กุหลาบซาตาน ตอนที่ 13
วันต่อมากงพัดนั่งรอวีณาอยู่ในรถที่จอดแอบอยู่ในซอย ใกล้ๆ กับสถานีตำรวจที่ขังโชค วีณาหายไปเพียงไม่นานก็วิ่งก้มหน้าก้มตาออกมาจากสถานีตำรวจ หลบเข้ามาในรถ
“ได้เรื่องไหม วี” กงพัดถาม
“ตอนนี้ตำรวจควบคุมตัวคุณโชคเอาไว้ เค้ากำลังรวบรวมหลักฐานจัดการกับคุณโชค”
“ไม่มีใครสงสัยโรส” วีณาพยักหน้า “แปลว่า ถ้าคิดจะหนีตอนนี้ ก็ยังทัน”
กงพัดนิ่งคิด
เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านของโชค โรสวิ่งเร็วๆ ลงมาจากชั้นบน จะย่องออกประตูข้างบ้าน แต่เจอชัชเรียกไว้
“โรส” โรสสะดุ้ง หันไปตามเสียง
“ชัช! คุณออกไปทำงานแล้วไม่ใช่เหรอคะ” โรสถามอย่างตกใจ
“จ้ะ แต่พอดีนึกอะไรได้ เลยย้อนกลับมา...ผมจะพาคุณไปที่เกิดเหตุ”
“อะไรนะคะ ทำไม” โรสทำหน้างง
“ก็เผื่อจะช่วย ให้คุณเห็นหน้ามือปืน ที่ยิงท่านปฐวีได้ไง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันมีวิธีของฉัน”
โรสบอก จากนั้นโรสก็ออกจากบ้านมาที่โบสถ์ โรสเดินเข้ามาในโบสถ์ จุดเทียน แล้วอธิษฐานระหว่างนั้นมีสายตาใครคนหนึ่งแอบมองโรสจากระยะไกล แล้วค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้ โรสอธิษฐานเสร็จ ก็เดินไป สายตานั้นเคลื่อนตาม โรสมาถึงห้องสารภาพบาป โรสหยุดแล้วเดินเข้าไป
โรสเดินเข้าไปในห้อง มีเสียงคนเข้ามาที่ห้องข้างๆ โรสพูดขึ้นลอยๆ
“ลูกมีเรื่องอยากจะสารภาพ...”
ม่านที่กั้นอยู่เปิดขึ้นจึงเห็นกงพัด
“โรส เมื่อคืนก่อนมันเกิดอะไรขึ้น” กงพัดถาม
“ยังมีหน้ามาถาม เธอหักหลังพี่” โรสต่อว่ากงพัดอย่างไม่พอใจ
“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ยัยวีณาจุ้นจ้านเรื่องของเรามากไปแล้ว ถ้าขืนเธอยังอยู่กับเค้า เค้าต้องทำแผนของเราพังหมดแน่ ทิ้งเค้าซะ” โรสบอกเสียงจริงจัง
“วีเค้าดีกับผมมาก เค้าช่วยชีวิตผม”
“แล้วพี่ล่ะ ถ้าพี่ไม่ช่วยเธอออกมาจากกองไฟวันนั้น เธอจะรอดมาถึงวันนี้เหรอ”
กงพัดลำบากใจและไม่ทันตอบ ทันใดนั้นม่านถูกกระชากออก วีณาโผล่เข้ามาเตือนกงพัด
“มีคนมาค่ะ เราต้องไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้”
วีณาลากกงพัดออกจากห้องสารภาพบาป
วีณาลากกงพัดออกมา โรสตามออกมาเห็นแม่บ้านกลุ่มหนึ่งเข้ามาทางด้านหน้า กงพัดดึงมือโรส
“ไปกับผมเถอะ พี่โรส ไปจากที่นี่ ก่อนที่เค้าจะรู้ความจริงว่าเราเป็นใคร”
“ไม่! ถ้าพี่หนีตอนนี้ เค้าจะยิ่งสงสัย แล้วที่สำคัญ พี่จะไม่หนี”
วีณาเข้ามาขวาง
“ก็ตามใจคุณ แต่ฉันกับพัดจะไป”
โรสมองวีณาอย่างไม่พอใจ
“ฉันจะอยู่ที่นี่ จนกว่าจะแก้แค้นให้พ่อแม่สำเร็จ แล้วพัดก็จะอยู่ช่วยฉัน” โรสมองหน้ากงพัด “ใช่ไหม พัด”
กงพัดยังไม่ทันตอบ วีณาก็สวนทันที
“ไม่ พัดจะไม่ฆ่าใครทั้งนั้น เค้ารับปากกับฉันแล้ว”
“พัด...”
โรสมองกงพัดอย่างคาดคั้น กงพัดมองไปที่กลุ่มแม่บ้าน
“เราต้องไปแล้ว พี่ระวังตัวนะ แล้วผมจะติดต่อไป”
กงพัดบอกกกับโรสแล้วลากวีณาออกไป
“เดี๋ยว พัด”
โรสขัดใจ แต่คณะแม่บ้านเข้าใกล้ทุกที โรสตัดสินใจหนีไปก่อนที่จะมีคนเห็น
ทางด้านไปรมาเมื่อเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย นงพงาพาไปรมาที่โรงพยาบาล สองแม่ลูกเดินเข้ามาในห้องไอซียู ไปรมาถึงกับอึ้งเมื่อเห็นร่างของปฐวีนอนนิ่ง มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยาง ไปรมาวิ่งไปที่ข้างเตียง
“คุณพ่อ...” ไปรมามองหน้าแม่ “ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ คุณแม่ ไหนใครบอกไป๋ว่าคุณพ่อปลอดภัยแล้ว”
“แม่กลัวไป๋จะตกใจน่ะจ้ะ คุณพ่อของไป๋ยังหายใจ แต่ก็ไม่ฟื้น ไม่รู้ตัว ไม่ตอบสนองอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
ไปรมาน้ำตาไหล ทรุดลงนั่งข้างเตียง กุมมือปฐวี
“คุณพ่อ ไป๋อยู่นี่นะคะ ได้ยินไป๋ไหมคะ คุณพ่อ”
นงพงาแอบเช็ดน้ำตา โทรศัพท์นงพงาดังขึ้น
“ค่ะ ว่ายังไงคะ คุณทนาย...”
นงพงาเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ไปรมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
หลังจากนงพงาออกจากห้องไปแล้วชินภัทรแอบดูอยู่หน้าห้องไอซียู ชินภัทรเห็นไปรมาเอามือปฐวีมาแนบแก้ม ร้องไห้ ชินภัทรมองไปรมาอย่างสงสาร ไปรมาเหลือบมาเห็น ชะงัก ชินภัทรทำท่าเหมือนจะเข้าไปหาไปรมาจึงลุก รีบเดินไปที่ประตู
“ออกไปนะ”
“ไป๋ ฟังเราก่อน”
ไปรมาดันชินภัทรออกไปนอกห้อง
“ออกไปนะ ออกไป”
“ฟังเราก่อนสิ ไป๋ โอเค พ่อเราผิดจริง แต่ที่พ่อไป๋เจ็บถึงขนาดนี้ พ่อเราไม่ได้ทำนะ ไป๋” ชินภัทรพยายามอธิบาย
“ไม่ต้องพูด ไม่เชื่อ ไม่อยากฟัง ออกไป”
ไปรมาผลักชินภัทรสุดแรง จนชินภัทรเสียหลักเซล้มลง ดนัยกับลูกน้องได้ยินเสียงไปรมาจึงวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“คุณหนู!” ดนัยชะงักเมื่อเห็นชินภัทรและจำได้ “เฮ้ย จับมัน”
ชินภัทรลุกขึ้นจะหนี แต่ไม่ทัน ดนัยและลูกน้องเข้าประกบ ลากตัวชินภัทรออกไป ไปรมาตกใจและนึกเป็นห่วงชินภัทร
“เดี๋ยวก่อนค่ะ อย่าทำเค้า... คุณแม่”
ไปรมานึกถึงแม่
ชินภัทรถูกลากเข้ามาในสวนของโรงพยาบาลจากนั้นพวกดนัยก็อัดชินภัทรจนลงไปกองกับพื้น ปากแตก เลือดไหล ดนัยกำลังจะซ้ำแต่เสียงนงพงาดังขึ้นซะก่อน
“หยุดนะ ดนัย” ดนัยชะงัก เห็นไปรมากับนงพงาเดินเข้ามา ชินภัทรลุกขึ้นยืน “ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ ถ้าใครมาเห็นเข้า จะเสียหายมาถึงท่านนะ”
“ไอ้นี่มันเป็นลูกนายโชคนะครับ คุณนง มันแอบมาที่ห้องท่าน...”
“ผมมาหาไป๋” ชินภัทรสวนขึ้นแล้วมองไปรมา “เราอยากคุยกับไป๋”
ไปรมาน้ำตาคลอ
“เราไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ กลับไปซะ” ไปรมาหันหลังให้
“ไป๋...”
ชินภัทรทำท่าเหมือนจะเข้ามาหาไปรมาอีก ดนัยจะขวาง นงพงาห้าม
“อย่า ดนัย ห้ามทำอะไรเค้าเด็ดขาด ฉันไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้... ส่วนเธอก็กลับไปซะ อย่ามาที่นี่อีก ฉันขอร้อง”
นงพงาบอกกับชินภัทรแล้วพาไปรมาเดินออกไป ดนัยกับลูกน้องเดินตาม ชินภัทรมองตามไป หน้าตาไม่ยอมแพ้
ชินภัทรส่งอีเมล์บอกพีชญาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“...ตอนนี้ เรากับไป๋ เลยเหมือนเป็นศัตรูกัน และก็คงจะเป็นอย่างนี้ต่อไป จนกว่าเราจะพิสูจน์ได้ว่า คนที่ยิงพ่อไป๋จนเกือบตาย ไม่ใช่พ่อเรา...”
พีชญานั่งอ่านเมล์ที่ชินภัทรส่งมา แต่จู่ๆ ภูษณะก็ร้องเอะอะโวยวาย ตะโกนอย่างอัดอั้น
“เว้ยยยยยยย”
พีชญาหันไปมองอย่างตกใจ
“เฮ้ย!” พีชญาเห็นภูษณะอาละวาดถีบเก้าอี้ล้ม นักเรียนที่ผ่านมาเห็น ตกใจ แตกตื่น พีชญาวิ่งไปล็อคตัวภูษณะเอาไว้ “อีตาภู เป็นบ้าอะไรเนี่ย”
ภูษณะจะถีบเก้าอี้อีก พีชญาลากตัวภูษณะออกไป พร้อมกับขอโทษขอโพยคนไปตลอดทาง
พีชญาลากภูษณะออกมานอกตึกแล้วใส่ทันที
“นี่ เป็นบ้าอะไรเนี่ย หะ แหกปากตะโกนออกมาได้ อับอายขายหน้าประเทศชาติ”
ภูษณะยกมือห้ามแล้วบอกอย่างเซ็งสุดๆ
“หยุดเลยนะ วันนี้ ฉันฟังคนด่ามามากพอแล้ว ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งอาจารย์...”
“ก็ผลการเรียนเธอไม่เอาไหน โดดเรียนก็บ่อย”
“ก็ฉันไม่อยากเรียน...คนอื่นในบ้านเค้าเรียนหมอกัน มีชั้นคนเดียว ต้องมาเรียนการโรงแรม ทุเรศ!”
“ทุเรศยังไงยะ ถ้าลูกเจ้าของโรงพยาบาลคิดแบบนี้ โรงพยาบาลของเธอ คงไม่มีอาหารดีๆ กิน ไม่มีเตียงสะอาดๆ นอน ไม่มีความปลอดภัยและการบริการก็คงจะห่วยยยยยมากกกกกกกก” ภูษณะเถียงไม่ออก ได้แต่ฮึดฮัด พีชญาเทศน์ต่อ “ในโลกนี้ ไม่ได้แต่หมออย่างเดียวนะที่สำคัญ อาชีพอื่นก็มีค่าเหมือนกัน”
“แต่พี่น้องฉันทุกคนเป็นหมอ ฉันอยากเป็นเหมือนเค้า ไม่อยากเป็นจุดอ่อน เป็นแกะดำ”
“แม่เธอมีลูกเป็นหมอเยอะแล้ว มีเธอคนเดียวเรียนการโรงแรม... Hospital จะดีได้ยังไง ถ้าไม่มี hospitality จริงไหม ทำไมไม่คิดว่าตัวเองเป็นจุดแข็ง”
คำพูดของพีชญาทำให้ภูษณะรู้สึกดีขึ้น แต่ยังบ่น จ๋อยๆ
“จะแข็งจะอ่อนตอนนี้ก็ไม่สำคัญแล้ว ถ้าทำคะแนนเทอมนี้ได้ไม่ดี ฉันได้เซย์กู้ดบายแน่”
พีชญามองภูษณะอย่างอ่อนใจ ทั้งขำทั้งเอือม
ส่วนที่เมืองไทยค่ำวันนั้นชัชนั่งจ้องหน้าโรสที่นั่งหลับตา บีบมือตัวเอง ท่าทางเหมือนกำลังใช้พลังจิตเพ่งอยู่ ชินภัทรมองลุ้นอยู่ด้วย โรสพึมพำ
“เลือด...เลือดเต็มไปหมดเลยค่ะ”
“มันเป็นโรงฆ่าสัตว์ แล้วคุณเห็นอะไรอีก”
“ฉันเห็นคุณโชค” โรสชะงักแล้วสะดุ้งสุดตัว ลืมตาโพลง
“อาโรส!”
“เสียงปืน! คุณโชคยิงท่านปฐวี”
“แล้วอีกสองนัดล่ะ อีกสองนัด ใครยิง”
ชัชถามอย่างร้อนรน โรสหลับตาเหมือนพยายามใช้สมองเพ่ง แล้วลืมตาขึ้นมา ท่าทางเสียใจ
“ฉันไม่เห็นใครอีกเลยค่ะ นอกจากคุณโชค...”
ชัชกับชินภัทรอึ้งไป ชินภัทรพูดเสียงเครียด
“อาชัช หรือว่าพ่อโกหก”
ชัชหน้าขรึม ไม่อยากเชื่อว่าโชคจะโกหกตน แต่ก็ไม่กล้ายืนยัน โรสมองลุ้นๆ โทรศัพท์ชัชดังขึ้นขัดจังหวะชัชรับสาย
“ชัชพูดครับ... อะไรนะ... งั้นเหรอ...โอเคขอบใจมาก”
ชัชวางสายหน้าตายินดี โรสกับชินภัทรมองอย่างสนใจ
“มีอะไรเหรอครับ อาชัช”
“พ่อแกไม่ได้โกหก...” ชัชยิ้ม บอกโรส “ตำรวจพิสูจน์หลักฐานแล้ว โรสกระสุนที่ยิงเข้าลำตัวท่านปฐวี ไม่ได้มาจากปืนของพี่โชค แต่มาจากปืนกระบอกอื่น”
โรสยิ้มตอบเจื่อนๆ ชินภัทรดีใจ
“ถ้าอย่างนั้น พ่อก็รอดแล้วใช่ไหมครับ”
เช้าวันต่อมาโชคเดินหน้าตาเหวี่ยงๆ ออกมาจากห้องฝากขัง ตำรวจเดินตามประกบมาพูดกับชัช
และทนาย
“ถึงเราจะให้ประกันตัวออกไปได้ แต่คุณโชค ยังเป็นผู้ต้องหา คดีลักพาตัว ข่มขู่ และทำร้ายร่างกาย ส.ส.ปฐวีอยู่นะครับ”
โชคหันไปโวยตำรวจ
“เออ รู้แล้วน่ะ ผมไม่หนีไปไหนหรอก พวกคุณเอาเวลาไปตามจับไอ้คนที่อยากฆ่าท่านปฐวีดีกว่า ไป๊”
ชัชส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วลากแขนโชคเดินออกไป
โรสอยู่ที่ระเบียงยืนมองออกมาหน้าบ้าน เห็นรถพาชัชกับโชคกลับเข้ามา โชคกับชัชลงจากรถ เป๋งกับลูกน้องไปห้อมล้อมรับเจ้านาย โรสยิ่งเจ็บใจ
“คนมีเงิน กฏหมายทำอะไรไม่ได้...ฉันถึงต้องจัดการกับแกด้วยมือของฉันเอง”
โรสพึมพำออกมา
ชัชกับโชคเดินเข้ามาในบ้าน โชคมองไปรอบๆ แล้วถามขึ้น เสียงอ่อยๆ
“ลูกชั้นล่ะ มันไม่รู้เหรอว่าฉันได้กลับบ้านแล้ว”
“รู้” โชคหน้าเสีย นึกน้อยใจ “ชินมันยังเด็กน่ะ พี่ ให้เวลามันทำใจหน่อย...”
“แล้วนี่แกได้เบาะแสมั่งรึยัง ว่าใครเป็นคนยิงไอ้ปฐวี”
ชัชส่ายหน้า
“มืดสนิทเลยพี่ ไม่มีใครเห็นหน้ามัน เลยไม่รู้จะไปตามจับใคร”
“เฮ้ย...มีคนนึงที่เห็น” โชคบอกเมื่อนึกได้
“ใครพี่”
“ไอ้ปฐวี ก่อนจะโดนสอยร่วงไป มันเห็นหน้าคนที่ยิงมัน!”
โรสแอบฟังอยู่นอกห้องถึงกับหน้าเครียด
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 13 (ต่อ)
ขณะนั้นที่ห้องเช่าของกงพัด กงพัดกับวีณากำลังทะเลาะกัน
“ฉันไม่เข้าใจ ในเมื่อคุณก็ลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว คุณจะกลับไปหาอดีตที่เลวร้ายของคุณอีกทำไม เพื่ออะไร” กงพัดถอนใจ วีณาพูดต่ออย่างเสียใจ “ไปจากที่นี่ แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“แล้วโรสล่ะ”
“พี่สาวของคุณเค้าต้องการแก้แค้น เค้าต้องการให้คุณฆ่าคน คุณจะทำเหรอคะ”
“พระเจ้าสอนให้เรารัก ไม่ใช่แค้น ผมไม่ต้องการฆ่าใคร แต่ผมต้องไปช่วยโรส ผมทิ้งเค้าไม่ได้”
วีณาหน้าเสีย ผละออกจากกงพัด
“ก็ตามใจคุณ แต่ฉันจะไม่ไปกับคุณ แล้วจะไม่อยู่รอคุณที่นี่ด้วย”
“วี!”
“ถ้าคุณไม่ฆ่าคน คนอื่นเค้าก็ต้องฆ่าคุณ ฉันไม่อยากนั่งรอคนรัก ทั้งๆ ที่รู้ ว่าเค้าไม่มีวันจะกลับมา!”
วีณาน้ำตาไหล กงพัดมองอึ้งๆ หนักใจ แล้วเดินออกไปเงียบๆ วีณาทรุดลงกับพื้น ร้องไห้โฮ
เย็นวันนั้นที่บ้านของปฐวี ดนัยกำลังรายงานความคืบหน้าของคดีกับนงพงาโดยมีไปรมานั่งฟังอยู่ด้วย
“สรุปว่าไม่มีใครรู้ ว่ามือปืนคนนั้นเป็นใคร?”
“ตำรวจกำลังเร่งสืบอยู่ครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้า ผมจะรีบมารายงาน”
ดนัยออกไป นงพงาคิด ไปรมาลุกมากอดถามแม่
“คุณพ่อมีศัตรูคนอื่นนอกจากคุณโชคอีกเหรอคะ คุณแม่”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“เค้าเป็นใครคะ แล้วเค้าจะมาทำร้ายพวกเราไหม”
นงพงากอดปลอบลูก ทั้งที่ตัวเองก็หวั่นใจ ทันใดนั้น เสียงสัญญานเตือนภัยก็ดังลั่น นงพงากับไปรมาตกใจ
“คุณแม่!”
นงพงาวิ่งออกไปนอกห้อง
“ดนัย เกิดอะไรขึ้น ดนัย...ดนัย”
ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งมา
“มีคนบุกรุกครับ คุณนงกับคุณหนูอยู่ในบ้านก่อน อย่าออกไปไหน”
นงพงากับไปรมากอดกันกลมด้วยความตกใจ
“ใครกันคะ คุณแม่ เค้ามาบุกรุกบ้านเราทำไม”
ดนัยกับลูกน้องลากตัวชายคนหนึ่งเข้ามาโยนตรงหน้านงพงา
“เธอ!”
“ชิน!”
นงพงากับไปรมาอุทานออกมาพร้อมกัน ชินภัทรบอกกับนงพงา
“คุณบอกไม่ให้ผมไปหาที่โรงพยาบาลอีก ผมก็ไม่ไป...แต่ผมต้องคุยกับไป๋ คุณคงไม่ห้ามใช่ไหมครับ”
นงพงาอ่อนใจหันมองไปรมา
เวลาผ่านไป...ทั้งหมดนั่งอยู่ที่โซฟา ชินภัทรขอโทษนงพงา
“เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ผมต้องขอโทษแทนพ่อด้วย พ่อเป็นคนโมโหร้าย เจ้าอารมณ์ แต่ทั้งหมดนี้ มันก็เกิดเพราะพ่อผมเข้าใจว่าท่านส่งมือปืนไปฆ่าแม่ผม”
“เราก็บอกชินไปแล้วไง ว่าพ่อเราไม่ได้ทำ” ไปรมาบอก
“เมื่อก่อนเราไม่แน่ใจ แต่หลังจากที่ท่านโดนยิงคราวนี้ เราถึงคิดได้ มีคนบางคนที่ต้องการทำร้ายพ่อเรา แต่สถานการณ์แวดล้อม ทำให้พ่อเราเข้าใจผิด คิดว่าเป็นพ่อไป๋”
“ฉันก็คิดอย่างเดียวกับเธอ แล้วฉันก็คิดว่าท่านรู้ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร” นงพงาบอก
“ครับ ท่านถึงได้ถูกยิงเพื่อปิดปาก”
“อะไรนะ!” ไปรมาทำเสียงตกใจ
“พ่อเราบอกว่า ก่อนที่ท่านปฐวีจะโดนยิง ท่านกำลังจะบอกว่าคนคนนั้นคือใคร แล้วท่านก็ทำท่าตกใจ เหมือนกับเห็นใครซักคน”
“ท่านเห็นหน้ามือปืน”
“ครับ คนคนนั้นแหละ คือตัวการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เมื่อไหร่ที่ท่านฟื้นขึ้นมา เราก็จะรู้ว่ามันคือใคร”
สีหน้านงพงามีความหวังขึ้นมาทันที
คืนนั้นที่ห้องนอนของชัช ชัชกับโรสอยู่ในชุดนอน กำลังเตรียมตัวเข้านอน โรสนั่งอยู่หน้ากระจกสีหน้าครุ่นคิดขณะถามชัช
“แล้วถ้าท่านไม่ฟื้นล่ะคะ” คำถามนี้ทำให้ชัชถึงกับขำ
“ความลับก็คงจะเป็นความลับตลอดไป...ล่ะมั๊ง”
“เสียดาย ที่ฉันเข้าถึงตัวท่านไม่ได้”
“ถ้าเข้าไปได้ คุณจะ...”
“ถ้าได้สัมผัสตัวท่าน ฉันอาจจะเห็น ว่าสิ่งที่ท่านเห็นคืออะไร”
ชัชมองหน้าโรส
เช้าวันต่อมาที่โรงพยาบาลปฐวีนอนอยู่บนเตียง ยังมีสายน้ำเกลือ ออกซิเจน และอุปกรณ์ต่างๆ ระโยงระยาง มีพยาบาลกำลังวัดความดันตามปกติสัญญานชีพจรที่มอนิเตอร์ข้างๆ เต้นแรงขึ้น พยาบาลเห็นเปลือกตาปฐวีเริ่มขยับ เห็นปลายนิ้วของปฐวีเคลื่อนไหว
“ท่านรู้สึกตัวแล้วเหรอคะ ท่าน”
พยาบาลถามอย่างดีใจ ปฐวีค่อยๆ ลืมตาขึ้น พยาบาลดีใจรีบวิ่งออกไปตามหมอ
ขณะนั้นนงพงาอยู่ที่ธนาคาร กำลังทำเช็คของขวัญอยู่ โทรศัพท์มือถือของนงพงาก็ดังขึ้น
“ว่าไงจ๊ะ ดนัย...อะไรนะ จริงเหรอ เมื่อไหร่”
ดนัยอยู่ที่โรงพยาบาล กำลังรายงานนงพงาด้วยความตื่นเต้น
“เมื่อเช้านี้เองครับ ท่านลืมตาขึ้นมานิดนึง แล้วก็หลับไปอีก ตอนนี้คุณหมอกำลังตรวจอาการอยู่ แต่เห็นว่าน่าจะมีข่าวดี”
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ดนัยคอยดูท่านดีๆ นะ เดี๋ยวฉันไป”
นงพงาวางสาย หันมายิ้มแย้มบอกพนักงาน
“เร่งให้นิดนึงนะคะ ดิฉันจะรีบไป”
หลังจากวางหูจากนงพงาแล้วดนัยเดินผ่านตู้น้ำอัดลมเลยหยุดกด ห่างออกไปด้านหลังโรสซึ่งอยู่ในชุดสูทกางเกงสีขาวนวล กลมกลืนไปกับบรรยากาศโรงพยาบาล เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดนัยเดินไปถึงทางเดินหน้าห้องปฐวี เห็นชาวบ้าน 4-5 คน ถือกระเช้าดอกไม้ ชะลอมผลไม้ เถียงกันเอะอะ
“อะไรกันเนี่ย ลุง ป้า นี่มันโรงพยาบาลนะ” ดนัยบอก
“อ้าว พ่อคุณ จำป้าได้ไหม” ดนัยงง “พวกป้ามาจากบางบอน จะมาเยี่ยมท่านปฐวี”
“ท่านอยู่ตรงไหนล่ะไอ้หนุ่ม พาไปหน่อยซิ ลุงเอามะม่วงมาฝากท่าน”
“ท่านไม่สบายมาก เยี่ยมกันขนาดนี้ไม่ได้หรอกลุง... โน่น ไปตรงโน้นนะ เห็นโต๊ะนั่นไหม ลุงกับป้าเอาของไปวางไว้โน่นเลย แล้วลงชื่อในสมุดเยี่ยมเอาไว้ ฉันจะบอกท่านเอง”
บรรดาลุงกับป้าไม่พอใจ โวยวาย ดนัยพยายามจัดการให้สงบ ระหว่างที่ดนัยกวาดต้อนชาวบ้านไปที่โต๊ะมุมทางเดิน โรสก็เดินแว่บเข้าไปในห้องปฐวี
ปฐวีค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น เห็นร่างเบลอๆ ใส่ชุดขาวนวลกำลังรูดม่านบังเตียงเอาไว้ ปฐวีเพ่งตามอง ภาพนั้นค่อยๆ ชัดขึ้น พร้อมๆ กับที่ร่างนั้นหันมาเป็นโรส ปฐวีตกใจพยายามจะขยับแขนไปคว้าปุ่มกดเรียกฉุกเฉินแต่ไม่มีแรง โรสปัดปุ่มกดฉุกเฉินทิ้ง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน
“อยู่เฉยๆ ดีกว่าค่ะ ท่าน” ปฐวีพยายามจะขัดขืนแต่ไม่มีแรง “ท่านเป็นนักการเมืองมาหลายปี คงจะเหนื่อยน่าดู มันถึงเวลาแล้วที่ท่านควรจะพักบ้าง”
โรสจับมือปฐวีมากุม ปฐวีได้แต่นอนดูทำอะไรไม่ได้ แว่บภาพในหัวโรสเห็นปฐวีทุรนทุราย ไม่มีอาการหายใจ โรสลืมตา ยิ้มให้ปฐวี
“ปากของท่าน โกหกหลอกลวงชาวบ้านมาไม่รู้เท่าไหร่ มันถึงเวลาแล้ว ที่มันจะได้พัก...ตลอดกาล”
โรสใช้มือปฐวีปัดออกซิเจนออกจากหน้าปฐวี ปฐวีตาเหลือกหายใจไม่ทัน โรสยิ้มแล้วเดินออกไป
อีกมุมหนึ่งของโรงพยาบาลนงพงากับไปรมาเดินแกมวิ่งเข้ามาด้วยกัน ท่าทางดีใจ
“คุณพ่อพูดได้หรือยังคะ คุณแม่”
นงพงายิ้มอย่างมีความสุข
“แม่ไม่รู้ค่ะ ดนัยโทรมาบอกแค่ว่าคุณพ่อรู้สึกตัวแล้ว”
“ไป๋ตื่นเต้นจังเลยค่ะ”
“คุณพ่อก็คงดีใจที่เจอไป๋ รีบไปกันเถอะจ้ะ”
ทั้งสองรีบเดินไปถึงหน้าห้องปฐวี แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นหมอภาคภูมิกับพยาบาลวิ่งกันวุ่นวายเข้าไปในห้อง ไปรมาจะตามเข้าไป พยาบาลคนหนึ่งห้ามไว้
“เข้าไม่ได้ค่ะ ห้ามเยี่ยม”
“ทำไมล่ะคะ” นงพงาถาม
“คนไข้อาการทรุดลงอีกค่ะ ตอนนี้คุณหมอกำลังช่วยชีวิตอยู่”
“อะไรนะคะ” ไปรมาหันมองนงพงาหน้าเสีย “คุณแม่”
นงพงาเห็นดนัยวิ่งเข้ามาหา รีบถาม
“ดนัย มันเกิดอะไรขึ้น ไหนว่าท่านอาการดีขึ้นแล้วไง”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ พยาบาลบอกว่าหน้ากากออกซิเจนของท่านหลุดออกมา ท่านหายใจไม่ทัน เลยช็อก”
“เป็นไปได้ยังไง มีใครเข้าไปในห้องท่านหรือเปล่า”
“ไม่มีนะครับ มีชาวบ้านมาเยี่ยม แต่ผมไม่ได้ให้เข้าไป”
นงพงางง กลัดกลุ้ม
เวลาผ่านไป...หมอภาคภูมิเดินออกมาหานงพงากับไปรมา
“ท่านเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ เพียงแต่อาการกลับทรุดหนักลงไปเหมือนเดิมอีกแล้ว”
“ฉันกับลูกอยากเข้าไปเยี่ยมท่าน ได้ไหมคะ” หมอภาคภูมิทำหน้าไม่เต็มใจ “นะคะ”
ภายในห้องปฐวียังนอนนิ่ง อุปกรณ์ช่วยชีวิตเพียบเหมือนเดิม สัญญานชีพจรอ่อนลงไปมาก ไปรมาเดินเข้ามาทรุดข้างเตียงแล้วกอดมือปฐวีเอาไว้
“คุณพ่อ .. ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้คะ คุณแม่ ทำไม”
นงพงาเดินเข้าไปใกล้ๆ มองหน้าปฐวี มองมือที่อ่อนปวกเปียกอยู่ในมือของไปรมา มองสายออกซิเจนที่ติดอยู่
“ยกมือยังแทบไม่ไหว แล้วจะปัดสายออกซิเจนออกจากหน้าได้ยังไง”
นงพงานึกอย่างแปลกใจ และเหมือนนึกอะไรได้นงพงารีบบอกไปรมา
“กลับบ้านกันก่อนเถอะจ้ะ ไป๋ แม่เพิ่งนึกได้ว่ามีอะไรต้องทำ”
นงพงารีบพาไปรมากลับบ้าน ระหว่างนั้นที่โรงแรมของโชค รถตู้แล่นมาจอดที่หน้าหน้าโรงแรม โรสลงมาจากรถ ชัชรีบเดินออกมารับด้วยท่าทางร้อนใจ
“เป็นไงบ้าง ได้เรื่องไหม เห็นอะไรบ้างหรือเปล่า”
ชัชกับโรสคุยกันที่มุมหนึ่ง
“ฉันเข้าไปในห้อง แค่แตะมือท่าน ยังไม่ทันเห็นอะไร อาการท่านปฐวีก็กำเริบ ฉันกลัวพยาบาลจะเข้ามาเห็น เลยรีบหนีออกมาก่อนน่ะค่ะ”
“สรุปว่าไม่ได้เรื่องอะไรเลย” โรสพยักหน้า “น่าเสียดาย”
โชคเดินเข้ามา
“ไม่ต้องเสียดาย” โรสกับชัชหันไปมอง เห็นโชคเดินมากับทนาย “ตำรวจเค้าได้เบาะแสเพิ่มเติมแล้ว ...อีกไม่นานเราต้องได้ ตัวมือปืนแน่ๆ” โชคบอกแล้วยิ้มอย่างสะใจ
“ยังไงเหรอพี่”
ชัชถามอย่างแปลกใจ
อีกด้านหนึ่งที่บ้านของปฐวี เมื่อนงพงากับไปรมากลับมาบ้านนงพงารีบเข้าห้องหยิบหนังสือนิยายของโรสมาพลิกอ่านอย่างเอาเป็นเอาตาย ไปรมาเดินเข้ามาแอบมองแล้วอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“คุณแม่อ่านอะไรคะ ท่าทางซีเรียส”
“หนังสือนิยายค่ะ” นงพงาบอกโดยไม่เงยหน้า
“เนี่ยนะเหรอคะ เรื่องด่วนที่คุณแม่ต้องทำ”
ไปรมาทำเสียงแปลกใจ ขณะนั้นสาวใช้เคาะประตู เข้ามาบอก
“คุณดนัยมาขอพบคุณผู้หญิงค่ะ”
“ให้เข้ามา” ดนัยเดินเข้ามาด้วยท่าทางตื่นเต้น “มีอะไรเหรอจ๊ะ ดนัย”
นงพงาถามอย่างแปลกใจ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่โรงแรมของโชค ทนายบอกทุกคนถึงความคืบหน้าของคดียิงปฐวี
“ตำรวจบอกว่าตรวจพบรอยเท้าอีกรอยหนึ่งในที่เกิดเหตุ ที่เดินเข้ามาจากด้านหลัง ดูจากตำแหน่งที่ยืนแล้ว มั่นใจว่าเป็นรอยเท้าของมือปืนที่ยิงท่านปฐวีครับ”
โรสหน้าเสีย โชคหันไปมองโรส ยิ้มเยาะ ก่อนจะหันไปบอกชัช
“แล้วแกรู้อะไรไหม รอยเท้าที่ว่า มันเป็นรอยเท้าของผู้หญิง”
“ผู้หญิง คนยิงท่านปฐวีเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ”
โชคหันมองหน้าโรส ยิ้มร้าย
“ใช่ ผู้หญิง...ให้ตายสิ ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไง”
โชคยิ้มกริ่ม ชัชมองโชคอย่างสงสัย โรสอึ้งหน้าเครียด
ส่วนที่บ้านของปฐวี ดนัยก็กำลังบอกเรื่องนี้กับนงพงาและเมื่อดนัยกับสาวใช้ออกไปแล้วไปรมาจึงถามนงพงาอย่างตกใจ
“มือปืนที่ยิงคุณพ่อเป็นผู้หญิง”
“ตำรวจเค้าว่าอย่างนั้นจ้ะ”
“แปลก มือปืนผู้หญิงมีด้วยเหรอคะ คุณแม่ หรือว่าคุณพ่อไปมีเรื่องกับผู้หญิงที่ไหน”
นงพงาตอบไม่ถูก สายตาบังเอิญเหลือบไปมองหนังสือนิยายหน้าที่เพิ่งเปิดอ้าเอาไว้ นงพงานั่งลง อ่าน
“... ร่างบนเตียงดิ้นพราดๆ ตาเหลือกค้าง กล้ามเนื้อบนหน้าบูดเบี้ยวเหมือนปลาที่อยู่บนบก ขาดอากาศหายใจ ในวินาทีนั้น ก่อนที่สติจะหลุดลอยไป เขาเห็นหน้าของเธอ ยืนมองมาด้วยความแค้น...”
นงพงานิ่งมองรูปใบหน้าโรสที่ปกด้านในอย่างใช้ความคิด
จบตอนที่ 13
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.