ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 3
เสียงมือถือดังขึ้น เคี่ยมเดินเข้ามาหยิบมาดู เห็นเป็นสายของธานี ก็ถอนใจอย่างลังเลว่าจะรับดีไหม แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจรับสาย
“สวัสดีครับ คุณธานี”
“หายหัวไปไหนมา นายเคี่ยม ฉันโทรหาตั้งหลายวันแล้ว แกไม่รับสาย ไม่โทรกลับ จงใจหลบฉันรึไง”ธานีตวาดใส่โทรศัพท์
เคี่ยมเหนื่อยใจ
“ขอโทษครับ ผมออกเรือ ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน”
“ทำไมไม่โทรมารายงานฉัน เรื่องนาวิศ”
“ผมจัดการเขาเรียบร้อยแล้วครับ...นาวิศตายแล้ว”
“ดี... ดีมาก! ฉันจะลงไปที่นั่น นายเคี่ยมเตรียมรถขนศพไว้ให้ด้วย”
เคี่ยมตกใจ
“คุณธานีจะมารับศพนาวิศไปเหรอครับ”
“ฉันก็ต้องเอาศพกลับกรุงเทพซี่ เพราะมันเป็นหลักฐานยืนยันว่า นาวิศตายแล้ว”
เคี่ยมกดวางสายหน้าเครียด กลัวธานีจะรู้ความลับว่านาวิศยังไม่ตาย
ทางด้านระรินเดินอยู่ในสวน ต่อมือถืออย่างร้อนใจ แต่ยังคงติดต่อนาวิศไม่ได้
“ไม่มีสัญญาณตอบรับ จากหมายเลขที่ท่านเรียก”
“ป่านนี้คุณนาวิศจะเป็นยังไงบ้าง...ทำไมติดต่อไม่ได้เลย...”
ระรินกดสายทิ้งด้วยความรู้สึกหนักใจ
+ + + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่นาวิศกำลังจะกินข้าว ตรงหน้ามีกับข้าวหลายจาน เพราะทับทิมเอากับข้าวมาให้ บวกกับกับข้าวปิ่นโตของเจ่ง ทับทิมมองมาวิศยิ้มให้อย่างหวานเยิ้ม
“พ่อหน้าหยก กินเยอะๆนะ ถ้ากับข้าวทับทิมถูกปาก ทับทิมจะทำมาส่งทุกวันเลย”
เจ่งหันไปมองหน้าทับทิม
“ทีหลังเอ็งจะทำกับข้าวมาส่งมันก็บอกข้าก่อนสิ...ทำชนกันอย่างนี้ ดูซิ กับข้าวเพียบ”
เดื่อเพิ่งอาบน้ำออกมา เห็นทับทิมก็ชะงัก ปาหนันเห็นเดื่อก็เอ่ยชวน
“มากินข้าวมาเดื่อ ทับทิมทำกับข้าวมาให้ด้วยนะ”
เดื่อรู้ว่าทับทิมทำกับข้าวมาเอาใจนาวิศก็หมั่นไส้แอบเจ็บใจ เลยแกล้งว่าทับทิม
“กับข้าวทับทิมรสชาติไม่เอาอ่าว สู้รสมือยายเจ่งไม่ได้หรอก”
ทับทิมยกกับข้าวหนีเดื่อ
“ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน”
“ไม่ง้อ...ไม่ชอบผู้หญิงไม่มีเสน่ห์ปลายจวัก”
ทับทิมหมั่นไส้
“ไอ้หล่อเลือกได้ ตั้งแต่เกิดมาเคยมีแฟนกับเค้าซักคนมั้ยเนี่ย”
เดื่อเถียงไม่ออก ได้แต่ทำกระฟัดกระเฟียด ทับทิมไม่สน หันมาทำเสียงหวานกับนาวิศ
“พ่อรูปหล่อจ๋า...จำชื่อเสียงเรียงนามตัวเองไม่ได้เลยเหรอจ๊ะ นิคเนมก็ยังดี”
นาวิศขำๆ
“ชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็จำไม่ได้ครับ”
“งั้นทับทิมตั้งชื่อให้ อืม...พี่บ่าว ดีมั้ย”
“ไม่เหมาะกับเค้าหรอกทับทิม หน้าตาเหมือนหนุ่มกรุงเทพ พี่บ่าวมันหนุ่มใต้ เอ...ชื่ออะไรดีนะ”ปาหนันคิดๆแล้วยิ้มออกมา “เออ...จอนนี่เป็นไง ชื่อฝรั่งหัวแดงที่เคยมาพักโฮมสเตย์แถวนี้ไง”
“หน้าไทย ผมดำสนิท ชื่อฝรั่งไม่ดีหรอกค่ะคุณหนัน”เจ่งแย้ง
ปาหนัน คิดอีก
“อืม...งั้นก็ชื่ออะไรดี”ปาหนันมองไปรอบๆ เห็นต้นมะพร้าว “หนันเจอเค้าในสวนมะพร้าว งั้นชื่อ นายพร้าว แล้วกัน...ใครชอบชื่อนี้มั่ง ยกมือขึ้น”
ปาหนันยกมือก่อน เจ่ง ทับทิม เดื่อยกมือตาม ปาหนันหันมามองนาวิศ
“เค้ายกมือกันหมดแล้ว คุณก็ยกสิ”
“ครับๆ”นาวิศยกมือขึ้น
ปาหนัน ยิ้มพอใจ
“คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์...งั้นหนันขอประกาศว่า...ต่อไปนี้ หนุ่มนิรนามผู้นี้ชื่อว่า นายพร้าว”
ทุกคนปรบมือเฮฮา เห็นด้วย นาวิศขำ โดนปาหนันมัดมือชก
+ + + + + + + + + + + + +
ในสวนมะพร้าวคนงานกำลังช่วยกันลำเลียงมะพร้าวเข้ามา บ้างก็ปอกมะพร้าว ปาหนันพานาวิศเดินผ่านมา
“หวังว่าคุณคงชอบชื่อพร้าวนะ”
“ผมจำชื่อตัวเองไม่ได้ คุณหนันตั้งชื่ออะไรให้ผมก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน นาวิศหันมองไปรอบๆ
“คุณหนันบอกว่า นายเคี่ยมคุมที่สวนมะพร้าวนี่ด้วยใช่ไหมครับ”
ปาหนันพยักหน้า นาวิศแกล้งถามหยั่งดู
“นายเคี่ยมทำงานหนักน่าดูนะครับ อย่างนี้คงรวยแย่”
“รวยเรยอะไรกัน พ่อหนันเป็นแค่ลูกจ้าง กิจการทั้งหมดเป็นของพวกเทพสุทธิพงศ์ พวกนั้นน่ะคนรวยของจริง เขาเป็นเจ้าของทั้งออฟฟิศที่สะพานปลา แล้วก็สวนมะพร้าวสุดลูกหูลูกตาแถบนี้ทั้งหมด”
“ผมไม่ยักรู้มาก่อน ว่ากิจการสวนมะพร้าวก็เป็นกิจการหลักด้วย...ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้”
ปาหนันมองนาวิศอย่างแปลกใจ นาวิศชะงักรู้ตัวว่าหลุดปากพูดมากไป
“คุณพูดอย่างกับเคยรู้จักที่นี่”
นาวิศอึกอัก
“เปล่าครับ ผมจะรู้จักที่นี่ได้ยังไง...แค่...ผมเห็นกิจการที่สะพานปลาก็ว่าใหญ่แล้ว เลยคิดว่ากิจการสวนมะพร้าวน่าจะเป็นงานรอง ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้เท่านั้นเอง”นาวิศรีบเปลี่ยนเรื่อง “คุณหนันล่ะครับ ช่วยนายเคี่ยมดูงานด้านไหน”
ปาหนัน ยิ้ม
“หนันไม่ได้ช่วยพ่อเคี่ยมหรอก...หนันมีกิจการของหนันเอง”
ปาหนันยิ้มภูมิใจ
ปาหนันพานาวิศเข้ามายังมุม ที่เธอเก็บอุปกรณ์ทำบุหงารำไป มีถุงบุหงารำไปที่ทำเสร็จแล้วและมีกองดอกกุหลาบกับตะกร้าใส่ดอกมะลิที่ยังไม่ได้เด็ดกลีบวางอยู่
“หนันชอบดอกไม้...เลยทำบุหงารำไปส่งขายร้านในเมือง”ปาหนันหยิบถุงที่ทำเสร็จแล้วให้นาวิศดู “แบบนี้ไง”
นาวิศรับไปดู
“สวยดีนะครับ คุณหนันเก่งเหมือนกันนะเนี่ย”
“ก็มันไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่...อยากลองทำดูไหมล่ะ”
ปาหนันยิ้ม ท่าทางตื่นเต้นที่จะสอนเขาทำบุหงารำไป นาวิศอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ นาวิศได้ช่วยปาหนันเด็ดกลีบดอกมะลิและกลีบกุหลาบใส่โหลแก้ว
“เบามือหน่อยสิพร้าว กลีบกุหลาบช้ำหมด”
“ต้องอบร่ำรมเทียนไว้นานมั้ยครับ ถึงจะเอากลีบดอกไม้พวกนี้มาทำบุหงารำไป”
“เป็นเดือน แต่ถ้าอยากให้หอมฟุ้งล่ะก็ อบเป็นปีเลยยิ่งดี หนันมีบุหงารำไปถุงนึง ใส่กลีบดอกไม้ที่อบไว้ข้ามปี”ปาหนันหยิบบุหงารำไปที่พกติดตัวขึ้นมา“พร้าวดมซิจ๊ะ หอมไหม”
นาวิศยื่นหน้าไปดมถุงปุหงารำไปในมือปาหนัน แล้วเงยหน้าขึ้นมา ปรากฏว่าหน้าของเขาอยู่ใกล้กับหน้าของเธอ ปาหนันเขินกระอักกระอ่วน หันหน้าหนี นาวิศยังคงจ้องมองปาหนัน รู้สึกว่าเธอช่างใสซื่อ ไร้มารยา
นาวิศยิ้มน้อยๆ แอบลูบผมของเธอเบาๆ ปาหนันรู้สึกได้ หันมอง นาวิศอึกอัก ทำหน้าไม่ถูกเพราะเผลอไป แต่ปาหนันกลับถามซื่อๆ
“มีอะไรติดผมหนันเหรอ”
นาวิศยิ้มเอ็นดูปาหนัน
“ดอกมะลิครับ”
ปาหนันจับผมตัวเอง
“ไหน...ไม่เห็นมีเลย...”
นาวิศหันไปหยิบมะลิซ้อนขึ้นมาดอกหนึ่ง บรรจงเสียบผมให้เธอ ปาหนันนิ่งอึ้งไปด้วยความเขินและตื่นเต้น ปล่อยให้เขาทัดดอกไม้ไว้ที่ข้างผมเธอ
“นี่ไงครับ ดอกมะลิติดผมคุณหนันอยู่จริงๆ ผมไม่ได้โกหก”
ทั้งสองยิ้มให้กัน เริ่มรู้สึกชอบพอซึ่งกันและกัน
+ + + + + + + + + + + +
เย็นวันนั้น นาวิศเดินกลับมาที่บ้านสวน ท่าทางมีความสุข ทันใดนั้นสหัสก็เข้ามาล็อคคอไว้ นาวิศตกใจ
“สหัส!”
แท่นขับรถเข้ามาจอดเทียบด้านข้าง สหัสลากคอเสื้อนาวิศจะเอาตัวขึ้นรถ นาวิศขืนตัวไว้
“ปล่อย! จะพาฉันไปไหน”
“ไม่อยากเจ็บตัว ก็ขึ้นไปดีๆ หรือว่าจะให้จับโยนขึ้นไป”
นาวิศยื้อ ไม่ยอม เพราะคิดว่าสหัสจะพาตนไปฆ่า
“ไม่!...ปล่อยฉัน...ปล่อย!”
สหัสยัวะ ต่อยนาวิศล้มไปกับพื้น นาวิศโมโห หันมา สหัสล้วงปืนออกมา เล็งไปที่นาวิศ
“ไปขึ้นรถ!”
“จะฆ่าฉันก็ฆ่าซะที่นี่เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปที่อื่น”
สหัสดึงนาวิศลุกขึ้น ลากตัวมาที่รถซึ่งแท่นรออยู่
“มีคนอยากให้คุณตาย แต่ไม่ใช่ผม”
นาวิศอึ้งไป แท่นลงจากรถมาช่วยสหัสจับนาวิศโยนขึ้นรถ เดื่อเดินมาพอดี เห็นแท่นกับสหัสเอาตัวนาวิศไปก็ตกใจ รีบวิ่งเข้ามาถาม
“พี่สหัสจะพาไอ้พร้าวไปไหนน่ะ แล้วจะไปนานมั้ย เดี๋ยวคุณหนันมาไม่เจอจะโกรธเอานะ”
“อย่าบอกคุณหนันว่าข้าเอาตัวมันไป โกหกไปว่าอยู่ๆมันก็หายไปเฉยๆ”สหัสสั่งเสียงเข้ม
“แต่ว่า...”
“เป็นคำสั่งนายเคี่ยม”
เดื่ออึ้งไป พูดอะไรไม่ออก สหัสเดินไปขึ้นรถ แท่นขับออกไป
รถที่แท่นขับเอาตัวนาวิศมา จอดที่หน้าบ้านสหัส สหัสกับแท่นช่วยกันลากตัวนาวิศเข้าบ้าน แล้วลากไปในห้องๆหนึ่ง นาวิศมองรอบๆ ห้องทึบ หน้าต่างในห้องปิดสนิท
“ที่นี่ที่ไหน พาฉันมาที่นี่ทำไม”
“บ้านฉันเอง แกอยู่นี่ซักพัก รับรองว่าจะไม่มีใครทำร้ายแก”
สหัสกับแท่นหันออกไป นาวิศรีบตะกายตาม
“เดี๋ยว...อย่าเพิ่งไป มาจับฉันไว้ทำไม”
สหัสกับแท่นออกมาจากห้อง พอนาวิศตามมา ทั้งสองก็ปิดประตูทันที สหัสหันไปสั่งแท่น
“ล็อคประตู หน้าต่างทุกบาน ห้ามให้มันออกมาจนกว่าข้าจะบอก”
แท่นล็อคกุณแจประตู...นาวิศมองรอบๆ รู้ว่าไม่มีทางหนี นึกแปลกใจในการกระทำของสหัสกับแท่น
“พวกมันจับเรามาขังไว้ที่นี่ทำไม มันต้องการอะไรกันแน่”
หลังจากขังนาวิศไว้เรียบร้อยแล้ว สหัสมารายงานเคี่ยม
“ผมจับหมอนั่นขังไว้ในบ้านผมเรียบร้อยแล้วครับนาย”
“ดีแล้ว นายธานีจะมาบ่ายนี้...เขาจะต้องไม่เจอนาวิศเด็ดขาด”
“แล้วเราต้องเอานาวิศไปซ่อนอย่างนี้ ทุกครั้งที่นายธานีมาอย่างนั้นเหรอครับนาย”
“ก็ต้องอย่างนั้นแหละ...”เคี่ยมถอนใจ “สาธุ... อย่าให้คุณธานีรู้เรื่องคุณนาวิศเลย...”
+ + + + + + + + + + + +
เจ่งช่วยปาหนันตัดผ้าโปร่งเป็นชิ้นๆ เพื่อไว้สำหรับเย็บถุงบุหงา แต่พอตัดวางไว้ ลมก็พัดผ้าที่ตัดปลิวไป เจ่งตามไปเก็บปรากฏว่าลมพัดผ้าที่โต๊ะปลิวไปอีก ปาหนันวิ่งไปเก็บแทน
“โอย คุณหนัน...ยายว่าข้างนอกนี่ลมมันแรงเกินไป ย้ายกลับเข้าไปทำในบ้านเถอะค่ะ”
ปาหนันเบ้หน้า
“ไม่เอาหรอก รอให้สหัสกลับไปก่อน”
“คุณหนันก็ ไม่รู้จะไปรังเกียจรังงอนเขาทำไม...รู้ทั้งรู้ว่าเขาชอบตัวอยู่ รักษาน้ำใจเขาหน่อยก็ไม่ได้”
“รักษาน้ำใจกันมากๆ เดี๋ยวสหัสก็ได้คิดว่าหนันชอบเขาตอบน่ะสิ ไม่มีทางหรอก”ปาหนันเก็บของใส่ถุง “ไม่ทำแล้วล่ะยายเจ่ง ไปบ้านสวนกันดีกว่า”
“จะไปหาไอ้พร้าวอีกแล้วเหรอคะ เมื่อเช้าก็เห็นมันมาที่บ้าน ตกเย็นก็จะไปหามันอีก”
“ก็หนันไม่อยากเจอสหัสนี่”ปาหนันเข้าไปจูงมือเจ่ง “ไปเถอะยายเจ่ง”
เจ่งจำต้องลุกตามไปอย่างเอือมระอา พอดีรถธานีแล่นเข้ามา ปาหนันกับเจ่งหยุดรอ ชาติเป็นคนขับรถ ลงมาเปิดประตูให้ธานี ปาหนันยกมือไหว้
“คุณธานี...สวัสดีจ้ะ”
“พ่ออยู่บ้านมั้ยหนู”
“อยู่จ้ะ...สหัสก็อยู่ด้วย”
“ดีเลย ฉันอยากเจอทั้งคู่ หนูจะไปไหนก็ไปเถอะ”
ธานีกับชาติเดินไปทางตัวบ้าน ปาหนันกับเจ่งเดินไปทางบ้านสวน
+ + + + + + + + + + + +
ธานีถามหาศพของนาวิศ เคี่ยมโกหกว่าโยนทิ้งทะเลไปแล้ว ธานีด่าเคี่ยมด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดทันที
“อะไรนะ แกโยนศพนาวิศทิ้งทะเลเหรอ ฉันสั่งแล้วไงว่าให้ฝังไว้ก่อน”
“ผม...กลัวชาวบ้านไปเจอศพน่ะครับ”
“แกทำแผนฉันพังหมด”
ธานียกมือจะตบหน้าเคี่ยม สหัสรีบเข้ามาขวาง
“เป็นความผิดของผมเองครับคุณธานี นายเคี่ยมสั่งให้ผมขุดหลุมฝังศพ แต่ผมเห็นว่าเสียเวลา พอดีมีเรือประมงออก ผมเลยเอาศพนาวิศไปทิ้งทะเลนอกครับ”
ธานีโมโห เอามือฟาดหน้าสหัสแทน สหัสหน้าหัน โกรธธานี แต่เอาคืนไม่ได้ได้แต่แอบจ้องธานีด้วยแววตาเคียดแค้น
“ยังไงนาวิศก็ตายแล้ว มีศพหรือไม่มีศพ ก็ไม่ต่างกันนี่ครับ”
“ต่างโว้ย...ไม่มีศพก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่านาวิศตายจริง ต้องอีกหลายปี กว่าศาลจะตัดสินว่านาวิศเป็นคนหายสาบสูญ ฉันก็ยังแก้พินัยกรรมไม่ได้”
เคี่ยมแปลกใจ เพิ่งได้ยินเรื่องพินัยกรรม
“แก้พินัยกรรมอะไรครับ”
“พ่อไอ้นาวิศยกบริษัทเทพสุทธิพงศ์ให้มัน แต่ฉันกลับไม่ได้อะไรเลย ฉันต้องฆ่ามันเพื่อเอาทุกอย่างคืนมา...ถ้ารู้ว่าพวกแกทำงานไม่เอาไหนแบบนี้ ฉันฆ่ามันเองที่กรุงเทพไปแล้ว”
เคี่ยมกับสหัสมองหน้ากัน เพิ่งรู้เหตุผลที่ธานีสั่งฆ่านาวิศ ทั้งคู่สะเทือนใจ
เคี่ยมกับสหัสมาส่งธานีที่รถ ปาหนันเดินมากับเจ่งหน้าตาปาหนันเอาเรื่อง ตรงมาต่อว่าสหัส
“หนันไปบ้านสวนมาพร้าวหายไป สหัสเอาตัวพร้าวไปไว้ไหนบอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“พร้าวไหนอีกล่ะลูกหนัน”
“คนที่ตกหนาผามา ความจำเสื่อมคนนั้นน่ะจ้ะ หนันตั้งชื่อเขาว่าพร้าว”
เคี่ยมกับสหัสตกใจ ปาหนันพูดถึงนาวิศต่อหน้าธานี ธานีสนใจขึ้นมา
“มีคนความจำเสื่อมอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”
“ใช่จ้ะ...”
เคี่ยมรีบตัดบท
“สหัสอยู่กับพ่อทั้งวัน ไม่ได้ไปยุ่งกับพร้าวมันหรอก...มันคงเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้แหละ”
ธานีสนใจฟังปาหนันกับเคี่ยมคุยกันเรื่องคนชื่อพร้าว
“ถ้าเกิดพร้าวถูกผู้ร้ายที่ลวงมาฆ่าจับตัวไปอีกล่ะ พ่อต้องช่วยพร้าวนะจ๊ะ”
เคี่ยมรีบรับคำส่งๆไป
“เย็นนี้มันไม่กลับ พ่อจะให้คนออกหา เจ่งพาลูกหนันขึ้นบ้าน ผู้ใหญ่จะคุยกัน”
“ไปค่ะคุณหนัน”
ธานีรีบเรียก ปาหนันไว้
“เดี๋ยวหนู...พร้าวที่หนูตามหานี่ ฟังดูเป็นคนสำคัญมากนะ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม รูปร่างหน้าตาเขาเป็นยังไง”
เคี่ยมกับสหัสมองหน้ากัน กลัวความลับแตก
“ก็เป็นผู้ชายตัวขาว...”
เคี่ยมรีบพูดตัดบท
“ผิวอย่างนั้นไม่เรียกว่าขาวหรอกลูกหนัน เขาเรียกผิวสีดำแดง”เคี้ยมหันไปบอกธานี “มันเป็นคนสติไม่ดีหลงมาน่ะครับ ท่าทางล่อกแล่ก เดินหลังค่อมๆ”
“ไม่ใช่นะจ๊ะพ่อ...”
ปาหนัน เคี่ยมรีบขัดพูดเสียงดุ
“ไม่ใช่อะไรล่ะ ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ...ท่าทางมันก็เพี้ยนๆ ไม่รู้ที่มันหายไปจะไปก่อเรื่องวุ่นวายอะไรหรือเปล่า...ลูกหนันจะตามหามันก็เดินดูในสวนมะพร้าวไป อย่ายุ่มย่ามแถวนี้”
ปาหนันหน้างอ ไหว้ลาธานีแล้วเดินไปกับเจ่ง ธานีไม่ติดใจสงสัยเรื่องพร้าว หันหน้า เดินไปที่รถสหัสกับเคี่ยมถอนใจโล่ง
ชาติเดินมารอ เตรียมเปิดประตูรถให้ ธานีหันไปบอกเคี่ยม
“อีกเรื่องที่ฉันต้องลงมาที่นี่...เพราะจะให้นายเคี่ยมเตรียมออกเรือขนถ่ายน้ำมันเถื่อนด้วย ลูกค้าโทรสั่งของ”
“ช่วงนี้เสี่ยงครับนาย ตำรวจน้ำออกตรวจถี่ยิบ”
“ถ้ากลัวถูกจับ ฉันคงไม่ทำธุรกิจนี้หรอก”
“แต่ผมมันไม่เหมาะกับงานนี้ครับนาย...ผมอยากจะ...”
เคี่ยมยังพูดไม่จบ ธานีรีบสวน
“อย่าบอกนะว่านายเคี่ยมอยากวางมือ...นายเคี่ยมรู้เห็นการค้าผิดกฏหมายของฉันมาตลอด คิดว่าออกจากวงการนี้แล้วฉันจะปล่อยให้นายเคี่ยม กับลูกสาวอยู่กันอย่างปลอดภันงั้นเหรอ”
เคี่ยมหน้าเครียดขึ้นมา
“ขึ้นหลังเสือแล้ว มันลงไม่ได้หรอก”
ธานียิ้มยะเยือกกับเคี่ยมแล้วขึ้นรถ ชาติขับรถออกไป สหัสมองเคี่ยมอย่างเห็นใจ
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำนั้นปาหนัน ทับทิม เดื่อ ถือไฟฉาย เดินตามหาพร้าวจนเหนื่อยอ่อน ปาหนันตะโกนเรียก
“พร้าว...พร้าวอยู่แถวนี้หรือเปล่า...พร้าว...”
ทับทิมกระซิบเดื่อ
“เดื่อ...แกบอกคุณหนันเหอะว่าพร้าวถูกขังอยู่บ้านพี่สหัส จะได้เลิกตามหาซะที”
“พี่สหัสแกเอาตาย ทับทิมอยากบอกก็บอกเองดิ”
“ฉันก็ไม่กล้าบอกเหมือนกันนี่” ทับทิมสะบัดหน้าไปหาปาหนัน “คุณหนันขา เราจะตามหาพร้าวกันอีกนานไหมคะเนี่ย ทับทิมชักไม่ไหวแล้วนะคะ”
“เหนื่อยก็กลับไปก่อนไป ทั้งคู่น่ะ หนันจะตามหาพร้าวต่อเอง...ไม่รู้ป่านนี้พร้าวจะเป็นไงมั่ง ที่ทางแถวนี้ก็ไม่คุ้น แถมยังมีคนจ้องทำร้ายเขาอีก”
“เดื่อบอกแล้วไง ว่าพร้าวมันไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่...”เดื่อนึกได้ รีบหุบปาก
ปาหนันชะงัก หันมอง
“ก็แค่อะไร เดื่อ”
เดื่ออึกอัก
“เอ่อ...ก็แค่...”
ปาหนันดุ
“แค่อะไร อย่าบอกนะ ว่าเดื่อรู้ว่าพร้าวหายไปไหน”
“เดื่อ...เดื่อไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เดื่อแค่อยากลับบ้าน เดื่อหิวข้าว”
ปาหนันมองอย่างจับพิรุธได้
“เดี๋ยวนี้เดื่อกล้าโกหกหนันเหรอ”
เดื่อกับทับทิมยุกยิกกัน โวยกันเงียบๆ
“ก็ด้าย...ถ้าไม่มีใครกล้าบอก หนันจะตามหาพร้าวเอง แล้วถ้าหนันรู้เมื่อไหร่ว่าใครมีส่วนรู้เห็นกับการหายไปของพร้าว หนันจะเอาเรื่องคนนั้นให้ถึงที่สุด กลัวหรือไม่กลัว”
เดื่อกับทับทิมสะดุ้งเฮือก หันมองกัน เห็นท่าต้องบอกปาหนัน
+ + + + + + + + + + + + +
นาวิศได้ยินเสียงก๊อกแก๊กที่ประตู หันไปดู สักครู่ประตูก็เปิดออก ปาหนันรีบเข้ามา
“พร้าว! อยู่นี่เอง เป็นยังไงบ้าง สหัสทำอะไรพร้าวหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไรครับ”
“แล้วนี่สหัสมาขังพร้าวไว้ทำไม”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...แล้วคุณหนันรู้ได้ยังไงครับ ว่าผมอยู่ที่นี่”
“เดื่อรู้ว่าพร้าวโดนจับอยู่ที่นี่ แต่ไม่กล้าบอกหนัน...ดีนะ ที่คุณธานีให้พ่อกับสหัสออกเรือไปด้วย ไม่งั้นถ้าสหัสอยู่ เดื่อคงยังไม่ยอมพูด”
นาวิศตกใจ
“คุณหนันว่าอะไรนะครับ”
“หนันว่าโชคดีที่สหัสออกเรือ...”
“ไม่ใช่ครับ คุณหนันพูดถึงใครอีกคน”
“อ๋อ... คุณธานี เจ้านายพ่อหนันเอง”
“เขาออกเรือไปกับนายเคี่ยมแล้วก็สหัสด้วยเหรอครับ”
“อือ...ทำไมเหรอ”
นาวิศไม่ตอบ รีบวิ่งออกไปทันที ปาหนันแปลกใจ
“เดี๋ยวก่อนพร้าว...พร้าว”
นาวิศไม่หันมา ปาหนันรีบตามออกไป
นาวิศวิ่งพรวดพราดออกมา เดื่อกับทับทิมที่รอปาหนันอยู่หน้าบ้านต่างก็ตกใจ ปาหนันตามนาวิศออกมา
”เดี๋ยว พร้าว...มีอะไรเหรอ พร้าว...”
นาวิศวิ่งหน้าตื่นออกไปโดยไม่ฟังเสียงปาหนัน เดื่อกับทับทิมรีบถามปาหนันอย่างอยากรู้
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณหนัน”
“นั่นสิคะ ทำไมพร้าวถึงโกยอ้าวออกไปอย่างนั้น”
“หนันก็ไม่รู้เหมือนกัน เรารีบตามไปดีกว่า”
เดื่อกับทับทิมพยักหน้ารับ ปาหนันวิ่งนำไปทันที
นาวิศวิ่งมาที่ท่าเรือด้วยความร้อนใจ
“อาธานี...อย่าไปกับพวกมัน มันสองคนเป็นตัวอันตราย”นาวิศบอกตัวเองอย่าง กังวลใจสุดๆ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ตอนที่ 3 (ต่อ)
ธานี เคี่ยม สหัส ชาติกำลังลงเรือ แท่นกับลูกเรือเตรียมนำเรือออก นาวิศวิ่งมาถึงพอดี มองไปเห็นเรือกำลังจะออก นาวิศหน้าตื่นเป็นห่วงธานี
“อาธานี...”
ปาหนัน เดื่อ ทับทิม วิ่งตามนาวิศมาห่างๆ ต่างก็ช่วยกันเรียก
“พร้าว กลับมา พร้าว”
“ไอ้พร้าว...จะไปไหนของเอ็ง”
นาวิศสะดุดล้มลง ปาหนันใจหายด้วยความเป็นห่วง
“พร้าว...”
ปาหนันรีบวิ่งไปหานาวิศ เดื่อกับทับทิมก็รีบตามไป นาวิศจะตะกายลุกขึ้นตามไปอีก แต่รู้สึกเจ็บแขนข้างที่เคยหัก นาวิศเงยหน้ามองตามเรือที่แล่นออกไปไกลแล้ว หมดหวังที่จะเตือนธานี
ปาหนัน เดื่อ ทับทิมตามมา ช่วยกันประคองนาวิศขึ้นมา
“พร้าว เป็นอะไรรึเปล่า”
“อะไรกันวะไอ้พร้าว วิ่งหน้าตื่นมาที่นี่ทำไม”เดื่อถามอย่างไม่เข้าใจ
ปาหนันมองมาวิศอย่างแปลกใจ
“นั่นสิพร้าว เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
นาวิศมองหน้าทั้งสามคนที่จ้องเขา รอคำตอบ แล้วมองทางเรือซึ่งธานีไปไกลแล้ว นาวิศอึกอัก
“คือผม...ผมเห็นนายใหญ่มา...อยากเจอท่าน”
“คุณธานีเนี่ยนะ...จะเจอเค้าไปทำไม”
“ผมอยากทำงานครับ...อยากตามไปออกเรือ”
ทับทิมอึ้งๆ
“นี่อย่าบอกนะ ว่าที่พร้าววิ่งเหมือนหนีเสือมานี่ แค่จะตามนายออกเรือ”
“ผมเพิ่งพูดไป”
ทุกคนต่างก็อึ้งไป ที่เห็นนาวิศวิ่งหน้าตื่นออกมา เพียงเพื่อจะมาขึ้นเรือในตอนนี้ แต่แล้วปาหนันก็ยิ้มออกมา
“โธ่พร้าว...อยากทำงานก็ไม่บอก หนันคุยกับพ่อให้ก็ได้...ไปเถอะนะ กลับบ้านสวนกัน...”
เดื่อช่วยปาหนันพยุง นาวิศเจ็บข้อมือขึ้นมาอีก
“เห็นไหม วิ่งล้มจนต้องเจ็บตัวอีกแล้ว...เดี๋ยวหนันหายาทาให้นะ”
ทั้งหมดพากันเดินกลับออกไป นาวิศหันมองทางเรือธานีอีกครั้ง อย่างเป็นห่วง
+ + + + + + + + + + + +
เรือประมงของธานี จอดเทียบกับเรือประมงลำเล็กอยู่กลางทะเล แท่นและลูกเรืออีกลำช่วยกันขนถังน้ำมันย้ายจากเรือประมงอีกลำมายังเรือของธานี
“เร่งมือหน่อย ตำรวจน้ำผ่านมาจะซวยกันหมด”
สหัสสั่งการ แล้วเข็นถังน้ำมันลงไปใต้ท้องเรือ ถังน้ำมันสุดท้ายนำเข้ามาในเรือธานี ลูกเรือเก็บไม้กระดาน ธานีกับเคี่ยมยืนคุมอยู่ห่างๆ เคี่ยมหนักใจ
“คุณธานีคิดจะเลิกเมื่อไหร่ครับ ไอ้การค้าน้ำมันเถื่อนนี่”
ธานีหันมองเคี่ยมด้วยสายตาเหี้ยม
“ถ้าฉันได้ยินแกถามแบบนี้อีกครั้งนะเคี่ยม...อีกครั้งเดียว...”ธานีหยิบปืนออกมาจากเอวชาติที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “แกไส้แตกแน่”
เคี่ยมพูดไม่ออก ได้แต่หนักใจ สหัสขึ้นมาจากใต้ท้องเรือ พร้อมกับลากตัวลูกเรือหัวขโมยคนหนึ่งขึ้นมาด้วย
“นายครับ ผมลงไปเจอไอ้นี่มันแอบขโมยน้ำมันไปขายเอง”
ลูกเรือยกมือไหว้ขอโทษ
“ผมขอโทษครับนาย เมียผมเพิ่งคลอดลูก ผมต้องใช่เงินจริงๆ”
“แกมีปัญหาอะไรก็น่าจะคุยกันได้ ทำไมต้องใช้วิธีนี้ กราบขอโทษคุณธานีซะ”
คนงานจะก้มลงกราบ
“ไม่ต้อง!”ธานีพูดเรียบนิ่ง
ทุกคนชะงักแปลกใจ
“คนทรยศ ฉันไม่เลี้ยงไว้”
ธานีเล็งปืนไปที่คนงาน เคี่ยมรีบห้าม
“อย่าครับนาย ให้พวกผมจัดการสั่งสอนมันเองครับ”
ธานีผลักเคี่ยมออกไป เคี่ยมเสียหลักล้ม มือป่ายไปโดนมีดที่เสียบขัดไว้กับข้างเรือ เคี่ยมโดนมีดบาดเลือดออก แต่ไม่สนใจความเจ็บปวดของตัวเอง เสียงปืนดังขึ้น เคี่ยมตกใจ รีบหันไปมอง ลูกเรือหัวขโมยโดนยิงเข้าที่หน้าอกร่างหงายตกทะเลไป เคี่ยม สหัส แท่นอึ้ง ตกใจไปตามๆกัน ขณะที่ธานีกับชาติยิ้มเหี้ยม
ค่ำคืนนั้น เคี่ยมกับสหัสเดินกลับเข้าบ้านมากลางดึก ต่างก็ไม่สบายใจ
“ฉันจะต้องเห็นคนตายอีกกี่ศพนะ...บาปกรรมมันคงจะติดตามฉันไปตลอด”
“คุณธานีต่างหากครับที่สร้างบาปสร้างกรรมให้ตัวเอง นายไม่เกี่ยว ที่นายทำเพราะขัดคำสั่งคุณธานีไม่ได้”
เคี่ยมสลดใจ
“คุณธานีรู้จุดอ่อนฉัน ถึงชอบเอาชีวิตของลูกหนันมาขู่ฉันตลอด...ฉันเองก็เห็นแก่ตัว ที่เห็นชีวิตลูกสาวสำคัญกว่าคนอื่น ถึงขั้นยอมรับปากฆ่านาวิศ เพื่อให้เขาชิงมรดกของหลานตัวเอง”
“แต่ยังไงนาวิศก็ไม่ตาย นายอย่าคิดมากเลยครับ นายเป็นคนช่วยชีวิตนาวิศไว้ต่างหาก”
ปาหนันออกมาจากในบ้าน ตรงเข้ามาที่สหัส หน้าตาเอาเรื่อง เคี่ยมกับสหัสเห็นปาหนันเดินมา ก็รีบทำท่าทีเป็นปกติ
“ยังไม่นอนเหรอลูกหนัน”
ปาหนันตรงมาต่อว่าสหัส
“กล้าดียังไงถึงเอาตัวพร้าวไปซ่อน...สหัสแกล้งเอาพร้าวไปซ่อนไว้ที่บ้านจ้ะพ่อ ปล่อยให้หนันตามหาตั้งนาน พ่อต้องจัดการให้หนันนะจ๊ะ”
“เรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่าลูกหนัน ค่อยพูดค่อยจากันซี่”
สหัสมองปาหนันอย่างตัดพ้อ
“ในสายตาคุณหนัน ผมมันคงเลวมากใช่ไหมครับ”
“ไม่รู้ล่ะ ต่อไปหนันห้ามเด็ดขาด...ห้ามสหัสไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับพร้าวอีก ถ้าหนันรู้เมื่อไหร่ว่าสหัสไปทำอะไรกวนใจพร้าว สหัสมีเรื่องกับหนันแน่”
สหัสน้อยใจ
“ใจคอคุณหนันเห็นคนอื่นดีกว่า คนที่โตมาด้วยกันอย่างผมเหรอครับ คุณหนันก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณหนัน ทำไมไม่คิดถึงใจผมบ้าง”
สหัสมองปาหนันด้วยสายตาตัดพ้อ แต่ปาหนันกลับจ้องตอบอย่างไม่หายโกรธ แล้วจึงสะบัดหน้า กลับขึ้นบ้านไป เคี่ยมส่ายหน้าถอนใจ สหัสมองตามปาหนันไป เจ็บปวด น้อยใจ
+ + + + + + + + + + + +
วันรุ่งขึ้นนาวิศนั่งอยู่ที่เตียงคนไข้ หมอเช็คสภาพข้อมือของเขาอยู่
“รู้สึกยังไงบ้าง”
“ไม่เจ็บแล้วครับ”
ปาหนันถามอย่างเป็นห่วง
“พร้าวไม่เป็นไรใช่ไหมคะหมอ เมื่อวานหกล้มเจ็บข้อมืออีก หนันกลัวว่าจะเป็นอะไร”
“เท่าที่ดูก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เดี๋ยวหมอจ่ายยาแกอักเสบ กับยาทาคลายกล้ามเนื้อให้แล้วกัน”
“ขอบคุณจ้ะ”ปาหนันยกมือไหว้หมอ
หมอยิ้มให้แล้วออกไป นาวิศลงมาจากเตียง แอบมองปาหนันเพราะจะหลอกถามเรื่องธานี
“จริงสิครับคุณหนัน เมื่อวานเจ้านายของพ่อคุณหนัน ที่คุณหนันว่าออกเรือไปด้วยน่ะ เขายังอยู่ระนองหรือเปล่าครับ”
“คงกลับกรุงเทพไปแล้วมั้ง ทำไมเหรอ”
“ไม่มีอะไรครับ”
“อ้าว...ไม่มีอะไรแล้วถามทำไมล่ะ”
นาวิศแกล้งยิ้ม
“ก็เรื่องเดิมน่ะครับ ผมอยากสมัครงาน”
“ถ้าจะอยากออกเรือมากนะ พร้าวเนี่ย ไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อเช้าก่อนออกมาหนันแย็บกับพ่อไปแล้ว ให้พร้าวหายดีกว่านี้หน่อย แล้วค่อยไปออกเรือนะ”
นาวิศแกล้งยิ้มรับ
นาวิศกับปาหนันเดินออกมาที่ห้องโถงของโรงพยาบาล
“เดี๋ยวพร้าวนั่งรอก่อนนะ หนันจะไปจ่ายเงินเอง”
“ครับ ขอบคุณคุณหนันมากครับ”
ปาหนันเดินแยกไป นาวิศมองตามครู่หนึ่ง แล้วรีบผลุบไปที่โทรศัพท์สาธารณะทันที
นาวิศรีบเข้ามายกหูโทรศัพท์ หยอดเหรียญแล้วกดเบอร์โทรกลับไปที่บ้านอย่างรีบเร่ง ไม่นานนักสาวใช้เข้ามารับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านเทพสุทธิพงศ์ค่ะ”
“อาธานีกลับมารึยัง”
“รถเพิ่งเข้ามาเดี๋ยวนี้เองค่ะ”
“รีบตามอาธานีมาพูดสายเดี๋ยวนี้เลย บอกว่าเรื่องด่วน”
“ค่ะๆ”สาวใช้รีบออกไป
นาวิศรอสายอย่างร้อนใจ หันมองว่าปาหนันจะจ่ายเงินเสร็จแล้วตามมาทางนี้ไหม ขณะที่นาวิศห่วงว่าแต่ทางปาหนัน เขากลับไม่รู้ว่าที่ด้านหลังห่างออกไป เคี่ยมกับสหัสเดินคุยกัน ตรงมาทางนาวิศ แต่ทั้งสองยังไม่เห็นนาวิศ เคี่ยมแบมือมองแผลที่โดนมีดบาดเมื่อคืนปิดพลาสเตอร์ไว้
“แผลแค่นี้ ไม่เห็นต้องมาหาหมอเลย นี่ถ้าเจ่งไม่ขู่จะฟ้องลูกหนัน ฉันคงไม่มา”
“ฉีดยากันบาดทะยักหน่อยก็ดีครับนาย”สหัสบอก
พอดีบุรุษพยาบาลเข็นเตียงคนไข้มาเฉี่ยวแขนเคี่ยม
“โอ๊ย!”เคี่ยมร้องลั่น
บุรุษพยาบาลหน้าเสีย
“ขอโทษครับ”
“เดินดูคนหน่อยสิคุณ”สหัสดุ
นาวิศได้ยินเสียง หันไปมอง เห็นสหัสกับเคี่ยมเดินมาก็ตกใจ
ทางด้านธานีเดินมาหยิบหูโทรศัพท์ พูดสาย
“ฮัลโหล ธานีพูดสายครับ...”ธานีแปลกใจที่ไม่มีใครตอบรับ จึงวางสายไป
ทางด้านนาวิศวางสาย แล้วเดินไปเร็วๆ เคี่ยมหันไปเห็นหลังนาวิศเดินไปไวๆ
“นาวิศ”
สหัสมองตามไป แต่นาวิศเดินพ้นมุมตึกหายไปแล้ว
“ไหนครับ”
“นาวิศมาโรงพยาบาลกับลูกหนัน แต่ทำไมฉันเห็นมันเดินอยู่คนเดียว”
“หรือว่ามันจำความได้แล้ว กำลังจะหนี…”
เคี่ยมร้อนใจ รีบเดินหานาวิศขณะเดียวกันเสียงปาหนันดังเข้ามา
“พ่อ...”
เคี่ยมกับสหัสหันไป เห็นปาหนันเดินตรงมาหาพร้อมกับนาวิศ
“พ่อมาทำอะไรที่นี่จ๊ะ”
“ไม่มีอะไรลูกหนัน พ่อผ่านมา ว่าจะมารับลูกหนันกลับ”เคี่ยมหันไปถามนาวิศ “เมื่อกี๊เดินไปไหนมา”
“ไม่ได้ไปไหนนี่จ๊ะ พร้าวก็มาโรงพยาบาลกับหนันนี่แหละ”ปาหนันตอบแทน
“เมื่อกี๊นายเคี่ยมเห็นมันเดินอยู่คนเดียว”สหัสแย้ง
“ไม่นี่...หนันจ่ายค่าหมอให้พร้าวเสร็จ ก็เห็นพร้าวนั่งรออยู่แล้ว”
“ผมไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ไปคนเดียวกลัวจะหลง”
เคี่ยมกับสหัสมองนาวิศอย่างจับพิรุธ แต่เมื่อไม่เห็นพิรุธใดๆจึงไม่ติดใจอะไร
“เห็นว่าหกล้มอีกแล้วใช่ไหม”เคี่ยวถาม
นาวิศอึกอัก
“ครับ”
“ลูกหนันบอกว่าล้ม เพราะวิ่งตามเรือที่ฉันออกไปกับคุณธานี...มีอะไรรึเปล่า”
“ผมบอกคุณหนันไปแล้วครับ ผมอยากทำงาน”
“แน่ใจเหรอ ว่าแค่นั้น ถึงขั้นวิ่งล้มแขนขาหัก ไม่น่าจะแค่อยากทำงาน”สหัสไม่เชื่อ
นาวิศกลืนน้ำลาย กลัวว่าจะโดนจับได้เรื่องความจำเสื่อม ปาหนันไม่พอใจ
“เอ๊ะ...สหัสนี่ยังไงนะ ถามอย่างกับจะจับผิดพร้าว ทำไมเหรอ คนเขาขยัน อยากจะทำงานมันผิดตรงไหน” “แต่มัน...”
ปาหนันขัดขึ้น
“หนันเตือนแล้วนะ อย่ายุ่งกับพร้าว”ปาหนันหันไปหาพ่อ “พ่ออย่าลืมช่วยหางานที่เหมาะให้พร้าวด้วยนะจ๊ะ หนันจะพาพร้าวกลับบ้านสวนก่อน...ไปเถอะพร้าว”
ปาหนันพานาวิศออกไป สหัสมองตามอย่างเจ็บใจ เคี่ยมมองนาวิศอย่างพิจารณาท่าที
+ + + + + + + + + + + +
ระรินหิ้วถุงของเข้ามาหน้าประตูบ้าน หลังจากไปซื้อของเข้าบ้าน สาวใช้รีบมารับของจากระริน
“มีอีกสองถุงอยู่หลังรถ เดี๋ยวไปเอามาด้วยนะ”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
ระรินเดินเข้ามา เห็นธานีนั่งจิบกาแฟอยู่ ระรินซึ่งกำลังเป็นห่วงนาวิศอยู่ รีบเข้ามาถาม
“คุณธานี กลับมาแล้วเหรอคะ...แล้วนี่คุณเจอคุณนาวิศรึยังคะ คุณนาวิศกลับมากับคุณด้วยรึเปล่า”
ธานีวางถ้วยกาแฟหันมองระริน หน้าดุ
“ฉันเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆนะระริน เธอมาถามกวนใจเรื่องนาวิศ อยากมีเรื่องกับฉันนักหรือไง”
“ก็คุณไประนองมาไม่ใช่เหรอคะ คุณนาวิศก็อยู่ที่นั่น รินแค่อยากรู้ว่าคุณได้เจอคุณนาวิศรึเปล่าเท่านั้นเอง”
ธานีมองระริน เครียดปนเหี้ยม ก่อนจะลุกเดินหนี แต่ระรินเข้ามาขวางไว้อย่างอดไม่ได้
“คุณธานี! คุณบอกรินมาดีกว่า ว่าตอนนี้คุณนาวิศอยู่ที่ไหน”
ธานีเบี่ยงตัว เดินหนี แต่ระรินขวางไว้อีก
“หรือว่าคุณจงใจหลอกคุณนาวิศไประนองเพราะคิดร้ายกับเขา...คุณหวังสมบัติเขาใช่ไหม”
ธานีตบหน้าระริน ล้มคว่ำไปที่พื้น เลือดออกซิบๆที่มุมปาก
“นี่แค่เบาะๆนะ คราวหน้า ถ้ายังตื้อถามเรื่องไอ้นาวิศอีก เธอได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแน่”
ธานีเดินออกไปอย่างหัวเสีย ระรินน้ำตาคลอ ทั้งนึกกลัวธานี ทั้งนึกเป็นห่วงนาวิศ
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันประคองนาวิศออกมาหลังบ้าน ขณะที่นาวิศจะไปอาบน้ำ...
“แน่ใจนะว่าอาบน้ำเองได้”
“ก็ต้องได้สิครับ...หรือว่าคุณหนันจะอาบให้ผม”
ปาหนันยิ้มเขิน
“ทะลึ่ง...หนันพาออกมาเฉยๆหรอก”
สหัสโผล่ออกมาทั้งสองชะงัก
“มันหายแล้ว เดินเองได้ ทำไมจะต้องประคองกันขนาดนั้นด้วย”
“สหัสนั่นแหละไม่ต้องมาพูดเลย ที่พร้าวเป็นแบบนี้ก็เพราะสหัส”
“ผมไปทำอะไรมัน มันวิ่งหกล้มเอง”
“ก็สหัสไปขังพร้าวไว้ ทำให้พร้าวไม่ได้เจอคุณธานี พร้าวอยากเจอคุณธานีก็ไม่ได้เจอ”
นาวิศนิ่งอึ้ง เพราะปาหนันพูดตรงว่าเขาอยากเจอธานี กลัวสหัสจับได้ว่าเขาโกหกเรื่องความจำเสื่อม สหัสมองนาวิศนิ่ง นาวิศพยายามนิ่งไว้
“แน่ใจเหรอว่าอยากทำงานเรือ งานมันหนักนะ ไม่เหมือนอยู่กับบ้านเป็นลูกหมา ลูกแมว ให้คุณหนันเล่นด้วยหรอก”
สหัสพูดกวนๆ ปาหนันชักโกรธ
“มากไปแล้วนะสหัส”
“ฉันสนใจงานที่นี่ เพราะที่นี่มีอะไรที่ต้องรู้อีกเยอะ”นาวิศรีบบอก
“หมายความว่าไง”
“ฉันอยากเรียนรู้งาน... ตกลงนายเคี่ยมจะให้ฉันทำงานที่นี่หรือเปล่า”
สหัสมองนาวิศหน้าดุๆ ไม่ยอมตอบอะไร
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่..เคี่ยมสอนงานให้นาวิศ ขณะที่ปาหนันยืนอยู่ด้วยในออฟฟิศ
“เพิ่งมาทำงาน ฉันจะให้งานง่ายๆไปก่อน”เคี่ยมยื่นสมุด ปากกาให้นาวิศ “เอาสมุดปากกานี่ไป คนงานมันจะมาบอกชื่อ บอกน้ำหนักปลาว่ามันทำไปได้เท่าไหร่ นายก็จดไว้สำหรับตอนจ่ายเงินคนงาน ทำได้ไหม”
นาวิศยิ้มรับ
“ได้ครับ”
“แต่ตอนนี้ยังไม่ต้องออกไป ไว้เย็นๆก่อน ตอนนี้ไปกินข้าวได้...ไป ลูกหนัน”
“เชิญนายเคี่ยมกับคุณหนันตามสบายเถอะครับ ผมยังไม่หิว เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าออฟฟิศให้”
“เอางั้นเหรอพร้าว งั้นหนันไปกินข้าวก่อนนะ”
ปาหนันกับเคี่ยมออกไป นาวิศมองว่าไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศแล้ว รีบไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานเคี่ยม ลิ้นชักล็อค นาวิศค้นหากุญแจลิ้นชักที่บนโต๊ะทำงานเคี่ยมอย่างรีบร้อน
ด้านนอก...เคี่ยม สหัส แท่นนั่งกินข้าวอยู่กลุ่มนึง ปาหนันนั่งกินกับทับทิมอยู่อีกกลุ่ม ทับทิมรู้จากปาหนันว่าพร้าวมาที่ออฟฟิศก็ดีใจ ตื่นเต้นตาโต
“พร้าวมาทำงานที่ออฟฟิศจริงๆเหรอคะคุณหนัน”
“ก็จริงสิ หนันจะโกหกทับทิมทำไมล่ะ...เนี่ยนะ หนันไม่อยากให้พร้าวมาหรอก เพราะสหัสต้องหาเรื่องแกล้งพร้าวอยู่แน่ๆ”
ปาหนันเหลือบมองไปทางโต๊ะสหัส พบว่าสหัสก็กำลังมองเธออยู่ ปาหนันฉุน รีบหันหน้าหนี
“คุณหนันไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทับทิมจะช่วยดูแลพร้าวให้เอง...ชื่นใจจัง มีคนหล่อๆมาทำงานอยู่ใกล้ๆ”
เดื่อถือจานข้าวเข้ามาพอดี ได้ยินทับทิมพูดถึงพร้าวก็ไม่พอใจ
“ฮึ...เขามาทำงานใกล้ๆแล้วจะไปทำอะไรเขา อย่างดีก็ทำได้แค่มองละว้า”
ทับทิมหันมองฉุน เห็นจานข้าวในมือเดื่อก็มาแย่งเอาไป
“เฮ้ยทับทิม จะเอาจานข้าวเดื่อไปไหน”
ทับทิมหันมาบอก
“เอาไปให้พร้าว...จะประเคนป้อนให้ถึงปากเลย...จะได้ไม่แค่มองเฉยๆไงล่ะ”
ทับทิมสะบัดหน้าเมิน เดินไป เดื่อมองน้อยใจกระฟัดกระเฟียด ปาหนันมองสงสารเดื่อ
ทางด้าน นาวิศค้นอยู่ที่โต๊ะครู่หนึ่ง จึงเจอกุญแจซ่อนไว้อยู่ใต้กองสมุดจดงาน นาวิศรีบเอากุญแจมาไขลิ้นชักโต๊ะเคี่ยม แต่ทับทิมเปิดประตูเอาข้าวมาให้นาวิศพอดี ทับทิมตกใจ
“พร้าวขโมยของนาย”
นาวิศอึกอัก
“ไม่ใช่หรอกทับทิม...ฉันจะเอาใบสั่งของลูกค้าน่ะ คนขับรถแช่แข็งโทรมาว่าไปส่งปลาลูกค้าไม่ถูก ลืมเอาเบอร์ลูกค้าไป...ฉันเลยต้องหาที่อยู่ลูกค้าด่วน”
ทับทิมโล่งใจ
“แล้วไป...คิดเหมือนกันว่าหน้าหล่อๆอย่างพร้าวจะเป็นขโมยได้ไง...อ้อ...ทับทิมเอาข้าวมาให้ พร้าวจัดการเรื่องงานเสร็จแล้วอย่าลืมกินล่ะ”
ทับทิมวางจานข้าวที่เอามาให้นาวิศที่โต๊ะ แล้วยิ้มหวานให้นาวิศก่อนจะเดินออกไป นาวิศมองทับทิมออกไปแล้วรีบไขกุญแจลิ้นชักโต๊ะเคี่ยม ในลิ้นชักมีสมุดบัญชีสองเล่ม รวมกับเอกสารอื่น นาวิศหยิบสมุดบัญชีทั้งสองเล่มขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ
“ทำไมต้องมีสมุดบัญชีสองเล่ม...”
นาวิศเปิดสมุดบัญชีทั้งสองเล่มดูเปรียบเทียบกัน
ทับทิมเดินกลับมานั่งกินข้าวที่โต๊ะเดิม ปาหนันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว เดื่อนั่งกินข้าวจานใหม่มองทับทิมหมั่นไส้
“คุณหนันล่ะเดื่อ”
“กลับบ้านไปแล้ว”
“งั้นฉันรีบกินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวจะกลับไปเก็บจานข้าวให้พร้าว”
“อ้อล้อ เอาใจมันเหลือเกิ๊น”
ทับทิมทำลอยหน้าลอยตา คนงานชายคนหนึ่งวิ่งมาหากลุ่มทับทิม
“ลอยมาเกยหาดอีกแล้ว...ไปดูเร็ว”
ทุกคนรู้ว่าคนงานชายหมายถึงอะไร รีบลุกตามกันออกไป
ในออฟฟิศ...
นาวิศเปรียบเทียบสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม
“หรือว่านายเคี่ยมจะทำการค้าอะไรอีกอย่าง ถึงต้องมีสองบัญชี...เรามานี่คงจะขัดขวางการค้าของนายเคี่ยม ก็เลยจะฆ่าปิดปากเรา”
นาวิศได้ยินเสียงเอะอะฮือฮาที่หน้าออฟฟิศ มองไป เห็นคนงานหลายคนวิ่งหน้าตื่นไปทางชายทะเล นาวิศมองตามอย่างประหลาดใจ
จบตอนที่ 3
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.