xs
xsm
sm
md
lg

บุหงาหน้าฝน ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 7
ปาหนันเห็นว่าไม่สามารถจะตามเรือกลับมาได้แล้ว จึงประคองนาวิศเข้าไปในถ้ำ...
“พร้าวรออยู่นี่นะ หนันจะหาน้ำ แล้วหาสมุนไพรมาโปะแผลให้พร้าว”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณหนัน มันอันตราย...อีกอย่าง ผมหาจนทั่วแล้ว บนเกาะนี้ไม่มีทั้งน้ำ ทั้งอาหาร”
“แต่ถึงยังไง บนเกาะนี้ต้องมีสมุนไพรรักษาพร้าว ธรรมชาติไม่โหดร้ายหรอกที่ไหนมีพิษ ที่นั่นต้องมียาถอนพิษ เดี๋ยวหนันมานะ”
ปาหนันออกไป นาวิศมองตามอย่างเป็นห่วง
ทางด้านสหัสจอดเรือทุกคนลงจากเรือ สหัสลากเรือหางยาวขึ้นหาด เพื่อไม่ให้คลื่นซัดเรือออกไป
“ไหนล่ะศพไอ้นาวิศ”ธานีถามเสียงเข้ม
“นาวิศคงเดินไปหาน้ำหาอาหารกินด้านในเกาะ...ศพคงอยู่ในตัวเกาะครับ”เคี่ยมบอก
“ไปลากศพมันมา ฉันจะเอาศพมันกลับเข้าฝั่ง”
พวกเคี่ยมเดินเข้าไปในด้านในตัวเกาะ ส่วนพวกธานีรออยู่ที่ชายหาด สหัสแอบกระซิบเคี่ยม ขณะเดินห่างออกมา
“ไม่เห็นเรือคุณหนันนะครับนาย ไม่รู้ว่าคุณหนันมาที่นี่รึเปล่า...อีกอย่าง นาวิศมันจะตายรึยังก็ไม่รู้”
“ถึงไม่ตาย แต่คงปางตาย นาวิศอดข้าวอดน้ำมาสามวัน เราจับตัวเขาออกมา ให้อาหลานจัดการกันเอง...แยกย้ายกันหาแล้วกัน เผื่อลูกหนันมาที่นี่ จะได้เตือนว่าอย่าออกไปเจอคุณธานี”
สหัสพยักหน้ารับคำ เดินแยกไปทางหนึ่ง ธานีมองตามหลังเคี่ยมกับสหัสเข้าไป
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันมองหาสมุนไพรที่สามารถรักษาแผลงูกัด ครู่หนึ่งเธอมองไป เห็นต้นลิ้มมังกรที่สามารถทำให้พิษงูเป็นกลางได้ จึงรักษาคนที่ถูกงูกัดได้ดี ปาหนันตาวาว
“เจอแล้ว ลิ้นมังกร”
ปาหนันจะเข้าไปที่กอไม้ แต่ได้ยินเสียงคนเดิน ปาหนันหลบแอบมอง เห็นสหัสเดินตามหา ปาหนันหน้าตื่น แอบหลบรีบดึงใบเสลดพังพอนมาเก็บไว้ ก่อนจะหลบออกไปอีกทาง
ปาหนันเดินหลบสหัส มัวแต่หันมองหลัง จนสะดุดล้ม ปาหนันหันไปมองสิ่งที่เธอสะดุด พบว่าเป็นขาศพผู้ชายคนหนึ่ง หน้าเละ ปาหนันตกใจกลัว จะกรีดร้องออกมา ทันใดมีมือข้างหนึ่งอ้อมเข้ามาปิดปาก ปาหนันหันมองอย่างตกใจเป็นเคี่ยมนั่นเอง
“อย่าร้องไปลูกหนัน”
“พ่อ...”
ปาหนันถอนใจโล่งอก ทั้งสองหันไปมองศพ รู้สึกหวั่นๆ เคี่ยมจับไหล่ปาหนันหันมา
“ลูกหนัน...ลูกหนันเจอกับพร้าวรึยัง ตอนนี้มันอยู่ไหน”
ปาหนันมองพ่อไม่ไว้ใจผละออกมา
“พ่อจะทำไมจ๊ะ”
“พ่อต้องเอาตัวมันไป”
ปาหนัน เอาไปไหนจ๊ะ
“ลูกหนัน พ่อไม่มีเวลามาเล่นตอบคำถามกับลูกหนันนะ บอกพ่อมาว่าไอ้พร้าวมันอยู่ที่ไหน”
“พ่อก็บอกหนันมาสิจ๊ะ ว่าพ่อจะทำอะไรพร้าวอีก...พ่อจ๊ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน หนันไม่เคยเห็นพ่อไม่มีเหตุผลอย่างนี้มาก่อนเลย ทำไมพ่อถึงปล่อยให้สหัสจับพร้าวมาปล่อยเกาะที่มีทั้งงูพิษ ทั้งคนตายแบบนี้”
“เรื่องไอ้พร้าว พ่อทำดีที่สุดแล้ว...แต่พ่อช่วยมันได้แค่นี้”
“พ่อพูดอะไร หนันไม่เข้าใจ”
“พ่ออธิบายตอนนี้ไม่ได้...ลูกหนันไม่ยอมบอกว่าไอ้พร้าวอยู่ที่ไหน พ่อก็จะตามหามันเอง”
เคี่ยมหันออกไปปาหนันหน้าตื่นจะตาม พอดีสหัสเดินมาอย่างเร่งร้อน เจอกับเคี่ยมและปาหนัน
“นาย...”สหัสมองปาหนัน “ผมเจอไอ้พร้าวแล้วครับ นอนโทรมอยู่ในถ้ำด้านโน้น...”สหัสชี้ไป
“รีบพาฉันไป เร็ว”
สหัสพยักหน้ารับ หันกลับนำทางไป เคี่ยมรีบวิ่งตาม ปาหนันหน้าเสีย
“พ่อ...”
ปาหนันรีบตามไปอีกคน
สหัสวิ่งนำเคี่ยมเข้ามาในถ้ำ นาวิศนอนไม่ได้สติอยู่
“รีบพานาวิศออกไป ก่อนที่คุณธานีจะให้คนตามเข้ามา ฉันไม่อยากให้เขาเจอลูกหนัน”
“ครับนาย”
ทั้งสองเข้าไป จะช่วยกันพาตัวนาวิศออกไป ปาหนันเข้ามาเห็น ตกใจรีบตรงเข้ามาผลักสหัส
“ไม่นะ...พ่อจ๋า...หนันขอร้อง อย่าทำอะไรพร้าวอีกเลยนะจ๊ะ แค่นี้เขาก็จะตายอยู่แล้ว พ่อไม่สงสารเขาบ้างเหรอจ๊ะ”
“พ่อไม่มีทางเลือก พ่อต้องพามันไป...ลูกหนันรอพ่ออยู่ในนี้ ห้ามออกไปหน้าหาดเด็ดขาด ไปสหัส”
ทั้งสองจะช่วยกันยกตัวนาวิศไปอีก ปาหนันเข้ามากอดแขนนาวิศ ดึงไว้
“หนันไม่ยอมให้พ่อพาพร้าวไปไหน ถ้าพ่อจะฆ่าพร้าวให้ตาย พ่อก็ต้องฆ่า หนันก่อน”
เคี่ยมอึ้งตะลึง
“ลูกหนัน”
สหัสร้อนใจ
“คุณหนันอย่าทำอย่างนี้เลยครับ พวกเราไม่มีเวลาแล้ว”
“สหัสไม่ต้องมาพูด พร้าวเขาไปทำอะไรให้ สหัสถึงจะต้องเอาชีวิตเขาให้ได้ สหัสคิดว่าตัวเองมีอำนาจเหนือคนอื่น แล้วจะทำอะไรใครก็ได้งั้นเหรอ...ทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน สหัสไม่อยากตาย พร้าวเขาก็ไม่อยากตายเหมือนกัน”
เคี่ยมนิ่งอึ้งไป
“ลูกหนันพูดถูก ทุกคนรักชีวิต...ฉันไม่ควรเห็นแก่ตัว...”
“แต่ผมไม่ได้เห็นแก่ตัวเอง ถ้าชีวิตผมแลกเพื่อนายหรือคุณหนันได้ ผมก็จะทำ...แต่มันทำไม่ได้ ชีวิตผมมันใช้แทนไอ้หมอนี่ไม่ได้”
เคี่ยมนิ่งคิดไป ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
“พ่อจ๊ะ สหัสหมายความว่ายังไง...”ปาหนันถามอย่างไม่เข้าใจ
เคี่ยมยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปาก
“แทนไอ้พร้าว...”
เคี่ยมนึกแผนได้ ยิ้มออกมา
“สหัส...ช่วยฉันถอดเสื้อผ้ามันออกมา”
“พ่อจะทำอะไรจ๊ะ”ปาหนันถามอย่างสงสัย
“มีเวลาไม่มากแล้ว สหัส ช่วยกันเร็ว”
เคี่ยมลงมือถอดเสื้อผ้านาวิศ สหัสลงมาช่วยอย่างไม่เข้าใจ ปาหนันมองอย่างเขินอาย สหัสเหลือบมอง ปาหนันนึกขึ้นมาได้จึงหันหน้าหนีท่าทางกระอักกระอ่วน เคี่ยมรวบรวมเสื้อผ้านาวิศ จะออกไป แต่หันมาสั่งลูกสาวก่อน
“ลูกหนันเอาลิ้นมังกรโปะแผลให้พร้าว แล้วอยู่กับมันในนี้ ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด แล้วพ่อจะรีบเอาเรือกลับมารับ”
“เดี๋ยวสิจ๊ะพ่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ แค่ทำตามที่พ่อบอก เข้าใจไหม”
ปาหนันจำใจพยักหน้ารับ เคี่ยมรีบออกไป สหัสหันมองปาหนันแวบหนึ่ง แล้วตามเคี่ยมออกไป
+ + + + + + + + + + + +

เคี่ยมกลับมาที่ศพ จะถอดเสื้อผ้าศพ
“ขอโทษด้วยนะ”
“นายจะทำอะไรครับ”สหัสถามงงๆ
“เอาตัวแทนนาวิศไปให้คุณธานีไง”
สหัสมองที่ศพชายคนนั้น เข้าใจขึ้นมารีบเข้าไปช่วยเคี่ยมเปลี่ยนเสื้อผ้าศพ
ทางด้านธานีกับคนติดตามยืนรอพวกเคี่ยม เห็นหายไปนานก็ชักหงุดหงิด
“ไอ้เคี่ยมมันหายไปไหนนานจังวะ”
“หรือมันจะเล่นตุกติกกับนายอีกครับ”ชาติบอก
“ถ้าไอ้เคี่ยมหักหลังฉันอีกล่ะก็...ยิงพวกมันทิ้งให้หมด”
ขณะเดียวกันนั้นเคี่ยมกับสหัสออกมา พร้อมกับช่วยกันแบกศพผู้ชายซึ่งเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของนาวิศแล้ว ทั้งสองทิ้งศพลงพื้น ท่าทางเหนื่อย ธานีตาวาว เดินเข้าไปดู
“นี่เหรอ หลานรักของฉัน”
ธานีใช้เท้าเขี่ยศพให้พลิกหงายหน้าขึ้นมา เห็นว่าศพหน้าเละก็ชะงัก
“นี่เหรอศพนาวิศ ทำไมมันเละแบบนี้”
“ถ้าคุณธานีอยากรู้ สงสัยต้องพานาวิศไปชันสูตรศพแล้วล่ะครับ”สหัสบอก
ธานีตวาดทันที
“ปากดีนักไอ้นี่”
เคี่ยมมองหน้าธานี
“พวกผมไถ่โทษให้คุณธานีเรียบร้อยแล้ว เอาศพนาวิศกลับไปเถอะครับ”
ธานีมองศพ แล้วหันไปพยักหน้ากับชาติ ชาติกับลูกน้องช่วยกันหิ้วศพไปที่เรือ ธานีเดินตามไป เคี่ยมกับสหัสมองตาม ยังหนักใจ
“ถ้าคุณธานีเกิดรู้ขึ้นมาว่าศพนั่นไม่ใช่นาวิศ เขาคงจะกลับมาเล่นงานเราอีก”
“ถึงตอนนั้นพวกเราก็คงไม่อยู่ที่นี่แล้ว ให้เขาจัดการกับหลานเขาเองเถอะ”
ทั้งสองเดินตามไปสมทบกับพวกธานีที่เรือ
+ + + + + + + + + + + +

นาวิศยังคงนอนไม่ได้สติ ปาหนันเคี้ยวใบลิ้นมังกรจนแหลก นำมาโปะแผลที่ขาให้เขา แล้วดึงชายเสื้อจนขาด นำมาเป็นผ้าพันแผลผืนใหม่ ปาหนันพันแผลให้เขา สายตาเหลือบไปมองนาวิศที่เปลือยท่อนบน ท่อนล่างมีกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ปาหนันชะงัก รู้สึกขวยเขิน นาวิศขยับตัว เริ่มรู้สึกปาหนันหันกลับมามออย่างเป็นห่วง
“พร้าว...”ปาหนันจับมือเขาไว้ “มือเย็นเฉียบเลย... พร้าว เป็นไงบ้าง”
“ห...หิ้ว...น้ำ...”นาวิศละเมอ
“จริงด้วย พร้าวอดน้ำมาหลายวันแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ หนันจะหาน้ำมาให้พร้าวกินเอง”
ปาหนันเดินออกไปหาแหล่งน้ำมาพักใหญ่ไม่เจอ เลยยืนพักเหนื่อย
“เกาะนี้เคยมีคนอยู่แท้ๆ แต่ทำไมไม่มีแหล่งน้ำเลย”
ปาหนันเหลือบไปเห็นดงกล้วย
“โชคดีมีดงกล้วย”
ปาหนันเข้าไปฉีกใบตอง จากนั้นก็ก้มเก็บกิ่งไม้เล็ก ๆ มากลัดใบตองให้เป็นห่อแล้วออกแรงบิดก้านกล้วย
“เหนียวชะมัดเลย”
ปาหนันออกแรงบิดมากขึ้น น้ำจากก้านกล้วยไหลลงห่อใบตองที่วางอยู่ ถึงปาหนันบิดหลายครั้งก็ได้น้ำไม่เยอะมากนัก ไม่เต็มห่อใบตอง
ปาหนันรีบนำน้ำกลับมาให้นาวิศดื่มน้ำกล้วยจากห่อใบตอง นาวิศดื่มรวดเดียวหมดด้วยความกระหาย
“คุณหนันหาน้ำมาจากไหนครับ”
“ในก้านกล้วยมีน้ำ หนันคั้นน้ำมันออกมา”
นาวิศอึ้งไป จับมือปาหนันแบดู มือของเธอแดงเถือก นาวิศเงยหน้ามองปาหนัน รู้สึกซึ้งใจ
“คุณหนัน...เจ็บมากไหมครับ”
“หนันไม่เป็นไร...รู้ไหม พร้าวก็ต้องไม่เป็นไรเหมือนกัน...เดี๋ยวพ่อก็จะส่งเรือมารับเรากลับ พร้าวนอนพักเถอะนะ”
“ขอบคุณครับ คุณหนัน...”
นาวิศค่อยหลับตาลงเพราะพิษไข้ ปาหนันมองสงสาร ลูบผมให้เขา
+ + + + + + + + + + + +

รสาถูกขังอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เธอนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง ท่าทางหวั่นกลัว ตัวสั่น ครู่หนึ่ง มีเสียงคนไขกุญแจ รสารีบมองไปทางประตูหน้าตื่น ตกใจ คนที่เปิดประตูเข้ามาปรากฏว่าเป็นระริน รสาทั้งตกใจ ทั้งดีใจ
“พี่ริน...”
ระรินวิ่งเข้ามาหารสาด้วยความเป็นห่วง รสาโผเข้ากอดระริน แทบจะร้องไห้ออกมา
“พี่ริน...”
“รสา...ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่มาช่วยแล้ว...”
“พี่รินมาที่นี่ได้ยังไง”
“ที่นี่เป็นบ้านพักของพวกเทพสุทธิพงศ์ พี่ขโมยกุญแจสำรองมา...รสาไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“คุณธานีจะฆ่ารสา เขาให้รสาบอกที่อยู่คุณนาวิศ แต่ไม่รู้คุณนาวิศหายตัวไปไหน เขาก็เลยจับรสามาขัง แล้วตอนนี้คุณธานีก็กำลังตามหาตัวคุณนาวิศอยู่”
“แสดงว่าคุณนาวิศยังไม่ตาย”
“แต่รสาไม่ได้ข่าวเขาอีกเลยนะพี่ริน เราจะทำไงกันดี”
ระรินคิดไปครู่หนึ่ง
“เรื่องคุณนาวิศ เราคงต้องค่อยๆสืบกัน แต่ตอนนี้ รีบไปจากที่นี่ก่อนที่คุณธานีจะกลับมาเถอะ”
ระรินลุกขึ้น จะดึงรสาไปด้วย แต่รสาไม่ยอมไป
“ไม่ได้พี่ริน รสาไปไม่ได้ คุณธานีบอกว่าถ้ารสาหนี เขาจะตามฆ่ารสา”
“พี่จะไม่ยอมให้เขาทำอะไรรสาอีกเด็ดขาด ไม่ต้องกลัวนะรสา ไปกับพี่ รสายังต้องช่วยพี่ตามหาตัวคุณนาวิศนะ”
รสาตัดสินใจยอมตามระรินออกไป
สองสาวรีบวิ่งออกมาจากห้องจะหนี แล้วต่างต้องชะงักด้วยความตกใจ เมื่อธานีกลับเข้ามา
“มาจนได้นะ ระริน...”
รสาท่าทางกลัวมาก ระรินเอาตัวบังรสาไว้ข้างหลังอย่างปกป้อง
“คุณไม่มีสิทธิมากักขังหน่วงเหนี่ยวน้องรินอย่างนี้นะคะ คุณธานี”
ธานีจับข้อมือระริน บีบแน่น
“ลืมตัวหรือไงระริน...เธอต่างหากที่ไม่มีสิทธิมาสั่งฉัน”
“คุณธานี บ้านเมืองมีขื่อมีแป คุณจะมาทำอะไรตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้”
“ฉันจะทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ”
ธานีดึงแขนระรินเหวี่ยงออกไป ระรินเซตามแรงจนล้มไปที่โซฟา รสายืนอึ้ง ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ระรินหันมองธานีอย่างโกรธๆ
“ใช่ คุณจะทำอะไรก็ได้ รวมถึงทำร้ายหลานตัวเองเพื่อฮุบมรดกด้วยใช่ไหมคะ”
ธานียิ้มเหี้ยม
“ถ้าใช่ แล้วจะทำไม”
“รินจะไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ รินจะขัดขวางคุณ”
ธานีหัวเราะ
“ช่างเป็นอาสะใภ้ที่แสนดีอะไรอย่างนี้... เสียดาย ไอ้นาวิศมันไม่อยู่ให้เธอปกป้องซะแล้ว”
ระรินกับรสาต่างก็ตกใจกับคำพูดของธานี
“ค...คุณว่าอะไรนะ”
ขณะเดียวกันนั้นชาติเข้ามา
“นายครับ นายเคี่ยมเตรียมรถขนศพเรียบร้อยแล้ว นายจะให้เอาศพนาวิศกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้เลยไหมครับ”
ระรินแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ เข้าไปขยุ้มอกเสื้อธานี
“หมายความว่ายังไง คุณฆ่าคุณนาวิศเหรอคุณธานี คุณฆ่าหลานตัวเองได้ลงคอจริงๆเหรอ”
ธานีผลักระรินลงไปกองกับพื้น รสาตกใจ
“พี่ริน”
รสารีบเข้าไปประคองระริน ธานีตามเข้ามาดึงผมระริน รสาอยากจะห้าม แต่ไม่กล้า ได้แต่เงอะงะ ทำอะไรไม่ถูก
“ไอ้นาวิศมันตายเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน...แต่ถ้าขืนเธอพูดมาก ฉันจะปิดปากเธอเอง”
ระรินน้ำตารื้น ธานียิ้มเหี้ยม หันไปมองรสา รสาหลบสายตา ธานีจับหน้ารสาหันมา
“เธอด้วยนะ น้องสะใภ้...หวังว่าจะไม่ปากมาก”
รสากลัวมาก ธานียิ้ม แล้วลุกออกไป ชาติตามออกไปด้วย ระรินอึ้งช็อคไปเมื่อรู้ว่านาวิศตายแล้ว รสามองอย่างสงสาร แล้วเข้ามากอดระรินปลอบใจ
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันขนกองกิ่งไม้แห้งเข้ามาวางที่พื้นในถ้ำ แล้วหันมองนาวิศที่ยังหลับอยู่ ปาหนันนั่งลง ตั้งใจจุดไฟด้วยการฝนกิ่งไม้ นาวิศเริ่มรู้สึกตัว สะลือสะลืม หันมองเห็นปาหนันก็พยายามเรียก
“คุณหนัน...”
ปาหนันเห็นนาวิศตื่นแล้วก็รีบเข้ามานั่งใกล้ๆ
“พร้าว...เป็นยังไงบ้าง”
“ค...คุณหนัน ทำอะไร ครับ”
“หนันจะจุดไฟจ้ะ...ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ดูท่าจะมีฝนด้วย”
“แต่จุดไฟแบบนี้มันลำบากนะครับ...มือคุณหนันเจ็บตั้งแต่หักก้านกล้วยบิดน้ำมาให้ผมแล้ว ยังต้องมาจุดไฟด้วยวิธีนี้อีก”
“แต่ข้างนอกฝนมันจะตกนะพร้าว ถ้าเกิดงูมันหนีเข้ามาหลบฝนกับเราจะทำไง หนันต้องจุดไฟไล่มัน...อีกอย่าง พร้าวเสียเลือดมากแล้ว แถมไม่มีเสื้อผ้าใส่ เดี๋ยวได้หนาวตายกันพอดี”
นาวิศก้มมองหน้าอกเปลือยของตัวเอง ปาหนันเผลอมองตาม นาวิศเงยหน้ามองปาหนัน ปาหนันสบสายตาแล้วสะดุ้ง เขิน รีบลุกหนีกลับไปจุดไฟต่อ
“หนันจุดไฟต่อก่อนนะ”
“ตกลงว่านายเคี่ยมทำอะไรกันแน่ครับ เขาเอาเสื้อผ้าผมไปทำไม”
ปาหนัน ยังเขินไม่กล้าหันมองนาวิศตรงๆ
“หนันก็ไม่รู้หรอกจ้ะ แต่เดี๋ยวพ่อเคี่ยมกลับมารับเรา หนันจะถามให้อีกที”
นาวิศสงสัย แต่เมื่อเห็นปาหนันพยายามจุดไฟทั้งที่มือเจ็บก็สงสาร อยากจะไปช่วย
“คุณหนันครับ...ผมช่วย...”
นาวิศลุกขึ้นมา แต่ก็หน้ามืด ตาลายจนหงายลงไปอีก ปาหนันรีบเข้ามาประคอง
“พร้าว อย่าเพิ่งรีบลุกสิ พร้าวโดนงูกัด เลือดไหลจะหมดตัวแล้ว มันหน้ามืดได้ง่ายๆ รู้ไหม...นอนเฉยๆเถอะนะ หนันจะดูแลพร้าวเอง”
นาวิศหมดสิ้นเรี่ยวแรง ไม่สามารถทำอะไรได้ ในที่สุดต้องยอมตามที่เธอบอก ปาหนันยิ้มให้เขาแล้วกลับไปนั่งจุดไฟอีกครั้ง นาวิศมองตามอย่างซึ้งใจ
+ + + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้น..แท่นช่วยคนขนศพลงโลง โดยมีเคี่ยมกับสหัสยืนคุมอยู่ ครู่หนึ่งชาติขับรถเข้ามา ธานีลงมาจากรถ เดินตรงมาหาเคี่ยม
“เรียบร้อยไหมนายเคี่ยม”
“ครับคุณธานี”เคี่ยมหันไปสั่งคนขนศพ “ปิดฝาโลง เตรียมขนศพเข้ากรุงเทพได้เลย”
คนขนศพเตรียมจะปิดฝาโลง แต่ระรินกับรสาตามธานีมา
“คุณนาวิศ...”
คนขนศพยังไม่ทันปิดฝาโลง ระรินวิ่งเข้ามาดูศพเสียก่อนเห็นศพผู้ชายโดนผ้าขาวคลุมไว้ แต่ช่วงแขนโผล่ออกมา ระรินเสียใจที่ปกป้องนาวิศไม่ได้
“โธ่...คุณนาวิศ...อาผิดเอง ที่ช่วยคุณไม่ได้...”
“นาวิศตายเพราะอุบัติเหตุ ไม่มีใครช่วยเขาได้ทั้งนั้น...เธอออกมาห่างๆได้แล้ว เขาจะได้ขนศพขึ้นรถ”
ระรินมองศพนาวิศอย่างอาลัย รสามองอย่างสงสารไปด้วย เคี่ยมกับสหัสที่ดูอยู่นึกหวั่นใจว่าจะมีใครรู้ไหมว่าไม่ใช่ศพนาวิศ
“ให้เขาขนศพขึ้นรถเลยดีไหมครับนี่ก็มืดแล้ว จะได้รีบเดินทาง”
รสาประคองระรินออกมา ปล่อยให้คนขนศพปิดฝาโลงแล้วนำไปขึ้นท้ายรถบรรทุก ธานีมองตามโลง ยิ้มสมใจ เคี่ยมกับสหัสแอบเหลือบมองกัน
+ + + + + + + + + + + +

ขณะที่ด้านฝนตกหนักที่หน้าถ้ำ ปาหนันพยายามจุดไฟ จนไฟเริ่มติด ใบไม้และเศษหญ้าแห้งเริ่มติดไฟ มีควันลอยขึ้นมา ปาหนันดีใจ พยายามเป่าให้ไฟลุก จนในที่สุดไฟเริ่มลุกขึ้นมา
“พร้าว หนันจุดไฟติดแล้ว”
นาวิศนอนไม่ได้สติ ตัวสั่น ไข้ขึ้น ปาหนันตกใจ รีบเข้ามาดูใกล้ๆ
“พร้าว...พร้าวเป็นอะไร”
นาวิศไม่ตื่นปาหนันวิตก เขย่าตัวนาวิศ
“พร้าว...”
พอมือปาหนันแตะโดนตัวนาวิศก็ต้องตกใจ เพราะเขาตัวร้อนมาก
“พร้าวทำไมตัวร้อนอย่างเนี้ย”
นาวิศไม่รู้สึกตัว นอนไข้ขึ้น หนาวสั่น ปาหนันเอามืออังหน้าผากของเขา รู้สึกว่าร้อนมาก ได้แต่เป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ถูก
“พร้าว อย่าเป็นอะไรนะ...หนันจะทำยังไงดี...”
ปาหนันทุกข์ใจ ไม่รู้จะช่วยนาวิศย่างไรดี
+ + + + + + + + + + + +

บริเวณท่าเรือฝนตก ลมแรง เดื่อกับทับทิมช่วยกันเข็นรถมอเตอร์ไซต์กลับบ้าน ทับทิมบ่นไปด้วย
“ขี่รถหาคุณหนันมาทั้งวัน ไม่สังหรณ์ใจมั่งรึไงว่าน้ำมันจวนหมด”
“เดื่อคิดว่าน้ำมันเต็มถัง ลืมไปว่าเติมน้ำมันครั้งสุดท้ายเมื่อสามวันก่อนน่ะ”
“ความจำสั้น คนความจำสั้นเค้าเรียกว่าคนโง่”ทับทิมแดกดัน
“ความจำสั้น โง่...ความจำเสื่อมอย่างไอ้พร้าวก็ต้องบรมโง่ดิ”
ทับทิมชักฉุน
“พร้าวของฉันน่ะฉลาด หัวแหลมอย่างกับแหลมสมิหลา นายเคี่ยมถึงให้ไปช่วยงานในสำนักงาน อีกหน่อยพร้าวก็ต้องได้เลื่อนเป็นผู้จัดการท่าเรือ ถึงวันนั้นฉันก็จะเป็นเมียผู้จัดการ”
“ไอ้พร้าวมันไม่เอาผู้หญิงปากเสียเป็นเมียหรอก”
ทับทิมโกรธ
“ไอ้เดื่อ ไอ้ผีเจาะปากมาพูด”
พอดีสหัสวิ่งสวนไปที่ท่าเรือ ทับทิมรีบตะโกนถามสหัส
“พี่สหัส จะรีบไปไหนน่ะ”
สหัสไม่สนใจ รีบวิ่งตรงไปยังท่าเรือ เดื่อกับทับทิมต่างก็มองอย่างแปลกใจ
“พี่สหัสวิ่งไปท่าเรือนี่ อย่าบอกนะว่าจะออกเรือตอนนี้”
ทับทิมกับเดื่อหันมองกันหน้าตื่นๆ เดื่อตั้งขาตั้งมอเตอร์ไซค์จอดไว้ตรงนั้น แล้วทั้งสองรีบวิ่งตามสหัสไปทันที
สหัสวิ่งเข้ามาที่เรือซึ่งจอดอยู่ เตรียมเอาเรือออก เดื่อกับทับทิมวิ่งตามเข้ามา
“พี่สหัสจะออกเรือจริงๆด้วย”
ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปห้ามสหัส
“พี่สหัส พี่จะไปไหน ออกเรือตอนนี้ไม่ได้นะ ฉันกับเดื่อเพิ่งมาจากตลาด เขาคุยกันว่ามรสุมเข้า มีประกาศให้งดเรือออกจากฝั่ง”ทับทิมตะโกนห้าม
สหัสไม่ยอมฟัง แก้เชือกผูกเรือไม่วางมือ เดื่อเข้ามาจับแขนไว้
“พี่สหัสได้ยินพวกฉันหรือเปล่า พี่ออกเรือไม่ได้นะ”
สหัสสะบัดแขนออกจากเดื่อ
“ไม่ต้องห้ามข้า พวกเอ็งนั่นแหละกลับไป”
“ทำไมล่ะพี่สหัส นายให้ออกเรือตอนนี้เหรอ”เดื่อถามอย่างแปลกใจ
“นายคงไม่รู้ว่ามีมรสุมถึงบอกให้พี่ไป แต่นี่เขาออกประกาศแล้ว ขืนพี่ดันทุรังออกไปมีหวังได้ไปตายกลางทะเลหรอก”ทับทิมเตือน
“บอกแล้วไงว่าพวกเอ็งไม่ต้องมายุ่ง กลับบ้านไป”
สหัสหันกลับไปแก้เชือกผูกเรือต่อ เดื่อกับทับทิมมองหน้ากันอย่างหนักใจ ยังไงก็ห้ามสหัสไม่ได้ สหัสแก้เชือกเสร็จก็โยนเชือกขึ้นเรือ แล้วตัวเขากำลังจะขึ้นเรือ แต่มีมือมาจับไหล่ไว้ สหัสฉุน หันกลับมา
“ไอ้เดื่อ!”
สหัสต้องชะงักไป เมื่อปรากฏว่าเป็นเคี่ยม เคี่ยมดึงเชือกผูกเรือกลับมา
“ฉันให้แกไปไม่ได้หรอกสหัส ออกเรือกลางมรสุมแบบนี้ มันอันตรายมาก”
“แต่คุณหนันก็อยู่ในที่อันตรายเหมือนกันนะครับนาย ยิ่งฝนตก งูมันยิ่งชอบออกมาเพ่นพ่าน แล้วที่เกาะนั่นก็มีแต่งูพิษทั้งนั้น”
ทับทิมกับเดื่อได้ยินก็ตกใจและประหลาดใจ
“พี่สหัสรู้เหรอว่าคุณหนันอยู่ไหน”ทับทิมถามงงๆ
“ข้ากำลังจะไปรับคุณหนันกลับอยู่นี่ไง เอ็งสองคนพานายกลับบ้านไป”
สหัสหันกลับไป เคี่ยมดึงไว้อีก
“นี่เป็นคำสั่ง แกห้ามออกเรือ”
สหัสหน้าเสีย
“แต่...”
“ฉันห่วงลูกหนันมากกว่าใครทั้งหมด ฉันเองก็อยากไปรับลูกหนันออกมาจากไอ้เกาะบ้านั่น แต่ทะเลมีมรสุมแบบนี้ ขืนเอาเรือออก มีหวังได้ตายอยู่กลางทะเล ก่อนที่จะได้เห็นหน้าลูกหนัน”
สหัสนิ่งไป อันที่จริงเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับปาหนันกลับมาอย่างปลอดภัย
“ฉันยอมให้แกเอาชีวิตไปทิ้งกลางทะเลไม่ได้...”เคี่ยมทอดถอนใจ “เราคงทำได้แค่ภาวนาให้ลูกหนันปลอดภัย”
ทุกคนต่างก็หนักใจ เป็นห่วงปาหนัน
อ่านต่อหน้าที่ 2










ตอนที่ 7 (ต่อ)
ปาหนันใช้ถ้วยที่เธอทำขึ้นจากห่อใบตอง มารองน้ำฝนหน้าถ้ำ แล้วกลับเข้าไปให้นาวิศ ปาหนันประคองนาวิศขึ้นมา แล้วป้อนน้ำให้ นาวิศสะลึมสะลือ ไม่ได้สตินัก แต่ก็กินน้ำเข้าไป ปาหนันประคองเขานอนลง นาวิศสั่นหงึกๆเพ้อออกมา
“น...หนาว”
ปาหนันมองนาวิศอย่างสงสารมาก จับมือเขามากุมไว้
“พร้าวทำใจดีๆนะ อย่าเป็นอะไรนะ...”ปาหนันมองไปทางหน้าถ้ำ “ทำไมป่านนี้พ่อยังไม่มารับนะ...หรือว่ามีพายุ ถึงออกเรือมาไม่ได้”ปาหนันมองพร้าวอย่างเป็นห่วง “แล้วหนันจะทำไงดีล่ะพร้าว...หนันจะช่วยพร้าวได้ยังไง”ปาหนันพนมมือบนบาน “ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยพร้าวด้วยเถอะ”
นาวิศหนาวมาก เริ่มห่อตัวคุดคู้ ยิ่งสั่นมากขึ้น ปาหนันสงสารเขามาก แทบจะร้องไห้ออกมาลงมานอนข้างๆแล้วกอดเขาไว้
“พร้าวตายไม่ได้นะ...หนันจะทำยังไงดี...”
นาวิศ ไม่ได้สติตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดปาหนัน ปาหนันตัดสินใจลุกนั่งขึ้นมา แล้วปลดกระดุมถอดเสื้อของเธอออกมาคลุมลงบนตัวเขา แล้วนอนกอดเขาไว้อีกครั้ง ปาหนันมองนาวิศอย่างห่วงใย รักล้นใจ
“ให้หนันทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง แต่พร้าวอย่าตายนะ...”
ปาหนันนอนกอดนาวิศไว้
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่...ธานีนั่งคุยอยู่กับวิรัช ชาติยืนอยู่มุมหนึ่งในห้องรับแขก...
“ตอนนี้ศพของนาวิศอยู่ที่โรงพยาบาล ผมอยากให้คุณจัดการเรื่องใบมรณะบัตร ของหลายชายผมให้เรียบร้อย แล้วก็รีบโอนอำนาจประธานบริษัท ในเครือเทพสุทธิพงศ์ทั้งหมดมาที่ผมให้เร็วที่สุด”
วิรัชหน้าไม่สบายใจ มองหน้าธานี
“ไม่ใช่ผมไม่เสียใจกับการตายของหลานชายตัวเองหรอกนะ...แต่งานของเทพสุทธิพงศ์ต้องมีคนสานต่อ”
ระรินเข้ามา
“ดูเหมือนคุณจะห่วงบริษัท มากกว่าชีวิตคนในครอบครัวอีกนะคะ คุณธานี”
รสาตามเข้ามา ไม่อยากให้ระรินมีเรื่องกับธานี จึงเข้ามาปราม
“พี่ริน...”
“รินว่าคุณอย่าดีใจกับการตายของคุณนาวิศ จนออกนอกหน้านักเลยนะคะ...เพราะคนอื่นเขาจะรู้ว่าเป็นฝีมือคุณ”
“ระริน”ธานีลุกออกมาโมโหมาก “เสียใจเรื่องนาวิศจนเพี้ยนไปเลยหรือไง ถึงได้พูดบ้าๆแบบนี้”
“ค่ะ รินเสียใจมาก...เสียใจจนบอกกับตัวเองว่า ต่อให้รินต้องตายไปด้วยอีกคน รินก็จะต้องเปิดโปงคุณให้ได้”
วิรัชมองสองคนงงๆ
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ คุณระรินพูดเหมือนกับว่าคุณธานีมีส่วนรู้เห็นกับการตายของคุณนาวิศ...”
ธานีไม่พอใจมาก
“ผมจะไปรู้เห็นได้ยังไง นี่มันกล่าวหากันชัดๆ”ธานีมองระรินอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ “เรื่องที่เธอกล่าวหาฉันมันเป็นความคิดเพ้อเจ้อของเธอเอง เธอมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าฉันฆ่านาวิศ”
“คุณนาวิศตายอย่างอนาถ...หน้าเขาเละจนจำเค้าเดิมไม่ได้...”ระรินจ้องหน้าธานี “บอกหน่อยสิคะ...ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนฆ่าคุณนาวิศ...แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าศพนั่นเป็นศพคุณนาวิศ คุณรู้ได้ยังไง นอกจากว่าคุณเป็นคนฆ่าคุณนาวิศ”ระรินรัวกำปั้นทุบธานี “คุณมันเลว ฆ่าได้แม้กระทั่งหลานแท้ๆของตัวเอง...คุณทำเขาได้ลงคอได้ยังไง...คุณทำได้ยังไง”
ธานีรวบมือระรินไว้
“ฉันรู้ว่าเธอรักนาวิศมาก...เธออยากแต่งงานกับมันมากกว่าฉันซะอีก...แต่การที่เธอมาใส่ร้ายฉัน มันก็ไม่ทำให้นาวิศมันฟื้นขึ้นมาหรอก”
ระรินอึ้งไป
“คุณธานี...”
ธานีหันไปที่วิรัช
“คุณวิรัช ผมต้องเชิญคุณกลับไปก่อน เพราะผมคงต้องคุยกันเรื่องในครอบครัว”
ชาติเข้ามาเชิญวิรัชออกไป
“เชิญครับ”
วิรัชมองระรินอย่างเห็นใจ แต่จำต้องออกไป ธานีหันกลับมาจ้องระริน
“เธอกล้ามากนะ ที่พูดอย่างนั้นต่อหน้าทนายวิรัช...คงลืมใช่ไหม ว่าฉันทำอะไรเธอได้บ้าง”
“ก็เอาสิคะ จะฆ่ารินให้ตายตรงนี้เลยก็ได้ รินไม่กลัวอะไรอีกแล้ว”
ธานีเดินมาด้านหลังรสา
“เธอไม่ห่วงตัวเอง...ก็น่าจะห่วงน้องสาวบ้างนะ”ธานีรวบตัวรสาไว้ แล้วเอามืออีกข้างลูบแก้มรสา “เธอตายไปแล้ว ฉันอาจจะเอาน้องเธอเป็นเมีย”
ระรินโกรธจี๊ด
“อย่าแตะต้องน้องรินนะ”
ระรินโผเข้ามา จะช่วยน้อง แต่กลับโดนธานีตบกระเด็น
“จำไว้ ว่าอย่าลองดีกับฉันอีก”
ธานีผลักรสาล้มตามระรินไป
“พาพี่สาวเธอกลับขึ้นห้องไปซะ อย่าได้ลงมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
รสากลัว พยายามดึงระรินออกไป
“พี่ริน ไปเถอะ”
ระรินกับธานียังคงจ้องตากัน แค้นใจ รสาพยายามดึงระรินออกไป จนระรินยอมตาม
ธานีเข้าไปที่ห้องนอนของนาวิศ เห็นรูปถ่ายนาวิศกับพ่อตั้งอยู่ ธานีเดินเข้ามา ครุ่นคิดนึกถึงคำพูดของระริน
‘…คุณนาวิศตายอย่างอนาถ...หน้าเขาเละจนจำเค้าเดิมไม่ได้...บอกหน่อยสิคะ...ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนฆ่าคุณนาวิศ แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าศพนั่นเป็นศพคุณนาวิศ…’
ธานีเดินมารอบๆหยุดลงตรงหน้ากระจก เห็นหวีของนาวิศวางอยู่ มีเส้นผมสองสามเส้นติดอยู่ ธานีหยิบเส้นผมขึ้นมามองอย่างครุ่นคิด
ธานีนำเส้นผมมาใส่ซอง แล้วเดินออกมาหาชาติ
“ระรินพูดถูก... ศพนั่นมันเละมาก แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ว่ามันเป็นศพนาวิศจริง หรือไอ้เคี่ยมมันเล่นลูกไม้กับฉันอีก”
“คุณธานีคิดว่าศพที่เราได้มาไม่ใช่ศพนาวิศเหรอครับ”
“ฉันก็ไม่รู้...แต่เพื่อความแน่ใจ”ธานียื่นซองใส่ผมให้ชาติ “แกเอาเส้นผมของนาวิศนี่ไปตรวจดีเอ็นเอเทียบกับศพนั่น...ถ้าดีเอ็นเอตรงกันก็แล้วไป...แต่ถ้าไม่ใช่...ไอ้เคี่ยมเดือดร้อนแน่”
ธานีบอกด้วยน้ำเสียงเหี้นมโหด
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่..นาวิศกับปาหนัน ยังนอนหลับอยู่ทั้งคู่ นาวิศรู้สึกตัวตื่น เห็นปาหนันมาหลับอยู่ใกล้ๆก็แปลกใจ นาวิศก้มลงมอง เห็นเสื้อปาหนันคลุมตัวเขาอยู่ นาวิศอึ้งไป รู้สึกซึ้งน้ำใจปาหนัน จ้องมองเธอขณะยังหลับ แล้วครุ่นคิดในใจ
‘…ทำไมผู้หญิงที่แสนดีและน่ารักอย่างคุณ ต้องมาเป็นลูกสาวของคนที่โหดเหี้ยมอย่างนายเคี่ยมด้วย...ถ้าเรากลับไปได้เมื่อไหร่ ผมคงต้องเอาเรื่องพ่อคุณ...ถึงตอนนั้น คุณคงไม่มีวันดีกับผมแบบนี้อีกแล้ว...’
นาวิศสะท้อนใจ ลูบผมปาหนันเบาๆ
“ผมขอโทษนะ คุณหนัน...”
ปาหนันรู้สึกตัว เคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น หรี่ตาขึ้นมอง เห็นหน้านาวิศก็ยิ้มน้อยๆ
“พร้าว...”
ปาหนันหลับตาลง ก่อนสมองจะประมวลภาพ แล้วปาหนันจึงได้ตกใจตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“พร้าว”ปาหนันรีบก้มมองว่าตนไม่ได้ใส่เสื้อ แล้วยกมือขึ้นมากอดไหล่ตัวเอง “พร้าว อย่าเพิ่งมองนะ หันไปก่อน”
นาวิศมองสบตาปาหนันโดยไม่คิดจะแทะโลม สายตาเต็มด้วยความซึ้งใจ นาวิศเอาเสื้อของเธอออกจากตัว เขาแล้วคลุมลงบนตัวปาหนัน ก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง ปาหนันขยับออกห่างเขาแล้วลุกขึ้นนั่งด้วย แต่ยังเขิน อึดอัดใจ กอดกระชับเสื้อกับตัว ยังไม่กล้าใส่เสื้อเพราะเขายังหันมาทางเธอ นาวิศลูบมือลงบนแก้มปาหนัน
“ทำไมคุณหนันต้องทำขนาดนี้ด้วย”
ปาหนันอึกอักขวยเขิน
“ก็...ก็พร้าวไข้ขึ้น เพ้อว่าหนาวๆ แถมตัวสั่นเป็นลูกนก...หนันไม่รู้จะหาผ้าห่มที่ไหนให้พร้าว”
“คุณหนันดีกับผมจริงๆ...ผมอยากบอกอะไรคุณหนันไว้อย่าง...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้คุณหนันรู้ว่าผมไม่เคยต้องการให้คุณหนันเสียใจ”
ปาหนันจ้องมองนาวิศด้วยแววตาใสซื่อ ไม่เข้าใจที่เขาพูด นาวิศลูบแก้มปาหนัน มองเธอด้วยสายตาแห่งรัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จะจูบเธอ ปาหนันใจเต้นตูมตาม ได้แต่นิ่งอยู่ เมื่อเห็นเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจะจูบกัน ปาหนันหลับตา นาวิศใกล้จะประกบปากกับปาหนัน แต่ทันใดนั้น เสียงสหัสก็ดังขึ้นที่หน้าถ้ำ
“ไอ้พร้าว”
ทั้งสองตกใจ ผละจากกัน หันไปเห็นสหัสถือเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ตรงเข้ามาด้วยความโมโห สหัสโยนเสื้อผ้าที่ถือมาด้วยลงพื้น แล้วเข้ามากระชากไหล่นาวิศ จะต่อย
“อย่าทำอะไรพร้าวนะ สหัส”
สหัสเงื้อหมัดค้าง หันมองปาหนัน เห็นว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อ เพียงแต่กอดกระชับเสื้อปิดบังตัวไว้เท่านั้น สหัสเจ็บแค้นใจจนพูดไม่ออก สะบัดนาวิศออก แล้วหันหน้าไปทางปากถ้ำ
“ใส่เสื้อซะคุณหนัน รีบไปจากที่นี่ นายเคี่ยมรออยู่”สหัสหันมองนาวิศ ชี้เสื้อผ้าที่พื้น “ส่วนนั่น นายเคี่ยมฝากมาให้แก”
สหัสเดินออกไป ไม่หันมามองปาหนันอีก ปาหนันมองตามสหัส แล้วหันมองนาวิศ อย่างหนักใจ
สหัสหัวเสียออกมาจากในถ้ำ ทุบต้นไม้ เตะก้อนหินระบายอารมณ์ครู่หนึ่ง ปาหนันที่ใส่เสื้อเรียบร้อยแล้วตามออกมา
“เรื่องในถ้ำเมื่อกี้มันไม่มีอะไร หวังว่าสหัสคงไม่คิดเองเออเอง แล้วก็เอาไปฟ้องพ่อเคี่ยมนะ”
สหัสหันมองปาหนันด้วยแววตาผิดหวัง ปาหนันหน้าตึง มองเมิน
“แล้วก็อย่าเข้าใจผิด เพราะหนันไม่ได้ห่วงว่าสหัสจะคิดยังไง แค่ไม่อยากให้เรื่องนี้กวนใจพ่อเท่านั้น”
“ครับ...ผมรู้ดีว่าคุณหนันไม่เคยห่วงความรู้สึกของผม ที่ผมเฝ้าทำดีกับคุณหนัน คุณหนันก็ไม่เคยเห็นค่ามันเลยซักนิด”
“สหัสรู้ตัวก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่ต้องมากวนใจหนันอีก”
สหัสเจ็บปวด
“ผมขอโทษแล้วกัน ถ้าสิ่งที่ผมทำมันกวนใจคุณหนัน แต่ผมอยากเตือนคุณหนันไว้อย่าง ว่าเรื่องของคุณหนันกับไอ้พร้าว มันไม่มีทางเป็นไปได้”
ปาหนัน โมโห
“ทำไม เพราะสหัสตั้งใจจะขัดขวางเราใช่ไหม”
สหัสยิ้มขมขื่น
“มันไม่ใช่เพราะผมหรอก...แต่ถ้าคุณหนันรู้ว่าไอ้พร้าวเป็นใคร คุณหนันก็จะรู้เอง ว่าคุณหนันกับมันก็ไม่มีทางลงเอยกันได้”
ปาหนันอึ้งไป
“หมายความว่า...สหัสรู้เหรอ ว่าพร้าวเป็นใคร”
“กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ นายเคี่ยมคงบอกคุณหนันเอง”
ปาหนันได้แต่อึ้งไป นี่พ่อก็รู้หรือว่าพร้าวเป็นใคร พอดีนาวิศเดินมา สหัสหันมองนาวิศแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาที่ปาหนัน
“กลับบ้านได้แล้วคุณหนัน นายเคี่ยมรออยู่”
ปาหนัน หันไปที่นาวิศ
“ไปพร้าว กลับบ้านกัน”
“ผมมารับคุณหนัน...มันไม่เกี่ยว”
“หนันจะไม่ทิ้งพร้าวไว้ที่นี่ ถ้าจะให้หนันกลับ พร้าวก็ต้องกลับด้วย”
สหัสฉุน เข้าไปดึงข้อมือปาหนัน
“มันต้องอยู่ที่นี่ ส่วนคุณหนันต้องไปกับผม”
สหัสออกแรงดึงปาหนันไป
“ไม่! ปล่อยหนันนะ สหัสต้องให้พร้าวกลับด้วย”
นาวิศเห็นสหัสรุนแรงกับปาหนันก็ไม่พอใจ รีบเข้าไปห้าม แต่นาวิศยังโซเซ เพราะไม่หายป่วยดี
“พอได้แล้วสหัส! อย่าทำรุนแรงกับคุณหนัน”
สหัสหันกลับมา ต่อยนาวิศโครม แล้วดึงปาหนันไป นาวิศโดนต่อยจังๆ ยิ่งไม่สบายอยู่ถึงกับมึนอยู่ที่พื้น ปาหนันหันมองนาวิศอย่างเป็นห่วง
“พร้าว...พร้าว”ปาหนันดิ้น “ปล่อยหนันนะสหัส...ปล่อยซี่”
สหัสจับข้อมือปาหนันแน่น ไม่ปล่อยง่ายๆ ปาหนันกระชากยังไงก็ไม่หลุด ได้แต่โดนสหัสดึงออกไป
สหัสดึงปาหนันมาที่เรือ ปาหนันพยายามสะบัด เท่าไหร่ก็ไม่หลุดจากมือของสหัส
“ปล่อยหนันนะ”ปาหนันทุบสหัสด้วยมืออีกข้าง “สหัสบ้า ปล่อยซี่”
สหัสหันกลับมา รวบมือปาหนันไว้อีกข้าง
“คุณหนันก็ได้ยินผมบอกแล้ว คุณหนันกับไอ้พร้าวไม่มีทางลงเอยกันได้ เลิกห่วงมันได้แล้ว เพราะมันต้องอยู่ที่นี่จนตาย”
“ถ้าพร้าวไม่ได้กลับ หนันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถึงสหัสจะเอาหนันขึ้นเรือไปได้ หนันก็จะว่ายน้ำกลับมาหาพร้าว ถึงสหัสจะมัดหนันไว้กับเรือ แต่ถึงฝั่งเมื่อไร หนันก็จะกลับมาหาพร้าวอีก...แล้วสหัสก็ไม่มีทางห้ามหนันได้ รู้เอาไว้ด้วย”
สหัสนิ่งอึ้งไปอย่างเจ็บปวดใจ นาวิศตามออกมา สหัสมองนาวิศอย่างเจ็บแค้นใจ ก่อนจะหันมองปาหนัน เธอมีสีหน้าจริงจัง ไม่ยอมง่ายๆ
+ + + + + + + + + + + + +

เจ่งเดินเร่งร้อนเข้ามาที่ท่าเรือ เดื่อก้าวตามมาติดๆ เจ่งเดินสะดุดเกือบล้ม เดื่อจับตัวไว้ได้ทัน
“ยายเจ่ง ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวล้มไปขาแข้งหักกันพอดี”
“ข้าร้อนใจ เป็นห่วงคุณหนันนี่”
“ก็น่าจะออกเรือไปรับคุณหนันซะเองเลย ไม่ต้องให้พี่สหัสไป”
เจ่งเงื้อมือจะตบหัวเดื่อ
“พูดมากนะไอ้นี่”
พอดีทับทิมวิ่งมา
“เดื่อ...ยายเจ่ง คุณหนันมาโน่นแล้ว ไปเร็ว”
ทั้งหมดหันไปมองยังที่จอดเรือ แล้วเดื่อกับทับทิมรีบวิ่งไปก่อน เจ่งหน้าเหวอ
“อ้าว...รอข้าด้วยซี่”
เจ่งรีบวิ่งตามไป
สหัสออกมาจากที่นั่งขับเรือ ดึงเชือกผูกเรือมาคล้องเสา ปาหนันประคองนาวิศออกมาจากเรือ สหัสมองปาหนันกับนาวิศอย่างเจ็บปวดใจ ปาหนันเหลือบมองสหัสด้วยหางตา ไม่ยอมมองตรงๆ ขณะเดียวกัน เดื่อกับทับทิมก็วิ่งตรงเข้ามาหาอย่างดีใจ
“คุณหนัน...พร้าว...”
ทับทิมเข้าถึงตัวนาวิศ
“พร้าวเป็นอะไรเนี่ย ทำไมโทรมอย่างเนี้ย”
“พร้าวไม่สบายจ้ะ”ปาหนันเหลือบมองสหัส ไม่พอใจ “แถมยังโดนคนใจร้าย ไม่ยอมให้พร้าวกลับมาด้วย”
ปาหนันมองหน้าสหัสอย่างไม่พอใจ สหัสมองตอบหน้าเครียด แต่ไม่พูดอะไร เจ่งตามเข้ามาถึง เข้ามาจับมือลูบแขนปาหนันอย่างเป็นห่วง
“คุณหนันของยาย ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ...โถ คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง...ไปค่ะ กลับบ้าน”
เจ่งจะดึงปาหนันไป จึงเหลือบมาเห็นนาวิศ เจ่งมองนาวิศอึ้งไป
“ไอ้พร้าว...”
“หนันจะพาพร้าวกลับบ้านสวน ยายเจ่งกลับไปบอกพ่อนะว่าหนันปลอดภัยกลับมาแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง...เดื่อไปเอายาที่ออฟฟิศนะ มียาอะไรเอามาให้หมดเลยทั้งแก้ปวดลดไข้ แล้วค่อยตามไปที่บ้านสวน เดี๋ยวหนันจัดยาให้พร้าวเอง...ไปพร้าว กลับบ้านเถอะ...”
ทับทิมช่วยปาหนันประคองนาวิศกลับบ้านสวนมะพร้าว เดื่อแยกไปเอายา สหัสมองตามอย่างผิดหวัง เจ็บช้ำใจ เจ่งเข้ามาถาม
“เอ็งพาคุณนาวิศกลับมาอีกทำไมวะ”
“ยายเจ่งคิดว่าฉันเต็มใจพามันกลับมาเหรอ รู้ๆอยู่ว่าคุณหนันไม่ยอมปล่อยมันไว้ที่นั่น”
เจ่งถอนใจออกมา
“โธ่...คุณหนันนะคุณหนัน...ไม่รู้จะก่อเรื่องไปถึงไหน”
สหัสมองตามหลังปาหนันไป ทั้งเจ็บใจและหนักใจ
ปาหนันกับทับทิมช่วยกันประคองนาวิศเข้ามา
“ถึงบ้านซะทีนะพร้าว”
ทับทิมถามขึ้นอย่างสงสัย
“ตกลงว่ามันยังไงกันเนี่ย ทำไมอยู่ๆพี่สหัสถึงจับพร้าวไปปล่อยเกาะอย่างนั้น แล้วนายเคี่ยมรู้เรื่องหรือเปล่า”
ปาหนันอึกอัก ทำหน้าไม่ถูก นาวิศเหลือบมองปาหนัน รู้ว่าเธอลำบากใจ แต่ก็นึกแค้นใจเคี่ยมไปด้วย
“ทับทิมกลับไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวหนันดูแลพร้าวต่อเอง”
“ค่ะ”ทับทิมออกไป
ปาหนันหันมาหานาวิศ เห็นเขาเครียดๆ ปาหนันหนักใจ
“พร้าว...ที่เมื่อกี๊ทับทิมพูดถึงพ่อหนัน...”
“ช่างเถอะครับ...ผมรู้ว่าคุณหนันหนักใจที่จะพูดว่าทำไมพ่อคุณหนันถึงจับผมไปไว้ที่เกาะนั่น”
“พ...พร้าวรู้ว่าพ่อหนัน...เป็นคนทำงั้นเหรอ”
นาวิศเจ็บใจ
“ถึงสหัสจะไม่ชอบหน้าผม แต่ก็คงไม่ถึงกับต้องจับผมไปทิ้งเกาะร้าง...ผมว่าที่สหัสทำแบบนี้ เป็นเพราะคำสั่งของใครบางคน...และคนเดียวที่สั่งสหัสได้ ก็คือนายเคี่ยม”
ปาหนันหน้าเจื่อน
“พร้าวไม่ต้องห่วงนะ หนันว่าพ่อก็ต้องมีเหตุผลที่เราไม่รู้...หนันจะไปถามพ่อ ว่าทำไมถึงต้องทำกับพร้าวแบบนี้...หนันจะต้องรู้ให้ได้ว่านี่มันเรื่องอะไร”
นาวิศหน้าเครียด ครุ่นคิดอยู่ในใจ
‘…คำตอบของเรื่องนี้...ก็คือนายเคี่ยมต้องการจะฆ่าปิดปากผมไงล่ะ...ถึงคุณหนันจะช่วยผมไว้ แต่มันก็เปลี่ยนความจริงเรื่องนี้ไม่ได้...’
นาวิศเหลือบมองปาหนันอย่างทุกข์ใจ

จบตอนที่ 7
ติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.








กำลังโหลดความคิดเห็น