xs
xsm
sm
md
lg

บุหงาหน้าฝน ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 2
นาวิศถูกนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาล เขาแกล้งหลับอยู่ที่เตียงคนไข้ เคี่ยม ปาหนัน สหัส ยืนคุยกับหมอที่ถือผลเอ็กซเรย์ พลางชี้อธิบายให้พวกเคี่ยมดู
“ผลเอ็กซเรย์บอกว่ามีจุดเลือดเล็กๆคั่งในสมอง คงเกิดจากการที่ศีรษะถูกกระแทกอย่างแรง ก็อาจจะมีผลทำให้ความจำเสื่อมได้”
“เขาจะหายแล้วกลับมาจำอะไรได้อีกไหมครับหมอ”สหัสถามอย่างกังวลใจ
“หมอเองก็รับประกันไม่ได้เหมือนกัน ว่าความจำเขาจะกลับมาหรือเปล่า”
“โถ...น่าสงสารจัง เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ หลักฐานอะไรก็ไม่มีติดตัวซักอย่าง”ปาหนันบอก
หมอนึกได้
“อ้อ...อีกอย่างคือ คนเจ็บกระดูกข้อมือซ้ายหักนะครับ หมอใส่เฝือกให้แล้ว นอนนี่ซักคืน พรุ่งนี้ค่อยมารับกลับ”
ปาหนัน ยกมือไหว้หมอ
“ขอบคุณจ้ะ หมอ”
นาวิศแอบหรี่ตาดู รู้ว่ารอดตัวแล้ว ก็ถอนใจออกมาอย่างเบาใจ...
+ + + + + + + + + + + +

เคี่ยมกับสหัสเดินออกมาจากห้อง แท่นถือถ้วยกาแฟเดินเข้ามาพอดี รีบเข้ามาหา
“เป็นไงมั่งพี่ ไอ้นาวิศมันความจำเสื่อมจริงรึเปล่า”
สหัสพยักหน้ารับกับแท่น หันมาที่เคี่ยม
“นายจะเอาไงต่อไป”
เคี่ยมครุ่นคิด ตัดสินใจ
“หมอบอกว่านาวิศความจำเสื่อม เท่ากับโชคชะตาช่วยชีวิตเขาเป็นหนที่สอง”
แท่นงงๆ
“นายหมายความว่าไง”
“แกคิดดูสิ คนอะไร ตกหน้าผายังไม่ตาย พอมีชีวิตรอดกลับมาให้เราฆ่าอีก เขาก็กลับความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้”เคี่ยมอธิบาย
สหัสมองหน้าเคี่ยม
“นายอย่าบอกนะครับ ว่าจะปล่อยมันไว้อย่างนี้”
“ในเมื่อเขาความจำเสื่อม เราก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขา...เก็บเขาไว้ที่นี่ แค่อย่าให้คุณธานีรู้”
“แต่ถ้าเกิดหมอนั่นตบตาเราล่ะนาย ถ้ามันไม่ได้ความจำเสื่อม”
“จับตาดูไว้ ถ้าเขาหลุดให้จับได้เมื่อไหร่ว่าแกล้งความจำเสื่อม ก็ให้กลับไป แผนเดิม...ฆ่าเขาซะ”
ปาหนันเปิดประตูออกมาจากห้องพักนาวิศ
“พ่อจ๊ะ...”
ทั้งสามรีบเปลี่ยนท่าที ทำเป็นไม่มีอะไร ปาหนันเดินเข้ามาหาเคี่ยม
“ต้องให้ใครอยู่เฝ้าเขาไหมจ๊ะ เผื่อเขาตื่นมาไม่เจอใคร”
“เดี๋ยวพ่อให้ไอ้แท่นอยู่เฝ้า เรากลับบ้านกันได้แล้ว”
“รอเค้าฟื้นก่อนซิจ๊ะพ่อ หนันอยากแน่ใจว่าเค้าไม่เป็นอะไรมาก”
“ถึงมือหมอแล้ว มันไม่เป็นไรหรอก กลับเถอะ”
ปาหนัน จำใจพยักหน้า
“งั้นหนันไปลาเค้าก่อนนะจ๊ะ”
ปาหนันกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เคี่ยมมองตามถอนใจ ปาหนันกลับเข้ามาในห้อง เดินไปพูดกับนาวิศที่หลับอยู่บนเตียง
“พักผ่อนมากๆนะ พรุ่งนี้หนันจะมาเยี่ยมแต่เช้า”
ปาหนันยิ้มให้นาวิศที่หลับอยู่ ก่อนหันหลังออกไป นาวิศค่อยหรี่ตาขึ้นมามอง จะลุกขึ้น แต่รู้สึกเจ็บระบบไปหมด ในที่สุดจึงพิงหลังลงไปกับเตียงอีกครั้ง นาวิศยังคงลังเลสงสัย ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
+ + + + + + + + + + + +

ที่ท่าเรือพลุกพล่านไปด้วยคนงานที่มาคัดแยกปลา ที่นั่งจับกลุ่มกันหลายกลุ่ม กลุ่มคนงานคัดแยกปลากลุ่มหนึ่งสุมหัวคุยกันเรื่องที่มีเสียงปืนเมื่อคืน ทับทิมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เดื่อหิ้วตะกร้าเดินมาที่กลุ่มทับทิม
“นายให้มาเลือกปลาไปทำกับข้าว”
ทับทิมตื่นเต้นดึงมือเดื่อเข้ามาใกล้
“ไม่ได้กินตอนนี้ ไม่ต้องรีบหรอกเดื่อ เล่าเรื่องเมื่อคืนนี้มาก่อน...ตกลงว่าโจรขึ้นบ้านนายใช่ไหม ถึงได้ไล่ยิงกันเสียงดังไปทั้งสวน”
เดื่ออ้าปากจะเล่า แต่ทับทิมพูดแทรกขึ้นมา
“ไอ้โจรตัวนี้มันก็ช่างกล้านะ ไม่รักตัวกลัวตายเอาซะเลย”ทับทิมหันไปถามพวกคนงาน “พวกเราว่ามั้ย”
คนงานเออออเห็นด้วย
เดื่อเซ็งเลย
“เอ้า! ตกลงจะฟังเดื่อเล่าหรือเปล่า สรุปความเองเป็นตุเป็นตะเลย ใครบอกล่ะว่าโจรขึ้นบ้านนาย”
ทับทิมหน้าเหวอ
“อ้าว...ถ้าไม่ใช่โจรขึ้นบ้านแล้วยิงใครล่ะ แท่นกับพี่สหัสก็ไม่ยอมเล่าให้ฉันฟัง ไม่รู้มีลับลมคมในอะไรกันนักหนา”
“ไม่ใช่ผู้ร้ายหรอก เรื่องเข้าใจผิดกัน...มันเป็นผู้ชายแปลกถิ่นโดนทำร้าย หลงมา คุณหนันเลยช่วยชีวิตมันไว้”
“หือ...น่าสงสารจังนะ...ผู้ชายแปลกถิ่นโดนทำร้าย...”ทับทิม ยิ้มกรุ้มกริ่ม “แล้วหล่ออ๊ะเปล่า พ่อกระทงหลงทางคนเนี้ย...”
เดื่อหึงทับทิมไม่พอใจ
“ถามทำไม ถ้าหล่อเขาก็ไม่มองทับทิมหรอก”
ทับทิมโกรธ
“ไอ้เดื่อ...”
ทับทิมจะด่า เดื่อรีบขัดขึ้นก่อน
“เดื่อจะเลือกปลาแล้ว จะได้รีบกลับ”
ทับทิมจ้องหน้าเดื่อแค้นๆ เดื่อเหลือบมองแวบหนึ่ง สะบัดหน้าเมินหันไปเลือกปลา
+ + + + + + + + + + + +

ที่โรงพยาบาลปาหนันกับเจ่งมาเยี่ยมนาวิศ ปาหนันยืนคุมเจ่งปอกผลไม้
“ยายเจ่ง หั่นชิ้นเล็กกว่านี้อีกสิจ๊ะ ชิ้นใหญ่คนป่วยกินลำบากแย่”
“แหมคุณหนัน...เขาแขนหักนะคะ ไม่ใช่กรามหัก ถึงต้องให้ยายมานั่งหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้...อีกอย่างวันนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว ไม่รู้คุณหนันต้องหิ้วนั่นหิ้วนี่มาให้กินทำไม”
“ก็เขาไม่ได้กินอะไรมาทั้งคืน ตื่นมาต้องหิวแน่”ปาหนันหันมองนาวิศ “เขาน่าสงสารจะตาย”
นาวิศค่อยๆลืมตาขึ้น
“อ้าวตื่นพอดีเลย”ปาหนันเดินมาหานาวิศ “คุณ...เป็นไงบ้างจ๊ะ”
นาวิศเพิ่งตื่น ยังตั้งตัวไม่ทัน ทำหน้ามึนๆอยู่
“คุณจำหน้าหนันได้มั้ย...อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้ ถ้าลืมเสียใจนะเนี่ย อุตส่าห์ช่วยชีวิตไว้”
นาวิศไม่ค่อยไว้ใจนัก
“ผม...จำได้ครับ คุณช่วยผมมาจากตรงแปลงดอกไม้”
“หนันชื่อปาหนันนะ เรียกหนันเฉยๆก็ได้”ปาหนันหันไปที่ยายเจ่ง “นั่นยายเจ่ง”
นาวิศหันมองรอบๆ
“พ่อคุณไม่อยู่เหรอครับ”
“พ่อไปทำงานจ้ะ ส่วนแท่น คนที่อยู่เฝ้าเมื่อคืน หนันไล่ให้กลับไปอาบน้ำที่บ้านแล้ว”
นาวิศเห็นโอกาสที่จะหนีเอาตัวรอด รีบลงจากเตียง
“ผมต้องไปแล้ว”
ปาหนัน รั้งไว้
“อ้าว...เดี๋ยวก่อน คุณจะไปไหน”
นาวิศไม่ตอบ รีบเดินไปที่ประตู เจ่งกับปาหนันมองงงๆ นาวิศรีบมาเปิดประตู แต่เจอเคี่ยมกับสหัสที่เพิ่งมาพอดี นาวิศชะงัก เคี่ยมกับสหัสมองนาวิศอย่างสงสัย
“จะไปไหน”สหัสถามเสียงเข้ม
นาวิศอึกอัก
“จะออกไปสูดอากาศข้างนอกครับ”
“แหม อยากไปสูดอากาศก็ไม่บอก มาจ้ะ หนันพาไป”ปาหนันอาสา
“ห้ามไปไหนทั้งนั้น”เคี่ยมหันมเอ็ดลูกสาว “แอบออกมาเยี่ยมหมอนี่ไม่บอกพ่อ...เจ่งก็ไม่ห้ามลูกหนัน”
“คุณหนันเธอรบเร้าให้มาค่ะ เจ่งไม่มาด้วย เธอจะหนีมาคนเดียว”
“เอาแต่ใจจริงลูกคนนี้ เมื่อกี้พ่อคุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่านา...”เคี่ยมเกือบหลุดปากพูดชื่อนาวิศ “เอ่อ... หมอนี่กลับบ้านได้แล้ว พ่อจะให้ไปอยู่บ้านสหัส”
ปาหนันรีบขัด
“อยู่กับสหัสเดี๋ยวได้ถูกอัดเป็นกระสอบทรายแน่ ให้อยู่บ้านเราดีกว่านะจ๊ะพ่อ”
“ไม่ได้ เอาคนแปลกหน้าเข้าบ้านได้ยังไง เราเป็นสาวเป็นนาง”
ปาหนันเบ้หน้าแล้วนึกขึ้นมาได้
“อ้อ... ถ้าพ่อไม่ให้อยู่บ้าน...งั้นมีที่นึง...บ้านพักรับรองของหนันไงจ๊ะ”
ปาหนันยิ้มแย้มกับนาวิศ นาวิศยิ้มตอบ แกล้งทำไม่รู้เรื่อง สหัสมองไม่พอใจ
+ + + + + + + + + + + +

สหัสกับเคี่ยมออกมาด้านหน้าโรงพยาบาล สหัสรีบถามเคี่ยมอย่างร้อนใจ และไม่เข้าใจ
“นายจะยอมให้มันอยู่ที่บ้านสวนของคุณหนันจริงหรือครับ”
เคี่ยมพยักหน้า
“เขาจะได้อยู่ในสายตาเรา”
สหัสคิดได้ก็นิ่งไป
“แกต้องจับตาดูเขาให้ดีนะสหัส ถ้าเขาแกล้งความจำเสื่อม เราจะได้จัดการทัน”
“ครับนาย”
สหัสพยักหน้ารับอย่างเครียดๆ
เมื่ออกจากโรงพยาบาล ปาหนันพานาวิศ ไปยังบ้านหลังน้อย ที่ห้อมล้อมด้วยต้นมะพร้าว ปาหนันประคองนาวิศเข้ามาโดยมีเจ่งเดินตามมาข้างหลัง
“เป็นไงจ๊ะ บ้านหลังน้อยของหนันสวยมั้ย พ่อเคี่ยมปลูกให้ หนันมานั่งเล่นที่นี่บ่อยๆ เงียบสงบ ไร้คนรบกวน”
เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็เห็นแท่นนั่งรออยู่แล้ว
“อ้าวแท่น...อย่าบอกนะว่าสหัสให้แท่นมาเฝ้าพ่อหนุ่มนิรนามคนนี้อีก”
“ถ ถ ถ...ถูกต้องนะคร้าบ”
“ทะลึ่ง...ทำไมจะต้องเฝ้ากันอีก หนันบอกแล้วไงว่าเขาไม่ใช่คนร้าย”
แท่นหน้าเจื่อน
“ก็พี่สหัสสั่งมานี่คุณหนัน”
“สหัสก็ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“รอบคอบไว้ก่อนก็ดีนะคะคุณหนัน คนต่างถิ่นไว้ใจยาก”
เจ่งเหลือบมองนาวิศที่นิ่งๆไอย่างคิดหนักว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตคัวเองต่อไปดี
ปาหนันส่ายหน้าเอือม พานาวิศเข้าไป โดยไม่รู้ว่าสหัสแอบซุ่มอยู่มองปาหนัน ที่กำลังพยุงนาวิศจะพาเข้าบ้าน เจ่งกับแท่นตามหลังเข้าไป สหัสมองอย่างไม่เชื่อนักว่านาวิศความจำเสื่อม
“ถ้าจับได้ว่าแกแกล้งทำ...แกตายแน่”สหัสพึมพำบอกตัวเอง
ปาหนันพานาวิศเข้ามาดูในบ้าน เจ่งกับแท่นตามเข้ามา นาวิศมองรอบๆบ้าน เห็นความเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน
“พออยู่ได้ไหมจ๊ะ”
“โอยคุณหนัน บ้านนี้ใหญ่กว่าห้องที่ผมอาศัยพี่สหัสอยู่ตั้งเยอะ ไอ้หมอนี่คนเดียวทำไมจะอยู่ไม่ได้”แท่นสอดขึ้น
ปาหนันหันไปตวาด
“เงียบเถอะน่า หนันไม่ได้ถามแท่นซักหน่อย”
แท่นหน้าเจื่อนไป ปาหนันหันมาที่นาวิศ
“คุณชอบที่นี่ไหม”
นาวิศพยักหน้า
“ครับ... ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมไว้ แล้วยังให้ผมพักที่นี่อีก...คุณมีน้ำใจกับผมมากจริงๆ”
ปาหนันพยักหน้ารับ แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขวยเขินเอียงอาย เจ่งเห็นท่าจะไปกันใหญ่ รีบตัดบท
“เอาล่ะค่ะคุณหนัน ปล่อยเขาไว้ที่นี่ แล้วคุณหนันเองก็กลับไปพักผ่อนซักที ตะลอนมาทั้งวันแล้ว”
ปาหนันหันไปยิ้มให้นาวิศ
“งั้นหนันไปนะ คุณจะได้พักผ่อน”
นาวิศพยักหน้า ยิ้มให้ปาหนันอย่างขอบคุณ ปาหนันเดินนำเจ่งกับแท่นออกไป นาวิศหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา เดินดูบ้านนั้นอีกครั้ง แต่ก็รู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาจนชะงัก ต้องพิงตัวกับผนังบ้านแล้วครุ่นคิด
‘…แกล้งความจำเสื่อมแบบนี้ จะเอาตัวรอดไปได้ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้...แล้วทำไมนายเคี่ยมถึงอยากฆ่าเรา...พวกมันต้องการอะไรกันแน่…’
นาวิศหนักใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเขาเป็นอย่างมาก
+ + + + + + + + + + + +

ธานีอยู่ในบ้าน เดินงุ่นง่านหงุดหงิดบ่นอยู่คนเดียว...
“ไอ้เคี่ยมมันหายหัวไปไหน ทำไมไม่โทรมารายงาน”ธานีหยิบมือถือมากดโทรออกแล้วรอสาย “ทำไมไม่รับวะ”
ทางด้านเคี่ยมนั่งหน้าเครียดอยู่ในบ้าน วางมือถือไว้ใกล้ตัว มือถือดังต่อเนื่อง เขามองมือถือ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยิบขึ้นมารับสาย เจ่งเอาน้ำมาเสิร์ฟ มองอย่างแปลกใจ เข้ามาดูที่หน้าจอมือถือ
“คุณธานี...” เจ่งหันมองเคี่ยม “นายไม่รับสายเหรอ”
เคี่ยมถอนใจ ท่าทางหนักใจ ลุกออกไปโดยทิ้งมือถือไว้อย่างนั้น เจ่งมองตาม ยิ่งแปลกใจ
ทางด้านธานีรอสาย เดินงุ่นง่านไปรอบๆ ระรินลงบันไดมาเห็นเข้า
“โทรหาคุณนาวิศรึเปล่าคะ รินขอคุยด้วยนะคะ...รินโทรหาคุณนาวิศเป็นสิบๆหน มือถือคุณนาวิศติดต่อไม่ได้เลย”
“ฉันโทรหาไอ้เคี่ยม มันไม่รับสาย”ธานีกดวางสาย
ระรินยื่นมือไปหยิบมือถือจากธานี
“รินโทรให้ค่ะ อยากถามข่าวคุณนาวิศจากนายเคี่ยมเหมือนกัน”
ระรินจะกดมือถือ ธานีรีบคว้ากลับไป แล้วตวาด
“อย่าออกนอกหน้านักเลยระริน! ถ้านาวิศมันอยากคุยกับเธอ มันก็โทรหาเธอเองแหละ”
ธานีเดินโมโหเดินออกไป ระรินมองตามอย่างสงสัย
“แปลก...หลานชายคนเดียวไม่ติดต่อมา ไม่เป็นห่วงบ้างเลย... ต้องมีอะไรแน่ๆ”
+ + + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้นธานีกับระรินเข้านอนแล้ว ระรินแกล้งหลับ พลิกตัวหันมาดูธานี เห็นธานีหลับสนิท เธอก็ค่อยๆ
ลุกจากเตียง เดินไปคลำหาโทรศัพท์มือถือของเขาที่วางบนโต๊ะหัวเตียง ระรินหยิบโทรศัพท์มือถือของธานี แล้วย่องออกจากห้องนอนแต่พอเปิดประตู ธานีขยับตัว ระรินใจหายวาบ โชคดีที่เขาไม่ตื่น ระรินรีบผลุบออกไป
ระรินออกมากดโทรศัพท์มือถือของธานี
“คุณธานีโทรหานายเคี่ยมเป็นสิบหน...ต้องมีอะไรแน่ๆ”ระรินกดโทรออก...รอสายอย่างร้อนใจ
เคี่ยมยืนอยู่หน้าบ้าน มือถือยังอยู่ในมือ ดังต่อเนื่อง เคี่ยมมองหน้าจอมือถือด้วยความหนักใจ เจ่งเดินเข้ามา มองสงสัย
“ทำไมนายไม่รับสายล่ะ ตั้งแต่กลางวันแล้ว...เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เคี่ยมเหลือบมองเจ่งส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องงานน่ะ ฉันยังจัดการไม่เสร็จ เลยไม่อยากคุยตอนนี้...”เคี่ยมกดปิดมือถือ “เจ่งไปนอนได้แล้วไป”
เจ่งยังสงสัย แต่เดินไป เคี่ยมหน้าเครียด หนักใจ
ระรินรอสายอยู่ แล้วสัญญาณหายไป ระรินแปลกใจ
“ทำไมสัญญาณหายไป”ระรินกดใหม่ รอสาย “ติดต่อไม่ได้แล้ว... มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ระรินครุ่นคิดไป สงสัยและเป็นห่วงนาวิศ
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่แท่นหลับสนิท นอนขวางอยู่ข้างเตียงนาวิศ นาวิศก้าวข้ามออกไป เปิดประตูออกมา แล้วเจอกับเดื่อ นาวิศผงะ
“จะไปไหน”เดื่อถามเสียงเข้ม
“ไปอาบน้ำ”
เดื่อมองไม่ค่อยเชื่อ
“จริงอ้ะ...แน่ใจนะว่าไม่ได้จะหนี”
“ไม่เชื่อจะไปอาบให้ฉันก็ได้นะ...แขนเจ็บอยู่ อยากได้คนช่วยพอดี”
ทันใด แท่นวิ่งเลิกลั่กออกมาดึงนาวิศ
“เฮ้ย...คิดจะหนีเหรอวะ พี่สหัสสั่งไว้ เอ็งหนี ให้สั่งสอนได้”
แท่นเงื้อหมัดจะต่อยนาวิศ แต่เดื่อเข้ามาบล็อกแขนไว้
“โด่เอ๊ยไอ้แท่น ท้าต่อยท้าตีกับคนแขนหัก มาฉะกับคนมือดีเท้าดีอย่างข้านี่”
“อยากเจ็บตัวใช่ไหม ไอ้เฒ่าทารก...เอาซี่”
แท่นเต้นฟุตเวิร์คโชว์สเต็ป เดื่อเบ้ปากหมั่นไส้ แท่นเหลือบมองข่มนาวิศ หวังให้นาวิศหวั่นกลัวฝีมือตน ระหว่างนั้นเดื่อก้มหยิบท่อนไม้บนพื้นมาฟาดใส่ขาแท่นจนเสียหลักล้มหัวกระแทก แท่นกุมหัวและขา
“โอย...ขี้โกงนี่หว่า ใช้เครื่องทุ่นแรง”
“นี่เวทีสวนมะพร้าวโว้ย ไม่ใช่เวทีมวย ไม่มีกติกา”เดื่อยิ้ม หันมาที่นาวิศ “ฉันชื่อเดื่อ เป็นคนของคุณหนัน คุณหนันให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนแก”
เดื่อฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรให้นาวิศ นาวิศยิ้มตอบ รู้สึกถูกชะตากับเดื่อ
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันหิ้วถุงพลาสติกใสถุงใหญ่ บรรจุถุงบุหงารำไป ออกมาจากในบ้าน ป้าแดง หญิงวัยกลางคน เจ้าของร้านที่ปาหนันทำของส่ง ยืนรออยู่รถกระบะ ปาหนันยกถุงบุหงารำไปขึ้นกระบะท้าย
“ขอบใจนะจ๊ะป้าแดง มารับของถึงบ้านหนันเลย สองวันนี้หนันยุ่งๆ เลยไม่ได้เอาไปส่งที่ร้าน”
“ไม่เป็นไร ป้าไม่ลำบากหรอก”ป้าแดงหยิบเงินออกมาให้ปาหนันห้าร้อยบาท “นี่จ้ะ”
ปาหนันไหว้แล้วรับเงิน
“ขอบใจจ้ะ”
เจ่งหิ้วถุงมะพร้าวเผาออกมาให้
“เอ้า...เข้าสวนมะพร้าวทั้งที...เอามะพร้าวน้ำหอมกลับไปกินด้วย”
ป้าแดงยิ้มแย้ม
“ขอบใจมากพี่เจ่ง”ป้าแดงรับถุงมะพร้าวขึ้นกระบะหลังรถแล้วหันไปบอกปาหนัน “ป้าไปนะ”
ปาหนันยิ้มให้ ป้าแดงขึ้นรถ ขับออกไป ปาหนันหันมาที่เจ่ง
“เรียบร้อยแล้วยายเจ่ง ไปจัดปิ่นโตกันเถอะ”
ปาหนันกลับเข้าบ้าน ท่าทางร่าเริงมีความสุข เจ่งมองตาม ถอนใจ ส่ายหน้าเอือมๆ ไม่นานนัก ปาหนันหอบเสื้อผ้าผู้ชายมาหลายตัว ส่วนเจ่งถือปิ่นโต ทั้งสองกำลังเดินไปบ้านสวน
“ให้อยู่บ้านกลางสวนมะพร้าว หาเสื้อผ้าให้ แถมยังต้องเอาปิ่นโตมาส่งอีก มันเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ คุณหนันทำไมต้องดีกับมันขนาดนี้ด้วย”
“เขามาแต่ตัวนะจ๊ะยายเจ่ง จำอะไรก็ไม่ได้ น่าสงสารออก...เราต้องดีกับเขาให้มากๆนะจ๊ะ”
“ดีกับมันมากๆกลัวมันจะลามเป็นขี้กลากซิคะ หน้าตาท่าทางซกมก เหมือนคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า”
ทั้งสองมองไปด้านหน้าแล้วต้องตกใจ ชะงักอึ้ง เมื่อเห็นนาวิศนุ่งผ้าขาวม้าพันท่อนล่าง กำลังจะอาบน้ำโอ่งอยู่หลังบ้าน ท่าทางเก้ๆกังๆ เพราะแขนยังเข้าเฝือกอยู่ ปาหนันอ้าปากค้าง ยายเจ่งนึกได้ รีบเอามือปิดตาปาหนันไว้
“อย่ามองสิคุณหนัน เดี๋ยวได้เป็นตากุ้งยิงหรอก”เจ่งอดมองไปที่นาวิศไม่ได้ ชื่นชมนาวิศขึ้นมา “หน้าตาผิวพรรณขาวสะอาด แลดูเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล”
ปาหนันยกมือขึ้นมาปิดตาเจ่งบ้าง
“เมื่อกี๊ไม่เห็นพูดแบบนี้เลยนะยายเจ่ง”
เจ่งหันมองปาหนัน ค้อนๆยิ้มๆ
+ + + + + + + + + + + +

เมื่อเข้ามาในบ้าน ปาหนันกับเจ่งเอาปิ่นโตออกจากเถา ช่วยกันเตรียมสำรับ นาวิศเดินออกมาจากในห้อง ใส่ชุดของเคี่ยมที่ปาหนันเอามา ให้หน้าตาของเขาสะอาดสะอ้านผิดกับเมื่อวาน
“เสื้อผ้าของพ่อเคี่ยม พอใส่ได้ไหมจ๊ะ”
นาวิศพยักหน้า ยิ้มให้
“ล้างเนื้อล้างตัวแล้วดูดีขึ้นเยอะนะ ผิวขาวสะอาด ดูเหมือนคนกรุงเทพ”เจ่งชื่นชม
นาวิศยิ้มให้เจ่ง
“คนเหนือก็ขาวนะครับ ผมอาจเป็นคนเชียงใหม่ก็ได้”
ปาหนันมองอย่างเห็นใจ
“ความจำไม่ฟื้นกลับมาซักนิดเลยหรอจ๊ะ”
นาวิศส่ายหน้าอย่างผิดหวัง
“ผมนึกอะไรไม่ออกเลยครับ”
ปาหนันเห็นนาวิศเศร้าก็สงสาร
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ จำไม่ได้ก็ค่อยๆนึกไป บ้านนี้อยู่นานเท่าไหร่ก็ได้”
นาวิศมองปาหนันอย่างชั่งใจ อยากรู้ว่าปาหนันรู้เห็นกับพวกเคี่ยมแค่ไหน
“คุณพาผมไปจุดที่คุณเจอผมได้มั้ยครับ เผื่อผมจะจำอะไรได้บ้าง”
“ได้สิจ๊ะ แต่ว่ามากินข้าวก่อนเถอะ อิ่มแล้วหนันจะพาไป”
ปาหนันยิ้มใสซื่อ ก้มหน้าก้มตาเตรียมจาน ช้อน นาวิศแอบมองสังเกตท่าทีของปาหนัน
ทางด้านแท่น เดินกุมหัวมาตามทางเดินในสวน บ่นไปด้วย
“โอย ยังมึนอยู่เลย...ไอ้เดื่อนะไอ้เดื่อ ไอ้เฒ่าทารก มาลอบกัดกันได้”
แท่นมาที่ลำธาร เอาน้ำมาลูบคอ ทันใด แท่นหันไปเห็นกระเป๋าตังค์นาวิศ
“เฮ้ย! ลาภลอย”
แท่นหยิบกระเป๋าตังค์มาเปิดดู เห็นบัตรประชาชนของนาวิศ แท่นหน้าตื่น
“กระเป๋าไอ้นาวิศ!”
แท่นรีบมาที่บ้านสหัส เอากระเป๋าตังค์ของนาวิศส่งให้ สหัสเปิดดูหน้าเครียด
“เอ็งเจอกระเป๋านี่ที่ไหน”
“ในคูน้ำ...ไอ้ตรงที่เราจะฆ่านาวิศคืนก่อนนั่นน่ะ”
“ไอ้นาวิศ...”สหัสรำพึงอย่างสงสัยว่านาวิศความจำเสื่อมจริงหรือเปล่า
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนัน เจ่ง และเดื่อ พานาวิศมาที่แปลงดอกไม้ท้ายสวนมะพร้าว ปาหนันชี้จุดที่นาวิศนอนสลบอยู่ซึ่งมีกิ่งต้นมะลิหักอยู่
“ตรงนี้แหละจ้ะ ที่หนันเห็นคุณนอนสลบอยู่ ทีแรกนึกว่าเป็นศพ ตกใจหมด”
“แถวนี้เปลี่ยวนะครับ คุณเดินเข้ามาทำอะไรเหรอ”นาวิศหลอกถาม
“มาแปลงดอกไม้ ก็มาเก็บดอกไม้สิจ๊ะ...นี่แปลงมะลิของหนัน ปลูกเองกับมือเลยนะ”
“ยายว่า เจ้าหนุ่มนี่คงจะเดินมาจากป่าหลังสวนมะพร้าวนะคะ เพราะถ้าเข้ามาด้านหน้าก็ต้องมีคนเห็นแล้ว”เจ่งออกความเห็น
“โอย ยายเจ่ง ป่าข้างหลังทั้งรกชัฏ งูเงี้ยวเขี้ยวขอก็ชุม คนหาของป่ายังไม่กล้าเดินเลย”เดื่อแย้ง
“สวนมะพร้าวเข้าได้แค่สองทาง ไม่ทางป่า ก็จากถนนด้านหน้า แต่ถ้าไม่ใช่ทั้งสองทาง ก็ต้องเหาะลงมาจากฟ้าล่ะวะ”
ปาหนันมองไปที่หน้าผาสูงชันนึกตามความเห็นเจ่ง
“ใช่แล้ว...เค้าต้องเหาะลงมา”
“คนนะครับคุณหนัน ไม่ใช่ซุปเปอร์แมน”เดื่อประชด
ปาหนันร้อนใจไม่ทันสนใจฟังเดื่อ หันบอกนาวิศ
“ไม่ได้การแล้ว ไปกับหนันเดี๋ยวนี้เลย!”
ปาหนันจะดึงนาวิศไป นาวิศยังระแวงยื้อตัวไว้
“ไปไหนครับ”
ปาหนันไม่ตอบ แต่ลากตัวนาวิศไปทันที
(อ่านต่อหน้าที่ 2)










ตอนที่ 2 (ต่อ)
ปาหนันพานาวิศมาแจ้งความที่โรงพัก ตำรวจจดคำให้การลงในบันทึกประจำวัน
“ท้ายสวนมะพร้าวมีหน้าผา ผู้ชายคนนี้ต้องตกมาจากหน้าผาแน่ๆเลย สี่ห้าวันมานี่ ฝนลงหนัก ดินเลยนุ่ม เขาตกลงมาบนดินก็เลยไม่ตาย”ปาหนันให้การ
“บนหน้าผาก็มีป้ายเตือนนะครับ คุณหนัน แล้วก็ไม่เคยมีใครตกลงมาเลย”ตำรวจแย้ง
“เพราะอย่างนี้ หนันถึงรีบพาเค้ามาแจ้งความไงจ๊ะ หนันว่าเค้าต้องถูกจับโยนลงมา”ปาหนันหันไปหานาวิศ “พยายามนึกซิจ๊ะ คนร้ายสูง ต่ำ ดำ ขาวยังไง หรือว่าจำเสียงได้ก็ยังดี”
นาวิศอึกอัก
“ผม...ผมจำอะไรไม่ได้ครับ”
“งั้นลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน ผมจะให้ลูกน้องไปตรวจดูที่เกิดเหตุ แล้วถ้ามีอะไรคืบหน้า ผมจะแจ้งไปทางคุณหนันแล้วกันนะครับ”
ปาหนันพยักหน้ารับ ตำรวจหันแฟ้มมาที่ตรงหน้านาวิศ
“เจ้าทุกข์เซ็นรับรองคำให้การด้วยครับ”
นาวิศรับปากกามาไว้ในมือ กำลังจะเผลอเซ็น ปาหนันมอง ยังไม่เอะใจ...นาวิศกำลังจะเซ็น แล้วนึกได้ รีบชะงักมือไว้ ปาหนันแปลกใจ
“ทำไมล่ะ เซ็นสิจ๊ะ”
“ผมจำชื่อตัวเองไม่ได้ครับ จะเซ็นว่ายังไงดี”
“เออ จริงด้วย หนันก็ลืมไป...”ปาหนันรับปากกาไปจากนาวิศ “หนันเซ็นแทนแล้วกัน”
ปาหนันเซ็นชื่อลงในบันทึกของตำรวจ นาวิศมองปาหนัน แน่ใจว่าปาหนันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนฆ่าเค้า นาวิศครุ่นคิดในใจ
‘…ปาหนันคงไม่รู้เห็นกับนายเคี่ยมและสหัส...แปลก ทั้งที่เธอเป็นลูกสาวของนายเคี่ยมแท้ๆ...ต้องรู้ให้ได้ ว่านายเคี่ยมจะฆ่าเราทำไม...’
+ + + + + + + + + + + + +

เดื่อขับรถเข้ามาจอดที่จุดนัดพบ แล้วเดินมารอหลังรถ ตรวจทานของที่กระบะหลังรถดูเห็นว่ามี ผ้าโปร่ง โบว์ ด้าย สำหรับงานทำบุหงารำไปของปาหนัน เดื่อเช็คของดู เห็นว่าครบ แล้วจึงหยิบซองจดหมายจากในถุงกระดาษอีกถุงออกมาดู ยิ้มชื่นชม ขณะเดียวกันนั้น ปาหนันเดินออกมาจากโรงพักพอดี เดื่อรีบซ่อนซองจดหมายไว้ด้านหลัง
“เดื่อซื้อของให้คุณหนันเรียบร้อยแล้วนะ”
ปาหนันเดินเข้ามาใกล้
“ดีมาก...แต่ว่า...นี่อะไร…”
ปาหนันรีบแย่งซองจดหมายที่เดื่อซ่อนไว้ข้างหลังทันที เดื่อตกใจ โดนปาหนันแย่งซองจดหมายไปได้
“เอ๊ย คุณหนัน!”
“อ๋อ...จดหมายน้อยคอยรัก ที่เดื่อจะเขียนหาทับทิม...”ปาหนันแกล้งล้อ “เดื่อรักทับทิมนะจุ๊บๆ”
เดื่อเหลือบเห็นนาวิศกำลังเดินตามมา กลัวนาวิศได้ยิน
“เบาๆสิคุณหนัน เดี๋ยวคนอื่นรู้ความลับเดื่อหมด”
ปาหนันยิ้มขำ นาวิศค่อยเดินเข้ามาสมทบกับพวกปาหนัน
“ผมขอบคุณคุณปาหนันมากนะครับ ที่ช่วยเหลือผมทุกอย่าง”
“ไม่มีปัญหาจ้ะ”
“ผมอยากขอบคุณนายเคี่ยมด้วย คุณปาหนันพอจะพาผมไปพบนายเคี่ยมได้ไหมครับ”
“ไม่มีปัญหา เราไปหาพ่อที่ท่าเรือกัน...ไปเดื่อ”
ปาหนันกับเดื่อขึ้นรถ นาวิศตั้งใจที่จะสืบให้ได้ว่าเคี่ยมกับพวก จะฆ่าเขาทำไม
+ + + + + + + + + + + +

ที่ท่าเรือคนงานชายหญิงแล่ปลากันอยู่ ทับทิมนั่งอยู่กับพวกคนงานหญิงกลุ่มหนึ่ง กำลังแล่ปลาพลางคุยกันไป
“ไอ้แท่นบอกว่าพ่อหนุ่มที่หลงมาน่ะ มันกลายเป็นคนสมองเสื่อม จำอะไรไม่ได้ คุณหนันก็เลยรับเลี้ยงมันไว้...ฉันว่าคุณหนันน่ะ ใจดีเกินไป เป็นฉันไม่มานั่งเลี้ยงไว้หรอก”
คนงานหญิงคนหนึ่งมองไปด้านหน้า แล้วสะกิดทับทิม
“เฮ้ยทับทิมพระเอกหนังที่ไหนมาไม่รู้วุ้ย หล๊อ...หล่อ”
ปาหนันพานาวิศมาท่าเรือ เดื่อเดินตามมาด้วย คนงานสาวจ้องนาวิศตาไม่กะพริบต่างสะกิดกัน ชี้ชวนดูหนุ่มหล่อ
“สงสัยพ่อสมองเสื่อมที่คุณหนันรับเลี้ยงไว้น่ะแหละ”
ทับทิมมองนาวิศอย่างชื่นชอบ ทิ้งมีด วิ่งไปหาปาหนัน
“คุณหนัน...คุณหนันมากับใครคะ ใช่คนที่มีเรื่องเมื่อคืนก่อนหรือเปล่า ดีนะไม่ถูกยิงตายซะก่อน เสียดายแย่”ทับทิมหันไปหานาวิศ “เพิ่งออกจากโรงหมอเหรอจ๊ะ...แหม หุ่นสะโอดสะองจังนะ”
เดื่อหึงทับทิม
“สะโอดสะองตรงไหน...ผอมเป็นขี้ก้าง ล่ำสู้เดื่อก็ไม่ได้”
ทับทิมถลึงตาใส่เดื่อ
“ใครคุยกับแกไอ้เดื่อ”
ปาหนันรีบตัดบท
“พ่อเคี่ยมล่ะจ๊ะ ทับทิม”
“เข้าโรงกะทิค่ะ”
“อย่างนี้สงสัยอีกนาน กว่าจะกลับมา...คุณกลับไปพักที่บ้านสวนของหนันก่อนดีกว่า แล้วตอนเย็นค่อยไปหาพ่อหนันที่บ้าน”
ปาหนันเดินนำไป นาวิศมองไปที่ออฟฟิศ อยากไปค้นดู
“เดี๋ยวก่อนครับ”
ปาหนันชะงักหันมาที่นาวิศ
“ผมอยากรอพบพ่อคุณหนัน...ขอไปนั่งรอในนั้นได้มั้ยครับ”
“ในห้องทำงานของพ่อน่ะเหรอ...อืม...ก็ได้นะ มาสิ”
ปาหนันเดินนำนาวิศไปที่ออฟฟิศ นาวิศมองออฟฟิศเคี่ยมอย่างหมายมาด รีบตามไป ทับทิมมองตามนาวิศตาเยิ้ม เดื่อมองค้อนๆ ทับทิมหันมาเห็น สะบัดหน้าไม่สนเดินกลับไป
ทับทิมเดินกลับมาแล่ปลา เดื่อตามมา คว้ามีดมาช่วยทับทิมแล่ปลา เดื่อแล่ปลาไปก็ตัดพ้อทับทิมไปเพราะความหึง
“ผู้หญิงอะไร้ บ้าดารา บ้าคนหล่อ”
“แล้วจะให้ฉันบ้าคนหน้าเห่ยๆ อย่างแกหรอไอ้เดื่อ”ทับทิมตงาดแว๊ด
“ถึงไม่หล่อ แต่เดื่อก็เร้าใจนะจะบอกให้”
“เร้าใจหรือสะเทือนใจ รู้ตัวรึเปล่า ตอนแกโผล่หน้าออกมาจากท้องแม่...แม่แกปล่อยโฮๆๆ ในห้องคลอดเลยล่ะ ไม่ใช่ดีใจนะ แต่...”ทับทิมทำเป็นร้องไห้ “ฮือๆ...ลูกชายฉันทำไมมันขี้เหร่อย่างนี้”
คนงานหัวเราะกันครืน เดื่อมองทับทิมอย่างน้อยใจ
“แดกดันกันเข้าไป เดื่อน้อยใจนะทับทิม”
ทับทิมชะงัก
“แกมาน้อยใจอะไรฉันเนี่ย”
คนงานหญิงที่นั่งทำปลา อยู่ใกล้ๆทับทิมหันไปมองหน้าเดื่อแล้วถาม
“เอ็งน้อยใจ...เอ็งชอบทับทิมเหรอวะ”คนงานหญิง หันไปหาพรรคพวก “เฮ้ยพวกเรา ไอ้เดื่อชอบทับทิมเว้ย”
พวกคนงานแซวกันยกใหญ่
“ฉันเห็นทับทิมร้องไห้ขี้มูกไหลยืดๆตั้งแต่เด็ก นึกทีไร หยะแหยงทุกที ชอบไม่ลงหรอก”เดื่อทำไก๋
ทับทิมค้อน แฉกลับ
“ฉันก็เห็นแกแก้ผ้าโดดน้ำ ก้นงี้ดำปี๊ด ติดตาความอุจาดมาถึงทุกวันนี้เหมือนกัน”
เดื่อไม่ยอมเชิดหน้าใส่
“ก้นเดื่อขาวแล้ว...แต่ทับทิมไม่มีทางได้ดูหรอก”
เดื่อลุกขึ้นไม่พอใจ ทับทิมแลบลิ้นให้ เดื่อเดินออกไปอีกทาง
+ + + + + + + + + + + +

ในห้องทำงานของเคี่ยม...ปาหนันกดรีโมทเปิดแอร์ ก้มหน้าก้มตาปรับนั่นปรับนี่อยู่ที่ปุ่มบนรีโมท นาวิศอาศัยจังหวะที่ปาหนันเผลอ มองสำรวจ ไปรอบๆมองไปที่โต๊ะตัวนั้นตัวนี้ในห้อง ปาหนันกดรีโมทปรับแอร์เสร็จ เหลือบมองไปด้านนอก เห็นทับทิมกวักมือเรียกไหวๆอยู่ ปาหนันหันไปบอกนาวิศ
“นั่งตากแอร์เย็นๆ ไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวหนันมา”
นาวิศแสร้งทำว่าไม่สนใจอะไร ยิ้มรับคำ ปาหนันยิ้มให้แล้วเดินออกไปหาทับทิม
ทับทิมคว้าแขนปาหนันมากอด
“อย่าดับความหวังทับทิมนะคะคุณหนัน...คุณหนันไม่ได้ช่วยพ่อหนุ่มนี่เพราะคุณหนันชอบเขาใช่ไหมคะ”
ปาหนันเขินๆ
“ชอบเชิบอะไรกัน หนันช่วยเพราะเขาลำบากมาต่างหาก”
“งั้นทับทิมก็มีหวังใช่ไหมคะ”
“ทับทิมเนี่ย เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้เลย ไป...กลับไปแล่ปลา”
ปาหนันดึงแขนทับทิมกลับไปบริเวณแล่ปลา
นาวิศกำลังมองอยู่ เห็นปาหนันเดินไปกับทับทิม นาวิศก็รีบลุกไปดูที่โต๊ะทำงานหยิบนามบัตรจากกล่องบนโต๊ะทำงานมาดู
“นามบัตรอาธานี นี่โต๊ะคุณอา”นาวิศเดินไปอีกโต๊ะ เห็นกรอบรูปปาหนันบนโต๊ะ “โต๊ะนายเคี่ยม...”
นาวิศหันมองซ้ายขวา เห็นว่าปลอดคน ก็ลงมือค้นแฟ้มบนโต๊ะทำงานเคี่ยม แล้วอ่านแฟ้มบนโต๊ะทำงานเคี่ยม
“มีแต่เอกสารทั่วไป...”
นาวิศจะเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน ปรากฏว่าล็อค นาวิศหากุญแจจนเจอพวงกุญแจในกล่อง รีบไขเปิดลิ้นชักโต๊ะเคี่ยม แต่มีเสียงคุยกันจากด้านนอก นาวิศมองออกไปเห็นพวกเคี่ยมกำลังเดินมาเขารีบลนลาน เก็บของเข้าที่
เคี่ยม สหัส แท่น เปิดประตูเข้าออฟฟิศมา แล้วต้องมองแปลกใจเมื่อพบว่า นาวิศกำลังยืนยิ้มต้อนรับอยู่
“สวัสดีครับ”
“เข้ามาทำอะไรที่นี่...” สหัสมองรอบๆ“แอบค้นอะไร”
นาวิศทำหน้าไม่รู้เรื่อง
“ค้นอะไร...ทำไมผมต้องค้นอะไรที่นี่ด้วย”นาวิศแกล้งพูด “ที่นี่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังเหรอครับ”
สหัสชะงัก มองนาวิศอย่างเจ็บใจ หมั่นไส้ เคี่ยมมองนาวิศอย่างจับผิด นาวิศหันมาเห็นหน้าเคี่ยม จึงรีบเบี่ยงประเด็น
“จริงสิ คุณหนันรอพบคุณอยู่ ผมจะไปตามคุณหนันนะครับ”
นาวิศออกไป ทุกคนมองตามอย่างจับผิด
“ตกลงไอ้หมอนี่มันสมองเสื่อมจริง หรือว่ามันหลอกเราอยู่กันแน่...จะหาทางพิสูจน์ได้ยังไง”แท่นถามอย่างสงสัย
สหัสครุ่นคิด แล้วนึกขึ้นมาได้
“ไอ้แท่น เอ็งเอากระเป๋าตังค์นาวิศที่เก็บได้มาให้ข้า”
“แกจะทำอะไร สหัส”เคี่ยมถามอย่างไม่เข้าใจ
สหัสยิ้มๆ
“เรื่องพิสูจน์ความทรงจำของนาวิศ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเองครับ ผมมีวิธีจัดการทำให้มันสารภาพ ว่าหลอกเราอยู่หรือเปล่า”
เคี่ยมมองสหัสอย่างสงสัย สหัสมั่นใจกับแผนการของตน
+ + + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้นสหัสมาหานาวิศที่บ้านสวน เขาโยนกระเป๋าตังค์ลงมาบนโต๊ะตรงหน้านาวิศที่นั่งอยู่ นาวิศมองกระเป๋าตังค์แล้วเงยหน้ามองสหัสเป็นเชิงถาม
“กระเป๋าตังค์ของแกไง”สหัสบอกเรียบนิ่ง
นาวิศรู้แก่ใจอยู่แล้ว แต่ทำหน้าแปลกใจ ไม่รู้สหัสมาไม้ไหน
“กระเป๋าตังค์ของฉัน”
“ใช่ มันตกอยู่ในคูน้ำ...ไม่รู้มันตกลงไปเอง หรือแกตั้งใจทิ้งลงไป...จะไม่ลองเปิดดูหน่อยเหรอ เผื่อจะรื้อฟื้นความจำขึ้นมาได้บ้าง”
นาวิศหน้าเสีย ถ้าเราจำได้ก็โดนฆ่าแน่...สหัสจ้องนาวิศไม่วางตา นาวิศหวั่นใจแต่ก็จำใจ หยิบกระเป๋ามา... ค่อยๆเปิดดู ปรากฏว่าไม่มีอะไรเลย เป็นกระเป๋าเปล่า นาวิศแปลกใจ
“ไม่เห็นมีอะไรนี่... คุณรู้ได้ไงว่าเป็นกระเป๋าของผม”
“รู้สิ”
สหัสชูบัตรเอทีเอ็มให้ดู
“แล้วนี่ก็ของคุณ”
นาวิศมองบัตรเอทีเอ็มนิ่ง
“บัตรเอทีเอ็มนี่...ฉันเอาออกมาจากกระเป๋าแก”
“ฉันไม่เข้าใจ นายจะทำอะไร”
สหัสหยิบปืนออกมา
“แกต้องไปกับฉัน”
นาวิศเห็นปืนในมือสหัสก็ขัดไม่ได้ จำต้องลุกตามสหัสไป ขณะเดียวกัน เดื่อหลบดูอยู่หลังบ้าน เห็นท่าทางสหัสไม่น่าไว้ใจก็รีบเผ่นไปฟ้องปาหนัน
ปาหนันกำลังเย็บถุงบุหงารำไป รู้เรื่องจากเดื่อก็ร้อนใจมาก วางถุงผ้าโปร่งกับเข็มเย็บผ้าในมือ
“สหัสจะทำอะไรกันแน่”
“ไม่รู้สิครับคุณหนัน แต่เห็นพี่สหัสเอาปืนมาด้วย เดื่อกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรง เลยรีบแจ้นมาบอกคุณหนันเนี่ยแหละ”
“ไม่ได้การแล้วเดื่อเอารถออก หนันจะตามหาสหัส”
เดื่อกับปาหนันจะลุกไป ทันใดเสียงเคี่ยมก็ดังเข้ามา
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!”
ปาหนันกับเดื่อชะงัก หันมา พบว่าเคี่ยมเดินหน้าดุเข้ามา
“เดี๋ยวสหัสก็พาเขากลับมา ลูกหนันไม่ต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ไปหรอก”
“สหัสถึงกับเอาปืนมาขู่เลยนะจ๊ะพ่อ จะไม่ให้หนันทำเป็นเรื่องใหญ่ได้ยังไง” ปาหนันหันไปสั่งเดื่อ “ไปเอารถเร็วเดื่อ”
“ไม่ต้อง ไอ้เดื่อ”เคี่ยมสั่งเสียงแข็ง
เดื่อจะไป เลยต้องชะงัก
“พ่อบอกแล้วไงให้ลูกหนันอยู่เฉยๆ กลับขึ้นห้องเดี๋ยวนี้”
“แต่สหัสอาจจะทำร้ายเขาก็ได้นะจ๊ะ ถ้าพ่อไม่ให้เดื่อไปเอารถ หนันจะไปหาทับทิม ให้ทับทิมขี่มอเตอร์ไซต์ไปให้”ปาหนันจะเดินไป
เคี่ยมดุเอาจริง
“พ่อตามใจลูกหนันมากแล้วนะ เลิกรั้นกับพ่อเสียที กลับห้องเดี๋ยวนี้”
ปาหนันเห็นพ่อดุจริงก็หน้าเสีย ไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
+ + + + + + + + + + + +

นาวิศกับสหัสอยู่หน้าตู้เอทีเอ็ม สหัสสอดบัตรเข้าไปแล้วกระซิบดุ
“กดรหัส!”
นาวิศนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก สหัสสำทับ
“กดเงินออกมาเร็ว!”
นาวิศเหลือบมองสหัส หลังนาวิศโดนปืนจ่ออยู่ สหัสมองซ้ายมองขวากลัวคนมาเห็น พบว่าปลอดคนก็หันมาสำทับนาวิศอีก
“ไม่ได้ยินที่สั่งหรือไง...กดเงินออกมาเร็ว...ฉันรู้ว่าแกแกล้งความจำเสื่อม แกหลอกฉันไม่ได้หรอก”
นาวิศตกใจ
“ฉันจะช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับ...แลกกับเงิน กดเงินออกมาให้หมด แล้วฉันจะปล่อยแกไป”
“แต่ฉัน...ฉันไม่รู้รหัสบัตรนี่...”
สหัสจ่อปืนจิ้มหลังนาวิศอย่างแรงจนนาวิศสะดุ้งเฮือก
“บัตรของแก แกต้องรู้ กดเดี๋ยวนี้ กด”
นาวิศลังเล คุร่นคิดตัดสินใจ...แกล้งความจำเสื่อมต่อ
“ถึงนายยิงฉันให้ตาย ฉันก็กดเงินให้นายไม่ได้ เพราะฉันไม่รู้รหัสจริงๆ”
สหัสขึ้นนก นาวิศได้ยินเสียงก็ตกใจตาเหลือก
“ไม่เชื่อเหรอว่าชีวิตแกอยู่ในมือฉัน ฉันจะฆ่าแก หรือจะปล่อยแกไปก็ได้...จะกดเงินออกมาได้หรือยัง”
นาวิศคิดหนักตัดสินใจเล่นละครต่อ
“สหัส...ฉันความจำเสื่อม หมอก็บอกแล้วว่าสมองฉันกระเทือน รอให้ความจำผมกลับมา...”
ยังไม่ทันพูดจบ สหัสดึงตัวนาวิศหันกลับมา ปืนจ่อที่ท้องนาวิศ
“ฉันไม่รออะไรทั้งนั้น แกกดเงินออกมาไม่ได้ งั้นก็ตายตรงนี้!”
สหัสจ้องตากับนาวิศ...เสียงเตือนที่ตู้เอทีเอ็มดังปี๊ดๆๆ เพราะบัตรเด้งออกมา แต่ยังคาอยู่ที่ตู้ กดดันทั้งนาวิศและสหัส...นาวิศใจเต้น รอลุ้นกับสิ่งที่จะเกิด...แต่แล้วสหัสก็ปลดนกที่ขึ้นไว้ ลดปืนลง แล้วเอื้อมหยิบบัตรเอทีเอ็มออกจากตู้
“เรากลับกันได้แล้ว”
สหัสเก็บบัตร หันหลัง เดินนำไปก่อน นาวิศมองตามหลังสหัสไป ต้องถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
+ + + + + + + + + + + +

สหัสกลับมารายงานเคี่ยม...
“คนจะตายไม่น่าจะมัวหวงเงินทอง...ที่นาวิศไม่ยอมกดเงินออกมา คงเป็นเพราะมันไม่รู้รหัสจริงๆ สงสัยมันจะความจำเสื่อมจริงครับนาย”
“เป็นความโชคร้ายบนความโชคดีแท้ๆ ความจำเสื่อมช่วยให้นาวิศรอดตาย”
“งั้นผมก็ไม่ต้องเฝ้ามันที่บ้านสวนแล้วสิครับนาย ยังไงมันก็ไม่หนีแน่แล้วใช่ไหมครับ”แท่นถามอย่างดีใจ
เคี่ยมพยักหน้า
“แกไม่ต้องไปเฝ้านาวิศที่บ้านแล้ว แต่เราต้องช่วยกันจับตาดูให้ดี ถ้าความทรงจำเขากลับมา...เราต้องรู้ทันที”
ทางด้านปาหนันเดินอยู่ในห้อง ท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านใจ เป็นห่วงนาวิศ
“ไม่รู้ป่านนี้สหัสทำอะไรเขาบ้าง...หนันไม่น่าปล่อยเขาไว้คนเดียวเลย”
เจ่งที่นั่งอยู่ด้วย มองปาหนันอย่างระอา
“สหัสกลับมาแล้ว คุยกับนายอยู่ข้างล่าง ป่านนี้เจ้าหมอนั่นกลับบ้านนอนสบายใจไปแล้ว คุณหนันไม่ต้องห่วงมันให้มากนักหรอกค่ะ”
“แล้วหนันจะรู้ได้ไงว่าสหัสไม่ได้ทำอะไรเขา...หนันไม่ห่วงไม่ได้หรอก”
“แล้วยังไงคะ หรือคุณหนันต้องไปนอนเฝ้ามันแทนไอ้แท่นกะไอ้เดื่อ”
“ยายเจ่ง...”ปาหนันตัดพ้องอนๆ
เจ่งถอนใจ
“นายเคี่ยมบอกแล้วไงคะ ว่าสหัสไม่ทำอะไรเขา...คุณหนันอย่าห่วงให้มากเลยค่ะ...เฮ้อ...ยายง่วงแล้ว ไปนอนล่ะ แล้วก็ไม่ต้องคิดจะออกไปไหนนะคะ เพราะเดี๋ยวยายขัดกลอนข้างนอกไว้ พรุ่งนี้เช้าจะมาเปิดให้”
“ไม่ได้นะยายเจ่ง... ถ้าหนันจะเข้าห้องน้ำล่ะ”
“ใส่กระโถนไปก่อนค่ะ”
เจ่งออกไป ปาหนันมองขัดใจ ก่อนหันไปมองหน้าต่าง...แล้วได้ความคิด หันมามองผ้าปูเตียง แล้วลุกขึ้นกระชากผ้าปูเตียงออกมา ปาหนันผูกผ้าปูเตียงเข้ากับหน้าต่าง แล้วปีนออกไป
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันแอบหนีมาที่บ้านในสวนมะพร้าว เธอมาเคาะประตูอย่างร้อนใจ ทันใดนั้นมีมือมาจับไหล่ ปาหนันตกใจ หันไปมอง ปรากฏว่าเป็นเดื่อ ที่ทาหน้าขาววอก ปาหนันตกใจกรี๊ดลั่น เดื่อพาลบ้าจี้กรี๊ดตาม นาวิศเปิดประตูออกมามองแปลกใจ
“คุณหนัน...เกิดอะไรขึ้นครับ”
“เดื่อน่ะสิ อยู่ๆก็ทาหน้าขาววอกโผล่มา หนันตกใจหมด”
“ก็เดื่ออาบน้ำอยู่หลังบ้าน...เห็นแต่แสงไฟฉายใกล้เข้ามา เดื่อก็ไม่กล้าเสียงดังน่ะสิ”
“แล้วคุณหนันมาทำอะไรมืดๆค่ำๆอย่างนี้ครับ”นาวิศถามอย่างแปลกใจ
“หนันอยากรู้เรื่องคุณน่ะสิ...คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ตกลงสหัสพาคุณไปไหน แล้วเขาทำอะไรคุณรึเปล่า”
“โหย คุณหนัน มาถึงก็ถามยกใหญ่ หายใจบ้างก็ได้นะครับ”เดื่อแซว
ปาหนันหันมองเดื่อค้อนๆ
นาวิศเดินนำปาหนันกับเดื่อเข้ามาในบ้าน พลางบอกปาหนัน
“ไม่มีอะไรหรอกครับ... เขาแค่เรียกผมไปถามอะไรนิดหน่อย”
“ถามนิดหน่อย...แล้วทำไมต้องเอาปืนมาขู่กันขนาดนั้นด้วย”
นาวิศนึกถึงเรื่องที่สหัสทำ หน้าเครียดลง แต่ไม่ได้ตอบอะไรปาหนัน
“สหัสนี่จริงๆเลย อย่าให้ถึงทีของหนันบ้างแล้วกัน จะเอาคืนให้เข็ดเลย...ปล่อยให้หนันเป็นห่วงคุณแทบแย่”
นาวิศชะงักอมยิ้ม
“คุณหนันเป็นห่วงผมเหรอครับ”
ปาหนันเขินรีบกลบเกลื่อน
“ห่วงสิ คุณเป็นคนของหนัน หนันไม่อยากให้ใครมารังแก...คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว หนันต้องรีบกลับแล้วเหมือนกัน แอบหนีออกมา เดี๋ยวใครจับได้”
ปาหนันจะเดินออกไป นาวิศจึงพูดขึ้น
“มืดอย่างนี้คุณหนันจะกลับยังไงล่ะครับ ผมเดินไปเป็นเพื่อนดีกว่า”
ปาหนันยิ้ม ไม่ตอบคำ หันหลังเดินไป นาวิศยิ้มๆแล้วตามออกไป
เดื่อหน้าเหวอ
“อ้าว...ไปกันหมด...แล้วให้เดื่อมาเฝ้าใครล่ะทีนี้...อยู่คนเดียวเลยตู”
นาวิศเดินมาส่ง โดยปาหนันเดินถือไฟฉายส่องทางเดิน
“คุณเดินมาส่งหนัน ขากลับเดินคนเดียว หนันก็ต้องเป็นห่วงอีก...คุณนี่ชอบทำตัวให้หนันห่วงอยู่เรื่อย”
นาวิศยิ้ม
“คุณหนันไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้”
“พูดดีไป คุณน่ะอยู่ในความดูแลของหนันต่างหาก ไม่ได้หนันปกป้องคุ้มครองล่ะก็ โดนสหัสเล่นงานยับไปแล้ว”
ทันใดนั้นอยู่ๆไฟฉายก็ดับ ปาหนันกลัว
“เอ้ย! ทำไมอยู่ๆก็ดับล่ะ...ทำยังไงดี”
ปาหนันเกาะแขนนาวิศแน่น
“ใจเย็นครับคุณหนัน ไม่เป็นไร...”นาวิศมองไปรอบๆ “คืนนี้ไม่ใช่คืนเดือนมืด เราพอคลำทางไปกันได้ครับ ไม่หลงหรอก”
“หนันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น...แต่หนันกลัว...หนันกลัวผี...”
นาวิศยิ้มขำ
“ผีไม่มีในโลกหรอกครับ”
“มีสิ...ในดงกล้วยมีผีตานี ดงมะพร้าวก็มีผีมะพร้าว”
นาวิศหัวเราะ
“ผีมะพร้าวโผล่มาก็ดีครับ จะได้เฉาะเอาเนื้อมะพร้าวมากิน”
“ไม่ขำนะ หนันกลัวจริงๆ ไฟฉายบ้า ดันมาเสียเอาตอนนี้”
“อยู่กับผมไม่ต้องกลัวครับ ไม่ว่าคนหรือผี ผมไม่ให้มาทำร้ายคุณหนัน”นาวิศกุมมือปาหนัน ค่อยๆพาเดินไป “มาเถอะครับ ค่อยๆเดิน...”
นาวิศจูงมือปาหนัน ค่อยๆคลำทางกันไป ปาหนันมองมือที่โดนกุม อดยิ้มอุ่นใจไม่ได้
นาวิศพาปาหนันมาจนถึงบ้าน ปาหนันปีนไต่ผ้าปูที่นอนที่ผูกปมห้อยมาจากหน้าต่างห้องนอนตัวเอง แต่ปีนไม่ไหว ลื่นพรวดลงมา
“โอย...ขาลงไม่เห็นยากยังงี้เลย”
นาวิศมองหาของที่จะให้ปาหนันปีน เขามองไปเห็นปี๊บ 2 ใบวางอยู่ นาวิศรีบหยิบมาวางซ้อนกันให้ปาหนันเหยียบ
“เหยียบปี๊บขึ้นไปครับคุณหนัน”
ปาหนันปีนขึ้นไปบนปี๊บ พอเหยียบปิ๊บก็เกิดเสียงดังขึ้น ปาหนันหน้าตื่น
“พ่อได้ยินแน่เลย”
ขาดคำนาวิศกับปาหนันก็ได้ยินเสียงเคี่ยม
“ลูกหนันเปิดประตูให้พ่อซิลูก เสียงอะไรดังมาจากทางห้องลูก”
ปาหนันกระซิบนาวิศ
“ทำไงดี”
“เหยียบหลังผมขึ้นไปครับ”
“จะดีเหรอ”
“งั้นผมอุ้มคุณหนันขึ้นไป”
“ขอเหยียบหลังดีกว่าจ้ะ”
นาวิศก้มหลัง ปาหนันเหยียบขึ้นหลังของเขา
“เห็นตัวเล็กๆ หนักเหมือนกันนะคุณหนัน”นาวิศบ่นอุบ
ปาหนันปีนขึ้นห้องนอนจนได้ ชะโงกหน้าลงไป ยกมือโอเค นาวิศหันหลังเดินไปแอบซุ่มดูในความมืด
เสียงเคี่ยมยังเคาะประตูเรียก ปาหนันรีบไปเปิดประตูให้เคี่ยม
“ลูกหนัน เปิดประตูให้พ่อซิ”
ปาหนันเปิดประตูออกมา ทำเป็นเอามือขยี้ตา เพิ่งตื่น
“พ่อปลุกหนันทำไมจ๊ะ กำลังหลับสบาย”
“พ่อได้เสียงของหล่นดังมาจากห้องลูกหนัน”
“หนันไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยนี่จ๊ะ”
เคี่ยมไปชะโงกดูนอกหน้าต่าง นาวิศที่แอบมองอยู่ รีบหลบในเงามืด เคี่ยมหันกลับเข้ามาในห้อง
“คงเป็นหนูวิ่งชนของข้างล่าง นอนต่อเถอะลูก”
เคี่ยมออกไป ปาหนันเห็นเคี่ยมปิดประตูห้องแล้ว จึงรีบเดินกลับไปมองนอกหน้าต่าง เห็นนาวิศออกมาจากเงามืดโบกมือให้ เธอจึงโบกมือตอบ สักครู่นาวิศก็เดินกลับบ้านสวนมะพร้าวไป ปาหนันมองตามยิ้มๆ

จบตอนที่ 2
ติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.








กำลังโหลดความคิดเห็น