กุหลาบซาตาน ตอนที่ 12
วีณาไม่ต้องการให้กงพัดทำตามที่โรสบอกจึงตัดสินใจขังกงพัดไว้ในห้องนอน กงพัดยืนอยู่หน้าประตูตะโกนออกไปด้านนอก
“เปิดประตูเถอะ วี ปล่อยผมออกไป”
วีณาอยู่หน้าห้อง เธอยืนแนบบานประตูที่ล็อกไว้ด้วยกุญแจสายยูแล้วตะโกนตอบกงพัด
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ยอมให้คุณออกไปฆ่าคนหรอก”
“ผมไม่ได้จะฆ่าใคร แต่ผมต้องไปช่วยโรส”
“ฉันไม่ให้คุณไป” เสียงในห้องเงียบไป วีณาหน้าเสียกลัวกงพัดโกรธ “พัดคะ อย่าโกรธฉันนะคะ ฉันทำไปเพราะฉันเป็นห่วงคุณนะ” เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ วีณาเอาหน้าแนบประตู พูด “ได้ยินไหมคะ พัดฉันเป็นห่วงคุณนะ ฉันรักคุณนะคะ”
“ผมก็รักคุณ”
เสียงกงพัดดังขึ้นด้านหลัง วีณาหันไปดูจึงเห็นกงพัดอยู่ที่หน้าต่างอีกด้าน ซึ่งกงพัดปีนออกมาทางหน้าต่างห้องนอน ข้ามหลังคา แล้วปีนเข้ามาทางหน้าต่างอีกด้าน กงพัดเข้ามาพูดกับวีณา
“แต่โรสเป็นพี่สาวผม เป็นญาติพี่น้องคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ในโลกนี้ผมปล่อยให้ใครทำร้ายเค้าไม่ได้”
“คุณเลยจะไปฆ่าท่านปฐวี”
“เปล่า ผมแค่จะไปช่วยโรส ผมจะพาเค้าหนีไปจากที่นี่ เราสามคนจะหนีไปด้วยกัน...นะ”
วีณามองกงพัด เห็นความแน่วแน่ในดวงตา เธอถอนใจ รู้ว่าคงห้ามกงพัดไม่ได้
“คุณยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย ถ้าคุณจะไปจริงๆ ทานข้าวกับฉันก่อนได้ไหมคะ”
กงพัดพยักหน้า
ส่วนที่วัดขณะนั้นโรสยังยืนแอบอยู่ที่เดิม เสียงพระสวดจากศาลาดังแว่วมาโรสรอกงพัดอย่างหงุดหงิด
“มัวทำอะไรอยู่นะ ทำไมป่านนี้ยังมาไม่ถึงซะที”
กงพัดทานข้าวกับวีณาเสร็จจึงดื่มน้ำ แล้วลุกจากโต๊ะอาหารเดินมาที่หน้าประตู วีณาเดินตาม มองอย่างลุ้นๆ กงพัดเห็นวีณามีหน้าตาไม่สบายใจจึงหันมายิ้มปลอบ
“ผมไปนะ วี แล้วผมจะรีบกลับมา”
กงพัดหันหลังเดินไป แล้วชะงัก หน้าตาผิดปกติเหมือนมีอาการมึนหัว ภาพรอบๆ ตัวเริ่มเบลอ บิดเบี้ยว และเคลื่อนไหวช้าลง กงพัดมองวีณาอย่างรู้ทัน
“วี!”
กงพัดเซไปซบกับประตูบ้าน ทรุดลงไป วีณาเข้าไปประคอง
ส่วนที่วัดขณะนั้นพระสวดจบแล้ว โรสที่รออยู่ทนไม่ไหวตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวีณา
“ฮัลโหล นั่นคุณวีณาใช่ไหม”
วีณารับโทรศัพท์ ขณะนั้นเธอกำลังขับรถออกนอกเมือง
“ค่ะ คุณโรส”
“เธออยู่กับพัดหรือเปล่า ตอนนี้พัดอยู่ไหน ทำไมยังไม่มาที่วัด”
“ตอนนี้พัดอยู่กับฉันค่ะ แต่เค้าคงไปหาคุณไม่ได้แล้ว”
วีณาบอกพร้อมกับหันไปมองกงพัดที่นอนหลับหมดสติอยู่ที่เบาะข้างคนขับ
“หมายความว่ายังไง”
“ฉันหลอกให้พัดกินยานอนหลับ ตอนนี้เค้าหมดสติไปแล้วค่ะ” วีณาบอกเสียงอ่อย โรสขัดใจ วีณาจึงพยายามพูดหว่านล้อม “คุณโรสหนีออกมาจากที่นั่นเถอะนะคะ สิ่งที่คุณคิดจะทำมันอันตรายเกินไป ทั้งคุณทั้งพัดจะเดือดร้อนนะคะ”
“อย่ามายุ่งกับเรื่องในครอบครัวของฉัน”
“แต่พัดเป็นห่วงคุณมากนะคะ เราหนีไปด้วยกันเถอะนะคะ คุณโรส พัดอยากให้คุณหนีไปกับเรา... คุณโรสคะ คุณโรส”
โรสกดวางสายด้วยความโมโห
“พูดบ้าๆ ... แล้วนี่จะทำยังไงดี ถ้าคืนนี้จัดการท่านปฐวีไม่ได้พรุ่งนี้ เราแย่แน่”
โรสคิดๆ แล้วหยิบปืนขึ้นมาจากกระเป๋าถือ มองอย่างกลัดกลุ้มใจ
ที่ศาลาวัดขณะนั้นนงพงาและปฐวีกำลังลาเจ้าภาพ บอดี้การ์ดของปฐวียืนรออยู่ห่างๆ ดนัยเดินเข้ามาพูดกับปฐวี
“คนขับรถเอารถไปเติมน้ำมัน กำลังเข้ามาครับ”
ปฐวีพยักหน้ารับ แล้วหันไปพูดกับเจ้าภาพ
“วันนี้คงต้องขอตัวก่อน มีอะไรขาดเหลืออะไรให้คนโทรหาดนัยได้ทันทีนะครับ ผมจะช่วยคุณลุงคุณป้าเต็มที่”
เจ้าภาพทั้งสองยกมือไหว้ขอบคุณปฐวี นงพงาสลดใจทนดูไม่ไหว
“ฉันลานะคะ คุณลุงคุณป้ารักษาตัวดีๆ นะคะ” นงพงากับปฐวีเดินออกจากศาลาวัดมายืนรอรถด้านหน้า นงพงาเปรยขึ้นมาเบาๆ “สงสารคุณลุงคุณป้า มีลูกชายกับเขาอยู่คนเดียว...”
ปฐวีรู้ว่านงพงาตำหนิตนจึงไม่พอใจ
“ผมไม่ได้เป็นคนยิงมันตาย ถ้าคุณอยากจะโทษใคร ก็ไปโทษพวกนายโชคโน่น...รำคาญจริง”
ปฐวีรำคาญนงพงาจึงเดินหนีออกไปที่ถนนด้านหน้าวัด นงพงากับดนัยถึงกับอึ้ง
ขณะนั้นที่มุมมืดริมทางออกรถกระบะสีดำติดฟิล์มมืดจอดแอบอยู่หลังพุ่มไม้ โรสอยู่ในรถด้วยสีหน้ากลุ้มใจ
“จะทำยังไงดี” โรสชะงัก เมื่อเห็นปฐวีเดินมาคนเดียว “ท่านปฐวี!”
โรสเห็นปฐวีเดินลิ่วมากลางถนน ดนัยกับนงพงาและพวกบอดี้การ์ดเพิ่งตามมา ห่างออกไปมาก
โรสมองปืนในมือแล้วตัดสินใจทันที
“โอกาสสุดท้ายแล้ว ลองเสี่ยงดูแล้วกัน เป็นไงเป็นกัน”
โรสหยิบปืนขึ้นมาเล็งหาโอกาสจะยิงปฐวี ทันใดนั้นมีผู้หญิงท่าทางจัดจ้าน แต่งตัวจัดแบบคนกลางคืน 3 คนกราดเข้ามาดักหน้าปฐวี
“ไอ้ฆาตกร!”
หญิงคนหนึ่งชี้หน้าต่อปฐวี ปฐวีตกใจ
“อะไรกันเนี่ย พวกคุณเป็นใคร”
โรสชะงักเพราะกลุ่มหญิง 3 คนบังปฐวีเอาไว้หมด
“ใครกัน”
หญิงทั้งสามเท้าสะเอวมองปฐวีด้วยท่าทางเอาเรื่อง นงพงา ดนัย และบอดี้การ์ดตามมาทัน
“ฉันเป็นใครเหรอ ฉันก็เป็นแฟนของไอ้คนที่นอนอยู่ในโลงนั่นไงเพราะแกคนเดียว แฟนฉันถึงต้องตาย ไอ้หน้าเนื้อใจเสือ ไอ้ฆาตกร...ถุย” ผู้หญิงต่อว่าปฐวีแล้วถ่มน้ำลายใส่ ดนัยรีบเข้ามาขวาง ผลักหญิงคนนั้นออกไป
“ถอยไปนะ”
“อย่ามาโดนตัวฉัน... เห็นเป็นผู้หญิง คิดว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ เรอะ นี่แน่ๆ” ผู้หญิงโวยวายแล้วเอากระเป๋าตีดนัย ดนัยปัดป้อง ผลัก แต่ไม่กล้าทำรุนแรง
“เฮ้ย หยุดนะ จะบ้าหรือไง”
“พวกเราเอามัน”
หญิงทั้งสามคนเอากระเป๋าถือในมือระดมตีพวกดนัยและบอดี้การ์ด จนเกิดชุลมุนขึ้น นงพงาตกใจพยายามจะห้าม
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ใจเย็น ค่อยพูดค่อยจากัน ดนัย อย่าทำเค้า”
ไม่มีใครฟังนงพงา สามชายและสามหญิงปลุกปล้ำฉุดกระชากลากถูกัน จนกลายเป็นมวยหมู่
“บ้า คนบ้าทั้งนั้น” ปฐวีเห็นรถของตนแล่นเข้ามา จึงคว้ามือนงพงา “ไปเถอะนง ผมทนไม่ไหวแล้ว”
ปฐวีลากนงพงาเดินหนีไปทางที่รถกำลังจะแล่นเข้ามา โรสจึงถือโอกาสนี้กลั้นหายใจ เล็งปืนยิงปฐวีแต่ยังไม่ทันที่นิ้วจะเหนี่ยวไก รถตู้ติดฟิล์มดำเปิดไฟสว่างจ้าแล่นมาด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้าหาปฐวีและนงพงา ปฐวีกระชากนงพงาหลบไปอีกทาง นงพงาเสียหลักเซล้มลงกับพื้น รถตู้จอดประตูรถเปิดออกอย่างรวดเร็ว ชายใส่หมวกโม่งดำสองคนครอบกระสอบลงบนตัวปฐวีที่ยืนตะลึง แล้วอุ้มตัวเอาไป นงพงาเห็นจึงร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีด
“คุณ”
รถตู้แล่นออกไปด้วยความเร็วสูง โรสมองตามอย่างประหลาดใจ ดนัยกับบอดี้การ์ดวิ่งมาหานงพงา
“คุณนง”
“ดนัย ท่านโดนจับตัวไป มีคนจับตัวท่านไป”
นงพงาบอกด้วยความตกใจ ขณะนั้นโรสตัดสินใจรีบขับรถตามรถตู้คันนั้นไป
“พวกมันเป็นใคร จะเอาตัวท่านปฐวีไปทำไม”
โรสขับตามไปด้วยความหวั่นใจ
รถตู้แล่นมาจอดหน้าประตูโรงงานขนาดเล็กแห่งหนึ่ง โรสดับไฟรถของตนแล้วจอดลงข้างทาง ซุ่มดู
ชายโม่งดำคนหนึ่งลงจากรถไปที่หน้าประตู ยามที่เฝ้าอยู่ด้านในเดินมาดู โรสเห็นชายนั้นถอดหมวกออก เป็นลูกน้องคนหนึ่งของโชค ลงมาเจรจากับยาม โรสตกใจมากเพราะจำได้ว่าเป็นลูกน้องของโชค
“นั่นมันคนที่บ้านชัชนี่”
โรสหน้าเสีย กังวลว่าคนที่สั่งจับตัวปฐวีคือใคร ประตูอัตโนมัติเปิด รถตู้แล่นเข้าไปอย่างเร็ว โรสคว้าเสื้อคลุมมาสวมพรางตัว คว้าปืนลงจากรถวิ่งไปที่ประตูที่กำลังจะปิดอย่างช้าๆ
ร่างของปฐวีถูกแก๊งค์โม่งดำหามเข้ามาด้านในโรงฆ่าสัตว์เล็กๆ ทางเดินแคบๆ ผ่านห้องฆ่า ห้องชำแหละ เห็นซากสัตว์ เนื้อและเครื่องในที่มีเหล็กแหลมห้อยแขวนเอาไว้ระโยงระยาง บนพื้นและผนังที่ทุกคนเดินผ่าน มีคราบเลือดทั้งเก่าและใหม่เปรอะเต็มไปหมด เท้าที่เดินผ่านเลือดที่นองบนพื้น ทิ้งรอยไว้เป็นทาง ดูน่ากลัว สยดสยองมาก แก๊งค์โม่งดำพาปฐวีมาถึงห้องด้านหลังแล้วโยนร่างของเขาลงบนพื้น ปฐวีร้องโอ้ย ส่งเสียงอู้อี้ออกมา
“แกเป็นใคร ต้องการอะไรปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“แก้มัดมัน”
โชค ซึ่งสวมหมวกโม่งดำสั่งลูกน้อง แล้วยืนมองลูกน้องแก้มัดปฐวี ปฐวีหลุดจากกระสอบ เห็นชายในโม่งดำกับลูกน้องสองคน
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร”
ปฐวีถามอย่างตกใจ โชคหัวเราะอย่างขบขัน ขณะนั้นโรสแอบเดินเข้ามาจากด้านหลัง โรสขยะแขยงกับสภาพโรงฆ่าสัตว์แทบจะทนไม่ไหว พอดีได้ยินเสียงหัวเราะของโชค โรสรีบเดินไปตามเสียงจึงเห็นปฐวีกับชายโม่งดำยืนหัวเราะลั่น มีลูกน้องสองคนขนาบข้าง โรสเอะใจ รู้สึกคุ้นเสียง
“นั่นมัน...” ชายคนนั้นดึงหมวกออก ปรากฏว่าคือโชค โรสตกใจ “คุณโชค!”
โชคหยุดหัวเราะ ยกปืนเล็งไปที่ปฐวี
“ฉันก็จะฆ่าแก เหมือนอย่างที่แกคิดจะฆ่าฉันไง ไอ้ปฐวี”
ปฐวีจะโถมเข้าแย่งปืน โชคยิงใส่ที่ขาปฐวีล้มลงกับพื้น ลูกน้องโชคอีกสองคนเล็งปืนมาทางเขา ปฐวีอึ้ง รู้ว่าเขาไม่มีทางสู้ โรสมองเห็นโชคและทุกคนพุ่งความสนใจไปที่ปฐวี โรสยิ้ม ตาวาว
“นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะโชคดีอย่างนี้...เสร็จฉันล่ะ คุณโชค”
โรสยกปืนขึ้นมาเล็งหาโอกาสยิงโชค ปฐวีเอามือกุมขาที่เลือดไหล พยายามต่อรอง เอาตัวรอด
“ถ้าแกฆ่าฉัน ทั้งคนของฉัน ทั้งตำรวจ จะต้องตามล่ามาถึงตัวแกจนได้ แกไม่มีทางรอด”
“ฝันไปรึเปล่า นักการเมืองที่ตายแล้ว หมดอำนาจวาสนา ใครจะมาสนใจเผลอๆ คนของแกอาจจะขอบใจฉัน ที่ช่วยกำจัดแกไปซะได้ พวกตำรวจน่ะ ไม่ต้องพูดถึง...” โชคทำมือท่าจับเงิน “เรื่องเล็ก” ระหว่างพูดโชคเดินไปเดินมาตลอด ทำให้โรสหาจังหวะยิงไม่ได้ “แล้วแกรู้ไหม ว่าหลังจากที่แกตายแล้ว แกจะไปไหน...ฉันจะจับแกใส่เครื่องบด แกจะกลายเป็นอาหารหมา นั่นล่ะ มันถึงจะสาสมที่แกบังอาจคิดฆ่าฉัน”
โชคหัวเราะสะใจ ปฐวีหัวเราะขึ้นมาบ้าง โชคชะงัก
“แกนี่มันโง่จริงๆ ...จะบอกให้แก้โง่นะ คนที่จ้างมือปืนมาฆ่าแก คนที่อยากให้แกตาย ไม่ใช่ฉัน! ต่อให้แกฆ่าฉัน แกก็ต้องตายอยู่ดี แกไม่มีทางหนีรอด”
โชคเข้ามากระชากปฐวี
“มันเป็นใคร”
โรสตกใจ
“อย่านะ อย่าพูดนะ”
โรสพึมพำออกมา ขณะที่ปฐวีหัวเราะเยาะโชค
“คนที่จะฆ่าแก อยู่ใกล้ตัวแกนิดเดียว ไม่ว่าแก น้องชายแก รึว่าลูกแก ไม่มีใครหนีมันพ้น”
“บอกมา มันเป็นใคร” โชคเขย่าปฐวีแล้วตะโกนลั่น “มันเป็นใคร!”
ปฐวีกำลังหัวเราะอย่างได้เปรียบ
“ฉันจะบอกแก ถ้าแก...” ปฐวัชะงัก เหมือนเห็นอะไร
“อะไร”
เสียงดังปัง ปัง กระสุนปืนพุ่งเข้าใส่ปฐวี เข้ากลางลำตัว 2 นัด ปฐวีทรุดกับพื้น โชคตกใจ หันตามวิถีกระสุน เห็นอะไรไหวๆ
“ใครวะ ตามมันไป”
ลูกน้องโชคยังไม่ทันขยับตัว เสียงไซเรนตำรวจดังมาจากด้านนอก
“ตำรวจมา!”
“หนีก่อนเถอะครับ นาย ไม่งั้นเรื่องยาวแน่”
ลูกน้องบอก โชคขัดใจ
ขณะนั้นตำรวจวิ่งกรูนำกำลังบุกเข้ามาในโรงฆ่าสัตว์ ดนัยวิ่งตาม
“เสียงปืนมาจากทางนี้”
ตำรวจกับดนัยพากันบุกเข้าไป เห็นร่างของปฐวีนอนอยู่กลางพื้น
“ท่าน...ท่านครับ”
ดนัยรีบเข้าไปประคองปฐวี ตำรวจวิทยุเรียกรถพยาบาล ปฐวีกระตุกเลือดทะลักออกจากปาก ตาค้าง อาการร่อแร่ เหมือนจะตาย
โรสย่องขึ้นมาจากดงหญ้าข้างทาง ขึ้นรถขับออกไปเงียบๆ โดยไม่เปิดไฟหน้ารถ
ปฐวีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลภูษณะ นงพงาวิ่งตามรถที่เข็นร่างไร้สติของปฐวีไปตามทาง เพื่อไปยังห้องฉุกเฉิน อาการของปฐวีดูแย่มากเพราะปฐวีเริ่มมีอาการช็อกและกระตุก หมอและพยาบาลดูท่าทางร้อนใจ หมอภาคภูมิ พ่อของภูษณะ สั่งอย่างเร่งร้อน
“เตรียมผ่าตัดด่วน คนไข้มีอาการช็อกแล้ว”
ทั้งหมดลับเข้าประตูห้องฉุกเฉินไป นงพงายืนหน้าซีดเผือดมองตาม แววตาทั้งหวาดกลัวและเสียขวัญ ดนัยเดินมาหานงพงา ตำรวจและบอดี้การ์ดของปฐวีเดินตามมา
“คุณนงครับ ตำรวจอยากสอบปากคำคุณนงครับ”
ดนัยทำท่าจะเดินนำไป แต่นงพงายังยืนนิ่ง
“คุณนงครับ คุณนง”
นงพงาทรุดฮวบลง ดนัยประคองเอาไว้ทัน พยาบาลวิ่งกรูกันมาประคองนงพงาไป
อีกด้านหนึ่งที่โรงแรมของชัช ชัชเพิ่งกลับจากห้องอาหารที่เลี้ยงลูกค้า เดินผ่านจอทีวีขนาดใหญ่ ชัชชะงักเมื่อเห็นข่าวด่วน
“เมื่อเวลาประมาณ 20 นาฬิกาวันนี้ นายปฐวี เลิศวิทยา รองหัวหน้าพรรคสันติไทย ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบชื่อ ลักพาตัวไป โดยใช้รถตู้สี ... ไม่ทราบเลขทะเบียน โดยคนร้ายได้ขับรถพุ่งเข้าชนนายปฐวีและนางนงพงา เลิศวิทยา ภรรยา ระหว่างที่เดินกลับจากงานศพของนายสมบูรณ์ สุกปลั่ง ที่วัด...”
ชินภัทรวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาชัช
“อาชัชครับ อาชัช”
“ชิน” ชินภัทรชะงัก เมื่อเห็นข่าวในจอ “มีอะไร”
“ผมเห็นข่าวนี้ในทีวี ท่านปฐวีถูกอุ้มฆ่า...อาชัชว่าพ่อ...”
ชัชยกมือห้ามชินภัทร แล้วตัดบท
“ไปคุยกันที่อื่น”
ชัชหน้าเครียด เดินนำชินภัทรไป
ชัชเปิดประตูห้องทำงานโชคเข้ามาพร้อมชินภัทร เจอโชคหน้าตาเครียด กำลังเปิดทีวีดูข่าว
ทั้งสองตกใจ
“พี่โชค! / พ่อ!”
โชคทำสัญญานให้เงียบ เพื่อฟังข่าว
“... ส.ส. ปฐวีถูกยิงทั้งสิ้น 3 นัด ที่ขาและที่กลางลำตัว 2 นัด ลูกกระสุนทะลุปอดด้านซ้าย อาการสาหัส ขณะนี้ทางคณะแพทย์กำลังระดมกำลังกันผ่าตัด เพื่อช่วยชีวิต ซึ่งทางเราจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป”
ข่าวจบ ชัชปิดทีวีแล้วเปรยขึ้นมา
“คดีอุ้มฆ่าอุกอาจขนาดนี้ ถ้าท่านปฐวีตาย เรื่องใหญ่แน่...”
“พ่อเป็นคนทำใช่ไหมครับ”
ชินภัทรถามโพล่งขึ้นมา โชคชะงัก ไม่พอใจ
“ชินออกไปก่อน” ชัชบอก
“ไม่ครับ อาชัช ผมไม่ใช่เด็กแล้ว ผมโตพอที่จะรู้ความจริงได้แล้ว ว่าพ่อของผมทำอะไรลงไป”
“ไอ้ชิน! ตำรวจเค้ายังไม่มีเบาะแสคนร้ายเลย ทำไมแกเสือกคิดว่าชั้นเป็นคนทำ ฉันเป็นพ่อแกนะเว้ย”
“แต่พ่อก็เป็นมาเฟีย! พ่อกับท่านปฐวีเป็นศัตรูกัน แล้วพ่อจะให้ผมเชื่อเหรอครับ ว่าพ่อไม่ได้เป็นคนทำ”
“ฉันไม่เกี่ยว ฉันอยากฆ่าไอ้ปฐวีก็จริง แต่ฉันยังไม่ได้ฆ่ามันโว้ย ยัง!”
“ผมไม่เชื่อ พ่อโกหก”
“ไอ้ชิน”
โชคพุ่งเข้าใส่ชินภัทรอย่างลืมตัว ชัชเข้าขวาง ดึงไว้
“พี่โชค อย่า” ชัชชะงัก ได้กลิ่นจากเสื้อโชค “นี่กลิ่นอะไร” โชคผละออกจากชัช หน้าเสีย ชัชมองอย่างรู้ทัน “ในข่าวบอกว่า ส.ส.ปฐวีโดนอุ้มไปฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ แล้วกลิ่นที่ติดตัวพี่มานี่มัน... พี่ไปที่นั่นมาใช่ไหม พี่โชค” ชัชถามอย่างโมโห
“เออ ฉันเป็นคนอุ้มมันไปเอง แกจะทำไม” ชินภัทรมองโชคอย่างเสียใจ แล้วผลุนผลันออกไป “ชิน ไอ้ชิน กลับมาก่อน ไอ้ชิน... แกดู ดูลูกฉันมันทำ ไอ้ชิน!ฉันบอกให้กลับมา”
ชินภัทรวิ่งออกมานอกโรงแรมแล้วตะโกนออกมาอย่างเจ็บใจ
“ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไม”
ส่วนที่ห้องทำงานของโชค ชัชยังถามโชคถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โชคจึงตอบเสียงดังด้วยความโมโห
“ฉันไม่รู้โว้ย ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันยิงขู่มันไปแค่นัดเดียว นัดเดียวจริงๆ ที่ขานี่”
“แล้วอีกสองนัด ใครยิง” ชัชถามเสียงเข้ม
“มันมาจากข้างหลัง ใครดอดเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ ฉันไม่ทันเห็น รู้แต่ว่ามันเป็นคนยิงกระสุนอีกสองนัด ไอ้คนนั้นต่างหากที่เป็นคนฆ่าไอ้ปฐวี ไม่ใช่ฉัน”
ชัชกลุ้มใจ ระเบิดใส่โชค
“แต่พี่เป็นคนพาท่านปฐวีไปที่นั่น ถ้าเราหาตัวไอ้คนยิงคนนั้นไม่เจอ พี่รู้ไหม ว่าใครซวย หา ใครซวย!”
โชคเซ็ง ชัชกลุ้มใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 12 (ต่อ)
ส่วนที่บ้านของโชคขณะนั้นโรสขึ้นมาจากท่าเรือหลังบ้าน ย่องลัดเลาะแอบมาตามสวน เพื่อหลบเข้าประตูข้างบ้าน โรสย่องมาชนเข้าชินภัทรที่เดินกลับเข้าบ้านมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ว้าย” โรสร้องอย่างตกใจ กระเป๋าถือในมือหล่น “ชิน”
“อาโรส” ชินภัทรจะเก็บกระเป๋าให้ โรสรีบแย่งเก็บมาก่อน ชินภัทรเลยไม่ทันเห็นปืนในกระเป๋า
“ขอโทษทีครับ ผมไม่ทันมอง”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
ชินภัทรยังอารมณ์ไม่ดี เลยก้มหัวเดินเลี่ยงไปอีกทาง ไม่ได้สนใจโรสอีก โรสถอนใจโล่งอก แล้วได้ยินเสียงแตรรถชัชดังมาจากประตูหน้าบ้าน โรสสะดุ้งตกใจรีบวิ่งขึ้นชั้นบน
ชัชลงจากรถถามเป๋งที่ยืนรอรับอยู่
“ชินกลับถึงบ้านแล้วใช่ไหม”
“ครับ หน้าบูดมาเลย”
“แล้วคุณโรสล่ะ”
“ผมอยู่หน้าบ้านตลอด ยังไม่เห็นเลยนะครับ”
ชัชทำหน้าแปลกใจ แล้วเดินเข้าบ้าน
โรสรีบเข้ามาในห้อง เปิดโคมไฟเหนือลิ้นชัก เอาปืนออกจากกระเป๋าแล้วเก็บไว้อย่างเดิมในลิ้นชักด้วยอาการลนลาน ชัชเดินมาที่ห้องนอน โรสปิดลิ้นชัก ถอนหายใจโล่งอก แล้วค่อยรู้สึกได้กลิ่นที่แขนเสื้อ
“อื้อฮือ...กลิ่นเลือด เหม็นหึ่งเลย”
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเดินปังๆ มาถึงหน้าประตูห้อง โรสสะดุ้ง
“ชัช!”
โรสตัดสินใจวิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำ ชัชเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเอะใจ ที่เห็นไฟโคมเปิดอยู่ทั้งที่ในห้องไม่มีคน ชัชระแวง เดินไปที่ตู้ลิ้นชักไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วชะงัก ทำจมูกฟุดฟิด ไม่แน่ใจ พอดีมีเสียงเปิดน้ำในห้องน้ำ ชัชหันขวับไปมองลืมเรื่องกลิ่นไป
“ไหนเป๋งบอกว่าโรสไม่อยู่บ้าน... นั่นใคร”
ชัชตะโกนถาม ขณะนั้นโรสอยู่ในห้องน้ำสวมแค่เสื้อสายเดี่ยวตัวใน ถอดเสื้อตัวนอกออกดม หน้าเครียด
“ชัชยิ่งจมูกดีอยู่ด้วย ถ้าได้กลิ่นเลือดที่เสื้อผ้า ต้องสงสัยแน่ทำยังไงดี”
“ใครอยู่ในห้องน้ำน่ะ” ชัชตะโกนถามแต่ไม่มีคำตอบ ชัชหยิบปืนขึ้นมา “ฉันถามว่าใคร”
ชัชค่อยๆ เดินไปที่ประตูห้องน้ำ จับลูกบิดเปิดประตู ชัชพุ่งตัวเข้าไปพร้อมปืนในมือ แล้วถึงกับผงะ เพราะกลิ่นที่หอมจัด ชัชเห็นโรสนอนหลับตา แช่ในอ่างอาบน้ำที่มีฟองสบู่ท่วมตัวมาถึงคอ ใส่หูฟังฟังเพลงจากมือถือ ผ้าเช็ดตัวพาดอยู่ริมอ่าง โรสสะดุ้งลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ
“ชัช” โรสถอดหูฟัง “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ชัชเก็บปืน
“ขอโทษที ผมได้ยินเสียงในห้องน้ำ ไม่คิดว่าเป็นคุณ เห็นเป๋งบอกว่าคุณไม่อยู่บ้าน”
โรสทำงง
“เปล่านี่คะ... อ๋อ เผอิญปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ เลยทานยาแล้วนอนหลับอยู่ในห้อง เป๋งเห็นฉันไม่ลงไปทานข้าว คงคิดเอาเองว่าไม่อยู่”
ชัชลงนั่งที่ข้างอ่างน้ำ มองโรสอย่างสนใจห่วงใย
“แล้วนี่หายหรือยัง”
“ค่ะ ได้นอนแช่น้ำร้อนก็เลยดีขึ้น” โรสเอื้อมมือขึ้นมาจากฟองสบู่ จับมือชัชไว้ เปลี่ยนเรื่องคุย “คุณก็ดูเหนื่อยๆ มานอนแช่ด้วยกันไหมคะ”
โรสยิ้มหวาน ชัชอดยิ้มตอบไม่ได้
“ไม่ไหวล่ะ กลิ่นมันหอมจัดเหลือเกิน” ชัชทำจมูกฟุดฟิด “นี่คุณเทสบู่ลงไปหมดขวดเลยรึเปล่านี่” โรสปล่อยมือชัช ชัชลุกขึ้นยืน “เชิญคุณแช่ตามสบายเถอะ เดี๋ยวผมไปอาบห้องอื่นก็ได้”
ชัชเดินออกไป โรสถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอก แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น เห็นว่าใต้ฟองสบู่นั้น โรสยังใส่เสื้อกางเกงครบ ในมือมีเสื้อตัวนอก ที่ซ่อนเอาไว้ใต้ฟองสบู่
“ขอโทษนะคะ ชัช ที่ต้องหลอกคุณ แต่ฉันจำเป็นจริงๆ”
โรสรู้สึกผิดและสงสารชัช
ทางด้านกงพัดเมื่อรู้สึกตัวกงพัดค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นตัวเองอยู่ในรถ มองไปที่หน้าปัทม์นาฬิกาเห็นนาฬิกาบอกเวลาตีสามครึ่งกงพัดลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ มองไปรอบๆ ตัว เห็นว่ารถจอดอยู่หน้าร้านมินิมาร์ทในปั๊มน้ำมัน
ขณะนั้นวีณาอยู่ในร้านมินิมาร์ท วีณาหยิบของที่ชั้นพอหันมาเจอกงพัดยืนอยู่ข้างหลัง วีณาตกใจ สะดุ้งเฮือก
“พัด”
“คุณทำอะไรผมน่ะ วี แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วตอนนี้โรสอยู่ไหน”
วีณาหน้าจ๋อยสุดๆ
พอออกมานอกร้านกงพัดหันหน้าเข้ากำแพง เอามือทุบผนังอย่างขัดใจ อัดอั้น
“พอเถอะค่ะ จะให้ฉันพูดกี่ครั้ง ว่าฉันขอโทษ ฉันเสียใจ” กงพัดหันมามองหน้าวีณาถอนใจ วีณาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ฉันทำไปเพราะฉันรักคุณนะคะ ฉันเป็นห่วงคุณ ไม่อยากให้คุณไปเสี่ยงอันตราย”
กงพัดเห็นวีณาจะร้องไห้ก็ใจอ่อน
“ผมรู้ แต่วีก็ต้องเข้าใจผมด้วย พี่สาวผมตกอยู่ในอันตราย คุณจะให้ผมทิ้งเค้าได้ยังไง”
“ฉันชวนคุณโรสหนีมากับเรา แต่เค้าไม่ยอมมาเอง ไม่แน่ เค้าอาจจะหาทางแก้ปัญหาได้แล้วก็ได้”
แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาสว่างจ้า กงพัดดึงวีณาหันหลังหลบ รถส่งหนังสือพิมพ์แล่นเข้ามาจอดเทียบหน้ามินิมาร์ท คนขับรถโยนหนังสือพิมพ์มัดใหญ่ลงมา ปัง! แล้วออกรถไป กงพัดกับวีณาหันกลับมา วีณาเห็นข่าวพาดหัว มีรูปปฐวีในข่าวก็ตกใจ
“เอ๊ะ!”
“อะไร”
วีณาเข้าไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู เห็นข่าวพาดหัวตัวเป้ง
“ปฐวีโดนอุ้มฆ่า จ่อยิงทะลุปอด อาการสาหัส หมอลุ้นต่อชีวิต” วีณาอ่านกราดไปตามเนื้อข่าว แล้วเงยหน้าบอกกงพัด “เหตุเกิดเมื่อคืน ที่งานศพ”
“เค้าบอกหรือเปล่า ว่าใครยิง” กงพัดถามอย่างตกใจ
“ไม่ค่ะ แต่ตำรวจเค้าสันนิษฐานว่าจะเป็นปมขัดแย้งทางธุรกิจ...แล้วคุณล่ะคะคุณคิดว่า “ใคร”
กงพัดนิ่ง อึ้งไป
ส่วนที่โรงพยาบาลปฐวีนอนอยู่ในห้องไอซียูมีเครื่องช่วยชีวิตเต็มตัว หมอภาคภูมิตรวจอาการแล้วถอนใจอย่างหนักใจก่อนจะเดินออกมา
หมอภาคภูมิเดินเข้ามาที่ห้องพักอีกห้องเห็นนงพงาซึ่งอยู่ในชุดคนไข้กำลังจะลงจากเตียง
“คุณนงพงา”
“ท่านเป็นยังไงบ้างคะ คุณหมอ”
หมอภาคภูมิมีสีหน้าหนักใจ
“ก็ยังน่าเป็นห่วงครับ ตอนนี้ผมใช้ยา แล้วก็เครื่องมือต่างๆ ช่วยประคองชีพจรเอาไว้ แต่เราก็ต้องดูอาการกันต่อไป”
“แปลว่าท่านอาจจะไม่รอดใช่ไหมคะ”
“เอาเป็นว่า เราอาจจะพอมีหวังดีกว่านะครับ”
“ฉันไปดูท่านหน่อยได้ไหมคะ”
“คุณนงพงากลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน ทางนี้ไม่ต้องห่วง เราจะดูแลท่านอย่างดีที่สุด” หมอภาคภูมิยิ้มปลอบใจนงพงา “อย่าลืมซี ลูกสาวคุณนงพงากับภูษณะลูกชายผมเป็นเพื่อนกันนะ”
“ดิฉันฝากด้วยนะคะ คุณหมอ...ยัยไป๋รักคุณพ่อมาก ถ้าหากแกรู้ คงจะ...” นงพงาพูดไม่ออกน้ำตาจะไหลออกมา
“แล้วนี่หนูไป๋ยังไม่รู้อีกเหรอครับ”
ไปรมายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะขณะนั้นเธอและเพื่อนนักเรียน กำลังฝึกโปรแกรม Booking and registration อยู่ มีอาจารย์ยืนควบคุม วินัยเดินเข้ามา
“Excuse me, Professor. I have to talk to Praima.”
ไปรมาออกไปคุยกับวินัย
“คุณแม่ให้คุณพอลมารับไป๋กลับเมืองไทย มีเรื่องอะไรเหรอคะ ไม่เห็นคุณแม่โทรมาบอกเลย” ไปรมาถามอย่างแปลกใจ วินัยมีสีหน้าลำบากใจ
“ตอนนี้คุณนงพงาอาการไม่ดีนัก เลยขอให้คุณพอลช่วยจัดการเรื่องนี้แทน”
“คุณแม่เป็นอะไรคะ” ไปรมาถามอย่างตกใจ
“ท่านส.ส. ปฐวีถูกยิง คุณนงพงาตกใจแล้วก็ขวัญเสียมาก ท่านอยากให้เธอกลับกรุงเทพฯ ทันที”
ไปรมาถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไปรมาเดินออกจากโรงเรียนหน้าเศร้าพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ โดยมีพีชญามาส่ง
“ทำใจดีๆ ไว้ ไป๋ คุณพ่อเธอคงไม่เป็นอะไรมากหรอก”
ภูษณะเสร็จจากการโทรศัพท์ เดินมาสมทบ พูดให้กำลังใจไปรมา
“พ่อเราเป็นคนผ่าตัดพ่อไป๋เองกับมือ ท่านพ้นขีดอันตรายแล้ว ตอนนี้พักดูอาการอยู่ในห้องไอซียู”
“คุณพ่อคงอาการหนักมาก คุณแม่ถึงตกใจขนาดนั้น”
“งั้นเธอก็ต้องยิ่งเข้มแข็ง เธอต้องดูแลคุณแม่นะ”
“เข้าแข็งไว้นะ ไป๋”
เพื่อนรุมกันกอดให้กำลังใจ ไปรมาเช็ดน้ำตาป้อยๆ
“เราไปก่อนนะ”
“มีอะไรโทรมานะ ไป๋ พวกเราจะเป็นกำลังใจให้”
ไปรมาพยักหน้า แล้วเดินไปหาคุณพอลที่รออยู่นอกประตู ไปรมากับคุณพอลลับตาไป พีชญากับภูษณะหันมองหน้ากัน แล้วถอนหายใจ
“แย่เนอะ”
“แย่ดิ หวังว่าคนที่ยิงพ่อไป๋คงไม่ใช่พ่อไอ้ชินนะ ไม่งั้นไป๋คงจะแย่กว่านี้”
พีชญากับภูษณะหนักใจแทน
ส่วนที่กรุงเทพรถตำรวจเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านโชค เป๋งยืนรอรับ หน้าเครียด
“บ้านคุณโชค ชนารณพใช่ไหม” เป๋งพยักหน้า “ผมมาพบคุณโชค”
“ผมอยู่นี่”
โชคกับชัชเดินออกมาหน้าบ้าน โชคมองตำรวจอย่างไม่พอใจ จากระเบียงด้านบนของบ้านชินภัทรยืนแอบมองโชคเดินขึ้นรถตำรวจไปอย่างเศร้าใจ โรสเดินมาแตะไหล่เบาๆ เหมือนจะปลอบใจ แล้วแอบยิ้ม
ที่สถานีตำรวจขณะนั้นตำรวจคุมตัวยามโรงฆ่าสัตว์และหญิง 3 คนที่ไปป่วนในงานศพออกมาจากห้องสอบสวนเอาไปไว้อีกห้อง นงพงากับดนัยเดินตามออกมา
“หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ คงดิ้นไม่หลุดแน่ ใช่ไหม คุณทนาย” ดนัยถามทนาย
“ครับ เรามีคำให้การของผู้หญิงพวกนั้น ว่าคุณโชคเป็นคนจ้าง ให้พวกเธอไปก่อกวน เบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อหาจังหวะจับตัวท่านปฐวี ส่วนยามที่เฝ้าโรงฆ่าสัตว์ที่หนีไปเมื่อคืน ตำรวจเค้าจับตัวได้ แกก็สารภาพว่าคุณโชคจ่ายเงินให้แก เพื่อขอใช้โรงฆ่าสัตว์คืนนั้น”
“คำให้การเท่านี้ พอไหมคะ ที่เราจะจับคุณโชคขังเอาไว้” นงพงาถามขึ้นมา
“คุณนงหมายความว่า...”
“ฉันเป็นห่วงท่าน ถ้าคุณโชครู้ว่าท่านปฐวียังไม่ตาย เค้าอาจจะทำอะไรอีกก็ได้ ฉันอยากให้ควบคุมตัวคุณโชคเอาไว้ จนกว่าท่านปฐวีจะพ้นขีดอันตรายค่ะ”
นงพงาบอก ทนายจึงจัดการเรื่องนี้
โชคถูกนำตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจแต่แล้วชินภัทรก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าตำรวจไม่ให้ประกันตัวโชค
“อะไรนะครับ ห้ามประกันตัว!”
“นี่ คุณตำรวจ พี่ชายผมเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยนะครับ มันเป็นสิทธิ์ตามกฏหมายของเรา ที่จะขอประกันตัวได้” ชัชบอกอย่างไม่พอใจ
“นี่เป็นกรณีพิเศษครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อความปลอดภัยของท่านปฐวี เพราะทางครอบครัวเกรงว่า ระหว่างพิจารณาคดี คุณโชคอาจจะลอบทำร้าย หรือข่มขู่ท่านปฐวี ที่นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลก็เป็นไปได้”
“เหลวไหล นี่มันกล่าวหากันชัดๆ” ทนายบอกอย่างไม่พอใจ
“น้อยไปสิคุณ อย่างคุณโชค ผมว่าน่าจะจับขังเดี่ยวด้วยซ้ำไป”
ตำรวจบอกไม่ทันขาดคำ ถังขยะในห้องด้านในก็กระเด็นหวือออกมา พร้อมเสียงโวยวายของโชค
“ใครวะ ใครจะจับกู ให้มันเรียงหน้ากันเข้ามา พ่อจะยิงให้ไส้แตก”
“นี่ ถ้าไม่หยุดพูด ผมจะตั้งข้อหาข่มขู่เจ้าพนักงานนะคุณ”
โชคเดินปึงปังออกมา ตำรวจวิ่งตาม
“แกทำงานประสาอะไร ทำไมพวกนี้มันจะจับฉันเข้าตะราง” โชคต่อว่าทนาย แล้วหันไปถามตำรวจต่อ “กลัวผมไปฆ่าไอ้ปฐวีงั้นเหรอ เชอะ ถ้าผมจะฆ่ามันจริงๆ มันตายไปนานแล้ว”
“หยุดพูดเถอะครับ พ่อ ยิ่งพูดก็ยิ่งแย่” ชินภัทรบอก
“พ่อพูดความจริง ชินต้องเชื่อพ่อนะ ไอ้ชัช แกฟังฉัน หามือปืนคนนั้นให้เจอ มันนั่นแหละ ที่จะฆ่าไอ้ปฐวี ไม่ใช่ฉัน!” โชคบอกชัชด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอาตัวไปขังได้”
ตำรวจสั่ง ตำรวจอีกคนจึงจะจับโชค โชคฮึดฮัด แต่ก็โดนลากตัวไปจนได้
“เชื่อฉัน ไอ้ชัช หาตัวไอ้คนนั้นให้ได้ มันคิดฆ่าไอ้ปฐวี แล้วป้ายความผิดให้ฉัน...หามันให้เจอ”
โชคตะโกนบอกก่อนจะลับเข้าไปข้างใน ชินภัทรมองหน้าชัชอย่างกลุ้มๆ
“เราจะทำยังไงต่อไปครับ อาชัช”
“ก็สู้คดีกันไป ถ้าพ่อแกพูดจริง ตำรวจก็เอาผิดเค้าไม่ได้”
“อาชัชเชื่อด้วยเหรอครับ ว่าพ่อไม่ได้ทำ”
ชัชมองชินภัทรแล้วพูดเสียงจริงจัง
“พ่อของแก อาจจะเคยทำอะไรมาหลายอย่าง แต่คราวนี้อาเชื่อ...พ่อของแกพูดจริง เค้าไม่ได้ทำ”
ชินภัทรมองหน้าชัช ดวงตามีความหวัง “เราต้องช่วยพ่อแก ต้องหาตัวมือปืนคนที่ลอบยิงท่านปฐวีให้ได้”
“แต่เราจะหาตัวมันเจอได้ยังไงล่ะครับ อาชัช พ่อไม่ทันเห็นหน้ามัน ตำรวจก็ไม่เห็นในวันนั้น ไม่มีใครได้เห็นหน้ามันซักคน”
ชัชคิดอะไรได้ ยิ้มออกมา
ชัชกับชินภัทรกลับมาบ้านเพื่อขอให้โรสช่วยหาตัวมือปืน โรสถึงกับตกใจ
“อะไรนะคะ จะให้ฉันหาตัวมือปืนที่ยิงท่านปฐวี”
“ใช่ ด้วยสัมผัสพิเศษของคุณไง โรส...พรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานมาให้คุณคุณเท่านั้น ที่จะช่วยพี่โชคได้” ชัชบอก
“ฉันไม่แน่ใจ...มันเป็นสิ่งที่ฉันควบคุมไม่ได้ บางทีก็เห็น บางทีก็ไม่เห็น” โรสบ่ายเบี่ยง
“แต่ที่ผ่านมา คุณก็เห็นทุกอย่าง เรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่โชคกับครอบครัวของเรา...”
“แต่มันจะมีประโยชน์อะไรคะ ถึงฉันเห็น บอกไปตำรวจก็คงไม่เชื่อ”
ชินภัทรทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาขอร้องโรสอย่างจริงใจ
“อาโรสครับ อาโรสเคยบอกพวกเรา ว่าอามาที่นี่เพื่อช่วยพ่อ พ่อของผมกำลังถูกใส่ร้ายนะครับ ถ้าอาโรสมีอำนาจพิเศษจริงๆ ผมขอร้อง”
“ผมเชื่อนะ โรส” ชัชมองลึกลงไปในดวงตาโรส “ว่าถ้าคุณมีอำนาจ มองเห็นอันตรายที่เกิดขึ้นกับคนอื่นได้จริงๆ คุณต้องเห็น ว่าคืนนั้น ใครเป็นคนยิงท่านปฐวี”
ชัชพูดจริงจังมาก โรสอึ้ง รู้ตัวว่าไม่อาจปฏิเสธได้
โรสเดินออกมาที่ระเบียงบ้านแล้วเดินงุ่นง่านอย่างกลุ้มใจ
“มันยังไงกันเนี่ย ชัชสงสัยเรารึเปล่า” โรสคิดไปคิดมา พยายามปลอบใจตัวเอง “ไม่หรอกน่ะ ก็เค้ารู้นี่ ว่าเรามีสัมผัสพิเศษ เค้าคงหวังพึ่งเราจริงๆ” โรสคลายใจลง แล้วคิดไปคิดมาก็กลุ้มใจอีก “แต่เราจะบอกชัชว่ายังไงดีล่ะ เราจะบอกเค้าว่าใครเป็นคนยิงท่านปฐวี”
จบตอนที่ 12
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.