กุหลาบซาตาน ตอนที่ 10
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่สวิสเซอร์แลนด์ชัชกับชินภัทรกำลังคุยอยู่กับวินัย
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”
ชัชถามชินภัทร
“ครับ ขืนอยู่ต่อไปก็เรียนไม่รู้เรื่อง ผมขอหยุดพักไปก่อนดีกว่า”
“ตามใจ... ถ้าคนร้ายยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ อาก็เป็นห่วงแกเหมือนกัน ทางโรงเรียนคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ” ชัชหันไปถามวินัย
“เราอนุญาติให้นักเรียนหยุดเรียนได้ไม่เกิน 1 ปี ถ้าหากมีเหตุจำเป็น... แต่พอกลับไปถึงเมืองไทย คุณก็แวะไปแจ้งให้คุณพอลทราบหน่อยแล้วกัน” วินัยบอกกับชินภัทร
“ครับ”
ชัชกับชินภัทรลาวินัย แล้วเดินออกมาจากห้อง เห็นพีชญากับภูษณะแอบๆ รออยู่
พีชญากับภูษณะเดินเข้ามา พีชญาตบหลังตบไหล่ชินภัทรอย่างเป็นห่วง
“Tack care นะ ชิน มีอะไรก็โทรมาหากันบ้าง เดี๋ยวพอปิดเทอมแล้วเราจะไปเยี่ยม”
ชินภัทรพยักหน้ารับ ภูษณะพยักเพยิด
“ก็ตามนั้น...โอเคนะ”
“ขอบใจนะ ที่มาส่ง”
ชินภัทรเหลียวมองไปรอบๆ ใจหายที่ไม่เห็นไปรมา ภูษณะมองอย่างรู้ทัน
“ไป๋ไม่กล้ามาให้นายเห็นหน้า แต่ฝากมาลา ขอให้นายเดินทางปลอดภัย”
ภูษณะบอกชินภัทรพยักหน้ารับ พีชญาพูดขึ้นเสียงอ่อยๆ
“คุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอชิน ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน”
“แล้วเค้าอยู่ไหนล่ะ”
“ไม่รู้ ไม่มีใครเห็นหน้าตั้งแต่เช้าแล้ว”
ชินภัทรคิดๆ แล้วหันมองหน้าชัช เหมือนขอความเห็น
ขณะนั้นไปรมานั่งอยู่ในโพรงใต้ต้นไม้อย่างเศร้า ชินภัทรเดินออกมาที่สนาม มองไปที่ต้นไม้ แล้วเดินไปใกล้ๆ แล้วพูดกับต้นไม้
“เราขอโทษนะ ที่มันกลายเป็นแบบนี้ เราเองก็เสียใจเหมือนกัน” ไปรมาที่อยู่ในโพรงต้นไม้ ฟังอย่างเศร้าใจ “ความรู้สึกที่เรามีให้ไป๋ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมนะ เพียงแต่ว่า ...” ชินภัทรพูดต่อไม่ออก
“เราเข้าใจ”
ไปรมารำพึงกับตัวเองเบาๆ
“รู้ไหม ว่าเราแอบภาวนา ขอให้มันเป็นอย่างที่ไป๋พูด ขอให้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขอให้มือปืนคนนั้น ไม่ใช่คนของพ่อไป๋...” ชินภัทรกลั้นน้ำตา พูดต่อ “ถ้าเรายังจับตัวมันไม่ได้ ถ้าเรายังตอบไม่ได้ ว่าใครส่งมันมาฆ่าพ่อแม่เราอย่างอื่น ... ก็คงเป็นไปไม่ได้” ไปรมารนั่งฟัง น้ำตาไหล เข้าใจชินภัทรแต่ก็เสียใจ “ลาก่อนนะ ไป๋”
ชินภัทรหันหลัง เดินจากไป ไปรมาร้องไห้ ชินภัทรเดินมาที่ริมสนาม ชัชยืนรออยู่ ตบไหล่ปลอบอย่างเข้าใจ
ส่วนที่เมืองไทยเป๋งยังยืนหลบมุมจับตามองดูโรส เห็นโรสยืนชะเง้อชะแง้รอเจ้าหน้าที่สายการบินที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลเป๋งโทรศัพท์รายงานโชคไปด้วย
“คุณโรสหน้ายุ่งเลยครับนาย ท่าทางเหมือนมาหาใครแล้วไม่เจอ รึไงเนี่ยครับ ตอนนี้กำลังรอเจ้าหน้าที่ของสายการบินอยู่” เจ้าหน้าที่เดินออกมาหาโรส “อ้อ เจ้าหน้าที่ออกมาแล้วครับ”
“งั้นแกรีบไป...หาทางสืบให้รู้ให้ได้ ว่ามันเรื่องอะไรกัน”
โชคสั่งเป๋ง...โรสคุยกับเจ้าหน้าที่
“ตกลงว่ายังไงคะ”
“คุณจำไม่ผิดหรอกค่ะ ผู้โดยสารชื่อวีณา เฟลแมน เดินทางจากสวิส มากรุงเทพฯ กับสายการบินของเรา แล้วก็ผ่านตรวจคนเข้าเมืองออกไปแล้วค่ะ”
“เค้า เอ่อ เดินทางมากับผู้ชายคนนึง...”
“อ๋อ คุณโจนาธาน สามีของเธอน่ะค่ะ”
โรสพยักหน้ารับรู้
“เหรอคะ...ขอบคุณมากค่ะ”
โรสเดินออกไป อึ้งๆ งงๆ อีกด้านหนึ่งของเคานเตอร์ สมรทำเป็นยืนไม่รู้ไม่ชี้ แอบฟังอยู่ใกล้ๆ พอโรสผ่านไป สมรแอบพึมพำกับตัวเอง
“วีณา เฟลแมน”
วีณาพากงพัดลงจากแท็กซี่ที่เยาวราช วีณากับกงพัดเดินลากกระเป๋าเข้ามาในตรอกเล็กๆ เงียบๆ แล้วมาหยุดที่หน้าห้องแถวเก่าๆ
“นี่เหรอ บ้านคุณ”
“บ้านเก่าของอากง ... ปู่ของฉันน่ะค่ะ ไม่มีใครอยู่ ปิดตายมาหลายปีแล้วเราอยู่ที่นี่กันก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี” วีณาหยิบกุญแจเก่าๆ ดอกนึงออกมา พยายามจะไข แต่ไม่สำเร็จ “ไม่ออกแฮะ”
“ไม่ได้เปิดมาเป็นปี ข้างในคงเป็นสนิมน่ะ มา ผมเอง”
กงพัดเอากุญแจมา พยายามไข ขณะนั้นที่ห้องแถวข้างๆ ที่ระเบียงชั้นบน อาม่าใช้ขันใบเล็กๆ ตักน้ำจากถังพลาสติกใบใหญ่ข้างตัว รดต้นโป๊ยเซียนที่ปลูกไว้ในกระถาง เสียงเขย่าประตูดังมา อาม่าได้ยิน ก็แปลกใจ
“ใครหว่า”
อาม่าชะโงกดู เห็นผู้ชายแปลกหน้าท่าทางน่ากลัวพยายามไขประตูห้องข้างๆ ก็ตกใจ
“ขโมย”
กงพัดเปิดประตูได้สำเร็จ
“เปิดได้แล้ว”
“ออกไปนะ ไอ้หัวขโมย!”
เสียงอาม่าดังขึ้น กงพัดกับวีณาหันไปดู พร้อมๆ กับที่น้ำทั้งถังสาดโครมเข้ามาที่กงพัดเต็มๆ วิกกงพัดหลุดกระเด็น กงพัดตกใจ วีณาเงยหน้าขึ้นมอง
“ อะไรกันเนี่ย”
อาม่าเห็นหน้าวีณา ตกใจ ถังน้ำหลุดมือ
“ไอ๋หยา ... ลื้อ... ลื้อ อาวีณา”
อาม่าขอโทษวีณา ขณะที่กงพัดเช็ดหน้าเช็ดตา
“โต้หลงน่อ ลื้อไม่ได้กลับมาบ้านตั้งหลายปี อั๊วก็นึกว่าขโมยซี”
“ไม่เป็นไรค่ะ อาม่า แค่เปียกนิดหน่อยเอง”
อาม่ามองกงพัด อยากรู้อยากเห็นมาก
“แล้วนี่...”
วีณาไม่อยากแนะนำ แต่จำใจต้องแนะนำ
“แฟนหนูน่ะ”
“ฮ่อๆ เห็นเค้าว่าลื้อแต่งงานไปกับฝรั่ง อาโหล”
อาม่าทักกงพัด กงพัดอมยิ้มขำ
“Hello”
วีณารีบตัดบท
“หนูเพิ่งมาถึง ขอเข้าไปพักก่อนนะคะ ไว้ค่อยคุยกัน”
วีณาพากงพัดเข้าบ้าน ปิดประตู อาม่ามองตามอย่างสนใจ
“ฝรั่งพันธุ์อะไรหว่า หน้าตายังกับคนไทย”
วีณาพากงพัดเข้ามาในบ้าน บ้านเก่ามีตู้ไม้หลายใบ ในตู้ยังมีโหลแก้ว กล่องไม้วางเรียงทิ้งๆ อยู่
กงพัดพูดอย่างขำๆ
“อาม่าท่าทางตลกดี”
“พูดเก่งที่หนึ่งเลยล่ะ คุณอย่าเผลอไปคุยกับแกมาก”
กงพัดทำจมูกฟุดฟิด
“กลิ่นอะไร”
“อ๋อ กลิ่นยา...ยาสมุนไพรจีนน่ะค่ะ อากงของฉันเป็นหมอยาจีนเมื่อก่อนที่บ้านนี้เป็นร้านขายยา ฉันชินเลยไม่รู้สึกอะไร เหม็นเหรอคะ”
ระหว่างพูดวีณาเดินนำกงพัดขึ้นไปชั้นบนไปพลางๆ
“ไม่เหม็นหรอก แต่กลิ่นแรงมาก”
“ตอนเด็กๆ ฉันเดินไปทางไหน ใครก็รู้ เพราะตัวมีแต่กลิ่นยา” วีณาบอกขณะเดินมาถึงผนังที่มีรูปบรรพบุรุษแปะเต็ม “นี่ไงคะ อากงชั้น” วีณาเอามือแตะไล่ไปตามลำดับ “แล้วนี่อาม่า นี่พ่อ นี่แม่...ไปหมดแล้วทุกคน”
วีณาเล่าเรื่อยๆ ไม่ได้เศร้าอะไร เพราะเรื่องผ่านไปนานแล้ว
“อย่างน้อย คุณก็ยังรู้ ว่าคุณเคยมีใคร แต่ผมซี...”
“คนที่โทรมานัดเรา เค้ารู้จักคุณ เค้าอาจจะเป็นญาติคุณก็ได้”
“นั่นสิ เสียดาย น่าจะได้เจอกัน ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเค้าเป็นใคร”
ขณะนั้นโรสกลับมาจากสนามบินแล้ว โรสนั่งอยู่ที่เก้าอี้สนาม มีคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ทำท่าเหมือนทำงาน แต่จริงๆ แล้วกำลังเช็คเมล์ และส่งเมสเสจอย่างกระสับกระส่าย สลับกับการหยิบโทรศัพท์ดูบ่อยๆ เหมือนกำลังรอโทรศัพท์ใครอยู่
“มาแล้ว แล้วทำไมไม่ติดต่อมาล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” โรสบ่นอย่างหงุดหงิด “บ้าชะมัดเลย ถ้าพูดกันตรงๆ ไม่ได้ ก็น่าจะหาทางติดต่อกันทางอื่นได้นี่”
โรสวางโทรศัพท์ เอามือปิดคอมพ์ลงอย่างหงุดหงิด โรสลุกขึ้น เห็นโชคยืนจิบกาแฟ ยิ้ม มองอยู่จากระเบียงบ้าน
“คุณโชค” โรสตกใจแล้วรีบกลบเกลื่อน “ทำไมกลับจากทำงานเร็วจังคะ”
“อยู่ที่โรงแรมมันเบื่อ ไม่มีอะไรทำ” โชคเดินเข้ามาหา มองโรสอย่างจับผิด “สู้กลับมาบ้านไม่ได้ มีอะไรสนุกๆ ให้ดูเยอะแยะ ท่าทางเธอลุกรี้ลุกรนพิกล เป็นอะไร”
โรสยิ้มแล้วเชิดใส่
“ฉันปกติดี อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่าค่ะ”
โรสจะหลบไป โชคขวางไว้
“อย่ามาโกหกฉันซะให้ยาก เธอกำลังรอโทรศัพท์ใครบางคนอยู่ ...ใคร!” โชคถามเสียงดัง
“แหม คุณโชค ฉันจะไปรอโทรศัพท์ของใครกันล่ะคะ นอกจากชัช สามีสุดที่รักของฉัน...ต้องลำบากบินไปจับคนร้ายถึงสวิส ไม่รู้ว่าเพราะใคร”
โรสลอยหน้าตอบ แล้วเดินเข้าบ้านไป โชคเจ็บใจ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ นังตัวดี... อีกไม่นานหรอก” โชคหันไปเห็นเป๋งเข้ามา ก็ดีใจ “ไอ้เป๋ง ฉันกำลังรอแกอยู่พอดี ได้เรื่องว่ายังไงมั่ง”
โชคพาเป๋งมาคุยที่ห้องทำงาน โชคดูรูปที่เป๋งอัดมาทั้งหมดเป็นสิบรูป ตั้งแต่โรสเดินเข้าไป ยืนรอ จนไปหยุดที่รูปโรสยืนคุยกับคู่รักที่สนามบิน
“แล้วไอ้สองคนนี่มันใคร แกรู้ไหม”
“เค้าสองคนทำงานอยู่ร้านอาหารที่เมืองนอกครับ จะกลับมาเมืองไทยทุกปี แต่เค้าไม่รู้จักกับคุณโรส คุณโรสแกทักคนผิดน่ะครับ”
“ทักผิด...” โชคมองรูปอีกที “ก็แปลว่า โรสไปหาใครบางคน ที่หน้าตาท่า ทางคล้ายๆ ไอ้ผู้ชายคนนี้”
“แอ๊ดดดดด”
เป๋งทำเสียงเหมือนออดเกมโชว์
“อะไร”
“ผิดครับ... ผมไปถามเจ้าหน้าที่สนามบินมาแล้ว คุณโรสไปถามหา ผู้โดยสารคนนึง เป็นชื่อผู้หญิง ไม่ใช่ชื่อผู้ชาย”
“ชื่ออะไร”
เป๋งทำเสียงลุ้นแบบพิธีกรเกมโชว์
“ชชชชื่อ... ววววีณา เฟลแมน ครับผม”
“วีณา เฟลแมน”
โชคจำได้ว่าชัชเคยพูดถึงชื่อวีณา โชคหัวเราะออกมา
“ชักจะเข้าเค้าแล้วเว้ย”
อีกด้านหนึ่ง สมร เป็นนักสืบที่นงพงาส่งมา สมรนำข้อมูลที่ได้มารายงานกับนงพงาที่มหาวิทยาลัย
นงพงารำพึงอย่างแปลกใจ
“วีณา เฟลแมน ใครกัน”
“จะให้หมอนตามต่อไหมคะ คุณนง” สมรถาม หน้าตาสอดรู้สอดเห็นเป็นที่สุด นงพงานิ่งคิด ยังไม่ตอบ สมรพูดเองเออเองอย่างเมามัน “แหม ไม่ยักรู้นะคะ ว่ารสนิยมท่านปฐวีชอบของอิมพอร์ต...โรส ฮอล
เลอร์งี้ วีณา เฟลแมนงี้”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ”
“วุ้ย คุณนงเป็นครูบาอาจารย์ ไม่ทันเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ หมอนน่ะเจอมาเยอะ ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย รายไหนรายนั้น ... แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เราต้องจับได้แน่ๆ วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ ของเคยๆ กัน มันอดไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวมันต้องแอบไปหากัน แล้วหมอนจะถ่ายรูป เอาหลักฐานมาให้คุณนงเห็นจะจะ”
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วค่ะ ฉันไม่ได้สงสัยว่าคุณโรสมีอะไรกับท่านปฐวี คุณวีณาอะไรนี่ก็เหมือนกัน”
“อ้าว งั้นคุณนงให้หมอนตามสะกดรอยคุณโรส เพื่อ ... เพื่ออะไรคะ” สมรงง นงพงานิ่งไป ใช้ความคิด “แล้วตกลงจะให้ตามใครต่อคะ คุณโรสหรือคุณวีณา”
สมรถามเสียงสะบัดอย่างหมดสนุก
“คุณสมรกลับไปก่อนเถอะค่ะ เอาไว้ ฉันจะโทรไปบอกอีกทีว่าจะให้ทำยังไง”
สมรเดินงอน ออกไป นงพงาก้มดูรูปปึกใหญ่ในมืออย่างพิจารณา ถึงรูปใบสุดท้าย เป็นรูปโรสวิ่งออกมา ชะเง้อเหมือนจะเรียกใครในแท็กซี่ นงพงาเพ่งมองไปที่รูปนั้นไม่เห็นหน้าคน เห็นแต่แท็กซี่ไหวๆ
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 10(ต่อ)
วันต่อมาชัชเดินทางกลับจากสวิสเซอร์แลนด์พร้อมกับชินภัทร รถวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านโชค ชัชลงจากรถ โชครีบเดินออกมารับ ท่าทางตื่นเต้น
“ไอ้ชัช มานี่เลย ฉันมีเรื่องจะบอกแก ...”
โรสเดินตามออกมา ส่งเสียงนำมาก่อนตัว
“ชัชคะ”
โชคชะงัก หยุดพูด พอดีเห็นชินภัทรลงจากรถตามมา
“อ้าว เฮ้ย ชิน”
ชินภัทรยกมือไหว้ เข้ามากอดโชค
“พ่อ...อาโรส”
“แกมายังไงเนี่ย ไม่ต้องเรียนหรือไง” โชคยิ้มอย่างดีใจ
“ผมขอดรอปไปก่อนครับ เอาไว้อะไรๆ มันเรียบร้อย ค่อยกลับไปเรียนใหม่”
“ชินมันเป็นห่วงพี่น่ะ” ชัชบอก
“ดีๆๆๆ กลับมาก็ดีแล้ว พ่อก็ห่วงแกเหมือนกัน ... ส่วนเรื่องไอ้มือปืนนั่น ไม่ต้องห่วง อีกไม่นาน มันเสร็จเราแน่” โชคบอกอย่างกระหยิ่ม ทุกคนมองโชคอย่างแปลกใจ
“พี่หมายความว่ายังไง” ชัชถาม
“คนเรา เค้าเรียกว่าถึงที่โว้ย ชัช ที่ไหนต่อไหนมีเยอะแยะ มันไม่ไป แต่มันดันหนีจากสวิส... มาเมืองไทย!”
โรสตกใจ ร้องดังอย่างลืมตัว
“ใครบอกคุณ!” ทุกคนมองโรส ตกใจ โรสได้สติ กลบเกลื่อน “คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่ามือปืนอยู่ที่นี่”
โชคยิ้มร้าย มองโรสอย่างสะใจ
“นั่นสิ พี่ พี่รู้ได้ยังไง ว่ามือปืนมาที่นี่”
“คนชื่อ วีณา เฟลแมน มาถึงเมืองไทยเมื่อวานนี้ พร้อมกับผู้ชายคนนึง ในหนังสือเดินทางระบุว่าเป็นสามี”
โรสยิ่งอึ้ง ที่โชครู้ทุกอย่างเท่าๆ กับเธอ
“แต่สามีพี่วีหายไปตั้งสองปีแล้วนะครับ” ชินภัทรบอก
“ผู้ชายคนนั้น ต้องเป็นมือปืนที่ชื่อกงพัดแน่ๆ”
“มันมาเมืองไทย ก็เท่ากับมาอยู่ในกำมือเราแล้ว แกต้องช่วยฉันหามันให้เจอ ก่อนที่ตำรวจจะรู้เรื่องของมัน ... ฉันอยากเจอตัวมัน อยากได้ยินมันพูดกับหู ว่า “ใคร” ที่จ้างมันมาฆ่าฉัน”
โชคพูดจบ หันไปมองหน้าโรสเหมือนไม่ตั้งใจ โรสหน้าเสีย ไม่แน่ใจว่าโชครู้หรือเปล่า ว่าเธอเกี่ยวข้องกับกงพัด
ส่วนที่บล้านวีณา วีณาวางจานข้าวมันไก่สองจานลงบนโต๊ะ พูดกับกงพัด
“กินแบบนี้ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวบ่ายๆ ฉันว่าจะไปซื้อของใช้ในครัวมาเพิ่ม เราจะได้ทำกับข้าวกินเองได้ แล้วจะซื้อเครื่องซักผ้าเล็กๆ ซักเครื่อง คุณจะได้ไม่ลำบาก”
“คุณต่างหาก ที่ต้องลำบากเพราะผม... ผมไม่กล้าคิดเลย วีณา ว่าอนาคตของเราจะเป็นยังไง”
วีณายิ้ม พูดอย่างคนมองโลกในแง่ดี
“ฉันว่า ฉันจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ ให้คุณเป็นคนล้างจาน แล้วเราสองคน จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...ตลอดไป”
กงพัดมองวีณาอย่างตื้นตัน
“ผมชักจะเชื่อแล้ว ว่าผมคงไม่ใช่คนร้าย ผมต้องเป็นคนดี.. ดีมากๆ ด้วยพระเจ้าถึงส่งนางฟ้ามาให้ผม”
กงพัดอุ้มวีณายกลอยขึ้นแล้วหมุนไปรอบๆ วีณาหัวเราะ กางแขนออกทำท่าเป็นนางฟ้า ทั้งสองหัวเราะมีความสุขเหมือนเด็กๆ แต่พอกงพัดวางลง วีณาก็เสียหลักพากงพัดเซไปชนผนัง
“เป็นนางฟ้าได้แป๊บเดียว ตกสวรรค์ซะแล้ว”
กงพัดหัวเราะ วีณาทำเสียงตื่นเต้น
“เดี๋ยว พัด”
“อะไร”
วีณาชี้ไปที่ปฏิทินเก่าๆ ที่แปะอยู่ที่ข้างฝา เป็นรูปผู้หญิงถือดอกกุหลาบ
“ฉันนึกอะไรได้อย่างนึงล่ะ” วีณาวุ่นวายรื้อค้นไปทั่ว ปากบอกกงพัด “เราต้องหาสมุดโทรศัพท์... มันต้องมีอยู่ซักเล่มน่ะ คุณช่วยฉันหาหน่อย”
“ทำไม คุณจะโทรหาใคร”
“จำได้ไหมคะ คุณซ่อนกุญแจบ้านไว้ใต้กอกุหลาบ คุณเก็บกล่องใส่รูป ภาพเอาไว้ใต้รูปกุหลาบ ดอกกุหลาบจะต้องเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับคุณ”
กงพัดคิดตาม
“ที่สนามบิน ก็มีเด็กมายืนร้องเพลง แล้วก็แจกดอกกุหลาบ”
“ใช่ค่ะ คนที่นัดเราเอาไว้ เค้าคงพยายามจะสื่อสารกับคุณผ่านดอกกุหลาบ แต่เค้าไม่รู้ว่าคุณความจำเสื่อม เราเลยคลาดกันไป”
“ก็เป็นไปได้ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ ว่าคุณจะหาเบอร์โทรอะไร”
วีณายิ้มนึกถึงตอนอยู่สนามบินเธอเห็นกล่องบริจาคมีตัวหนังสือเล็กๆ เขียนชื่อโบสถ์หรือคริสตจักร
วีณาบอกกงพัด
“ฉันจะลองตามหาที่มาของดอกกุหลาบพวกนั้นค่ะ”
ทางด้านชัชกับชินภัทรพอรู้จากโชคว่าวีณามาเมืองไทย ทั้งคู่จึงไปสนามบินเพื่สอบถามเจ้าหน้าที่สายการบิน
“ใช่ค่ะ คุณวีณาเดินทางมากับสามีของเธอ ที่เที่ยวบิน ...เมื่อวานนี้ ไม่ทราบมีปัญหาอะไรเหรอคะ”
“อ๋อ เธอเป็นเพื่อนของเราน่ะครับ แต่ว่าเธอหายตัวไป ติดต่อไม่ได้ เลยลองมาถามดู”
“หายตัวไปเหรอคะ มิน่าล่ะ ถึงได้มีคนมาถามหากันเยอะเลย” ชัชเอะใจ
“มีคนอื่นมาถามหาเธอด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ มีเพื่อนของเธอมารอรับ แล้วก็หาเธอไม่เจอเหมือนกัน”
ชินภัทรกับชัชมองหน้ากัน สงสัย
“ต้องเป็นเพื่อนพวกเราด้วยแน่เลย คุณจำชื่อคนที่มาถามได้ไหมครับ ว่าชื่ออะไร” ชินภัทรถามต่อ
“ดิฉันลืมถามชื่อเธอค่ะ แต่จำหน้าได้ สวย รูปร่างดี เหมือนนางแบบ”
ชัชอึ้ง เอะใจ แล้วค่อยๆ หยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปโรสให้ดู
“คนนี้หรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ คนนี้แหละ เธอมารอคุณวีณาอยู่ตั้งนาน แต่คลาดกันไป”
ชัชกับชินภัทรมองหน้ากัน นึกไม่ถึง
“เป็นไปได้ยังไงครับ อาชัช อาโรสรู้ได้ยังไง ว่าคุณวีเค้ากลับมาเมืองไทย”
ชินภัทรกระซิบถามชัช ชัชไม่ตอบ งงเหมือนกัน
คืนนั้นชัชกับโรสนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ เหมือนหลับ ในห้องมีเพียงแสงสลัวๆ โรสแอบพลิกตัวไปมา อย่างกลุ้มใจเมื่อนึกถึงคำพูดของโชค
“เรื่องไอ้มือปืนนั่น ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานมันเสร็จเราแน่”
โรสถอนใจ เป็นห่วงกงพัด ชัชนอนหันหลังให้โรส ทำเหมือนหลับ แต่ตายังลืมครุ่นคิดถึงสิ่งที่คุยกับ
เป๋งหลังจากกลับจากสนามบิน เป๋งส่งรูปถ่ายทั้งหมดให้ชัชดู
“นายเห็นคุณโรสท่าทางแปลกๆ เลยสั่งให้ผมสะกดรอยตามดู ผมก็เลยตามไปครับ”
ชัชมองรูปในมือ อย่างไม่เข้าใจ
“ โรสรู้ว่าคุณวีณามาที่นี่ แล้วทำไมไม่ยอมบอกใคร แปลก... แล้วนี่คุณโรสรู้ไหม ว่าแกสะกดรอยตามเค้า”
เป๋งส่ายหน้า ชัชนิ่ง คิด
วันต่อมาวีณากับกงพัดใส่หมวกใส่แว่นพรางหน้าตา เดินเข้ามาในโบสถ์แห่งหนึ่ง
“ที่นี่เหรอ”ฎ
กงพัดถามแล้วมองไปรอบๆ โบสถ์ด้วยความรู้สึกดี
“ค่ะ พวกนักร้องประสานเสียงมาจากที่นี่”
“สงบดีจัง”
“ฉันว่าจะลองไปถามๆ ดู เผื่อจะได้เบาะแสอะไรบ้าง” วีณาชะงัก มือไปโดนอะไรบางอย่าง “อุ๊ย”
“อะไร”
วีณาชูขึ้นมา
“มีคนลืมพระคัมภีร์เอาไว้ค่ะ” กงพัดรับมาดู รู้สึกคุ้นเคย รู้สึกดี ขณะกำลังพลิกเปิดเล่น “มีคนมา!”
กงพัดรีบวางคัมภีร์ลง วีณาดึงมือกงพัดหลบเข้าหลืบด้านใน กงพัดและวีณา เห็นว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นหญิงสาวเธอคือโรสนั่นเอง โรสเดินเข้ามานั่งที่ด้านหน้า สงบจิตใจ อธิษฐานเบาๆ
“ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าฯ โปรดคุ้มครองข้ารับใช้ของพระองค์ เขากำลังตกอยู่ในอันตราย โปรดนำทางลูกไปพบเขาด้วย ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ขอทรงโปรดชี้ทาง...”
โรสทรุดตัวลงกับพื้น ตั้งใจอธิษฐาน ด้วยความเป็นห่วงกงพัด
ที่หน้าโบสถ์ขณะนั้นชัชลงจากรถเดินมาที่หน้าโบสถ์ เห็นเป๋งรออยู่
“คุณโรสเข้าไปได้ซักสิบนาทีแล้วครับ”
“มีใครตามเข้าไปหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
“แกกลับไปได้แล้ว ขอบใจมาก อ้อ แล้วอย่าลืมนะ ห้ามบอกพี่โชคเด็ดขาด”
เป๋งพยักหน้า ชัชเดินเข้าไปด้านใน
โรสอธิษฐานเสร็จ ลุกขึ้น แล้วเหลือบไปเห็นพระคัมภีร์คว่ำหน้าอยู่บนเก้าอี้ โรสสังหรณ์ใจ หยิบมาดู แล้วเกิดสังหรณ์ใจขึ้นมาทันที
“พัด!”
โรสรำพึงกับตัวเองเบาๆ อย่างไม่แน่ใจ โรสลุกพรวด เหลียวมองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร เลยลองเสี่ยงร้องเรียกเบาๆ
“พัด พัดอยู่ที่นี่หรือเปล่า พัด”
วีณากับกงพัดตกใจ
“เค้าเรียกชื่อผม เค้าเป็นใคร!”
วีณาส่ายหน้าว่าไม่รู้
“พัดต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ...พัด อยู่แถวนี้หรือเปล่าออกมาซี ออกมา”
โรสเสียงดังขึ้น
“เสียงคุ้นๆ ... ใช่แน่ๆ ฉันจำเสียงได้ ผู้หญิงคนนี้แหละที่โทรไปเตือนให้เราหนี” วีณาบอก
“งั้นเราออกไปหาเค้าดีไหม”
ทั้งสองกำลังจะออกไป แล้วก็ต้องชะงัก เพราะประตูโบสถ์เปิดออก โรสหันไปแล้วอึ้ง เมื่อเห็นว่าเป็นชัช
“ชัช!”
วีณาได้ยินโรสเรียกชื่อชัชก็จำได้
“ชัช! ซวยแล้ว”
วีณาพึมพำออกมาอย่างตกใจ
ชัชเดินเข้ามาหาโรส ถามตรงๆ
“คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ โรส” โรสอึ้งๆ ชัชถามเสียงจริงจัง “ มาหาใคร”
“เปล่าค่ะ คือฉัน...”
“ตะกี๊ผมได้ยินแว่วๆ เหมือนคุณกำลังเรียกใคร”
โรสอึ้ง พยายามตั้งสติ หาทางแก้ตัว แต่ยังนึกไม่ออก กงพัดถามวีณา
“คุณรู้จักผู้ชายคนนั้นเหรอ วีณา เค้าเป็นใคร”
“คุณชัช เป็นน้องชายของคนชื่อโชค เค้าคือคนที่ยิงคุณตกน้ำ ที่ปราสาทชิลอง ถ้าเค้าเห็นเราสองคนที่นี่ เราซวยแน่”
กงพัดเครียด เตรียมตัวพร้อมต่อสู้ ชัชเห็นโรสนิ่งไป เลยตัดสินใจถามตรงๆ
“คุณวีณากับมือปืนที่ชื่อกงพัดอยู่ที่นี่?”
โรสไม่แน่ใจว่าชัชรู้อะไรมากแค่ไหน เลยตัดสินใจโกหก
“ฉัน... ไม่แน่ใจค่ะ ฉันเห็นภาพเค้าผุดขึ้นมาในหัว แต่มันเลือนๆ ไม่ชัด”
ชัชเดินไปเปิดไฟในโบสถ์ โรสตกใจ
“คุณจะทำอะไรคะ”
“คุณมาที่นี่ แปลว่าคุณคิดว่าเค้าอาจจะอยู่ที่นี่ เราก็น่าจะลองหาดู”
ชัชเริ่มต้นค้นหาตัวกงพัด โรสหน้าเสีย ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่ากงพัดอยู่หรือไม่
กงพัดกับวีณาเครียด เพราะชัชใกล้เข้ามาทุกที
“เอาไงดี พัด เราไม่รอดแน่”
กงพัดคว้าเชิงเทียนใกล้ๆ กลิ้งไปตามพื้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ชัชหันขวับตามเสียง เชิงเทียนกลิ้งไกลออกไป ชัชวิ่งตาม กงพัดฉวยโอกาสพาวีณาวิ่งหนี โรสเห็นกงพัดทั้งตกใจ ทั้งดีใจ
“พัด!”
ชัชหันมาเห็นกงพัดพาวีณาวิ่งหนีออกไป ชัชวิ่งตาม
“เฮ้ย หยุดนะ”
โรสวิ่งเข้าคว้าตัวชัช
“ชัช อย่าค่ะ อย่าตามไป มันอันตราย”
ชัชผลักโรสออก วิ่งตามกงพัดกับวีณาไปจนได้ โรสคิดหาทางช่วยกงพัด แล้ววิ่งไปอีกทาง
กงพัดพาวีณาวิ่งหนีออกทางถนนเล็กๆ ข้างโบสถ์ เจอทางแยก กงพัดคว้าหมวกของวีณาโยนทิ้งลงบนพื้นถนนด้านขวาแล้ววิ่งไปแอบหลบมุมอยู่หลังรถที่จอดอยู่ตรงนั้น ชัชวิ่งตามมา เห็นหมวกตก ชัชเก็บขึ้นมา แล้ววิ่งตามไปทางขวากงพัดดึงแขนวีณาลุกขึ้น
“ไป”
ทั้งสองจะไป แล้วชะงัก เมื่อเห็นโรส
“พัด!” โรสยิ้มดีใจ “มาทางนี้”
“คุณรู้จักผม?”
“อะไรนะ”
โรสงง วีณาหันไปเห็นชัชวิ่งกลับมา ตกใจ
“เค้ากลับมาแล้ว หนีก่อนเถอะ เร็ว”
ชัชหยิบปืนขึ้นมาถือ ตะโกนมาแต่ไกล
“หยุดนะ คุณวีณา ผมรู้นะว่าเป็นคุณ”
โรสรีบบอกกับวีณา
“จับฉันเป็นตัวประกัน ฉันจะช่วยเธอสองคนออกไปเอง”
“ไม่ ผมไม่ทำร้ายผู้หญิง ไป วี”
กงพัดกับวีณาวิ่งไป ชัชถือปืนวิ่งตาม ยิงสะกัด กงพัดพาวีณาหลบ โรสมองตามอย่างไม่เข้าใจ ห่วงกงพัด และงุนงงกับท่าทางของกงพัด
อ่านต่อหน้าที่ 3
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 10(ต่อ)
ชัชวิ่งไล่ตาม วีณากงพัดเลี้ยวลับไป ชัชวิ่งเลี้ยวตาม ปรากฏว่าทั้งสองคนหายไป ไม่มีร่องรอย มีแค่รถบรรทุกขนถังน้ำมันแล่นออกไป กงพัดโผล่ออกมาจากถังน้ำมันในรถ เห็นชัชยืนโมโหอยู่กลางถนน ชัชขัดใจได้แต่หยิบหมวกของวีณาที่เหน็บอยู่ที่กระเป๋าหลังขึ้นมาดู เซ็ง โรสวิ่งตามมาแอบดู เห็นกงพัดรอด โรสถอนหายใจ โล่งอก
ชัชกับโรสกลับมาบ้าน โชคตวาดโรสเสียงดังลั่นเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าเธอบอกฉัน บอกทุกคนให้ไปที่นั่น ป่านนี้เราคงจะได้ตัวมันแล้ว”
“ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าฉันไม่แน่ใจ” โรสเถียง
“เธอไม่อยากให้ใครรู้มากกว่า ว่าเธอกับมันเป็นพวกเดียวกัน!” โชคบอกอย่างรู้ทัน
“ฉันไม่เคยรู้ ว่าเค้าเป็นใคร”
“ฉันไม่เชื่อ ถ้าเธอกับมันไม่รู้จักกัน ทำไมเธอรู้ว่ามันมาเมืองไทย แล้วทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน!”
โรสตอบด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“เพราะฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉัน ฉันบอกอะไรไป คุณก็ไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว ถ้าไปแล้วไม่เจอ คุณก็ต้องว่าฉันโกหก แต่ถ้าเจอ คุณก็สงสัยอยู่ดี ว่าฉันเป็นพวกเดียวกับมัน” โรสบอกแล้วมองชัช แววตาเสียใจ “ในเมื่อทุกคนคิดว่าฉันเป็นคนไม่ดี ไว้ใจไม่ได้ เราก็อย่าอยู่ด้วยกันต่อไปเลยค่ะ”
โรสปาดน้ำตา แล้ววิ่งหนีไป ชัชรู้สึกผิด
“โรส”
ชัชจะตาม โชคดึงไว้
“เฮ่ย ปล่อยมันไป”
ชีชสะบีดมือโชคออก
“ปล่อยผม พี่โชค อย่ามายุ่งเรื่องของผม”
ชัชวิ่งตามโรสไป
ชัชวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นโรสกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า
“โรส เดี๋ยว” ชัชดึงมือโรสไว้ “คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ฉันจะไปจากที่นี่ ในเมื่อคุณไม่ไว้ใจฉัน เราจะอยู่ด้วยกันต่อไปทำไมคะ”
“ผมไม่ได้พูดเลยนะ ว่าผมไม่ไว้ใจคุณ”
“คุณสะกดรอยตามฉัน คุณเชื่อพี่ชายของคุณทุกอย่าง” โรสแกล้งร้องไห้ เสียใจ “ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ ว่าคุณโชคเกลียดฉัน เขาพยายามทำทุกอย่าง เพื่อหาทางกำจัดฉันออกจากชีวิตของคุณ” ชัชอึ้ง โรสน้ำตาไหล
“ซักวัน ถ้าเค้าบอกว่าฉันพยายามจะฆ่าเค้า คุณก็คงเชื่อ แล้วคุณก็คงจะฆ่าฉัน...ฉันคงทนอยู่ถึงวันนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ชัช”
“โรส ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลแบบนั้น โอเค ผมยอมรับ ผมแอบตามคุณ เพราะผมอยากรู้ว่าคุณทำอะไร แต่ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นพวกเดียวกับคนร้าย...”
“คุณโชคไม่เชื่อคุณหรอกค่ะ”
“ผมจะจับตัวมือปืนคนนั้นมาให้ได้ ผมจะให้มันสารภาพความจริง ว่าคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
โรสนึกระแวงขึ้นมา
“คุณจะจับตัวเค้าได้ยังไง”
“ผมมีวิธีก็แล้วกัน”
ชัชทำเสียงมั่นใจ กุมมือโรส โรสมองหน้าชัชอย่างไม่สบายใจ
ทึ่สวิสเซอร์แลนด์ขณะนั้น ภูษณะ พีชญาและไปรมา มานั่งกินอาหารที่ร้านอาหารของวีณา ภูษณะกับพีชญาสบตากันแบบมีเลศนัย ไปรมามองสงสัย
“L’ addition, s’ il vous plait.”
ภูษณะเรียกเบธมาคิดเงิน เบธเดินมาคิดเงินที่โต๊ะ พีชญารีบลุก
“เราไปห้องน้ำนะ”
“เราไปด้วย”
ไปรมาบอกแล้วลุกตามพีชญาไป พีชญาเดินผ่านเคานเตอร์ด้านใน ที่มีรูปถ่ายของวีณา พีชญาฉกใส่กระเป๋า ไปรมาตาโต พีชญาจุ๊ปากให้เงียบ
เมื่อกลับมาที่โรงเรียนไปรมามองภูษณะกับพีชญาช่วยกันส่งรูปของวีณาไปให้ชินภัทรทางเมล์
“เค้าจะเอารูปพี่วีไปทำอะไร” ไปรมาถามอย่างแปลกใจ
“ตอนนี้พี่วีอยู่เมืองไทย แล้วพ่อชินเค้าจะให้คนออกตามหาตัวพี่วี”
“พี่วีอยู่เมืองไทย! ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่า...”
“ใช่ พี่วีอยู่ที่ไหน มือปืนก็อยู่ที่นั่นแหละ”
ไปรมาคิดอะไรบางอย่าง
ระหว่างนั้นที่บ้านโชค ชินภัทรยืนรอเครื่องพิมพ์ค่อยๆ พรินต์รูปวีณาชินภัทราหยิบออกมา ส่งให้โชค ชัช เป๋ง ที่ยืนรออยู่
“อาชัชจะเอารูปพี่วีไปทำไม จะให้ตำรวจช่วยตามหาเหรอครับ” ชินภัทรถาม
“ไม่ เราจะจัดการเรื่องนี้เอง” โชคบอกแล้วมองชัชอย่างท้าทาย “ฉันจะจัดการมันด้วยมือของฉันเองทั้งไอ้มือปืน หรือ “ใครก็ตาม” ที่อยู่เบื้องหลัง”
“เอาเลยครับ พี่ ผมมั่นใจ ว่ามันไม่ใช่คนที่พี่คิดแน่ๆ” ชัชบอก ส่งรูปให้เป๋ง แล้วสั่ง “ให้คนของเราไปที่ร้านขายยาจีนทุกร้าน เริ่มที่เยาวราชก่อนเลย ถามดูว่ามีใครเคยเห็นคุณวีณาบ้างไหม”
“ร้านขายยาจีน ทำไมต้องไปร้านขายยาจีน” โชคถามอย่างแปลกใจ แทนคำตอบชัชหยิบหมวกโยนลงบนโต๊ะตรงหน้าโชค โชคทำจมูกฟุดฟิด “เออ กลิ่นยาจีนจริงๆ ว่ะ”
ที่บ้านของปฐวี ปฐวีได้รับรายงานจากดนัยก็แปลกใจ
“พวกมันไปบุกร้านขายยาจีน ทำไม มันต้องการอะไร”
“พวกมันกำลังหาตัวผู้หญิงชื่อวีณา เฟลแมน ครับท่าน”
“เธอเป็นใคร”
นงพงาเดินเข้ามาในห้อง และตอบแทนดนัย
“เธอคือคนที่พามือปืน ที่ลอบยิงคุณโชค หนีเข้ามาที่เมืองไทยค่ะ”
ปฐวีกับดนัยมองนงพงาอย่างแปลกใจ
“อะไรกัน คุณ นี่คุณรู้เรื่องกับเค้าด้วยเหรอ ได้ยังไง”
“ยัยไป๋โทรมาเล่าให้นงฟังตะกี๊นี้ค่ะ”
“นี่คุณเอาเรื่องพวกนี้ไปคุยกับลูกด้วยเหรอ” ปฐวีถามอย่างไม่พอใจ
“นงทำมากกว่านั้นอีกค่ะ”
นงพงาบอกแล้วคลี่รูปที่แอบถ่ายมาลงบนโต๊ะ ให้ปฐวีกับดนัยดู
“นี่คุณจ้างนักสืบสะกดรอยคุณโรส!”
“ค่ะ นงอยากรู้ว่าเธอต้องการอะไร ถึงได้ทำตัวเป็นนกสองหัว วิ่งไปวิ่งมาระหว่างคุณกับสองพี่น้องนั่น แล้วดูสิคะ ว่านงเจออะไร”
นงพงาผลักภาพสุดท้ายไปตรงหน้าปฐวี เป็นภาพโรสวิ่งตามแท็กซี่ของวีณา เห็นคนไม่ชัด เห็นแต่สีรถและเลขทะเบียนไหวๆ
“ผู้โดยสารที่อยู่ในรถคันนี้คือวีณา เฟลแมนค่ะ คุณโรสไปรอรับเธอที่สนามบิน แต่คลาดกัน”
ปฐวีไม่ได้คิดสงสัยโรส แต่กลับคิดไปเรื่องมือปืน มองหน้าดนัย
“ถ้าเราหาตัวผู้หญิงคนนี้ได้ เราก็จะได้ตัวมือปืนที่มันยิงนายโชค”
“ไม่ยากเลยครับ ท่าน มีเบาะแสขนาดนี้ ไม่เกินสองวัน ท่านได้ตัวมันแน่ๆ”
“คุณจะอยากได้ตัวเค้ามาทำไมคะ เพื่ออะไร”
“เพราะมันเป็นคนเดียว ที่จะยืนยันได้ ว่าผมไม่ได้จ้างมันไปฆ่านายโชค ถ้านายโชคยิงมันตายไปซะก่อน ใครจะยืนยันความบริสุทธิ์ให้ผมได้ล่ะ จริงไหม”
ปฐวีบอกเสียงหนักแน่น มีเหตุผล นงพงาพยักหน้ารับรู้ เชื่อสนิท
ปฐวีกับดนัยนั่งรถมาหาอู่แท็กซี่ที่เห็นในรูป
“ถ้าท่านอยากได้ตัวไอ้มือปืน เอาไปยืนยันความบริสุทธิ์ของท่าน ทำไมท่านไม่แจ้งตำรวจให้เค้ามาจัดการล่ะครับ”
ดนัยถามปฐวีอย่างแปลกใจ ปฐวีหัวเราะออกมา
“เพราะผมต้องการมากกว่านั้นน่ะซี ในเมื่อมันอยากฆ่าไอ้โชคผมจะไปขัดขวาง ส่งตัวมันให้ตำรวจทำไม สู้เอามันมาใช้ กำจัดไอ้โชคไม่ดีกว่าหรือ”
ดนัยยิ้ม
“จริงสิครับ ให้มันฆ่านายโชคแทนเรา แล้วค่อยจับมันเข้าคุกทีหลังก็ยังไม่สาย ใช่ไหมครับท่าน”
ปฐวียิ้ม พอดีกับรถจอดที่หน้าอู่แท็กซี่
ดนัยกับปฐวียืนรอ เจ้าของอู่เดินตัวงอ พาคนขับรถเข้ามา
“คนนี้ครับท่าน”
เจ้าของอู่บอก ดนัยเอารูปให้คนขับดู
“ แกรับผู้หญิงคนนี้จากสนามบิน แล้วเอาไปส่งที่ไหนที่บ้านหรือโรงแรม จำได้ไหม”
“ผม...จำไม่ได้”
คนขับมีท่าทางกลัวมาก ปฐวีเข้ามาพูดเสียงนุ่มนวล
“ ค่อยๆ นึกอีกทีซิ ทางราชการจะขอบคุณมากเลยนะครับ ถ้าให้ข้อมูลกับเราได้”
คนขับพยายามนึก แล้วตอบ
“เค้าไม่ได้ให้ไปส่งที่ไหน เขากับแฟนเค้าขอลงที่ข้างทาง บอกว่าจะเดินต่อไปเอง”
“ลงข้างทาง...แถวไหน”
คนขับปากสั่น กลัวดนัยมาก
เป๋งยืนอยู่ริมถนนในเยาวราช และกำลังคุยโทรศัพท์กับชัช
“ผมถามดูทุกร้านแล้วครับ ไม่มีใครรู้จักหรือเคยเห็นคุณวีณาเลย...ครับ ได้ครับ” เป๋งหันไปบอกลูกน้อง “เฮ้ย แวะกินข้าวก่อน แล้วกลับไปหานายที่บ้าน”
พวกเป๋งเข้าไปนั่งที่ร้านข้าวมันไก่ที่อยู่ตรงนั้น เด็กเดินมา เป๋งสั่งข้าว ระหว่างที่จดออเดอร์ เด็กมองไปที่รูปพรินต์ ของวีณา เป๋งโมโห
“อะไร!” เป๋งคว่ำรูปลง “มองหาอะไรวะ”
เด็กลนลานหลบไป เป๋งเอะใจ นึกได้ ลุกขึ้นคว้าคอเด็กเอาไว้
“เฮ้ย เดี๋ยว ไอ้หนู” เป๋งเอารูปวีณามา “มองซะขนาดนี้เนี่ย แกรู้จักเค้าใช่ไหม”
ขณะนั้นวีณาถือข้าวมันไก่สองห่อเข้ามาในบ้าน แล้วรีบล็อกประตูอย่างระมัดระวัง กงพัดนั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่ วีณาเดินเข้ามา วางห่อข้าวลงบนโต๊ะ
“ทนกินข้าวห่ออีกมื้อนะคะ ฉันไม่อยากไปไหนไกล กลัวมีคนเห็น”
กงพัดหันมาพูดกับวีณาจริงจัง
“เราจะอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ต่อไปไม่ได้นะวี เราต้องหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ เธอคือคนที่จะช่วยเราได้”
“ทำไมคุณมั่นใจขนาดนั้น”
“เธอรู้จักผม เธออยากช่วยผม แล้วที่สำคัญ คุณได้ยินไหม ว่าผู้ชายคนนั้นเรียกเธอว่าอะไร”
วีณานึกถึงตอนที่ชัชพูดกับโรส
“โรส...เธอชื่อโรส” วีณายิ้มอย่างดีใจ “แปลว่าดอกกุหลาบ”
“ผมเชื่อว่าเธอคือคำตอบสำหรับทุกอย่าง แต่ที่ยังคิดไม่ออกก็คือ เราจะติดต่อกับเธอได้ยังไง”
ทางด้านอนัยพอรู้จากคนขับแท็กซี่ว่าส่งวีณาที่ไหน ดนัยจึงมาเดินอยู่บนถนนเยาวราช ในมือมีรูปวีณาจากพาสปอร์ต ดนัยสั่งลูกน้อง
“ถามทุกบ้าน ทุกคนที่เดินผ่าน ว่ามีใครเห็นผู้หญิงคนนี้บ้างไหม”
“ครับ”
ดนัยพาลูกน้องเดินเข้าซอย แล้วชะงัก เมื่อเห็นเป๋งเดินนำลูกน้องไปอีกทาง
“นั่นมันคนของนายโชคนี่หว่า”
ปฐวีรอดนัยอนู่ในรถที่จอดอยู่ริมถนนในเยาวราช ปฐวีรับสายเมื่อดนัยโทรเข้ามา
“ก็แปลว่าแกมาถูกที่แล้ว ดนัย หาตัวไอ้มือปืนให้ได้อย่าให้มันตัดหน้าเอาไปก่อนล่ะ”
ปฐวีสั่งดนัย
ขณะนั้นชัชยืนรออยู่ที่รถ ข้างถนนอีกซอยหนึ่ง เป๋งกับพวกเดินเข้ามาหา
“มีอะไรคืบหน้าไหม” ชัชถามเป๋ง
“นอกจากเด็กที่ร้านข้าวมันไก่ เด็กขายของที่เซเว่นก็บอกว่าเคยเห็นคุณวีณาครับ”
“แปลว่าบ้านเธออยู่แถวๆ นี้แน่ แยกย้ายกันค้นให้ทั่ว แต่อย่าไปมีเรื่องกับใครล่ะ ฉันไม่อยากให้ตำรวจมาวุ่นวาย”
“จะพยายามครับ” ชัชมองหน้าเป๋งอย่างสงสัย เป๋งยิ้มแหยๆ “คือว่า...ตะกี๊ตอนเดินมาหานาย ผมเห็นไอ้ดนัย คนของท่านปฐวีอยู่แถวๆ นี้เหมือนกัน”
ชัชยิ้ม
“ในที่สุด ท่านปฐวีก็เผยตัวออกมาจนได้”
จบตอนที่ 10
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.