กุหลาบซาตาน ตอนที่ 14
คืนเดียวกันนั้นที่ห้องของชัช โรสสวมชุดนอนทำเป็นนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง แต่แอบเหลือบดูชัช ที่สวมเสื้อคลุมเดินเข้าห้องน้ำไป พอชัชปิดประตูห้องน้ำโรสลุกพรวดจากเตียง ย่องไปที่ตู้เก็บรองเท้า โรสหยิบรองเท้าคู่ที่ใส่ไปยิงโชคขึ้นมา พลิกดูพื้นรองเท้าอย่างกังวล เห็นรอยเลือดแห้งติดอยู่ที่ขอบพื้นนิดหน่อย
โรสควานหาในตู้เจอถุงผ้าสีดำ โรสเอารองเท้าใส่ ผูกปากถุงแน่น เสียงประตูห้องน้ำเปิด โรสตกใจตัวแข็ง ชัชเดินมาด้านหลัง โรสทิ้งถุงลงกับพื้น รีบยืนขึ้น
“ชัช! ...มีอะไรคะ”
โรสถามอย่างตกใจเมื่อเห็นชัชยังไม่อาบน้ำ
“ลืมหยิบชุดนอนน่ะ”
ชัชจะเดินอ้อมไปที่ตู้ โรสขวางแล้วรีบลนลานหยิบชุดนอนส่งให้ชัช
“นี่ค่ะ”
ชัชมองอย่างแปลกใจ แอบสังเกตเห็นถุงผ้าที่ตกอยู่ทางด้านหลังที่ปลายเท้าของโรส แต่ชัชก็ยิ้ม ทำท่าเหมือนไม่ได้ติดใจอะไร
“ขอบใจจ้ะ”
ชัชเดินกลับเข้าห้องน้ำไป โรสถอนใจเฮือก ปาดเหงื่อ หวั่นใจ
ขณะนั้นกงพัดอยู่ที่โบสถ์นั่งคุกเข่าอธิษฐานนิ่งสงบเหมือนรูปปั้น จากด้านหลังมีมือเอื้อมมาแตะเบาๆ ที่ไหล่กงพัด กงพัดลืมตา
“วี”
กงพัดลุกขึ้น หันไปหาวีณา
“ทำไมคุณไม่กลับบ้าน”
“เพราะผมนึกว่า คุณไม่อยู่แล้ว ไม่มีคุณ ผมไม่รู้จะกลับไปทำไม”
วีณาตื้นตันใจในความรักที่กงพัดมีต่อเธอ
“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ผมมาอธิษฐาน ขอให้พระผู้เป็นเจ้าชี้ทางที่ถูกต้องให้กับผม”
“แล้วได้คำตอบหรือยังคะ”
“ท่านดลใจให้คุณมา ผมว่านี่แหละคำตอบ” กงพัดกุมมือวีณา มองเธออย่างรักมาก “พระเจ้าให้เรามีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะรัก ไม่ใช่แค้น”
วีณากอดกงพัด ทั้งสองกอดกันแน่น
“ฉันดีใจที่สุดเลยค่ะ”
เสียงโทรศัพท์มือถือวีณาดังขึ้น วีณาชะงัก หยิบมาดูแล้วหน้าเสีย
“มีอะไรเหรอ วี”
โรสแอบออกมาคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง พอวีณารับสายโรสจึงบอกเสียงเข้ม
“คุณวีณา ขอฉันพูดกับพัดหน่อย”
วีณาส่งโทรศัพท์ให้กงพัดอย่างไม่เต็มใจ กงพัดรับมา
“ว่าไง พี่โรส”
“พี่กำลังเดือดร้อน พัด พรุ่งนี้ พี่จะไปหาเธอที่บ้าน” วีณายืนจ้อง ฟังเสียงของโรสที่แว่วออกมา โรสดูหวาดหวั่นมาก “...เธอต้องช่วยพี่นะ พัด คราวนี้ ถ้าเธอไม่ช่วย พี่ตายแน่”
สายตัดไปกงพัดนิ่งขรึม ใช้ความคิด วีณามองลุ้นว่ากงพัดจะตัดสินใจอย่างไร
ส่วนที่บ้านของปฐวี นงพงาอยู่ในชุดนอนมีหนังสือนิยายของโรสกองอยู่บนโต๊ะทำงาน นงพงาพลิกอ่านนิยายสลับกับการจดโน๊ตลงบนสมุดบันทึก ท่าทางจริงจังมาก ไปรมายกน้ำชาเข้ามาให้
“น้ำชาค่ะ คุณแม่”
นงพงาวางปากกาลง ยิ้มให้ไปรมา
“ขอบใจจ้ะ”
นงพงารับชามาจิบ ไปรมาเดินไปนั่งที่โซฟาห่างออกไป ชวนคุย
“คุณแม่ทำอะไรคะ ดูเครียดจัง”
“แม่กำลังวิเคราะห์ภูมิหลังและจิตใจของนักเขียน จากนิยายที่เค้าเขียนน่ะจ้ะ”
“แต่นิยายมันเป็นเรื่องแต่งนี่คะ นักเขียนเค้าคิดขึ้นมา ไม่ใช่ชีวิตจริงของเค้าซะหน่อย”
“จ้ะ แต่เรื่องที่เค้าคิดขึ้นมา ก็ต้องมีรากฐานมาจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของเค้าถ้าเราวิเคราะห์ให้ลึกลงไป เราก็จะเห็นตัวตนของเค้า สิ่งที่อยู่ในใจของเค้า มันจะแฝงอยู่ในงานของเขาเสมอ โดยที่เค้าไม่รู้ตัว”
“น่าสนใจจังค่ะ นี่งานวิจัยชิ้นใหม่ของคุณแม่เหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ มันสำคัญมากกว่านั้นอีก แม่ถึงต้องรีบอ่าน รีบทำ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
ไปรมารู้สึกว่านงพงาพูดแปลกๆ แต่เกรงใจ ไม่ได้ติดใจถามอะไร
วันต่อมาชัชเลี้ยวรถเข้าบ้าน เป๋งวิ่งมารอรับหน้า
“มีใครอยู่บ้านไหม”
“นายหลับอยู่ครับ คุณชินกับคุณโรสออกไปธุระ ยังไม่กลับ”
“ดี”
ชัชวิ่งขึ้นไปชั้นบน เป๋งมองงงๆ
ชัชเข้ามาในห้องเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วค้นจนทั่วแต่ไม่พบถุงผ้าสีดำที่เห็นเมื่อคืน
“ไม่มี”
ชัชครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืนที่เห็นถุงผ้าสีดำกองอยู่ที่ปลายเท้าโรส และตอนที่เห็นโรสคุยโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดอยู่ที่ระเบียงเมื่อคืน ชัชพยายามสลัดความคิดออกจากใจ
“หรือเราคิดมากไปเองว่าแต่ว่าถุงนั้นมันถุงอะไร แล้วมันหายไปไหน”
ชัชนึกถึงถุงผ้าอย่างแปลกใจซึ่งขณะนั้นถุงผ้าอยู่ที่กงพัด กงพัดเปิดถุงผ้าออก หยิบรองเท้าที่โรสใส่ก่อเหตุขึ้นมา ทิ้งลงในถังน้ำมันเปล่าแล้วราดน้ำมันตามแล้วจุดไฟเผา วีณากับโรสยืนมองอยู่ ห่างออกไป
กงพัดหันไปถามโรส
“แล้วปืนที่ใช้ยิงท่านปฐวีล่ะ”
“ปืนอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่มีลายนิ้วมือพี่ด้วย”
“อย่างงั้นก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว”
“ไม่ พัด เรายังวางใจไม่ได้ ตำรวจอาจจะยังไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ยิงท่านปฐวีคือใครแต่พี่ว่า...โชคมันสงสัยพี่” โรสมองกงพัด แล้วสั่งเสียงเข้ม “พัดต้องฆ่ามัน”
วีณาทนไม่ไหว พูดสวนทันที
“พัดฆ่าเค้า ญาติพี่น้องเค้าก็ต้องมาตามฆ่าพัด”
“เราก็ฆ่าพวกมันก่อน”
“พัดไม่ใช่ฆาตกร”
“พัดเป็นน้องฉัน เขาจะทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ”
“คุณมันเลว”
โรสตบหน้าวีณา ฉาด
“พี่โรส!” กงพัดตกใจ วีณาตบสวนทันที โรสตบกลับแล้วจิกหัววีณาไว้ กงพัดร้องห้ามเสียงเข้ม “พี่โรส หยุดนะ ปล่อยวีเดี๋ยวนี้”
โรสกลัวกงพัดจึงผลักวีณาจนกระเด็น กงพัดเข้าประคองวีณา โรสมองวีณากับกงพัดอย่างโกรธจัด
“พี่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เธอเป็นน้องพี่ แต่ผู้หญิงคนนี้จะแยกเราออกจากกัน”
กงพัดยืนขึ้นประจันหน้ากับโรสแล้วตอบชัดเจน
“ผมเป็นหนี้ชีวิตพี่ พี่เอาชีวิตผมไปได้เลย ผมตายแทนพี่ก็ได้ แต่ผมรับปากกับวีแล้ว ผมจะไม่ฆ่าใคร ... พี่โรส ผมเสียใจ”
โรสมองกงพัด โกรธจนน้ำตาคลอ
“เธอเสียใจแน่ พัด ที่ทิ้งพี่” โรสมองวีณาอย่างแค้นจัด “เธอจะต้องเสียใจ...”
ไปรมามาที่ออฟฟิศของพอลเพื่อคุยเรื่องการเรียนซึ่งเธอต้องการดรอปเอาไว้ก่อน
“ตกลงว่าน้องไป๋จะดรอปเลยเหรอคะ” เจ้าหน้าที่ถามไปรมา
“ค่ะ ตอนนี้อาการคุณพ่อยังไม่ดีขึ้นเลย ไป๋ไม่อยากทิ้งท่านไปไหน”
“พี่จะจัดการเอกสารให้ค่ะ ขอให้คุณพ่อหายเร็วๆ นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ งั้นไป๋ลาเลยนะคะ”
ไปรมายกมือไหว้เจ้าหน้าที่แล้วลุกเดินออกมา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นชินภัทรเดินมาอีกทาง
“ไป๋...คุยกันหน่อยได้ไหม”
ชินภัทรซื้อเครื่องดื่มให้ไปรมา ทั้งสองเดินคุยกันไปกินกันไป บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย ชินภัทรพยายามชวนคุย
“แล้วนี่ไป๋จะกลับไปเรียนอีกทีเมื่อไหร่ เทอมหน้าหรือปีหน้า”
“ไม่รู้เหมือนกัน ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับ เรื่องของคุณพ่อ”
ชินภัทรอึ้งไป
“จริงสินะ”
ไปรมาอดห่วงชินภัทรไม่ได้จึงถามขึ้นมา
“แล้วชินล่ะ”
“ก็ต้องรอให้คดีของพ่อตัดสินก่อน เราเสียใจนะ ไป๋ สำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
“เราก็เสียใจ แต่คุณแม่บอกว่า มันไม่ใช่ความผิดของชิน”
ชินภัทรมองไปรมา รู้สึกดี ไปรมาเขิน เปลี่ยนเรื่องพูด
“ไม่รู้พีชกับภูเป็นยังไงมั่ง คงจะเรียนหนัก ไม่ได้คุยกันมาตั้งหลายวันแล้ว”
ชินภัทรอดยิ้มไม่ได้ เมื่อคิดถึงเพื่อนทั้งสอง
“ป่านนี้ฆ่ากันตายไปแล้วมั้ง”
ไปรมาหัวเราะออกมา รู้สึกดีขึ้น
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่สวิสเซอร์แลนด์พีชญา ภูษณะและนักเรียนอีก 1 คน เดินออกมาพร้อมอาหารในมือ ทั้งสามมายืนประจำที่พร้อมเสิร์ฟ นักเรียนคนที่ 1 เสิร์ฟ
“The gentleman on my right hand side is having rack of lamb with rosemary and honey in red wine sauce...”
“The lady on my left hand side is having…”
พีชญาบอกอย่างมั่นใจ จากนั้นก็ถึงคิวภูษณะ พีชญามองอย่างลุ้นระทึกเอาใจช่วยภูษณะ
“The lady on my left hand side is having…”
ภูเงียบไป เพราะลืม... ในความเงียบ ทุกคนมองภูษณะ อาจารย์กระแอม ภูษณะเอามือเปิดฝาแอบดูอาหารในฝาครอบ พีชญาแทบจะกรี๊ดอย่างไม่มีเสียง อาจารย์โมโหแต่พยายามข่มใจ
พอออกมาจากห้องอาหารภูษณะจึงโวยวายแก้ตัวกับพีชญา
“ก็มันจำไม่ได้นี่ อาหารไทยก็ไม่ใช่ ใส่อะไรมามั่งก็ไม่รู้”
“ภู เธอไม่ตั้งใจเรียน แล้วทำตัวแบบนี้ ในฐานะที่ฉันเป็นคนร่วมชาติ เป็นนักเรียนไทยเหมือนเธอ มันอับอายขายหน้ามากรู้ไหม” พีชญาบอกเสียงดุ
“โห แรงไปป่ะเนี่ย”
“เธอมีโอกาสได้มาเรียนในโรงเรียนแบบนี้ น่าจะตั้งใจเรียนนะ คิดดูซี เราสองคนโชคดีแค่ไหน ดูอย่างชินกับไป๋สิ เค้าสองคนอยากเรียน แต่ไม่มีโอกาสได้เรียนเหมือนเรา เพราะที่บ้านมัวแต่จะฆ่ากันตาย”
ภูษณะสะดุ้งขึ้นมา
“เฮ้ย ยังไม่จบกันอีกเหรอนี่”
“ยัง อย่านอกเรื่อง เรื่องของตัวเองน่ะ จะเอายังไง”
“ฉันตั้งใจเรียนก็ได้...แต่เธอต้องช่วยฉันนะ ยัยพีช”
“ช่วยเธอ...แล้วฉันจะได้อะไร”
พีชญากับภูษณะมองหน้ากัน ภูษณะอมยิ้มกวนๆ พีชญาใจเต้นตุบตับ
เย็นวันนั้นพีชญาเอาตำรากองโตมาสอนภูษณะ ภูษณะส่ายหัวไม่รู้เรื่อง เวลาผ่านไป...พีชญาหาวแล้วหลับพับไปกับตำรา ภูษณะเข้าไปดูใกล้ๆ ขำๆ
“ยัยปากมากเอ๊ย หุบปากไปซะได้ ค่อยน่ารักหน่อย”
ภูษณะเข้าไปดูใกล้ๆ แววตาอ่อนโยน มองพีชญาเพลิน เขี่ยลูกผมให้ แล้วซักพักแววตาหวานๆ ของภูษณะก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ นักเรียนคนอื่นเข้ามาใช้ห้องทำงาน พีชญาสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียง เงยหน้าขึ้นมา เห็นนักเรียนคนอื่นมองตัวเองแล้วหัวเราะขำ
“What! What’s wrong?” พีชญาถามอย่างแปลกใจ แล้วหันไปหาภูษณะที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ “
เขาหัวเราะเราทำไมอ่ะ ภู”
พีชญาหยิบกระจกขึ้นส่องหน้า เห็นรอบตาตัวเองมีมาสคาร่าสีดำเขียนเป็นวงเหมือนแพนด้า พีชญาถึงกับร้องกรี๊ด
“ไอ้บ้าภู”
พีชญาไล่ตีภูษณะ กระโดดขี่คอทุบถองกันไป ภูษณะหัวเราะอย่างสุขใจ
ส่วนที่เมืองไทยทนายมาหาโชคที่บ้านเพื่อคุยรายละเอียดเรื่องขึ้นศาลพรุ่งนี้ พอเสร็จธุระแล้วจึงลากลับ
“ผมไปก่อนนะครับ พรุ่งนี้พบกันที่ศาล คุณโชคอย่าลืมทบทวนคำให้การที่ผมเตรียมเอาไว้ให้ด้วย”
โชคพยักหน้าอย่างเบื่อๆ
“เออน่ะ”
ทนายจะออกไป เป๋งจะตามไปส่ง พอดีกับที่โรสเดินเข้ามาหน้านิ่ว ทนายก้มหัวทักทายโรสตามปกติ
“คุณโรส สวัสดีครับ”
“คุณวิชัย สวัสดีค่ะ เรื่องคดีมีอะไรคืบหน้าหรือเปล่าคะ”
ทนายไม่ทันตอบ โชคเดินเข้ามา พูดเสียงยียวน
“จะมีอะไร้ ตอนนี้ตำรวจเค้าก็กำลังสอบสวนว่าไอ้ปฐวีมันเคยมีเรื่องมีราวกับผู้หญิงที่ไหนบ้าง” โชค เดินไปขวางหน้าโรส แล้วยิ้มยั่ว “ฉันเลยนึกขึ้นมาได้ ...มันเคยเอาปืนตบหน้าเธอไม่ใช่เหรอ”
โรสชักสีหน้า ทนายเห็นท่าไม่ดีรีบก้มหัวลาออกไป เป๋งตามไปส่งเหลือโรสเผชิญหน้ากับโชคตามลำพัง
“คุณคิดว่าฉันจะไปฆ่าท่านปฐวี เพราะเรื่องแค่นี้เหรอคะ”
“ฉันคิดยังไง ไม่สำคัญหรอก มันสำคัญว่าตำรวจจะคิดยังไง อีกไม่นานเค้าต้องสาวมาถึงตัวเธอแน่ๆ ไม่นานหรอก”
โชคหัวเราะสะใจแล้วเดินออกไป แต่ก็อดไม่ได้หันมาชี้หน้าโรส
“อีกไม่นาน เธอเสร็จแน่”
โชคเดินออกไป หัวเราะกวนประสาทไปตลอดทาง โรสโกรธจัดพอดีหันไปเห็นมีดปลายแหลมเสียบอยู่ที่ผลไม้ในถาดที่โต๊ะมุมห้อง โรสคว้าขึ้นมากำแน่น
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 14 (ต่อ)
โชคเดินเข้ามาในห้องสนุ๊กเกอร์ โรสมองตามเห็นโชคคว้าไม้แทงสนุ๊กขึ้นมา โรสกำมีดเดินลิ่วเข้าไปพอถึงประตูก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นบอดี้การ์ด 2 คน ยืนแอบอยู่มุมห้องคนนึงยืนเฝ้าอีกคนรอเล่นสนุ๊กกับโชค
โรสต้องหลบออกมาในสวนแล้วเอามีดปลายแหลมแทงไปที่ต้นไม้อย่างเจ็บใจ เสียงหัวเราะของโชคดังลั่นออกมาให้ได้ยิน
“ฉันเกลียด! ฉันเกลียดเสียงหัวเราะบ้าๆ ของแก เมื่อไหร่แกจะตายไปซะที” โรสปามีดทิ้งอย่างเจ็บใจ “ฉันต้องฆ่าแก...ไม่สิ ฉันฆ่าแกไม่ได้ ฉันต้องอยู่กับชัชต่อไปอย่างมีความสุข แล้วเป็นเจ้าของทุกอย่าง ที่แกแย่งไปจากพ่อแม่ของฉัน...ต้องเป็นพัดเท่านั้น ฉันต้องหาทางทำให้พัดฆ่าแกให้ได้”
โรสคิดด้วยแววตาร้ายๆ
วันต่อมาชัชกับโชคเดินออกมาจากบ้านพร้อมกัน เป๋งเปิดประตูรถตู้รออยู่ ชินภัทรเดินออกมาหา
“ผมไปด้วยครับ อาชัช”
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก จะไปทำไม” โชคบอกอย่างไม่เต็มใจ ชัชจึงช่วยพูดไกล่เกลี่ย
“วันนี้เบิกความครั้งแรก คงไม่มีอะไรมากหรอก ชิน”
“ผมอยากไปครับ ผมอยากฟัง ว่าพ่อจะให้การว่ายังไง”
โชคยักไหล่อย่างเซ็งๆ ฉุนๆ แล้วก้าวขึ้นรถไป ชัชจะตามทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของโรสดังมาจากในบ้าน
“โรส!”
ชัชวิ่งกลับเข้าไปทันที ชินภัทรวิ่งตาม
ขณะนั้นโรสอยู่ในห้องซักรีด เธอนั่งตัวงออยู่กับพื้นที่มุมห้อง หลับตา ตัวสั่น กอดผ้าดำๆ เอาไว้ในมือ ชัชกับชินภัทรวิ่งมาสวนกับสาวใช้ที่วิ่งหน้าตาตื่นออกไป ชัชวิ่งนำไปก่อนชินภัทรถามสาวใช้
“นั่นเสียงอาโรส ใช่ไหม อาโรสเป็นอะไร”
“ไม่รู้ค่ะ คุณผู้หญิงมาหาเสื้อ แล้วอยู่ดีๆ ก็ร้องกรี๊ดๆๆๆ”
ชินภัทรวิ่งตามเข้าไปในห้อง เห็นชัชไปถึงตัวโรสที่นั่งตัวสั่นอยู่
“โรส คุณเป็นอะไร”
โรสลืมตา ท่าทางตกใจมาก ส่งของให้มือให้ชัช มือไม้สั่น มันคือหมวกไอ้โม่งสีดำ ชัชงงๆ
โชคมองดูหมวกในมืออย่างฉุนๆ
“ของฉันเอง สั่งให้เอาไปทิ้งตั้งแต่วันนั้นแล้ว ใครยังเสือกเก็บเอาไว้อีก” โชคปาลงตรงหน้าโรส ถามอย่างพาลๆ “แล้วเธอไปเอามาทำไม คิดจะทำอะไร”
โรสไม่สนใจท่าทีของโชค หันไปพูดกับชัชท่าทางยังตื่นเต้น
“เสื้อยืดฉันหายค่ะ ฉันเลยลงมาหาที่ห้องซักรีด ฉันเห็นหมวกนี่ทิ้งอยู่ในตู้พอฉันไปจับมันเข้า...ฉันก็เห็น...” ทุกคนหันขวับมามองโรสอย่างสนใจ โรสบอกกับชัช “ฉันเห็นคนที่ยิงท่านปฐวีในคืนนั้น”
“ใคร คุณรู้จักไหม”
โรสพยักหน้า
“เขาไม่ได้เล็งยิงท่านปฐวี เขาตั้งใจจะยิงคุณโชค แต่มันพลาดไปโดนท่านปฐวีแทน”
“มันเป็นใคร โรส”
“คุณวีณาค่ะ...วีณา เฟลแมน”
โรสบอกเสียงเครียดทุกคนตะลึงอย่างนึกไม่ถึง โชคมองโรสด้วยสายตาประหลาด ทั้งแปลกใจ ทั้งระแวง
วีณายังไม่รู้ว่าโรสโยนความผิดให้เธอ เพราะขณะนั้นวีณาอยู่ที่บ้านเช่ากงพัด เธอแต่งตัวพร้อมเดินทางกำลังโทรศัพท์อยู่ กลางห้องมีกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ กงพัดลากเป้มาวางข้างๆ
“ใช่ค่ะ คือมันจะหายากหน่อย เอางี้ เดี๋ยวฉันจะไปรอที่ด้านหน้า โอเคนะคะ” วีณาวางสาย หันไป
บอกกงพัด “บริษัทรถเช่ากำลังเอารถมาส่งค่ะ ฉันจะลงไปรอข้างล่าง”
“ให้ผมขนกระเป๋าลงไปเลยไหม”
“อย่าเสี่ยงดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากให้ใครเห็นคุณ คุณรอบนนี้ เอาไว้เค้าไปแล้ว ฉันจะขึ้นมาเรียก”
กงพัดดึงวีณามากอด
“อีกอึดใจเดียว เราก็จะพ้นจากที่นี่ เราจะเป็นอิสระแล้ว”
วีณายิ้มจุ๊บปลายคางกงพัด แล้วมีเสียง บิ๊บ มีเมสเสจเข้ามาที่โทรศัพท์ของเธอ วีณาหยิบขึ้นมาดู นิ่วหน้า
ขณะนั้นที่หน้าบ้านเช่าเป๋งกับลูกน้องลงมาจากรถตู้ เดินมาหยุดมองตึกเก่าๆ หลังหนึ่ง มีป้ายไม้เก่าซีดแทบอ่านไม่ออกว่า ห้องว่างให้เช่า
“ที่นี่เหรอ พี่เป๋ง”
ลูกน้องถามเป๋งไม่ตอบ แต่หยิบมือถือมาถ่ายรูปหน้าตึกแล้วส่ง
รูปที่เป๋งส่ง เข้ามาที่โทรศัพท์ของชัช ชัชเดินมาหาโรสที่ยืนแยกตัวอยู่เงียบๆ ชัชส่งโทรศัพท์ให้โรสดูรูป
“ใช่ที่นี่ไหม โรส”
“ใช่ค่ะ ที่นี่แหละ ที่ฉันเห็นเขาสองคนอยู่ด้วยกัน”
ชัชหันหลังกลับไป โทรบอกเป๋ง
“คุณโรสบอกว่าใช่ ลงมือได้เลย แต่จำไว้นะเป๋ง ห้ามทำอันตรายคุณวีณาเด็ดขาดฉันต้องการคุยกับเขา”
โรสยิ้มนิดๆ อย่างมีแผน
เป๋งพาลูกน้องวิ่งเข้าไปที่ประตูทางเข้า เป๋งพาลูกน้องวิ่งขึ้นบันไดไปและเมื่อมองขึ้นไปก็เห็นวีณากับกงพัดลากกระเป๋ามาจากด้านบน วีณาเห็นเป๋ง จำได้ ตกใจ
“พัดคะ”
เป๋งชี้ไปที่วีณา
“เฮ้ย! นั่น”
อย่างรวดเร็วกงพัดผลักกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใส่เป๋ง เป๋งเซไปชนลูกน้องล้มระเนระนาด กงพัดจูงมือวีณาวิ่งแกมกระโดดลงบันได
“ตามไป”
เป๋งตะโกนสั่งลูกน้อง ลูกน้องวิ่งตาม เป๋งวิ่งกระเผลกตามไป ลูกน้องคนหนึ่งชักปืนยิงสกัด
กงพัดกับวีณาหลบ เป๋งตะโกนอีก
“เอาตัวผู้หญิงมาให้ได้ นายต้องการตัวคุณวีณา”
กงพัดกับวีณาวิ่งหนีไม่คิดชีวิต วีณาเห็นรถเช่าจอดข้างทาง คนขับชะเง้อชะแง้เหมือนกำลังหาบ้านใครซักคนวีณาวิ่งไปที่รถกระชากประตูออก
“มาส่งรถใช่ไหมคะ ฉันวีณาค่ะ”
“ครับ ผมกำลังหาบ้านคุณ...”
ไม่ทันขาดคำกงพัดเปิดประตูฝั่งคนขับ กระชากพนักงานออกมา
“ขอโทษนะครับ เรากำลังรีบ”
กงพัดเข้าประจำที่คนขับ วีณาขึ้นนั่ง รถพุ่งออกไป พร้อมๆ กับที่พวกเป๋งวิ่งตามมาทัน ลูกน้องเป๋งระดมยิงยางรถ แต่ไม่โดนกงพัดซิ่งหนีไปได้ พนักงานตาค้างช็อก
กงพัดขับรถอย่างเร็วมาตามถนนเปลี่ยวแล้วเข้ามาจอดหลบข้างทางที่มีต้นไม้ใหญ่
“รอดแล้ว พวกมันไม่ตามมาแล้ว”
กงพัดบอกหลังจากมองไปรอบๆ
“พวกมันเป็นคนของคุณชัช ฉันจำหน้ามันได้”
“ผมได้ยินมันพูด นายมันต้องการตัวคุณ ทำไม”
“คุณโรสต้องรู้เรื่องนี้ เพราะเค้าเป็นคนส่งข้อความมาเตือนให้เราหนี” ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“พี่สาวคุณโทรมา”
กงพัดแย่งโทรศัพท์ไปคุย
“พี่โรส นี่มันอะไรกัน พวกมันมาจับตัววีทำไม” กงพัดนิ่งฟังโรสพูด “ได้ ที่ไหน”
โรสนัดเจอกับวีณาและกงพัดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
“จำได้ไหม ที่พี่บอกว่าตำรวจพบรอยเท้าของผู้หญิงในที่เกิดเหตุ คุณโชคเค้าเชื่อว่าเป็นรอยเท้าของวีณา”
โรสบอกกับกงพัดและวีณา วีณาถึงกับตกใจ
“มันรอยเท้าของคุณต่างหาก ไม่ใช่ของฉัน”
“ใครมีหลักฐานเหรอ”
“ถึงไม่มีหลักฐาน แต่ตำรวจเค้าก็ต้องพิสูจน์ได้”
“ตำรวจเหรอ” โรสยิ้มเยาะ “ตำรวจไม่รู้เรื่องนี้หรอก พวกนี้มันเป็นมาเฟีย มันจัดการทุกอย่างด้วยมือของมันเอง เธอไม่รอดไปถึงมือตำรวจหรอก” วีณาขัดใจ แต่ไม่มีทางออก โรสข่มขู่กงพัดต่อ “โชคมันเข้าใจว่าวีณามาฆ่ามันแทนเธอ แต่พลาดไปโดนท่านปฐวี มันสั่งคนออกล่าวีณาแล้ว มันต้องการแก้แค้นที่เธอไปฆ่าเมียมัน” โรสหันไปมองวีณา “เธอไม่รอดแน่ วีณา เธอต้องตายแน่ๆ เว้นแต่ว่า...”
“แต่อะไร”
กงพัดถามอย่างมีความหวัง
“ฆ่าโชคซะ ก่อนที่มันจะฆ่าวีณา” กงพัดผงะ นึกไม่ถึง โรสหว่านล้อมกงพัดต่อ “แค่จบชีวิต
คนเลวๆ เพียงคนเดียว แล้วเธอสองคนก็จะเป็นอิสระ...ตลอดไป”
กงพัดนิ่ง ตีบตันไปหมด วีณาแย้ง
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ไม่มีทาง”
“ชินภัทรเป็นแค่เด็กซื่อๆ คนนึง ส่วนชัชก็อยู่ในอุ้งมือฉัน ขอแค่โชคตายไป ก็จะไม่มีใครทำอะไรพวกเราอีก... ฆ่าโชคคนเดียว เท่ากับช่วยพี่ช่วยคนที่เธอรัก แล้วก็ช่วยตัวเธอเองให้ปลอดภัย”
“มีทางอื่นไหม” กงพัดถาม
“พัด เธออาจจะลืมไป ว่าพี่มีอำนาจพิเศษ พี่มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น มันเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้พี่มา พี่เห็นเธอฆ่ามัน โชคชะตากำหนดไว้แล้ว มันเป็นสิ่งที่เธอต้องทำ ไม่ช้าก็เร็ว”
กงพัดนิ่งคิด มองวีณาแล้วหันไปบอกโรส
“ตกลง ผมจะทำ”
โรสกอดกงพัด ยิ้ม ตาวาววับสะใจ วีณามองกงพัดอย่างสงสาร
โชคโกรธมากที่เป๋งจับตัววีณามาไม่ได้จึงเค้นคอเป๋งติดผนัง เป๋งตาเหลือก ชัชกับชินภัทรดูอยู่ ยังไม่กล้าห้าม
“ปล่อยมันหลุดไปได้ยังไง ไอ้เป๋ง แค่ผู้หญิงคนเดียว ทำไมปล่อยให้หลุดไปได้”
“ไม่ใช่คนเดียวนะครับ ไอ้มือปืนกงพัดก็อยู่ด้วย”
“แต่มันไม่มีปืน! มันสองคนมือเปล่า พวกมึงตั้งสาม ทำไมเอาตัวมันมาไม่ได้”
ชัชกระชากโชคออก
“พอเถอะ พี่โชค โวยวายไปก็เท่านั้น” เป๋งวิ่งหนีออกไป
“มันเจ็บใจนี่หว่า ฉันอยากจะรู้ ว่าใครกันแน่ ที่มันบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ถ้าไม่ใช่ไอ้ปฐวี แล้วมันเป็นใคร”
“ทำไมต้องมีใครบงการด้วยล่ะพี่ เค้าอาจจะมีความแค้นส่วนตัวกับพี่ก็ได้”
“เชอะ ฉันไม่เห็นจะเคยรู้จัก คนชื่อกงพัด มันจะมามีความแค้นกับฉันได้ยังไง”
“บางทีอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่พ่อไม่ได้สนใจก็ได้ ลองนึกดูดีๆ สิครับ ว่าพ่อเคยไปทำอะไรคนชื่อกงพัด พิมพากุล รึเปล่า” ชินภัทรบอก
“เฮ้ย เปล่า...” โชคบอกแล้วชะงัก “เดี๋ยว แกว่ามันชื่ออะไรนะ”
ชัชสงสัยท่าทีของโชค
“กงพัด พิมพากุล ครับพี่”
โชคนึกได้ หน้าซีดเผือด
“พิมพากุล”
โชคผลุนผลันออกจากห้องไป ชินภัทรงง
“พี่โชค เดี๋ยว”
ชัชวิ่งตามออกไป
ชัชเดินเข้าบ้านมาอย่างรวดเร็ว ชัชเดินเข้าในห้องโชคเห็นโชคนั่งเครียด ในมือมีโฉนดเก่าๆ อยู่ปึกหนึ่ง
“พี่โชค...”
“เป็นไปไม่ได้ มันตายไปหมดแล้วนี่หว่า”
โชครำพึงออกมา ชัชดึงโฉนดออกจากมือโชคเอามาดูอย่างแปลกใจ
“โฉนดที่ดิน ที่ตั้งบลู โอเชียน มารีน่า นี่มันอะไรกันพี่โชค”
โชคมองหน้าชัช สีหน้าเครียด หวาดหวั่น แต่ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร
คืนนั้นโรสยืนอยู่ในเงามืด ในมือมีถ้วยใสใส่ยา 2 เม็ดและแก้วน้ำ ยืนมองชัชที่กำลังคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งท่าทางเอาจริงเอาจัง
“จะได้เรื่องเมื่อไหร่”
เสียงผู้ชายท่าทางเอางานเอาการตอบ แว่วออกมา
“ไม่เกินสองสามวันครับ”
“ช้าไป!ผมให้เวลาถึงเที่ยง ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับที่ดิน ที่ตั้งบลู โอเชี่ยน มารีน่า จะต้องถึงมือผม”
ชัชวางสายนั่งลงมองรูปถ่ายของเขากับโชคที่หน้าบลู โอเชียน มารีน่า แล้วเอาคว่ำลงกับโต๊ะอย่างกลุ้มๆ กุมขมับ ปวดหัว โรสเดินเข้าไปหาช้าๆ เงียบๆ โรสวางยาลงบนโต๊ะ ชัชเงยหน้าขึ้นมอง
“เห็นคุณบ่นปวดหัว ทานยาหน่อยนะคะ”
ชัชหยิบยาใส่ปากอย่างไม่ใส่ใจมากนัก พูดไปตามมารยาท
“ขอบใจจ้ะ”
ชัชจับรูปถ่ายตั้งขึ้นอย่างเดิม สีหน้ายังเครียด โรสพูดเสียงอ่อนโยน
“สิ่งที่คุณสงสัยอยากรู้ มันไม่ได้อยู่ในรูปนี้หรอกค่ะ...แต่อยู่ที่...เบื้องหลังของมัน”
“คุณรู้...”
“ฉันเห็นค่ะ”
โรสบอกแล้วเล่าภาพที่เห็นโชคยิงพุฒตาย แล้วยิงกุลและลูกทั้งสอง แล้วจุดไฟเผาบ้านให้ชัชฟัง...รูปถ่ายตกจากมือชัชลงกับพื้น ชัชตะลึงนึกไม่ถึงแทบพูดไม่ออก
“เป็นไปไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ หรือว่าคุณไม่เคยเห็นคุณโชคฆ่าคน”
“ผมรู้ว่าพี่โชคฆ่าคนได้ แต่นี่มัน...ผู้หญิง เด็ก...ผมนึกไม่ถึง”
“พี่ชายคุณเลวร้ายกว่าที่คุณคิด เขาทำบาปมามาก พระเจ้ากำลังลงโทษเค้า” โรสกุมมือชัช พูดอย่างจริงใจ “คุณช่วยเค้าไม่ได้หรอกค่ะ คุณต้องปล่อยให้มันเป็นไป”
ชัชอึ้ง โรสปล่อยมือชัชแล้วเดินออกไป
“เดี๋ยว โรส” โรสชะงัก หันมา “แล้วที่คุณเห็น...ต่อไป มันจะเป็นยังไง”
“บาปกรรมมีจริง...ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เลือดล้างเลือด คุณโชคต้องชดใช้ในสิ่งที่เค้าทำลงไปค่ะ”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปฐวีนงพงานั่งอ่านนิยายกองโตไปถึงเล่มสุดท้าย นงพงาเงยหน้าขึ้นมา ลูบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วรำพึงทบทวนออกมา
“กุหลาบ...บ้านริมทะเล... ไฟ... โบสถ์... เด็กกำพร้า... พี่น้อง... การล้างแค้น” นงพงาปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดแล้วคิดออก “โรส ฮอลเลอร์ คุณต้องเคยอยู่ที่บ้านริมทะเล คุณเคยโดนไฟไหม้ คุณเป็นเด็กกำพร้า แล้วคุณมาที่นี่เพื่อล้างแค้น”
นงพงามีสีหน้าหวาดหวั่น
จบตอนที่ 14
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.