ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.com ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 8
เคี่ยมเดินวนอยู่หน้าบ้าน อย่างครุ่นคิดขณะรอลูกสาวกลับมา เมื่อปาหนันมาถึง เห็นพ่อก็หยุด ยืนมอง เคี่ยมหันไปเห็นปาหนันปลอดภัยกลับมาก็ดีใจ
“ลูกหนัน...”
ปาหนันหน้านิ่ว เดินเข้ามา เคี่ยมรู้ว่าปาหนันจะต้องมีคำถามมากมาย รอยยิ้มเจื่อนลง
“ทำไมพ่อให้สหัสจับพร้าวไปปล่อยเกาะ แล้วทำไมพ่อต้องปิดหนัน เรื่องเกี่ยวกับพร้าว ตกลงพร้าวเป็นใครกันแน่”
เคี่ยมอึ้งไป
“ลูกหนัน...”
“พ่อรู้มาตลอดใช่ไหมจ๊ะ ว่าพร้าวเป็นใคร”
เคี่ยมชะงัก
“ทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกันแน่จ๊ะ...พ่อบอกหนันสิ”
“พ่อจะบอกลูกหนันเมื่อถึงเวลา แต่ตอนนี้พ่อยังบอกไม่ได้”
เคี่ยมเดินหนี ปาหนันรีบตามไปถาม
“แล้วพ่อคิดจะบอกหนันเมื่อไหร่จ๊ะ”
เคี่ยมยังเดินหนี ปาหนันเดินมาดักหน้า
“พ่อบอกหนันสิจ๊ะ ว่าพ่อจะปิดหนันไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่พ่อถึงจะบอกหนันได้ ว่าพร้าวเป็นใคร”
เคี่ยมหยุด จ้องหน้าปาหนัน เห็นสายตาของลูกสาวจริงจังมาก
“อีกไม่นาน ลูกหนันจะได้รู้ความจริงทั้งหมด...อีกไม่นาน...พ่อสัญญา”
เคี่ยมเดินออกไป เจ่งยืนมองอยู่ เคี่ยมเดินสวนออกไป ปาหนันมองตามพ่อ รู้สึกหนักใจ
+ + + + + + + + + +
ปาหนันยืนมองเจ่งที่ตักข้าวไว้ให้ทาน บ่นไปด้วยอย่างหงุดหงิด
“พ่อรู้ว่าพร้าวเป็นใครมาจากไหน แต่พ่อไม่ยอมบอกหนัน...พ่อก็รู้ สหัสก็รู้...ทำไมทุกคนรู้หมดแต่หนันยังรู้ไม่ได้”
“รู้หมดที่ไหนล่ะคะ ยายเองก็ไม่รู้ว่าไอ้พร้าวมันเป็นใครมาจากไหน แล้วก็ไม่เห็นอยากรู้ด้วย”
“ใช่น่ะสิ ยายเจ่งไม่ชอบพร้าว ยายเจ่งจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ”
“งั้นคุณหนันก็ชอบมันงั้นสิคะ”
ปาหนันอึกอัก
“ยายเจ่งก็...อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ เราคุยกันถึงเรื่องที่พ่อรู้ว่าพร้าวเป็นใคร แต่พ่อไม่ยอมบอกหนันนะ”
“เอาเถอะค่ะ ไหนๆพ่อก็สัญญาแล้วว่าจะบอก รออีกหน่อยค่อยรู้ คงไม่อัดใจตายไปซะก่อนหรอก”เจ่งเข้ามาดึงแขนปาหนันมานั่งที่โต๊ะ “มาค่ะ กินข้าวกินปลาก่อน...ไม่หิวบ้างหรือไง”
ปาหนันขัดใจ แต่ก็นั่งลงตามแรงจูงของเจ่ง มองหน้าเจ่งอย่างเซ็งๆ
ทางด้านสหัสนั่งกอดอก หน้าเครียด ยกขาพาดเก้าอี้อีกตัว แท่นนั่งอยู่ใกล้ๆ ต่างพากันเงียบ เคี่ยมเดินมาหา สีหน้าไม่สบายใจเช่นกัน สหัสเห็นเคี่ยมก็ลุกขึ้น รีบเข้าไปคุยกับด้วย
“นายจะเอายังไงต่อไปครับ ไอ้นาวิศมันกลับมาแบบนี้ ไม่รู้คุณธานีจะโผล่มาเมื่อไหร่ ถ้าคุณธานีรู้เรื่องเข้า เราลำบากแน่”
เคี่ยมถอนใจ
“อย่างที่ฉันบอกแกที่เกาะแหละสหัส...กว่าคุณธานีจะรู้เรื่อง พวกเราก็จะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
สหัสกับแท่นมองหน้ากัน
“นายจะหนีไปจากที่นี่จริงๆเหรอครับ แล้วนายจะให้พวกเราไปอยู่ที่ไหน ที่นี่เป็นบ้านของพวกเรานะครับ ทำไมเราจะต้องลำบากเพราะไอ้นาวิศคนเดียว...นายน่าจะให้ผมฆ่ามันตั้งแต่ที่เกาะ แล้วก็เอาศพมันให้คุณธานีไปเลย”
เคี่ยมถอนใจอีกครั้ง
“ฉันทำเขาไม่ลงจริงๆ ชีวิตใครใครก็รักนะสหัส”
“แต่ไอ้นาวิศมันจะทำให้พวกเราเดือดร้อนกันหมดนะครับ ทำไมทุกคนจะต้องลำบากเพื่อปกป้องไอ้นาวิศคนเดียว”
“มันไม่ใช่การปกป้องนาวิศหรอกสหัส...แต่ถ้าอยู่ที่นี่ เราก็ต้องรับใช้คุณธานีต่อไป...วันนี้เขาให้ฉันฆ่าหลานในไส้ของตัวเอง...ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะให้ฉันไปฆ่าใครอีก เราทำบาปมามากแล้วนะสหัส สมควรที่จะหยุดซะที”
เคี่ยมเดินผละไปที่โต๊ะ สหัสนิ่งไป พูดไม่ออก แต่ก็ยังนึกโทษนาวิศ ได้แต่กำมือแน่น ข่มความรู้สึก
+ + + + + + + + + + + +
ระรินเก็บข้าวของลงกระเป๋าเดินทางอย่างคับแค้นใจ ทนอยู่ไม่ได้แล้ว รสากอดอกมองอยู่
“พี่รินแน่ใจนะว่าจะกลับโคราชไปทั้งอย่างนี้”
“พี่ทนอยู่กับคนโหดร้ายอย่างคุณธานีต่อไปไม่ไหวแล้ว ในเมื่อที่นี่ไม่มีทั้งคุณนาวี ไม่มีทั้งคุณนาวิศให้พี่ต้องห่วง พี่ก็ไม่ขออยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
“แล้วคุณธานีเขาจะยอมให้พี่รินไปเหรอ”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงธานีก็ดังขึ้น
“นั่นสิ...”ธานีดันประตูเข้ามา “คิดว่าฉันจะยอมให้เธอไปอย่างนั้นเหรอ”
ระรินลุกมาหาธานี
“เราสองคนไม่เคยรักกัน คุณแต่งงานกับรินเพราะตอนนั้นรินเป็นเลขาคุณนาวี คุณแค่ต้องการหลอกใช้ริน ส่วนรินก็แต่งงานกับคุณเพราะเห็นแก่คุณนาวี...เราไม่มีอะไรผูกพันกัน คุณปล่อยรินไปเถอะค่ะ”
ธานีลูบแก้มระริน
“ฉันไม่พิศวาสเธอแล้วก็จริง...แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เธอรู้ความลับของฉันเยอะเกินไป...เพราะฉะนั้น เธอต้องอยู่ในสายตาฉัน รอให้เรื่องนาวิศเงียบก่อน...แล้วฉันอาจจะปล่อยเธอไป”
ระรินเดินไปปิดกระเป๋า คว้าขึ้นมา
“รินจะไม่ยอมตามคำขู่ของคุณอีกแล้ว...รินจะไป”
ธานียืนขวางประตูอยู่พอระรินเดินมา ธานีคว้าแขนไว้ บีบแน่น
“อย่าอวดดีกับฉัน...ฉันอาจจะทำให้เธอเกิดอุบัติเหตุ จนเธอขาหัก ไปไหนไม่ได้...หรืออาจทำให้เธอต้องนอนแบบอยู่บนเตียงตลอดไปก็ได้...เชื่อไหม ว่าฉันทำได้”
ระรินหน้าเสีย ธานียิ้มเหี้ยม เหวี่ยงระรินออกไปจนเธอเซถลาไปกับพื้น รสารีบเข้ามาประคองพี่สาว ธานีหันไปเห็นมือถือของระรินกับรสา เดินไปหยิบไว้
“ช่วงนี้ฉันห้ามเธอสองคนติดต่อใคร...ขอให้อยู่ที่นี่อย่างสบายใจนะ”
ธานียิ้มเหยียด เดินออกไป ระรินเจ็บใจจนน้ำตาคลอ
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น นาวิศ ปาหนัน เดื่อ นั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันอยู่ที่บ้านในสวน นาวิศกับปาหนันหน้าเครียด มีเรื่องให้คิดหนัก อยู้ๆนาวิศรวบช้อน
“อิ่มแล้วเหรอพร้าว...เดี๋ยวหนันจัดยาให้นะ”
ปาหนันลุกไปที่โต๊ะซึ่งวางถุงใส่ซองยา เตรียมยาให้เขา นาวิศมองปาหนันอย่างหนักใจ รักปาหนัน แต่ก็ให้อภัยเคี่ยมไม่ได้ นาวิศลุกไปหาปาหนันแกล้งถามหยั่งดู
“คุณหนันบอกว่าจะไปถามนายเคี่ยมให้ ว่าทำไมถึงให้ สหัสจับผมไปปล่อยเกาะ นายเคี่ยมว่ายังไงบ้างครับ”
ปาหนันชะงัก ท่าทางหนักใจ เดื่อเองก็แอบเหลือบมองคนทั้งสองอย่างหนักใจด้วย
“พ่อ ยังไม่ยอมบอกจ้ะ...แต่ว่า...”
ปาหนันอึกอัก ท่าทางลังเลที่จะพูด นาวิศมองอย่างสงสัย
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
ปาหนันตัดสินใจบอก
“บางทีพ่อเคี่ยมอาจจะรู้ ว่าพร้าวเป็นใคร...”
นาวิศหน้านิ่ง เดื่อเองท่าทางจะตกใจมากกว่านาวิศเสียอีก
“จริงเหรอคุณหนัน แล้วทำไมนายไม่ยอมบอกความจริงไอ้พร้าวล่ะ”
“หนันก็ไม่รู้เหมือนกัน พ่อบอกแต่ว่ายังไม่ถึงเวลา...”
ปาหนันเห็นนาวิศนิ่งเฉยก็แปลกใจ
“พร้าวดูไม่ตื่นเต้นเลยนะ ที่มีคนรู้ความเป็นมาของพร้าว”
“ครับ ผมไม่แปลกใจหรอก...ดูจากที่นายเคี่ยมทำกับผมแล้ว คนไม่เคยรู้จักกันจริงๆก็คงไม่ทำกันขนาดนี้”
ปาหนันกับเดื่อฟังแล้วอึ้งไป
“พร้าวยังโกรธพ่อหันเหรอ หนันบอกแล้วไงว่าพ่อต้องมีเหตุผล...”
“ถ้าเหตุผลที่ว่า คือนายเคี่ยมต้องการฆ่าผมปิดปาก เพราะผมบังเอิญไปรู้อะไรเข้าล่ะครับ”
ปาหนันชะงัก
“พร้าวพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
นาวิศนิ่วหน้า นึกโกรธเคี่ยมอยู่ ปาหนันวางถุงยากระแทกกับโต๊ะ
“ถ้าหนันรู้ว่าช่วยพร้าวแล้วต้องมานั่งฟังพร้าวว่าพ่อหนันอย่างนี้ หนันคงต้องคิดใหม่อีกรอบ”
ปาหนันสะบัดหน้าออกไป นาวิศหันมองเดื่อ เดื่อเองก็โกรธเขาเหมือนกัน นาวิศไม่สนใจ ตามปาหนันออกไปที่หน้าบ้าน
“ผมรู้ว่าคุณหนันดีกับผม...แต่มันก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้หรอกครับ ว่านายเคี่ยมต้องการจะฆ่าผม”
“พร้าวไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า แบบนี้เท่ากับใส่ร้ายพ่อหนันนะ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะนายเคี่ยมอยากให้ผมตาย แล้วมันอะไรล่ะครับ”
ปาหนันอึ้งไป พูดไม่ออก
“หนันไม่อยากเถียงกับพร้าวแล้ว ถ้าหนันรู้ความจริงจากพ่อเมื่อไหร่ หนันจะมาบอกพร้าวเอง แล้วรับรอง ว่ามันต้องไม่ใช่อย่างที่พร้าวคิดแน่นนอน”
เดื่อตามออกมาพอดี ปาหนันหันไปบอกเดื่อ
“ไปเดื่อ...กลับบ้าน”
เดื่อนำถุงยาออกมาด้วยชูให้นาวิศดู
“ยาพวกนี้ เงินนายเคี่ยมซื้อ โกรธนายเคี่ยมนักก็อย่ากินเลย”
ปาหนันขัดใจ เดื่อทำเกินกว่าเหตุ ดึงถุงยากลับไป
“หนันยังไม่สั่ง เดื่ออย่ายุ่งน่ะ”
เดื่องง
“อ้าว”
ปาหนันยัดถุงยาใส่มือนาวิศ ค้อนให้เขาแล้วสะบัดหน้าออกไป เดื่อเบ้หน้าใส่นาวิศบ้าง ก่อนจะตามปาหนันออกไป นาวิศมองตามปาหนัน แล้วก้มลงมองถุงยาในมือ สายตานาวิศอ่อนลง รู้ว่าปาหนันโกรธเขาแค่ไหนก็ไม่เคยคิดทำร้ายเขาเลย
“ผมขอโทษนะคุณหนัน ที่ต้องทำร้ายความรู้สึกคุณ...ถึงผมจะรู้สึกดีกับคุณแค่ไหน แต่ผมก็คงปล่อยนายเคี่ยมไว้ไม่ได้”
นาวิศกลับเข้ามาในบ้าน รีบประตูด้านหน้า แล้วแอบออกมาที่ประตูหลังบ้าน หันมองซ้ายมองขวาอย่างระแวงระวังเมื่อไม่เห็นใครเขาก็รีบหลบเข้าไปในสวนมะพร้าว อาศัยความมืดหนีออกไป
+ + + + + + + + + + + + +
ทับทิมนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แท่นอยู่ หิ้วถุงของใช้ที่เพิ่งซื้อกันมา ทับทิมนั่งเหม่อๆ พอดีแท่นเบรคกะทันหันทับทิมเสียหลัก รีบเอามือเกาะแท่น ทำให้ถุงข้าวของตกพื้นกระจาย
“โธ่ไอ้แท่น ขับรถประสาอะไรของเอ็ง จอดก่อน ของข้าตกหมดแล้ว”
แท่นจอดรถ เห็นของบนพื้นเกลื่อนกระจาย
“โหย...ทับทิม เอ็งถือของประสาอะไร ดูดิ๊ เกลื่อนหมด”
ทั้งสองช่วยกันเก็บของ แต่ก็บ่นกันไปด้วย
“เอ็งนั่นแหละขับรถไม่ดี”
“ข้าก็ขับตามปรกตินั่นแหละ ไม่ต้องมาโทษกันเลย...ข้าว่าเอ็งนั่งเหม่อมากกว่า เห็นเอ๋อๆไปตั้งแต่ข้าบอกว่านายจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว”
ทับทิมชะงักหน้าจ๋อยขึ้นมาอีก
“เออ...ข้าเหม่อจริงๆนั่นแหละ...”ทับทิมทุบแท่น “ก็เอ็งนั่นแหละ มีความลับดีนัก ถามว่าทำไมนายจะต้องย้ายไปที่อื่นเอ็งก็ไม่ยอมบอก”ทับทิมทุบๆๆอีก
“โอ๊ย ทับทิม เจ็บนะ หยุดก่อน”
ทับทิมหยุด แต่มองแท่นอย่างโกรธๆ แท่นถอนใจ
“คนที่มีความลับน่ะ คือนายต่างหาก นายไม่อยากให้คุณหนันรู้เรื่อง...เอ็งกับไอ้เดื่อสนิทกับคุณหนัน นายเลยไม่ยอมให้ข้าบอกเอ็ง...เออ แล้วเรื่องที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นก็อย่าเพิ่งปากโป้งบอกคุณหนันล่ะ ให้นายเป็นคนบอกเอง เข้าใจไหม”
ทับทิมขัดใจ
“รู้แล้วน่ะ...สั่งนั่นสั่งนี่ ใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่วะ”
ทับทิมค้อนแท่น แล้วหันไปเก็บของต่อ...
ขณะเดียวกันนั้น นาวิศรีบร้อนเข้ามาในตู้โทรศัพท์ กดเบอร์ที่บ้าน...แท่นกับทับทิมอยู่บนถนนอีกฝั่ง ห่างออกไปและมืด ทำให้นาวิศไม่ทันเห็นทั้งสองคน
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นสาวใช้เดินมาจะรับสาย พอดีธานีลงบันไดมาพอดี
“เดี๋ยวฉันรับเอง...”
นาวิศกำลังรอสายอย่างร้อนใจ
“รับซี่...รับสายซะที...”
ทับทิมกับแท่นเก็บของเสร็จ กำลังจะกลับขึ้นมอเตอร์ไซค์ แท่นมองไปทางตู้โทรศัพท์แล้วชะงัก เห็นนาวิศหันหลัง ยืนอยู่ในตู้โทรศัพท์ แท่นขมวดคิ้ว
“ทับทิม เอ็งว่านั่นมันไอ้พร้าวรึเปล่าวะ”
ทับทิมมองตามไป
“ในตู้โทรศัพท์นั่นน่ะเหรอ...มองข้างหลังคล้ายๆแฮะ...แต่พร้าวจะโทรหาใครได้ มันความจำเสื่อมอยู่นะ"
จังหวะนั้นเอง นาวิศหันมาทางแท่นกับทับทิม ซึ่งพอดีกับที่ ธานีเดินมารับโทรศัพท์
“ฮัลโหล...”
นาวิศเพ่งมองไป เห็นแท่นกับทับทิมก็ชะงักไป
“ฮัลโหล...”เสียงธานีดังมาจากหูโทรศัพท์
แท่นเห็นว่าเป็นนาวิศก็ตกใจ พึมพำกับตัวเอง
“ไอ้นาวิศ...”
แท่นจะวิ่งไป แต่ทับทิมรีบคว้าแขนดึงไว้
“แท่น ระวัง”
รถคันหนึ่งแล่นผ่านไป แท่นเกือบโดนชน ถ้าทับทิมไม่ดึงไว้ แท่นมองไปอีกที ในตู้โทรศัพท์ไม่มีใครแล้ว แท่นรีบมองซ้ายขวาแล้ววิ่งข้ามถนนไป
“เดี๋ยวก่อนสิแท่น เอ็งจะไปไหน แท่น”
แท่นวิ่งมาที่ตู้โทรศัพท์ พยายามมองหาไปรอบๆ แต่ก็ไร้วี่แววนาวิศ แท่นเจ็บใจ
ธานี เมื่อสายหลุดไปก็นึกสงสัยว่าใครโทรมา
+ + + + + + + + + + + +
แท่นรีบมารายงานสหัสที่บ้าน
“อะไรนะ...ไอ้พร้าวมันแอบออกไปโทรศัพท์เหรอ”
“ใช่พี่...ฉันกับทับทิมเห็นมันกับตา”
“แต่มันจะใช่พร้าวแน่เหรอแท่น...พร้าวความจำเสื่อมอยู่ จะโทรหาใครได้”ทับทิมแย้ง
แท่นดึงสหัสออกมาห่างทับทิม พูดให้ได้ยินกันสองคน
“หรือว่าไอ้นาวิศมันความจำกลับมาแล้ว มันแอบไปโทรหาอามันอ่ะพี่”
“ถ้าความจำมันกลับมา ป่านนี้มันไม่หนีไปแล้วเหรอวะ”
ทั้งสองหันมองกันหน้าตื่น แล้วสหัสรีบวิ่งนำแท่นออกไปทันที ทับทิมเดินมามอง นึกเป็นห่วง
“พี่สหัสจะเล่นงานอะไรพร้าวอีกรึเปล่านะ...”
ทับทิมตัดสินใจ แล้วรีบออกไปอีกคน
ทับทิมรีบมาหาปาหนันอย่างร้อนใจ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ปาหนันฟัง เดื่อนั่งฟังอยู่ด้วย ปาหนันแปลกใจมาก
“พร้าวออกไปโทรศัพท์เหรอ...โทรหาใคร”
“ก็นั่นสิคะ ทับทิมก็ไม่รู้...แต่ท่าทางพี่สหัสดูเอาเรื่อง ไม่รู้ว่าจะไปเล่นงานพร้าวอีกรึเปล่า”
เดื่อสะใจ
“สมน้ำหน้า...ไอ้พร้าวมันดันปากเสีย หาว่านายเคี่ยมคิดร้ายกับมัน โดนพี่สหัสสั่งสอนมั่งก็ดี”เดื่อหันไปหาปาหนัน “จริงไหมคุณหนัน”
ปาหนันไม่ตอบไม่สบายใจ
+ + + + + + + + + + + +
สหัสกับแท่นเดินเข้ามาในบ้านสวน...
“ปิดบ้านเงียบเลยพี่” แท่นเข้าไปดึงประตูเปิดดู แต่เปิดไม่ได้ “ล็อคจากข้างใน...หรือว่ามันกลับมาแล้ว”
สหัสเคาะเรียก
“ไอ้พร้าว...ไอ้พร้าว เปิดประตู”
แท่นกับสหัสช่วยกันเคาะประตูเรียกพร้าว
“ไอ้นาวิศมันอยู่หรือไม่อยู่กันแน่”
“เดี๋ยวก็รู้”
สหัสถีบประตูอย่างแรงสามสี่ครั้ง จนกลอนพังประตูเปิดออก สหัสกับแท่นรีบเข้าไปในบ้าน มองหานาวิศ ครู่หนึ่งไฟสว่างขึ้น นาวิศเดินโซเซออกมา
“สหัส...แท่น พังประตูเข้ามาทำไม”นาวิศทำเป็นถามงงๆ
แท่นคว้าคอเสื้อนาวิศ
“เอ็งออกไปโทรหาใครมาไอ้พร้าว”
“แกพูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ข้าเห็นกับตาว่าเอ็งแอบออกไปโทรศัพท์ ยังมีหน้ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกเหรอ”
นาวิศหน้าเครียด แต่ก็โกหกต่อไป
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่ได้ออกไปไหนทั้งนั้น”
สหัสเข้ามาดันแท่นออกไป กดนาวิศลงแล้วเอามีดขึ้นมาขู่
“ความจำแกกลับคืนมาแล้วใช่ไหม”
นาวิศมองมีดในมือสหัส กลืนน้ำลายฝืดคอ…
“แกออกไปโทรหาอาแกใช่ไหม แกบอกอะไรเขาไปบ้าง”
นาวิศจ้องหน้าสหัส
“ฉันไม่รู้ว่าแกพูดเรื่องอะไร”
สหัสพยักหน้าช้าๆ
“แกไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เพราะผลลัพธ์มันไม่ต่างกันหรอก...แกทำให้พวกเรายุ่งยากพอแล้ว ไม่มีแกซักคน นายกับคุณหนันก็ไม่ต้องลำบาก”
นาวิศหน้าตื่น จะยกมือขึ้นต่อสู้ แต่แท่นเข้ามาจับมือนาวิศไว้
“ลงมือเลยพี่”
สหัสเงื้อมีดทันใดนั้นเสียงปาหนันดังเข้ามา
“หยุดนะ”
สหัสชะงัก เงยหน้ามอง เห็นปาหนันเดินออกมาจากในบ้าน เพราะปาหนันเดินเข้ามาทางหลังบ้าน
“พร้าวไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น หนันเป็นพยานได้”
“คุณหนันมาทำอะไรที่นี่”
“หนันอยู่ที่นี่กับพร้าวตั้งแต่หัวค่ำแล้ว หนันยืนยันได้ ว่าพร้าวไม่ได้ออกไปไหน”
ทุกคนต่างก็อึ้งไป รวมทั้งนาวิศด้วย
“ไม่จริง คุณหนันพูดเพื่อช่วยมัน”สหัสไม่เชื่อ
“หนันอยู่กับพร้าวจริงๆ สหัสจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ...แต่ถ้าสหัสทำอะไรคนรักของหนัน หนันไม่ยอมแน่”
นาวิศมองปาหนันอึ้งไป ปาหนันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ทั้งสองสบตากัน ปาหนันหันกลับมามองสหัส สหัสโมโหสะบัดนาวิศออก แล้วออกไปแท่นตามไปด้วย ปาหนันถอนใจ เหลือบมองนาวิศอีกครั้ง ยังโมโหเรื่องที่นาวิศว่าพ่อเธอปาหนันจะกลับออกไปทางประตูหลัง นาวิศรีบมาดึงมือไว้
“เดี๋ยวครับคุณหนัน...”
ปาหนันดึงมือออก
“หนันไม่ได้หมายความตามที่พูดเมื่อกี้หรอกนะ...แค่ไม่อยากให้มาฆ่ากันตายในบ้านหนันเท่านั้น”
ปาหนันจะไป นาวิศดึงไว้อีก แล้วรวบตัวเธอเข้ามากอด ปาหนันอึ้งไป
“ขอบคุณครับคุณหนัน... ผมรู้ ไม่ว่าจะโกรธผมแค่ไหน คุณหนันก็ยังห่วงผม คอยช่วยเหลือผมตลอด ผมอยากตอบแทนความดีของคุณหนัน...แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงเกินไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำยังไง”
ปาหนันผละออกมา
“พร้าวพูดเรื่องอะไร”
นาวิศมองปาหนันอย่างสงสารตัดสินใจไม่เล่า
“ผม...ผมแค่ไม่อยากให้คุณหนันเสียใจ”
“หนันเสียใจเพราะพร้าวเคยสัญญากับหนัน จะไม่พูดถึงพ่อหนันในแง่ร้าย แต่พร้าวไม่รักษาสัญญา”
“ครับ ผมผิดเอง...ผมขอโทษ คุณหนันยกโทษให้ผมได้ไหมครับ”
ปาหนันอมยิ้มพยักหน้า
“ก็ได้...ทีนี้ปล่อยหนันได้รึยัง”
นาวิศมองปาหนันอย่างซึ้งใจ รวบตัวเธอมากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม ปาหนันยิ้มสุขใจ นาวิศหน้าเครียดขึ้นมาอีก ครุ่นคิดในใจ
‘ทำไมคุณต้องเป็นลูกสาวนายเคี่ยมด้วย...ถ้าผมต้องจัดการกับพ่อคุณจริงๆ คุณคงจะโกรธผมไปชั่วชีวิต...นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมได้ใกล้ชิดคุณ’
นาวิศกอดปาหนันแน่นด้วยความรัก...
อ่านต่อหน้าที่ 2
ตอนที่ 8 (ต่อ)
นาวิศเดินมาส่งปาหนัน นาวิศหน้าขรึมเพราะรู้ว่าตัวเองจะต้องหนี และไม่มีโอกาสได้เจอปาหนันอีกแล้ว ปาหนันนึกขึ้นมาได้ หันมาถาม...
“จริงสิพร้าว...ตกลงว่าพร้าวออกไปโทรหาใคร”
“ผมความจำเสื่อม จะโทรหาใครได้ล่ะครับ น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดมากกว่า ถนนหน้าสวนมะพร้าวมืด แท่นอาจจะเห็นคนอื่นเป็นผม”
“แล้วทำไมสหัสจะต้องทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ด้วย”
“ไม่รู้สิครับ บางทีเขาอาจจะจ้องหาเรื่องผมอยู่แล้วก็ได้”
ทั้งสองเดินมาถึงหน้าบ้านพอดี ปาหนันหันมาจับมือนาวิศ
“พร้าวไม่ต้องห่วงนะ หนันจะไม่ยอมให้สหัสทำอะไรพร้าวเป็นอันขาด”
นาวิศยิ้ม ทั้งเอ็นดูปาหนัน ทั้งเศร้าที่ต้องจากกัน ปาหนันเห็นเขาจ้องมองเธอ นึกได้ว่าจับมือเขาอยู่ก็รีบดึงมือกลับเขินๆ นาวิศลูบผมปาหนันอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณครับ”
ปาหนันยิ้มเขิน
“งั้นหนันเข้าบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
นาวิศฝืนยิ้มรับ ปาหนันหันหลังเดินเข้าบ้านไป นาวิศมองตาม รอยยิ้มจางลง จะหันกลับไป แต่แล้วต้องชะงัก สหัสกับแท่นเดินออกมาจากเงามืดหน้าบ้าน
“ครั้งนี้แกรอดไปได้ เพราะคุณหนันคอยคุ้มกะลาหัวให้ แต่อย่าหวังว่าจะมีโอกาสหนีไปไหนได้อีก”
สหัสพยักหน้ากับแท่น แท่นพุ่งเข้ามาคว้าเสื้อนาวิศ
“ฉันจะไม่ปล่อยให้แกคลาดสายตาอีกเลย รับรองได้”
แท่นดึงเสื้อนาวิศลากไป สหัสตามไป
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่.ปาหนันย่องลงบันไดมา ท่าทางลับๆล่อๆสอดส่องมองดูว่าพ่อออกไปแล้วหรือยัง พอเห็นว่าในบ้านไม่มีใคร ปาหนันก็เดินลงมา หวังจะไปมองที่หน้าบ้านแต่แล้วมือข้างหนึ่งเข้ามาจับไหล่ของเธอ ปาหนันสะดุ้งตกใจ
“ว้ายยยย!”
ปาหนันหันมอง ปรากฏว่าเป็นเจ่ง
“โธ่ยายเจ่ง...หนันตกใจหมด”
“แล้วมาทำลับๆล่อๆทำไมล่ะคะ...หรือว่าไปทำความผิดอะไรมา ถึงต้องหลบหน้าพ่อ”
“เปล่าซักหน่อย...หนันทำอะไรเปิดเผย ไม่ต้องหลบหน้าใครอยู่แล้ว...แต่ว่า พ่อไปออฟฟิศท่าเรือแล้วใช่ไหมยายเจ่ง”
“ยังหรอกลูกหนัน”เสียงเคี่ยมดังขึ้น
ปาหนันสะดุ้ง หน้าแหย เคี่ยมเดินเข้ามาจากหน้าบ้าน
“พ่อมีเรื่องต้องคุยกับลูกหนันก่อน”
เคี่ยมเดินเข้ามานั่งในบ้าน หันมองปาหนันที่เดินตามเข้ามา ปาหนันยืนทำหน้าตาย ทั้งที่รู้ว่าเคี่ยมจะพูดเรื่องอะไร
“เรื่องเมื่อคืนนี้มันยังไงกันแน่ ลูกหนันเล่าให้พ่อฟังซิ”
“ก็สหัสฟ้องพ่อไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ พ่อจะถามหนันอีกทำไม”
“พ่ออยากฟังความจริงจากลูกหนัน...ลูกหนันอยู่กับไอ้พร้าวจริงๆ หรือว่าช่วยโกหกเพื่อปกป้องมัน”
ปาหนันหนักใจ ไม่อยากโกหกพ่อแกล้งเบี่ยงประเด็น
“ทำไมเหรอจ๊ะ ถ้าพร้าวออกไปโทรศัพท์จริงๆ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น”
เคี่ยมลุกมาหาปาหนัน จับไหล่ไว้
“ฟังพ่อนะลูกหนัน...เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าพร้าวมันออกไปโทรศัพท์ ก็แสดงว่า ความจำมันกลับมาแล้ว แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆพ่อก็จำเป็นต้องรู้”
ปาหนันคิดไปครู่หนึ่งตัดสินใจโกหก
“หนันอยู่กับพร้าวจริงๆจ้ะ พร้าวเขาไม่ค่อยสบาย หนันเลยดูแลเขาจนลืมเวลา...พ่อคงไม่ว่าอะไรนะจ๊ะ”
เคี่ยมมองลูกสาวอย่างคาดคั้น
“ลูกหนันไม่ได้โกหกพ่อใช่ไหม”
ปาหนันแสร้งยิ้ม ส่ายหน้า เคี่ยมจับพิรุธไม่ออก จึงปล่อยมือจากปาหนัน
“ถึงยังไงเราก็เป็นสาวเป็นนาง...อยู่กับผู้ชายค่ำๆมืดๆมันไม่ดี...ลูกหนันระวังเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน”
ปาหนันยิ้ม
“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หนันดูแลตัวเองได้ อืม...ตอนนี้มันไม่มืด งั้นหนันไปหาพร้าวก่อนนะ”
ปาหนันยิ้มทะเล้นวิ่งร่าออกไปตะโกนหาเดื่อ
“เดื่อ...เตรียมปิ่นโตให้พร้าวเสร็จรึยัง”
เคี่ยมมองตามปาหนัน ถอนใจ เจ่งออกมาจากหลังบ้าน หน้าเครียดหันมาถามเคี่ยม
“คุณหนันเชื่อได้แค่ไหนก็ไม่รู้นะนาย...ตกลงเมื่อคืนนาวิศแอบออกไปโทรศัพท์จริงรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ใจเย็นก่อนเจ่ง ถึงยังไงนาวิศก็ยังอยู่ในสายตาเรา”
“มันเย็นไม่ไหวแล้วสิคะ...ขอร้องล่ะค่ะ นายช่วยทำให้เรื่องนี้มันจบๆไปซะทีได้ไหม”
เคี่ยมหน้าเครียด ครุ่นคิด
เคี่ยมเปิดลิ้นชักในห้อง ค้นอยู่ครู่หนึ่ง จึงเจอจดหมายอยู่ด้านใน เคี่ยมถือจดหมายนั้น เดินมานั่ง เปิดออกหยิบรูปออกมาจากซอง เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งถือพวงองุ่นอยู่ในไร่องุ่น หน้าตายิ้มแย้ม เคี่ยมพลิกหลังรูปนั้นมองข้อความหลังรูป
‘…ขอบคุณที่นายช่วยให้ผมมีชีวิตใหม่ มีอะไรที่ผมพอจะรับใช้นายได้ โทรหาผมได้ทันที...เบิ้ม...’
เคี่ยมพลิกหน้าซองจดหมายดู แล้วรำพึง
“มวกเหล็ก...สระบุรี...”
เคี่ยมครุ่นคิด ตัดสินใจ
+ + + + + + + + + + + +
ระรินกับรสานั่งกินอาหารกันอยู่ในบ้าน รสาเงยหน้าขึ้นมา พอดีสบตากับลูกน้องที่ยืนจ้องหน้าเหี้ยมอยู่ รสาชะงักวางช้อนเซ็งๆ
“อย่างนี้ใครจะไปกินลง”
รสาลุกไปที่ทางออก แต่ลูกน้องมายืนขวางไว้
“ยังไปไม่ได้ คุณสองคนต้องไปพร้อมกัน”
รสาสุดทน
“โอ๊ย...อะไรกันนักกันหนา”
ลูกน้องหน้าเหี้ยมจับปืนที่เอว
“ไปนั่ง!”
รสาเห็นปืนก็หน้าเปลี่ยนสี ระรินมองรสาอย่างสงสารเห็นใจ รวบช้อน ลุกไปหารสา
“พี่อิ่มแล้ว ไปเถอะ”
ระรินจูงมือรสาออกไปที่โถงบ้าน ลูกน้องเดินตามมาด้านหลัง รสาเหลือบมองลูกน้องที่เดินตามมาอย่างไม่พอใจ แล้วจะเดินไปนั่งที่โซฟารับแขก แต่ลูกน้องเข้ามาขวางไว้
“เชิญกลับไปที่ห้องด้วย คุณธานีอนุญาตให้คุณอยู่เฉพาะที่ห้องนอนกับห้องอาหารเท่านั้น”
ระรินกับรสาหน้าเครียด ทั้งสองกลับเข้ามาในห้อง รสาเข้ามาทุบๆๆๆหมอนระบายอารมณ์
“บ้าๆๆๆๆๆ จะบ้าตายอยู่แล้ว”
ระรินมองอย่างเหนื่อยใจไปด้วย รสาระบายอารมณ์ครู่หนึ่งก็ทรุดลงนั่ง
“บ้านที่โคราชไม่ใหญ่โตเท่าที่นี่ ไม่สวยเท่าที่นี่...แต่เราจะเดินไปไหนก็ได้ในบ้านเรา ไม่ใช่อยู่เหมือนเป็นนักโทษ ต้องโดนกักบริเวณแล้วก็มีคนเฝ้าแบบนี้...รสาอยากกลับบ้านแล้วล่ะพี่ริน...”
รสากอดหมอน นั่งเศร้า ระรินมองอย่างเห็นใจ
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศนุ่งผ้าขาวม้า เปิดประตูหลังบ้านออกมาเซ็งๆ พอเดินไปที่โอ่งสำหรับตักน้ำอาบ แท่นที่นุ่งผ้าขาวม้าเหมือนกันตามออกมาด้วย
“ช่วยไม่ได้เว้ย...ข้าปล่อยให้เอ็งคลาดสายตาไม่ได้ อาบมันด้วยกันนี่แหละ”
นาวิศถอนใจเซ็ง เริ่มหยิบขันตักน้ำมาราดตัว พอจะตักอีก แท่นคว้าขันน้ำไป
“คนละขันเว้ย จะได้เสร็จพร้อมกัน”
แท่นจ้วงน้ำราดตัวแล้วโยนขันลงตุ่มคืน นาวิศเซ็งมาก แต่ก็ตักน้ำอาบต่อ แล้วแท่นก็แย่งขันไปอีก
ปาหนันกับเดื่อเดินเข้ามา เดื่อหิ้วปิ่นโตมาด้วยบ่นงึมงำ
“ไม่เข้าใจคุณหนันเลย... ยอมให้ไอ้พร้าวมันว่านายเคี่ยม แล้วยังจะเอาข้าวมาให้มันกิน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ก็พร้าวเขาขอโทษหนันแล้วนี่ เดื่อนี่ก็ ทำเป็นเจ้าคิดเจ้าแค้นไปได้...ไหนเดื่อเคยบอกว่าเดื่อกับพร้าวต้องสามัคคีกัน เพราะมีแท่นเป็นศัตรูคนเดียวกันไง”
เดื่อคิดไป
“ก็จริง...ยังไงไอ้แท่นก็เป็นศัตรูตลอดกาล”
นาวิศกับแท่นนุ่งผ้าขาวม้า เพิ่งอาบน้ำเสร็จเข้ามา เดื่อหันไปเห็น ตกใจ ปาหนันหน้าเหวอไปด้วย
“เฮ้ย! นี่พวกเอ็ง...พวกเอ็งทำอะไรกัน”เดื่อโวยวาย
“ข้าเฝ้าไอ้พร้าวตามคำสั่งนายเคี่ยมกับพี่สหัสเว้ย ไม่อยากให้มันคลาดสายตา เลยไปอาบน้ำพร้อมมัน ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เอ็งคิดหรอกไอ้ลามก”แท่นด่ากลับ
เดื่อหันไปพูดกับพร้าว
“แน่ใจนะไอ้พร้าว ว่าเอ็งไม่ได้ปล่อยให้ไอ้แท่นมันยิงประตู”
นาวิศส่ายหน้า เซ็งหนักกว่าเดิม หันไปบอกปาหนัน
“คุณหนันตั้งสำรับกินไปก่อนนะครับ ผมไปแต่งตัวก่อน”
นาวิศเดินเข้าห้อง แท่นมองแล้วรีบตามไป ปาหนันมองตามแท่น ขัดใจแทนนาวิศ
ปาหนันกับเดื่อถอดปิ่นโต จัดการเตรียมข้าวใส่จาน ครู่หนึ่งนาวิศที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเข้ามา แท่นตามมาด้วย
“ยายเจ่งทำอะไรกินบ้างคุณหนัน...”แท่นเดินเข้ามาดู “โหย...ของโปรดทั้งนั้นเลย ไอ้เดื่อ ขอข้าวจาน”
เดื่อชักสีหน้า ไม่ยอมให้
“พวกเราไม่รู้ว่าแท่นอยู่นี่ ไม่ได้เอาข้าวมาเผื่อหรอก...แท่นกลับไปกินที่บ้านเถอะ”ปาหนันบอกเรียบๆ
“ได้ไงล่ะคุณหนัน ก็ผมได้รับคำสั่งมาให้เฝ้าไอ้นี่”แท่นชี้นาวิศ
“ทำไมจะต้องเฝ้า กลัวพร้าวเขาจะทำอะไรเหรอ”
แท่นอึกอัก
“ก็ไม่รู้สิครับ...ผมแค่ทำตามคำสั่งนายเคี่ยมกับพี่สหัส”
“งั้นก็นั่งเฝ้าไปสิ พวกเราจะกินข้าว”
แท่นหน้าจ๋อยรีบอ้อน
“โธ่คุณหนัน...แบ่งผมครึ่งจานก็ยังดี หิวแล้วนะเนี่ย”
“ไอ้แท่น เอ็งมัวเถียงกับคุณหนันอยู่นี่...ถ้าเอ็งกลับไปกินข้าว ป่านนี้กลับมาเฝ้าไอ้พร้าวต่อแล้ว...จะกลัวมันหนีอะไรนักหนา ข้ากับคุณหนันก็อยู่นี่”เดื่อแนะ
แท่นนึกได้
“จริงแฮะ...งั้นคุณหนันเฝ้ามันไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมา”
แท่นรีบวิ่งออกไป นาวิศมองตาม ค่อยรู้สึกโล่งใจ
“ขอบคุณนะครับคุณหนัน เดื่อด้วย ที่ช่วยให้แท่นกลับไปได้ ถึงจะแค่แป๊บเดียวก็ยังดี...”นาวิศถอนใจเหนื่อย “แท่นเล่นเฝ้าผมอย่างกับนักโทษ ประสาทจะกิน”
ปาหนันเห็นใจ
“พร้าวคงอึดอัดแย่เลย...เดี๋ยวหนันจะกลับไปเช็คกับพ่ออีกที ว่าพ่อเป็นคนสั่งแท่น หรือว่าแท่นกับสหัสเอาชื่อพ่อหนันมาอ้างกันแน่”
“ช่างเถอะครับคุณหนัน ผมทนได้”นาวิศแกล้งหยั่งปาหนัน “แต่ถ้าจะให้ดี คุณหนันเปลี่ยนเวรมาเฝ้าผมแทนแท่น ผมจะขอบคุณมากเลย”
ปาหนันยิ้มเขิน เดื่อไม่ทันสนใจ ลงมือกินข้าว
“ความจริงช่วงที่ผมอยู่กับคุณหนัน แท่นก็ไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าซักหน่อย จริงไหมครับ”
ปาหนันพยักหน้า
“ก็นั่นน่ะสิ”
“งั้นคุณหนันกับผมแค่สองคน เราเข้าไปในเมือง ไปหาอะไรอร่อยๆกิน แล้วก็ไปซื้อดอกไม้ให้คุณหนันเอามาทำบุหงารำไป ดีไหมครับ”
ปาหนันพยักหน้าอย่างตื่นเต้น นาวิศยิ้ม ในใจมีแผนการบางอย่าง เดื่อมองปาหนันที พร้าวที นึกในใจว่าเอาจริงเหรอ แต่ก็ไม่ทักท้วงอะไร
+ + + + + + + + + + + +
หน้าห้องระรินมีลูกน้องนั่งเฝ้าอยู่ นั่งเช็ดทำความสะอาดปืนไปพลางๆ ครู่หนึ่งระรินเปิดประตูออกมา ลูกน้องมองหน้าเหี้ยม
“มีอะไรครับ”
“ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้อง...ฉันอยากให้เธอช่วยพูดดีๆกับน้องสาวฉันหน่อย”
รสารีบชะเง้อมอง ระรินกับลูกน้อง
“เขาโดนกักบริเวณอยู่ที่นี่มันก็เครียดพออยู่แล้วน่ะ”
รสาได้ยินก็ไม่ชอบใจ
“พี่รินจะต้องไปขอร้องมันทำไม พี่รินเป็นนายหญิงของที่นี่ ส่วนมันเป็นแค่ลูกกระจ๊อกเท่านั้นเองนะ”
ลูกน้องมองระรินอย่างสงสัยว่าจะมาไม้ไหน
“เอาล่ะ...ฉันจะไม่ขอร้องเปล่าๆหรอกนะ”
ระรินกลับเข้ามา หยิบกระเป๋าเงิน หยิบเงินออกมาสองพันบาท
“ฉันจะมีค่าตอบแทนให้”ระรินยื่นมือออกไป “มาเอาไปสิ”
ลูกน้องเห็นเงินก็ตาวาว หวานหมู รสาหันมามองอย่างไม่พอใจ
“พี่รินจะไปให้เงินมันทำไม”
ระรินไม่ตอบรสา ถือเงินยื่นไปตรงหน้า นิ่งค้างอยู่ รอให้ลูกน้องเดินเข้ามา ลูกน้องยื่นมือมา ระรินรีบปล่อยเงินก่อนจนแบงค์ร่วงตกพื้น”
“อุ๊ย...ขอโทษจ้ะ”
ลูกน้องก้มเก็บเงิน ระรินอาศัยจังหวะนั้น รีบคว้าแจกันดอกไม้ทุบใส่หัวลูกน้องทันที ลูกน้องสลบหน้าคว่ำลงไป รสามองอย่างตกใจ
“พี่รินทำอะไรน่ะ”
“พี่จะไม่ให้รสาต้องทนอยู่ในสภาพนี้อีกแล้ว...พี่จะช่วยรสาหนี”ระรินเข้ามาจับมือ รสาดึงออกมาจากเตียง “ไปเร็ว!”
ระรินรีบดึงรสาออกไป ทั้งที่ยังไม่ทันตั้งตัว
ระรินแง้มประตู โผล่หน้าออกมามอง ไม่เห็นใครก็รีบดึงรสาออกมา รสายื้อไว้
“เดี๋ยวก่อนพี่ริน แล้วพี่รินแน่ใจเหรอ ว่าคุณธานีจะไม่ส่งคนตามหาพวกเรา”
ระรินส่ายหน้า
“ไม่ใช่ เรา...พี่จะให้รสาไปคนเดียว คุณธานีเขาคิดว่ารสาไม่กล้าทำอะไรเขาอยู่แล้ว เขาต้องยอมปล่อยรสาไป”
“แล้วจะให้รสาเอาตัวรอดคนเดียวได้ไง ถ้าจะหนีก็ต้องหนีด้วยกันสิ”
ระรินส่ายหน้า
“พี่จะอยู่นี่ ลองสืบเรื่องการตายของคุณนาวิศดูอีกครั้ง เผื่อคุณธานีทิ้งหลักฐานอะไรไว้ พี่จะได้ส่งให้ตำรวจ... นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่พี่จะทำเพื่อคุณนาวิศได้”
“งั้นรสาจะอยู่ช่วยพี่ริน”
“ไม่ได้...”
รสาจะเถียงระรินเอามือปิดปากไว้
“เพราะถ้าพี่ทำไม่สำเร็จ รสาต้องหาทางเอาคุณธานีเข้าคุก พี่จะได้ไม่ตายฟรี”
รสาหน้าเครียด จ้องมองระริน
ระรินกับรสาวิ่งหลบๆกำลังจะออกไปที่บันได แต่แล้วธานีกับชาติก็กำลังจะเดินขึ้นมา ระรินอยู่ที่หัวบันได มองลงไป เห็นธานีกับชาติก่อนจึงรีบดึงรสาไว้ รสามองตามไป เห็นธานีกับชาติก็ตกใจหน้าเสีย
“ซวยแล้ว...คุณธานีไม่ได้ออกไปทำงาน...เอาไงดีพี่ริน”
ระรินมองหาทางหนีทีไล่ รีบดึงรสาหลบเข้าห้อง
“หนีไม่ทันแล้ว มาซ่อนในนี้ก่อน”
ทั้งสองเข้าห้องทำงานธานีไปแล้วปิดห้อง ทั้งสองมองรอบห้อง หาที่ซ่อนตัว แต่ไม่มีที่ไหนที่จะซ่อนตัวได้ ธานีกับชาติกำลังเดินเข้ามาหน้าห้อง ระรินเห็นว่าในห้องไม่มีที่จะซ่อนได้ หันไปมองทางประตูระเบียง ชาติรีบมาเปิดประตูให้ธานี ธานีเดินเข้ามา ชาติตามเข้ามา ปิดประตู
“วิรัชจัดการเรื่องใบมรณะบัตรของนาวิศรึยัง”
“ยังไม่เรียบร้อยเลยครับ”
ระรินกับรสายืนตัวลีบอยู่ที่ระเบียงด้วยความหวั่นใจ ภาวนาอย่าให้โดนธานีจับได้
“วิรัชมันจะดึงเรื่องไว้ทำไม หรือว่ามันรู้เรื่องตรวจดีเอ็นเอ”
ระรินกับรสา ต่างก็แปลกใจ ดีเอ็นเออะไร
“ผมให้ทางโรงพยาบาลปิดเป็นความลับ ไม่มีใครรู้แน่นอนครับ ว่าคุณธานีขอตรวจดีเอ็นเอศพนาวิศ”
ระรินกับรสาได้ยินเรื่องตรวจดีเอ็นเอศพนาวิศ ต่างก็หน้าตื่น
“แล้วจะรู้ผลเมื่อไหร่”ธานีถามเสียงเครียด
“โรงพยาบาลนัดให้ไปรับผลวันจันทร์หน้าครับ”
ธานีพยักหน้ารับ
“หวังว่าผลตรวจออกมาจะเป็นข่าวดี ว่านาวิศมันกลายเป็นศพไปแล้วจริงๆ”
ระหว่างที่สองสาวแอบฟังอยู่ พอดีมีจิ้งจกเดินผ่านมาใกล้รสา รสาเหลือบเห็นเข้าก็ตกใจ
“อื้อ...”
รสาจะขยับหนี ระรินรีบจับตัวไว้ ดึงรสามาปิดปาก ขารสาเขี่ยไปโดนกระถางดอกไม้ ทำให้เกิดเสียง ธานีกับชาติเหมือนได้ยินเสียงบางอย่าง หันมองทางระเบียง ชาติเดินไปดู...กำลังจะเปิดออกไป พอดีลูกน้องที่โดนระรินทุบหัว เคาะห้อง รีบเปิดประตูเข้ามารายงาน
“คุณธานีครับ คุณระรินกับน้องสาวหนีไป”
ธานีนิ่วหน้า ชาติเปิดประตูระเบียงออกไปดูแต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
จบตอนที่ 8
ติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้เวลา 9.30 น.