xs
xsm
sm
md
lg

บุหงาหน้าฝน ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 11
ใกล้ค่ำ...รถเคี่ยมแล่นเข้ามาตามทางเข้าบ้านใหม่ ปาหนันมองไปนอกรถด้วยความรู้สึกแปลกตา เคี่ยมชี้ไปด้านหน้า
“นั่นไงลูกหนัน บ้านใหม่ของเรา”
ปาหนันมองตามไป รถเคี่ยมกำลังแล่นตรงไปยังบ้านใหม่
เคี่ยมจอดรถ สหัสและปาหนันทยอยลงมา ปาหนันจ้องมองบ้านใหม่ เจ่ง เดื่อ ทับทิมวิ่งออกมา ต่างดีใจที่ทั้งสามกลับมาอย่างปลอดภัย
“คุณหนันมาแล้ว”
แท่นตามออกมาจากบ้านแฝดใกล้ๆกัน เจ่งเข้าไปลูบเนื้อตัวปาหนันอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ...โถ คุณหนันของยาย...ปล่อยให้เป็นห่วงอยู่ตั้งนาน”
เจ่งจะร้องไห้ ปาหนันยิ้ม เข้าไปกอดเจ่ง
“ยายเจ่งก็...จะร้องไห้ทำไมล่ะ หนันก็ปลอดภัยกลับมาแล้วนี่ไงจ๊ะ”ปาหนันเช็ดน้ำตาให้เจ่ง “อย่าร้องซี่ ขี้มูกยืดแล้ว เห็นไหม”
เจ่งหยิกแขนปาหนัน
“นี่แน่ะ ทำเป็นเล่นทุกที รู้มั่งไหมว่าคนเขาเป็นห่วง ทีหน้าทีหลังอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนี้อีกนะคะ”
“โอ๊ยๆๆๆๆ รู้แล้วจ้ะ”ปาหนันเจ็บ
แท่นหันมาเห็นสหัสมีผ้าพันแผลที่แขนก็แปลกใจ
“แล้วนี่พี่สหัสไปโดนอะไรมา”
“สหัสโดนยิง...แต่พวกเราไม่กล้าแวะโรงพยาบาล ได้แต่ซื้อยาทำแผลกันเองในรถ เดี๋ยวยังไงพวกแกช่วยกันต้มน้ำสะอาดล้างแผลให้สหัส แล้วก็ทำแผลใหม่ซะให้เรียบร้อยนะ ถ้าแผลติดเชื้อจะเรื่องใหญ่”เคี่ยมสั่งเครียดห่วงใย
เจ่งถอนใจ
“ที่แท้ก็เกิดเรื่องมาจริงๆ ดีนะคะที่คุณหนันไม่เป็นไร”
“ก็ได้สหัสเสี่ยงชีวิตช่วยไว้นั่นแหละ”เคี่ยมหันไปหาสหัส “ขอบใจมากนะสหัส...ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำให้แกเดือดร้อน”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย นายอย่าคิดมากเลย”
“ไม่คิดไม่ได้หรอก เพราะฉันเป็นคนทำให้ทุกคนต้องลำบาก ฉันต้องรับผิดชอบชีวิตพวกแกทุกคน”
เคี่ยมมองทุกคนด้วยสายตาขอโทษ รู้สึกว่าตัวเองทำให้ทุกคนต้องลำบาก แล้วจึงหันหลัง เดินไปทางหลังบ้าน ปาหนันมองตามหลังพ่อไป รู้สึกไม่ดีที่ตนก็เป็นต้นเหตุให้ทุกคนลำบากเหมือนกัน
+ + + + + + + + + + + +

เคี่ยมเดินมานั่งทอดถอนใจ ปาหนันตามมามองดู เห็นพ่อท่าทางเหนื่อยอ่อน ปาหนันรู้สึกผิด เดินเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้าพ่อแล้วก้มลงกราบที่ตัก
“พ่อจ๋า...วันนี้หนันขอโทษนะจ๊ะ หนันทำให้พ่อต้องยุ่งยากลำบากทั้งวันเลย”
เคี่ยมถอนใจยาว
“พ่อดีใจ ที่ลูกหนันปลอดภัย แต่ผลจากความวู่วามของลูกหนัน ก็ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน...ถ้าสหัสเป็นอะไรไปมากกว่านี้ เราคงต้องเป็นหนี้ชีวิตเขา โดยที่พ่อไม่รู้ว่าจะชดใช้ให้เขายังไง”
ปาหนันอึกอัก
“หนันก็ไม่ได้อยากเป็นหนี้บุญคุณเขาหรอก แต่เขาเข้ามาช่วยหนันเอง...”
เคี่ยมหน้าเครียด
“ลูกหนัน...การที่สหัสมันยอมทำทุกอย่าง เพราะมันรักลูกหนัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกหนันจะทำเหมือนมันไม่มีหัวจิตหัวใจ จะทำยังไงกับมันก็ได้นะ”
ปาหนันลุกขึ้นยืน หน้าเครียด
“แล้วพ่อจะให้หนันทำยังไงล่ะจ๊ะ...ถ้าต้องให้หนันรับรักสหัส หนันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
สหัสมายืนหลบมุมแอบฟังอยู่ ยิ่งเจ็บปวด
“พ่อก็ไม่ได้บังคับว่าลูกหนันจะต้องรักสหัสวันนี้พรุ่งนี้ แต่พ่ออยากให้ลูกหนันลืมนาวิศ...ลืมทุกอย่างที่ระนองซะ ยังไงทุกอย่างมันก็จบลงแล้ว ต่อไปนี้เราจะเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ที่นี่...”
“แต่คุณนาวิศเขา...”
เคี่ยมนิ่งฟัง หน้าเครียด ปาหนันไม่กล้าบอกว่านาวิศสัญญาจะตามหาเธอจึงอึกอักรับคำ
“ก็ได้จ้ะ...เราจะเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ที่นี่”
เคี่ยมกอดปาหนัน ลูบหัวอย่างรักเอ็นดู สหัสยืนมองปาหนัน หน้าเครียดขรึม แท่นเข้ามายืนมองสหัสอย่างเห็นใจ ก่อนจะพยักหน้า ชวนสหัส แล้วประคองกลับออกไป
+ + + + + + + + + + + +

นาวิศถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล หมอช่วยชีวิตนาวิศ แต่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ ค่ำคืนนั้น ธานีกับชาติตามมาที่โรงพยาบาล ชาติไปสืบๆดูแล้วรีบเข้ามารายงานธานีที่รออยู่
“หมอช่วยมันไว้ได้ ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่ห้องพักฟื้นแล้วครับ”
“ไอ้นี่มันแมวเก้าชีวิตจริงๆ”
“นายจะให้เอาไงครับ”
ธานีไม่ตอบได้แต่ยิ้มเหี้ยม ธานีกับชาติเดินตรงมาหยุดที่หน้าห้องนาวิศ
“แกรอนี่ ดูต้นทางไว้”
ชาติก้มหัวรับคำ ธานีเปิดประตูเข้าไปในห้อง นาวิศนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง มีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะ และยังให้น้ำเกลืออยู่ ธานีเข้ามามองนาวิศอย่างเหี้ยมๆ แล้วเดินไปหยิบหมอนที่โซฟา ก่อนจะมายืนมองนาวิศที่เตียง
“โทษฉันไม่ได้นะ...เป็นเพราะพ่อแกไม่ยุติธรรมกับฉันก่อน ถ้าฉันได้ทุกอย่างที่สมควรจะได้...แกก็คงไม่ต้องตาย...ลาก่อนนาวิศ”
ธานีเข้ามา จะกดหมอนลงบนหน้า นาวิศเริ่มสะลึมสะลือ กำลังจะตื่น ธานีตกใจ รีบลงมือก่อนที่นาวิศจะฟื้นขึ้น กดหมอนลงบนหน้าทันที นาวิศไม่ได้สติดีนัก พยายามจะยกมือมาปัด แต่กลับไม่มีแรง มือนาวิศข้างหนึ่งป่ายไปที่ข้างเตียง ปัดไปโดนที่กดเรียกพยาบาลซึ่งพันสายไว้กับขอบเตียง มือนาวิศคลำดู แล้วกดปุ่ม
พยาบาลเห็นสัญญาณเรียกจากห้องนาวิศก็หน้าตื่น รีบบอกเพื่อนพยาบาล
“ห้องคนไข้ที่โดนรถชนนี่”
“มีอะไรรึเปล่าไม่รู้ รีบไปดูเถอะ”
พยาบาลรีบวิ่งไป ชาติเฝ้าประตูหน้าห้องนาวิศอยู่ เห็นพยาบาลวิ่งตรงมาก็รีบขวางไว้ แสร้งพูดดี
“คุณพยาบาล วิ่งหน้าตื่นเลย มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คนไข้กดเรียกมาค่ะ กรุณาหลีกทางด้วยนะคะ”
ธานีกดหมอนบนหน้านาวิศ ได้ยินเสียงที่หน้าประตูก็ชะงัก แล้วพยายามกดหมอนให้แน่นขึ้น...หน้าห้อง พยาบาลพยายามจะเข้าห้อง แต่ชาติขวางไว้
“เดี๋ยวก่อนครับคุณพยาบาล คนไข้เป็นอะไร”
“ก็หลีกไปสิคะ ดิฉันจะได้เข้าไปดูคนไข้”
ธานีกดหมอนบนหน้านาวิศ มือนาวิศค่อยๆร่วงลง...พยาบาลดันชาติแล้วเบี่ยงตัวเข้ามา เปิดประตู พยาบาลจะวิ่งมาถึงเตียงนาวิศ พบว่าธานียืนอยู่ทำหน้าตกใจ แต่ในมือไม่มีหมอนแล้ว ธานีรีบแสดงละครทันที
“คุณพยาบาล...หลานผม...ช่วยหลานผมด้วย”
นาวิศหอบหายใจเฮือก พร้อมกับไอออกมา พยาบาลตกใจ รีบเข้ามาดู
“คนไข้เป็นอะไรคะ”
“ไม่รู้ครับ อยู่ๆหลานผมก็ชัก”
พยาบาลรีบกดบอกเพื่อน
“ตามคุณหมอด่วนเลย ญาติบอกว่าคนไข้ชัก”
นาวิศหอบหายใจ พลางสำลัก พยาบาลหันไปหานาวิศ
“คนไข้รู้สึกยังไงบ้างคะ”
นาวิศชะงักมองพยาบาล แล้วมองรอบๆห้อง นาวิศมองมาถึงธานี ทั้งสองปะทะสายตากัน แต่แล้วนาวิศมองเลยไป ธานีขมวดคิ้วสงสัย
“ท...ที่นี่ ที่ไหน”
“โรงพยาบาลค่ะ คุณถูกรถชน มีคนพามาส่งโรงพยาบาล”
“ผมถูกรถชนเหรอ...”
นาวิศจะลุกขึ้น ปวดหัวจี๊ดจนต้องหงายลงไปใหม่
“โอ๊ย...”
“ใจเย็นๆนะคะ อย่าเพิ่งลุก ศีรษะคุณกระทบกระเทือนมาก จะทำให้หน้ามืดหรือปวดหัวได้”
ชาติจับปืนที่เอว มองธานี ธานียกมือเป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งลงมือ ธานีหันมองนาวิศ ยังสงสัยในอาการของเขา ธานีเข้ามาใกล้เตียงลองถามหยั่งดู
“นาวิศ...หลานเป็นยังไงบ้าง...”
นาวิศมองธานีนิ่งไปครู่หนึ่ง
“คุณเป็นใคร...”
ธานีชะงัก
“โทษนะคะ พวกคุณเป็นญาติคนไข้รึเปล่าคะ”พยาบาลถาม
ธานีมองนาวิศแปลกใจ ก่อนตอบพยาบาล
“ใช่ครับ ผมเป็นอา...หลานจำอาไม่ได้เหรอ นาวิศ”
นาวิศจ้องมองธานี
“คุณเป็นอาผมเหรอ”นาวิศส่ายหน้า “ท...ทำไม ผมจำคุณไม่ได้”
ธานีอึ้งไป ขณะเดียวกันนั้นหมอเข้ามา
“คนไข้เป็นยังไงบ้าง”
“เมื่อครู่คนไข้หยุดหายใจค่ะ...แต่ตอนนี้มีอาการน่าวิตกอีกอย่าง...”
หมอเข้ามาตรวจเช็คนาวิศ เปิดเปลือกตาใช้ไฟฉายส่องดู แต่นาวิศจับมือหมอไว้แน่น
“หมอ ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย”
“ไม่ต้องตกใจนะครับ...มันเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้...”
นาวิศสวนขึ้น
“แต่ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองเป็นใครนะหมอ”
ธานีอึ้งไป เกือบจะยิ้มออกมา นาวิศตกใจกับอาการที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
++++++++++++++++++

ค่ำคืนนั้น..ปาหนันเปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบขวดโหลแก้ว ที่เธอใส่กลีบดอกไม้อบควันเทียนออกมา เจ่งกำลังเตรียมที่หลับที่นอนอยู่มุมหนึ่ง ปาหนันถือขวดโหลแก้ว เดินมานั่งที่โต๊ะ ดึงดอกหญ้าที่เหน็บไว้ที่เอวออกมา ดอกหญ้าช้ำและยับย่น ปาหนันแอบเหลือบมองเจ่ง เห็นเจ่งไม่ได้สนใจทางตน จึงบรรจงจัดกลีบและก้านดอกหญ้าให้ดูดีขึ้น ปาหนันมองดอกหญ้านิ่งรำพึงในใจ
‘…คุณนาวิศ...หนันขอภาวนาให้คุณจัดการเรื่องอาให้เสร็จโดยเร็ว แล้วขอให้คุณตามหาหนันให้เจอ...ไม่แน่ว่าถึงวันนั้น พ่อเคี่ยมอาจจะให้โอกาสคุณกับหนันได้คบกัน...ได้รักกัน และไม่ต้องมีอุปสรรคอะไรอีก...’
ปาหนันใส่ดอกหญ้าไว้ในโหลแก้ว เหม่อมองออกไปอย่างหนักใจ แต่ก็มีความหวัง
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่..ธานีเปิดประตูเข้ามาในห้องหมอ ท่าทางรีบร้อน เล่นละครเป็นห่วงนาวิศ
“คุณหมอ...หลานชายผมเป็นยังไงบ้าง”
หมอหนักใจ
“เชิญนั่งก่อนครับ...ผมมีเรื่องที่ต้องบอกคุณ”
ธานีนั่งลงตรงข้ามหมอ
“ผลจากอุบัติเหตุ ทำให้สมองคุณนาวิศกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง...คุณนาวิศเกิดอาการที่เรียกว่า...เม็มโมรี่ อิทแพร์เม้นท์...หรือว่า...ความจำเสื่อมครับ”
ธานีอึ้งๆ
“ความจำเสื่อม”
“ครับ...คุณนาวิศสูญเสียความทรงจำทั้งหมด...เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองเป็นใคร...”
ธานีรีบทำเป็นเสียใจเป็นห่วงเป็นใยมากๆ
“โธ่...นาวิศ...แล้วนี่หลานผมจะมีอาการแบบนี้ ไปอีกนานแค่ไหนครับ เขาจะกลับมาจำอะไรได้อีกไหม”
หมอส่ายหน้า
“ผมรับปากไม่ได้จริงๆ ว่าคุณนาวิศจะความจำกลับมาเมื่อไหร่ หรือเขาจะกลับมาจำอะไรได้อีกไหม...ผมเสียใจด้วยครับ”
ธานีเบือนหน้าหนี ทำท่าทางรับไม่ได้และผิดหวังอย่างแรง แต่ในใจนั้นรู้สึกพอใจมาก ธานีเดินยิ้มอย่างพอใจออกมาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ชาติตามมาด้านหลัง
“ในที่สุดนาวิศมันก็ไม่ได้โชคดีไปตลอด...ฟ้าสั่งไม่ให้มันตาย แต่มันกลับต้องกลายเป็นคนสมองเสื่อม จำอะไรไม่ได้”
“แล้วนายจะเอาไงต่อไปครับ...จะฆ่ามันตอนนี้คงไม่สะดวกแล้ว”
“ก็เก็บมันไว้อย่างนี้แหละ สมองเดี้ยงอย่างนั้น มันสร้างปัญหาให้ฉันไม่ได้แล้ว...คนที่ต้องจัดการก่อนน่าจะเป็นไอ้เคี่ยมมากกว่า อยากรู้ว่าตอนนี้มันหนีไปมุดหัวอยู่ที่ไหน...ไม่มีใครหักหลังฉันแล้วจะลอยนวลไปได้”
ธานีบอกอย่างแค้นๆ
+ + + + + + + + + + + +

เจ่งวางถ้วยกาแฟสองถ้วยบนโต๊ะ เคี่ยมนั่งอยู่กับเบิ้มลูกน้องเก่า
“ขอบคุณมาก ป้าเจ่ง”เบิ้มบอกอย่างยิ้มแย้ม
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่พ่อเบิ้มช่วยหาที่ทางให้พวกเรามาอยู่ที่นี่”
เคี่ยมพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่...ครั้งนี้พวกฉันเป็นหนี้บุญคุณแกแล้ว เบิ้ม”
“โธ่นาย...อย่าพูดอย่างนั้นเลย นายเองก็เคยเสี่ยงช่วยผม ตอนที่ผมอยากถอนตัวจากไอ้เรือค้าน้ำมันเถื่อนของคุณธานี ถึงเรื่องมันจะนานแล้ว แต่ตอนนั้น ถ้าไม่ได้นาย สงสัยผมโดนคุณธานีฆ่าปิดปากไปแล้ว”
เคี่ยมถอนใจ
“คุณธานีก่อกรรมทำเข็ญไว้มาก...ไม่รู้ว่าจะมีใครหยุดเขาได้รึเปล่า”
เคี่ยมเหม่อมองไปหน้าเครียดขรึม
ทางด้านปาหนัน ทับทิมและเดื่อเดินสำรวจที่ทางแถวนั้น พลางคุยกันไป เดื่อวาดแผนที่ไปด้วย
“ที่แท้พร้าวก็คือคุณนาวิศ เทพสุทธิพงศ์ เจ้าของกิจการเทพสุทธิพงศ์คนใหม่...”ทับทิมพูดขึ้น
ปาหนันพยักหน้ารับ
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณธานีจะใจดำอำมหิต ถึงขนาดจะฆ่าหลานในไส้ แย่งมรดก...ดีนะคะ เมื่อวานคุณหนันกลับไปช่วยเขาไว้ทัน ประเทศเราเกือบจะสูญเสียทรัพยากรมนุษย์รูปหล่อไปคนนึงแล้ว”
เดื่อที่วาดแผนที่อยู่ เงยหน้ามองทับทิม เบ้ปากหมั่นไส้
“ทำเป็นเสียดายแทนประเทศชาติ...จริงๆแล้วอยากได้ไว้เองน่ะสิ”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม มีปัญหามั้ย”
“ชิ...อ้พร้าวมันกลายเป็นเศรษฐีพันล้านไปแล้ว มันคงจะสนยัยบ้านนอกอย่างหล่อนหรอก”เดื่อประชด
ปาหนันได้ยินก็ชะงัก กระทบใจเธอเหลือเกิน
“คนเราจะรักกันไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สินเงินทองซักหน่อย แล้วคุณนาวิศเขาก็ไม่ใช่คนที่ดูถูกคนอื่นด้วย ต่อไปเดื่อห้ามพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณนาวิศเด็ดขาด เข้าใจไหม”
เดื่อจ๋อย
“เดื่อว่าทับทิมต่างหาก...”
“ก็ไม่ต้องว่าใครทั้งนั้นแหละ เขียนแผนที่ต่อไปเหอะ เดี๋ยวก็ปล่อยให้หลงอยู่แถวนี้ซะเลย”
ปาหนันเดินนำไปงอนๆ ทับทิมเข้ามาเยาะเย้ยเดื่อ
“สมน้ำหน้า...ออกจากบ้านมาไม่เท่าไหร่ ทำเป็นกลัวหลง ต้องเขียนแผนที่ด้วย”
“ก็ที่นี่มันเป็นที่ใหม่สำหรับเรานี่”
ทับทิมเบ้ปาก เดินตามปาหนันไป ไม่ฟัง เดื่อตามไปจ๋อยๆ โดนรุม
+ + + + + + + + + + + +

รสาทั้งดันและดึงประตู หน้าต่างพยายามจะเปิดออกไปแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รสาโมโหเตะประตูแล้วหันไปมองระรินอย่างหงุดหงิด ระรินนั่งจัดดอกไม้ใส่แจกันไปท่าทางใจเย็น รสาเดินเข้ามาหยุดมองพี่สาว
“นี่พี่ริน...อย่าบอกนะว่าจะอยู่ที่นี่จนคุณธานีกลับมาจริงๆ”
ระรินพูดเรียบๆใจเย็น
“รสาจะให้พี่ทำยังไงล่ะ ในเมื่อเราลองทุกอย่างแล้ว แต่มันไม่มีทางออกจากไอ้บ้านนี้ไปได้”
“ก็ต้องพยายามต่อไปสิพี่ริน ไม่ใช่มานั่งปลงสังขาร ให้เด็กมันเอาแจกันเอาดอกไม้มาให้พี่รินจัดเนี่ย เราติดคุกอยู่ที่นี่มาสองวันแล้วนะ”รสาโวยวาย
ระรินยิ้ม
“อย่าเพิ่งโวยวายน่ะ รสา พี่สัญญา พี่จะทำให้เราสองคนออกไปจากที่นี่ให้ได้”
ขณะเดียวกันนั้น ประตูเปิดออก ลูกน้องธานีไขกุญแจ ให้สาวใช้ถือถาดอาหารเข้ามาส่ง
“ทานข้าวค่ะคุณระริน คุณรสา”
สาวใช้ถือถาดอาหารเข้ามาใกล้ ระรินปัดถาดอาหารกระเด็น
“เอาออกไป ฉันไม่กิน”
รสาอึ้ง
“พี่ริน...”
ลูกน้องเดินเข้ามาใกล้
“คุณระริน อย่าทำตัวมีปัญหาดีกว่า คุณธานีกลับมาจะเดือดร้อน”
ระรินคว้าแก้วน้ำ สาดใส่หน้าลูกน้อง น้ำเข้าตาลูกน้อง รีบเอามือลูบหน้า ระรินอาศัยจะหวะนั้นคว้าแจกันดอกไม้ฟาดใส่ต้นคอลูกน้องจนสลบไป รสาตกใจทำอะไรไม่ถูก
“พี่รินเป็นอะไร ทำไมอยู่ๆก็อาละวาดแบบเนี้ย”
“พี่บอกแล้วไง ว่าจะพารสาไปจากที่นี่”
สาวใช้ซึ่งอึ้งๆเหวอๆอยู่
“ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนไปด้วย”
ระรินรีบเข้าไปหยิบกุญแจจากลูกน้องที่สลบอยู่ แล้ววิ่งไปที่ประตูหันมาเห็นรสายังอึ้งๆงงๆ มองลูกน้องที่สลบอยู่ ระรินรีบกลับมาดึงรสาไป
“ไปเร็วสิ หรือว่าจะรอให้มันฟื้นขึ้นมา”
ระรินรีบพารสาออกไป ทิ้งให้สาวใช้ยืนเหวออยู่ในบ้าน
ระรินรีบพารสาออกมาแล้วล็อคกุญแจ เสร็จแล้วโยนกุญแจทิ้งลงพื้นแถวนั้น
“ไปเร็ว!”รีบจูงมือรสาไปต่อ
อ่านต่อหน้าที่ 2










ตอนที่ 11(ต่อ)
ระรินพารสาวิ่งมาถึงหน้าตัวบ้านหลังใหญ่ กำลังจะตรงไปที่รั้ว รสาวิ่งสะดุดล้ม ระรินรีบเข้ามาประคอง
“รสา...ไม่เป็นไรใช่ไหม”
รสาส่ายหน้า ระรินกำลังจะประคองลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมองไปที่รั้ว เห็นรถของธานีแล่นเข้ามา
ระรินกับรสาตกใจ
“พี่ริน...”
ระรินรีบดันตัวรสาไป
“หนีไป...อย่าให้พวกมันจับตัวได้ พี่จะขวางมันไว้เอง...ไปซี่”
“ไม่...รสาจะไม่ทิ้งพี่รินไว้คนเดียว”
“โธ่ รสา...”
รถแล่นเข้ามาจอด ธานีก้าวลงจากรถ ระรินกับรสามองหน้ากันอย่างหวั่นใจ ธานีก้าวช้าๆเข้าไปหาระริน ชาติออกจากรถตามมา ระรินรีบถลันเข้าไปธานี
“ปล่อยน้องรินไปเถอะนะคะ อย่าทำอะไรน้องรินเลย รสาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ รินขอรับผิดคนเดียว จะฆ่าจะแกงรินยังไงก็เชิญ”
ธานีลูบหัวระริน พูดยิ้ม
“ใครจะไปฆ่าแกงเธอ...ที่ฉันต้องการ คือให้เธอกลับไปที่เรือนเล็กดีๆ อย่าทำตัวมีปัญหา”
ระรินมองธานี นิ่งอึ้งไปแวบหนึ่ง แต่แล้วตัดสินใจ ผลักธานีออกอย่างแรง รสามัวแต่ยืนนิ่ง ก้าวขาไม่ออก ระรินเข้าไปดันตัวชาติ ไม่ให้เข้าใกล้รสา
“รสา หนีไป หนีไปสิ รสา”
รสาทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจหนีตามคำระริน รสาวิ่งมาใกล้รถ แล้วต้องชะงัก เมื่อนาวิศก้าวลงมา
“คุณนาวิศ...”
ระรินที่กำลังดันชาติไว้หันไปมอง พอเห็นนาวิศก็ดีใจ
“คุณนาวิศ...”
ระรินจะเข้าไปหานาวิศ แต่ชาติรวบตัวไว้
“คุณระริน กลับเรือนเล็กเถอะครับ”
“ไม่...ปล่อยฉัน”
ระรินสะบัดหลุดจากชาติ เข้าไปหานาวิศ จับแขนนาวิศอย่างตื่นเต้นยินดี
“คุณนาวิศ...คุณนาวิศไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ อาดีใจจริงๆที่คุณปลอดภัยกลับมา”
นาวิศจ้องมองระรินอยู่ครู่หนึ่ง...
“ขอโทษครับ...คุณเป็นใคร”
ระรินชะงัก อึ้งไป รสาก็อึ้งไปด้วย ระรินมองนาวิศสลับกับมองธานีอย่างคาดไม่ถึง
“คุณธานี คุณทำอะไรคุณนาวิศ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้”ระรินเขย่าแขนนาวิศ “คุณนาวิศ คุณธานีทำอะไรคุณ เขาทำร้ายคุณแล้วก็ขู่คุณใช่ไหมคะ...หรือว่าเขาหลอกคุณ อย่าไปเชื่อนะคะ เขาเป็นคนลวงคุณไปฆ่าที่ระนอง”
ธานีรวบมือระรินไว้
“ระริน เธอต้องกลับไปพักผ่อนแล้วล่ะ”ธานีหันไปสั่งชาติ “ชาติ พาคุณระรินไป”
ชาติเข้ามารวบตัวระรินพากลับไป รสายืนนิ่ง ธานีมองรสาด้วยสายตาดุร้าย แต่เขาหันหลังให้นาวิศ นาวิศจึงไม่เห็นสีหน้าเขา
“รีบกลับไปดูแลพี่สาวสิ รสา”
รสากลัว รีบกลับไป ระรินยังคงดิ้นๆให้หลุดพ้นจากชาติ แต่ก็ดิ้นไม่หลุด
“ปล่อยฉัน...ฉันจะคุยกับคุณนาวิศ...คุณนาวิศเป็นอะไรคะ...คุณธานีทำอะไรคุณ...”
ชาติลากระรินห่างออกไป นาวิศมองตาม แปลกประหลาดใจ
+ + + + + + + + + + + +

นาวิศเดินเข้าไปในบ้าน มองรอบบ้านอย่างไม่คุ้นเคย ก่อนจะหันไปมองธานีที่ตามเข้ามา
“อาขอโทษนะ หลานกลับมาวันแรกก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอครับ”
“ระรินเป็นภรรยาของอาเอง...เขาป่วย...มีอาการทางจิต อาต้องคอยให้ยาเขา จะได้ไม่อาละวาด...แต่ช่วงที่อาไม่อยู่ คงไม่มีใครดูแลให้เขากินยาตรงเวลา ก็เลยอาละวาดขึ้นมาแบบนี้”
“แล้วทำไมเขาถึงกลัวคุณอาจะทำร้ายผม”
“เขาคิดว่าอาจะทำร้ายทุกคนนั่นแหละ เพราะอามักจะบังคับให้เขากินยา...”ธานีทำเป็นถอนใจยาว “แต่จะทำไงได้ ถ้าไม่กินยา เขาก็จะอาละวาดมากกว่านี้”
นาวิศยังสงสัย
“แล้วทำไมเขาพูดถึงขั้นว่า...คุณอาลวงผมไปฆ่าที่ระนอง”
ธานีชะงัก แววตาร้ายขึ้นมา
“แล้วหลานเชื่อคนพูดของคนบ้าอย่างนั้นเหรอ”
นาวิศมองธานี จับพิรุธ
“ผมไม่รู้จะเชื่ออะไรหรอกครับ...เพราะผมจำอะไรไม่ได้”
ธานีแกล้งทำลำบากใจ
“อาขอโทษนะ...เรื่องของระรินทำให้อาเครียดจริงๆ คือ อาบอกระรินว่าหลานไปดูงานที่ระนองน่ะ เขาก็เลยจินตนาการว่าอาจะไปทำร้ายหลาน”
“อาระรินคงจะห่วงผมมากนะครับ...ถ้ามีโอกาส ผมจะช่วยคุณอาดูแลแกอีกแรงนึง”
นาวิศมองสังเกตอาการของอาตนเอง ธานีฝืนยิ้มรับ สาวใช้ที่โดนระรินจับขังที่เรือนเล็กกลับเข้ามา
“หลานคงเหนื่อยแล้ว”ธานีหันไปสั่งสาวใช้ “หน่อย พาคุณนาวิศไปพักผ่อนบนห้อง แล้วก็อยู่ดูแลเธอให้ดี เข้าใจไหม”
“ค่ะ...เชิญค่ะ คุณนาวิศ”
สาวใช้เดินนำไป นาวิศหันมองธานี ธานียิ้มให้อย่างอบอุ่น นาวิศค้อมหัวให้เล็กน้อย หันหลังตามสาวใช้ออกไป แต่ก็ยังแอบเหลือบสายตาไปทางธานีอย่างคาใจ
+ + + + + + + + + + + +

ระรินกับรสาโดนมัดมือมัดเท้าขังไว้ในเรือนเล็ก โดยมีชาติยืนคุมอยู่ สองสาวมองหน้ากันอย่างใจไม่ดี ระรินสงสารน้องจับใจ ครู่หนึ่ง ประตูเปิดออกลูกน้องที่โดนระรินทุบหัวยืนเฝ้าหน้าประตู เป็นคนเปิดประตูให้ธานีเข้ามา ระรินกับรสาเห็นธานีแล้วก็ยิ่งหน้าตื่น หวั่นกลัว
“เฝ้าไว้ อย่าให้ใครเข้ามา”
“ครับ”
ลูกน้องปิดประตู ธานีหันมองทางระริน
“เดี๋ยวนี้เธอชักจะกล้าได้กล้าเสียใหญ่แล้วนะ ถึงกับยอมเสี่ยงหนีออกไป ทั้งที่ฉันสั่งให้เธออยู่ที่นี่”
“รอคุณกลับมาเล่นงานรินกับน้องเนี่ยนะคะ คุณคิดจริงๆเหรอคะ ว่ารินจะนิ่งเฉย รอให้คุณมาทำร้ายพวกเรา หลังจากที่คุณทำกับคุณนาวิศ คุณธานี คุณทำอะไรคุณนาวิศกันแน่ ทำไมเขาถึงทำเป็นจำรินไม่ได้”
“ก็เพราะมันจำเธอไม่ได้จริงๆน่ะสิ...นาวิศมันโดนรถชน ความจำเสื่อม”
ระรินอึ้งไป
“คุณนาวิศความจำเสื่อม...”
ระรินกับรสามองหน้ากันอย่างตกใจ
“ฉันต้องการให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป นาวิศมันจะได้ไม่รู้ว่าฉันเคยจะฆ่ามัน...แต่เธอ...เธอคอยแต่จะขัดขวางฉันครั้งแล้วครั้งเล่า...ครั้งนี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอมาวุ่นวายกับฉันอีกแล้ว”
ธานีหันไปพยักหน้ากับชาติ ชาติถือปืนติดที่เก็บเสียงตรงมาที่ระริน ระรินกับรสาตกใจ ตัวแข็ง
“โทษฉันไม่ได้นะระริน...เธอทำตัวเอง”
รสาตะกายออกมาหาธานี
“คุณธานี คุณฆ่าพี่รินไม่ได้นะคะ คุณจะบอก คุณนาวิศยังไง ที่อยู่ๆพี่รินก็หายตัวไป”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจะบอกนาวิศว่าระรินต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล”ธานีหันไปหาระริน “เธอคิดว่าไง เหตุผลฟังขึ้นไหม”
ระรินพูดไม่ออก ชาติยกปืนขึ้น เล็งมาที่ระริน แล้วหันมองธานี รอคำสั่ง รสาตกใจ ยิ่งตะกายเข้าไปหาธานี
“คุณธานี อย่าฆ่าพี่รินเลยนะคะ รสาจะพาพี่รินกลับโคราช ไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคุณกับคุณนาวิศแล้ว...รสาขอร้อง ปล่อยพวกเราไปเถอะนะคะ”
“ลำพังเธอคนเดียว ฉันก็พอจะเชื่อว่าเธอจะอยู่เงียบๆ ไม่สร้างปัญหาให้ฉัน...แต่กับพี่สาวเธอ รู้ๆกันอยู่ ว่าเขาต้องไม่ยอมอยู่เฉยๆ”
“รสาสัญญาว่าจะดูพี่รินเอง จะไม่ให้กลับมากวนใจคุณอีกเด็ดขาด”
“อย่าลำบากเลย วิธีของฉันมันชัวร์กว่า”
ธานีหันมองชาติ ชาติเล็งปืนที่ระรินอยู่ เตรียมยิง ระรินมองปืนอย่างเตรียมใจ น้ำตาไหลลงมา รสาตะกายเข้าหาธานีทั้งที่โดนมัดมือมัดเท้า ล้มกลิ้งไปแทบเท้าธานี
“คุณธานี รสาขอร้อง อย่าฆ่าพี่รินเลยนะคะ คุณจะให้รสาทำอะไรก็ได้ คุณอยากให้คุณนาวิศความจำเสื่อมตลอดไป รสาก็จะช่วยคุณ รสาจะทำทุกอย่างที่คุณสั่ง รสายอมเป็นทาสคุณชั่วชีวิต แต่ขอร้อง อย่าฆ่าพี่รินเลยนะคะ อย่า...รสาขอร้อง...”
ธานีมองรสา นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง รสาร้องไห้ฟูมฟาย ก้มหัวขอร้องอยู่ที่แทบเท้าธานี ชาติมองธานีเพื่อรอคำสั่ง ธานีถอนใจ
“ก็ได้...ฉันจะไว้ชีวิตพี่สาวเธอ”
รสาดีใจ หันไปยิ้มให้ระรินทั้งน้ำตา ระรินน้ำตาร่วง สงสารตัวเองและน้องสาว
“แต่อย่าลืมที่สัญญากับฉันแล้วกัน”
ธานียิ้มเหี้ยมเดินออกไป ชาติลดปืน แล้วเดินตามธานีออกจากบ้านไป ระรินกับรสาปล่อยโฮ ตะกายเข้าหากัน ระรินอยากกอดน้องสาว แต่ทั้งคู่ก็โดนมัดมือไว้ จึงทำได้แค่เอาตัวอิงกัน ร้องไห้
++++++++++++++++++

นาวิศเปลี่ยนชุดออกมาจากห้องน้ำ แต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขากลับไปที่ตะกร้าผ้าหน้าห้องน้ำหยิบของบางสิ่งในกระเป๋ากางเกงออกมา สิ่งนั้นคือถุงบุหงารำไป นาวิศนิ่งจ้องมองดู
นาวิศครุ่นคิดนึกถึงตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล พยาบาลนำกระเป๋าสตางค์มาให้ เขาเปิดกระเป๋าดูเห็นบัตรประชาชน
“นาวิศ เทพสุทธิพงศ์...”
“นั่นเป็นกระเป๋าตังค์ที่ติดตัวคุณมาน่ะค่ะ...อ้อ แล้วก็ยังมีสิ่งนี้ด้วย”
พยาบาลล้วงหยิบถุงบุหงารำไปออกมาจากกระเป๋ากระโปรง ส่งให้ นาวิศรับไปพิจารณาดู
“พอจะคุ้นไหมคะ”
นาวิศมองดูครู่หนึ่งส่ายหน้า
“ไม่คุ้นครับ...มันอยู่กับผมตอนโดนรถชนเหรอ”
“เราพบในกระเป๋ากางเกงของคุณน่ะค่ะ”
นาวิศพยักหน้ารับ
“ถ้าผมพกติดตัวไว้...มันก็คงจะเป็นของสำคัญ...แต่ผมยังนึกไม่ออก ว่ามันคืออะไร”
“ไม่เป็นไรนะคะ ค่อยๆนึก คุณจะต้องจำได้ซักวันค่ะ”
นาวิศนาวิศจ้องมองถุงบุหงาในมือ
“หวังว่าฉันจะจำได้ซักวัน ว่าแกมาจากไหน แล้วมาอยู่ที่ฉันได้ยังไง”
นาวิศนำถุงบุหงามาวางไว้หัวเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอน...
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันนั่งเย็บถุงบุหงารำไปอยู่หน้าบ้าน สหัสยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง มองปาหนันอย่างสะท้อนใจ แท่นถือซองยากับแก้วน้ำเข้ามาให้
“พี่สหัส กินยาแก้อักเสบ”
สหัสไม่หันกลับมา แท่นเดินเข้ามาดูจึงเห็นสหัสมองปาหนันอยู่ สหัสถอนใจ
“ข้าเสี่ยงชีวิตช่วยคุณหนันไว้ แต่คุณหนันกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย”
“ใจเย็นดิพี่ คุณหนันเพิ่งแยกกับนาวิศไม่เท่าไหร่ ก็อาจจะยังคิดถึงมันเป็นธรรมดา แต่อีกหน่อยคุณหนันก็ลืมมันเองแหละ”
“แล้วมันจะอีกนานแค่ไหนวะ”
สหัสหน้าเครียด เดินออกไป แท่นมองตาม หนักใจไปกับสหัสด้วย
ปาหนันนั่งเย็บถุงบุหงาอยู่ เดื่อกับทับทิมถือกะหรี่ปั๊ป เดินกินกันออกมา
“นี่คุณหนันเอาบุหงารำไป มาทำที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย อย่าบอกนะครับว่าจะเย็บถุงบุหงาขายอีก”
ปาหนันหันมองเดื่อกับทับทิมที่เดินเข้ามายิ้มๆ แล้วหันมาเย็บถุงบุหงาต่อ ทับทิมกับเดื่อมองหน้ากัน
“คุณหนันขา...อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ บุหงารำไปของคุณหนันมันสวยก็จริง แต่คุณหนันนั่งเย็บทีละอันละอันแบบนี้ มันจะไม่พอกินนะคะ เราหาอย่างอื่นทำไม่ดีเหรอ”ทับทิมออกความเห็น
“นั่นสิคุณหนัน เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ หรือคุณหนันจะให้นายเคี่ยมหาเลี้ยงเหมือนตอนอยู่ที่ระนอง”เดือเตือน
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่ะ”ปาหนันหันมองว่าไม่มีคน จึงหันมาพูดเบาๆกับเดื่อและ ทับทิม “แต่หนันคิดว่า เราคงอยู่ที่นี่อีกไม่นานหรอก”
ทับทิมอึ้งไป
“อ้าว...ทำไมล่ะคะ”
ปาหนันตัดสินใจบอก
“พร้าว...เอ่อ คุณนาวิศน่ะ เขาสัญญากับหนัน เขาจะกลับไปจัดการคุณธานี แล้วเขาจะมาหาหนันที่นี่...ถึงตอนนั้น หนันจะขอร้องพ่อให้กลับไปอยู่ระนอง แล้วเราก็จะได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม”
เดื่อตื่นเต้น
“จริงเหรอคุณหนัน”
ปาหนันยิ้ม พยักหน้า ทับทิมยิ้มฝัน
“ถึงตอนนั้น คุณหนันก็คงเป็นคุณนายคนใหม่ของเทพสุทธิพงศ์ใช่ไหมคะ”
ปาหนันยิ้มขวยเขิน สหัสปรากฏตัวขึ้น มองหน้าทับทิม
“อย่าพูดให้คุณหนัน ฝันไปไกลขนาดนั้นเลยทับทิม”
ทุกคนชะงัก หันมองสหัส ปาหนันหุบยิ้มทันที
“คำพูดไอ้จอมลวงโลกอย่างนาวิศ มันจะเชื่อถือได้ซักแค่ไหนกัน...ขืนหลงเชื่องมงาย มีหวังได้ช้ำใจตาย น้ำตาเช็ดหัวเข่า”สหัสแดกดันปาหนัน
ปาหนันวางถุงบุหงาโกรธๆ
“ก็ยังดีกว่าคนบางคนที่ทำเป็นวางท่า อวดดี...ถึงเวลาจริงๆเขาย้ายกลับระนองกันหมด ขี้คร้านจะขอตามไปด้วย”
“ถึงวันนั้นต่อให้คุณหนันขอร้อง ผมก็ไม่มีวันยอมกลับไปรับใช้นาวิศ แต่คุณหนันเองก็เตรียมใจไว้บ้างแล้วกัน ผมเห็นไอ้นาวิศมันหลอกคุณหนันครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยพูดความจริงกับคุณหนันเลย ครั้งนี้ถ้ามันหลอกคุณหนันอีก ผมก็คงไม่แปลกใจ”
ปาหนันโกรธมาก คว้าตะกร้าอุปกรณ์ทำบุหงารำไป แล้วสะบัดหน้าเข้าบ้านไปทันที เดื่อกับทับทิมมองปาหนันทีมองสหัสที รู้สึกอึดอัดไปด้วย สหัสมองตามปาหนัน เจ็บปวดใจ
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่ ระรินกับรสานั่งหลับอิงกันอยู่ ครู่หนึ่งมีเสียงไขประตู สองพี่น้องรู้สึกตัว ชาติเปิดประตูเข้ามา ระรินกับรสาหน้าตื่น ชาติเข้ามาดึงตัวรสาขึ้น
“ไปได้แล้ว คุณธานีมีงานให้เธอทำ”
ระรินกับรสาตกใจ ระรินลุกขึ้นมาขวางไว้
“เดี๋ยวก่อน จะพาน้องฉันไปไหน”
“ผมบอกแล้วไง ว่าคุณธานีจะใช้งานรสา”
“งานอะไร”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้”ชาติดึงรสา “ไป!”
รสายื้อตัวไว้
“ไม่...แกจะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ ฉันไม่ไป”
ระรินเข้ามาขวางไว้อีกคน
“อย่ายุ่งกับรสานะ”
ชาติไม่ยอมปล่อยรสา ระรินเลยกัดแขนชาติ
“โอ๊ย!”
ชาติสะบัดระรินกระเด็นล้มไปกองกับพื้น รสาตกใจ
“พี่ริน!”
รสาจะเข้าไปหาระริน ชาติดึงไว้
“อย่าฤทธิ์มาก ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
ชาติลากรสาออกไป ระรินพยายามตะกายตาม
“รสา...รสา”
ระรินตะกายมาที่ประตู แต่ชาติปิดประตูใส่ ระรินสีวิตกกังวล เป็นห่วงน้องสาวจับใจ
+ + + + + + + + + + + +

ชาติพารสาซึ่งแต่งตัวใหม่แล้วเข้ามาหาธานี
“รสามาแล้วครับนาย”
ธานีนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยิ้มเจ้าเล่ห์ ลุกออกมา
“อาบน้ำแต่งตัวใหม่ ค่อยดูดีขึ้นหน่อย”
ธานีเดินรอบตัวรสา มองพิจารณา รสายืนตัวแข็ง ท่าทางหวั่นๆ
“ค...คุณธานีจะให้รสาทำอะไรคะ”
“ก็ทำตามที่เราตกลงกันไว้...เธอบอกว่าจะยอมทำทุกอย่างที่ฉันสั่งไม่ใช่เหรอ”ธานีลูบแก้มรสา “หวังว่าคงไม่ลืมนะ”
รสาหันหน้าหนี
“อย่านะคุณธานี รสาไม่ยอมตกเป็นเมียคุณเด็ดขาด ให้รสาตายดีกว่า”
ธานีจับหน้ารสาหันมา
“ฉันมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค...คุณธานี...รสาขอเถอะนะคะ ให้รสาทำอย่างอื่นนะคะ”
ธานีสะบัดหน้ารสาออกหัวเราะ
“นังโง่เอ๊ย! ฉันไม่เอาเธอมาเป็นเมีย ให้ต้องปวดหัวเพิ่มหรอก แค่ระรินคนเดียวก็เต็มที่แล้ว”
รสาหน้าเหวอ
“อ้าว...แล้วคุณจะให้รสาทำอะไรล่ะคะ”
ธานียิ้มอย่างมีแผนการบางอย่าง

จบตอนที่ 11
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.








กำลังโหลดความคิดเห็น