สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 14
สุพรรณิการ์โผล่หน้าไปดูที่ประตูแล้วก็ยิ้มออกมา หันมาบอกกรกนก
“แอ๊วมาแล้วค่ะ”
กรกนกหันมาทางธีธัชที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อย
“คุณแอ๊วมาแล้วค่ะ”
ธีธัชยิ้มรับแล้วก็รีบวิ่งไปบุ้ยใบ้ บอกวัชระที่นั่งอยู่ตรงระเบียง
“มาแล้วๆๆ”
วัชระหันไปเห็นก็ยิ้มตื่นเต้นไปด้วย
“อ่ะจริงดิ มาแล้วเหรอ”
เนตรนภัสหันขวับมาทางวัชระ
“ใครมา”
อรุณศรียืนเขินๆ อยู่ที่ประตู กริชชัยยังทำตัวไม่ถูก จนลำเภาต้องโผล่หน้าออกมา
“สวัสดีค่ะคุณอรุณศรี”
อรุณศรีมองหน้าลำเภาแล้วนึกแปลกใจ คุ้นๆ แต่ไม่แน่ใจเคยพบกันที่ไหน
“ไม่ต้องงงค่ะ .. เราเคยเจอกันมาแล้วค่ะ”
อรุณศรีคิดและนึกได้..แล้วมองอีกทีด้วยความแปลกใจ
กริชชัยรีบแนะนำทันที
“ลำเภาเป็นลูกสาวของป้าผมเอง”
“จริงๆ มีศักดิ์เป็นพี่ แต่พี่กริชอายุมากกว่า เภาเลยเป็นน้องค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” อรุณศรียิ้มกระจ่าง
“เช่นกันค่ะ..เภานึกว่าคุณแอ๊วจะไม่มาซะแล้ว..เข้ามาข้างในเลยค่ะ เดี๋ยวเภาพาชมห้องเอง”
ลำเภาจับมืออรุณศรีแล้วก็ดึงเข้ามาในห้อง อรุณศรีเดินตาม ไม่นึกว่าลำเภาจะแสดงความสนิทสนมอย่างรวดเร็วกับเธอเร็วขนาดนี้
อรุณศรีเดินผ่านกริชชัยที่ยังยืนนิ่งตื่นเต้นอยู่ที่เดิม พ้นหลังอรุณศรีกริชชัยค่อยๆปิดประตู..แล้วก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็หุบยิ้มเก๊กต่อเดินตามอรุณศรีและลำเภาไป
นตรนภัสมองเข้ามาในห้อง ด้วยความอยากรู้ เนตรนภัสเห็นลำเภาพาอรุณศรีเดินดูมุมโน้นมุมนี้ ในขณะที่สุพรรณิการ์ และกรกนกอยู่ประจำมุมเค้าน์เตอร์บาร์พร้อมกับเตรียมเครื่องดื่มตลอดเวลา กริชชัย และธีธัชยืนอยู่ไม่ไกล
เนตรนภัสมองดูแล้วก็หันมาเบ้หน้าคุยกับวัชระด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ
“เนี่ยเหรอผู้หญิงที่คุณกริชชอบ หน้าตาก็งั้นๆ เป็นใคร”
วัชระเบื่อที่เนตรนภัสดูถูกคนอื่น
“คุณแอ๊วเป็นพีอาร์เอ็มกรุ๊ป”
“เป็นพนักงานในบริษัทเนี่ยนะ มีไฮโซตั้งเยอะแยะจ้องจะจับคุณกริช ทั้งสวย ทั้งรวย คุณกริชจะเลือกใครก็ได้ ทำไมมาเลือกเด็กในบริษัท ตาต่ำจริงๆ”
วัชระสะอึก แล้วก็สวนทันที
“ถ้าไอ้กริชตาต่ำ แหนมก็ตาต่ำเหมือนกัน”
“วัช” เนตรนภัสเสียงสูง
“ก็แหนมมีผู้ชายมาให้เลือกตั้งเยอะแยะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย แต่แหนมก็มาคบกับผม ทั้งจน ทั้งซกมก หนวดเครารุงรัง คนอื่นเค้ามอง เค้าก็คงจะคิดว่าแหนมตาต่ำเหมือนกัน”
เนตรนภัสแทบกรี๊ด
“นี่...วัชกล้าด่าแหนมเหรอ อ๋อ..หรือว่า..จะหาเรื่องเลิก คิดว่าพูดแบบนี้แล้วแหนมจะทนไม่ได้ ยอมเลิกให้งั้นเหรอ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ ไม่ว่าวัชจะร้ายกับแหนมแค่ไหน..แหนมก็ไม่เลิก”
วัชระไม่อยากจะเถียงได้แต่ส่ายหน้า
เนตรนภัสหันไปหยิบกระเป๋าถือที่วางอยู่แล้วก็หันมาพูดเสียงสะบัด
“แหนมจะกลับบ้าน ไม่อยากอยู่แล้ว ปาร์ตี้บ้าๆ มีแต่คนสติไม่ดี”
“กลับ ตอนนี้เนี่ยนะ”
“ใช่ แล้ววัชก็ต้องกลับกับแหนมด้วย”
วัชระเบือนหน้าหนีด้วยความเซ็งแบบสุดๆ
สุพรรณิการ์ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ แอบลอบมองพฤติกรรมของวัชระกับเนตรนภัสที่ระเบียงอยู่
“คุณฝ้ายคะ” กรกนกเรียก
สุพรรณิการ์หันมา กรกนกส่งแก้วน้ำผลไม้ปั่นให้
“ของคุณแอ๊วค่ะ”
“อ้อ..ขอบคุณค่ะ”
สุพรรณิการ์กำลังจะเดินเอาเครื่องดื่มไปให้อรุณศณี พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สุพรรรฺการ์หันไปมองกริชชัยที่ยืนตื่นเต้นอยู่ข้างๆ ธีธัช สุพรรณิการ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
ลำเภาพาอรุณศรีเดินชมห้อง อรุณศรีเห็นรูปโมเดลมอเตอร์ไซด์ แล้วก็รูปวาดเป็นรูปวิว ติดผนังอยู่ติดกันอยู่ใกล้กัน
“เภากับพี่กริชสนิทกันมากนะคะ เราถูกเลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เหมือนเป็นพี่น้องกันแท้ๆพี่กริชเค้าเป็นคนนิ่งๆ เฉยๆ ไม่ค่อยชอบแสดงความรู้สึก”
ลำเภาเดินไปเรื่อยๆ เดินไปพูดไป แล้วก็พาอรุณศรีมาหยุดอยู่ที่ภาพโมเดลรถกรอบหนึ่ง
“ตั้งแต่เภาจำความได้ มีอยู่แค่ ๓ อย่างที่พี่กริชชอบมาก...มากจนแสดงความรู้สึกออกมา”
อรุณศรีตั้งใจฟัง
“อย่างแรกก็คือ รถมอเตอร์ไซค์ อย่างที่สองก็คือ การวาดรูป และสุดท้ายก็คือ ...” ลำเภาหันไปมองหน้าอรุณศรี
ขณะที่อรุณศรีรอฟังสิ่งชอบอันดับสาม ทันใดนั้น..เสียงกริชชัยก็ดังขึ้น
“อรุณศรี”
อรุณศรีหันไปตามเสียงเรียก กริชชัยยืนอยู่พร้อมกับเครื่องดื่ม แอบปรายตาดุๆลำเภา ลำเภาทำเป็นลอยหน้า..ไม่รับรู้ และไม่รับผิด ลำเภาหันมาทางอรุณศรี
“พี่กริชมารับหน้าที่ต่อแล้ว...เภาขอแยกตัวไปก่อนนะคะ ไม่อยากอยู่เป็นพยัญชนะ 3 ตัวแรกของภาษาไทย”
อรุณศรีกับกริชชัยขมวดคิ้วพร้อมกันเพราะตามลำเภาไม่ทัน
“กอ ขอ คอ ไงคะ” ลำเภาเฉลย
อรุณศรีขำอย่างฮา แต่กริชชัยส่ายหน้ากับมุกเสี่ยวของลำเภา ลำเภายิ้มดีใจที่เห็นอรุณศรีหัวเราะ
“ตามสบายนะคะ .. คุณแอ๊ว”
ลำเภาเรียกชื่ออรุณศรีอย่างเป็นมิตร และสนิทสนม ก่อนจะเดินจากไป
ลำเภาเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นตรงกลางห้อง สุพรรณิการ์เห็นลำเภาเดินมา ก็รีบเดินมาถามทันทีเพราะอยากรู้
“สถานการณ์เป็นไงบ้างคะ”
“เภาชงไว้เรียบร้อยค่ะ ต้องรอดูว่าพี่กริชจะทำคะแนนต่อหรือเปล่า”
สุพรรณิการ์พยักหน้ารับรู้ ได้แต่ชะเง้อๆ ลุ้นๆ แทนเพื่อนอยู่ตลอดเวลา
กริชชัยยังยืนเขินถือแก้วน้ำอยู่ในมือจนอรุณศรีเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน เพราะว่านึกได้ว่า ยังสนทนากับลำเภาค้างอยู่
“เออ..เมื่อกี๊คุณลำเภาบอกว่า มีอยู่ 3 อย่างที่คุณชอบ แต่บอกมาแค่ 2 อย่าง ฉันยังไม่รู้อย่างสุดท้ายเลยค่ะ”
“อย่าไปรู้เลย .. มันไร้สาระน่ะ นี่..ครับ.. น้ำผลไม้ปั่น” กริชชัยเฉไฉแก้เก้อด้วยการส่งน้ำผลไม้ให้
“ขอบคุณค่ะ”
อรุณศรีรับมาดื่มอย่างสุภาพ กริชชัยมองตามอย่างเพลิน..อรุณศรีเงยหน้ามาเห็นว่ากริชชัยแอบมองอยู่ กริชชัยรู้ตัวจึงรีบดึงสายตาออกชวนคุย
“ผมนึกว่า คุณจะไม่มาซะอีก”
“ก็... พอดีว่างๆ น่ะค่ะ แต่ก็คงอยู่ไม่นาน”
“ไม่เป็นไร... แค่คุณมาผมก็ดีใจแล้ว” กริชชัยตอบประสาซื่อ
อรุณศรีเงยหน้ามองกริชชัย แววตาของกริชชัยที่มองมายังอรุณศรีแบบไม่วางตานั้น เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกมากมายที่อยู่ในดวงตาคู่นั้น อรุณศรีถึงกับใจเต้นแรงโดยไม่รู้สาเหตุ
อรุณศรีค่อยๆเบนสายตาหลบ และก้มหน้าก้มตาดูน้ำในแก้ว... ก้มลงดูดน้ำผลไม้จนหมดแก้วด้วยความเขิน
“เอาอีกแก้วมั้ย”
“ไม่แล้วค่ะ..ขอบคุณ..ฉัน..ขอไปห้องน้ำดีกว่าค่ะ”
“เดี๋ยว” เสียงกริชชัยทักขึ้น
“คะ” อรุณศรีหันมา
“ห้องน้ำอยู่ทางนี้”
อรุณศรีชะงักพลางยิ้มแก้เก้อ
“ขอบคุณค่ะ”
อรุณศรีก้มหน้าก้มตาเดินไปห้องน้ำด้วยความอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กริชชัยมองตามด้วยความเอ็นดู
ความเขินทำให้อรุณศรีเดินถือแก้วน้ำเข้าไปในห้องน้ำด้วย แต่ทันทีที่นึกได้จึงเดินกลับออกมา แล้ววางแก้วน้ำไว้ที่โต๊ะหน้าห้องน้ำ ก่อนจะยิ้มเขินๆ ให้กริชชัยและเดินเข้าห้องน้ำไปอีกที
ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลง กริชชัยถึงกับยิ้มอย่างมีความสุข
อรุณศรีเดินไปมาอยู่ในห้องน้ำระงับความตื่นเต้น ด้วยการทำสมาธิให้จิตใจเป็นปกติ
“ตื่นเต้นทำไมเนี่ย..ในน้ำนั่นต้องมีเหล้าแน่ๆ..ไม่จริงๆ..เราต้องไม่ตื่นเต้น” อรุณศรีพูดอยู่คนเดียว เดินไปมาพลางสูดลมหายใจเข้า พุท ลมหายใจออก โธ พุท..โธ...พุท...โธ
วัชระเดินออกมาบอกเพื่อนด้วยความเซ็ง
“ฉันจะกลับแล้วนะ”
ธีธัชมองหน้าวัชระที่ยืนอยู่กับเนตรนภัส เห็นหน้าตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่มีวี่แววของความสุขเลยแม้สักนิด
“ทั้งสองคน”
“อื้อ ฝากบอกไอ้กริชด้วย” วัชระตอบเนือยๆ
“ได้ๆ เดี๋ยวฉันบอกให้”
เนตรนภัสปรายตามาทางสุพรรณิการ์กับลำเภาที่นั่งอยู่ไม่ห่าง ลำเภากำลังกินขนม พร้อมอ่านหนังสือไม่สนใจ ส่วนสุพรรณิการ์แกล้งทำเป็นนั่งตบแป้ง เติมปาก นั่งไขว่ห้างอย่างเซ็กซี่อยู่ที่โซฟา เนตรนภัสมองสองคนด้วยความหมั่นไส้ แล้วก็หันมาทางธีธัช
“แล้วก็ฝากธีบอกผู้หญิงแถวนี้ด้วยว่า... วัชเป็นแฟนแหนม และเรากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ !! แล้วก็ฝากเตือนด้วยว่าแหนมไม่ใช่คนใจดี...เวลาแหนมเอาจริง แหนมเอาถึงตาย”
ลำเภาและสุพรรณิการ์เงยหน้าขึ้นมองเนตรนภัสด้วยสายตาท้าทายขึ้นพร้อมกัน ธีธัชรีบแทรกเข้ามาตรงกลางอย่างรู้ทัน
“โอเค!! เดี๋ยวผมจะบอกให้นะ…กรจ้ะ” ธีธัชตัดบทเฉไฉ
กรกนกยืนอยู่ที่เคาท์เตอร์ หันมาอย่างงงๆ ธีธัชขยิบตาให้กรกนกบอกเป็นนัยๆ
“ส่งแขก”
“เอ่อ...ค่ะ”
กรกนกหันมาทางวัชระและเนตรนภัสแล้วก็รับมุกของธีธัช
“เชิญค่ะ”
กรกนกเดินนำไปที่ประตู เนตรนภัสหันมามองลำเภากับสุพรรณิการ์อย่างไม่เป็นมิตร ธีธัชกระโดดเอาตัวบังไว้พร้อมกับยิ้มหวานใส่ วัชระดึงแขนเนตรนภัสให้เดินออกไป เธอสะบัดแขนจากมือวัชระ แล้วก็สะบัดหน้าใส่
สองสาว พร้อมกับเดินเชิดออกไป
วัชระส่ายหน้าเดินตามเนตรนภัสไปด้วยความเหนื่อยหน่าย สุพรรณิการ์มองตามวัชระด้วยความเวทนา แต่ก็จนปัญญาจะช่วยเหลือ
ทันทีที่ออกจากห้องกริชชัย
“แหนม..ไปพูดแบบนั้นทำไม มันน่าเกลียดนะ”
เนตรนภัสหยุดเดินทันทีและหันมาตอบ
“ก็แหนมไม่ชอบนังสองคนนั้น ทั้งยัยฝ้ายแล้วก็นังเด็กลำเภา”
“ไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องพูดแบบนั้นก็ได้ มันทำให้ผมดูเป็นตัวตลก”
“ดี ยิ่งวัชดูแย่ในสายตาคนอื่น แหนมยิ่งสบายใจ จะได้ไม่มีใครมาชอบ”
หลังพูดจบ เนตรนภัสพูดจบก็สะบัดหน้าเดินนำไป วัชระได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“ควรจะดีใจหรือเสียใจวะเนี่ย” วัชระพึมพำกับตัวเองเบาๆ
เมื่อกริชชัยเดินออกมายังห้องนั่งเล่น สายตาที่มองไปยังบริเวณระเบียง ก็เกิดความแปลกใจที่ไม่เห็นวัชระและเนตรนภัส
“ไอ้วัชล่ะ”
“กลับไปแล้ว แหนมงอแง ก็เลยต้องรีบพาไปส่งบ้าน” ธีธัชหันมาตอบ
กรกนกหันไปหยิบกระเป๋า
“กรก็ต้องขอตัวเหมือนกันค่ะ ได้เวลาเปิดร้านแล้ว”
สุพรรณิการ์ถือโอกาสลุกขึ้น
“ฝ้ายไปด้วยค่ะ วันนี้ต้องเข้าไปจ่ายเงินเดือนลูกน้องพอดี งั้นเราไปพร้อมกันเลยนะคะ”
กรกนกยิ้มรับ สุพรรณิการ์ตามไปติดๆ
“ฝ้ายฝากแอ๊วด้วยนะคะ ถ้าไม่ลำบากฝากไปส่งที่บ้านด้วยก็ดี เพราะแอ๊วไม่รถ ทางเข้าก็เปลี่ยว ฝากคุณกริชดูแลเพื่อนฝ้ายด้วยนะคะ” สุพรรณิการ์หยอดทิ้งท้ายให้กับกริชชัยไว้
ด้วยความยินดีครับ กริชชัยยิ้มตื่นเต้น
เห็ฯทุกคนทยอยกันไปเหมือนจะเปิดโอกาสให้กริชชัยได้อยู่กับอรุณศรีตามลำพัง ธีธัชคิดแล้วก็ตัดสินใจอีกคน
“งั้นฉันไปด้วย”
ลำเภาละสายตาจากถุงขนมแล้วโพล่งขึ้นทันที
“จะไปไหน”
ลำเภามองธีธัชด้วยความเขม่นในแววตา
“ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉัน ถามทำไม” ธีธัชตอบกวนๆ ลำเภาลุกพรวดขึ้นทันที
“จะไปด้วย”
“ เฮ้ย” ธีธัชผงะ
“ไปด้วยไง เป็นแฟนกัน ไปไหนก็ต้องไปกันสิ”
“จะให้ฉันย้ำอีกกี่ครั้ง...ฉันไม่ได้เป็นแฟนเธอ”
กรกนกทนไม่ได้กับท่าทางของธีธัช และลำเภา
“กรขอตัวไปก่อนนะคะคุณกริช” หลังพูดจบ กรกนกเดินออกจากห้องไปทันที
“ครับ”
กริชชัยได้แต่มองตามกรกนกด้วยความรู้สึกผิดแทนลำเภา
“งั้นฝ้ายก็ไปด้วยเลยนะคะ บ๊ายบายค่ะ”
สุพรรณิการ์ถือโอกาสหลบออกไปอีกคน
“อ้าว กร...เดี๋ยวก่อนสิกร..รอผมด้วย ... น้องแก..จัดการด้วย” ธีธัชพูดจบก็รีบคว้ากุญแจรถวิ่งตามกรกนกและสุพรรณิการ์ไปทันที
ฝ่ายลำเภาหันไปหยิบกระเป๋าสะพายกำลังจะเดินตามติดๆไป กริชชัยรีบคว้าตัวลำเภาไว้
“เภา !!! ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น คืนนี้นอนนี่ พี่บอกกับคุณป้าไว้ว่าเภาจะนอนนี่ เภาจะออกไปไหนไม่ได้” กริชชัยออกคำสั่งเสียงเข้มเล่นเอาลำเภาชะงักไปทันที
ลำเภาพยายามสะบัดแขนออกจากมือของกริชชัย
“แต่เภาอยากไปกับนายธีนี่ เภาต้องไปเฝ้า แกล้งให้อึดอัดเล่น สนุกดี”
“แต่พี่ไม่ให้ไป เภาต้องอยู่พี่ แล้วก็เลิกเล่นบ้าๆได้แล้ว พี่พูดน่ะ ฟังกันหน่อยได้มั้ย”
“ฟัง แต่ถ้าเภายอมถอย ก็เท่ากับยอมแพ้ เภาไม่ยอมแพ้คนปากเสียแบบนายหมาใหญ่หรอกนะ”
“เหลวไหลนะเภา”
“มันอาจจะเป็นเรื่องเหลวไหลของพี่กริช แต่มันเป็นศักดิ์ศรีของเภา ถ้าเภายอม นายธีคงจะหัวเราะเยาะไปตลอดชีวิต”
“แต่เภาก็เห็นว่าไอ้ธีกับคุณกรเค้าเป็นแฟนกัน แล้วเค้าก็รักกันดี เภาจะแทรกตัวเข้าไปทำไม คุณกรเค้าก็ไม่ใช่คนเลวร้าย เภาทำแบบนี้เท่ากับทำร้ายเค้านะ”
แม้ว่าลำเภาฟังแล้วจะรู้สึกแอบรู้สึกผิด อยู่ลึกๆในใจ แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่จึงไม่ยอมรับในสิ่งที่กริชชัยพูด
“ถ้าวันหนึ่งไอ้ธีมันเลิกกับคุณกร มาหาเภาจริงๆ เภาจะภูมิใจกับการได้แฟนเพราะแย่งคนอื่นมางั้นเหรอ”
กรกนกเดินออกมาจากห้องพักของกริชชัยด้วยความรู้สึกวังเวง นัยน์ตาหม่นเศร้า สุพรรณิการ์รีบเดินตามออกมาจนทัน
“คุณกรคะ.. เดี๋ยวไปรถฝ้ายก็ได้นะคะ เดี๋ยวฝ้ายไปเอารถมารับที่หน้าตึก”
“ค่ะ”
สุพรรณิการ์ยิ้มรับก่อนที่จะเดินนำไป กรกนกเดินตามไปได้ไม่กี่เท้าก็ได้ยินเสียงประตูห้องกริชชัยเปิดออก กรกนกหันไปดู
ธีธัชเดินออกมาจากห้องกริชชัย..ไม่มีลำเภาตามมา
กรกนกจับตามองไปยังธีธัช ในขณะที่ธีธัชไม่รู้ตัว แล้วกรกนกก็พบว่า ขณะที่ธีธัชเดินมาตามทางเดินบริเวณหน้าห้องกริชชัยได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปมองที่ประตูห้องกริชชัยอีกครั้ง เกิดอาการลังเลเหมือนว่าจะรอลำเภา ธีธัชหารู้ไม่ว่า กรกนกแอบมองอยู่
กรกนกใจหายวาบ เบือนหน้าหนี แล้วก็เดินตามสุพรรณิการ์ไปด้วยความเศร้าที่กินใจอยู่ลึกๆ
อรุณศรีแอบฟังกริชชัยพูดกับลำเภาอยู่ในห้องน้ำ ทำให้อรุณศรีแอบคิดถึงตัวเอง เสียงสนทนาจากด้านนอกดังเข้ามาในห้องน้ำ
“ถ้าไอ้ธีไม่มีแฟน พี่จะไม่ว่า แต่แฟนเค้าก็ควงกันออกหน้าออกตาแบบนี้ จะทำอะไรเห็นใจคนอื่นบ้าง”
“เภาไม่ใช่พี่กริชนะ ที่เห็นว่าเค้ามีแฟนแล้วก็จ๋อย ทำตัวเป็นหมามองปลากระป๋อง อยากจะกินแต่ก็ไม่มีปัญญาเปิด”
อรุณศรีสะดุ้งอดคิดไม่ได้ว่า ปลากระป๋องในความหมายของลำเภาคือตัวเอง
กริชชัยสะดุ้งกับคำเปรียบเปรยของลำเภา
“เภา...พี่พูดเรื่องเราอยู่นะ อย่ามาเฉไฉ”
“ก็จริงนี่ พี่กริชน่ะ เอาแต่ ว่า..ว่า..ว่า เภาไม่เคยเข้าใจเภาสักนิด ฟังก่อนนะ เภาเพียงแต่รับคำท้าของนายหมาใหญ่ เพื่อทำให้เค้าสำนึกว่าหยามเภาไม่ได้ แต่เภาไม่คิดจะเอาเขามาแฟนจริงๆ”
ริมฝีปากของลำเภามีรอยยิ้มเยาะ
“เภาไม่ได้จะพิศวาสเขาในเชิงคู่รักสักนิด เภาแค่ขอให้ได้แล้วก็จะเตะโด่งกลับคืนไป เภาก็ว่าเค้ากับคุณกรก็สมกันดี เภาไม่คิดจะแย่งมาจริงๆ สักหน่อย เภาแค่อยากทำให้เค้ารู้จักเสน่ห์ของเภาซะบ้าง”
“แค่นั้นเนี่ยนะ เหตุผลของเภา”
“ค่ะ”
“รู้สึกมั้ยว่ามันไม่พอ”
ลำเภาเชิดหน้า
“เหตุผลไม่พอ แต่เภาพอใจก็แล้วกัน”
กริชชัยส่ายหน้าอย่างระอา
“ให้มันได้อย่างนี้สิ น้องฉัน”
“พี่กริชไม่ต้องห่วงเรื่องเภาหรอก ระดับเภาไม่ยอมพลาดท่าเสียที เสียตัวให้เพื่อนพี่กริชเป็นอันขาด”
กริชชัยสะดุ้งเฮือก
“เฮ้ย..นี่เป็นผู้หญิงพูดจาให้มันดีๆหน่อย”
“ก็จริงนี่..คนอย่างเภาถ้าไม่รัก ไม่แต่ง ถ้าไม่แต่งก็อย่าหวังว่าจะได้แอ้ม มือชั้นนี้ ไม่ยอมเสียตัวให้ใครฟรีๆ”
ลำเภายื่นหน้าเข้ามาหากริชชัย แล้วหรี่เสียงพูดลง
“ห่วงแต่ตัวเองเหอะ มีโอกาสอยู่กันสองต่อสองแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำ น้องพูดน่ะหัดฟังกันหน่อย”
ลำเภาพูดประชดกริชชัยแล้วเดินไปคว้าถุงขนมเดินกระแทกเท้าเข้าห้องไปด้วยความไม่พอใจนัก
กริชชัยยืนอยู่คนเดียวกลางห้อง บรรยากาศเงียบกริบ เริ่มกังวลว่า ในห้องที่เขาจะต้องอยู่กับอรุณศรี เพียงสองคนจะเริ่มต้นอย่างไรดี
จังหวะเต้นของหัวใจกริชชัยเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง
อ่านหน้า 2
สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 14 (ต่อ)
อรุณศรีเงี่ยหูแนบกับประตูฟังเหตุการณ์อยู่ในห้องน้ำ เสียงภายนอกเงียบกริบ อรุณศรีจึงรวบรวมความกล้าค่อยๆ เปิดประตูออกมา พอกริชชัยได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ก็รีบเก๊กขรึม กลบความอายทันที
อรุณศรีเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ทำหน้านิ่งเหมือนไม่ได้ยินอะไร กริชชัยแก้เก้อด้วยความเก็บถาดขนม เก็บถุงขนมที่กระจัดกระจายอยู่ อรุณศรีซึ่งคุมอาการได้ดีกว่า มองไปรอบๆ ห้องด้วยความแปลกใจ
“คนอื่นไปไหนกันหมดคะ” อรุณศรีถามขึ้น
“อ๋อ..คือ.. แหนมเค้าอยากกลับบ้านไอ้วัชก็เลยไปส่ง คุณกรไปเปิดร้าน ไอ้ธีก็เลยไปด้วย ส่วนเภาเค้า..พอดีงอนผมนิดหน่อยก็เลยหนีเข้าไปอยู่ในห้อง”
“แล้วฝ้าย”
“อ้อ...คุณฝ้ายก็ไปกับคุณกรเห็นว่าจะไปจ่ายเงินเดือนลูกน้อง”
“จ่ายเงินเดือนลูกน้อง กลางเดือนเนี่ยนะ” อรุณศรีพึมพำ แอบบ่นเพื่อนสาวเบาๆ
“เอ่อ..คุณหิวหรือเปล่า กินอะไรมาหรือยัง” กริชชัยพูดหลังจากที่นึกขึ้นได้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่า คนอื่นกลับกันหมดแล้ว ฉันกลับด้วยดีกว่าค่ะ”
อรุณศรีจะเดินไปหยิบกระเป๋า กริชชัยรีบพูดขึ้น
“ไม่ได้นะครับ”
อรุณศรีชะงัก มองหน้ากริชชัยที่กำลังคิดหาเหตุผล
“คือ...คุณฝ้ายฝากให้ผมดูแลคุณ แล้วก็ไปส่งคุณที่บ้าน ผมก็ต้องทำตามที่รับปากไว้ คุณอุตส่าห์มาร่วมงาน ดื่มน้ำไปแค่แล้วเดียวแล้วกลับ ผมรู้สึกผิดแย่ อยู่ทานอะไรสักหน่อยก่อนนะครับ เดี๋ยวผมทำให้”
“ทำให้ คุณทำกับข้าวเป็นเหรอคะ”
กริชชัยยิ้มอายๆ แล้วก็ส่ายหน้า
“ไม่เป็น แต่ผมมีอาหารแช่แข็ง คุณไปเลือกแล้วผมอุ่นให้ ผมอุ่นอาหารเป็น”
อรุณศรีเผลอตัวยิ้มตามกริชชัย
“นอกจากอาหารแช่แข็งแล้วคุณมีของสดอยู่บ้างมั้ยคะ”
“มีครับ เภาซื้อผัก แล้วก็อะไรก็ไม่รู้มาตุนไว้เต็มตู้เลย กลัวว่าพวกผมจะอดตาย”
“ฉันขอดูหน่อยได้มั้ยคะ เผื่อว่าจะมีอะไรที่ฉันพอจะเอามาทำอาหารได้บ้าง”
“คุณ...ทำอาหาร” กริชชัยแปลกใจ อรุณศรียิ้มนิดๆ.
อรุณศรีหาของในตู้ แล้วจัดการทำอาหารอย่างชำนาญและตั้งใจ ดูง่ายๆ ทว่าคล่องแคล่ว กริชชัยนั่ง
มองตาไม่กระพริบ เผลอมองไปยิ้มไปด้วยความชื่นชม เมื่ออรุณศรีหันมา กริชชัยก็ทำเก้อเป็นหยิบโน่นหยิบ
นี่ กินขนม ดื่มน้ำไปตามประสา อรุณศรี ลวกเส้นพาสต้า และทำซอสแบบง่ายๆ จากของที่มีอยู่
กริชชัยอาศัยทีเผลอนั่งมองแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลง แสงไฟจากห้องกริชชัยสว่างขึ้น เสียงเพลงรักล่องลอยเข้ามาเหมือนกับจะบอกเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ที่กำลังจะเบ่งบาน
อรุณศรีวางจานพาสต้าที่โต๊ะ 2 จาน กริชชัยยืนมองแล้วก็ยิ้มพอใจ
“ไม่คิดว่าคุณจะทำอาหารเป็น น่าทานมาก”
“พี่ชายฉันเป็นเชฟค่ะ นอกจากเป็นหนูทดลองแล้ว ฉันต้องเป็นผู้ช่วยในครัวด้วย ก็เลยทำเป็นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่...หน้าตาดูน่าทาน บางทีมันอาจจะไม่อร่อยก็ได้ ถ้ากล้าพอ ก็ต้องลองเอง” อรุณศรียิ้มพลางส่งส้อมให้
“เรื่องอื่นผมอาจจะไม่กล้า แต่เรื่องนี้ ขอรับคำท้า” กริชชัยเข้ามาล้อมวงชิมพาสต้าฝีมือของอรุณศรี
บรรยากาศแห่งความตื่น เกร็งของทั้งคู่ค่อยๆ จางลง ความสบายเริ่มก่อตัวขึ้น
.
ขณะที่อรุณศรีอยู่ที่ห้องคอนโดของกริชชัย เวลาเดียวกันนั้นปรานต์ยืนอยู่ที่หน้าบ้านอรุณศรีด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง ในมือถือช่อดอกไม้ ปรานต์กระหน่ำกดออดด้วยความไม่พอใจ
“แอ๊วหายไปไหน ? นัดกันไว้แล้วทำไมไม่อยู่บ้าน”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถืออรุณศรีก็ดังขึ้น อรุณศรีหันไปมองกระเป๋าสะพาย แล้วก็หันมาบอกกริชชัย
“สงสัยยัยฝ้ายจะโทร.มาเชคแหงๆ คุณลองได้เลยนะคะ ไม่ต้องรอ”
กริชชัยยิ้มรับ
อรุณศรีเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดู...หน้าจอขึ้นชื่อ “ปรานต์”
อรุณศรีตัดสินใจกดรับสาย
“ปรานต์”
กริชชัยที่กำลังเอร็ดอร่อยกับพาสต้าฝีมืออรุณศรีพอได้ยินชื่อ “ปรานต์” เท่านั้นถึงกับกินไม่ลงในทันที กริชชัยใจหายวาบ.. บรรยากาศแห่งความสดใส งดงามวูบลงตรงหน้า
“แอ๊วอยู่ไหน” เสียงปรานต์โวยวายผ่านมาทางโทรศัพท์
อรุณศรีบอกไม่ถูกว่า ทำไม ทันทีที่ได้ยินเสียงปรานต์ถึงได้เซ็งจับใจขนาดนี้
“อยู่ที่งานเลี้ยงคอนโดเจ้านาย”
ทันทีที่ปรานต์ได้ยินคำว่า “เจ้านาย” เท่านั้น ก็โกรธจัดในทันที
“ไอ้กริชชัยคนเดิมใช่มั้ย นี่แอ๊วไปประเคนให้มันถึงที่ห้องเลยเหรอ”
อรุณศรีชักสีหน้าทันทีที่ได้ยินคำสบประมาท
“มันจะมากไปแล้วนะ แอ๊วมางานเลี้ยง ไม่ได้มาทำอะไรอย่างที่ปรานต์คิด”
อรุณศรีปรายตามามองกริชชัยนิดๆ เหมือนจะขอโทษแล้วก็เดินเลี่ยงออกคุยโทรศัพท์กับปรานต์ไปที่ระเบีย กริชชัยรวบวางช้อนถึงกับกินไม่ลง ได้แต่มองตามอรุณศรีด้วยความเป็นห่วง
“ปรานต์ไม่เชื่อ นี่ขนาดนัดปรานต์ไว้ แอ๊วก็ยังไป ปรานต์มันไม่สำคัญแล้วใช่มั้ย”
อรุณศรียืนอยู่ที่ระเบียงคุยต่อปรานต์เสียงดังใส่โทรศัพท์
“แล้วที่ปล่อยให้แอ๊วนั่งรอทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจนเกือบจะหกโมงเย็น เห็นความสำคัญนักหรือไง”
“แอ๊วอย่ามาหาเรื่อง กลบเกลื่อนเรื่องตัวเองดีกว่า แอ๊วเห็นมันรวยใช่มั้ย ถึงได้ยอมมัน”
อรุณศรีน้ำตาแทบร่วงที่ได้ยินปรานต์พูดเช่นนั้น
กริชชัยเดินไปมาในห้องด้วยความร้อนใจ เพราะอรุณศรีดันปิดประตูกระจกที่ระเบียงด้วย แถมประตูห้องยังเก็บเสียง ทำให้กริชชัยไม่ได้ยินว่า อรุณศรีคุยอะไรกับปรานต์
อรุณศรีทนไม่ได้โพล่งออกไปบ้าง
“แอ๊วไม่ใช่ปรานต์นะ”
ปรานต์สันหลังหวะ ร้อนใจจึงทำเสียงดังใส่กลบเกลื่อน
“ปรานต์เป็นยังไง หือ ปรานต์เป็นยังไง”
อรุณศรีกัดริมฝีปากแน่น...ยังไม่อยากพูด พยายามเก็บไว้ ปรานต์เห็นอรุณศรีเงียบจึงได้ทีรุกไล่เสียงดังขึ้นอีก
“อย่ามาใส่ร้ายปรานต์ดีกว่า ปรานต์รักแอ๊วคนเดียว ไม่เคยมีคนอื่น”
อรุณศรีถึงกับทนไม่ได้กับความปลิ้นปล้อนตอแหลของปรานต์อีกต่อไป จึงระเบิดออกมา
“แล้วที่โกหกว่าไปทำงาน แต่แอบโทรศัพท์นัดกับคนอื่นที่โรงแรม แล้วก็หายไปสองวันสองคืน ถ้าไม่เรียกว่ามีคนอื่น แล้วเค้าเรียกว่าอะไร”
อรุณศรีน้ำตาร่วง หมดความอดทน ปรานต์อึ้งไป..พูดไม่ออก ไม่คิดว่า อรุณศรีจะระแคะระคายในเรื่องนี้ ปรานต์พยายามจะแก้ตัว
“แอ๊วพูดอะไร ปรานต์ไม่รู้เรื่อง นัดใครที่โรงแรม แอ๊ว..เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
อรุณศรีพูดทั้งน้ำตา
“การที่เราเงียบ ไม่ได้แปลว่าเราโง่”
ปรานต์สะอึกพูดไม่ออก อรุณศรีได้ทีพูดต่อทันที
“ที่ผ่านมา..ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร แอ๊วทนได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว เรื่องมีคนอื่น ถ้าอยากไป ก็บอกมาตรงๆ อย่ามาหลอกกัน” อรุณศรีพูดเสียงสั่นน้ำตาร่วง
กริชชัยมองผ่านกระจกออกไปตรงระเบียงเห็นน้ำตาของอรุณศรีก็เกิดความสงสาร ถึงจะไม่ได้ยินว่าอรุณศรีพูดอะไรกับปรานต์ก็ตามที
“ถ้าปรานต์ยังไม่หยุดโกหกก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า แล้วก็หยุดบอกว่ารักได้แล้ว เพราะแอ๊วไม่เชื่อ”
อรุณศรีกดสายทิ้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลมาอย่างสุดจะกลั้น กริชชัยมองด้วยความเป็นห่วง
“แอ๊ว แอ๊ว...แอ๊” ปรานต์ตะโกนเรียกอรุณศรี
ปรานต์รีบโทร.กลับด้วยความหงุดหงิด
“เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถ...” ปรานต์กดทิ้งด้วยความร้อนใจ
ปรานต์หงุดหงิด ฟาดช่อดอกไม้เข้ากับรั้วบ้านอย่างแรง จนช่อดอกไม้หลุดลุ่ย พลางคิดว่า แอ๊วนะแอ๊ว..รู้เรื่องนี้ได้ยังไง
อรุณศรีพยายามจะหยุดร้องไห้ด้วยการเช็ด - ปาดน้ำตาและ กระพริบตาถี่ ไล่ไม่ให้น้ำตาไหล ในยามนี้ อนุณศรีพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง ซึ่งยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น..เสียงเปิดประตูระเบียงก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา อรุณศรีค่อยๆหันมา กริชชัยยืนอยู่ และพูดอย่างสุภาพ
“ผมรู้ว่าคุณอยากอยู่คนเดียว...แต่ผมขอนั่งตรงนี้ได้มั้ย”
อรุณศรีมองหน้ากริชชัย ถามเสียงสั่นๆ ...
“คุณจะมานั่งทำไม”
กริชชัยมองหน้าอรุณศรีแล้วก็พูดออกมาจากใจ
“คุณจะได้ไม่ลืม...ว่าคุณยังมีผมอยู่ข้างๆ”
อรุณศรีถึงกับน้ำตาไหลพร่างร่วง ปล่อยโฮออกมาโดยไม่รู้ตัว กริชชัยมองด้วยความเห็นใจ อยากจะดึงมากอด แต่ก็ไม่กล้า กริชชัยค่อยๆผ้าเช็ดหน้าให้อรุณศรีอย่างสุภาพ อรุณศรีรับมาแล้วก็ร้องไห้ต่ออย่างฟูมฟาย ภาพแห่งความเศร้าที่อวลกรุ่นไปด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจที่แสนงามเกิดขึ้นบนระเบียงแห่งนี้
เพลงที่กริชชัยร้องให้อรุณศรีดังเข้ามาอีกครั้งในความทรงจำอีกครั้ง
กรุงเทพยามราตรี บนถนนสายหนึ่ง รถของเนตรนภัสแล่นอยู่ ภายในรถ เนตรนภัสยังนั่งหน้าเชิดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง วัชระขับรถด้วยความซังกะตาย ใบหน้าซึ่งไร้อารมณ์ใดๆโดยสิ้นเชิง
“วัช..อย่าไปอยู่ที่คอนโดนั่นได้มั้ย แหนมไม่สบายใจ”
“ผมย้ายของเข้าไปแล้ว แหนมก็เห็น”
“ย้ายเข้า ก็ย้ายออกได้ เดี๋ยวแหนมจ้างคนไปย้ายให้เอง”
“อย่าเลยแหนม..มันน่าเกลียด”
“นี่วัชไม่เชื่อแหนมเลยนะ เดี๋ยวนี้แหนมพูดอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย” เนตรนภัสเสียงแข็ง
“ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ แต่เรื่องนี้ผมตัดสินใจไปแล้ว ไอ้กริชมันก็จัดที่จัดทางไว้ให้แล้ว ผมเองก็อยากอยู่กับเพื่อน”
“จะได้มั่วนิ่มไปห้องข้างๆด้วยใช่มั้ย”
“ว่าไงนะแหนม”
“ก็นังผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนโคโยตี้ที่อยู่ข้างห้องนั่นไง จะเนียนล่ะสิ วัชจะจีบมันใช่มั้ย”
“คุณฝ้ายเนี่ยนะ”
“ใช่ !! ไหนจะนังเด็กบ๊องน้องคุณกริชอีก วัชอยากอยู่ที่นั่น เพราะอยากจะได้มันสองคนใช่มั้ย”
วัชระสุดทน เบรกรถที่ขับอยู่ทันที ทำเอาเนตรนภัสหัวทิ่มไปข้างหน้าเล็กน้อย
“ว้าย … วัชจอดทำไม”
“ผมทนให้แหนมดูถูกผมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ผมคงส่งคุณได้แค่นี้ ขอโทษด้วย”
วัชระเปิดประตูลงไปจากรถ พร้อมกับปิดประตูรถดังโครม! ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่ใยดี วัชระแข็งข้ออย่างที่เนตรนภัสไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
“วัช วัช วัช ! แหนมไม่ให้คุณไปนะวัช วัชกลับมาก่อน วัช” เนตรนภัสยังตะโกนไล่หลัง
วัชระเดินฝ่าความมืดของค่ำคืนนั้น โดยมีแสงไฟสว่างข้างถนนนำทางอย่างทระนงหลังความอดทนหมดสิ้น สุดลงแล้ว
เนตรนภัสมองวัชระที่เดินอยู่ข้างถนนด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
กริชชัยแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านเพื่อส่งอรุณศรี
อรุณศรีหันมาขอบคุณกริชชัยทั้งที่ตาสองข้างยังบวมเปล่งหลังผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
ระหว่างที่อรุณศรีกำลังจะลงจากรถของกริชชัย
“เดี๋ยว... แน่ใจนะว่าโอเค” กริชชัย และอรุณศรีหันมา
“ถึงฉันไม่โอเค...ฉันก็ต้องดูแลตัวเองค่ะ”
อรุณศรีรู้อยู่แก่ใจว่า กริชชัยกำลังจะอ้าปากเสนอตัว เธอรีบตัดบททันที
“แค่คุณอยู่เป็น “เพื่อน” ตอนฉันร้องไห้ มันก็มากพอแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
อรุณศรีลงรถไปแล้ว กริชชัยมองตามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ อรุณศรีเดินเข้าบ้านไป ทั้งๆที่จิตใจยังว้าวุ่นจนเกินกว่าจะหันกลับไปมองกริชชัย กริชชัยจำใจต้องขับรถออกไป ทั้งที่ใจยังเป็นห่วง
มุมหนึ่งของหน้าบ้าน รถปรานต์จอดซุ่มอยู่ ปรานต์เห็นเหตุการณ์ที่กริชชัยมาส่งอรุณศรีถึงกับกัดกรามแน่นด้วยความแค้น
“แกไม่มีทางแย่งแอ๊วไปจากฉันได้หรอกเว้ย ไอ้ขี้เก๊ก”
ปรานต์ใช้ความคิดอย่างหนัก เพื่อที่จะช่วงชิงอรุณศรีกลับมาหาตัวเอง ปรานต์ท่องอยู่ในใจว่า “ต้องชนะ แพ้ไม่ได้” เด็ดขาด
กริชชัยขับรถกลับมาที่คอนโดฯ และเดินเข้าห้องอย่างเหนื่อย ทั้งกายทั้งใจ สภาพห้องถูกเก็บอย่างเรียบร้อยแตกต่างจากตอนที่เขาออกไปส่งอรุณศรีโดยสิ้นเชิง กริชชัยรู้สึกแปลกใจ
“ใครทำความสะอาดห้อง”
บนผนังมีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งติดไว้ กริชชัยเดินไปหยิบมาอ่าน
“เภาเก็บห้องให้พี่กริชบางส่วน พรุ่งนี้จะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดที่เหลือ
เภากลับบ้านแล้วนะไม่ต้องเป็นห่วง..ลำเภา”
“กลับบ้าน” กริชชัยได้แต่พึมพำแต่ไม่ค่อยวางใจนัก เพราะรู้จักลำเภาเป็นอย่างดี
ลำเภาเดินเข้ามาแล้วก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านสาดสุรา ฯ ดึกแล้ว ผู้คนมากมายหนาแน่น แต่ละโต๊ะกินดื่มและร้องเพลงคลอตามเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน ลำเภาแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็นก่อนจะก้าวเข้าไปในร้าน
แน่’
ภายในร้านธีธัชกำลังยืนคุยกับสาวบิ๊กอายด้วยท่าทางหนุงหนิง ในร้านกำลังเปิดเพลง “อยากเป็นคนที่ถูกรัก”
“ผมชอบเพลงนี้..เพลงประจำตัวผม” ธีธัชหันไปกระซิบแนบหูสาวบิ๊กอายเพราะเสียงดนตรีในร้านดังมาก
“ เหมือนกันเลยค่ะ แบบนี้เค้าเรียกว่า..ใจตรงกันสุดๆอ่ะ” สาวบิ๊กอายตะโกนบอก
ธีธัชยิ้มกริ่มในใจกับเหยื่อที่กำลังจะติดเบ็ด
สุพรรณิการ์ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ มองภาพที่ธีธัชกำลังหลีสาวบิ๊กอาย แล้วก็หันมาถามกรกนก ที่กำลังคุมงานอยู่ว่า
“คุณกรเห็นคุณธีหลีหญิงแบบนี้ไม่คิดจะอาละวาดบ้างเหรอ”
กรกนกเงยหน้าไปมองนิดนึง ดวงตาว่างเปล่า แล้วก็หันมาทำงานต่อ
“ธีเค้าเป็นคนแบบนี้ มันเป็นธรรมชาติของเค้า อาละวาดไปก็เท่านั้น”
“ไม่หึงเหรอ” สุพรรณิการ์อยากรู้
“ มันเลยจุดนั้นไปแล้วค่ะ” กรกนกยิ้มนิ่ง
“คุณกรเทพอ่ะ..ทนได้ไง ถ้าเป็นฝ้ายน่ะ ตายสถานเดียว ไม่มีทางปล่อยให้ไปเลื้อยใส่คนโน้นคนนี้แน่นอน ถ้าคิดจะคบก็ต้องเลือกฝ้ายคนเดียว ถ้าไม่เลือกก็เลิก”
“ถ้าคิดแบบนั้น..คงเลิกกันไปนานแล้วค่ะ เพราะคนอย่างธีไม่มีวันจะเลือกใคร..นอกจากเค้าเหนื่อย แล้วก็อยากจะหยุดเอง”
“โห..แล้วจะหยุดเมื่อไหร่คะเนี่ย”
กรกนกเหลือบไปเห็นว่าลำเภาเดินเข้ามาพอดี..กรกนกพูดเหมือนปลงๆ ทำใจรับความเจ็บ
“ไม่ใช่หยุดเมื่อไหร่ .. แต่จะหยุด “กับใคร” มากกว่า”
สุพรรณิการ์ไม่เข้าใจคำพูดของกรกนก เมื่อเธอเห็นว่า กรกนกกำลังมองบางสิ่งอย่างไม่วางสายตา จึงมองตาม
สิ่งที่สุพรรณิการ์ตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เห็น
“ลำเภา “ สุพรรณิการ์อุทานด้วยเสียงอันดัง
ลำเภาก้าวเดินอย่างมั่นใจเข้ามาในร้าน ลำเภากวาดสายตาไปทั่วทุกบริเวณภายในร้าน เพื่อค้นหาเป้าหมายสำคัญ แววตาของลำเภาประหนึ่งเหยี่ยวที่กำลังจ้องจะตะครุบเหยื่อ และมุมหนึ่ง เธอก็พบ … ลำเภาแสยะยิ้มโละพุ่งตรงไปที่โต๊ะนั้นทันที
ธีธัชยังคุยหนุงหนิงกับสาวบิ๊กอายอย่างไม่รู้ชะตากรรม
“เลิกร้านแล้ว เราไปหาของอร่อยๆกินกันมั้ย ผมรู้จักร้านนึงอร่อยมาก กินยังไงก็ไม่อ้วน”
“กินอะไรอ่ะ ? กินแล้วไม่อ้วน”
“ก็กินแล้วออกกำลังกายไง กินยังไงก็ไม่อ้วน”
สาวบิ๊กอายขำคิกคักอย่างรู้ทันและถูกใจ ธีธัชยิ้มกว้างเห็นสวรรค์ลอยอยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้นเสียงลำเภาก็ดังขึ้น
“จีบกันอยู่เหรอ”
ธีธัชสะดุดหุบยิ้มจากสาวบิ๊กอายหันขวับมาทางต้นเสียง ลำเภายืนอยู่ในระยะประชิด
“เฮ้ย ยัยหนูตะเภามาได้ไง”
“มาแท็กซี่ ฉันจะไปนั่งรอตรงโน้นนะ” ลำเภาพยักเพยิดไปที่โต๊ะว่าง
“จีบกันเสร็จเมื่อไหร่ก็ไปหาแล้วกัน .. อ้อ..แล้วคืนนี้ไปส่งที่บ้านด้วยนะ” ลำเภาพูดต่อ
ลำเภาหันมาทางสาวบิ๊กอาย
“ของแบบนี้มันแบ่งๆกันได้ ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ”
ลำเภาพูดจบก็เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวที่ว่างอยู่
สาวบิ๊กอายถึงกับงง จับต้นชนปลายไม่ถูก
“ครายอ่ะคะ”
“คน..บ้ามั้ง ผมก็ไม่รู้จักเหมือนกัน สงสัย..จะทักคนผิด แหะๆ” ธีธัชแก้ตัว
ธีธัชพยายามจะกลบเกลื่อนทำเป็นไม่สนใจลำเภา จนเมื่อลำเภาบรรจงค่อยๆถอดแว่นตาสายตา แกะผมที่รวบไว้และจงใจสะบัดไปมาด้วยลีลาเซ็กซี่ ลำเภาเพิ่มความเร่าร้อนให้กับตัวเองด้วยการถอดเสื้อคลุม จนเหลือแต่เสื้อกล้ามสุดวาบหวิว ยิ่งเวลาที่มีแสงไฟว่งล้ออยู่ข้างกาย ลำเภาดูสวยเก๋ โดดเด่นกว่าหญิงคนใดในร้าน ธีธัชแอบจ้องมองอยู่อย่างไม่วางตา
การแปลงโฉมเพียงชั่วเวลาไม่กี่นาที ทำให้หนุ่มโต๊ะข้างๆหันมาจ้องมองลำเภาตาเป็นมัน ธีธัชแอบกลืนน้ำลายลงคอไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นในร้าน ลำเภาสะใจที่เห็นหนุ่มๆ กะลิ้มกะเหลี่ยทางสายตามาทางเธอ
ในขณะที่ธีธัชยกน้ำในแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเพื่อดับความร้อนรุ่มภายในใจ
อ่านต่อตอนที่ 15
ติดตามอ่านเรื่องราว "3หนุ่มเนื้อทอง" อย่างเต็มอิ่ม ละเอียดทุกบทสนทนา ทุกลมหายใจของตัวละคร สมบูรณ์ที่สุด และตรงตามบทโทรทัศน์ช่อง 3 ตั้งแต่ต้นจนอวสาน โดยไม่มีการตัดทอน ทุกวันทาง "ละครออนไลน์"