เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 12
เสกสรรค์กับพิไลพรวิ่งมาถึงที่จอดรถ พยายามมองหาแต่ไม่เห็นแล้ว เสกสรรรู้สึกกังวลใจ
“คุณหญิง...คุณหญิงไปไหนแล้ว”
“คุณทิวคงพากลับไปแล้วล่ะค่ะ”
“ผมจะไปหาคุณหญิง”
“คุณเสกคะ...ปล่อยคุณหญิงไปก่อนเถอะค่ะ”
“แต่ผมไม่ไว้ใจนายทิว”
เสกสรรค์วิ่งออกไป พิไลพรถอนใจอย่างหนักเป็นห่วงหญิงมานศรี
“ฝากดูแลคุณหญิงด้วยนะคะคุณทิว”
ทิวมาส่งหญิงมานศรีที่บ้านพักของเธอ หญิงสาวลงนั่งน้ำตารื้น ตกใจและช็อกยังไม่หาย ทิวเดินเข้ามาหา
“นาย...รู้ตั้งแต่แรกว่าคุณผ่องทิพย์จะมาทำร้ายฉัน”
“พี่พวงโทรบอกฉัน...ฉันถึงขังเธอเอาไว้ในห้องก่อน แต่เธอก็ไม่เชื่อฉัน”
“ทำไมไม่บอกฉันตรงๆ”
ทิวชะงักพูดไม่ออก
“ฉัน...”
“การจะบอกฉันดีๆ มันยากมากสำหรับนายงั้นเหรอ”
ทิวอึ้งไป หญิงมานศรีแววตาเจ็บปวด
“นายคงเกลียดฉันมากสินะ คำพูดดีๆสักคำ ก็พูดกับฉันไม่ได้”
ทิวรีบแก้ตัว
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่...” ทิวยั้งไว้ก่อนจะตัดสินใจพูด “ใช่ ฉันเกลียดเธอ”
หญิงมานศรีเจ็บร้าวในใจ
“แล้วคิดจะช่วยฉันทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันถูกพี่สาวของนายทำร้ายให้อายคนมากกว่านี้ล่ะ”
“สมเพชไง”
หญิงมานศรีอึ้ง
“เข้าใจแล้วล่ะ...ขอบใจนะที่ยังมีความรู้สึกอยู่บ้าง ทำให้ฉันเห็นว่านายยังเป็นคนอยู่บ้าง”
หญิงมานศรีลุกขึ้น จะเดินเข้าไป ทิวตามไป
“ตามฉันมาอีกทำไม”
“ฉัน...จะเอาเสื้อฉันคืน”
“ฉันจะทำความสะอาดคืนให้...มันเปื้อนเลือด เห็นมั้ย”
ทิวมองไปที่สูทของตัวเอง เห็นรอยเปื้อนเลือดจากใบหน้าของหญิงสาว ชายหนุ่มมองอย่างสงสาร ค่อยๆเดินเข้าไปหา หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับตามรอยแผลให้
“เจ็บมั้ย”
หญิงมานศรีน้ำตาไหลพราก เจ็บที่ใจจนพูดไม่ออก เสียใจสุดๆ ทิวอึ้ง แล้วหญิงสาวก็กลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไปน้ำตาไหลพร่างพรูออกมาเธอร้องไห้จนตัวโยน ทิวค่อยๆจับเธอเข้ามาร้องไห้ซบที่ไหล่
“นายคงไม่เชื่อว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา ถ้าฉันอยากเป็นภรรยาคุณเทพมากขนาดนั้น ฉันจะทนถูกทำร้ายอยู่แบบนี้ทำไม”
ทิวอึ้งคิดตามที่หญิงมานศรีพูดแต่ก็แสยะยิ้มออกมาอีก
“ใครจะไปรู้ล่ะ บางที นี่อาจจะเป็นมารยาโก่งราคาค่าตัวของเธอ”
“อยากพูดอะไรนายก็พูดไปเถอะ ฉันเจ็บจนชาชินไปหมดแล้ว”
หญิงมานศรีจะผละออก ทิวจับให้เธอซบต่อไป
“อยากร้องไห้ ก็ร้องซะ อย่าไปใช้น้ำตากับคนที่เค้าไม่รู้เท่าทันเธอ ฉันไม่อยากให้คนอื่นต้องตกเป็นเหยื่อของเธออีก”
“แล้วนายไม่กลัวจะตกเป็นเหยื่อของฉันหรือไง”
“น้ำตาของเธอไม่ทำให้ฉันใจอ่อน มั่นใจได้เลย”
หญิงมานศรียิ่งร้องไห้หนักขึ้น ทิวถอนใจสับสนในตัวเอง อยากลูบผมของเธอแต่ก็ไม่กล้า เสกสรรค์แอบยืนมองมาจากมุมหนึ่งอย่างเจ็บใจตัดสินใจเข้าไปทันที
“คุณหญิง!”
หญิงมานศรีกับทิวตกใจ ผละจากกัน
“เสก!”
เสกสรรค์ต่อยทิวเปรี้ยง
ผ่องทิพย์ถูกเทพตบล้มลงกลางบ้าน พวงทองรีบเข้าไปประคอง ขวัญตายืนมองสะใจ
“ผ่อง...”
“ปล่อยฉัน วันนี้มีเคลียร์ ถ้าไม่เคลียร์ อย่ามาเรียกฉันว่าผ่องทิพย์”
เทพจ้องหน้า
“อยากจะเคลียร์อะไร”
“ถ้าคุณเลือกมัน คุณก็ไม่มีฉัน”
เทพพูดอย่างเย็นชา
“เชิญ!”
ผ่องทิพย์ตะลึง
“อะไรนะ!”
“ฉันพูดว่าเชิญ! อยากไป ก็ไป อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาก็ดีแล้ว ทุกคนในนี้ฟังเอาไว้ ใครรู้สึกอึดอัดใจมากจนไม่อยากจะอยู่กับฉัน...โน่น ประตู เดินออกไป แต่...”
ผ่องทิพย์กับขวัญตาตกใจ ยกเว้นพวงทอง
“แต่ขอบอกก่อนนะ จะไปก็ไปแต่ตัว อย่าได้เอาอะไรที่เป็นของฉันออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่งั้น ฉันจะตามล่าเอาคืนเป็นร้อยเท่า”
ทุกคนตกใจกับการตัดสินใจของเทพ
เสกสรรค์ยืนมองทิวที่ถูกต่อย ล้มอยู่บนพื้น ด้วยความเดือดดาล หญิงมานศรีไม่พอใจ
“ทำแบบนี้ทำไม”
“ผมเกลียดคนหน้าอย่างใจอย่าง อย่างมัน”
“อย่ามาอวดเก่งแถวนี้”
“ผมไม่ได้อวดเก่ง ผมอยากทำให้คุณหญิงได้สติ ว่ามันเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้”
“แล้วหญิงควรจะไว้ใจใคร เสกงั้นเหรอ”
“อย่างน้อยผมก็ไม่เคยคิดทำร้ายคุณหญิง”
“เสกไม่เคยคิด แต่เสกทำ”
เสกสรรค์อึ้ง หญิงมานศรีจ้องหน้า
“เสกทำให้หญิงเสียใจมากมาแล้ว ลืมไปแล้วเหรอ”
“ผมถึงได้มาขอโอกาส ขอเวลาแก้ตัวกับคุณหญิงอยู่นี่ไง”
“ฟังหญิงนะ...มันหมดเวลาของเสกแล้วค่ะ”
เสกสรรค์อึ้ง
“ทำไม...”
“หญิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
“เพราะใคร” เสกสรรค์ชี้ไปที่ทิว “เพราะมัน หรือนายเทพ”
“เพราะเราสองคนค่ะ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เราไม่ได้เกิดมาเพื่อรักกันและอยู่ด้วยกัน”
“ผมไม่ยอม ผมจะ...”
“กลับไปฟ้องคุณแม่คุณงั้นเหรอ”
เสกสรรค์ฉุนกึก
“คุณหญิงดูถูกผม”
“เกลียดหญิงได้หรือยัง เกลียดพอที่จะทำให้เสกไปจากชีวิตของหญิงได้หรือยัง ไปให้พ้นเลยนะ ไปให้หมด”
หญิงมานศรีมองกวาดไปที่ทิวด้วย...ทิวนิ่งเสกสรรค์ผิดหวังมาก หญิงมานศรีเดินเข้าบ้านไปอย่างเสียใจ ทิวลุกขึ้น เสกสรรค์หันมามอง ทิวจ้องหน้าเสกสรรค์อย่างเอาเรื่อง
“ถ้าคุณต่อยผมอีกครั้งเดียว ผมไม่ปล่อยคุณกลับกรุงเทพแบบมีลมหายใจแน่ คุณเสกสรรค์”
เสกสรรค์อึ้งเผชิญหน้ากับเขา ผู้ชายสองคนที่ผูกพันกับหญิงมานศรีจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ขวัญตาเข้ามาต่อว่าเทพ
“จะเก็บเอาไว้ใส่พานถวายนังคุณหญิงนั่นคนเดียวหมดเลยหรือไง ไม่ยุติธรรม”
เทพตบขวัญตาเปรี้ยง
“เรื่องของฉัน”
เทพสบตาพวงทอง เห็นแต่ความเฉยชาเขาเข้ามาขย้ำคอพวงทอง
“อยากไปจากฉันด้วยหรือเปล่าล่ะ พวงทอง”
“ค่ะ ขอบคุณ”
เทพอึ้ง พวงทองแกะมือของเขาออก แล้วเดินออกไปด้วยความมั่นคง ลับหลังเทพ พวงทองอมยิ้ม
แต่เทพเจ็บใจมากเดินออกไปทางหนึ่ง ผ่องทิพย์และขวัญตา ตกใจ และช็อก เสียใจ หากแต่ผ่องทิพย์กรี๊ดลั่น ส่วนขวัญตา เก็บแรงแค้นเอาไว้
วันใหม่...หญิงมานศรีนั่งซึม เหม่อมองออกไปเบื้องหน้าเพียงลำพัง...พิไลพรเดินออกมาหน้าบ้านเจอทิวยืนอยู่
“คุณทิว”
ทิวเป็นห่วงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“คุณหญิงเป็นไงบ้าง”
พิไลพรหน้าหมองลงทันที
หญิงมานศรีนั่งซึมห่อเหี่ยว เศร้าหมอง ทิวยืนอยู่ข้างหลังโดยที่เธอไม่รู้ตัว หญิงมานศรีลุกขึ้น หันไป เจอทิวยืนอยู่ก็ตกใจ
“มาทำไม”
“เอ่อ...มาเอาเสื้อคืน ลืมแล้วหรือไง”
หญิงมานศรีถอนใจ เซ็งๆค้อนเขาแล้วเดินผ่านไป ทิวยิ้มๆ เดินตามไป...หญิงมานศรีพูดขึ้นขณะที่เดินนำไป
“ยังซักไม่เสร็จ”
“ซักเองหรือให้ใครซักให้”
หญิงมานศรีชะงักหันไปบอก
“ซักเอง”
ทิวไม่อยากจะเชื่อ
“ทำเป็นด้วยเหรอ”
“ทำไมจะทำไม่ได้”
“ก็เห็นมือไม้บอบบาง หยิบโหย่ง”
“อย่าตัดสินคนง่ายๆได้มั้ย”
“แล้วทำเป็นได้ไง”
“ตอนเรียนที่อังกฤษ ฉันอยู่หอพัก ก็ต้องทำทุกอย่างเอง ไม่มีใครคอยดูแล”
“เหรอ...ก็ยังถือว่าสบาย เพราะที่บ้านคงส่งเงินให้ใช้เต็มเหนี่ยว เลยจมไม่ลง”
“ฉันทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารไทย ไม่ได้แบมือขอเงินเฉยๆ สัมภาษณ์จบหรือยัง ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับคนปากเสีย”
“จบแล้ว”
“ก็ไปๆซะ”
“ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
หญิงมานศรีแปลกใจ ไม่ไว้ใจ
“ไปไหน...ไม่อ่ะ”
“ไปที่ชอบ ที่ชอบไง”
“ยิ่งไม่อยากไป”
หญิงมานศรีจะเดินหนี ทิวเข้าไปคว้ามือเอาไว้ ชวนแกมบังคับ
“ไปเหอะน่า วันนี้วันหยุด ฉันอนุญาตให้ไปเที่ยว”
“แบบนี้ เขาไม่ได้เรียกอนุญาต เขาเรียกบังคับ”
“เออ...บังคับก็ได้ ไป ไปเที่ยว”
ทิวลากไป หญิงมานศรีพยายามขืนแต่ก็สู้แรงไม่ไหว ถูกลากไปจนได้
ทิวลากหญิงมานศรีมาถึงรถ
“ขึ้นไป!”
“ไม่...”
ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวทันที
“ชอบให้ใช้กำลังก็ไม่บอก”
“ว้าย ฉันขึ้นเองก็ได้ ปล่อย!”
“ให้ปล่อยตรงไหน ที่พื้น หรือเบาะรถ”
“เรื่องของนายสิ”
ทิวทำท่าจะทุ่มลงพื้น หญิงมานศรีรีบเกี่ยวคอของเขาแล้วบอกเสียงดัง
“บนเบาะสิ คนบ้า!”
“ก็พูดจาลีลาอยู่ได้”
ชายหนุ่มวางหญิงสาวลงบนเบาะอย่างแรง
“เบาๆไม่เป็นหรือไง”
“งั้นเอาใหม่”
ทิวเข้าไปอุ้มหญิงมานศรีอีกครั้ง เธอตีแขนเขาเพียะๆ
“จะบ้าเหรอ ปล่อย!”
“กำลังจะปล่อยอยู่นี่ไง”
ชายหนุ่มวางหญิงสาวลงใหม่อย่างนิ่มนวล
“อ่ะ นั่งดีๆ”
หญิงมานศรีงงๆ แปลกๆ ขนลุกๆ กับมุมดีๆอ่อนโยนของเขา ทิวมองหน้ายิ้มๆ
“วันนี้ฉันจะไถ่โทษให้เธอแทนพี่ผ่อง ที่ทำเธอเจ็บด้วยการพาไปเที่ยวหนึ่งวัน อยากไปไหน บอก”
“จะไปรู้เหรอ ฉันไม่รู้จักที่เที่ยวแถวนี้” หญิงมานศรีเขินๆแบบฟอร์มๆ “อยากพาไปไหนก็พาไปสิ”
ทิวยิ้มๆ รีบไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับหันมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้ง
“ชอบแบบไหน หวานเย็นหรือสปิ๊นเตอร์”
“กลางๆน่ะมีมั้ย”
ทิวกระชากรถออกอย่างรวดเร็ว จนหญิงมานศรีตกใจ ร้องเสียงหลง
“นี่กลางแล้วเหรอ”
เทพใส่เสื้อผ้าชุดเดิมนอนหลับอยู่บนที่นอน พวงทองกำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่เงียบๆลงกระเป๋าเดินทาง เทพงัวเงียตื่นขึ้นมาเห็นพวงทองเก็บเสื้อผ้าก็มองอย่างแปลกใจ
“พวงทอง...จะไปไหน”
“ไปจากที่นี่ค่ะ คุณบอกไว้เมื่อคืน ลืมแล้วเหรอคะ ใครอยากจะไปก็ไป”
“แต่ฉันไม่ให้เธอไป”
เทพลุกขึ้น มาคว้าเสื้อผ้าออกจากมือพวงทอง เหวี่ยงทิ้งไป รวมทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าด้วย พวงทองจ้องหน้าไม่พอใจ
“คุณยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า จะกลับคำหรือไง”
“ฉันไม่ได้กลับคำ ที่ฉันพูด ฉันหมายถึงผ่องทิพย์ กับขวัญตา”
“แล้วคุณจะมีฉันไว้ทำไม”
“ฉันต้องการเธอ”
“ในฐานะอะไร...คนใช้คุณก็มี หรือเป็นที่รองรับความใคร่ คุณก็คงหาใหม่ได้ไม่ยาก”
เทพกระชากพวงทองเข้ามา
“เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอทำไม”
“ฉันไม่รู้จริงๆค่ะ”
เทพมองพวงทอง พูดไม่ออก
“เธอไม่ต้องการฉันบ้างเลยหรือไง”
“ไม่ค่ะ!”
“พูดใหม่!”
“ไม่ค่ะ!”
เทพผลักพวงทองลงเตียงอย่างรุนแรง
“แต่ฉันไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น ถ้าเธอก้าวออกไปจากบ้านนี้แม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะฆ่าเธอ”
พวงทองลุกขึ้น ไม่สนใจ ไปหยิบกระเป๋า จะออกไป
“และฉันก็จะฆ่าไอ้ทิวด้วย”
พวงทองชะงัก หน้าถอดสี หันมามองเทพ
“คุณเทพ!”
“ฉันทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้เธออยู่กับฉัน พวงทอง”
พวงทองค่อยๆวางกระเป๋าลง ตัดสินใจยากเย็น...มองหน้าเทพนิ่งๆ
“ได้ ฉันจะอยู่ แต่จำไว้นะว่าคุณกักขังฉันได้เพียงแค่ตัว ส่วนหัวใจของฉันเป็นอิสระจากพันธนาการที่คุณยัดเยียดให้”
“ฉันไม่แคร์”
พวงทองมองเทพอย่างเสียใจและผิดหวัง ในขณะที่เทพยิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะ เดินเข้ามาประกบปากพวงทอง
“ฉันจะไม่หาที่รองรับความใคร่ที่ไหน...เพราะฉันมีเธอ”
เทพไซร้ซอกคอพวงทองอย่างไม่ปรานีปราศรัย พวงทองกล้ำกลืนยอมทนอย่างเงียบๆ มีเพียงน้ำตาไหลมาเป็นทาง...ผ่องทิพย์แนบหูฟังที่ประตูห้องอยู่โดยตลอด เจ็บใจ แค้นมาก เดินออกไป
หญิงมานศรีอยู่กลางสวนดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตา ยืนรับอากาศอย่างสดชื่น ทิวยืนพิงรถมองหญิงสาวเพลินตาอย่างลืมตัว...หญิงมานศรีเก็บดอกไม้เต็มมือ ทิวมองเห็นก็ยิ้มบางๆ
“หึ...ผู้หญิ้งผู้หญิง...เห็นดอกไม้เป็นไม่ได้”
ทิวเห็นหญิงมานศรีอุ้มดอกไม้ไว้แนบอก รู้สึกไม่พอใจ กลัวดอกไม้ช้ำ เขาหันกลับเข้าไปในรถหยิบตะกร้าหวายที่ใส่ของกระจุกกระจิกขึ้นมาแล้วเทของทั้งหมดทิ้งลงไป เอามาแค่ตะกร้าแล้วเดินไปยื่นตะกร้าหวายให้ หญิงมานศรีมองอย่างแปลกใจ
“เอาไว้ใส่ดอกไม้ หอบอย่างนั้น เดี๋ยวมันก็ช้ำหมด”
หญิงมานศรีอมยิ้ม รับตะกร้าหวายมา
“ขอบใจนะ นายนี่ อ่อนโยนกับดอกไม้ แต่ชอบทำตัวกักขฬะกับคนนะ”
ทิวแย่งตะกร้ากลับมาทันที
“จะเอาไม่เอา”
“เอาสิ...พูดความจริงแค่นี้ ทำเป็นรับไม่ได้”
“อย่าเอามันเลย”
“อ่ะ ล้อเล่นก็ได้ นายอ่อนโยนกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ แต่นายเป็นคนปากแข็ง ชอบแสดงออกตรงกันข้ามกับความรู้สึก”
ทิวอึ้ง...แสร้งเมิน ไม่อยากให้หญิงสาวเห็นความอ่อนไหวในแววตาของเขา เพราะหญิงมานศรีพูดถูก
“อย่าบอกนะ ว่าฉันพูดถูก”
ทิวอึ้ง ก่อนจะตอบเลี่ยงๆ
“ถูกเถิกอะไร เธอไม่ใช่คนเก่งขนาดนั้นหรอก เอาไป”
ทิวยัดตะกร้าให้ หญิงมานศรีรับมาแทบไม่ทัน มองตามเขายิ้มๆ...เอาดอกไม้ใส่ตะกร้า มีความรู้สึกดีๆกับเขาขึ้นมาบ้าง
ทิวนั่งรอหญิงมานศรีจนหลับไป ขณะเดียวกันนั้นมีดอกหญ้ามาเขี่ยที่จมูก ทิวสะดุ้งตื่น จาม ลืมตาขึ้นมา เห็นหญิงมานศรียืนหัวเราะอยู่
“แกล้งฉันเหรอ”
“ไม่มั้ง”
ทิวลุกขึ้นขู่
“ไม่คิดจะกลัวเกรงกันบ้างหรือไง หา”
“เป็นยักษ์เป็นมารหรือเปล่าล่ะ จะได้กลัว”
“ได้!” ทิวแยกเขี้ยวคำรามใส่ “แฮ่!”
หญิงมานศรีอึ้ง ค้าง เหมือนจะช็อก
“สมน้ำหน้า ฉันเตือนเธอแล้วนะ ทีหลังอย่ามาท้า”
หญิงมานศรีหลุดหัวเราะ ขำ สุดๆ
“ฮ่ะๆๆๆ”
“ขำอะไร”
“ไปใช้มุกนี้กับเด็กอนุบาลเถอะ ไม่ได้น่ากลัวเลย...”
หญิงมานศรีหัวเราะหัวเราะอีก ทิวชักฉุน
“หืม มันน่านัก”
ทิวเข้ามา หญิงมานศรีวิ่งหนี
“จะทำอะไร อย่านะ”
“เด็กอนุบาลเหรอ มานี่เลย จะลงโทษให้เข็ด”
“ว้าย อย่านะ อย่า”
หญิงมานศรีวิ่งหนีเข้าไปยังสวนดอกไม้ ทิวไล่ตามมาติดๆ แล้วรวบเอวเธอได้
“จะทำอะไร”
“ลงโทษแบบเด็กอนุบาล ต้องตีก้น”
“อีกแล้วเหรอ”
ทิวอุ้มหญิงมานศรีขึ้นไหล่แล้วตีก้น
“ว้าย นายทิว ปล่อยฉันลง ฉันไม่ชอบนะ”
“ไม่ชอบ ก็บอกดีๆ ไม่งั้นตี”
ทิวตีก้นอีก
“ก็ได้!” หญิงมานศรีพูดเสียงอ่อน เสียหวาน “นายทิว...ปล่อยฉันลงนะ”
“ขอโทษที่หัวเราะฉันด้วย”
“ฉันขอโทษ ปล่อยฉันลงเถอะนะ เลือดตกหัวแล้ว ฉันมึนหัว”
ทิวตกใจ รีบปล่อยลงทันที
“ขอโทษ...เป็นไงบ้าง”
หญิงมานศรีทำหน้าล้อเลียน
“สบายดี นายถูกฉันหลอกสำเร็จ แบร่!”
“ยัยมานเอ๊ย!”
หญิงมานศรีค้นพูดเน้นๆ
“มาน-นะ-ศรี”
ทิวทำหน้าล้อเลียน
“ยัยมาน”
หญิงมานศรีฉุนกึก
“มาน-นะ-ศรี”
“ยัยมาน”
หญิงมานศรีงอน เดินหนี ทิวคว้ามือเอาไว้ ดึงตัวเข้ามา หญิงสาวเสียหลัก ซบที่อกของชายหนุ่ม สองหนุ่มสาวสบตากัน ล้ำลึก เต็มไปด้วยความหมาย ทิวพูดเสียงแผ่วเบา
“ขี้งอนนะเรา...มานศรี”
หญิงมานศรีเขิน อาย หลบสายตาเขาพูดเสียงอ่อนโยน
“ปล่อยได้หรือยัง”
“หายงอนหรือยังล่ะ”
“หายก็ได้”
“พูดดีๆ”
“หายแล้วค่ะ” หญิงมานศรีอ้อนๆ “ปล่อยเถอะนะ”
ชายหนุ่มหัวใจจะละลายกับลูกอ้อนของหญิงสาว...สองคนยิ้มให้กันหัวใจพองโต เต็มตื้นไปด้วยความอบอุ่นใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป เวลา 17.00 น.
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทิวจอดรถ หญิงมานศรีจะลง ชายหนุ่มรีบบอก
“อย่าเพิ่งลง”
หญิงมานศรีแปลกใจ ทิวรีบลงจากรถ วิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้ หญิงมานศรียิ้มออกมาอย่างเปิดเผย ทิวเขินๆ แต่เก็กมาดเข้ม
“ยิ้มทำไม”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงมานศรีลงมาจากรถ ทิวปิดประตูให้อย่างเบามือ ไม่กระแทกกระทั้น หญิงสาวยิ่งแปลกใจ มองหน้าชายหนุ่ม
“มองอะไร”
“นายแสดงความเป็นสุภาพบุรุษโดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอ และในบางเวลาที่นายไม่ได้สวมหน้ากากยักษ์ ฉันก็เห็นว่านายอ่อนโยน ทำไมต้องทำตัวดุร้ายปกปิดตัวตนของตัวเอง”
ทิวอึ้งไป
“จะอยากรู้ไปทำไม ไปทานข้าว หิวแล้ว”
ทิวเดินหนี หญิงมานศรีถามต่อ
“แสดงว่านายไม่ปฏิเสธว่าเป็นอย่างที่ฉันพูดจริงๆ”
ทิวหันหน้ามอง
“งั้นเธอก็บอกฉันมาก่อนสิ...ว่าอะไรทำให้เธออยู่ที่นี่”
“นายมีคำตอบในใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“เคยมี แต่ตอนนี้ คิดว่ามันไม่ใช่ ฉันอยากรู้ความจริง”
หญิงมานศรีอึ้ง สบตาเขา ทั้งสองคนมองตากัน อย่างตัดสินใจ จะเปิดเผยความจริงในใจให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าดีหรือไม่
ทิวเดินคุยมากับหญิงมานศรีหลังจากขึ้นมาจากน้ำตก
“ฉันเชื่อว่าที่ครอบครัวของฉันต้องล่มสลาย และการที่ขวัญตาทิ้งฉันไป เป็นความตั้งใจของไอ้เทพ เพราะคนอย่างมันไม่เคยพอ เต็มไปด้วยกิเลส อยากได้ อยากมี อยากเป็น จนทำได้ทุกอย่าง ซึ่งเธออาจจะไม่เชื่อฉัน”
“เรื่องนั้น ให้ฉันตัดสินใจเองได้มั้ย”
“ตามใจ...แล้วเธอล่ะ ไม่คิดจะหวั่นไหวกับไอ้เทพ หรือแฟนเก่าของเธอบ้างหรือไง มันอาจจะช่วยกู้ฐานะของเธอขึ้นมาได้ ยอมๆไปเถ้อะ”
“เรื่องนี้ก็ควรปล่อยให้ฉันตัดสินใจเองด้วยเหมือนกัน”
“เอาแต่ใจตัวเอง”
“ใช่...ฉันต้องคำนึงถึงหัวใจของตัวเอง ฉันไม่ยอมรับวิธีที่ต้องขายศักดิ์ศรีตัวเอง แต่งงานกับใครก็ได้เพราะเงิน แต่ปราศจากความรักและศรัทธาในคนๆนั้น”
ทิวอึ้งไป
“คุณเทพ ฉันไม่เคยรักเขา ส่วนเสกสรรค์ ฉันเคยรักเขา แต่ความรักนั้นก็หมดไป พร้อมกับการสิ้นศรัทธา เพราะเสกไม่เคยสู้เพื่อความรักของเราเลย และเสกก็จะไม่มีวันเปลี่ยนตัวเองได้”
“แต่เธอยอมมาอยู่ใกล้ไอ้เทพ ผู้ชายที่อันตรายที่สุดในโลกสำหรับผู้หญิง”
“เพราะฉันไม่อยากขัดใจหม่อมแม่ ที่ยังมีศรัทธาในตัวคุณเทพ และการที่ฉันยังอยู่ใกล้เขาก็เพื่อทำให้หม่อมแม่เห็นว่า...หม่อมแม่ศรัทธาคนผิด”
ทิวนิ่งไปนิดก่อนจะถามขึ้น
“มานศรี...เธอ...เชื่อฉันใช่มั้ย”
หญิงมานศรีจ้องหน้าเขา
“ต้องให้พูดอีกเหรอ...ฉันหิวข้าวแล้วนะ เอ๊ะ เสียงท้องใครร้องนะ”
ทิวกุมท้องตัวเอง หญิงมานศรียิ้ม
“ไม่ใช่ของนายหรอก ของฉันต่างหาก”
ทิวหลุดหัวเราะขำออกมา หญิงมานศรีก็หัวเราะออกมาด้วย สองคนหัวเราะให้กัน
ทิวขับรถพาหญิงมานศรีกินลมไปตามถนน ทั้งสองคนดูร่าเริงและมีความสุข ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาวตลอดเวลาที่มีโอกาส เต็มไปด้วยความสุข เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มได้เต็มยิ้มและเป็นครั้งแรกที่เธอมีความสุข อบอุ่นและปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ
ทิวเดินมาส่งหญิงมานศรีที่หน้าบ้านพัก หญิงสาวถือตะกร้าใส่ดอกไม้มาด้วย ดูเก้อเขินกันทั้งสองคน แล้วก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน
“สนุกมั้ย!”
ทั้งสองอึ้งกันไป...ก่อนจะยิ้มๆให้กัน
“ฉัน...สนุกดี...เธอล่ะ”
“ฉันสนุกมาก เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดหลังจากที่ท่านพ่อเสีย”
“ก็ดี”
หญิงมานศรีหยิบมาลัยดอกไม้ส่งให้
“อะไร”
“ฉันให้...เพื่อแสดงความขอบคุณที่นายพาฉันไปเที่ยว”
ทิวรับมาอึ้งๆ เขินๆ แต่รีบทำเป็นขรึม
“ขอบใจ...รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“นายก็เหมือนกัน”
“ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก ห่วงตัวเองเถอะ”
“ลืมไป ว่านายอึดยิ่งกว่าวัวกว่า...”
ทิวรีบตัดบท
“พอ! ไม่ต้องเปรียบเทียบ...ไปนะ”
หญิงมานศรียิ้มให้อย่างจริงใจ
“ขอบคุณอีกครั้งนะ”
ทิวเดินไป หญิงมานศรีมองตามแอบอมยิ้มอย่างมีความสุข ทิวหันเดินกลับมา เธอรีบปั้นหน้าเรียบเฉย
“มีอะไรอีกล่ะ”
ทิวหยิบก้อนหินในกระเป๋าขึ้นมา
“หินที่น้ำตก เห็นมันสวยดี เลยเก็บมาให้”
“ฉันไม่รับ”
ทิวอึ้ง สลดลง
“ถ้ามีคนคิดเหมือนนายกันหมด น้ำตกก็จะไม่เหลือหินสวยๆแบบนี้ให้คนได้ชื่นชมอีก...เอากลับไปวางไว้ที่เดิมเถอะนะ”
ทิวแปลกใจกับคำตอบ กึ่งชื่นชม
“เธอพูดจริงเหรอ”
“เห็นฉันเคยพูดเล่นกับนายหรือไง...ถ้าไม่อยากให้ฉันเกลียดนายมากกว่านี้ ก็เอาหินก้อนนี้ไปวางไว้ที่เดิม รู้เรื่องนะ”
หญิงมานศรีเชิดหน้าเดินเข้าบ้านไป ทิวมองตามยิ้มๆ
“ถึงมันจะเป็นมารยาเล่มที่เท่าไหร่ของเธอไม่รู้...แต่มันก็...โอเคนะ” เขาพูดกับก้อนหินในมือ “ไป กลับไปอยู่ในที่ๆของแก คุณหญิงสั่ง”
ทิวเดินออกไป หญิงมานศรีแอบมองมาจากมุมหนึ่งของบ้าน ยิ้มๆ รู้สึกมีความสุขมากที่สุด ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
ทิวเดินเข้าพร้อมมาลัยดอกไม้...หอมอย่างมีความสุขและมีรอยยิ้ม เขารู้สึกขำ เยาะตัวเอง
“จะยิ้มทำไมเนี่ย”
เข้มวิ่งเข้ามา
“นายครับ ได้เวลาแล้วครับ”
ทิวหน้าตาจริงจังขึ้นมาทันที
ทิว เข้ม พาธีรพลและพิไลพรเข้ามาที่หน้าบ้านพักลุงมิตร
“ขอบคุณหมอมากนะครับ ที่มาช่วย”
ธีรพลยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เป็นหน้าที่ครับ”
วิวัฒน์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“นาย เร็วเข้า ลุงแกปวดหัวใหญ่แล้วครับ”
ทิวและทุกคนตกใจ รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ล้วนและลูกน้องของล้วนเข้ามาดักซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง ล้วนหยิบมือถือขึ้นมา โทรหาเทพ
“พวกมันพากันมาที่นี่...พาไอ้หมอนั่นมาด้วย อาจจะเป็นที่นี่ก็ได้ครับนายใหญ่ เอาไงต่อครับ”
เทพยืนมองรูปของทัดอยู่ คุยมือถือกับล้วน หน้าเครียด
“เก็บมันให้หมด”
เทพวางสาย มองไปที่รูปของทัด
“จะต้องไม่มีใครรอดชีวิตมาทำลายความสุขของฉัน...ได้ยินมั้ยพี่ทัด”
เทพมองรูปของทัดด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
โปรดติดตามตอนต่อไป
ลุงมิตรนอนหลับอยู่ ธีรพลตรวจหัวใจเสร็จเรียบร้อยพอดี ส่งเครื่องช่วยฟังหัวใจคืนให้พิไลพร ธีรพลหันมาถามทิว เข้ม และวิวัฒน์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆประตูบ้าน
“ปวดหัวจนสลบไปแบบนี้บ่อยมั้ย”
“ช่วงนี้บ่อยครับ วันหนึ่งไม่รู้กี่รอบ”
ธีรพลส่ายหน้าอย่างครุ่นคิด
“สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี แต่อาการของสมองนี่...หมอก็ไม่แน่ใจนะ”
ทิวเป็นกังวล
“ไม่แน่ใจยังไงหมอ”
“ผมอยากพาลุงไปสแกนสมอง...”
ทิวขัดขึ้น
“ไม่ได้!”
“ทำไม”
“ไม่ปลอดภัย”
ธีรพลมองทิว
“แล้วอยู่ที่นี่ แบบนี้ คุณคิดว่ามันปลอดภัยหรือดีกว่ายังไง”
ทันใดนั้น ประตูบ้านถูกถีบเข้ามา พร้อมไอ้โม่งสองคนถือปืน จ่อเล็งเข้ามา จะยิง ธีรพล วิวัฒน์ พิไลพร ตกใจ แต่ไม่ทันที่ไอ้โม่งจะยิง ทิวและเข้มก็ผลักบานประตูใส่ไอ้โม่งจนผงะหงาย ออกไป ทิวกับเข้ม ตามออกไปเตะปืนกระเด็นออกไปไกล ทิวตะโกนสั่ง
“ไอ้วัฒน์! พาทุกคนหลบไป”
“ครับนาย!”
วิวัฒน์และธีรพลช่วยกันแบกลุงมิตรที่ไม่ได้สติออกไปทางหนึ่ง พิไลพรรีบเก็บอุปกรณ์ตามไปด้วย
ทิวและเข้มต่อสู้กับไอ้โม่ง
ธีรพล วิวัฒน์แบกลุงมิตรมา พิไลพรตามมา ทั้งสามตรงไปที่รถกระบะที่จอดอยู่ วิวัฒน์หันไปบอกพิไลพร
“เปิดหลังกระบะให้ทีครับ”
พิไลพรรีบเปิดหลังกระบะให้ ธีรพลกับวิวัฒน์วางลุงมิตรลง วิวัฒน์ตามขึ้นไปอยู่กับลุงมิตร ธีรพลหันไปเรียกพิไลพร
“พร ขึ้นรถ เร็ว”
“ค่ะ!”
ธีรพลขึ้นไปขับรถ พิไลพรรีบตามไปนั่งข้าง รีบออกรถ ล้วนใส่หมวกไอ้โม่งโผล่มายิง วิวัฒน์หมอบลงนอนบนพื้นกระบะทันที แต่ลุงมิตรได้สติ ลืมตาตื่น ภาพในอดีตแว่บเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ในอดีต...มุมหนึ่งในป่า ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลุงมิตรถูกเทพใช้มีดกรีดใบหน้า
“ตายซะเถอะ ไอ้มิตร!”
เทพเงื้อมีดขึ้นแล้วแทงลงมา สายตาลุงมิตร เห็นใบไม้ร่วงปลิดปลิวลงมาอย่างช้าๆ เหมือนสัญญาณชีวิตที่กำลังจะหลุดจากร่าง
ปัจจุบัน...ลุงมิตรส่งเสียงกรีดร้องด้วยความปวดหัว
“อ๊ากส์!”
ล้วนยิงใส่อีกเป็นนัดที่สอง วิวัฒน์หมอบลง เคาะประบะเสียงดัง
“ออกรถ”
ธีรพลรีบบึ่งรถออกไปอย่างเร็ว ล้วนวิ่งมาไล่ยิงใส่อีก แต่พลาดหมด ล้วนเปิดหมวกออก โมโหมาก
“โธ่เว้ย!”
ล้วนหันไปทางหนึ่ง ทิวกับเข้มลุยกับลูกน้องอีกสองคนอยู่ ล้วนใส่หมวกเหมือนเดิม วิ่งออกไป
ทิวกับเข้มกำลังต่อสู้กับลูกน้องล้วน ทิวต่อยจนลูกน้องคนหนึ่งสลบคารองเท้า ล้วนวิ่งเข้ามา เล็งปืนจะยิงทิว ลั่นไก ทิวใช้ตัวลูกน้องของล้วนเป็นโล่บังกระสุน ล้วนตกใจ
“ไอ้เข้ม ส่งปืนมา”
เข้มมองเห็นปืนอยู่ใกล้ เตะปืนส่งให้ ทิวรับปืนได้อย่างว่องไว ยิงสวนไปที่ล้วนทันทีแต่พลาด ล้วนรีบหลบ
“ไอ้เข้ม! ถอย”
ทิวยิงคุ้มกันให้เข้ม พากันวิ่งไปทางหนึ่ง ล้วนที่ยิงโต้ตอบไม่ถนัด โกรธจัด
เทพกวาดของบนโต๊ะกระจายด้วยความโกรธจัด
“โธ่เว้ย!ไอ้หมอกับนังพิไลพรไปด้วย...แสดงว่า...คุณหญิง”
เทพไม่พอใจ คิดว่าหญิงมานศรีต้องรู้เรื่องด้วยแน่ๆ
หญิงมานศรีอยู่ในบ้านพักคุยมือถือกับพิไลพร
“ถูกตามล่าเหรอพร ไม่มีใครเป็นอันตรายใช่มั้ย...ดีแล้ว...แล้ว คุณทิวล่ะเป็นไงบ้าง”
ทันใดนั้นเสียงเทพดังขึ้น
“เดี๋ยวนี้เรียกคุณทิวแล้วเหรอครับ คุณหญิง”
หญิงมานศรีตกใจ แต่คุมสติ พูดเป็นปกติ
“พร...แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ พอดีคุณเทพมา แล้วเจอกัน”
หญิงมานศรีกดวางสาย หันไปเผชิญหน้า เทพมองหญิงมานศรีอย่างสังเกต ดูท่าที หญิงมานศรีพยายามทำตัวเป็นปกติ ไม่ตื่นเต้น และมีท่าทีไม่พอใจที่เทพแอบฟังการคุยโทรศัพท์
ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าที่บ้าน ทิวบอกทุกคน
“ให้ลุงอยู่ที่นี่แหละ”
เข้มกังวล
“ไม่ยิ่งใกล้มือพวกมันเหรอครับนาย”
ทิวหันมองลุงมิตรที่นอนไม่ได้สติอยู่
“แต่อยู่ใกล้มือฉัน ฉันก็ดูแลได้ง่ายกว่า”
พิไลพรเดินเข้ามา
“คุณทิวคะ ส่งลุงไปรักษาที่กรุงเทพดีมั้ยคะ อาจจะปลอดภัยกว่า”
ธีรพลเห็นด้วยกับพิไลพรจึงพยายามพูดกับทิว
“เชื่อเราเถอะคุณทิว ผมจะดูแลเคสนี้เป็นพิเศษเอง”
“ใช่ค่ะ ยิ่งตอนนี้คุณเทพไปหาคุณหญิง อาจจะต้องการซักคุณหญิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งไม่ปลอดภัย”
“ไอ้เทพไปหาคุณหญิง”
ทิวไม่ไว้ใจเทพขึ้นมาทันที
หญิงมานศรีเดินหนีเทพ จะเข้าบ้าน เทพเดินตาม
“แอบฟังหญิงคุยโทรศัพท์ส่วนตัวแบบนี้ มันไม่ค่อยสุภาพนะคะ คุณเทพ หญิงขอตัวค่ะ อยากพักผ่อน”
หญิงมานศรีจะปิดประตู...เทพไม่พอใจ ลืมตัวคว้า ดันประตูเอาไว้
“ที่นี่เป็นอาณาจักรของผม ผมมีสิทธิ์”
หญิงมานศรีอึ้ง ไม่พอใจ
“แต่ไม่ใช่ในที่ๆเป็นส่วนตัวของหญิงแบบนี้ กรุณาปล่อยมือค่ะ”
เทพไม่พอใจ คว้าตัวเธอมาเค้นถาม
“ผมมีสิทธิ์ในทุกๆที่ ไม่งั้น ผมจะปกครองคนเป็นร้อยเป็นพันอย่างนี้ได้ยังไงเมื่อกี้...คุณหญิงคุยอะไรกับคุณพิไลพร”
หญิงมานศรีหนักใจ ยอมอ่อน เพื่อจะได้จบ
“ถ้าหญิงตอบ คุณจะปล่อยหญิงหรือเปล่า”
“แน่นอน”
“เรื่องทั่วๆไป”
“แล้วนายทิวไปเกี่ยวอะไรด้วย ถึงได้ถามถึงเขา”
“ก็แค่คิดถึง เลยถามค่ะ จบมั้ยคะ ปล่อยหญิงค่ะ”
เทพฟิวส์ขาด
“ทำไม ผมไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวคนชั้นสูงอย่างคุณเลยหรือไง หรือว่ามีแค่...คุณทิวคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้”
“คุณเทพ!”
หญิงมานศรีไม่พอใจอย่างแรง ผลักเทพออกไป
“หญิงจะลืมว่า ได้ยินประโยคหยาบคายเหล่านี้ออกจากปากของคุณ เพราะไม่อย่างนั้น หญิงคงหมดความนับถือในตัวคุณ”
“ไม่ต้องลืมหรอกครับคุณหญิง คุณหญิงต้องจำมันเอาไว้ให้ขึ้นใจ ว่าอีกไม่นาน ผมคือคนที่จะได้แตะต้องตัวคุณหญิงแต่เพียงผู้เดียว”
หญิงมานศรีชะงัก
“หมายความว่าไงคะ”
เทพรุกเข้าหา เชยคางขึ้นมา
“คุณหญิงรู้ดี ว่าผมรู้สึกกับคุณหญิงยังไงและผมก็รู้ว่าจริงๆแล้ว คุณหญิงเองก็รู้สึกไม่ต่างจากผม...แต่ทำเป็นยั่วให้ผมหึง...ใช่มั้ย”
หญิงมานศรีตบหน้าเทพอย่างแรง
“หยุดนะ”
เทพถูกระตุ้นอารมณ์ คุกรุ่น หันมองหญิงสาวตาวาว
“หญิงไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลย นอกจาก...”
เทพโผเข้ไปกอดหญิงมานศรี
“เรารักกัน เปิดเผยความรู้สึกกันสิ ไม่เห็นต้องปกปิดเลยผมพร้อมเสมอที่จะปกป้องดูแลคุณหญิง คุณหญิงเองก็พร้อม แล้วจะรออะไร มองหน้าผมสิ...”
เทพจับตัวหญิงสาวให้มองหน้าตัวเอง อ้อนวอน ง้อขอความรักแบบหื่นๆ ละล่ำละลัก หญิงมานศรีตกใจกลัว
“ผม...เทพ...ธงธรรม หุ้นส่วนใหญ่ที่กำลังจะเป็นเจ้าของทัดเทพแต่เพียงผู้เดียวคนนี้ พร้อมที่จะทิ้งทุกคน ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครองรักกับคุณหญิง ผมไม่เคยยอมลงให้ใครขนาดนี้ ได้ยินมั้ย ผมรักคุณหญิงมากนะ คุณหญิงรักผม ใช่มั้ย ใช่มั้ย”
เทพจะซุกไซร้ หญิงมานศรีช็อกและตกใจมาก
“คุณเทพ ปล่อยนะ ปล่อย ปล่อย...ช่วยด้วย”
ทิวเข้ามา เห็นหญิงมานศรีกำลังดิ้นให้หลุดจากการปลุกปล้ำของเทพ เขาโกรธมากวิ่งเข้าไปช่วยทันที ทิวคว้าตัวเทพออกมาแล้วต่อยหน้าเปรี้ยง
“ไอ้เลว!”
เทพเซถลาไป หันมามองทิวตาเขียว หญิงมานศรีวิ่งเข้ามากอด ทิวเองก็กอดหญิงสาวเอาไว้ อย่างห่วงหวง
“ช่วยฉันด้วย!”
เทพมองด้วยความเคียดแค้น...
“นี่มันหมายความว่ายังไง...นายกับคุณหญิง...”
ทิวกับหญิงมานศรีมองหน้ากัน อึ้ง...
“คุณหญิงรักฉัน ไม่ใช่แก ทิว”
เทพพุ่งเข้าใส่ ทิวเสียหลัก เซถลาออกไป หญิงมานศรีตกใจ วิ่งตามไป
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
เทพและทิวต่อสู้กันอย่างดุเดือด...แต่ครั้งนี้ เทพเต็มไปด้วยความบ้าระห่ำ เหมือนถูกขยี้หัวใจโดยทิว คนที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด ทิวพยายามสู้เพื่อปกป้องหญิงมานศรี ผู้หญิงที่ตัวเองแน่ใจแล้วว่ารัก โดยมีหญิงมานศรียืนมองเอาใจช่วยอยู่
จังหวะนั้นทิวจับเทพล็อกไว้กับกำแพง
“ความรักไม่ได้แลกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ กลโกง และเงินของแก”
เทพพลิกกลับมาได้เปรียบ
“ไม่จริง เงินซื้อได้ทุกอย่าง”
ทิวพลิกกลับมาได้เปรียบ
“งั้นตอบมาสิ...ใครบ้างที่กล้าพูดได้เต็มปากว่ารักแกที่หัวใจโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ตอบมา”
เทพอึ้ง ยิ้งแค้น ใส่ทิวไม่ยั้ง จนทิวเกือบแย่ หญิงมานศรีใจเสีย
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที ช่วยด้วย”
พวงทองวิ่งเข้ามาในห้องอย่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น บุญปลูก”
บุญปลูกกำลังประคองร่างผ่องทิพย์ที่ไม่ได้สติอยู่มีขวดยาอยู่บนพื้น ยาหล่นเกลื่อนกลาด
“คุณนายกินยา ฆ่าตัวตายค่ะ”
“ผ่อง...ผ่อง!”
พวงทองตกใจมาก เข้าไปเขย่าตัวน้องสาว ขวัญตาวิ่งเข้ามาเห็นสภาพผ่องทิพย์แล้วตกใจ พวงทองหันไปสั่งบุญปลูก
“บุญปลูก ไปบอกให้เขาออกรถ พาคุณนายไปโรงพยาบาล เร็วสิ”
“ค่ะๆๆๆ”
บุญปลูกส่งผ่องทิพย์ให้พวงทองแล้วรีบวิ่งออกไป เห็นใบหน้ายิ้มเยาะของขวัญตาแล้วบุญปลูกไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ วิ่งออกไป พวงทองหันไปหาขวัญตา
“ขวัญตา ไปบอกคุณเทพ ว่าคุณผ่องแย่แล้ว”
“คิดเหรอ ว่าคุณเทพจะสนใจ”
“สนใจหรือไม่สนใจก็ต้องบอก ไปสิ”
ขวัญตาหน้าง้ำ จำใจเดินออกไป
“ผ่อง อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ อยู่กับพี่นะ อย่าเพิ่งเป็นอะไร”
พวงทองพยายามประคองลากผ่องทิพย์ออกไปอย่างยากเย็น ด้วยความสงสารน้องอย่างที่สุด
ทิวและเทพยืนโงนเงน เผชิญหน้ากัน โดยมีหญิงมานศรียืนตรงกลางอย่างตกใจ
“หญิงขอร้อง พอเถอะ พอแล้ว”
ทิวและเทพจะซัดเข้าใส่อีก ขวัญตาวิ่งเข้ามาพอดี ตะโกนแทรก ทำให้ทิวและเทพชะงัก
“นังผ่องทิพย์มันกินยาฆ่าตัวตาย”
เทพอึ้ง...ทิวเป็นห่วงผ่องทิพย์ วิ่งออกไปทันทีเจอพิไลพรวิ่งเข้ามาพอดี
“คุณพร...อยู่กับคุณหญิง อย่าทิ้งห่างไปไหน”
พิไลพรรับคำงงๆ
“ค่ะ”
หญิงมานศรีวิ่งมาหาพิไลพร ขวัญตาเดินไปหาเทพ เทพยังมองไปที่หญิงมานศรีอยู่ ขวัญตาพูดกับเทพ อย่างขมขื่น เจ็บปวดที่เห็นสายตาเทพยังต้องการหญิงมานศรีอยู่
“จะไม่ไปดูใจมันก่อนตายสักหน่อยเหรอคะ แค่คำอำลาสั้นๆก็ยังดี ในฐานะที่เคยเป็นผัวเมียกัน”
เทพตัดสินใจ เดินออกไป ขวัญตาหันมามองหญิงมานศรีด้วยสายตาน่ากลัว หญิงมานศรีเชิดหน้าสู้ ไม่ยอมแพ้แก่สายตาของขวัญตา
“ฉันไม่ยอมโง่ยอมเป็นเหยื่อของชะตากรรม อย่างนังผ่องทิพย์หรอก คุณหญิง ไม่มีวัน”
ขวัญตาเดินออกไป พิไลพรหันมามองหญิงมานศรีอย่างเป็นห่วง
“คุณหญิง...”
“หญิงจะรอคุณทิวกลับมา หญิงมีบางอย่างต้องบอกเขา”
หญิงมานศรียังแน่วแน่ที่จะเจอทิว
ค่ำนั้น...ทิวเดินอย่างอ่อนแรงเข้าบ้านมาแล้วนั่งหน้าเครียด เข้มและวิวัฒน์เข้ามา เข้มถามเบาๆ
“คุณผ่อง เป็นไงบ้างนาย”
“หมอล้างท้องให้แล้ว ร่างกายปลอดภัยดี แต่จิตใจ...แย่ คงนอนโรงพยาบาลอีกหลายวัน”
“เฮ้อ...อะไรน้า ทำให้คนเราคิดสั้น กล้าปลิดชีวิตตัวเอง”
ทิวแววตาเจ็บปวด
“ความโง่ไง ไม่รักตัวเอง กว่าจะเกิดเป็นคน พ่อแม่เลี้ยงจนโต ไม่ใช่เรื่องง่ายทำแบบนี้ อกตัญญูพ่อแม่จริงๆ”
เข้มกับวิวัฒน์สะอึก มองหน้ากัน
“แต่นั่นก็พี่สาวแท้ๆนะครับคุณทิว”
“ถึงได้กล้าพูดไง ถ้าเป็นคนอื่น ฉันไม่วิจารณ์ให้เสียน้ำลาย ลุงเป็นไงบ้าง”
ลุงมิตรเดินออกมา หน้าตาดูสดใสขึ้นเห็นทิว...แล้วยิ้มอย่างดีใจ
“ทิว!”
ทิว เข้ม วิวัฒน์ตกใจที่ลุงมิตรเรียกชื่อทิว
หญิงมานศรีเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านรอคอยทิว ตัดสินใจ ไม่รอ จะเดินออกไป พิไลพรทักขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เรารอคุณทิวอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอคะ มืดแล้ว อันตราย เราโทรหาแล้ว เดี๋ยวเขาก็มาค่ะ”
“แต่หญิงร้อนใจ สิ่งที่หญิงอยากจะบอก อาจจะช่วยอะไรคุณทิวได้บ้าง”
“ทำไมคุณหญิงเปลี่ยนใจมาช่วยคุณทิวอย่างเต็มที่แล้วล่ะคะ”
หญิงมานศรีอึ้งไป
“ก่อนหน้านี้ พรยังเห็นคุณหญิงทะเลาะกับคุณทิว ชนิดไม่มองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ และเข้าข้างคุณเทพยิ่งกว่าอะไรดี เกิดอะไรขึ้นคะ”
หญิงมานศรีถอนใจ หันมองพิไลพร ตัดสินใจ พูดความจริง
“หญิงแน่ใจแล้วน่ะสิ...ว่าใครกันแน่ที่เป็นซาตาน”
พิไลพรดีใจ
“ในที่สุด คุณหญิงก็เชื่อในสิ่งที่พรเคยพูด”
“และหญิงก็...อยากจะช่วยคุณทิว ให้กอบกู้เกียรติยศและศักดิ์ศรีของตัวเองคืนมา”
“ไม่ใช่อยากจะช่วยเพราะรักเหรอคะ”
หญิงมานศรีหน้าแดง
“พร! อย่าล้อหญิงเล่นแบบนี้”
“ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ พูดจริง ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลยนี่คะ และพรเองก็ดูออกว่าคุณทิวก็รักคุณหญิง”
“ไม่จริงหรอก”
พิไลพรถอนใจ
“ขี้เกียจเถียง ไปค่ะ คุณหญิงอยากไปไหน พรจะไปด้วย”
พิไลพรจูงมือหญิงมานศรีที่ยิ้มเขินๆออกไป ลูกน้องล้วนโผล่แอบดูมาจากมุมหนึ่ง คุยมือถือ
“ให้ตามต่อมั้ย พี่ล้วน...ครับ แล้วจะรีบรายงานให้ทราบ ว่าพวกมันไปไหน”
ลูกน้องล้วนแฝงกายในความมืด ตามหญิงมานศรีไป
ลุงมิตรค่อยๆเดินมาหาทิวจับที่หน้าของเขา
“ทิว...”
ทิวอึ้ง
“ลุง...”
“ลุงมิตรไง ทิว”
ทิวตื่นเต้น ดีใจและตกใจ
“ลุงมิตร...ลุงมิตรจำผมได้ ความจำของลุงกลับคืนมาแล้วใช่มั้ยครับ”
“ลุงจำได้แล้ว ว่าลุงเป็นใคร...ลุงจำทิวได้...” ทันใดนั้นลุงมิตรก็ปวดหัวอย่างรุนแรง “โอ๊ย!”
“ลุง...ไอ้เข้ม ไอ้วัฒน์ พาลุงมิตรเข้าบ้านก่อน”
“ครับนาย”
เข้มและวิวัฒน์ช่วยทิวพาลุงมิตรเข้าบ้าน ทิวมีความหวังจากการที่ลุงมิตรความทรงจำกลับมา
เข้มและวิวัฒน์ประคองลุงมิตรลงนอน...วิวัฒน์รีบไปจัดยามาให้ลุงมิตรกิน ทิวมองอย่างเป็นห่วง ลุงมิตรมีอาการสงบลง และหลับไปอีก ทิวมองอย่างพอใจ
“ความทรงจำลุงอาจจะยังกลับมาไม่หมด แต่มันกำลังดีขึ้น”
เข้มหันมาถาม
“แล้วอย่างนี้ ต้องพาไปรักษาที่กรุงเทพอีกหรือเปล่าครับนาย”
“ค่อยปรึกษาหมอธีอีกที...” ทิวนึกขึ้นได้ “คุณหญิง...ไอ้วัฒน์ เฝ้าลุงมิตรไว้ นี่ ปืนไว้ป้องกันตัว จำไว้ว่าทั้งเอ็งและลุงมิตรห้ามโผล่ออกไปนอกบ้านเด็ดขาด”
วิวัฒน์รับปืนมา
“ครับ นาย”
“ไอ้เข้ม ไปกับฉัน อย่าลืมล็อกประตู ดับไฟให้หมด เหมือนไม่มีคนอยู่”
เข้มตามทิวไป
หญิงมานศรีเดินมากับพิไลพรตามทางเดินไปบ้านทิว ทันใดนั้นเสกสรรค์เดินเมามายเข้าคว้าข้อมือของหญิงมานศรี เธอสะดุ้งตกใจ
“ว้าย! เสก...ทำอะไร”
“ไปกับผม”
เสกสรรค์พาหญิงมานศรีออกไปทันที
“คุณเสก หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด”
พิไลพรตามไปทันที...ลูกน้องล้วนจากมุมหนึ่ง โผล่ขึ้นมา หงุดหงิดที่เสกสรรค์เข้ามาขัดขวางแผนการ
พิไลพรพยายามมาแย่งตัวหญิงมานศรีออกจากการหน่วงเหนี่ยวของเสกสรรค์
“คุณเสก ปล่อยคุณหญิงเดี๋ยวนี้นะ”
“ผมไม่ปล่อย ทางเดียวที่จะไล่ผมออกไปจากชีวิตของคุณหญิงได้คือ ฆ่าผมให้ตายซะ”
“ทำไมเสกเป็นผู้ชายที่น่ารำคาญได้ขนาดนี้นะ”
“ผมเป็นแบบนี้เพราะคุณหญิงรักง่ายหน่ายเร็ว”
หญิงมานศรีตบหน้าเสกสรรค์อย่างแรง เขาโกรธมากดึงเธอเข้ามาจะกอด หญิงมานศรีตบหน้าเสกสรรค์อีก
“มีสติเสียที!”
“ไม่มี!”
“คนอย่างเสกไม่มีค่าอะไรเลย สมควรแล้ว ถูกแล้วที่หญิงเลิกรักเสกได้ไม่ยากเลย”
เสกสรรค์อึ้ง คอตก
“จบกันแค่นี้จริงๆใช่มั้ย”
“เลิกหลอกตัวเอง แล้วกลับไปอยู่ในที่ๆเหมาะสมกับตัวเสกได้แล้ว”
“ผมไม่กลับ คุณหญิงได้ยินมั้ย ผมไม่กลับ ผมรักคุณหญิง”
เสกสรรค์คุกเข่าลงร้องไห้อย่างสิ้นท่า ต่อหน้าหญิงสาว
“เสก ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“จะให้ผมกราบมั้ย คุณหญิง ผมทำได้นะ ถ้าทำให้คุณหญิงใจอ่อน ยอมกลับมารักผมได้อีกครั้ง”
“จะให้หญิงกลับไปรักผู้ชายที่สิ้นท่า ทำได้แม้กระทั่งกราบขอหัวใจจากผู้หญิง ที่ไม่ได้รักตัวเองแล้วงั้นเหรอ เสกมองหญิงผิดไปนะ”
“บอกผมสิว่าคุณหญิงรักใคร ไม่อย่างนั้น ผมไม่มีทางเชื่อว่าคุณหญิงหมดรักผมแล้ว...บอกผม”
หญิงมานศรีหมดความอดทนที่จะเก็บเอาไว้ และเพื่อให้เสกสรรค์ตัดใจ
“ฉันรักคุณทิว ได้ยินมั้ย ฉันรักเขา ต่อให้เขาจะทำร้ายฉันขนาดไหน ฉันก็รักเขา...ฉันรักเขา ได้ยินหรือยัง”
เสกสรรค์กับพิไลพรก็อึ้ง...หญิงมานศรีได้สติ หลังจากลืมตัว รีบหันหลังจะออกไปจากที่นี่แต่แล้วเธอก็เห็นทิวยืนอึ้งอยู่ โดยมีเข้มยืนอยู่ห่างๆ
ทิวไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่ได้ยิน หญิงมานศรีเองก็ตกใจที่เขามาได้ยินความรู้สึกข้างในที่เก็บไว้มานาน ทิวค่อยๆเดินมาหา เหมือนโลกนี้เหลือแค่เราสองคน เสกสรรค์หัวใจสลาย ค่อยๆเดินจากไป พิไลพรและเข้มมองด้วยหัวใจเต็มตื้น
“มานศรี...”
“ฉัน...พูดเพื่อให้เสกตัดใจจากฉัน”
ทิวชะงัก...พิไลพรกับเข้มอึ้ง หันมามองหน้ากัน เสียดาย หงุดหงิด
“นายมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องจะบอก”
เทพอยู่มุมหนึ่งในคฤหาสถ์ต่อยหน้าต่างทะลุ เปรี้ยงด้วยความแค้น หันไปถามล้วนเสียงเข้ม
“ลูกน้องแก หูไม่ฝาดแน่นะ ว่าคุณหญิงรักไอ้ทิว”
“ครับนาย”
เทพมองเลือดที่ไหลออกจากหมัดของตัวเองอย่างสะใจ
“แล้วแกคิดว่าไอ้ทิวรู้สึกยังไงกับคุณหญิง”
“ไม่ทราบครับ”
เทพกระชากคว้าคอเสื้อล้วนเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยว
“มันก็รักคุณหญิงเหมือนกัน”
ล้วนอึ้ง
“มันสองคนรักกัน...ตั้งแต่ตอนไหน...ทำไมฉัน...ไม่...รู้เลย...”
ล้วนก้มหน้านิ่ง ก่อนจะพูดขึ้น
“สำหรับเรื่องไอ้มิตร...มันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเลยครับ ลูกน้องผมย้อนกลับไปดูที่บ้านไอ้ทิว ก็ไม่มี”
เทพหันหน้ามามองล้วนอย่างช้าๆ
“ล้วน...”
“แกทำพลาดมากี่หนแล้ว”
ล้วนเงียบ
“ทำไม...ตอบฉันซิ...”
ทันใดนั้นเสียงพวงทองดังขึ้น
“เพราะโชคไม่มีวันเข้าข้างคนชั่วได้ทุกครั้ง”
เทพกับล้วนชะงัก หันไป เห็นพวงทองยืนน้ำตาซึมอยู่
“พวงทอง...”
“คุณเป็นคนชั่วและเลวอย่างที่สุด ลุงมิตรยังไม่ตาย คุณรู้ แต่ปกปิดมันเอาไว้ คุณมีส่วนที่ทำให้พ่อแม่ฉันตายใช่มั้ย ฉันไม่น่า...”
พวงทองยั้งไว้...เทพโบกมือให้ล้วนออกไป ล้วนออกไปอย่างเงียบๆ เทพค่อยๆเดินมาหาพวงทอง โอบมากอด
“พวงทอง ร้องไห้ทำไม”
“ร้องไห้ให้กับความโง่ของตัวเอง ที่ไม่เคยฟังสิ่งที่ทิวพยายามจะบอกฉัน ว่าคุณมันเลว”
เทพยังกอดพวงทองอยู่ ยิ้มเย็น
“อะไรกัน ฟังไม่ได้ศัพท์ ก็จับไปกระเดียด แล้วมาปรักปรำฉัน ไม่ยุติธรรมเลยนะ”
“ฉันคงไม่โง่ให้คุณหลอกอีกต่อไปแล้วล่ะ คุณเทพ ธงธรรม”
เทพจับพวงทองมามองหน้า นิ่ง นานด้วยความโกรธ พวงทองมองอย่างไม่เกรงกลัว
หญิงมานศรีเล่าให้ทิวฟัง โดยที่ทั้งคู่ต่างรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ มองหน้ากันไม่ติดนัก
“ฉันสงสัยว่าหลังรูปพ่อคุณในห้องทำงานคุณเทพ อาจจะมีอะไรบางอย่างที่สำคัญซ่อนเอาไว้”
“นึกว่าอะไร...อาจจะเป็นตู้เซฟของมันก็ได้”
“ก็ไม่แน่ และฉันจะต้องรู้ให้ได้”
ทิวรีบแย้ง
“อันตรายเกินไป...เธอควรอยู่ห่างๆไอ้เทพ กลับกรุงเทพไปเลยได้ยิ่งดี”
เข้มที่นั่งฟังอยู่ด้วยถามขึ้น
“นายอยากให้คุณหญิงกลับไปจริงๆเหรอครับ”
ทิวมองเข้มตาเขียว
“ไม่ต้องยุ่ง”
“นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันกลับแน่”
“กลับไปตอนนี้เลย เรื่องของฉัน ฉันจัดการเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งเธอ”
“มาโกรธอะไรฉันอีกนะ นายทิว”
พิไลพรขัดขึ้น
“ก็โกรธที่คุณหญิงปากแข็งบอกว่าไม่ได้รักคุณทิวไงคะ”
หญิงมานศรีหันไปปรามพิไลพร
“พร!”
“นายเข้ม ฉันว่า เราให้สองคนนี่ เคลียร์ใจกันเป็นการส่วนตัวดีกว่า”
พิไลพรกับเข้มจะออกไป หญิงมานศรีรีบบอก
“หญิงไม่มีอะไรต้องเคลียร์”
“แต่ผมมี”
หญิงมานศรีอึ้ง หันมองทิว พิไลพรกับเข้ม ยิ้มๆ พากันออกไป หญิงมานศรียืนนิ่ง ทิวเข้ามามองหน้า หญิงมานศรีหลบตา เธอพยายามที่จะไม่ให้เขาเห็นความรู้สึกที่แท้จริงภายใต้แววตานั้น ในขณะที่ทิวตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่อง
เทพปลอบพวงทองที่มองเขาด้วยสายตาโกรธแค้น
“อย่ามองหน้าฉันอย่างนั้นสิพวงทอง ฉันไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารที่จะทำร้ายพ่อแม่เธอหรือพี่มิตรได้ลงคอ ไม่เชื่อฉันหรือไง”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่โง่”
พวงทองผลักเทพออกไป จะวิ่งหนีไป เทพเข้าไปกระชากผมไว้
“จะไปไหน”
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปบอกทิว ว่าฉันได้ยินอะไรจากปากของคุณบ้าง คุณต้องได้รับผลกรรมที่คุณก่อเอาไว้ ปล่อย”
“เธอนั่นแหละที่ต้องได้รับผลที่เธอไม่เชื่อใจฉัน พวงทอง”
เทพจัดการซ้อมพวงทองจนแน่นิ่งหมดสติไป เขามองอย่างเหี้ยม สะใจ
ทิวและหญิงมานศรีเดินมามุมหนึ่งตามลำพัง...
“อยากจะเคลียร์อะไร ก็พูดมา”
“โกรธอะไรผมอีกเนี่ย พูดดีๆไม่ได้หรือไง”
“ก็นายพูดไม่ดีกับฉันก่อน ไม่ใช่เหรอ ฉันเคยบอกนายแล้วไง ว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
“เหรอ...งั้นมองตาผมสิ”
“ไม่!”
“หรือว่ากลัว”
“ไม่กลัว”
“ก็มองสิ”
ทิวจับใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบาให้หันมามองหน้ากัน หญิงมานศรีอึ้ง ทำตามอย่างว่าง่ายไม่ขัดขืน ยิ่งเห็นสายตาที่อ่อนโยนของเขา หญิงสาวยิ่งหวั่นไหว
“นาย...จะพูดอะไรก็รีบๆพูดมาสิ”
“ผมยังไม่อยากพูดตอนนี้ ผมอยากมองคุณ...มองนานๆ”
“มองทำไม”
“มองให้เห็นความรู้สึกที่แท้จริงของคุณ ว่าจริงๆแล้ว คุณรักหรือไม่รักผมกันแน่”
“ฉันพูดในสิ่งที่ฉันรู้สึกไปหมดแล้ว”
“คุณก็เป็นเหมือนกับผม...ปากอย่างใจอย่าง”
หญิงมานศรีอึ้ง ทิวถามย้ำ
“ใช่มั้ย”
หญิงมานศรีสบตาเขานิ่งนาน
“รู้มั้ย...ว่าผมคิดยังไงกับคุณ”
“ไม่บอก แล้วจะรู้เหรอ”
“ผมว่าคุณรู้”
“จริงเหรอ”
“และตอนนี้ผมคิดว่า ผมรู้แล้ว ว่าจริงๆ คุณรู้สึกยังๆไงกับผม”
ทิวค่อยๆก้มลงไปจุมพิตหญิงสาวอย่างแผ่วเบา หญิงมานศรีรับจุมพิตนั้นอย่างเต็มใจ ทิวถอนปากออกมา
“คุณไม่ได้รักคุณเสกสรรค์ คุณไม่ได้รักไอ้เทพ คุณพยายามช่วยเหลือผม เพราะคุณรักผม”
“ฉันไม่ได้รักนาย...”
หญิงมานศรีขัตติยะมานะ สะบัดตัวออกจากเขา
“มานศรี”
“ขอโทษนะ นายคงลืมไป ว่าฉันเป็นใคร ฉันคือหม่อมราชวงศ์มานศรีโสภาคย์ นายควรจะให้เกียรติฉันบ้าง”
“มันสำคัญมากนักเหรอ หัวโขนของคุณน่ะ”
“มันเป็นสิ่งที่แยกแยะฉันกับผู้หญิงดาษดื่นที่เคยผ่านมือนาย ฉันจำเป็นต้องรักษาเกียรติของฉัน ไม่ให้นายมาทำรุ่มร่ามตามใจ”
หญิงมานศรีเดินหนีไป ทิวเจ็บใจตัวเอง
“ไอ้ทิวเอ๊ย ทำอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้ว...มานศรี ฉันไม่ได้ตั้งใจ...โธ่เว้ย”
หญิงมานศรีค่อยๆเดินเข้ามาในบ้าน ทรุดลงนั่ง เหม่อลอย นึกน้อยใจ เสียใจ
“จะให้ฉันสารภาพออกไปได้ยังไง ว่าฉันรักนาย...ทั้งๆที่นายยังไม่เคยพูดออกมาเลยว่ารู้สึกยังไงกับฉัน นอกจากความเกลียดชัง”
หญิงมานศรีพยายามตัดใจ ตัดความรู้สึก
เช้าวันใหม่...กลิ่นยกสำรับอาการออกมาจาห้องพวงทอง เทพเข้ามา เห็นอาหารยังเต็มสำรับ
“ไม่แตะอาหารเลยเหรอ”
“ค่ะ”
“ไปได้แล้ว”
กลิ่นออกไป เทพจะเข้าไปในห้องพวงทอง ขวัญตาแต่งตัวสวยมาก ยั่วยวนเข้ามา
“คุณเทพขา...วันนี้เป็นวันเกิดขวัญตา จำได้หรือเปล่าเอ่ย”
“จำไม่ได้”
“คุณเทพอ่ะ”
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
เทพเข้าห้องพวงทอง ปิดประตูใส่ ขวัญตาแค้นใจ เดินสะบัดออกไป...เทพเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ยิ้มๆ
พวงทองถูกล่ามโซ่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
“เป็นยังไงบ้างพวงทอง”
“ไม่ต้องกลัว” พวงทองหันไปมองเทพด้วยสายตาแข็งกร้าว “ฉันจะต้องรอดออกไปประจานความชั่วของคุณ” เธอถุยน้ำลายใส่หน้าเขา “ถุย!”
เทพผงะ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำลายอย่างช้าๆ จับพวงทองมาหอมฟอดใหญ่
“สมแล้ว...ที่เป็นเมียฉัน มันต้องอย่างนี้สิ แต่ว่าจะรอดออกไปได้ยังไง ในเมื่อ เธอไม่ยอมกินอะไรเลย”
“ฉันจะไม่กิน ไม่เสพอะไรที่มาจากเงินของคุณอีก”
“ดี งั้น...เตียงนี่ก็เงินฉัน ไม่ต้องนอน”
เทพกระชากพวงทองลงมาจากเตียง จนล้มลงไปบนพื้น พวงทองรู้สึกเจ็บ
“เสื้อผ้านี่ก็เหมือนกัน ไม่ต้องใส่”
เทพเข้ามากระชากเสื้อผ้าของพวงทองออก พวงทองนิ่ง ไม่โต้ตอบ ปล่อยให้เขากระทำทารุณต่อไปด้วยหัวใจแตกสลาย เทพกระชากเสื้อผ้าอย่างโกรธแค้น
เช้าวันใหม่...ผ่องทิพย์นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง น้ำตาไหลรินอย่างช้าๆ พูดกับบุญปลูกอย่างหมดแรง เสียงนิ่งเย็นกว่าที่เคยผ่านมาซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์
“แกดูสิ บุญปลูก ฉันเจ็บเจียนตาย คุณเทพก็ยังไปหาพี่พวง ไม่เคยเหยียบเข้ามาดูดำดูดีฉันเลย”
“อย่าคิดมากเลยค่ะคุณนายขา รักษาตัวให้หายก่อนเถอะค่ะ ทานข้าวต้มก่อนนะคะ จะได้ทานยาหลังอาหาร”
“ฉันไม่กิน”
บุญปลูกหมดแรงจะตื้อ
“แกบอกว่า...พี่พวงไม่ได้ออกมาจากห้องหลายวันแล้ว เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณเทพสั่งห้ามเด็ดขาด นอกจากนังกลิ่นที่ต้องไปส่งข้าวส่งน้ำแล้ว ห้ามไม่ให้ใครไปพบคุณพวง”
“หึ...คงจะไปเย็นชาใส่คุณเทพ จนเขาทนไม่ไหว สั่งขังลืม...ก็ดี...จะได้จัดการคนอื่นได้โดยที่ฉันไม่ต้องรู้สึกผิด ถ้าต้องทำอะไรพี่สาวตัวเอง”
“นี่ยังไม่หายดีเลย จะลุกขึ้นมาทำอะไรอีกเหรอคะ”
ผ่องทิพย์นิ่งๆ
“แกไม่ต้องรู้หรอก”
ผ่องทิพย์หลับตานอนลงช้าๆ จนบุญปลูกแปลกใจในท่าทีของผ่องทิพย์
เทพเดินหงุดหงิดออกมา จะไปทำงาน พิไลพรเดินเข้ามา กล้าๆ กลัวๆ
“คุณเทพคะ ดิฉันมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ”
เทพแปลกใจ
“คุณพิไลพร...มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องคุณหญิงค่ะ”
“ได้สิ เชิญข้างใน”
เทพผายมือให้ พิไลพรเดินนำไป เทพเดินตามมองตามสายตากรุ้มกริ่ม
หญิงมานศรีคุยกับสร้อยเพชรที่หน้าห้องทำงานเทพ
“ขอหญิงไปรอคุณเทพในห้องได้มั้ยคะ”
“แต่ว่า...”
“คุณเทพไม่เคยไม่อนุญาตหญิงนะคะ”
“ก็ได้ค่ะ เชิญค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงมานศรีเดินเข้าไปในห้องทำงานเทพ สร้อยฟ้ามองตามค้อนขวับ
“ชิ...บุญหนักศักดิ์ใหญ่เหลือเกินนะยะ”
สร้อยฟ้าลงนั่งทำงานอย่างไม่พอใจ
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
หญิงมานศรีล็อกประตูห้องทำงานเทพ รีบเดินมาที่รูปของทัด ถอดรูปออกจากผนังแล้ววางลง เธอตื่นเต้นที่เห็นช่องกล่องเล็กๆฝังอยู่ที่ผนัง มีลูกบิดลักษณะเหมือนตู้เซฟ
“แล้วจะเปิดได้ยังไงเนี่ย”
หญิงมานศรีพยายามคิด กลุ้มใจ ทันใดนั้นเสียงลูกบิดประตูห้องทำงานเทพดังขึ้นเพราะมีคนมาขยับเปิด หญิงมานศรีรีบเอารูปของทัดขึ้นแขวนเหมือนเดิม จะวิ่งไปที่ประตู แต่วิ่งกลับมาใหม่ เพราะรูปเบี้ยว มาขยับให้เข้าที่ แล้ววิ่งไปเปิดประตู เห็นสร้อยเพชรยืนอยู่
“ล็อกประตูห้องทำไมคะ”
“ขอโทษ มันเคยชิน คิดว่าห้องตัวเองค่ะ”
“อย่าลืมบ่อยแล้วกันนะคะ เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ ลืมแบบนี้ ไม่ค่อยงามนัก”
“มีอะไรคะ”
“เสิร์ฟกาแฟค่ะ”
สร้อยเพชรเดินหน้าบูดๆ เอาถ้วยกาแฟมาวางบนโต๊ะให้หญิงมานศรี
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ป่านนี้ คุณเทพยังไม่มา ฉันจะไปทำงานสาย ขอตัวค่ะ”
หญิงมานศรีรีบเดินออกไป สร้อยเพชรมองตามงงๆ
“อะไรของเขานะ”
สร้อยเพชรมองไปรอบๆห้องเทพ ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
พิไลพรนั่งดื่มน้ำไปเรื่อยๆ เทพมองหน้าจับพิรุธได้ แต่ยิ้มกลบเกลื่อน
“มาปรึกษาเพราะไม่สบายใจที่เห็นคุณหญิงกับผมมีเรื่องผิดใจกัน แค่นี้เหรอครับ”
“ค่ะ คุณเทพอย่างโกรธคุณหญิงเลยนะคะ คุณเทพน่าจะเข้าใจ ว่าคุณหญิงเป็นยังไง”
“ผมเข้าใจดี...ว่าคุณหญิงเป็นคนสูงศักดิ์ ที่ผมไม่ควรไปทำอะไรรุ่มร่ามแบบนั้น ถ้าผมมีเวลา...ผมจะไปขอโทษเธอด้วยตัวเอง”
พิไลพรแอบค้อนเทพ...เทพมองสายตากรุ้มกริ่ม
“ทานข้าวกลางวันด้วยกันมั้ยครับ”
ขวัญตาเดินเข้ามา
“คุณเทพมีนัดทานกลางวันกับขวัญตาแล้วนะคะ”
เทพหันมองขวัญตาอย่างไม่พอใจ
“เหรอคะ งั้นดิฉันไม่รบกวนนะคะ ลาล่ะค่ะ สามีภรรยาจะได้สวีทหวานกัน นะคะ สวัสดีค่ะ”
พิไลพรรีบลาเทพ เดินออกไป ขวัญตามองตามพิไลพรเหมือนหมาหวงก้าง หันมามองเทพ วีนๆ เทพเดินหนี เซ็ง ขวัญตาเดินตาม
เทพเดินหนีมา ขวัญตาตามราวี
“คุณขับไล่ไสส่งฉัน แต่พอคุณไม่ได้ตัวนังคุณหญิง ก็หาชิ้นใหม่ ฉันไม่ยอมให้ใครมาแชร์ส่วนแบ่งของฉันหรอก”
เทพมองขวัญตาอย่างเจ็บปวด
“ชัดเจนขนาดนี้เลยเหรอ ว่าเธอหวังสมบัติของฉัน”
“ใช่ เพราะคุณไม่มีความรักให้ฉันนี่ และฉันจะไม่ยอมเดินจากไปมือเปล่าแน่”
เทพขย้ำคอ
“กล้าไม่เบาที่ต่อรองกับฉัน”
“ด้านได้อายอด”
“งั้นก่อนจะได้...ลงทุนทำอะไรให้ฉันสักอย่างสิ ไม่แน่นะ ถ้าเธอทำได้ ฉันอาจจะไม่อยากได้ใครมาอีกเลยก็ได้ นอกจากเธอ”
“ฉันไม่อยากได้คุณ ฉันอยากได้เงิน”
เทพโกรธมากบีบคอขวัญตาอย่างแรง
“ถ้าฉันตายตอนนี้ ก็จะไม่มีใครทำงานให้คุณนะ อย่าลืมสิ”
เทพหัวเราะอย่างสะใจ
“ฮ่ะๆๆๆๆๆ”
เทพกอดคอขวัญตาเข้ามาจูบอย่างสาแก่ใจ
“ชื่นใจฉันจริงๆ เมียแต่ละคน...ขวัญตาจ๋า...ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าระหว่างเธอกับไอ้ทิว ถ้าจะกระพือให้ถ่านไฟเก่าคุขึ้นมาอีกครั้ง...จะได้มั้ย”
“ทำไม”
“หรือว่าเธออยากเห็นวัวที่เคยค้าม้าที่เคยขี่ ต้องถูกผู้หญิงคนอื่นขี่ซะแทน”
“หึ...ไม่เห็นจะยาก...จะทำให้ดู...ห้าสิบล้าน เงินสด”
“ก็ได้...จัดให้ตามใจเลยจ๊ะทูนหัว...แต่ก่อนไป ขอฉันกระพือไฟรักของเราให้หนำใจก่อนแล้วกัน”
เทพโถมใส่ขวัญตาลงพื้น นัวเนีย ฟัดเหวี่ยงอย่างเมามัน
ลุงมิตรนั่งเหม่อ ทิวพยายามจะซักถามลุงมิตร เข้มยืนอยู่ใกล้ๆ วิวัฒน์มีอาการลุกลี้ลุกลน
“ลุงมิตรครับ วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมลุงถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้”
“ลุงถูกทำร้าย”
ลุงมิตรจับใบหน้าตัวเอง ทิวถามย้ำ
“ใครทำลุง”
ลุงมิตรคิดๆ
“ใคร...”
“ลุงจำได้มั้ย”
“ไม่...รู้...ลุง จำไม่ได้ ลุงมองไม่เห็น”
“พยายามนึกหน่อยสิครับลุง”
ลุงมิตรเริ่มมีอาการปวดหัว เข้มรีบบอก
“นาย พอก่อนเถอะครับ ลุงแกปวดหัวแล้ว”
“ลุง...ผมขอโทษ ลุงนอนพักเถอะ”
เข้มหันไปเห็นวิวัฒน์เหม่อๆ
“ไอ้วัฒน์ เหม่อคิดถึงใครอยู่วะ พาลุงไปพัก”
“จ๊ะพี่”
วิวัฒน์รีบประคองลุงมิตรไป ทิวถอนใจ
“ความจำของลุงยังกลับมาไม่หมด ฉันจะโทรหาหมอธี ไอ้เข้ม ล็อกบ้านเลย ทิวลุกเดินไป เข้มยังมองตามวิวัฒน์ที่ช่วยดูแลลุงมิตรด้วยความสงสัย ก่อนจะตามทิวไป
หญิงมานศรีเดินมานั่งพักกับคนงาน แต่ในใจคิดถึงเซฟหลังรูปของทัด
“เราจะเปิดได้ยังไง หรือจะเป็นเซฟของคุณเทพจริงๆ”
ขวัญตาก้าวเข้ามาตรงหน้า หญิงมานศรีมองขึ้นไป ขวัญตายืนมองเย้ยอยู่
“อุ๊ยตาย หงส์ตกอับ กลายเป็นสาวไร่อ้อย อยู่นี่เอง”
หญิงมานศรีไม่สนใจ ลุกขึ้น เดินเลี่ยง ขวัญตาเข้าไปดักเอาไว้
“เห็นพี่ทิวป่ะ”
“ไม่เห็น”
“งั้นคงอยู่ที่บ้าน บ้านพี่ทิวเนี่ยจะว่าไปแล้ว น่าอยู่เนอะ”
“ไม่ทราบ”
“เคยไปนอนเป็นลมอยู่ ไม่ใช่เหรอ”
“จำไม่ได้”
“ก็ดี...แต่ฉันคงลืมไม่ลง ไปนะ คุณหญิงไร่อ้อย”
ขวัญตาหัวเราะสะใจออกไป หญิงมานศรีขุ่นเคืองอารมณ์
“อยากจะจำก็จำไปสิ”
ขวัญตาเดินมาดูที่หน้าบ้านเห็นล็อกกุญแจ
“ไม่อยู่นี่...ไปไหนของเขาล่ะเนี่ย”
วิวัฒน์มองจากซอกผนังบ้าน เห็นขวัญตาหงุดหงิดออกไป วิวัฒน์ผละจากการแอบดูขวัญตา เหงื่อแตกพลั่ก คิดถึงโหยหา
“คุณขวัญตา...ไม่...ไปเจอไม่ได้ ไม่”
วิวัฒน์นั่งเก็บตัว แต่ในใจคิดถึงขวัญตา พยายามสะกดใจ
หญิงมานศรีกำลังกินข้าวกลางวันกับคนงาน จู่ๆทิวก็ลงนั่งข้างๆกินข้าวด้วย หญิงมานศรีหันหนี งอน โดยที่ไม่รู้ตัว
“เป็นไรเนี่ย”
“เป็นคนงาน”
“โห...เกือบสำลักข้าวแน่ะ”
“ไปนั่งกินที่อื่นเลยไป”
“ที่กินเข้าไปน่ะข้าว หรือรังแตน ทำให้อารมณ์เสียได้ขนาดนี้”
“ใช่สิ ใครจะอารมณ์ดีเหมือนนายล่ะ ไง...เจอหน้ากันแล้วเป็นไง อารมณ์ดีเลยล่ะสิ”
“เจอหน้าใคร”
“ก็ใครล่ะที่อยากเจอนาย”
“เธอไง”
หญิงมานศรีหน้าแดง
“บ้า!”
หญิงมานศรีลุกหนี ทิวอายตัวเอง
“พูดไปได้ไงวะเนี่ย”
เข้มเข้ามากระซิบทิว
“มุกจีบหญิงนาย สุดยอดเลยอ่ะ”
“บ้า!”
ทิวลุกหนีบ้าง เข้มกับคนงานพากันขำๆ เอ็นดูนายทิว
ขวัญตาเดินมานั่งเซ็งๆอยู่มุมหนึ่งใกล้บ้านทิว ทันใดนั้น วิวัฒน์ก็เข้ามากอดจากทางด้านหลัง ขวัญตาตกใจ
“ว้าย!”
ขวัญตาจะร้อง วิวัฒน์ปิดปากขวัญตา
“อย่าร้องครับ ผมเอง ผัวคุณไง...”
ขวัญตาตาเบิกโพรง ตกใจ ขยะแขยง พยายามจะดิ้น
“ผมคิดถึงคุณมากเลยรู้มั้ย มันทรมานเหลือเกินที่ต้องอยู่ห่างคุณ คุณขวัญตา”
วิวัฒน์ใช้แรงขืนใจขวัญตาทันที ขวัญตาพยายามดิ้น ร้อง แต่ไม่มีเสียง
หญิงมานศรีเข้ามาจะตัดอ้อยต่อ ทิวเข้ามาแย่งมีด หญิงมานศรีชักมือกลับ
“ทำอะไร”
“คุยให้รู้เรื่องก่อน ว่าเธอไปอารมณ์เสียเรื่องอะไรมาก”
“เปล่า เอาคืนมา ฉันจะทำงาน”
“ไม่ให้ตัดอ้อยแล้ว จะให้ไปทำอย่างอื่น”
“ทำอะไร”
“เป็นเลขาส่วนตัวของฉัน”
“อะไรนะ!”
“เลขาส่วนตัว หูหนวกหรือไง”
“ไม่ได้หนวก แต่...”
“แต่อะไร”
“ไม่อยากทำ”
“รังเกียจเหรอ”
“ฉันไม่ได้รังเกียจ แต่...”
ทิวตะคอก
“แต่อะไร”
“ก็เพราะนายเป็นแบบนี้ไง ถึงได้ไม่อยากเป็น อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ประสาท”
หญิงมานศรีเดินหนี ทิวเซ็งๆ
เทพหน้าเครียด คุยกับสร้อยเพชร
“คุณหญิงเข้ามาที่นี่เหรอ”
“ค่ะ ดูแปลกๆพิกล บอกจะรอ แต่ก็ไม่รอ รีบกลับไปซะงั้นตอนที่ดิฉันเอากาแฟมาให้ อ้อ...ดันลืมล็อกประตูห้องด้วยค่ะ”
“พอแล้ว ออกไป”
“ค่ะ”
สร้อยเพชรจ๋อยๆออกไป เทพหน้าเครียด
“คุณหญิง...ชักจะจุ้นจ้านเกินไปแล้ว”
เทพมองสำรวจไปทั่วห้องพยายามหาสิ่งผิดปกติ สังเกตที่รูปของทัด ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะ เทพเห็นเบอร์ ยิ้มกริ่ม รับสาย
“กำลังจะโทรหาหม่อมพอดีเลยครับ เราคงต้องรีบดำเนินการตามข้อตกลงของเรา ให้เร็วกว่ากำหนดแล้วล่ะครับ”
เทพยิ้มเหี้ยมออกมา
หญิงมานศรีเดินหนีมาที่มุมหนึ่ง ทิวขี้เกียจเดินตาม จึงโพล่งออกมา
“สุดท้ายเลยนะ แล้วจะไม่พูดอีก...อยู่ใกล้ฉัน เธอจะปลอดภัยจากไอ้เทพ”
หญิงมานศรีชะงัก คิดตามคำพูดชองเขา
“หรือว่าอยากโดน”
หญิงมานศรีรีบเดินกลับมาหาทิว
“เริ่มงานเมื่อไหร่”
ทิวยิ้มพอใจ
“เดี๋ยวนี้”
หญิงมานศรีมองหน้าทิวอย่างจับผิด
“หวังว่าคงไม่คิดแกล้งฉัน”
“โอ๊ย...ไม่ใช่แค่คิดหรอกจะลงมือทำ เธอต้องโดนอีก...เพียบ”
“นายทิว!”
“โอเคๆ...ฉันล้อเล่น เธออยากช่วยฉันเปิดเผยความจริง กระชากหน้ากากไอ้เทพจริงๆเหรอ...รู้มั้ยว่ามันอันตรายแค่ไหน”
“ฉันไม่กลัว”
ทิวยิ้มหัวใจพองโต เมื่อเห็นหญิงสาวจริงจัง
ริมลำธาร...ขวัญตากลัดกระดุมเม็ดสุดท้าย ดวงตาเหม่อลอย น้ำตารินอย่างเงียบๆ วิวัฒน์ค่อยๆคลานเข้ามาหา กอดปลอบ
“อย่าร้องไห้เลยครับ ผมทำไปเพราะผมรักคุณ รักจริงๆ”
ขวัญตาหันไปข่วนหน้าวิวัฒน์ แล้วตบ ตบ ตี ตบ ตี ไม่ยั้งด้วยความโกรธแค้น โดยที่วิวัฒน์ไม่ได้โต้ตอบ ปล่อยให้เธอทำตามใจ
ทิวยืนดูลุงมิตรที่นอนหลับอยู่ในบ้าน เข้มวิ่งมาหาหลังจากที่ไปตามหาวิวัฒน์มาแล้วรอบๆ แต่ไม่เจอ
“ไม่รู้ไอ้วัฒน์มันออกไปไหนครับนาย”
ทิวหน้าเครียด
“แกสังเกตเห็นมันมีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ นอกจาก...มันดูลุกลี้ลุกลน เหมือน...อยากไปหา...”
เข้มอึ้งไป ทิวนึกออก
“ขวัญตา...”
ขวัญตายังตีวิวัฒน์ไม่ยั้งอย่างโกรธแค้น แล้วเธอก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ผะอืดผะอมหยุดตี วิวัฒน์เป็นห่วงเป็นใย
“คุณขวัญตา...เป็นอะไรไปครับ”
“เพราะฉันขยะแขยงแกจนจะอ๊วกไง ไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
ขวัญตาผลักวิวัฒน์ออกไป ผะอืดผะอมหนักขึ้น วิ่งหนีไปทันที
“คุณขวัญตา”
วิวัฒน์รีบเอาเสื้อมาใส่จะตามขวัญตาไป ทิวและเข้ม ก้าวเข้ามา
“ไอ้วัฒน์!”
วิวัฒน์ตกใจ หน้าซีด
“นาย!”
วิวัฒน์ค่อยๆยกมือขอขมาทิว
“ผมขอโทษที่โกหกนาย”
“โกหกทำไม”
“ตอนแรก ผมไม่อยากให้ใครรู้ เพราะคิดว่า เมื่อคุณขวัญตาไม่ต้องการผม และผมไปอยู่ที่อื่น...มันก็คงจบ แต่เมื่อผมกลับมาที่นี่อีก...ผมอดใจไว้ไม่ไหว”
“แกบอกความจริงฉันมา...ว่าแกข่มขืนขวัญตาหรือเปล่า”
“ครับ...”
ทิวต่อยเปรี้ยง! วิวัฒน์ล้มไปกอง เลือดกบปาก เข้มเข้าห้าม
“นาย ใจเย็น!”
“ลูกผู้ชายเขาไม่บังคับขืนใจผู้หญิงที่ไม่ได้เต็มใจหรอกโว้ย ฉันเคยคิดว่าแกเป็นคนดี แต่แกมัน...”
วิวัฒน์รีบมากราบเท้าทิว
“ผมเสียใจจริงๆครับ แต่ผมรักคุณขวัญตา ตอนแรกคุณขวัญตาเต็มใจเป็นเมียผมนะนาย...แต่พอรุ่งเช้า คุณขวัญตาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ผมตัดใจจากเธอไม่ได้ ผมรักเธอ...เธอเป็นเมียผมนะนาย เธอเป็นเมียผม”
วิวัฒน์ร้องไห้อย่างเสียใจ ทิวโมโห
“ไอ้โง่...ไปรักผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง เขาไปไม่เคยรักใคร นอกจากตัวเอง ไอ้โง่”
ทิวจะเข้าไปซ้ำวิวัฒน์ เข้มเข้ามาขวางไว้
“นาย อย่าทำมันเลย เข้มขอนะนาย”
วิวัฒน์ร้องไห้อย่างหมดท่า ทิวทั้งโกรธ ทั้งเห็นใจและสมเพช
“แกกำลังเล่นกับไฟนรก ทำไมไม่รู้จักหักห้ามใจ”
“ผมขอโทษ...ผมทำไม่ได้จริงๆ”
“ถ้าไอ้เทพมันรู้ มันไม่เอาแกไว้แน่ ไอ้วัฒน์”
ทิวหันไปเตะของกระจายเกลื่อนด้วยความโมโห
เทพเดินมามุมหนึ่งของคฤหาสน์ ล้วนตามรายงาน
“ไอ้ทิวมันให้คุณหญิงไปเป็นเลขาของมันที่โรงงานครับนายใหญ่ คนงานพูดกันใหญ่ ว่าอาจจะมีงานฉลองของนายทิวเร็วๆนี้กับคุณหญิง”
เทพยกมือห้ามล้วน ไม่ให้พูดต่อ เขาเก็บความเจ็บแค้นเอาไว้ ขวัญตาวิ่งเข้ามา ในสภาพไม่ค่อยเรียบร้อย และมีอาการหน้าซีด เวียนหัว พอเห็นเทพ เธอก็ตกใจ
“ไปทำอะไรมา”
ขวัญตาอึกอัก
“เอ่อ...”
เทพเข้าไปขย้ำคอขวัญตา ระบายความรู้สึกตัวเองด้วย
“ฉันถามว่าไปทำอะไรมา”
ขวัญตาเจ็บ
“โอ๊ย!”
“จัดการเรื่องที่ให้ไปทำถึงไหนแล้ว ถ่านไฟเก่าของเธอกับไอ้ทิว เมื่อไหร่จะคุ”
“ขวัญตายังไม่เจอพี่ทิว”
“เป็นอะไร หน้าซีด”
“รู้สึก ไม่ค่อยสบายค่ะ”
เทพปล่อยมือที่ขย้ำคอขวัญตา โอบตัวเธอเข้ามากอด
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ไปนอนพักเถอะไป”
ขวัญตาไม่อยากจะเชื่อ
“คุณเป็นห่วงขวัญตาจริงๆเหรอคะ”
“เป็นห่วงสิ...ห่วงว่าเธอจะทำงานให้ฉันไม่คุ้มเงิน...”
ขวัญอึ้งไป เทพหันไปหาล้วน
“ไป ล้วน”
“ครับนาย”
เทพออกไปกับล้วนอย่างเย็นชา ขวัญตามองตามอย่างเกลียดชัง ก่อนจะรู้สึกผะอืดผะอมอีก เธอรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที...
ขวัญตาวิ่งเข้ามา ทนไม่ไหว วิ่งเข้าห้องน้ำ เข้าไปอ๊วก บุญปลูกมาแอบดูหน้าห้องน้ำ เห็นขวัญตาโก่งคออ๊วก โอ๊กอ๊าก บุญปลูกมองอย่างสอดรู้สอดเห็นมาก
ผ่องทิพย์นอนพักผ่อนอยู่ บุญปลูกมารายงานเรื่องขวัญตา
“คลื่นไส้ อาเจียน เหรอ”
“ค่ะ เห็นมากับตา ได้ยินมากับหูเลยนะคะ มันกอดชักโครกอ๊วก อ๊วก อ๊วก โก่งคออ๊วก ยังกะไก่ขันตอนเช้าๆ”
ผ่องทิพย์ยกมือห้าม
“พอ!”
“ค่ะ”
“มันเป็นอะไรของมัน”
ผ่องทิพย์ครุ่นคิดด้วยความสงสัย
“อาการแบบนี้เหมือนคนแพ้ท้องเลยนะคะ คุณนาย”
ผ่องทิพย์ครุ่นคิด นึกไม่พอใจ และร้อนใจ
ขวัญตาวักน้ำบ้วนปาก มองตัวเองในกระจกหมดแรง ร้องไห้ออกมา เธอไม่คิดว่าตัวเองจะท้องแต่คงเป็นเพราะเธอเครียดมาก
“ฉันเกลียดแก ไอ้หมาวัด ไอ้หมาขี้เรื้อน...ฮือๆๆ”
ขวัญตานั่งร้องไห้อย่างทรมาน ขยะแขยงตัวเองที่เพิ่งไปเกลือกกลั้วกับวิวัฒน์
ผ่องทิพย์ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โวยลั่น
“มันจะท้องไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ คนนะคะ ไม่ใช่อิฐไม่ใช่ปูน”
ผ่องทิพย์หันมองบุญปลูก กราดเกรี้ยว
“อีโง่! แค่นี้ หัวฉันยังเน่าไม่พอใช่มั้ย”
“อ๋อ...เข้าใจแล้วค่ะ แต่คุณนายอย่าเพิ่งเครียดไปเลยนะคะ นังขวัญตาอาจจะแค่อาหารเป็นพิษเลยอ้วกแตกก็ได้”
“แล้วมาพูดให้คิดมากทำไม ไสหัวออกไปเลย”
บุญปลูกรีบคลานหนีออกไปทันที ผ่องทิพย์ครุ่นคิดเครียดหาทางกำจัดขวัญตา
โปรดติดตามตอนต่อไป