า
บรรดาคนงานเริ่มพูดคุยกันอื้ออึง
“ทุกคน เราไปขอคุณนิดไหม” พรเสนอ “อย่าให้คุณนิด ฉันว่าถ้าเราไปกันหมดคุณนิดต้องอยู่ต่อแน่”
คนงานทั้งหมดลุกฮือจะเดินไป
“อย่าบอกนะครับว่าทุกคนจะห้ามไม่ให้พี่นิดกลับไปเรียนหนังสือ” เจมส์ทักขึ้น
พวกคนงานได้ยินก็ชะงักทันที ทุกคนหน้าจ๋อยลง
นริศราเดินมาตามทางเดินกลับบ้านพัก โดยมีภูชิชย์เดินตามมา
“เธอจะไปจริงๆเหรอ แล้วฉันล่ะ” ภูชิชย์เอ่ยถาม
“พ่อเลี้ยงคะ ถึงชีวิตจะเป็นของเรา แต่เรากำหนดทุกอย่างในชีวิตไม่ได้หรอกค่ะ” นริศราบอก
“เธอยอมแพ้มากกว่านริศรา”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงคะพ่อเลี้ยง”
ภูชิชย์จับมือนริศราไว้ “เราไปบอกพี่ชายเธอว่าเรารักกัน เธอจะอยู่ที่นี่กับฉัน”
“ลืมคุณเล็กไปหรือเปล่าคะ”
ภูชิชย์อึ้ง นริศราแกะมือของเขาออก
“ขอเวลาให้ฉันหน่อยนะนริศรา ฉันเชื่อว่าคุณเล็กจะยอมรับเธอ”
นริศรายิ้ม “ฉันบอกแล้วไงคะว่าเรากำหนดทุกอย่างในชีวิตไม่ได้”
นริศราเดินไป ภูชิชย์มองตามด้วยแววตาเศร้า
นริศรากำลังเก็บของอยู่ในห้องพัก ส่วนพรกับแม่อุ้ยช่วยเก็บไปก็ร้องไห้ไป
นริศราแสร้งทำเป็นขำ “ดูสิ ร้องไห้กันทำไม ช่วยฉันเก็บของแบบนี้มาก็ตั้งหลายครั้งแล้วนะ ยังไม่ชินกันอีกเหรอ”
“แหม..คุณนิดไม่ต้องมาพูดเลย” แม่อุ้ยว่า “คราวนี้มันไม่เหมือนกันนี่คะ คุณนิดไปตั้งไกล คงไม่กลับมาหาพวกเราอีกแล้ว”
“ถ้ามีโอกาสฉันจะมานะแม่อุ้ย” นริศราบอก
“เปลี่ยนเป็นไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” พรถาม
“ไม่ได้หรอก”
พรโผเข้ากอดนริศรา “คุณนิด”
นริศราเริ่มร้องไห้ “ขอบคุณนะพร ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แม่อุ้ยด้วยนะ ฉันขอบคุณมากจ้ะ”
วิทวัสลากภูชิชย์มาคุยที่มุมหนึ่งของไร่
“ตกลงพี่ภูจะยอมให้คุณนิดไปเหรอครับ” วิทวัสถาม
“พี่ไม่ได้อยากให้เขาไป แต่เขาจะไป” ภูชิชย์ตอบ
“พี่ภูครับ ถ้าพี่ไม่ทำอะไรสักอย่างพี่จะเสียคุณนิดไปตลอดชีวิต”
“นายไม่เข้าใจ พี่ทำหมดแล้ว”
“แม่แต่คุยกับคุณเล็กเหรอครับ พี่ได้บอกคุณเล็กหรือยังว่าพี่ขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้”
วิทวัสถาม ภูชิชย์นิ่งเงียบ
“ได้ งั้นผมจัดการเอง พี่ภูไปกับผม”
“นายจะทำอะไร”
วิทวัสไม่ตอบคำ เขาดึงแขนภูชิชย์ให้เดินไปด้วยกัน
ณรงค์ยืนคอยนริศราอยู่ที่หน้าสำนักงาน สักพักรถของลาวัลย์ก็แล่นมาจอด แล้วลัคนากับลาวัลย์ก็ก้าวลงมาจากรถ
“นามาที่นี่ทำไม” ณรงค์ถามด้วยความแปลกใจ
“นาอยากจะขอโทษน้องนิด” ลัคนาบอก
“นาคิดจะทำอะไร”
“พี่ณะคะ ให้โอกาสพี่นาเถอะนะคะ วัลย์ขอร้อง” ลาวัลย์กล่าว
ณรงค์เงียบไม่ตอบคำ
แม่อุ้ย พร และพวกคนงานหญิงช่วยนริศราถือกระเป๋าเดินลงมาจากบ้านพัก แล้วนริศราก็ต้องแปลกใจที่เห็นลัคนากับลาวัลย์ยืนรออยู่
“นิด พี่อยากคุยด้วย” ลัคนาพูด
เวลาผ่านไป นริศรา ลัคนาและลาวัลย์มานั่งคุยกันที่ม้าหินหน้าบ้านพักคนงาน
“พี่ผิดเองที่รังแกนิด” ลัคนากล่าว “พี่เป็นคนทำเรื่องทั้งหมด นิดอาจจะสมน้ำหน้าพี่ที่ตอนนี้ทุกอย่างที่พี่วิ่งตามมันกำลังจะหลุดมือไปหมด”
“นิดไม่เคยคิดแบบนั้นหรอกค่ะ” นริศราบอก
“พี่ทำตัวพี่เอง ไม่มีใครทำพี่”
“พี่นาก็ปรับตัวเองใหม่นะคะ นิดจะช่วยพูดให้”
ลัคนากับลาวัลย์ยิ้มตอบด้วยความตื้นตันใจ
“นิดไม่โกรธพี่จริงๆด้วย” ลัคนาดีใจ
“โกรธแล้วจะได้อะไรล่ะคะ พี่ณะก็ไม่มีความสุข หลานนิดสองคนก็ต้องกำพร้าแม่กำพร้าน้า” นริศราบอก
“ยินดีด้วยนะคะพี่นา ถ้าพี่ได้ครอบครัวกลับมาก็รักษามันไว้ให้ดีนะ” ลาวัลย์กล่าว
ณรงค์ฟังถ้อยคำของนริศราก็มีสีหน้านิ่ง นริศรา ลัคนา และลาวัลย์ยืนอยู่ตรงข้ามกับณรงค์
“พี่ณะคะ คนเราทำผิดกันได้ พี่ณะให้อภัยพี่นาเถอะนะคะ” นริศราอ้อนวอน
“นิดจะแก้ต่างให้เขาไปทำไม” ณรงค์ถาม
“เพราะนิดเชื่อว่าพี่นาจะแก้ไขได้น่ะสิคะ”
ณรงค์มองลัคนาด้วยสายตาครุ่นคิด
“พี่ณะยังรักพี่นาอยู่หรือเปล่าคะ” นริศราถาม
“มันสำคัญด้วยเหรอ” ณรงค์ย้อน
“ค่ะ เพราะถ้าพี่ณะรักพี่นา พี่ณะก็จะอภัยให้พี่นา พี่นาก็จะได้โอกาสในการปรับตัวเพื่อเป็นภรรยาที่ดีของพี่ณะ เป็นแม่ที่ดีของนุ้ยกับนุ่น และเป็นพี่สะใภ้ที่ดีของนิด พี่ณะไม่อยากเห็นคนที่พี่ณะรักเป็นคนดีน่ารักเหมือนก่อนที่คุณพ่อจะเสียเหรอคะ”
ณรงค์ยังยืนนิ่ง นริศราเดินไปจูงลัคนาให้เข้าไปหาณรงค์
“พี่นาบอกพี่ณะสิคะว่าทำไมถึงอยากเปลี่ยนตัวเอง”
“เพราะนารักคุณค่ะคุณณะ นารู้แล้วว่าไม่มีอะไรจะสำคัญและดีที่สุดสำหรับนา นอกจากสามีที่ดี ลูกที่ดี และครอบครัวที่ดี ให้โอกาสนานะคะ” ลัคนาอ้อนวอน
ณรงค์มองลัคนาแล้วนิ่งคิดอยู่นานก่อนจะพยักหน้ารับ ลัคนาโผเขากอดณรงค์แล้วร้องไห้ดีใจ ลาวัลย์เดินมาหานริศรา
“ขอบคุณนะนิด เมื่อก่อนพี่ก็มองว่านิดเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ แต่ตอนนี้พี่ว่านิดเป็นคนที่น่ารักมาก พี่ดีใจนะที่ได้รู้จักกับนิด”
นริศรากับลาวัลย์ยิ้มให้กันแล้วมองณรงค์กับลัคนาที่ยังคงกอดกันอยู่
“งั้นวันนี้เรากลับไปด้วยกันให้หมดทั้งครอบครัวเลยนะ” ณรงค์บอก
“ค่ะ นาก็คิดถึงบ้านคิดถึงลูกเต็มที่แล้ว” ลัคนานึกได้
“เอ๊ะแล้วนี่เจ้าของบ้านเขาหายไปไหนกันหมด”
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักประกาศิต ตอนที่ 14 (ต่อ)
นิพนธ์นั่งสัปหงกอยู่ที่แปลงดอกไม้ ส่วนสุพัฒนาเดินวนไปวนมาด้วยความตื่นเต้น
“แล้วเราจะไปสู้หน้านิดยังไงอ่ะ อายเหลือเกิน โอ๊ย วันพรุ่งนี้ไม่ได้หรือไง” สุพัฒนาบ่นกับตัวเอง
นิพนธ์หลับตาอยู่แต่ก็พูดออกมา “ไม่ได้ครับ ผมรอคุณเล็กทำใจจนง่วงแล้วนะครับ”
“ก็ได้...ก็ได้” สุพัฒนาถอนใจ “ไปกันเถอะ”
ทันใดนั้นภูชิชย์กับวิทวัสก็เดินเข้ามาที่แปลงดอกไม้
“อยู่นี่เอง คุณเล็ก วันนี้เราสามคนพี่น้องต้องคุยเปิดอกให้รู้เรื่อง” วิทวัสพูด
“นายวัสใจเย็นๆสิ เดี๋ยวคุณเล็กโมโห” ภูชิชย์ปราม
“งั้นผมขอตัวนะครับ” นิพนธ์บอก
สุพัฒนารีบห้ามนิพนธ์ “ไม่ต้อง เธอต้องอยู่กับฉัน พี่ภูกับพี่วัสมีอะไรคะ”
“คุณเล็ก ทำเพื่อคนอื่นสักครั้งเถอะนะก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป” วิทวัสพูด
สุพัฒนางง “อะไรกันคะ อะไรสาย”
“พี่ชายนริศรามาขอรับตัวนริศรากลับ” ภูชิชย์บอก
นิพนธ์กับสุพัฒนาตกใจที่ได้รู้เรื่อง
“ห๊า...กลับไปไหน” สุพัฒนาตกใจ
“กลับกรุงเทพฯ และจะส่งไปเรียนต่อเลย”
“แล้วพี่ภูจะให้นิดไปเหรอ” สุพัฒนาถาม
“พี่ภูไม่อยากให้” วิทวัสตอบแทน “แต่คุณนิดคงไม่อยู่ เพราะเธอรู้ว่ายังไงคุณเล็กก็ไม่ยอมรับเธอ เธอกับพี่ภูไม่มีวันจะลงเอยกันได้ พี่กับพี่ภูเลยจะมาขอร้องคุณเล็ก”
สุพัฒนาตัดบท “นิดจะไปเมื่อไหร่”
“เก็บของเสร็จก็จะไปเลย” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนาตกใจ “แล้วทำไมไม่ห้าม โอ๊ย ไม่ได้อย่างใจกันเลย”
ภูชิชย์กับวิทวัสมองหน้ากันอย่างเหวอๆ สุพัฒนาฉุดมือพี่ชายทั้งสองคนวิ่งไปทันที
นริศรา ณรงค์ ลัคนา และลาวัลย์ยืนคอยอยู่หน้าสำนักงาน นริศราชะเง้อมองหาภูชิชย์
“แปลกนะคะ ทำไมหายกันเงียบเลย” ลัคนาพูด
“นิดจะไปลาคนงานหรือเปล่า” ณรงค์ถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ นิดลาตอนขอตัวไปคุยกับพี่นาแล้ว” นริศราบอก
“งั้นก็ไปกันเถอะ” ณรงค์ชวน
ลาวัลย์จับมือนริศราแล้วเอ่ยถาม “นิดไม่อยากลาพ่อเลี้ยงเหรอ”
“เขาคงไม่อยากลานิดด้วยค่ะ” นริศราตัดพ้อ
ณรงค์เดินไปหยิบกระเป๋านริศราแล้วจะเดินไป แต่ลัคนาทักขึ้น
“คุณณะจะไปไหนคะ”
“ผมให้รถโรงแรมจอดรออยู่” ณรงค์บอก
“ไปด้วยกันดีไหมคะ นาอยากเดินทางกับครอบครัว” ลัคนาชวน
ณรงค์ยิ้มแล้วทั้งหมดก็พากันเดินไปขึ้นรถลาวัลย์ที่จอดอยู่ โดยที่นริศรายังคงชะเง้อมองหาภูชิชย์จนกระทั่งขึ้นรถไป
รถของลาวัลย์แล่นมาตามทางที่จะออกจากไร่สุพัฒนา ทันใดนั้นรถของภูชิชย์ก็แล่นมาขวางตรงปากทางออกจากไร่ ทุกคนลงมาจากรถ ภูชิชย์กับสุพัฒนารีบวิ่งไปหานริศราทันที
“นิด เธอจะไปไม่ได้นะ เธอต้องอยู่ที่นี่” สุพัฒนาบอก
นริศรางง “แต่ฉันต้องไปเรียนต่อค่ะ”
“แล้วพี่ภูล่ะ เธอจะทิ้งพี่ภูได้ไง” สุพัฒนาถาม
“นั่นสิครับ คุณนิดอย่าไปเลยนะครับ ไม่งั้นคุณเล็กกับพ่อเลี้ยงคงเสียใจมาก” นิพนธ์ช่วยพูด
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ นี่คุยกันเรื่องอะไรครับ นิดเขาไม่ใช่พนักงานที่นี่ ไม่ต้องอาลัยกันขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ” ณรงค์แปลกใจ
“มันมีมากกว่าที่พี่ณะเข้าใจค่ะ” ลาวัลย์บอก
ลัคนาดึงณรงค์ออกมาแล้วกระซิบ “คุณณะอยู่เฉยๆก่อนนะคะ นารับรองว่าเป็นเรื่องดีแน่นอนค่ะ”
ณรงค์มองลัคนากับลาวัลย์ด้วยสายตางงๆ
“นิด ว่าไง เธอจะทำแบบนี้กับพี่ชายฉันไม่ได้นะ” สุพัฒนาหันไปพูดกับภูชิชย์ “พี่ภูก็พูดอะไรบ้างสิ ยืนนิ่งอยู่ได้ โอ้ย...ไม่ได้อย่างใจเลย”
“นริศรา เธอรับปากฉันแล้วนะ ถ้าฉันทำให้คุณเล็กยอมรับเธอได้ เธอจะไม่ไปไหน” ภูชิชย์บอก
วิทวัสแอบสะกิดภูชิชย์แล้วกระซิบ “ฝีมือผมไม่ใช่เหรอครับพี่ภู”
“เหอะน่า...ยืมเครดิตแป๊บนึง” ภูชิชย์กระซิบตอบ
“ตกลงว่าไงเธอไม่ไปใช่ไหม” สุพัฒนาถามย้ำ
“คุณเล็กยอมรับฉันจริงๆเหรอคะ” นริศราถามกลับ
สุพัฒนายิ้ม “จริงสิ ต่อจากนี้ไปเธอคือครอบครัวของฉัน เธอเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่สะใภ้ และเป็นความสุขของครอบครัวเรา”
ภูชิชย์จับมือนริศรา “และเป็นภรรยาฉันด้วยนะ”
นริศรายิ้มเขินแต่พยักหน้ารับ ณรงค์มองอย่างอึ้งๆ
“นิด...นี่นิดกับคุณภูชิชย์” ณรงค์เริ่มเข้าใจ
“เขาสองคนรักกันครับ” วิทวัสบอก
ทุกคนที่ยืนลุ้นอยู่ปรบมือกันลั่น ยกเว้นณรงค์ที่ยังงงๆ ภูชิชย์กับนริศรายืนจับมือกัน ลัคนายิ้มแล้วหันไปมองก่อนจะนึกได้
“เอ๊ะ...คุณวัส”
วิทวัสมองลัคนาสักพักก็ตกใจ “คุณนา”
“ตายแล้ว โลกกลมจัง คุณวัสเอ่อ....” ลัคนาแปลกใจ
“เป็นน้องชายผมเองครับ” ภูชิชย์บอก
“ตายแล้ว ไม่ทราบเลยค่ะ แล้วนี่คุณนิดากับยัยลูกหนูอยู่ไหนล่ะ เสียดายนุ้ยกับนุ่นไม่ได้มาด้วย คงจะดีใจที่เจอเพื่อน” ลัคนาพูด
ทุกคนอึ้งหันมามองลัคนาตาค้าง แล้วก็หันไปมองวิทวัส ก่อนที่ทุกคนจะหันมองลัคนาสลับกับวิทวัส
“พี่วัส นิดานี่คือรัชนิดาใช่ไหม?” สุพัฒนาถาม
วิทวัสหน้าเจื่อน
ทุกคนกลับมาคุยกันที่ห้องรับแขกบ้านภูชิชย์ เมื่อลัคนาทราบเรื่องราวทั้งหมดก็มีสีหน้าตกใจสุดขีด
“ตายแล้ว นี่ฉันก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ”
ลัคนามองไปที่ประตูห้องทำงานในบ้านด้วยความกังวล
“คุณเล็กเธอไม่ค่อยยอมรับคนนอกให้เข้ามาในครอบครัวค่ะ” นริศราบอก
“นี่พี่จะทำไงดี” ลัคนากลุ้มใจ
ณรงค์จับมือภรรยาไว้ “ใจเย็นๆนะ นาไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวเราค่อยๆแก้ไขให้มันดีขึ้นแล้วกัน”
“คุณนิพนธ์คะ ไหนคุณบอกว่าคุณเล็กเธอยอมรับนิดได้แล้ว เธอก็น่าจะยอมรับแฟนคุณวัสด้วยสิคะ” ลาวัลย์ถาม
“กับคุณนิดน่ะผมแน่ใจเพราะคุณเล็กเธอร่วมทุกข์ร่วมสุขมาก แต่คนอื่นนี่ผม...ไม่กล้าคิดเหมือนกันครับ” นิพนธ์บอก
ทุกคนมองไปที่ประตูห้องทำงานที่สามพี่น้องกำลังคุยกันอยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
สุพัฒนาจ้องหน้าวิทวัสอย่างเอาเรื่อง วิทวัสสู้ตาน้องสาว ภูชิชย์เห็นหน้าน้องทั้งสองแล้วก็ไม่สบายใจ
“คุณเล็กใจเย็นๆก่อนนะ” ภูชิชย์ปราม
สุพัฒนาตวาดทันที “พี่วัสทำไมทำแบบนี้”
“นายวัส ตอบน้องอย่าใช้อารมณ์มันไม่ดี” ภูชิชย์เตือน
“ที่พี่ต้องทำก็เพราะคุณเล็กไง วันนี้เป็นไงเป็นกัน คุณเล็กจะเอาไงก็ว่ามา” วิทวัสเสียงแข็ง
ภูชิชย์กุมขมับทันที
“ได้...พี่วัสไปเอาหลานคุณเล็กมาเลย ถ้าพี่วัสเลี้ยงหลานแบบหลบๆซ่อนๆแบบนี้คุณเล็กไม่ชอบ พรุ่งนี้ส่งตัวลูกหนูมา คุณเล็กจะให้แกรู้ว่าแกมีอา มีลุง มีญาติ” สุพัฒนาพูด
หลังจากที่ฟังน้องสาวพูดเป็นชุดภูชิชย์กับวิทวัสก็ถึงกับอึ้ง
“คุณเล็กพูดจริงหรือเปล่า” วิทวัสถามย้ำ
“จริงสิ พี่ภูกับพี่วัสคิดว่าคุณเล็กจะไปประกาศิตชีวิตใครต่อใครได้เหรอ คุณเล็กเคยคิดว่าเราสามคนพี่น้องจะต้องมีชีวิตที่ดี มีคนรักที่สมบูรณ์สูงส่งได้อย่างใจคุณเล็ก แต่สุดท้ายมันก็ไม่เป็นตามที่คุณเล็กอยากได้”
“อ๋อ...คุณเล็กหมายถึงนิพนธ์ใช่ไหม” วิทวัสถาม
สุพัฒนาเขิน “พี่วัสอ่ะ”แล้วเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “บอกนิดาด้วยนะว่าคุณเล็กคิดถึง และขอให้เขาไปหัดอู้คำเมืองมาโต่ยนะ”
แล้วสามพี่น้องก็หัวเราะก่อนจะโผเข้ากอดกันอย่างมีความสุข
ภูชิชย์จูงมือนริศราเดินมานั่งที่ศาลาหน้าบ้านของภูชิชย์
“คิดๆแล้วก็แปลกนะ ไม่น่าเชื่อว่าเราสองคนจะมาเจอกันได้” ภูชิชย์เอ่ย
“นั่นสิคะ คงต้องยกความดีความชอบให้พี่นา” นริศราบอก
“ไม่ใช่หรอก”
“ทำไมจะไม่ใช่ล่ะคะ ก็เพราะพี่นาฉันถึงได้มาทำงานกับคุณ”
“แต่ฉันว่าเป็นความรักมากกว่าที่ประกาศิตให้เราได้มาเจอกันและรักกัน” ภูชิชย์บอก
นริศรายิ้มอาย
“แต่งงานกับฉันนะ” ภูชิชย์ขอ
“ค่ะ” นริศราตอบรับ
ภูชิชย์ยิ้มกว้าง “ไชโย....ฉันดีใจที่สุดเลย”
“เอ่อ...แต่ฉันขอนิดนึงได้ไหมคะ”
“อะไร เธออยากได้งานเล็กงานใหญ่ อะไรแค่ไหนบอกมาได้” ภูชิชย์ถาม
“ฉันขอแต่งหลังจากเรียนจบค่ะ”
“ได้ไม่มีปัญหา เธอกลับมาปุ๊บเราแต่งกันปั๊บเลย”
“ดีค่ะ ถึงตอนนั้นกาแฟที่ท้ายไร่คงเก็บได้พอดี”
ภูชิชย์ชะงัก “เก็บกาแฟ? ก็เธอเหลืออีกเทอมไม่ใช่เหรอ แต่เก็บกาแฟมันรออีกเกือบสามปีเลยนะ”
นริศรายิ้ม “ค่ะ อีกเทอมจบตรี แต่ถ้าแต่งงานฉันขอจบโทก่อนดีไหมคะ”
“เฮ้ย...ได้ไง นานไป” ภูชิชย์เซ็ง
“งั้นจบเอกเลยดีกว่า” นริศรายั่ว
นริศรายิ้มแล้วเดินไป ภูชิชย์เดินตามไปโวยวายกับนริศราว่าจะแต่งงานให้ได้
เวลาผ่านไป นริศราเดินถือหนังสือเข้ามาในห้องพักภายในมหาวิทยาลัยที่อเมริกา ทันใดนั้น iPadของเธอก็มีเสียงเรียก Facetime เข้ามา นริศรารีบกดรับ เธอเห็นหน้าภูชิชย์มุ่ยๆ เหมือนงอนอยู่ที่หน้าจอ
“เป็นไง หายไปเลยนะ รู้ไหมว่ามีคนคิดถึง จบแล้วทำไมไม่กลับ” ภูชิชย์ถาม
“จะกลับแล้วค่ะ ขอเที่ยวอีกสักอาทิตย์นะคะ” นริศราบอก
ภูชิชย์ถอนใจ “ใจร้าย ไม่สงสารคนรอมั่ง แล้ววันนี้ทำอะไรเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“วันนี้ไม่มีอะไรค่ะ แต่เมื่อวานมีเซอร์ไพรส์ เจมส์กับโป๊ะแวะมาดินเนอร์ที่นี่”
เหตุการณ์เมื่อวานผุดมาอีกครั้ง เจมส์กับพิสุทธิ์เดินเข้ามาทักนริศรา นริศรามองแล้วทำตาโต
เสียงภูชิชย์ถามกลับ “เซอร์ไพรส์ตรงไหน สองคนนั่นน่ะมาหลอกให้แฟนฉันทำอาหารไทยกินประจำอยู่แล้วนี่”
“ไม่ใช่ค่ะ สองคนนั่นพาแขกพิเศษมาด้วย” นริศราบอก
ภาพเหตุการณ์เมื่อวานผุดขึ้นมาอีก เมื่อเจมส์กับพิสุทธิ์เบี่ยงตัวหลบ เจ้าทิพย์ดาราก็เดินแหวกทั้งสองเข้ามากอดนริศรา
“เจ้าน้อยมาค่ะ” นริศราเล่าให้ภูชิชย์ฟัง “บินมาจากอังกฤษเลย แต่ไม่บินกลับแล้ว เห็นว่าคุยกับโป๊ะ ไม่รู้ไปกล่อมยังไง เจ้าน้อยเลยย้ายมาเรียนปริญญาเอกด้านศิลปะที่นี่ ฉันดีใจจังจะมีเจ้าน้อยมาอยู่ด้วยต้องสนุกแน่”
“โห..อิจฉาอ่ะ” ภูชิชย์พูด “ฟังของฉันมั่งนะ กาแฟที่ท้ายไร่จะเก็บได้แล้ว อย่าลืมตามสัญญาล่ะที่เราจะแต่งงานกันน่ะ”
เหตุการณ์ตอนที่ภูชิชย์นำชาวบ้านดูสวนกาแฟผุดขึ้นมา
“ฉันทำตามเธอสั่งด้วยนะ ตอนนี้ก็เปิดให้ศูนย์วิจัยและชาวบ้านเข้ามาศึกษา หลายคนชอบจะเอาไปทำต่อ ส่วนนิพนธ์กับคุณเล็กช่วงนี้ก็ไปกรุงเทพฯ”
ภาพเหตุการณ์ตอนที่สุพัฒนาคุยกับหมอที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ โดยมีนิพนธ์คอยดูแลและร่วมรับฟังอย่างใกล้ชิดผุดขึ้นมา
“คุณเล็กมีความสุขมาก เฮ้อ...มีแต่ฉันที่อยู่นี่เหงาเฝ้าไร่อยู่คนเดียว” ภูชิชย์ตัดพ้อ
“โถ..น่าสงสาร แบบนี้ฉันต้องเที่ยวต่อเป็นสองอาทิตย์แล้ว” นริศราเย้า
“เฮ้ย...แบบนี้ฉันไม่ยอมแล้ว ฉันจะตามเธอไปที่นั่น” ภูชิชย์บอก
นริศราหัวเราะแล้วก็มีเสียงกริ่งที่ห้องพักดังขึ้น
“รอแป๊บนะคะ ไม่รู้มีใครมา” นริศราบอก
นริศราเดินไปเปิดประตูแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นเป็นภูชิชย์ยืนถือ iPad ยิ้มอยู่ที่หน้าประตู
“เอ่อ...พ่อเลี้ยง” นริศราตกใจ
“ท้าดีนัก ฉันเลยจะมารับตัวเธอกลับไปแต่งงาน” ภูชิชย์ยิ้มกวน
“คุณนี่ร้ายมากเลยนะ”
“ก็อยากแกล้งฉันก่อนนี่”
นริศราแกล้งตี ภูชิชย์เลยดึงมากอดแล้วมองตากัน
“กลับไปแต่งงานกันเถอะนะ ฉันเตรียมของขวัญที่เธออยากได้ไว้ด้วย”
“อะไรคะ ไร่กาแฟเหรอ”
ภูชิชย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “กลับไปดูเองแล้วกัน”
นริศรายิ้มหวานให้ภูชิชย์
ภูชิชย์กับนริศรานั่งดูรูปถ่ายในอัลบั้มเล่มใหญ่ด้วยกัน เขาและเธอพลิกดูรูปต่างๆ ที่ผ่านกาลเวลาด้วยความสุข
ภาพวิทวัสกับรัชนิดาอยู่ในชุดแต่งงาน โดยมีลูกหนูถือชายกระโปรงเจ้าสาวให้ มีลายมือเขียนทับภาพว่า “งานแต่งงานของครอบครัวที่น่ารัก”
ภาพสุพัฒนากับนิพนธ์ในงานหมั้น มีลายมือเขียนว่า “ดีใจที่น้องสาวมีความสุขกับคนที่ดี”
ภาพพิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดาราถ่ายขณะไปเที่ยวต่างประเทศ มีลายมือเขียนว่า “พวกเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา”
ภาพภูชิชย์กับนริศรายืนอยู่กับป้ายที่ชื่อว่า “ไร่ภูชิชย์นริศรา” มีลายมือเขียนทับภาพว่า “คุณเล็กเปลี่ยนชื่อไร่เป็นภูชิชย์ - นริศรา ให้เป็นของขวัญแต่งงาน”
ภาพงานเปิดร้านกาแฟในไร่ ภูชิชย์กำลังกอดนริศรามีลายมือเขียนว่า “ของขวัญให้ภรรยาผม ร้านกาแฟรักประกาศิต”
จบบริบูรณ์