นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 14
รามเดินเข้ามาในบ้านปองธรรม เห็นธิดาถึงบ้านแล้วก็โล่งใจ แต่พอธิดาเห็นรามก็แค้นปาข้าวของใส่ทันที
“ไปมั่วกับนังเมจนสมใจแล้วสิท่า ถึงได้กลับมาได้”
“คุณเข้าใจผิด”
“ฉันเห็นอยู่กับตา ว่านายทิ้งฉันไปกับมัน ยังจะบอกว่าฉันเข้าใจผิดอีกหรือ”
“ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับเขา”
“เรื่องอะไร”
รามอึ้งๆ ไม่อยากเล่าเรื่องแม่พูดปัดไป
“วันนี้ผมเหนื่อยมาก ไว้ค่อยเล่าวันหลังก็แล้วกัน”
“ไม่ได้ นายต้องเล่าเดี๋ยวนี้...บอกมานะว่านายยังมีเยื่อใยกับมัน คิดจะเลี้ยงดูมันอีกคนใช่มั้ย”
ธิดาหยิกทึ้ง รามจับมือไว้
“พูดไปก็ไม่รู้เรื่องไว้ให้คุณอารมณ์ดีกว่านี้ เราค่อยคุยกันก็แล้วกัน”
รามเดินออกไป ธิดายิ่งเดือด
“ราม จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
ธิดาเดินตามแค้นจัด เห็นรามไปที่รถ
“หยุดนะราม ห้ามออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียวนะ ไม่งั้นฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
รามไม่หยุดเปิดประตูรถ ธิดาหันไปสั่งพวกเย็นที่ได้ยินเสียงเลยออกมาดูอยู่
“มัวยืนทำบื้ออะไรอยู่ จับรามไว้สิ อย่าให้เขาออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว”
เย็นอึ้งหันไปเห็นรามหน้าเครียด เย็นไม่กล้า รามขึ้นรถขับออกไป ธิดากรี๊ดใส่เย็น
“ฉันบอกให้แกจับตัวเขาไว้ ทำไมไม่จับ ไอ้โง่”
ธิดาหันรีหันขวาง เห็นปืนที่พุงเย็น ดึงออกมา จ่อเย็น
“ไปสิ”
เย็นอึกอัก ธิดาโมโห ยิงขู่ ลงพื้น
“ฉันบอกให้ไปไง”
เย็นโดดหลบหยองแยง
“อย่าครับ...อย่าทำผมเลย คุณเทเรซ่า”
ปองธรรมได้ยินเสียงปืน ออกจากบ้านมาดู
“เกิดอะไรขึ้น แล้วนั่นรามไปไหน”
ธิดาแค้น ฟ้องปองธรรม
“รามหนีลูกไปหานังเมค่ะคุณพ่อ”
ปองธรรมแปลกใจ
“นี่มันยังไม่ตายเหรอ”
“ยังค่ะ นังนี่มันคงดวงแข็งแถมหนูยังเห็นมันอยู่กับพี่เทพด้วย”
ปองธรรมอึ้งคิด
“ต้องเป็นมันแน่ๆ ที่ทำให้ตาเทพเปลี่ยนไป”
ธิดาเริ่มวิตก
“หนูกลัวมันบอกรามจังเลยค่ะคุณพ่อ ว่าเราเล่นงานมันที่ไร่”
“พ่อไม่ปล่อยให้มันได้อยู่ถึงวันนั้นหรอก ส่วนรามถ้ามันเลือกที่จะเชื่อนังเมแล้วทำให้ลูกเสียใจพ่อก็จะส่งมันไปลงนรกด้วยกันเลย”
ธิดาหน้าซีด
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่คุณพ่อจัดการนังตัวมารให้เรียบร้อยก็พอ ส่วนรามหนูจัดการเอง”
ธิดาคิดถึงรามด้วยความรัก บวกความแค้นและอยากเอาชนะ
เมขลาแกะข้าวต้มให้ทรงวาดอยู่ในครัว เทวัญเดินเข้ามาหา
“ให้ผมช่วยนะครับ”
เทวัญจะยกไปให้ทรงวาด เมขลาจับมือเขาไว้
“แต่คุณช่วยฉันมามากแล้ว ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงดี”
“ผมแค่ช่วยคุณยกถ้วยข้าวต้มไปให้คุณแม่เองนะครับ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้เท่านั้น แต่รวมทั้งเรื่องที่คุณพยายามช่วยฉันเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งๆที่คุณไม่มีเงินเลย แล้วไหนจะเรื่องที่คุณย้ายออกจากบ้านพ่อเลี้ยงอีก”
เทวัญตกใจ
“คุณรู้ได้ยังไง”
เมขลาหน้าสลดละอายใจ
“ฉันตั้งใจจะเอาแหวนวงนี้ไปจำนำ แต่ไปเจอคุณเสียก่อน เลยแอบตามคุณไป คุณทำแบบนี้ทำไมคะคุณเทวัญ”
เทวัญกุมมือ เมขลาอึ้งคิดไม่ถึง
“ถ้าคุณไม่รู้ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าเพราะผม...”
เทวัญยังพูดไม่จบเสียงโรสดังขัดขึ้นเสียก่อน
“นี่แกไปแกะข้าวต้มใส่ถ้วย หรือไปปลูกข้าวยะนังเม”
เมขลารีบชักมือออก เผลอไปปัดชามข้าวต้มตกแตก
“ว้าย”
โรสโผล่หน้าเข้ามาดูอย่างเซ็งๆ
“แกเป็นอะไรของแก ทำไมถึงได้ขวัญอ่อนนัก”
“ก็ใครให้แกพูดเสียงดังจนฉันตกใจทำไมล่ะ” เมขลาหันไปบอกเทวัญ “ฉันออกไปซื้อข้าวต้มใหม่ให้คุณแม่ก่อนนะคะ”
เมขลารีบออกไป โรสงง เทวัญมองตามเมขลาอย่างเสียดายโอกาส
เมขลาเดินออกมาอย่างสับสน หันไปมองในบ้านเครียดๆ
“ขอโทษนะคะคุณเทวัญที่ฉันต้องแกล้งโง่ ทำเป็นไม่เข้าใจคุณ แต่ฉันให้คุณได้แค่ความเป็นเพื่อนจริงๆ เพราะถึงคุณรามจะร้ายกาจสักแค่ไหน แต่เขาก็เป็นสามีของฉัน”
เมขลาสูดลมหายใจลึกยาว บังคับให้ตัวเองเดินออกไปท่ามกลางแสงสลัวในตรอกเหมือนชีวิตเมขลาตอนนี้ที่มืดมน
เสียงเคาะประตูดังขึ้น รุจอยู่ในชุดนอน แอบเซ็ตผม ฉีดน้ำหอมที่คอ กับปากแล้วขม เบ้หน้าแหวะก่อนจะรีบเดินมาเปิดประตู
“I’m comingมาแล้วจ้ะฮันนี่ทำไมยูมาช้าจัง...ว้าย”
รามใส่หมวกปิดๆสวมแว่นดำอำพรางกลัวรปภ.เห็นเพราะรู้ว่าภาคภูมิมาแจกรูปไว้แล้วมองซ้ายขวาแล้วดึงแว่นออก รุจมองอย่างแปลกใจ
“นี่...คุณเองหรือ”
“ผมมาหาเมขลา”
“ยายเมไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ”
รามส่ายหน้า รุจมองขาราม
“เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เหมือนกัน แล้วนี่คุณหายดีแล้วหรือ”
“หายแล้วครับ” รามมองๆ ด้านในห้องคิดๆ “ผมลืมของไว้ ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย”
รุจพยักหน้างงๆหลีกทางให้รามเข้าไปในห้อง รามเดินไปเปิดห้องน้ำดู เห็นเรียบร้อยไม่มีอะไร รามมองที่เตียงเห็นเตียงตึงเรียบ ไม่มีรอยคนนอน รามเครียด รู้แน่ว่าเมขลาไม่ได้พาแม่ มาไว้ที่นี่แน่ รุจเข้ามามองๆ
“เจอมั้ย”
รามส่ายหน้า ทันใดนั้นมีเสียงเคาะห้องดังขึ้น รามคิดๆว่าอาจเป็นเมขลา
“คุณไปเปิดเถอะ ขอผมดูอีกรอบ”
รุจพยักหน้า ไม่สงสัย รามแอบซุ่มดูลุ้นๆ แต่กลายเป็นเรืองฤทธิ์กับจักรยืนที่ประตู รุจเปิดออกเห็นทั้งคู่ รุจงงๆจำเรืองฤทธิ์ไม่ได้
“มีอะไรครับ”
“เมขลาอยู่ที่นี่ใช่มั้ย” เรืองฤทธิ์ถามเสียงแข็ง
รามเดินออกมา
“เมไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกครับอา”
รุจงงสุดๆจับแขนรามไว้
“เดี๋ยว! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ พวกคุณตามหานังเมมันทำไม”
“เมลักพาตัวคุณแม่ผมไป”
รุจอ้าปากค้าง
“เป็นไปไม่ได้ เมรักคุณแม่คุณจะตาย”
รามอึ้ง เรืองฤทธิ์ยิ้มเยาะ
“รักพี่วาดหรือรักสมบัติของพี่วาดกันแน่”
รุจส่ายหน้าว่าไม่จริง รามไม่สน
“ถ้าคุณได้ข่าวเม ก็รีบโทรบอกผมด้วย ไม่อย่างนั้นเพื่อนคุณได้ไปนอนเล่นในคุกแน่”
รามออกไปกับเรืองฤทธิ์และจักร รุจอึ้งงงไม่อยากเชื่อ
รามรีบเดินก้มๆหน้ากลัวคนเห็นมาที่ลานจอดรถ
“ไปคุยกันในรถอานะครับ”
รามรีบเปิดประตูด้านหลังเข้าไป เรืองฤทธิ์กับจักรมองงงๆว่ารามหลบๆอะไรของมัน
“คุณรามทำเหมือนไปทำอะไรผิดมา ดูหลบๆซ่อนๆชอบกล” จักรถามเรืองฤทธิ์เบาๆ
“ฮึ...มันคลุกอยู่กับพวกนักเลงหัวไม้ ไม่หลบตำรวจก็คงไปมีเรื่องขัดหูขัดตาใครเข้า”
เรืองฤทธิ์เดินไปขึ้นนั่งท้ายรถ
“รามแน่ใจนะว่าเมไม่ได้อยู่ที่นั่น”
“ครับ...ที่นั่นแคบนิดเดียว ผมดูแล้ว ยังไงก็ไม่มีแน่ๆ แล้วทางอาได้ข่าวคราวอะไรของคุณแม่บ้างมั้ยครับ”
เรืองฤทธิ์ส่ายหน้า
“อาไปทุกที่ที่คิดว่าเมขลาน่าจะพาพี่วาดไปแล้ว แต่ก็คว้าน้ำเหลว”
“แต่ยังมีอีก 2-3 ที่ ที่เรายังไม่ได้ไปนะครับคุณฤทธิ์” จักรพูดขึ้น
“ที่ไหน”
เมขลาหิ้วถุงอาหารเข้ามาให้ทรงวาด เสียงมือถือดังขึ้น
“เอ๊ะ...ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะเสียซะแล้ว” เมขลากดรับสาย “ฮัลโหล”
เสียงรุจดังขึ้นทันที...
“นี่ฉันเอง แกมัวแต่ทำอะไรอยู่ยะ ปิดมือถือทำไม”
“ไม่ได้ปิด แต่มือถือฉันมันเสียชั่วคราวน่ะ ติดๆ ดับๆ ชอบกล แล้วนี่แกโทรจากไหนน่ะ”
“ก็จากห้องฉันสิยะ รู้มั้ยวันนี้ผัวแกมาตามหาแกที่นี่ด้วย”
เมขลาตกใจ
“ฮะ! คุณรามไปที่นั่นเหรอ”
“ไม่ได้มาเปล่านะยะ มาค้นห้องฉันเสียละเอียดยิบเลย คุณอาของเขาก็มาด้วย เขาบอกจะเอาแกเข้าคุกด้วยนะเพราะแกขโมยแม่เขาไป จริงรึเปล่าฮึนังเม”
เมขลาซีดไม่ตอบ รีบคิดๆ เผ่นพรวดเข้าบ้าน
“เม...นังเม แกได้ยินฉันหรือเปล่า แกทำอะไรอยู่ทำไมไม่ตอบ”
เมขลารีบไปบอกให้เทวัญพาทรงวาดหนี สองคนช่วยกันประคองทรงวาดขึ้นแท็กซี่ โรสยืนมองมึนๆงงๆ
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เม ทำไมแกถึงต้องพาคุณแม่ออกไปดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ด้วย”
“ฉันจะอธิบายทีหลัง แต่แกต้องสัญญาก่อนว่า ถ้าใครมาถามหาคุณแม่กับฉันหรือคุณเทวัญ แกต้องปิดปากเงียบ โอเคมั้ย”
“ถ้าทำแบบนั้นแล้วฉันจะเดือดร้อนไปด้วยมั้ยอ่ะ” โรสอิดออด
ทรงวาดบีบแขนโรส
“ทำตามที่เมบอกเถอะหนู แม่รับรองว่าถ้าเรื่องนี้จบเมื่อไหร่ แม่ จะสมนาคุณให้หนูอย่างคิดไม่ถึงเลย”
โรสดีใจตาโต
“คุณแม่ใจดีแบบนี้หนูก็ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่อยู่แล้ว...” โรสหันไปหาเมขลา “แต่ตกลง แกหนีใครอ่ะ”
“คนบ้าน่ะ เขาพูดอะไรแกอย่าไปเชื่อนะ”
โรสพยักหน้า ทรงวาดหนักใจ เทวัญก็ไม่สบายใจ รถแท็กซี่แล่นออกมาจากบ้านโรสสวนกับรถรามที่ขับเข้ามา โรสกำลังล็อกประตูบ้าน รถรามแล่นมาจอดหน้าบ้าน โรสมองๆ รามลงจากรถมาหา
“ผมมีธุระกับเม เขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“อูย นังเมมันจะมาอยู่บ้านฉันทำไม มันก็ไปอยู่กับแฟนมันสิ”
รามชักหึง
“แฟนที่ไหน ก็ผมเป็นสามีเขา”
โรสมองไม่อยากเชื่อ
“อย่ามาโม้เลย ฉันเจอเมทีไรมันก็อยู่กับคุณเทวัญทุกที แล้วมันจะเป็นแฟนคุณได้ยังไง”
โรสจะเดินหนี รามเครียด เขย่ารั้ว
“คุณ...เดี๋ยวสิ คุณรู้มั้ย ว่าเมอยู่ที่ไหน เขาลักพาตัวแม่ผมไปนะ”
โรสอึ้ง ก่อนฝืนเชิดใส่ รามเห็นพอดี
“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไปให้พ้น”
“ผมไม่เชื่อ ไปเรียกเมออกมานะ เขามีคุณเป็นเพื่อนสนิท ไม่อยู่กับคุณจะไปอยู่กับใคร”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง”
โรสเดินเข้าบ้านไปเลย รามเซ็ง เตะรั้วปัง
“โธ่โว้ย...”
เสียงมือถือรามดัง รามชะงัก หยิบมามองเห็นเป็นเบอร์เรืองฤทธิ์ก็กดรับสาย เรืองฤทธิ์ถามเรื่องเมขลา รามบอกว่ายังไม่พบตัว
เรืองฤทธิ์กดปิดมือถือหน้าเครียดๆ จักรเฝ้ามองอยู่
“ไอ้รามเจอนังตัวดีหรือยังครับคุณฤทธิ์”
“ยัง...แต่ฉันว่าลองถ้ามันไม่ได้อยู่กับเพื่อนก็ต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ”
“งั้นให้ผมไปจัดการกับมันเลยดีไหมครับ”
“อย่าเพิ่ง ที่นั่นไม่เหมือนที่อื่นแกก็รู้”
“แต่ถ้านังเมกับอีแก่ ฉวยโอกาสนี้ไปแจ้งความเล่นงานเราล่ะครับ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันลงแจ้งความไว้แล้ว ถ้ามันคิดจะแจ้งความก็เท่ากับวิ่งไปหาคุกชัดๆ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย ผมคิดว่าคุณฤทธิ์จะเชื่อไอ้รามบอกซะอีก”
จักรมองเรืองฤทธิ์อย่างนับถือ
ไฟในบ้านโรสดับทีละดวงๆ จนมืดสนิท รามมองแค้นๆ
“เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณกับเพื่อนคุณรวมหัวกันหลอกผมหรือเปล่า”
รามหยิบแว่นมาสวม เห็นภาพบ้านโรสผ่านแว่นตา ข้างๆ แว่นขึ้นเป็นพิกัด GPS ว่าอยู่ลองติจูด ละติจูดเท่าไหร่ เขาคุยกับยงยุทธผ่านแว่น
“จากตำแหน่ง GPS ที่ผมให้ไป คุณเจอสัญญาณมือถือเบอร์ที่บอกไหม”
จอคอมพิวเตอร์แสดงแผนที่กรุงเทพฯ ผ่านดาวเทียมเห็นมีจุดแดงๆ ของมือถือเมขลาปรากฏขึ้น เห็นพิกัดชัดขึ้นแต่คนละที่กับบ้านโรส ยงยุทธมองในแผนที่ตรงพิกัดที่รามบอกแต่ไม่เห็น
“ไม่มีนะครับ แต่ผมจะลองค้นหาสัญญาณมือถือเครื่องนี้ให้ผู้กองอีกครั้ง”
ยงยุทธคลิกหาพิกัดหน้าจอคอมฯ เห็นวงกลมๆ สีเขียวๆ ค่อยๆ search กระจายออกไป จากบ้านโรส แล้วกระทบกับจุดแดงๆ เห็นกระพริบอยู่ ยงยุทธดีใจ
“เจอแล้วครับผู้กอง...อยู่ที่...”
ยงยุทธจะบอก GPS แต่ยังไม่ทันบอก
“อ้าว...ดับไปอีกแล้ว เลยได้พิกัดไม่ครบเลย”
“งั้นผมจะลองขับรถวนหาจากพิกัดคร่าวๆ ที่ดาบบอกเอง”
“เดี๋ยวสิครับผู้กอง เป้าหมายของผู้กองเป็นใครครับ”
สัญญาณสายว่างเข้ามา ยงยุทธคิดๆ
“ผู้กองให้เราตามตัวใครวะ”
เมขลากับเทวัญพา ทรงวาดมาหาละมุนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...
“เรื่องที่หนูฝากคุณแม่ไว้กับน้ามุน น้ามุนช่วยเก็บเป็นความลับให้หนูด้วยนะคะ แล้ววันหลังหนูจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง” เมขลาบอกเครียดๆ
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะจ้ะ คุณทรงวาดอุปถัมภ์เด็กๆ ที่นี่มามาก ให้น้าทำอะไรเพื่อท่านก็ได้ทั้งนั้น”
ละมุนมอง ทรงวาดที่นอนบนเตียง
“ขอบคุณละมุนมากนะ” ทรงวาดเอื้อมมือมาบีบมือละมุนมองซาบซึ้ง
เมขลาเลี่ยงออกไปเดินเข้าไปหาเทวัญ โดยไม่รู้ว่าเขานั่งหลับอยู่
“คุณเทวัญคะ”
ละมุนตามเข้ามามองๆ
“เพื่อนของหนูคงเหนื่อยมาก ถ้ายังไงคืนนี้นอนที่นี่ก็แล้วกันนะ”
“หนูไม่อยากทำให้น้ามุนเดือดร้อนมากไปกว่านี้”
“ทำไมพูดเหมือนเป็นคนอื่นไปได้ ห้องหับเรามีเหลือเฟือ ไปจัดการปูที่หลับที่นอนให้คุณเทวัญเสียเถอะ”
เมขลายิ้มขอบคุณละมุนก่อนไป
ธิดาเข้ามาที่ห้องพักรามยืนพิงกรอบหน้าต่างหน้าเครียดอยู่ สักครู่ก็กลั้นใจกดมือถือในมือโทรหาราม...
รถรามติดไฟแดงอยู่เขาพยายามนึกๆ
“นอกจากบ้านเพื่อนสนิทแล้ว คนอย่างยายนั่นน่าจะพาคุณแม่ไปไหนได้บ้างนะ”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงมือถือดังขึ้น รามหลุดจากความคิด หันมา หยิบมือถือขึ้น เห็นชื่อธิดาก็คิดๆ ก่อนตัดใจ กดตัดสายทิ้ง ปิดมือถือไปเลย...ธิดาโมโหปามือถือทิ้ง
“บ้า...บ้าที่สุด กล้าไม่รับสายฉันรึ หรือว่าฉันต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับนายแล้ว”
ธิดาลุกขึ้นตาวาว
เมขลาเดินเข้าไปในห้องทรงวาด จะล้มตัวลงนอนบนฟูกที่ปูข้างๆ ทรงวาดรู้สึกตัวตื่น เพ่งมองมา
“ยังไม่นอนหรือหนู”
“กำลังจะนอนแล้วค่ะ นี่คุณแม่นอนไม่หลับหรือคะ ให้หนูอุ่นนมให้สักแก้วดีไหม”
“ไม่ต้องหรอก แค่นี้แม่ก็ทำให้หนูยุ่งยากพออยู่แล้ว”
“หนูอยากตอบแทนบุญคุณแม่อยู่แล้ว คุณแม่อย่าคิดมากเลยค่ะ”
“แต่แม่ไม่สบายใจเลยที่เป็นต้นเหตุทำให้ทุกคนเดือดร้อน ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ หนีฤทธิ์กันหัวซุกหัวซุนแบบนี้”
“เรื่องนั้นหนูกำลังหาทางออกอยู่ คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ผ่านช่วงนี้ไป ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น”
“แต่หนูจะกินจะอยู่ยังไง งานการก็ไม่ได้ทำ...เอายังงี้ดีไหม หนูไปหาใบถอนเงินมาให้แม่ แม่จะเซ็นเบิกให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง”
เมขลามองแหวนแต่งงาน ทรงวาดมองตาม รู้แกวจับมือ
“ถ้าเงินที่หนูพูดถึงมาจากการขายแหวนวงนี้ล่ะก็ แม่ขอห้ามเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
ทรงวาดบีบมือ เมขลาอึ้งไป
“คุณแม่ !”
จู่ๆทรงวาดก็มีหน้ามืดนิดๆ แต่ไม่ถึงกับเป็นลม เมขลารับทันยิ่งตกใจ
“คุณแม่ เป็นยังไงบ้างคะ ให้หนูพาไปหาหมอมั้ย”
ทรงวาดส่ายหน้า ท่าทางอิดโรย
“หนูรับปากแม่ก่อนสิ ว่าเป็นตายยังไงหนูก็จะไม่ขายแหวนวงนี้เด็ดขาด”
“ค่ะ...หนูสัญญา”
ทรงวาดพอใจ ค่อยนอนหลับ เมขลาถอนใจอย่างหนักใจ ก่อนจะล้มตัวนอน
อ่านต่อหน้า 2
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 14
เช้าวันรุ่งขึ้น...รามขับรถมาจอดหน้าสถานเลี้ยง เด็กหยิบแว่นมาสวมกดยิงเลเซอร์เช็ครหัส จีพีเอส รามเห็นตัวเลขจีพีเอสของสถานเลี้ยงเด็กใกล้เคียงกับที่ยงยุทธบอก
“ต้องเป็นที่นี่แน่ๆ พิกัดจีพีเอสใกล้เคียงกับที่ดาบบอกที่สุดแล้ว”
รามเปิดประตูรถลงมาอย่าง เครียดปนแค้น
“อยากจะรู้นัก ว่าคราวนี้คุณจะหนีผมไปได้ยังไง”
รามลงไปกดกริ่ง...เสียงกริ่งดังก้อง เทวัญเดินไปมองแล้วอึ้งเมื่อเห็น รามยืนอยู่นอกรั้ว เมขลาเข้ามามอง
“ใครมาแต่เช้าคะคุณเทวัญ”
“คุณรามครับ”
เมขลามองไป คิดๆ เห็นรามมาคนเดียวก็โล่งใจ
“ให้เขาเข้ามาเถอะค่ะ ฉันกำลังอยากให้เขาได้ฟังจากปากคุณแม่อยู่พอดี ว่าอาฤทธิ์ทำอะไรกับท่านเอาไว้บ้าง”
เทวัญจับเมขลาไว้
“คุณไม่กลัวเขาจะไม่เชื่อ แล้วหาว่าคุณแม่เลอะเทอะหรือ”
“เราต้องเสี่ยงค่ะ ฉันสงสารคุณแม่ ไม่อยากให้คุณแม่ต้องคอยหนีไปตลอดแบบนี้อีกแล้ว แล้วตอนนี้ไม่มีพวกนั้นอยู่ด้วย คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
เมขลาออกไป เทวัญมองอย่างเป็นห่วง เมขลาเดินออกไปสบตากันอึ้งๆ กันไปรามทั้งรักทั้งแค้น เมขลาก็เสียใจที่รามไม่เคยเชื่อตัวเองเลย
“ที่นี่ใช่มั้ย ที่คุณซ่อนแม่ผมเอาไว้”
“แหม พูดยังกะว่าแม่คุณเป็นเด็กๆที่ฉันจะพาไปเล่นซ่อนแอบได้ง่ายๆงั้นแหละ พูดเป็นหนังการ์ตูน”
“แล้วทำไมคราวก่อนบอกว่า พาแม่ผมไปหลบอยู่บ้านหลังหนึ่ง ยอมรับทำไมว่าพาแม่ผมไป”
“ก็เล่นเอามีดมาขู่ฉันซะขนาดนั้น ฉันก็ต้องรับไปมั่วๆก่อนใครจะคิดว่าคุณจะเชื่อคนง่าย”
รามยิ่งโมโห
“คุณ!”
รามชี้หน้า เมขลามองจ้องตอบ รามยอมลดมือลงยอมๆไปก่อนเพื่อหวังเจอแม่
“ก็ได้ เรามาตกลงกันดีๆ ถ้าผมได้เจอแม่ ผมจะยอมทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง”
เมขลาคิดๆ เหมือนอยากจะบอกเธอกวาดตามองด้านหลังของเขา ว่าเขามาคนเดียวแน่หรือเปล่า
“ว่าไง ผมพูดคำไหนคำนั้น อยากได้อะไรผมให้หมด”
ขณะเมขลาจะอ้าปากพูด เธอก็เห็นรถเรืองฤทธิ์แล่นมา
“ทำไมสองคนนี่ถึงมาที่นี่ได้”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง ถ้าพูดกันดีๆไม่รู้เรื่องก็คงต้องใช้กำลังกันแล้ว เปิดประตูบ้าๆ นี่เดี๋ยวนี้นะเม...เม”
รามเขย่าประตู เมขลาไม่เปิด ถอยห่าง เรืองฤทธิ์ลงจากรถ
“เปิดประตูเถอะหนูเม แล้วหนูอยากได้เงินเท่าไหร่ก็เอาไป อาขออย่างเดียว ให้หนูคืนพี่วาดให้พวกเรา”
เรืองฤทธืทำใจดีสร้างภาพ เมขลามองหยัน
“คิดจะรวมหัวกันขู่หนูหรือ หนูขอบอกอีกครั้ง ว่าหนูไม่รู้"
“ถ้าหนูไม่คืนพี่วาดให้เรา หนูได้ติดคุกฐานลักพา กักขัง หน่วงเหนี่ยวแน่” เรืองฤทธิ์ขู่
เมขลาชะงัก รามก็อึ้งไป ทันใดนั้นเสียงละมุนดังขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เข้ามาดูเองก็แล้วกัน ว่าคุณทรงวาดอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
ทุกคนมองไปเห็นละมุนออกมาหน้าเครียดๆ เมชลามองละมุนคาดไม่ถึง ละมุนบีบมือเมขลาให้กำลังใจ ก่อนไปไขประตูให้พวกราม
พวกรามเดินตามละมุนไปตามห้องต่างๆ แต่ไม่เห็นทรงวาดเจอแต่เด็กกำพร้านอนหลับบ้าง เล่นอะไรอยู่คนเดียวบ้าง ระหว่างทาง เมขลาลุ้นๆ เครียดๆ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าทรงวาดอยู่ไหน...รามเดินมาถึงห้องเก็บของแล้วชะงักมอง เรืองฤทธิ์เห็นประตูห้องคล้องกุญแจไว้
“นั่นห้องอะไร”
“ห้องเก็บของ” เมขลาบอก
รามหันมาหาละมุน
“ช่วยเปิดให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ”
ละมุนอึกอัก
“ถ้าป้าไม่เปิดให้เราดูวันนี้ เดี๋ยวป้าก็ต้องเปิดให้ตำรวจดูอยู่ดีแหละ” จักรขู่
เมขลาชักเดือด ขึงตาใส่จักร
“นี่นายขู่น้ามุนหรือ”
ละมุนจับมือเมขลาปรามๆ
“ไม่เป็นไรหรอกหนู เขาอยากดูก็ให้ดูไป”
ละมุนเปิดห้องออก เห็นเป็นห้องเก็บของ ด้านในมี หุ่นมาสคอตวางไว้ 3-4 ตัวตัวใหญ่ พอที่คนเข้าไปซ่อนได้ เมขลาโล่ง
“หุ่นพวกนั้นมีไว้ทำไม” รามถามอย่างสงสัย
เมขลามองหน้าราม
“เอาไว้จัดวันเกิดให้เด็กๆ คุณสงสัยอะไร”
รามไม่ตอบฉุกใจตามสัญชาติญาณตำรวจ เดินเข้าไป ทันใดนั้นเสียงมือถือของเขาดันดังขึ้นเสียก่อน
รามชะงัก หยิบมอง เห็นเป็นสายธิดารามเซ็ง แต่ต้องรับสาย
“ฮัลโหล”
ธิดาแต่งหน้าอยู่คุยมือถือกับรามไปด้วย
“ถ้านายยังไม่รีบกลับมาหาฉันภายในครึ่งชั่วโมง นายก็ไม่ต้องมาที่นี่อีกเลย”
ธิดาปิดเครื่องอย่างสะใจ เพราะเธอแต่งตัวสวยรอยู่ เพื่อเตรียมจะหมั้นกับราม
“ฮัลโหล คุณเทเรซ่า เดี๋ยวสิ...คุณเทเรซ่า”
รามเครียด โทรกลับสัญญาณติดต่อไม่ได้ รามยิ่งเครียด กลัวชวดงานกับพ่อเลี้ยง เมขลามองรามเจ็บใจ
“ยายทะเลทรายโทรมาตามสิท่า ถ้าไม่รีบกลับไป เดี๋ยวเขาตัดคุณออกจากกองมรดกนะ”
“คุณไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า แล้วจำไว้นะ ว่าถ้าแม่ผมเป็นอะไรไป ผมฆ่าคุณแน่”
รามรีบออกไป เมขลาเสียใจ แต่ฝืน หันมองเรืองฤทธิ์
“พวกคุณอายังอยากดูอะไรอีกมั้ยคะ”
เรืองฤทธิ์กับจักรอึกอัก เพราะดูทั่วแล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปซะเถอะค่ะ ใกล้เวลาเด็กๆ จะตื่นแล้ว ฉันไม่อยากให้แกมาเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี”
เรืองฤทธิ์มองหน้าเมขลาอย่างเกลียดชัง
“อย่ามาทำปากเก่งนักนะ แล้วจำไว้ ถ้าเมื่อไหร่ฉันเจอพี่วาด เธอตายแน่”
เรืองฤทธิ์กระซิบข่มขู่แล้วเดินออกไป จักรตาม ละมุนหน้ามืดโงนเงนจะเป็นลม เมขลารีบประคอง
“น้ามุน เป็นยังไงบ้าง”
ละมุนส่ายหน้า
“น้าไม่เป็นอะไรหรอก หนูรีบเข้าไปดูคุณทรงวาดเถอะ”
“คุณแม่อยู่ที่ไหนคะ”
ละมุนชี้มือไปในห้องเก็บของ เทวัญถอดหัวมาสคอตออก แล้วช่วยทรงวาดถอดหัวมาสคอตของทรงวาดออกด้วย ท่าทางทรงวาดเปลี้ยมาก เมถลาเข้าไปกอดทรงวาดไว้
“คุณแม่คะ คุณแม่เป็นยังไงบ้าง”
ทรงวาดฝืนกอดเมขลาตอบ
“แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว หนูกับคุณเทวัญรีบไปเถอะ เผื่อฤทธิ์ย้อนกลับมาอีก พวกหนูจะได้ไม่เดือดร้อน”
เมขลาอึกอัก ห่วงแม่ เทวัญเห็นด้วย
“นั่นสิครับคุณเม เรารีบไปกันเถอะ จะได้ไปซื้อยาให้คุณแม่ด้วย เมื่อคืนผมลืมหยิบยาแก้ปวดของคุณแม่มา”
เมหันไปหาละมุน
“ฝากคุณแม่ด้วยนะคะน้ามุน”
ละมุนพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วง น้าจะไม่ให้คนเลวสองคนนั้นเจอคุณทรงวาดเด็ดขาด”
เรืองฤทธิ์กลับเข้ามาในออฟฟิศหงุดหงิดมาก
“นังตัวแสบนั่น มันเอาอีแก่ไปซ่อนไว้ที่ไหนวะ ทำไมเราถึงหามันไม่เจอ”
จักรคิดๆ
“นั่นสิครับ ผมก็ไปตามที่ ที่มันน่าจะไปมาหมดแล้ว”
“ฉันว่าเราคงต้องใช้วิธีขั้นเด็ดขาดกับมันแล้วล่ะ เพราะถ้านังนี่ตาย อีแก่ก็ต้องไม่รอด ต้นไม้ไม่มีท่อน้ำเลี้ยงจะอยู่ยังไง”
“แต่ถ้านังเมตายตอนนี้ ไอ้รามจะไม่สงสัยเราหรือครับ”
“ฉันไม่ได้บอกให้แกลงมือเองสักหน่อย” เรืองฤทธิ์ยิ้มชั่วร้าย
“แล้วคุณฤทธิ์จะให้ใครทำงานชิ้นนี้” จักรถามอย่างสนใจ
แสงเข้าไปหาปองธรรมที่ยืนอยู่ในสวน
“พ่อเลี้ยงครับ...คู่ค้ารายใหม่ของเรา เพิ่งติดต่อมาเขาให้ผมจัดการคนๆหนึ่งให้ พ่อเลี้ยงจะว่ายังไงครับ”
“ใคร”
“ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาบอกว่าสายๆ นี้จะแวะเอาข้อมูลเข้ามาให้เรา”
ปองธรรมยิ้มชั่วร้าย
“ก็ลองดู ถ้าช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป” ปองธรรมชะงักเห็นรถตำรวจจอดหน้าบ้าน “ฉันว่าวันนี้เรามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเสียแล้วล่ะ”
แสงหันไปเห็นภาคภูมิ เข้ามากับตำรวจลูกน้อง แสงอึ้งไป ขณะเดียวกัน รามขับรถมาจอด เห็นรถตำรวจจอดอยู่ รามเครียด รีบลงจากรถแล้วชะงักเห็นภาคภูมิกับลูกน้องเดินออกจากบ้านพอดี ภาคภูมิมองราม...
“นึกแล้วเชียว ว่างูพิษอย่างแกต้องอยู่ที่นี่...จับมัน”
“จับผมข้อหาอะไร”
ลูกน้องภาคภูมิชักลังเล ภาคภูมิมองหยัน
“ค้ายาไง ไม่ต้องมาแกล้งโง่”
รามมองกวนๆ
“กล่าวหากันลอยๆ แบบนี้ระวังถูกฟ้องกลับนะผู้กอง”
ลูกน้องกระซิบภาคภูมิ
“นั่นสิครับ เรายังไม่มีหลักฐานเลยนะครับ”
ภาคภูมิตวาดทันที
“เงียบ” ภาคภูมิหันไปหาราม “แกอย่าผยองให้มากนัก ฉันจะคอยดูวันที่นายของแกถูกตัดสินโทษประหาร ว่าแกจะยังลอยหน้าแบบนี้อยู่ได้มั้ย”
ภาคภูมิออกไป รามมองตามภาคภูมิไปอย่างเครียดๆ เย็นเข้ามา พอดี
“ไอ้ราม! เอ็งหายไปไหนมาวะ รู้ไหม เมื่อวานคุณเทเรซ่าเล่นงานข้าเกือบตาย”
“ผมขอโทษ แล้วพี่รู้มั้ยว่าตำรวจพวกนั้นมาที่นี่ทำไม”
เย็นหนักใจ
“ข้าว่าเอ็งไปถามพ่อเลี้ยงเองดีกว่า”
รามเข้าไปหาปองธรรมในบ้าน แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น...
“ไอ้ผู้กองนั่นมันเอาหมายเรียกตัวไปสอบสวนมาให้ฉัน”
“เรื่องคดีไอ้เสี่ยชิตน่ะหรือครับ”
ปองธรรมพยักหน้า
“ใช่...แต่ฉันไม่ใช่ขี้ไก่จะได้ยอมให้มันขยี้เอาง่ายๆ แก” ปองธรรมหันไปบอกแสง “ไปหาทนายมือดีที่สุดมาช่วยฉันสู้คดีนี้” ปองธรรมหันไปหาราม “ส่วนแก ไป สืบประวัติไอ้ผู้กองนั่น หาจุดอ่อนของมันให้ได้ ฉันจะสั่งสอนมันสักดอกสองดอกจะได้หยุดจุ้นจ้านเสียที”
“ครับ”
แสงมองรามอย่างแค้นๆที่ตามรามพลาดคราวก่อน รามเครียดๆ รับคำอย่างลำบากใจสุดๆอดห่วงภาคภูมิไม่ได้
หลังจากออกมาจากห้องปองธรรม รามเดินมองซ้าย ขวา เห็นปลอดคน โทรหาก้องภพผ่านแว่นตา
“รามสูรเรียกเจ้าพสุธา เจ้าพสุธาตอบด้วย”
“ไงวะ ไอ้รามสูร หายหน้าไปนานเชียวนะ มัวไปเก็บขวานที่ขว้างออกไปหรือยังไง”
รามอึกอัก
“ผมมีเรื่องจำเป็นต้องทำครับท่าน”
“เรื่องอะไร เกี่ยวกับเสือตัวใหม่ในฝูงพ่อเสือหรือเปล่า”
“ผมยังไม่ได้ข้อมูลเสือตัวใหม่เลย แต่จะมาขอให้ท่านเตือนนายพรานให้ระวังตัวด้วย”
“นายพราน? ผู้กองภาคภูมิน่ะหรือ”
ทันใดนั้นเสียงธิดาดังเข้ามา...
“ราม...นายอยู่ไหนน่ะ”
รามชะงัก รีบพูดเบาๆกับแว่น
“ครับ...แค่นี้ก่อนนะครับ”
รามเก็บแว่นเดินไปหา ธิดามองๆหน้างอบึ้งตึง
“ฉันไม่ได้บอกนายหรือ ว่าถ้ากลับมาแล้ว ให้รีบมาหาฉัน”
“พอดีพ่อเลี้ยงเรียกผมไปพบ เรื่องนายตำรวจคนนั้น”
“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่อยากฟัง มาดูนี่กับฉันดีกว่า”
“ดูอะไรครับ”
ธิดายิ้มไม่ตอบ ฉุดมือรามไปทันที
ธิดาเปิดกล่องแหวนบนโต๊ะ มีแหวนหลายวงทั้งของผู้ชายผู้หญิง เรียงเป็นแถว ประหนึ่งร้านจิวเวลลี่มาเอง
“เลือกสิ ว่านายชอบวงไหน”
รามงงๆ
“เนื่องในโอกาสอะไรครับเนี่ย”
“วันหมั้นของเรา และนี่ก็ แหวนหมั้นของเรา เลือกสิ ฉันว่าสวยทุกวงเลย เลยเลือกไม่ถูก อยากให้นายเลือกให้”
รามอึ้งไปเลย ธิดามองจิก
“หรือนายไม่อยากแต่งงานกับฉันแล้ว”
รามรีบแก้ตัวกะล่อนไปเรื่อย
“ใครบอกล่ะครับ ผมแค่กำลังตาลาย และดีใจมากต่างหาก”
“จริงน่ะ”
“ก็ผมทำให้คุณโกรธ เสียใจ ผิดหวัง แต่คุณกลับให้เกียรติหมั้นกับผม ผมจะไม่ดีใจได้ยังไงล่ะครับ”
“พูดแต่ปาก ฉันจะเชื่อนายได้ยังไงกัน”
ธิดาส่งมือให้ รามสวมแหวนให้ ธิดาอดเขินไม่ได้ ภาพตอนที่เขาสวมแหวนแต่งงานให้เมขลาเข้ามา รามอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนกลั้นใจสวมจนเสร็จ ธิดายิ้มแก้มปริหยิบแหวนมาสวมให้ราม
“ทีนี้ตาฉันบ้าง” ธิดาสวมแหวนเสร็จกอดราม ดีใจ “นับจากวินาทีนี้ไป นายเป็นของฉันแล้วนะราม ห้ามทิ้งฉันไปกับใครหน้าไหนทั้งนั้น แล้วก็ห้ามมีความลับกับฉันด้วย เข้าใจมั้ย”
“ทำไมจะไม่ได้ ผมตกเป็นทาสหัวใจคุณแล้วนี่ โดนมัดติดหนึบกับคุณอยู่นี่ไงจ๊ะ”
รามแกล้งเล่นบทเจ้าชู้ฝืนกอดตอบธิดา
เมขลานั่งรอเทวัญอยู่ในสวนสาธารณะมือหมุนแหวนแต่งงานไปด้วย คิดถึงคำพูดทรงวาด
‘หนูรับปากแม่ก่อนสิ ว่าเป็นตายยังไงหนูก็จะไม่ขายแหวนวงนี้เด็ดขาด’
เมขลาถอนใจ
“คุณแม่เห็นความสำคัญของแหวนวงนี้ แต่ลูกชายคุณแม่จะเห็นบ้างมั้ยนะ”
เมขลาเศร้า แต่เมื่อเห็นเทวัญเดินเข้ามาก็ฝืนยิ้ม...
“คอยผมนานมั้ยครับคุณเม”
“ไม่นานหรอกค่ะ แล้วนี่คุณเอายาไปให้คุณแม่แล้วหรือคะ ท่านเป็นยังไงบ้าง”
“ท่านดูสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้วคงเพราะได้นอนพักเสียบ้าง”
“ถ้าท่านไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้คงหายเร็วกว่านี้”
เทวัญพยักหน้าเห็นด้วย
“คุณพูดขึ้นมาก็ดีแล้ว ผมกำลังจะคุยกับคุณเรื่องนี้พอดี”
เมขลามองอย่างแปลกใจ
“ที่คุณบอกผม ว่าอยากให้รามได้คุยกับคุณแม่สองต่อสองน่ะ ผมนึกออกแล้วว่าจะนัดรามออกมาได้ยังไงโดยไม่มีอาของเขาพ่วงท้ายมาด้วย”
เมขลาตื่นเต้น
“ยังไงคะ”
เทวัญใส่หมวกกันน็อก ลงจากมอเตอร์ไซด์รับจ้างหน้าบ้านปองธรรม ทันใดนั้นมีเสียงบีบแตรดังเข้ามา เทวัญหันไปมอง เห็นจักรขับรถมาจอดจ่อหลัง เทวัญแปลกใจเย็นวิ่งมามองๆจักร แล้วเปิดประตูให้ จักรเข้าไป
เทวัญลงจากมอเตอร์ไซด์ ไปหาเย็น
“หมอนั่นมันมาที่นี่ทำไม”
เย็นเห็นเทวัญไม่ถนัด เพราะหมวกกันน็อกบังจึงทำกร่างใส่
“แล้วมันเรื่องอะไรของแก”
เทวัญจ้อง เย็นชักสะกิดใจ
“ไม่เจอกันไม่กี่วัน พี่เย็นจำผมไม่ได้แล้วหรือ”
เย็นหน้าเจื่อนไปยกมือไหว้
“คุณเทวัญนี่เอง ขอโทษครับ”
เทวัญพยักหน้าไม่ถือสา
“ผู้ชายคนนั้นมาที่นี่ทำไม”
“อ้อ...เห็นว่าเป็นหุ้นส่วนคนใหม่ของพ่อเลี้ยงน่ะครับ ที่มาแทนไอ้พวกเสี่ยชิตไง แล้วคุณเทวัญรู้จักเขาด้วยหรือ”
เทวัญคิดๆ เครียดหนักไม่ตอบ เดินไปซ้อนมอเตอร์ไซด์กลับไป เย็นวิ่งตาม
“อ้าวคุณเทวัญ จะไปไหนครับ คุณเทวัญ”
เย็นตามไม่ทันยืนหอบเหนื่อย
เทวัญกลับมาหาเมขลา บอกเรื่องราวที่เขาไปพบจักรมาให้เมขลาฟัง
“ถ้าอย่างนั้นอาฤทธิ์ต้องมีเอี่ยวในเรื่องนี้แน่ๆ” เมขลาบอกอย่างคิดไม่ถึง
“คุณว่า รามจะรู้เรื่องนี้ไหม”
เมขลาทุกข์ใจ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันเชื่อใจใครไม่ได้แล้วแม้แต่เขา”
“หมายความว่าคุณ จะไม่ให้เขาได้เจอกับคุณแม่หรือ”
“ฉันกลัวค่ะ ฉันไม่กล้าเอาชีวิตคุณแม่เข้าไปเสี่ยง แต่ฉันก็จนปัญญาแล้วจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้วคุณเทวัญ”
เทวัญนิ่งคิด
“คุณต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเรืองฤทธิ์ไม่ใช่คนดี หลักฐานเท่านั้นที่จะทำให้รามเชื่อ”
“แล้วฉันจะไปหาหลักฐานที่ไหนละคะ เขาทำธุรกิจกับพ่อคุณมันไกลเกินฉันเข้าถึง”
“ผมว่าผมพอมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ แต่ไม่รู้คุณจะเห็นด้วยรึเปล่า”
“ทางไหนคะ”
“แต่งงานกับผม”
เมขลาอึ้ง เทวัญจ้องหน้าเมขลารอคำตอบ
อ่านต่อตอนที่ 15