xs
xsm
sm
md
lg

บุหงาหน้าฝน ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 5
ธานีงหรณ์ใจว่าระรินจะต้องสร้างปัญหาให้ จึงโทรหาเคี่ยม เมื่อเคี่ยมรับสายก็ถามทันที...
“มีคนแปลกหน้าเข้าไปที่โรงกะทิมั่งมั้ย”
“ไม่มีนี่ครับ”
“ท่าเรือล่ะ”
“ก็ไม่มีนะครับ...คุณธานีมีอะไรรึเปล่า?”เคี่ยมย้อนถามอย่างแปลกใจ
“ไม่มีอะไร”
ธานีวางสายไป
“แปลก อยู่ๆก็โทรมาถามเรื่องคนแปลกหน้า”
เคี่ยมเก็บความสงสัยไว้
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่... คนงานกำลังเก็บมะพร้าว...
แท่นยืนหงุดหงิดอยู่ข้างมอเตอร์ไซต์ เดื่อขี่จักรยานมาพอดี แท่นหันไปถามทันที...
“เห็นทับทิมมั้ยไอ้เดื่อ มันไปหาคุณหนัน บ้านคุณหนันก็อยู่แค่เนี้ย มันไปนานสองนานปล่อยให้ข้ารอ”
เดื่อน้อยใจทับทิมอยู่แล้ว พูดทันที
“ไม่ต้องรอหรอก สงสัยทับทิมไปหาไอ้พร้าวที่บ้านท้ายสวน”
“บ๊ะ นังพี่คนนี้! เจอคนหน้าตาดีทีไรเป็นวิ่งเข้าใส่ ใช้ไม่ได้”
รถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอด รสาสวยเช้งลงจากรถ แท่นตาโต ตะลึงในความสวย วิ่งไปหารสา
“มาทำอะไรแถวนี้ครับคุณคนสวย”
“พี่น้องพอกัน บ้าคนหน้าตาดี”
เดื่อบ่น ว่าแล้วก็วิ่งไปกะลิ้มกะเหลี่ยรสาด้วย
“มาทำธุระอะไรในสวนมะพร้าวครับ หรือมาหาผม”
แท่นหันไปด่าเดื่อ
“ข้าเห็นก่อน เอ็งหลบไปเลยไป”
รสาถามขัดขึ้น...
“นี่สวนมะพร้าวของบริษัทเทพสุทธิพงศ์ใช่มั้ย”
“ครับผม”
รสามองทั้ง 2 คนอย่างพิจารณา
“ท่าทางเธอสองคนเป็นคนที่นี่ มีผู้ชายแปลกหน้ามาแถวนี้บ้างมั้ย”
“มีแต่หน้าแปลกๆครับ ไอ้นี่ไง”เดื่อชี้ไปที่แท่น
“ข้าออกหล่อ มาว่าข้าหน้าแปลก”แท่นเถียง
“อย่างเอ็งหล่อ ข้าก็เล่นเป็นพระเอกหนังได้สบาย”
“ไม่ได้ความ ไปถามคนอื่นดีกว่า”
รสารำคาญ จะเดินไป เดื่อรีบขวาง
“เดี๋ยวครับคุณผู้หญิง คนต่างถิ่นที่เข้ามาอยู่ในสวนมะพร้าวมีอยู่คนเดียวครับ มันอยู่บ้านท้ายสวนมะพร้าวโน่น ผมพาไปได้ครับ”
รสาได้ข้อมูลก็เดินกลับไปขึ้นรถตู้ เดื่อกันแท่นรีบตามไป แต่กลับโดนรสาปิดประตูรถใส่หน้า รถตู้แล่นเข้าสวนมะพร้าวไป เดื่อกับแท่นยืนงง
“เอ้า ไปซะดื้อๆ ตกลงมาทำอะไรก็ไม่บอก”
+ + + + + + + + + + + +

นาวิศตากผ้าขาวม้ากับเสื้อผ้าที่เพิ่งซักไว้ที่ราวตากผ้าหน้าบ้าน รสาเดินเลาะข้างบ้านมา มองอย่างสงสัย...
“หน้าตาเหมือนคุณนาวิศ แต่ไหงแต่งตัวมอซออย่างเนี้ย... เอ๊ะ... หรือว่าไม่ใช่”
นาวิศหันมาเห็นรสา
“มาหาใครครับ”
รสาเดินไปจ้องหน้านาวิศใกล้ๆ
“ใช่คุณนาวิศจริงๆด้วย!”
นาวิศตกใจที่มีคนรู้จัก
“จำคนผิดแล้วครับ”
รสาเดินหนี รสารีบเดินตาม
“อย่าเพิ่งไปสิคุณนาวิศ...รสาจำหน้าคุณได้นะ คุณต้องเป็นคุณนาวิศแน่ๆ”
“แต่ผมไม่ใช่นาวิศ แล้วผมก็ไม่รู้จักคุณด้วย”
“แต่รสารู้จักคุณนะ พี่รินให้รูปคุณมา หน้าตาแบบนี้แหละ รสาจำได้”
“เมื่อกี๊คุณว่าใครให้รูปคุณนะ”
รสายังไม่ทันตอบ เสียงปาหนันดังเข้ามา
“พร้าว...”
ทั้งสองหันไป เห็นปาหนัน ทับทิมและเจ่งเดินเข้ามา เพื่อจะเอาปิ่นโตมาส่งนาวิศ ปาหนันเพิ่งเห็น รสาก็ชะงัก
“ผู้หญิงที่ไหนน่ะ”
ทับทิมจำได้
“นังนี่อีกแล้ว..!”
รสามองนาวิศงงๆ
“พร้าว...?ทำไมนังบ้านนอกนี่เรียกคุณว่าพร้าวคะ”
ปาหนันโมโหจี๊ด
“อะไรนะ!? เรียกหนันว่านังบ้านนอกเหรอ!?”
“หยาบคายกับคุณหนัน ขอโทษคุณหนันเดี๋ยวนี้นะ”เจ่งสั่งรสา
“แก่ก็อยู่ส่วนแก่ อย่าจุ้น”
รสาตวาดแว๊ด
“อกอีแป้นจะแตกตาย...เด็กสมัยนี้มันไม่เห็นหัวหงอกหัวดำแล้วเหรอเนี่ย”
“เมื่อวานยังไม่ได้สั่งสอน วันนี้ขอนังทับทิมตบซักฉาดเถอะวะ”
ทับทิมจะเข้าไปตบรสา แต่ปาหนันดึงไว้
“ไม่ต้อง ทับทิม”ปาหนันหันไปจ้องหน้ารสา “ไปซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ ข้อหาบุกรุกสวนมะพร้าวฉัน”
รสาเชิดหน้า ไม่กลัว
“เท่าที่รู้...ตระกูลเทพสุทธิพงศ์มีลูกชายคนเดียวไม่ใช่เหรอ หล่อนเป็นญาติฝ่ายไหนของเค้ากันยะ ถึงพูดว่าสวนมะพร้าวนี้ของหล่อน”
“ถึงไม่ได้เป็นญาติ ฉันก็เป็นคนสำคัญของที่นี่ ออกไปจากสวนมะพร้าวของฉัน แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก!”
“ไปก็ได้ แต่ผู้ชายคนนี้ต้องไปกับฉันด้วย”
“ไล่ดีๆไม่ไป ต้องเจอแบบนี้...”
ปาหนันตักน้ำในโอ่งสาดไล่รสา
“หึ๋ย ยัยบ้า...หยุดนะ”
รสาเข้ามาแย่งขันปาหนัน ทับทิมเข้ามาช่วยปาหนันแย่งขันด้วยอีกคน
“แกนั่นแหละหยุด!”
ทั้งสามสาวยื้อขันกันไปมา เจ่งมองลุ้น ไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปช่วย นาวิศต้องเข้ามาห้าม บอกรสา...
“นี่คุณ พอได้แล้ว คุณออกไปจากที่นี่ซะผมไม่รู้จักคุณ!”
“แล้วที่นี่ก็ไม่มีใครต้อนรับเธอด้วย”ปาหนันพูดต่อ
รสาอ้าปากจะเถียง แต่มองนาวิศ ปาหนัน ทับทิมและเจ่งอยู่ข้างเดียวกันทั้งหมด ส่วนตนไม่มีพวก... ปาหนันทำท่าขู่จะสาดน้ำอีก
“ไปก็ได้!
รสาสะบัดหน้าไป ปาหนันขว้างขันลงโอ่งโกรธๆ แล้วหันมาถามนาวิศ
“ผู้หญิงคนนั้นมาทำอะไรน่ะพร้าว”
“ไม่รู้สิครับ”
“แน่ใจนะไอ้พร้าว ว่าไม่รู้จักแม่นั่น”เจ่งสงสัย
นาวิศรีบเปลี่ยนเรื่อง
“คุณหนันเอาปิ่นโตเข้าบ้านก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยกินข้าวด้วยกัน ผมจะไปซื้อน้ำแข็งที่โรงกะทิหน่อย จะได้ดื่มน้ำเย็นๆให้ชื่นใจกัน เดี๋ยวผมมา”
นาวิศรีบผละไป ปาหนันมองตามนาวิศอย่างสงสัยใจ
+ + + + + + + + + + + +

รสาเดินหน้าหงิกหน้างอ เสื้อแสงเปียกเพราะโดนปาหนันเอาน้ำสาดไล่
“เมื่อวานก็โดนเข่งกุ้งตกใส่ วันนี้โดนสาดน้ำอีก นี่มันซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรกันนักหนา... อุตส่าห์ตามมาถึงนี่ แต่กลับไม่ได้เรื่องอะไรซักอย่าง”
แต่แล้วกลับรู้สึกเหมือนโดนอะไรปาใส่หลัง รสาหันมอง หินก้อนเล็กกลิ้งตกพื้น รสามองหาว่าก้อนหินมาจากไหน หินอีกก้อนก็ปามาโดนก้นรสา รสาชักโมโห
“ใครมาลอบกัดอีกเนี่ย!”
ทันใดมือข้างหนึ่งเข้ามาปิดปากรสาอย่างไม่ทันตั้งตัว ลากรสาออกไป รสาร้องอู้อี้ขอความช่วยเหลือ รสาโดนลากมาหลบหลังต้นไม้ พอโดนปล่อย รสาก็หันไป ปรากฏว่าคนที่ลากรสามาเป็นนาวิศนั่นเอง
“ผมเอง...นาวิศ”
“ยอมรับแล้วเหรอ ว่าคุณคือคุณนาวิศ”
“ครับ แต่อยู่นี่ผมชื่อพร้าว คนที่นี่ไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ผมหลอกว่าความจำเสื่อม”
รสาแปลกใจมาก
“คุณหลอกคนว่าความจำเสื่อมเหรอ ทำไมล่ะ?”
“มันเป็นวิธีเอาชีวิตรอด...ผมถูกลวงมาฆ่า”
รสาตกใจ
“ลวงมาฆ่า!!!แล้วคุณแจ้งตำรวจรึยัง!”
นาวิศรีบหันมองซ้ายขวา
“เบาเสียงหน่อยคุณ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า”
ทับทิมเดินผ่านมา...นาวิศเห็นก่อน รีบดึงรสาหลบ...ทับทิมเดินผ่านไป...
“งั้นเราไปนั่งคุยกันในรถตู้ดีไหมคะ รสาให้รถตู้ของโรงแรมจอดรออยู่ข้างหน้านี่เอง”
“ก็ดีครับ”
รสาฉวยโอกาสจูงมือนาวิศไปที่รถ ทับทิมเดินกลับมามอง เห็นรสาจูงนาวิศไปก็ไม่พอใจ รีบไปบอกให้ปาหนันรู้ ปาหนันหึงขึ้นมาทันที...
“หนันสังหรณ์ใจอยู่แล้วเชียว...บอกว่าไปซื้อน้ำแข็ง แต่ไม่หิ้วกระติกไปด้วย ที่แท้ตามไปจู๋จี๋กับแม่นั่น”
“ไอ้พร้าวมันจะไปจู๋จี๋กับผู้หญิงที่ไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับเรานะคะคุณหนัน”
“เกี่ยวสิจ๊ะยายเจ่ง พร้าวเป็นคนของหนัน จะไปไหน จะทำอะไร ต้องรายงานหนัน นี่ดอดไปหาสาว หนันไม่ยอมเด็ดขาด ลุยกันเลยทับทิม”
“สู้ๆค่ะคุณหนัน”
ทับทิมกับปาหนันเดินไป
“คุณหนันหึงมันสิไม่ว่า”
เจ่งถอนใจส่ายหน้า แล้วตามปาหนันไป
+ + + + + + + + + + + +

นาวิศเล่าเรื่องราวต่างๆให้กับรสาฟัง ขณะที่นั่งอยู่ด้วยกันในรถตู้ รสาฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณจะเสี่ยงอยู่ที่นี่ต่อไปอีกทำไมคะคุณนาวิศ มันอันตรายมากนะคะ”
“ที่ผมอยู่ก็เพื่อหาหลักฐานมัดตัวไอ้พวกที่มันจะฆ่าผม...บอกอาระรินนะครับ ว่าไม่ต้องห่วงผม จับคนร้ายได้แล้ว ผมจะกลับบ้าน”
รสาฮึดขึ้นมา
“งั้นรสาจะช่วยคุณจับผู้ร้ายเองค่ะ”
“อย่าดีกว่าครับ ผมว่าคุณรีบกลับกรุงเทพไปดีกว่า”
“พี่รินส่งรสามาช่วยคุณ ขืนรสากลับไปทั้งที่คุณกำลังเดือดร้อนแบบนี้ พี่รินเล่นงานรสาแน่ บอกมาเถอะค่ะ จะให้รสาช่วยอะไรบ้าง”รสาบอกอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ
ขณะเดียวกันนอกรถ กลุ่มปาหนันเดินมาถึงรถตู้..
“ว้าย...เค้าจูบกันค่ะคุณหนัน”ทับทิมโวยวาย
“ฟิล์มออกทึบ เอ็งมีตาทิพย์มองทะลุรึไงนังทับทิม”เจ่งหันมาตวาดแว๊ด
ปาหนันมองไปที่รถตู้
“มองไม่ชัดเลย...เข้าไปใกล้อีกนิดเถอะทับทิม”
กลุ่มปาหนันเคลื่อนพลไปใกล้รถตู้ ทางด้านนาวิศบอกรสา หลังจากนิ่งคิดไปชั่วครู่...
“ถ้าคุณรสาอยากช่วยจริงๆ งั้นคุณช่วยไปที่ท่าเรือ หาเรือเทพสุทธิพงศ์ 3 สังเกตว่าบนเรือมีอะไรผิดปรกติ ต่างจากเรือประมงลำอื่นรึเปล่า ผมกำลังสืบเรื่อง...”
นาวิศยังพูดไม่ทันจบ รสาดันเห็นแมลงสาปตัวหนึ่งวิ่งออกมาบนพื้นรถ รสาสติแตกด้วยความกลัว
“ว้ายยย!! แมงสาบ!”
รสาหนีแมลงสาปจ้าละหวั่น กระโดดข้ามเบาะไปมา ทำให้รถตู้โยก นาวิศพยายามจับรสาไว้ให้ตั้งสติ
“คุณรสา ใจเย็น!”
นอกรถ...ปาหนัน เจ่ง ทับทิม มองรถตู้ขย่ม ถึงกับอ้าปากค้าง
“โอ๊ย...จะบ้าตาย! ทำอะไรกันอยู่ในรถน่ะ”
“ตาย...อกอีแป้นจะแตก”
ปาหนันกัดฟันแค้น พูดไม่ออก ทับทิมรีบบอก...
“คุณหนันไม่บุก ทับทิมจะบุกเองแล้วนะคะ”
ปาหนันทนไม่ไหวแล้ว เดินไปกระชากประตูรถเปิด เห็นรสานั่งตัก กอดคอนาวิศแน่น ปาหนันมองอย่างผิดหวัง
“พร้าว!!!”
นาวิศรีบผละออกจากรสา
“เรา...เราแค่คุยกันครับ”
“คุยอีท่าไหน รถตู้ถึงโยกซ้ายโยกขวาอย่างนั้นน่ะ”
“มัน...มันมีแมลงสาบอยู่ในรถครับ คุณรสาเขาตกใจเลยโดดหนี”
“ไหนล่ะแมลงสาบ ไม่เห็นมีสักตัว...เห็นแต่แมลงแรดเนี่ย”
ทับทิมชี้หน้า รสาลงจากรถมาประจันหน้าทับทิมด้วยความโมโห
“หล่อนว่าใคร”
“ว่าคนที่มันหน้าด้าน มีอะไรกับผู้ชายกลางวันแสกๆ กลางสวนมะพร้าวน่ะสิ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คุณหนัน พวกคุณกำลังเข้าใจผมผิด”นาวิศพยายามอธิบาย
ทับทิมหันไปบอกปาหนัน
“คุณหนันเข้าใจพร้าวผิดเพราะไม่รู้พิษสงของนังนี่ แต่ทับทิมรู้ว่ามันจงใจอ่อยพร้าว จนพร้าวหลงกลมัน ใช่ไหมพร้าว?”
รสาแทบกรี๊ด
“อย่ามาดูถูกกันมากนักนะ นังบ้านนอก ระดับฉันไม่ต้องล่อให้ใครหลงกลหรอก ฉันไม่ต้องทำอะไรก็มีแต่คนมาหลงฉัน”
“ชิ อีหลงตัวเอง .. ฉันไม่เชื่อแกหรอกอีขี้โม้ .. อย่างแก นอกจากเป็นแมลงแรดแล้วยังเป็นแมลงโม้ด้วย”
รสาตบหน้าทับทิมทันที
“ปากดีนัก”
“คิดว่าฉันไม่สู้คนเหรอ”
ทับทิมตบรสากลับ สองสาวเริ่มเข้าตบตี นาวิศพยายามห้ามรสา ส่วนปาหนันกับเจ่งก็ห้ามทับทิม แต่ทุกคนเสียหลัก เซถลาคลุกฝุ่นกันไปตามๆ แท่นผ่านมา เห็นพี่สาวกำลังมีเรื่องก็ตกใจ
“เฮ้ย!ทับทิม!?!”
แท่นรีบตรงเข้ามาหวังจะช่วยพี่สาว รสาเงื้อมือจะตบทับทิม แต่ทับทิมบล็อกไว้ได้แล้วตบกลับ รสายกมืออีกข้างจะตบอีก ทับทิมก็บล็อกไว้ได้อีกแล้วตบกลับ แท่นเห็นพี่สาวได้เปรียบก็ยิ้ม ยืนเชียร์
“เอาเลย... อย่างนั้น .. ไม่รู้จักพี่สาวไอ้แท่นซะแล้ว”
ทับทิบเงื้อมือจะตบรสาอีก รสาสู้ไม่ได้เลยตะโกนบอกทับทิม
“อย่านะนังหน้าด้าน แย่งผัวชาวบ้าน!“
ทุกคนชะงักอึ้งไปตามๆ ทับทิมหอบเหนื่อย
“ว .. ว่าไงนะ”
“ฉันเป็นเมียผู้ชายคนนี้ เค้าความจำเสื่อมเลยจำฉันไม่ได้ .. แต่ฉันจะขอเตือนพวกหล่อนว่าตอนเนี้ย พวกหล่อนกำลังจะแย่งผัวฉัน!”
แท่นรีบเข้ามาลากทับทิมผละออกมาจากรสา ปาหนันหันมาถามนาวิศ
“จริงเหรอพร้าว?!?”
“ม .. ไม่จริงนะครับ .. ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้”
นาวิศรีบปฏิเสธ รสายังคงยืนยัน...
“ผู้ชายคนนี้เป็นผัวฉันจริงๆ แต่เขาความจำเสื่อม จำเมียตัวเองไม่ได้”
นาวิศตกใจ
“คุณ!?!”
ปาหนันทั้งเจ็บใจทั้งเสียใจ สะบัดหน้าน้ำตาคลอออกไป เจ่งรีบตามไป ทับทิมหันมาว่านาวิศ
“มีเมียแล้วก็ไม่บอก ทับทิมเกือบแย่งผัวชาวบ้านแล้วไหมล่ะ”
ทับทิมมองนาวิศอย่างน้อยใจ ก่อนสะบัดหน้าออกไปอีกคน แท่นมองนาวิศอย่างไม่เชื่อ ก่อนจะวิ่งแนบออกไปอีกทางเพื่อบอกเรื่องนี้กับสหัสและเคี่ยม นาวิศมองอย่างตกใจ
“ซวยแล้ว...ไม่รู้แท่นจะไปฟ้องนายเคี่ยมว่าไง ทำไมคุณพูดไปแบบนั้นนะคุณรสา”
“ก็เราต้องรักษาความลับก่อนไม่ใช่เหรอคะ...ยังไงก็ให้ใครรู้ไม่ได้ ว่าคุณไม่ได้ความจำเสื่อม รสาทำเพื่อคุณนะคะ รสาจะช่วยคุณจะเต็มที่เลย พรุ่งนี้รสาจะไปดูเรือเทพสุทธิพงศ์ 3 ให้คุณด้วย”
“ไม่ต้องแล้วครับ”
“อ้าว??? ทำไมล่ะคะ”
“คุณจะไปสืบเรื่องเรือให้ผมได้ไงล่ะ ในเมื่อคุณเล่นบอกทุกคนไปว่าเป็นเมียผมอย่างนั้นน่ะ เอาล่ะ .. คุณกลับไปรอที่โรงแรมแล้วกัน ถ้าผมมีเรื่องให้ช่วยจะติดต่อไปเอง”
รสาพยักหน้าจ๋อยๆขึ้นรถไป นาวิศมองตามรถที่แล่นไปอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +

ที่สำนักงานท่าเรือ...แท่นยืนหอบเหนื่อย เพราะวิ่งร้อยเมตรมาแจ้งข่าวเรื่องเมียนาวิศกับเคี่ยมและสหัส ทั้งเคี่ยมและสหัสต่างลุกจากโต๊ะมาที่แท่น
“อะไรนะไอ้แท่น .. แกว่าเมียนาวิศมาที่นี่เหรอ!?”เคี่ยมซัก
“ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกนาย เห็นแต่งตัวดีแบบคนเมือง แล้วก็เที่ยวถามหาคนแปลกหน้า...ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเมียไอ้นาวิศมาตามหาตัวมันถึงที่นี่... ดีที่นาวิศมันยังจำเมียมันไม่ได้”
สหัสหนักใจ...
“แล้วถ้ามันจำได้ขึ้นมา ไม่ซวยกันหมดเหรอ...เมียมันจะไปฟ้องคุณธานีรึเปล่าก็ไม่รู้ เอาไงต่อดีครับนาย”
เคี่ยมนิ่งคิด หน้าเครียด
อ่านต่อหน้าที่ 2










ตอนที่ 5 (ต่อ)
ปาหนันนั่งเศร้าอยู่ในบ้าน เธอกอดโหลแก้วที่ใส่กลีบดอกไม้ที่อบร่ำรมเทียนไว้ นึกถึงวันที่ช่วยกันเด็ดกลีบดอกไม้ใส่โหลแก้วกับนาวิศแล้วน้ำตาร่วง ขณะเดียวกัน นาวิศเดินเข้ามา
“คุณหนัน...”
ปาหนันหันไปเห็นนาวิศก็จะลุกหนี แต่นาวิศเข้ามาจับแขนรั้งไว้
“เดี๋ยวสิครับคุณหนัน”
ปาหนันสะบัด
“ปล่อยหนัน อย่ามายุ่งกับหนัน!”
“เราคุยกันก่อนไม่ได้เหรอครับ คุณหนันกำลังเข้าใจผมผิด”
“ต่อหน้าหนันพร้าวทำเป็นจำผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ แต่ลับหลังพร้าวกลับแอบไปจู๋จี๋กับเขา! หนันไม่ว่าถ้าพร้าวความจำเสื่อม จำเมียตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าพร้าวรู้สึกผูกพันกับผู้หญิงคนนั้น รู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษ ทำไมพร้าวไม่บอกหนัน!?”
“ผมไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษเลย”
“แล้วพร้าวตามไปคุยอะไรกับเขา??”
“ผม...”นาวิศพูดความจริงไม่ได้ ก็เลี่ยงไป “ผมไม่รู้จะพูดยังไง แต่วันนึงคุณหนันจะเข้าใจ”
“หนันไม่เข้าใจ พร้าวโกหกหนันแล้วจะให้หนันเข้าใจได้ยังไง”
ปาหนันเปิดโถใส่กลีบดอกไม้ หยิบกลีบดอกไม้ในโหลปาใส่นาวิศ
“ออกไป หนันไม่อยากเห็นหน้าพร้าวอีกแล้ว!”
นาวิศเข้าไปห้าม
“หยุดเถอะครับคุณหนัน นั่นกลีบดอกไม้ที่เราสองคนช่วยกันเด็ดนะครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ หนันเลยจะทิ้งให้หมดไง”
นาวิศจะแย่งโหลแก้วมา ปาหนันยื้อไว้ จนโหลแก้วหล่นแตก เจ่งวิ่งหน้าตั้งออกมาจากหลังบ้าน
“อะไรหล่นแตกคะคุณหนัน คุณหนันโดนบาดรึเปล่า”
ปาหนันน้ำตารื้น มองเศษแก้วกระจายเป็นชิ้น
“ของที่แตกแล้ว ไม่มีทางประสานใหม่ได้ เราสองคนไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมแล้ว พร้าวกลับไปกับเมียเถอะ”
“คุณหนัน...”
“คุณหนันไล่แล้วเอ็งก็ไปสิ ไอ้พร้าว!”
นาวิศเดินคอตกไป ปาหนันมองตามหลังนาวิศไป แล้ววิ่งร้องไห้ไปทางหลังบ้าน
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันยืนมองออกไปหลังบ้าน ยกแขนขึ้นมา พอดีเห็นกลีบดอกไม้ติดชายแขนเสื้อมา ปาหนันหยิบกลีบดอกไม้ขึ้นมาดู ยิ่งสะเทือนใจ เจ่งเดินเข้ามา มองด้านหลังปาหนันด้วยความสงสาร
“อย่าเสียใจไปเลยนะคะคุณหนัน คุณหนันต้องหักห้ามใจบ้าง”
ปาหนันหันมองเจ่ง
“หนันรู้...แต่มันไม่ได้ทำง่ายๆนะยายเจ่ง”
“ก็เริ่มต้นทำใจซะตั้งแต่ตอนนี้ ถึงยังไงเรื่องคุณหนันกับไอ้พร้าวมันก็เป็นไปไม่ได้ คุณหนันจะรักใครชอบใครก็ได้ทั้งนั้น...แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่พร้าว คุณหนันเข้าใจไหมคะ”
ปาหนัน มองเจ่งอย่างตัดพ้อ
“ยายเจ่งกลัวหนันจะไปแย่งผัวชาวบ้านใช่ไหม ถึงมาบอกหนันแบบนี้ ยายเจ่งก็รู้ว่าหนันไม่มีทางทำอย่างนั้น”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ถึงไอ้พร้าวมันไม่มีเมีย คุณหนันก็ยุ่งกับมันไม่ได้”
ปาหนัน ยิ่งแปลกใจ
“ทำไมล่ะยายเจ่ง”
“ก็เพราะไอ้พร้าว...”เจ่งยั้งปากไว้
“ทำไม? พร้าวเขาทำไม?”
เจ่งพูดไม่ได้ ท่าทางอึกอัก ปาหนันยิ่งสงสัย
“ทำไมล่ะยายเจ่ง ยายเจ่งจะพูดอะไร”
“ช่างเถอะค่ะ ถึงยังไงไอ้พร้าวมันก็มีเมียแล้ว เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ยังไงคุณหนันก็ต้องตัดใจอยู่ดี เชื่อยายนะคะ คุณหนันยิ่งตัดใจจากไอ้พร้าวเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีกับคุณหนันมากขึ้นเท่านั้น”
เจ่งถอนใจ แล้วเดินออกไป ปาหนันแบกลีบดอกไม้ในมือขึ้นมาแล้วตัดใจ โยนออกไปนอกประตู
...กลีบดอกไม้ช้ำร่วงลงสู้พื้น
+ + + + + + + + + + + +

เคี่ยมเดินไปเดินมาในสำนักงานท่าเรือ อย่างใช้ความคิด สหัสกับแท่นนั่งมองอยู่ ต่างก็ร้อนใจ...
“นายครับ ผมว่าไม่นานเมียนาวิศ ต้องทำให้ความจำของนาวิศกลับมา...เราชิงฆ่ามันก่อนมันจะหันมาเล่นงานพวกเราเถอะครับ”
เคี่ยมถอนใจ...
“เรายังไม่แน่ใจว่าความจำของนาวิศจะกลับมาจริงรึเปล่า”
สหัสลุกมาที่เคี่ยมอย่างร้อนใจ
“แต่เมียมันต้องเล่าความจริงให้มันฟัง แล้วมันก็จะรู้ว่ามันเป็นใครมาจากไหน ให้ผมฆ่านาวิศแล้วเอาศพมันไปทิ้งทะเลเถอะครับ”
“ให้มันแน่ชัดก่อนว่านาวิศรู้เรื่องจากเมียเค้าหมดแล้ว ถึงตอนนั้นจะฆ่าเค้าก็ยังไม่สาย...แต่ถ้าฆ่าเค้าทั้งที่เค้ายังความจำเสื่อมอยู่ เราจะเสียใจทีหลังนะสหัส”
“ผมไม่เสียใจ ถ้าได้ทำเพื่อปกป้องนายกับคุณหนัน”
“เอาอย่างนี้ จับตาดูนาวิศไว้ก่อน ถ้าความจำเขากลับมารีบมารายงานฉัน”
“ผมไปเดี๋ยวนี้เลยครับนาย”
แทนเดินออกไป สหัสหันไปถาม...
“ถ้าความจำนาวิศกลับมา นายจะยอมให้ผมฆ่ามันใช่มั้ยครับ”
“เอาไว้ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที...ทุกชีวิตมีค่า ฉันไม่ได้อยากฆ่าใคร”เคี่ยมหนักใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาก
+ + + + + + + + + + + + + +

นาวิศเดินไปตามทางในสวยอย่างกลัดกลุ้ม ไม่สบายใจที่ปาหนันเข้าใจผิดเรื่องรสา แท่นเดินสวนมาอีกทาง แท่นเห็นนาวิศก็หลบ ก่อนจะแอบสะกดรอยตามนาวิศไป
นาวิศซ้อนมอเตอร์ไซต์รับจ้างมาลงหน้าโรงแรม แท่นขี่มอเตอร์ไซต์ตามมา พอเห็นนาวิศเดินเข้าโรงแรม แท่นก็โทรรายงานเคี่ยมทันทีว่านาวิศมาที่โรงแรมในเมือง เคี่ยมสั่งให้สะกดรอยตามต่อไป จากนั้นได้ให้กลับมาบอกสหัสที่นั่งฟังอยู่
“...นาวิศไปโรงแรมในเมือง”
“มันไม่รู้จักใครที่ระนอง...มันต้องไปหาเมียมันแน่ ผมบอกนายแล้วว่ามันต้องจำเมียมันได้”
เคี่ยมหน้าเคร่งเครียด กลัวว่าต้องฆ่านาวิศในที่สุด
ทางด้านนาวิศได้ไปที่ห้องพักของรสาตามที่รสาบอกไว้ แท่นตามมาเห็นตอนรสาเปิดประตูรับนาวิศเข้าไปในห้องพอดี
ในห้อง...
“รสาพานาวิศเข้ามานั่ง ไปรินน้ำให้นาวิศดื่ม”
รสาแย้มยิ้มให้นาวิศ นำแก้วน้ำไปให้...
“คิดว่าคุณจะโกรธจนไม่ยอมให้รสาช่วยคุณจับผู้ร้ายซะแล้ว”
“พรุ่งนี้บ่ายๆ คุณรสาช่วยไปที่ท่าเรือ หลอกคุยกับสหัส ผมจะฉวยโอกาสค้นเรือที่ผมสงสัยว่าขนน้ำมันเถื่อน”
“ใครกันคะ... สหัส?”
“คนที่ไล่คุณตอนมีเรื่องกับทับทิมเมื่อวาน”
“อ๋อ... ไอ้หมอนั่นเอง...ท่าทางโหดร้าย น่ากลัว สมกับที่เป็นฆาตกรใจโหดจริงๆ”
“เห็นท่าไม่ดี คุณรสาหนีออกมาเลยนะครับ ไม่ต้องห่วงผม อ้อ แล้วอย่าลืมเป็นอันขาด ห้ามเรียกผมว่านาวิศ”
“วางใจเถอะค่ะ รสาไม่ทำความลับคุณแตกหรอก”
“ผมอยากคุยกับอาธานี ไม่รู้ว่าอาผมรู้เรื่องนายเคี่ยมรึยัง”
รสารีบบอก...
“ไม่ได้นะคะ เรายังติดต่อคุณธานีไม่ได้ พี่รินห้ามไว้”
นาวิศแปลกใจ...
“ทำไมครับ”
“ไม่รู้หรอกค่ะ พี่รินไม่ได้บอก แต่กำชับนักหนาว่าห้ามคุณธานีรู้เรื่องที่รสามาตามหาคุณ...เอาอย่างนี้ดีกว่า รสาต่อสายให้คุณคุยกับพี่รินเองแล้วกัน”
รสาหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรหาระรินที่บ้าน ครู่หนึ่งคนรับใช้เดินมารับโทรศัพท์...
“ขอสายพี่รินหน่อย บอกว่าน้องสาวโทรมา”
“รอซักครู่ค่ะ”
ธานีเดินเข้ามาโดยมีชาติตามมาด้วย ก็ถามทันที...
“ใครโทรมา”
“น้องสาวคุณรินค่ะ”
ธานีแปลกใจ
“น้องสาวระริน? มีธุระอะไร”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
คนรับใช้จะไป ธานีรีบบอก...
“ไม่ต้องไปตาม ฉันจะคุยเอง”
“ธานีเดินไปยกหูโทรศัพท์ขึ้น
“ฮัลโหล”
รสากำลังจะพูดสายแต่แบตมือถือหมดเสียก่อน มือถือดับ
“อ้าว แบตหมด รสาลืมเอาที่ชาร์จมาด้วย”
“ใช้โทรศัพท์โรงแรมโทรสิครับ”นาวิศบอก
ทางด้านธานีนึกแปลกใจที่ปลายสายวางไปแล้ว หันบอกชาติ...
“สายตัดไปเลย”
“นายสงสัยว่าจะเป็นนักสืบ ที่คุณระรินส่งไปตามหาคุณนาวิศเหรอครับ?”
ธานีไม่ตอบ หันกลับมามองที่โทรศัพท์ สงสัยเป็นอย่างมาก ทันใดเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ธานีรีบรับ...
“ขอสายพี่รินหน่อย”รสาพูดทันทีที่มีเสียงรับสาย
“มีธุระอะไร”
รสาไม่รู้ว่าเป็นธานีเลยด่า
“ไปตามพี่รินมาเถอะน่ะ ไม่ต้องมาถามซ่อกแซ่ก เร็วๆเข้า!”
“ถ้าไม่บอกว่ามีธุระอะไร ฉันก็จะไม่ตามให้”
“เอ๊ะนี่! ไปตามพี่รินมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันมีธุระสำคัญมาก”
ธานีทวีความสงสัย
“ธุระอะไร”
“แกเป็นใครกันแน่ถึงเสียมารยาทกับฉันอย่างนี้ บอกมานะว่าแกเป็นคนสวนหรือคนขับรถ...นี่! พูดมาสิว่าแกเป็นใคร ไม่งั้นฉันจะให้พี่รินไล่แกออกนะ!”
นาวิศยื่นมือไป ขอหูโทรศัพท์
“มาครับ ผมคุยเองดีกว่า”
รสาส่งหูโทรศัพท์ให้นาวิศ
“คนงานบ้านคุณค่ะ งี่เง่ามาก”
นาวิศถามทันที...
“ฮัลโหลนั่นใครพูดน่ะ”
ธานีเงียบ นิ่งอึ้งไปเลย เพราะเสียงปลายสายเหมือนเสียงนาวิศ
“ฮัลโหล... ยังอยู่ไหม?”นาวิศยกมือปิดโทรศัพท์ หันบอกรสา “ทางโน้นยังไม่วางสาย แต่ทำไมไม่ยอมพูดก็ไม่รู้”
รสาเอาหูโทรศัพท์มาจากนาวิศ
“มาค่ะ รสาด่าเอง”
รสาพูดใสพูดโทรทันที...
“นี่ไอ้โรคจิต ไม่มีงานมีการทำรึไง ถึงได้มากวนประสาทชาวบ้านเขาอยู่นี่”
“ผู้ชายที่พูดสายเมื่อกี้เป็นใคร”
ธานีถาม ขณะเดียวกันระรินเดินมาในห้องโถง มองธานีที่เสียงดัง...
“ไม่ใช่กงการอะไรของแก”รสาตอบกลับไป
“ให้มันมาคุยกับฉัน แล้วฉันให้เธอคุยกับพี่รินของเธอ”
ระรินได้ยินที่ธานีพูดก็ตกใจ
“ตายจริง รสาโทรเข้าบ้าน...”
ระรินรีบเข้ามาพูดใกล้โทรศัพท์
“คุณธานี คุณไม่ควรถือวิสาสะรับสายของรินนะคะ!”
รสาได้ยินชื่อธานีเต็มหู เลยตกใจ รสาเอามือปิดหูโทรศัพท์ รำพึงเบาๆ
“คุณธานี!!”
“อะไรนะครับ? เมื่อกี๊อาธานีพูดสายเหรอ มาครับ ผมคุยเอง”
นาวิศยื่นมือไปจะรับหูโทรศัพท์จากรสา แต่รสารีบวางสายไปทันที แล้วหันบอก...
“เอ่อ...ทางโน้นวางหูไปแล้วค่ะ”
ทางด้านธานีกดดูเบอร์ที่โทรเข้าบ้านเมื่อครู่ ระรินยืนลุ้นอยู่ข้างๆกลัวธานีจับได้
“รหัสทางไกล 077...น้องเธอโทรมาจากใต้งั้นเหรอ”
ระรินอึกอัก
“น้องรินลงไปเที่ยวค่ะ”
“เที่ยวที่ไหน..? อย่าบอกนะว่า ระนอง ไปเที่ยวหรือไปตาม หาไอ้นาวิศ เดี๋ยวก็รู้”
ธานีกดโทรกลับไปเบอร์ที่โรงแรมระนอง ครู่หนึ่งพนักงานที่เคาน์เตอร์โรงแรมรับสาย...
“สวัสดีค่ะ”
“ญาติผมโทรมาจากห้องพักในโรงแรมคุณ แต่สายหลุดไป ช่วยต่อใหม่ให้ทีได้ไหม”
“ไม่ทราบ พักอยู่ห้องไหนคะ”
“ไม่รู้สิ ยังไม่ทันได้ถาม”
“บ้านคุณเบอร์อะไรคะ ดิฉันจะได้เช็คห้องพักที่โทรไป”
ธานีหันมองระริน ยิ้มเหี้ยม ระรินกลืนน้ำลายฝืดคอ
+ + + + + + + + + + + +

รสามีสีหน้ากังวลที่ดันคุยโทรศัพท์กับธานีโดยไม่รู้ตัว นาวิศมองอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรไปครับ วางสายเมื่อกี๊แล้ว คุณรสาดูเครียดๆ”
“คือรสา...รสาโมโหอีตานั่นไม่หายค่ะ ซ่อกแซ่กถามนั่นถามนี่อยู่ได้”
“ลองโทรไปอีกทีสิครับ คราวนี้ผมคุยเอง”
รสารีบห้าม
“ไว้โทรใหม่วันหลังเถอะค่ะ คุณออกมานานแล้วเดี๋ยวคนจะสงสัย รสาว่าคุณรีบกลับสวนมะพร้าวไปเถอะค่ะ”
“โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่ท่าเรือนะครับ”
“ค่ะ”
รสาเดินมาส่งนาวิศที่ประตู นาวิศแง้มประตูจะออกไป มองผ่านไปทางช่องประตูที่กำลังจะเปิดออก เห็นแท่นนั่งตบยุงรออยู่ แท่นกำลังจะหันมาทางนาวิศ นาวิศรีบดึงประตูปิด รสายิ้มขวยเขิน
“อย่าบอกนะคะ ว่าคุณเปลี่ยนใจ ไม่กลับแล้ว”
“คนของนายเคี่ยมตามผมมา”
รสาหน้าตื่น
“ตายแล้ว แล้วจะทำยังไงดีคะ”
นาวิศนิ่งคิดไป
ทางด้านแท่น นั่งตบยุงเบื่อๆ แล้วหันมองทางห้องรสา ประตูห้องเปิดออกมา แท่นรีบผลุบหลบหลังต้นไม้ นาวิศกับรสาแกล้งเล่นละคร รสาไล่นาวิศออกมา
“ไปเลย ไปไกลๆ แล้วไม่ต้องมาหาฉันอีก!”
นาวิศดึงรสาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ ตกลงเราเป็นผัวเมียกันจริงหรือเปล่า คุณบอกว่ารู้เรื่องอดีตของผมไง เล่าให้ผมฟังซี่”
“นี่ ดูปากนี่”รสาชี้ที่ปาก ค่อยๆพูด “แกไม่ใช่ผัวฉัน!”
แท่นมองดูอยู่ด้วยความแปลกใจ นาวิศแกล้งงง
“ก็ที่สวนมะพร้าวคุณบอกว่าผมเป็นผัวคุณไง”
“ฉันจำผิดย่ะ”
“จำผิด!?”นาวิศแกล้งทำเป็นตกใจมาก
“เออ! ช่วยไม่ได้นี่ ฉันกับผัวเจอกันแค่ตอนดูตัวหนเดียว พอคืนแต่งงานมันก็หายหัวไป ฉันออกตามหาจนมาเจอแก ก็คิดว่าเป็นคนคนเดียวกันน่ะสิ!”
“แล้วคุณแน่ใจแล้วเหรอว่าผมไม่ใช่สามีคุณ คุณเป็นความหวังเดียวที่รู้เรื่องอดีตของผมนะ”
“ฉันไม่รู้อดีตของแกหรอกย่ะ แค่เห็นว่าแกไม่มีปานแดงที่ก้นฉันก็แน่ใจแล้วว่าจำคนผิด ไปเลยนะ รีบไสหัวออกไปเลย ไม่งั้นฉันเรียกยามมาลากแกไป ไป!”
รสามองดุ ก่อนหันหลังเข้าห้อง ปิดประตูปัง นาวิศเดินคอตกออกไป ผ่านต้นไม้ที่แท่นแอบหลบอยู่ แท่นรีบห่อตัวหลบ นาวิศเดินผ่านไป หางตามองทางต้นไม้ที่แท่นแอบอยู่ ยิ้มๆ แท่นออกมาจากที่ซ่อน มองตามนาวิศไป แล้วหันมองทางห้องรสาอีกครั้ง
“ตกลงไม่ใช่เมียไอ้นาวิศเหรอวะเนี่ย!”
+ + + + + + + + + + + +

รสากลับเข้ามาในห้อง ยิ้มกับตัวเองที่ช่วยนาวิศไว้ได้ แล้วคิดขึ้นมาได้...
“จริงด้วย... เมื่อกี๊เล่นร้ายเกินไปรึเปล่านะ เดี๋ยวคุณนาวิศจะหาว่าเราร้ายจริง”
โทรศัพท์ในห้องพักก็ดัง รสาชะงักตกใจ ก่อนรับโทรศัพท์แบบกล้าๆกลัวๆ
“ฮัลโหล”
“ฉันธานีพูด”
รสาตกใจ
“คุณธานี...”
รสารีบวางสายโทรศัพท์ แล้วดึงสายออกด้วยความตกใจกลัวลนลาน ธานีหันขวับไปบอกระรินทันที...
“น้องสาวเธอวางหูใส่ฉัน พิรุธขนาดนี้ยังจะกล้าพูดอีกไหม ว่าน้องเธอไม่ได้ไปตามหานาวิศ”
“ม .. ไม่ใช่นะคะ คุณคิดไปเอง...”
ธานีตบระรินลงไปนอนคว่ำกับพื้นทันที
“ยังจะกล้าโกหกฉันอีกเหรอ!?”
“เอาซี่คะ ฆ่ารินให้ตายเลย คนใจคอโหดเหี้ยมอย่างคุณทำได้อยู่แล้ว”ระรินตวาดกลับอย่างเกลืออด
“อ้อ... ท้าใช่ไหม...เอาเมียฉันไปไว้ที่ห้องเก็บของ”
ธานีหันไปสั่งชาติ ระรินตกใจ รู้ตัวว่าคงจะโดนขัง ไม่งั้นธานีคงไม่สั่งลูกน้องพาเธอไปที่ห้องเก็บของ ระรินหันหลังจะหนี แต่ชาติจับตัวไว้ได้
“ปล่อยนะ! ปล่อยฉัน!”
ระรินโดนชาติล็อคตัวไปที่ห้องเก็บของ แล้วผลักเข้าไปข้างใน ธานีตามมาขู่สำทับ
“ฉันจะไปตามล่าน้องสาวเธอ ปิดปากนังนั่นแล้วฉันจะกลับมาฆ่าเธอ!”
ธานีออกไป ชาติรีบปิดประตู ระรินตามมาทุบประตู
“อย่าทำอะไรน้องรินนะคะคุณธานี! คุณธานี... ปล่อยรินออกไป!”
หน้าห้อง...ชาติดึงประตูไว้ คนรับใช้วิ่งเอากุญแจห้องเก็บของมาให้ ธานีล็อคกุญแจ เสียงระรินทุบประตูแล้วตะโกนออกมา
“ปล่อยรินออกไป”
ธานีสั่งคนรับใช้
“ไม่ว่ายังไง ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด!”
คนรับใช้พยักหน้ารับด้วยท่าทางหวาดกลัว แล้วเดินตัวลีบออกไป ทางด้านระรินพยายามกระแทกประตู ทำเอาเจ็บไหล่ ระรินตะโกน
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”
ธานีตะโกนกลับเข้าไปในห้อง
“โวยวายให้ตายก็ไม่มีใครยิน”
ธานีหันมาสั่งชาติ
“ชาติ ฉันจะไประนองวันนี้ แกจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อย แล้วพาคนของแกไปด้วย... งานนี้อาจจะต้องออกแรงหน่อย”
“ครับนาย”
ในห้อง ระรินแนบหูกับประตู พอได้ยินเสียงธานี ยิ่งทุกข์ร้อนใจ
“รสา...พี่จะเตือนรสาได้ยังไง...จะทำยังไงดี”
ระรินทรุดลง ร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันรุ่งขึ้น..เจ่งเปิดประตูบ้านก็เห็นนาวิศยืนรออยู่
“ยายเจ่งครับ ผมมาหาคุณหนัน ผมอยากปรับความเข้าใจกับเธอ”
เจ่งมองไม่พอใจ...
“เอ็งคิดว่าตัวเองเป็นอะไรกับคุณหนันฮึ ถึงมาขอปรับความเข้าใจกับเธอ...ข้าว่าเอ็งกลับไป...”
นาวิศไม่อยากเสียเวลาเถียงกับเจ่ง เดินแทรกเจ่งเข้าบ้านไปเลย
“ไอ้พร้าว! อย่าเข้าไปไอ้พร้าว!”
นาวิศเดินมองหาห้องปาหนัน พลางร้องเรียกไปด้วย
“คุณหนันครับ คุณหนัน...”
“เบาเสียงหน่อย ไอ้พร้าว นายนอนอยู่!”เจ่งห้าม
นาวิศตรงไปเคาะประตู
“คุณหนัน ตื่นรึยังครับ”
เจ่งเข้ามาห้าม แต่ประตูแง้มออก เจ่งกับนาวิศชะงัก เจ่งเปิดเข้าไปดู
“คุณหนัน?”
ปรากฏว่าปาหนันไม่อยู่ เจ่งตกใจ
“คุณหนันหายไปไหน?!”
นาวิศร้อนใจขึ้นมาทันที...
 
จบตอนที่ 5
ติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้เวลา 9.30 น.








กำลังโหลดความคิดเห็น