ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 6
เช้าวันใหม่..ขณะที่เดื่อกับทับทิมนั่งกินข้าวกันอยู่ที่โรงอาหารท่าเรือ นาวิศกับเจ่งตรงเข้ามาหา
“คุณหนันมาที่นี่รึเปล่าเดื่อ”นาวิศเอ่ยถาม
เดื่อท่าทางไม่พอใจนาวิศ ตอบอย่างไม่มองหน้า
“ไม่!”
“แย่แล้วไอ้เดื่อ คุณหนันหายไป”เจ่งโวยวาย
“คุณหนันไม่ได้หายไปไหนหรอก แค่ไม่อยากเจอใครบางคนแถวนี้”ทับทิมเหลือบมองค้อนนาวิศ “มีเมียแล้วดันมาหลอกกันได้”
“คุณหนันอยู่ที่ไหน”นาวิศถามเสียงเข้ม
“ไม่บอก!”เดื่อกับทับทิมพูดพร้อมกัน
นาวิศหน้าเครียด
“ขอร้องล่ะ ฉันอยากคุยกับคุณหนันจริงๆ”
เจ่งหันไปพูดกับนาวิศ
“พอเถอะไอ้พร้าว อย่าทำให้คุณหนันต้องเสียใจไปมากกว่านี้เลย”
“ที่คุณหนันต้องเสียใจ เพราะคุณหนันกำลังเข้าใจผมผิด ผมต้องอธิบายกับเธอ...ไม่มีใครบอกก็ไม่เป็นไร ฉันจะหาคุณหนันเอง”
นาวิศเดินออกไป เดื่อกับทับทิมมองหน้ากัน เจ่งมองตามนาวิศไปอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันนั่งกอดเข่าอยู่ริมทะล เหม่อมองทะเลด้วยความโศกเศร้า นาวิศเดินตามหาปาหนันจนหอบเหนื่อย แต่พอเห็นปาหนันก็โล่งใจ
“คุณหนัน...”
ปาหนันเห็นนาวิศมาก็จะวิ่งหนี นาวิศรีบจับตัวปาหนันไว้
“อย่าเพิ่งไปครับคุณหนัน...”
“อย่าแตะต้องหนัน”
ปาหนันผลักนาวิศ นาวิศเสียหลักล้มล้มลงในน้ำทะเล ปาหนันชะงัก แต่ทำใจแข็งขึ้นมาอีก ตัดใจมองเมิน
“เราค่อยๆคุยกันไม่ได้เหรอครับ”
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว กลับไปหาเมียพร้าวไป”
“เชื่อใจผมซักครั้งเถอะครับ ผมไม่ได้หลอกคุณหนัน เมื่อถึงเวลา ผมจะอธิบายทุกอย่างให้คุณหนันฟัง”
“คิดว่าหนันจะเชื่อคำพูดพร้าวอีกเหรอ”
ปาหนันเดินหนี นาวิศจับตัวปาหนันไว้
“ผมไม่ให้คุณไป”
นาวิศไม่ยอมปล่อยมือจากปาหนัน
“ปล่อยหนัน อย่ามายุ่งกับหนัน”
ทั้งคู่ฉุดดึงกันจนปาหนันล้มลงในทะเล ตัวปาหนันเปียกปอน นาวิศช่วยประคองให้ลุกขึ้น
“คุณหนัน เป็นอะไรรึเปล่า”
“ปล่อย...ไม่ต้องมาสนใจหนัน”
“ผมต้องสน เพราะคนเดียวที่ผมห่วงคือคุณ”
ปาหนันชะงัก นาวิศจ้องตาปาหนันให้เห็นถึงความจริงใจของเขา ปาหนันสบตานาวิศครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติ ตบหน้านาวิศ
“คนเลวนอกใจเมียตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาหนันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหน เลวเท่าพร้าวเลย”
“เขาไม่ใช่เมียผม ผมกลับไปถามเขามาแล้ว เขายืนยันว่าจำคนผิด”
“หนันไม่รู้...ว่าจะเชื่อพร้าวได้ยังไง”
ปาหนันเดินออกไป นาวิศมองตามอย่างเสียใจ เดื่อ ทับทิม เจ่งตามมาแอบดู
“ขอให้คุณหนันใจแข็งอย่างนี้ได้ตลอดเถ้อะ...”เจ่งภาวนา
“แต่ท่าทางพร้าวคงรักคุณหนันจริงๆ ถ้าพยายามต่อไป วันนึงมันคงจะชนะใจคุณหนันได้”เดื่อบอกอย่างมั่นใจ
“คุณหนันจะรักกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้”เจ่งน้ำเสียงเครียด จริงจัง
เดื่อกับทับทิมตกใจ
“ใจเย็นสิยายเจ่ง พร้าวอาจจะไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆก็ได้นะ เราให้เขาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งเถอะนะ”ทับทิมแย้ง
“ข้ายืนยันคำเดิม คุณหนันจะรักกับไอ้พร้าวไม่ได้ แล้วพวกเอ็งก็เลิกทำตัวเป็นฝ่ายสนับสนุนได้แล้ว”
เจ่งหน้าเครียด จริงจัง เดินกลับออกไป ทับทิมกับเดื่อมองหน้ากันงงๆว่าเจ่งเป็นะไรไป
+ + + + + + + + + + + +
แท่นกลับไปเล่าให้สหัสฟัง เรื่องที่รสาคุยกับนาวิศ สหัสฟังอย่างไม่ค่อยเชื่อ...
“จำผัวตัวเองไม่ได้ แปลกพิลึก…สงสัยไอ้นาวิศมันจะเล่นลูกไม้”
“พี่ไม่ไว้ใจมัน เราไปเค้นคอมันให้สารภาพเลยดิพี่”แท่นเสนอ
“มันไม่ปริปากหรอก เพราะมันรู้ว่าขืนสารภาพ เราก็ฆ่ามัน”
“งั้นเอาไงกับมันดีพี่”
สหัสครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“ในเมื่อเค้นนาวิศไม่ได้ ก็ไปเค้นจากเมียมัน”
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ทั้งสองรีบไปขึ้นรถเพื่อไปหารสาที่โรงแรมทันที
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น รถตู้ของธานีเข้ามาจอดที่โรงแรมที่รสาพักอยู่ ลูกน้องธานีรีบมาเปิดประตู ธานีลงจากรถ มองไปที่โรงแรม
“นายแน่ใจเหรอครับ ว่านาวิศอยู่ที่นี่”ชาติถามอย่างแปลกใจ
“เสียงในโทรศัพท์เหมือนเสียงนาวิศมาก...แต่จะใช่มันรึเปล่า เดี๋ยวก็รู้”
ธานี ชาติและลูกน้องเดินเข้าไปในโรงแรม แล้วหยุดก่อนถึงหน้าห้องพักรสา ธานีหันไปพยักหน้ากับชาติ
ชาติก้าวเข้ามาหน้าห้องพัก เคาะประตูห้อง ครู่หนึ่งได้ยินเสียงเปิดประตู ธานียิ้มเหี้ยม ลูกน้องอีกคนเตรียมกระชับปืนในมือ ประตูเปิดออกมา ชาติรีบผลักประตูเปิดกว้าง แม่บ้านโรงแรมที่เป็นคนเปิดตกใจเซผงะ ถอยไป ธานีกับพวกลูกน้องแปลกใจที่เห็นหญิงวัยกลางคนในชุดแม่บ้านโรงแรม แทนที่จะเป็นน้องสาวระริน ธานีรีบแทรกเข้าไปในห้อง ชาติกับลูกน้องรีบตามไป ทั้งสามเข้ามา มองไปรอบห้องไม่เห็นใคร ธานีเจ็บใจ
“น้องระรินไหวตัวทัน...มันหนีไปแล้ว”
ขณะเดียวกันนั้น สหัสกับแท่นมาที่โรงแรม เดินออกมาจากลิฟต์ สหัสเห็นกลุ่มธานีที่ทางเดินห่างออกไป สหัสรีบดึงแท่นหลบ กลุ่มของธานีเดินมาที่ลิฟต์ ลูกน้องเข้ามากดลิฟต์
“แกไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่า ผู้หญิงที่พักห้องนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง แล้วตอนเช็คเอ้าท์ให้รถโรงแรมไปส่งที่ไหน”ธานีสั่งเสียงเข้ม
“หาเจอ ให้ฆ่าทิ้งเลยมั้ยครับ”ลูกน้องถาม
“ไอ้บ้า...เราจะฆ่านังนั่นไม่ได้ ฉันจะใช้ผู้หญิงคนนั้นล่อนาวิศออกมา...แล้วถ้านาวิศมันยังไม่ตายจริงๆ”ธานีหน้าเหี้ยม “ไอ้เคี่ยมมันเดือดร้อนแน่”
ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง สหัสกับแท่นออกมาจากที่ซ่อนหน้าตาหวั่นวิตก
“คุณธานีรู้แล้วว่าพวกเราหลอกเรื่องนาวิศ...”
“พวกเราตายแน่...ทำไงดีพี่”แท่นหวาดกลัว
สหัสหน้าเครียด
+ + + + + + + + + + + +
สหัสรีบมาบอกเรื่องที่เขาได้ยินมาจากธานี ให้กับเคี่ยมที่กำลังให้อาหารนกเขาอยู่ฟัง เคี่ยมตกใจ ทำถ้วยเม็ดธัญพืชหลุดจากมือตกลงพื้นกระจาย
“อะไรนะ คุณธานีรู้แล้วว่านาวิศยังไม่ตาย”
“ครับนาย...เราไม่มีทางเลือกแล้วนะครับ เราต้องฆ่านาวิศเพื่อรักษาชีวิตพวกเราเอง
“ฉันไม่อยากทำบาปอีกเลยสหัส เราเคยลวงนาวิศมาฆ่าหนนึงแล้ว”
“แลกชีวิตมันกับชีวิตคุณหนัน ผมยอมบาปครับ”
“ชีวิตลูกหนัน...”เคี่ยมรำพึง
เคี่ยมเดินไปยืนครุ่นคิด เจ็บปวดที่ต้องเลือกระหว่างรักษาชีวิตลูก กับการฆ่าคนบริสุทธิ์
“ไม่มีเวลาแล้วนะครับนาย นายต้องรีบตัดสินใจ”สหัสบอกเสียงเครียด
เคี่ยมยังเงียบครุ่นคิดหาทางอื่นที่ไม่ทำร้ายนาวิศ สหัสเห็นเคี่ยมยังนิ่งเฉยก็ร้อนใจ ตามเข้ามาโน้มน้าวอีก
“งานนี้ผมลงมือเอง ไม่ต้องให้มือนายเปื้อนเลือด ผมกับไอ้แท่นจะไปฆ่านาวิศเดี๋ยวนี้”
สหัสพยักหน้ากับแท่น ชักชวนกันไปที่รถ เคี่ยมนึกขึ้นมาได้ รีบหันไปห้ามสหัส
“เดี๋ยวก่อน”
สหัสกับแท่นหยุดชะงักหันมา
“ฉันมีแผนนึง...เราไม่ต้องฆ่านาวิศด้วยตัวเอง...พวกแกไปเอาตัวนาวิศมา”
“นายจะทำอะไรครับ”
เคี่ยมหน้าเครียด ไม่ตอบ
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันเดินหนีนาวิศที่ยังตามง้อไปตามชายหาด
“คุณหนัน เดี๋ยวสิครับคุณหนัน”
ปาหนันเดินหนี ไม่รอ
“คุณหนัน...”
นาวิศเข้ามาคว้าข้อมือปาหนันไว้
“ปล่อยหนัน”
“คุณหนันจะโกรธผม เพราะเรื่องเข้าใจผิดนี่จริงๆเหรอครับ ผมบอกแล้วไงครับว่า เขายืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เขาจำผิดคน”
“จำผิดคน แล้วต้องไปนั่งกอดจูบกัน พิสูจน์กันในรถตู้ อย่างนั้นใช่ไหม”
“เรื่องนั้นคุณหนันก็เข้าใจผิด”
“บอกตามตรงนะพร้าว หนันไม่เคยต้องรู้สึกอย่างนี้มาก่อน หนันทนเจ็บปวดแบบนี้ไม่ได้...ครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ใครจะรับรองได้ว่าพร้าวยังไม่มีเมีย ในเมื่อพร้าวยังจำอะไรไม่ได้ หนันไม่อยากเสียใจแบบนี้อีกแล้ว ได้ยินไหม”
ปาหนันจะเดินหนีไปอีก แต่นาวิศคว้าแขนเธอไว้ได้ ดึงเธอเข้ามาใกล้ จับแขนไว้ทั้งสองข้างไม่ให้หนีปาหนันอึ้งอยู่ต่อหน้าพร้าว จ้องสายตาเขาอย่างหวั่นไหว
“ผมรับปากไม่ได้ ว่าจะไม่ทำให้คุณหนันเสียใจอีก...คุณหนันคงต้องเสียใจเพราะผม...แต่ผมรับรองว่ามันจะไม่ใช่เพราะเรื่องแบบนี้แน่”
“พร้าวหมายความว่ายังไง...”
“วันนึงคุณหนันจะรู้เอง”
นาวิศปล่อยปาหนัน แล้วหันหลังออกไป ปาหนันมองตามไปอย่างไม่เข้าใจ
นาวิศเดินกลับมาบ้านสวน ได้ยินเสียงคนเดินตามมา หันไปดูไม่เห็นใคร นาวิศหันกลับมา ทันใดนั้น โดนไม้ฟาดเข้าที่ข้างกกหูเต็มแรงจนสลบไป สหัสกับแท่นก้าวเข้ามาดูนาวิศ แล้วช่วยกันหิ้วปีกไปหาเคี่ยมที่ยืนรออยู่ข้างเรือหางยาวที่จอดเกยหาดอยู่
“เอานาวิศลงเรือ”
เคี่ยมสั่ง สหัสกับแท่นประคองร่างนาวิศลงเรือหางยาวไป
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันนั่งเหม่อลอย เจ่งกับทับทิมช่วยกันเด็ดผักอยู่ข้างๆ ทับทิมเห็นปาหนันนั่งเหม่อ อดไม่ได้ ต้องวางมือ แล้วเข้าไปนั่งใกล้ปาหนัน
“คุณหนันขา ทับทิมขอถามคุณหนันข้อนึง แต่คุณหนันห้ามโกรธนะคะ”
ปาหนันหันมองทับทิม
“ลองถามมาก่อนสิ”
“ไม่เอาอ่ะ คุณหนันต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”
“ก็ได้”
“คุณหนันชอบพร้าวเข้าแล้วใช่ไหมคะ”
ปาหนันชะงัก เจ่งมองหน้าปาหนันอยากรู้คำตอบของปาหนันเช่นกัน ปาหนันลุกเดินไป ท่าทางหนักใจ
“เรื่องของหนันกับพร้าว มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกทับทิม พร้าวเองก็ยังจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน แต่เขาชอบพูดว่าอาจจะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน...บางทีคนที่เคยทำร้ายพร้าว อาจจะจ้องอยู่แถวนี้ก็ได้”
ปาหนันถอนใจ หน้าเศร้าไป ขณะเดียวกันนั้น รถธานีแล่นมาจอด ชาติตามธานีลงจากรถ
“ไอ้เคี่ยมอยู่มั้ย”
ปาหนันจะไหว้ธานี แต่พอได้ยินธานีเรียกพ่อของเธออย่างนั้นก็ไม่พอใจ กำลังจะไหว้เลยไม่ไหว้ ตอบไปห้วน
“พ่อไม่อยู่”
“มันไปไหน”
“คุณธานี...ช่วยเรียกพ่อหนันดีๆด้วย”
ธานีเข้าไปบีบแขนปาหนัน
“ไอ้เคี่ยมไปไหน”
ปาหนันตกใจ ไม่คิดว่าธานีจะทำขนาดนี้ เจ่งรีบเข้ามาดึงปาหนันออก พร้อมกับบอกธานี
“พวกเราไม่รู้ค่ะ ปล่อยคุณหนันเถอะนะคะ”
ธานีปล่อยปาหนัน
“มันไปไหนวะ ที่ท่าเรือก็ไม่อยู่...”ธานีมองรอบๆ “ฉันจะรอมันอยู่ที่นี่” ธานีนั่งลงที่เก้าอี้หน้าบ้านชี้ปาหนัน “เธอห้ามไปไหนเด็ดขาด อยู่กับฉันจนกว่าพ่อเธอจะกลับมา”
ปาหนัน ทับทิม เจ่งกลัวธานี ยืนตัวสั่น
+ + + + + + + + + + + +
เรืองของเคี่ยมเข้ามาจอดที่เกาะร้าง สหัสกับแท่นหิ้วร่างนาวิศลงจากเรือมาวางลงบนหาดทราย นาวิศนอนคว่ำหน้า
“นายแน่ใจเหรอครับว่าเกาะนี้ไม่มีเรือแล่นมาจอด”สหัสถามอย่างไม่มั่นใจ
“มันเป็นเกาะร้าง เรือประมงไม่มาหาปลาแถบนี้”เคี่ยมมั่นใจ
“ถึงไงก็เสี่ยงอยู่ดี นาวิศมันดวงแข็งมากนะนาย ตกหน้าผามันยังไม่ตาย”แท่นแย้ง
เคี่ยมถอนใจเหม่อมองไปไกล
“ถ้าคราวนี้นาวิศรอดตายอีก ฉันจะยอมแพ้ดวงนาวิศ เบื้องบนคงไม่อยากให้เขาตาย”
“แล้วชีวิตคุณหนันล่ะครับ”สหัสถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันจะไม่ยอมให้คุณธานีทำร้ายลูกหนันเป็นอันขาด ส่วนอะไรที่มันจะเกิดกับฉัน ฉันก็คงต้องยอมให้เกิด” เคี่ยมหันไปพูดกับนาวิศที่นอนสลบอยู่
“ส่วนคุณ ก็คงต้องแล้วแต่บุญทำกรรมแต่งของคุณเองแล้วล่ะ คุณนาวิศ”
นาวิศนอนสลบคว่ำอยู่บนหาดทรายไม่รับรู้ชะตากรรมตัวเอง
หลังจากกลับมาจากเกาะร้าง แท่นขับรถมาถึงหน้าบ้าน เคี่ยมกับสหัสเห็นธานีนั่งอยู่กับปาหนันก็ตกใจรีบลงจากรถ แท่นดับเครื่องเสร็จก็รีบตามไป
“พาลูกหนันเข้าบ้าน”เคี่ยมสั่งเจ่ง
เจ่งกับทับทิม รีบพาปาหนันเข้าบ้าน ธานีหันมายิ้มโหดๆให้เคี่ยมแบมือ ยื่นไปที่ชาติ ชาติส่งปืนให้ธานีอย่างรู้ใจ ธานีมองปืนไปมา
“ห่วงลูกสาวมากสินะนายเคี่ยม ฉันว่าถ้าปาหนันมีอันเป็นไป...สงสัยนายเคี่ยมคงจะตายตามลูกสาวไปแน่ๆ”
“ผมขอร้องล่ะ คุณธานี อย่าทำอะไรลูกสาวผม”
“แต่ก่อนฉันไม่เชื่อเรื่องผี แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว ฉันได้คุยกับผี...ผีไอ้นาวิศ”
“วิญญาณนาวิศมาหาคุณธานีเหรอครับ”แท่นถาม
ธานีตบหน้าแท่น
“พวกแกคิดว่าฉันโง่นักรึไง”ธานียิงปืนลงที่พื้นข้างตัวเคี่ยม “แกหักหลังฉัน แกไม่ได้ฆ่าไอ้นาวิศ กฎของฉันใครหักหลังฉัน มันตาย สำหรับแกไอ้เคี่ยม ฉันจะฆ่าลูกสาวแกก่อนแล้วค่อยฆ่าแก”
ปาหนันได้ยินเสียงปืนก็ตกใจ จะออกไปดู
“ใครยิงปืนน่ะ”
เจ่งกับทับทิมช่วยกันดึงปาหนันไว้
“อย่าออกไปค่ะคุณหนัน”
ปาหนันรู้สึกเป็นห่วงพ่อขึ้นมา
“พ่อจะเป็นอะไรรึเปล่า ยายเจ่ง หนันจะออกไปดูพ่อ”
“เชื่อยายนะคะ อย่าออกไป”เจ่งพยายามดึงไว้
ธานีกับลูกน้องจะเข้าไปในบ้าน สหัสเข้ามาขวางไว้
“นาวิศตายแล้วจริงๆครับ ผมยิงทิ้งกับมือ”
“ฆ่าไอ้เคี่ยมกับลูกสาวแล้ว แกเป็นศพต่อไปไอ้สหัส”
“ต่อให้ยิงผมตายตรงนี้ ผมก็ยืนยันคำเดิม นาวิศตายแล้ว ตายตั้งแต่มาถึงระนองวันแรก”
“ฉันไม่เชื่อ”
“ระนองแคบนิดเดียว ถ้านาวิศยังอยู่ คุณธานีต้องหาเจอ ผมเอาหัวเป็นประกัน ยกทหารห้ากองร้อยมาปูพรมหา ก็ไม่เจอนาวิศ เพราะมันตายไปแล้ว”
ธานีกราดยิงลงพื้นไปที่ข้างตัวเคี่ยม สหัส แท่น ทั้งสามหลบขาอย่างตกใจ
“เจอตัวไอ้นาวิศเมื่อไหร่ กระสุนจะเข้าไปอยู่ในหัวพวกแกแทน”
ธานีกับลูกน้องออกไป เคี่ยม สหัส แท่นต่างถอนใจเฮือก ปาหนันวิ่งออกมา ตามด้วยเจ่งกับทับทิม
“พ่อ...เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ พ่อเป็นอะไรรึเปล่า”
เคี่ยมกอดปลอบปาหนัน
“ไม่เป็นไรลูก...พ่อไม่เป็นไร”
เคี่ยมลูบหัวปาหนันด้วยมืออันสั่นเทา สหัสมองอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น นาวิศรู้สึกตัว ฟื้นขึ้น เขาลุกขึ้นช้าๆ มองไปรอบๆ
“ที่นี่ที่ไหน”
นาวิศเดินโซเซขึ้นหาดมาได้สองสามก้าว เกิดเจ็บแผลที่ข้างหู เอามือคลำดูมีเลือดติดมือ นาวิศปวดหัวมากตาพร่ามัว ล้มลงสลบไปอีก
ทางด้านปาหนัน เมื่อรู้ว่านาวิศหายไป จึงไปที่บ้านสหัสพร้อมเดื่อ และเจ่ง
เดื่อทุบประตูบ้านบ้านสหัส ปังๆๆ ปาหนันกับเจ่งยืนอยู่ ปาหนันยืนรออย่างร้อนใจมาก ไม่นานนักสหัสมาเปิดประตูบ้านออกมา
“อ้าวคุณหนัน มาดึกๆ ดื่นๆ มีเรื่องอะไรครับ”
“หนันต้องถามสหัสมากกว่าว่า...วันนี้มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคุณธานีต้องเอาปืนมายิงขู่พ่ออย่างนั้นด้วย”
“นายเคี่ยมบอกแล้วไงครับว่าไม่มีอะไร คุณหนันไม่ต้องคิดมากนะครับ เรื่องทุกอย่างจะเรียบร้อย”
“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับพร้าวรึเปล่า”
สหัสชะงัก มองหน้าเจ่งที่มีท่าทางกังวลหนักใจ สหัสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง หันมาพูดกับปาหนัน
“ไอ้พร้าวมาเกี่ยวอะไรด้วยเหรอครับ”
“หนันจะรู้ไหมล่ะ สหัสก็บอกมาสิว่าจับตัวพร้าวมาอีกทำไม”
“ผมไม่ได้เอาตัวมันมา”
“อมพระทั้งโบสถ์มาพูดก็ไม่เชื่อ”ปาหนันหันไปสั่งเดื่อ “เดื่อ เข้าไปหาพร้าวให้เจอ”
“โทษทีนะพี่สหัส”
เดื่อเข้าไปในบ้าน ปาหนันมองสหัสอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินสวนเข้าไปในบ้านด้วย สหัสมองตาม ถอนใจยาว เจ่งมองตาม เห็นปาหนันเข้าไปแล้วกระซิบสหัส
“ตกลงนายเคี่ยมเอาคุณนาวิศไปไว้ไหน”
“เกาะร้างกลางทะเล...”สหัสกระซิบตอบ
เจ่งได้ฟังก็หน้าเครียด หนักใจไปกับนาวิศผู้โชคร้าย
อ่านต่อหน้าที่ 2
ตอนที่ 6 (ต่อ)
วันรุ่งขึ้น ที่ท่าเรือ คนงานบางคนเตรียมขนของขึ้นเรือเพื่อจะออกเรือ บางคนเช็ดถูทำความสะอาดเรือที่จอดอยู่ ปาหนันเดินเข้ามามองครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหาคนเรือที่อยู่ใกล้ที่สุด
“เธอเป็นลูกน้องสหัส สารภาพมาซะดีๆ สหัสเอาพร้าวไปขังไว้ที่บ้านเธอใช่มั้ย”
คนเรืองงๆ
“ผมไม่เจอไอ้พร้าวมาหลายวันแล้วครับ”
“เป็นไปไม่ได้” ปาหนันหลอกถาม “เมื่อวานพร้าวออกเรือไปกับสหัสไม่ใช่เหรอ”
คนเรือนึกๆ
“เอ...เมื่อวานพี่สหัสไม่ได้ออกเรือนี่ครับ”
“แน่ใจนะ”
“พี่สหัสออกหาปลาทีไร ผมไปด้วยทุกที เมื่อวานแกไม่ได้ออกหาปลาครับ เห็นก็แต่ไอ้แท่นมาเอาเรือหางยาว”
“แท่นเอาเรือหางยาวออกไปไหน”
“มันว่าพี่สหัสจะไปเกาะครับ แต่ไม่ได้บอกว่าเกาะอะไร”
ปาหนันชะงักอึ้งพึมพำกับตัวเอง
“สหัสเอาพร้าวไปปล่อยเกาะ”ปาหนันหันไปสั่งคนเรือ “เตรียมเรือหางยาวให้ที หนันจะออกทะเล”
+ + + + + + + + + + + +
บนเกาะ...นาวิศกระหายน้ำมากเดินลงไปที่ทะเล วักน้ำทะเลดื่มก็ต้องบ้วนทิ้ง นาวิศแข็งใจเดินจากทะเลมุ่งสู่ผืนดินบนเกาะ สำรวจไปทั่วจนมาถึงหาดด้านหลังอย่างเหนื่อยอ่อน
“เดินมาถึงท้ายเกาะแล้ว ไม่เจอบ้านคนซักหลัง สหัสคงเอาเรามาปล่อยเกาะร้าง”
นาวิศเห็นแผ่นไม้เเก่าๆ หยิบขึ้นมาดู เป็นป้ายเขียนว่า ‘…ทางไปท่าเรือ...’ นาวิศครุ่นคิด
“เกาะนี้เคยมีท่าเรือ”
นาวิดมองถัดไปเห็นมีป้ายไม้เก่าๆอีกแผ่น จึงหยิบขึ้นมาดู เป็นป้ายเขียนว่า ‘…เกาะรอกรีสอร์ท...’ นาวิศแปลกใจ
“เกาะรอก...เกาะนี้เคยมีคนอยู่ ทำไมถึงย้ายออกไปกันหมด”
ขณะเดียวกันนั้น ห่างจากที่นาวิศยืนไม่มากนัก งูตัวหนึ่งเลื้อยออกมา นาวิศมองรอบๆ ยังไม่เห็นงู จะเดินออกไป ทันใดนั้นงูชูคอ แผ่แม่เบี้ย เตรียมฉกใส่ นาวิศหันมาเห็นเข้าพอดี รีบกระโดดหลบ งูยังเลื้อยตามมา นาวิศเสียหลักอยู่กับพื้น รีบตะกายหนี พอดีเห็นกิ่งไม้ก็รีบคว้าไว้ เป็นอาวุธไล่งู จนในที่สุดงูเลื้อยหนีไป
นาวิศหอบหายใจมองตาม แต่ทันใดนั้นมีงูอีกตัวหนึ่งเลื้อยเข้ามาโดยที่นาวิศไม่รู้ตัว พอเขาหันมาอีกที งูก็ฉกเข้าที่ขาของเขา นาวิศพยายามหนี แต่หลบไม่ทัน ล้มกลิ้งไป งูเลื้อยออกไป นาวิศจับขาอย่างเจ็บปวด มองรอบข้างด้วยความระวังมากขึ้น
“งูชุมอย่างนี้เอง ถึงได้ไม่มีใครอยู่”
นาวิศเปิดขากางเกงขึ้นมา เห็นรอยเขี้ยวใหญ่สองเขี้ยวแบบงูพิษ นาวิศตกใจ
“งูพิษ...”
นาวิศรีบฉีกแขนเสื้อออกมา พันที่ขาที่โดนงูกัดทันที
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันขับเรือตามหานาวิศไปทั่ว เธอขับเรือไปขึ้นที่เกาะแห่งหนึ่ง แล้วถามชายชาวบ้าน...
“ลุง...มีผู้ชายแปลกหน้าขึ้นเกาะมาบ้างมั้ยจ๊ะ”
“ไม่เห็นมีนะ”
ปาหนันร้อนใจ พยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปขึ้นเรือหางยาว ที่จอดเกยหาดอยู่ ชาวบ้านช่วยดันหัวเรือออก
“ขอบใจจ้ะ”
ปาหนันขับเรือหางยาวออกทะเล ตามหานาวิศต่อ
ทางด้านรสา ได้หลบไปเช่าที่บังกะโลแห่งหนึ่ง จากนั้นพยายามโทรติดต่อระริน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เธอจึงมาที่ท่าเรือ พยายามมองหานาวิศ
“เกิดอะไรกับคุณนาวิศรึเปล่านะ นัดเราไว้เมื่อวานก็ไม่มา วันนี้ก็ไม่เห็น”
คนงานเดินผ่านมา รสารีบเรียกไว้
“เดี๋ยว เธอ...เห็นพร้าวมาท่าเรือรึเปล่า”
“ไม่เห็นนี่”
รสาแปลกใจว่านาวิศหายไปไหน รสาเดินบ่นมาตามทางอย่างนึกห่วงนาวิศ
“ทำไมอยู่ๆคุณนาวิศก็มาหายตัวไปนะ...”
รสาเดินมาเห็นพวกเจ่งกำลังคุยกัน เลยรีบหลบแล้วย่องไปแอบฟังใกล้ๆ
“ช่วยกันคิดหน่อยสิวะ คุณหนันเธอจะไปไหนได้บ้าง ไปดูที่ชายหาดก็ไม่อยู่ ในสวนมะพร้าวก็ไม่มีใครเห็น”
“งั้นก็คงจะเข้าเมือง หรือไม่ก็ไปแกร่วอยู่กับพร้าวที่ท่าเรือล่ะมั้ง”ทับทิมออกความเห็น
“ไอ้พร้าวหายไป เมื่อคืนคุณหนันลุยไปหาที่บ้านพี่สหัส แต่ไม่เจอ”เดื่อบอก
ทับทิมตกใจ
“นี่พร้าวหายไปอีกแล้วเหรอ ใครที่ไหนมาจับตัวไป ก็เห็นมีแต่พี่สหัสคนเดียวที่ไม่ชอบหน้าพร้าว”
เจ่งไม่ยอมบอกเดื่อกับทับทิมว่า เคี่ยมจับนาวิศไปปล่อยเกาะ พอเห็นทั้งสองคนคุยเรื่องนาวิศขึ้นมาก็รีบเบี่ยงประเด็น
“ที่ไอ้พร้าวหายไปน่ะ ข้าว่ามันหนีกลับไปกับเมียมันแล้วล่ะ”
“ไม่จริงอ่ะ วันก่อนพร้าวตามง้อคุณหนันตั้งนาน ให้คุณหนันเชื่อว่านังหน้าปลาทูต้มเค็มนั่น ไม่ใช่เมียพร้าว”ทับทิมแย้ง
รสาที่แอบฟังอยู่โกรธทับทิมที่มาด่าตัวเอง บ่นเบาๆ
“แกสวยตายเหอะนังหน้าปลาดุก”
“ยายเจ่ง ฉันว่าคุณหนันไปตามหาพร้าว คุณหนันห่วงมันมากนะ”เดื่อออกความเห็น
“งั้นเราสามคนแยกย้ายกันตามหาพร้าวเถอะ ถ้าเจอพร้าว ก็เจอคุณหนัน”ทับทิมแนะ
รสาแปลกใจสงสัยเป็นอย่างมาก
“คุณนาวิศหายไปไหนนะ”
รสาตัดสินใจออกตามหานาวิศ ด้วยการแวะถามร้านค้าต่างๆ
“นี่...มีผู้ชายผิวขาวหล่อๆ...พูดสำเนียงภาคกลางเหมือนฉันผ่านมาแถวนี้บ้างมั้ย”
เจ้าของร้านส่ายหน้า ไม่เห็น รสาเดินออกจากร้าน
“ตามหาจนเหนื่อยแล้วนะ คุณนาวิศหายไปไหนของเค้า...”
ขณะเดียวกัน รถธานีแล่นมาจอดหน้าร้าน รสายังยืนอยู่แถวหน้าร้าน หันซ้ายหันขวาจะไปทางไหนต่อดี พอธานีกับชาติลงจากรถ รสาก็เดินออกไปพอดี ไม่ทันเห็น ธานีเห็นหลังรสาเดินไป แต่ไม่ได้ใส่ใจไม่รู้ว่าเป็นน้องสาวระริน ธานีเอารูปถ่ายนาวิศให้เจ้าของร้านดู
“เคยเห็นผู้ชายในรูปมั้ย”
เจ้าของร้านส่ายหน้า ธานีหงุดหงิด
“มันมุดหัวอยู่ไหนวะ”
+ + + + + + + + + + + +
ระรินซึ่งถูกขังอยู่ในห้องเก็บของ พยายามคิดหาทางหลบหนี ระรินตะโกนบอกคนรับใช้
“เปิดประตูที ฉันปวดท้องจะตายอยู่แล้ว”
คนรับใช้เดินมาหน้าห้อง
“คุณธานีสั่งไว้ ห้ามปล่อยคุณรินออกมาค่ะ”
“ฉันปวดท้องมาก สงสัยไส้ติ่งอีกเสบ ถ้าไม่ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ฉันอาจไส้ติ่งแตกตายได้นะ...ช่วยเปิดหน่อยเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว”
คนรับใช้เชื่อไขกุญแจเปิดประตูให้ ระรินออกมาได้ก็แย่งกุญแจจากคนใช้ แล้วผลักคนใช้เข้าห้องเก็บของแทนแล้ว ล็อคกุญแจ
เมื่อออกมาข้างนอกได้ ระรินวิ่งมากดโทรศัพท์หารสา
ทางด้านรสา นั่งอยู่ในร้านอาหาร ได้แต่นั่งเขี่ยอาหารในจาน เพราะกินมาลง กังวลเรื่องนาวิศ
“ติดต่อพี่รินก็ไม่ได้ คุณนาวิศก็มาหายตัวไป...ไม่รู้โดนฆ่าปิดปากไปรึยัง”
ธานีเดินเข้าร้านมา นั่งโต๊ะติดกับโต๊ะรสา โดยหันหลังให้กัน บริกรเอาเมนูมาให้ ธานีหงุดหงิดมาก เพราะตามหานาวิศไม่เจอซะที ธานีสั่งบริกร
“เอาน้ำเปล่ามาก่อน”
ขณะเดียวกันนั้น โทรศัพท์มือถือรสาดังขึ้น รสาไม่ทันมองหน้าจอมือถือ
“ฮัลโหล...”
“รสา พี่เองนะ”
รสาหน้าตื่น
“พี่ริน”
ธานีนั่งกินน้ำอยู่ด้านหลังรสา ได้ยินชื่อ พี่ริน ก็ชะงัก หันมอง รสาคุยโทรศัพท์ ไม่รู้ตัว
“รสาโทรหาพี่รินเป็นสิบๆหน แต่ติดต่อพี่รินไม่ได้เลย เกิดอะไรขึ้น”
“คุณธานีรู้แล้วว่าพี่ส่งรสาไปตามหาคุณนาวิศ เขาจับพี่ขังไว้แล้วลงไประนอง ตอนนี้รสาไม่ปลอดภัยแล้ว รีบกลับมาเถอะ”
“กะแล้วเชียว...ดีที่รสาไหวตัวทัน ชิงย้ายโรงแรมหนีออกมาก่อน แล้วโชคดีที่คุณธานีไม่เคยเห็นรสา เจอกันจังๆก็ไม่รู้ว่ารสาเป็นน้องพี่ริน”
ธานีได้ฟังก็แน่ใจ ผู้หญิงคนนี้ใช่น้องสาวระริน ธานียิ้มโหดๆ
“ถึงไงพี่ก็เป็นห่วงรสา พี่จะจองตั๋วเครื่องบินให้รสากลับกรุงเทพวันนี้เลย”
“รสาก็คิดจะกลับอยู่พอดี ชักกลัวๆเหมือนกัน”
ธานีลุกขึ้นมาหารสา
“ทำไมจะรีบกลับซะล่ะ”
“ค...คุณธานี...”รสาตกใจช็อคพูดตะกุกตะกัก “รสา...รสาไม่เกี่ยวนะคะ รสาทำตามที่พี่รินสั่ง”
ธานีดึงโทรศัพท์มือถือรสามาพูดกับระริน
“โทษฉันไม่ได้นะระริน เธอส่งน้องลงมาตายเอง”ธานีวางสาย
ระรินตกใจสุดขีด
“คุณธานี...อย่าทำร้ายน้องรินนะ คุณธานี...รสา...รสา”
ธานีลากรสาออกไป ชาติรออยู่ที่รถ รีบเข้ามาช่วยธานีจับรสาขึ้นรถ
+ + + + + + + + + + + + +
ลูกน้องธานีมาคุยกับคนงานที่หน้าสวนมะพร้าว ขณะที่คนงานอื่นๆกำลังทำงานกันอยู่
“ไอ้พร้าวเหรอ ไม่อยู่นี่”
ลูกน้องพยักหน้ารับ เดินผละออกมาแล้วกดมือถือ
“คุณธานีครับ...”
ธานีฟังมือถืออยู่ครู่หนึ่งก็วางสาย แล้วหันไปพยักหน้ากับชาติ ชาติเข้าไปหิ้วถังน้ำขึ้นมา สาดน้ำใส่รสาที่ถูกจับมัดบนเก้าอี้ รสาโดนสาดน้ำก็ปากสั่นระริกด้วยความหนาว
“ฉันให้คนไปหาไอ้พร้าวที่สวนมะพร้าวแล้ว มันบอกว่าไม่อยู่...”ธานีเข้าไปดึงผมรสา เงยหน้าขึ้นมา “บอกมาว่าไอ้นาวิศมันอยู่ที่ไหน”
“รสาบอกคุณไปแล้ว...คุณนาวิศใช้ชื่อพร้าว อยู่ในสวนมะพร้าว”
“แล้วทำไมคนของฉันถึงหามันไม่เจอ...สาดน้ำใส่มันอีก”
ชาติสาดน้ำใส่ รสาหนาวตัวสั่น
“จะไปรู้เหรอ! รสารับจ้างมาสืบเรื่องคุณนาวิศ ไม่ใช่ให้ไปนั่งเฝ้าเขานี่ ตอนแรกเขานัดเจอเมื่อวาน แต่เขาก็ไม่ได้มา แล้วรสาก็มาเจอคุณเนี่ย”
ธานีจ้องรสาอย่างจับผิด
“มองอะไรล่ะ รสาพูดความจริงนะ”
“ดูซิ...เจอไม้นี้เธอจะยังปากแข็งอยู่มั้ย”
ธานีพยักหน้าสั่งชาติ ชาติดึงตะขอเหล็กที่เจาะอยู่บนปลาตัวใหญ่ออกมาถือไว้
“ตะขอนี่คมมาก เกี่ยวท้องเธอทีเดียว ไส้ทะลักแน่”
รสามองตาเหลือก กลัวมาก
“สะ...สะ...สาบาน รสาไม่รู้คุณนาวิศอยู่ไหน”
ธานีสั่งชาติ
“จับนังนี่แขวน”
ชาติเดินถือตะขอเหล็กไปหา รสากลัวสุดขีดกระเถิบตัวหนีจนเก้าอี้ล้ม หน้าของเธอแนบกับ
พื้นห้องเย็นร้องไห้โฮกลัวตาย
“อย่าๆๆๆ ฉันกลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลย... ฉันไม่รู้จริงๆ...ไม่รู้จริงๆ”
ชาติหันมองธานี ธานีเห็นรสากลัวจัด ก็แน่ใจว่าเธอไม่ได้โกหก
“กดดันขนาดนี้เธอยังไม่พูด แสดงว่าไม่รู้จริงๆ”ธานีสั่งชาติ “ดึงนั่งนี่ขึ้นมา”
ชาติดึงตัวรสาที่มัดติดกับเก้าอี้ขึ้นมา รสายังร้องไห้เพราะกลัวมาก
“ห้ามออกจากระนองจนกว่าฉันจะเจอไอ้นาวิศ ถ้าเธอหนีล่ะก็...ฉันจะตามฆ่าเธอ เข้าใจมั้ย”
รสาพยักหน้าทั้งน้ำตา ธานีเดินผละออกมาจากรสา คิดหนักว่านาวิศหายไปไหนกันแน่!
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศทั้งหิว ทั้งเจ็บแผลที่ถูกงูกัด เดินหาอะไรก็ได้ที่จะประทังชีวิต สุดท้ายเขาก็ล้มลง เปิดขากางเกงดู แผลเริ่มบวมและมีรอยช้ำมากขึ้น นาวิศไม่รู้จะจัดการยังไง ตัวเขาเองก็อาจตายได้ แล้วจึงหันไปเห็นด้านหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง เหมือนด้านหลังของใครคนหนึ่งนั่งพิงต้นไม้อยู่ นาวิศเห็นแววแห่งความหวัง รีบตะกายไปหา
“คุณครับ... ช่วยผมด้วย ผมโดนงูกัด...คุณ...”
นาวิศอ้อมมาที่ด้านหน้าผู้ชายคนนั้นแล้วผงะไปเมื่อพบว่า ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนเป็นๆ แต่กลายเป็นศพหน้าเละนาวิศเบือนหน้าหนี ทั้งตกใจ ทั้งพะอืดพะอม
เช้าวันใหม่...
ปาหนันเตรียมจะออกจากบ้าน แต่เคี่ยมตามออกมาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนลูกหนัน”
ปาหนันชะงักหยุด
“ลูกหนันจะไปไหน”
ปาหนันตอบโดยไม่หันไปงอนพ่อ
“หนันจะไปตามหาพร้าว”
“ต่อให้ตามยังไงลูกหนันก็ตามมันไม่เจอ เลิกพยายามดีกว่า”
ปาหนันหันมาที่พ่อ
“หนันรู้ว่าพ่อให้ท้ายสหัส จับพร้าวไปปล่อยเกาะ หนันจะตระเวนหาทุกเกาะ จนกว่าจะเจอพร้าว”
“รอจนลูกหนันเจอ มันคงตายไปแล้ว”
ปาหนัน ตกใจ
“พ่อว่าอะไรนะ”
“พ่อให้สหัสเอาตัวมันไปปล่อยที่เกาะรอก”
ปาหนันตกใจหน้าตื่น
“เกาะรอก”
เคี่ยมถอนใจ
“แต่ตอนนี้คนไม่เรียกชื่อนั้นแล้ว เขาเรียกว่าเกาะงูพิษ...พร้าวมันไปอยู่ที่นั่นร่วมสามวันแล้ว ไม่มีทั้งข้าวทั้งน้ำแถมมีงูพิษเต็มเกาะ...พ่อว่าลูกหนันเลิกตามหามันได้แล้ว...มันคงตายไปแล้ว”
ปาหนันอึ้งไป เคี่ยมเองก็มีท่าทีสลดไปแต่แล้วปาหนันกลับวิ่งออกไป เคี่ยมตกใจ
“ลูกหนัน”
สหัสกำลังเดินมาหน้าบ้าน ปาหนันวิ่งสวนออกไป สหัสงง เคี่ยมตามออกมา
“ลูกหนัน...”
“มีอะไรครับ”
“ตามไปจับตัวลูกหนันไว้ ลูกหนันจะไปตามหานาวิศ”
สหัสหน้าตื่นรีบตามไปทันที
ปาหนันวิ่งเข้ามา คว้าเชือกผูกเรือ รีบขึ้นเรือและติดเครื่องเรือทันที เคี่ยมกับสหัสวิ่งตามมา
“ลูกหนัน อย่าไป”
“คุณหนัน กลับมาครับ คุณหนัน”
ปาหนันมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง เจ็บช้ำ เสียใจ แล้วแล่นเรือออกไป เคี่ยมกับสหัสยืนมองตกใจ
“เอาเรือออกตามไป”เคี่ยมสั่ง
สหัสรีบไปแก้เชือกผูกเรือที่จอดอยู่ข้างๆ เคี่ยมมองทางเรือปาหนันที่เริ่มไกลออกไปทุกทีอย่างเป็นห่วง ร้อนใจ
สหัสแก้เชือกผูกเรือเสร็จ หันบอกเคี่ยม
“ไปครับนาย”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงธานีก็ดังขึ้น
“จะไปไหน ไอ้เคี่ยม”
ทั้งสองหันมาแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นธานีเดินเข้ามา ขนาบด้วยชาติและลูกน้องอีกคน
“หรือว่าแกกำลังจะหาทางเตือนนาวิศอีก”
เคี่ยมกับสหัสอึกอัก หันมองหน้ากัน
+ + + + + + + + + + + +
เคี่ยมกับสหัสถูกจับมาซ้อมในบ้าน ลูกน้องล็อคแขนเคี่ยมที่หน้าตาบอบช้ำ ธานีต่อยหน้าเคี่ยมอย่างเมามัน สหัสเองก็น่วมอยู่ที่พื้น จะตะกายไปช่วยเคี่ยม
“นาย...”
ชาติเหยียบลงบนหลัง สหัสทรุดนอนลงบนพื้น
“แกกล้ามากนะไอ้เคี่ยม ที่โกหกฉันมาตลอด แกเปลี่ยนชื่อนาวิศเป็นไอ้พร้าว แล้วก็ซ่อนมันไว้ที่นี่”
“นาวิศความจำเสื่อม ทำอะไรคุณธานีไม่ได้ ปล่อยแกไปเถอะครับ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าต้องการศพมัน เพื่อจัดการทรัพย์สินทุกอย่างมาเป็นของฉัน แต่แกกลับไม่ฆ่ามัน”
“ผมทำไม่ลงครับ... เขาเป็นลูกคุณนาวี เป็นลูกผู้มีพระคุณของผม”
ธานีต่อยหน้าเคี่ยม
“แล้วฉันไม่มีพระคุณกับแกเหรอไอ้เคี่ยม ฉันชุบเลี้ยงแกมาตั้งแต่ที่แกเป็นแค่คนแล่ปลา ทำให้แกมีวันนี้”
“ผมสำนึกบุญคุณคุณธานีเสมอ ถึงต้องยอมทำงานที่ตัวเองไม่อยากทำ”
ธานีโมโห จะเงื้อหมัดต่อยเคี่ยมอีก
“ถ้ามันจะทำให้คุณธานีพอใจ ฆ่าผมซะเลยก็ได้ ถือเป็นการชดใช้บุญคุณ”
ธานีโกรธ แต่ลดหมัดลง
“ฉันไม่ฆ่าแกหรอกไอ้เคี่ยม...แต่ฉันจะฆ่าลูกสาวแก”
“อย่า...คุณธานี ผมขอร้อง ลูกหนันไม่รู้ไม่เห็นด้วย อย่าเอาแกมาเกี่ยว”
“ฉันรู้ว่านายเคี่ยมรักลูกสาวมาก...พาฉันไปหาไอ้นาวิศ ฆ่ามันแล้วเอาศพมา ฉันถึงจะถือเป็นการไถ่โทษ...เลือกเอาระหว่างชีวิตลูกสาว กับนาวิศ”
เคี่ยมสลด สหัสมองนายอย่างสงสาร
+ + + + + + + + + + + +
เมื่อมาถึงเกาะรอก ปาหนันจอดเรือที่หาดทราย รีบลงจากเรือแล้วดันเรือเข้ามาเกยหาด ไม่ให้เรือลอยไป แล้วรีบร้อนวิ่งเข้าไปด้านในเกาตามหานาวิศ
“พร้าว...พร้าว อยู่ไหน พร้าว หนันมาช่วยแล้ว...พร้าว อยู่ไหน...”
ปาหนันได้ยินเสียงสวบสาบดังมาทางด้านหนึ่ง รีบหันไหดู
“พร้าว...”
ปาหนันเดินเข้าไปใกล้ ทันใด งูตัวหนึ่งโผล่ออกมา พุ่งเข้าฉก ปาหนันกรีดร้องตกใจ กระโดดหลบ เธอไม่โดนงูกัด แต่เสียหลักล้มอยู่ที่พื้น ปาหนันหันไปมองอีกครั้ง งูยังไม่หนีไป แต่เลื้อยตรงเข้ามาเธอตกใจมาก พลิกตัวขึ้น จะลุกหนี แต่ลื่นลงไปอีก งูฉกเข้ามา ปาหนันกรีดร้อง
ทันใดนั้นมีกิ่งไม้ฟาดใส่งูกระเด็นออกไป งูเลื้อยหนีเข้ารกเข้าพงไป ปาหนันหันมองคนช่วยชีวิต นาวิศนั่นเองเป็นคนที่ถือกิ่งไม้ฟาดใส่งู
“พร้าว...”
นาวิศทรุดลง ปาหนันตกใจ ถลาเข้าไปหา
“พร้าว...พร้าวเป็นยังบ้าง”
นาวิศตาลาย ในที่สุด หมดสติไป ปาหนันตกใจ ทำอะไรไม่ถูก แล้วจึงเห็นแผลที่ขานาวิศที่มีผ้าพันไว้แต่เลือดซึมออกมาเลอะไปหมด พิษงูนั้นทำให้เลือดนาวิศไม่แข็งตัว ถ้าปล่อยไว้นานๆเลือดจะออกจนตาย ปาหนันแกะแผลดู
“พร้าวโดนงูกัด...”ปลาหนันเขย่าตัวปลุกนาวิศ “พร้าว...พร้าวเป็นไงมั่ง”
นาวิศค่อยหรี่ตาขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วงนะพร้าว เมื่อกี้พร้าวช่วยหนัน เดี๋ยวหนันจะช่วยพร้าวเอง เรากลับบ้านกันนะ”
ปาหนันจับแขนนาวิศพาดที่ไหล่เธอ พยายามยกนาวิศ นาวิศกัดฟันพยุงตัวเองเดินออกไป
เรือปาหนันโดนคลื่นซัดลอยออกไปในทะเล ปาหนันประคองนาวิศออกมาหน้าหาด เห็นเรือลอยไปไกลแล้ว ปาหนันใจหาย
“แย่แล้ว เรือหนันโดนคลื่นซัดลอยไปแล้ว”
ปาหนันวางนาวิศลง รีบวิ่งลงทะเลไปตามเรือ
“อย่าไปเลยครับคุณหนัน ไม่ทันแล้ว...คุณหนันว่ายน้ำตามไม่ทันหรอก”
ปาหนันหันมองนาวิศ แล้วหันกลับไปมองเรือที่ลอยออกไปไกลแล้ว ปาหนันแทบจะร้องไห้
จบตอนที่ 6
ติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.