ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 10
ระริน กับรสาแง้มประตูห้อง โผล่หน้าออกมามองไปรอบๆ เห็นว่าไม่มีใคร
“เห็นไหมพี่ริน รสาบอกแล้วว่าได้ยินเสียงมันเดินออกไป”
“สงสัยมันไปห้องน้ำ เราคงมีเวลาไม่มาก...รสารอนี่แล้วกัน พี่จะรีบไปโทรหานายเคี่ยม”
ระรินออกจากห้อง แต่รสาตามมาด้วย
“รสาไปด้วยพี่ริน จะได้ช่วยดูต้นทาง”
ระรินไม่ว่าอะไร ทั้งสองรีบตรงไปที่บันได แต่พอจะถึงบันได ลูกน้องเดินขึ้นมา สองสาวตกใจ รสาแกล้งระทวย ทรุดลง
“ช...ช่วย ด้วย...”
ระรินหันมองรสา พลางประคองไว้ รสาแอบขยิบตาให้
“ออกมาจากห้องทำไม”ลูกน้องถาม
“ไม่เห็นเหรอ ว่าฉันป่วย”รสาทำหน้าเจ็บปวดกุมท้อง “ปวดเหลือเกิน... พี่ริน ไปเอายาให้รสาเร็ว รสาไม่ไหวแล้ว”
ระรินลังเล รสารีบกำชับ พร้อมกับส่งสายตาบอกใบ้
“เร็วสิพี่ริน”
“เอ่อ...จ้ะ รสารอเดี๋ยวนะ”
ระรินจะไป ลูกน้องตวาดขึ้น
“เดี๋ยวก่อน”
รสารีบเหนี่ยวคอลูกน้อง ดึงไว้
“โอ๊ย...ปวดเหลือเกิน...สงสัยฉันจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”รสาจับมือลูกน้องมาจับที่ท้องตน “นี่ไง จับดูสิ ท้องเกร็งไปหมดเลย มันปวด ทรมานเหลือเกิน...”
ระรินจะลงบันได ไม่วายเหลือบมองรสา รสาส่งสายตาให้รีบไป ลูกน้องจะหันไปที่ระริน รสาจับหน้าหันกลับมา
“โอ๊ย...มันเริ่มเป็นตะคริวไปถึงที่ขาแล้ว”
มือรสาจับมือลูกน้องให้จับลงไปบริเวณเข่าของเธอ แล้วเลื่อนขึ้นมาประมาณยอมให้ถูไถขาเธอ
“เห็นไหม มันแข็งเป็นตะคริวไปหมดแล้ว รีบพาฉันกลับห้องเร็ว”
รสาเหนี่ยวคอลูกน้อง แล้วทิ้งตัว ให้ลูกน้องรับน้ำหนักของเธอเพื่ออุ้มเข้าห้อง
+ + + + + + + + + + + +
รถกระบะของเคี่ยมแล่นเข้ามาจอดที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง คนที่อยู่ในรถทยอยลงมา แท่นลงมาบอกเดื่อกับทับทิม
“แวะกินข้าวที่นี่ก่อน”
ทับทิมหน้าแหย อยากเข้าห้องน้ำ...
“ข้าวน่ะ ไม่หิวเท่าไหร่หรอก แต่เขื่อนพัง ไม่ไหวแล้ว”
“เอ้า ก็รีบไปสิ”
ปาหนันช่วยประคองเจ่งลงจากรถ ทับทิมหันไปชวน
“คุณหนันคะ ทับทิมจะไปห้องน้ำ คุณหนันไปด้วยกันไหมคะ”
“ไปสิ...หนันจะพายายเจ่งไปพอดี”
“เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านข้าวตรงนั้นนะลูกหนัน”เคี่ยมชี้ไปที่ร้านอาหาร
“จ้ะพ่อ”
ปาหนัน ทับทิม เจ่ง แยกไปทางห้องน้ำ
เจ่งท่าทางเดินไม่ค่อยถนัด ปาหนันช่วยประคองมาหน้าห้องน้ำ
“ยายเจ่งเป็นอะไรน่ะ ถึงต้องให้คุณหนันช่วยประคอง”ทับทิมถามอย่างสงสัย
“แก่แล้วก็อย่างนี้แหละ นั่งรถเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงไม่ได้ขยับ ข้อเข่ามันเลยยึด...ได้ยืดขาหน่อยค่อยยังชั่ว... คุณหนันไปหาอะไรกินเถอะค่ะ ไม่ต้องประคองยายแล้ว”
ทับทิมหันมามองปาหนัน
“อ้าว คุณหนันไม่ปวดเหรอคะ”
ปาหนันส่ายหน้า
“ถ้าอย่างนั้นคุณหนันไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวทับทิมพายายเจ่งไปเอง”
“งั้นหนันฝากยายเจ่งด้วยนะ”
“หายห่วงค่ะ”
ทับทิมประคองเจ่งเข้าห้องน้ำแทน ปาหนันมองตามครู่หนึ่ง ทอดถอนใจคิดถึงนาวิศขึ้นมาอีก แล้วจึงเดินกลับไปทางร้านค้า ท่าทางเหงาๆ ปาหนันมองไป เห็นด้านหนึ่งแท่นกับเดื่อนั่งกินอาหารอยู่ อีกด้าน เห็นเคี่ยมกำลังเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ปาหนันเลือกเดินไปทางเคี่ยม เดื่อที่นั่งกินข้าวอยู่กับแท่น เหลือบมาเห็นปาหนัน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก้มหน้ากินข้าวต่อ
ปาหนันเดินเข้ามา เห็นเคี่ยมกับสหัสกำลังชงกาแฟอยู่มุมหนึ่ง ปาหนันหยุดมอง ไม่อยากเข้าไปเจอสหัส จะหันหลังออกไป
“ไม่รู้ถ้าคุณธานีกลับไปเจอนาวิศที่สวนมะพร้าวแล้ว ทุกอย่างจะจบ หรือว่าเขาจะตามล้างแค้นเราครับนาย”
ปาหนันได้ยินเรื่องที่สวนมะพร้าวอีก ชะงักหยุด
“คุณธานีเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น...ยิ่งเราไปรู้เห็นกิจการน้ำมันเถื่อนของเขา เขายิ่งไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ...ได้แต่หวังว่าเขาจะตามเราไม่เจอไปตลอดชาติ”
“ผมก็หวังว่าทุกอย่างจะจบแค่นี้”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงมือถือเคี่ยมดังขึ้นเคี่ยมหยิบมาดู ก่อนจะเงยหน้าบอกสหัส
“เบอร์กรุงเทพ...”
“คุณธานีรึเปล่าครับ”
เคี่ยมมองมือถือตัดสินใจ
“คุยกันให้มันจบๆไปเลยก็ดี...”เคี่ยมกดรับสาย “สวัสดีครับ”
ระรินคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องธานีดีใจที่เคี่ยมรับสาย
“นายเคี่ยม ฉันระรินภรรยาคุณธานีนะ ฉันมีเรื่องสำคัญ นายเคี่ยมห้ามวางสายเด็ดขาด”
รสายืนใกล้ประตู มองระรินคุยโทรศัพท์ ลุ้นไปด้วย
“เรื่องคุณนาวิศใช่ไหมครับ”
ปาหนันแอบฟังอยู่ อยากรู้ว่าเรื่องอะไร
“คุณธานีเอาศพที่นายเคี่ยมบอกว่าเป็นศพคุณนาวิศไปตรวจดีเอ็นเอ นายเคี่ยมต้องบอกฉัน ว่าตกลงศพนั่นใช่ศพคุณนาวิศรึเปล่า”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณธานีจะต้องสงสัยเข้าซักวัน”เคี่ยมถอนใจ “แต่ไม่คิดว่าเขาจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้”
“นายเคี่ยมหมายความว่ายังไง นายเคี่ยมเอาศพคนอื่นมาปลอมเป็นคุณนาวิศ จริงๆใช่ไหม ตกลงคุณนาวิศยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า”
เคี่ยมตัดสินใจบอก
“ครับ...นาวิศยังมีชีวิตอยู่ ผมขังเขาไว้ที่บ้านท้ายสวนมะพร้าว...”
ปาหนันได้ยินก็อึ้งตกใจ คนที่พูดถึงว่าขังไว้ที่สวนมะพร้าวก็คือพร้าว...ปาหนันรำพึงเบากับตัวเอง
“นาวิศ...สวนมะพร้าว”
เคี่ยมคุยโทรศัพท์ต่อ
“พวกเรากำลังย้ายไปที่อื่น ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกคุณอีก คุณจะช่วยเขา หรือจะปล่อยให้คุณธานีฆ่าเขา มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกผม...ลาก่อนครับ คุณระริน”เคี่ยมกดวางสาย
ระรินดีใจจนน้ำตารื้น
“คุณนาวิศยังไม่ตาย...”
ระรินรีบวางสาย หันกลับมา แล้วต้องชะงัก ธานีก้าวเข้ามา ยิ้มเหี้ยม ระรินนิ่งอึ้งไปด้วยความตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ลูกน้องดึงรสาตามเข้ามา รสาโวยวาย
“ปล่อยนะ...ฉันเจ็บนะ...ปล่อย”
ธานีคว้าข้อมือรสา กระชากไปหาระริน รสาเสียหลัก เซเข้ามาระรินรีบรับตัวไว้ ทั้งสองหันมองธานีอย่างหวั่นใจ ธานีหันมามองหน้าระริน
“ขอบใจนะ ที่ทำให้ฉันไม่ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ”ธานียิ้มเหี้ยม
+ + + + + + + + + + + +
เคี่ยมจ้องมองมือถือท่าทางหนักใจเมื่อนึกถึงชะตากรรมของนาวิศ
“นายกังวลเรื่องอะไรอีกครับ”สหัสถามอย่างสงสัย
“ฉันรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ที่ต้องทำกับนาวิศอย่างนั้น...ฉันเหมือนคนเจ้าเล่ห์ ที่เป่าหูลูกหนัน ว่านาวิศเป็นแค่คนหลอกลวง”
“แต่นาวิศมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆนี่ครับ ผมว่ามันหลอกเราตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ว่ามันความจำเสื่อม”
“แต่สิ่งที่เขาทำ ก็เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง...ถ้าเขาไม่บอกว่าตัวเองความจำเสื่อม เราอาจจะฆ่าเขาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้...อีกอย่าง...มันก็ไม่แน่ว่าความรู้สึกที่นาวิศมีต่อลูกหนัน จะเป็นการหลอกลวงทั้งหมด”
ปาหนันได้ฟังแล้วยิ่งอึ้ง
“แต่ถ้าคุณหนันรู้ว่านาวิศกำลังจะโดนอาแท้ๆฆ่าเพื่อแย่งมรดก คุณหนันก็ต้องหาทางช่วยนาวิศ ยังไงก็คงไม่ยอมมากับพวกเรา...ผมว่าสิ่งที่นายทำมันถูกแล้วล่ะครับ”
ปาหนันปะติดปะต่อเรื่องราว จากที่ได้ยินแล้ววิตกกังวลมาก
+ + + + + + + + + + + +
ธานีสั่งให้ลูกน้องจับตัวระรินกับรสาไปขังที่เรือนหลังเล็ก ลูกน้องถือปืนขู่ ดันหลังระรินกับรสาไปที่ประตูบ้าน ธานีตามมา ลูกน้องเปิดประตู ผลักสองสาวเข้าไป ระรินกับรสาเสียหลักเซถลาเข้ามาแล้วล้มลงไปกับพื้น ระรินหันมองธานี
“คุณธานี...คุณจะทำอะไร”
“ฉันจะไว้ชีวิตเธอ เพราะเห็นแก่ที่เธอทำประโยชน์ให้ ช่วยฉันสืบจนรู้ว่านาวิศมันยังไม่ตายจริงๆ แต่เธอต้องอยู่ที่นี่ รอให้ฉันจัดการกับนาวิศก่อน...ถึงตอนนั้นค่อยคิดอีกที ว่าจะเอายังไงกับเธอสองคนพี่น้อง”
ธานีพูดจบ ลูกน้องก็ปิดประตูใส่หน้าสองสาว รสาหันมองระริน หน้าเสีย
“พี่ริน...เราจะทำยังไงกันดี...”
ระรินส่ายหน้า น้ำตารื้น ทั้งเจ็บใจ ทั้งห่วงนาวิศ รู้สึกอับจนหนทาง
ลูกน้องล็อคประตูหน้าบ้าน ธานีหันหลังเดินออกมา พอดีกับชาติตามเข้ามา ธานีสั่งทันที
“เตรียมเครื่องบินให้ฉันไประนอง...ด่วนเลย”
+ + + + + + + + + + + +
เดื่อกับแท่นนั่งกินข้าวกันอยู่ เคี่ยมกับสหัสตามมาสมทบ บนโต๊ะมีอาหารสำหรับเคี่ยมกับสหัสอยู่แล้ว
“นาย...พี่สหัส...ฉันสั่งข้าวขาหมูเผื่อแล้ว”แท่นบอก
สหัสนำกาแฟมาให้แท่น แท่นไหว้ขอบคุณ รับไปดื่ม ครู่หนึ่งเจ่งกับทับทิมตามมาร่วมโต๊ะ เจ่งบ่นทับทิมไปด้วย
“เป็นสาวเป็นแซ่ ชักช้ากว่าคนแก่ซะอีก”
“ก็ฉันมันท่อยาว กว่าจะหมดก๊อกมันนานนี่ยายเจ่ง”ทับทิมเถียง
เคี่ยมมองทางด้านหลัง ไม่เห็นปาหนันตามมาก็แปลกใจ
“ลูกหนันล่ะ”
“อ้าว...ก็กลับมาตั้งนานแล้วนี่คะ”เจ่งแปลกใจ
“คุณหนันไม่ได้เข้าห้องน้ำหรอกค่ะ แค่เดินไปส่งยายเจ่ง แล้วก็กลับออกมาก่อนตั้งนานแล้ว”ทับทิมบอก
“ใช่ๆ...เดื่อก็เห็นคุณหนันตามนายเข้าไปในซุปเปอร์”
เคี่ยมได้ยินเดื่อบอกอย่างนั้นก็ตกใจ
“ว่าไงนะ”
สหัสนึกขึ้นมาได้ หน้าตื่น
“หรือว่าที่เราคุยกันเมื่อกี๊...”
เคี่ยมกับสหัสหันมองหน้ากันอย่างตื่นตกใจ
ทุกคนกลับมาที่รถ หลังจากแยกย้ายกันตามหาปาหนันแล้วไม่เจอ เจ่งร้อนใจ
“ไม่เจอคุณหนันเลยนาย...ทำยังไงดี”
เคี่ยมหันไปสั่งแท่น
“แท่น...เอ็งพาทุกคนไปรอที่หมู่บ้านที่ข้าบอก ข้ากับสหัสกลับไปตามลูกหนันเจอแล้วจะรีบตามไป”
แท่นรีบพยักหน้ารับคำ เจ่งเป็นห่วงปาหนัน
“ไปช่วยกันตามหาคุณหนันทั้งหมดนี่ไม่ดีเหรอนาย”
“คงไม่ต้องตามหาตัวที่ไหนหรอก เพราะลูกหนันต้องกลับไปหานาวิศที่สวนมะพร้าวแน่ ฉันจะไปพาลูกกลับมา เจ่งไม่ต้องห่วง...ไปสหัส”
สหัสกับเคี่ยมรีบขึ้นรถ สหัสขับรถออกไป พวกที่เหลือมองตามอย่างเป็นห่วง
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศเดินไปเดินมาอยู่ในห้องที่โดนขังไว้ หันไปมองนาฬิกา เห็นว่าเป็นเวลา 10:15 นาฬิกา
“หรือว่าคุณหนันไปแล้วจริงๆ”
นาวิศคิดถึงปาหนันหน้าสลดลง แต่แล้วมีเสียงคนเดินที่ด้านนอก นาวิศชะงัก เสียงเดินมาหยุดที่หน้าห้อง มีเสียงถอดกุญแจ นาวิศหน้าตื่น
“คุณหนัน...”นาวิศถลันมาที่ประตู “คุณ น...”
ประตูเปิดออก ปรากฏว่าเป็นคนงานเล่นเอานาวิศค้างไป
“คุณหนันล่ะ”
คนงานส่ายหน้า
“ไม่รู้ คุณหนันสั่งไว้แต่เมื่อคืน วันนี้เที่ยงให้มาปล่อยแกออกไป”
นาวิศนิ่งอึ้ง นึกถึงคำพูดของปาหนันเมื่อคืนนี้
‘…พรุ่งนี้ หลังจากเราไปกันหมดแล้ว หนันจะให้คนงานมาปล่อยคุณ...’
นาวิศนิ่งอึ้งไป
“คุณหนันไปแล้วจริงๆเหรอเนี่ย...”
นาวิศใจหาย รีบวิ่งไปที่บ้านของปาหนันเห็นบ้านปิดเงียบ นาวิศตะโกนเรียก
“คุณหนันครับ...คุณหนัน”
ไม่มีเสียงตอบ นาวิศเดินตรงไปที่ประตู ผลักประตูเข้าไปในบ้านมองรอบๆ ในบ้านไม่มีใครแม้แต่คนเดียว นาวิศสะท้อนใจเดินช้าๆเข้ามา ทิ้งตัวลงนั่ง
“ในที่สุดมันก็จบแบบนี้เอง...นายเคี่ยมลอยนวล หนีรอดไปได้...แล้วเราก็ไม่มีทางได้เจอคุณหนันอีก ตลอดชีวิต”
นาวิศถอนใจยาว คิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา นึกสะท้อนสะเทือนใจ ครูหนึ่งมีเสียงรถที่หน้าบ้าน นาวิศหน้าตื่นขึ้นมาลุกเดินออกมามองหน้าบ้านแล้วนาวิศนิ่งไป...ธานีลงจากรถมองหยั่งเชิงนาวิศ ไม่รู้ว่านาวิศรู้เรื่องมากแค่ไหนที่เขาหลอกนาวิศมาฆ่า ชาติออกมาจากที่นั่งคนขับ ยืนอยู่ข้างรถ นาวิศเดินออกมาหาธานีช้าๆ แล้วหยุดยิ้ม
“อาธานี...”
นาวิศเข้าไปกอด ธานียังระแวงแกล้งตบหลังนาวิศเบาๆ ก่อนจะผละออกมา
“นาวิศ...หลานยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”ธานีระแวงมองเข้าไปในบ้าน “นายเคี่ยมล่ะ”
“หนีไปแล้วครับ”
ธานีอึ้ง
“หนี...”
นาวิศพยักหน้ารับ
“มันคงรู้ว่าคุณอาสงสัยเรื่องมันแล้ว มันก็เลยพาคุณหนันกับลูกน้องหนีกันไปหมด...ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมมันไม่ฆ่าผม”
“นาวิศ...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”ธานีแกล้งงง
“นายเคี่ยมแอบใช้เรือของเราขนน้ำมันเถื่อน มันกลัวว่าการมาของผมจะขัดขวางงานของมัน มันก็เลยวางแผนฆ่าผมตั้งแต่วันแรกที่มาถึง”นาวิศนึกถึงปาหนันหน้าอ่อนลง “โชคดี…คุณหนันที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ดันช่วย ชีวิตผมไว้”
“หลานหมายถึงปาหนัน ลูกสาวนายเคี่ยมน่ะเหรอ”ธานีถามอย่างแปลกใจ
“ครับ”
ธานีสังเกตเห็นอาการนาวิศ มีแววตาสะเทือนใจ พอจะเข้าใจเรื่องราว
“เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง”
ธานีแอบยิ้มกับชาติ นาวิศไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย นาวิศหันมา ธานีแกล้งตีหน้าเครียด
“แล้วหลานจะเอายังไงต่อไป”
“นายเคี่ยมหนีไปแบบนี้ คงยากที่จะเอาตัวมาลงโทษ... อีกอย่าง ผมจะเห็นแก่คุณหนันที่คอยช่วยผมมาตลอด...ผมจะให้มันจบแค่นี้ ไม่ตามล่าตามล้าง นายเคี่ยม”
ธานียิ้มมุมปาก
“หลานมีน้ำใจจริงๆ ถ้าเป็นอา อาจะไม่ปล่อยไว้ ไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น”
นาวิศหน้าสลดไป ยอมทิ้งความแค้นเพราะเห็นแก่ปาหนันซึ่งเป็นที่รัก ธานีหันหลังให้นาวิศ หันหน้ามาหาชาติ ยื่นมือออกมา ชาติส่งปืนให้ ธานีเหลือบหางตามองนาวิศ ยิ้มร้าย
ขณะเดียวกัน ปาหนันวิ่งเข้ามาที่หน้าบ้านสวนมะพร้าว ตรงไปที่ประตูบ้านอย่างร้อนใจ เป็นห่วงและกังวล ปาหนันเปิดประตูวิ่งเข้ามา แต่แล้วสะดุดขาตัวเอง เสียหลักล้มเจ็บขา แต่กัดฟันทน พอดีมองไป เห็นกระเป๋าตังค์ตกอยู่ เธอหยิบมาเปิดดูเห็นบัตรประชาชนนาวิศ
“นาวิศ เทพสุทธิพงศ์...พร้าวเป็นหลานคุณธานีจริงๆ”
ปาหนันวิ่งไปที่ห้องนาวิศ ผลักประตูเข้าไปเห็นในห้องว่างเปล่า
“คุณธานีจะฆ่าหลานตัวเอง พร้าวอยู่ในอันตราย”
ปาหนันหน้าเครียด ร้อนใจ
ธานี ยืนหันหลังให้นาวิศ รับปืนมาจากชาติ มองรอบๆว่าไม่มีใครเข้ามา
“สายๆแบบนี้ แถวนี้เงียบเชียบดีนะ...ถ้าจะทำอะไร ก็คงไม่มีใครมาเห็น”
นาวิศหันมาที่ธานี แต่แล้วเขาเห็นภาพสะท้อนที่กระจกรถว่าธานีถือปืนอยู่ นาวิศชะงัก แปลกใจ ขยับถอยระวังตัว
“คุณอาหมายความว่ายังไงครับ”
“รู้ไหมนาวิศ...เรื่องมันแย่ตรงที่หลานดันตกหลุมรักปาหนัน เลยจะยกโทษให้นายเคี่ยม...แต่สำหรับอา...อาไม่จำเป็นต้องเห็นแก่หน้าใคร แม้กระทั่งพี่ชายของตัวเอง”
ธานีหันมายิงทันที แต่นาวิศระวังตัวอยู่ก่อน กระโดดหลบไปที่หลังโต๊ะหน้าบ้าน
ปาหนันกลับออกมาจากบ้านสวนมะพร้าว ได้ยินเสียงปืนก็สะดุ้งตกใจ หันมองที่มาของเสียง เธอเหลือบไปเห็นมีดปอกผลไม้ที่นาวิศทำตกไว้ รีบไปหยิบมีด เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด ปาหนันรีบวิ่งไปทันที
ธานีเดินย่ามใจเข้าหานาวิศ ยิงออกไปสองสามนัด นาวิศคอยวิ่งหลบไปยังหลังต้นมะพร้าว ต้นแล้วต้นเล่า นาวิศวิ่งหลบมาซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง ข้างๆแถวนั้นเต็มไปด้วยหลัวหวายใส่ลูกมะพร้าว นาวิศตะโกนออกไป
“อาทำอย่างนี้ทำไม”
ธานีเดินอย่างย่ามใจเข้าไปยังที่ซ่อนนาวิศ
“แกโง่มากรู้ไหมนาวิศ ที่คิดว่าฉันปิดหูปิดตา ไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่ไอ้เคี่ยมมันทำ...ฉันนี่แหละ ที่เป็นคนสั่งไอ้เคี่ยมออกเรือขนน้ำมันเถื่อน”
นาวิศหน้าเครียด ไม่เคยเอะใจสงสัย
“แล้วก็ฉันนี่แหละ ที่สั่งให้ไอ้เคี่ยมเก็บแก”
ธานียิงออกไป นาวิศกระโดดหลบไปที่หลังต้นไม้อีกต้น ธานียิงไปอีก แต่ไม่โดน นาวิศตะโกนออกไป
“ที่ผ่านมาผมเคารพ ให้เกียรติอาในฐานะน้องชายแท้ๆของพ่อผม แต่ทำไมอาธานีทำกับผมแบบนี้”
ธานีเดินเข้าไปใกล้ที่ซ่อนตัวนาวิศ
“เรื่องนี้ต้อโทษพ่อแกที่มันไม่ยุติธรรมกับฉันก่อน...ถ้ามันทำพินัยกรรมยกบริษัทให้ฉัน แกก็ไม่ต้องตาย”
ธานีเล็งปืนตรงเข้ามายังหลังที่ซ่อนตัวของนาวิศ แต่นาวิศไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ธานีเล็งปืนมา พบแต่ความว่างเปล่า
นาวิศคลานหลบมาด้านหลังหลัวหวาย ฉวยจังหวะกระโดดเข้าแย่งปืนธานี ชาติเห็นนายพลาดท่า ก้มหยิบปืนอีกกระบอกที่ข้อเท้า แต่นาวิศหันปืนธานีมาทางชาติ ยิงออกไป กระสุนไม่ตรงเป้า แต่ก็ทำให้ชาติตกใจ กระโดดหลบจนยังไม่ทันหยิบปืนออกมา
นาวิศแย่งยื้อปืนกับธานี พอดีเหลือบไปเห็นกองไม้สำหรับทำฟืน มีไม้ที่ตอกตะปูและปลายแหลมของตะปูยื่นออกมา นาวิศผลักธานีล้มลงไปที่กองไม้ ปลายแหลมของตะปูแทงเข้าที่ต้นแขน ธานีเจ็บ ร้องลั่น
“โอ๊ย!”
นาวิศกระแทกมือธานีจนปืนหลุดมือ ตกไปกับพื้น นาวิศเตะปืนกระเด็นไป ชาติหยิบปืนอีกกระบอกออกมาจากข้อเท้า เล็งไปที่นาวิศ ปาหนันโผล่เข้ามาพอดี
“พร้าวระวัง”
ชาติยิงออกไป นาวิศกระโดดหลบ แล้วหันไปมองปาหนัน
“คุณหนัน...”
ชาติถือปืนย่างสามขุมเข้ามายิงใส่ นาวิศหลบตามหลังต้นมะพร้าว พลางตะโกนบอกปาหนัน
“คุณหนัน หนีไป”
ธานีตะกายไปหยิบปืนที่นาวิศเตะทิ้ง ปาหนันวิ่งเข้ามาเตะซ้ำให้ปืนยิ่งไกลออกไป แล้ววิ่งไปที่ชาติ ปาหนันเงื้อมีดจะแทงชาติ แต่ชาติหันมาเห็นจับมือปาหนันไว้ได้ ตบปาหนันกระเด็นล้มไปกองกับพื้น ชาติหันปืนมาที่ปาหนัน นาวิศฉวยท่อนไม้ฟาดใส่ชาติจนเสียหลัก ชาติตั้งหลักได้จะหันมายิง นาวิศหวดไม้ใส่มือชาติ ปืนกระเด็นนาวิศเข้าไปคว้ามือปาหนัน
“หนีเร็ว คุณหนัน”
ธานีหยิบปืนได้ หันไปยิงใส่นาวิศกับปาหนัน นาวิศกับปาหนันวิ่งหนีเข้าไปในสวนมะพร้าว หลบกระสุนไปได้หวุดหวิด ชาติเก็บปืนได้ รีบวิ่งตามไปทันที
นาวิศกับปาหนันจูงมือกันวิ่งหนี ปาหนันหกล้ม นาวิศรีบก้มลงประคอง
“คุณหนันเป็นไงบ้าง”
ปาหนันกัดฟันลุกขึ้น
“หนันไม่เป็นไร รีบไปต่อเร็ว”
ชาติวิ่งตามมาทัน อยู่ในระยะที่ยิงได้ ชาติหยุดยิ้มมองด้านหลังนาวิศที่ประคองปาหนันวิ่ง ชาติยิ้มเหี้ยม ยกปืนเล็งไป มือชาติเตรียมเหนี่ยวไกยิง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ตอนที่ 10 (ต่อ)
ทันใดนั้น สหัสมาถึงพอดีจึงยิงไปที่ชาติก่อน ชาติกลิ้งหลบกระสุนสหัส นาวิศกับปาหนันได้ยินเสียงปืน หมอบหลบ สหัสวิ่งเข้ามาดึงปาหนันขึ้นมา
“คุณหนันไม่เป็นไรใช่ไหม”
ปาหนันพยักหน้า
“ไปที่หน้าสวน...นายเคี่ยมจอดรถรออยู่”
สหัสพูดจบ หันไปยิงคุ้มกันให้ นาวิศพาปาหนันวิ่งออกไป ชาติตั้งหลักได้ ยิงตอบโต้ สหัสหลบหลังต้นมะพร้าว ชาติเล็งปืนไปที่สหัส สหัสโผล่ออกมาจากหลังต้นมะพร้าวเพื่อยิงสกัดให้ปาหนันอีก แต่ยังไม่ทันได้ยิงออกไป ชาติยิงสวนมาก่อน สหัสโดนยิงที่แขน ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ปาหนันหันมาเห็นก็ตกใจ
“สหัส!”
“หนีไป คุณหนัน”สหัสตะโกนบอก
นาวิศรีบดึงปาหนันหนี สหัสยิงตอบโต้กับชาติพลางถอยหนีไป
นาวิศพาปาหนันมาที่รถเคี่ยมซึ่งจอดรออยู่ สหัสตามมาด้านหลัง ชาติวิ่งตามมา นาวิศ ปาหนัน สหัสขึ้นรถ
“เร็วเข้า ลูกหนัน”
ปาหนันปิดประตูรถได้ เคี่ยมก็บึ่งออกไปทันที ชาติวิ่งตามออกมา ยิงตามไปอย่างโกรธแค้น แต่รถไปไกลแล้วจึงไม่โดนกระสุน ชาติโมโห ธานีขับรถเข้ามาจอด ลงจากรถ
“ชาติ...ตามมันไป”
ชาติหันมาเห็น รีบขึ้นรถฝั่งคนขับ ธานีนั่งเบาะข้างคนขับ รถแล่นออกไปอย่างเร็ว
+ + + + + + + + + + + +
เคี่ยมขับรถไป สหัสเอามือกุมแผลไว้ เลือดออกเต็มแขน
“สหัส เป็นยังไงบ้าง”เคี่ยมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับนาย”
“เลือดออกขนาดนี้ ฉันว่าน่าจะไปหาหมอนะ”นาวิศแนะ
สหัสหันมามองหน้านาวิศ
“แกทำให้พวกเราเดือดร้อนมากพอแล้ว ฉันไม่อยากได้ยินอะไรจากแกอีก”
นาวิศหน้าเครียด พูดไม่ออก ปาหนันมองนาวิศอย่างเห็นใจ แล้วหันไปที่สหัส
“สหัส ยื่นแขนมาสิ”
สหัสยื่นแขนมา ปาหนันช่วยพันแผลห้ามเลือดให้ นาวิได้แต่ถอนใจ เคี่ยมมองกระจกส่องหลัง หน้าเครียดขึ้นมาอีก
“คุณธานีตามมา”
ทุกคนตกใจหันไปมอง เห็นรถธานีตามมา เคี่ยมมองกระจกส่องหลัง สลับมองทางด้านหน้าหน้าเครียด
ชาติขับรถตามพวกเคี่ยมไปอย่างไม่ลดละ ธานีนั่งข้าง จ้องเขม็งไปที่รถเคี่ยมอย่างโกรธแค้น
“ตามให้ทัน อย่าให้มันหนีไปได้”
รถธานีใกล้รถเคี่ยมเข้ามาทุกที ทุกคนต่างเป็นกังวล
“พ่อจ๋า...พวกนั้นจะตามมาทันแล้ว”ปาหนันบอกอย่างร้อนใจ
เคี่ยมมองทางข้างหน้า เห็นว่ามีทางแยก ทันใดนั้นมีรถตู้วิ่งสวนมาอีกเลน เคี่ยมตัดสินใจหักเลี้ยวปาดหน้ารถตู้ รถตู้เบรกเอี๊ยด บีบแตรลั่น ชาติขับรถธานีตามมา เบรกตามฉิวเฉียด เกือบชนรถตู้ รถตู้จอดขวางทางเลี้ยว ชาติกระหน่ำบีบแตรไม่ยั้ง
“ไปสิวะ”ธานีตะโกน
กว่ารถตู้จะเคลื่อนออกไปพ้นทาง รถเคี่ยมก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ชาติพยายามขับรถมองหา ธานีโมโหมาก
“ไอ้เคี่ยมมันกล้าลองดีกับฉัน”
“ผมว่านายเคี่ยมไม่กล้าเป็นศัตรูกับนายถึงขนาดจะพานาวิศไปแจ้งความแน่ มันกำลังหนี...ถ้างั้นมันคงปล่อยนาวิศแถวๆทางออกนอกเมือง”
“ตามหามันให้เจอ จะปล่อยให้นาวิศหนีรอดไปไม่ได้”
เป็นอย่างที่ชาติคิด เคี่ยมขับรถมาได้ระยะหนึ่ง ก็แล่นเข้ามาจอดริมถนนแห่งหนึ่ง เคี่ยมเหลือบมองนาวิศนิดหนึ่ง
“ผมต้องให้คุณลงตรงนี้ คุณนาวิศ”
“ใจคอนายเคี่ยมจะไม่บอกผมหน่อยเหรอ ว่าทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกัน”นาวิศถามอย่างไม่เข้าใจ
“หนันเองก็อยากรู้จ้ะ ว่าเรื่องจริงมันคืออะไร”
เคี่ยมเหลือบมองหน้ากับสหัส แล้วถอนใจยาว ลงจากรถไป ปาหนันเหลือบมองนาวิศแวบหนึ่ง แล้วลงจากรถตามพ่อไป นาวิศลงตามไปนอกรถ เห็นเคี่ยมเดินไปที่ใต้ต้นไม้ ปาหนันตามไป นาวิศเดินไปที่คนทั้งสอง
เคี่ยมเดินมาหยุดรอใต้ต้นไม้ ปาหนันกับนาวิศตามเข้ามา
“ผมคิดมาตลอดว่านายเคี่ยมต้องการฆ่าปิดปากผม ที่ไปรู้เรื่องน้ำมันเถื่อน...แต่กลายเป็นว่าอาธานีอยู่เบื้องหลังทั้งหมด...ทำไมนายเคี่ยมไม่เคยบอกผม”นาวิศถามเสียงเครียดไม่เข้าใจ
เคี่ยมถอนหายใจ
“บอกไปคุณจะเชื่อเหรอ เขาเป็นอาแท้ๆของคุณ ส่วนผมเป็นคนงานที่คุณเพิ่งเคยเจอ...ที่ผมทำได้ ก็คือแอบเก็บตัวคุณไว้ แล้วโกหกคุณธานีว่าคุณตายแล้ว”
“หมายความว่าที่ผ่านมานายเคี่ยมช่วยชีวิตผมไว้ ไม่ได้จะฆ่าผม”
เคี่ยมพยักหน้า
“แต่ผมคงช่วยคุณได้แค่นี้ ต่อไปคุณต้องพึ่งตัวเองแล้ว...ผมจะพาลูกกับคนของผมไปอยู่ที่อื่น...หวังว่าเราคงไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”
“นายเคี่ยมไม่จำเป็นต้องไปไหน...ผมจะสะสางเรื่องนี้เอง”
เคี่ยมส่ายหน้า
“ปล่อยให้พวกเราไปดีกว่า...ที่ผ่านมาเรื่องของคุณทำให้พวกเราวุ่นวายมากพอแล้ว ให้มันจบแค่นี้เถอะ”
นาวิศอึ้งไป ปาหนันหน้าเสียที่ต้องจากนาวิศจริงๆ
“เราต้องไปแล้วลูกหนัน”
เคี่ยมจูงมือปาหนัน จะพากลับไปที่รถ ปาหนันหน้าเสีย อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาวิศอย่างอาลัย
“เดี๋ยวก่อน...”นาวิศเรียกไว้
เคี่ยมชะงัก
“ให้ผมได้บอกลาคุณหนันซักครู่ได้ไหม”
เคี่ยมเห็นปาหนันท่าทางอาลัยอาวรณ์นาวิศก็หนักใจ
สหัสยืนอยู่ใกล้รถ มองไปทางนาวิศกับปาหนัน เห็นนาวิศกับปาหนันเดินห่างออกไป สหัสก้มมองผ้าเช็ดหน้าของปาหนันที่ผูกแขนห้ามเลือดให้เขา รูสึกสะท้อนใจ เคี่ยมเดินกลับมา เห็นท่าทางสหัสก็เข้าใจ
“อย่าห่วงเรื่องของสองคนนั้นเลยสหัส...นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกัน”
สหัสไม่สบายใจ
“ถึงเขาจะจากกัน...แต่คุณหนันจะตัดใจจากนาวิศได้เหรอครับ”
เคี่ยมหันไปมองทางปาหนันอีกครั้งอย่างหนักใจ
นาวิศกับปาหนันคุยกันอยู่มุมหนึ่งริมถนน
“ผมขอโทษจริงๆ ที่ใช้ความไว้ใจของคุณหนัน เป็นเครื่องมือเพื่อให้มีชีวิตรอด ผมไม่เคยรู้เลยว่าอาธานีจะคิดร้ายกับผม”
“แต่คุณกลับคิดว่าพ่อหนันเป็นคนบงการ คุณคิดว่าพวกเราเป็นคนบ้านนอก ก็เลยต้องเป็นคนเลวใช่ไหม”
“ไม่จริง! ผมจะคิดอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อคนที่ช่วยชีวิตผมไว้เธอเป็นคนดี...ถึงแม้เธอจะเรียกตัวเองว่าเป็นคนบ้านนอก อยู่แต่ในไร่ในสวน แต่เธอก็ใสซื่อบริสุทธิ์”
ปาหนันอึ้งมองหน้าเขา นาวิศเข้ามาจับมือเธอไว้
“คุณหนันครับ...ถึงผมจะโกหกคุณเรื่องความจำเสื่อม แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณ มันเป็นเรื่องจริง คุณหนันยกโทษให้ผมได้ไหมครับ...”
ปาหนันนึกถึงว่าตัวเองต้องจากนาวิศก็ทำใจไม่ได้ หันหลังหนีเพราะกลัวจะร้องไห้ให้เขาเห็น นาวิศคิดว่าปาหนันไม่ยกโทษให้ก็สลด แต่ก็เข้าใจ
“ไม่เป็นไรครับ...ผมเข้าใจ...ผมหลอกคุณหนัน ทำให้คุณหนันต้องเสียใจ...ผมเองก็ควรต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเหมือนกัน...ลาก่อนครับคุณหนัน”
นาวิศหันหลังจากไปด้วยความชอกช้ำใจ ปาหนันใจหาย หันกลับไปมองด้านหลังของเขาที่เดินคอตกจากไป ในที่สุดปาหนันตัดสินใจ ตามไปคว้ามือนาวิศไว้
“พร้าว...”
นาวิศชะงัก ค่อยๆหันกลับมา ปาหนันอึกอักพูดไม่ถูก
“ไม่ใช่สินะ...หนันต้องเรียกคุณว่าคุณนาวิศ...”
“ผมยังเป็นนายพร้าวของคุณหนันเสมอ”
ปาหนันน้ำตารื้น
“หนันอยากบอกให้คุณรู้ว่าหนันไม่เคยโกรธคุณเลย ไม่ว่าคุณจะหลอกหนันยังไง ทำให้หนันต้องเจ็บยังไง...หนันก็โกรธคุณไม่ลงซักครั้ง”
นาวิศดีใจกุมมือปาหนันไว้
“ขอบคุณครับคุณหนัน...”
ทั้งสองสบตากันซึ้งใจ
“ผมสัญญาว่าผมจัดการเรื่องอาธานีเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะไปหาคุณ...คุณหนันรู้หรือเปล่าว่านายเคี่ยมจะไปที่ไหน”
“พ่อบอกว่าจะไปอยู่ที่มวกเหล็ก สระบุรี แต่หนันไม่รู้ที่อยู่แน่ชัดหรอก”
นาวิศยิ้มดีใจ
“มวกเหล็กไม่ได้ใหญ่โตมากมาย ผมจะตามหาคุณหนันให้เจอ...เราจะต้องได้พบกันอีก”
นาวิศเห็นดอกหญ้าขึ้นอยู่ เด็ดมันขึ้นมา
“ดอกหญ้านี้แทนคำสัญญาจากผม คุณหนันเก็บมันไว้นะครับ...เมื่อไหร่ที่คุณหนันเห็นมัน ขอให้คุณหนันรู้ว่าผมกำลังตั้งใจทำทุกอย่าง ให้เรากลับมาเจอกันอีก”
นาวิศยื่นดอกหญ้าให้ปาหนัน ปาหนันรับไปถือไว้ ก่อนจะเงยหน้ามองนาวิศอย่างซึ้งใจ ปาหนันยิ้มทั้งน้ำตาหยิบถุงบุหงาที่พกไว้ออกมา
“ถุงบุหงานี่หนันฝากไว้กับคุณ เมื่อไหร่ที่เราเจอกันอีก คุณค่อยเอามาคืนหนัน”
นาวิศรับไปทั้งสองสบตากันอย่างอาลัย ปาหนันจำต้องตัดใจลา
“หนันต้องไปแล้ว... คุณดูแลตัวเองดีๆนะ”
ปาหนันฝืนยิ้มให้เขาแล้วหันหลังเดินไป นาวิศมองตามอย่างอาลัย ไม่อยากจากเธอไป สุดท้ายก็ตัดใจจากไม่ได้ เดินตามปาหนันไป...นาวิศเดินมาใกล้ปาหนัน ดึงเธอหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วกอดเธอไว้อย่างรักใคร่ อาลัย ครู่หนึ่งปาหนันกับนาวิศจึงผละออกมามองตากัน แล้วต่างยิ้มเศร้า
“แล้วพบกันครับ”
เคี่ยมกับสหัสชะเง้อมองทางปาหนันกับนาวิศอย่างห่วงกังวล สหัสร้อนใจ
“ผมจะไปตามคุณหนัน...”
สหัสจะไปพอดีปาหนันออกมาจากหลังต้นไม้ เดินกลับไปยังรถเคี่ยม นาวิศออกมาจากหลังต้นไม้ มองตามอย่างเศร้าๆ เคี่ยมกับสหัสขึ้นรถ ปาหนันหันมองนาวิศอย่างอาลัยอีกครั้ง ก่อนตามขึ้นรถ สหัสขับรถออกไป
นาวิศมองตามครู่หนึ่ง...ถอนใจยาว ก่อนจะหันกลับมาหน้าตาเปลี่ยนไปขึงขังจริงจังขึ้นมา
“อาธานี...ถึงเวลาคิดบัญชีกันแล้ว”
นาวิศออกเดินไป
เคี่ยมเป็นคนขับรถต่อไปเพราะสหัสเจ็บแขน ปาหนันนั่งที่เบาะด้านหลัง อมยิ้มมีความสุข ถือดอกหญ้าที่นาวิศให้แทนคำสัญญา มองดูอยู่ไปมา แล้วมองออกไปนอกรถ สหัสเหลือบมอง ปาหนันไม่รู้ตัวได้แต่นั่งอมยิ้มมีความสุข สหัสหันกลับมา จับที่แผล รู้สึกเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ ปาหนันหันกลับมามองดอกหญ้าในมือ เชื่อมั่นมากว่าจะได้พบนาวิศอีก
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศเดินมาตามริมถนนเรื่อยๆ ครู่หนึ่งเห็นที่อีกฝั่งถนน ตรงริมทางข้างหน้ามีตำรวจและคนขับมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร ตำรวจกำลังตรวจใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ นาวิศหน้าตื่น เดินตรงไปที่ตำรวจ ทันใดนั้น ชาติโผล่เข้ามา ดักทางนาวิศ ถือปืนขู่ นาวิศชะงัก
“แก...”
นาวิศมองไปทางตำรวจ เห็นตำรวจกำลังขึ้นมอเตอร์ไซค์ ขับออกไป
“อย่าถือเป็นความแค้นส่วนตัวเลยนะคุณนาวิศ...ผมทำเพราะมันเป็นงาน”
ชาติจะยิงนาวิศ นาวิศตัดสินใจกระโจนเข้าใส่ดันมือชาติเบี่ยงวิถีกระสุนพ้นตัว ชาติยิงออกมาไม่โดนนาวิศ ทั้งสองแย่งปืนกัน ธานีที่นั่งอยู่ในรถ มองไปทางนาวิศกับชาติ เห็นกำลังสู้กันอยู่...นาวิศดันชาติไปที่ต้นไม้ กระแทกมือชาติกับต้นไม้ จนปืนหลุดจากมือ ชาติจะก้มลงเก็บปืน แต่นาวิศเตะชาติล้ม นาวิศหันไปหยิบปืน หันปืนมาที่ชาติ ชาติชะงัก หมดทางต่อสู้ นาวิศถอดกระสุนปืนขว้างทิ้ง
“กลับไปบอกอาธานีว่าฉันยินดีต่อสู้ตามกฎหมาย ถ้าอยากได้สมบัติของพ่อฉันก็ไปฟ้องร้องเอาไม่ใช่ใช้วิธีชาติชั่วแบบนี้”
นาวิศเขวี้ยงปืนกลับไปที่ชาติ แล้วหันหลังเดินออกไป
ทันใดนั้นธานีขับรถ พุ่งตรงมา นาวิศหันไปมอง หลบไม่ทันธานีขับรถชนนาวิศกระเด็นหัวกระแทกก้อนหินใหญ่ สลบไปทันที เลือดไหลรินออกมา
ธานีกับชาติเดินมาดูนาวิศ พอดีมีรถกำลังจะแล่นผ่านมา ธานีรีบพยักหน้ากับชาติให้รีบไปทั้งสองวิ่งหนีไปที่รถ รถพลเมืองดีแล่นเข้ามาจอดแล้วลงมาดูนาวิศที่นอนสลบเหมือด ไม่รู้ชะตากรรม
จบตอนที่ 10
ติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.